ตอนที่ 2 :เด็กเพี้ยน“ผมกับแม่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องแล้ว ใครอยากทำอะไรก็เชิญครับ” ผมชะงักฝีเท้าเมื่อได้ยินเสียงหงุดหงิดดังมาจากร่างสูงที่ยืนหันหลังให้ สีหน้าที่พอมองเห็นได้จากด้านข้างบอกว่าเจ้าตัวกำลังโกรธจัด
“ไม่เข้าไปเหรอวะ” นะโมตบมือลงบนบ่าผม เป็นจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายหันมามอง ดวงตาเย็นชาของพี่โชมองตรงมา ผมกับนะโมรีบส่งยิ้มทักทายแต่ร่างสูงกลับหมุนตัวเดินเข้าไปในอาคารโดยไม่ทักทายตอบ เหมือนคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
“มึงแน่ใจเหรอวะว่าชอบคนนี้ กูว่าไม่ไหวมั้ง” นะโมบ่นอุบเมื่อเจอเข้ากับท่าทางห่างเหินของอีกฝ่าย ผมมองตามแผ่นหลังกว้างโดยไม่ได้ตอบคำถามของเพื่อน
“ไอ้ลีฟังกูอยู่หรือเปล่า”
ผมเบือนหน้ากลับมามองนะโม คิ้วขมวดเข้าหากัน “มึงว่าคนเราต้องเจอมาขนาดไหนวะถึงกลายเป็นคนเย็นชาได้ขนาดนี้”
“พูดอะไรของมึง” นะโมนิ่วหน้ามองผม “เย็นชาก็คือเย็นชา คนหยิ่งมันก็หยิ่งอยู่วันยังค่ำหรือเปล่าวะ พวกไม่เอาใคร”
“ช่างเถอะกูถามไปงั้นเอง เข้าไปดีกว่า”
“แต่กูว่ามึงเปลี่ยนใจดีกว่ามั้ง นอกจากมึงจะไม่สมหวังแล้วบอกตรงๆ ว่ากูชักไม่อยากให้มึงยุ่งกับคนแบบพี่โชว่ะ”
“แต่กูว่าบางที..” ผมหยุดพูดสายตามองตรงไปข้างหน้า
“บางทีอะไรวะ”
“บางทีควรมีใครสักคนกล้าพอที่จะเข้าไป” ผมยิ้มให้เพื่อน นะโมทำเสียงหึในลำคอแต่ไม่ซักถามผมต่อ เพราะเคยชินกับการพูดจาประหลาดไม่มีที่มาที่ไปของผมแล้ว
• • • • • • • •
“โทษทีกูรีบจนหัวฟูแล้วเนี่ย” จอมขวัญเดินขึ้นมาบนอัฒจันทร์ ทิ้งตัวลงนั่งข้างนะโน ในมือมีกล้องเอสแอลอาร์ตัวใหญ่
“ไม่ใช่ว่าหัวมึงฟูอยู่แล้วเหรอ” นะโมมองผมฟูของจอมขวัญเลยได้ค้อนกลับมาวงใหญ่
“ใกล้เลิกหรือยังวะ”
“กูไม่ใช่นักกีฬา ไม่ใช่โค้ช กูไม่รู้”
“ขอบใจมากนะโม มึงตอบได้มีประโยชน์กับกูมาก” จอมขวัญยกกล้องขึ้น เริ่มถ่ายเพื่อไม่ให้เสียเวลา
“ไม่เป็นไร กูยินดี”
ผมหัวเราะขำ ถ้าวันไหนไม่ได้ปะทะฝีปากกันวันนั้นโลกคงถล่ม หรือไม่ก็คนใดคนหนึ่งป่วย
“แล้วมึงเป็นไงบ้างวะวันนี้ทำไปได้กี่คะแนน” จอมขวัญถามผมโดยไม่ได้ลดกล้องลง
“หึๆ”
“ทำไมมึงหัวเราะแปลกๆ” ความสงสัยทำให้หญิงเดียวในกลุ่มยอมละสายตาจากกล้องหันไปมองมะโน
“มึงก็ถามมันเอาเอง” นะโมบุ้ยใบ้มาทางผมแทน
“ไอ้นี่! จุดประเด็นแล้วเสือกไม่ยอมเล่า มีอะไรวะลี”
“มึงเป็นผู้หญิงเมื่อไหร่จะพูดเพราะๆ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ มองเพื่อนด้วยสายตาเอ็นดู จอมขวัญเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ไม่ชอบแต่งหน้า เอกลักษณ์ของจอมขวัญคือผมที่ฟูยุ่งไม่เป็นทรงแต่เจ้าตัวก็ไม่คิดจะทำอะไรกับมัน
“อย่าเพิ่งยุ่งกับปากกูตอบมาก่อน อยากรู้”
“มึงเสือกก็บอกไป” นะโมช่วยสรุปให้เพื่อน
“อย่างกับมึงไม่เสือก”
“ทะเลาะกันเสร็จเมื่อไหร่บอกกูนะกูจะได้เล่า” ผมแซวขำๆ ออกไปทางชอบให้เพื่อนเถียงกันเพราะมันน่ารักดี
“เพราะมึงเลย” จอมขวัญตวัดตาค้อนนะโม ก่อนลดกล้องลงมาวางบนตัก หันมาจ้องหน้าผมจริงจัง “ตกลงมีอะไรวะ”
“ก็ไม่มีอะไร แค่ตอนมาถึงพี่โชไม่ยิ้มตอบพวกกูเท่านั้นเอง”
“มึงอย่าบิดเบือด ไม่ใช่แค่ไม่ยิ้มตอบไม่เห็นหัวพวกกูเลยมากกว่า กูหรือยิ้มทักอย่างดี ตีหน้าหงิกใส่กูแล้วเดินหนีไปเฉยเลยทำอย่างกับคนไม่เคยรู้จักกัน” นะโมบ่นชุดใหญ่
“เฮ้อ เสียดายความหล่อว่ะ แต่ก็นะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร กูเคยได้ยินมาบ้างว่าพี่โชไม่เอาใครเลยนอกจากเพื่อนสนิท”
“แต่กูว่าอาจเป็นเพราพี่โชกำลังมีปัญหาอยู่ก็ได้” ผมตัดสินใจพูดเมื่อเห็นว่าเพื่อนทั้งสองคนเริ่มคิดไปไกล
“ปัญหาอะไรวะ”
“ตอนที่มึงยังเดินมาไม่ถึง กูได้ยินพี่โชคุยโทรศัพท์เหมือนทะเลาะกับใครอยู่”
“อ้าวแล้วมึงก็ไม่เล่า กูไม่รู้นี่หว่า”
“ตอนแรกกูก็ว่าจะไม่เล่าเพราะมันไม่ใช่เรื่องของกู แต่เปลี่ยนใจพูดถึงนิดหนึ่งแล้วกันไม่อยากให้พวกมึงเข้าใจพี่โชผิด”
“ปกป้องนะยะ” จอมขวัญแซวผม
“บอกแบบนี้กูก็พอเข้าใจแต่กูว่าก็ยังเย็นชาอยู่ดี” นะโมยังยืนยันคำเดิม ผมเพียงแค่ยิ้มไม่ได้เห็นด้วยหรือปฏิเสธ
“แต่กูว่านะยิ่งเย็นชายิ่งเข้าถึงยากก็ยิ่งน่าสนใจ ไม่อย่างนั้นจะขึ้นเป็นอันดับต้นๆ ชายหนุ่มที่สาวๆ อยากเป็นแฟนด้วยเหรอ” จอมขวัญหันกลับไปทางเดิม ยกกล้องขึ้นถ่ายอีกครั้ง
ผมหันไปมองบ้าง พี่โชเพิ่งขึ้นมาจากสระ ใบหน้าเรียบเฉยราวกับไร้ความรู้สึก แต่ดวงตาคู่นั้นบอกอีกอย่าง ผมได้แต่สงสัยว่าปลายสายคือใครกัน ถึงทำให้คนๆ หนึ่งดูเจ็บปวดได้ถึงขนาดนี้
• • • • • • • •
"ไง มาด้วยเหรอเรา" เสียงทักทายอย่างเป็นกันเองดังขึ้น พี่เดียวเดินมาทักพวกผมหลังแข่งเสร็จ
"ครับ วันไหนว่างก็อยากมา" ผมปูพรมเผื่อคำถามในอนาคตด้วยเลย
"มึงๆ" เสียงกระซิบดังเบาๆ พร้อมการสะกิดที่แขน ผมหันไปมองหน้าจอมขวัญ "แนะนำกูด้วยดิ"
"อ๋อ ได้ๆ" ผมเกือบลืมว่าพี่ๆ ยังไม่รู้จักจอมขวัญ "พี่เดียวครับนี่เพื่อนผมชื่อจอมขวัญ หรือจะเรียกเจ้าหัวยุ่งก็ได้ครับ"
ไอ้ลี~" เสียงประท้วงดังทันที พี่เดียวหัวเราะขำพวกผม
"หัวเราะอะไรวะ" พี่นอร์ทตามเข้ามาสมทบ ผมมองไปทางด้านหลังพี่นอร์ท มีอีกคนเดินตามมาเงียบๆ
"หัวเราะชื่อกลุ่มนี้น่ารักดี พวกมึงรู้จักหนูมาลีกับนะโมตัสสะแล้วใช่ไหม คราวนี้เชิญพบกับเจ้าหัวยุ่ง" พี่เดียวผายมือไปทางจอมขวัญ
"หะ! ชื่ออะไรนะ" พี่นอร์ทถึงกับต้องขอทวนชื่ออีกครั้ง
"พี่ค้า~" จอมขวัญเรียกพี่เดียวเสียงหลง ยิ่งเรียกเสียงหัวเราะจากอีกฝ่าย
"หนูชื่อจอมขวัญค่ะ ชื่อจริงชื่อเล่นเหมือนกัน หรือพวกพี่จะเรียกแค่ขวัญก็ได้ ส่วนเจ้าหัวยุ่งอันนั้นเพื่อนชอบเรียกค่ะ" จอมขวัญยกมือลูบผมตัวเองแก้เขิน
"ผมแบบนี้น่ารักดีออก"
"ฮืออ พี่เดียวน่ารักที่สุด" จอมขวัญปลื้มอกปลื้มใจที่รุ่นพี่ชม ความจริงพวกผมก็คิดแบบนั้น ผมของจอมขวัญหยิกก็จริงแต่เส้นเล็กนุ่มมือ เหมือนผมของเด็กฝรั่ง ผมเองก็ชอบลูบผมเพื่อนเล่นบ่อยๆ
"รู้จักพวกพี่ใช่ไหมจะได้ไม่ต้องแนะนำ"
"รู้ค่า"
"วันหลังเจอกันก็ทักทายพวกพี่ได้นะ"
"ได้เลยค่ะไม่พลาดแน่นอน"
"งั้นพวกพี่ไปก่อน ไว้ค่อยเจอกันใหม่" พี่เดียวเอ่ยขอตัว ผมพยักหน้ารับ กวาดยิ้มส่งให้ทุกคน
"แล้วเจอกันครับพี่"
"ก็ชวนไปกินข้าวด้วยสิ" เสียงขรึมดังขึ้น ไม่ใช่แค่พวกผมที่แปลกใจ แม้แต่พี่นอร์ทกับพี่เดียวยังหันไปมองหน้าพี่โช
“ก็ดีนะ ไปด้วยกันไหม” พี่นอร์ทหันมายิ้มให้พวกผม หลังจากมองเพื่อนจนแน่ใจ
“ไปค่ะ” จอมขวัญตอบรับอย่างรวดเร็ว
“โอเค งั้นก็ไปกันเลย เย็นกว่านี้รถจะติด” พี่เดียวยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา
“ฝากน้องสองคนไปกับมึงด้วย กูมีเรื่องอยากคุยกับลี”
เป็นอีกครั้งที่ทุกคนชะงัก พี่เดียวเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่างแต่สุดท้ายก็พยักหน้า หันไปชวนเพื่อนผมให้เดินตามไป นะโมกับจอมขวัญไม่ทักท้วง ผมเดาว่าคงอยากเปิดทางให้ผม
ผมเดินตามพี่โชไปเงียบๆ จนถึงรถ อีกฝ่ายไม่พูดอะไรจนกระทั่งขับรถพ้นรั้วของมหา’ลัย เสียงขรึมจึงดังขึ้น
“เราได้ยินแค่ไหน”
ผมลอบสังเกตสีหน้าของพี่โช รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายหมายถึงเรื่องไหน
“ผมได้ยินแค่พอรู้ว่าพี่โชมีเรื่องไม่สบายใจอยู่ครับแต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร” ผมตอบไปตามตรงโดยไม่ปิดบัง
“เราตั้งใจยืนฟังหรือเปล่า”
ผมนิ่งไปครู่หนึ่งเพื่อหาคำตอบ “ไม่รู้ครับ”
“ไม่รู้!” พี่โชหันมามองหน้าครับ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ดูแปลกใจกับคำตอบของผม
“ใช่ครับ” ผมพยักหน้ายืนยัน “ก็ตอนนั้นผมเพิ่งเดินไปถึง พี่โชก็หันมาพอดี ผมเลยไม่รู้ว่าถ้าพี่โชไม่เห็นผมจะยืนฟังต่อไหมหรือมีมารยาทพอจะเดินหนี ของอย่างนี้มันตอบไม่ได้จริงๆ ผมเป็นคนมีมารยาทนะครับแต่ความเสือกเอ๊ยความอยากรู้ก็พอมี”
“หึๆ” ผมได้ยินเสียงหัวเราะหลุดออกมาเบาๆ รอยยิ้มของผมจึงกว้างขึ้น ไม่รู้ทำไมแค่เห็นพี่โชหัวเราะได้ผมก็พลอยรู้สึกดีขึ้นไปด้วย
“รู้สึกดีชะมัด” ผมพูดด้วยน้ำเสียงดีใจ
“อะไร?”
“ไม่มีอะไรครับ” ผมอมยิ้ม ถึงผมจะซื่อนิดๆ โง่หน่อยๆ แต่ผมก็รู้หรอกน่าว่าถ้าบอกว่ารู้สึกดีที่พี่โชยิ้ม หน้าต้องกลับมาบึ้งอีกแน่ๆ หรืออาจไม่ยิ้มให้ผมอีกเลย
“หวังว่านายจะไม่เล่าให้ใครฟัง” คำพูดประโยคต่อไปทำให้รอยยิ้มของผมค่อยๆ หุบลง
“คือ...” ผมอึกอัก สีหน้ารู้สึกผิด พี่โชหันมามองผมทันทีด้วยดวงตาวาวโรจน์
“คือผมบอกเพื่อนไปว่าเหมือนพี่โชทะเลาะกับใครทางโทรศัพท์อยู่ ผมบอกเพราะมีเหตุผลนะครับไม่ได้ตั้งใจเอาพี่โชไปนินทา บอกแค่นั้นไม่ได้บอกคำพูดที่ได้ยิน พี่โชไม่ต้องห่วงครับผมไม่บอกใครแน่นอน”
“ขอบใจ”
“ดีจัง”
“ดีอะไรของเราอีก!” น้ำเสียงพี่โชเหมือนรำคาญผมนิดๆ ปวดหัวกับผมหน่อยๆ แต่ผมก็ยังยิ้มกว้างอยู่ดี ผมชอบที่สีหน้าพี่โชมีความรู้สึกแบบนี้มากกว่าหน้าเรียบนิ่งจนเย็นชา
“ผมดีใจที่พี่โชเชื่อว่าผมจะไม่พูด” คราวนี้ผมยอมบอก ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เพราะถ้าพี่โชไม่เชื่อผมคงไม่พูดคำว่าขอบใจออกมา เป็นก้าวเล็กๆ ที่ให้ความรู้สึกดีมาก
“มีใครเคยบอกไหมว่าเราเพี้ยน”
“พี่โชว่าผมเพี้ยนเหรอครับ!” ผมมองพี่โชตาโต
“แล้วใช่ไหม” ใบหน้าของพี่โชมองตรงไปยังถนน จึงไม่เห็นว่าผมย่นจมูกใส่
“ถามได้~” ผมลากเสียงยาว “ใครจะรับละครับว่าตัวเองเพี้ยน”
“หึๆ” ผมเห็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของพี่โช ถึงจะแค่แว่บเดียวราวกับตาฝาดไปก็ตาม
“วันก่อนเห็นเราที่สนามเด็กเล่น”
“พี่โชเห็นผมด้วยเหรอครับ”
“เห็น ที่บอกว่าต้องแวะไปที่อื่นก่อนกลับบ้านคือสนามเด็กเล่นเหรอ”
“ใช่ครับ ผมคิดถึงชิงช้า คิดถึงท้องฟ้าสีสวยๆ ลมเย็นๆ สบายใจสุดๆ เลยครับ”
“งั้นก็ได้คำตอบแล้ว”
“คำตอบ?” ผมขมวดคิ้วก่อนดวงตาจะเบิกกว้างขึ้น “พี่โชว่าผมเพี้ยนเหรอครับ”
“หึๆ” คนได้คำตอบไม่ยอมตอบ ผมก้มหน้าลงอมยิ้ม หนึ่ง สอง สาม ผมเห็นพี่โชยิ้มสามครั้งแล้ว ดีจัง
“งั้นก็ได้เลยครับ” ผมเงยหน้าขึ้นยิ้มกว้าง พี่โชขมวดคิ้วกับน้ำเสียงร่าเริงของผมจนอดเหลือบตามามองไม่ได้ ผมกระแอมออกมาเบาๆ ก่อนร้องเพลงเสียงดัง
“หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว ลูกแมวเมียว ลูกแมวเหมียว
หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว ขนมันปุยคล้ายสำลี
หนูมาลีไปเที่ยวที่ใด เที่ยวทีใด เที่ยวที่ใด
หนูมาลีไปเที่ยวที่ใด ลูกแมวตามไปทันที
หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว...” “พอๆ หยุด!” คนขับร้องห้ามเสียงหลง ผมต้องซ่อนยิ้มขำแกล้งทำหน้าตาย
“เพราะดีออกครับ”
“ไม่มีเพลงอื่นจะร้องหรือไง” เสียงดุๆ บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังปวดหัวกับผม
“คนเพี้ยนที่ไหนจะเลือกเพลงเก่งครับ” ผมทำตาซื่อๆ ใส่ดวงตาที่หันมามอง
“....”
“หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว ลูกแมวเมียว ลูกแมวเหมียว...”
“ตกลง..” พี่โชรีบพูดแทรกขึ้นมา “ตกลง..เราไม่เพี้ยน”
“ผมก็ว่างั้น” ผมยิ้มกว้างโชว์ฟันสามสิบสองซี่ สีหน้าของพี่โชเหมือนอยากจับผมฟาด แต่สุดท้ายใบหน้าเคร่งขรึมก็หลุดยิ้มออกมา
“เพี้ยนจริงๆ”
“อ้าวววว” ผมแกล้งร้องประท้วงเสียงดัง ยิ่งทำให้รอยยิ้มนั่นกว้างขึ้นที่ทำให้ผมออกอาการได้
พี่โชไม่เห็นว่าคนที่กำลังร้องเอะอะโวยวายยิ้มกว้างแค่ไหน ถ้าผมทำให้พี่โชยิ้มได้บ้างจากเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ ต้องเพี้ยนนิดเพี้ยนหน่อยจะเป็นอะไรไป ในเมื่อรอยยิ้มที่ได้มาคุ้มกว่ากว่าเป็นไหนๆ
ยิ้มให้เยอะๆ นะพี่โช ไม่ว่าชีวิตมันจะแย่แค่ไหน เชื่อผมเถอะว่าโลกนี้ก็ยังน่าอยู่อยู่ดี
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin