สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27  (อ่าน 134058 ครั้ง)

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ขิมเหมือนโรคจิตเก็บกดนิดๆ ส่วนคุณธนิกน่าจะเหมือนรู้เรื่องราวอะไรของขิมกับขวัญแน่ๆ

ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
ตอนที่ 9



ท้องฟ้ายามกลางคืนเมื่อมองผ่านกระจกรถคันหรูโดยมีคุณธนิกนั่งอยู่เคียงข้างนั้นช่างแตกต่างกับการมองจากหน้าบ้านโดยมีไอ้หลงนอนครางหงิงอยู่เป็นเพื่อน ผมชอบชี้ชวนไอ้หลงให้ดูดาว แม้จะไม่ได้รู้จักกลุ่มดาวต่างๆ มากนัก ส่วนมากก็โม้ไปเรื่อยเปื่อยเพราะไอ้หลงมันไม่รู้จักอยู่แล้ว ต่อให้ผมจะพูดมั่วมันก็ไม่ท้วงอยู่ดี กลุ่มดาวที่ผมชอบก็คือกลุ่มดาวลูกไก่ เพราะมองเห็นง่าย ทั้งยังชอบฟังตำนานของกลุ่มดาวนี้ เป็นตำนานที่พูดถึงความรักของลูกไก่และแม่ไก่

ความรักของแม่จะเป็นแบบไหนกันนะ จะเหมือนความรักที่น้าลีมีให้ผมหรือเปล่า

คืนนี้เป็นคืนที่ไม่มีดาวเลยแม้แต่ดวงเดียว พระจันทร์ดวงโตก็ไม่มีให้เห็นคงเพราะเป็นคืนที่ท้องฟ้ามีเมฆปกคลุมอยู่เป็นจำนวนมาก เส้นทางจากบ้านของคุณธนิกถึงบ้านเช่าของผมนั้นไกลกันมากพอสมควร แต่ด้วยการจราจรตอนเที่ยงคืนทำให้รถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว จะมีจอดติดไฟแดงบ้างแต่ก็ไม่นานเหมือนชั่วโมงรีบเร่ง ไม่นานนักรถบีเอ็มคันหรูที่คุณธนิกบอกว่าเป็นของลูกพี่ลูกน้องของเขาก็เคลื่อนเข้าสู่ซอยแคบๆ มืดๆ ที่ทอดนำไปสู่บ้านเช่าหลังเล็ก

“มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าน่ะ” คุณธนิกเอ่ยถาม เขาชะลอรถเมื่อใกล้จะถึงหน้าบ้านผมที่ตอนนี้มีเพื่อนบ้านในซอยหลายคนกำลังยืนออกันอยู่

“นั่นสิครับ ดึกขนาดนี้แล้ว”

ผมรีบเปิดประตูลงจากรถเมื่อรถจอดสนิทอยู่หน้าบ้านของลุงแดงเพื่อนบ้าน รู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมา เมื่อได้ยินเสียงร้องครางอย่างทรมาน

“ไอ้ขวัญ! เอ็งหายไปไหนมา!” ลุงแดงโผล่หน้าออกมาจากกลุ่มคน ลุงรีบเดินอย่างรีบเร่งมาทางผม “ไปดูไอ้หลงมันเร็วเข้า!”

ความกลัวบางอย่างแล่นริ้วเข้ามาในใจ วันที่น้าลีจากผมไปลุงแดงก็เข้ามาหาผมแบบนี้ ลุงจับที่แขนของผม มือของลุงเย็นเฉียบ สีหน้าก็ซีดเผือดราวกับคนไม่สบายอย่างหนัก คำพูดของลุงราวกับเทปที่กำลังเล่นซ้ำ วันที่น้าลีล้มหัวกระแทกพื้น ผมก็ไม่อยู่ ไปขับวินรับลูกค้าจนดึกดื่น หลังจากวันนั้นผมก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่กลับบ้านดึกอีกแล้ว แต่ผมกลับลืมเลือนสัญญานั้นไป ผมทิ้งให้ไอ้หลงอยู่บ้านเพียงลำพัง

ผมรีบเร่ง แหวกผู้คนไปจนถึงหน้าบ้าน คราบเลือดที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวคลุ้งเข้าปะทะจมูก ที่ตรงนั้น...ไม่ไกลจากประตูที่เปิดอ้าออก ไอ้หลงนอนจมกองเลือด มันกำลังครางด้วยความทรมาน

เรื่องร้ายๆ มักจะเกิดขึ้นโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าเสมอ...

“หลง! ไอ้หลง!” ผมสั่นไปทั้งตัว ความเย็นราวกับถูกน้ำเย็นสาดใส่แล่นริ้วไปทั่วร่าง ภาพที่ผมเห็นกำลังกรีดหัวใจของผมให้เป็นแผลลึก ครอบครัวที่ผมเหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวกำลังหายใจโรยริน ดิ้นพล่านและร้องครวญด้วยความทรมาน เลือดที่คอและกลางลำตัวก็ไหลไม่หยุด

ผมไม่กล้าแตะต้อง ไม่กล้าโอบตัวมันไว้เพราะกลัวจะทำให้มันเจ็บไปมากกว่านี้ ในวันนั้นน้าลีก็มีเลือดออกมากมายและสุดท้ายน้าก็จากผมไป แล้วไอ้หลงก็จะไปจากผมอีกคน

“มีขโมยขึ้นบ้านเอ็ง มันมาค้นของไปทั่ว มากันสองสามคน” ลุงแดงบอกเสียงเครียด “ลุงอยู่ในบ้าน ไม่กล้าออกมาเพราะพวกมันมีอาวุธ แต่ลุงโทรแจ้งสายตรวจแล้ว แค่รอสายตรวจมา แต่ไอ้หลงมันกลับมาบ้านก่อน มันเห่าเสียงดัง เข้าไปกัดพวกมันคนหนึ่ง มันสู้ขาดใจเลยล่ะ โชคดีแล้วที่เอ็งไม่อยู่ที่นี่ ไม่งั้นก็แย่ไปอีกคน”

โชคดีเหรอ...ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่โชคดีเลยสักนิด มันเป็นความผิดของผมเองที่ไม่พาไอ้หลงไปด้วย ผมผิดเองที่ไม่รอมัน

“แล้วสายตรวจยังไม่มาเหรอครับ” เสียงของคุณธนิกดังขึ้นใกล้ๆ มือใหญ่ของเขาวางไว้บนไหล่ของผมแล้วบีบเบาๆ

“มาแล้วล่ะพ่อหนุ่ม แต่กลับไปแล้วเพราะไม่มีอะไรถูกขโมย” ลุงแดงบอก “บ้านคนแถวนี้จะมีอะไรให้พวกมันขโมยกันล่ะ แค่หาเช้ากินค่ำก็ยังจะไม่พอยาไส้”

ขโมยปัญญาอ่อนพวกนั้นมันไม่ได้ดูสภาพบ้านของผมเลยหรือไง ไอ้พวกสวะที่ทำได้แม้กระทั่งหมาตัวหนึ่งคงไม่มีสมองมากพอจะคิดได้

ผมคุกเข่าลงข้างไอ้หลง ค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบตัวมัน นิ้วมือที่สั่นเทาของผมแตะที่ลำตัวของมัน พยายามให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะผมกลัวว่าแรงของผมจะเพิ่มความทรมานให้มัน

“พี่ขอโทษ พี่ขอโทษนะหลง พี่กลับมาแล้วนะ กลับมาอยู่กับเอ็งแล้ว”

เสียงร้องครางของไอ้หลงค่อยๆ สงบลง แล้วจากนั้นมันก็ไม่ยอมลืมตาขึ้นมาอีกเลย ผมหลับตาลง อยากร้องตะโกนออกมา แต่กลับไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาเลย ทั้งที่หัวใจของผมเจ็บมากขนาดนี้ แต่ผมกลับไม่สามารถทำอะไรได้ ไอ้หลงจากไปต่อหน้าต่อตาเหมือนกับวันที่น้าลีก็ไปจากผมอย่างไม่มีวันหวนกลับ

ถ้าหากว่าเป็นฝันร้ายคนอย่างผมก็คงไม่เคยตื่นจากฝันเลย ทั้งๆ ที่ผมมีคนที่ผมรักอยู่เพียงไม่กี่คน แต่คนเหล่านั้นกลับค่อยๆ หายไปทีละคนจนตอนนี้โลกของผมเหลือที่ว่างมากเกินไป

“ขวัญครับ คืนนี้ขวัญอยู่ที่นี่ไม่ได้ พวกมันอาจจะกลับมาอีกนะ” น้ำเสียงของคุณธนิกอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง เขาบีบที่ไหล่ผมราวกับกำลังดึงสติของผมให้กลับคืน “ไปที่บ้านของเรา พาหลงไปด้วย”

ผมเงยหน้าขึ้นมองคุณธนิก ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรที่ผมเอาแต่นั่งมองไอ้หลง แต่ตอนนี้ไม่เหลือเพื่อนบ้านร่วมซอยที่มายืนดูกันเลยสักคน ลุงแดงก็คงกลับไปที่บ้านแล้ว ตอนนี้ตรงหน้าผมเหลือเพียงแต่คุณธนิกที่มองมาด้วยใบหน้าเครียดขรึม

“มันกลับมาก็ดีสิครับ ผมจะได้ฆ่ามันเหมือนที่มันทำกับไอ้หลง”

น้าลีเคยสอนผมว่าแก้แค้นกันไปมาก็ไม่ได้อะไร มีแต่จะสร้างวังวนความแค้นให้ไม่รู้จบ แต่ความรู้สึกของผมตอนนี้หากไม่ได้ทำอะไรพวกบ้านั่น ผมคงสงบใจไม่ได้

“ใจเย็นๆ ก่อนนะ พี่รู้ว่าขวัญเสียใจ” แต่คุณธนิกกลับพูดได้ง่ายๆ ใช่สิ นั่นเพราะเขาไม่ใช่คนที่สูญเสียเหมือนกับผม

“คุณธนิกไม่รู้หรอก! คุณธนิกจะมาเข้าใจได้ยังไงกัน! เป็นความผิดของผมคนเดียวที่ทิ้งมันไว้ ถ้าวันนี้ผมไม่ไปกับคุณธนิก ใช่...ใช่แล้ว ตั้งแต่ที่คุณธนิกเข้ามาในชีวิตผมมันก็มีแต่เรื่องซวยๆ ตามมาไม่หยุด! ทำไมไม่กลับไปล่ะครับ กลับไปอยู่ในที่ของคุณธนิกแล้วไม่ต้องมายุ่งอะไรกับผมอีก!”

ผมไม่รู้จะระบายเรื่องนี้กับใคร หากคุณธนิกจะคิดว่าผมเป็นพวกชอบพาลผมก็จะน้อมรับความคิดนี้ไว้

“ไปกับพี่ก่อนนะ เรายังมีเรื่องต้องคุยกันหลายเรื่อง”

“ผมไม่คุย!”

“อย่าให้พี่ต้องใช้กำลัง”

“คิดว่าผมสู้คนไม่เป็นเหรอครับ!”

“เปล่า แต่ขวัญสู้พี่ไม่ได้หรอก”

ผมขยับถอยหนีเพราะมือของคุณธนิกยื่นมาตรงหน้า “ผมบอกแล้วนะว่าอย่าเข้ามา”

“ไปกับพี่ ขวัญพัฒน์”

“ผมไม่ไป! ผมจะไม่ไปไหนอีกแล้ว ที่อยู่ของผมคือที่นี่...ผมบอกว่า...อย่า!!”

ผลัวะ!

กำปั้นของผมไปไวยิ่งกว่าความคิด มันปะทะเข้ากับรูปหน้าหล่อเหลาของคุณธนิกเข้าอย่างจัง เขาหน้าหันไปตามแรง ก่อนจะหันกลับมามองผม แววตาเต็มไปด้วยโทสะ เขายกมือขึ้นลูบสันกราม ดุนลิ้นกับกระพุ้งแก้มแล้วจากนั้นก็จู่โจมเข้ามาในจังหวะที่ผมกำลังตะลึงกับสิ่งที่ได้ทำลงไปอย่างรวดเร็ว

“จะดื้อก็ให้ดูเวลาบ้าง” น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าว เขาดันตัวผมติดกับผนัง ใช้แรงของแขนข้างเดียวกดที่หัวไหล่ทั้งสองข้างของผมไว้ มันแรงจนผมรู้สึกเจ็บและอึดอัดกับแรงกดทับ ก่อนเข็มขัดกางเกงของเขาจะถูกดึงออกมาใช้งาน ผมดิ้นรนเมื่อเห็นแล้วว่าเขากำลังจะใช้มันมัดข้อมือของผม

“บ้าเอ้ย! มัดผมทำไม!” ผมพยายามดิ้น แต่แรงที่กดทับเพิ่มมากขึ้นทำให้รู้สึกชาไปทั้งไหล่

“กับคนไม่มีหัวคิดก็ต้องใช้ไม้นี้กันทั้งนั้น” เขาคลายแขนที่กดผมไว้เมื่อข้อมือของผมถูกพันธนาการเรียบร้อย ก่อนจะยกนิ้วขึ้นชี้หน้า “ถ้าคิดวิ่งหนี พี่จะมัดเท้าไว้ด้วย นั่งรอเงียบๆ เข้าใจมั้ย”

แม้จะไม่อยากเข้าใจ แต่ท่าทางเอาเรื่องของเขาก็ทำให้ผมต้องทำตาม คุณธนิกเข้าไปในบ้าน เขาเดินวนรอบอยู่สักพักแล้วก็กลับออกมาพร้อมกระเป๋าเป้และเบาะรองนั่งที่ไอ้หลงใช้เป็นที่นอน

“ฝากไว้” เขาคล้องกระเป๋าเป้ไว้ที่คอของผม ก่อนจะนั่งลงแล้วอุ้มไอ้หลงวางบนเบาะอย่างเบามือ “ทีนี้ก็ไปที่รถ”

“ถ้าผมไม่ไปล่ะ”

“พี่จะเอาไอ้หลงไปให้พี่เปี๊ยกต้มกิน”

“ไอ้คนใจร้าย!”

คุณธนิกหัวเราะ แต่แววตาไม่ได้หัวเราะตาม เขาเดินนำไปที่รถ ในอ้อมแขนมีไอ้หลงที่นอนแน่นิ่ง ไม่สนใจจะหันมามองผมอีก

“รอผมด้วย!” หลังจากลังเลอยู่เกือบสามนาทีผมก็รีบวิ่งตามไป ไม่เสี่ยงท้าทายคนอย่างคุณธนิก เพราะเขาอาจจะใจดำถึงขนาดที่เอาไอ้หลงไปให้พี่เปี๊ยกกินจริงๆ ก็ได้

คุณธนิกรออยู่ที่รถแล้ว พอผมไปถึงเขาก็เปิดประตูรถให้ขึ้นไปนั่งแล้ววางไอ้หลงลงบนตักของผมอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเอากระเป๋าเป้ที่คล้องคอผมอยู่ออกไปให้ ไม่นานเขาก็วิ่งอ้อมรถมาขึ้นประจำที่นั่งคนขับแล้วขับออกมา ทิ้งบ้านเช่าที่เป็นความทรงจำตลอดยี่สิบปีของผมไว้เบื้องหลัง

ความเงียบภายในรถทำให้ผมอึดอัด ไอ้หลงที่นอนแน่นิ่งอยู่บนตักก็ทำให้หัวใจของผมราวกับถูกบีบอัดด้วยแรงมหาศาล หลังจากน้าลีไม่อยู่ ผมก็มีแต่มันที่ทำให้คลายเหงา ไอ้บุญหลงตัวนี้เวลาดีใจจะชอบวิ่งไปรอบๆ ตัวผมแล้วกระโดดเอาขาหน้าขึ้นมาเกาะที่เอว ตอนน้าลีเก็บมันมาเลี้ยงมันยังตัวเล็ก ผอมกะหร่อง ไม่ได้แข็งแรงกำยำเป็นที่รักของหมาตัวเมียเหมือนตอนนี้

ผมยกมือลูบหัวไอ้หลงอย่างใจลอย เอาแต่ครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิด เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตที่เงียบสงบของผม ทั้งๆ ที่อยู่มาจนถึงอายุเท่านี้ บ้านหลังนั้นก็ไม่เคยโดนขโมยขึ้นเลยสักครั้ง ต่อให้เปิดประตูอ้าไว้โดยลืมล็อกกุญแจก็ไม่ยักมีของในบ้านหายไปเลยสักชิ้น

“ถ้าไม่โง่ก็น่าจะคิดได้แล้วว่าไม่ใช่ขโมยธรรมดา” คุณธนิกพูดขึ้น สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบลง ความกรุ่นโกรธในน้ำเสียงทำให้น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าว “ขโมยโง่ที่ไหนมันจะมาปล้นบ้านคนไม่มีจะกินอย่างนี้”

“ถ้าฉลาดนักก็บอกผมสิครับว่ามันมาทำไม” ผมเบือนหน้ามองออกนอกรถ มือก็ลูบไปตามตัวของไอ้หลง ตอนนี้ตัวของมันเริ่มเย็นแล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อเช้ามันยังเห่าแมลงสาบด้วยความร่าเริงอยู่เลย “หมาตัวเดียวก็ยังทำได้ลงคอ”

“คิดว่าถ้าขวัญอยู่ที่นั่นมันจะเป็นยังไง”

ถ้าผมอยู่ที่นั่นผมอาจจะได้บู๊กับพวกขโมยหน้าโง่ แล้วไอ้หลงก็อาจจะไม่ตาย แต่คำพูดของเขมินทรากลับลอยเข้ามาในความคิด แม้ผมจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ทว่าในใจกลับรู้สึกหวาดหวั่น

“มันมาฆ่าผมเหรอ” ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นเรื่องตลก แต่คุณธนิกไม่ได้ตลกตามไปด้วย เขาทำสีหน้าเครียดขรึมยิ่งกว่าเดิม “ผมไม่เคยทำเรื่องไม่ดีกับใครเลยนะครับ อาจจะเคยมีปัญหากับพวกไอ้วันกับไอ้ทิวบ้าง แต่ไอ้สองคนนั้นมันก็แค่นักเลงคุมซอย ไอ้หลงพวกมันก็รู้จัก ต่อให้จะเคยทำหมาพวกมันท้อง แต่ก็ไม่เห็นพวกมันตามมาเอาเรื่อง แล้วคนอย่างพวกมันไม่ฆ่าใครแน่ๆ อย่างดีก็แค่รุมกระทืบคนไม่มีทางสู้”

คุณธนิกถอนหายใจออกมา สีหน้าของเขามีแต่ความรู้สึกที่ผมคาดเดาไม่ได้ “รู้มั้ยว่าต่อให้เราไม่เคยทำไม่ดี แต่แค่เรามีตัวตนอยู่ก็เป็นเรื่องที่ไม่ดีต่อคนบางคนแล้ว”

“คุณธนิกหมายความว่ายังไงครับ”

“ไปหาที่เงียบๆ คุยกันดีกว่านะ”

ไม่นานหลังจากที่พูด คุณธนิกก็จอดรถบนสะพานข้ามแม่น้ำสายหนึ่ง เสาไฟที่เรียงรายต่างให้แสงสีส้มทอดมาบนตัวของผมกับเขาให้เกิดเงาที่ซ้อนทับกัน ไอ้หลงถูกวางไว้ใกล้ๆ สถานที่ยามกลางคืนที่สวยแบบนี้จะเป็นที่สุดท้ายที่ผมจะได้มากับมัน

“ที่จริงแล้วพี่ไม่ใช่คนที่จะเล่าทุกอย่างให้ฟังได้” คุณธนิกเริ่มเรื่อง เขายกมือขึ้นโยกหัวผมไปมา “แต่ถ้าขวัญยังไม่เข้าใจ ต่อไปนี้พี่จะลำบาก เพราะหมัดเราหนักใช่เล่น”

มุมปากของคุณธนิกเริ่มเห็นเป็นรอยช้ำ อีกไม่นานคงเปลี่ยนเป็นสีน่าเกลียดน่ากลัว แต่ผมกลับพอใจที่ได้ต่อยเขาโดยที่ไม่ได้พูดขอโทษ

“เอาล่ะ พี่มีเรื่องเล่าของลุงข้างบ้านจะเล่าให้ฟัง ลุงคนนี้เป็นคนที่รวยมากๆ ตอนสมัยยังหนุ่มเขาเคยเผลอมีความสัมพันธ์กับเลขาฯ ของตัวเอง ทั้งๆ ที่ตัวเขามีคู่หมั้นและกำลังจะแต่งงาน ตัวลุงคนนี้รักคู่หมั้นของเขามากทั้งๆ ที่คู่หมั้นของเขาเคยผ่านการแต่งงานและมีลูกติด แต่เขาก็ไม่เคยนึกรังเกียจ กับเลขาฯ ก็เป็นแค่การเผลอใจเพราะความใกล้ชิด แต่การเผลอใจทำให้เกิดสิ่งบริสุทธิ์ขึ้นมา เลขาฯ คนนั้นท้องลูกแฝดของคุณลุง แต่เธอกลับไม่พูดไม่บอกอะไร เธออุ้มท้องหายไปเงียบๆ คุณลุงมารู้ก็ตอนที่มีลูกแฝดคนหนึ่งกลับมาทวงความยุติธรรมให้แม่ตัวเอง ท่านป่วยเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว พอรู้เรื่องก็ล้มป่วย แต่พินัยกรรมของท่านถูกเขียนขึ้นโดยการยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้กับลูกชายฝาแฝดของท่าน”

ผมนั่งฟังคุณธนิกพูดมาจนถึงประโยคสุดท้าย เขามองหน้าผม แล้วกุมมือผมไว้ “ลุงคนนี้คือพ่อของพี่ แล้วก็เป็นพ่อแท้ๆ ของขวัญ”

ผมเกือบหลุดหัวเราะออกมา “คุณธนิกครับ ผมน่ะเคยคิดว่าตัวเองอาจจะเป็นลูกมหาเศรษฐีที่ไหนก็ได้ แต่ไม่เคยคิดจริงๆ หรอกนะว่ามันจะกลายเป็นเรื่องจริง”

เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องตลกร้ายที่สุดในชีวิตที่ผมเคยได้ฟังมา ตัวผมนั้นไม่เคยสนใจว่าพ่อแม่ของผมเป็นใครมาจากไหน ผมรู้แค่ว่าพ่อทิ้งแม่ไป แล้วแม่ก็ตายไปก่อนที่ผมจะทันได้รู้ความ ความรู้สึกรักหรือผูกพันจึงไม่มีในตัวของคนทั้งสองเลย ผมมีก็แค่น้าลีที่เป็นทั้งพ่อและแม่ของผม น้าลีคือคนที่สำคัญที่สุดของผม พอได้ยินคุณธนิกบอกเรื่องที่น่าประหลาดใจนี้ ผมก็ไม่ได้ปักใจเชื่อเท่าไร กลับมองว่ามันอาจจะเป็นแค่เรื่องแต่งขึ้นมาก็ได้

“มันเป็นเรื่องจริง แล้วถ้าพินัยกรรมถูกอ่านพี่กับแม่พี่จะไม่เหลืออะไรเลย”

“เดี๋ยวนะครับ...” ผมมองสบตาคุณธนิก พยายามมองสิ่งที่ซ่อนอยู่ในแววตาของเขา แต่ก็ไม่เห็นสิ่งใด “ผมยังไม่ค่อยเข้าใจ คือถ้ามันเป็นเรื่องจริง ผมจะเป็นคนรวยอย่างงั้นเหรอ”

“ใช่ แล้วพี่ก็อาจจะต้องไปขับวินแทนขวัญ”

คำพูดติดตลกทำให้ผมหัวเราะ คุณธนิกก็ระบายยิ้มเมื่อเห็นว่าผมมีสีหน้าแบบไหน

“แล้วผมต้องทำยังไงล่ะครับ” ผมถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจ เพราะเอาเข้าจริงก็ไม่เข้าใจที่คุณธนิกพูด เรื่องที่ได้ฟังก็เหมือนจะไม่ใช่เรื่องจริง มันเหมือนแค่เรื่องเล่าของเพื่อนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตัวผมเลย “คือตัวผมไม่เคยต้องการอะไรเลย ผมแค่อยากมีชีวิตเงียบๆ กับไอ้หลง ไอ้แนน แล้วก็น้าลี ตัวผมต้องการแค่นั้น ไม่ได้อยากไปยุ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์ของใคร ตัวผมไม่ต้องรวยก็ได้ ผมพอใจกับสิ่งที่ผมมีแล้ว”

“ขวัญครับ” คุณธนิกยิ้มอย่างอ่อนโยน “พี่ถึงได้บอกว่าขวัญเป็นเด็กดี ดีเกินคาดและดีเกินไป”

“หมายถึงโง่เหรอครับ”

“ก็อาจจะหมายถึงอย่างนั้นก็ได้” เขาโยกหัวผมไปมา “เอาล่ะทีนี้มาพูดประเด็นหลัก ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมว่ากำลังขวางทางใครอยู่”

ผมคิดทบทวนสิ่งที่เขาพูด เพราะถ้ามันเป็นเรื่องจริง คนที่ผมขวางทางอยู่ก็คือ “คุณธนิกกับแม่ของคุณธนิกครับ”

“ก็ใช่ ขวัญขวางทางพี่กับแม่อยู่จริงๆ แต่พี่ไม่ใช่คนที่ชอบใช้วิธีสกปรก ต่อให้คนอื่นจะไม่เล่นตามเกม แต่พี่จะยังอยู่ในขอบเขตเสมอ” รอยยิ้มของคุณธนิกในครั้งนี้ดูจริงใจอย่างที่ผมคิดว่าคงจะเป็นครั้งแรกที่เขายิ้ม “พี่มีข้อเสนอให้”

“ข้อเสนอ” ผมทวนคำ มองหน้าคนยื่นข้อเสนออย่างไม่ค่อยไว้ใจ “ยังไงเหรอครับ”

“พี่จะปกป้องขวัญโดยแลกกับการที่ขวัญต้องยกทุกอย่างที่ขวัญจะได้ให้พี่” ข้อเสนอของคุณธนิกจริงใจและเปิดเผย เขามีรอยยิ้มอ่อนโยน ไม่ร้ายกาจเหมือนคำพูดที่เขากำลังพูดออกมา “ขวัญอยากได้อะไรพี่จะซื้อให้ ทุกอย่างที่ขวัญต้องการ อยากไปต่างประเทศ อยากเรียนหนังสือ หรืออยากจะมีรถเท่ๆ ขับสักคัน ขวัญจะได้ทั้งหมด พี่จะทำให้ความปรารถนาของขวัญเป็นจริง”

“คือว่า...”

“ลองคิดดูสิครับ ขวัญขับแต่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ความรู้ก็น้อย ขวัญจะบริหารบริษัทใหญ่โตโดยแบกรับชีวิตของพนักงานทุกคนได้ยังไง”

“เดี๋ยวก่อนนะครับคุณธนิก” ผมยกมือห้ามเขาไว้เพราะสมองของผมประมวลผลตามไม่ทัน “คือผมคิดว่าผมอาจจะไม่ได้อะไรเลยก็ได้นะครับ ระหว่างผมกับพ่อที่คุณธนิกว่ายังไงก็เหมือนคนแปลกหน้าที่ไม่เคยเห็นหรือได้พูดคุยกันมาก่อน แล้วผมก็ยังมีฝาแฝด พ่ออาจจะยกให้เขาทั้งหมดก็ได้ พ่ออาจจะไม่รู้ว่ามีตัวผมอยู่อีกคน”

“ไม่หรอก เขารู้อยู่แล้ว อีกอย่างนะขวัญ ต่อให้พ่อยกให้แฝดอีกคน เขาก็จะไม่ได้ไปอยู่ดี เพราะแฝดคนนั้นเซ็นยินยอมที่จะไม่มีส่วนในมรดกเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลือก็มีแต่ของขวัญที่ต้องยกให้พี่”

เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นความอันตรายจากผู้ชายคนนี้ เขมินทราที่หลงรักเขาหัวปักหัวปำคงยอมทำเรื่องบ้าๆ อย่างนั้นใช่ไหม ยอมยกทุกอย่างให้ตามการล่อหลอกของเขา แล้วตอนนี้ผมก็จะเป็นรายต่อไป

“ผมคิดว่านะครับคุณธนิก ผมน่ะ...ไม่จำเป็นต้องมีใครมาปกป้องหรอกครับ”

คุณธนิกทำหน้าฉงนเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มถาม “ทำไมล่ะ”

“ผมไม่กลัวตายหรอกครับ”

“แล้วไม่กลัวเพื่อนจะเป็นอันตรายเหรอ ตอนนี้ขวัญเหลือเพื่อนอยู่คนเดียวนี่นะ เพื่อนที่มีเมียกำลังอุ้มท้องซะด้วย”

“คุณธนิก...”

“พี่น่ะไม่ทำเรื่องสกปรกหรอก แต่ถ้าคนอื่นทำพี่จะห้ามได้ยังไง”

ผมเผลอกัดริมฝีปาก รู้สึกทรมานกับความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากตัวของคุณธนิก “อย่ายุ่งกับแนนนะ...อย่ายุ่งกับครอบครัวของเพื่อนผม”

ถ้าไอ้แนนต้องมีชะตากรรมอย่างไอ้หลง มันก็จะเป็นความผิดของผมคนเดียว ผมไม่อยากให้ใครต้องมาถูกทำร้ายเพราะเรื่องนี้เลย

“ถ้าขวัญยอมรับข้อเสนอ พี่เชื่อว่าทุกคนที่ขวัญรักจะปลอดภัย” น้ำเสียงของคุณธนิกจริงจัง เขาดึงมือของผมไปกุมไว้ แต่ผมชักมือกลับราวกับกำลังจับของร้อน

“ผมจะแจ้งตำรวจ ทุกคนที่ทำร้ายผม ทำร้ายไอ้แนน แล้วก็คนที่ฆ่าไอ้หลง ผมจะทำให้มันเข้าคุกให้หมด”

“แล้วขวัญทำอะไรได้เหรอ” คุณธนิกมองมาที่ผม แววตาของเขาเยียบเย็น “มีปัญญาหรือไง”

“ผม…” ความยุติธรรมอยู่คู่กับประชาชน แต่กฎหมายมักจะเลือกปกป้องคนที่มีอภิสิทธิ์ชน แล้วคนจนอย่างผมจะเรียกร้องอะไรได้หรือเปล่า หรือว่าความไม่ยุติธรรมนี้จะค่อยๆ หายไปอย่างเงียบๆ ตามกาลเวลา แล้วสุดท้ายก็จะไม่มีใครจำได้ว่าเกิดเรื่องเลวร้ายแค่ไหนกับคนคนหนึ่ง

“ให้พี่ช่วยไหม พี่ทำได้อยู่แล้ว” เขาเหยียดยิ้มอีกครั้ง “พี่รักพ่อมากนะ พยายามเป็นความภูมิใจให้ท่าน แต่เพราะพี่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ท่านถึงรักพี่น้อยกว่าลูกที่ท่านไม่ได้เลี้ยงดูหรือพบหน้าด้วยซ้ำ กับลูกของคนที่แค่เผลอใจกลับยกทุกอย่างที่พี่ดูแลมาให้หมด ไม่ยุติธรรมเลยนะคนคนนี้”

ผมไม่ได้รู้สึกเห็นใจคุณธนิก เขาอาจจะน่าสงสารในสายตาของคนอื่น แต่กับผมแล้วผมหวังแค่ว่าจะไม่เข้าไปในเส้นทางความละโมบของพวกเขา ผมไม่ต้องการอะไรเลย ผมก็แค่อยากใช้ชีวิตที่เงียบสงบของผม หาเช้ากินค่ำไปวันๆ โดยไม่มีเรื่องทุกข์ใจ ทว่าดูเหมือนโชคชะตานี้จะไม่ปล่อยให้ผมกลับไปในที่ของผมง่ายๆ

“เอาล่ะทีนี้ พี่อยากให้ขวัญตัดสินใจว่าจะเอายังไง” เขายื่นมือมาตรงหน้าราวกับรอให้ผมวางมือของผมลงไป “ไม่มีใครที่ปกป้องขวัญได้ ตอนนี้มีแต่พี่ที่ยื่นข้อเสนอนี้ให้ แล้วขวัญจะรับข้อเสนอของพี่มั้ย”

“งั้นผมขอถามได้มั้ยครับ” ผมทำใจกล้า แม้จะรู้สึกหวั่นๆ แต่ก็ไม่อยากค้างคาใจ เพราะผมไม่มีกำลังพอจะช่วยเหลือใครไว้ได้เลย ผมกลัวว่าไอ้แนนจะต้องมาเดือดร้อนเพราะผม แค่เพราะตัวตนของผมไปขัดผลประโยชน์ใครเข้า แค่นั้นก็มากพอที่จะทำให้คนที่สำคัญกับผมซวยไปกับผมด้วย “ไหนๆ คุณธนิกก็เปิดเผยมาขนาดนี้แล้ว บอกผมได้มั้ยครับว่าที่ผ่านมา คุณธนิกแค่แกล้งทำเหมือนว่าชอบผมใช่มั้ยครับ”

คุณธนิกชะงักไปเพียงครู่ ก่อนจะพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่เย็นชาจับขั้วหัวใจ “พี่จะรักคนที่เป็นลูกของศัตรูหัวใจแม่ได้ยังไงกัน แล้วพี่ก็มีคู่หมั้นแล้วด้วย”

เรื่องไม่จริงก็ยังคงไม่จริงอยู่วันยันค่ำ เหมือนที่เขมินทราบอกไว้ เขาเป็นจอมโกหกที่ลวงโลกได้เก่งที่สุด ความโรแมนติกของเขาก็เป็นแค่สิ่งจอมปลอม

“ขอบคุณครับที่พูดตามตรง ผมจะได้ไม่ค้างคาใจ”

สายลมที่พัดอยู่ตอนนี้กำลังพัดเอาความเศร้าเข้ามาในหัวใจของผมทีละน้อย ตัวของไอ้หลงเริ่มแข็งกระด้างทีละส่วนเหมือนกับที่หัวใจของผมเริ่มถูกฉาบไปด้วยน้ำแข็งเย็นจัด

“ตกลงครับคุณธนิก ผมรับข้อเสนอ แต่ผมขอคำสัญญาได้ไหมครับว่าถ้าเรื่องนี้จบลง ผมจะขอกลับไปอยู่ในที่ของผม แต่ในระหว่างนี้ไอ้แนนกับฝนจะต้องปลอดภัย ผมจะเซ็นทุกอย่างก็ต่อเมื่อผมแน่ใจว่าคนที่สำคัญกับผมจะไม่มีอันตราย”

“ได้สิ พี่สัญญา”

“แล้วขอถามอีกได้มั้ยครับ”

“คำถามเยอะจังนะ” คุณธนิกหัวเราะ สีหน้าของเขาดูผ่อนคลาย “แต่ก็ถามมาเถอะ”

“ทำไมถึงเลือกบอกผมเร็วนักล่ะครับ ถ้าคุณธนิกหลอกผมต่อไป ผมก็คงหลงรักคุณธนิกหัวปักหัวปำแล้วยอมยกทุกอย่างให้แท้ๆ”

“เพราะขวัญเป็นเด็กดี” รอยยิ้มของเขากลับมาอ่อนโยน รูปหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นไปบนท้องฟ้าไร้ดาว “พี่ก็เลยทำไม่ลง อีกอย่างพี่ชอบหลงมากนะ พี่เป็นคนรักสัตว์”

“ไม่น่าเชื่อ”

“ฮ่าๆ ๆ”

ผมเผลอยิ้มออกมาด้วย รู้สึกว่าเมฆหมอกภายในใจเริ่มเบาบางลง ตอนนี้คุณธนิกที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมเป็นเหมือนคุณธนิกที่ผมเคยเห็นจากที่ไกลๆ มองเขาขับรถสปอร์ตสีสวยเข้าบริษัทใหญ่โตที่มีพนักงานหลายร้อยชีวิต ภาพความชัดเจนของเขานั้นอยู่ในที่ที่ผมไม่อยากยื่นมือเข้าไปแตะต้อง

“ขวัญพัฒน์”

“ครับ”

“ในเรื่องที่พี่โกหก มันมีอยู่ไม่กี่เรื่องนะที่พี่รู้สึกจริงๆ”

ผมแค่พยักหน้า แต่ไม่ได้ถามว่าเป็นเรื่องอะไร เพราะหากผมรู้คำตอบผมอาจจะเผลอตั้งความหวังขึ้นมาอีกครั้ง

“เอาล่ะทีนี้ ไปส่งหลงกันได้แล้ว”

คงถึงเวลาที่จะต้องลาจากกันสักที มือของผมสั่นเล็กน้อยตอนที่ช้อนเอาเบาะที่ไอ้หลงนอนแน่นิ่งขึ้นมาอุ้มไว้ “ไปกันเถอะครับ”

เรื่องราวในวันนี้คงเป็นเรื่องที่ผมจะจดจำไปจนกว่าจะหมดลมหายใจ ทุกเรื่องที่เข้ามา ทุกปัญหาที่ยากจะรับมือ ผมอยากให้สายลมที่กำลังพัดนี้ ช่วยพัดให้หายไปสักที ไม่ว่าจะเรื่องพ่อแท้ๆ ของผม เรื่องข้อเสนอของคุณธนิก หรือจะเป็นเรื่องฝาแฝดที่ผมไม่ได้ถามรายละเอียดอะไรออกไป ผมอยากให้เรื่องเหล่านี้กลายเป็นแค่เรื่องไม่จริง เพราะผมอยากเป็นแค่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างจนๆ ที่ทั้งชีวิตมีแค่น้าที่ผมรัก หมาที่ผมรัก และเพื่อนที่ผมรักเพียงเท่านั้น




[ต่อด้านล่าง]

ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17





คุณธนิกพาผมมาที่บ้านที่ผมไม่ได้คิดว่าจะต้องมาอยู่อาศัยเร็วขนาดนี้ ผมเพิ่งปฏิเสธเขาไปเมื่อตอนหัวค่ำ แต่ในเวลาตีสามก็หอบกระเป๋ากลับมาพร้อมกับไอ้หลงที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเบาะรองนั่ง

“พี่จะขุดหลุมให้ หวังว่าหลงคงชอบที่นี่” เขาบอกพลางเริ่มลงมือขุดหลุมด้วยเสียมที่หาได้จากห้องเก็บอุปกรณ์ทำสวน เห็นเขาพับแขนเสื้อพร้อมกับลงแรงจ้วงเข้าไปในดินแล้วอยากจะเอ่ยปากขอช่วย แต่ผมก็ปิดปากตัวเองได้ทัน

ดีแล้ว...ปล่อยเขาทำไป

ผ่านไปเกือบสิบนาที หลุมขนาดใหญ่กว่าลำตัวของไอ้หลงและมีความลึกพอประมาณก็เสร็จสมบูรณ์ ผมค่อยๆ วางไอ้หลงลงในนั้น มองมันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะใช้มือโกยดินกลบให้ ผมกล่าวลาในใจ ขอให้ไอ้หลงหลับสบาย ให้ไปอยู่ภพภูมิไหนก็ฮอตเหมือนเดิม มีสาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลัง แต่ก็อย่าลืมผมนะ อย่าลืมว่าผมคือคนสำคัญอันดับหนึ่งของมันเสมอ

“ขึ้นบ้านไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ”

“ครับ” ผมพยักหน้า ลุกขึ้นยืนพลางปัดดินออกจากมือ “แล้วมอเตอร์ไซค์ของผมล่ะครับ พรุ่งนี้ผมกลับไปเอาได้มั้ย ไหนจะต้องจัดการเรื่องบ้านเช่า แล้วก็...”

“พี่จะจัดการทุกอย่างให้ ขวัญแค่รออยู่ที่นี่เฉยๆ ก็พอ”

“แต่ว่าผมต้องไปหาไอ้แนน มันคงจะกังวลถ้าผมหายไป” ไอ้แนนขี้โวยวายอยู่แล้ว ถ้าพรุ่งนี้ไม่เห็นผมโผล่หน้าไปที่ซุ้มวิน มันคงจะวิ่งโร่ไปหาที่บ้าน แล้วพอเห็นสภาพบ้านและไม่พบตัวผม มันต้องรีบไปแจ้งตำรวจแน่ๆ

“พี่จะพาแนนมาเจอที่นี่”

“จะไม่ให้ผมออกไปไหนเลยเหรอครับ”

“ที่จริงก็ได้อยู่หรอก แต่เป็นความพอใจของพี่ที่อยากให้ขวัญอยู่บ้าน”

“ทำไมล่ะครับ”

“ไม่ต้องถามว่าทำไม” คุณธนิกนวดแขนตัวเองเบาๆ คงเพราะเมื่อยจากการใช้เสียมขุดดินเป็นเวลานาน “เพราะพี่ไม่ตอบ”

“คนบ้าคนบออะไรกัน” ผมเบ้ปากใส่เขา “เป็นผู้คุมนักโทษหรือไงก็ไม่รู้”

“เป็นห่วงต่างหากเล่า ไปๆ ไปอาบน้ำ!”

เห็นเขาทำหน้าหงุดหงิดแล้วผมก็เลยรีบแจ้นเข้าบ้าน แต่ก็ลืมว่าประตูบ้านต้องสแกนลายนิ้วมือกับใส่รหัสปลดล็อกก็เลยต้องยืนรอ เขาจึงได้แต่หัวเราะชอบใจที่ยังไงผมก็ต้องพึ่งพาเขาอยู่ดี

“ต้องเพิ่มลายนิ้วมือขวัญไปด้วย ส่วนรหัสก็วันเกิดขวัญนะ”

“รู้วันเกิดผมด้วยเหรอครับ”

“ต้องรู้สิ วันที่ยี่สิบกรกฎาคมใช่ไหมล่ะ”

“น่ากลัวมาก ถึงขั้นรู้วันเกิดผมเนี่ย โรคจิตแน่ๆ”

“แล้วอยากโดนโรคจิตลวนลามมั้ยครับ ถ้าไม่ก็รีบๆ ไปอาบน้ำนอน”

ผมย่นจมูกใส่เขา ก่อนจะรีบขึ้นมาบนชั้นสอง จำได้ว่าห้องนอนส่วนตัวของผมนับจากบานประตูแรกไปแล้วก็อยู่ตรงนี้

คุณธนิกเคยบอกว่าความรู้สึกแรกมักจะน่าประทับใจเสมอ ซึ่งผมก็คิดไม่ต่างกัน เพราะเมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นห้องนอนที่ผมเคยวาดฝันเอาไว้ ผมเคยบอกน้าลีว่าถ้าถูกหวยเมื่อไหร่จะสร้างบ้านหลังเล็กๆ และมีห้องนอนเป็นของตัวเอง เพราะที่บ้านเช่านั้นผมต้องนอนกับน้าลีตลอด ห้องนอนที่ผมชอบต้องมีเตียงสี่เสา เพราะผมเคยเห็นรูปการตกแต่งห้องหลายๆ แบบก็เลยชอบเตียงแบบนี้ที่สุด รอบเตียงจะมีผ้าม่านสีขาวโปร่งปิดไว้ เตียงนี้ตั้งอยู่บนพรมหนานุ่มที่เหยียบแล้วให้ความรู้สึกสบายเท้า วอลเปเปอร์ก็เป็นรูปการ์ตูนวันพีซที่ผมชอบ ตู้หนังสือตรงนั้นก็อัดแน่นไปด้วยฟิกเกอร์และหนังสือการ์ตูน ที่ผนังด้านหนึ่งใกล้ตู้หนังสือถูกเจาะเข้าไปเป็นรูปสี่เหลี่ยมแล้วปูทับด้วยเบาะหนานุ่มเหมือนโซฟาเบดที่ใช้นอนผ่อนคลาย ไม่ไกลจากนั้นมีโต๊ะตัวยาวกับเฟอร์นิเจอร์สีขาวเข้าชุดกันถูกประดับประดาไปด้วยหลอดไฟหลากสี

“ชอบห้องนี้มั้ย” คุณธนิกมาจากทางด้านหลัง เขาถามขึ้นพลางกอดคอผม แต่ผมขืนตัวออก

“ชอบมากครับ ขอบคุณครับ”

“อยากแต่งอะไรเพิ่มก็บอกนะ”

“ไม่แล้วครับ ผมชอบมากๆ รูปเรือทาวน์ซั่นซันนี่ใครเป็นคนวาดเหรอครับ วาดเก่งมากเลย”

“พี่เอง” คุณธนิกบอกพร้อมรอยยิ้มภูมิใจ

“ไม่จริงหรอก”

“พี่วาดให้เองครับ เคยเห็นมอเตอร์ไซค์ของขวัญติดสติ๊กเกอร์การ์ตูนเรื่องนี้ พี่เลยคิดว่าต้องชอบ”

ผมมองคุณธนิกอย่างไม่อยากเชื่อ คงมีอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับตัวเขาที่ผมยังไม่รู้ “ชอบวาดรูปเหรอครับ”

“ก็เคยชอบนะ แต่แม่ของพี่ไม่ปลื้ม พ่อเลี้ยงก็ไม่ปลื้ม”

“ก็เลยไม่ได้เรียนเหรอครับ”

“อืม ต้องเรียนบริหาร แต่ขนาดว่าเรียนตามที่ต้องการแล้ว ก็ยังจะไม่เห็นหัวกันอีก หึหึ”

“เป็นคนรวยก็เรียนอย่างที่อยากเรียนไม่ได้สินะครับ”

ผมคิดภาพคุณธนิกไว้ผมยาวแล้วถือกระดานวาดรูปเดินเตร่อยู่ตามตลาดนัดคอยวาดพวกภาพเหมือนหรือขายภาพวิวทิวทัศน์แล้วก็เผลอยิ้มขึ้นมา

“คิดอะไรตลกอยู่ล่ะสิ”

“เปล่าครับ ผมก็แค่คิดว่าถ้าคุณธนิกเป็นศิลปินจะเป็นยังไง”

“คงหล่อกว่านี้ ทำงานบริษัทน่ะเครียดจะตาย ริ้วรอยก็ขึ้นเร็วกว่าอายุจริง”

“จริงครับ ตีนกาเพียบเลย”

คุณธนิกยื่นมือมาบีบแก้มผม ก่อนจะทำท่าล็อกคอตีเข่า “ปากร้ายต้องเจอ”

“ปล่อยผมน้าาาา”

บางทีคุณธนิกก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นพี่ชาย แต่บางทีก็ให้ความรู้สึกเหมือนคนแปลกหน้า นอกจากตีนกาจะมาก่อนอายุจริงแล้ว ผมคิดว่าเขาคงเข้าวัยทองแล้วแน่ๆ

“ว่าแต่เราอยากเรียนหนังสือมั้ย” เขาปล่อยตัวผมให้ลงไปนั่งหอบกับพื้น ส่วนตัวเขาก็นั่งลงเคียงข้าง “พี่เคยถามไปแล้ว แต่ตอนนั้นก็บอกว่าไม่รู้จะเรียนอะไร”

“ตอนนี้ก็ไม่รู้ครับ”

“คิดเรื่องเรียนหน่อยก็ดี”

“คนโง่อย่างผมเรียนเรื่องยากๆ ไม่ไหวหรอกครับ เปลืองเงินเปล่าๆ”

เมื่อก่อนก็เคยคิดอยากเป็นครูอยู่หรอก แต่พวกไอ้วันมันบอกผมว่าหน้าอย่างผมสอนตัวเองให้รอดก่อนเถอะ อย่าคิดไปสอนคนอื่นเลย ซึ่งตอนประถมผมก็เถียงมันขาดใจ ทว่าพอขึ้นมัธยมปลาย เจอฟิสิกส์ เคมี ชีวะเข้าไป ผมก็รู้แล้วว่าผมคงไม่เหมาะกับการสอนใครจริงๆ

“มีอะไรให้เรียนตั้งเยอะแยะ งั้นก็ค่อยๆ คิดไปก็แล้วกัน”

“ทำไมเหรอครับ คุณธนิกจะส่งผมเรียนเหรอ”

“อืม ก็คิดไว้อย่างนั้นนะ อย่างน้อยถ้าขวัญยกทุกอย่างให้พี่ พี่ก็จะต้องดูแลขวัญอยู่แล้ว พี่ไม่เอาเปรียบหรอก บ้านหลังนี้พี่ก็จะให้เป็นชื่อขวัญ แฟร์กับเราทั้งคู่”

“จะดูแลผมไปจนถึงเมื่อไหร่เหรอครับ”

“ตลอดไป”

ผมหลุดหัวเราะ รู้สึกตลกกับคำพูดของเขาจริงๆ “พอคุณธนิกแต่งงาน ภรรยาของคุณธนิกก็จะมองว่ามันเป็นค่าใช้จ่ายสิ้นเปลือง ไม่ต้องดูแลผมหรอกครับ ผมน่ะเอาตัวรอดได้ ผมเป็นคนจนมาทั้งชีวิต ถ้ามีเงินมากๆ ขึ้นมาสิครับ อันนั้นคงจะเอาตัวรอดลำบาก คงเอาแต่เครียดว่าจะเอาเงินไปทำอะไรดี”

“มีคนบ้าๆ แบบนี้ด้วยแฮะ ปกติแล้วมีแต่คนชอบมีเงิน” เขายกมือขึ้นโยกหัวผม “แต่พี่พูดจริงนะ พูดตอนนี้ขวัญอาจจะไม่เชื่อ แต่พี่จะทำให้เห็นเองว่าตลอดไปมันเป็นยังไง”

“หลังจากที่ผมเซ็นทุกอย่างแล้ว คุณธนิกจะพูดอีกอย่างมั้ยนะ”

“ก็อาจจะพูดว่ามาอยู่กับพี่ไปตลอดชีวิตเถอะ”

“เหอๆ ผมไปอาบน้ำดีกว่าครับ เริ่มง่วงแล้ว”

“ไปสิ พี่นอนห้องใหญ่นะ ถ้าเหงาก็มานอนกับพี่ได้ คนเคยๆ กัน”

สายตาเจ้าเล่ห์ของคุณธนิกทำให้ผมรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปที่ห้องน้ำ ก่อนจะปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มเพราะประตูแรกที่เปิดเข้ามาคือวอล์กอินคลอเซ็ท เขาก็เลยระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นแล้วตะโกนบอกมาว่าห้องน้ำคือประตูที่อยู่ถัดไป แต่เมื่อเข้ามาในห้องน้ำแล้วผมก็เริ่มหนักใจ ผมชินกับการมีโอ่งมังกรและขันน้ำที่ใช้ตักอาบก็เลยงกๆ เงิ่นๆ กับอุปกรณ์ทุกอย่างที่เห็นในตอนนี้

อ่างอาบน้ำมีก๊อกน้ำสองอัน ส่วนตู้อาบน้ำจะเปิดเข้าไปทางไหนก็ยังงงๆ แล้วจะเปิดน้ำต้องเปิดยังไง ก๊อกนี้น้ำร้อนมากไป อีกก๊อกก็เย็นอย่างกับน้ำแข็ง

“ขวัญพัฒน์ ให้พี่ช่วยมั้ย” คุณธนิกโผล่หน้าเข้ามาในห้องน้ำเพราะผมไม่ได้ปิดประตู มัวแต่ตะลึงงันกับสิ่งที่เห็น

“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง”

แต่คุณธนิกทำหูทวนลม เขาจัดการเตรียมน้ำในอ่างให้ หยิบขวดนั้นขวดนี้แล้วเทลงในอ่างจนมีกลิ่นหอมฟุ้ง

“ล้างตัวก่อน ค่อยลงมาแช่ วันนี้เจอเรื่องหนักๆ มา แช่น้ำผ่อนคลายหน่อยก็ดีนะจะได้หลับสบาย มาตรงนี้สิ พี่เปิดฝักบัวให้”

ผมเดินอย่างไม่ค่อยมั่นใจไปหาเขา แต่เขากลับหัวเราะออกมา

“ไม่ถอดเสื้อผ้าแล้วจะอาบได้ยังไง”

“ไม่เอาหรอกครับ ผมไม่ถอดแน่ๆ ถ้าคุณธนิกยังอยู่”

“โอเค งั้นพี่เปิดน้ำไว้ให้” เขาจัดการทำตามที่พูด “เสียดาย นึกว่าจะได้เห็นอีก”

“คนลามก”

“พี่ลามกกับขวัญคนเดียวนั่นแหละ”

“ทำมาพูดดี โกหกอีกแล้วสินะครับ”

“พูดจริงต่างหาก” เขาคลี่ยิ้ม ฉวยโอกาสตอนที่ผมกำลังมองสายน้ำไหลออกจากบนเพดานเพราะไม่มีฝักบัวแล้วหอมแก้มผมเข้าเต็มแรง “ค่ามัดจำการทำสัญญาของเรา ไว้จะมาเก็บดอกเต็มๆ นะ จะเอาหลายดอกเชียว”

“ไม่ให้หรอกครับ! ออกไปเลย!”

เขาหัวเราะร่าแล้วก็เดินออกไป ในขณะที่ผมเผลอถอนหายใจออกมา

อันตรายจริงๆ คนแบบคุณธนิกสินะที่ผมต้องระวังที่สุดในตอนนี้

...................To be continue.......................

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
โธ่ น้องหลง แล้วเรื่องนี้จะเหลือใครให้เชื่อใจได้อีก

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
งงอะ มันคืออะไรกัน  :katai1:

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
อย่างน้อยคุณ​ธนิกก็แบไต๋ออกมาแล้ว​ น้องเขมหล่ะคะยังไงดี​ เป็นน้องขวัญ​คงลำบากน่าดูเลย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Pa'veaw

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-1
ยังดีนะที่คุณธนิกบอกความจริงกับขวัญบ้าง

สงสารหลงจังเลย

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
มันดูไม่ชอบมาพากลแต่แรกแล้ว   :serius2: :serius2: :serius2:

ออฟไลน์ Justccwpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คุณธนิกใจร้ายจริงๆ ติดลบคะแนน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
อ้าว ไคลแมกซ์เปิดปมในตอนเดียวเลย ทำไมธนิกหงายการ์ดง่ายจัง? แล้วถ้าไม่ใช่คนของธนิกที่บุกไปค้นบ้านขวัญ ยังมีลาสบอสอีกเหรอเนี่ย? ใครอ่ะ?  :ling3:

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
สรุปคุณธนิก ก็แค่ต้องการสมบัติของขวัญใช่ไหม
แล้วที่เขมินทร์ทำนั้นเพื่ออะไร ทั้งที่เซนสัญญาไม่รับมรดกแล้ว
หรือจะฆ่าขวัญแล้วตัวเองสวมรอยแทนเพื่อรับมรดก
อย่างที่แนนบอกว่าถ้าเรื่องเงิน ญาติกันก็ฆ่ากันได้

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ตอนขวัญกลับไปเจอหลง บีบหัวใจมาก รู้สึกอึดอัดเหมือนจะหายใจไม่ออกเลยค่ะ
ยิ่งเหตุการณ์มันซ้อนทับกับเรื่องน้าลีด้วยแล้ว ยิ่งทรมาณ
 :ling3:
อยากรู้คุณธนิกกับคู่หมั้นรักกันไหม แล้วคู่หมั้นเป็นคนแบบไหน
แต่ที่คุณธนิกพูดบวกกับการกระทำเนี่ย เหมือนจะเลี้ยงขวัญไว้เป็นบ้านเล็กเลย
ถ้าทำจริงเนี่ย คุณธนิกโดนรุมสกรัมจากแม่ๆน้องขวัญแน่นอน
ที่คุณธนิกพูดก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อได้มากน้อยขนาดไหน กลัวหลอกซ้อนหลอกไปอีกที
มันต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ทำให้คุณพ่อไม่ยกสมบัติอะไรเลยให้คุณธนิก
ทำให้สงสัยว่าจริงๆแล้วคุณธนิกเป็คนยังไงกันแน่.. หรือจะเป็นเพราะแม่คุณธนิก..
ขวัญที่รู้ว่าคุณธนิกหลอกก็ดูไม่ค่อยโกรธคุณธนิก
ให้อภัยคนง่ายหรือว่าคิดจะหลอกคุณธนิกให้ตายใจ..
แต่เชียร์ให้น้องเอาคืนอ่ะ ให้คนที่คิดร้ายกับน้องเป็นฝ่ายถูกกระทำบ้าง
คิดว่าคงมีตัวละครที่ยังไม่เปิดตัวอีกหลายคน น้องขวัญคงต้องเตรียมตัวรับศึกหนักไปอีกยาวๆเลย  :เฮ้อ:
 :pig4:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
สงสารขวัญกับหลง ทำไมต้องมาเจอกับคนแบบนี้ด้วยนะ แล้วที่คุณธนิกบอกว่าขิมเซ็นไม่รับมรดกแล้ว แต่ที่ขิมทำอยู่ตอนนี้ต้องการอะไรจากขวัญกับธนิกกันแน่

ออฟไลน์ kenghan

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-2
โอ๊ย ขวัญน่าสงสาร คนที่ชอบก็หลอก น้องจะมาแนวไหนอีก

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
แล้วทำไมแม่ไม่เลี้ยงขวัญล่ะ ทำไมเลี้ยงแต่ขิม

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
สงสารหลง
การมัดมือนี่เรียนมาจากน้องนะหรือเปล่า คริๆ คิดถึงชนะ อยากได้รูปเล่ม งุงิ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ไปดีนะหลง  :o12:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
สงสารไอ้หลง

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
นั่นไง แล้วไงล่ะคุณธนิก ร้ายสุดคงเป็นแม่คุณธนิกสินะ อีกหน่อยหลงขวัญขึ้นมาจริงๆ จะกล้างัดกับแม่ตัวเองไหมเนี่ย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Babyboys

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
หลง  :z3:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
เห็นแก่ที่แบไต๋เรื่องพ่อของขวัญ ให้คะแนน +1 ไปเลยคะคุณธนิก :katai4:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ที่พูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริงเหรอ เชื่อได้มั้ยเนี่ย

ออฟไลน์ mareeyah

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โถ่น้องขวัญ :กอด1: ตั้งสติดีๆนะลูก ความเป็นจริงกับสิ่งที่เห็นมักจะสวนทางกันเสมอ +1ให้นักเขียนด้วยค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
ถ้าเป็นอย่างที่ธนิกพูดจริงๆล่ะก็  ธนิกนี่โคตรเลวเลยนะที่ใช้วิธีนี้ในการเข้าหาน้องขวัญ
เกลียดบุคลิกตั้งแต่เริ่มปรากฏตัวแล้ว ไม่เชื่อเลยว่าจะเป็นพระเอก น่าจะเป็นตัวร้ายมากกว่า

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เห็นมั้ยๆๆๆๆก็บอกแล้วว่าอิคุณธนิกมันร้าย!!! อย่าไปเชื่ออะไรอีกเลยทั้งหมดมันก็แค่ลมปากอะ นี่พอขวัญเซ็นยกให้ทุกอย่างแล้วก็คงไม่ไยดีขวัญหรอก ขวัญควรอยู่ห่างๆนะเชื่อใครไม่ได้เลยจริงๆไม่ว่าจะธนิกหรือขิม ขอให้แนนที่เป็นเพื่อนขวัญมานานเป็นคนดีจริงๆด้วยเถอะนะไม่งั้นขวัญคงรับมือไม่ไหวแน่

ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
ตอนที่ 10



ผมนอนไม่ค่อยหลับ คงเพราะที่นอนนุ่มเกินไปก็เลยไม่ชิน อีกทั้งผมยังเอาแต่คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ที่เอาแต่วิ่งเข้ามาในความคิดโดยไม่ให้ได้หยุดพัก ทั้งเรื่องที่ร้ายและร้ายมาก พูดได้ว่าไม่มีเรื่องที่ดีรวมอยู่ในนั้นเลยสักเรื่อง อ้อ...เรื่องที่ดีนับเอาเรื่องที่คุณธนิกยอมบอกความรู้สึกที่แท้จริงของเขาได้ไหมนะ แม้จะเป็นเรื่องที่เขาบอกว่าความรู้สึกที่มีให้ผมเป็นเรื่องโกหกหลอกลวงมาตั้งแต่แรก แต่ผมกลับโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

คงเพราะมันเป็นความรักที่เป็นไปไม่ได้มาตั้งแต่แรกแล้วล่ะมั้ง ผมก็เลยคิดว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว

ผมพลิกตัวไปทางซ้ายแล้วจากนั้นก็พลิกตัวไปทางขวา ได้ยินเสียงนกร้องดังมาจากทางหน้าต่าง แต่ผ้าม่านที่ปิดกั้นไว้นั้นทำให้ไม่สามารถเห็นสิ่งที่อยู่ภายนอก ผมมองนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ตอนนี้เกือบหกโมงเช้าแล้ว ไม่รู้ว่าข้างนอกจะสว่างหรือยัง เพราะไม่แน่ใจว่าในวันนี้พระอาทิตย์จะขึ้นตอนกี่โมง แต่ในห้องที่ผมนอนนั้นเห็นเป็นเพียงเงาสลัว

ห้องนอนในฝัน...

ภาพที่ไม่ชินตาทำให้ผมต้องหลับตาลงอีกครั้ง หวนนึกถึงบ้านเช่าหลังเล็กที่ผมมักจะถูกปลุกด้วยเสียงเห่าของไอ้หลง ความเคยชินที่เมื่อวันหนึ่งหายไปก็ทำให้รู้สึกใจหาย การรับรู้ความจริงที่ว่าผมจะไม่ได้ยินเสียงเห่านั้นอีกแล้ว หัวใจก็เจ็บปวดขึ้นมาไม่น้อยเลย

ติ๊ง!

เสียงแจ้งเตือนข้อความจากไลน์ดังขึ้นให้ได้ยิน ผมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก็เห็นว่าเป็นข้อความจากเขมินทรา





เขมินทรา: พี่กลับถึงบ้านหรือยัง ไม่เห็นไลน์บอกผมเลย





เพราะเมื่อคืนเกิดเรื่องยุ่งๆ ผมจึงลืมที่จะไลน์บอกน้องชายไปเสียสนิท





เขมินทรา: ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหน ค้างกับพี่ธนิกเหรอ ช่วยตอบข้อความผมด้วยครับ

ขวัญพัฒน์: เปล่า ผมไม่ได้ค้างกับคุณธนิก ผมมานอนบ้านเพื่อน เมื่อคืนขโมยขึ้นบ้านเช่าของผม

เขมินทรา: ขโมยเหรอครับ แย่จังนะ สภาพแวดล้อมแบบนั้นก็น่าจะมีขโมยอยู่แล้วล่ะ แล้วมันได้อะไรไปบ้าง

ขวัญพัฒน์: ไม่ได้อะไร บ้านผมไม่มีอะไรให้มันขโมยหรอก

เขมินทรา: นั่นสินะครับ แล้วพี่ไม่เป็นอะไรนะ ไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่มั้ย

ขวัญพัฒน์: ไม่ครับ ไม่เป็นไร

เขมินทรา: โชคดีนะ แล้วหมาที่พี่เลี้ยงไว้ล่ะ





ผมขมวดคิ้วมองข้อความล่าสุด เขมินทรากับผมไม่ได้สนิทกันมากพอที่ผมจะเล่าชีวิตประจำวันให้ฟังเหมือนที่ผมเล่าให้ไอ้แนน แม้ว่าเขาจะเป็นน้องชายฝาแฝดแต่ผมก็ยังไม่สนิทใจ เพราะจนเมื่อไม่นานมากนี้เราต่างก็ไม่เคยรู้ว่าอีกฝ่ายมีตัวตน เราไม่เคยพบ ไม่เคยได้พูดคุยทำความรู้จัก ด้วยเหตุนั้นถึงแม้จะมีสายเลือดเดียวกันผมก็ยังมองว่าเขาเป็นคนแปลกหน้า ทว่าเขมินทรากลับดูเหมือนจะรู้จักตัวผมมากทีเดียว





ขวัญพัฒน์: ทำไมเหรอ

เขมินทรา: คิดว่ามันจะเป็นไรไหมนะถ้าต้องเจอขโมย

ขวัญพัฒน์: มันตายแล้วล่ะ

เขมินทรา: จริงเหรอครับ เสียใจด้วยนะ พี่คงเสียใจแย่เลย

ขวัญพัฒน์: ครับ

เขมินทรา: วันนี้มาเจอกันหน่อยมั้ยครับ ไปเที่ยวกัน ผมอยากไปเที่ยวกับพี่ เราจะได้สนิทกันมากขึ้น

ขวัญพัฒน์: วันนี้มีธุระครับ เอาไว้ครั้งหน้านะ

เขมินทรา: ก็ได้ครับ มีอะไรก็ไลน์หาผมนะ อย่าคิดว่าเป็นคนอื่นคนไกล เราน่ะเป็นยิ่งกว่าคนคนเดียวกันซะอีก

ขวัญพัฒน์: ได้ครับ





ต่อให้วันนี้จะไม่ต้องรอพบกับไอ้แนนแต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าคุณธนิกจะอนุญาตให้ออกไปเที่ยวเตร่อยู่ดี ผมก็ไม่รู้หรอกว่าหากออกจากบ้านจะเกิดเหตุการณ์บู๊ล้างผลาญเหมือนอย่างในหนังแอคชั่นไหม ซึ่งคิดอีกทีก็คงจะไม่มีใครว่างมาตามฆ่าผมได้ไม่เว้นแต่ละวัน แต่ข่าวอาชญากรรมที่กำนันผู้ใหญ่บ้านหรือคนรวยๆ ถูกมือปืนสาดกระสุนดับคาที่ก็มีให้เห็นอยู่เยอะแยะ ไม่เลือกวัน ไม่เลือกเวลาและสถานที่เสียด้วย ดังนั้นการออกนอกบ้านด้วยอาการหวาดระแวงก็เป็นเรื่องที่ไม่สุขใจนัก แม้ผมจะเคยบอกว่าไม่กลัวตายก็เถอะ ตอนบอกกับคุณธนิกก็แค่ปากเก่งไปอย่างนั้นเอง แต่ถ้าต้องตายขึ้นมาจริงๆ ก็ขอตายอย่างไม่เจ็บปวด ผมน่ะกลัวการจับตัวไปทรมานเพื่อให้ยอมเซ็นนั่นนู่นนี่แล้วค่อยๆ ฆ่าอย่างช้าๆ ตอนเผลอหลับไปแค่ครึ่งชั่วโมงก็ฝันเห็นเรื่องความโหดร้ายทารุณ นึกถึงก็สั่นไปหมดทั้งตัวแล้ว เอาเป็นว่าอยู่แต่ในบ้านนี้ดีที่สุด อย่างน้อยก็แน่ใจว่าต่อให้มีใครบุกมายิง กระจกของบ้านหลังนี้คงป้องกันได้ตามราคาที่สูงลิ่วของมัน

หลังจากคิดสะระตะว่าจะอยู่อย่างไรให้ไม่ถูกฆ่าดีนั้น ผมก็เห็นเงาตะคุ่มที่ระเบียง มันทอดเป็นเงาสีดำบนผ้าม่าน ลักษณะยาวราวกับรูปร่างคนกำลัังถือของบางอย่าง เงานั้นไหวเอนเหมือนค่อยๆ ย่อง ตอนนี้หัวใจของผมตกไปอยู่ที่ข้อเท้า รู้สึกได้ถึงความกลัวที่แล่นพล่านไปทั่วร่าง

พวกคนไม่ดีที่จะมาตามฆ่าผมเหรอ!

คนแรกที่ผมคิดถึงขึ้นมาก็คือคุณธนิก อยากจะวิ่งแจ้นไปที่ห้องนอนใหญ่เพื่อบอกเขา แต่ก็กลัวจะทำเสียงจนเจ้าของเงารู้ตัว ผมพยายามใช้สมองที่มีอยู่น้อยนิดคิดหาทาง ความคิดโง่ๆ ที่จะไปสู้นั้นถูกปัดตกไปอย่างรวดเร็ว ผมน่ะเคยโดนพวกไอ้วันที่เป็นแค่นักเลงคุมซอยซ้อมอย่างไม่มีทางสู้ เพราะฉะนั้นปัดความคิดที่จะไปต่อกรกับพวกมืออาชีพได้เลย ออกไปก็ตายฟรี แต่ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เงาที่เห็นก็เหมือนจะยิ่งขยายใหญ่ขึ้น แสงที่เริ่มตกกระทบก็มากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนเสียงของคุณธนิกจะดังแว่วเข้ามาให้ใจชื้น

“ไอ้โม! มึงจับบันไดดีๆ นะเว้ย ความสูงขนาดนี้กูตกไปมีหวังคอหักตายแน่ๆ” เสียงของคุณธนิกดังมาจากทางระเบียง มันดังมากพอที่จะทำให้ผมโล่งใจและปัดความคิดว่ามีคนบุกเข้าบ้านออกไปจากหัวทันที

ผมเดินไปที่จุดเกิดเงา แหวกผ้าม่านออกแล้วปลดล็อกประตูกระจกบานเลื่อนก่อนจะเลื่อนมันไปด้านข้าง สายลมอ่อนๆ กับอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้าปะทะเข้าใบหน้าแทบทันที ผมสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะกวาดตามอง

คุณธนิกกำลังอยู่บนบันไดลิงที่พาดอยู่กับกิ่งใหญ่ๆ ของต้นหูกระจง เขาผูกเชือกเส้นหนาด้วยท่าทางมุ่งมั่น ส่วนด้านล่างมีพี่โมเพื่อนของเขาช่วยจับบันไดไว้ไม่ให้เกิดอันตราย แต่มองดูแล้วพี่โมมากกว่าที่อันตรายยิ่งกว่าความไม่มั่นคงของบันได

จากทีแรกผมไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังทำอะไรกัน แต่ไม่นานหลังจากนั้นพี่โมที่สังเกตเห็นผมก็โบกไม้โบกมือมาให้ พร้อมเฉลยว่าสิ่งที่กำลังทำกันอยู่นั้นคืออะไร

“น้องขวัญตื่นแล้วเหรอ สวัสดีตอนเช้าครับ พี่กำลังช่วยไอ้ธนิกทำชิงช้าให้เรา” พี่โมส่งยิ้มมาให้อย่างร่าเริง แต่พอเผลอปล่อยมือก็โดนคุณธนิกตวาดเสียงลั่น

“ไอ้ห่าโม กูบอกให้จับดีๆ”

ทำชิงช้าให้ผม...คุณธนิกเขาทำให้จริงๆ ด้วยสินะ ทั้งๆ ที่คิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่นแท้ๆ

“สวัสดีตอนเช้าครับคุณธนิก” ผมเอ่ยทัก รู้สึกอยากกวนสมาธิเขาเล่น “ผมวิ่งลงไปเขย่าบันไดจะทันมั้ยนะ”

“ลองสิ ถ้าอยากรู้ว่าพี่จะเอาคืนยังไงก็ลองมาทำดูนะครับ” เขาท้าทาย แววตาเจ้าเล่ห์ แต่ผมไม่กล้าเสี่ยงจึงรีบส่ายหน้า

“ล้อเล่นครับ ผมไม่ทำหรอก”

“อดเอาคืนเลย”

“งั้นพี่เขย่าให้นะครับ” พี่โมตะโกนขึ้นมา “พี่อยากรู้ว่าไอ้ธนิกจะลงโทษขวัญยังไง”

“ไม่ครับพี่โม ไม่ๆ ๆ ๆ” ผมรีบร้องห้าม แต่มีหรือพี่โมจะฟัง เขาเหมือนเด็กที่ยิ่งถูกยุก็ยิ่งทำ เพราะหลังจากนั้นเขาก็เขย่าบันไดโดยไม่กลัวว่าคุณธนิกจะพลัดตกลงมาเลย ถ้าคิดว่าเขากำลังจะทำการฆาตกรรมคุณธนิกก็ไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย

“ไอ้ห่าโม!!!” คุณธนิกตะโกนลั่น เขาคงกลัวตกเพราะกอดกิ่งของต้นหูกระจงไว้แน่น ซึ่งถ้าเป็นผมก็จะทำอย่างนั้นเหมือนกัน เพราะความสูงระดับนี้เขาตกลงไปหลังหัก ม้ามแตกได้เลยนะ

“กูลงไปได้เมื่อไหร่มึงตายแน่!” คนถูกแกล้งคาดโทษ

“เฮ้ย กูแค่ทำตามคำสั่งน้องขวัญนะเว้ย มึงต้องไปจัดการน้องขวัญโน่น ไม่ใช่กู”

พี่โมเป็นคนที่คบไม่ได้จริงๆ ทำไมต้องโบ้ยความผิดมาให้ผมด้วย “ผมไม่ได้สั่งนะครับ ผมก็บอกว่าไม่ๆ ๆ อย่าทำคุณธนิกเลย ผมน่ะเป็นห่วงคุณธนิกมากเลยนะครับ”

“ไม่จริงน่า ธนิก มึงก็ได้ยินใช่มั้ยที่น้องขวัญเป็นคนสั่ง”

ผมเห็นพวกเขาขยิบตาให้กัน ความเจ้าเล่ห์ของพวกเขาทำให้ผมอยากจะหาของหนักๆ แข็งๆ มาปาใส่หัวที่ชอบคิดเรื่องไม่ดีเสียเดี๋ยวนั้น

“เออ ได้ยิน เป็นเด็กที่ใจร้ายจริงๆ เลย”

“เพราะงั้นรอลงโทษน้องขวัญนะ กูไปก่อนละ ไหนๆ น้องขวัญก็ตื่นแล้ว ให้น้องมาจับบันไดให้ก็แล้วกัน” ว่าแล้วพี่โมก็หนีไปทันที คงกลัวว่าถ้าคุณธนิกลงมาได้แล้วตัวเองจะโดนลงโทษแน่ๆ แต่ว่าตอนนี้ก็ซวยผมน่ะสิ

“ไอ้โมหนีไปแล้ว ขวัญต้องมาจับบันไดให้พี่แล้วล่ะ ไม่งั้นพี่ลงไม่ได้”

“ก็ใครใช้ให้ทำเรื่องอันตรายกันล่ะครับ”

“ไม่มีใคร” เขาส่ายหน้าพลางยิ้มกว้างรับอรุณ “มีแต่หัวใจของพี่สั่งให้ทำเพื่อขวัญครับ พี่ต้องตื่นแต่เช้าไปซื้ออุปกรณ์มาทำให้เลยนะ”

ผมต้องเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการหยอดคำหวานของเขาสินะ “ไม่ได้ขอซะหน่อย แต่ขอบคุณนะครับ คุณธนิกรอก่อนนะ ผมจะรีบลงไปจับบันไดให้”

สุดท้ายเพราะกลัวว่าเขาจะพลัดตกลงมาแล้วกลายเป็นชายพิการก่อนได้รับมรดกที่หวังเอาไว้ ผมจึงต้องลงไปช่วยทำหน้าที่แทนพี่โมที่ชิ่งหนีไปดื้อๆ

“ระวังนะครับ ก้าวพลาดขึ้นมานี่พิการตลอดชีวิตเลยนะ” ผมร้องเตือนพลางเงยหน้าขึ้นมอง แต่แล้วก็ต้องรีบก้มหน้าลงเพราะคุณธนิกใส่กางเกงบอลขากว้าง มองจากมุมนี้จึงเห็นไปถึงไหนต่อไหน

สีขาว...สีขาว กางเกงในคุณธนิกมีสีขาว

“อย่ากดดันนักซี ขายิ่งสั่นๆ อยู่ด้วย” คุณธนิกบ่นขณะกำลังปีนลงมา และเมื่อถึงจุดที่ปลอดภัยแล้วก็กระโดดลงมายืนบนพื้น “เป็นอะไร หน้าแดงเชียว”

หน้าแดงเพราะเห็นกางเกงในสีขาวของคุณธนิก มันรัดรูปแถมยังเห็นเป็นรูปเป็นร่าง ผมต้องคิดว่าโชคดีที่ได้เห็นแค่กางเกงใน เพราะถ้าเขาไม่ใส่ก็คงเป็นภาพที่ติดตาจนทำให้นอนไม่หลับ ทั้งที่มีเหมือนกัน แต่ทำไมของของผมถึงไม่น่ามองเท่าของของเขาก็ไม่รู้

“ผมร้อนน่ะครับ” ผมแสร้งยกมือขึ้นพัด แม้จะดูไม่สมจริงเพราะอากาศตอนเช้ามีสายลมพัดอ่อนๆ ให้ความเย็นสบายก็ตาม “ร้อนมากๆ”

คุณธนิกหัวเราะกับท่าทีของผม ก่อนจะถามขึ้นด้วยเสียงกรุ้มกริ่มว่า “แล้วอยากร้อนมากกว่านี้มั้ย” แต่โดยที่ไม่ต้องรอคำตอบ เมื่อสิ้นคำถาม วงแขนกว้างของเขาก็รวบตัวผมไว้ เขาก้มหน้าลงมาใกล้จนเกือบชิด ในขณะที่ผมขืนตัวหนี หลบหลีกคนที่คิดจะเอาเปรียบ

“คุณธนิกปล่อยผมนะ!”

แผ่นหลังของผมแนบชิดกับอกกว้างของเขา ผมจึงกลัวเหลือเกินว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นอย่างบ้าระห่ำของผมเข้า

“เป็นการลงโทษไง ขวัญสั่งไอ้โมให้เขย่าบันไดไม่ใช่เหรอ” เขาพูดยียวน พยายามใช้จมูกโด่งเป็นสันของตัวเองไซ้ไปตามลำคอของผม ส่วนผมก็พยายามอย่างสุดชีวิตที่จะหลีกเลี่ยงสัมผัส

“คุณธนิกก็ได้ยินนี่ครับว่าผมไม่ได้สั่ง”

“สั่งสิ” เขายืนกราน สีหน้าน่าหมั่นไส้จนน่าถีบ “พี่ได้ยินเสียงหัวใจของขวัญบอกว่า เอาอีก เขย่าแรงๆ เลย”

นี่มันข้ออ้างที่เอามาใส่ร้ายกันชัดๆ “คุณธนิกจะมารู้ใจผมได้ยังไงครับ ปล่อยเลยนะ!”

“ให้ลงโทษก่อน”

“ไม่!” ผมปฏิเสธแล้วยกเท้าขึ้นกระทืบปลายนิ้วเท้าของเขาค่อนข้างแรงจนคนชอบฉวยโอกาสถึงกับเต้นแร้งเต้นกา ปล่อยตัวผมโดยทันที

“ขวัญพัฒน์ มันเจ็บนะเว้ย!” เขาว่าพลาง กุมเท้าไปพลาง “คนเคยๆ กันแท้ๆ ทำกันได้ลงคอ”

“อะไรเคยๆ ล่ะครับ” ผมถามกลับแม้จะรู้ความหมาย

“จะให้พี่รำลึกความหลังให้มั้ยล่ะ”

คงต้องทำลายความมั่นใจที่จะปั่นหัวของผมได้ ไม่อย่างนั้นผมจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่อย่างนี้

ผมถอนหายใจ ก่อนจะแสร้งยิ้มแล้วยกมือขึ้นตบไหล่เขาเบาๆ “ความหลังครั้งนั้นภูมิใจนักเหรอครับ ถึงกับต้องมอมยากัน ถ้าไม่มีปัญญาจะกินผมด้วยเสน่ห์ของตัวเอง ก็อย่ามาพูดอะไรแบบนี้เลย”

คุณธนิกมองผมราวกับเห็นผี ก่อนจะพูดเสียงดังด้วยความขัดเคืองว่า “เด็กปากร้าย!”

“คิดว่าผมจะไม่รู้ล่ะสินะ” ต้องขอบใจไอ้แนนที่ส่งมอบความคิดฉลาดนี้มาให้ “เอาล่ะๆ ข้าวเช้าๆ หิวแล้ว”

ที่จริงตอนนั้นผมก็เอาแต่คิดนะว่าทำไมคุณธนิกถึงพูดว่าเสียดายเมื่อรู้ว่าครั้งที่เราทำกันเป็นครั้งแรกของผม แต่เมื่อรู้ว่าตัวเองถูกมอมยา ผมก็เพิ่งเข้าใจเมื่อไม่นานนี้เอง เขาคงเสียดายมากที่ไม่สามารถพิชิตครั้งแรกของผมได้ด้วยตัวเอง กลับเอาแต่พึ่งพายาบ้าๆ นั่นก็สมควรแล้วที่จะโอดครวญ

ผมเดินกลับเข้าไปในบ้าน โชคดีที่เอาก้อนหินขัดประตูไว้ไม่ให้ปิดสนิท ไม่งั้นคงต้องเสียฟอร์มรอคุณธนิกให้มาเปิดประตู ระบบความปลอดภัยมันก็ดีอยู่หรอก แต่ถ้าต้องรีบเข้าบ้านจริงๆ ไม่ต้องมามัวเสียเวลาสแกนลายนิ้วมือกับกดรหัสผ่านหรืออย่างไร ยิ่งถ้าเป็นตอนที่ปวดท้องหนักท้องเบา ไม่ต้องเรี่ยราดอยู่หน้าบ้านเลยเหรอ แค่คิดก็สยองขึ้นมาแล้ว

หมับ!

จู่ๆ ผมก็ถูกกอดจากทางด้านหลัง ท่อนแขนแข็งแรงนี้คงมีแค่คุณธนิกเพียงคนเดียว ทำไมเขาถึงชอบทำเรื่องแบบนี้ทั้งที่เมื่อครู่ก็เพิ่งถูกปฏิเสธหรือเขาต้องการรอยช้ำที่มุมปากอีกมุมถึงได้ทำรุ่มร่ามไม่เกรงใจกันแม้แต่น้อย

“จับเด็กดื้อได้แล้ว” เขากระซิบเสียงเบาที่ข้างหูของผม มือใหญ่ปัดป่ายไปทั่ว เริ่มจากอกลงไปจนถึงเอว ผมข่มความรู้สึก นับหนึ่งถึงร้อยในใจ ยิ่งเมื่อได้ยินคำถามเอาอกเอาใจจากเขา ผมก็ยิ่งต้องสร้างแนวป้องกันให้ดี “ทำข้าวเช้าให้เอามั้ย”

“ไม่ต้องครับ ผมทำเองได้ แล้วก็กรุณาปล่อยด้วยเถอะครับ ทำแบบนี้กับคนที่ตัวเองบอกว่าไม่ชอบ มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ” ผมอยากจะย้ำให้สมองของคุณธนิกจำเรื่องที่เขาได้พูดไว้เมื่อคืน ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันเป็นเรื่องไม่จริง เขาก็ไม่เห็นต้องเล่นละครต่อ

“อย่าพูดจาเย็นชาแบบนั้นสิ” เขาตัดพ้อ ยังคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอของผม ริมฝีปากที่แตะผะแผ่วลงมาทำให้ผมตัวสั่นไม่น้อย

“ผมพูดความจริงนะครับ”

“ต่อให้เป็นความจริงก็ไม่อยากฟัง”

น้ำเสียงของคุณธนิกออดอ้อนจนแนวป้องกันของผมแทบถูกทำลาย จึงต้องใช้แรงเฮือกสุดท้ายในการขัดขืน “ปล่อยเถอะครับ ผมอึดอัด”

“ก็ได้ๆ” เขายกมือยอมแพ้ แต่ก็ฉวยโอกาสหอมแก้มผมหนึ่งที “คนเคยกอดมาครั้งหนึ่งแล้ว ยังไงก็ยังอยากให้มีครั้งต่อไปอยู่ดี พี่อยากจะนอนกอดขวัญทุกคืน”

“เป็นผู้ชายเจ้าชู้มักมากเหรอครับ”

“เป็นผู้ชายที่ชอบสัมผัสขวัญต่างหากล่ะ” เขาพูดหน้าตาเฉยแล้วผละไปเปิดตู้เย็น ทิ้งให้ผมยืนหัวใจเต้นแรงจนเกือบจะควบคุมไม่ได้ ผมต้องนับหนึ่งถึงสิบในใจหลายต่อหลายครั้งและพยายามบอกตัวเองว่าเขาก็แค่พูดไปอย่างนั้น ไม่ได้คิดอะไรเลย

อย่าไปสนใจไอ้ขวัญ มึงอย่าไปสนใจ การจำลองเสียงของไอ้แนนยังเป็นตัวช่วยได้ดีจนถึงตอนนี้

“จะทำของง่ายๆ ให้กินนะ” เขาเริ่มเอาวัตถุดิบสำหรับอาหารเช้าของเราสองคนออกจากตู้เย็นมาวางเรียงรายบนเคาน์เตอร์ ซึ่งมีไข่ไก่ แฮม เบคอน ชีส นมจืดขวดใหญ่ และอกไก่หมักสำเร็จรูป “ขวัญมาดื่มนมก่อนครับ มาเร็ว”

ผมเดินอ้อมเคาน์เตอร์ไปยืนใกล้แล้วมองเขาที่ค่อยๆ เทนมใส่แก้วก่อนจะยื่นมาให้ พอรับเอาไว้เขาก็ยิ้มแล้วมองราวกับรอว่าผมจะยกขึ้นดื่มเมื่อไหร่ เมื่อผมยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดเขาก็ยิ้มกว้าง จูบที่ขมับของผมพลางยกมือขึ้นโยกหัวผมไปมา

“เวลาขวัญว่าง่ายแล้วน่ารักมากๆ” เขาเอ่ยชม และเหมือนกำลังก้มหน้าลงมาจะให้รางวัลอีกครั้ง แต่ผมเบือนหน้าหนีเสียก่อน “ไม่ยอมเลยนะ แค่นิดเดียวก็ไม่ได้แล้วเหรอ”

“ไม่ได้ครับ” ผมบอกเสียงแข็ง ย้ำทั้งตัวเองและคุณธนิกว่าผมหมายความตามนั้นจริงๆ “คุณธนิกก็อย่าทำแบบนี้อีกเลยครับ เพราะผมอยากอยู่กับคุณธนิกโดยที่ไม่มีเรื่องลำบากใจ การทำหมาหยอกไก่จะทำให้เราอึดอัดใจกันทั้งคู่ ผมน่ะเป็นพวกชอบคิดและสำคัญตัวเองผิด ยิ่งคุณธนิกทำอย่างนี้ผมก็จะยิ่งคิดว่าคุณธนิกมีใจให้ผมทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องจริง”

คุณธนิกมีสีหน้าและแววตาที่ผมอ่านไม่ออก เขาขยับปากราวกับจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา เป็นอย่างนั้นอยู่สองสามครั้ง สุดท้ายก็ยอมแพ้แล้วถอนหายใจให้ได้ยิน

“หิวแล้วครับ” ผมไม่อยากให้ความอึดอัดดำเนินไปมากกว่านี้จึงเลือกทำลายมันลง “คุณธนิกให้ผมช่วยอะไรบ้างก็บอกได้เลยนะครับ”

“ช่วยไปน่ารักไกลๆ หัวใจพี่หน่อยสิ” ประโยคบ้าบอแบบนี้ก็ยังสามารถหลุดออกมาจากปากของเขาได้ ตอนแรกผมก็จะหัวเราะอยู่เหมือนกัน แต่แอบเห็นว่าเขาหน้าแดง ผมก็เลยหัวเราะไม่ออก กลับมีอาการหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาแทน “ขวัญทำได้มั้ยล่ะ”

“ให้ไปไหนล่ะครับ” ผมถามเขาเสียงเบาอย่างไม่แน่ใจ “แค่ไหนถึงจะไกลพอ”

“นั่นสินะ เพราะต่อให้ไปไกลถึงดวงอาทิตย์พี่ก็ยังจะเห็นขวัญอยู่ดี เพราะขวัญอยู่ในใจของพี่”

“เอ...ในใจ” ผมเอียงคอมองเขา “ให้ผมอยู่รวมกับคุณขิมแล้วก็คู่หมั้นของคุณธนิกเหรอครับ”

เขาทำหน้าไม่ชอบใจราวกับได้ยินคำต้องห้าม “ชอบพูดขัดอยู่เรื่อย”

“ไม่ขัดผมก็จะเคลิ้มตามแน่ๆ” ผมยิ้มให้เขา “ถ้าเคลิ้มล่ะก็แย่เลย คุณธนิกน่ะอันตรายจะตายไป”

“พี่ไม่อันตรายซะหน่อย”

“เล่นหูเล่นตากับผมขนาดนี้ ยังพูดว่าไม่อันตรายได้เหรอครับ”

“พี่เล่นกับขวัญคนเดียว”

“เลิกพูดว่าผมเป็นคนเดียวซะทีเถอะครับ เราต่างคนต่างรู้ว่ามันไม่จริง”

“ขวัญของพี่”

“คุณธนิก! พอซะทีเถอะครับ!”

เสียงตวาดของผมอาจจะทำให้เขารู้สึกตัวขึ้นมาได้บ้าง แต่ดูเหมือนจะคิดผิด ท่อนแขนแข็งแรงของเขาสอดเข้าโอบที่เอว ดึงรั้งให้ตัวผมเข้าหา ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะบดจูบลงมาอย่างรวดเร็ว ผมทุบอกเขาแรงๆ เป็นการท้วง รู้สึกหายใจแทบไม่ออกเมื่ออากาศถูกช่วงชิงไปอย่างกะทันหัน เขาจูบผม ริมฝีปากบนและล่างถูกบดคลึงจนรู้สึกเจ็บ เสียงท้วงของผมอื้ออึงอยู่ในลำคอ ยิ่งผมทุบเขาเท่าไรเขาก็ยิ่งเพิ่มแรงขึ้นเท่านั้น ตอนนี้ตัวของผมถูกดันให้ชิดกับตู้เย็น แผ่นหลังสัมผัสได้ถึงความแข็งกระด้างของตัวอุปกรณ์ เขายึดจับข้อมือผมไว้ทั้งสองข้าง ใช้เข่ากดทับที่หน้าขา แล้วเริ่มมอบความดุดันผ่านทางริมฝีปากอีกครั้งแล้วครั้งเล่า

“พี่ไม่ใช่คนใจดี” เขากระซิบเสียงพร่า “อย่าปฏิเสธพี่จนพี่ต้องทำแบบนี้เลย”

“ต้องการอะไรกันแน่ครับ”

“พี่ต้องการขวัญ ร่างกายของขวัญ แต่หัวใจพี่ไม่เอา”

ถ้อยคำกรีดแทงหัวใจแบบนี้ต้องเป็นเขาเท่านั้นที่จะพูดออกมาได้ แม้จะรู้อยู่แล้วแต่ผมก็ยังเจ็บเมื่อได้ยินจากริมฝีปากที่เอาแต่บดจูบคลอเคลียไม่ห่าง

“งั้นการถูกฆ่าตายคงดีกว่าอยู่ที่นี่ให้คุณธนิกปกป้องสินะครับ”

“รวมถึงครอบครัวของแนนด้วยเหรอ” คำถามของคุณธนิกเหมือนเตือนสติผม “พี่ยื่นข้อเสนอให้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยื่นทางเลือกให้ขวัญมากนักหรอก อย่าเข้าใจผิดสิ เพราะเมื่ออยู่กับพี่ ขวัญก็ต้องตามใจพี่บ้าง”

คนเราจะสามารถเจอเรื่องซวยๆ ในชีวิตได้สักกี่ครั้งผมก็จนใจจะหาคำตอบ เพราะชีวิตของผมนับตั้งแต่ที่อาจเอื้อมปีนขึ้นไปบนหอคอยงาช้างมาจนถึงตอนนี้ก็พูดได้ว่าแทบจะไม่มีความโชคดีและความสงบสุขในชีวิตอีกเลย

“คุณธนิกกำลังขู่ผมเหรอครับ”

“แล้วขวัญคิดว่าไง”

“คิดว่าคุณธนิกเป็นคนเลวมาก”

“งั้นจะไปแจ้งความไหมล่ะ แต่เงินประกันตัวพี่มีเยอะนะ รับรองว่าถ้าพี่รอดมาได้ ขวัญต้องแย่แน่นอน”

ผมกัดริมฝีปากพลางขึงตามองเขา ความจริงอย่างไรก็ยังเป็นความจริง ตอนนี้เขายังเป็นคนที่รวยกว่าผม อำนาจเงินนั้นสามารถทำได้ทุกอย่าง “ผมจะรอวันที่คุณธนิกได้ชดใช้”

“จะมีวันนั้นไหมนะ” เขายิ้มใส่ตาผม พลางเริ่มถอดเสื้อที่สวมใส่ “ความจริงพี่น่ะอยากทำตัวดีๆ กับขวัญ แต่ขวัญผิดเองที่เอาแต่ดื้อ พี่ก็เลยต้องเตือนหน่อยว่าตอนนี้ขวัญไม่ใช่คนที่ต่อรองอะไรกับพี่ได้เลย”

“ผมจะจำไว้ครับ”

“เพราะงั้นตอนนี้...” เขาจับมือผมไปวางไว้บนรอยสักรูปงูบนหน้าท้องเป็นลอนสวยของตัวเอง “เลือกเอาว่าจะกินพี่ก่อนกินอาหารเช้า หรือจะกินอาหารเช้าแล้วค่อยให้พี่กิน”

“มันต่างกันตรงไหน”

“ต่างกันตรงที่ขวัญจะทำเอง หรือจะให้พี่ทำ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าถ้าพี่ทำ พี่อาจจะไม่หยุดแค่ครั้งเดียว”

ผมเผลอกำหมัดแน่น เล็บจิกเกร็งลงบนฝ่ามือ ความเป็นคนและสิทธิของผมถูกลดค่าลงเมื่อแววตาลามกของคุณธนิกมองมา

“ถ้าไม่ทำก็ออกจากบ้านไปเลยก็ได้นะ ถือว่าข้อเสนอที่พี่ให้เป็นโมฆะ อย่างน้อยพี่ก็ได้ส่วนของแฝดอีกคนมาแล้ว อีกครึ่งจากขวัญค่อยหาวิธีเอาคืนมาก็ได้ พี่น่ะไม่จำเป็นต้องหาเรื่องใส่ตัว ปกป้องขวัญเลยด้วยซ้ำ”

ถ้าข้อเสนอเป็นโมฆะ คงไม่ใช่แค่ผมที่จะต้องตาย แต่ไอ้แนนกับฝนและลูกในท้องของพวกเขาก็คงจะต้องซวยไปกับผมด้วย ผมไม่รู้หรอกว่าพวกคนไม่ดีจะใช้ประโยชน์จากไอ้แนนได้ยังไง แต่หากต้องแลกชีวิตไอ้แนนกับกองมรดกที่ผมไม่คิดอยากได้ ผมก็จะเลือกไอ้แนนอย่างไม่ลังเล

“ผมจะทำครับ แต่ขอยังไม่ใช่วันนี้ได้มั้ยครับ” เป็นครั้งแรกที่ผมยอมก้มหัวขอร้องใครสักคน “ผมอยากให้คุณธนิกรับรองความปลอดภัยให้ไอ้แนนก่อน แล้วจากนั้นคุณธนิกให้ทำอะไร ผมจะทำให้ครับ”

“รักเพื่อนมากเลยสินะ” เขาทอดมองมาด้วยแววตาที่ผมไม่รู้ความหมาย “ตกลง นี่พี่ทำเพื่อขวัญเลยนะครับ”

พูดมาได้ไม่อายปาก ทั้งที่ทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น

“พาไอ้แนนมาหาผมที่นี่ด้วยนะครับ ผมต้องคุยกับมันก่อน”

“ได้สิ พี่ตามใจขวัญ” เมื่อได้สิ่งที่ต้องการ คุณธนิกก็กลับมาอ่อนโยนราวกับไม่เคยขู่ผมมาก่อน “แต่พี่ขอมัดจำ เสร็จแล้วจะทำข้าวเช้าให้กินนะ”

ผมพยักหน้าแล้วยืนนิ่ง ปล่อยให้คุณธนิกดูดชิมในจุดที่เขาต้องการ ผมไม่ได้ห้ามปรามอีกแล้วแต่ก็ไม่ได้เคลิ้มตามสัมผัสของเขา เพราะหัวใจที่ยังคงเจ็บแปลบนี้ไม่อนุญาตให้ผมได้ลิ้มรสความหวานที่เขาป้อนให้ได้ มันมีแต่รสขมเฝื่อนติดปากที่ชวนให้นึกขยาด

ทุกครั้งที่ฝ่ามือของเขาสัมผัสผม ผมเอาแต่คิดว่าถ้าผมมีพลังวิเศษ คนแรกที่ผมจะจัดการก็คือเจ้าของมือคู่นี้ คู่ที่นำพาไปเจอทั้งนรกและสวรรค์พร้อมๆ กัน






[ต่อด้านล่าง]

ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17



“ไอ้ขวัญญญญญ!” ไอ้แนนแหกปากลั่นเมื่อเจอหน้าผม พวกเราแทบกระโดดกอดกันถ้าไม่ติดว่าแขนข้างซ้ายของไอ้แนนกำลังเข้าเฝือก

“มึง!” ผมผุดลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปหา “เกิดอะไรขึ้นกับแขนของมึง”

“มอเตอร์ไซค์ล้มว่ะ มีคนตัดหน้าตอนที่กูกำลังพาฝนไปตลาดเมื่อวาน” ไอ้แนนพูดด้วยสีหน้าโกรธขึ้ง มันเดินนำไปนั่งที่โซฟา ท่าเดินแปลกๆ ของมันทำให้ผมรู้ว่าคงไม่ได้บาดเจ็บแค่ที่แขน “ไอ้ห่านั่นตัดหน้ากูแล้วยังมาโวยวายว่ากูผิดอีก ดีที่ฝนไม่เป็นอะไร แต่ก็ต้องพาไปโรงบาล ไปตรวจให้ละเอียด ส่วนแขนกูก็อย่างที่เห็นแหละ”

“ทำไมไม่โทรบอกกูวะ” หัวใจของผมบีบรัดตัวขึ้นมาจนปวดหนึบ แม้จะพยายามคิดว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุทั่วๆ ไป แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเป็นฝีมือของคนที่จ้องจะทำร้าย

“มือถือกูตายสนิทไปแล้ว มันกระเด็นตกตอนล้มแล้วรถไอ้ห่านั่นก็ทับจนแหลก มันวุ่นๆ ด้วยว่ะ แล้วมึงล่ะเป็นไงมาไงถึงมาอยู่ที่นี่” ไอ้แนนหันมองรอบตัวแล้วเอนตัวมากระซิบ “แถมยังให้คุณธนิกไปรับกูมา เมียกูกรี๊ดใหญ่เลยที่กูรู้จักคนหล่อรวยระดับเขาด้วย”

“เรื่องมันยาว เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง” ผมกระซิบตอบ แม้จะไม่เห็นว่าคุณธนิกอยู่ในระยะใกล้พอจะได้ยิน แต่ก็ไม่เสี่ยงที่จะบอกเล่าเรื่องทั้งหมดกับไอ้แนนที่นี่ “แต่ตอนนี้ไปกับกูก่อน มึงเดินไหวใช่มั้ย”

“ไหวๆ”

“กูจะพาไปเจอไอ้หลง”

“พามันมาที่นี่ด้วยเหรอ ไอ้หลงมันคงชอบใจที่ได้วิ่งเล่นในสวน กูเห็นสวนหน้าบ้านกว้างมาก”

ผมแค่ยิ้ม ยังไม่อยากพูดอะไร ผมเดินนำไอ้แนนออกจากบ้าน เห็นคุณธนิกเดินลงจากชั้นสองมาแต่ก็ไม่ได้ทัก ส่วนเขาก็ไม่ได้ตั้งคำถาม

ผมพาไอ้แนนเดินไปใต้ต้นหูกระจงที่มีชิงช้าทำจากไม้มัดห้อยไว้ใกล้ๆ พื้นที่บริเวณนี้ยังคงเห็นร่องรอยการกลบทับใหม่ๆ และเมื่อเช้าผมก็เอาดอกไม้ที่คุณธนิกซื้อเตรียมไว้ให้มาวางบนนี้

“มึง…” ไอ้แนนที่นั่งยองๆ ลงเคียงข้างพูดได้แค่นั้น มันใช้มืออีกข้างที่ยังใช้การได้ลูบไปมาบริเวณนั้น

“มันตายเมื่อคืน มีขโมยเข้าไปขโมยของในบ้านแล้วไอ้หลงมันเห่าเสียงดังก็เลยโดนมีดไปหลายแผล”

พวกเราต่างไม่พูดอะไรกันเลยเกือบสองนาที ที่ตรงนี้จึงมีแต่เสียงของต้นหูกระจงที่ไหวเอนไปตามสายลมยามบ่าย

“ไอ้หลงคงดีใจที่ได้มาอยู่บ้านสวยๆ แล้วที่ตรงนี้แดดก็ส่องไม่ถึง มึงก็รู้ว่ามันเป็นหมาที่ขี้ร้อนมากๆ” ไอ้แนนน้ำตารื้น มันนั่งขัดสมาธิอย่างไม่กลัวเปื้อนราวกับคนหมดแรง “เมื่อวานนอกจากกูจะเจอเรื่องซวยๆ แล้ว มึงก็คงกำลังแย่อยู่สินะ ขอโทษนะเว้ยที่ไม่ได้อยู่ด้วย ทั้งที่กูสัญญาไว้แล้วว่าจะอยู่เคียงข้างมึง”

“กูต่างหากที่ต้องขอโทษ มึงเจ็บจนต้องเข้าโรงพยาบาลแต่กูก็ไม่รู้เลย”

“แค่นี้เอง สบายน่า” ไอ้แนนทำท่ายึกยัก ก่อนจะเบ้หน้าเมื่อทำซ่าเกินตัว “แล้วเรื่องที่มึงจะพูดล่ะ”

“หลายเรื่องอยู่เหมือนกัน” ผมนั่งลงใกล้ๆ รู้สึกปวดหัวเล็กน้อยเพราะกำลังพยายามเรียบเรียงเรื่องที่จะเล่าให้ไอ้แนนฟัง “อย่างแรกก็เรื่องบ้าน บ้านเช่านั้นกูไม่ได้เช่าต่อแล้ว ต่อไปกูต้องมาอยู่ที่นี่ อย่างที่สองก็คือกูเป็นลูกคนรวยที่ตอนนี้กำลังโดนตามฆ่า แล้วมึงก็อาจจะต้องซวยไปด้วย”

ไอ้แนนยกมือขึ้นห้ามทันที “เดี๋ยวก่อนนะไอ้ขวัญ ประเด็นแรกแม้กูจะมีคำถาม แต่กูยังพอเข้าใจได้ แต่ประเด็นที่สองกูไม่เก็ท”

“ตอนนี้กูก็ไม่เก็ทแล้วก็รู้สึกว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องจริง แต่คุณธนิกบอกว่ากูเป็นลูกของพ่อเขา ซึ่งพ่อที่เขาว่าก็คือพ่อเลี้ยงของเขา แล้วคงใกล้ตายก็เลยจะยกมรดกให้กู ทีนี้นะ เรื่องมันก็เลยบึ้มขึ้นมา”

ผมเล่าให้ไอ้แนนฟังแทบทุกเรื่อง ยกเว้นก็แต่เรื่องระหว่างผมกับคุณธนิก เพราะไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่ต้องนำมาคิดในตอนนี้ ความปลอดภัยของไอ้แนนและครอบครัวต่างหากที่สำคัญสำหรับผม ไอ้แนนยกมือขึ้นห้ามเป็นระยะเพื่อขอทำความเข้าใจ แล้วจากนั้นมันก็ฟังต่อด้วยสีหน้าที่เริ่มแย่ลงทุกที แล้วสุดท้ายพวกเราต่างก็ถอนหายใจกันออกมา

“มันเกินตัวคนจนอย่างเราไปแล้วว่ะ” ไอ้แนนบอกเสียงแผ่ว จ้องมองไปที่หลุมฝังศพไอ้หลง “มึงจะเอาอะไรไปสู้เขาวะไอ้ขวัญ กูน่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้เนอะ”

“ไม่หรอกไอ้แนน กูต่างหากที่น่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ แต่กลับไม่มีปัญญาทำอะไรเลย ไอ้หลงต้องตายก็เพราะกู แล้วมึงก็ยังต้องมาพลอยโดนร่างแห ตอนนี้คนสำคัญของกูเหลือแค่มึงแล้ว มึงน่ะโชคร้ายแล้วล่ะที่มาเป็นเพื่อนกับกู”

ไอ้แนนหัวเราะ ไม่ได้มีท่าทีจะคิดว่าตัวเองโชคร้าย “โชคดีต่างหาก อยู่ๆ ก็มีเพื่อนเป็นคนรวย ถ้ามึงรวยแล้วอย่าลืมกูนะเว้ย ว่าแต่มึงคิดว่าที่คุณธนิกพูดจะเป็นเรื่องจริงสักแค่ไหน”

“อย่างน้อยแขนที่หักของมึงก็ยืนยันได้ครึ่งหนึ่งนั่นแหละ”

“อุบัติเหตุมากกว่าว่ะกูว่า” ไอ้แนนพูดแต่สีหน้าไม่แน่ใจ “เอาจริงๆ เมื่อคืนเหมือนมีคนมาด้อมๆ มองๆ ที่บ้านกู กู็เลยโทรบอกสายตรวจ พอสายตรวจมามันก็หายไปสักพัก แล้วก็กลับมาอีก กูก็เลยพาลูกกับเมียไปนอนบ้านแม่ยาย คิดว่าถ้าเป็นโจรก็คงไม่ได้อะไรไปจากบ้านกูหรอก เพราะบ้านกูไม่มีเงินมีทองให้มันปล้น กลัวแต่ว่าไอ้คนที่มันปาดหน้ารถกูมันจะตามมาแก้แค้น เพราะกูซัดมันไปหลายหมัด มันน่ะโคตรพูดจากวนส้นตีน”

“มึงย้ายไปอยู่ที่อื่นสักพักมั้ย กูกลัวว่าฝนกับหลานกูจะเป็นอันตราย กูจะขอให้คุณธนิกจัดการให้”

“ให้กูไปอยู่ที่ไหน่ล่ะวะ กูก็ไม่มีที่ไปพอๆ กับมึง อีกอย่างนะถ้ากูไปแล้วกูจะเอาอะไรแดก กูยังต้องทำงานหาเงินเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียนะเว้ย” ที่ไอ้แนนพูดมาก็ถูก “มึงอย่าเพิ่งตื่นตูมไปเลยไอ้ขวัญ อาจจะไม่มีอะไรก็ได้ บางทีไอ้คุณธนิกมันอาจจะหลอกมึง พวกคนรวยน่ะเชื่อได้ที่ไหน แม้แต่น้องมึงก็ยังดูแปลกๆ เลย”

“กูก็คิดว่ามันแปลก” ผมยอมรับ “ตอนแรกก็ดีๆ อยู่แท้ๆ แต่หลังๆ มาเหมือนจะไม่ค่อยชอบใจที่กูอยู่ใกล้คุณธนิก ทั้งที่บอกให้กูทำเองแท้ๆ ตอนนี้กูก็เลยไม่ค่อยได้คุยด้วยแล้ว น่าจะมีเรื่องที่ไม่บอกกูอีกหลายเรื่อง ไม่งั้นมันคงไม่รู้จักไอ้หลงหรอก เพิ่งเจอกันแค่ครั้งเดียวแต่ดันรู้ว่ากูเลี้ยงหมาไว้ที่บ้าน”

ไอ้แนนมองหน้าผมด้วยความเลื่อมใส “ตอนนี้มึงฉลาดขึ้นมาบ้างแล้วนี่หว่าไอ้เพื่อนยาก!”

“เจอแต่คนหมาๆ จะให้กูมองโลกในแง่ดีต่อยังไงไหววะ ยังไงก็ต้องระแวงไว้ก่อน ตอนนี้กูเหลือแค่มึงคนเดียวแล้วไอ้แนน อย่าตายนะเว้ย”

“เออ ไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า รับปากมึงแล้วว่าจะจัดงานศพให้มึงอย่างยิ่งใหญ่ ให้มึงตายก่อนแล้วกูค่อยตายทีหลัง เพราะกูยังมีเมียมีลูกที่คอยร้องไห้ให้อยู่ แต่มึงน่ะมีแค่กูที่จะร้องไห้ในงานของมึงแค่คนเดียว”

ผมยิ้มให้กับไอ้แนน เพื่อนที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็อยู่เคียงข้างผม เราเคยเป็นเด็กซอยเดียวกันจนเมื่อไอ้แนนมีลูกมันก็พาลูกพาเมียไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย เพราะแม่ยายของมันไม่อยากให้ลูกสาวอยู่ในชุมชนที่แออัดและมีอากาศไม่บริสุทธิ์ แต่แม้จะย้ายที่อยู่ มิตรภาพของพวกเราก็ยังไม่เปลี่ยน เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่จำความได้ จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น

“ถ้าน้าลียังอยู่ น้าจะว่ายังไงวะมึง” ผมถามความเห็นจากไอ้แนนที่กำลังมองไปยังหลุมฝังศพของไอ้หลงเหมือนกันกับผม “ไอ้หลงจะไปบอกน้ามั้ยว่ากูดูแลมันไม่ดี”

“มันต้องฟ้องเรื่องที่มึงไม่ค่อยซื้อไก่ย่างให้มันแน่ ตอนน้าลีอยู่ น้าน่ะตามใจมันยิ่งกว่าตามใจมึงอีก”

“ก็จริงว่ะ ไว้มีโอกาสกูจะตามไปแก้ตัวทีหลัง”

“ไอ้ขวัญ” ไอ้แนนร้องเรียกด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่ว่ามึงจะเจอกับเรื่องอะไร มึงก็อย่าตายนะเว้ย ลูกสาวกูยังรอมึงอยู่”

“ไอ้ห่าาาา จะให้กูแต่งงานกับลูกมึงให้ได้เลยรึไง”

“แน่นอนสิวะ ลูกกูต้องมีผัวรวยๆ มึงน่ะจะรักจะชอบกับใครก็ได้ จะมีเมียมีผัวกี่คนก็แล้วแต่มึง แต่ตำแหน่งเมียหลวงต้องให้ลูกกูนะ เข้าใจมั้ย กูไม่ไว้ใจผู้ชายคนอื่น”

“ไอ้ฉิบหาย กูสงสารเด็กที่กำลังจะเกิดมาจริงๆ”

หลังจากต่างคนต่างมองหน้ากัน พวกเราก็หัวเราะกันด้วยเสียงที่ดังพอจะทำให้ไอ้หลงที่อยู่อีกโลกได้ยินไปด้วย

“ขอบใจนะเว้ยไอ้แนน กูก็ไม่รู้หรอกว่ากำลังจะเจอกับอะไร แต่กูจะมีชีวิตไปจนกว่าจะเห็นลูกของมึงโตเป็นสาว ตอนนี้กูอาจจะต้องเลิกขับวินไปชั่วคราว แต่ไว้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วกูจะกลับไปนะ บอกพี่แจ้ว่าอย่าเพิ่งลบชื่อกูออกจากกลุ่มล่ะ”

“เออๆ รู้เว้ย”

“ดูแลฝนดีๆ นะมึง กูไม่อยากทำให้พวกมึงเดือดร้อนเลยจริงๆ”

“ไม่เป็นไรน่า อีกอย่างเดี๋ยวฝนก็ต้องกลับไปอยู่กับแม่แล้ว เห็นว่ายิ่งท้องเริ่มแก่ก็ยิ่งกลัว ก็เลยอยากอยู่ใกล้ๆ แม่ให้อุ่นใจ”

“มึงไปด้วยมั้ย”

“มึงก็รู้ว่ากูไม่ถูกกับพ่อตา เอาเถอะน่า กูอยู่คนเดียวได้”

“ยังไงมาอยู่กับกูที่นี่ก็ได้นะเว้ย” ถ้าไอ้แนนมาอยู่ด้วยกัน ผมคงใจชื้นขึ้นเยอะ อีกอย่างถ้ามีมัน หัวใจของผมก็จะปลอดภัยมากขึ้น

“ไม่เอาว่ะ หน้าไอ้คุณธนิกมันรับแขกนักนี่”

ผมกำลังนึกหน้าไม่รับแขกของคุณธนิก แต่ก็นึกไม่ค่อยออก “หน้าที่ยิ้มเป็นเครื่องหมายการค้าแบบนั้นนี่นะจะไม่รับแขก”

“ยิ้มให้มึงคนเดียวน่ะซี กับกูนี่ทำหน้าอย่างกะจะขู่ฆ่า”

“ยิ้มจอมปลอมล่ะสิไม่ว่า”

“แล้วมึงจะอยู่กับเขาไหวเหรอวะ”

ผมเบ้ปาก “ต่างคนต่างอยู่”

“จะแน่เร๊อ สายตาที่เขามองมึงน่ะไม่ธรรมดาเลยนะ” ไอ้แนนพยักพะเยิดหน้าไปทางห้องนั่งเล่นที่เห็นผ่านกระจกใส คุณธนิกนั่งที่โซฟาตัวหนึ่งและกำลังมองมาที่พวกผม

ผมเผลอไปสบตาเข้า ก่อนจะรีบหันกลับมา “ก็แค่สายตาพวกมักมาก”

“อู้ววว” ไอ้แนนร้องขึ้นอย่างชอบใจ “ดีแล้วๆ มึงต้องฉลาดเข้าไว้นะไอ้ขวัญ”

ผมพยักหน้า แม้จะฉลาดขึ้นมาเพียงนิด แต่ก็ไม่ช่วยอะไรเลย เพราะแค่ความฉลาดแต่ไม่มีกำลังจะต่อกร อย่างไรผมก็ต้องตกเป็นรองอยู่วันยันค่ำ ผมไม่ได้เล่าข้อตกลงระหว่างผมกับคุณธนิกให้ไอ้แนนฟัง เพราะผมไม่อยากให้มันต้องเป็นห่วงไปมากกว่านี้ ในเมื่อสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความปลอดภัยของพวกเรา ผมอาจจะคิดอะไรเกินตัวว่าอยากจะปกป้องคนสำคัญทุกคน แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าผมกำลังปกป้องจากใครหรืออะไร ผมคงต้องขอเวลาหาคำตอบเอาเอง คุณธนิกน่ะยังบอกผมไม่หมดอย่างแน่นอน ดูจากลักษณะนิสัยของเขาแล้วก็แค่พูดในสิ่งที่คิดว่าเขาจะได้ทุกอย่างตามที่ต้องการก็เท่านั้น ยังมีบางเรื่องที่ผมสงสัย บางเรื่องที่ยิ่งอ่านข้อความจากไลน์ของเขมินทราก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในที่อันตราย





เขมินทรา: พี่โกหกผมเหรอครับ ตอนนี้พี่อยู่กับพี่ธนิกใช่มั้ย

ขวัญพัฒน์: ใช่ครับ ผมทำตามที่ขิมบอกไง ตีสนิทให้คุณธนิกไว้ใจ

เขมินทรา: แล้วอยู่ที่ไหนล่ะครับ พี่อยู่ที่ไหน บอกผมได้มั้ย แชร์โลเกชั่นก็ได้

ขวัญพัฒน์: ตอนนี้ไม่สะดวกครับ

เขมินทรา: งั้นเมื่อคืนที่บอกว่าค้างบ้านเพื่อนก็โกหกผมสินะ พี่อยู่กับพี่ธนิกตลอดเวลา การตีสนิทไม่ได้หมายความว่าพี่ต้องนอนกับเขา พี่ปล่อยให้เขาแตะต้องตัวพี่ได้ยังไงกัน

ขวัญพัฒน์: โกรธเหรอครับ หึงคุณธนิกอยู่เหรอ

เขมินทรา: เปล่าครับ ผมแค่ไม่ชอบที่พี่โกหกผม เราเป็นพี่น้องกัน พี่ควรจะเล่าทุกอย่างให้ผมฟังโดยไม่มีเรื่องต้องปิดบังเลย

ขวัญพัฒน์: ครับ

เขมินทรา: ออกมาเจอกันนะครับ พรุ่งนี้ก็ได้ ผมมีเรื่องน่าสนใจจะคุยกับพี่

ขวัญพัฒน์: เรื่องอะไรครับ

เขมินทรา: เรื่องน้าของพี่ไงครับ น้าของพี่ที่หมอบอกว่าตายเพราะโรคประจำตัวกำเริบก็เลยล้มหัวฟาดพื้น

ขวัญพัฒน์:??

เขมินทรา: ผมมีเรื่องที่ถ้าพี่รู้จะต้องตกใจ มาคุยกันนะครับ พรุ่งนี้นะ

ขวัญพัฒน์: ได้ครับ แล้วเจอกัน



ผมไม่เคยติดใจสงสัยกับการตายของน้าลี เพราะรู้อยู่แล้วว่าน้ามีโรคประจำตัว แม้จะจากไปด้วยอายุที่ยังไม่มากนักก็ตาม ทว่ารูปและข้อความที่ส่งมาทางไลน์จากเขมินทรานั้นทำให้ผมสั่นกลัวขึ้นมา...

...........To be continue.............

คุณธนิกคะ โซ่แส้กุญแจมือด้วยมั้ยคะ  :กอด1: :pig4:

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
“เจอแต่คนหมาๆ จะให้กูมองโลกในแง่ดีต่อยังไงไหววะ"  ชอบประโยคเนนนนนนนน้

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกว่าไว้ใจใครไม่ได้ ดีไม่ดีคุณธนิกกับขิมอาจจะวางแผนร่วมกันก็ได้ใครจะรู้ ไม่งั้นขิมจะรู้เรื่องหลงกับที่ขวัญอยู่กับคุณธนิกได้ยังไง ตอนที่แล้วนี่เรายังคิดอยู่เลยว่าขิมส่งคนมาเพื่อจะฆ่าขวัญรึเปล่าแต่พอไม่เจอเลยฆ่าหมา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด