สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27  (อ่าน 134055 ครั้ง)

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
คุณธนิกน่ากลัวมาก

เราว่าคุณธนิกคิดจะผูกขวัญไว้ เพราะขวัญไม่มีอะไรอะ คือจะทำอะไรก็ได้

แต่กับขิม อาจจะมีฐานะทางสังคมพอๆกัน เลยทำแบบนั้นไม่ได้ เลยมาเลือกขวัญเพื่อเป็นตัวแทน จะขังให้อยู่กับตัวเองตลอดไป

 :katai1:

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
อ่านตอนนี้ตั้งแต่วันที่คนเขียนอัพแล้ว คิดถึงเลยกลับมาอ่านอีก พึ่งเห็นว่าลืมเมนท์ค่ะ  :m23:
------------------------------------------------------------------------------------
โอ้ยยยย คุณธนิกปากหวานมาก พูดชักจูงเก่ง อยากให้แนนเจอคุณธนิกเลย น้องขวัญไม่มีทางปฏิเสธคุณธนิกได้หรอก ยิ่งน้องขวัญรักเขาอยู่ด้วยแล้วเนี่ย คุณธนิกสบายเลยพูดนิดๆหน่อยๆน้องก็ยอมหมด ถึงจะสับสนไม่แน่ใจแต่ก็เลือกคุณธนิกอยู่ดี เข้าใจน้องนะ ตอนที่พูดเรื่องจูบแรกครั้งแรก ครั้งแรกของขวัญเนี่ย ยังรู้สึกเลยว่าทำไมคุณธนิกน่ารักจัง(วะ) แต่หักห้ามใจตัวเองอยู่เพราะกลิ่นความร้ายกาจ เจ้าเล่ห์ ไม่น่าไว้ใจของคุณเขาเนี่ยแผ่กระจายมาก
ตอนนี้คือหวังพึ่งพาหลงอยู่ เพลบอยอย่าไปญาติดีกับเขานะ แล้วก็หวังว่าขวัญจะได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้แนนฟัง
 :pig4:

ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
ตอนที่ 7


คุณธนิกกลับไปเมื่อตอนบ่ายสองเพราะมีโทรศัพท์จากเลขาฯ ของเขาบอกว่ามีการเรียกประชุมผู้บริหารด่วน เขาก็เลยต้องกลับไปด้วยสีหน้าที่เหมือนเด็กถูกขัดใจ ไอ้หลงเห่าส่งเขาด้วย มันคงชอบที่คุณธนิกลูบหัวมัน

“ดีจังน้าที่คุณธนิกเขาไม่รังเกียจพวกเรา” ผมลูบหัวไอ้หลงเบาๆ “แล้วเอ็งอยากไปอยู่บ้านใหม่หรือเปล่า บ้านหลังใหญ่ๆ สวยๆ แล้วก็อาจจะสะดวกสบายกว่านี้”

บ้านหลังนี้เต็มไปด้วยความทรงจำของผมและคนในครอบครัว ครั้งหนึ่งมันเคยมีชีวิตชีวา มีเสียงหัวเราะของผมและน้าลี คลอไปด้วยเสียงครางหงิงๆ ของไอ้หลง ชีวิตที่ไม่ต้องมีพร้อม แต่ก็มีความสุขกันดี หากถามว่าผมอยากจะไปอยู่ที่ที่ดีกว่านี้ไหม โดยธรรมชาติของความคิดมนุษย์แล้วก็ต้องอยากไปกันทั้งนั้น ทว่าผมก็ยังทิ้งความผูกพันที่มีต่อบ้านหลังนี้ไม่ลง

“ชีวิตที่ดีกว่า มันจะดีจริงๆ รึเปล่านะ อีกอย่างคุณธนิกเขาจะชอบพี่ไปตลอดมั้ยก็ไม่รู้ เกิดวันหนึ่งเขารู้สึกเบื่อขึ้นมา เราก็คงจะไม่มีที่ซุกหัวนอนกัน”

ไอ้หลงครางหงิงตอบกลับมา มันก็คงเห็นด้วยกับผม คำว่าตลอดไปมันไม่มีอยู่จริง ผมน่ะเข้าใจคำนี้ดี เพราะน้าลีที่สัญญาจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ก็จากไปก่อนที่ผมจะทันได้ตั้งตัวเสียด้วยซ้ำ

“ไอ้ขวัญญญญญ กูมาแล้วววว” เสียงของไอ้แนนดังขึ้นมาจากหน้าบ้าน ไอ้หลงรีบลุกแล้ววิ่งไปที่ประตูทันที มันจะส่ายหางระริกระรี้ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงของไอ้แนน เพราะมันรู้ว่าไอ้แนนจะมีของกินดีๆ มาฝากมัน แต่ไอ้หลงมันคงไม่รู้หรอกว่าของกินที่ไอ้แนนเอามาให้น่ะผมฝากเงินมันซื้อแทบทุกครั้ง ไอ้แนนก็เลยได้หน้าไปตามระเบียบ

“มาเร็วจังวะ” ผมเปิดประตูบ้าน เห็นไอ้แนนยังคงนั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์ ตะกร้าหน้ารถมีถุงใส่กับข้าวอยู่สองสามอย่าง หนึ่งในนั้นมีไก่ย่างที่ผมฝากมันซื้อด้วย

“พอดีมีเรื่องจะคุยกับมึงนิดหน่อย” ไอ้แนนบอก ลงจากมอเตอร์ไซค์ ยื่นมือลูบหัวไอ้หลงที่รอไก่ย่างของมัน “แสนรู้จริงๆ นะไอ้หลง อยากกินไก่ย่างละซี”

“เรื่องจะคุยเหรอ” คงไม่ใช่เรื่องของคุณธนิกหรอกใช่ไหม ไอ้แนนจะมีตาทิพย์รู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมในบ้านหลังนี้ได้ยังไงกัน เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งปล่อยไก่เสียดีกว่า “งั้นเข้ามาคุยในบ้าน กูก็มีเรื่องจะคุยกับมึงเหมือนกัน”

“เออๆ กูซื้อเหล้ามาด้วย ขออนุญาตฝนเรียบร้อยแล้ว วันนี้ยาวได้ถึงเที่ยงคืน” ไอ้แนนชูขวดเหล้าขาวตรารวงข้าวที่มันซื้อมาให้ดู สีหน้ามันเครียดอย่างที่ไม่ค่อยจะได้เห็นนัก ครั้งล่าสุดที่เห็นมันทำหน้าแบบนี้ก็ตอนที่มันรู้ว่าฝน แฟนของมันท้อง ทำให้ผมรู้สึกว่าเรื่องที่มันกำลังจะคุยต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ ถึงต้องใช้เวลาและต้องมีแอลกอฮอล์คอยกระตุ้น

วงเหล้าขนาดย่อมจึงเริ่มขึ้นตั้งแต่หัวค่ำ ผมจัดการปูเสื่อ ส่วนไอ้แนนจัดการหาถ้วยโถโอชามมาใส่ของแกล้มซึ่งเป็นเนื้อวัวนึ่งกับน้ำพริกข่าของโปรดของผม ต่างคนต่างทำหน้าที่ เมื่อทุกอย่างพร้อม พวกเราก็เริ่มบรรเลง ไอ้แนนเปิดเพลงเพื่อชีวิตที่มันชอบจากโทรศัพท์มือถือให้คลอไปเบาๆ สร้างบรรยากาศ โดยมีไอ้หลงนั่งแทะไก่ย่างอยู่ข้างๆ

“มึงพูดเรื่องของมึงก่อน” ไอ้แนนบอก ยกแก้วขนาดเล็กขึ้นจ่อปากแล้วดื่มไปรวดเดียว สีหน้าของมันเหยเกเล็กน้อยเพราะรสเฝื่อน จากนั้นก็ยื่นแก้วเล็กๆ ที่บรรจุน้ำสีใสอยู่ครึ่งแก้วส่งมาให้ผม “เรื่องของกูต้องใช้เวลาเรียบเรียงนิดหน่อย เพราะค่อนข้างจะงง”

ผมรับแก้วนั้นมาจากมือของเพื่อน ยกดื่มรวดเดียว รู้สึกต้องการความกล้ามากพอควร เพราะการคบหากับคนที่เพื่อนไม่สนับสนุนนั้น ผมไม่แน่ใจว่าจะทำลายมิตรภาพที่มีลงไหม ผมคงทุรนทุรายมากหากต้องตัดสัมพันธ์กับไอ้แนนไป

“มึง กูน่ะ นอนกับคุณธนิกแล้ว” ผมเริ่มเรื่อง เพราะคงดีที่สุดถ้าจะเริ่มจากตรงนี้ พอลอบสังเกตดูสีหน้าไอ้แนนก็เห็นว่ามันยังสงบ ผมจึงเริ่มพูดต่อ “เมื่อเช้ากูโกหกว่ากูไปดื่มเหล้ากับไอ้นัท แต่ที่จริงแล้วกูนอนกับเขา คือกูก็ไม่อยากโกหกมึงหรอกเว้ย แต่กูกลัวมึงด่า”

“งั้นมึงก็โกหกกูเหรอว่ามึงจะตัดใจ” ไอ้แนนถามเสียงนิ่ง

“เปล่า กูตั้งใจจะตัดใจจริงๆ เพราะกูก็รู้สึกเหมือนที่มึงพูดทุกอย่าง ตอนที่มีอะไรกันเขาก็เรียกชื่อคนอื่นด้วย”

“นั่นชั่วมากเลยนะ”

ผมยิ้ม เดาไม่ผิดจริงๆ “คิดแล้วว่ามึงต้องพูดแบบนี้ นั่นแหละ กูก็เลยคิดว่า ตัดใจก็คงดีกว่า แล้วทีนี้ตอนที่กูกลับบ้านมา เขาก็มารออยู่แล้ว”

“มาที่นี่น่ะเหรอ”

“อือ มาที่นี่ แล้วกูก็คบกับเขา”

“เดี๋ยวๆ” ไอ้แนนยกมือขึ้นห้ามแล้วอีกมือก็นวดขมับตัวเอง “กูตามไม่ทัน ยังไงนะ พอเขามาหามึงที่บ้าน มึงก็เลยใจอ่อนคบด้วยงี้เหรอ แบบมึงคิดว่าไหนๆ ก็นอนกับเขาแล้ว ผูกพันกันแล้ว งี้ใช่มั้ย”

“ก็...ใช่” ผมตอบรับเสียงอ่อย เพราะเห็นไอ้แนนแยกเขี้ยวส่งมาให้ “เขาบอกกูนะว่าคนที่เขาเผลอเรียกชื่อเป็นอดีตไปแล้ว แล้วเขาก็กำลังจะถอนหมั้นกับคู่หมั้นของเขา”

“แล้วมึงก็เชื่อเหรอไอ้โง่!”

ผมสะดุ้งเล็กน้อย เพราะไอ้แนนเสียงดังมากๆ ไอ้หลงยังรีบคาบไก่ย่างของมันไปกินที่อื่นเลย คงกลัวโดนลูกหลง

“แต่คำพูดเขาน่าเชื่อมากเลยนะ”

“ไอ้ขวัญ มึงนะมึง กูจะเป็นลม” ไอ้แนนตบอกตัวเอง ท่าทางเหมือนพ่อที่รู้ว่าลูกสาวท้องก่อนแต่ง ผมนึกภาพมันในอีกยี่สิบปีข้างหน้าออกเลยว่ามันต้องเป็นพ่อที่เข้มงวดกับลูกสาวมากแน่ๆ “กูไม่อยากจะโทษที่น้าลีสอนมึงให้มองโลกในแง่ดี แต่นี่มันดีเข้าขั้นโง่แล้ว แค่เขาหลุดปากเรียกชื่อคนอื่นตอนเอามึง แค่นั้นก็รู้แล้วมั้ยว่าเขาลืมคนคนนั้นไม่ได้”

ความจริงจากปากของไอ้แนนทำเอาหัวใจของผมเจ็บจี๊ดขึ้นมา “ก็อาจจะเป็นอย่างที่มึงพูด”

“ไม่ใช่แค่อาจจะ แต่มันต้องเป็นอย่างที่กูพูดสิ ร้อยทั้งร้อยนะเว้ย หลุดปากออกมาแสดงว่าต้องคิดถึงตลอดเวลาแน่ๆ” ไอ้แนนปิดประตูหาข้ออ้างของผมจนหมด ผมก็เลยยอมนั่งฟังมันเงียบๆ “อีกอย่างนะ คู่หมั้นที่บอกว่าจะถอนหมั้น มันก็เป็นแค่คำพูดของผู้ชายเจ้าชู้ที่อยากจะมีชู้เพิ่มเข้ามาในชีวิต”

คำพูดของไอ้แนนกับคำหวานของคุณธนิกตีกันวุ่นอยู่ในหัวของผม คำพูดของไอ้แนนนั้นมีน้ำหนักมากพอๆ กับความอยากเชื่อในตัวของคุณธนิกที่ผมมี

“แล้วกูต้องทำยังไงวะ กูตกลงคบกับเขาไปแล้ว”

“เลิกสิ รออะไร”

“จะให้กูบอกเลิกทั้งๆ ที่ยังคบกับเขาไม่ทันข้ามวันเหรอมึง”

“หรือมึงจะรอให้มันครบปีแล้วค่อยเลิกล่ะ จะทนน้ำตาเช็ดหัวเข่าหรือไง”

“แล้วถ้ากูไม่อยากเลิกล่ะ มึงจะโกรธกูมั้ย”

ไอ้แนนถอนหายใจ มันรินเหล้าให้ผมแล้วยื่นมาตรงหน้า “กูไม่โกรธ เพื่อนก็ต้องดูแลเพื่อน แนะนำสิ่งดีๆ ให้เพื่อน ถ้าเพื่อนกำลังตาบอดก็ต้องทำให้ตาสว่าง แต่ถ้ามึงตัดสินใจเลือกแล้ว กูก็ไม่มีอะไรจะว่า แต่กูไม่สนับสนุน”

“กูอยากให้มึงยินดีกับกู”

“ไม่ล่ะ” ไอ้แนนส่ายหน้า ใช้ช้อนตักเนื้อวัวนึ่งมาป้อนให้ผม “กูจะรอเช็ดน้ำตาให้มึงดีกว่า”

ผมคงไปบังคับไอ้แนนไม่ได้ เหมือนๆ กับที่หัวใจของผมก็บังคับได้ยากเย็น “แล้วเรื่องที่มึงจะคุยกับกูล่ะ”

ไอ้แนนเงียบไปเกือบหนึ่งนาที ก่อนมันจะเริ่มต้นคำถาม “มึงจำที่กูบอกว่าเจอคนหน้าเหมือนมึงได้มั้ย”

“จำได้”

“วันนี้กูเจออีกครั้ง แล้วครั้งนี้กูได้คุยกับเขาด้วย เขาบอกกูว่าเขาชื่อขิม”

ขิม... ทำไมถึงมีคนชื่อนี้คอยวนเวียนสร้างความวุ่นวายให้หัวใจของผมกันนะ เมื่อคืนผมได้ยินชื่อนี้จากปากของคุณธนิก ตอนนี้ก็มาได้ยินจากไอ้แนน คนชื่อขิมนี่มันจะมีสักกี่คนบนโลกกันวะ

“มึงกำลังไม่เชื่อกูสินะ แต่กูไม่ได้ตาฝาดไอ้ขวัญ กูมีรูปมาให้มึงดู” ไอ้แนนยื่นโทรศัพท์มือถือของผมมาให้ “กูใช้โทรศัพท์มือถือของมึงถ่าย แล้วก็เอารูปในโทรศัพท์ให้เขาดูด้วย”

ผมรับโทรศัพท์มือถือมาเปิดดู แล้วก็ได้เห็นจริงๆ คนชื่อขิมที่หน้าเหมือนผม

ขิมคนนี้มีใบหน้าเรียวกว่าใบหน้าของผม ผิวดูเนียนละเอียดกว่าเพราะคงถูกดูแลมาอย่างดี แต่ทั้งดวงตา จมูก ริมฝีปาก หรือแม้กระทั่งขนาดของใบหู พวกเราเหมือนกันจนไม่อาจพูดได้ว่าไม่ใช่ฝาแฝด

“เขาเหมือนมึงแม้กระทั่งตอนยิ้ม” ไอ้แนนมีสีหน้าที่บ่งบอกความเครียดถึงขีดสุด “แล้วเขาก็บอกกูว่าเขาอยากเจอมึง”

“มึงไปเจอที่ไหน” ผมถาม รู้สึกน้ำเสียงนี้ไม่ใช่น้ำเสียงของตัวเอง ราวกับว่าผมได้ยืมเสียงของคนในรูปมาใช้

“ซุ้มวิน เขามาที่ซุ้ม มาถามถึงมึง เขาตั้งใจมาหามึงไอ้ขวัญ”

ผมรู้สึกยังไง ตอนนี้ก็บอกไม่ถูก “ถ้ากูมีฝาแฝด แล้วทำไมน้าลีถึงไม่บอกกูล่ะไอ้แนน”

คำถามของผมมีแต่ความเงียบเท่านั้นที่เป็นคำตอบ เพราะไอ้แนนก็คงไม่รู้ คนที่รู้ดีที่สุดก็คงจะเป็นน้าลีที่ไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว ผมมีฝาแฝด ความจริงบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือคงบิดเบือนไปจากนี้ไม่ได้ แล้วความจริงที่ผมคิดมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต ความจริงที่ว่านอกจากน้าลีแล้วผมก็ไม่มีสายสัมพันธ์อื่นใดบนโลกนี้อีก แม้กระทัั่งญาติพี่น้อง ก็ไม่มีเลยสักคน มันออกจะยอมรับได้ยากที่จู่ๆ ก็ต้องมารับรู้ว่ามีใครอีกคนที่หน้าเหมือนผม เติบโตและใช้ชีวิตมาโดยที่ต่างฝ่ายก็ต่างไม่ได้พบเจอ แต่มีอะไรบางอย่างในใจของผมที่มันผุดขึ้นมา สายสัมพันธ์บางอย่างที่แค่เห็นหน้าก็รู้สึกว่า ดีจังนะ ดีจังที่ในที่สุดก็ได้เจอ

“เฮ้อ ชีวิตกูช่วงนี้มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นวะ” ผมพ่นลมหายใจออกมา “ตอนแรกก็คุณธนิกที่กูแอบมองมานานมาขอคบ ตอนนี้ก็เรื่องที่ตัวเองมีฝาแฝด”

“ปีชงแน่ๆ มึงอะ” ไอ้แนนคลายสีหน้า “กูกังวลว่ามึงจะโวยวายแล้วสติแตกไปรึเปล่า แต่เห็นมึงยังโอเค กูก็โล่งอก”

“ไม่โอเคว่ะ แต่ก็บอกไม่ถูก แล้วเขานัดเจอกูรึเปล่า”

“เขาบอกกูว่าเขาจะรอที่ร้านกาแฟ เขาแอดไลน์มึงแล้วส่งโลเกชั่นไว้ให้แล้วด้วย” ไอ้แนนบอก ผมจึงรีบเปิดไลน์ดูทันที จากนั้นก็เห็นว่ามีห้องแชทใหม่ที่อยู่บนสุดของลิสท์รายการ ดิสเพลย์เนมที่มีชื่อว่า เขมินทรา พร้อมกับรูปโปรไฟล์ทำให้ผมแน่ใจว่าเรื่องที่ไอ้แนนพูดมานั้นไม่ใช่เรื่องแต่งที่มันเอามาอำเล่น ตอกย้ำความจริงว่าผมไม่ได้ตัวคนเดียวบนโลกนี้อีกต่อไป

“ไอ้แนน มึงว่าน้าลีจะใช่น้าแท้ๆ ของกูรึเปล่าวะ” ผมมีเรื่องสงสัยเป็นร้อยๆ เรื่อง แต่คนให้คำตอบนั้นไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว ที่ทำได้ตอนนี้ก็มีแต่ต้องขอความเห็นจากไอ้แนนเพื่อนซี้เพียงคนเดียวเท่านั้น

“จะใช่หรือไม่ใช่ แต่เขาก็เลี้ยงมึงมาด้วยความรัก ไม่เห็นต้องไปคิดมากเรื่องนี้เลย”

เหมือนความอึมครึมในใจสลายหายไปในทันที ใช่...ใช่แล้ว ต่อให้จะใช่หรือไม่ใช่ แต่เรื่องที่น้าลีรักผมก็ไม่ใช่เรื่องโกหก ใครจะยอมลำบากเลี้ยงเด็กอย่างผมให้เติบใหญ่ เพราะบางครั้งผมก็คิดว่าถ้าน้าลีไม่ต้องเลี้ยงดูผม น้าคงมีชีวิตที่สุขสบายมากกว่าที่เป็นอยู่

“จริงด้วยว่ะมึง ขอบใจที่เตือนสติกูนะ”

“เออ ไม่เป็นไร พรุ่งนี้มึงก็ไปเจอเขาละกัน หรือถ้ายังไม่พร้อมก็ไลน์ไปบอกเขา”

“ไม่ๆ กูพร้อม ถึงจะไม่รู้จะทำหน้ายังไง จะพูดอะไรดี แล้วก็หลายๆ อย่างนะ แต่กูก็อยากไปเจอ”

“สู้เว้ย พรุ่งนี้กูจะไปส่ง”

“ขอบใจจริงๆ ว่ะ”

“เออน่า เพื่อนกัน แล้วมึงน่ะ ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นลูกคนรวย ก็อย่าถีบหัวส่งกูนะเว้ย”

ผมหัวเราะ ที่ไอ้แนนทำหน้าเครียดมันคงจะเครียดเรื่องนี้ด้วยแน่ๆ “กูจะทำอย่างนั้นได้ไงวะ ไม่ว่าจะมีอะไรเปลี่ยน แต่ระหว่างกูกับมึงก็ยังเหมือนเดิมเว้ย กูทิ้งทุกคนบนโลกนี้ได้ แต่ยกเว้นมึง น้าลี แล้วก็ไอ้หลง”

“ให้มันจริง ถ้ามึงพูดแบบนี้ แสดงว่ามึงทิ้งคุณธนิกได้ใช่มั้ย”

ผมครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้า “ใช่ กูทิ้งได้ ตอนนี้กูเหมือนเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงชอบกู มึงรู้มั้ยไอ้แนนว่าชื่อที่เขาเรียกนั่นคือชื่อของขิม”

“เรื่องจริงเหรอวะ” ไอ้แนนถามอย่างไม่อยากเชื่อ “ไม่จริงน่า งั้นแสดงว่าคุณธนิกกับคุณขิม เขาเคยเป็นอะไรๆ กันมาก่อนเหรอ”

“กูก็ไม่รู้ แต่คิดว่าใช่ ถ้าขิมหน้าเหมือนกูขนาดนี้ ก็ไม่แปลกหรอกที่คนระดับคุณธนิกจะลดตัวลงมาหากู”

ไอ้แนนมองหน้าผม ส่วนผมก็มองหน้ามันกลับ “อย่าพูดหน้าตาเฉย ทั้งๆ ที่กูรู้ว่ามึงอยากร้องไห้”

“ไม่มีเรื่องโรแมนติกอะไรแบบนั้นอยู่จริงๆ ว่ะ มึงพูดถูกทุกอย่างนั่นแหละ มาหลอกกูให้ตายใจ”

“หลอกเก่งด้วย มึงถึงขั้นเสียตัวให้แล้ว”

ผมพยักหน้า เทเหล้าใส่แก้วให้ตัวเองแล้วยกดื่ม ทำครั้งแล้วครั้งเล่าจนไอ้แนนต้องห้ามเอาไว้

“เปลืองเหล้าไอ้ห่า ซื้อมากินสองคน ไม่ใช่ให้มึงกินคนเดียว”

“ไอ้ขี้งก เห็นกูเป็นอย่างนี้แล้วยังจะมาหวงของ”

“ก็มึงเสือกโง่ให้เขาแดกเองทำไมวะ กูก็เตือนแล้วเตือนอีก ยังจะแสล๋นหน้าเสนอตัวไปให้เขาเอา”

ไอ้แนนพูดมาขนาดนี้ก็ไม่ถูก “กูขัดขืนนะเว้ย กูร้องจะกลับบ้าน แต่เมื่อคืนกูไม่มีแรงเลย คนหนุ่มสุขภาพดีอย่างกูก็เลยโดนกินง่ายๆ”

“เดี๋ยวนะ คนที่ปล้ำไอ้หลงให้อาบน้ำได้อย่างมึงนี่นะจะไม่มีแรง หมามึงนี่แรงไม่ใช่น้อยๆ กูว่าถ้ามันสู้ขึ้นมา คุณธนิกก็แรงน้อยกว่ามันเลย” ไอ้แนนเริ่มทำหน้าคิดวิเคราะห์แยกแยะแล้ว ส่วนผมสนใจก็แต่ขวดเหล้าตรงหน้า คืนนี้ผมจะกินให้เมาไปเลย เอาให้ลืมผู้ชายปากหวานหลอกล่อเก่งอย่างคุณธนิก!

“ไอ้ขวัญ มึงไม่ได้โดนมอมยาใช่มั้ย”

“ห้ะ! มอมยา ไม่นะ กูก็นั่งอยู่ข้างเขาตลอด ไม่ได้ลุกไปเข้าห้องน้ำ กูเคยเห็นในละครนะมึง แบบลุกไปเข้าห้องน้ำก็จะโดนใส่ยาในแก้วน่ะ แล้วคุณธนิกก็ไม่ได้ใส่อะไรลงไปด้วย แค่ยกแก้วมาจ่อปากกู แล้วบังคับให้ดื่ม”

จำได้อยู่เลย ตอนนั้นเขาบังคับด้วยเสียงนุ่มๆ แก้วก็ยกขึ้นจ่อปาก ป้อนให้อย่างเอาใจ แล้วผมตอนนั้นก็โอนอ่อนตาม ที่จริงไม่ว่าจะเมื่อไหร่ เจอคำหวานกับการกระทำดีๆ ของเขาเข้าไป ผมก็ใจอ่อน ไปไม่เป็นแล้ว

“เหรอวะ งั้นมีอะไรที่แปลกๆ มั้ย ถ้ามึงยืนยันว่ามึงขัดขืน มันก็ต้องมีอะไรที่แปลกๆ บ้างสิ ไม่งั้นมึงคงไม่โดนกินง่ายๆ หรอก”

ผมคิด ลำดับภาพเหตุการณ์หวานๆ ระหว่างผมกับคุณธนิกในความทรงจำ ก่อนจะจำได้ว่ามีช่วงจังหวะหนึ่งที่ผ้าเช็ดหน้ากลิ่นฉุนของเขามาโดนจมูก “ผ้าเช็ดหน้าของเขา เขาเอามาปิดปาก ปิดจมูกกู ตอนกูกำลังจะพูด กลิ่นมันฉุนมากเลยมึง”

“นั่นแหละๆ” ไอ้แนนทำหน้าราวกับโคนันเพิ่งไขคดีได้ “ต้องเป็นไอ้ผ้าเช็ดหน้านั้นแน่ๆ”

“เขาร้ายเนอะ”

“ไม่เรียกร้าย เรียกชั่วต่างหาก มึงแจ้งความจับฐานล่อลวงได้เลยนะ ล่วงละเมิดทางเพศด้วย”

ผมส่ายหน้า “ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ กูก็เสียให้เขาไปแล้ว ไม่ท้องด้วย ให้มันจบๆ ไปดีกว่า อีกอย่างนะแจ้งจับไปก็ทำอะไรคนรวยๆ อย่างเขาไม่ได้หรอก แล้วเมื่อคืนกูค่อนข้างเต็มใจด้วยนะ หลังจากขัดขืนนิดหน่อยๆ พอต่อกันอีกหลายยก กูก็ขึ้นให้เขาเอง”

“มึงมันหน้าไม่อาย” ไอ้แนนหน้าแดงเล็กน้อย “เป็นควายดีๆ ไม่ชอบ ชอบเป็นแรด”

ผมหัวเราะกับคำสรรเสริญของไอ้แนน “แต่คุ้มนะมึง เสียซิงให้คนที่ชอบ แล้วกูไม่อยากคุย คุณธนิกหุ่นโคตรดี เขาสักรูปงูที่ท้องด้วย เท่ฉิบหาย”

ไอ้แนนเบ้ปาก ทำหน้ารับไม่ได้ “ในสายตามึงนี่จะมีอะไรมาสั่นคลอนคุณธนิกได้บ้างมั้ย”

“มีสิ อย่างน้อยตอนนี้กูก็ไม่คิดจะเอาหัวใจไปให้เขากระทืบทิ้งแล้ว” ผมคงแสดงความเสียใจออกทางสีหน้าจนไอ้แนนต้องยื่นมือที่มันเคยใช้ลูบหัวไอ้หลงแล้วยังไม่ได้ล้างมาผลักหัวผมสองสามที

“ตัดใจมันไม่ง่าย แต่มึงทำได้แน่ไอ้ขวัญ”

“อืม ครั้งนี้กูจะทำให้ได้จริงๆ กูสาบานกับมึง สาบานต่อหน้ารูปของน้าลีเลย”

“กูจะเป็นกำลังใจให้ เอ้า ดื่ม!”

เรื่องราวของผมกับคุณธนิก เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและจบลงอย่างรวดเร็ว เป็นช่วงเวลาที่เหมือนไม่จริง แต่ผมมีความสุข หนึ่งคืนในอ้อมกอดของเขาก็สุขล้ำ ทว่าหากปล่อยให้มันดำเนินต่อไปอย่างนี้ ผมคงมีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ใจ

คุณธนิกครับ ต่อให้ผมอยากจะเชื่อว่าคุณธนิกชอบผมมากจริงๆ แต่ตัวตนของขิมที่เป็นจริงอยู่นี้ก็ทำให้ความเชื่อของผมลดลงจนแทบไม่เหลือ ถ้าขิมคนนี้ไม่ใช่คนที่มีหน้าตาเหมือนผม ผมก็อาจจะยังพอเชื่อได้อยู่บ้างว่าเขาเป็นอดีต แต่เพราะความเหมือนที่แทบไม่มีความต่างนี้ มันทำให้เหตุผลที่คุณธนิกไม่ได้มองผมเพราะผมเป็นผมเด่นชัดขึ้นมา

หอคอยงาช้างของคุณธนิก ผมคงไม่คิดอยากปีนขึ้นไปอีกแล้ว ผมคงต้องขอมองจากบนพื้นดินตรงนี้ดีกว่า

“มึงเชื่อมั้ยไอ้แนน ต่อให้จะรู้จนแทบหาข้ออ้างมาอ้างต่อไม่ได้ แต่กูก็ยังชอบเขาอยู่ดี”

“กูเชื่อ เดี๋ยวมันจะดีขึ้นเองน่า ร้องออกมาเถอะ รักครั้งแรกมันก็เจ็บแบบนี้แหละเว้ย”

นิ้วมือสากๆ ของไอ้แนนกำลังพยายามต่อสู้กับน้ำตาของผม มันปัด มันเช็ด แต่เมื่อเห็นแล้วว่าไม่มีประโยชน์มันจึงลุกขึ้นแล้วเดินมานั่งลงเคียงข้างผม ก่อนท่อนแขนแข็งๆ ของมันจะรั้งให้ผมเข้าไปอยู่ในอ้อมแขน

“กูบอกแล้วนะว่ากูปลอบไม่เก่ง แต่มึงก็ยังขยันหาเรื่องให้กูต้องทำแบบนี้อยู่เรื่อย”

ไอ้แนนบ่น แต่ผมรู้ว่ามันบ่นไปอย่างนั้น ไอ้แนนพูดไม่ผิด มันปลอบไม่เก่ง ไม่มีความโรแมนติกเหมือนอย่างคุณธนิก ใช้คำพูดหวานๆ ก็ไม่เป็น แต่บนโลกใบนี้ ผ้าเช็ดหน้าที่ดีที่สุดของผม ก็คือไอ้เพื่อนรักเพื่อนตายอย่างมัน

ขอบใจที่คอยอยู่เคียงข้างกู



.................................


ขวัญพัฒน์: ผมมาถึงแล้วครับ

เขมินทรา: ผมรอที่โต๊ะตัวในสุด เดินตรงเข้ามาแล้วเลี้ยวซ้ายนะ


ผมรู้สึกหัวใจเต้นแรง เดินเข้าร้านกาแฟด้วยขาสั่นๆ ไอ้แนนมาส่งผมแล้วก็กลับไปทำงาน ปล่อยให้ผมเผชิญกับชะตากรรมประหลาดนี้เพียงลำพัง แต่ผมจะรบกวนมันมากไม่ได้ เมื่อคืนก็รบกวนไปนอนที่บ้านของมัน ฝนแฟนของมันก็ไม่บ่นอะไรเลย ทั้งๆ ที่ปกติจะขี้บ่นแท้ๆ คงเป็นเพราะเห็นผมตาบวมปูดจากการร้องไห้ เธอก็เลยปูที่นอนให้นอนหน้าทีวีอย่างที่ไม่ถามอะไรสักคำ แต่คงไปถามกับไอ้แนนทีหลัง

ร้านกาแฟที่นัดหมายกับเขมินทรานั้นเป็นร้านกาแฟชั้นดีที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า ราคาต่อแก้วไม่ต้องพูดถึง คงบวกนั่นบวกนี่จนมีราคาเกินร้อย บรรยากาศในร้านก็ดูต่างจากร้านกาแฟทั่วไป ทั้งชุดฟอร์มพนักงาน ทั้งลูกค้าที่จับจองโต๊ะเพื่อนั่งดื่มกาแฟและทำงาน แต่ละคนใช้แต่ของแพงๆ คงมีแต่ผมที่เป็นสิ่งแปลกปลอมของที่นี่ ผมรีบเดินตรงเข้าไปด้านในสุด ได้ยินพนักงานกล่าวต้อนรับด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรอย่างแข็งขัน แต่ผมก็เดินเร็วๆ ผ่าน ยิ้มแหยแล้วไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ผมเลี้ยวซ้ายไปตามทาง แล้วจากนั้นก็เจอ...

ผมชะงักเท้าเล็กน้อย มองคนที่กำลังเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ เขากำลังมองตรงมาที่ผมเช่นที่ผมมองเขา เป็นนานกว่าผมจะรู้สึกตัวว่าต้องเดิน เราสองคนเหมือนกันราวกับภาพสะท้อน คงมีแต่เพียงทรงผม สีผม และการแต่งตัวเท่านั้นที่แยกเราออกในตอนนี้ อ้อ...ขนาดรูปร่างด้วย ผมอ้วนกว่านิดหน่อย แต่เขมินทรานั้นผอมบางกว่า

“เอ่อ...สวัสดีครับ” ผมเริ่มประโยคทักทาย ในขณะที่เขายิ้มตอบกลับมา

“มีอยู่จริงๆ ด้วยสินะ” แค่น้ำเสียง ผมก็ยังรู้สึกได้เลยว่าเราใช้โทนเสียงเดียวกัน หรืออาจจะมีความต่างอยู่นิดหน่อย เพราะเอาเข้าจริงแล้วผมก็ไม่รู้ว่าน้ำเสียงของตัวเองเป็นแบบไหน ผมว่าต่อจากนี้ผมจะอัดเสียงตัวเองแล้วเปิดฟังดูว่าคล้ายจริงๆ ไหม “มีอยู่จริงๆ คนที่เหมือนกันกับผม”

ผมไม่รู้จะตอบยังไงก็เลยนั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้าม มองสำรวจเขมินทราเงียบๆ เขาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ดูก็รู้แล้วว่ามีราคาที่มอเตอร์ไซค์รับจ้างอย่างผมซื้อไม่ได้ ที่นิ้วของเขาสวมแหวนที่ไม่มีลวดลายข้างเดียวกับนาฬิกาแบรนด์ดัง นอกจากนั้นแล้วก็ไม่มีเครื่องประดับอย่างอื่นเลย

“เรา...เป็นฝาแฝดกันใช่มั้ย” เขมินทราตั้งคำถาม

“จากที่เห็นก็น่าจะใช่” ผมตอบ บอกไม่ถูกเหมือนกัน ตอนนี้เหมือนกำลังคุยกับตัวเองในกระจก แม้ว่าผมจะพูดกับตัวเองในกระจกบ่อยๆ ว่าหน้าตาดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เจ้ากระจกก็ไม่เคยตอบกลับมาเลย

“ผมไม่รู้มาก่อน จนเมื่อไม่นานมานี้” เขมินทรามีรอยยิ้มเศร้า แต่เราสองคนก็คงไม่ต่างกัน “ผมว่าพ่อแม่บุญธรรมของผมก็คงไม่รู้”

“อยู่กับพ่อแม่บุญธรรมเหรอ ผมนึกว่าอยู่กับ เอ่อ...”

เขมินทราหัวเราะ “ผมก็คิดไม่ต่างจากขวัญนะ ผมก็คิดว่าขวัญอยู่กับพ่อแม่ของพวกเรา”

ชั่ววินาทีที่ผมนึกอิจฉาที่เขมินทราอาจจะได้อยู่กับพ่อแม่ที่แท้จริงของพวกเรา แต่ในทางกลับกันเขมินทราก็กำลังนึกอิจฉาผม นั่นเพราะพวกเราต่างก็ไม่รู้เรื่องของกันและกันเลย

“ผมอยู่กับน้าลี น้าลีบอกว่าเป็นน้องสาวของแม่” ข้อมูลเดียวที่ผมมีเกี่ยวกับครอบครัวถูกถ่ายทอดออกไป เห็นเขมินทราเลิกคิ้วน้อยๆ คงสงสัยไม่ต่างจากผม

“พ่อบุญธรรมก็บอกผมเหมือนกันว่าเขาเป็นเพื่อนของพ่อแท้ๆ”

“พวกเราถูกทิ้งสินะ”

เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่ามีคนมาช่วยแบ่งเบาความรู้สึกทุกข์ใจ แค่เพียงเขมินทรายิ้ม ผมก็รู้สึกได้ว่าตัวผมกำลังยิ้มอยู่ด้วย

“แล้วขิมตามผมเจอได้ยังไง”

“พี่ธนิก” หัวใจของผมรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา เพราะแบบนั้น คุณธนิกถึงชอบให้ผมเรียกว่าพี่ เพราะเขมินทราเรียกเขาอย่างนั้น “ผมตามพี่ธนิกจนเจอขวัญ เพราะผมคิดว่าเขาจะต้องหาขวัญเจอ”

“ทำไม...”

“เรื่องมันค่อนข้างจะวุ่นวายนิดหน่อย ขวัญสั่งอะไรก่อนมั้ย เราคงคุยกันยาว”

“ไม่ล่ะ มีแต่ของแพงๆ ผมไม่มีเงินจ่าย”

“ผมเลี้ยง”

ผมเริ่มเห็นแล้วว่าเราต่างกันยังไง ต่อให้รูปร่างหน้าตาเหมือนกัน แต่ชีวิตความเป็นอยู่ของเรานั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว เขมินทราอยู่ในชุดที่มองดูดีๆ แล้วคือชุดนักศึกษาที่ตัดจากผ้าเนื้อดี ในขณะที่ผมอยู่ในชุดเสื้อยืดสีซีดกับกางเกงยีนตัวเก่าเข้าชุดกับรองเท้าแตะราคาไม่ถึงร้อย

เขมินทราสั่งเครื่องดื่มให้ผม เขาอ่านภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วจนผมรู้สึกใจแป้วเล็กน้อย

“เอาล่ะทีนี้ ผมถามก่อนว่า ขวัญคบกับพี่ธนิกแล้วหรือยัง”

แค่คำถามแรกก็เล่นเอาสะอึก ผมพยักหน้า ก่อนจะรีบพูด “แต่ผมตั้งใจจะเลิกกับคุณธนิกแล้ว เขาเป็นคนรักของขิมใช่มั้ยล่ะ”

“ก็ตอบได้ทั้งใช่และไม่ใช่ เมื่อก่อนก็เหมือนจะเคยรู้สึกแบบนั้นต่อกันอยู่นะ แต่หลังจากที่แม่ของเขาทำรอยนี้ไว้ เราก็ไม่ได้อยู่ในชีวิตของกันแล้ว” เขมินทรายื่นรอยที่ข้อมือให้ผมดู มันเป็นรอยกรีดราวกับถูกของมีคมกรีดลงไปอย่างแรง

“แม่ของคุณธนิกเหรอ...”

“ใช่” เขมินทราตอบ แล้วไม่อธิบายอะไรไปมากกว่านั้น

“แล้ว...”

“แต่ดีแล้วล่ะ ขวัญอย่าไปรู้สึกอะไรกับเขามากเลย เพราะเขามันเป็นจอมโกหก”

แววตาของเขมินทรานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายยามที่พูดถึงคุณธนิก ทั้งรักทั้งแค้นก็น่าจะพูดแบบนั้นได้

“คุณธนิกยังรักขิมอยู่นะ ผมดูออก” แค่เพียงชั่วครู่ที่ผมเห็นความหวั่นไหวในแววตาของคนตรงหน้า แต่ไม่นานก็เลือนหายไป “ขิมเลิกกับคุณธนิกเพราะแม่เขาทำร้ายขิมเหรอ”

“ผมไม่ค่อยอยากจำเรื่องนั้น แต่ส่วนหนึ่งก็ใช่”

“แค่ส่วนหนึ่งเหรอ”

“ก็ยังมีอีกหลายอย่างล่ะนะ พี่ธนิกก็มีส่วนนั่นแหละ ผมบอกแล้วไงว่าเขาไม่เคยพูดความจริง เขาแสดงเก่งจนไม่มีใครดูออกเลยว่าเขากำลังโกหก แม้ผมจะเคยอยู่กับเขาหลายปี แต่ผมก็ไม่รู้ตัวตนของเขาเลย”

นั่นสินะ แล้วนับประสาอะไรกับคนอย่างผมที่เพิ่งได้ทำความรู้จักกันล่ะ

“แล้วขิมอยากเจอผมเพราะอะไรเหรอ หรือแค่อยากจะมาพูดเรื่องของคุณธนิก”

เขมินทรายิ้ม “ไม่ใช่แค่นั้นหรอก ผมอยากเจอขวัญมานาน รู้มั้ยว่าผมเอาแต่คิดถึงคนอีกคนที่เหมือนกันกับผม คนที่ผมรักและก็เป็นห่วงโดยไม่เคยแม้จะได้พูดคุยกัน แต่ผมกลัวว่าคนอื่นจะตามขวัญเจอ ผมก็เลยไม่คิดจะมา แต่ตอนนี้พวกเขาเจอขวัญแล้ว เพราะถ้าพี่ธนิกรู้ พวกนั้นก็ต้องรู้”

[ต่อด้านล่าง]

ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
ผมไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของเขมินทรา มันฟังดูวกวน ตอนแรกก็บอกว่าเจอผมเพราะคุณธนิก แต่ตอนนี้กลับพูดราวกับว่ารู้เรื่องของผมมานานแล้ว แต่ก็แค่ยังไม่อยากมาเจอ ทว่ามันก็รู้สึกเจ็บปวดอยู่เล็กน้อยหากตั้งข้อสงสัยกับคนที่เป็นสายเลือดเดียวกัน ทั้งยังเป็นสายเลือดที่หน้าตาเหมือนผมมากขนาดนี้

“ขิมหมายถึงใคร” ผมปัดข้อสงสัยออกจากใจแล้วตั้งคำถาม

“พวกคนที่จะได้ประโยชน์ถ้าพวกเราทั้งคู่ตาย” เขมินทราตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ “แม่บุญธรรมของผมบอกว่าผมไม่ควรเกิดมาด้วยซ้ำ ในครอบครัวของเขาแล้วผมเป็นตัวเกะกะ คนอื่นก็คงคิดไม่ต่างกันนักหรอก”

แม้น้าลีจะไม่ได้ร่ำรวย น้าเลี้ยงดูผมมาด้วยความลำบาก แต่น้าก็ไม่เคยพูดเลยว่าผมไม่ควรเกิดมา น้าบอกว่าเป็นเรื่องที่วิเศษมากๆ ที่ผมมีตัวตนอยู่ให้น้าได้รัก ได้ดูแล

“ขวัญหนีไปได้มั้ย อย่าอยู่ที่นี่ต่อเลย เรื่องค่าใช้จ่ายผมจะออกให้ จะไปต่างประเทศก็ได้ ไปที่ที่ขวัญอยากไป”

“เดี๋ยวนะขิม ผมไม่คิดว่าผมควรจะไป ผมอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็ก ผมมีชีวิต มีเพื่อนอยู่ แล้วจะให้ผมไปที่ไหน” ผมไม่คิดสงสัยคำพูดของเขมินทรา แววตาที่มองผมก็เต็มไปด้วยความห่วงใยจากใจจริง แต่จะให้ผมไปที่ไหนกัน ผมไปที่ไหนไม่ได้ ที่อยู่ของผมคือที่นี่ ที่ที่มีไอ้หลงกับไอ้แนน

“ก็คิดอยู่แล้วว่าขวัญไม่ไปหรอก เราคิดเหมือนกันเลยนะ พ่อบุญธรรมก็อยากให้ผมไปอยู่ต่างประเทศเหมือนกัน”

“ถ้าเราอยู่ที่นี่ มันจะแย่เหรอ”

“อืม”

ผมมีเรื่องที่ไม่เข้าใจอยู่หลายอย่าง แต่เขมินทราดูเหมือนจะไม่คิดเล่าให้ฟังหรือตอบคำถามทุกคำถามที่ผมถาม

“งั้นถ้าขวัญไม่อยากไป เรามาช่วยกันมั้ย มาช่วยสร้างที่อยู่ของเรากัน” แววตาที่มองมานั้นเยียบเย็น แฝงไปด้วยความหมายบางอย่าง ผมพยายามมองหา แต่ก็ไม่พบความหมายนั้น

“สร้างยังไง...”

“ถ้าขวัญทำให้พี่ธนิกไว้ใจขวัญได้ ผมจะบอกอีกที”

“เดี๋ยวนะ ผมเพิ่งบอกไปว่าผมจะเลิกกับเขา ขิมก็บอกอยู่ว่าเขาเป็นคนไม่ดี อยากให้ผมเลิก แล้วทำไมตอนนี้ถึงอยากให้...”

“ผมแค่บอกว่าอย่าไปรู้สึกอะไรกับเขามาก” เขมินทรากล่าวอย่างสงบ “ถ้าขวัญไม่อยากหนีไปไหน ขวัญก็ต้องมาร่วมมือกับผม”

“แต่ผมจะทำได้เหรอ”

“ได้สิ ครั้งหนึ่งผมก็เคยทำได้ แล้วถ้าขวัญบอกว่าเขายังรักผมอยู่ ขวัญก็ทำได้ไม่ยากหรอก”

ทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บจี๊ดกับคำพูดที่ได้ยิน ความด้อยค่าเห็นชัดเมื่อเขมินทรากล่าวย้ำว่าตัวตนของผมไม่ได้มีความพิเศษอะไรต่อคุณธนิกเลย แค่เพราะผมเหมือนคนที่อยู่ในใจของเขา ผมก็สามารถยืนอยู่เคียงข้างเขาได้

“ขวัญเชื่อผมมั้ย”

“เชื่อ” ผมเชื่ออย่างสนิทใจ “เพราะบนโลกนี้ ขิมคือคนที่มีสายเลือดเดียวกันกับผม ขิมคงไม่หลอกผม”

“ไม่อย่างแน่นอน เราจะสร้างที่อยู่ของเราด้วยกันนะ เราเหลือกันแค่สองคนแล้ว”

“อืม” ผมตอบรับ แม้จะไม่มั่นใจและมีความไม่เข้าใจสุมอยู่ในหัว “แล้วขิมรู้เรื่องแม่ของเรามั้ย”

“ไม่รู้” เขมินทราส่ายหน้า “ผมรู้แค่ว่าพ่อของเราคือใคร แต่เรื่องแม่ ผมไม่รู้จริงๆ ผมให้คนตามสืบอยู่เหมือนกัน”

ผมไม่ได้อยากรู้มากนักเท่าไร คิดแค่ว่าคนที่ทิ้งพวกเราไปก็ไม่มีค่าพอที่จะทำความรู้จัก แม้จะเป็นคนที่ให้กำเนิด แต่ผมก็ไม่มีความคิดที่อยากเจออยู่ในหัว ส่วนเรื่องแม่ หากคิดตามที่น้าลีบอกแล้ว ท่านก็ไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ตั้งแต่คลอดผมได้ห้าเดือนก็สิ้นใจด้วยโรคภัย แต่เรื่องที่น้าลีบอกก็ยังมีจุดที่ผมสงสัย ถ้าน้าลีเป็นน้องสาวของแม่จริงๆ แล้วทำไมถึงไม่เลี้ยงผมกับขิมพร้อมๆ กัน เพราะน้าก็น่าจะรู้เรื่องที่ผมมีฝาแฝด หรือเป็นเพราะไม่มีกำลังเพียงพอที่จะเลี้ยงเราสองคนพร้อมกันได้นะ

ปวดหัว มีแต่เรื่องน่าปวดหัว ชีวิตของผมช่วงนี้มีแต่เรื่องให้เครียดไม่เว้นแต่ละวัน

“ขวัญเกิดก่อนหรือผมเกิดก่อนนะ” หลังจากปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำเราทั้งคู่ เขมินทราก็พูดขึ้นมา “ผมเกิดวันอาทิตย์ 21 กรกฎาคม เที่ยงคืนสามนาที”

“งั้นผมคงเกิดก่อน ผมเกิดวันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม ห้าทุ่มห้าสิบแปดนาที”

“ผมขอเรียกขวัญว่าพี่นะ”

“ก็ได้อยู่หรอก” แล้วจากนั้นเราก็ยิ้มให้แก่กัน

เราเป็นฝาแฝด แต่เราก็มีความต่างกัน แม่คลอดเราออกมาก็ให้เราต่างกันแล้ว แม้เราจะเหมือนกันมาก แต่วันเกิดของเราก็ไม่ใช่วันเดียวกัน เราคลอดห่างกันห้านาที แล้วเราก็เติบโตขึ้นมาโดยที่ไม่เคยรู้ว่ามีสายสัมพันธ์ระหว่างเราอยู่

และตอนนี้ผม...ขวัญพัฒน์ ในปีที่ย่างเข้าปีที่ 21 ผมก็ได้รู้ว่าผมมีน้องชายฝาแฝดที่ชื่อว่า...เขมินทรา




.....................................


“ไอ้ขวัญ มึงเป็นไรวะ กลับมาก็เอาแต่ถอนหายใจ คุยกับคุณขิมไม่รู้เรื่องรึไง”

ผมเหล่ตามองไอ้แนน รู้สึกได้ถึงสรรพนามสองมาตรฐานของมัน “ไอ้เพื่อนเวร มึงเรียกน้องกูว่าคุณขิม แต่เรียกกูว่าไอ้ขวัญ มันหมายความว่ายังไงฮึ”

“ก็หมายความว่าความสนิทมันต่างกันไงล่ะเว้ย”

ผมคลี่ยิ้มออกมาทันที “คำตอบดีนี่หว่า”

“แล้วมึงเป็นไร เอาแต่ถอนหายใจ”

“กูบอกมึงใช่มะว่ากูจะเลิกกับคุณธนิก แต่น้องกูแม่งให้กูไปตีสนิทเพื่อให้เขาไว้ใจ ไม่รู้คิดอะไรอยู่ กูถามก็ไม่บอก บอกแต่ว่ากูต้องทำถ้ายังไม่อยากหนีไปไหน”

เขมินทราเต็มไปด้วยความน่าสงสัย ส่วนคนสมองน้อยอย่างผมก็ไม่รู้ว่าจะหาคำตอบได้อย่างไรดี ผมไม่มีแม้แต่กำลังเงินจ้างนักสืบไปสืบเรื่องของน้องชายฝาแฝด ที่ผมรู้ก็มีแค่ข้อมูลจากปากเจ้าตัวเท่านั้น

ไอ้แนนเริ่มยกมือลูบคาง ทำท่าครุ่นคิด “มันต้องมีอะไรแน่ๆ แต่มึงก็จะเต้นตามที่น้องมึงบอกหรือไงล่ะ จำได้มั้ยว่าเมื่อคืนร้องไห้จะเป็นจะตาย”

“จำได้ดิวะ แต่กูไม่อยากหนีไปไหนนี่หว่า กูอยากอยู่กับมึงกับไอ้หลง แต่ขิมมันบอกว่าอีกไม่นานจะมีคนมาตามฆ่าจนมึงต้องเดือดร้อนไปด้วย กูคงไปขัดแข้งขัดขาการได้มรดกของใครสักคนเข้า เห็นว่าพ่อแท้ๆ ของกูใกล้ตายแล้ว ถ้าอ่านพินัยกรรมเมื่อไหร่ เมื่อนั้นกูจะซวย”

“น้องมึงดูละครเยอะเกินไปแน่ๆ” ไอ้แนนพูดพลางหัวเราะราวกับเป็นเรื่องตลกที่เชื่อไม่ได้

“ขิมดูไม่ใช่คนชอบดูละครหรอก แต่ดูเป็นคนเก็บกดยังไงก็ไม่รู้ ออกแนวพวกโอตาคุติดการ์ตูนมากกว่าด้วยซ้ำ”

เขมินทราในสายตาผมเป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าติดการ์ตูนจริงๆ ไหม ทว่าภาพลักษณ์นั้นไม่ต่างจากพวกคลั่งไคล้อะไรบางอย่างอย่างจริงจัง ให้ความรู้สึกลอยๆ เมื่ออยู่ในโลกภายนอกที่ไม่ใช่ห้องที่เต็มไปด้วยสิ่งที่ตัวเองชอบ

“แล้วตกลงมึงจะเอายังไง”

“ขอกูดูท่าทีคุณธนิกไปก่อนละกัน เขาก็คงใช่ย่อยแหละ เหมือนว่าขิมจะเจ็บเพราะเขามาเยอะด้วย”

“พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกจริงๆ นะ ตั้งแต่ไอ้คุณธนิกอะไรนี่เข้ามาวุ่นวายกับมึงน่ะ”

“นั่นสิวะ ตัวซวยของกูแหงๆ”

ไอ้แนนหัวเราะเอิ้กอ้าก มันตบไหล่ผมสองสามที “ก็ถ้ามึงคิดแบบนี้ กูก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วเว้ย เอาเถอะนะ ยังไงมึงก็อย่าไว้ใจอะไรใครให้มากนักล่ะ คนหวังดีกับมึงจริงๆ บนโลกนี้น่ะเหลืออยู่คนเดียวนั่นก็คือกู มึงควรจะรู้ไว้นะไอ้ขวัญว่าต่อให้เป็นสายเลือดเดียวกันแต่ถ้าขัดผลประโยชน์กัน เขาก็อาจจะฆ่ามึงได้ ส่วนเรื่องอื่นมึงจะเอายังไงต่อ คำถามมันเดินมาถามมึงโน่นแล้ว”

ไอ้แนนพยักพะเยิดหน้าไปทางบันไดที่เชื่อมกับสถานีรถไฟฟ้า คุณธนิกอยู่ตรงนั้นและกำลังเดินมาที่ซุ้มวิน ไอ้แนนยักคิ้วหลิ่วตามาให้ ในขณะที่ผมไม่รู้จะปกปิดอาการบอกบุญไม่รับยังไง ผมเห็นพี่แจ้เข้าไปถามไถ่เขาเหมือนที่ทำกับลูกค้าทั่วๆ ไป แต่คำตอบของเขาคือชี้มือมาทางผม พี่แจ้จึงกวักมือเรียกให้ผมเข้าไปหา แม้จะเป็นการเสียมารยาทต่อพี่ที่ถึงคิวของตัวเองก็ตาม แต่คุณธนิกดูเหมือนจะไม่สนใจเลย ความสนใจของเขาพุ่งตรงมาที่ผมโดยไม่ไขว้เขว

หัวใจของผมปวดแปลบขึ้นมาเมื่อเห็นเขายิ้ม รอยยิ้มของเขาไม่ใช่ของผม แต่กลับเป็นของคนที่หน้าเหมือนผมต่างหาก รายละเอียดที่พวกเขาเลิกกัน เขมินทราก็ไม่ได้บอกไว้ ผมรู้แค่ว่าแม่ของเขาทำเรื่องไม่ดี คนทั้งคู่ก็เลยต้องเลิกกัน แล้วคุณธนิกก็มีส่วนด้วย แต่เขาจะมีส่วนยังไงกันนะ

“ขวัญพัฒน์” น้ำเสียงของเขานุ่มนวลเหมือนทุกครั้งที่เอ่ยเรียก “ทำไมยังติดต่อไม่ได้อีกล่ะ ยังไม่ปลดบล็อกพี่เหรอครับ”

“อ๋อ ผมลืมครับ” ผมตอบ ส่งหมวกกันน็อกไปให้เขา “ไปที่บริษัทใช่ไหมครับ”

“อืม”

“ขึ้นมาครับ เดี๋ยวผมต้องรีบกลับมา”

“เย็นชาจังเลยนะ” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความตัดพ้อ แต่ผมไม่เสี่ยงมองหน้า เพราะรู้แน่ว่าถ้ามองจะต้องใจอ่อนสงสาร “พี่ทำอะไรให้โกรธอีกหรือเปล่า”

“เปล่าหรอกครับ” ผมปฏิเสธ บางทีคงเป็นเรื่องยากที่จะตีสนิทกับเขาโดยไม่คิดอะไร “ค่าเช่าบ้านยังขาดอีกหลายร้อย ผมก็เลยต้องทำงานให้มากขึ้นหน่อย”

“พี่จ่ายให้ก็ได้ อีกอย่างเรากำลังจะซื้อบ้านอยู่ด้วยกันนะ จำไม่ได้เหรอ”

“จำได้ครับ แต่ผมชอบอยู่บ้านเช่ามากกว่า รู้สึกไม่ต้องผูกมัดดี จ่ายไหวก็เช่าต่อ จ่ายไม่ไหวก็หาที่ซุกหัวนอนใหม่”

คุณธนิกไม่ต่อความอะไร เขาขึ้นมานั่งซ้อนท้าย แล้วจากนั้นผมก็ออกรถ ไอ้แนนโบกมือมาเป็นกำลังใจให้ ผมจึงโบกตอบมันกลับไป

ระหว่างทางเต็มไปด้วยความอึดอัด ผมไม่มีเรื่องจะพูด ส่วนคุณธนิกก็คงไม่มีเช่นกัน แต่เขาสอดมือเข้ามากอดเอวผมไว้ ผมเกร็งตัวเล็กน้อย รีบบิดคันเร่ง อยากให้ถึงบริษัทของเขาเร็วที่สุด

ใจไม่ดี...ผมใจไม่ดีเลย

“ขวัญครับ” เขาเอ่ยปากเรียกเมื่อถึงที่หมาย มือก็ยื่นหมวกกันน็อกคืนมาให้พร้อมกับแบงค์พันสองใบ “พี่จ่ายสองพัน ขวัญไปนั่งดื่มกาแฟกับพี่ที่ห้องทำงานได้มั้ย”

“สองพันเลยเหรอครับ”

“อืม”

“คงพอค่าเช่าบ้านแล้วล่ะ” ผมยิ้ม ขึ้นขาตั้งไว้ แล้วลงมายืนข้างๆ เขา “กาแฟนี่กินที่ร้านไม่ได้เหรอครับ ผมไม่อยากเข้าบริษัท คงมีแต่คนมอง”

“ที่ร้านก็ได้ ที่ไหนก็ได้ แค่ขวัญยอมอยู่กับพี่”

แค่หน้าเหมือนเขมินทรา มอเตอร์ไซค์รับจ้างอย่างผมก็ได้สิทธิพิเศษมากมายเหลือเกิน

“งั้นที่ร้านนะครับ แต่เป็นร้านที่ผมเลือกได้มั้ย ผมอึดอัดกับร้านแพงๆ”

“ได้”

ในเมื่อคุณธนิกไม่มีเงื่อนไข ผมจึงพาเขาซ้อนมอเตอร์ไซค์มายังร้านกาแฟที่ผมกับไอ้แนนจะมาซื้อกินสองสามครั้งต่อเดือน ราคาแก้วละ 25 บาทนี้ค่อนข้างเป็นมิตรกับเงินในกระเป๋าของพวกผม แต่คงไม่ถูกรสนิยมของคุณธนิก เขาไม่ยอมสั่งอะไรเลย แค่ยืนรอผมซื้อ จ่ายเงินให้ แล้วเราก็เดินทางต่อเพื่อหาที่นั่งคุยกัน ผมขี่พาเขามายังสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ไม่ใกล้ไม่ไกลจากหมู่บ้านคนรวยที่ไอ้หลงมักจะชอบมาเดินเตร่ดูหมาตัวเมียพันธุ์ดีแถวนี้นัก

“เมื่อคืนไปนอนที่ไหน” คุณธนิกเริ่มคำถามขึ้นเมื่อเรานั่งลงบนม้าหินอ่อนตัวเดียวกัน “พี่ไปหาที่บ้านไม่เจอ”

“บ้านเพื่อนครับ”

“คนไหน”

“ไอ้แนน”

“คนที่อยู่กับขวัญบ่อยๆ เหรอ”

“เคยเห็นด้วยเหรอครับ”

“อืม”

ผมเอียงคอเล็กน้อย พลางดูดกาแฟเย็นหวานถูกใจไปหลายอึก “ผมแปลกใจนะ ทำไมคุณธนิกถึงดูรู้เรื่องของผมเยอะจัง ทั้งๆ ที่เราแค่ได้พูดคุยกันไม่นาน คอยมองผมอยู่เหรอครับ”

คุณธนิกเงียบไปเพียงครู่ ก่อนจะตอบรับเบาๆ ว่า “อืม ก็คอยมองอยู่ตลอด”

“ทำไมล่ะครับ”

“ก็เพราะชอบ”

“ตอนที่คุณธนิกซ้อนมอเตอร์ไซค์ผมครั้งแรก ไม่ได้มีท่าทีแบบนั้นเลย”

“ขวัญไม่รู้หรอก” เขาว่าพลางยกมือขึ้นลูบหัวผม “ขวัญไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นพี่ตื่นเต้นแค่ไหน นั่นเป็นครั้งแรกเลยที่พี่นั่งวินมอเตอร์ไซค์ เพราะพี่อยากอยู่ใกล้ๆ พี่ก็เลยต้องทำแบบนั้น”

เป็นคำโกหกแน่ๆ ใช่มั้ย เขมินทราบอกกับผมว่าเขาโกหกได้เก่งมาก แสดงละครได้แนบเนียนสุดๆ

“แต่นานนะครับกว่าความอยากอยู่ใกล้ของคุณธนิกจะชัดเจนเหมือนอย่างวันนี้”

“ขวัญครับ” เขาเรียกเสียงอ่อน “ถ้าจู่ๆ พี่เข้าใกล้ ขวัญก็คงตกใจยิ่งกว่านี้ ตอนนั้นพี่ไม่รู้เลยว่าขวัญจะชอบผู้ชายมั้ย แล้วพี่ก็ไม่รู้ว่าถ้าทำอะไรมากไป ขวัญจะเกลียดพี่ไปเลยรึเปล่า แต่สุดท้ายแล้ว ถ้าคนคู่กัน ยังไงก็หนีกันไม่รอด ขวัญเก็บกระเป๋าตังค์มาคืนให้พี่ พี่ก็เลยมีโอกาสได้เลี้ยงข้าวขวัญไงครับ”

ทำไมคำพูดของเขาถึงฟังดูเป็นเหตุเป็นผลไปหมดเลยนะ

“พรหมลิขิตชัดๆ” ผมว่าพลางยิ้ม เอียงหัวไปซบกับไหล่เขา “ที่จริงผมชอบคุณธนิกตั้งแต่เห็นครั้งแรก ถ้ารู้เร็วกว่านี้ น่าจะดีกับเราทั้งคู่เนอะ”

ใช่...ถ้ารู้เร็วกว่านี้ ผมคงไม่ชอบเขามากขนาดนี้หรอก

“พี่ก็ชอบขวัญตั้งแต่เห็นครั้งแรก อืม...ไม่ใช่ชอบสิ ต้องเรียกว่ารัก” เขาเว้นจังหวะพูด จูบที่ขมับของผมเบาๆ “รักแรกพบ”

“ชอบฟังมากเลยครับ” ผมมองตาเขา "รักแรกพบคงเกิดขึ้นกับเราแล้ว”

“พูดจาน่ารัก ต่อให้เมื่อเช้าจะทำให้พี่หงุดหงิดเพราะติดต่อไม่ได้ อยากจับมาลงโทษ ให้ไม่กล้าทำอีกเลย”

“แล้วตอนนี้อยากลงโทษอยู่มั้ยครับ”

“ไม่แล้ว อยากให้รางวัลมากกว่า ขอพี่จูบได้มั้ย” แววตาของคุณธนิกออดอ้อน เขามองมา โน้มหน้าเข้าใกล้ อีกไม่ถึงคืบริมฝีปากของเราก็จะสัมผัสกันอยู่แล้ว แต่ผมตัดสินใจเบี่ยงหน้าหลบ

“ไม่ได้ครับ นี่มันที่สาธารณะ”

“อืม...นั่นสินะ” คุณธนิกลากเสียงเล็กน้อย พลางพยักหน้าเห็นด้วย “งั้นคืนนี้ค่อยให้รางวัลดีกว่า คืนนี้ไปค้างกับพี่นะครับ”

เป็นผู้ชายที่เอะอะก็ชวนค้างคืนจริงๆ จะบอกว่าหื่นกามหรือว่าโรคจิตดีนะ

“ผมจะไม่ทิ้งไอ้หลงไว้อีกแล้วครับ มันน่าสงสาร”

“พี่สำคัญน้อยกว่าหลงสินะ”

“ครับ”

“ตอบได้น่าน้อยใจมาก”

“ฮ่าๆ ๆ”

คุณธนิกมีสีหน้าน้อยใจจริงๆ แต่ผมทำมองเมิน “ใจร้าย หัวเราะพี่ได้ลงคอ”

“ผมอาจจะใจร้ายน้อยกว่าคุณธนิกก็ได้นะครับ”

“หมายความว่าไงเหรอ”

“ก็หมายความตามที่พูด” ผมมองสบตาเขา มั่นใจว่าคงไม่หลุดความรู้สึกใดๆ ออกไป ผมก็ไม่รู้ว่าผมทำได้ยังไง แต่คำพูดของเขมินทรายังดังก้องอยู่ในหัวของผม อย่ารู้สึกกับเขามาก เพราะเขามันเป็นจอมโกหก “คุณธนิกใจร้ายที่ทำให้ผมตกหลุมรัก แล้วก็ยอมคุณธนิกตลอดเลย”

เขาคลี่ยิ้มเมื่อได้ยิน “หมายถึงเรื่องคืนนั้นเหรอ”

“ครับ”

“งั้นคืนนี้พี่จะยอมขวัญ จะตามใจขวัญดีมั้ยครับ”

“แล้วไอ้หลง...”

“พาไปด้วย พี่จะพาขวัญไปที่บ้าน”

“จะดีเหรอครับ”

“ดีสิ บ้านพี่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่หรอก คุณพ่ออยู่โรงพยาบาล ส่วนคุณแม่ก็ไปต่างประเทศ”

“อ่า…”

“เลิกงานแล้วพี่จะไปรับนะ”

“ก็ได้ครับ”

คุณธนิกยิ้มอย่างดีใจ หากคิดว่ารอยยิ้มนี้มันจอมปลอมแล้วเขาก็เป็นคนที่เก่งเอามากๆ เขาจะว่ายังไงนะ หากรู้ว่าผมรู้ว่าขิมที่เขาเรียกหาคือใคร ทุกอย่างที่มาจากเขาทำให้ผมไม่กล้าจะไว้วางใจอีกแล้ว





ขวัญพัฒน์: เขาชวนไปที่บ้าน

เขมินทรา: ใครเหรอ พี่ธนิกเหรอ

ขวัญพัฒน์: อืม

เขมินทรา: พี่อยากไปมั้ย ถ้าอยากไปก็ไปกับเขาก็ได้

ขวัญพัฒน์: ขิมว่าไงล่ะ

เขมินทรา: ไปก็ได้นะ

ขวัญพัฒน์: อืม

เขมินทรา: หรือถ้าไม่อยากไป เราสลับตัวกันมั้ย

ขวัญพัฒน์: จะดีเหรอ

เขมินทรา: นั่นสินะ อาจจะไม่ดีหรอก

ขวัญพัฒน์: ขิมอยากเจอคุณธนิกเหรอ ยังคิดถึงเขาใช่มั้ย

เขมินทรา: เปล่า ไม่อยากเจอ ไม่ได้คิดถึงอะไรด้วย ผมเกลียดเขาจะตาย ไม่อยากไปเจอหน้าหรอก

ขวัญพัฒน์: อืม งั้นพี่ไปนะ คืบหน้ายังไงจะบอก

เขมินทรา: ครับ ยังไงไลน์บอกด้วยนะ เป็นห่วง

ขวัญพัฒน์: รับทราบครับ

เขมินทรา: อย่าไว้ใจเขา อย่าให้เขาแตะต้องตัวพี่นะครับ

ขวัญพัฒน์: จะพยายามนะ


......................To be continue.........................

ยินดีต้อนรับเขมินทราสู่รางรถไฟของเรา  :กอด1: :กอด1:

ขอบคุณที่รักและเป็นห่วงน้องขวัญกันทุกคนเลยนะคะะะะะะะ  :o8: :o8:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อ่านแล้วน่ากลัว ทั้งธนิกและขิมเลย  o21

ออฟไลน์ Justccwpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไม่ไว้ใจทั้งนั้นนนน

ออฟไลน์ wikawee

  • มีชีวิตอยู่เพื่อทำฝันให้เป็นจริง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-7
น่ากลัวทั้งคู่อ่ะ หนัเสือปะจระเข้าทั้งนั้น ชีวิตที่แสนสุขได้หายไปแล้ววววว  :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
นี่มีแต่คนโรคจิตป่ะ รู้สึกงั้นอ่ะ
พี่เมลน้องกลัวจังเลยค่ะ ถุ้ยย

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
 :a5: :a5: :a5:
เป็นตอนที่อ่านไปคิ้วก็ขมวดไปทั้งตอน
นี่มันอะไรกันเนี่ย น้องขวัญกำลังเจออยู่กับอะไร
ยังกับน้องหลงไปอยู่ในป่าแบบไม่รู้ทิศไม่รู้ทาง
พวกเสือสิงห์กระทิงแรดจะกระโจนเข้าใส่ตอนไหนก็ไม่รู้
ใครจริงใครหลอกก็ไม่รู้ อ่านจบแล้วมีแต่คำถามเต็มไปหมด
-ถ้าเรื่องแม่ของคุณธนิกเป็นเรื่องจริงน้องขวัญก็ตกอยู่ในอันตรายจากคุณแม่ด้วยสิ
-แล้วพ่อที่ป่วยที่คุณธนิกพูดถึงเป็นพ่อแท้ๆไหมหรือจริงๆแล้วเป็นพ่อน้องขวัญ หรือว่าทั้งพ่อน้องขวัญพ่อคุณธนิกก็ป่วย
-ทำไมขิมไม่บอกว่าพ่อน้องขวัญคือใคร
-ครอบครัวบุญธรรมของขิมร้ายกันหมดเลยไหม แล้วทำไมต้องร้ายด้วย
-แล้วที่ขิมพูดเหมือนคุณธนิกจะช่วยให้ทั้งสองคนปลอดภัยได้คือยังไง
-คุณธนิกโกหกเรื่องอะไร
-ขิมกับคุณธนิกรักกันไหม
-ถ้าคุณธนิกรู้จักน้องขวัญตั้งแต่ยังคบอยู่กับขิม แล้วคุณธนิกตามหาขวัญทำไม รู้ได้ยังไงว่าขวัญมีตัวตนอยู่
//อยากให้น้องขวัญขอให้คุณธนิกเล่าเรื่องขิมให้ฟัง แต่มันจะเชื่อได้ไหมเนี่ยสิ
//ฮือออ ทำไมแค่ตอนเดียวมันถึงได้เพิ่มปมยุ่งเหยิงได้ขนาดนี้กันคะ ถ้าจุดธูปเชิญวิญญาณน้าลีมาถามจะได้เรื่องอะไรไหม น้องขวัญดูไม่มีอะไรไปสู้เลย
//รอคนเขียนมาต่อคงเป็นทางที่ดีที่สุด  :mew2:

 :pig4:

ออฟไลน์ Shin b

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไม่น่าไว้ใจทั้ง 2คนเลยอะ ทั้งธนิกและขิม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Babyboys

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
ขิมน่ากลัวอ่ะ :katai5:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เค้าเล่นอะไรกัน สงสารขวัญ
คงมีแต่แนนเท่านั้นที่หวังดีกับขวัญ
ทั้งขิมทั้งธนิกดูไม่ปลอดภัยต่อขวัญทั้งคู่เลย

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
แนนไม่โกหกใช่ไหม แนนเป็นคนดีใช่ไหม ทั้งเรื่องเราเชื่อแนนคนเดียว

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เพิ่งว่างเข้ามาอ่านหลังจากที่อ่านผ่านไปสองตามตอนแรกรู้สึกเหมือนได้อ่านหมอโปรดกับน้องปลื้มเวอร์ชั่นคนทำงานเลย และคิดว่าคุณธนิกต้องร้ายแน่ๆมากด้วยและก็จริงตามนั้น มาตอนนี้ก็มีขิมอีกซึ่งเราก็คิดว่าคงร้ายไม่ต่างกันหรอก ที่เรื่องมันยุ่งยากขึ้นทุกทีส่วนนึงก็มาจากขวัญนะที่หัวอ่อนใจอ่อนง่ายไปใครพูดอะไรก็เชื่อไปหมด ถ้าไม่มีแนนมาคอยเตือนขวัญคงกู่ไม่กลับไปมากกว่านี้แน่ๆ จะมีวันที่ขวัญฉลาดมั้ยไม่งั้นแย่แน่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-07-2018 01:47:57 โดย TachibanaRain »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
้อย่างแนนว่าก็น่าคิดนะ........
พี่น้องกัน สายเลือดเดียวกันก็ฆ่ากันได้เพื่อผลประโยชน์  :z3:
เอาละสิ ไว้ใจใครไม่ได้เลยขวัญ  :hao3:
ขวัญจะใจแข็งได้จริงหรือ  o18
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-07-2018 19:44:55 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
มาไม่ดีทั้งสองทั้งคุณธนิกทั้งขิม นายเอกนิยายคนเขียนนี่สิบล้อชนก็ไม่ตายค่ะ คือต้องอึดจริงๆอ่ะ สงสาร

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
แค่คุณธนิก ก็ว่าหนักแล้ว นี่มาเจอขิมอีก ขวัญเอ้ยยย โลกนี้มันชั่งซับซ้อนนัก  :o11:

ออฟไลน์ ป่ามป๊ามป่ามปาม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ที่หวังดีกับขวัญจริงๆคงหลงอะ ถ้าเป็นคนก็คงแนนแหละ
เห้อ ทำไมโลกของขวัญถึงได้วุ่นวายขนาดนี้ทั้งที่ก่อนหน้าเรียบสงบนะ
เดาไม่ถูกเลย แต่ขอยังไม่เชื่อใจใครก่อน

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ไม่น่าไว้ใจทั้งคู่นะ คิดว่า

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
น่ากลัวทั้งคู่ :ruready :ruready :ruready

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ minenat

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1661
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-3
อะไรกันเนี่ยเรื่องนี้ :ling1:

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
เขมนี่ดูร้ายกว่าคุณธนิกอีกนะ​ น่ากลัว​ ไว้ใตได้แค่แนนกะไอ้หลงจริงๆค่ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อ่านเรื่องนี้แล้วกลัวมันทุกบรรทัดเลย

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
ขวัญกลับไปอยู่กับหลงกับแนนเหอะ อย่าไปยุ่งกับคนพวกนี้เลย
ไม่น่าไว้ใจทั้งคู่อะ ไม่รู้เล่นอะไรกันอยู่ ขวัญยากกว่านี้ได้มั้ย555555
ที่จะยอมไปนี่เพราะแผนขิมหรือเพราะใจตัวเอง  :ling2:
แต่ก็ค่อยสบายใจหน่อยที่ขวัญเริ่มระแวงธนิกแล้ววว
ส่วนขิมก็อย่าเพิ่งไปวางใจ  เป็นแฝดกันแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะหวังดีนะ
ขวัญไม่เคยเจอขิมไม่เคยรุ้ว่ามีตัวตน มันก็คือคนไม่รู้จักดีๆเนี่ยแหละ
แนนต้องช่วยดึงสติขวัญน้าาา  :hao5:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ไม่น่าไว้ใจสักคนน :m16: :m16:

ออฟไลน์ Tpoltiw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ่านเรื่องนี้จ้าาาา. พี่ธนิกแทงใส้แตกยิ่งกว่า เสี่ยโปรดแน่.   กลิ่นมาม่ารสต้มยำกุ้ง แรงงงมากกก :hao5: :hao5: :katai1:

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ขิม....เราก็ไม่ไว้ใจเธอนะ

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ธนิกมาแบบเลว ส่วนขิมมาแปลกๆน่ากลัว
ที่สำคัญมันอยูที่ว่าขวัญไม่ฉลาดนี่แหละ
เอาสมองแนนมาให้ขวัญเถอะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อ่านแล้วสบสนมึนงงไปหมดเลย ไม่รู้จะเชื่อใครดี

ออฟไลน์ BChampa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
นิยามสำหรับขวัญคือ คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความหัวอ่อนของขวัญ อยากจะพูดว่าโง่นะ อาจจะใจร้ายไป แต่ขวัญหัวอ่อน โลเล คนนั้นพูดทีก็เอนไปที พอขิมโผล่มาพูดถึงคุณธนิกไม่ดีก็เอนไปอีก
ตอนนี้ไม่รู้ใครดีไม่ดีละ แต่ขวัญไม่มีจุดยืนของตัวเองเลย ตอนพูดกับแนนเหมือนจะเข้าใจ แต่พอขิมซึ่งเป็นใครไม่รู้โผล่มาพูดโน่นนั่นนี่ โชว์รอยกรีดข้อมือ ให้หนีไป ถ้าไม่หนีก็ให้เข้าตีสนิทคุณธนิก ขวัญก็กลับเชื่อแล้วเข้าหาด้วยใจไม่บริสุทธิ์เหมือนเดิมอีก ขวัญเชื่อทุกคนยกเว้นคนที่หวังดีกับขวัญจริงๆ

ไม่มีใครทำร้ายขวัญหรอก ยกเว้นความโง่ของขวัญที่มันจะทำร้ายตัวขวัญเอง แล้วเราจะไม่สงสารเลยถ้าขวัญจะเสียใจเพราะขิมในตอนท้าย

สถาณการตอนนี้เหมือนเสือสองตัวจ้องขย้ำกัน แล้วมีแมวบ้านหลงเดินผ่านมา ไม่รู้ว่าเหตุการระหว่างคุณธนิก&ขิม&แม่คุณธนิกเป็นมายังไง แม่คุณธนิกจะทำร้ายขิมจริงหรือไม่ แต่ขิมไม่มีสิทธิใช้ขวัญเป็นเครื่องมือ คุณธนิกก็เช่นกัน

ขิมนี่ท่าจะแสบไม่เบาแหละ ถ้าพลิกมาว่าไปศัลยกรรมให้หน้าเหมือนนะมึ๊งงงงงง พีคในพีค

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด