(END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (END) [Nameverse] Call me Daddy #ความลับบนตัวผม :: Mini Special [14-08-19]  (อ่าน 146901 ครั้ง)

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
พี่น้องคนละพ่อคนละแม่เข้ากันได้มันดีที่สุดแล้ว พ่อนี่นิสัยแย่จริงๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
แสดงว่าหลงรักคริสเข้าแล้วละซิ  :hao3:

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ทีมเจย์เดน  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ใกล้แล้วๆ  มันเริ่มต้นจากความสนิทสนมทีละนิดๆ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
เป็นเรื่องที่น่าสนใจดีค่ะ เพิ่งเคยอ่านแนวอื่นนอกจากโอเมก้า

ออฟไลน์ soul love

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
เรื่องน่าสนใจมาก ชอบสำนวนแบบตะวันตกด้วย รออ่านนะ เย้ เย้

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
โอ้ยๆๆๆๆๆฟ อยากอ่านต่อไวๆแล้ว

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

คนร้องไห้ไม่ได้อ่อนแอ

ออฟไลน์ Kumamon_Kung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

คริสเตียนอย่าทำตัวอ่อนโยนแบบนี่ซี่   :sad4:

ออฟไลน์ VIRIDIAN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-1
ดีดมากค่ะ สี่ตอนรวด เรื่องเดินเร็ว ฉับๆๆๆๆ
อย่าไปหลงรักเขา อย่าไปหลงรักเขา แต่ท่าทางคริสคงอยากจะเป็นที่พึ่งให้ใครซกักคน ถึงได้ทำแบบนี้
คริสหลงรักเจย์ก่อนหรือเปล่า เห็นปูมหลังเจย์แล้วก็พอจะเข้าใจนะ เขาเหมือนเป็นโรคกลัวความรักเลย
แบบ กลัวเจ็บเพราะความรักอ่ะค่ะ T_T  น่าฉงฉาาน

เราจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง  คุณแคมเบลล์ช่วยเขาได้ไหมมมมม 
รักกันเยอะๆๆๆๆ กี๊ด รออ่านตอนแซ่บๆๆๆๆๆ นะคะ 5555 เป็นกำลังใจให้ค่า

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
Chapter 5

Why do I care about you?

[Christian]


 


นับตั้งแต่ที่เราเจอกัน ผมก็รู้สึกสนใจเขาจนหยุดคิดถึงเขาไม่ได้ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นเพราะอะไร

 

“คริส งานที่ฉันฝากให้ไปดูแทนเป็นยังไงบ้าง แกยังไม่ได้รายงานให้ฉันฟังเลยนะ”

ผมเหลือบมองพี่ชายที่เพิ่งกลับมาถึงบริษัท หลังจากออกไปพบลูกค้าตั้งแต่ช่วงสายของวัน แคสเทียลกอดอกยืนจังก้าตรงหน้าผม ดวงตาของเขามองผมเขม็ง ส่งสายตาคาดคั้นเอาคำตอบในสิ่งที่เขาถามจากผม

“เรียบร้อยดี แปลนล่าสุดที่ได้รับทางนั้นแก้ไขให้เป็นไปตามที่ทางเราต้องการแล้ว”

“แน่ใจ?”

“มาก” ผมหวนนึกไปถึงสถาปนิกที่รับผิดชอบโครงการของบริษัทเรา เผลอยิ้มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แต่พอจะหุบยิ้มก่อนสายตาของพี่ชายจะมองเห็นมันก็ไม่ทันซะแล้ว

แคสเทียลหรี่ตามองผมมากกว่าเดิม “ไปปิ๊งสาวสถาปนิกมาหรือไงถึงได้ยิ้มแบบนั้น”

“...” ผมไม่ตอบ แค่ไหวไหล่

“ฉันให้แกไปทำงานนะคริส ไม่ใช่ไปจีบสาว”

จีบ...งั้นเหรอ?

อย่างเจย์เดนจะเรียกว่าผมจีบเขาได้ไหมนะ?

“รู้แล้วน่าแคส”

“ให้มันจริงเถอะ แกน่ะทำเป็นเล่นไปซะทุกเรื่อง”

“ไว้ใจกันบ้างได้ไหมเนี่ยพี่ชาย ฉันก็พยายามเป็นคนใหม่เท่าที่จะทำได้แล้วนะ”

คนฟังแค่นหัวเราะ “แต่ก็ยังออกไปล่าเหยื่อสาวๆ แทบทุกคืน”

“มันคือการปลดปล่อยความเครียดของฉัน นายก็น่าจะรู้”

“แต่มันก็มากเกินไปคริส ถ้าวันหนึ่งแกไปเจอพวกยัยตัวแสบ หรืออะไรแบบนั้นขึ้นมา โดนกัดไม่ปล่อยเมื่อไหร่อย่ามาร้องขอให้ฉันช่วยก็แล้วกัน”

ผมส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “อยากให้ฉันเลิกไหมล่ะแคส?”

“ก็น่าสน” พี่ชายเลิกคิ้วมองผมด้วยความสนใจ “เสนอมาสิ ต้องทำยังไงแกถึงจะเลิกท่องราตรีทุกคืน”

“ให้ฉันกลับไปเป็นนักข่าวสิ” ผมแสยะยิ้ม “ฉันอยากกลับไปถือกล้องแทบบ้าแล้ว รู้เอาไว้ซะไอ้พี่ชาย”

แคสเทียลส่ายหน้า เขามองผมด้วยสายตาเห็นใจ ซึ่งเป็นอะไรที่ผมไม่ต้องการเลยสักนิด

“มันเป็นไปไม่ได้คริส แม่ไม่อนุญาตให้แกกลับไปจับกล้องเพื่อถ่ายภาพกลางสมรภูมิรบหรอก” เขาเอ่ยขึ้น น้ำเสียงอ่อนโยนจนน่าขำ “แม่ไม่อยากเห็นแกต้องตายเพราะอาชีพเสี่ยงอันตรายนั่น แกเองก็รู้ดีไม่ใช่หรือไง”

“ฉันก็ยอมย้ายไปทำสายงานอื่นแล้วไง แต่...”

“ยังไงแม่ก็ไม่ยอม และแกก็ทำอะไรไม่ได้ด้วย” แคสเทียลเอ่ยแทรกก่อนที่ผมจะได้พูดจนจบ

ผมแค่นเสียงขึ้นจมูก ลุกขึ้นยืนเพื่อจะได้ก้าวออกไปให้พ้นจากบริษัทของตระกูลแคมเบลล์นี่...บริษัทที่ผมไม่เคยคิดที่จะอยากทำงานด้วยเลยสักนิด แต่หลายสิ่งบีบคั้นผมให้ต้องจำยอมอยู่ใต้อำนาจของแม่กับเขา

“นั่นแกจะไปไหน?”

“ไปหาสาวมาเอาแก้เครียด” ผมตอบส่งๆ ได้ยินเสียงพี่ชายจอมจุ้นตะโกนตามหลังมา

“หยุดมั่วผู้หญิงได้แล้วคริส!”

ซึ่งผมก็ตะโกนตอบกลับไปเช่นกันว่า “งั้นเปลี่ยนเป็นมั่วหนุ่มๆ แทนแล้วกัน นายก็รู้ว่าฉันฟาดได้หมดทุกเพศ”

“คริสเตียน! เวรเอ๊ย แกนี่มัน...”

ผมไม่ทันได้อยู่ฟังคำสบถด่าทอต่อว่าของไอ้พี่ชายจอมน่ารำคาญนั่นจนจบ พ้นออกมาจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลได้ผมก็เลือกที่จะเดินเท้าไปเรื่อยๆ ส่วนรถก็จอดมันทิ้งไว้ที่บริษัทนั่นล่ะ เผื่อแคสเทียลคิดจะส่งคนออกมาตามหาผม เขาจะได้หาไม่เจอ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าเขาแอบติดจีพีเอสไว้บนรถผม ไอ้พี่เฮงซวย ผมอายุสามสิบสี่แล้วนะ ไม่ใช่เด็กอายุสิบหกที่ต้องมีผู้ปกครองมาคอยเข้มงวดกวดขันตลอดเวลา

แรงสั่นของโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดึงสติผมให้กลับมาอยู่กับทางเท้าตรงหน้า ผมดึงเอาเครื่องมือสื่อสารออกมากดรับสายโดยไม่ทันได้มองชื่อ

“ครับ”

“คืนนี้มาไหมเพื่อน” ปลายสายคือเพื่อนสมัยเรียนของผม ตอนนี้มันผันตัวเองจากนักข่าวสายสังคมมาเป็นเจ้าของคลับได้หลายปีแล้ว...ก็คลับที่ผมไปประจำนั่นล่ะ พูดถึงคลับแล้วก็คิดถึงหมอนั่นแฮะ

“ไป” ผมตอบ “แต่ครั้งนี้ไม่เอาสาวร่วมโต๊ะนะ”

น้ำเสียงของริชาร์ดฟังดูแปลกใจดังมาตามสาย “แกเนี่ยนะไม่เอาหญิง อ้อ หรือจะเปลี่ยนเป็นเด็กหนุ่มแทน?”

“ไม่เอาใครทั้งนั้น วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์” ผมตัดบท “แค่นี้นะ ไว้เจอกัน”

ผมวางสาย เพิ่งจะรู้ตัวว่าเดินมาจนถึงสวนสาธารณะแห่งหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แสงสว่างลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ และผมคิดว่าอีกไม่กี่นาทีความมืดจะมาเยือนในไม่ช้า...พอสมองว่างเปล่า ผมก็พลันนึกถึงเจย์เดนอีกครั้ง

มันเป็นความรู้สึกประหลาด ตอนที่เจอกันครั้งแรกผมไม่ได้ใส่ใจเขามากนัก (แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมโคตรหงุดหงิดเลยให้ตาย เขาเดินไม่ดูทางจนมาชนผม เล่นเอาอารมณ์ขยี้แม่สาวชุดแดงนั่นเกือบหายวับไปกับตา) ต่อมาครั้งที่สองตอนผมโดนหมาหมู่รุมซ้อม ผมไม่ได้อ่อนแอจนปกป้องตัวเองไม่ได้ แต่ก็ต้องยอมรับด้วยเหมือนกันว่าผมเกือบจะเพลี่ยงพล้ำไปแล้วหากไม่ได้เขาเข้ามาช่วยเอาไว้ แถมยังให้ยืมเสื้อผ้าและทำแผลให้ผมอีกต่างหาก

จนกระทั่งครั้งที่สามที่ผมโดนขัดจังหวะโดยความตั้งใจจากเขา ถึงอย่างนั้นผมกลับไม่มีแม้แต่ความโกรธเคือง จะมีก็แต่ความอึดอัด...ก็น้องชายใต้กางเกงของผมยังไม่ได้รับการปลดปล่อยเลยนี่หว่า สารภาพตามตรงเลยก็ได้ว่ากว่าผมจะสะกดมันให้สงบลงได้ ก็เป็นตอนที่นั่งดื่มเบียร์กับเจย์เดนจนเกือบจะหมดขวดนั่นล่ะ

สามครั้งนั้นผมมองว่าเจย์เดนคือเพื่อนใหม่ไปแล้ว เขาดูไม่มีอะไรโดดเด่นน่าสนใจ แต่แววตาที่เขามองผม สีหน้าที่เขาแสดงออกมาตอนอยู่กับผม มันทำให้ผมรู้สึกว่าเขามีอะไรบางอย่างในตัวที่น่าค้นหา แต่เฮ้ ผมไม่ได้หมายความว่าผมชอบเขา...หรืออะไรแบบนั้นหรอกนะ แต่ถ้าจะให้ผมอธิบายความรู้สึกที่มีต่อเขาออกมาเป็นคำพูด ผมคิดว่าผมอธิบายมันออกมาไม่ได้ มันพูดไม่ถูกน่ะ

ถ้าคิดว่าแค่นั้นทำให้ผมสนใจเขามากพอแล้ว แต่ความจริงไม่ใช่เลย การเจอกันครั้งที่สี่เป็นอะไรที่ผมไม่คาดคิดมาก่อน เพิ่งจะรู้เอาตอนนั้นว่าเขาเป็นหนึ่งในทีมสถาปนิกที่ออกแบบคอนโดฯ โครงการใหม่ให้กับบริษัทของผม...หรือจะพูดให้ถูกก็คือบริษัทของแม่ผม

และครั้งนั้นผมก็เพิ่งมาฉุกใจคิดได้ตอนกลับมาถึงบ้านแล้ว ว่าการทักเรื่องรอยสักของเขา (ซึ่งภายหลังเขาบอกว่าไม่ใช่) แล้วเจย์เดนมีท่าทีตื่นตระหนกขนาดนั้นมันเป็นเพราะอะไร...ผมคิดว่านั้นไม่ใช่ลายเพ้นท์ แต่เป็นชื่อโซลเมตของเขาต่างหาก

ความคิดนั้นทำให้ใจผมหล่นวูบ ซึ่งผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

จนผมบังเอิญ...แบบว่าไปรู้เรื่องส่วนตัวของเขาเข้า (อย่าเรียกว่าแอบฟัง เพราะผมแค่ขึ้นไปเรียกเขาลงมากินข้าวแล้วบังเอิญได้ยินเข้าพอดี กับอีกครั้งนั่นก็บังเอิญด้วยเหมือนกัน เพราะผมตั้งใจจะเข้าไปขอน้ำดื่มสักแก้วจากเขา แต่ดันไปได้ยินอะไรที่ไม่สมควรจะได้ยินเข้า เรื่องส่วนตัวของครอบครัวเขาน่ะมันดูจะเฮงซวยสิ้นดีเลย)

อะไรสักอย่างดลใจให้ผมปลอบโยนเขา ความเข็มแข็งของเจย์เดนที่แสดงออกมาให้น้องๆ เห็น ผมรู้ดีเลยล่ะว่ามันคือความเข็มแข็งจอมปลอม ผมอาจจะไม่ได้รู้เรื่องครอบครัวของเขาทั้งหมด แต่แค่สิ่งที่ได้ยินนั่นก็มากพอแล้วที่จะบอกผมว่าเขาฝืนตัวเองมากแค่ไหน

เขาไม่มีทางได้รู้ว่าการที่ผมได้กอดปลอบเขา ซึ่งยอมปลดปล่อยความอ่อนแอออกมาให้ผมเห็น มันช่วยให้ผมรู้สึกว่าตัวตนของตัวเองมีความหมาย อย่างน้อยผมก็มีประโยชน์มากพอที่จะทำให้ใครสักคนรู้สึกดีขึ้น อย่างน้อยผมก็ไม่ใช่ไอ้คนอ่อนแอที่แม่ไม่เคยไว้ใจให้ผมใช้ชีวิตอยู่บนเส้นทางที่ผมเลือกเอง

ผมไม่รู้ว่าหลังจากวันนั้นเจย์เดนจะคิดกับผมว่ายังไง แต่สำหรับผม...เขาช่วยฮีลผมมากเลยทีเดียว

 

การไปคลับไม่เคยน่าเบื่อสำหรับผม เพราะผมยอมอยู่ที่นี่ทั้งวันทั้งคืนดีกว่าต้องกลับไปเจอหน้าแม่กับเขา บางทีเจอหน้าแคสเทียลแล้วปล่อยให้ไอ้พี่บ้านั่นบ่นผมจนคอแห้งตายผมยังมีความสุขกว่าเลย...จะกลับอพาร์ตเมนต์ก็ได้ แต่ผมก็รำคาญคนของแม่ที่ส่งมาคอยสอดส่องผมจนไม่อยากจะกลับไปทำตัวเหมือนอยู่ในกรงขัง แม้ไอ้ชุดดำใส่แว่นดำสองสามตัวนั้นจะไม่ได้ก้าวก่ายผมก็ตาม

ชีวิตคนเราบางทีก็บัดซบจนเกินไปเพราะคนใกล้ตัว

“ฉันแปลกใจจริงๆ นะที่วันนี้แกปฏิเสธสาวสวยไปแล้วถึงสามคน โดยเฉพาะแม่โคนมชุดดำรัดรูปอย่างกับนางแมวยั่วสวาทคนล่าสุด” ริชาร์ดเอ่ยขึ้น

ดีแลนพยักหน้าเห็นด้วย “คนนั้นน่ากินเป็นบ้า ฉันล่ะเสียดายแทน”

“ถ้าแกอยากได้เธอก็ไปขอเธอเองสิ” ผมโคลงแก้วเหล้าในมืออย่างเซ็งๆ พวกมันพูดเรื่องนี้ในทุกๆ ห้านาทีเห็นจะได้ บางทีเสนอเด็กหนุ่มมาให้ผมก็มี แต่ผมบอกแล้วไงว่าวันนี้ไม่สนใจ ไม่มีอารมณ์เว้ย

“แกเป็นอะไรวะ วันนี้ดูอารมณ์ไม่ดี”

“เรื่องเดิมๆ ล่ะสิ แม่กับพ่อเลี้ยง...”

“มันไม่ใช่พ่อเลี้ยงของฉัน” ผมขัด ดีแลนยกสองมือขึ้นเสมอไหล่เป็นการยอมแพ้

“โอเคเพื่อน โทษที ฉันหลุดปากไปหน่อย”

“ปากงี้น่าเอาจุกนมยัดปาก จะได้ไม่พล่ามอะไรโง่ๆ ออกมา” ริชาร์ดพูดกลั้วหัวเราะ และดีแลนก็รับมุกด้วยการมองหาสาวชุดดำอีกครั้งเพื่อขอจุกนมของเธอมายัดปาก

ผมได้แต่ส่ายหน้าให้กับความระยำของเพื่อน ไอ้พวกเวรเอ๊ย

แต่ในขณะที่กำลังเอือมระอาความบ้าบอคอแตกของเพื่อน จู่ๆ ผมก็ได้เห็นอะไรบางอย่างเข้าโดยบังเอิญในตอนที่กวาดสายตามองไปเรื่อยเปื่อย

นั่นมันเจย์เดนนี่

สถาปนิกหนุ่มกำลังนั่งจิบเหล้าอยู่คนเดียวตรงเคาน์เตอร์บาร์ ซึ่งนั่นทำให้ผมค่อนข้างแปลกใจ ไหนเขาบอกว่าชอบเบียร์ หรือวันนี้อยากดื่มอะไรแรงๆ กันล่ะ?

ผมกำลังช่างใจว่าจะลุกไปหาเขาดีหรือไม่ ไม่รู้สิ การหาประโยคสักประโยคไปทักทายเขาดูยากอย่างไรชอบกล แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากจะคุยกับเขาอยู่ดี

แต่แล้วช่วงจังหวะที่ผมมัวแต่ลังเลก็ดันมีคนตัดหน้าผมซะแล้ว

มีเด็กหนุ่มวัยรุ่น (ที่ผมไม่แน่ใจว่าบรรลุนิติภาวะพอจะเข้าคลับได้หรือยัง) เข้าไปนั่งคุยกับเขา เจย์เดนเองก็ดูเป็นมิตรเพราะหันไปคุยโต้ตอบกับไอ้เด็กหัวทองนั่นอยู่นานสองนาน แล้วจู่ๆ ทั้งสองก็พากันลุกเดินหายไปทางห้องน้ำด้วยกัน ซึ่งถ้าให้ความคิดด้านชั่วๆ ของผมเป็นฝ่ายประมวลผลล่ะก็ ผมจะคิดว่าสองคนนั้นไปนัวเนียกันในห้องน้ำ และทางเดียวที่จะรู้ได้ว่ามันเป็นความคิดที่ถูกต้องหรือไม่ ก็คือการตามไปดูให้เห็นกับตาไงล่ะ

“เดี๋ยวฉันมา” ผมบอกเพื่อนก่อนจะลุกเดินออกมาเลย

 

เรื่องตลกหลังจากนั้นมันควรจะน่าขำ แต่ผมกลับขำไม่ออก

ผมพบว่าตัวเองคิดถูกที่ตามมา เพราะนอกจากจะเจอเจย์เดนกับไอ้เด็กหัวทองนั่นแล้ว ยังได้เห็นฉากเด็ดเสียยิ่งกว่าดูหนังโป๊ซะอีก...เอาล่ะ ผมเข้าใจความรู้สึกตอนเจย์เดนเห็นผมเอากับผู้หญิงขึ้นมาแล้ว เพราะสิ่งที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงมาก

เด็กหัวเหลือง (เรียกตามความไม่ชอบใจ ซึ่ง...ผมไม่ชอบใจเรื่องอะไรอันนี้ค่อยหาคำตอบทีหลังแล้วกัน) เอนพิงกำแพงโดยมีร่างสูงๆ ของเจย์เดนทาบทับ แผ่นอกของทั้งสองบดเบียดกัน แต่ไอ้ที่เบียดกันยิ่งกว่าก็คือริมฝีปากกับเป้ากางเกง

โอเค ใครกันนะที่เห็นผมนัวเนียกับสาวหน้าห้องน้ำแล้วถามว่าผมเอาจริงเหรอน่ะ?

อ๋อ ใครคนนั้นก็คือคนที่กำลังจูบอย่างดูดดื่มกระชากวิญญาณกับเด็กหนุ่มที่เพิ่งรู้จักอยู่ตอนนี้ไง

“เฮ้ เพื่อน ตรงนี้เลยเหรอ?”

ผมส่งเสียงออกไปขัดจังหวะพวกเขาทั้งสอง ด้วยประโยคคล้ายคลึงกันกับที่อีกฝ่ายเคยร้องทักผมเมื่อไม่นานมานี้ และดูเหมือนเจย์เดนจะจำเสียงผมได้ เพราะเขาชะงักงัน ใช้เวลาหลายวินาทีอยู่เหมือนกันกว่าอีกฝ่ายจะหันมามองผม

ทันทีที่ผมเห็นใบหน้าของเขา ใจของผมก็หล่นวูบ

“เจย์เดน นายไปโดนอะไรมา?”

เขาไม่ตอบ ถอยห่างจากเด็กหัวทอง “โทษที ฉันเจอเพื่อนน่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ งั้นไว้คราวหน้าก็ได้” ไอ้หนุ่มน้อยส่งยิ้มหวานให้กับเจย์เดนก่อนจะหันมายิ้มให้ผมบ้างแล้วเดินจากไป นั่นทำให้ผมมีโอกาสได้ขยับเข้าไปหาเจย์เดนมากขึ้น

มือของผมไปไวกว่าสมอง มันยื่นออกไปแตะที่โหนกแก้มของอีกฝ่าย “ไปฟัดกับใครมาวะพวก”

เจย์เดนดูเหมือนไม่อยากตอบ ซึ่งผมก็ไม่คิดจะบังคับ ตั้งใจจะบอกเขาว่าไม่ต้องตอบผมก็ได้ ไปทำแผลกับผมก็พอ แต่เขาก็เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อนที่ปากของผมจะทันได้อ้าออก

“โดนพ่อซัดหน้ามาน่ะ”

“พ่อ?” อ่า พ่อที่ว่าก็คงจะเป็นพ่อของโจชัว...พ่อของเขาด้วยเหมือนกัน

เจย์เดนพยักหน้า เขาแค่นยิ้มราวกับจะเย้ยหยันอะไรสักอย่าง บางทีอาจจะเป็นตัวเขาเอง “ฉันไปส่งโจที่บ้านเพราะคิดว่าเขาคงไม่อยู่ โจบอกว่าวันอาทิตย์แบบนี้พ่อมักจะออกไปบาร์กับเพื่อนเก่า”

“...”

“แต่โชคร้ายเขาดันไม่ได้ไป และฉันก็ได้เจอกับเขา...ในรอบแปดปีเห็นจะได้” เจย์เดนหัวเราะเยาะหยันในลำคอ “เขาไม่ชอบให้โจชัวมายุ่งกับฉัน เขาบอกว่าฉันคือตัวซวยสำหรับเขา ไอ้บัดซบ ใครกันแน่วะที่เป็นตัวซวย ถ้าเขาไม่เอากับแม่ฉัน ฉันก็คงไม่ต้องเกิดมามีพ่อสารเลวแบบนั้น!”

ผมคิดว่าเขาคงเมาจนรั้งสตินึกคิดเอาไว้ไม่อยู่อีกแล้ว เพราะถ้าเป็นเจย์เดนในเวลาปกติ เขาคงไม่มีทางพูดอะไรแบบนี้แน่ ขนาดโจชัวด่าพ่อว่าเป็นไอ้เฮงซวยเขายังห้ามไม่ให้น้องด่าเลยนี่หว่า

“เฮ้ แล้วนายก็โดนเขาต่อยมาเหรอ”

“อืม หลายหมัดอยู่เหมือนกัน และคิดว่าจะโดนหนักกว่านี้ถ้าไม่ใช่เพราะโจลากเขากลับเข้าบ้านไปซะก่อน”

“...” ผมมองตามเขา เจย์เดนก้าวถอยไปจนแผ่นหลังชิดกับกำแพง

“น้องมองฉันด้วยสายตาแบบไหนนายรู้มั้ย?” เขาเหม่อลอย “เขามองฉันด้วยสายตารู้สึกผิด ราวกับมีคำว่าขอโทษนับล้านคำลอยออกมาจากดวงตาของเขา และนั่นทำให้ฉันเจ็บปวดบัดซบ โจไม่ควรจะต้องมาเสียใจกับการกระทำของพ่อ คนที่เสียใจควรเป็นพ่อ ไม่ใช่เขา”

“ไม่ใช่นายเหมือนกัน” ผมเอ่ยขึ้น มองสบตาของเขาที่จ้องตรงมา “นายเองก็ไม่ควรต้องเจ็บปวด”

“แต่...” ผมสูดหายใจเข้าลึก “แต่มันยากเหลือเกินคริสเตียน ฉันทนมาได้เป็นสิบกว่าปีและฉันคิดว่าอาจจะทนได้ต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งนั่นเป็นการโกหกตัวเองอย่างที่สุด เพราะฉันเริ่มทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว บางทีอาจจะทนไม่ไหวมานานแล้วด้วยซ้ำ”

ผมก้าวเข้าไปหาเขา สวมกอดเขาเหมือนกับครั้งล่าสุดที่เรากอดกัน...เจย์เดนยืนนิ่งอยู่นาน แต่สุดท้ายเขาก็กอดผมกลับ ซบหน้าลงกับบ่าของผมเหมือนเมื่อวันนั้นไม่มีผิด แต่ครั้งนี้ไม่มีน้ำตาสักหยด เขาแค่กอดผมเอาไว้เฉยๆ เท่านั้น

ซึ่ง...อย่าได้ถามผมว่าทำไมถึงทำแบบนี้ เพราะผมเองก็หาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้เช่นกัน

ไม่รู้ว่าเรากอดกันอยู่นานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีผมก็ผละถอยห่างจากเขาแล้ว...เราสบตากันในระยะประชิด และก่อนที่จะได้ทันคิดไตร่ตรองให้ดี ผมก็พบว่าริมฝีปากของเราสองคนแนบเข้าหากันแล้ว

ผมบดเบียดปากของผมกับปากของเขา รสชาติแอลกอฮอล์ขมฝาดยังติดอยู่ที่ปลายลิ้นของเราสองคน ผมปล่อยให้เจย์เดนไล่ต้อนผม ปล่อยให้เขาได้เป็นฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาในปากของผม เราจูบกันโดยลืมไปสิ้นว่าตอนนี้กำลังยืนอยู่ที่ไหน หรือจะมีใครเดินผ่านมาเห็นหรือไม่

ผมดันเจย์เดนจนแผ่นหลังอีกฝ่ายแนบไปกับผนัง คร่อมทับเขาเอาไว้ มือข้างหนึ่งลูบต้นคอของเขา ส่วนมืออีกข้างเลื่อนลงลูบไล้ช่วงเอวผ่านเนื้อผ้าบางๆ ของเสื้อเชิ้ตสีเข้ม

เจย์เดนเองก็มือไม่อยู่นิ่งเหมือนกัน...เขาลูบต้นคอของผม สอดปลายนิ้วทั้งห้าเข้าไปในเส้นผม ขยำและดึงเบาๆ ในระหว่างที่เราแลกเอนไซม์กันอย่างดูดดื่มลืมตาย และอะไรๆ คงจะเกินเลยไปมากกว่านี้แล้วด้วยซ้ำ หากไม่ใช่เพราะเขาได้สติแล้วเป็นฝ่ายผลักผมออกก่อน

เป็นแรงผลักแผ่วเบา แต่ก็มากพอที่จะทำให้ผมก้าวถอยออกมาจากตัวเขา สติของผมถูกเรียกกลับมาในตอนนั้น ได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆ ว่าทำบ้าอะไรลงไปวะเนี่ย อะไรดลใจให้ผมจูบเจย์เดนกันวะ!?

“ฉันคิดว่าต้องกลับบ้านแล้วล่ะ” ผมคิดว่าควรจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เจย์เดนกลับพูดแทนผมซะก่อน “พรุ่งนี้ฉัน เอ่อ มีงานต้องทำแต่เช้า”

ผมพยายามห้ามตัวเองไม่ให้เม้มปากเพราะความประหม่า “ไว้เจอกัน”

“ไว้เจอกัน” เจย์เดนสบตาผมในเสี้ยววินาทีก่อนจะหลบตาแล้วพยักหน้ารับ

เขาไปแล้ว แต่ชั่ววินาทีหนึ่งผมคิดว่าผมเห็นอะไรบางอย่างตรงอกเสื้อด้านซ้ายของเขา มันโผล่ออกมาให้เห็นแค่สองสามตัวแรกเพราะเจย์เดนไม่ได้ติดกระดุมสองเม็ดบนอีกแล้ว และสิ่งที่ผมเห็นก็คือตัวอักษรสีเข้มๆ ที่ผมเคยเดาเอาไว้ว่ามันคือชื่อโซลเมตของเขา

Chr-


__________
เป็นตอนที่ร้อนฉ่า เพราะเพิ่งปั่นเสร็จและเอามาอัพเลยแบบยังไม่ได้ตรวจทานค่ะ 555 มีคำผิดหรือสำนวนแปลกๆ ต้องขออภัย แต่ตอนนี้เราไม่ไหวแล้วจริงๆ ง่วงมาก ส่วนมุมมองตอนนี้เล่าผ่านพระเอก คิดว่าคุณคริสเตียนพอจะดูเป็นคนดีขึ้นบ้างไหมคะ 55555 มีคนคิดว่าเขาร้าย โธ่ เขาออกจะอ่อนโยน ร้ายเฉพาะบนเตียงค่ะ //ผ่าง!

แล้วก็...พระเอกของเราเห็นชื่อโซลเมตวับๆ แวบๆ สามสามตัวอักษรบนแผ่นอกเจย์เดนแล้ววว จะเป็นยังไงต่อไปกันละเนี่ย ตอนหน้าเนื่อเรื่องจะเริ่มเข้มข้นขึ้น...คิดว่านะคะ ฮ่าาา วันอาทิตย์เจอกันค่ะ จุ๊บๆ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2019 22:30:18 โดย Hazel_nut »

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
หึๆๆๆๆ จูบกันแล้วจ้าาา

คริสเตียนจะอยากรู้ชื่อโซลเมทของเจย์เดนมั้ยน้า

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เห็นแค่ 3 ตัวแรก จะคิดเข้าข้างตัวเองป่ะเนี่ย  o18

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ก่อนจะไปรู้ชื่อโซลเมตของคนอื่น พี่คริสควรรู้ของตัวเองก่อนนะคะ555555

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ได้อ่านมุมของพระเอกสักที โอ้โห พลังโซลเมทนี่ร้อนแรงดั่งไฟเผาจริงๆค่ะ
พี่คริสคะ แนะนำให้เดินตามกลับบ้านเลยนะ เห็นแค่สองตัวนอนไม่หลับแน่นอน ต้องตามไปอ่านวาาคริสรึเปล่า คริสอะไรต่อ
จากนั้นก็จะได้หากระจกส่องหลังด้วย
น้องเจย์เดนไม่ควรนอนคนเดียวนะคะพี่ก็รู้ 5555 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
เดาว่าถึงจะเห็นแล้ว 3 ตัวแต่คริสคงไม่คิดว่าเป็นชื่อตัวเองแน่ๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ชอบ..บบบบบบบบบบบ  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
แรงดึงดูดดดดดดด

สงสารเจเดน


 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ AmPnie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ก่อนจะไปรู้ชื่อโซลเมตของคนอื่น พี่คริสควรรู้ของตัวเองก่อนนะคะ555555

จริงที่สุดจ้า พี่ควรเห็นชื่อโซลเมตตัวเองได้แล้ววว

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
ความสัมพันธ์คืบหน้าอีกแล้ว
เราว่าคริสเตียนชอบเจย์เดนก่อนจะรู้เรื่องโซลเมทเนี่ยดีแล้ว
มันน่าจะทำให้เจย์เดนเชื่อมั่นได้มากขึ้น(จากกรณีพ่อแม่ของตัวเอง)

พระเอกหูไวตาไวสมกับเป็นอดีตนักข่าวนะคะ สามตัวก็ยังอุตส่าห์เห็น
(ขอให้ชื่อมันวิบวับแบบตอนทำแผลให้กันทีเถอะ)
แต่จะร้ายแบบไหนเมื่อไหร่ยังไง อันนี้มันต้องพิสูจน์เท่านั้น
เราจะยังไม่เชื่อคนเขียนจนกว่าจะได้อ่านกับตาตัวเอง >///<

 กันแล้วชื่อเข้มหรือกะพร้บ(ตอนเจย์เดน)เห็นชื่อตัวเองบนหลังคอคริสครั้งแรก)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-08-2018 11:06:22 โดย u_cosmos »

ออฟไลน์ Kumamon_Kung

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

เกือบแล้วคริสเตียน เกือบเห็นชื่อแล้วววววว
 :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Hazel_nut

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-3
Chapter 6

When I lied to you


 

จากการปกปิดความลับธรรมดาๆ กลายเป็นการโกหกครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต

 

ภาพวันนั้นยังฝังอยู่ในหัวของผม เหมือนกับสัมผัสร้อนผ่าวจากริมฝีปากของเขาที่ผมยังคงรู้สึกถึงมันได้บนปากของผม...ยากจะลืมเลือน ยากจะลบให้หายไปจากความทรงจำ

ผมไม่คิดว่าเราจะจูบกัน ไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าจะมีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้น ผมไม่ได้ชอบเขา

โอเค ยอมรับก็ได้ว่ามีบ้างที่รู้สึกแปลกๆ กับเขา แต่ผมยกให้มันเป็นความผิดของโชคชะตาที่คิดจะเสนอหน้าจับคู่ให้กับคนบนโลกใบนี้โดยไม่ถามความสมัครใจกันก่อน

สองครั้งที่คริสเตียนอยู่กับผมในเวลาที่ความอ่อนแอกัดกินหัวใจจนแทบพังยับเยิน อ้อมกอดหลวมๆ ของเขาในครั้งแรกและบ่าแข็งแรงที่ให้ผมซบ...ผมยังรู้สึกถึงมันได้ ไม่ต่างจากจูบครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นได้อย่างไรก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนั้นผมกำลังเสียใจ และเผลอตอบรับปลายลิ้นที่ปัดป่ายเชิญชวนจนต้องเข้าหา

หัวใจของผมเต้นแรงจนแทบคลั่งตายหลังจากที่เราแยกห่างออกจากกัน และผมรู้เลยว่าตอนนั้นผมไม่อาจจะมองหน้าเขาได้นานเกินสามนาทีแน่นอน ดังนั้นผมถึงได้รีบขอตัวกลับบ้านเพื่อหนีออกมาให้ไกลจากเขา อย่างน้อยก็ให้มันไกลมากพอที่ผมจะควบคุมลมหายใจหอบสะท้านและความสับสนของตัวเองได้

อะไรทำให้ผมยอมปล่อยตัวเองให้จูบกับเขา จนถึงวันนี้ซึ่งผ่านมาสี่วันแล้วแต่ผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้ หรือบางทีผมอาจจะรู้เหตุผลของมันอยู่แล้ว แต่ผมก็แค่...ยังไม่อยากจะยอมรับมัน

“เจย์เดน เฮ้!”

ผมกะพริบตา เงยหน้าขึ้นมองคนเรียก “ว่าไง”

“แกเป็นอะไรวะ ทำตัวแปลกๆ มาหลายวันแล้วนะเพื่อน” แมตต์หรี่ตามองผม และให้ตายเถอะ ผมไม่เคยจะปิดบังอะไรกับเพื่อนคนนี้ได้เลย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังเลือกที่จะปฏิเสธ

“ไม่มีอะไร”

“เชื่อแกฉันคงเป็นหมันตลอดชีวิต”

ผมหัวเราะ “ถ้าแกเป็นหมันฉันจะยุให้คริสติน่าไปหาแฟนใหม่”

“อยากโดนต่อยปากไหมไอ้กร๊วก” แมตต์ชี้หน้าผม ท่าทางหาเรื่องเต็มที่ แต่ผมรู้ว่าเขาก็แค่แอ็คติ้งเท่านั้น

“พูดถึงคริสติน่าแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าฉันยังไม่ได้โทรหาเธอเลย ไว้คุยกับเธอเสร็จเมื่อไหร่” แมตต์ชี้หน้าผม “แกจะเป็นรายต่อไปที่ฉันจำเป็นต้องจับมานั่งคุยกันให้รู้เรื่อง”

ผมส่ายหน้าเบาๆ ยิ้มขำให้กับสีหน้าคาดคั้นของเขา แต่ก็นะ...ผมรู้ว่าเขาทำไปเพราะเป็นห่วงผม ดังนั้นผมจะไม่โกรธหรอก

ระหว่างที่กำลังตรวจงานทั้งหมดให้เรียบร้อยก่อนส่งลูกค้า ซึ่งก็คือบริษัทของคริสเตียนนั่นล่ะ วิลที่หายไปคุยกับบอสนานสองนานก็กลับมา

“ข่าวดีพวก”

“อะไร?” แดเนียลที่กำลังคีย์ข้อมูลอะไรสักอย่างอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หันมาเอ่ยถาม

วิลยิ้มกว้าง “ลูกค้าของเราจะเข้ามาเซ็นสัญญาภายในวันนี้”

“บริษัทแคมเบลล์น่ะเหรอ?”

“ช่ายยย ครั้งนี้เห็นบอสบอกว่ารองซีอีโอจะมาเองเลยนะเว้ย”

“อ้าว แล้วมิสเตอร์คริสเตียนที่มาคราวก่อนล่ะวะ?”

“ฉันก็ไม่รู้ว่ะว่าเขาตำแหน่งอะไร มันไม่ใช่เรื่องของเรานี่หว่า แกจะสนใจทำไมวะ”

แดเนียลพยักหน้า “สงสัยไม่ได้รึไง”

“แต่ครั้งนี้มิสเตอร์คริสเตียนก็น่าจะมาด้วย บอสว่าอย่างนั้น”

ผมใจเต้นแรงอีกแล้ว ก็แค่คริสเตียนจะมาที่นี่ ทำไมผมต้องตื่นเต้นด้วย...หรือบางทีมันอาจจะเป็นเพราะผมยังไม่พร้อมที่จะเจอเขาตอนนี้ล่ะมั้ง ควรจะทำหน้ายังไงเมื่อเจอเขา คิดไม่ออกเลยจริงๆ

 

ในระหว่างพักกลางวันผมก็พบว่าการโดนแมตต์เค้นคอช่วยให้ผมสบายใจขึ้น

เรายืนพิงระเบียงซึ่งจัดให้เป็นโซนสูบบุหรี่ แมตต์พ่นควันไปด้วยในระหว่างที่ฟังผมเล่า ส่วนผมไม่สูบเพราะเลิกสูบมานานหลายปีแล้ว เคยคิดว่าการสูดสารก่อมะเร็งช่วยให้ผ่อนคลายได้มาก แต่ก็พบว่ามันน่ากลัวพอกันถ้าต้องเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ผมก็เลยเลิกสูบไปอย่างเด็ดขาด

“แกจูบกับเขาไปแล้ว?” แมตต์ถามเสียงสูง เขาถือมวนบุหรี่ค้างไว้ในท่าเตรียมจ่อปาก สีหน้าของเขาดูตื่นตะลึงไปกับเรื่องที่ผมเพิ่งเล่าจบ

“อือฮึ แกได้ยินแล้วนี่”

“พระเจ้า จริงเหรอวะพวก นั่นมันสุดยอดฉิบหายเลยว่ะ!” แมตต์แทบจะปรบมือให้ผม

“ตรงไหนที่เรียกว่าสุดยอด?” มีแต่ฉิบหายน่ะสิไม่ว่า

“ก็นั่นโซลเมตของแกไม่ใช่รึไง”

“ก็ใช่” ผมถอนใจ “แต่แกอย่าลืมว่าฉันไม่คิดจะเกินเลยกับเขาไปมากกว่าคำว่าคนรู้จัก...หรืออย่างมากก็เพื่อนกัน”

“หนีอะไรหนีได้เจย์เดน แต่แกหนีโชคชะตาไม่ได้หรอก”

“งั้นก็จงรู้เอาไว้ว่าฉันไม่ไว้ใจโชคชะตา ไม่เคยไว้ใจเลยสักครั้ง” ผมย้ำ จ้องตาเขาโดยใส่ความจริงจังทั้งหมดลงในแววตาที่สื่อออกไป

แมตต์เป็นฝ่ายถอนหายใจบ้าง “ฉันรู้ แต่...”

“...” ผมรอให้เขาพูด แต่ดูเหมือนเขาเลือกที่จะยอมแพ้ต่อคำพูดของผมก่อนหน้านี้

“เอาเถอะ พูดอะไรไปแกก็คงยึดมั่นอุดมการณ์หนีโชคชะตาและโซลเมตเหมือนเดิม ทีนี้เรามาคิดกันดีกว่าว่าแกจะทำยังไงตอนเจอหน้าเขา”

“นั่นล่ะที่ฉันยังคิดไม่ตก” ผมยอมรับตามตรง

“ที่จริงมันก็ไม่ยากเลยเพื่อน แกก็แค่ทำตัวปกติ ไม่เห็นมีอะไรต้องกังวล”

พูดมันก็ง่ายน่ะสิ แต่ทำยากเป็นบ้าเลยให้ตาย…แมตต์คงจะมองเห็นความไม่สบายใจบนหน้าของผม เขาตบไหล่ปลอบโยนก่อนจะบี้บุหรี่ทิ้งกับที่เขี่ย

“เอาน่าพวก อย่าคิดมาก ไปทำงานรอลูกค้ามากันเถอะ”

อ่า คิดดูอีกที หรือผมควรจะปล่อยให้สัญชาตญาณพาไปดีล่ะ?

 

การพบหน้ากันหลังจากจูบร้อนแรงครั้งก่อนสร้างความกระอักกระอ่วนให้เราสองคน...ไม่ใช่แค่ผม พอเห็นคริสเตียนเลิกคิ้วมองผมด้วยท่าทีประหม่าอย่างที่ผมไม่เคยเห็นจากเขามาก่อน ผมก็พบว่าความกังวลของผมลดลงเยอะมาก ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย

หลังจากการแนะนำตัวอีกครั้งเพราะคราวนี้รองประธานบริษัทมาเอง ผมก็พบว่าพี่ชายของคริสเตียนคือมิสเตอร์แคสเทียล แคมเบลล์ รองซีอีโอที่พูดถึงกันอยู่นั่นล่ะ...ส่วนคริสเตียนไม่ได้มีตำแหน่งหน้าที่อะไรในบริษัทนอกไปจากเป็นผู้ช่วยให้กับพี่ชายของเขาเอง ไอ้ผมก็นึกว่าเขาจะมีตำแหน่งสูงๆ ไม่ต่างอะไรกับพี่ชายของเขาน่ะสิ

“หลังจากนี้หากมีโครงการอะไรใหม่ๆ อีก ทางเราอาจจะได้ร่วมงานกันนะครับ”

ภายหลังจากการเซ็นสัญญาฉบับสมบูรณ์เรียบร้อย มิสเตอร์แคสเทียลก็พูดขึ้นด้วยท่าทีเป็นมิตร เขาส่งยิ้มให้พวกเรา แต่ผมรู้ดีว่ามันเป็นรอยยิ้มการค้า เพราะทางผมเองก็ยิ้มแบบนั้นให้เขาไม่ต่างกัน

โลกนี้แม้จะจริงใจต่อกันมากแค่ไหน แต่อย่างไรธุรกิจก็คือธุรกิจ ยิ้มที่มีให้กันจึงเป็นได้ทั้งยิ้มตามมารยาทและยิ้มจริงใจของแท้ หรือบางทีก็อาจจะเป็นรอยยิ้มที่ปนกันไปทั้งสองอย่างในคราวเดียว

“ด้วยความยินดีครับมิสเตอร์แคมเบลล์ ทางเรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างคุณ”

แคสเทียลหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “อ้อ จริงสิ ครั้งหน้าผมอาจจะส่งน้องชายของผมมาเป็นฝ่ายประสานงานบ่อยขึ้นนะครับ พอดีเขาเพิ่งเริ่มเข้ามาทำงานในบริษัทอย่างจริงจังเมื่อไม่นานมานี้เอง ผมก็เลยอยากให้เขาได้เรียนรู้งานในหลายๆ ด้าน ถือเป็นการฝากเนื้อฝากตัวไปเลยแล้วกัน”

“ยินดีครับ พวกเราจะดูแลน้องชายของคุณอย่างดี”

พูดคุยกันอีกเล็กน้อยแคสเทียลก็ขอตัวกลับก่อนเพราะมีธุระด่วนให้ต้องไปจัดการ แต่คริสเตียน...เขาไม่ได้กลับไปด้วย

“พี่บอกให้ผมพาพวกคุณไปเลี้ยงดินเนอร์”

“โอ้ ไม่ต้องก็ได้ครับ แค่ได้ร่วมงานกันก็ดีมากพอแล้ว” บอสเอ่ยขึ้นด้วยความเกรงใจผมรู้ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เพื่อนร่วมทีมของผมจะยอมรับได้

วิลแย้งด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “แต่ผมไม่ขัดนะครับ อยากดินเนอร์มื้อหรูๆ ดูบ้างเหมือนกัน”

“เฮ้ อย่าทำตัวไร้มารยาทน่าวิล” แดเนียลเอ็ดเสียงเข้ม แต่คริสเตียนกลับหัวเราะเบาๆ

“ไม่เป็นไรครับ ผมก็ตั้งใจจะพาไปโรงแรมในเครือของเราอยู่แล้ว”

“เจ๋งเป้ง” แมตต์ที่เงียบอยู่นานประสานมือเข้าด้วยกันเสียงดัง เขาดูชอบใจที่จะได้กินอาหารในโรงแรมหรูระดับห้าดาว ซึ่งนั่นทำให้ผมอดจะกลอกตาให้กับความชอบกินเกินเหตุของเพื่อนไม่ได้

“ถ้าไม่รบกวนหรือเสียมารยาทจนเกินไป...” บอสของพวกเราเอ่ยขึ้นอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันพูดจบคริสเตียนก็เอ่ยขัด

“ไม่เลยครับ ด้วยความยินดีมาก พวกคุณเองก็ต้องเหนื่อยกับการแก้งานเพื่อให้ทางเราพอใจตั้งหลายครั้งหลายหน การเลี้ยงมื้อเย็นสักมื้อไม่ได้รบกวนอะไรหรอกครับ”

เข้าใจพูด ผมคิด

“ถ้าอย่างนั้นฝากลูกทีมของผมด้วยนะครับ”

ผมเลิกคิ้ว “อ้าว บอสไม่ไปด้วยกันเหรอ?”

“ไม่ล่ะ ยังมีลูกค้าที่นัดเอาไว้ให้ต้องสะสางงาน พวกนายไปดินเนอร์ในโรงแรมก็อย่าทำตัวโง่ๆ ท่ามกลางแขกเหรื่อของเขาล่ะ เดี๋ยวโรงแรมเขาจะเสียชื่อ”

พอบอสพูดแบบนั้นก็โดนพวกผมโห่ใส่โดยพร้อมเพรียง และหลังจากที่บอสหายลับออกไปจากห้องประชุม คริสเตียนก็เอียงคอเลิกคิ้วถามขึ้นว่า

“พร้อมจะไปกันหรือยังครับ ตอนนี้ห้าโมงครึ่งแล้ว ผมจองโต๊ะเอาไว้ตอนหกโมงตรง”

“ยิ่งกว่าพร้อมอีกครับคุณคริสเตียน” วิลกับแดเนียลถูฝ่ามือเข้าด้วยกัน ขณะที่แมตต์ผิวปากหวืออย่างชอบใจ

“ถ้าอย่างนั้นทุกคนจะไปรถตู้ของบริษัทผม หรือจะแยกกันไปเจอที่นั่นครับ?”

ผมเป็นฝ่ายเสนอก่อนที่เพื่อนร่วมทีมจะได้พูดอะไรออกไป “วิล แดเนียล พวกแกไปกับคริสเตียนเลยก็ได้ ฉันกับแมตต์จะตามไปทีหลัง”

“ทำไมไม่ไปพร้อมกันวะ” วิลทำหน้าสงสัย

ผมเหลือบสบตาเพื่อนสนิทที่มักจะรู้ใจผมเสมอ เราส่งสัญญาณบางอย่างกันทางสายตาที่แม้ไม่ต้องพูดออกเสียงก็เข้าใจกันได้...แมตต์รู้ว่าผมต้องการเวลาเพื่อตั้งหลัก

“มีธุระนิดหน่อยที่ฉันต้องไปทำกับเจย์เดนน่ะ พวกแกไปก่อนได้เลย”

“อ้อ งั้นก็โอเค เจอกันที่โรงแรมนะเพื่อน”

ผมลอบสูดหายใจ หันไปสบตาคริสเตียนแล้วยิ้มให้เขาเพียงเล็กน้อย “ฝากเพื่อนฉันด้วยนะ”

“ได้” เขาเงียบไปอึดใจหนึ่งเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดแล้วพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกจากห้องประชุมไป

หลังจากพวกเขาออกไปแล้วแมตต์ก็ออกตาม โดยทิ้งท้ายไว้แค่ว่าจะไปห้องน้ำ ให้ไปเจอกันที่รถของเขาถ้าผมพร้อมจะเผชิญหน้ากับคริสเตียนระลอกสองแล้ว

ผมทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ห้องประชุม ยกมือทั้งสองข้างกุมใบหน้าเอาไว้อย่างคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อคนที่คิดว่าออกไปนานแล้ว ดันกลับเข้ามาพร้อมเสียงทักทาย

“เฮ้”

ผมหันขวับไปมอง “นาย...”

“ไง กำลังเครียดอะไรอยู่งั้นเหรอ?”

ผมไม่ตอบแต่ย้อนถามเขา “ลืมอะไรล่ะ?”

“เปล่า” คริสเตียนส่ายหน้า “ฉันก็แค่...แบบว่าอยากคุยกับนาย และคิดว่านายน่าจะยังอยู่ที่นี่ ซึ่งก็ดีที่ฉันเดาไม่ผิด”

“อืม เอ่อ งั้นเหรอ” ผมไม่รู้จะตอบอย่างไรดี พอมาอยู่ด้วยกันตามลำพังผมก็กระอักกระอ่วนขึ้นมาอีกครั้ง บ้าฉิบ นี่มันบ้าบอบัดซบเลยให้ตายเถอะ ทำไมผมต้องรู้สึกไม่เป็นตัวเองอย่างนี้ด้วยนะ

“ฉันอยากจะคุยกับนาย” คุณโซลเมตของผมเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “เรื่องที่คลับวันนั้น”

พระเจ้า เอาอย่างนี้จริงๆ ใช่ไหมเนี่ย

ผมสูดหายใจ “ฉันไม่ได้โกรธอะไร ถ้านายกังวลเรื่องนั้น”

“จริงเหรอ?” ผมพยักหน้าให้เขาแทนคำตอบ สีหน้าคริสเตียนดูสบายใจขึ้น “แต่ยังไงฉันก็ยังอยากจะขอโทษนายอยู่ดี ที่เผลอ...ล่วงเกินนายไป”

เท่านั้นล่ะความปั่นป่วนระหว่างเราสองคนก็เหมือนจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง ผมหลุดหัวเราะเต็มเหนี่ยว “ให้ตายสิ คริสเตียน นายพูดจริงเรอะ ขอโทษเรื่องล่วงเกินฉันเนี่ยนะ? ฉันที่เป็นผู้ชายเหมือนนายน่ะนะ?”

“อ่า ก็ใช่สิ”

“อย่าคิดมากไปหน่อยเลยน่า ก็แค่...” ผมนิ่งไปเล็กน้อยที่ต้องพูดคำนั้น แต่สุดท้ายผมก็ได้พูด “แค่จูบเอง ตอนนั้นฉันเมามาก อาจจะเผลอไผลไปบ้าง นายเองก็คงเหมือนกันนั่นล่ะน่า”

“งั้นถ้าเรานัวเนียกันจนไอ้หนูใต้กางเกงแข็งปึ๋ง นายก็จะบอกว่าเป็นเพราะเมาล่ะสิ”

ระยำเอ๊ย เขาพูดบ้าอะไรของเขาออกมาวะนั่น

ผมเหวอ มองเขาตาค้าง และนั่นทำให้คริสเตียนเป็นฝ่ายหัวเราะเสียงดังออกมาบ้าง

“ฉันหยอกเล่นน่าเพื่อน ตกใจอะไรขนาดนั้น”

“ใครไม่ตกใจสิแปลก” ผมกลอกตาใส่เขา “สรุปนายขึ้นมาเพื่อบอกฉันแค่นี้?”

“อ่าฮะ แล้วก็...ที่จริงมีอีกเรื่องน่ะ”

“เรื่อง?”

คริสเตียนเลียริมฝีปาก และพระเจ้า สาบานต่อหน้ารูปปั้นเทพีแห่งความพินาศเถอะ! ผมดันนึกไปถึงรสจูบของเราเมื่อสี่วันก่อน แค่เพราะเห็นคุณโซลเมตเลียปากตัวเองเนี่ยนะ!? เป็นเอามากแล้วไอ้เวรเอ๊ย

ผมต้องโฟกัสกับสิ่งที่เขาจะพูด ใช้ความพยายามมากเลยทีเดียว...แต่คำที่หลุดออกมาจากปากของเขาดันทำเอาผมแทบจะสติแตกขึ้นมาจริงๆ

“รอยที่หน้าอกด้านซ้ายของนายมันไม่ใช่ลายเพ้นท์ แต่เป็นชื่อโซลเมตของนายใช่มั้ย?”

“!!!”

ผมควรจะพูดอะไร ควรจะตอบเขาว่าอะไร

คริสเตียนจ้องผมนิ่งๆ “วันนั้นที่คลับฉันเห็นมันอีกครั้งเพราะนายไม่ได้ติดกระดุมเสื้อ”

อีกแล้วเหรอวะ

ผมสบถด่าตัวเองในใจ ด่าให้กับความสะเพร่าซ้ำซาก ไม่คิดว่าแค่ไม่ชอบให้เสื้อมันอึดอัดรัดตัวเลยปลดกระดุมสองเม็ดบนออกจนเป็นนิสัยจะทำให้ผมต้องมาเจอเรื่องยุ่งยากเอาตอนนี้ได้

“ถ้าเป็นลายเพ้นท์มันก็ควรจะลบหายไปตั้งนานแล้ว แต่นี่มันยังอยู่บนตัวนายในตำแหน่งเดิมเป๊ะ...”

“บางทีฉันอาจจะไปเพ้นท์ทับอีกครั้งอะไรแบบนั้นก็ได้นี่” ผมแย้ง

เขาพยักหน้า “ก็อาจจะใช่ แต่ลายเพ้นท์คงกะพริบไปมาไม่ได้หรอกมั้ง”

บัดซบ! นี่เขาเห็นถึงขนาดนั้นเลยเหรอวะ!?

ผมพยายามตั้งสติ ถ้าลนลานแสดงอาการไม่ปกติออกไปให้เขาเห็นต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ “แล้วยังไงเหรอพวก?”

“ตัวอักษรที่ฉันเห็นคือ ซี-เอช-อาร์ แต่ตัวที่เหลือฉันไม่เห็น” คริสเตียนยิ้มมุมปาก เป็นรอยยิ้มประหลาดที่ทำให้ผมรู้สึกขนลุกพรึ่บ “ตกลงนายมีโซลเมตแล้วสินะ”

“นายรู้ไปแล้วจะได้อะไร?”

“ไม่รู้สิ ก็แค่อยากรู้น่ะ หรือฉันถามไม่ได้?”

ผมแค่นหัวเราะ “เราสนิทกันมากพอที่ฉันจะต้องบอกนายเรื่องนี้ด้วยเรอะ”

“จูบกันแล้วก็น่าจะสนิทกันในระดับหนึ่งนะ”

“เวร นายนี่มันเฮงซวยจริงๆ เลยว่ะคริสเตียน” ผมหลุดปากด่าเขาออกไปจนได้

คริสเตียนหัวเราะ “ว่าไง บอกฉันได้ไหมล่ะว่าโซลเมตของนายชื่ออะไร”

“...”

“ซีเอชอาร์ก็น่าจะเป็น...คริสต์มาส?”

ผมทำหน้าเมื่อยใส่เขาทันที ใครบ้างวะมันจะตั้งชื่อลูกว่าคริสต์มาส โอเคมันอาจจะมี แต่สาบานได้ว่าทั้งชีวิตของผมยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ไอ้คนที่ชื่อคริสต์มาสเนี่ย

“คริสโตเฟอร์ คริสติน่า คริสตอฟ หรือ...” คุณโซลเมตจ้องตาผม “คริสเตียน”

ผมต้องใช้กำลังใจทั้งหมดในการห้ามตัวเองไม่ให้สะดุ้งหรือเผลอทำหน้าแตกตื่น ปากไปไวกว่าสมองจนเผลอตะโกนออกไปเสียงดังเกินความจำเป็น

“คริสติน่า!” ผมบอกเขา “โซลเมตฉัน...ชื่อคริสติน่า”

อีกฝ่ายนิ่งไป ดวงตาของเขาที่มองมาดูล้ำลึก แฝงไปด้วยความลึกลับบางอย่างที่ยากจะหยั่งถึง ผมมองแววตาของเขาไม่ออกว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่ ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้สึกย่ำแย่ลงกว่าเดิม…เขาจะรู้แล้วหรือเปล่า เขาจะรู้ไหมว่าผมโกหกเขา

มือของผมเย็นเฉียบ เหงื่อเม็ดเล็กซึมขึ้นที่ข้างขมับทั้งที่ผมยืนอยู่ในห้องแอร์เย็นเฉียบ ความกังวลของผมมีมากซะจนเผลอกลั้นหายใจด้วยความลุ้นระทึก สถานการณ์ตอนนี้มันโคตรระยำบัดซบจนผมอยากจะยกมือขยี้หัวตัวเอง แต่ผมรู้ดีว่าทำไม่ได้ ถ้าผมไม่อยากให้คริสเตียนรู้ว่ากำลังโกหกเขาอยู่ ผมก็ไม่ควรทำอะไรก็แล้วแต่ที่เป็นการเปิดโปงตัวเอง

หัวใจของผมเต้นแรงจนอีกนิดมันคงจะหยุดเต้นไปด้วยความช็อกก็เป็นได้ แต่สุดท้ายคริสเตียนก็เอ่ยขึ้น

“งั้นเหรอ โซลเมตนายเป็นผู้หญิงสินะ ฉันอยากจะเห็นหน้าเธอขึ้นมาแล้วสิ”

การปกปิดกลายเป็นการโกหกไปเสียแล้ว



__________
ตั้งใจจะอัพตอนสี่ทุ่มแต่ดันปั่นลากยาวใช้เวลานานกว่าที่คิดค่ะ ใครรออยู่ต้องขอโทษด้วยนะคะ วันนี้ไม่สบายนิดหน่อยเลยค่อนข้างช้า ส่วนคำผิดเหมือนเดิมค่ะ ปั่นเสร็จก็อัพเลยยังไม่ได้ตรวจ ไว้เราจะมาแก้ทีหลังครับผม

อ่ะ มาที่เนื้อเรื่อง คิดว่าคริสเตียนรู้เรื่องโซลเมตแล้วหรือยังคะ ส่งคำตอบได้ทางคอมเมนต์หรือแฮชแท็ก #ความลับบนตัวผม ทางทวิตเตอร์ค่ะ 55555 ไปคุยกับเราได้น้าา ถ้าใครเล่นทวิตเตอร์อ่า ไปส่งฟีดแบ็กให้กันก็ได้ เรารออ่านอยู่เสมอเด้อ

ปล. ตอนที่แล้วเราพิมพ์อายุคุณคริสผิด ไปแก้มาแล้วแต่มาบอกซ้ำว่านางอายุ 34 เน้อ แก่กว่าเจย์ 8 ปี ที่มาของชื่อภาษาอังกฤษของเรื่องก็คือายุอันห่างกันของพระนายนี่แหละ ฮ่า!


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2019 22:33:05 โดย Hazel_nut »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด