***ความรักของ Mr. T***“ที่จริงมึงชื่อแตงโมเหรอ” ริมฝีปากเล็กเอ่ยถาม ใบหน้าของเขมินทรามีความขบขันราวกับเด็กที่ล่วงรู้ความลับที่ไม่ควรรู้ แววตาซุกซนล้อเลียนจนปฐพีต้องมองด้วยแววตาดุ “ไม่ต้องทำตาดุ กูไม่กลัวมึงหรอก”
“ไปรู้มาจากไหน” ปฐพีถามเสียงเข้ม ผลักหน้าผากเขมินทราที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ให้ออกห่าง
“เห็นในมือถือพี่ธนิก” เขมินทราบอกพลางยิ้มพราย “ขอเรียกแตงโมได้ป้ะ”
“ห้าม” เขาสั่งเสียงเฉียบ “คุณไม่มีสิทธิ์”
ไม่มีใครมีสิทธิ์ นอกจากธนิกแล้วปฐพีไม่อนุญาตให้ใครเรียกชื่อแห่งความทรงจำของเขา ชื่อที่มีแค่ธนิกเรียกได้คนเดียวเท่านั้น
“อยากเรียกๆ ๆ” เขมินทราไม่ยอมความ ร่างผอมบดสะโพกกับตักของปฐพี ก่อนจะออดอ้อนรบเร้า ใบหน้าเล็กคลอเคลียอยู่กับซอกคอของร่างสูงไม่ห่าง “นะๆ น่ารักจะตาย ชื่อแตงโมอะ ขอเรียกตอนอยู่กันสองคนก็ได้”
“ขิม” เขาปราม “พูดให้รู้เรื่อง”
“แล้วทำไมแค่นี้มึงต้องหวง” แววตาเย็นชาของปฐพีสบมองกับแววตาดื้อรั้นของเขมินทรา จากนั้นคนที่พ่ายแพ้ก็คือคนที่ไม่เคยชนะอย่างเขมินทรา “ก็ได้ ไม่เรียกก็ได้”
“ดีครับ” ปฐพีบอกเสียงเรียบ “แล้วจะกลับบ้านไหม”
เขมินทราส่ายหน้า ความเหงาปรากฎชัดให้เห็น “กลับไปให้แม่เลี้ยงด่ากูเหรอ ขนาดกูกลับบ้านแค่เดือนละครั้งยังคิดว่ากูกลับไปอ่อยพ่อ โคตรประสาท ขืนเสนอหน้ากลับไปบ่อยๆ กูคงโดนตบจนหน้าบวมอีก แล้วมึงถามทำไม จะไม่อยู่กับกูเหรอ จะไปที่ไหน ไปนานมั้ย ไปแล้วโทรมาหากูได้ป่าว มึงก็รู้กูนอนคนเดียวไม่ได้”
“ผมต้องไปทำธุระที่ต่างจังหวัดสองวัน” ปฐพีบอกอย่างอ่อนใจกับเด็กช่างจ้อที่ชอบรัวคำถามใส่เขา เขมินทราเป็นแบบนี้เสมอ สามปีที่มีความสัมพันธ์ทางกายด้วยกันมา จากวันแรกจนถึงวันนี้คนที่มักบอกว่าเกลียดเขาเปลี่ยนไปมาก คงเพราะเจ้าตัวเป็นคนอ่อนไหวง่าย ปากบอกว่าเกลียดแต่การกระทำกลับตรงกันข้ามทุกอย่าง เขมินทราติดเขาแจ ไม่เคยยอมห่างแม้จะผลักไส เขาบอกอยู่เสมอว่าที่มาหาก็แค่ต้องการมีเซ็กส์ด้วยเท่านั้น ไม่เคยคิดเป็นอื่น แต่ระยะเวลาคงทำให้หัวใจของเขมินทราล้ำเส้นที่เขาขีดไว้ ไม่ใช่ไม่รู้แต่ทำไม่รู้เสียมากกว่า เพราะหัวใจของเขารักใครอีกคนไปแล้ว คนในใจที่ต่อให้จะใช้เวลานานแค่ไหนก็ตัดใจไม่ได้ แม้จะมีเขมินทรามาร่วมสามปีแต่ก็เป็นสามปีที่ไม่เคยมีเขมินทราอยู่ในนั้น
สิ่งที่เขมินทราต้องการจากเขา เขาให้ไม่ได้ มีเพียงความสงสารเท่านั้นที่เขมินทราได้รับ
“ไปด้วยได้ไหม”
“ผมไปกับธนิก”
“ไม่เห็นเป็นไร ให้กูไปด้วยนะ กูนอนไม่ได้ถ้าไม่มีมึง กูตามไปทีหลังก็ได้ แต่ดึกๆ มาหากูนะ มานอนด้วยกัน”
ปฐพีพยักหน้า เขาไม่อาจปฏิเสธเมื่อเห็นแววตาเหงาๆ ของเขมินทรา หลายครั้งที่อยากหยุดความสัมพันธ์ทางกายเพราะเป้าหมายสำเร็จลุล่วงไปแล้ว แต่ที่ยังไม่หยุดและปล่อยเวลาเนิ่นนานขนาดนี้ก็เพราะทิ้งคนน่าสงสารคนนี้ไว้เพียงลำพังไม่ได้ เขมินทราที่ภายนอกทำเหมือนเข้มแข็ง แต่ความจริงแล้วอ่อนแอเปราะบาง พร้อมจะแหลกสลายหากถูกกระทบด้วยแรงได้ทุกเมื่อ เขาก็แค่ต้องดูแล ก็แค่ต้องอยู่ข้างๆ เพราะก็ไม่ได้เดือดร้อนหากต้องอยู่ตรงนี้ ในเมื่อไม่มีที่ข้างๆ ของคนในใจให้เขาได้ยืน ให้อยู่ตรงนี้ต่อก็ไม่เป็นไร
ก็ดี...ไม่เหงาดีเหมือนกัน
“เย้!” เขมินทราร้องดีใจราวกับเด็กน้อย ในขณะที่ปฐพีเผลอหลุดยิ้มให้เห็น “มึงยิ้มก็เป็นนี่ แต่ชอบทำหน้าดุ ทำหน้าเฉยๆ ใส่กู ยิ้มบ้างก็ได้ ไม่ได้ว่าอะไรเลยจริงๆ นะ ถึงกูจะเกลียดมึง แต่กูว่า...กูชอบรอยยิ้มของมึงนะ”
ตอนนั้นถ้าไม่ได้เข้าใจผิดปฐพีก็แน่ใจว่าเขาหัวใจเต้นแรงผิดจังหวะแค่เพราะคำพูดของเขมินทรา
“นี่ ทำไมถึงเป็นแตงโมล่ะ”
คำถามที่ได้ยินทำให้ปฐพีเลิกคิ้ว ทำไมถึงเป็น...แตงโม นั่นสินะ เกือบลืมไปแล้วว่าทำไม หลายปีแล้วมั้งจนเกือบจำรายละเอียดแทบไม่ได้ แต่เหตุผลมันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร แค่เพราะ...อะไรที่มันง่ายและดีต่อความรู้สึก
“มีเรื่องไม่สบายใจอีกแล้วเหรอ”
“ทำไมถึงรู้ล่ะ”
“ก็เวลาที่ไม่สบายใจมึงจะชอบกินแตงโม มึงเคยบอกนี่ว่ามันช่วยให้อารมณ์ดีได้”
“อืม ก็มีเรื่องนิดหน่อย”
“เรื่องพ่ออีกใช่ไหม”
“มึงจะรู้ทุกเรื่องไม่ได้นะธนิก”
“เล่าสิ นอกจากแตงโมแล้ว กูจะทำให้มึงอารมณ์ดีเอง”
เหตุผลที่ชอบแตงโม ไม่ใช่เพราะมันทำให้อารมณ์ดี แต่เป็นเพราะคนที่อยู่ด้วยตอนที่กินต่างหากที่ทำให้อารมณ์ดี ปฐพีกับธนิกคือคนที่มีหัวอกเดียวกัน หัวอกของคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากคนที่เรียกว่าพ่อ ทุกครั้งที่เจอกันไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่งที่ต้องมีเรื่องไม่สบายใจ ธนิกมักจะอยู่ด้วยเสมอในวันที่ปฐพีต้องการใครสักคน บางครั้งอาจแค่นั่งอยู่ด้วยเงียบๆ คอยเป็นผ้าเช็ดน้ำตาให้หรือบางครั้งอาจจะด่าทอต่อว่าในยามที่ปฐพีดิ่งจนเผลอคิดสั้น ธนิกมาทันเวลาทุกครั้ง ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล จะเป็นในวันที่แดดแรงหรือวันที่ฝนตกหนัก หากปฐพีไม่สบายใจ ธนิกจะปรากฎตัวตรงหน้าพร้อมแตงโมลูกใหญ่
“อย่าคิดมาก ต่อให้ไม่มีใครรักมึง ไม่มีใครเห็นความสำคัญของมึง แต่มีกูนะเว้ยโม กูจะอยู่กับมึงเอง”
“มึงมันบ้าไอ้เพื่อนเวร ฝนตกหนักขนาดนี้ก็ยังจะมาหากู กูบอกแล้วว่ากูอยู่ได้ ไม่ต้องมาก็ได้”
“แต่กูมา มันก็ดีกว่าใช่ไหมล่ะ ยิ้มสิวะ กูไม่ได้มาเพื่อเห็นมึงร้องไห้ ยิ้มหน่อยแตงโม กูชอบรอยยิ้มของมึงนะ”
ทั้งที่ตัวเองก็มีเรื่องให้ทุกข์ใจ แต่ธนิกมักจะทำให้ปฐพียิ้มได้แค่มาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้า ทั้งคำพูด ทั้งรอยยิ้ม ทำให้ปฐพีรู้สึกดียิ่งกว่าได้กินแตงโมร้อยลูก ทุกช่วงเวลาในชีวิตของปฐพีมีธนิกอยู่ในนั้น ความสำคัญที่มากกว่าเพื่อน เป็นมากกว่าคนในครอบครัว สำหรับปฐพีแล้วธนิกคือคนเพียงคนเดียวในโลกที่ว่างเปล่า ปฐพีนิยามความรู้สึกนี้ไม่ได้ เพราะหากว่าความรู้สึกนี้คือความรัก ธนิกคงไม่ได้อยู่ในความรู้สึกนี้ แต่หากมีความรู้สึกไหนที่มากกว่ารัก ธนิกจะอยู่ตรงนั้น
“ขอโทษนะเว้ย ที่กูรู้สึกบ้าๆ แบบนี้ ขอโทษจริงๆ ธนิก มึงจะเลิกเป็นเพื่อนกูก็ได้ กูไม่เป็นไร”
“ขอโทษทำไมวะ กูมากกว่าที่ต้องขอโทษ ขอโทษที่ให้ในสิ่งที่มึงต้องการไม่ได้ ขอโทษที่กลายเป็นความทุกข์ใจของมึง แต่มึงเป็นคนสำคัญนะ เป็นคนที่สำคัญกับกู เป็นคนที่กูอยากให้อยู่ข้างๆ ไปตลอด ถ้าแตงโมคือสิ่งที่ทำให้มึงอารมณ์ดี กูก็ไม่ต่างกัน เพราะแตงโมก็ทำให้กูยิ้มได้ มึงเป็นรอยยิ้มของกูนะแตงโม”
“ไอ้เพื่อนเวรเอ้ย พูดขนาดนี้แล้วกูเลือกอะไรได้บ้างวะ มึงโคตรขี้โกงเลยธนิก”
“ความสัมพันธ์แบบนี้มันดีกว่าไม่ใช่เหรอวะ ความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันเลิกรา ความสัมพันธ์ที่จะได้อยู่ด้วยกันไปตลอด ในฐานะเพื่อนแล้วกูไม่มีวันทิ้งมึงให้อยู่คนเดียว อย่าร้องไห้นะเว้ย ถ้าจะร้องก็มาร้องกับกู กูเป็นคนทำให้ร้องกูก็จะเป็นคนปลอบเอง”
“มึงมันบ้าธนิก คนอย่างมึงมันโคตรบ้าเลย”
โคตรบ้าที่ทำให้ปฐพีโคตรรัก ความรู้สึกรักที่ยาวนานหลายสิบปีของปฐพีแม้จะทรมานใจแต่ก็เป็นความทรมานใจที่เต็มไปด้วยความสุข ธนิกไม่เคยมีใครเป็นจริงเป็นจัง ไม่เคยคบใครได้นาน ไม่เคยให้ความสำคัญกับใครมากกว่าปฐพี คนบ้าของเขา ยกให้เขาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ แต่เป็นอันดับหนึ่งในฐานะเพื่อน เพื่อนคนสำคัญที่ธนิกไม่เคยให้ก้าวข้ามไปในฐานะอื่น
“ถามก็ไม่ตอบ ได้ยินไหมเนี่ย” เสียงของเขมินทราปลุกให้ปฐพีตื่นจากห้วงคิด “กำลังคิดถึงใครอยู่เหรอ”
“เปล่า ไม่ได้คิดถึงใคร” ปฐพีตอบ ในขณะที่คนถามยิ้มกว้าง “ไปนั่งดีๆ ไม่ต้องมาซุก”
“ทำไมล่ะ มึงรำคาญกูเหรอแตงโม”
“ต้องให้พูดเหรอครับ” ว่าพลางทำหน้าหน่ายจนคนตัวผอมหน้างอง้ำ “คุณเป็นแฟนกับธนิกอยู่นะ อย่าทำเหมือนตกหลุมรักผม ระหว่างเรามันก็แค่เรื่องเซ็กส์นะเขมินทรา ถ้าเผื่อคุณลืม”
“กูไม่ลืม ไม่ลืมหรอกว่าเป็นอะไรกับเพื่อนมึง ไม่ลืมหรอกว่าระหว่างเรามันไม่มีอะไรเลยนอกจากที่มึงมาเอากูทุกวัน” เขมินทราตัดพ้อ ในขณะที่ปฐพีมองใบหน้าเล็กด้วยแววตาเย็นชา “แต่พี่ธนิกไม่ได้สนใจกู เขาตีตัวออกห่าง คบกันเหมือนรอวันเลิกแล้วมึงจะไม่ให้กูหวั่นไหวกับคนอื่นที่อยู่กับกูตลอดได้ยังไง”
“งั้นก็ไม่ต้องมาเจอกันแล้ว” ปฐพีบอกเสียงเรียบ “ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ผมจะไม่มาหาคุณอีก”
“ไม่เอานะ!” เขมินทราร้องขึ้นทันที “กูแค่พูดเล่น กูเกลียดมึงจะตาย กูจะหวั่นไหวกับมึงได้ยังไง กูรักพี่ธนิก กูรักเพื่อนมึงนะ เพราะงั้น...เพราะงั้นอยู่กับกูนะแตงโม”
โกหก...แค่เห็นแววตาก็รู้แล้วว่าเขมินทราโกหก แต่ปฐพีกลับยอมพยักหน้าเชื่อในคำพูดนั้นและดำเนินความสัมพันธ์ต่อ เพราะความสงสาร...สงสารคนที่ทำหน้าเหงาจับใจ ปฐพีจึงยอมที่จะอยู่ต่อ ทั้งที่รู้ว่าเรื่องที่กำลังทำไม่ใช่เรื่องที่ควร ทั้งที่รู้ว่าเป็นการหักหลังเพื่อนคนสำคัญ ทั้งที่รู้อย่างนั้นก็ไม่ยอมหยุด กลับมีความสัมพันธ์กันเรื่อยมาจวบจนเขมินทราเลิกรากับธนิก
“กูไม่มีใครแล้วนะแตงโม เพราะฉะนั้นอย่าทิ้งกูนะ อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ ได้ไหม จะไม่ดื้ออีกแล้ว จะเป็นเด็กดี”
ไม่ว่าเขมินทราจะแสดงออกว่าเกลียดมากแค่ไหน แต่บางครั้งก็เผลอหลุดความรู้สึกต้องห้ามออกมา ความรู้สึกที่หากเผลอรู้สึก ปฐพีจะจบความสัมพันธ์ทันที เพราะนอกจากความสงสารแล้ว...ปฐพีไม่เคยมีความรู้สึกอื่นใดให้ เขายังคงรักธนิก ยกให้ธนิกเป็นคนสำคัญ แม้จะได้แค่ยืนมองอยู่ห่างๆ แม้จะได้แค่ในฐานะเพื่อน แต่สำหรับปฐพีแล้วธนิกเป็นความรักเพียงหนึ่งเดียวที่เขามี ในขณะเดียวกันตัวเขาก็อาจจะเป็นความรักเพียงหนึ่งเดียวที่เขมินทรามีก็ได้
“ทำไมหายไปทั้งวัน กูรอฉลองวันเกิดให้ จำได้ว่าวันนี้วันเกิดมึง กูมีของขวัญให้ด้วย แล้วทำไมเมามาอย่างนี้ เลยเที่ยงคืนแล้วอีกต่างหาก อุตส่าห์ทำกับข้าวไว้ เค้กก็เตรียมให้ มึงไม่เห็นเหรอว่ากูโทรไป แชทไปก็ไม่อ่าน”
“ผมอยู่กับคนสำคัญ”
“อ๋อ…”
“ขอโทษ แต่ทีหลังไม่ต้องทำอย่างนี้ ผมไม่ได้ขอให้ทำ ไม่ต้องทำอะไรให้ทั้งนั้น แค่...นอนให้ผมเอาคุณก็พอ”
สำหรับปฐพีแล้ว เขมินทราเป็นได้แค่นั้น แค่คนที่มีความสัมพันธ์ทางกาย แค่คนที่เป็นที่ระบายยามที่ปฐพีเหนื่อยล้ากับความรู้สึกที่มีต่อธนิก ยามที่คิดอยากกอด ยามที่คิดอยากจูบ เขมินทราคือตัวแทน
“นี่...ไปเที่ยวด้วยกันบ้างได้ไหม มีที่ที่อยากไปกับมึงเยอะแยะ เราไม่เคยไปไหนด้วยกันเลยนะ นอกจากอยู่ในห้องแบบนี้”
“คงไม่ดีหรอกถ้ามีใครเห็นผมเดินกับคุณ”
“นั่นสินะ...กูคงหวังกับคนอย่างมึงมากเกินไป”
“เข้าใจก็ดีแล้วครับ มานี่สิ ขึ้นให้ผมหน่อย”
เวลาที่ผ่านมามีแต่เรื่องแบบนั้น ไม่มีความทรงจำอื่นนอกจากในห้องนอน ระหว่างปฐพีกับเขมินทรามีเพียงความใคร่เท่านั้นที่ผูกกันเอาไว้ แค่เพราะหัวใจไม่ได้รู้สึกต่อกันหรืออาจจะมีแค่ปฐพีเองที่ไม่รู้สึกอยู่ฝ่ายเดียว ในขณะที่เขมินทรานั้นถลำลึกจนถอนตัวไม่ขึ้น
“ขอโทษนะที่ไอ้พี่บ้าของกูทำแบบนี้ มึงเจ็บใช่ไหมแตงโม เจ็บที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน มีความสุขด้วยกัน มึง...จะร้องไห้กับกูก็ได้นะ จะให้กูทำอะไรก็ได้ แต่ยิ้มให้กูหน่อยได้ไหม หลายวันแล้วนะที่เอาแต่ทำหน้าเศร้า ข้าวปลาก็กินได้น้อย”
“ไม่ต้องยุ่งได้ไหม”
“ถ้ามันเจ็บมากทำไมไม่เลิกรักพี่ธนิกล่ะ มึงจะเจ็บแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่”
“แล้วถ้าเป็นคุณ คุณทำได้ไหม เลิกรักผม เลิกยุ่งกับผม เลิกทำตัววุ่นวายแบบนี้สักที ทำได้หรือเปล่า”
“กูไม่ได้รักมึง”
“คุณโกหกไม่เก่งนะเขมินทรา”
“ไม่ได้รักจริงๆ นะ ไม่เคยรักเลย แต่...ช่วยยิ้มให้คนที่เกลียดมึงได้ไหม เพราะถ้ามึงเป็นแบบนี้ คนที่เกลียดมึงอย่างกูจะสะใจมากนะ ยิ้มหน่อยเถอะ อยากเห็น...”
นอกจากธนิกที่เป็นคนบ้าแล้ว เขมินทราก็เป็นคนบ้า คนบ้าที่บ้ายิ่งกว่าธนิก คนบ้าคนที่สองที่บอกว่าชอบรอยยิ้มของปฐพี อยากเห็นรอยยิ้มของปฐพียิ่งกว่าใคร แม้แต่ในวันที่ปฐพีทำเรื่องเลวร้าย คนบ้าอย่างเขมินทราก็ทำเพียงก้มหน้ายอมรับแล้วร้องไห้ออกมาเงียบๆ
ทำไมกันนะ ทั้งๆ ที่ความรักที่มีต่อธนิกไม่เคยลดน้อยลง แต่ปฐพีกลับแพ้น้ำตาของเขมินทรา กลับรู้สึกทรมานใจที่เห็นเขมินทราเจ็บปวด
ถ้าธนิกคือความรู้สึกที่มากกว่าความรัก แล้วอย่างนั้น...เขมินทราควรอยู่ตรงไหน
น้ำตาที่ไหลมากมายในตอนนี้คงตอบได้เป็นอย่างดี
ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ต้องปลอดภัยนะ ต้องตื่นขึ้นมานะ ตื่นขึ้นมาฟังคำขอโทษจากผม
ไม่ต้องยกโทษให้ ไม่ต้องให้อภัยคนอย่างผม แต่ขอแค่คุณตื่นขึ้นมา แค่นั้นก็พอแล้ว...
...........TBC................
อีก 3 ตอนจบนะคะ