Chapter 1
When I saw you, again เสียงของผู้หญิงคนนั้นยามเรียกชื่อเขา...ยังดังวนเวียนอยู่ในหัวของผม
จะว่าไปผมก็ยังไม่ปักใจเชื่อนักว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นโซลเมตของผม แม้ว่าน้ำเสียงหวานสั่นของสาวชุดแดงที่อยู่กับเขาจะดังก้องอยู่ในหูของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ตาม มันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ที่ชื่อของโซลเมตบนแผ่นอกผม ดันไปคล้ายคลึงกับชื่อของผู้ชายคนนั้นที่ถูกเรียกขานออกมาจากปากของเธอ
คริส
คริสเตียน
ผมกุมหน้า ถอนหายใจหนักหน่วง "บ้าชะมัด!"
ถ้าเขาเป็นโซลเมตของผมจริง ก็ขอบอกเลยว่านี่เป็นเรื่องที่เฮงซวยมาก ผมไม่อยากจะเชื่อว่าเจอโซลเมตทั้งที แต่อีกฝ่ายดันเป็นผู้ชายที่กล้าเอากับสาวสวยโดยไม่เกรงใจสายตาคนอื่นแบบไอ้หมอนั่น นี่มันแย่เกินไปแล้ว แถมผมยังไปขัดจังหวะรักร้อนของเขาอีกต่างหาก ถ้าได้เจอกันครั้งหน้าก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะจำผมได้ไหม
คิดแล้วก็เริ่มปวดหัว เอาเป็นว่ามันจะใช่หรือไม่ใช่ก็ให้โชคชะตากำหนดแล้วกัน ไหนๆ โลกใบนี้ก็สร้างทุกคนขึ้นมาให้มีโซลเมต แถมยังกำหนดให้อีกต่างหากว่าชื่ออะไร งั้นผมก็จะปล่อยให้โชคชะตานำทางชีวิตผมต่อไป
ชีวิตไม่เคยเป็นของเราอย่างแท้จริงเลยสักครั้งอยู่แล้วนี่ จริงมั้ย?
ผมตัดสินใจพาตัวเองออกจากบ้าน มุ่งตรงสู่มินิมาร์ตไม่ไกลมากนัก เดินไปแค่บล็อกเดียวก็ถึงที่หมาย แต่ในขณะที่กำลังจะเลี้ยวผ่านหัวมุมถนนเส้นหลัก ผมก็ดันเหลือบไปเห็นบางอย่างในตรอกแคบๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักเข้าซะก่อน
และนี่คือการพบกันครั้งที่สองของผม...กับเขา
สัญชาตญาณเบื้องลึกในใจบอกให้ผมเข้าไปในนั้น ไปช่วยผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังโดนรุมกระทืบอยู่
ผมก้าวเข้าไปใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ในเวลาเดียวกันก็นึกขึ้นได้จึงก้มลงมองลอดผ่านเสื้อฮู้ดสีเข้มที่ตัวเองใส่อยู่...ชื่อของโซลเมตบนตัวผมมีสีเข้มขึ้นเรื่อยๆ อีกครั้ง จนกลายเป็นกะพริบไปมาทันทีที่ผมเข้าใกล้ผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่ผมเคยเจอในคลับเมื่อสามวันก่อน และสันนิษฐานว่าเขาคือโซลเมตของผมนั่นล่ะ
ถอนหายใจแผ่วเบา รูดซิปเสื้อฮู้ดขึ้นจนถึงลำคอ ผมไม่ได้ใส่เสื้อตัวอื่นมานอกจากฮู้ดตัวนี้ ดังนั้นมันคงไม่ดีแน่หากว่าจะมีใครได้เห็นชื่อโซลเมตของผม...โดยเฉพาะเขา เพราะถ้าเขาคือโซลเมตของผมจริงๆ ล่ะก็ ผมซวยแน่...ผมยังไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้
ไม่...ไม่เว้นแม้แต่โซลเมตของผมเองก็ตาม
ผมกระโจนเข้าไปกลางวงตะลุมบอนของหมู่อันธพาล หวดหมัดซัดหน้าผู้ชายคนหนึ่งก่อนที่มันจะได้ยกเท้าขึ้นถีบเขา...คริสเตียนหันมามองผมเล็กน้อย (ก็ถ้าเขาคือคริสเตียนที่เป็นว่าที่โซลเมตของผมจริงๆ ล่ะก็นะ) แล้วหันกลับไปกระทืบเท้าลงบนร่างของผู้ชายอีกคน
การยกพวกต่อยใครสักคนคือสิ่งที่ผมเกลียดเป็นอันดับต้นๆ ของลิสต์รายการ ฉันเกลียดมันที่สุดในโลก! ยิ่งกับพวกสี่รุมหนึ่งเหมือนอย่างไอ้พวกตรงหน้าผมนี่ยิ่งแล้วใหญ่ หมาหมู่มันไม่เท่เลยสักนิดว่ะ
และให้ตายเถอะพระเจ้า นี่ผมมาทำอะไรอยู่ตรงนี้กันเนี่ย มันไม่ใช่เรื่องของผมเลยสักนิดที่จะเข้ามาหาเรื่องใส่ตัวด้วยการเป็นคนดีช่วยเหลือไม่ให้ชายคนหนึ่งต้องถูกรุมตีด้วยเท้าจนตายน่ะ หรือจะเป็นเพราะพลังโซลเมตที่ผลักดันให้ผมทำแบบนี้โดยไร้ซึ่งการใตร่ตรองให้ดี? เหอะ ตลกดีแฮะพอคิดว่าเป็นแบบนั้น
ผมพลิกตัวหลบเท้าของไอ้หน้าโง่คนหนึ่ง หน้าเยินเพราะหมัดผมแล้วยังไม่ยอมสลบอีก ล้มๆ ลงไปนอนสักทีเถอะน่า เบื่อจะเล่นด้วยแล้ว
ทันใดนั้นหางตาของผมก็เหลือบไปเห็นบางอย่างเขา ผมรีบถีบไอ้หน้ายับไปให้พ้นทาง ก่อนจะพุ่งเข้าไปหาร่างสูงใหญ่ของคริสเตียนเพื่อผลักเขาออกห่างจากมีดพกแหลมคม ปากก็ตะโกนบอกเขาไปด้วย
“หลบ!”
“แก!” เจ้าของมีดตวัดของในมือมาทางผมแทน สีหน้าของมันเดือดดาลพร้อมปาดคอผมสุดๆ ไปเลย เอาล่ะสิ ช่วยไม่ให้คนโดนแทง แต่จะโดนแทงซะเองนี่ขำไม่ออกเลยนะพวก
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งรับอาวุธอันตราย ไอ้สวะถือมีดก็เป็นอันต้องล้มพับสลบคาที่อยู่บนพื้นด้วยน้ำมือของคนที่ผมเพิ่งช่วยชีวิตไว้ ไม่รู้ว่าเขาไปหาไม้มาจากไหน แต่การฟาดหลังคอเพียงทีเดียวแล้วส่งไอ้ยักษ์ตัวใหญ่นี่ลงไปนอนสลบเหมือดในทันทีได้ก็ถือว่ายอดเยี่ยม
ผมหอบเล็กน้อย พวกอันธพาลกร่างทั้งสี่คนลงไปนอนกองที่พื้นกันหมดแล้ว บางคนสลบไม่ได้สติ แต่บางคนก็ไม่ ได้แต่นอนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บจนขยับตัวแทบไม่ขึ้นอยู่แทบเท้าเราสองคน...คริสเตียนก้าวเข้ามาหาผม จับต้นแขนก่อนจะลากผมให้เดินตามเขาออกจากตรอกไป ผมไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงเดินตามเขาทั้งที่ยังเหนื่อยหอบอยู่แบบนั้น
"นายมาช่วยฉันทำไม?" เขาถามขึ้นเมื่อเราออกมาพ้นตรอกแคบๆ นั่นแล้ว
ผมไหวไหล่ "นึกว่าจะขอบคุณกันซะอีก"
"หึ ถือว่าเจ๊ากันจากคราวก่อนที่นายเข้ามาขัดจังหวะฉัน” เขาเหยียดยิ้ม “กับแม่สาวชุดแดงวันนั้นก็แล้วกัน"
เขาจำได้!?
"จำฉันได้?" ผมถาม ใจเต้นแรงแต่แสร้งทำหน้าเฉยเมย...เป็นอีกครั้งที่เขาไม่ตอบ หัวเราะเพียงแผ่วเบาด้วยเสียงขึ้นจมูกเท่านั้น ผมจึงตัดสินใจถามใหม่ "ทำไมถึงโดนรุม?"
คริสเตียนมองหน้าผม และผมคิดว่าเขาคงไม่ตอบอีกครั้ง คำถามแบบนี้ถ้าไม่ได้สนิทกันมากพอ ใครบ้างจะอยากตอบคนแปลกหน้ากันล่ะ...แต่กลับผิดคาด
"ยัยผู้หญิงที่ฉันฟัดด้วยคนนั้นดันมีสามีแล้วน่ะสิ"
"แล้วนายก็ไปเป็นชู้กับเธอ?" ผมมองเขา นึกทึ่งกับความกล้าบ้าบิ่นของคนตรงหน้า
"ไม่ใช่" แต่เขากลับปฏิเสธเสียงห้วน ดูอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัด
ผมเลิกคิ้ว “อะไรไม่ใช่?”
เขามองสบตาผมแล้วถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ "ก็แค่วันไนท์สแตนด์"
"เป็นคู่นอนที่ทำให้นายเกือบโดนแทงตายได้ ไม่ธรรมดาจริงๆ"
"เงียบปากไปเลย"
เขาขึงตาใส่ผม ผมเลยไหวไหล่เป็นครั้งที่สองแล้วถามเปลี่ยนเรื่อง "ไปทำแผลหน่อยมั้ย?"
"โรงพยาบาลเหรอ? ไม่ต้องหรอก..."
"บ้านฉันอยู่ใกล้ๆ นี่เอง ก็ถ้านายไม่รังเกียจความช่วยเหลือจากฉันน่ะนะ" ผมบอกกับเขาด้วยความหวังดี...ก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้นน่ะนะ แต่ที่จริงแล้วสมองของผมกลับคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เลยออกปากชวนเขา และพยายามทำเหมือนว่าตัวเองบริสุทธิ์ใจ
ผมอยากรู้ว่าบนตัวเขามีชื่อของผมอยู่หรือไม่ เพราะถ้ามี...นั่นแปลว่าเขาคือโซลเมตของผมจริงๆ
อีกฝ่ายนิ่งไปเหมือนกำลังคิดทบทวนว่าจะไว้ใจผมดีหรือไม่ ผมก็เลยยักไหล่ให้เขา เป็นการบอกว่าแล้วแต่นายนะเพื่อน ไม่ไปก็ได้ ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย
และสุดท้ายเขาก็เลือกได้สักที
“อืม นำทางไปสิ”
ผมไล่เขาไปอาบน้ำ ซึ่งน่ายินดีที่เขาไม่ได้อิดออดหรือเอ่ยปฏิเสธ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นผมต้องลำบากมากแน่ๆ แผนของผมได้พังกันพอดีน่ะสิถ้าเขาไม่ยอมแก้ผ้า เอ่อ หมายถึงแก้ผ้าอาบน้ำแล้วออกมาด้วยผ้าขนหนูพันเอวผืนเดียวน่ะนะ เพราะผมวางแผนไว้แล้วว่าจะให้เขาออกมาใส่เสื้อผ้าข้างนอกนี่ ผมจะได้ลอบมองหาชื่อโซลเมตของเขาได้ง่ายหน่อย
ก็นั่นล่ะ จุดประสงค์ของผมคืออยากเห็นว่าบนตัวเขามีชื่อของผมอยู่หรือเปล่า แต่อีกเหตุผลก็เพราะตัวเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ไหนจะแผลฟกช้ำที่มองไม่เห็นใต้เสื้อยืดสีเข้มที่เขาใส่อยู่นั่นอีก อาบน้ำก่อนแล้วค่อยทำแผลน่ะดีที่สุดแล้ว
ระหว่างรอเขาผมก็เลยค้นตู้เสื้อผ้าหาชุดที่เขาน่าจะพอใส่ได้ ตัวผมกับเขาสูงไล่เลี่ยกัน ขนาดร่างกายก็เกือบจะเท่ากัน...เขาตัวใหญ่กว่าผมนิดหน่อย แต่น่าจะใส่เสื้อโอเวอร์ไซส์ของผมได้ล่ะนะ
เตรียมเสื้อผ้าให้เขาเสร็จผมก็ลงไปชั้นล่างของบ้าน หาอยู่ไม่นานก็เจอกล่องปฐมพยาบาลเบื้องต้น กลับขึ้นมาอีกทีก็ทันได้เห็นคริสเตียนอาบน้ำเสร็จพอดี...วินาทีที่เขาก้าวออกจากห้องน้ำโดยมีผ้าขนหนูสีขาวผืนเดียวพันเอวเอาไว้ ผมแทบหยุดหายใจ
ไม่มีชื่อผม
ชั่วขณะหนึ่งผมนิ่งงัน และไม่อาจบอกได้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร
แต่ในเวลาต่อมาผมกลับรู้สึกโล่งใจ ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ทิ้งความสงสัย ว่าบางทีชื่อของผมอาจจะอยู่บนส่วนอื่นของร่างกายเขาก็ได้ ส่วนที่ผมมองไม่เห็น...บางทีอาจจะอยู่ใต้ผ้าขนหนูนั่น
คิดแล้วก็รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา เขาเดินไปหยิบชุดที่ผมวางเอาไว้ให้บนเตียงนอน ผมลอบมองตามเขาโดยพยายามไม่ทำให้เขาผิดสังเกต แล้วอารมณ์ของผมก็เหวี่ยงจากโล่งใจไปเป็นอึ้งงันแทน เมื่อคราวนี้ผมได้เห็นชื่อของผม…บนร่างกายของอีกฝ่าย!
มันอยู่บนแผ่นหลังของเขา ตรงตำแหน่งต้นคอซึ่งยากที่เจ้าตัวจะมองเห็นได้เอง
Jayden
ให้ตายเถอะ! พระเจ้า นั่นมันชื่อผม!
แถมตอนนี้มันยังกะพริบ และมีสีเข้มจัดเหมือนชื่อของเขาที่อยู่บนตัวผมตอนนี้ไม่มีผิด
เมื่อใดที่เราเข้าใกล้โซลเมต ชื่อจะมีสีเข้มขึ้นหรือกะพริบได้
การที่ทั้งชื่อของผมบนตัวเขา และชื่อของเขาบนตัวผม มันทั้งมีสีเข้มขึ้นกับกะพริบได้แบบนี้ ก็เป็นการยืนยันอย่างดีแล้วว่าเราสองคนน่ะ...เป็นโซลเมตกันจริงๆ
“เฮ้!” คริสเตียนเรียกผม นั่นทำให้ผมได้สติ “นายเหม่ออะไร ฉันเรียกตั้งนาน”
“อ่า นายว่าไงนะ”
“ฉันถามว่านี่เสื้อผ้าที่นายจะให้ฉันใส่ใช่มั้ย?” เขาถาม ชี้นิ้วลงไปยังชุดที่ผมวางเอาไว้บนเตียงนอน
ผมพยักหน้ารับ พยายามบังคับตัวเองให้ทำตัวปกติ ไม่หลุดท่าทีประหลาดออกไป
“ยังไม่ต้องใส่เสื้อนะ นายมีแผลฟกช้ำที่แผ่นหลัง” อยากขอบคุณตัวเองที่ผมสามารถควบคุมน้ำเสียงไม่ให้ผิดแปลกไปจากเดิมได้ เวรเอ๊ย
“อืม” เขาตอบรับสั้นๆ ผมหันหลังปล่อยให้เขาได้ใส่กางเกง ไม่นานเขาก็ก้าวมาทรุดนั่งลงข้างๆ ผม
ตำแหน่งที่เรานั่งด้วยกันตอนนี้คือขอบเตียงนอนของผม ดังนั้นพอเขามานั่งแล้วผมก็เลยสั่งให้เขาหันหลัง เพื่อที่ผมจะได้ทายาแก้ฟกช้ำให้เขาก่อนเป็นอย่างแรก
ผมบีบยาลงบนปลายนิ้ว ไม่มากไม่น้อยเกินไป ก่อนจะเกลี่ยมันลงตรงรอยช้ำที่แผ่นหลังเยื้องลงมาด้านล่างทางซ้าย ในขณะเดียวกันก็ไล่สำรวจกล้ามเนื้อแผ่นหลังของเขาไปด้วย คริสเตียนมีแผ่นหลังที่...ไม่รู้สิ น่าสัมผัสล่ะมั้ง มันดูแข็งแกร่งและได้สัดส่วนราวกับเป็นแผ่นหลังที่ผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนักจนได้สัดส่วนอันดูดี
ผมนวดจนคิดว่ายาซึมลงไปพอแล้วจึงเปลี่ยนไปทำแผลอื่นให้เขาต่อ บนใบหน้าของคริสเตียนมีแผลเล็กน้อย หางคิ้วแตกแต่ไม่ถึงกับลึกจนต้องเย็บ มุมปากก็แตกอีกนิดหน่อย โหนกแก้มช้ำเล็กน้อย แต่โดยรวมก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
พอได้มองเขาในระยะใกล้ชิดขนาดนี้ ผมเลยได้มีโอกาสสำรวจส่วนอื่นๆ ของเขามากขึ้นเช่นกัน...คริสเตียนเป็นคนหล่อ ผมยอมรับอย่างไม่อายเลยที่กำลังชมผู้ชายด้วยกันว่าหล่อมาก โครงหน้าได้รูป คิ้วเข้มรับกับดวงตาคมกล้าเป็นประกายสีเทาราวกับพายุคลั่ง จมูกโด่งเป็นสัน เรียวปากเข้ารูป ยิ่งเมื่อเขาตัดผมสั้นแล้วยังทำสีแอชบราวน์อีก ก็ยิ่งรับกับคางได้รูป ขับให้เขาดูมีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่จอมร้ายกาจเลยล่ะ
อ่า นี่ผมกำลังโดนพลังโซลเมตอะไรสักอย่างล่อลวงให้คิดว่าเขามีเสน่ห์อยู่หรือเปล่า โทษอะไรไม่ได้ผมก็จะโทษพลังแห่งโชคชะตาแล้วกัน ก็มันไม่มีเหตุผลเลยสักนิดที่เราจะหลงใหลในร่างกายของคนอื่น ทั้งที่ยังไม่ทันได้ถามชื่อกันเลยด้วยซ้ำนี่จริงมั้ย?
เดี๋ยวนะ...เมื่อกี้ผมเพิ่งพูดออกไปว่าหลงไหลหรือเปล่า? โอ้ นี่ไม่ดีแล้ว
ผมทำแผลให้เขาจนเสร็จโดยที่อีกฝ่ายไม่ร้องเจ็บสักแอะ ไม่รู้ว่าผมมือเบาหรือเขาอดทนเก่งกันแน่
คริสเตียนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าผมกำลังเก็บกล่องปฐมพยาบาล “ตกลงนายช่วยฉันทำไม”
“เฮ้อ” ผมถอนหายใจใส่ ยังไม่จบกับคำถามนี้อีกเหรอเนี่ย “มีเหตุผลในการช่วยคนไม่ให้โดนหมารุมกัดด้วยรึไง”
“หึๆ” ดูเข้าจะถูกใจกับคำตอบของผม เพราะคราวนี้เขาหัวเราะแถมยังกระตุกยิ้มมุมปากอีกต่างหาก
ผมไหวไหล่...ตั้งแต่เจอเขาผมทำแบบนี้ไปกี่ครั้งกันนะ “นายจะเอาไงต่อ”
“หมายถึง?”
“จะกลับบ้านนายเลยมั้ย?” ผมขยายความ
“แล้วถ้าฉันอยากอยู่ต่อ?”
ผมกะพริบตาปริบ “อยู่เพื่ออะไรล่ะ ไป กลับบ้านนายไปได้แล้ว ฉันไม่ให้อยู่”
เขาแค่นหัวเราะ มุมปากกระตุกยิ้มแล้วผุดลุกขึ้นอีกครั้ง เดินหายเข้าห้องน้ำไปไม่นานก็กลับออกมาพร้อมเสื้อผ้าของตัวเอง “ขอบใจที่ทำแผลให้”
“อ่าฮะ”
“แล้วก็ขอบใจที่เข้าไปช่วย”
“อืม ดีใจที่ได้ยินสักทีนะ”
คราวนี้คริสเตียนกลอกตาใส่ผม น่าตลกชะมัด “ไว้จะเอาเสื้อผ้ามาคืน”
คราวนี้ผมแค่พยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไร เขาก็เลยก้าวนำผมออกจากห้องจนมาถึงหน้าประตูบ้าน ผมโบกมือลาพอเป็นพิธี กำลังจะปิดประตูก็นึกอะไรขึ้นมาได้ซะก่อน
“ระวังตัวด้วยล่ะ”
“?” คริสเตียนหันกลับมาเลิกคิ้วมองผมอย่างไม่เข้าใจ
ผมถอนใจ “ก็ที่นายไปเป็นชู้กับเมียคนอื่นนั่นไง”
“ฉันไม่ได้เป็นชู้ใคร!” เขาถลึงตาใส่ผม ผมเกือบหลุดขำไปแล้วแต่ก็กลั้นทัน
“อ่าฮะ ไม่เป็นก็ไม่เป็น บาย”
กำลังจะปิดประตูลงอีกครั้ง แต่น้ำเสียงทุ้มนุ่มของคริสเตียนก็ดังขึ้นหยุดมือของผมไว้ซะก่อน ให้ตาย วันนี้ผมจะได้เข้าบ้านมั้ย ส่วนเข้าน่ะจะได้กลับบ้านหรือเปล่า คุยกันไม่จบสักที
“เดี๋ยว”
“อะไร?” ผมเลิกคิ้ว อีกฝ่ายมีสีหน้าลังเลใจ แต่สุดท้ายเขาก็ถาม
“นายชื่ออะไร" ผมเลิกคิ้ว แปลกใจที่เขาถาม และแปลกใจยิ่งกว่าที่เขาแนะนำตัวกับผมก่อน "ฉันคริสเตียน...คริสเตียน แคมเบลล์”
ผมหัวเราะเบาๆ ด้วยความขบขัน ไม่รู้เหมือนกันว่าตลกอะไร อาจจะเป็นใบหน้าเก้อๆ ของอีกฝ่ายล่ะมั้ง แค่แนะนำตัวทำไมต้องประหม่าขนาดนั้นด้วย
“ฉันเจย์เดน คาร์เตอร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
คุณโซลเมต
…ผมต่อประโยคสุดท้ายในใจ
คริสเตียนโบกมือลาผมแล้วหันหลังเดินจากไปจริงๆ แล้วคราวนี้
อ่า...การพบกันครั้งที่สองของเราก็ไม่แย่เท่าไหร่ อย่างน้อยก็ดีกว่าครั้งแรกล่ะนะ หึ
__________
โซลเมตเขาเจอกันอีกครั้งแล้ว แต่จุดที่ชื่อของเจย์เดนอยู่บนตัวคริสเตียนเนี่ย ไม่มีทางที่คริสเตียนจะมองเห็นได้ง่ายๆ แล้วเมื่อไหร่เขาจะได้รู้ว่าเนื้อคู่ของตัวเองเป็นเจย์เดนกันล่ะเนี่ย ฮ่า! มาร่วมลุ้นไปด้วยกันนะคะ อิอิ