โทรครั้งที่ 13 ___________________
Call 90
“ไม่เป็นไรหรอกคุณเอิ้น ผมบอกแล้วไงว่าตาวไม่ว่าอะไรหรอก”
“ไม่จริงหรอก”
“จริงสิ ผมคุยกับมันแล้ว”
“...ไม่มีใครรับเรื่องนี้ได้หรอก”
“คุณเอิ้น ผมบอกแล้วไงว่าตาวรับได้”
“โชนแค่อยากให้ผมสบายใจใช่ไหมล่ะ”
“ไม่ใช่นะ ผมคุยกับมันแล้วจริงๆ โถ่ คุณเอิ้น”
โชนถอนหายใจเป็นรอบที่ร้อย หลังจากที่กลับมาอยู่ที่บ้าน เด็กหนุ่มต่อสายหาคนรักของตนทันทีเพราะเรื่องราวเมื่อคราวนั้นยังไม่กระจ่าง เอิ้นรีบร้อนออกไปจากห้องก่อนที่พวกเขาจะได้คุยอะไรกัน ทำให้เป็นปัญหาคาราคาซังเช่นนี้
ครั้นพอโชนโทรกลับมาบอกกล่าวเรื่องราว แฟนเจ้ากรรมของเขาดันไม่เชื่อเสียอย่างนั้น
เอิ้นจมอยู่กับความโดดเดี่ยวมากเกินไป ที่ผ่านมาไม่มีใครยอมรับเขาได้แม้แต่คนในครอบครัว ดังนั้นเอิ้นจึงเชื่อมั่นว่าเรื่องที่เขาจูบกับโชนต่อหน้าตาวคงเป็นที่รังเกียจแน่แท้
แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น
เมื่อย้อนกลับไป สองหนุ่มพูดคุยกัน
“มึงเข้ามาขัดจังหวะกูกับคุณเอิ้นทำไม”
“โทษที กูไม่รู้นี่ว่าพวกมึงจู๋จี๋กันอยู่ กะแค่มาเอาของแล้วจะรีบไป”
โชนถอนหายใจ ยักไหล่ อย่างไรเสียนี่ก็ไม่ใช่แค่ห้องเขาคนเดียว การที่เขาพาเอิ้นมาจู๋จี๋แบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสมควรเท่าไหร่ เพียงแต่เด็กอารมณ์ร้อนอย่างเขาหงุดหงิดนิดหน่อยเมื่อถูกขัดจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็ม
“ช่างเถอะ ป่านนี้คุณเอิ้นคงหนีไปแล้วมั้ง” โชนว่า พลางนึกถึงคนน่ารักที่คงเขินม้วนจนแทบกลิ้ง
“แล้วมึงไม่ตามเขาไปล่ะ”
“กูต้องเก็บของ...”
โชนบอก จ้องตาเพื่อนสนิทอย่างแฝงความนัย
“แล้วก็จะคุยอะไรกับกูด้วยใช่ไหม” ตาวก็ตอบรับสายตาของเพื่อนตนได้อย่างดี โชนยกยิ้ม พยักหน้า
เขาไม่เคยบอกตาวว่าคบกับเอิ้นในฐานะคนรักเพราะอีกฝ่ายไม่ต้องการ แต่ตาวเล่นมาเห็นกันจะๆ แบบนี้ คงปิดอะไรไม่ได้แล้ว
รวมถึงโชนอยากจะแน่ใจว่าเพื่อนของตนจะยอมรับได้
“โอเคไหมที่กูเป็นแบบนี้”
“แบบไหน...แบบที่ชอบกะเทย?”
“คุณเอิ้นไม่ใช่กะเทย”
“เออ นั่นแหละๆ กูก็ไม่เห็นว่าคุณเอิ้นเหมือนกะเทยยังไง เหมือนผู้ชายทั่วไปมากกว่า แต่เขาแต่งเป็นผู้หญิงด้วยไม่ใช่เหรอ”
“มึงรู้?”
“อืม กูจำหน้าได้ คุณเอินกับคุณเอิ้นเป็นคนเดียวกันใช่ไหมล่ะ”
“อืม” โชนตอบรับอย่างช่วยไม่ได้ “แต่เขาไม่ได้เป็นกะเทยหรืออะไรหรอก...คุณเอิ้นก็แค่เป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชาย”
“แล้วมันต่างจากกะเทยยังไง”
“ตรงที่เขาไม่ได้อยากเป็นผู้หญิง และไม่ว่าเขาจะถูกพวกมึงกำหนดด้วยนิยามอะไร เขาก็เป็นคนเหมือนกัน”
“...”
“คุณเอิ้นบอกมาน่ะ”
“เพราะงี้นี่เอง...มึงถึงชอบเขา” เมื่อจบประโยคของโชน ตาวรับรู้ได้ทันทีว่าเพื่อนตนตกหลุมรักอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง เพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของเอิ้น
“อืม พอเขาบอกว่าเขาก็เป็นแค่คนๆ หนึ่งกูเลยคิดได้ว่าทำไมกูต้องพยายามสรรหาคำนิยามมาให้เขาด้วย เขาเป็นคนๆ หนึ่ง กูก็คนๆ หนึ่งที่หลงรักคนๆ หนึ่ง งงป่ะ”
“ไม่ว่ะ เข้าใจเลย...” ตาววรรค นิ่งนึกสักพัก ก่อนเอ่ย “อันที่จริงก็พอรู้มาสักพักแล้วเหมือนกันว่ามึงกับคุณเอิ้นน่าจะมีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา”
“ดูออกอีกแล้ว มึงนี่มันน่ากลัวจริงๆ เลยว่ะ”
“กูแค่ใส่ใจ”
“แล้วรู้มานานยัง”
“ตั้งแต่เจอคุณเอิ้นครั้งแรกที่ห้องสมุดนั่นแหละ”
“น่ากลัวจริงๆ ด้วย”
ตาวหัวเราะกับคำครรหาจากเพื่อนซี้
“รู้มานานขนาดนี้แสดงว่าโอเคกับคุณเอิ้นใช่ไหม”
“ตอนแรกก็แปลกๆ แต่พอมึงเล่าว่าเขาก็เป็นคนคนนึงก็เลยเออ มันก็จริง”
“กูก็คิดงั้น ถึงได้ชอบเขา”
โชนยกยิ้ม เอ่ยตอบเพื่อน “ขอให้รักกันนานๆ แล้วกัน”
“ขอบใจว่ะ”
โชนยกยิ้มตอบ ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาขอบคุณที่ตาวเข้าใจ ไม่หยามเหยียดหรือรังเกียจกัน ขอเพียงมีคนใกล้ตัวอีกสักคนยอมรับพวกเขาได้ เอิ้นจะได้ไม่เจ็บปวด โชนคิดเช่นนี้
Call 91
แต่พอเอ่ยเล่าเรื่องราวเอิ้นกลับไม่เข้าใจเสียนี่
เขาอธิบายเท่าไหร่เอิ้นก็ไม่ยอมเชื่อ เหมือนคนแก่ดื้อด้าน ยึดมั่นแต่ความคิดตัวเองอย่างเดียวและไม่ยอมรับเปิดรับความคิดใหม่
แม้พวกเขาจะอายุห่างกันไม่เท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าคนละรุ่น สมัยของเอิ้นไม่มีคนรอบตัวที่ไหนหรอกที่ยอมรับเขาได้ แต่สำหรับโชนมันไม่ใช่ เพื่อนๆ ของโชนยอมรับการเปลี่ยนแปลงของโลกมากขึ้น เข้าใจในเพศสภาพแต่ละบุคคลมากขึ้น สังคมที่โชนอยู่จึงแตกต่างจากเอิ้น
“คุณเอิ้นทำไมดื้อ”
“ผมเปล่าเสียหน่อย...แค่ไม่เชื่อเอง”
“ทำไมไม่เชื่อล่ะครับ”
“ก็มันเป็นไปไม่ได้เลยนี่นา...”
“เป็นไปได้สิ ก็ผมบอกแล้วไงว่าตาวมันโอเค”
“ไม่จริงหรอก”
“...กลับไปเจอหน้าเมื่อไหร่จะตีให้ก้นลายเลยเชียว”
“หืม?”
โชนพึมพำใส่โทรศัพท์ พูดเสียงเบาจนเอิ้นฟังไม่รู้เรื่อง แต่พอเอ่ยถามอีกครั้งโชนก็เปลี่ยนเรื่อง
ครานี้โชนใช้โทรศัพท์ที่บ้านตัวเองโทรหาอีกฝ่าย ไม่ต้องกลัวว่าเหรียญจะหมด แต่ที่กลัวคือป้าจะฟาดเขาเพราะโทรนานจนเปลืองค่าโทรนี่แหละ
โชนจนใจ ยอมเปลี่ยนเรื่องคุย ไว้เขากลับหอเมื่อไหร่ค่อยพาตาวไปหาเอิ้น คุยกันให้รู้เรื่องก็ไม่สาย
และวันนั้นโชนก็โดนคุณป้าบ่นจนหูชาเมื่อเขาโทรศัพท์นานจนถึงสองชั่วโมง
Call 92
ครั้งต่อมาเอิ้นเป็นฝ่ายโทรหาโชนก่อน เขาไม่มีปัญหากับค่าโทร เสียแต่วันนี้คุยกันได้ไม่เท่าไหร่ก็ต้องวาง เพราะโชนต้องไปช่วยคุณป้าจัดข้าวของ เด็กหนุ่มแข็งแรงเช่นโชนมักถูกคุณป้าวานให้ใช้แรงงานอยู่บ่อยครั้ง
วางสายโทรศัพท์
เอิ้นคิดว่าอยากเจอโชนจังเลยนะ
อย่างไรเสียโชนก็กลับบ้านคุณป้าเพียงหนึ่งสัปดาห์ ไม่ได้นานอะไรมากมาย แต่เพราะคนมันคิดถึง ทำให้รู้สึกร้อนใจไปหมด
เอิ้นใช้เวลาว่างไปกับการทำวิทยานิพนธ์ ส่วนโชนก็อ่านการ์ตูน ออกไปเตะบอล และเล่นเกม...
เขานับวันรอวันที่โชนจะกลับมา ทว่าเมื่อใกล้ถึงกำหนดวันกลับ โชนกลับบอกว่าเขาต้องอยู่ต่ออีกอาทิตย์หนึ่ง
“ทำไมล่ะ”
“ป้าผมขอไว้น่ะครับ ยังไงก็ไม่ได้อยู่สวัสดีปีใหม่กับป้าด้วย...ก็เลยต้องอยู่ต่อ”
“อ๋อ” เอิ้นรับคำ หาคำพูดอะไรต่อไม่เจอ
“คุณเอิ้น...คิดถึงนะ”
“อ่ะ...อืม” เอิ้นวรรคไปสักพัก ก่อนกระซิบเสียงแผ่ว “ผมด้วย...”
“รอแป๊บนึงนะ จะรีบกลับไปกอดให้ชื่นใจเลย”
“อืม” เอิ้นรับคำ
จะรอนะ
Call 93
โชนผิดสัญญา
นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เอิ้นเสียใจและผิดหวังอย่างถึงที่สุด
โชนบอกจะรีบกลับมา จะกลับมากอดเอิ้น
แต่ตอนนี้โชนกลับมาอยู่หอได้หนึ่งวันเต็มๆ แล้ว
โชนโทรบอกเอิ้นก่อนออกจากบ้าน ทว่าพอถึงหอพักแล้วกลับไม่ได้มีการติดต่อกลับมา
ที่เอิ้นรู้เพราะตนตัดสินใจโทรหาตาว เพื่อนสนิทของโชน แม้ว่าจะทำใจอยู่นานในเรื่องของตาว แต่สุดท้ายเพราะเป็นห่วงโชน เขากลัวว่าโชนจะเป็นอะไรไปจึงรวบรวมความกล้า ตัดสินใจโทรออก
แต่สิ่งที่ตาวตอบกลับมาก็คือโชนนั่งเล่นเกมเครื่องใหม่อยู่ในห้องของพวกเขา
เอิ้นไม่ได้บอกอะไรตาวอีก นอกจากเอ่ยขอบคุณและตัดสาย
จะรับกลับมาหากันงั้นเหรอ โกหกทั้งเพ
ตอลดสองอาทิตย์ที่ผ่านมามีแค่เขาคนเดียวที่เฝ้ารอและคิดถึงโชนคนเดียวงั้นหรือ
ไร้ซึ่งการบอกกล่าว วิทยุที่เคยฟังประจำก็ไม่มีสารใดส่งมาถึง
คนรอก็เป็นห่วงไป ส่วนคนมาถึงกลับทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย
เอิ้นไม่รู้จะทำอย่างไร แม้ในใจอยากจะบุกไปหาโชนถึงหอให้รู้แล้วรู้รอดแต่เขาไม่อยากทำตัวงี่เง่า โชนอาจจะติดธุระอะไรก็ได้ถึงได้ไม่ได้บอกเขา แม้ธุระที่ว่าอาจจะเป็นเกมเพลย์แสนสำคัญก็ตาม
เขาได้แต่ถอนหายใจ จิ้มปุ่มเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ตั้งใจทำวิทยานิพนธ์
Call 94
สิ่งหนึ่งที่โชนไม่รู้ก็คือ ช่วงเวลาที่โชนกลับบ้าน เอิ้นเองก็กลับบ้านใหญ่ของตนเช่นกัน แม้ไม่ได้มีใครเรียกร้องให้เขาไปเยี่ยมหา แต่เอิ้นก็ตั้งใจไปหาด้วยตัวเอง
พ่อแม่ พี่ชาย พี่สาว และหลานๆ ในครอบครัวต่างอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างสุขสันต์ จนเขาเจ็บแปลบที่หัวใจขึ้นมา
คิดแต่ว่าทำไมตนจึงถูกเนรเทศให้ไปอยู่เพียงคนเดียว แค่เพราะมีรสนิยมทางเพศไม่เหมือนคนทั่วไป
เอิ้นนำกระเช้าไปไหว้พ่อกับแม่ ผู้ใหญ่ทั้งสองรับมา เอ่ยขอบคุณเพียงเล็กน้อย ไม่ได้ถามอะไรเอิ้นมากมาย
เอิ้นบอกพ่อของตนว่าใกล้จะเรียนจบโทแล้ว เขาจะได้นำความรู้มาช่วยงานที่บ้าน
คุณพ่อตอบกลับว่าไม่จำเป็น งานธุรกิจที่บ้านมีเพียงพี่ชายและพี่สาวคอยบริหารก็พอ
เอิ้นควรไปเป็นอาจารย์
ทำอาชีพที่ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับครอบครัวให้มากที่สุด
เดี๋ยวใครเขานินทาเอา ว่าบริษัทใหญ่ทั้งที แต่ดันมีลูกเป็นตุ๊ด
แล้วก็ไม่ต้องมาเยี่ยมบ่อยก็ได้
หลานยังเด็กอยู่ กลัวว่าหลานชายจะกลายเป็นตุ๊ดไป เพราะเห็นเอิ้นเป็นแบบอย่าง
จบลงด้วยการที่เขาออกจากบ้านหลังใหญ่ภายในไม่ถึงสองชั่วโมงด้วยซ้ำ
เอิ้นแทบไม่ได้คุยกับพี่ชายของตน
เป็นพี่สาวที่เดินมาส่งเอิ้นถึงรถ
หล่อนเอ่ยบอกน้องชายว่าพ่อแม่ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไร พวกท่านเองก็พูดถึงเอิ้นอยู่บ่อยๆ
เพียงแต่เอิ้นอยู่คนเดียวนั่นแหละดีแล้ว...
จะได้ไม่มีใครลำบากใจไปมากกว่านี้
เอิ้นส่งยิ้มให้คนในครอบครัว มองหลายชีวิตร่วมสายเลือด แต่ดูท่าว่าคงมีแค่เขา ที่เลือดไม่เหมือนคนอื่น เลยเป็นที่รังเกียจเช่นนี้
เรื่องในวันนี้ เอิ้นไม่ได้เล่าให้โชนฟัง
เฝ้ามองปฏิทิน รอคอยแต่อ้อมกอดอุ่นๆ จากคนรักเพียงเท่านั้น
Call 95
“มึงไม่โทรหาคุณเอิ้นเหรอวะ”
“เดี๋ยวค่อยโทร”
“ทำไมวะ”
“จบตานี้ก่อน”
ตาวถอนหายใจ มองเพื่อนรักที่ติดเกมเพลย์สเตชั่นอยู่ไม่ห่าง โชนเล่าด้วยความตื่นเต้นว่าตนได้เครื่องเล่นนี้มาจากลุง ที่รับซื้อมือสองมาจากเจ้าของเก่าที่กำลังจะย้ายที่อยู่ ทันทีที่เห็น โชนขอริบไว้เป็นของตัวเอง ไม่ให้คุณลุงเขานำไปขายต่อให้ใคร
จนได้มาเล่นเกมอย่างสนุกสนานเช่นนี้
“เมื่อวานมึงก็พูดแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ออกไปโทรหาคุณเอิ้นนี่”
“เมื่อวานมันดึกแล้ว”
“นี่ยังเย็นๆ อยู่ ทำไมไม่ไปโทรล่ะวะ”
“มึงจะทำไมล่ะวะ มันเรื่องของกูมั้ย”
“แน่ใจนะ ว่าจะติดเกมแบบนี้ต่อไป”
“เออ น่า เดี๋ยวกูโทร”
จนเวลาเคลื่อนคล้อยไปพลบค่ำ โชนก็ยังคงนั่งเล่นเกมอย่างหมกมุ่นอยู่อย่างนั้น
ตาวเอ่ยเตือนเพื่อนอีกครั้ง
“โชน คุณเอิ้น”
“รู้แล้ว มึงนี่จะอะไรนักหนา”
ตาวมองเพื่อนตัวเองที่ตกปากรับคำ แต่ก็ยังคงกดเริ่มเกมใหม่อยู่เรื่อยๆ เขาไม่ได้อยากยุ่งเรื่องของสองคนนี้นักหรอก ถ้าไม่ติดว่าน้ำเสียงของเอิ้นแผ่วเบาลงเมื่อรับรู้ว่าโชนกลับมาแล้ว
ยิ่งรู้ว่าทั้งคู่กำลังคบหากันก็ยิ่งเป็นห่วงอีกฝ่าย
เอิ้นอุตสาห์ยอมโทรหาเขาทั้งที่มีเบอร์ตาวมาตั้งนาน เพียงเพื่อสอบถามว่ารับรู้ความเป็นไปของโชนบ้างไหม โชนไม่ได้โทรหาเขาเมื่อถึงที่หมาย เอิ้นกลัวว่าโชนจะมีปัญหาอะไรรึเปล่า
แต่ก็ไม่ โชนแค่ไม่ได้โทรกลับ
ปล่อยให้เอิ้นเป็นห่วงอย่างกระวนกระวายอยู่คนเดียว
ตาวจึงตัดสินใจบอกคนติดเกมอีกครั้ง
“กูว่ามึงโทรหาคุณเอิ้นเถอะ”
“ทำไมวะ วันนี้มึงพูดเรื่องคุณเอิ้นบ่อยนะ กูบอกว่าเดี๋ยวกูไปโทร”
“โทรหาเลย ตอนนี้”
“อะไรวะ บอกว่าเดี๋ยว”
“คุณเอิ้นโทรมาหากู”
“หา...อะไรนะ”
“เขาเป็นห่วงมึง นึกว่ามึงเป็นอะไร”
“...”
“มึงกลับมาแล้วแต่ไม่ได้โทรบอกเขา เขาเลยกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมึงรึเปล่า”
“...”
“กูบอกว่ามึงอยู่ห้องกับกู”
“ไอ้สัด ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้”
“เรื่องของมึงสองคน กูไม่อยากเสือกนี่หว่า แต่กูไม่อยากให้คุณเอิ้นเสียใจเพราะมึงติดเกม”
ไม่ทันแล้วแน่ๆ ป่านนี้คุณเอิ้นของเขาต้องน้อยใจร้อยพันแปดไปแล้ว งอนตุ๊บป่องจนกลายเป็นลูกโป่งพองลมไปแล้วแน่ๆ
เขาติดนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง แก้ไม่หาย พอติดพันอะไรสักอย่างแล้วอีกอย่างที่ต้องทำก็มักจะพลันโยนไปเสียดื้อๆ และตอนนี้นิสัยเด็กๆ ของโชนกำลังทำให้คนรักของเขาเสียใจ
โชนกดหยุดเกม ลุกขึ้นเตรียมตัวออกไปหยอดตู้โทรศัพท์
Call 96
“คุณเอิ้น...ผมขอโทษนะ ที่ไม่ได้รีบบอก”
“อืม”
“คุณเอิ้น...” โชนร้องเสียงอ่อนเมื่ออีกฝ่ายเสียงแข็งมากกว่าทุกที
“ถ้าไม่อยากเจอผมก็ไม่เป็นไร ผมไม่ได้โกรธที่คุณไม่มาหา เห็นเงียบหายไปผมเลยเป็นห่วง”
“...”
“ถึงหอปลอดภัยใช่มั้ย ออกมาหยอดตู้โทรศัพท์ข้างนอกอยู่ใช่รึเปล่า ตอนนี้มืดแล้ว อากาศก็เย็นลงแล้วด้วย รีบกลับห้องเถอะ”
“...”
“ฝันดีนะ”
เอิ้นวางหูโทรศัพท์ ไม่ได้มีหยาดน้ำตาไหลออกมา หยดน้ำใสแค่กลิ้งอยู่ในดวงตาคู่สวยก่อนจะถูกเอิ้นกะพริบตาไล่มันออกไป
ไร้ซึ่งน้ำเสียงของความโมโห หรือน้อยใจ เสียงที่เอิ้นคุยกับโชนเป็นเพียงน้ำเสียงราบเรียบ และนั่นให้โชนรู้สึกไม่สบายใจเลย
โชนวิ่งกลับหอ ไม่ใช่เพราะทำตามคำสั่งของเอิ้น
แต่เพื่อยืมกุญแจมอเตอร์ไซค์ของตาว ตะบึงไปบ้านเอิ้นต่างหาก
Call 97
โชนกดกริ่งบ้านของเอิ้น ในยามนี้ทุกคนเริ่มพาตัวเองเข้านอนแล้ว จะมีก็แต่เอิ้นที่นั่งทำวิทยานิพนธ์ซึ่งยังไม่หลับ
เขาเดินออกมาหน้าบ้าน และเจอกับเจ้าของความคิดถึงตลอดสองอาทิตย์
“คุณเอิ้น...เปิดประตูให้หน่อยนะ”
เอิ้นทำตามคำบอกอย่างว่าง่าย ปล่อยให้โชนจูงจักรยานยนต์เข้ามาจอดไว้ในโรงรถ ไม่ได้เอ่ยถามหรือทักทายอะไร
“คุณเอิ้น ผมขอโทษ”
“ขอโทษทำไมครับ”
“...ที่ไม่โทรหา ปล่อยให้คุณเอิ้นเป็นห่วง”
“อืม ผมไม่ได้โกรธ”
“คุณเอิ้น...อย่าทำเสียงแบบนี้” โชนร้องเสียงแผ่ว เสียงของเอิ้นราวกับพูดคุยกับคนแปลกหน้า ไม่สนิทใจเหมือนก่อน ไม่สดใสเหมือนเคย
เอิ้นหลุบตาลงต่ำ เขาไม่ได้ตั้งใจ แค่พยายามทำตัวให้เป็นปกติ แต่มันคงไม่เป็นผล
เอิ้นไม่อยากให้โชนคิดว่าเขางี่เง่ากะอีแค่เรื่องแค่นี้
“กอดนะ”
คนเด็กกว่าไม่ยอมให้เอิ้นทำหน้าเศร้าไปมากกว่านี้ วงแขนโอบล้อมรอบเจ้าของบ้าน มอบความอบอุ่นให้ในเวลากลางคืนที่อากาศหนาวเย็น
“ดีกันนะ”
โชนว่า ยกมือชูนิ้วก้อยให้อีกฝ่าย
เอิ้นมองสองแขนที่กอดตัวเขาไว้ มองนิ้วก้อยที่อีกฝ่ายชูขึ้นมา
เลื่อนลอย
ก่อนจะถอนหายใจ เขาไม่อยากงี่เง่าจึงยอมยกนิ้วก้อยตัวเองไปเกี่ยวกับอีกฝ่าย
เอิ้นได้แต่คิดในใจ
อย่าทำแบบนี้
อย่าทำให้เขาคิดว่าจะไม่มีใคร...
_________________________________
#Call123456
เข้าใจกันบ้าง ไม่เข้าใจกันบ้าง
โกรธกันบ้าง ดีกันบ้าง