#Maddog01รักอลวนของหนุ่มฮิคกี้ บทส่งท้าย 21/11/61 หน้า12 จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: #Maddog01รักอลวนของหนุ่มฮิคกี้ บทส่งท้าย 21/11/61 หน้า12 จบแล้วย้ายได้เลยค่ะ  (อ่าน 46965 ครั้ง)

ออฟไลน์ lucifer miumiu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +147/-1
บทที่59

หนทางที่ย้อนกลับไปไม่ได้อีก

หลังจากชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ที่เมษามีต่อพี่ภาริชถูกเผยแพร่ออกไปในหมู่สังคม อิงภพก็คิดอยู่แล้วว่าบางทีเมษาคนนั้นก็อาจอยากมาหาเขาเพื่อพูดจาโอ้อวดเป็นธรรมดา

เพราะการมาของเมษาในครั้งนี้ถึงได้รู้ตื้นลึกหนาบางของการท้าดวลระหว่างพี่ภาริชกับหมอนี่ ไม่คิดมาก่อนว่าหลังจากเขาผละไปด้วยความเสียใจเพราะถูกปฏิเสธรักมันจะเกิดเรื่องทำนองนี้ตามมา

“น่าเสียดายที่ทำให้ไอ้ภาริชมันระเบิดอารมณ์ใส่นรินทร์ต่อหน้าผู้คนมากมายไม่ได้ แต่คิดว่าอีกไม่นานไอ้ภาริชมันคงจะหลบหน้านรินทร์อย่างแน่นอน” เมษาหัวเราะย่ามใจ แค่คิดถึงใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของนรินทร์เขาก็อารมณ์ดีอย่างที่สุด

สงสารไหมที่นรินทร์ต้องเจอแบบนั้น มันก็นิดหน่อย แต่กับคนที่ดื้อแพ่งมันสำควรแล้วที่ต้องถูกสั่งสอน โดยเฉพาะถ้าหากเสียใจจนกลับไปมุดอยู่ในรูเหมือนเดิมได้จะดีที่สุด

แล้วหลังจากนั้นเขาจะแสดงให้นรินทร์รู้ว่าใครกันที่ดีที่สุด ใครกันที่จะยืนเคียงข้างฝ่ายนั้นเป็นคนสุดท้าย

เมษาคิดฝันอย่างเคลิบเคลิ้ม แค่นึกถึงช่วงเวลาอันรันจวนยามเมื่อนรินทร์เข้ามาอยู่ในอ้อมอกอย่างศิโรราบเขาก็ยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา

อิงภพมองปฏิกิริยาอาการนั้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ใคร่ครวญเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการคบหาแบบเพื่อนระหว่างเขากับหมอนี่ หรือเรื่องที่ได้รับความเอ็นดูเสมอๆ จากพี่ภาริช

อิงภพเทิดทูนบูชาพี่ภาริชมานาน ด้วยความที่อยากจะได้พี่ชายที่สมบูรณ์พร้อมอย่างนั้นมาเป็นของตัวเอง เพราะเหตุนี้จึงลงมือรังแกฟอร์ดด้วยความริษยาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะเดียวยิ่งออดอ้อนพี่ภาริชและได้รับความเมตตามากเท่าไหร่ ความรู้สึกในใจมันยิ่งพอกพูนขึ้นจนพัฒนาเป็นความรัก

การที่เขาคบหากับเมษานั้นเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ แค่คิดว่าพูดคุยถูกคอกัน ต่างคนต่างมีฝีมือในการเล่นเกม นอกจากนั้นฐานะทางบ้านก็คู่ควรทัดเทียมแก่การเป็นเพื่อน สำหรับเมษาไม่มีข้อด้อยตรงไหนให้น่าตำหนิ

แต่ว่าถึงตอนนี้แล้วคิดไปคิดมา หมอนี่ดันกลายเป็นคนที่อันตรายกับคนที่เขาชอบไปเสียแล้ว ไม่แค่คิดวัดรอยเท้าทัศนคติที่เต็มด้วยการเข่นฆ่าทำลายซึ้งล้วนพุ่งเป้าไปหาพี่ภาริช มันทำให้เขารู้สึกอึดอัด

“อีกไม่กี่วันพ่อของฉันจะมอบตำแหน่งรองประธานให้ฉันในการประชุมบอร์ดบริหาร”

เมษาขยับกายเอนหลังอย่างเกียจคร้าน สีหน้าเต็มด้วยความมั่นอกมั่นใจจนล้นปรี่

“ถึงตอนนั้นภาริชมันจะได้รู้ว่าการถูกขยี้ที่แท้จริงมันเป็นยังไง”

อิงภพบีบถ้วยน้ำชาหอมกรุ่นในมือไว้แน่น เขาหลุบตาลงต่ำซ่อนประกายความไม่เห็นด้วยเอาไว้

คนอย่างนายจะทำได้หรือ นายคิดว่าไก่อ่อนที่ไม่เคยเผชิญโลกกว้างจะสามารถโค่นล้มพี่ภาริชคนนั้นได้ง่ายๆ งั้นหรือ อย่ามาล้อเล่นน่า แค่ชนะเพียงครั้งเดียวในการแข่งเกมแบบเด็กๆ มันไม่เหมือนการต่อสู้ฟาดฟันในโลกธุรกิจหรอกนะ

อิงภพอยากจะให้เมษาหยุดพ่นคำพูดหยามเหยียดพล่อยๆ นี่ซักที

จังหวะนั้นพ่อบ้านก็เคาะประตูห้องแล้วเดินเข้ามารายงานเรื่องบางอย่างให้ทราบ

“คุณชายเพื่อนของคุณชายที่ชื่อต้นกล้ามาหาครับ”

“ไอ้ต้นกล้ามันยังกล้ามาอีกหรือ” สีหน้าของเมษาเต็มด้วยความดูถูก เขานึกว่ามันหนีกลับบ้านนอกไปอยู่บ้านตายายแล้วเสียอีก

“นายรอที่นี่แล้วกัน” อิงภพลุกจากโซฟา แปลกใจนิดหน่อยที่ต้นกล้าซึ่งไม่ถูกกับเขาแม้แต่น้อยแวะเวียนมาหา ทว่าการกระทำสีหน้าคำพูดคำจาของเมษากวนความคิดบางอย่างของเขา

ก่อนหน้านั้นก็ไล่กันไปเพราะต้นกล้ามันทำให้เล่นเกมแพ้ แต่ก็ไม่น่าจะโกรธเกลียดกันถึงขั้นนี้ เขาเองก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับสองคนนี้มากนัก เพราะที่ทำด้วยกันหลักๆ ก็คือชวนกันเล่นเกมแล้วก็สังสรรค์ตามประสาคนมีเงินเป็นครั้งคราว

“ฉันจะไปด้วย” เมษาผุดลุกจากโซฟาเดินตามหลังอิงภพไปติดๆ


หลังจากถูกด่าและไล่จนยับเยินต้นกล้าซมซานกลับมาบ้านที่เขาต้องอยู่เพียงลำพังทั้งน้ำตา ทุกอย่างมันพังทลายไปจนหมด สิ่งเดียวที่เขาใช้มันยึดเหนี่ยวกลายเป็นความจอมปลอมอันโหดร้ายโสมม

ต้นกล้าทั้งหัวเราะและร้องไห้เพียงลำพัง รู้สึกสมเพชและชิงชังตัวเองเสียเหลือเกิน ยิ่งคิดถึงเรื่องต่ำช้าทุกอย่างที่ทำลงไปเพียงเพราะต้องการเป็นที่หนึ่งของเมษา หรือแม้กระทั่งขับไล่คนที่เข้ามาหาด้วยความรักความเมตตาด้วยการเหยียดหยามรังแกทั้งที่คนเหล่านั้นไม่ควรได้รับเนื่องจากความบิดเบี้ยวทางจิตใจของตัวเอง

ต้นกล้าอยากตายไปให้พ้นๆ แต่เขากลัวความโดดเดี่ยวหลังความตาย เขาอาจต้องไปอยู่ในที่มืดมิด เพียงลำพัง และหลังจากเขาตายไปคงไม่มีใครร้องไห้ให้เขานอกจากตากับยายเท่านั้น

เขาไม่กล้าวิ่งไปหาครอบครัวที่เหลืออยู่เล่าความจริงอันเลวทรามที่เขากระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากความจริงเรื่องที่เขาไปรังแกนรินทร์อีกครั้งเปิดเผยไป ซึ่งมันก็คงอีกไม่นาน ตายายที่เคยรักใคร่เอ็นดูจะมองเขาด้วยสายตาเช่นไร

ต้นกล้ายังจำแววตาแสนเศร้าเมื่อครั้งที่เขาต้องพักการเรียนเพราะรังแกนรินทร์จนต้องซ้ำชั้นได้ ทำไมนะ ทำไมเขาถึงได้ลืมแววตาคู่นั้นของตากับยายไปได้ ความผิดพลาดของเขาในครั้งนี้ทั้งคู่คงไม่มองเขาด้วยความรักใคร่เอ็นดูอีกต่อไปแล้ว

ต้นกล้าจมอยู่กับภาพหลอนของตากับยายที่มองด้วยสายตาเย็นชาจนแทบบ้า วินาทีที่เจ็บปวดจนถึงที่สุดภาพอันแสนโหดร้ายก็ถูกแทนที่ด้วยเงาร่างของพี่สายหมอกซึ่งเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

เขาอยากได้ใครซักคนมาอยู่เคียงข้างในเวลานี้ ไม่อยากอยู่คนเดียวในค่ำคืนอันเลวร้ายแบบนี้ ต้นกล้าคิดถึงได้เพียงแต่สายหมอก ดังนั้นจึงทั้งส่งข้อความและรัวสายโทรหาคนคนนั้นไปตลอดทั้งคืน โดยที่ไม่รู้ซักนิดว่ามือถือของสายหมอกพังไปก่อนหน้านั้นแล้ว

ยิ่งติดต่อไม่ได้และไม่มีการส่งข้อความกลับมา มันยิ่งทำให้ต้นกล้ากลัว คนคนนั้นบอกรักเขา บอกว่าต่อให้เขาเป็นคนเลวร้ายแบบไหนก็ยังชอบอยู่ดี แต่ถ้าคิดดูให้ดีแล้วเขาทำเรื่องชั่วช้าถึงขนาดนั้น พี่สายหมอกอาจจะคิดว่าเขาเป็นเศษสวะที่ไม่คู่ควรอีกต่อไปแล้วก็ได้

ต้นกล้าผ่านค่ำคืนอันแสนทรมานโดยไม่ได้นอนแม้แต่นาทีเดียว ความคิดที่ว่าไม่อยากสูญเสียคนคนนั้นไปมันทำให้มีความกล้าที่จะไล่ตามไขว่คว้าอย่างบ้าคลั่ง เขารีบอาบน้ำแล้วแต่งตัวเสียใหม่

เด็กน้อยไม่รู้ว่าจะหาที่อยู่ของพี่สายหมอกได้จากไหน เขาไม่เคยสนใจเรื่องเกี่ยวกับคนคนนั้นเลย ไม่เคยถามไถ่เรื่องส่วนตัวหรือพูดเปิดอกแม้จะอยู่ใกล้ชิดกันมากแค่ไหนก็ตาม เขาเอาแต่เมินเฉยทั้งยังผลักไสเพียงเพราะว่ายึดติดในตัวเมษาอย่างคนโง่งม

ต้นกล้ารู้ว่ามีคนสองคนที่น่าจะรู้ที่อยู่ของพี่สายหมอก คนหนึ่งคือเมษา อีกคนคืออิงภพ เขาเลือกที่จะบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากอิงภพ

“มึงยังกล้าโผล่หน้ามาอีกนะต้นกล้า” เมษาบิดริมฝีปากด้วยความรังเกียจเมื่อเห็นต้นกล้ามาป้วนเปี้ยนรอบตัวเขา

คนถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามหลบตาวูบหนึ่งก่อนจะรวบรวมความกล้าขจัดความกลัวออกไป

“ฉันไม่ได้มาที่นี่เพราะนาย ฉันมาขอที่อยู่ของพี่สายหมอกจากอิงภพ”

ต้นกล้าพยายามทำตัวให้เข้มแข็งที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ว่าแข็งขาจะสั่นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเมษาก็ตาม เขารู้ว่าพี่ชายต่างมารดาคนนี้จะต้องเหยียดหยามเขาอย่างสนุกสนาน

“โถๆ ๆ ๆ มึงนี่เจตนาแรงกล้าจริงนะ” เมษาใช้มือเชยคางต้นกล้าให้เงยหน้าสบตาตัวเอง

“ร่านไปหน่อยไหมพอผิดหวังจากกูก็รีบสะบัดก้นขาวๆ ไปหาพี่สายหมอกเลยหรือ”

รู้ว่าที่เมษาพูดมานั้นถูกทั้งหมด แต่แม้จะต่ำตมเหมือนสวะด้วยการกระทำชั่วช้าหลายสิ่ง กระนั้นคนชั้นต่ำก็มีศักดิ์ศรีเหลือพอ ต้นกล้าสะบัดหน้าออกจากนิ้วที่เกาะเกี่ยวปลายคางเขาขบฟันเข้าหากันดังกรอด

ขอแค่ให้ได้พบกับพี่สายหมอกเท่านั้น แค่อยากเห็นหน้า อยากพูดในสิ่งที่อยากพูด แม้ว่าหลังจากนั้นจะถูกทอดทิ้งไปก็ตาม เขาก็แค่อยากลองไขว่คว้าเป็นครั้งสุดท้าย

“มึงมันโง่นะต้นกล้าหลังจากที่มึงขังนรินทร์เอาไว้ในห้องน้ำแบบนั้น คนที่กำลังจะถูกตำรวจจับอย่างมึง คิดว่าพี่สายหมอกเขายังรักมึงลงอีกหรือ มึงนี่มันมีสมองบ้างไหม”

ต้นกล้ายืนเกร็งตัวจนร่างแข็งทื่อ เมื่อข้อเท็จจริงที่เมษาพูดมานั้นถูกทั้งหมด เขาไม่อยากร้องไห้แต่น้ำตามันก็หลั่งออกมาจนได้

“เดี๋ยวที่พวกนายพูดนี่หมายถึงอะไร” อิงภพที่ยืนฟังอยู่นานถามด้วยความสงสัย ขังนรินทร์ในห้องน้ำ หมายถึงmaddog01คนนั้นนะหรือ

“ก็ไอ้หมอนี่มันมาป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัว ทำที่มาขอร้องว่าอยากทำประโยชน์ ฉันก็เลยเปิดโอกาสให้มันลองทำดู ใครจะไปคิดละว่าแค่ไปขังนรินทร์ไว้ในห้องน้ำจนมาแข่งไม่ทัน มันยังพลาดให้กล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้”

เมษามัวแต่กดสายตาต่ำมองดูต้นกล้าที่ยืนหลั่งน้ำตาเงียบๆ ด้วยสายตาหมิ่นแคลนจึงไม่ได้สังเกตสีหน้าโกรธเกรี้ยวของอิงภพแม้แต่น้อย

สำหรับอิงภพเขาไม่ได้สนใจความเป็นความตายของmaddog01นักหรอก แต่แค่คิดว่าไอ้หมอนี่มันกล้าใช้ลูกเล่นสกปรกคดโกงผลการแข่งกับพี่ภาริชทุกวิถีทาง เพื่อให้คนที่เขาเทิดทูนคุกเข่าขอขมาอย่างเสียศักดิ์ศรีเขาก็รู้สึกชิงชังเสียจนอยากชกหน้าซักหมัด

อิงภพนึกถึงนาทีที่พี่ภาริชคุกเข่าซ้ำไปมา สลับกับคำพูดและสีหน้ายะโสโอหังของเมษา ภายในใจเดือดพล่านด้วยความหงุดหงิดอย่างที่สุด เป็นแค่ไอ้ขี้โกงชั้นต่ำแท้ๆ ยังกล้าโอ้อวดชัยชนะอีกหรือ ถ้าไม่เพราะพี่สายหมอกกับเฉินเล่อคนอย่างแกสามารถคว้าชัยมาครองได้หรือ ช่างไม่รู้จักประมาณตนเอาเสียเลย

ไม่เพียงแค่นั้นกับเจ้าต้นกล้า แม้ว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกชอบใจอะไรนัก เผลอๆ เกลียดนิสัยด้วยซ้ำไป แต่ถ้าคิดดูให้ดี ถึงเจ้านี่มันจะโง่ทุ่มเทให้คนอย่างเมษาเอง ทว่าการได้เห็นธาตุแท้ของเพื่อนในวงการเกมคนนี้ มันก็เกิดความรู้สึกขยะแขยงขึ้นมา

นอกเหนือไปจากนั้นเป็นครั้งแรกที่รู้สึกสงสารต้นกล้า แม้จะออกไปทางสมเพชเวทนาในความโง่เง่าก็ตามที อิงภพมองดูเมษาดูหมิ่นอีกฝ่ายด้วยคำพูดโสมมต่างๆ นานาเป็นร้อยพันคำ พอด่าจนสะใจเจ้าตัวก็บอกเหม็นหน้าจนทนไม่ไหวขอตัวไปรอที่ห้องรับแขกเหมือนเดิม

คนถูกด่ายืนนิ่งด้วยสายตาอันว่างเปล่าเหมือนตุ๊กตาไร้วิญญาณ อิงภพรู้ว่าความสงสารเวทนาของตัวเองคงไม่ได้ทำให้ต้นกล้ารู้สึกดีขึ้น แต่สิ่งที่หมอนี่ต้องการเขาจะยื่นมันให้เพราะอย่างน้อยก็เคยเที่ยวเล่นด้วยกันมา

“คอนโดxxxที่ถนนYYYห้องหมายเลข303ชั้น3พี่สายหมอกอยู่ที่นั่น นายอยากไปหาเขาก็รีบเถอะ ฉันได้ยินจากเมษามาว่าพี่เขากำลังจะไปฝึกงานที่เมืองนอกในช่วงปีสุดท้าย ไม่รู้ว่าต้องไปกี่เดือนกันแน่”

ตอนนี้แววตาที่ว่างเปล่าของต้นกล้าก็กลับมามีสีสันอีกครั้ง “ขอบคุณนะ”

อีกฝ่ายพึมพำไม่ได้ศัพท์ แต่อิงภพสามารถรับรู้ความคิดจากแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคำขอบคุณ เขาแค่พยักหน้าแล้วหมุนตัวกลับไปยังห้องรับแขกที่เมษารออยู่ แค่นึกว่าจะต้องทนอึดอัดกับตัวน่ารังเกียจอีกพักใหญ่สีหน้าของอิงภพก็บิดเบี้ยวจนไม่น่าดู


สายหมอกเปิดกล่องมือถือที่สั่งให้ลูกน้องไปซื้อมาให้ใหม่แล้วบรรจุซิมลงไปอย่างเนิบนาบ พรุ่งนี้เขาจะออกบินไปประเทศ F เพื่อไปฝึกงานในปีสุดท้าย ก่อนหน้านั้นไม่กี่นาที เขาสั่งให้ลูกน้องชุดดำไปลักพาตัวต้นกล้ามาให้

เขาตัดสินใจนำต้นกล้าไปที่ประเทศ Fด้วย เขาจะพาเด็กคนนั้นไปซ่อนเอาไว้และคงไม่พากลับมาที่ประเทศนี้อีกแล้ว จังหวะนั้นทันทีที่สายหมอกกดปุ่มให้มือถือทำงาน ข้อความเตือนหลายต่อหลายอันก็ถูกส่งมา ทั้งข้อความอันน่าสงสารทั้งการแจ้งเตือนสายที่เขาไม่ได้รับเป็นจำนวนมหาศาล

สิ่งนี้มันทำให้เขาตกใจเล็กน้อย เขาคาดไม่ถึงว่าต้นกล้าที่ดื้อแพ่งคนนั้นจะต้องการเขามากมายถึงเพียงนี้ ขณะที่กำลังจะไล่ดูข้อความที่รัวส่งมา เสียงกริ่งหน้าห้องก็ดังรัวๆ เป็นจังหวะที่ค่อนข้างบ้าคลั่งทีเดียว

สายหมอกเดินไปเปิดประตูอย่างเชื่องช้าและพบว่าคนตรงหน้าคือต้นกล้า เด็กคนนี้ยืนตระหง่านด้วยท่าทางสับสนวุ่นวาย ดวงตาล่อกแล่กไม่อยู่กับเนื้อตัว มือไม้เดี๋ยวกำเข้าหากันเดี๋ยวบิดไปมาส่อชัดว่าสภาพจิตใจไม่ได้ปกติเลยซักนิด

“ทำไมถึงมาหาพี่แต่เช้าละครับ”

“พ...พี่สายหมอกกำลังจะไปไหนครับ”

ที่ต้นกล้าถามอย่างนี้เพราะเห็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ตั้งอยู่ในห้องเบื้องหลังสายหมอก เขารู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายต้องไปเมืองนอกจากอิงภพแต่ก็ยังเลือกถามแบบนี้ เพราะคิดไม่ออกว่าควรทำอะไรเป็นสิ่งแรก

“พี่กำลังจะออกเดินทางไปฝึกงานปีสุดท้ายที่ประเทศ F หลังจากฝึกงานเสร็จอาจจะกลับมาที่ประเทศTรอทำเรื่องจบซักพักจากนั้นจะไปทำงานที่ประเทศFถาวรและคงไม่กลับมาอีก”

สายหมอกบอกสิ่งที่จะทำตามตรง นี่เป็นเรื่องแน่นอนที่เขาต้องไปฝึกงานในบริษัทของพี่ภาริชที่ประเทศ Fก่อนจะเตรียมตัวขึ้นเป็นผู้บริหารของสาขานั้น เขาจะไม่กลับมาที่ประเทศTอีกแล้ว และจะไม่ไปเพียงลำพังเขาจะพาต้นกล้าไปอยู่กับเขาที่นั่นด้วย เขาจะซ่อนเด็กคนนี้ไว้ไม่ให้ใครพบเจออีก

แต่การที่ต้นกล้ามาหาเขาที่นี่ บางทีแผนการน่ารักๆ อันนี้ก็อาจเปลี่ยนแปลงไปได้บ้างตามสถานการณ์ สายหมอกกำลังคาดหวังสิ่งที่เขาควรได้รับและต้องได้รับจากต้นกล้า

นายจะเป็นคนตัดสินชะตากรรมครั้งนี้ของนายด้วยตัวเอง พี่จะให้นายเลือก

“ผมรู้ว่า ผมไม่มีสิทธิเรียกร้องอะไร” ต้นกล้าใช้มือทั้งสองข้างกุมอกตัวเองอย่างรวดร้าว เขาเจ็บปวดที่ใจเหลือเกิน ทั้งที่ตอนแรกคิดว่าต้องการเพียงแค่ที่พึ่ง

ทว่าวินาทีที่รู้ว่าอีกฝ่ายจะจากไปไกลโดยไม่หวนกลับมาอีก มันก็ทรมานใจจนยากที่จะอธิบาย มุกน้ำตาร่วงหล่นลงมาราวห่าฝน เขารู้ว่าทำตัวน่าสมเพชแต่ไม่สามารถหยุดมันได้

“อย่าทิ้งผมไป ได้โปรดอยู่ข้างๆ ผม” ต้นกล้าคู้ตัวและก้มหน้าลงต่ำร่ำไห้อ้อนวอนเหมือนสัตว์ที่บาดเจ็บ ดังนั้นจึงไม่เห็นรอยยิ้มแห่งชัยชนะที่เป็นดั่งปีศาจร้ายของสายหมอก

ความพยายามที่เขาทุ่มเทลงไปมันคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้รับมา สายหมอกคลี่ยิ้มอ่อนโยนเขาเชยคางคนรักที่เปราะบางเหมือนแก้วร้าวๆ ให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา

“ถ้าต้นกล้าต้องการพี่ ก็ได้โปรดจูบพี่ซักครั้งเถอะ แค่จูบเท่านั้นที่พี่อยากได้จากนายในตอนนี้”

แค่จูบเท่านั้นที่อีกฝ่ายต้องการแลกกับต้องมาจมปลักดูแลเอาใจใส่เขาไปทั้งชีวิต ต้นกล้าไม่นึกฝันว่าจะมีอะไรที่คุ้มค่ามหาศาลไปมากกว่านี้

เด็กหนุ่มเขย่งปลายเท่าเสนอจุมพิตให้กับคนตรงหน้าด้วยร่างกายอันสั่นเทา เป็นแค่จูบแผ่วๆ ที่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกมากมาย ทั้งกับตัวต้นกล้าและสายหมอก

พี่สายหมอกคนนั้นส่งยิ้มอ่อนโยนอย่างที่สุดมาให้

เจ้าสัตว์ตัวเล็กๆ ถูกเชื้อเชิญให้เข้าไปในรังอันอบอุ่นแสนหวาน ประตูสีขาวอันวิจิตรถูกปิดลง ภายในห้องที่ไม่ต่างจากกับดักชิ้นหนึ่ง ต้นกล้าได้ก้าวไปสู่หนทางที่ย้อนกลับมาไม่ได้อีกต่อไป

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

โฮ่เย้ ใกล้เวลาของการจากลาระหว่างเรากะนักอ่าน เรื่องนี้ก็ใกล้จบแล้วนะจ๊ะ

ถ้าเกิดมันจบลงเราจะขอกบดานเขียนตอนพิเศษยาวๆและเปิดพรี

แม่มเอ๊ยเรื่องท้าชะตาเปลี่ยนรักเพิ่งเขียนตอนพิเศษจบไปลากยาวมาก

คาดว่าคงได้พรีกันปลายๆปี ส่วนเรื่องนี้ปกแรกยังไม่เสรจเลยTT

นักวาดเลื่อนงานไปเรื่อย ค่อนข้างจะนอยแล้วเนี่ยTT

คราวหน้าจะจ้างวาดแม่มตั้งแต่กลางๆเรื่องTT

โอเค มาที่เรื่องของต้นกล้า ตอนที่เราวางพลอตเรื่องนี้ เราคิดว่า

หากมีตัวรองที่มีลักษณะร้ายกาจเดินเรื่องขนานไปกับตัวเอกคงจะดีนะ

ถ้าเกิดว่าตัวรองนางร้ายเพราะต้องร้ายและนางจะมีเส้นเรื่องของนางขนานไปกับตัวเอกคงจะสนุกมาก

ในความคิดเรา ต้นกล้ากำเนิดมาจากแนวคิดที่ว่าคนร้ายยังไงมันจะต้องมีเหตุผลในการกระทำ

และต่อให้นางเปนคนร้ายถ้าไม่ร้านถึงที่สุดจนกลับตัวไม่ได้ก็สมควรมีโอกาสดีดี

เราไม่ค่อยชอบจุดจบแบบนางร้ายถูกข่มขืนเท่าไหร่ แต่ถ้าให้เขียนก็เขียนได้นะ

ไม่ลังเลด้วย5555 ไม่ได้มีศีลธรรมขนาดนั้นหรอก

อ้อเราอ่านบทความทางจิตวิทยาที่ว่าคนที่เคยถูกรังแกมาสามารถกลายเปนคนที่รังแกคนอื่นได้เช่นกัน

เกี่ยวกับเรื่องนี้รายละเอียดเยอะไปหากันเองนะคะ

ส่วนนรินทร์เนื่องด้วยบรรดาน้องชายเพื่อนเราหลายคนเป็นทั้งนีททั้งฮิคิโคโมริเยอะมาก

อืมและน้องๆ พวกนี้ก้อเป็นโอตาคุกันส่วนใหญ่ด้วย เราคิดว่าถ้ามีพระเอกซักคนสามารถทำให้เด็กทั้งสองกลุ่มนี้

ไม่ว่าจะเป็นฮิคกี้อย่างนรินทร์หรือ เด็กที่รังแกคนอื่นและนิสัยเสียอย่างต้นกล้า มีความสุขหรือเดินไปในทิศทางที่ดีได้

มันจะเป็นความฟินของเรา เขียนไปก้อฟินไปค่ะ เราจดจำเสมอว่าการรรังแกคนอื่นมีแรงผลักดันมาจากหลายอย่าง

บางครั้งคนรังแกอาจเลวโดยสันดาน แต่กับเด็กบางคนมันมีอะไรหลายอย่างที่เป็นแรงผลักดันซับซ้อน

โอเค ขี้เกียจพร่ำเพ้อละ

แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจด้วยนะคะ

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
รอตอนต่อไปนะค้าาาา ตอนนี้ก็มีสองคู่หวานชื่นนนนน
อยากเห็นจุดจบของเมษาจังเลยค่ะ

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2

ออฟไลน์ _tosssalad

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ความร้ายของแต่ละคน 5555 รอนะคะ

ออฟไลน์ lucifer miumiu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +147/-1
บทที่60

บันไดที่พาลงไปสู่นรก

เมษาเดินตามธันวาเข้าไปในบริษัทอย่างผู้ชนะ อีกไม่นานเขาจะกลายเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่อายุน้อยที่สุดของบริษัท แค่คิดถึงช่วงเวลาอันหอมหวานซึ่งต้องมาถึงในภายภาคหน้า เขาก็อดยิ้มหน้าบานไม่ได้

พวกพนักงานพอเห็นธันวาและเมษาก็ก้มหน้าลงหุบปากเงียบ ใช่ว่าสองพ่อลูกจะไม่รู้สึกถึงสายตาแปลกๆ ที่พนักงานในแต่ละแผนกซึ่งพวกเขาเดินผ่านมองมา ยังไงเสียก็ต้องเป็นเพราะความสำเร็จบวกกับความหล่อเหลาของลูกชายคนเดียวของเขานั่นแหละถึงได้มองตามกันตาค้าง ทั้งธันวาทั้งเมษาไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านี้

เมื่อมาถึงห้องประชุมธันวาพาเมษาเดินอาดๆ เข้าไปด้วยท่าทางวางก้ามเหมือนกันทั้งพ่อลูก ธันวาปลายมองพี่สาวและน้องชายด้วยหางตา พอนั่งลงปุ๊บพี่มีนาก็เปิดประเด็นน่ารำคาญทันที

“เรื่องข่าวลือที่แกส่งสปายไปจัดการเรียบร้อยแล้วรึ” มีนาถามเสียงเย็นเยียบใบหน้าของเจ้าหล่อนไร้ความรู้สึกใดๆ ราวกับปูนปั้น

ธันวาแค่นเสียงดังเฮอะ เรื่องแค่ผู้ต้องหาคิดซัดถอดมาเขาต้องจัดการได้ดีอยู่แล้ว เขาวิ่งเต้นมากมายให้คนของเขาเข้าหาผู้พิพากษากับตำรวจรวมถึงพวกสปาย ฟาดหัวไปจำนวนมหาศาลขนาดนั้นคิดว่าใครมันจะซัดทอดมาถึงเขา

พี่จะกังวลทำไม เรามาพูดถึงเรื่องหลานชายของพี่ดีกว่า ผมจะให้เมษาเข้ามาทำงานส่วนบริหารในฐานะรองประธานบริษัทเรา”

มีนาแค่นหัวเราะทันทีที่ธันวากล่าวจบ “แกคิดว่าแกมีเสียงตัดสินใจเรื่องนี้โดยลำพังหรือไง”

“แน่นอนสิผมกับพี่เรามีหุ้นเท่ากัน เรามีสิทธิตัดสินใจพอๆ กัน อ๊ะหรือว่าตุลามีความเห็นเป็นอื่น”

ธันวาปลายตาไปมองน้องชายที่อายุห่างกันมาก ตุลาก็ยังเหมือนเดิมทำตัวไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้นเหมือนคนไม่เอาอ่าว อีกฝ่ายก้มหน้าดูดน้ำในแก้วเสียงดังซูดๆ แค่มองเฉยๆ ยังนึกรำคาญ

“เห็นไหมขนาดตุลายังไม่คัดค้าน พี่จะโวยวายทำไมหลานทั้งคนนี่นา”

ฟังพูดคำจาทั้งเห็นท่าทางสีหน้าโอหังของธันวาอย่างนี้ในใจมีนาก็อดเวทนาไม่ได้ แต่ยิ่งเป็นพี่น้องกันยิ่งไม่น่าให้อภัย หากคุณภาริชคนนั้นไม่ให้เธอกับตุลาตรวจดูบัญชีบริษัทอย่างกะทันหัน ถ้ารอให้ทุกอย่างดำเนินไปตามธรรมเนียมอย่างเอิกเกริกมีหวังธันวาคงทำลายหลักฐานไปแล้วอย่างหมดจด

เจ้าน้องชายคนนี้ทำบัญชียักยอกเงินเงินบริษัทเข้ากระเป๋าจำนวนมาก ทั้งๆ ที่รู้ว่าพี่ๆ น้องเองก็ต้องใช้เงิน โดยเฉพาะเธอซึ่งตอกฟอกไตให้สามีของตนเองอย่างต่อเนื่อง คิดถึงช่วงเวลาหลายครั้งที่ธันวาอ้างว่าผลประกอบการไม่ดีนัก แท้ที่จริงแล้วเจ้าน้องเลวคนนี้ซุกเงินเอาไว้ใต้เบาะเป็นจำนวนมาก

ไม่เพียงแค่นั้นเรื่องเสื่อมเสียฉาวโฉ่ที่มันทำจนหุ้นของบริษัทร่วงกราวอย่างน่าใจหาย กว่าจะกลับมาสภาพปกติได้ก็เล่นเอาปาดเหงื่อ แน่นอนว่าที่หุ้นกลับมาแข็งตัวอีกครั้งบางส่วนมาจากเหตุการณ์ที่คุณภาริชคนนั้นคุกเข่าให้เมษา แม้ไม่ได้ผลอะไรมากแต่ก็สร้างภาพลักษณ์ของผู้ชนะให้กับบริษัทชัยมงคล

“ระหว่างที่แกกับลูกชายทำเรื่องสนุกกัน ตอนนี้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดได้เปลี่ยนไปแล้ว แกไม่รู้หรือไง”

“ผมก็ต้องรู้สิ ทำไมจะไม่รู้ล่ะว่าบริษัทผลิตอุปกรณ์อิเลคทรอนิคที่มีชื่อเสียงในประเทศ F กวาดซื้อหุ้นของเรา แต่พูดก็พูดเถอะ ถึงพี่กับตุลาจะขายหุ้นไป แต่หุ้นของพวกเราพี่น้องรวมกันก็ยังมากอยู่ดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสามารถของผม ยังไงผู้ถือหุ้นรายนั้นจะไม่มีวันเขี่ยผมออกจากตำแหน่งประธานแน่ๆ” ธันวามั่นใจในผลงานที่ผ่านมาของตัวเองอย่างหยิ่งผยอง

“ที่พี่เรียกประชุมวันนี้ ผมก็คาดอยู่แล้วว่าต้องมีผู้บริหารจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในตอนนี้มา”

“คุณนี่นอกจากฉลาดแล้วยังเตรียมพร้อมเสมอเลยนะ”

ผู้พูดเดินเข้ามาในห้องประชุม การปรากฏตัวของภาริช พัชรกานต์กุลพร้อมกับคาร์ล ซีมัว ทำให้ธันวางงงัน

“แกมาทำไมที่นี่ภาริช” เมษากระตุกยิ้มหยามหยัน “มาคุกเข่าให้ฉันอีกรอบหรือไง”

ภาริชยิ้มหวานแต่ไม่ตอบ คนที่ตอบแทนกลายเป็นคาร์ล ซีมัว

“คุณภาริชเป็นเจ้าของหุ้นรายใหญ่ของบริษัทชัยมงคล เขาถือหุ้นของที่นี่ในนามบริษัท paris electronics”

ธันวาสะดุ้งเฮือกคล้ายกับฟ้าผ่าลงกลางศีรษะ ทำไมกันนะเขาไม่เคยเชื่องโยงไอ้ภาริชกับบริษัทใหญ่โตอันนี้มาก่อน ชื่อบริษัทแม่มก็บอกโต้งๆ แต่คงเป็นเพราะบริษัทนี้มีสาขาใหญ่อยู่ที่ประเทศ F มันก็เลยไม่ทำให้เขาฉุกใจ เวลานี้โทสะของเขาพุ่งพล่านและนำมันไประบายกับพี่น้องของตัวเอง

“พี่บ้าไปแล้วหรือพี่มีนา พี่กล้าขายหุ้นให้คู่แข่งของเรา พี่ยอมไอ้คนนอกมันมาตัดเค้กแบ่งกิจการของครอบครัวไปได้ยังไง” ธันวาทุบโต๊ะดังปัง

มีนาปลายตามองแววตาของพี่สาวราวกับมองขยะชิ้นหนึ่ง “ยังไม่เท่ากับพี่น้องที่โกงเงินพี่น้องด้วยกันหรอกมั้ง”

“พี่พูดอะไร” ธันวาแม้ตื่นตูมแต่ก็ทำปากแข็ง เขามั่นใจว่าหลายวันก่อนสั่งให้หัวหน้าแผนกบัญชีจัดการให้เขาแล้วแน่ๆ

“เอาไว้ไปพูดกันในชั้นศาลเถอะ” พอมีนาส่งสัญญานตำรวจก็วิ่งกรูเข้ามา แจ้งข้อหาพร้อมกับแสดงหมายจับ ปฏิกิริยาของธันวาคือเรียกร้องให้พี่สาวช่วยเหลือ

“พี่มีนาผมเป็นน้องพี่นะ พี่จะทำแบบนี้กับผมหรือ”

เมษาที่อยู่ในเหตุการณ์ได้แต่ยืนอึ้ง เขาจับต้นชนปลายไม่ถูกไม่รู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมทุกอย่างถึงได้เละเทะแบบนี้ แถมพ่อของเขายังทำสิ่งที่ไม่น่าเชื่อด้วยการกอดขาคุณป้ามีนาร้องขอความเมตตา

“พี่สาวเห็นแก่ความเป็นพี่น้องของเราเถอะ” ที่แรกแค่จับมือมีนาเอาไว้พอเห็นว่าหล่อนไม่ใส่ใจ ธันวาก็เล่นบทใหญ่คุกเข่าลงกอดขาคนเป็นพี่ร้องไห้เหมือนเด็กๆ เขารู้ว่าต่อให้มีนาลำเอียงแค่ไหน แต่สำหรับหล่อนเขาก็คือน้องชายที่เลี้ยงมากับมือ ย่อมต้องใจอ่อนเป็นธรรมดา

ซึ่งเขาเดาได้ถูกมีนาใจอ่อนจริงๆ นั่นแหละ เธอเอื้อมไปหาธันวาก่อนจะชักกลับอย่างสับสน ธันวาร้องไห้คร่ำครวญเหมือนเด็กๆ ถ้าหากตุลาไม่เตือนสติเธอเสียก่อน ไม่แคล้วเธอคงร้องขอความเมตตาจากคุณภาริช

“พี่ธันวาอย่าลืมว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องภายในของเราพี่น้องสามคน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่มีสิทธิเรียกร้องให้ตรวจสอบบัญชีได้ เขามีสิทธิในฐานะผู้ถือหุ้นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ถึงเราจะเห็นแก่ความเป็นพี่น้อง ก็ใช่ว่าคุณภาริชจะสบายใจยอมปล่อยให้คนขี้โกงอย่างพี่ลอยนวลหรอกนะครับ”

ตุลาที่ปกติพูดน้อยยิ่งกว่าน้อย พอพูดทีหนึ่งก็มักจี้ได้ตรงประเด็นเสมอ เพราะงั้นเขาถึงเกลียดมันไง มันฉลาดและมักคอยจับผิดเขาแทนพี่สาวเสียทุกครั้งไป

“จริงสิ ถ้าพี่อยากคุกเข่าอ้อนวอน ควรเป็นคุณภาริชมากกว่าที่น่าจะช่วยพี่ได้ ผมไม่รู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ที่ได้ยินมาแค่ถูกฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายเรื่องสปายก็แย่พอแล้ว หากต้องมาโดนเรื่องยักยอกอีก” ตุลาไม่พูดต่อเขาใช้สายตาที่สื่อถึงความเวทนามองดูพี่ชาย

ธันวาหันไปมองภาริชซึ่งยืนตระหง่านอยู่ไม่ไกล ที่คุกเข่าขอความเมตตาจากพี่สาวเป็นความคิดชั่ววูบเพราะกลัว แต่เมื่อมีสติเขาทราบทันที เรื่องที่ซุกเอาไว้มันไปถึงตำรวจทั้งยังมีหมายศาลแล้วต่อให้คุกเข่าพันครั้ง ภาริชก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้ ธันก้มหน้าลงต่ำกำหมัดแล้วคลายออกสองสามครั้ง ตัวสั่นระริกด้วยความอดสูสิ้นหวังยามนึกถึงอนาคตที่จะเกิดในข้างหน้า

เมษาที่เป็นลูกเข้าใจการกระทำของพ่อผิดไป ด้วยโทสะจริตและศรัธทาจริตในตัวเองซึ่งมาจากชัยชนะเหนือภาริชจากการแข่งเกมอย่างแรงกล้า เขาจะไม่ยอมให้พ่อของตัวเองคุกเข่าให้ไอ้ภาริชเด็ดขาด เขาตะโกนออกมาอย่างดุดัน

“พ่อจะคุกเข่าให้มันไม่ได้นะ ไม่อย่างนั้นเราจะแพ้มันอย่างหมดรูป”

ได้ผลพ่อหันมามองเขาด้วยสายว่างเปล่าก่อนจะก้มหน้ากลับไปแล้วนั่งนิ่งอย่างนั้น แบบนี้มันย่อมต้องดีกว่าคลานไปกอดขาขอร้องไอ้ภาริชแน่นอนอยู่แล้ว จากนั้นในเวลาต่อมาพวกตำรวจก็หิ้วปีกธันวาไป เมษารีบเดินตามแต่ยังไม่วายพูดจาขู่อาฆาตใส่ภาริช

“อย่าคิดว่ามันจะจบแค่นี้”

ภาริชทำเพียงแค่ยิ้ม เมษาผู้อ่อนต่อโลกยังไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะพบเจอเรื่องลำบากขนาดไหน



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



                        ตอนนี้มาสั้นขออำภัย หายไปนานโทดทีค่ะ เราออกต่างจังหวัดกับทีมของเราทั้งอาทิตไปหลายจังหวัดเลย

                       นิยายเรื่องนี้อีกตอนสองตอนก็จบแล้ว

                        สปอยนิดละกันตอนหน้าคงได้เห็นวิบากกรรมของเมษาอิอิ

                       จะรีบมาต่อเลยค่ะ ถ้าไม่วันพรุ่งนี้กะถัดไปอีกวันไม่เบี้ยวแน่นอน

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
พิมพ์ผิดพิมพ์ตกหลายจุดนะ
ตอน 59
เพราะการมาของเมษาในครั้งนี้ ...อิงภพ....ถึงได้รู้ตื้นลึกหนาบางของการท้าดวลระหว่างพี่ภาริชกับหมอนี่
แต่กับคนที่ดื้อแพ่งมันสำควรแล้วที่ต้องถูกสั่งสอน   >  สมควร
ฐานะทางบ้านก็คู่ควรทัดเทียมแก่การเป็นเพื่อน  >>   ทัดเทียมคู่ควร
ทัศนคติที่เต็มด้วยการเข่นฆ่าทำลายซึ้งล้วนพุ่งเป้าไปหาพี่ภาริช   >> ซึ่ง

ตอน 60
ทั้งๆ ที่รู้ว่าพี่ๆ น้องเองก็ต้องใช้เงิน  .... พี่น้อง หรือ พี่ๆ น้องๆ
ศรัธทาจริต ... ศรัทธาจริต >>> น่าจะใช้คำว่า "ความหลงผิด" จะดีกว่า
ได้ผลพ่อหันมามองเขาด้วยสาย..ตา..ว่างเปล่า

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :z13: จิ้มไว้ก่อนเดี๋ยวมาอ่านค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
น่าสนุกมากค่ะ ติดตามๆ

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อยู่ใต้จมูกกันนี่เองงง ช่วยรักษาน้องให้หายด้วยนะคะภาริช

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
เข้าใจว่าเมษาคือผญมาตลอด...... แต่ต้นกล้านี่มันน่านัก  :z6:

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
คืออ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึงซีรี่ส์จีน เว่ยเว่ย ยิ้มนี้โลกละลายเลยค่ะ

คิดถึงอี้เสียวไน่เหอมากๆ มันได้อะนึกภาพออกเลย สนุกมาก!

ยิ่งตอนนี้นะ โอ้โห  :katai2-1:

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
จะจบแล้วอยากอ่านฉากโซเดมาคอมเป็นสเปเชี่ยลจัง

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ภาริชโคตรร้าย!  :laugh: ป.ล. เรื่องนี้มีแต่เลข 4 เนอะ 555 (แซว)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-11-2018 04:08:20 โดย Noname_memi »

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ขอไปลงทะเบียนด้วยคนได้ไหมคะ ยังทันไหม // เรียกแท็กซี่แป๊บ

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อยากฟาดกระโหลกเมษาสักทีสองที  :z6:

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
พี่ภาริชนี่มันปิศาจชัดๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ lucifer miumiu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +147/-1
บทที่61

บางทีการยอมรับความเป็นจริงก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

ด้วยการกระทำความเลวนานัปการที่ธันวาผู้เป็นพ่อก่อขึ้น มันส่งผลต่อเมษาอย่างร้ายแรงจนในที่สุดลูกผู้ดีมีเงินเช่นเขาก็กลายเป็นคนที่แทบไม่เหลืออะไร ธันวานอกจากต้องติดคุกยังต้องถูกยึดทรัพย์เพื่อชดใช้ความผิดหลายกระทง

บัดนี้เมษาผู้เป็นลูกมีสมบัติเพียงแค่บ้านเล็กๆ หลังหนึ่งกับเงินติดตัวไม่ถึงแสน ด้วยนิสัยที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ของเขา เด็กหนุ่มคิดว่าต่อให้ยากจนกว่านี้ขอแค่เข็นตัวเองจนเรียนจบในระดับปริญญาตรีก็ยังมีโอกาสกลับมาผงาดล้างแค้นภาริชได้อยู่

ขอแค่เรียนให้จบเท่านั้น ทว่าด้วยเงินที่เหลือติดตัวไม่ถึงแสน มันยังไม่พอจ่ายค่าลงทะเบียนในมหาลัยสำหรับคลาสอินเตอร์ที่เขาศึกษาอยู่ตอนนี้ได้เลย เขาต้องทำอะไรซักอย่าง แต่ด้วยความที่เขาโกรธพวกญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นป้ามีนา หรืออาตุลาซึ่งรวมหัวกันทรยศเขากับพ่อ มันทำให้เกิดทิฐิมานะว่าอย่างไรเขาไม่ยอมไปก้มหัวพึ่งพาคนพวกนั้นแน่นอน

พูดถึงเพื่อนๆ ที่พอจะให้ช่วยเหลือได้ แต่ละคนพอโทรไปหาก็บ่ายเบี่ยงกันทั้งนั้น มีเพียงแค่อิงภพคนเดียวที่ยอมรับสายพูดคุยกับเขาแต่โดยดี

< “ฉันฝากให้นายไปทำงานกับธุรกิจในเครือของครอบครัวฉันได้นะ” >

จริงๆ เมษาแค่อยากหยิบยืมเงินซักล้านสองล้านไปลงทุนกับธุรกิจเล็กๆ ของตัวเอง แต่ไม่คิดว่าอิงภพดันเสนอมาแบบนี้

< “ว่าไง ทำไมเงียบไปล่ะตกลงทำไหม ไม่ใช่งานยากอะไร”

เพราะไม่อยากให้อิงภพคิดว่าตนเป็นคนเรื่องมาก เอาเป็นว่าทำๆ ไปซักพักก่อนแล้วค่อยเอ่ยปากขอยืมเงินคงดีกว่า เขาไม่อยากขัดใจที่พึ่งซึ่งคว้ามาได้

ใครจะไปคิดละว่าคนอย่างเขาต้องมาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหาร รู้สึกโมโหอิงภพอย่างบอกไม่ถูก เขาบ่นไปทันทีว่าไม่มีงานที่เข้าท่ากว่านี้แล้วหรือ คำตอบที่ได้รับคือ

“ครอบครัวของฉันไม่ได้มีธุรกิจเลิศหรูอะไร ที่เราทำกันเป็นล้ำเป็นสันคือธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร พวกร้านอาหารหรือร้านคาเฟ่ ผับและร้านเหล้า ขอโทษนะที่ช่วยนายได้แค่นี้”

“นายแนะนำให้ฉันไปทำตำแหน่งผู้จัดการฝึกหัดก็ได้นี่”

“นี่มันธุรกิจของพ่อฉัน ฉันไม่สามารถยัดเยียดใครไปลงตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมกับวุฒิการศึกษาตามใจชอบได้หรอกนะ ทนเอาหน่อยถ้านายทำได้ดีฉันจะช่วยพูดกับคุณพ่อเลื่อนตำแหน่งนายให้เอง โอเคนะ”

แม้จะผ่านการทำงานไปจนครบสัปดาห์แล้วเมษาก็ไม่มีความกะตือรือล้นกับงานแม้แต่น้อย ทั้งชีวิตเขาไม่เคยต้องมาบริการใครมาก่อน สำหรับเขาที่คุ้นเคยกับการได้เป็นลูกค้าvipเสมอพอต้องมาบริการลูกค้าแบบนี้เขาไม่สามารถปรับตัวได้เลยแม้จะผ่านมาระยะหนึ่งแล้ว

วันนี้ก็เหมือนกันเมษาเหม็นเบื่อพวกลูกค้าช่างโอ้อวดเสียเหลือเกิน เจ้าคู่รักเสร่อที่เอาแต่อวดรวยสวมทองเส้นใหญ่เป้งๆ เหมือนพวงมาลัย ฝ่ายหญิงก็พูดว่ารักผัวนางเป็นหนักหนาที่เอาเงินมาทำนมให้นางจนบึ้บบั้บขนาดนี้

เมษาเหยียดริมฝีปาก ก่อนจะไปทำนมช่วยศัลยกรรมหน้าให้เป็นผู้เป็นคนก่อนดีไหมโหนกแก้มสูงจนน่าเกลียด แถมหน้ารูปเหลี่ยมนี่ ถ้าเขาเป็นผัวที่ชอบอวดรวยของเจ้าหล่อนคงไม่ให้เงินไปทำนมแต่จะสั่งให้หล่อนไปทุบทั้งหน้าแทนดีกว่า

“พี่ดูสิ ใครๆ ก็อิจฉาที่ฉันได้พี่เป็นผัว พี่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้”

เป็นอีกครั้งที่เมษาไม่ปิดบังรอยยิ้มเดียดฉันท์ ผัวเธอหล่อกว่าคนขับสิบล้อนิดหน่อยเท่านั้นเอง คิดได้แค่ชั่วแวบเดียว ฝ่ายชายก็เขวี้ยงแก้วน้ำมาทางเข้า เมษาหลบวูบไปได้ฉิวเฉียด

“มึงมีปัญหาอะไรกับกูวะไอ้เด็กเสิร์ฟ มึงมองกูกับแฟนด้วยสีหน้าดูถูกแถมยิ้มหยามพวกกูหลายครั้งแล้วนะ”

“ผมเปล่านี้ ก็แค่ขำพี่สาวคนนี้เท่านั้น ผมแนะนำอะไรให้นะแทนที่จะไปทำนมเอาเงินไปทุบหน้าให้เป็นผู้เป็นคนคงจะดีกว่า”

เป็นเพราะความเหนื่อยหน่ายอึดอัดที่ต้องมาทำงานรับใช้ผู้คน สำหรับเมษาที่อยู่สูงกว่าคนอื่นมาโดยตลอดมันทำให้ความยะโสโอหังไม่รู้กาลเทสะฝังลึกอยู่ในกมลสันดาน เขาไม่ยี่หระด้วยซ้ำกับการตกงาน เดี๋ยวค่อยไปตีหน้าเศร้ายืมเงินจากอิงภพน่าจะง่ายกว่า

“มึง” ลูกค้าหนุ่มผุดลุกขึ้นถลาเข้าไปหมายจะชกเมษา โชคดีที่ผู้จัดการมาห้ามเอาไว้ ลูกค้าหนุ่มโวยวายใหญ่โตให้ไล่เมษาออกจากงาน เป็นโชคดีของทั้งคู่ ที่ไม่มีคนสนใจบันทึกภาพเหตุการณ์อันนี้เอาไว้เลย

ผลที่ได้ในเวลาต่อมาผู้จัดการรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้อิงภพทราบ หลังจากวางสายไปเด็กหนุ่มเอนหลังไปบนเก้าอี้ราคาแพง เขากำลังครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เมษาก่อความวุ่นวาย

เจ้าหมอนี่ดูเหมือนไม่ได้กลัวการถูกไล่ออกจากงานเท่าไหร่ ที่โทรมาขอให้ช่วยคงไม่ต้องการให้หางาน แต่น่าจะอยากยืมเงินมากกว่า ตัวเขาเองก็มีเงินเก็บส่วนตัวไม่น้อยกว่า 5 ล้าน การให้ยืมไม่ใช่เรื่องเดือดร้อน กระนั้นไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางหยิบยื่นเงินของเขาให้หมอนั่นง่ายๆ แน่

เมษาไม่ได้ทำผิดอะไรต่อเขา พวกเขาสองคนคบหากันด้วยดีมาตลอด ทว่าไม่อย่างไรอิงภพให้อภัยไม่ได้จริงๆ กับการที่ฝ่ายนั้นทำให้พี่ภาริชเสียศักดิ์ศรีต่อหน้าผู้คนมากมาย ยิ่งเดี๋ยวนี้เห็นธาตุแท้หลายอย่างไม่ว่าจะต่อพี่ภาริชหรือต้นกล้า ก็ล้วนแล้วแต่น่าสะอิดสะเอียนทั้งนั้น

เสียงเรียกเข้ามือถือดังขึ้นมา รู้ว่าเป็นเมษาแต่ก็ยังรับสาย ฝ่ายนั้นขอโทษขอโพยพูดแก้ตัวต่างๆ นานากับสิ่งที่ทำลงไป ก่อนที่คนคนนี้จะวกเข้าเรื่องยืมเงินอิงภพก็เสนองานใหม่ให้เสียก่อน

“จำได้ว่านายไปเข้าคลาสเรียนผสมเหล้าและคอกเทลจนชำนาญเลยนี่ เอาอย่างนี้ไหมไปเป็นบาร์เทนเดอร์ให้บาร์เหล้าในโรงแรมของครอบครัวของฉัน รายได้เยอะและทิปหนาเชียวนะ”

เมษาอ้าปากจะเถียง เขาอยากตัดบทแล้วยืมเงินใจแทบขาด แต่ไม่มีโอกาสได้พูดสุดท้ายก็ต้องมาทำงานตามที่อิงภพแนะนำ

นี่เป็นครั้งแรกที่ต้องมาเป็นฝ่ายให้บริการในสถานเริงรมย์แบบนี้ ทว่าเพราะโรงแรมแห่งนี้อยู่ในระดับ 5 ดาว จึงไม่มีพวกรวยไม่จริงหรือพวกบ้านนอกโผล่มาให้รกหูรกตา กระนั้นแทนที่จะได้สบายใจกลับต้องมารำคาญการถูกตื้อจีบอย่างต่อเนื่อง

หนุ่มใหญ่ที่มาเฝ้าเขาติดต่อกันหลายวันนับตั้งแรกที่เมษาเข้ามาทำงาน วันแรกที่เจอกันก็สั่งให้เขาผสมเหล้าราคาแพงจำนวนมากทั้งยังให้ทิปเกินจำเป็น ถ้าให้พูดตามตรงก็คือรังเกียจ เขารักนรินทร์ที่เป็นผู้ชายก็จริง แต่เขาไม่ใช่เกย์ไม่เคยนึกสนใจร่างกายของเพศเดียวกันนอกเหนือจากนรินทร์มาก่อน

หนุ่มใหญ่คนนี้แวะเวียนมาเย้าหยอกพูดจาฉอเลาะหวานหู แต่ละคำที่ใช้เกี้ยวพาราสีฟังดูน่าขนลุก กูโคตรเกลียดเลย เมษาตบะแตกในที่สุดเมื่อถูกลวนลามในตอนที่ผลักแก้วคอกเทลสวยหรูไปตรงหน้าชายคนนั้น อีกฝ่ายคว้าจับมือเขาไปลูบคลำอย่างอ้อยอิ่งแฝงความนัยด้วยแววตาเชิญชวน

เมษาคว้าแก้วจากลูกค้าท่านที่นั่งอยู่ข้างๆ มาสาดใส่หน้าหนุ่มใหญ่ท่านนั้นอย่างหมดความอดทน จากนั้นไม่ฟังอีร้าค่าอีรม <ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม หมายถึง ไม่ฟังอะไรเลย ใครพูด ใครทัก ใครเตือนก็ไม่ฟัง ออกแนวกำลังฉุนเฉียว> ออกจากโรงแรมนั่งรถตรงไปหาอิงภพที่บ้านทันที

ผู้จัดการโทรมารายงานให้อิงภพทราบเรื่องก่อนที่เมษาจะรู้ตัวเสียอีก อิงภพได้ฟังการถูกไล่ตื้อจีบเมษาของแขกขาประจำมาระยะหนึ่งแล้ว ผู้จัดการรายงานเรื่องนี้เพราะเป็นห่วงลูกจ้างที่นายน้อยฝากเข้ามา ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่สิ่งที่คาดไว้มันเกิดขึ้นแล้ว ผู้จัดการมืออาชีพรอฟังคำตัดสินใจของนายน้อย

“หมอนั่นคงไม่กลับไปทำอีกแล้วล่ะ เอาชื่อเขาออกจากการเป็นพนักงานได้เลย”

อิงภพตัดสายทิ้ง เอนหลังลงบนโซฟาส่ายหน้ายิ้มๆ นึกระอากับพฤติกรรมแสนคุณหนูของเมษา เขาไม่มีใจจะสมน้ำหน้าหยามเหยียดหรอกนะ เพราะถ้าเขาต้องไปเจอแบบนั้นคงมีอาการไม่น้อยไปกว่าเมษาแน่ๆ แต่อย่างน้อยนี่มันก็เป็นการทำงานถึงสองที่แล้วต่อให้โง่แค่ไหนก็ควรรู้ว่าต้องลดความหยิ่งผยองลงบ้าง ถ้าหากอยากใช้ชีวิตอยู่ในสังคมซึ่งต้องดิ้นรน

เสียงเตือนของข้อความจากแอพซึ่งเมษาส่งมารัวถี่ยิบ ใจความคือต้องการหยิบยืมเงินจากเขา อีกฝ่ายร่ายรายละเอียดแผนการณ์ลงทุนในธุรกิจอันเลิศหรูที่ตนเองมั่นใจ

เงินตั้ง 2 ล้านเชียวนะ เงิน 2 ล้าน เมษาสามารถพูดจายืมเงินจำนวนนี้กับเขาอย่างไม่เกรงใจเลยเชียวหรือ คิดถึงหลักเหตุผล อิงภพก็อดยิ้มหยันไม่ได้ ไม่แปลกใจหรอกกับคนที่เคยใช้เงินมือเติบมาตลอดชีวิต สำหรับเด็กที่เกิดมาบนกองเงินกองทองอย่างพวกเขาเงิน 2 ล้าน นี่มันธรรมดามาก

แต่เขากับน้องสาวของเขาไม่ได้เป็นอย่างนั้น อิงภพเรียนรู้การใช้เงินอย่างมีคุณค่ามาจากการพยายามแข่งขันแย่งความรักของภาริชมาจากฟอร์ด ระหว่างที่ต้องพยายามเป็นเด็กดีในสายตาของคนทีชอบ มันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งติดตัวเขาเองไปทีละน้อย

ติดเป็นนิสัยจนบ้างครั้งเวลาจะซื้อของต้องมานั่งกดดันตัวเองว่าจะทำอย่างไรให้ดูสมถะไม่แพ้เจ้าฟอร์ดน้องชายที่พี่ภาริชรักและเมตตาเสียเหลือเกิน จนถึงตอนนี้ไม่ใช่ว่าเสแสร้งอีกต่อไป เจ้ารู้ตัวกลายเป็นคนเลือกซื้อของอย่างประหยัดไปโดยสมบูรณ์

เงินจำนวน 2 ล้าน เขาสามารถให้หยิบยืมได้เพราะยังไงก็มีเงินเก็บมากกว่า 5 ล้าน แต่กับคนที่ไม่รู้คุณค่าของเงินอย่างเมษา อิงภพเล็งเห็นแล้วว่าอาจไม่ได้คืนง่ายๆ แน่นอน

ดังนั้นในยามที่เมษามาเคาะประตูหน้าบ้าน อิงภพก็สั่งให้พ่อบ้านของครอบครัวไปแจ้งว่าตัวเขาเดินทางไปเที่ยวเมืองนอกกับน้องสาวแล้วคงไม่กลับมาจนกว่าจะเปิดเทอมในระดับชั้นมหาวิทยาลัย

เมษากลับมาที่บ้านด้วยความผิดหวัง เงินที่เหลืออยู่ตอนนี้มีแค่ไม่เท่าไหร่หลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาพยายามหางานทำที่เหมาะกับเขาจำนวนมาก แต่มันไม่เข้าตาเลยซักอย่าง เมษาไม่ได้รู้ตัวเลยว่าความหัวสูงช่างเลือกของเขามันจะทำให้เขาต้องว่างงานไปอีกนานแสนนาน

นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาลงทะเบียนเรียนแล้วเขายังไม่มีเงินซักบาท จะพึ่งใครดี ในที่สุดใบหน้าของพี่สายหมอกก็แวบเข้ามา ทำไมเขาถึงลืมคนคนนี้ไปได้นะ คนคนนี้เองก็เป็นลูกผู้ดีมีเงินเข้าขั้นมหาเศรษฐีคนหนึ่ง

เมื่อไปถึงหน้าห้องของเป้าหมาย เมษากดกริ่งที่หน้าห้องได้ไม่นานพี่สายหมอกก็เปิดประตูออกมา ใบหน้าทรงเสน่ห์อย่างเหลือเชื่อเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน

“พี่ยังไม่บินไปประเทศ F อีกหรือครับ ผมนึกว่าพี่บินไปดูสถานที่แต่เนิ่นๆ เสียอีก”

“พี่อยากอยู่ที่นี่ให้นานที่สุดจนกว่าจะจัดการเรื่องเรียนและเรื่องครอบครัวของคนรักได้”

“เอ๋” เมษาทำหน้าแปลกใจนิดหน่อยคนรักที่ว่าเป็นใคร แต่มันคงไม่ใช่ต้นกล้าแน่นอน เพราะหลังจากที่ทำเรื่องเลวทรามขนาดนั้นพี่สายหมอกไม่น่าจะรับเรื่องนี้ได้

“จริงสิผมขอเขาไปคุยเรื่องของผมนิดหน่อยได้ไหมครับ” ข้างนอกค่อนข้างหนาวเย็นเพราะมันก็ดึกมากแล้ว อีกอย่างเรื่องหยิบยืมเงินมันน่าขายหน้าจะให้ใครได้ยินไม่ได้เด็ดขาด

“พี่ไม่สะดวกเลยครับ คืออย่างนี้นะ” สายหมอกกระซิบที่ข้างหูเมษาเสียงเย้ายวน คนฟังปั้นหน้าไม่ถูกเลย

“ชักอยากเห็นคนรักของพี่แล้วสิ” คนที่ทำให้พี่สายหมอกหลงใหลจนตัดใจจากต้นกล้าได้แม่มคงสวยมากๆ แถมได้ยินมาว่าพี่เขาไม่เคยพาใครคนไหนมากกที่ห้องนี้เลยซักครั้ง

“เอางั้นหรือ” สายหมอกหัวเราะแผ่วเบาก่อนจะใช้เสียงนุ่มนวลเรียกคนของตัวเองออกมา

“คนดี ออกมาหาพี่ที่หน้าประตูห้องที”

วินาทีที่ได้เห็นคนรักของพี่สายหมอกเมษาก็ตะลึงไปเลย เจ้าต้นกล้าคนนั้น เจ้าต้นกล้าคนนั้นเดินตรงมาหาพวกเขาด้วยการมีเสื้อเชิ้ตสีขาวติดกายเพียงตัวเดียว ผิวกายนวลเนียนขาวผ่องประปรายไปด้วยรอบจูบและขบกัดชวนให้ใจเต้นไม่เป็นส่ำ

แถมสีหน้าเย้ายวนแววตาเยิ้มฉ่ำซึ่งทอดมองไปหาพี่สายหมอกนั้นเต็มไปด้วยความรักเกินกว่าจินตานาการ ต้นกล้ามันทำเหมือนกับว่าไม่มีเขายืนอยู่ตรงนี้ นอกจากนั้นการเดินเหินนุ่มนวลละมุนตาที่ไม่ต่างกับการเหยียบย่ำบนปุยเมฆ ภายในเวลาไม่ถึงเดือนเจ้าคนไร้ค่านี่กลายเป็นเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เต็มตัวแย้มบานส่งกลิ่นหอมยั่วราคะถึงขนาดนี้ไปได้ยังไง

ต้นกล้าพอมาถึงก็กอดแขนสายหมอกและซบลงบนไหล่แกร่งอีกฝ่ายหลับตาพริ้มอยู่อย่างนั้นไม่ได้สนใจใยดีคนอื่นเลย

“อ..” เมษารู้สึกว่าปากคอของเขาแห้งผากและหนักเหมือนก้อนหินกว่าจะพูดสิ่งที่ต้องการออกมาได้ก็ยากเย็นเหลือเกิน “ที่ผมมาคราวนี้ก็ตั้งใจว่าจะขอหยิบยืมเงินจากพี่สายหมอกนิดหน่อยนะครับ”

“เท่าไหร่”

เมษายิ้มออกมาได้หน่อย ท่าทีสบายๆ ของสายหมอกเมษาคาดว่าคงได้มาอย่างง่ายๆ แน่ๆ แต่ก็ไม่ลืมเหลือบมองไอ้ต้นกล้าเกรงว่าอีกฝ่ายมันจะล้างแค้นเขา ซึ่งมันจะทำก็ไม่แปลกใจ

เมษาแจกแจงรายละเอียดที่คิดไว้ยาวเหยียดจริงๆ ไม่พอใจนิดหน่อยที่พี่สายหมอกไม่เชิญเขาไปคุยในบ้านดีๆ แถมไอ้ต้นกล้า ก็เรียกร้องความสนใจจากผัวของมันด้วยการออดอ้อนออเซาะจนหลายๆ ครั้งเหมือนพี่หมอกไม่ได้ฟังเขาเลย

แม่มหน้าด้านไร้ยางอาย โสเภนีหรือไงวะ มีแต่พวกกระหรี่เท่านั้นแหละที่กล้าโผล่หัวมาในสภาพเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเดียว แถมยังอ้อนผัวต่อหน้าคนอื่น หงุงหงิงฉอเลาะตอแหลไปเรื่อยนะมึง

“จริงๆ แค่ 2 ล้านนี่พี่ให้ยืมก็ได้นะ”

เมษายิ้มกว้างเลิกสนใจต้นกล้าไปแล้ว แต่ต้องชะงักเพราะคำพูดถัดมาของพี่สายหมอก

“แต่กระเป๋าเงินของพี่เนี่ย ไม่ว่าจะรายรับรายจ่าย พี่ให้คนรักเป็นคนจัดการ เมษาคงต้องไปอ้อนวอนเอาจากคนดีของพี่แล้วล่ะ”

เมษาชะงัก รอยยิ้มของเขาบิดเบี้ยวไม่น่าดู พอหันไปมองต้นกล้าก็พบว่าอีกฝ่ายมองมาที่เขาด้วยสายตาว่างเปล่า มันคงกำลังรอให้เขาพูดจาอ้อนวอนมัน

เมษากัดฟันกรอด เส้นเลือดบนขมับปูดบวมจนแทบแตก ขอแค่มีเงินไปลงทุนมีเงินลงทะเบียนเรียนให้จบ อีก 10 ปีให้หลังแก้แค้นมันก็ยังไม่สาย

“ได้โปรดให้ฉันยืมเงินเถอะนะต้นกล้า” เขาพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา แต่อีกฝ่ายนิ่งเงียบ คนที่เต็มด้วยเสน่ห์จนเกินต้านทานอย่างเหลือเชื่อนั้นไม่แสดงสีหน้าใดๆ

“มึงต้องให้กูไหว้ขอขมามึงใช่ไหมต้นกล้า...ได้...” เมษาพนมมือไหว้ต้นกล้า ความแค้นครั้งนี้ต้องได้รับการชำระไม่วันใดก็วันหนึ่ง เมษาที่แสนโง่เง่าคนนั้นคิดไปเองว่าจะไม่มีใครเห็นประกายตาแห่งไฟแค้นของเขา

ช่างแสนไร้เดียงสาเหลือเกินไฟแห่งความเคียดแค้นอันนั้น ต้นกล้ารับรู้อย่างชัดเจนแม้อีกฝ่ายจะพยายามปิดบัง

ต้นกล้าหันไปกระซิบที่ข้างหูของพี่สายหมอกด้วยเสียงที่เบามาก เมษาไม่อาจรู้ได้ว่าอีกฝ่ายคุยเรื่องอะไรกัน เวลาต่อมาไอ้ตัวแพศยาก็เดินกลับเข้าไปข้างในทิ้งเขาไว้กับรุ่นพี่สายหมอก

รุ่นพี่สายหมอกหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา เงินทั้งหมดในนั้นถูกยัดใส่มือของเขาก่อนที่อีกฝ่ายจะดันเมษาให้ออกจากบ้านแล้วปิดประตูลง

เมษายืนอึ้งอยู่ที่หน้าห้อง เขาดูเงินในมือเป็นธนบัตร 1000 บาท จำนวนห้าใบ สัตว์ร้ายที่อยู่ภายในใจกรีดร้องโหยหวน

“มึงเห็นกูเป็นขอทานงั้นหรือ เงินขอทานเพียงแค่นี้” เมษากำเงินแน่นยกมือขึ้นเหนือหัวหมายจะปาเงินทิ้ง ทว่าเขาทำมันไม่ลง

เงินจำนวน 5 พัน สำหรับเขาในตอนนี้ เขาไม่กล้าทิ้งมันไป เมษาห่อไหล่เข้าหากันยัดเงินใส่กระเป๋าแล้วจากมา สีหน้าของเขาดูอ่อนล้า การเดินเหินไร้ความสง่าและไร้เรี่ยวแรงโดยสิ้นเชิง

ขณะที่เดินผ่านร้านขายอาหารข้างทางแห่งหนึ่ง ร้านแห่งนั้นเปิดโทรทัศน์ให้ลูกค้าชมแก้เบื่อ การรายงานข่าวพิธีหมั้นของเซเลบริตี้เป็นที่สนใจให้ผู้คนจำนวนมากทำให้แม้แต่เมษาเองก็ต้องหยุดดู

เขาไม่น่าหยุดยืนดูมันเลย รสชาติแห่งความพ่ายแพ้ช่างขมปร่าและรวดร้าวจนเกินทน ภาพคู่รักต่างวัยยิ้มแย้มให้กันอย่างมีความสุข ภาริชกับนรินทร์เฉิดฉายอยู่ในจอโทรทัศน์งดงามน่าหลงใหลราวกับภาพวาด





+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนหน้าเป็นบทส่งท้ายแล้วนะคะ เราเตรียมจะเขียนเรื่องใหม่ละ แต่ยังไม่ค่อยมั่นใจ

อาจจะลงเอื่อยๆ ดูก่อน เรากลัวตันกลัวเขียนไม่ดีน่ะค่ะ พลอตยังไม่แน่นเสียทีเดียว

ถ้ายังไงช่วยติดตามช่วยแสดงความคิดเห็นในนิยายเรื่องใหม่ของเราด้วยนะคะ

ไม่รู้ว่าจะแต่งจนจบเรื่องได้ไหม แนวที่จะเขียนนี้ไม่ถนัดเลยค่ะ แต่อยากแต่งกะเขาบ้าง

ตามกระแสตอนนี้แหละค่ะ อยากวิ่งตามกระแสค่า

แสดงความคิดเห็นเป็นกำลังใจกันบ้างนะคะ

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ขนาดต้นกล้ายังได้เจอความรักดีๆเลย
น่าสงสารเมษานะ แค่รักไม่เป็นเท่านั้นเอง
 :o12:

ปล.รอติดตามเรื่องใหม่นะคะ คนเขียนสู้ๆ

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :เฮ้อ: เมษาเอ้ย ถ้าไม่เปลี่ยนมันก็ไม่มีทางจะดีขึ้นหรอกนะ

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
วั้ยยย ทำไมเราสะใจที่เมษาตกอับ 555555

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3

ออฟไลน์ lucifer miumiu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +147/-1
บทส่งท้าย

กาลเวลาหมุนเวียนผ่านไปไม่ย้อนกลับ จะว่านานก็นาน แต่บ้างครั้งใครหลายคนก็คิดว่ามันช่างรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ

สายลมที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างนำพากลิ่นหอมอ่อนๆ ของต้นไม้ใบหญ้าชวนให้รู้สึกสดชื่น เป็นเวลา 4 ปีกว่าแล้วที่เขามาอาศัยอยู่ที่ประเทศ F กับคนรัก คนรักของเขาช่างดีเลิศจนไม่สามารถสรรเสริญความดีงามของเขาได้หมดภายในวันเดียว

นับตั้งแต่ต้นกล้าตัดสินใจปล่อยทุกอย่างให้อยู่ในมือของพี่สายหมอก เขาก็ไม่เคยพบเจอกับสิ่งที่เรียกว่าอุปสรรคอีกเลย เพราะว่าไม่อยากแยกห่างจากคนรัก ดังนั้นจึงตามมาเรียนต่อในระดับชั้นวิทยาลัยที่ประเทศ F ด้วยความเป็นคนที่มีพื้นฐานทางภาษาดีอยู่แล้ว เมื่อพยายามอย่างมุ่งมั่นไม่นานเท่าไหร่ก็สามารถใช้ภาษาของคนที่นี่ได้คล่องแคล่วราวกับคนท้องถิ่น

เพราะต้นกล้าเลือกเรียนคณะศิลปศาสตร์สาขาภาษาFและวรรณกรรมคลาสสิค ดังนั้นตั้งแต่เริ่มเรียนเขาก็ลงมือจรดนิ้วลงบนแป้นพิมพ์สร้างสรรค์ผลงานนิยายของตัวเองเรื่อยมา การสั่งสมประสบการณ์ถึง 4 ปี ด้วยการลงขายงานของตัวเองทางโลกออนไลน์บ้าง หรือส่งให้สนพพิจารณามันทำให้ต้นกล้าค่อยๆ กลายเป็นคนมีชื่อเสียงในฐานะนักเขียนคนหนึ่ง

หลังจากเรียนจบในระดับวิทยาลัย เขาก็กลายมาเป็นนักเขียนเต็มตัว ตามจริงมีความคิดว่าไปจะสมัครเป็นนักเขียนคอลัมน์อาจยังดูมีอนาคตกว่า หรือให้พี่สายหมอกฝากตัวเข้าไปทำงานในบริษัทที่พี่เขาเป็นประธานอยู่ก็ย่อมได้ แต่คนรักก็ยังใช้มือคอยผลักดันให้เขาสามารถทำตามความฝันในเส้นทางนักเขียนต่อไป

ใครหลายคนล้วนอิจฉาวิถีชีวิตรวมไปถึงความรักความเมตตาที่เขาได้จากคนรัก ผู้คนมากมายพากันกระแนะกระแหนเพราะเข้าใจว่าเขางอมืองอเท้าเกาะกินพี่สายหมอกไปวันๆ แต่ถึงแม้ตลอด 4 ปีที่ผ่านมามันจะกดดันแค่ไหน

ต้นกล้าไม่สนใจเลย เขาสนใจแค่เพียงความคิดอ่านของพี่สายหมอกคนเดียวเท่านั้น หนทางในเส้นทางการเป็นนักเขียนของเขายังอีกยาวไกล แม้ว่าจะมีจดหมายอิเลคทรอนิคส่งมาแจ้งให้ทราบว่างานเขียนของเขาได้รับรางวัลก็ตาม

ทั้งอย่างนั้นเขาไม่กล้าโอ้อวดลำพอง เพราะการพยายามดิ้นรนให้ตนเองขึ้นมาอยู่จุดนี้ เหตุผลที่ทำไปทั้งหมดแค่อยากกลายเป็นคนที่ทัดเทียมเฉิดฉายจนคนรักสามารถนำไปอวดได้อย่างไม่อายใคร

ต้นกล้าไม่ได้รู้เลยว่าทำไมสายหมอกถึงสนับสนุนให้คนรักของตนเองร่ำเรียนและทำงานในสายงานนี้ คนที่จะทราบความจริงอันดำมืดมีแค่สายหมอกเพียงคนเดียวเท่านั้น

ชายหนุ่มในชุดสูทหรูหรายืนพิงขอบประตูมองดูคนรักจมดิ่งกับห้วงจินตนาการตรงหน้าจอpc เสียงกดแป้นก็อกๆ ยังดังยิ่งกว่าเสียงลมหายใจของเขาอีก

4 ปีก่อนหน้านั้น เขาจัดการบังคับให้คนรักตามมายังประเทศ F อย่างเผด็จการ หลอกล่อชักจูงต้นกล้าทุกอย่างให้ทำในสิ่งที่เขาวางกรอบเอาไว้ คนรักของเขาก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่ถูกปล่อยปละละเลยจนไม่รู้ว่าควรดำเนินชีวิตไปในเส้นทางไหน

ผลการเรียนกลางๆ ไม่เคยทำกิจกรรมส่งเสริมเป็นชิ้นเป็นอัน และไม่มีความปรารถนาที่แท้จริงเกี่ยวกับอาชีพใดๆ ทั้งนั้น ดังนั้นเมื่อถึงเวลาต้องเลือกหนทางเดินอย่างจริงจัง ก็กลายเป็นไม่รู้ว่าจะก้าวเท้าไปทางไหนดี

สายหมอกรู้ตัวว่าเขาไม่ใช่คนใจกว้างอย่างพี่ภาริช เขาไม่ชอบให้คนรักเปล่งประกายเจิดจ้าอวดสายตาผู้คน ยังคงเลือกหนทางที่โดดเดี่ยวและปีนป่ายยากให้คนรัก เพื่อที่จะซ่อนต้นกล้าเอาไว้จากสายตาผู้คน

เขาหลอกล่อให้ต้นกล้าเรียนคณะศิลปศาสตร์สาขาภาษาFด้วยเหตุผลของการฝึกภาษา และให้ลงเอกวิชาวรรณกรรมคลาสสิค แนะนำผลักดันมากมายเพื่อให้ต้นกล้าใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับบ้านโดยไม่ออกไปข้างนอกมากนัก

ต้นกล้าเป็นคนรักที่เชื่อฟังและว่าง่าย พอแนะนำให้ทำอะไรก็มุ่งมั่นทำในสิ่งที่ชี้โพรงให้ ดังนั้นนอกจากเข้าคลาสเรียน คนรักของเขาก็จะกลับมาตั้งใจอ่านหนังสือฝึกปรือการเขียนจนติดเป็นนิสัย

อาจเพราะพื้นฐานนิสัยเป็นชอบสันโดษดังนั้นจึงกลายเป็นหมกหมุ่นอยู่หน้าจอใช้ปลายนิ้วเคาะแป้นสร้างผลงานจนไม่สามารถถอนตัวออกจากโลกแห่งวรรณกรรมได้อีกต่อไป

สายหมอกไม่ได้คาดหวังหรือตั้งใจให้คนรักโดดเด่นเฉิดฉาย เขาแค่ต้องการขังคนรักเอาไว้ในห้องทำงานเล็กๆ อย่างแนบเนียน ทว่าเพชรดิบมันก็คือเพชรถ้าถูกเจียระไนมันก็จะส่องประกายขึ้นมา เขากับต้นกล้าไม่มีความลับต่อกันเพราะฉะนั้นเขาจึงอ่านจดหมายอิเลคทรอนิคซึ่งแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับผลงานเขียนที่ได้รับรางวัลแล้ว

สายหมอกไม่อยากให้ใครอื่นเห็นเพชรที่นับวันจะยิ่งงดงามของเขา ทว่าพอเห็นแผ่นหลังของคนรักที่พยายามรังสรรค์ผลงานอย่างจริงจังเขาก็คลี่ยิ้มอ่อนโยน

คนรักของเขาคนนี้ ต่อให้เขาพูดจาเอาแต่ใจแค่ไหนก็ยอมทำตามง่ายๆ ถ้าหากเขาบอกว่าไม่ให้ไปงานรับรางวัลก็คงทำตาม ทว่าคิดดูแล้วเขาอยากเห็นรอยยิ้มที่แสดงถึงความภาคภูมิใจของคนรัก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่กลับมาพร้อมชุดเป็นทางการของแบรนหรูในมือ

สายหมอกคิดแล้วว่าจะทำอย่างไรให้คนรักเฉิดฉายเปล่งประกายจนคนที่มาห้อมล้อมต้องตาพร่า



ณภัทรจูงมือของนรินทร์น้องชายเพียงคนเดียวเดินบนพรมแดงไปหาภาริชซึ่งยืนรออยู่แล้ว ใครๆ ต่างก็พูดว่าในงานพิธีกรรมสมรสคนที่มีความสุขที่สุดควรเป็นคู่แต่งงาน แต่ใครจะรู้ว่าณภัทรต่างหากที่ปลื้มปิติจนน้ำตาปริ่ม

“พี่ณภัทร” นรินทร์อดยิ้มไม่ได้ที่พี่ชายแสดงความอ่อนไหวมากเสียขนาดนี้ ทำให้คนช่างแกล้งอย่างภาริชอดเย้าแหย่ไม่ได้

“รู้สึกแก่ขึ้นบ้างไหม น้องชายคนเดียวจะแต่งงานทั้งคน”

ณภัทรตวัดสายขุ่นเคืองมองไป แต่น้ำตาไม่ได้หยุดไหลเลย

“คุณสิแก่ ตอนนี้นี้น้องของผมอายุ 21 คุณนั่นแหละแก่จนอายุอานามขึ้นเลขสามแล้ว”

ภาริชยิ้มกว้าง กางแขนสองข้างออกราวกับวาทยกรชั้นเอก เขาพูดในสิ่งที่คิดได้อย่างไม่อายปาก

“กินเด็กเป็นอมตะ อายุของฉันก็ลดลงตามเมียของฉันนั่นแหละ”

“หรืออาจจะลดลงไปถึงระดับวัยทารกเลยก็ได้ใครจะรู้” ณภัทรเบ้ปาก ตลอดหลายปีมานี้เขาเลิกเคารพเลิกเกรงใจเจ้านายตัวแสบไปนานแล้ว หลังจากได้เห็นอากัปกิริยาตอแหลฉอเลาะจำนวนมากเวลาอยู่กับน้องชายของเขา

ความคิดที่ว่าเจ้านายช่างแสนดูดีภูมิฐานก็ค่อยๆ หายไปจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงแค่ ภาพลักษณ์ของงูแก่ที่มีลิ้นสองแฉกเลื้อยไถลไปตามสวนหลังบ้านของเขาอย่างไม่อาจไล่ออกไปได้

“อ่ะแฮ่ม” เสียงคุณพ่อกระแอมกระไอเตือนสติ ณภัทรลืมไปเลยว่ากำลังอยู่ต่อหน้าแขกเหรื่อผู้ทรงอิทธิพลหลายท่าน เขาถอยหลังย้ายตัวไปอยู่ในที่ที่ควรอยู่ และมองดูภาพเหตุการณ์ที่จะคงอยู่ความทรงจำในฐานะสมบัติล้ำค่า

หลังจากประกาศคำสาบานนิรันดิ์ คู่แต่งงานก็แลกจูบกันต่อหน้าผู้คน ณภัทรซาบซึ้งจนปรบมือทั้งน้ำตา ยามที่นรินทร์กับภาริชเดินมาหา กลายเป็นว่าเขาต้องถูกเจ้านายปีศาจเย้าแหย่อีกหน

“หาคนมาแต่งงานด้วยได้แล้ว อย่าลืมว่าคนแก่อย่างนายก็มีเสน่ห์ที่คนแก่อย่างนายพึงมี”

ณภัทรแยกเขี้ยวเหมือนสัตว์ร้าย นึกอยากใช้ฐานะของพี่เมียเขกกบาลสั่งสอนซักทีสองที แต่พอนรินทร์ก้มหัวขอโทษขอโพยสุดท้ายก็ยอมปล่อยผ่านไปในที่สุด

“อย่าลืมไปเตรียมงานเลี้ยงตอนกลางคืนให้พร้อมนะ ฉันจะพาเมียของฉันไปดูห้องหอที่เตรียมไว้ก่อน”

ภาริชขยิบตาให้ณภัทร เขาแค่นเสียงดังเฮอะ ส่วนนรินทร์นะหรือก้มหน้าลงต่ำด้วยความเขินอายใบหน้าเป็นสีแดงระเรื่อเหมือนกับกลีบกุหลาบ



คนที่กระตือรือร้นกับการแก่งแย่งช่อดอกไม้ที่สุดเห็นทีจะเป็นตะวัน ไม่อยากทำตัวเหมือนผู้หญิงจ๋าขนาดนี้นะ แต่แค่อยากได้อะไรมายืนยันว่าความรักของเขาจะสมหวังชั่วนิรันดิ์แน่นอน

ทว่าทั้งที่เขาเองก็สูงยาวเข่าดี แต่แม่มไม่ช่วยอะไรเมื่อต้องเจอกับพลังหญิงของสาวๆ ที่พร้อมแก่งแย่งช่อดอกไม้อย่างป่าเถื่อน ตะวันที่พลาดสิ่งที่หวังยืนหน้าบูดเบี้ยวแผ่รัศมีดำมืดจนฟอร์ดต้องคอยเอาอกเอาใจ

“ไปหาข้าวทานกันดีไหมครับพี่ตะวัน อีกนานกว่าจะถึงงานเลี้ยงในช่วงกลางคืน”

ตะวันพยักหน้าทั้งที่หงุดหงิด ฟอร์ดยิ้มอ่อนใจ เขาจูงมือคนรักที่คบหากันมานานไปยังรถส่วนตัว ดูแลเปิดประตูรอจนอีกฝ่ายเข้าไปนั่ง บริการอย่างดีด้วยการขับรถให้นุ่มนวลที่สุด

หมู่นี้คนรักของเขาอารมณ์ไม่ค่อยดีเลย พี่ตะวันหงุดหงิดฉุนเฉียวง่ายและไม่ยอมบอกเหตุผล เขาเองก็ไม่ทราบสาเหตุด้วย

“พี่ตะวันเราไปทานเค้กกันไหม พี่ชอบเค้กราสเบอร์รี่ แถวนี้มีร้านชื่อดังอยู่ใกล้ๆ เราไปทานกันดีไหมครับ”

ตะวันมองดูฟอร์ดด้วยหาง ก่อนจะนั่งกอดอกแล้วมองไปข้างนอก ดูต้นไม้และผู้คนระหว่างรถเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ

“พี่ตะวัน ตรงนั้นมีร้านคาเฟ่ เราแวะซื้อชาไข่มุกทานดีไหม เดี๋ยวผมลงไปซื้อมาให้”

ตะวันยังคงเงียบ

“พี่ตะวัน แอร์เย็นเกินไปไหมหรือว่าร้อน”

ตะวันหมดความอดทนอดกลั้น เขาหันหาฟอร์ด “นายคงใจดีอย่างนี้กับคนอื่นไปทั่วสินะ”

ถูกกล่าวหาแบบนี้ฟอร์ดถึงกับอึ้ง ตะวันกำลังหงุดหงิดหึงหวงมันเป็นอย่างนี้นับตั้งแต่ ฟอร์ดบินไปร่วมงานแฟชั่นโชว์ของแบรนชั้นนำระดับโลกหลายต่อหลายครั้ง ไม่ใช่อิจฉา แต่จะเรียกว่าหนทางของดวงดาวมันถูกแยกย่อยเป็นหลายสาย ตะวันนั้นเป็นซูเปอร์ไอดอลที่เน้นงานเพลงและงานแสดงเป็นหลัก

แต่ฟอร์ดที่กลายเป็นซูเปอร์โมเดลไปแล้ว ต้องเดินทางไปหลายประเทศ สัมผัสกับนางแบบนายแบบรูปงามรวมไปถึงดีไซเนอร์หื่นกามกับเจ้าของแบรนที่ไม่ต่างจากสัตว์นักล่าจำนวนมาก

เจ้าบ้านี่ไม่รู้ตัวเลยสินะ ว่าเจ้าดีไซเนอร์คนนั้นโพสรูปเปลือยท่อนบนกับรูปตอนวัดตัวสองต่อสองระหว่างนายกับไอ้หมอนั่นที่ชวนให้คิดลึกจำนวนมาก แถมข่าวก็อซซิปหนาหูว่าฟอร์ดไปทานข้าวกับผู้บริหารทั้งชายทั้งหญิง หรือแม้แต่กับพวกโมเดลด้วยกัน

มันกลายเป็นว่าใครต่อใครก็อุปโลกตัวเองเป็นคู่เดตของฟอร์ดไปหมด ตะวันเป็นคนปากแข็งหัวดื้อ เวลาชอบใครรักใครสามารถบอกออกมาอย่างง่ายดาย แต่จะไม่ยอมเสียหน้าบอกเด็ดขาดเรื่องที่หงุดหงิดเพราะกำลังหึงหวง

เขาเองก็เป็นผู้ใหญ่กว่า ควรจะรู้ว่าการมีปฏิสัมพันธ์แบบนี้ถือเป็นปกติในสายงานของพวกเขา แต่มันอดหึงหวงไม่ได้จริงๆ

“พี่ตะวัน” ฟอร์ดเรียกชื่อเขาด้วยเสียงนุ่มนวล แถมยังคว้ามือไปจับ ตะวันไม่ยอมหันไปมองอีกฝ่าย แต่สัมผัสที่เกิดขึ้นบริเวณนิ้วนางข้างซ้ายมันทำให้เขาบิดคอกลับไปดู

“เราแต่งงานกันนะครับ”

ทั้งที่เป็นเรื่องที่ต้องการมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่พอมันเป็นดั่งที่หวังตะวันกลับทำอะไรไม่ถูก

“เลิกงอนเลิกโมโหผมซักทีเถอะ” ฟอร์ดใช้มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าของเขา คิดว่าคงจะจูบแน่ๆ แต่เป็นตะวันนี่แหละที่โผเข้ากัดกินริมฝีปากของคนรักอย่างดุดัน

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามเขาก็ไม่ยอมปล่อยฟอร์ดให้หลุดมือไปอย่างเด็ดขาด



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

โอ้วไเ้ปกเล่มหนึ่งมาเสียที รอปกเล่มสอง ปวดใจ ระหว่างรอคงเขียน

เรื่องใหม่กับตอนพิเศษเรื่องนี้ไปพลางๆ เรื่องท้าชะตาเปลี่ยนรักกับmaddog01ต้องรวมเล่มแน่ๆค่ะ

แต้เพราะนี่เป็นการทำหนังสือเองครั้งแรกของเรา ทุกอย่างมันวุ่นวายไปหมดTT

ถ้ายังไงช่วยรอกันหน่อยนะคะ

โอเคเข้าใจว่าบทส่งท้ายคงไม่ถึงใจหรอก

เรากับหุ้นส่วนเรากำลังคิดว่าอาจจะเอาตอนพิเศษของท้าชะตาฯกับmaddog01มาติดเหรียญดีไหม

ขอเวลาคิดก่อนนะคะ

              อย่าลืมติดตามเรื่องใหม่ของเราด้วยนะคะ อีกไม่นานเจอกันค่ะ

ออฟไลน์ Psycho

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
จะจบอย่างนี้จริงหรอ ยังอยากรู้เรื่องวิบากของเมษาอีกอะ

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด