สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27  (อ่าน 133749 ครั้ง)

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
เจ็บปวดกันทุกคน
มีแต่คุณเขมรัตน์นอนคูลๆอยู่โรงบาล

ออฟไลน์ jaja-jj

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
อหหหหหหหหหก   เขมรัตน์คือเลวมาก เค้าจะเป็นจะตายกันหมด มีแค่เขมรัตน์ที่สุดชิลล 
แต่จริงๆคือ ธนิษฐาน่าสงสารยังไง จริงๆก้ร้ายมากอยู่ดี
จริงๆคือธนิกก็ดูไปกับขวัญไม่รอดอยู่ดี บ่วงเยอะเหลือเกิน

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3

ออฟไลน์ pwaruntorn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 29
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ตัวต้นเรื่องคือคนที่นอนสบายสินะ สงสารเขมกับโมที่สุดเลย
ทำไมถึงโม ไม่รู้สิ คนที่อยู่เคียงข้างธนิกมานานขนาดนั้น
จะรู้สึกแย่ขนาดไหนนะ

ธนิกอย่าตายนะ จำอะไรไม่ได้จะดีมาก T_T

ออฟไลน์ BitterCucumber

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อิเชี๊ยยยยยยยยยยยยย :serius2: อย่าให้พี่ธนิกตายนะคะะะะะะะะ หนูรักพี่เค้าาาาาาา ฮืออออออออออออออออออ :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
 :sad2: เจ็บทุกคน ไม่รู้จะเห็นใจใครมากกว่ากันดี


สวัสดีครับ! คุณธนิก
อย่าเป็นไรนะกลับมาหาขวัญก่อนให้ตายแค่คนเดียวพอให้พ่อของขวัญตายๆไปซะทำเรื่องวุ่นวายดีนัก

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
คนที่เจ็บกันอยู่ตอนนี้คือไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย  //เหม่อ..

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
เจ็บกันแทบตาย สุดท้ายใครได้อะไรบ้าง
เรื้องนี้ผิดและร้ายที่สุดคงเป็นพ่อของขวัญและขิม นั่นอ่ะควรตายจริงๆ

ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
ตอนที่ 26


นิทานเรื่องที่ผมกำลังอ่านนั้น ตอนจบเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้แม้แต่ตัวผมเอง เพราะผมโยนมันทิ้งไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีเจ้าชายอย่างคุณธนิก ไม่มีชายขอทานอย่างผม ไม่มีเจ้าชายพลัดถิ่นอย่างเขมินทรา ไม่มีราชินีใจร้ายอย่างธนิษฐา ไม่มีเจ้าหญิงโรคจิตอย่างคุณนิ่ม ไม่มีพ่อมดอย่างมิสเตอร์ที หรือแม้แต่พระราชาอย่างคุณเขมรัตน์ ตอนนี้ไม่มีตัวละครพวกนั้น เพราะที่นี่ตรงนี้มีเพียงผม ขวัญพัฒน์ที่กำลังนั่งตัวสั่นอยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยความหวั่นใจ ข้างกันมีพี่โมที่เอาแต่นั่งเงียบ กุมมือภาวนาอย่างเอาเป็นเอาตาย ไกลออกไปคือธนิษฐาที่ยังคงสะอึกสะอื้น หมดมาดผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความแค้น พวกเราต่างก็กำลังภาวนา ภาวนาให้คนสำคัญที่อยู่ระหว่างความเป็นความตายกลับมาได้อย่างปลอดภัย

ทั้งเขมินทราน้องชายของผมและคุณธนิกคนที่ผมรัก ทั้งสองคนจะต้องปลอดภัย ถ้าหากถามผมว่ารู้สึกอย่างไร ผมคิดว่าการนอนเจ็บปางตายอยู่ในห้องฉุกเฉินคงทรมานน้อยกว่าการนั่งอยู่ตรงนี้ ร่างกายปราศจากบาดแผลแต่กลับรู้สึกเหมือนจะขาดใจตายได้แทบตลอดเวลา

การรอคอยจะสิ้นสุดในนาทีใดนาทีหนึ่งต่อจากนี้ แต่ก็เหมือนจะนานเป็นปีระหว่างที่ต้องรออย่างทรมาน ผมมีแต่ความคิดที่ว่าพวกเขาจะปลอดภัย ไม่มีความสูญเสียอยู่ในหัว ลางสังหรณ์ของผมแม่น ผมเชื่อใจหมอ เพราะแผลโดนยิงของผมก็ยังช่วยให้หายได้ แล้วนับประสาอะไร...กับแผลถูกมีดบาดกับโดนรถสะกิด เดี๋ยวก็หาย...เดี๋ยวก็ออกจากห้องฉุกเฉินมาเดินปร๋อ ทว่า...ทั้งๆ ที่คิดอย่างนั้น กล่อมตัวเองให้เชื่อแบบนั้น แต่ความจริงที่เลือดของพวกเขายังติดบนเสื้อของผมก็ยิ่งตอกย้ำว่ามันไม่ใช่แค่แผลที่ถูกมีดบาดหรือแค่แผลที่โดนรถสะกิด

เขมินทราถูกแทงเข้าที่กลางหลังด้วยมีดขนาดความยาวห้านิ้ว ที่แก้มมีบาดแผลลึก ที่ลำคอและต้นแขนก็มีรอยบาดเป็นทางยาว ส่วนคุณธนิกถูกรถกระบะสี่ประตูชนด้วยความแรงจนคนตัวใหญ่ๆ อย่างเขากระเด็นไกลจากตัวรถ ลอยเหมือนนกปีกหักก่อนที่จะร่วงลงพื้น นอกจากแผลที่ศีรษะแล้วคงมีส่วนอื่นที่สาหัสเพราะเขาทำเพียงแค่นอนแน่นิ่งรอการช่วยเหลือและหมดสติไปก่อนที่เจ้าหน้าที่พยาบาลจะมาถึง ไม่มีใครกล้าเคลื่อนย้ายตัวเขาสุ่มสี่สุ่มห้าด้วยต้องรอผู้ที่มีความเชี่ยวชาญมาช่วย ที่น่าเจ็บใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดคือผมทำได้แค่ยืนมอง ตัวผมทำได้แค่นั้นจริงๆ

น้าลีเคยบอกผม...ว่าการใช้ชีวิตตามเหตุและผล บางครั้งมันก็แย่ แต่บางครั้งการใช้ชีวิตตามอารมณ์ความรู้สึกกลับแย่ยิ่งกว่า ผมได้แต่นั่งกุมมือสั่นๆ ของตัวเองด้วยความรู้สึกแย่ที่สุดในชีวิตตอนนี้ก็เพราะการทำตามอารมณ์มากเกินไป ถ้าผมไม่บอกให้ธนิษฐาตายเพื่อแสดงถึงการขอโทษ ถ้าผมไม่ได้พูดถ้อยคำที่น่าขยะแขยงพวกนั้นออกไปก็คงไม่ต้องเพิ่มผู้ป่วยให้เป็นภาระของหมอ แต่ผมย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้ว เอาคำพูดของตัวเองกลับคืนมาไม่ได้แล้ว มันจะแย่แค่ไหนกันถ้านั่นคือครั้งสุดท้ายที่ผมได้พูดกับคนที่ผมรัก มันจะแย่แค่ไหนถ้าความรู้สึกสุดท้ายที่เราจดจำกันได้คือความเจ็บปวด

โง่...ทั้งผมทั้งเขา เราก็โง่พอๆ กัน

คนโง่ที่รักกันแต่ยอมปล่อยมือกันง่ายๆ

“ไอ้ขวัญ...” เสียงเรียกนี้เป็นเสียงเดียวที่ผมคิดทุกครั้งว่ามาได้ถูกเวลา ผมเงยหน้าขึ้นจากที่ก้มมองมือตัวเองอยู่นาน ไอ้แนนอยู่ตรงหน้า เพื่อนเพียงคนเดียวในชีวิตของผมกำลังมองมาด้วยแววตาห่วงใย มันนั่งยองๆ ลงตรงหน้าแล้วจับมือผมไว้ “ไหวนะมึง”

ถ้อยคำของไอ้แนนราวกับไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่เหมือนประโยคคำสั่งว่าผมต้องไหว ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเข้มแข็ง “ไม่ไหวได้ด้วยเหรอวะ”

“ได้” ไอ้แนนตอบเสียงเบา “ถ้าไม่ไหวก็มานี่” มันรั้งท้ายทอยของผมเข้าไปไกล้ แล้วกดศีรษะของผมให้แนบกับไหล่ของมัน “ไม่เป็นไรไอ้ขวัญ ต่อให้จะมีอะไรเกิดขึ้น แต่มึงจะผ่านไปได้ อย่าคิดว่ามันเป็นแค่ความฝัน อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องไม่จริง ในเมื่อสุดท้ายแล้วก็หนีไม่พ้น ต้องอยู่กับมันให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนะ”

ผมทำเพียงแค่พยักหน้ากับไหล่ของไอ้แนนแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาเงียบๆ แต่ไอ้แนนคงรู้ คงรู้ว่าตัวที่สั่นเทาของผมมาจากสาเหตุใด ผมไม่ชอบร้องไห้ให้ใครได้เห็น เพราะขวัญพัฒน์คือคนที่ยิ้มเก่ง ไม่ว่าเจอเรื่องอะไรก็จะยิ้มสู้...

“แล้ว...เข้าไปนานหรือยัง” ไอ้แนนถามในขณะที่ยกมือขึ้นลูบหลังผม

“ไอ้ขิมเข้าไปสักพักแล้ว แต่คุณธนิกเพิ่งเข้าไป” ผมตอบพลางผละตัวออกแล้วมองไอ้แนน “ว่าแต่มึงรู้ได้ยังไงว่าเกิดเรื่องขึ้น”

“พี่จอยโทรบอกกู ไม่รู้ว่าเขารู้ได้ไงเหมือนกัน แต่บอกว่าให้รีบมาหามึงที่โรงพยาบาล แต่กูพาฝนมาหาหมอตามนัดพอดี”

“อ้าว แล้วฝนอยู่ไหน ท้องแก่แล้วมึงปล่อยให้อยู่คนเดียวได้ยังไง ไม่ได้นะเว้ย ต้องดูแลหลานกูดีๆ” ผมผ่อนคลายขึ้นเมื่อได้ร้องไห้ออกมา บางทีการสนทนาถึงชีวิตใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นทำให้ผมรู้สึกมีความหวังว่าอีกสองชีวิตที่กำลังรอคอยอยู่นั้นจะปลอดภัย

“อยู่กับแม่กู แต่กูขอมาหามึง ไม่อยากพามาตรงนี้ด้วย หดหู่เปล่าๆ” ไอ้แนนว่าแล้วล้วงมือไปในกระเป๋าเสื้อก่อนจะหยิบอะไรบางอย่างยื่นมาให้ผม “ดูสิ” ภาพอัลตราซาวน์ของลูกไอ้แนนอยู่ตรงหน้า “เป็นผู้หญิง หมอบอกสุขภาพแข็งแรงดี ดูท่านอนดิไอ้ขวัญ โคตรน่ารัก”

ผมคลี่ยิ้ม รู้สึกเหมือนหัวใจได้รับการเยียวยาเล็กๆ “แค่เห็นกูก็หวงแล้ว ไม่อยากคิดตอนหลานจะมีแฟน มึงต้องเข้มงวดนะเว้ย เรียนจบมหาลัยก่อนค่อยมี”

“คิดไกลมากไอ้ห่า ลูกกูยังไม่คลอดแต่มึงคิดถึงตอนเรียนจบมหาลัยแล้วเรอะ”

พูดถึงเรื่องเรียนจบมหาลัย...คุณธนิกก็บอกว่าอยากเห็นผมเรียนจบ อยากอยู่ในงานรับปริญญา อยากถ่ายรูปให้ผม เขาซื้อกล้องไว้แล้วด้วย ชุดนักศึกษาก็ซื้อเตรียมไว้ให้ทั้งๆ ที่ผมยังไม่รู้จะเรียนอะไร

“เจ้าน้ำตาจริงๆ นะมึงช่วงนี้น่ะ” ไอ้แนนถอนหายใจใส่ ก่อนมันจะลุกมานั่งเก้าอี้ข้างๆ “อาการหนักไม่แพ้กัน” มันบุ้ยปากไปทางพี่โมที่จมอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่พูดไม่จากับใคร “แล้วมาอยู่ด้วยกันได้ไงวะ”

“เรื่องมันซับซ้อนนิดหน่อย นั่นก็แม่คุณธนิก” ผมชี้ไปยังคุณธนิษฐาที่นั่งไกลออกไป “มึงคิดดูสิ แม่งฟาดฟันกันมาแทบตาย เกลียดจนหายใจร่วมโลกด้วยกันไม่ได้ สุดท้ายมารวมกันนั่งเฝ้าหน้าห้องฉุกเฉิน ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ แล้วจะเริ่มเรื่องกันทำไมตั้งแต่แรกวะ ตอนจบไม่มีใครยิ้มได้สักคน มีแต่คนร้องไห้เสียใจ มีแต่คนเจ็บปวด” ตอนจบของนิทานเรามักจะได้ข้อคิดแม้จะจบอย่างมีความสุข แต่ตอนจบของเรื่องนี้พวกเราได้อะไรกลับมาบ้างนอกจากน้ำตา ความเจ็บปวดและบทเรียนราคาแพง “กูก็อีกคน ทั้งๆ ที่น่าจะรู้ดีว่าทำไปก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น แต่ก็อินบท ลืมว่าตัวเองก็แค่ขวัญพัฒน์ที่ขับวินมอเตอร์ไซค์ ไม่ใช่ทายาทที่จะได้รับมรดกหมื่นล้านแสนล้าน”

“ทุกคนทำผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น” ไอ้แนนปลอบใจ ก่อนตั้งคำถาม “แล้วมึงจะเอายังไงต่อไอ้ขวัญ”

“หลังจากนี้กูคงต้องคุยกับคุณเขมรัตน์ มีหลายเรื่องที่กูอยากถาม เพราะเขาคงเป็นคนเดียวที่ตอบทุกคำถามของกูได้ แต่กูก็ยังไม่รู้ว่าตอนเจอหน้าเขาจะทำหน้ายังไง” น้าลีต้องตายเพราะเขา ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นก็เพราะเขา ผมควรจะฉีกยิ้มกว้างๆ ให้ไหมตอนเจอหน้า

ผมคุยกับพี่โมในระหว่างที่รอรถพยาบาล แค่ถามเรื่องที่ผมข้องใจเรื่องเดียวนั่นคือเขามีส่วนรู้เห็นกับการตายของน้าลีจริงไหม โทรศัพท์มือถือของน้าลีเขาก็เป็นคนเก็บไว้ เขาบอกว่าวันนั้นเขาอยู่ด้วย แต่ไม่ได้อยู่ตั้งแต่ต้น เขามาทีหลังทันได้เห็นคนลงมือแต่เข้าไปช่วยไม่ทัน ผมไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหนเพราะคำพูดของคุณแขไขก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากไปกว่าวันนั้นเขาอยู่ในเหตุการณ์ แต่คำตอบแค่นั้นผมก็พอใจแล้ว พอใจที่จะยอมให้เขาขึ้นรถพยาบาลมากับน้องชายของผมที่จับมือเขาไม่ปล่อย

เขมินทราไม่โกรธเขาเลย ส่วนผมก็ไม่ได้โทษใครในเรื่องนี้ เราต่างต้องยอมรับว่าในสักวันเรื่องนี้จะเกิดขึ้น ทว่าไม่ได้คาดคิดถึงบทสรุปในรูปแบบนี้

“ไอ้ขวัญ” ไอ้แนนเรียกพลางสะกิดไหล่ผม ผมจึงหันไปมองก่อนจะมองตามสายตาของมันไป

คุณแขไขมาพร้อมกับลูกชายของเธอ ที่เดินก้มหน้าก้มตาตามหลังมา เธอมาหยุดยืนข้างๆ ผม “ขวัญพัฒน์”

“ครับ” ผมขานรับพลางไพล่สายตาไปยังคนที่ยืนยิ้มแหย

“เป็นยังไงกันบ้าง”

“หมอยังไม่ออกมาพูดอะไรเลยครับ”

“อาเพิ่งลงจากเครื่อง พอรู้ว่าไอ้ลูกโง่นี่มันก่อเรื่องก็รีบมาทันที” คุณแขไขว่าแล้วก็ดึงหูคุณธนวัฒน์ต่อหน้าผม “งานการไม่ขยันทำ ขยันทำแต่เรื่องโง่ๆ”

“แม่ครับแม่...ผมเจ็บบบ โอ๊ยๆ ๆ” คุณธนวัฒน์ร้องโอดโอยเบาๆ แต่ดีแล้ว อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องลงมือตั้นหน้าเขาเอง

“จะให้อาจัดการกับมันยังไงก็บอก ใครผิดก็ว่ากันตามผิด”

ผมคลี่ยิ้มให้เธอ รู้สึกว่าบางทีกับคนคนนี้ผมอาจจะนับญาติด้วยได้ “ไม่ต้องหรอกครับคุณแขไข คนลงมือทำก็ถูกจับแล้ว นอกจากเรื่องที่น้องของผมโดนแทง เรื่องอื่นผมไม่ติดใจ”

ผลพวงจากการกระทำของคนหนึ่งส่งผลต่ออีกคน แม้ว่าผมจะไม่ทราบเจตนาว่าแท้จริงแล้วแต่ละคนที่ก่อให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นนั้นเจตนาอย่างไร ใจร้ายถึงขนาดที่อยากให้ใครตายหรือไม่ แต่หากคิดว่าเป็นเรื่องแค่นั้นมันก็แค่นั้น สำหรับผมแล้วพวกเราที่ก่อให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นก็ผิดกันทั้งหมด อยู่ที่ว่าใครผิดมากผิดน้อย ด้วยเหตุนั้นผมจึงไม่คิดเอาเรื่องใครแต่ทางกฎหมายจะจัดการอย่างไรก็ให้เป็นตามนั้น อีกทั้ง...คนอย่างผมก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าใครได้

ผม...คนที่อยากให้ธนิษฐาตาย

ผม...คนที่ทำให้เธอตัดสินใจวิ่งไปขวางหน้ารถเพื่อจบชีวิตตัวเองลง

ผม...คนที่ทำให้คุณธนิกต้องรับความเจ็บนั้นแทน

ผมคนนี้มีสิทธิ์ไปตราหน้าคนอื่นด้วยหรือ

การฆ่าใครสักคนให้ตายอย่างทุกข์ทรมาน ไม่จำเป็นต้องสร้างบาดแผลทางร่างกาย แค่คุณฆ่าคนที่เขารัก แค่ทำให้คนที่เขารักเจ็บปวด แค่นั้นคุณก็จะได้เห็นเขาตายทั้งเป็น

จุดอ่อนของธนิษฐาก็คือคุณธนิก นั่นเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ผมไม่เคยคิดทำ ไม่เคยคิดทำเลยจนกระทั่งเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้

คุณธนิกอาจจะรู้อยู่แล้วก็ได้ เขาอาจจะรู้แล้วว่าเรื่องของเรามันจบลงที่สถานีรถไฟในวันนั้น เพราะเขาเป็นแบบนี้มาตลอด ทำเหมือนไม่รู้อะไรทั้งที่รู้ทุกอย่างและยอมแบกรับความเจ็บปวดเอาไว้

ผมนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ความรู้สึกผิดกัดกินใจจนอยากร้องไห้ออกมาอีกครั้ง เฝ้าคิดทบทวนถึงสิ่งที่ทำผิดพลาดก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อประตูห้องตรงหน้าถูกเปิดออก เตียงของเขมินทราถูกเข็นออกมาพร้อมกับพยาบาลและบุรุษพยาบาล ผมกับพี่โมรีบลุกขึ้นเดินไปถามไถ่อาการของเขมินทรา แต่ไม่พบนายแพทย์ผู้รักษาเหมือนอย่างในละครที่เคยดู ผมจึงไม่สามารถถามไถ่อะไรได้มาก พี่พยาบาลบอกว่าคุณหมอจะเข้ามาตรวจอาการให้อีกทีวันพรุ่งนี้ ผมพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ แม้จะร้อนใจอยากรู้ให้มากกว่านี้ แต่แค่ได้เห็นว่าร่างผอมๆ ของไอ้แฝดน้องนอนหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด เปลือกตาปิดสนิทแต่อกสะท้อนขึ้นลงก็เบาใจจนเหมือนยกภูเขาหนึ่งลูกออกจากอก

ส่วนภูเขาอีกลูก ที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับเทือกเขาหิมาลัยกลับยังกดทับความรู้สึกไม่จางหาย เมื่อความเป็นไปของใครอีกคนยังคงเงียบงัน

ผมฝากให้ไอ้แนนจัดการเรื่องต่อ ไอ้แนน คุณแขไขและคุณธนวัฒน์จึงเดินตามเตียงของเขมินทราไปโดยไม่มีใครตั้งคำถามอะไรขึ้นมา ในขณะที่ผมกับพี่โมยังคงนั่งด้วยกันอยู่ที่เดิม การรอคอยที่ทรมานยังคงดำเนินต่อไป เพราะคนสำคัญของเรายังมาไม่ครบ เขมินทราออกมาได้แล้วแต่คุณธนิกยังอยู่ในนั้น

ความไม่แน่นอนคือความแน่นอนของทุกชีวิต ผมควรยอมรับกับความจริงในเรื่องนี้ เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ได้รับโอกาสให้กลับไปแก้ไขเรื่องที่ทำผิดพลาด

ผมเฝ้ารอคำตอบด้วยความทรมาน แต่ละวินาทีที่เคลื่อนผ่านยิ่งเพิ่มความทรมานให้ทวีขึ้น ความรู้สึกที่ว่าเขาจะต้องปลอดภัยเริ่มถดถอยเมื่อผ่านหนึ่งชั่วโมงไปอย่างยากลำบาก ไอ้แนนกลับมาพร้อมกับน้ำเปล่าสามขวด รายงานว่าเขมินทราถูกย้ายเข้าห้องพักฟื้นโดยมีคุณแขไขกับคุณธนวัฒน์รับอาสาดูให้ ใจจริงผมอยากไปอยู่กับมัน แต่เพราะต่อจากนี้คงได้อยู่ด้วยกันอีกนาน ผมจึงอยากอยู่ตรงนี้มากกว่า อยากอยู่กับคนที่ผมอาจจะไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยอีกแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอกมึง” ไอ้แนนบอกหลังจากที่มันเอาน้ำเปล่าไปให้คุณธนิษฐามาแล้ว “หมอกำลังพยายามช่วยอย่างเต็มที่ ตอนที่แม่กูผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีก็แบบนี้ เงียบๆ อึนๆ ให้ลุ้นกันไป ตราบใดที่ไม่มีประกาศเรียกพบญาติคนไข้ มึงก็เบาใจได้ว่าการผ่าตัดยังราบรื่นดี เพราะเวลาที่มีการเรียกพบ...ส่วนใหญ่ไม่ใช่ข่าวดีนักหรอก”

คำปลอบใจของไอ้แนนทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง แต่ใจชื้นได้ไม่นานเพราะอีกยี่สิบนาทีต่อมาก็มีการเรียกขอพบญาติ ผมเห็นคุณธนิษฐาหน้าซีดเผือด เธอเหมือนจะล้มตอนที่พยายามเดินไปที่ห้องเพื่อพูดคุยกับแพทย์เจ้าของไข้ แต่ผมพยุงตัวเธอไว้ได้ทัน พี่โมที่เดินตามมาติดๆ ก็ช่วยเธอไว้อีกแรง เธอหันมามองผมแล้วเอ่ยขอบใจเบาๆ ในตอนนี้เราต่างก็วางความเกลียดชังที่มีต่อกันไว้ เพราะเราต่างก็รักคนคนเดียวกัน ต่อให้เรามีความคิดความรู้สึกที่ต่างกันมากแค่ไหน ทว่าตอนนี้เราต่างก็มีความต้องการเหมือนกันคืออยากให้คุณธนิกปลอดภัย

ผมเดินไปส่งคุณธนิษฐาที่หน้าห้อง มองแผ่นหลังของเธอหายเข้าไปในนั้น แล้วก็ยืนรอ เป็นการรอคอยที่มีแต่ความทรมานเท่านั้นที่อยู่เคียงข้าง ผ่านไปห้านาทีประตูก็เปิดออก แต่พี่พยาบาลเป็นคนเปิดมันแล้วเรียกผมเข้าไป เพราะญาติเพียงคนเดียวของคุณธนิกเป็นลมไปแล้ว คุณธนิษฐาหมดสติในขณะที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

บอกตามตรง...ผมไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลยที่เห็นภาพนี้ ความสะใจของผมปลิวหายไปหมดแล้วตั้งแต่ที่เห็นเธอร้องไห้บนถนนหน้าโรงพยาบาลและตอนนี้ความเจ็บปวดทรมานเข้ามาแทนที่ความสะใจแทน เพราะผมรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้

อาการของคุณธนิกไม่สู้ดีนัก กระดูกซี่โครงหักแทงปอดจนฉีกขาด ทำให้เขาไม่สามารถหายใจเองได้ นอกจากนั้นยังมีเลือดคั่งในสมองสองจุด กระดูกไหปลาร้าและแขนซ้ายหัก หลังจากนี้...ถ้าเขายังไหวก็ยังต้องเข้าผ่าตัดสมองอีกครั้งและข่าวร้ายที่สุดสำหรับผมก็คือ...ถึงแม้ว่าจะยื้อให้เขายังมีชีวิตอยู่ต่อไปแต่เขาก็อาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย นั่นเป็นเพียงความคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ซึ่งเป็นเรื่องที่ญาติของคนไข้ต้องทำใจยอมรับให้ได้

แต่เรื่องโหดร้ายแบบนี้...ใครจะรับไหว

ยิ่งคุณธนิษฐา เธอคงไม่อาจยอมรับได้กับผลการกระทำของตัวเอง

ผมได้แต่หวังว่านี่จะเป็นเพียงฝันร้าย แต่ก็อย่างที่ไอ้แนนบอกว่าการหลีกเลี่ยงความจริงไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ ผมควรจะอยู่กับความจริง อยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นและยอมรับมัน

สถานีรถไฟในวันนั้น...ชานชาลาที่เรานั่งด้วยกัน ผมยังนั่งอยู่ตรงนั้นนะครับคุณธนิก ยังนั่งรอรถไฟขบวนที่จะพาเราไปมีความสุขด้วยกัน

ผมรออยู่นะครับ รอให้คำสัญญาของเราเป็นจริง




ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17

เช้าวันที่สี่ในโรงพยาบาลไม่ใช่เช้าที่ดีนัก แต่ก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียว แม้ว่าเขมินทรายังไม่มีทีท่าจะฟื้นและคุณธนิกยังอยู่ในห้องไอซียู ทว่าความหวังของผมก็ยังไม่ใช่ศูนย์ ผมยังคงมองเห็นคนที่ผมรัก ยังคงไม่มีใครจากลาผมไปตลอดกาล ต่อให้บางคนอาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลยก็ตาม

ผมนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนในห้องพักผู้ป่วยของเขมินทราหลังจากจัดการโจ๊กที่ไอ้แนนซื้อมาให้ เรื่องราวในหนังสือสนุกสนานดีแต่ผมไม่สามารถอินไปกับมันได้ พลิกไปพลิกมาได้สิบหน้าก็เลิกอ่าน

ก๊อกๆ ๆ

เสียงเคาะประตูเบาๆ ทำให้ผมเงยหน้าขึ้นก่อนจะขมวดคิ้วมองคนที่แวะมาเยี่ยมเยียน พี่โมมากับใครอีกคนที่นั่งอยู่บนรถเข็น ผู้ชายที่มีใบหน้าคมสันแต่ใบหน้าดูดีนั้นก็ซีดเซียวมองมาทางผม โดยไม่ต้องแนะนำตัวผมกลับรู้ว่าเขาคือใคร

“น้องเราเป็นยังไงบ้าง” เสียงของเขาแหบต่ำ เขาตั้งคำถามกับผมแล้วมองไปยังเขมินทราที่นอนอยู่บนเตียง

“อาการดีขึ้นมากแต่ยังไม่ฟื้นครับ” ผมตอบเสียงเรียบ “คุณมาก็ดีแล้วครับ ผมจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปเจอ”

เขมรัตน์...พ่อแท้ๆ ของผมคลี่ยิ้ม แววตาของเขาเศร้าสร้อยและเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดเมื่อมองมาที่ผม “เราคงเกลียดพ่อมาก”

ทำไมใครต่างก็ยัดเยียดความรู้สึกให้กับผม ทั้งที่เอาเข้าจริงผมไม่ได้รู้สึกอะไรต่อใครเลย ผมไม่ได้เกลียดแต่ผมก็ไม่ได้รัก เรียกว่าผมมีแต่ความว่างเปล่าเท่านั้นที่มอบให้ “อย่าพูดถึงเรื่องความรู้สึกเลยครับ ผมว่ามันคงดีกว่าถ้าเรามาพูดเรื่องที่ทำให้เกิดปัญหาขึ้นสักที ที่ทุกอย่างมันวุ่นวายอย่างนี้ก็เป็นเพราะคุณให้สิ่งที่ไม่ควรให้กับคนที่ไม่ควรได้รับ”

“เราเป็นลูกของพ่อ สิ่งที่พ่อมีก็คือสิ่งที่ลูกควรจะได้” เขาบอกเสียงแผ่ว เขาคงกำลังป่วยหนักจริงๆ เพราะแค่การพูดก็ทำให้เขามีสีหน้าอิดโรย หายใจราวกับคนออกวิ่งทางไกล “พ่อทำผิดกับแม่ของลูกมาก ปกป้องไม่ได้ ดูแลไม่ได้ แล้วยังปล่อยให้ลูกทั้งสองคนลำบาก”

จนถึงตอนนี้คุณเขมรัตน์ก็ยังมองเห็นแต่สิ่งที่อยากเห็น “ไม่ใช่แค่คนคนเดียวหรอกครับ แต่กับคุณธนิษฐา คุณก็ทำผิดกับเธอหรือแม้แต่คนที่ต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คนสำคัญของผมทุกคนกับเกมที่คุณเป็นคนเริ่มมัน ทั้งที่ความรักของพวกคุณสามคนควรจบแค่ที่พวกคุณ ไม่ควรมีใครมารับผลจากความแค้นที่เหลืออยู่” ความรักที่ไม่ได้มีแค่คนสองคน มักจบลงด้วยความเจ็บปวดเสมอ “คุณน่ะ...เคยรักใครจริงๆ บ้างไหมครับคุณเขมรัตน์”

น้ำตาของเขารินไหล แต่ผมก็ทำเพียงมองดู ต่อให้เขาจะเป็นใคร เป็นพ่อแท้ๆ ที่ผมควรจะรักหรือเป็นผู้ป่วยโรคหัวใจที่ไม่ควรได้รับเรื่องสะเทือนใจ ทว่าความจริงก็เป็นสิ่งที่เขาต้องยอมรับให้ได้ ผมต้องพูดเพื่อให้เรื่องราวมันจบลงจริงๆ เสียทีแล้วจะได้ก้าวเดินกันต่อไป ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะหลีกเลี่ยงให้ค้างคาในเมื่อตอนนี้...มันพังจนไม่รู้จะพังยังไงแล้ว

“ทุกคนที่ยอมเล่นเกมกับคุณ ก็เพราะพยายามดิ้นรนเพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ ผมเคยคิดว่าสิ่งที่ทุกคนต้องการก็คือเงินและอำนาจที่คุณมี แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าไม่ใช่เลย เพราะทุกคนต่างก็หลับหูหลับตาทำเพื่อคนที่ตัวเองรักโดยยอมที่จะทำร้ายคนอื่น สิ่งที่ต้องการก็แค่การจะได้เห็นคนที่ตัวเองรักมีความสุข” ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งยองๆ ลงตรงหน้าชายผู้นั่งอยู่บนรถเข็น “การสละมรดกจะทำได้ก็ต่อเมื่อเจ้ามรดกตาย การสละมรดกล่วงหน้าในขณะที่เจ้ามรดกยังมีชีวิตอยู่ไม่เป็นผล เรื่องนี้ทนายเป็นคนบอกผมเอง ความจริงข้อนี้บอกให้ผมรู้ว่าคุณควรจะตายไปนานแล้วถ้าคุณธนิษฐาต้องการสมบัติของคุณ ควรจะตายก่อนวันที่แฝดน้องของผมยอมเซ็นเอกสาร คนป่วยอย่างคุณถูกจัดการได้ง่ายๆ อยู่แล้ว แต่คุณก็ยังมีชีวิตอยู่มองคนอื่นๆ แก่งแย่งของที่คุณยังเป็นเจ้าของ ส่วนผมก็กลายเป็นเป้าหมายแค่คุณบอกจะยกสิ่งที่คุณมีให้ ทุกอย่างขับเคลื่อนเพราะคุณ แล้วคุณเห็นอะไรบ้างไหมครับนอกจากความรู้สึกผิดที่มีต่อคุณขวัญข้าวและอยากเอาคืนคุณธนิษฐา”

เห็นหรือเปล่าครับว่ามีใครเจ็บปวดเพราะเรื่องนี้บ้าง ทุกคนไม่มีความสุขเลย ทุกคนต่างต้องสูญเสีย ทั้งที่ความสุขอยู่ใกล้แค่เอื้อมกลับเลือกที่จะปัดมันทิ้งแล้วรับความทุกข์ทรมานเข้ามาแทน

“พ่อขอโทษ” ความสำนึกผิดปรากฎชัดบนใบหน้าอิดโรยของคุณเขมรัตน์ “พ่อผิดเองทั้งหมด พ่อขอโทษ”

“มันจบแล้วครับ” ผมจับมือเขาไว้แล้วบีบเบาๆ “แม้จะไม่ใช่ตอนจบที่ดี แต่จากนี้ผมหวังว่าทุกคนจะมีความสุข รวมถึงคุณด้วย ผมไม่ได้เกลียดคุณนะ แต่เรื่องของน้าลีทำให้ผมรักคุณไม่ได้เหมือนกัน”

“พ่อเข้าใจ” เขาบอกเบาๆ “แต่...ดีใจแล้วที่วันนี้ได้เจอเราในฐานะพ่อ พ่ออาจจะไม่มีสิทธิ์พูดคำนี้ แต่...มีกันสองคนพี่น้อง ขวัญเป็นคนเข้มแข็ง พ่อรู้เพราะตามดูเรามาตลอด เพราะฉะนั้น...ดูแลน้องด้วยนะ”

บางที...ผมอาจจะไม่สามารถกลับไปเป็นขวัญพัฒน์คนที่ขับวินมอเตอร์ไซค์หาเลี้ยงตัวเองไม่ได้แล้ว แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ยังจะเป็นขวัญพัฒน์ คนที่จะมีความสุขหลังจากนี้

ผมพูดคุยกับคุณเขมรัตน์หลังจากนั้นอีกเกือบครึ่งชั่วโมง ถามคำถามที่ผมอยากรู้ ทุกเรื่องที่ผมสงสัย เขาพยายามตอบแม้ว่าจะเหนื่อยเต็มที ในขณะที่พี่โมที่นั่งอยู่ข้างเตียงเขมินทราก็หันมาให้คำตอบเอง

“พี่ร่วมมือกับลุงเขมก็เพราะข้อตกลงที่ว่าสุดท้ายแล้วธนิกจะได้นั่งเก้าอี้ประธาน แต่พี่ก็แค่ร่วมมือด้วยในบางเรื่องที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อธนิก เรื่องอื่นต่อให้เขาสั่งพี่ก็ไม่ทำ” พี่โมตอบคำถามหลังจากที่ผมตั้งคำถามกับเขาว่าทำไมถึงร่วมมือกับคุณเขมรัตน์ ซึ่งคำตอบของเขานั้นผมเข้าใจได้ดีทีเดียว พี่โมไม่ได้มีความซับซ้อน เขาอยู่ฝั่งไหนก็ได้ที่ทำให้คุณธนิกได้ประโยชน์ ในขณะที่คุณเขมรัตน์ก็ไม่ได้ตราหน้าว่าพี่โมเป็นคนทรยศในเมื่อพวกเขาทำข้อตกลงกันไว้เหมือนๆ กับที่ผมทำ

แรกเริ่มเดิมทีผู้รับพินัยกรรมมีผม เขมินทราและคุณธนิก ที่จริงตอนได้ยินว่ามีชื่อของคุณธนิกด้วยผมก็ตกใจเหมือนกัน แต่ความจริงก็เป็นตามนั้น ทว่าคุณเขมรัตน์กลับให้พี่โมบอกคุณธนิษฐาว่ามีแค่ชื่อผมกับน้องชายที่จะได้ทุกอย่างจากเขา เรื่องบ้าบอนี้ถึงได้เริ่มต้นขึ้น หลังจากนั้นก็มีแต่การปลุกปั่น พอถามถึงจุดประสงค์ คุณเขมรัตน์ก็ได้แต่ทำหน้าเสียใจและสำนึกผิด โดยไม่มีคำตอบให้ ซึ่งแค่นั้นก็พอมองออกแล้วว่าเขาก็แค่ต้องการให้คุณธนิษฐาเจ็บปวด การล้างแค้นของเขาให้คุณขวัญข้าวก็คือการทำร้ายคุณธนิกโดยไม่ได้สนเลยว่าผมกับน้องชายจะเป็นอย่างไร แต่หากถามว่าแท้จริงแล้วเขารักคุณขวัญข้าวไหม ผมคงตอบได้แค่ว่าครั้งหนึ่งเขาอาจจะเคยรักแต่ตอนนี้เขาสงสารและรู้สึกผิด เขาเป็นคนทำให้เธอตั้งท้องและทำให้เธอต้องตายไปอย่างเดียวดาย ทั้งยังไม่สามารถดูแลลูกชายของเธอที่เกิดกับเขาได้

“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้พ่อคงห้ามตัวเองไม่ให้มีความสัมพันธ์กับแม่ของเรา แต่ไม่ใช่ว่าไม่อยากให้เราเกิดมาหรอกนะ”

“ครับ ผมเข้าใจ”

ความจริงไม่ใช่เรื่องที่สวยงาม แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะรับไม่ไหว ผมกับเขมินทราอาจเกิดจากความลุ่มหลงและพลั้งเผลอ แต่ไม่ว่าอย่างไรผมก็แน่ใจว่าหลังจากที่เกิดมาผมก็ได้รับความรักอย่างเต็มเปี่ยม

พี่โมพาคุณเขมรัตน์กลับไปแล้ว ส่วนผมก็มานั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงของเขมินทรา แฝดน้องของผมยังคงหลับตาพริ้ม แต่ในระหว่างที่ผมกำลังปล่อยให้ความคิดของตัวเองล่องลอยไปไกลถึงคนที่อยู่ในห้องไอซียู เขมินทราก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ผมคิดว่ามันอาจจะรู้สึกตัวนานแล้วก็ได้ อาจจะรู้สึกตัวตั้งแต่ที่คุณเขมรัตน์เข้ามาในห้อง

“เป็นไงบ้าง” ผมถามขึ้นหลังจากที่เขมินทราจิบน้ำไปเล็กน้อย

“เจ็บ” เสียงแหบๆ ตอบสั้น

“นอกจากเจ็บแผลแล้วรู้สึกไม่ดีตรงไหนมั้ย”

เขมินทราส่ายหน้า ผมจึงไม่ตามหมอหรือพยาบาล เพราะอีกเดี๋ยวตอนเที่ยงหมอเจ้าของไข้ก็จะเข้ามาตรวจอยู่แล้ว หากไม่มีอะไรฉุกเฉินก็ไม่อยากรบกวนเวลาช่วยเหลือคนไข้คนอื่นของหมอ

“มึงนอนนานนะ”

“ตื่นหลายรอบแล้ว” เขมินทราตอบ “ออกห้องผ่าตัดมาก็ตื่น แต่มึงไม่อยู่ เจ็บแผลไม่ไหวด้วยก็เลยหลับๆ ตื่นๆ”

ไม่แปลกใจทำไมมันมีแรงพูดมากกว่าตอนที่ผมโดนยิง

“เออ กูก็ว่าทำไมมึงนอนนาน นึกว่าจะไม่ฟื้นแล้ว ขนาดกูโดนยิง ครึ่งวันก็ฟื้นละ” ผมว่าพลางจัดผ้าห่มให้

“แล้วทำไมมึงชอบหายหัว กูตื่นมาทีไรไม่เคยเจอมึง เจอแต่...” เขมินทราหยุดพูดไปซะอย่างนั้น มันคงไม่อยากเอ่ยชื่อคนที่นั่งข้างเตียงมันตลอด

“ไม่ได้ไปไหน นอกจากห้องมึงกูก็ไปอยู่หน้าห้องไอซียู มันเข้าเยี่ยมได้แค่บางเวลา”

เขมินทราเลิกคิ้วเล็กน้อย “ไปทำไม มีใครใกล้ตายยิ่งกว่ากูอีกเหรอ”

“มี” ผมตอบพลางมองสบตากับเขมินทรา “กูเป็นคนทำเอง”

“คนอย่างมึงน่ะเหรอ” เขมินทราถามอย่างไม่เชื่อ “มึงฆ่าอีนิ่มเหรอ”

“เปล่า ไม่ใช่อีนิ่ม” แม้อยากจะจับหัวผู้หญิงคนนั้นโขกผนังแค่ไหน แต่ผมก็ใจไม่เหี้ยมพอ ตอนนี้มันโดนข้อหาทำร้ายร่างกายและพยายามฆ่า แต่ที่น่าแปลกมันไม่พาดพิงใคร มันบอกมันทำเพราะเหตุผลส่วนตัวล้วนๆ ไม่มีใครสั่ง รับสารภาพโดยไม่ปฏิเสธ ทนายของพ่อมันมาประกันตัวแล้วด้วย คงต้องไปสู้กันในชั้นศาลล่ะมั้ง เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่ในโรงพยาบาล เรื่องคดีความก็ได้คุณแขไขจัดการให้ “พี่นิกน่ะ กูบอกให้ธนิษฐาไปตายเพื่อเป็นการขอโทษ แต่พี่นิกช่วยแม่เขาไว้ รถชนวันเดียวกับที่มึงโดนแทง อาการหนัก หายใจเองยังไม่ได้ ตอนนี้ก็ยังอยู่ห้องไอซียู”

หลังจากที่ผมพูดจบ เราต่างก็เงียบอยู่นาน เขมินทรายื่นมือมาจับมือของผมแล้วบีบเบาๆ

“มึงไม่ใช่คนทำหรอก” มันปลอบใจ “ต่อหน้ากูไม่ต้องทำเหมือนมึงโอเคก็ได้ ตามึงบวมขนาดนี้ ร้องไห้เป็นงานอดิเรกเลยล่ะสิ”

มือของผมสั่น กระบอกตาร้อนผ่าว ผมเกลียดคนรู้ทัน “กูฝันถึงพี่นิก ฝันว่าได้อยู่ด้วยกัน มีความสุขด้วยกันแล้วสุดท้ายเขาก็พูดว่าจะไปแล้วนะ เขาบอกลาก่อนที่กูจะสะดุ้งตื่น มันเหมือนจริงจนกูกลัว ยิ่งเห็นว่าเขายังนอนอยู่ในห้องไอซียู ความฝันกูก็เหมือนจริงขึ้นเรื่อยๆ”

“มันแค่ฝันไอ้พี่ ไม่ใช่ลางบอกเหตุอะไรทั้งนั้น ตอนนี้มึงก็แค่กังวลเรื่องของพี่ธนิกจนเก็บเอาไปฝัน ก็แค่นั้นเอง” เขมินทราใช้หลังมือเช็ดน้ำตาให้ผม “แล้วก็เลิกโทษตัวเอง เชื่อเถอะว่าอย่างพี่ธนิกไม่โทษอะไรมึงหรอก กูไม่ได้จะเกทับมึงนะ แต่กูคบกับเขามาสี่ปี พอจะรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง”

“เล่าให้ฟังหน่อยสิ” ผมมองสบตากับเขมินทรา “พี่นิกที่มึงรู้จักเหมือนที่กูรู้จักไหม”

“กูว่าเขาเหมือนมึงนะ หมายถึงนิสัยบางอย่าง” เขมินทราบอกพลางเงยหน้าขึ้นมองเพดานอย่างครุ่นคิด “ตอนกูคบกับเขา กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่ามันดีมาก ดีจนไม่คิดว่าจะเลิกกัน แต่นั่นก็แค่สองปีที่รู้สึกแบบนั้น วันวาเลนไทน์ที่ธนิษฐามาหากู เขาก็ถูกส่งไปต่างประเทศ ไปสามเดือนแล้วไม่เคยติดต่ออะไรมาเลย สามเดือนที่กูเหมือนอยู่ในนรกแต่เขาไม่รู้เรื่องรู้ราว พอกลับมาก็ทำเหมือนทุกอย่างยังเหมือนเดิม บอกขอโทษที่หายไป ทั้งที่กูรู้ว่าเขารู้สึกกับกูน้อยลงนั่นแหละถึงได้หายไป แต่เขาไม่บอก กูโกรธนะ อยากถามว่าหายไปไหนมาถึงไม่อยู่ปกป้องกู แต่กูไม่กล้าถาม ไม่กล้าให้เขารู้เรื่องที่เกิดขึ้น เราเลยต่างฝ่ายต่างหลอกตัวเองว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม แต่แค่สองเดือนหลังจากที่เขากลับมา เขาก็รู้แล้วว่ากูกับเพื่อนของเขามีอะไรกัน ก่อนที่เขาจะรู้ว่าจริงๆ แล้วกูโดนขืนใจเขาก็ติดอยู่กับความรู้สึกที่โดนหักหลังเกือบสองปี กูอาจจะไม่ได้สำคัญที่เขายอมปิดปากเงียบแต่อีกคนสำคัญต่อเขามาก จนกูเลิกกับเขาไปแล้ว เขาก็ไม่ได้พูดเรื่องที่เขารู้กับแตงโม ไม่ต่อว่า ไม่อะไรทั้งนั้น เขาทำแค่ขอโทษกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น ที่บอกเลิกกูหลังจากทนอยู่นานก็ไม่ใช่เพราะกูนอนกับเพื่อนเขาแต่เพราะรู้เรื่องที่แม่เขาทำร้ายกู กูคิดนะว่าถ้าเขาไม่รู้และยังฝืนใจกับกูได้ต่อ ป่านนี้คงยังยื้อความสัมพันธ์กันอยู่”

“ตอนมึงคบกับเขามึงโดนทำร้ายหนักเลยใช่ไหม”

“ถ้าจากธนิษฐาก็แค่วันวาเลนไทน์ แต่หนึ่งปีหลังจากนั้นกูเจออีนิ่มล้วนๆ ที่หนักสุดคือสาดน้ำร้อนใส่กู พี่ธนิกพากูไปแจ้งความ แต่พ่ออีนิ่มใหญ่พอที่มันจะไม่ติดคุก แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายก็ทำอะไรมันไม่ได้ แต่พี่ธนิกก็ช่วยส่งมันไปอยู่ต่างประเทศให้จะได้ไม่มาระรานกูอีก”

“อีนิ่มมันยอมไปง่ายๆ เหรอ”

“ยอมสิเพราะพี่ธนิกบอกว่าถ้ามันยอมไปเรียนต่อที่นั่นจนจบปอโท กลับมาแล้วเขาจะแต่งงานกับมันทันที จะไม่อิดออดอะไรอีก เพราะก่อนหน้านี้เขาปฏิเสธการแต่งงานกับมันตลอด คู่หมั้นที่หมั้นกันแค่ปากเปล่าก็เลยจะกลายเป็นคู่จริงขึ้นมา”

“เพราะมึงนี่เองไอ้น้องโง่ กูเลยต้องมารับศึกจากมันต่อ แล้วครั้งนี้มึงว่ามันจะรอดอีกไหม อีนิ่มน่ะ”

“ต่อให้รอด พ่อมันคงไม่ให้อยู่ที่นี่แล้วมั้ง แค่เป็นหม้ายขันหมากพ่อมันก็แทบจะพาครอบครัวย้ายหนีไปต่างประเทศ พวกคนรวยๆ น่ะหน้าตาสำคัญในสังคมยิ่งกว่าเงินที่มีซะอีกนะมึง”

ผมกับเขมินทราถอนหายใจออกมาพร้อมกันเมื่อคิดว่าไม่ว่าอย่างไรก็คงทำอะไรผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ คงต้องปล่อยให้เวรกรรมทำงานของมันเอง

“แล้วอะไรที่มึงบอกว่ากูเหมือนกับพี่นิก”

“ก็นิสัยปล่อยเบลอของมึงไง” เขมินทราเฉลยพลางยิ้มนิดๆ “จะว่าเป็นข้อดีก็ไม่ใช่ ข้อเสียก็ไม่เชิง มึงเห็นปัญหาเป็นแค่เรื่องแค่นั้นอะ แค่มองแล้วก็มอง ยิ่งถ้าผ่านมาแล้วมึงก็ไม่สนใจ ไม่คิดแค้น ไม่คิดแก้ไข มึงอยู่กับมันได้จนบางทีกูหงุดหงิดใจแทน พี่ธนิกก็ไม่ต่างจากมึง วันที่กูสวมรอยเป็นมึงไปเจอเขาที่ร้านกาแฟก็คุยกันทุกเรื่อง คุยกันมากกว่าตอนที่คบกันด้วยซ้ำ แต่เขาก็ยังเหมือนเดิม ยังให้ความรู้สึกเดิมๆ ที่ว่าถ้าคบด้วยแล้วคงจะมีความสุขดี ถ้าไม่ติดว่ากูรักคนอื่นไปแล้วแล้วเขาก็รักมึง พี่ธนิกเป็นของกูแน่จ้า แต่กูรู้นะว่าเขารักมึงมาก เขาปล่อยเบลอมาตลอดแต่พอเป็นเรื่องของมึงเขากลับพยายามชัดเจนในแบบของเขา แม่เขานั่นแหละปัญหาหลักของพวกเรา เขาบอกกูนะว่าถ้าเขายังติดอยู่กับแม่ของเขา เขาก็ก้าวไปหามึงไม่ได้”

“ตอนนี้เขาคงเหมือนเป็นอิสระแล้ว แต่กูกลับจะเป็นคนที่ติดอยู่ในบ่วงแทนเขา”

“เป็นไปได้ก็คงไม่อยากให้จบลงแบบนี้หรอก”

ฉากจบห่วยๆ แบบนี้ใครจะยอมรับได้กัน อย่างน้อยให้ผมได้พูดเรื่องจริงกับเขา ไม่ใช่เรื่องโกหกที่เป็นถ้อยคำสุดท้ายที่เขาได้ยิน

“ถ้าเขาไม่ฟื้น...กูควรทำไงวะขิม”

“ทำใจยอมรับให้ได้” เขมินทราตอบในทันที “มันยากเว้ย แต่มึงเก่งอยู่แล้วขวัญ มึงไม่ใช่คนที่จะเทิดทูนความรักเหมือนกู กูรู้ว่าความรักไม่ใช่ทุกอย่างสำหรับมึง มึงจะอยู่ได้”

“แต่พี่นิกเป็นทุกอย่างสำหรับกู ไม่ใช่แค่ความรัก...แล้วอย่างนี้ กูจะอยู่ได้จริงๆ เหรอวะ”

“ก็อย่าพูดให้มันไม่มีทางอย่างนี้สิ” เขมินทราว่าอย่างอ่อนใจ

“ว่าแต่...เรื่องของพี่โม มึงจะเอายังไงต่อ” คำถามของผมทำให้เขมินทราเกร็งตัวขึ้นมาเล็กน้อย “รู้นะว่ามึงไม่โกรธ แต่อย่างน้อยก็ทำอะไรบ้าง ไม่ได้บอกว่ามึงควรแก้แค้น แต่มึงต้องออกมาจากจุดที่มึงเคยยืน จุดที่ยอมทุกอย่างแล้วก็ตกเป็นเบี้ยล่างให้เขา”

“กูจะทำอะไรได้วะ” เขมินทราถามด้วยสีหน้าคนขี้แพ้ “กูรักไปแล้ว โดนทำร้ายแค่ไหนก็เกลียดไม่ลง”

“ยังอยากมีเขาต่อมั้ย”

“กูบอกมึงแล้วไงว่ากูขาดเขาไม่ได้”

“ต่อให้เขาจะไม่รักหรือจะอยู่กับมึงด้วยความสงสารน่ะเหรอ”

“อืม”

“มึงเป็นไอ้น้องโง่จริงๆ นั่นแหละ” ผมถอนหายใจใส่มัน “แต่อะไรที่เป็นความสุขของมึง กูทำให้แล้ว”

“มึงทำอะไรอีกไอ้สัดพี่” เขมินทรามองผมอย่างไม่ไว้ใจ

“กูบอกว่ากูไม่เอาเรื่อง แต่มันต้องรับผิดชอบด้วยการดูแลมึงตลอดชีวิต กูล่ามคอมันไว้กับมึงแล้ว เพราะหมอบอกว่ามึงเดินไม่ได้ มีดโดนเส้นประสาทบางส่วนทำให้ท่อนล่างเป็นอัมพาต”

“เดี๋ยวนะ...” เขมินทราหน้าซีด “เรื่องจริงเหรอที่กูจะเดินไม่ได้!”

ผมหยิกที่หน้าแข้งของไอ้น้องโง่ เห็นมันสะดุ้งเฮือกแล้วร้องโอดโอยเพราะกระเทือนแผลแล้วก็ได้แต่ฉีกยิ้มกว้างให้มัน “มึงเจ็บไหมล่ะ”

“เจ็บ”


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
“เออ งั้นแสดงว่ายังรู้สึก เอวมึงยังใช้ได้ดีเหมือนเดิมนั่นแหละ”

“ไอ้สัด กูไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นมั้ย” เขมินทรามองค้อน “แต่ก็...เออ ห่วงนิดหน่อยแหละ”

“กูรู้ใจมึงที่สุดไหมล่ะ” ผมหัวเราะ รู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย “นั่นแหละไอ้ขิม กูบอกพี่โมอย่างนั้น มึงก็ทำให้แนบเนียนหน่อยละกัน เอาเรื่องมันมันก็รอดอยู่ดี ให้มันมาติดแหง็กอยู่กับมึงทั้งชีวิตนั่นแหละ เป็นการลงโทษให้มันทรมานอยู่กับคนที่มันไม่ได้รัก”

“อย่าย้ำได้มั้ยว่ามันไม่รักกูไอ้พี่เหี้ย” เขมินทราเบ้ปากใส่ผม “แต่กูจะทนไหวเหรอวะ อยู่กับคนที่รู้ว่าเขาไม่รัก”

“มึงนี่ย้อนแย้งเก่ง แต่ไม่ต้องห่วง มันรักมึง”

“กูไม่เชื่อ”

“ไม่เชื่อแล้วมึงยิ้มทำไม” ผมล่ะเบื่อไอ้พวกปากแข็ง ทำตัวซึน “ต่อจากนี้จะทำอะไรก็เรื่องของมึงแล้ว แต่ต้องคิดถึงความสุขของตัวเอง อย่าทิฐิเยอะ”

“แล้วกูต้องทำเหมือนเดินไม่ได้เหรอ”

“แผลยังไม่หายก็ไม่ควรเดินเยอะไอ้โง่ หายดีเมื่อไหร่จะวิ่งก็ตามใจมึง”

เขมินทราพยักหน้า คลี่ยิ้มกว้างก่อนจะหุบลงทันทีเมื่อประตูถูกเปิดเข้ามาและคนที่มันทำทีว่าไม่อยากเจอก็ปรากฎตัว

“พี่โมมาก็ดี ฝากดูมันหน่อย” ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วหันไปพูดคุยกับคนที่กำลังเดินมาใกล้เตียง “ผมจะไปหน้าห้องไอซียู จะอยู่รอจนถึงเวลาเข้าเยี่ยม”

“ได้ ไปเถอะ”

ผมหันไปลูบหัวไอ้น้องโง่ แสดงหน้าที่เป็นพี่ชายที่ดีแล้วก็ขอตัวออกจากห้อง จากนี้...ผมหวังว่าเขมินทราจะมีความสุขจริงๆ เสียที แม้ว่าพอปิดประตูแล้วจะได้ยินเสียงโครมคราม มันอาจจะอาละวาดโดยการขว้างปาข้าวของใส่คนที่มันรัก แต่ผมเชื่อว่ามิสเตอร์ทีคนที่ขังมันในนรกมาหลายปีคนนั้นจะจัดการได้ ผมไม่ได้เปิดโอกาสให้คนทำผิดมีโอกาสแก้ตัวแต่เขมินทราจะลงโทษเขาเอง ผมถึงได้ยอมถอย ปล่อยให้เป็นเรื่องของคนสองคนจัดการกันไป เพราะต่อจากนี้ไม่ใช่ปัญหาของผมอีกแล้ว

ปัญหาของผมคือคนที่ยังอยู่ในห้องไอซียูต่างหาก ปัญหาที่ดูท่าว่าจะไม่มีทางคลี่คลาย ยังคงเป็นเหมือนเมฆสีดำอึมครึมบดบังดวงอาทิตย์ให้ท้องฟ้าที่ควรเป็นสีฟ้าแจ่มใสกลับกลายเป็นสีหม่นๆ เทาๆ

ผมเดินมาที่หน้าห้องไอซียู หลบมุมมานั่งรออยู่บนเก้าอี้ที่มีญาติของผู้ป่วยหนักคนอื่นๆ รอเข้าเยี่ยมกันอยู่ คุณธนิษฐาไม่มาสองวันแล้วเพราะเธอล้มป่วย ผมไม่รู้ว่าเธออยู่ที่โรงพยาบาลหรืออยู่ที่บ้านเพราะไม่ได้ให้ความสนใจ เวลาเจอเธอที่นี่ก็ไม่ได้พูดคุยกัน ทว่าเราก็หัวอกเดียวกัน ดวงตาเธอที่มองสบมาบวมช้ำไม่ต่างจากผม ทุกครั้งที่เข้าเยี่ยมก็คงภาวนาไม่ต่างจากผมว่าอยากให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี แม้สายระโยงระยางจากตัวคุณธนิกจะเป็นภาพที่ไม่ชินตาและทำให้ใจฝ่ออยู่บ้าง แต่ก็ยังใจชื้นที่ยังเห็นอกกว้างของเขาสะท้อนขึ้นลง เขายังหายใจเองไม่ได้ ยังคงหลับสนิทราวกับไม่เจ็บไม่ปวด มีอาการชัก เกร็งให้ใจหายใจคว่ำอยู่บ้าง แต่ผมก็ยังพูดได้เต็มปากว่าดีแล้ว...ดีแล้วที่ยังมีชีวิตอยู่ให้ผมยังสามารถจับมือรับความอบอุ่นจากเขาได้





“น้องขวัญ ได้เวลาแล้ว” เสียงของคุณธนิกทำให้ผมละความสนใจจากเด็กที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ในชานชาลา “ไปขึ้นรถกัน”

“ขึ้นรถไปไหนครับพี่นิก” ผมถามพลางเอียงคอมองเขา “เรากำลังจะไปที่ไหน”

“อ้าว...คนซื้อตั๋วไม่รู้แล้วพี่จะรู้ได้ยังไง” เขาพูดเสียงกลั้วหัวเราะ “เอาตั๋วมาดูสิ”

ผมล้วงมือไปค้นในกระเป๋าเสื้อและกระเป๋ากางเกงแต่ก็หาตั๋วรถไฟไม่เจอ “ไม่มีครับพี่นิก หรือผมยังไม่ได้ซื้ออะ”

“ทำหายหรือเปล่า”

“ไม่แน่ใจ” ผมตอบอย่างลังเล “ทำไมผมจำอะไรไม่ได้เลย”

“น้องขวัญขี้ลืม แล้วทีนี้เอายังไงดี”

“ไปซื้อใหม่ก็ได้” คุณธนิกทำหน้าดุจนผมรีบพูดอย่างเอาใจ “ว่าแต่พี่นิกอยากไปไหนครับ”

“พี่ไปที่ไหนก็ได้แค่น้องขวัญไปด้วย”

ปากหวานอีกแล้ว

“งั้นไม่ต้องไปแต่แค่นั่งอยู่ด้วยกันก็ได้ใช่ไหมครับ”

“อืม ยังไงก็ได้ถ้ามีน้องขวัญ”

“ผมก็เหมือนกัน”

เรามองสบตากันแล้วคลี่ยิ้ม แต่ผมคิดไปเองหรือเปล่าที่รอยยิ้มของคุณธนิกเศร้าเหลือเกิน

“พี่รักขวัญนะ” เขาบอกเบาๆ ส่วนผมได้แต่เบิกตากว้างกับถ้อยคำที่ได้ยิน “ทำหน้าตลกจัง”

“ก็...พี่นิกไม่เคยพูดเลย”

“กลัวว่าพูดไปแล้วจะควบคุมตัวเองไม่ได้ พอพูดให้ฟังแล้วกลัวจะเห็นแก่ตัวยิ่งกว่าเดิม”

ไม่เข้าใจเท่าไร แต่เห็นสีหน้าของเขา ผมก็เห็นความทุรนทุรายบางอย่างในแววตา

“ขวัญไม่รู้หรอกว่าพี่รักขวัญ ต้องการขวัญมากแค่ไหน”

“รู้ซี ก็พี่นิกรักผมทุกวันเลย รักแรงด้วย” ผมพูดล้อๆ ก่อนจะหน้าแดงกับคำพูดของตัวเอง

เขาหัวเราะพลางถามเสียงนุ่ม “แล้วขวัญรักพี่บ้างมั้ย”

“รักมากๆ เลยค้าบบบ”

“กอดพี่หน่อยสิครับ” เขาอ้าแขนออกกว้าง ผมเห็นดังนั้นจึงโผเข้าในอ้อมกอด เขารับตัวผมไว้แล้วยกมือลูบศีรษะผมเบาๆ “ดูแลตัวเองให้ดีนะน้องขวัญ พี่คงเป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่องเลย ดูแลไม่เก่ง ปกป้องก็ไม่ได้ ทำขวัญร้องไห้ก็บ่อย แล้วพี่ก็ยังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อความสุขของเราสองคนเลย พี่ขอโทษนะที่เป็นแบบนี้ ขวัญยกโทษให้พี่ได้มั้ย”

“ผมไม่ได้โกรธพี่นิกนี่ครับ จะมาขอโทษผมทำไม” ผมบอกเขาเบาๆ แล้วกระชับแขนโอบตัวเขาแน่นขึ้น “ผมไม่ได้ต้องการแฟนที่ปกป้องผมได้เหมือนซุปเปอร์ฮีโร่ เรื่องดูแลพี่นิกก็ทำได้ดีมากๆ แล้ว ดูแลดียิ่งกว่านี้ผมคงเป็นง่อย เพราะฉะนั้นไม่ต้องทำอะไรเพื่อผมมากไปกว่านี้หรอกครับ เป็นพี่นิกผู้ชายธรรมดาๆ แค่พี่นิกเป็นพี่นิก อยู่เป็นพี่นิกให้ผมรักก็พอแล้ว”

“แบบนี้ดีจริงๆ เหรอน้องขวัญ พี่ที่เป็นแบบนี้ทำให้น้องขวัญมีความสุขได้จริงๆ ใช่มั้ย”

“ครับ ผมมีความสุขแล้ว” ผมตอบพลางยิ้มหวานให้เขา “คนเป็นแฟนกันไม่จำเป็นหรอกครับที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะต้องคอยปกป้องหรือดูแล พี่ไม่ต้องทรีตผมเหมือนผมเป็นผู้หญิง เพราะผมก็ผู้ชาย ดูแลตัวเองได้ ปกป้องตัวเองได้ดีด้วย พี่มีปัญหาของพี่ ผมมีปัญหาของผม ไม่ต้องช่วยกันแก้ก็ได้แต่แค่เราอยู่เคียงข้างกัน ผมว่าแค่นี้ก็ดีแล้ว”

คุณธนิกอาจเป็นผู้ชายเพอร์เฟ็ค เก่งเรื่องงาน จัดการปัญหาได้ทุกอย่าง แต่พี่นิกแฟนของผมกลับเป็นแค่ผู้ชายที่มีข้อบกพร่อง เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย

“แล้วถ้าวันหนึ่งพี่ไม่ได้อยู่ด้วย ขวัญจะยังมีความสุขอยู่มั้ย”

“พี่” ผมมองสบตากับเขา “ความสุขของผมคือพี่นะ ถ้าพี่ไม่อยู่ ผมจะมีความสุขได้ยังไง”

“ขวัญ…”

“อย่าไปไหนเลย” ผมกอดเขาแน่นขึ้น “ที่ผมเข้มแข็งและยังยิ้มได้ ต่อให้เจอปัญหาผมก็ไม่ท้อ เพราะว่ายังมีพี่อยู่ข้างๆ ผมเก่งเพราะผมมีพี่”

“ขวัญกำลังทำให้พี่เป็นห่วงรู้ไหม”

ผมไม่ชอบน้ำเสียงเศร้าสร้อยของเขา ไม่ชอบที่เขากำลังผละตัวออกห่าง แม้ว่าอ้อมกอดของผมจะแน่นแค่ไหนแต่อยู่ๆ แขนทั้งสองข้างก็ไร้เรี่ยวแรง เขายังคงยิ้มให้ แต่เป็นรอยยิ้มที่พาความเหงาเข้ามาในใจของผม

“ขวัญพัฒน์เด็กดีของพี่ ต้องยิ้มเยอะๆ นะ” เขาใช้นิ้วทั้งสองข้างยกมุมปากของผมขึ้น “พี่ชอบเวลาขวัญยิ้มจนตาหยี ชอบมองเวลาขวัญหัวเราะ ถ้าต่อจากนี้พี่ทำได้แค่มองดูขวัญแล้ว ขวัญสัญญาได้ไหมว่าจะไม่ร้องไห้”

“ผมไม่สัญญาในเรื่องที่ผมทำไม่ได้” ผมบอกอย่างดื้อดึง แต่ครั้งนี้เขาไม่ดุ เขาทำแค่ยิ้มอย่างอ่อนใจแล้วยกมือขึ้นลูบหัวผม

“พี่ต้องไปแล้วนะ” เขาบอกเสียงเบาพลางยื่นตั๋วรถไฟให้ดู “รถไฟจะออกแล้ว”

“ไม่” ผมจับแขนเขาไว้แน่น “พี่จะทิ้งผมไม่ได้ รอผมก่อนได้ไหม ผมจะไปซื้อตั๋วใบใหม่ แล้วเราไปด้วยกัน”

ผมขอโทษที่ทำตั๋วหาย ขอโทษที่ผมดูแลรักษาไว้ไม่ดี แต่ดูเหมือนจะไม่มีโอกาสให้แก้ตัวเพราะแม้จะดื้อดึงแค่ไหน ตัวผมก็ยังถูกทิ้งให้อยู่ที่ชานชาลาเพียงลำพังและเฝ้ามองท้ายขบวนรถไฟที่พาคุณธนิกไปไกลจากผม

สัญญาบ้าบออะไรกัน...

ถ้าจะไม่มีใครกลับมา ก็อย่าปล่อยให้ผมรอได้ไหม

เพราะตอนนี้ การรอคอยคือสิ่งที่ทุกข์ทรมานที่สุดในชีวิตของผมแล้วผมจะยิ้มอย่างที่เขาชอบได้ยังไง





“ไอ้ขวัญ” เสียงเรียกของไอ้แนนทำให้ผมลืมตาขึ้นมอง ก่อนจะกวาดตาไปทั่วบริเวณ เพดานสีขาวและเสาน้ำเกลือกับความนุ่มของเตียงคนไข้ “เป็นไงบ้างวะมึง”

“แย่ว่ะ” ผมตอบตามจริงเพราะความฝันเมื่อครู่ยังคงทำให้หัวใจปวดหน่วง “แล้วกูมาอยู่ที่นี่ได้ไงวะ กูจำได้ว่านั่งรอเยี่ยมคุณธนิกที่หน้าห้องไอซียู”

ไอ้แนนทำหน้าเหนื่อยใจ ก่อนจะส่งแก้วน้ำมาให้ผมจิบ “มึงเข้าไปเยี่ยมคุณธนิกแล้ว แต่ตอนออกมามึงเป็นลม หมอบอกว่ามึงพักผ่อนน้อย ความดันต่ำด้วย ข้าวปลาก็คงไม่ค่อยยอมกินเลยบอกว่าควรให้น้ำเกลือสักกระปุกสองกระปุก”

“กูไม่เห็นจำได้ว่าเข้าไปแล้ว...”

“ไอ้ขวัญ” ไอ้แนนเรียกเสียงเข้ม “ถ้ามึงไม่ยอมมองความจริงตรงหน้า ก็อย่าบิดเบือนมัน ถ้าภาพที่เห็นมันแย่ แล้วจะไปทำไมให้เห็นทุกวัน หัวใจของมึงจะไม่ไหวอยู่แล้ว”

“กูคิดถึง กูอยากเจอ แต่กูทนเห็นเขาในสภาพนั้นไม่ได้ กูควรทำยังไงต่อวะแนน กูเอาแต่ฝันว่าเขาจะไปจากกู กูอยู่เหมือนเดิมไม่ได้จริงๆ วันแรกมันไม่ทรมานเท่านี้ แต่หลังจากนั้นมันแย่ลงเรื่อยๆ เวลาแม่งไม่เคยช่วยอะไรกูได้เลย”

“ร้องออกมา...มึงร้องออกมาให้หมด” ไอ้แนนบอกเสียงสั่น “ไม่ต้องทำเป็นเก่งแล้วไอ้ขวัญ ตอนนี้มึงอ่อนแอสุดๆ เพราะฉะนั้นไม่ต้องอายถ้าจะร้องไห้”

น้ำตาของผมไหลลงตามคำสั่งของไอ้แนน ผมกอดเอวของมันไว้ ปิดเสียงร้องไห้ด้วยหน้าท้องที่ไม่ได้เป็นลอนสวยเหมือนอย่างของคุณธนิก แต่ก็ปิดกั้นเสียงแห่งความอัดอั้นของผมได้ ผมอยากตะโกนให้ดังกว่านี้ เอาให้สมกับที่ความรู้สึกกำลังจะระเบิดออกมา ทว่า...ผมไม่มีแรงพอ

ชีวิตหลังจากนี้ของผมจะมีความสุขได้อย่างไรผมก็ยังคิดไม่ออกในเมื่อรถไฟขบวนนั้นพาความสุขของผมหนีหายไปแล้ว กี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็มีแค่ผมที่ยังคงนั่งรออยู่เพียงลำพัง มีแค่ผมที่ยังคงรอคอย รอคอยอย่างมีความหวังว่าในสักวันจะได้พูดทักทายเขาอีกครั้ง

ผมยังรออยู่นะ...กลับมาสักทีได้ไหมครับ กลับมาก่อนที่ผมคนนี้จะรอไม่ไหว เปลี่ยนคำจากลาเป็นคำพูดที่ดีกว่านี้ ที จะเป็นคำธรรมดาก็ได้ แต่แค่ให้ผมได้พูดว่า ‘สวัสดีครับคุณธนิก’ อีกสักครั้ง แค่นั้นก็พอแล้ว

.............TBC................

จบตอนหน้าจ้าาาา  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Justccwpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แง่อยากให้มีความสุขขขขขขขขขขข

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
หายไวๆนะพี่นิก ตอนนี้อย่างที่ขวัญบอกว่าฟาดฟันกันมาตั้งนานสุดท้ายแล้วก็เจ็บปวดเหมือนกัน ในส่วนของขิมยังไงเราก็ยังหน่วงๆอยู่นะอยากให้ขิมออกมาใช้ชีวิตของตัวเองสักทีเลิกยึดติดกับอิพี่โมมันเถอะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ขวัญญญญญ  :sad4:

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
การรอคอยแบบไร้จุดหมายมันทรมานกว่าจากลากันไปแบบเข้าใจอีก

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ถ้าตายจริงๆก็ยอมรับได้นะ

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
พี่นิกจะไปจริงๆใช่ไหม

ออฟไลน์ mareeyah

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ๊ยยยยบีบหัวใจเหลือเกิน อาการจุกอกจนร้องไม่ออกนี่มันโคตรจะทรมานเลย :sad11: :sad11: :sad11:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
จะตื่นไม่ตื่นคุณธนิก !!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
รอขวัญพูดว่า สวัสดีครับ!คุณธนิก

ออฟไลน์ naruxiah

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 913
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
เดายากมากว่าคุณ​ธนิกจะรอดไม่รอด​ กลัวไม่รอดจังเลย​ แต่อาจจะรอดให้น้องขวัญ​สวัสดี​คับคุณ​ธนิกก็ได้​ โอ้ยยยย​   :katai1:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
กลับมานะคะคุณธนิกกกก  :hao5:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
เห็นไหม? เราบอกแล้วว่าพระเอกเรื่องนี้คือ...แนน  หล่อสุด ปกติสุดละพี่แนนของกู  :laugh:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ต่อให้หมอเก่งกาจมาจากไหน
ผ่าตัดรักษาคนไข้มาแล้วกว่าหมื่นราย
ก็ไม่สามารถรักษาคุณธนิกให้ฟื้นขึ้นมาได้
นอกจาก....คุณ Snufflehp
ฮือออออออออออออออออออออออออ

* yodrak นั่งอธิฐานจนเมื่อยหลังละยังไม่ฟื้นอีก  :jul1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
พี่นิกอย่าทิ้งน้องขวัญไปไหนนะ

ออฟไลน์ BitterCucumber

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อย่าให้พี่นิกตายนะคะ ขอร้องละ หนูขอร้องงงงงงงงงงงงงง :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
เราปล่อยเบลอมั่งดีกว่า  :hao4: :hao4: :hao4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด