สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สวัสดีครับ! คุณธนิก ตอนพิเศษ 06/11/2018 Page 27  (อ่าน 134032 ครั้ง)

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ตอนนี้้ทำให้รู้ว่าธนิกก็ไม่ได้โง่ให้ใครต่อใครหลอก รู้แต่ก็ไม่บอกใครเก็บเงียบไว้คนเดียว อ้อบอกอยู่บอกโม มิสเตอร์ทีใช่เขลาธนิกเปล่า(ชื่อไรจำไม่ได้แล้ว) แต่ก็สงสัยโมนะเพราะโมก็รู้ทุกเรื่องเหมือนกันสงสัยสองคนนี้แหละ หวังว่าครบ 7 วันขวัญจะตั้งรับสองนางมารได้นะเอาใจช่วย  :ped149: :ped149: :ped149:

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
มีความเป็นไปได้ว่าโมจะเป็นมิสเตอร์ทีนะ แต่ไม่แน่ใจว่าน้องขวัญเคยเจอพี่โมมั๊ย
ถ้าเคยเจอพี่โมแล้ว น้องขวัญจะรู้ทันทีว่าเป็นคนเดียวกัน
น่าสงสัยพฤติกรรมพี่โมนะว่าจะเป็นคนดีอย่างที่แสดงออกมาหรือไม่
เผลอๆอาจเป็นคนที่ร้ายที่สุดก็ได้. ...มโนอีกแระ

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
กลัวMr.Tกำจัดน้องขวัญ  :ling3:

ออฟไลน์ cute0.0cass

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไม่อยากให้ออกจากห้องเลย กลัวไปหมด :ling3:
ถ้าจะต้องมีใครตายก็ขอให้ได้ไปด้วยกันเถอะนะ อย่าทิ้งใครไว้คนเดียว อีกคนอยู่ไม่ได้แน่

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกสารคุณธนิกขึ้นมา :pig4:

ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
ตอนที่ 24





ก๊อกๆ ๆ ๆ

ในเช้าของวันที่หก เสียงเคาะประตูคือเสียงที่ปลุกให้ผมตื่นจากความฝัน ผมฝันดีติดต่อกันมาหลายวัน แต่วันนี้กลับรู้สึกกังวลใจ ผมลุกจากที่นอน ผละออกจากอ้อมแขนของคุณธนิกด้วยความมึนเล็กน้อยเพราะยังตื่นไม่เต็มตา ทว่าแค่การขยับตัวเบาๆ ก็ทำให้คุณธนิกตื่นได้แล้ว ผมกับเขามองสบตากันในขณะที่เสียงเคาะประตูยังคงดังไม่หยุด

“พี่ไปเปิดเอง” เขาบอกพลางผุดลุกขึ้น ในขณะที่ผมรีบกระโจนไปหาลิ้นชัก เปิดออกแล้วหยิบเอาของที่อยู่ภายในส่งให้เขา

“เอาปืนไปด้วยครับ” เราต่างก็รู้ว่าไม่ควรมีใครมาในเวลานี้ ผมไม่ไว้ใจอะไรทั้งนั้น ไม่อยากเสี่ยงเหมือนวันที่นัดคุยกับเขมินทรา ปืนพกสั้นจึงเป็นสิ่งที่ควรมีให้อุ่นใจมากกว่า

“ขวัญเตรียมพร้อมดีนะ” เขายกยิ้มพลางรับปืนไปจากผม “ไปหลบในห้องน้ำก่อน”

“ไม่อยากปิดประตูขังตัวเอง ถ้าเกิดเป็นคนร้ายจริงๆ แล้วพี่นิกสู้ไม่ไหว มันก็พังประตูเข้าไปได้อยู่ดี” ผมบอกเหตุผลกับเขา ดูไม่เข้าท่าเลยที่ต้องติดแหง็กอยู่ในนั้น “ให้ผมหลบอยู่ข้างหลังพี่นิกดีกว่านะ อย่างน้อยก็อุ่นใจ”

“เหตุผลเราพี่สู้ไม่ได้จริงๆ งั้นหลบข้างหลังพี่ไว้นะ”

พอตกลงกันได้เรียบร้อยผมก็เดินตามคุณธนิกไปที่ประตู เขาส่องดูที่ตาแมวในขณะที่เสียงเคาะหายไป แต่อีกไม่กี่นาทีก็เคาะขึ้นใหม่อีกครั้ง ระหว่างนั้นหัวใจของผมเต้นไม่เป็นส่ำ กลัวแต่ก็รู้สึกอุ่นใจเมื่อตรงหน้าของผมคือแผ่นหลังของคุณธนิก

“ไอ้วัฒน์น่ะ” เขาหันมาบอกผม แต่เมื่อเห็นผมขมวดคิ้วมองตอบกลับไปจึงพูดต่อ “ธนวัฒน์ ลูกชายอาแข”

“แล้วเขารู้จักที่นี่ได้ยังไงครับ”

คุณธนิกส่ายหน้าเป็นคำตอบ “ไม่รู้ แต่คงมีเรื่องด่วน”

ผมไม่รู้จักคนชื่อธนวัฒน์ ไม่เคยเจอหรือพูดคุย เพราะฉะนั้นพอคุณธนิกจะเปิดประตูผมจึงรั้งเอาไว้ “เขามาดีหรือเปล่า แล้วไว้ใจได้แค่ไหน”

“ไม่รู้ดีหรือร้าย แต่พี่ก็ไว้ใจพอควร”

“งั้นพี่นิกเอาปืนมาให้ผม” ผมบอกพลางยื่นมือไปตรงหน้า “ถ้าเขาร้าย ผมยิงเอง กลัวพี่ใจอ่อน”

ผมรู้จักนิสัยของคุณธนิกดีและเขาก็คงรู้จักตัวเองดีถึงส่งปืนมาให้ผม แม้จะทำหน้าประหลาดใจอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร

ผมถอยห่างออกจากประตูในขณะที่คุณธนิกเปิดมันออก คุณธนวัฒน์ลูกชายคุณแขไขยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าร้อนรน

“พี่!” คุณธนวัฒน์พูดขึ้นคำแรกเมื่อเจอคุณธนิก “เกิดเรื่องแล้ว ผมติดต่อพี่ไม่ได้ พยายามโทรหาตั้งแต่เมื่อคืน ผม...”

“เข้ามาก่อน” คุณธนิกตัดบท เปิดประตูออกกว้างให้คนที่ยืนหน้าประตูได้เดินเข้ามา สีหน้าของคุณธนวัฒน์เหมือนคนที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน “ใจเย็นๆ ขวัญไปชงชามาให้หน่อย”

ผมพยักหน้าหลังจากที่จ้องมองคุณธนวัฒน์อยู่ครู่ใหญ่ คุณธนิกเดินนำไปที่โซฟาในขณะที่คุณธนวัฒน์เดินตามหลัง ส่วนผมแยกมาที่ครัว จัดการชงชามะลิทั้งสามแก้วอย่างไม่เสียเวลาคิดแล้วยกไปบริการคนที่กำลังนั่งหน้าเครียดทั้งสองคน

คุณธนวัฒน์รับชาไปจิบ เขาดูใจเย็นลงเล็กน้อยแต่สีหน้ายังคงเคร่งเครียด “ทำไมผมถึงติดต่อพี่ไม่ได้เลย เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นไปหมด”

“ปิดมือถือ” คุณธนิกตอบ “แล้วมีเรื่องอะไรกัน มึงถึงมาที่นี่ อีกอย่าง...รู้ได้ยังไงว่ากูอยู่ที่ไหน”

“พี่โมบอกผม” คุณธนวัฒน์พูดพลางจิบน้ำชาไปอีกอึกใหญ่ “พอติดต่อพี่ไม่ได้ผมก็ติดต่อพี่โม”

“แล้วตอนนี้ไอ้โมอยู่ที่ไหน”

“โรงพยาบาล แม่ก็กำลังจะบินกลับมา” สีหน้าของคุณธนวัฒน์เครียดขรึมหลังจากที่ผ่อนคลายเพราะชาร้อนๆ แต่เรื่องที่อยู่ในใจ แม้แต่น้ำชาก็คงช่วยอะไรไม่ได้ “พี่คงไม่รู้ว่าสองวันก่อน พี่โดนปลดจากบอร์ดบริหาร ทุกโปรเจ็คที่พี่รับผิดชอบถูกเปลี่ยนเป็นชื่อผมแทน”

พอได้ฟังกลับกลายเป็นผมที่เครียดไปกับคุณธนวัฒน์ แต่คุณธนิกกลับยังคงมีสีหน้าสงบ เขาดูไม่ตกใจกับเรื่องที่ได้ยินเลย

“ผมพยายามโทรหาพี่ แต่ติดต่อไม่ได้ ป้านิษโกรธมาก ป้าก็ติดต่อพี่ไม่ได้เหมือนกัน ทุกคนวุ่นกันไปหมด สองวันมานี้แทบลุกเป็นไฟกันทุกคน พี่โมก็ดูจะโกรธมากนะ เขามาถามผมว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนตั้งคำถามกับผม เพราะชื่อผมอยู่ในตำแหน่งของพี่” คุณธนวัฒน์มีสีหน้าทุกข์ใจจนคุณธนิกต้องยื่นมือไปบีบไหล่เบาๆ เพื่อให้ไหล่กว้างที่เผลอห่อตัวเข้าหากันนั้นคลายลง “ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ นะ ไม่รู้ว่าแม่ทำอะไรด้วย พี่ก็รู้ว่าผมไม่อยากทำ”

“กูรู้แล้วก็ขอโทษที่ทำให้มึงต้องวุ่นวายไปด้วย แม่ของกูคงอาละวาดมึงหนักเลยใช่ไหม”

“ก็นิดหน่อยครับ แต่ผมเข้าใจว่าป้ากำลังโกรธ”

“แล้วทำไมไอ้โมถึงอยู่โรงพยาบาล”

“คุณลุงถูกแทงเมื่อคืนครับ” คุณธนวัฒน์บอกเสียงเครียด “ตอนนี้น้องขิมก็อยู่กับพี่โมด้วย ไปเฝ้ากันตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว แต่คุณลุงยังไม่ฟื้น สุขภาพไม่ดีอยู่แล้ว หมอบอกว่าเสียเลือดมาก เพราะกว่าจะมีคนไปเจอก็ตอนที่พยาบาลมาตรวจรอบดึก”

คุณธนิกสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ในขณะที่ผมอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ไม่ได้ เป็นความรู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก ความกลัวเกาะกุมจิตใจ

กลัวว่าฉากจบกำลังจะมาถึง ทั้งๆ ที่ผมยังส่งเจ้าชายได้ไม่ถึงไหน แต่กลับเห็นพายุลูกใหญ่ตั้งเค้าขวางทางอยู่แต่ไกล

ผมยื่นมือไปจับมือของเขาไว้ในขณะที่เขาบีบตอบกลับมาเบาๆ “พอจะรู้มั้ยครับว่าเป็นฝีมือใคร”

คุณธนวัฒน์หันมาที่ผม เขาเหมือนเพิ่งนึกได้ว่าควรทักทายจึงส่งสายตาขอโทษมาให้ ก่อนจะตอบ “ไม่รู้ครับน้องขวัญ”

คำตอบของคุณธนวัฒน์ไม่ได้ทำให้ผมเชื่อ ดูจากสีหน้าก็พอจะรู้ว่าเขาไม่อยากเอ่ยชื่อคนทำ แต่แค่เห็นเขาเหลือบสายตามองหน้าคุณธนิกแล้วคำตอบก็ชัดเจน

“ขวัญไปที่โรงพยาบาลกับไอ้วัฒน์นะ” คุณธนิกหันมาพูดกับผมหลังจากที่เขาเงียบอยู่นาน “พี่มีเรื่องต้องไปคุยกับแม่”

“ไม่เอา” ผมเผลอพูดเอาแต่ใจออกไปแล้ว “วันนี้เพิ่งวันที่หกเอง ยังไม่ครบเจ็ดวันเลยนะครับพี่นิก”

“ขวัญ” เขาเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย “ไปดูพ่อหน่อยนะ พ่ออาจจะกำลังรอ กำลังต้องการกำลังใจจากขวัญ”

ผมคงเป็นลูกชายที่อกตัญญูมาก หากจะบอกว่าผมไม่ได้อยากไปเจอพ่อเลย คุณเขมรัตน์สำหรับผมคือคนแปลกหน้า คือผู้ชายที่ฆ่าน้าลีของผม แล้วทำไมผมต้องแยกจากคุณธนิกเพื่อไปพบเขา ตอนนี้ผมไม่อยากห่างจากคุณธนิกเลย เพราะผมกังวลใจว่าถ้าเราแยกจากกันตอนนี้ เราจะไม่ได้กลับมาเจอกันอีก

ผมกลัว...

“ไปรอพี่ที่โรงพยาบาลนะ พี่คุยกับแม่เสร็จแล้วจะไปรับขวัญ”

คำสัญญาจากคุณธนิกหนักแน่น แต่ผมสังหรณ์ใจว่ามันจะไม่เป็นจริง รู้ว่าผมรอเก่งก็เลยชอบบอกให้รอใช่ไหม

“นานมั้ย” แม้ว่าจะไม่อยากให้ไป แต่ผมความเด็ดเดี่ยวในแววตาของเขาไม่ได้ “ให้รอนานมั้ยครับพี่นิก”

“ไม่นาน” เขาตอบแล้วส่งยิ้มมาให้

คำว่าไม่นานของคนเราเท่ากันไหม ไม่นานของเขากินเวลาเท่าไร นับเป็นวินาทีหรือไม่สามารถนับได้ ผมไม่รู้และไม่มั่นใจอะไรเลย แต่...ผมเคารพการตัดสินใจของเขา

“ไปรับผมด้วยนะพี่นิก ผมจะรอ”

“ครับ รอพี่นะครับน้องขวัญ”

ทุกการเดินทางมีจุดสิ้นสุด การรอคอยก็เช่นกัน ผมเชื่อว่าจะเป็นแบบนั้น เชื่อว่าเขาจะมารับตามที่สัญญา

ผมจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปโรงพยาบาล ส่วนคุณธนิกออกไปก่อนแล้ว เขาพูดคุยกับคุณธนวัฒน์เสร็จก็เดินมาหอมแก้มผมแล้วออกจากห้องไป ตอนนี้เกือบแปดโมงตรง ของกินที่ตกถึงท้องมีแค่ชามะลิ ผมจึงคว้าเอาขนมปังไส้ถั่วแดงติดมือมาด้วยก่อนจะเดินตามหลังคุณธนวัฒน์ไปที่ลิฟต์ ผมกับเขาพูดคุยทำความรู้จักกันเล็กน้อย เพราะไม่เคยเจอกันมาก่อน เขาอาจจะรู้จักผมอยู่แล้ว แต่ผมไม่ได้รู้จักเขามากไปกว่าการที่เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของคุณธนิก ได้ยินแค่ชื่อกับกิตติศัพท์ความเจ้าชู้เท่านั้น

“น้องขวัญรออีกแป๊บนะ เดี๋ยวคนขับรถมารับ” คุณธนวัฒน์หันมาบอกเมื่อเราอยู่กันที่ล็อบบี้

ผมพยักหน้าพลางกำลังเคี้ยวขนมปัง ถือคติที่ว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง แม้จะมีเรื่องกังวลแต่คนเราก็ต้องกิน กินให้มีแรงสู้ ไม่อยากหมดแรงตอนกำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน อย่างน้อยมีแรงวิ่งหนีสักเล็กสักน้อยเพื่อต่อชีวิตให้ตัวเองก็เป็นเรื่องที่ดี ผมพกปืนมาด้วย บอกตามตรงว่าต่อให้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ จะเป็นคนที่คุณธนิกไว้ใจ แต่ปลอดภัยไว้ก่อน เกิดเล่นตุกติกกับผมผมจะได้เป็นต่ออยู่บ้าง

“ว่าแต่ไม่ได้ขับรถมาเหรอครับ” ผมชวนคุย เริ่มฉีกซองขนมปังลูกที่สอง

“ขับมาครับ แต่พี่ธนิกเอาไป” คุณธนวัฒน์ตอบแล้วยิ้มอารมณ์ดี “กินคนเดียวเลยนะ แบ่งกันบ้างสิ”

“ไม่ได้ครับ ผมยังไม่อิ่ม” ตามมารยาทต้องตอบว่าได้

คุณธนวัฒน์หัวเราะร่วน “น้องขวัญนี่ไม่เหมือนน้องขิมเลยอะ หน้าตาเหมือนกันแต่นิสัยต่างกันมาก”

“ใช่ครับ ผมนิสัยดีกว่า”

“อะครับ ตามแต่ใจ”

คุณธนวัฒน์อาจตัดสินผมด้วยขนมปังไส้ถั่วแดงที่ผมกำลังกินไปแล้ว แต่ไม่เป็นไร ผมไม่ได้แคร์เขา

ผมนั่งรออยู่ที่ล็อบบี้เกือบยี่สิบนาที นอกจากยัดขนมปังลงท้องแล้วต้องมากลั้นใจกินน้ำมะเขือเทศที่คุณธนิกภูมิใจนำเสนอให้ ทั้งที่ผมก็เกือบขาดใจตายเพราะรสชาติของมัน แต่เขาบอกว่าดี ผมก็เออ...กินก็ได้วะ นั่นแหละ ตอนนี้ก็เลยระลึกชาติกับน้ำมะเขือเทศ ส่วนคุณธนวัฒน์นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือ เงยหน้าขึ้นมาชวนคุยเป็นพักๆ ก่อนจะบอกว่ารถใกล้มาถึงแล้ว ผมกับเขาจึงออกมายืนรอหน้าคอนโดฯ

รถที่มารับคือรถเบนซ์คันคุ้นตาที่มีลุงกล้วยเป็นสารถี ผมจึงอุ่นใจมากขึ้นทันทีที่เห็นรอยยิ้มใจดีของอดีตทหารรับจ้าง แต่พอเข้ามานั่งในรถแล้วจุดหมายปลายทางที่คุณธนวัฒน์บอกกลับไม่ใช่โรงพยาบาล

ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยเป็นเชิงถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอนนี้สีหน้าของหนุ่มอารมณ์ดีไม่ได้ปรากฎบนใบหน้าได้รูปของคุณธนวัฒน์ เขามีสีหน้าเครียดขรึมไม่ต่างจากตอนที่เปิดประตูเจอเขาเมื่อเช้า

“มีอะไรรึเปล่าครับ” ผมตั้งคำถาม “แล้วทำไมเราไม่ไปโรงพยาบาล”

“พี่โมให้ไปเจอที่อื่น” เขาตอบเสียงเครียดแล้วยื่นโทรศัพท์มือถือมาให้ผมดู “น้องขวัญตัดสินใจเองนะ ถ้าไม่ไป ก็บอกลุงกล้วยไปส่งที่โรงพยาบาล”

ผมรับโทรศัพท์มือถือของคุณธนวัฒน์มาไว้ในมือ ก่อนจะมองรูปบนหน้าจอที่เขาเปิดค้างไว้ ผมนิ่งงันไปเพียงครู่ ความรู้สึกเย็นตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับถูกทำไอซ์บัคเก็ตเมื่อเห็นว่าในรูปนั้นคือเขมินทรา แฝดน้องของผมที่ถูกมัดมือมัดเท้าอยู่กับเก้าอี้โทรมๆ ผ้าปิดตาสีดำคาดปิดไว้

“มันอยู่ที่ไหน” มือของผมสั่น แม้จะพยายามทำให้มันหยุดสั่นแต่ก็ไม่เป็นผล “ไอ้มิสเตอร์ที...ไม่ผมหมายถึงพี่โมมันอยู่ที่ไหน!”

“เดี๋ยวไปถึงก็รู้เองแหละครับ” คนที่มีสีหน้าเครียดขรึมบอกด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่ผมไม่ชอบให้ใครมาเล่นลิ้นด้วยในเวลานี้ ผมชักปืนออกมาจ่อที่ขมับของเขาทันที “เฮ้ๆ ใจเย็นก่อนน้องขวัญ”

“ตั้งแต่เจอกันจนถึงตอนนี้ มีเรื่องไหนบ้างที่คุณพูดความจริง ตอบผมคุณธนวัฒน์” ผมสาบานถ้าเขายังไม่เข้าประเด็น ผมลั่นไกแน่

“ยอมรับก็ได้ว่าโกหก แต่พี่โมมีเรื่องอยากเจรจาด้วยนิดหน่อย น้องขิมก็ยังปลอดภัยดี ไม่ต้องห่วง” เขาบอกเสียงจริงจัง “ไปคุยกันก่อน เพราะตอนนี้มันวุ่นวายไปหมดแล้ว”

“แบบไหนที่เรียกว่าคุยกันดีๆ เห็นๆ อยู่ว่าเอาไอ้ขิมมาต่อรองกับผม”

“น้องขวัญใจเย็นๆ ก่อนนะ” เขาพยายามเกลี้ยกล่อมแต่ผมไม่ติดกับ โชคดีแค่ไหนที่ผมเอาปืนมาด้วย “คือพี่ไม่รู้ว่าระหว่างน้องขวัญกับพี่โมตกลงอะไรกันไว้ น้องขิมถึงได้ไปอยู่ในสภาพนั้น พี่ก็แค่คนที่ต้องพาน้องขวัญไปเจอ พี่ก็ไม่ได้อยากทำอะไรยุ่งยากแบบนี้ แต่ถ้าอะไรที่ทำแล้วมันดีต่อตัวพี่ พี่ก็เลี่ยงไม่ได้ พี่ก็แค่คนที่อยากจะอยู่อย่างสบายๆ ไปวันๆ แต่ตอนนี้พี่ต้องติดแหง็กกับสิ่งที่พี่ไม่ชอบ ถ้าทำให้พี่ธนิกกลับมาได้ ไม่ว่าทางไหนพี่ก็จะร่วมมือด้วย เจตนาพี่มีแค่นี้จริงๆ นะน้องขวัญ”

“ถ้ามีหน้าที่แค่นี้ก็ลงจากรถไป ลุงกล้วยจอดรถเลยครับ” ผมไม่ได้อยากฟังข้อแก้ตัวและไม่เสี่ยงเอาไอ้ลูกผีลูกคนนี่ไปด้วยแน่ เพื่อผลประโยชน์แล้วใครก็ยอมทำเรื่องไร้สาระลงไปได้ทั้งนั้น

ลุงกล้วยจอดรถเทียบฟุตปาธหลังจากที่ผมบอกไม่กี่นาที ก่อนจะปลดล็อกประตู “ลงไปครับ แต่ก่อนลงส่งโลเคชั่นมาให้ผม”

“ก็ได้ครับ” คุณธนวัฒน์จัดการทำตามที่ผมบอก ก่อนจะเปิดประตูรถก้าวลงไปและเมื่อประตูปิดลง ลุงกล้วยก็ออกรถทันที

“บอกคุณธนิกมั้ยครับ” ลุงกล้วยมองผมผ่านกระจกหลังแล้วตั้งคำถาม

“ไม่ต้องครับ มันเป็นเรื่องระหว่างผมกับมิสเตอร์ทีตั้งแต่แรก ลุงช่วยไปกับผมก็พอครับ ไม่ต้องช่วยอะไรผม ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตของลุงเพื่อผม แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นช่วยเรียกรถพยาบาลให้ผมด้วย อย่างน้อยผมก็อุ่นใจว่าถ้าโดนยิงขึ้นมาก็ถึงมือหมอแน่ๆ”

ผมไม่ชอบให้ใครโดนลูกหลงไปด้วย ปัญหาของผมผมจะจัดการมันเอง มิสเตอร์ทีเป็นคนที่พูดคุยกันด้วยเหตุผลได้และผมมั่นใจเกินครึ่งว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นเขาถึงได้ทำแบบนี้

ลุงกล้วยพาผมไปตามโลเคชั่นที่มุ่งสู่บ้านในโครงการหมู่บ้านจัดสรรซึ่งเป็นบ้านในโครงการถัดจากโครงการบ้านที่ผมใช้ชีวิตอยู่กับคุณธนิกมาร่วมหลายเดือน ที่นี่ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ภูมิทัศน์รอบข้างยังไม่ถูกปรับเปลี่ยนให้สวยงาม ยังคงรกเรื้อไปด้วยต้นไมยราพยักษ์และหญ้าคาที่สูงท่วมหัว ลุงกล้วยจอดรถลงหน้าบ้านหลังสุดท้ายของโครงการที่ต้องขับมาลึกหลายร้อยเมตร ผมตรวจเช็คปืนในมือให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอีกครั้งก่อนลงจากรถ

ทั่วบริเวณเงียบสงัด มีแต่เสียงประตูรั้วที่ผมเลื่อนเปิดออกเท่านั้น ผมมองตรงไปข้างหน้าแล้วเลื่อนประตูปิด มีผู้ชายสวมสูทผูกไทดูภูมิฐานคนหนึ่งยืนคอยท่าที่ประตูบ้าน เขาเปิดประตูรอให้ผมเดินเข้าไป

ในบ้านเต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะบนพื้น เหยียบรองเท้าลงไปแต่ละครั้งฝุ่นละอองก็ฟุ้งกระจายจนต้องยกมือขึ้นปิดจมูก ตัวผนังยังไม่ถูกทาสีกลบทับ มีเพียงปูนเปลือยๆ ที่ยังถูกฉาบไม่แล้วเสร็จ หยากไย่ขึ้นตามมุมเพดานตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้าง

“ทางนี้ครับ” ชายสวมสูทเชื้อเชิญให้ผมเดินเข้าไปข้างใน ส่วนเขาไม่ได้เดินตามมา

จากบริเวณที่ผมยืนผมไม่ได้ยินเสียงอื่นใดในบ้านหลังนี้ มีแต่เพียงความเงียบที่เริ่มเข้ามากัดกินใจ จนเมื่อเดินมาถึงบริเวณที่คงจะถูกจัดแต่งให้เป็นห้องนั่งเล่นเมื่อบ้านหลังนี้แล้วเสร็จ ผมก็พบมิสเตอร์ทีนั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะไม้ขนาดเล็กไม่ไกลจากเขมินทรา ไอ้แฝดน้องของผมร้องไห้ออกมาเงียบๆ แต่ก็เห็นว่าตัวมันกำลังสั่นไปด้วยอาการสะอึกสะอื้น สีหน้าของมิสเตอร์ทีดูแย่เต็มที เขาหลุดมาดผู้ชายเย็นชา เหลือเพียงแต่ใบหน้าที่สะท้อนความทรมานใจออกมาให้เห็น สายตาของเขาจ้องไปที่เขมินทรานิ่งนาน จนเมื่อได้ยินเสียงเดินของผมที่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า

โล่งใจที่มันเป็นแค่การเจรจาอย่างที่ธนวัฒน์ว่าไว้ ไม่อย่างนั้นคงมีกำลังคนและอาวุธครบมือยืนล้อมหน้าล้อมหลังแล้วเล็งปืนมาทางผม แต่ผมก็เอาดวงของตัวเองมาเสี่ยงมากเหมือนกัน ผมมาด้วยความมั่นใจล้วนๆ เพราะผมยังมีข้อต่อรองที่สามารถช่วยเขมินทราได้

“มาแล้วเหรอน้องขวัญ” เสียงเคร่งเครียดของมิสเตอร์ทีดังขึ้น สรรพนามที่เรียกขานทำให้ผมรู้ทันทีว่าข้อตกลงที่เคยให้ไว้นั้นสิ้นสุดลงแล้ว บทบาทของคนที่ทำข้อตกลงก็คงสิ้นสุดลงด้วย “นั่งสิ”

ผมนั่งลงบนเก้าอี้ซึ่งมีโต๊ะกั้นกลางระหว่างผมกับเขาราวกับจะเริ่มการเจรจากันอย่างจริงจังอีกครั้ง แต่ครั้งนี้สถานที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่ร้านกาแฟหรูหราแต่กลับเป็นบ้านที่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองและความสกปรก

“ก่อนที่จะเข้าเรื่อง พี่โมบอกผมได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ผมว่าพลางเหลือบมองไปทางแฝดน้อง “มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำกับมันอย่างนั้น”

“ผมต้องถามคุณมากกว่าว่าทำอะไรไว้ขวัญพัฒน์”

“ผมทำอะไรงั้นเหรอ”

“รู้ไหมว่าธนิกโดนปลดจากบอร์ดบริหารหลังจากขังตัวเองไว้ในห้องกับคุณ” ผู้ชายตรงหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด เขาเหมือนคนนอนไม่ได้นอนมาหลายวัน “ธนิกถอนตัวออกไปแล้ว ขอไม่ยุ่งเกี่ยวกับอะไรก็ตามที่จะได้จากคุณ เพราะฉะนั้นข้อตกลงของเราก็เลยไม่มีความหมาย! ผมถึงได้ถามว่าคุณทำอะไร เป่าหูจนเขายอมหรือขู่บังคับ คุณรู้นี่ว่าเขารักคุณ สั่งให้เขาไปตายเขายังจะทำให้คุณเลย!”

แววตาที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ของมิสเตอร์ทีจ้องมองมาที่ผม คนคนนี้ไม่ใช่พี่โมในยามที่อยู่ต่อหน้าคุณธนิก แต่เป็นพี่โมที่ออกห่างจากดวงอาทิตย์ของเขา จมอยู่ในเงามืดและเป็นได้แค่มิสเตอร์ที คนที่ไม่เคยได้รับความสว่างจากดวงอาทิตย์

“ผมไม่รู้เรื่อง” ผมตอบเสียงเรียบ แม้จะเป็นไปตามที่ตั้งใจไว้แต่ไม่ได้คิดว่าจะกะทันหันและรวดเร็วขนาดนี้ เพราะผมก็ยังไม่ทันได้ทำอะไรจริงๆ จังๆ ด้วยซ้ำ คุณธนิกน่าจะจัดการทุกอย่างเอง “ผมกับคุณธนิกไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ หลังๆ ไม่พูดถึงไอ้เรื่องมรดกเวรนี่ด้วยซ้ำ ผมไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรแบบนั้นนะ ผมยังยืนยันในข้อตกลงของเรา ผมไม่ใช่คนผิดข้อตกลง เพราะฉะนั้นตอนนี้ปล่อยไอ้ขิมก่อนเถอะครับ”

เขมินทราคงกำลังรู้สึกตกนรกครั้งแล้วครั้งเล่า มันคงจะไม่ร้องไห้สะอึกสะอื้นขนาดนี้ถ้าคนที่จับมันมัดไม่ใช่คนที่มันหลงรัก คนที่มันบอกกับผมว่าคอยฉุดดึงมันออกมาจากความมืดมิด แต่บัดนี้คนคนนั้นกลับถีบมันเข้าไปอีกครั้ง

“ตอนนี้ผมไม่มั่นใจหรอกนักว่าคำพูดของคุณจริงแค่ไหนขวัญพัฒน์” น้ำเสียงเครียดขรึมจริงจังทำให้ผมแน่ใจว่าคงเกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จ “คุณต้องทำเอกสารตอนนี้ บันทึกคำพูดที่จะยกทุกอย่างให้ธนิกหลังจากที่พินัยกรรมถูกอ่าน จะไม่มีการยืดเยื้ออีกแล้ว เพราะอีกไม่นานธนิษฐาต้องกำจัดเขมรัตน์แน่ วันนี้ผมพาทนายมาด้วย คุณไม่มีสิทธิ์ต่อรองแล้วขวัญพัฒน์ ไม่อย่างนั้นผมจะจัดการกับเขมินทราซะ น้องชายเพียงคนเดียวของคุณจะอยู่เหมือนตายทั้งเป็น”

ผมเม้มริมฝีปาก มองมิสเตอร์ทีอย่างไม่เข้าใจนัก เขาไม่รู้สึกอะไรกับเขมินทราจริงๆ อย่างนั้นเหรอ ในตอนที่บอกว่าจะจัดการทำไมต้องทำหน้าทรมานขนาดนั้น เขาพยายามที่จะไม่มองไปทางเขมินทรา แต่สุดท้ายก็อดเหลือบมองไปไม่ได้ ความรู้สึกของเขาชัดเจนขนาดนั้นแล้วแต่เขาก็ปฏิเสธมัน ทว่าผมก็ไม่กล้าเอาความคิดไปเองมาเสี่ยงว่าถ้าผมไม่ทำตามแล้วมิสเตอร์ทีจะจัดการกับเขมินทราจริงหรือไม่

“แต่ทำไปตอนนี้แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร” ผมถามเพื่อประวิงเวลา

“ธนิษฐาได้เอกสารของธนิกกับไฟล์เสียงจากเขมรัตน์แล้ว ไม่ต้องห่วง”

“คุณร่วมมือกับธนิษฐาด้วยใช่ไหม”

“ผมร่วมมือกับทุกคนที่เป็นประโยชน์ต่อธนิก”

“ทำไมคุณถึงรักคุณธนิกขนาดนั้นวะ” ผมอดไม่ได้ที่จะถาม ทั้งๆ ที่ผมไม่เคยอยากก้าวก่ายในความรู้สึกของคนตรงหน้า ไม่เคยถามเลยสักครั้ง แต่ผมเชื่อไปแล้วจริงๆ ว่าเขารู้สึกกับเขมินทรา ทว่าตอนนี้เขากลับทำเรื่องที่ตรงกันข้าม “คุณทำแบบนี้ นอกจากจะไม่ได้อะไรขึ้นมาแล้ว คุณยังทำร้ายคนที่รักคุณ”

“คนที่รักผมไม่ใช่คนที่ผมรัก” เสียงเรียบเอ่ย ในขณะที่เขมินทราสะอื้นจนตัวโยน ผมอยากเข้าไปกอดเขมินทราไว้ อยากปลอบว่าไม่ต้องร้องไห้แล้ว แต่มิสเตอร์ทียกปืนขึ้นเล็งไปที่แฝดน้องเมื่อผมขยับตัวจะลุกขึ้น “ผมกล้ายิงนะขวัญพัฒน์ ผมบอกแล้วว่าผมร้ายกับคนทั้งโลกได้ ไม่มีใครเป็นข้อยกเว้นทั้งนั้น”

ผมยอมนั่งลงตามเดิม “ต่อให้คุณทำแบบนี้คุณธนิกก็ไม่รักคุณ”

“แล้วยังไงขวัญพัฒน์” น้ำเสียงของเขาเย็นเยียบขึ้นทันที “ไม่รักแล้วยังไง”

“ผมไม่เข้าใจคุณจริงๆ”

“ไม่ต้องเข้าใจ” เขาว่าเสียงห้วน “แค่ทำเรื่องที่ควรทำในตอนนี้ก็พอ”

“แปลกดีนะ” ผมพูดพลางยิ้มหยัน “แปลกดีที่คุณอยู่กับคุณธนิกมานาน แต่คุณกลับไม่รู้เลยว่าจริงๆ แล้วเขาต้องการอะไร และเพราะคุณเป็นแบบนี้คุณถึงเป็นได้แค่เพื่อน เป็นได้แค่คนที่เขาไม่รัก”

“ขวัญพัฒน์!” เสียงเรียกชื่อผมดังลั่นเมื่อเจ้าของเสียงข่มโทสะไว้ไม่อยู่

“คุณบอกว่าคุณธนิกเป็นดวงอาทิตย์ของคุณ คุณห้ามทุกคนเข้าใกล้ แต่คุณคงไม่ได้รู้ตัวว่าตัวคุณเองอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากเกินไปจนกำลังถูกเผาให้ตายทั้งเป็น”

เป็นเรื่องตลกร้ายที่ผมได้เห็นสีหน้าเจ็บปวดของผู้ชายที่ชอบทำเหมือนไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งใด เขาไม่รู้ตัวหรืออาจจะรู้ตัวมาตั้งนานแล้วก็ได้ว่ากำลังถูกทำลายลงทีละเล็กทีละน้อย แต่ในระหว่างนั้นเขารู้ตัวไหมว่าในขณะที่กำลังเฝ้ามองดวงอาทิตย์ของตัวเอง เขาก็ได้กลายเป็นดวงอาทิตย์ของใครอีกคน ใครอีกคนที่ตอนนี้ทำเพียงสะอื้นแผ่วเบา ไม่เอื้อนเอ่ยคำใดตั้งแต่ที่ผมมาถึง

เขมินทราที่มักจะโวยวายเงียบงันจนผมนึกกลัว มันทำให้ผมคิดว่าต่อให้ผมช่วยได้...แต่ผมก็คงช่วยหัวใจของน้องชายเพียงคนเดียวเอาไว้ไม่ทัน

สำหรับเขมินทราแล้วผมเป็นพี่ชายที่ห่วยมากหรือเปล่านะ เพราะต่อให้มันกำลังเจ็บปวดมากแค่ไหน ผมก็กอดมันไม่ได้เลยสักครั้ง ทั้งครั้งก่อนๆ ที่ไม่ได้อยู่ใกล้ ไม่ได้รับรู้การมีตัวตนของกันและกัน และครั้งนี้ผมก็ทำเพียงแค่ยืนมอง แต่เข้าไปกอดไม่ได้

“ทำซะขวัญพัฒน์ แล้วคุณสองคนพี่น้องจะได้หลุดพ้นจากเรื่องนี้” เสียงของมิสเตอร์ทีปลุกผมที่กำลังจมอยู่ในความคิดให้กลับมาสู่ความเป็นจริง “ถ้าคุณตั้งใจจะทำตามข้อตกลงของผมจริงๆ ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้ว ทำแล้วก็ไปให้พ้นจากธนิก”

“คุณรู้ใช่ไหมว่าต่อให้ผมไป คุณธนิกก็ไม่มีวันมองเห็นคุณในฐานะอื่น”

“ผมพอใจกับที่ยืนของผมขวัญพัฒน์ เพราะมันเป็นความสัมพันธ์ที่จะไม่มีวันจบสิ้น ผมสามารถยืนอยู่ข้างเขาได้จนตายจากกัน ผมสามารถมองเห็นเขาได้จากที่ของผม ในขณะที่คุณจะกลายเป็นแค่ความทรงจำหนึ่งในชีวิตของเขา”

น่าตลกดีที่ผมกลับเห็นด้วยกับคำพูดของมิสเตอร์ที ผมคงตีตั๋วรถไฟผิดขบวนเสียแล้วล่ะมั้งเพราะในขณะที่ผมนั่งรออยู่ที่ชานชาลาแต่มิสเตอร์ทีอยู่บนรถไฟอีกขบวนที่ออกวิ่งไปพร้อมกัน ความรักที่แค่ได้มองเห็น แค่ได้ยืนอยู่ข้างๆ คงเป็นความรักในรูปแบบของมิสเตอร์ที

“ถ้าอย่างนั้นก็มาทำให้มันจบเถอะครับ” ผมพูดพลางฉีกยิ้มก่อนจะชักปืนออกจากที่ซ่อน ในขณะที่มิสเตอร์ทีก็เร็วพอกันกับผม ปืนสองกระบอกในมือของคนสองคนจ่อที่หน้าผากของแต่ละฝ่าย “ผมไม่ให้สิ่งที่คุณขอมิสเตอร์ที เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่คุณธนิกต้องการอีกแล้ว ตัวผมยังคงอยู่ในข้อตกลงแต่เป็นคุณที่ผิดข้อตกลงกับผม ไม่ใช่คุณคนเดียวที่ไม่ชอบคนเล่นนอกกฎ แต่ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน”

“คุณนี่มีแต่เรื่องที่ทำให้ผมคาดไม่ถึงนะขวัญพัฒน์” มิสเตอร์ทียิ้มหยัน ใบหน้าแข็งกร้าวยามจ้องมองที่ผม “ลุงเขมรัตน์ถึงถูกใจคุณเอามากๆ เขาพูดเอาไว้ว่าไงรู้ไหม เขาบอกว่าคุณเหมือนเขา แววตาของคุณ ความไม่ยินดียินร้ายของคุณและความเด็ดเดี่ยวของคุณ แต่กว่าจะปลุกคุณตื่นได้ก็ต้องตีให้แรงๆ คุณเหมือนเด็กที่ถูกกล่อมให้หลับ อยู่ในความฝันเล็กๆ พอใจแค่ชีวิตที่หาเช้ากินค่ำไปวันๆ แต่ที่อยู่ของคุณไม่ใช่บ้านเช่าหลังเล็กนั่น เขาถึงได้ทำลาย กำจัดคนที่เลี้ยงคุณมา กำจัดสิ่งที่คุณรักเพื่อคุณจะได้กลับมาหาเขา”

“ผมไม่เหมือนเขาหรอกมิสเตอร์ที เพราะผมไม่ได้สนุกกับการเล่นกับชีวิตของคนอื่น” ผมว่าพลางกดปากกระบอกปืน ในขณะที่บริเวณหน้าผากก็รู้สึกถึงความเย็นจากโลหะ ปากกระบอกปืนในมือของมิสเตอร์ทีก็กดลงมาแนบแน่นกว่าเดิมเช่นกัน “แต่ผมจะบอกให้คุณรู้ไว้ว่าถ้าผมตาย น้องของผมจะได้ทุกอย่างไป แต่ถ้าผมกับเขมินทราเป็นอะไรไปทั้งคู่ สิ่งที่ผมจะได้จะถูกเปลี่ยนเป็นชื่อคุณแขไข คุณธนิกกับธนิษฐาจะไม่ได้อะไรไปแม้แต่อย่างเดียว”

“คุณทำอย่างนั้นไม่ได้ขวัญพัฒน์ อีกอย่างเอกสารการสละมรดกของเขมินทราก็อยู่กับผม”

“คงอย่างนั้น ผมให้ไว้สำหรับเป็นตัวค้ำประกันในข้อตกลงนี่นะ แต่ผมก็คงจะทำอะไรไม่ได้จริงๆ นั่นแหละถ้านั่นเป็นฉบับจริง” ใบหน้าของมิสเตอร์ทีบิดเบี้ยว แต่ผมหัวเราะในลำคออย่างนึกสะใจ “เขมินทราก็คงคิดว่าเอกสารอยู่กับคุณจริง เพราะผมบอกน้องว่าผมให้มันไว้กับพันธมิตรของผม คุณถึงไม่เอะใจอะไรเลย แต่ผมไม่ได้ไว้ใจคุณขนาดนั้น เพราะพันธมิตรเพียงคนเดียวที่ผมไว้ใจก็คือเพื่อนของผม ถ้าผมตายเมื่อไหร่ มันจะจัดการทุกอย่างแทนผมเองรวมถึงจัดงานศพให้ผมด้วย ผมน่ะมีพันธมิตรที่ดีขนาดนั้นเลยนะ ส่วนคุณก็เป็นแค่หมารับใช้”

“ขวัญพัฒน์!” เป็นครั้งที่สองแล้วที่มิสเตอร์ทีเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงเดือดดาล

“ไม่มีอะไรเป็นได้ดั่งใจหรอกมิสเตอร์ที แม้แต่ผมยังต้องเสียสิ่งสำคัญไปครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะงั้นมาเถอะตอนนี้ มาจบปัญหา มาวัดดวงกันเลยว่าคุณหรือผมจะได้อยู่ต่อ”

การเตรียมใจของผมกับฉากจบที่ได้รับอนุญาตให้ขีดเขียนขึ้นเอง ผมไม่ได้เก่งกาจพอจะต่อกรกับใครก็ตามที่ดาหน้าเข้าหา แต่ผมก็มีวิถีทางของคนโง่ ผมไม่ได้สนใจอะไรตั้งแต่แรกแล้ว ผมจึงไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ

ฉากจบที่สวยงามมันไม่ได้มีอยู่ในชีวิตจริงหรอก ถ้าผมได้บางอย่างผมก็ต้องเสียบางอย่าง นั่นคือความเป็นจริง




ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17
แปะๆ ๆ ๆ

เสียงปรบมือทำให้ขวัญพัฒน์หยุดชะงักพลางเลิกคิ้วมองปฐพี เมื่อมองจากหางตาก็เห็นว่ามีใครบางคนเดินเข้ามา เสียงรองเท้าส้นสูงดังกระทบพื้นแต่ขวัญพัฒน์ไม่สามารถเสียสมาธิจากคนตรงหน้าไม่ได้ ปากกระบอกปืนยังคงจ่อแนบหน้าผาก วินาทีนี้ไม่มีสิทธิ์เพลี่ยงพล้ำเพราะหากพลาดก็หมายถึงชีวิต

“เป็นภาพที่สวยดีนะว่ามั้ย” เสียงหวานใสคุ้นหูทำให้ขวัญพัฒน์รู้ทันทีว่าเจ้าของรองเท้าส้นสูงเป็นใคร ผิวนวลขาวเปล่งปลั่งในชุดเดรสสีดำราวกับสิ่งแปลกปลอมในความสกปรก นาตยา ว่าที่เจ้าสาวของธนิกยืนอยู่ที่เชิงบันได หล่อนเพิ่งเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน รอยยิ้มหวานปรากฎบนใบหน้าสวย ไม่มีความพรั่นพรึงใดๆ “เมื่อก่อนเคยใจแข็งกว่านี้นี่นาพี่โม นี่ถ้าคุณแม่ไม่ให้นิ่มมากับพี่ด้วย จะได้รู้มั้ยว่าพี่ใจอ่อนกับไอ้แฝดน้องหน้าโง่จนแฝดพี่ของมันแข็งข้อได้ขนาดนี้”

“อย่ามายุ่งไม่เข้าเรื่อง!” เสียงของปฐพีแข็งกร้าว “บอกให้รออยู่ข้างบนจนกว่าขวัญพัฒน์จะยอมเซ็นเอกสารไม่ใช่เหรอ!”

“นั่นท่าทางของคนยอมเหรอคะ” เสียงของนาตยายังคงดังก้อง ความหวานที่แฝงความเยียบเย็นทำให้ขวัญพัฒน์รู้สึกหวั่นในใจ และยิ่งหวั่นมากขึ้นเมื่อเห็นมีดขนาดพอดีมือกำลังไล้ไปตามแก้มของเขมินทราและเรื่อยลงไปยังบริเวณลำคอขาวของแฝดน้อง นาตยาคลี่ยิ้ม จับจ้องใบหน้าเล็กของเขมินทราที่กำลังซีดเผือด “อย่าใจดีไม่เข้าเรื่องพี่โม เรามีเวลาไม่มากนะคะ คุณแม่รั้งพี่ธนิกได้ไม่นานนักหรอก อีกเดี๋ยวเขาก็ต้องรู้ว่าลุงเขมรัตน์ไม่ได้ถูกแทง รีบๆ จัดการให้จบดีกว่า ไม่อยากต้องมาวุ่นวายทีหลัง”

กึกๆ ๆ ๆ

เสียงขาเก้าอี้ที่เขมินทรานั่งสั่นกระทบพื้น คนบนเก้าอี้พยายามขยับหนีแต่ไม่เป็นผล พันธนาการที่ร่างกายทำให้หมดทางสู้ เสียงกรีดร้องของเขมินทราดังขึ้นเมื่อมีดแหลมคมกรีดเบาๆ ลงบนแก้มขาว น้ำตาของเขมินทราไหลอาบแก้ม ความเจ็บปวดปรากฎชัดบนสีหน้า แขนที่เมื่อยล้าจากการถือปืนจ่อยิงปฐพีของขวัญพัฒน์หมดแรงลงดื้อๆ มันคงเป็นโอกาสให้อีกฝ่ายยิงได้ถ้าแขนของปฐพีจะไม่หมดแรงลงเช่นกัน

“อย่า...” เสียงของปฐพีสั่นเทา สีหน้าประหวั่นพรั่นพรึง ในขณะที่เลือดไหลออกจากบาดแผลของเขมินทรา หยดลงใต้คางด้วยผสมกับน้ำตาที่มากมาย “มึงอย่าทำอะไรไม่เข้้าเรื่องอีนิ่ม! เอามีดออกไปเดี๋ยวนี้!”

เสียงของปฐพีคงส่งไปไม่ถึงผู้หญิงที่มีแววตาเหี้ยมเกรียมตรงหน้า เพราะหล่อนมองไปที่ขวัญพัฒน์พร้อมรอยยิ้มหวานเคลือบยาพิษ “ทำเรื่องที่ควรทำเดี๋ยวนี้ค่ะน้องขวัญ” น้ำเสียงหวานเอื้อนเอ่ยก่อนแววตาและน้ำเสียงจะเปลี่ยนไป “ไม่อย่างนั้น...กูจะเฉือนเนื้อมันให้มึงดู กว่าจะตายคงทรมานอีกหลายชั่วโมง”

มีดแหลมคมกรีดลงบนลำคอของเขมินทราจนมีเลือดซึม ทั้งขวัญพัฒน์และปฐพีขยับเข้าไปพร้อมกัน ปืนในมือกระชับแน่นพร้อมยิงทุกเมื่อ แต่เพราะแรงกดบนลำคอขาวทำให้ต้องหยุดชะงักกันทั้งคู่

“พี่ขวัญ...พี่ขวัญช่วยด้วย” เขมินทราอ้อนวอน นำ้เสียงสั่นไปด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสุด “ช่วยขิมด้วยพี่ขวัญ ขิมเจ็บ...ช่วย...อึก!”

“ไม่มีใครช่วยมึงได้หรอกตอนนี้ หยุดเห่าสักที กูรำคาญ! ปากดีนักทั้งพี่ทั้งน้อง” แววตาของคุณนิ่มเยียบเย็นในขณะที่ใช้ด้ามมีดกระแทกริมฝีปากของเขมินทราให้หยุดพูด “เร็วเข้าสิไอ้ขวัญ! ก่อนที่น้องมึงจะโดนปาดคอทิ้ง ทำเรื่องที่ควรทำ แต่ถ้าไม่ทำมึงก็ตายไปซะ ตายๆ ไป กูจะได้หายใจหายคอสะดวกสักที!”

“พอ...พอแล้ว” ปฐพีพูดพลางหันไปทางขวัญพัฒน์ แววตาอ้อนวอนมองตรงไปยังแฝดคนพี่ที่ตอนนี้ยืนนิ่งงัน มือที่ถือปืนสั่นอย่างควบคุมแทบไม่อยู่ “จัดการซะขวัญพัฒน์ ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปมากกว่าน้องชายของคุณ ก่อนที่เขมินทราจะแย่ไปกว่านี้ เซ็นเอกสารนั่นซะ เร็วเข้า!”

ขวัญพัฒน์ยิ้มหยันมองสบตากับปฐพี มองคนที่ทำพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตด้วยความสมเพช “ทั้งหมดมันเพราะคุณมิสเตอร์ที ถ้าน้องผมต้องตายมันก็เป็นเพราะคุณ เพราะความโง่ของคุณที่เอามันมาด้วย!”

เสียงหัวเราะแหลมสูงของนาตยาบาดแก้วหู หล่อนหัวเราะเหมือนคนคลั่ง ราวกับยิ่งเห็นเลือดก็ยิ่งชอบใจ หล่อนมองมาที่ขวัญพัฒน์แล้วไปหยุดสายตาที่ปฐพี “หลงมันมากเหรอคะพี่โม เอ...หรือรักมันไปแล้วคะ ข่มขืนจนได้มาเป็นของตัวเองแล้วแต่ติดใจจนถอนตัวไม่ขึ้น พอเห็นมันเจ็บก็ทำหน้าจะเป็นจะตาย เอ๊ะ...หรือนิ่มเดาผิดน้า ไม่ได้รักหรือเปล่าคะ ลองกรีดดูอีกแผลดีมั้ย”

สิ้นคำพูดนั้น เสียงกรีดร้องของเขมินทราก็ดังขึ้นอีกหน คราวนี้มือที่สั่นเทาของปฐพียกปืนขึ้นเล็งไปที่นาตยา “หยุด...กูบอกให้มึงหยุดอีนิ่ม!”

“ยิงสิคะพี่โม” นาตยาย่อตัวลงเสมอคนนั่งเก้าอี้ พลางส่งแววตามุ่งร้าย “ยิงมาเลยค่ะ แต่โดนไอ้ตัวร่านนี่ไม่รู้ด้วยนะ”

ใบหน้าของเขมินทราเลอะไปด้วยเลือดและน้ำตา ทว่าก็ยังมองเห็นสีหน้าของคนที่เกลียดชังที่สุดในโลกได้ คนที่มักจะมีสีหน้าไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งใดและมักจะมองเขมินทราด้วยแววตาเย็นชาเสมอ แต่บัดนี้กลับแสดงแต่ความปวดร้าว ความรู้สึกที่เขมินทราไม่อาจเข้าใจ ทั้งที่เขาทำให้เขมินทราต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ทั้งที่ควรสะใจเมื่อเห็นเขมินทราทรมาน ทว่าแววตาที่วูบไหวนั้นเต็มไปด้วยคำขอโทษ

“ไม่กล้าเหรอคะ ไม่ทำเพื่อพี่ธนิกแล้วเหรอคะ ไม่รักคนที่พี่บอกว่ารักมาตลอดหลายปีแล้วเหรอคะพี่โม” เสียงของนาตยาเป็นเสียงเดียวที่ดังก้องในห้องคลอไปด้วยเสียงสะอึกสะอื้นของเขมินทรา “หน้าโง่เหมือนกันไม่ผิด! ทั้งพี่ธนิก ทั้งพี่! หลงไอ้แฝดนรกนี่จนโงหัวไม่ขึ้น!”

ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวไปด้วยความริษยา นาตยาสบตามองกับปฐพี พี่ชายที่หล่อนเคารพรักก่อนจะมองไปยังศัตรูหัวใจอย่างขวัญพัฒน์ เพราะมัน...เป็นเพราะมัน! หล่อนกำลังจะได้แต่งงานกับคนที่หล่อนรัก การ์ดเชิญถูกแจกให้แขกเหรื่อนับร้อยคนเพื่อมาร่วมงานเฉลิมฉลอง งานแต่งถูกเตรียมการใกล้แล้วเสร็จ ทั้งสถานที่และชุดแต่งงานก็พร้อมสรรพ แต่เพราะไอ้แฝดนรกที่ทำลายความหวังของหล่อนครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งนี้นอกจากจะผิดหวังแล้วหล่อนยังได้รับความอับอายจากการถูกว่าที่เจ้าบ่าวยกเลิกงานแต่งอย่างกะทันหัน กลายเป็นหม้ายขันหมากโดยไม่มีความผิดอะไร แค่เพราะเขาไม่รัก แค่เพราะเขารักคนอื่นที่ไม่ใช่หล่อน

รักข้างเดียวของนาตยายาวนานมาหลายสิบปี หล่อนเคยเป็นเด็กสาวเรียบร้อยน่ารัก ว่านอนสอนง่าย แต่เพราะความรักที่มีต่อธนิกทำให้หล่อนเปลี่ยนไป หล่อนเป็นเพื่อนเล่นกับธนิกและปฐพีมาตั้งแต่จำความได้ หล่อนเป็นน้องสาวคนเล็กที่น่าปกป้อง ถูกตามใจและได้รับการปกป้องดูแลจากพี่ชายทั้งสองพร้อมกันนั้นยังถูกปลูกฝังความคิดที่ว่าโตขึ้นจะได้เป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดของธนิก หล่อนไม่เคยมองใคร สายตาของเราเฝ้ามองแต่ธนิก หล่อนพยายามทำทุกอย่างและพยายามที่จะเป็นทุกอย่างที่คิดว่าเขาจะรัก แต่ความพยายามของหล่อนไม่เคยเป็นผล เขาไม่เคยมองหล่อนในฐานะอื่นมากไปกว่าน้องสาว ธนิกเป็นคนที่วางสถานะให้คนอื่นอย่างชัดเจนเสมอ เขาให้หล่อนเป็นแค่น้องสาว ให้ปฐพีเป็นแค่เพื่อน แม้จะรู้ความรู้สึกของทั้งสองคนดีก็ตาม แต่หากถูกจัดเข้าสถานะนั้นๆ แล้วก็ไม่มีใครออกมาได้ ทว่าหล่อนไม่เคยหมดหวัง เพราะหล่อนรู้ว่าเขาขัดใจมารดาไม่ได้ มารดาของธนิกชอบหล่อน อยากได้หล่อนเป็นสะใภ้ แม้จะรู้ว่าเขาไม่ได้รักแต่ไม่ว่ายังไงหล่อนก็จะได้เป็นเจ้าสาวของเขาอยู่ดี แล้ว...มันก็เข้ามา คนที่ทำลายความคาดหวังของหล่อน คนที่ทำให้ธนิกต้องทิ้งทุกอย่างที่พยายามมาแทบตาย แค่เพราะไปหลงรักคนกระจอกอย่างมัน

“มึงฆ่ากูสิอินิ่ม” เสียงของเขมินทราดังขึ้น แววตากร้าวอย่างคนที่จนมุมแต่ต้องหันหน้าสู้ “ฆ่ากู แล้วมึงก็ไปนอนในคุก เพราะไม่ว่ามึงจะทำเหี้ยอะไร มึงก็เป็นได้แค่เมียมโน ไม่ได้มีสิทธิ์...อึก!”

เป็นอีกครั้งที่ด้ามมีดกระแทกใบหน้าของเขมินทรา ใบหน้าเล็กเหยเกพลางร้องลั่นเมื่อโดนซ้ำตรงบาดแผล เขมินทราดิ้นรนอย่างรุนแรง ผิวเนื้อขาวเฉียดใกล้คมมีดจนเป็นแผลไปหลายรอย ในขณะที่ขวัญพัฒน์ตะโกนลั่นกระโจนเข้าหาเมื่อเห็นแฝดน้องใช้แรงยันตัวไปด้านหลังกระแทกนาตยาให้ล้มตึง ร่างของเขมินทราที่ถูกมัดติดกับเก้าอี้ทับไปบนร่างบาง

“กรี๊ดดดดดดดด!” เสียงของนาตยากรีดร้องเพราะระบมไปทั้งร่าง เจ็บที่สุดก็ตรงข้อเท้าที่ราวกับได้ยินเสียงกระดูกดังกร๊อบ! หล่อนล้มลงไหล่กระแทก นอนหงายจากการถูกทับ เจ็บจุกไปทั้งช่องท้อง หล่อนอ้าปากหอบหายใจพลางพยายามดันเก้าอี้ที่หนักไปด้วยน้ำหนักตัวของเขมินทราให้ออกห่าง

ปฐพีรีบรุดตามขวัญพัฒน์ไปติดๆ มือของเขายังสั่นเทาไม่หายขณะที่ดึงเก้าอี้และเขมินทราออกห่างจากนาตยา ส่วนขวัญพัฒน์ใช้มือเพียงมือเดียวกระชากกลุ่มผมยาวตรงแล้วลากร่างบางให้ครูดไปกับพื้น นาตยากรีดร้องลั่น ดิ้นขัดขืนแต่เพราะสู้แรงไม่ไหว ทั้งข้อเท้าก็ใช้การไม่ได้ ความจุกที่โดนกระแทกที่ช่องท้องยังไม่เลือนหาย หล่อนจึงทำได้เพียงยกมือทั้งสองข้างกุมศีรษะของตัวเองไว้เพื่อหวังลดแรงกระชากลงได้บ้าง หล่อนถูกลากข้ามห้องแล้วถูกเหวี่ยงให้อัดกระแทกกับผนัง

ปึก!

“โอ๊ยยยย! มึง!”

“ทำไม!” เสียงของขวัญพัฒน์เย็นเยียบ แววตาแข็งกร้าวจ้องมองนาตยา “มึงจะทำไมกูอีนิ่ม”

“กูจะฆ่ามึง!”

“ปากดี” ปืนในมือของขวัญพัฒน์ยกขึ้นตรงหน้าหล่อน ก่อนปากกระบอกปืนจะจ้ำลงบนแก้มใส หล่อนมองขวัญพัฒน์ด้วยความหวาดผวา มือของขวัญพัฒน์บีบเข้าที่ปลายคางของหล่อน บังคับให้ริมฝีปากอิ่มเผยอขึ้นก่อนปากกระบอกปืนจะถูกสอดเข้าในโพรงปาก ดวงตาของหล่อนเบิกกว้าง ในขณะที่ขวัญพัฒน์ยิ้มเหี้ยมเกรียม

“อึก...อึก” นาตยาร้องอึกอัก ดวงตาถลนและหน้าซีดเผือด ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่หล่อนไม่เคยอยู่ระหว่างความเป็นความตายอย่างนี้มาก่อน แววตาของขวัญพัฒน์ไม่มีความปราณี

“มึงกลัวกูเหรอ...”

“พี่…” เสียงเรียกแผ่วเบาของเขมินทราขัดขึ้น แฝดน้องร้องเรียกให้ขวัญพัฒน์หันไปมอง ส่วนปฐพีชะงักมือที่กำลังแก้มัดที่ข้อเท้า “พี่ขวัญ...มานี่...หน่อย”

ไม่ได้สนใจ ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครสังเกตว่ามีดในมือของนาตยาอยู่ที่ไหน แม้แต่ปฐพีที่กำลังแก้มัดให้ร่างผอมตอนนี้ก็ไม่รู้ เพราะเอาแต่จดจ่อกับการปลดพันธนาการด้วยมือที่สั่นเทา ก้มหน้าหลบสายตาของเขมินทราที่มองมา เขาผิดเอง...ผิดเองทั้งหมด โชคดีแค่ไหนที่ไม่เป็นอะไรมาก โชคดีแค่ไหนที่บาดแผลไม่ลึกจนเกินเยียวยา ทว่าเลือดสีแดงฉ่านที่ไหลหยดลงพื้นหยดแล้วหยดเล่ากลับลบความโชคดีไปจนหมดสิ้น

มีดของนาตยาไม่ได้หายไปไหน มันปักอยู่กลางแผ่นหลังของเขมินทรา นำพาความโชคร้ายมาเยือนขวัญพัฒน์และปฐพี

“พี่...มา...นี่ ปล่อย...ปล่อย...มัน มาหา...น้อง” น้ำเสียงขาดห้วงของเขมินทราแผ่วเบาแต่กลับดังสะท้อนอยู่ในหัวของคนฟัง

ขวัญพัฒน์ผละออกห่างนาตยาที่ตอนนี้กำลังหัวเราะด้วยเสียงแหลมแสบแก้วหูด้วยความสะใจ แต่ขวัญพัฒน์ไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว เขาได้ยินแต่เสียงของแฝดน้องที่แผ่วเบาลงทุกที

“มึงมันเป็นน้องโง่ของกูจริงๆ ไอ้ขิม” ขวัญพัฒน์ว่าเสียงสั่น แต่คนที่มักจะหงุดหงิดและด่ากราดกลับมาทำแค่พยักหน้าแล้วยิ้มน้อยๆ “เถียงกูสิ น้องโง่แถมยังหัวดื้ออย่างมึงต้องเถียงกู อย่ามายิ้มอย่างนี้นะ มึงไม่น่ารักหรอก อย่าทำหน้าแบบนี้ไอ้ขิม”

อย่าทำหน้าเหมือนจะทิ้งกูไว้คนเดียว

“รถพยาบาลกำลังมาแล้ว ลุงกล้วยคงโทรเรียกให้ กูได้ยินเสียงแว่วๆ เพราะงั้นมึงไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวก็หาย โดนแทงแค่นี้เอง ไกลหัวใจ กูโดนยิง...ฮึก โดนยิงมา กูยังรอดเลย มึงอย่าใจเสาะนะไอ้ขิม โง่แล้วใจเสาะไม่ได้นะ ต้องมีความดีบ้างนะ เข้าใจมั้ย เชื่อฟังพี่มึงนะ กูฉลาดกว่ามึง ต้องเชื่อกูนะขิม”

ไม่หรอก...ไม่เคยรักมันเลย ไม่เคยเป็นห่วงมัน แต่เพราะเป็นน้องชายเพียงคนเดียว เป็นความพิเศษที่ต่อให้อยากจะปฏิเสธก็ทำได้ยาก คนที่เหมือนกันราวภาพสะท้อน คนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ในท้องของแม่ คนที่มีสายใยพิเศษกับขวัญพัฒน์ยิ่งกว่าใคร

“มึง...ร้องไห้” มุมปากเล็กบวมช้ำยกขึ้น “ห่วงกู...เหรอ แม้แต่...มึงที่เกลียดกู ก็ยังร้องไห้”

ปฐพีไม่พูดอะไรเลย เขาพยายามห้ามเลือดให้เขมินทรา มือสองข้างแดงฉ่านคาวคลุ้งในขณะที่น้ำใสไหลออกจากดวงตาที่มักจะมองเขมินทราด้วยความเย็นชา

“ดีจังนะ...มีคน...เป็นห่วง...กูแล้ว”

“ผมขอโทษ ผมขอโทษ ผมขอโทษ” ปฐพีพร่ำพูด คำขอโทษของเขาอัดแน่นอยู่ในใจเป็นล้านๆ คำ แต่มันช่วยอะไรไม่ได้ ช่วยห้ามเลือดไม่ได้ ช่วยห้ามน้ำตาของเขมินทราไม่ได้ ช่วยย้อนเวลากลับไปไม่ได้

“ไม่โกรธ...หรอก ให้...เกลียด...กูยัง...ทำไม่ได้...เลย”

จะโกรธได้อย่างไรในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าปฐพีจะทำอะไร แต่เขมินทราก็ยังยอมตามเขามา แค่เพราะเชื่อว่าเขาจะไม่ทำร้าย แค่เพราะเชื่อว่าในใจของเขาจะมีเขมินทราอยู่บ้าง ก็แค่...ความเชื่อโง่ๆ ที่ทำให้ต้องมีสภาพแบบนี้

“สมน้ำหน้าอีขิม สมน้ำหน้ามึง ตายไปซะ ตาย ตาย ตาย! ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” เสียงของนาตยาดังแทรกขึ้นเป็นระยะ หล่อนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ตะโกนด้วยความสะใจแม้ร่างกายจะแทบไร้แรงขยับเพราะความระบม “คนโง่ๆ อย่างมึงตายไปซะ!”

เขมินทราคนโง่...เป็นแค่คนโง่จริงๆ เพราะต่อให้กำลังเจ็บปางตายแค่ไหนก็ยังเกลียดปฐพีไม่ได้ เป็นแค่คนขี้แพ้ที่สร้างแต่ปัญหา มีพี่ชายเพียงคนเดียวก็ได้แต่ทำตัวเป็นภาระ เขมินทราเป็นได้แค่น้องโง่ๆ ที่หาเรื่องใส่ตัวจนทำให้พี่ชายเดือดร้อน แล้วตอนนี้ก็ยังทำให้คนปากแข็งทั้งสองคนร้องไห้ คนที่ปากก็บอกว่าเกลียดเขมินทรา แต่กลับทำหน้าเหมือนจะขาดใจกันทั้งคู่

แค่นี้ก็ดีแล้ว...แค่ได้รู้ว่าได้เป็นคนสำคัญของคนที่รักก็พอ

ต่อให้จะเป็นได้แค่คนโง่คนหนึ่งที่ไม่ควรเกิดมาก็ตาม







ออฟไลน์ Snufflehp

  • It feels like nobody ever knew me until you knew me
  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +978/-17

***ความรักของ Mr. T***




“ที่จริงมึงชื่อแตงโมเหรอ” ริมฝีปากเล็กเอ่ยถาม ใบหน้าของเขมินทรามีความขบขันราวกับเด็กที่ล่วงรู้ความลับที่ไม่ควรรู้ แววตาซุกซนล้อเลียนจนปฐพีต้องมองด้วยแววตาดุ “ไม่ต้องทำตาดุ กูไม่กลัวมึงหรอก”

“ไปรู้มาจากไหน” ปฐพีถามเสียงเข้ม ผลักหน้าผากเขมินทราที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ให้ออกห่าง

“เห็นในมือถือพี่ธนิก” เขมินทราบอกพลางยิ้มพราย “ขอเรียกแตงโมได้ป้ะ”

“ห้าม” เขาสั่งเสียงเฉียบ “คุณไม่มีสิทธิ์”

ไม่มีใครมีสิทธิ์ นอกจากธนิกแล้วปฐพีไม่อนุญาตให้ใครเรียกชื่อแห่งความทรงจำของเขา ชื่อที่มีแค่ธนิกเรียกได้คนเดียวเท่านั้น

“อยากเรียกๆ ๆ” เขมินทราไม่ยอมความ ร่างผอมบดสะโพกกับตักของปฐพี ก่อนจะออดอ้อนรบเร้า ใบหน้าเล็กคลอเคลียอยู่กับซอกคอของร่างสูงไม่ห่าง “นะๆ น่ารักจะตาย ชื่อแตงโมอะ ขอเรียกตอนอยู่กันสองคนก็ได้”

“ขิม” เขาปราม “พูดให้รู้เรื่อง”

“แล้วทำไมแค่นี้มึงต้องหวง” แววตาเย็นชาของปฐพีสบมองกับแววตาดื้อรั้นของเขมินทรา จากนั้นคนที่พ่ายแพ้ก็คือคนที่ไม่เคยชนะอย่างเขมินทรา “ก็ได้ ไม่เรียกก็ได้”

“ดีครับ” ปฐพีบอกเสียงเรียบ “แล้วจะกลับบ้านไหม”

เขมินทราส่ายหน้า ความเหงาปรากฎชัดให้เห็น “กลับไปให้แม่เลี้ยงด่ากูเหรอ ขนาดกูกลับบ้านแค่เดือนละครั้งยังคิดว่ากูกลับไปอ่อยพ่อ โคตรประสาท ขืนเสนอหน้ากลับไปบ่อยๆ กูคงโดนตบจนหน้าบวมอีก แล้วมึงถามทำไม จะไม่อยู่กับกูเหรอ จะไปที่ไหน ไปนานมั้ย ไปแล้วโทรมาหากูได้ป่าว มึงก็รู้กูนอนคนเดียวไม่ได้”

“ผมต้องไปทำธุระที่ต่างจังหวัดสองวัน” ปฐพีบอกอย่างอ่อนใจกับเด็กช่างจ้อที่ชอบรัวคำถามใส่เขา เขมินทราเป็นแบบนี้เสมอ สามปีที่มีความสัมพันธ์ทางกายด้วยกันมา จากวันแรกจนถึงวันนี้คนที่มักบอกว่าเกลียดเขาเปลี่ยนไปมาก คงเพราะเจ้าตัวเป็นคนอ่อนไหวง่าย ปากบอกว่าเกลียดแต่การกระทำกลับตรงกันข้ามทุกอย่าง เขมินทราติดเขาแจ ไม่เคยยอมห่างแม้จะผลักไส เขาบอกอยู่เสมอว่าที่มาหาก็แค่ต้องการมีเซ็กส์ด้วยเท่านั้น ไม่เคยคิดเป็นอื่น แต่ระยะเวลาคงทำให้หัวใจของเขมินทราล้ำเส้นที่เขาขีดไว้ ไม่ใช่ไม่รู้แต่ทำไม่รู้เสียมากกว่า เพราะหัวใจของเขารักใครอีกคนไปแล้ว คนในใจที่ต่อให้จะใช้เวลานานแค่ไหนก็ตัดใจไม่ได้ แม้จะมีเขมินทรามาร่วมสามปีแต่ก็เป็นสามปีที่ไม่เคยมีเขมินทราอยู่ในนั้น

สิ่งที่เขมินทราต้องการจากเขา เขาให้ไม่ได้ มีเพียงความสงสารเท่านั้นที่เขมินทราได้รับ

“ไปด้วยได้ไหม”

“ผมไปกับธนิก”

“ไม่เห็นเป็นไร ให้กูไปด้วยนะ กูนอนไม่ได้ถ้าไม่มีมึง กูตามไปทีหลังก็ได้ แต่ดึกๆ มาหากูนะ มานอนด้วยกัน”

ปฐพีพยักหน้า เขาไม่อาจปฏิเสธเมื่อเห็นแววตาเหงาๆ ของเขมินทรา หลายครั้งที่อยากหยุดความสัมพันธ์ทางกายเพราะเป้าหมายสำเร็จลุล่วงไปแล้ว แต่ที่ยังไม่หยุดและปล่อยเวลาเนิ่นนานขนาดนี้ก็เพราะทิ้งคนน่าสงสารคนนี้ไว้เพียงลำพังไม่ได้ เขมินทราที่ภายนอกทำเหมือนเข้มแข็ง แต่ความจริงแล้วอ่อนแอเปราะบาง พร้อมจะแหลกสลายหากถูกกระทบด้วยแรงได้ทุกเมื่อ เขาก็แค่ต้องดูแล ก็แค่ต้องอยู่ข้างๆ เพราะก็ไม่ได้เดือดร้อนหากต้องอยู่ตรงนี้ ในเมื่อไม่มีที่ข้างๆ ของคนในใจให้เขาได้ยืน ให้อยู่ตรงนี้ต่อก็ไม่เป็นไร

ก็ดี...ไม่เหงาดีเหมือนกัน

“เย้!” เขมินทราร้องดีใจราวกับเด็กน้อย ในขณะที่ปฐพีเผลอหลุดยิ้มให้เห็น “มึงยิ้มก็เป็นนี่ แต่ชอบทำหน้าดุ ทำหน้าเฉยๆ ใส่กู ยิ้มบ้างก็ได้ ไม่ได้ว่าอะไรเลยจริงๆ นะ ถึงกูจะเกลียดมึง แต่กูว่า...กูชอบรอยยิ้มของมึงนะ”

ตอนนั้นถ้าไม่ได้เข้าใจผิดปฐพีก็แน่ใจว่าเขาหัวใจเต้นแรงผิดจังหวะแค่เพราะคำพูดของเขมินทรา

“นี่ ทำไมถึงเป็นแตงโมล่ะ”

คำถามที่ได้ยินทำให้ปฐพีเลิกคิ้ว ทำไมถึงเป็น...แตงโม นั่นสินะ เกือบลืมไปแล้วว่าทำไม หลายปีแล้วมั้งจนเกือบจำรายละเอียดแทบไม่ได้ แต่เหตุผลมันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร แค่เพราะ...อะไรที่มันง่ายและดีต่อความรู้สึก

“มีเรื่องไม่สบายใจอีกแล้วเหรอ”

“ทำไมถึงรู้ล่ะ”

“ก็เวลาที่ไม่สบายใจมึงจะชอบกินแตงโม มึงเคยบอกนี่ว่ามันช่วยให้อารมณ์ดีได้”

“อืม ก็มีเรื่องนิดหน่อย”

“เรื่องพ่ออีกใช่ไหม”

“มึงจะรู้ทุกเรื่องไม่ได้นะธนิก”

“เล่าสิ นอกจากแตงโมแล้ว กูจะทำให้มึงอารมณ์ดีเอง”

เหตุผลที่ชอบแตงโม ไม่ใช่เพราะมันทำให้อารมณ์ดี แต่เป็นเพราะคนที่อยู่ด้วยตอนที่กินต่างหากที่ทำให้อารมณ์ดี ปฐพีกับธนิกคือคนที่มีหัวอกเดียวกัน หัวอกของคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากคนที่เรียกว่าพ่อ ทุกครั้งที่เจอกันไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่งที่ต้องมีเรื่องไม่สบายใจ ธนิกมักจะอยู่ด้วยเสมอในวันที่ปฐพีต้องการใครสักคน บางครั้งอาจแค่นั่งอยู่ด้วยเงียบๆ คอยเป็นผ้าเช็ดน้ำตาให้หรือบางครั้งอาจจะด่าทอต่อว่าในยามที่ปฐพีดิ่งจนเผลอคิดสั้น ธนิกมาทันเวลาทุกครั้ง ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล จะเป็นในวันที่แดดแรงหรือวันที่ฝนตกหนัก หากปฐพีไม่สบายใจ ธนิกจะปรากฎตัวตรงหน้าพร้อมแตงโมลูกใหญ่

“อย่าคิดมาก ต่อให้ไม่มีใครรักมึง ไม่มีใครเห็นความสำคัญของมึง แต่มีกูนะเว้ยโม กูจะอยู่กับมึงเอง”

“มึงมันบ้าไอ้เพื่อนเวร ฝนตกหนักขนาดนี้ก็ยังจะมาหากู กูบอกแล้วว่ากูอยู่ได้ ไม่ต้องมาก็ได้”

“แต่กูมา มันก็ดีกว่าใช่ไหมล่ะ ยิ้มสิวะ กูไม่ได้มาเพื่อเห็นมึงร้องไห้ ยิ้มหน่อยแตงโม กูชอบรอยยิ้มของมึงนะ”

ทั้งที่ตัวเองก็มีเรื่องให้ทุกข์ใจ แต่ธนิกมักจะทำให้ปฐพียิ้มได้แค่มาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้า ทั้งคำพูด ทั้งรอยยิ้ม ทำให้ปฐพีรู้สึกดียิ่งกว่าได้กินแตงโมร้อยลูก ทุกช่วงเวลาในชีวิตของปฐพีมีธนิกอยู่ในนั้น ความสำคัญที่มากกว่าเพื่อน เป็นมากกว่าคนในครอบครัว สำหรับปฐพีแล้วธนิกคือคนเพียงคนเดียวในโลกที่ว่างเปล่า ปฐพีนิยามความรู้สึกนี้ไม่ได้ เพราะหากว่าความรู้สึกนี้คือความรัก ธนิกคงไม่ได้อยู่ในความรู้สึกนี้ แต่หากมีความรู้สึกไหนที่มากกว่ารัก ธนิกจะอยู่ตรงนั้น

“ขอโทษนะเว้ย ที่กูรู้สึกบ้าๆ แบบนี้ ขอโทษจริงๆ ธนิก มึงจะเลิกเป็นเพื่อนกูก็ได้ กูไม่เป็นไร”

“ขอโทษทำไมวะ กูมากกว่าที่ต้องขอโทษ ขอโทษที่ให้ในสิ่งที่มึงต้องการไม่ได้ ขอโทษที่กลายเป็นความทุกข์ใจของมึง แต่มึงเป็นคนสำคัญนะ เป็นคนที่สำคัญกับกู เป็นคนที่กูอยากให้อยู่ข้างๆ ไปตลอด ถ้าแตงโมคือสิ่งที่ทำให้มึงอารมณ์ดี กูก็ไม่ต่างกัน เพราะแตงโมก็ทำให้กูยิ้มได้ มึงเป็นรอยยิ้มของกูนะแตงโม”

“ไอ้เพื่อนเวรเอ้ย พูดขนาดนี้แล้วกูเลือกอะไรได้บ้างวะ มึงโคตรขี้โกงเลยธนิก”

“ความสัมพันธ์แบบนี้มันดีกว่าไม่ใช่เหรอวะ ความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันเลิกรา ความสัมพันธ์ที่จะได้อยู่ด้วยกันไปตลอด ในฐานะเพื่อนแล้วกูไม่มีวันทิ้งมึงให้อยู่คนเดียว อย่าร้องไห้นะเว้ย ถ้าจะร้องก็มาร้องกับกู กูเป็นคนทำให้ร้องกูก็จะเป็นคนปลอบเอง”

“มึงมันบ้าธนิก คนอย่างมึงมันโคตรบ้าเลย”

โคตรบ้าที่ทำให้ปฐพีโคตรรัก ความรู้สึกรักที่ยาวนานหลายสิบปีของปฐพีแม้จะทรมานใจแต่ก็เป็นความทรมานใจที่เต็มไปด้วยความสุข ธนิกไม่เคยมีใครเป็นจริงเป็นจัง ไม่เคยคบใครได้นาน ไม่เคยให้ความสำคัญกับใครมากกว่าปฐพี คนบ้าของเขา ยกให้เขาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ แต่เป็นอันดับหนึ่งในฐานะเพื่อน เพื่อนคนสำคัญที่ธนิกไม่เคยให้ก้าวข้ามไปในฐานะอื่น

“ถามก็ไม่ตอบ ได้ยินไหมเนี่ย” เสียงของเขมินทราปลุกให้ปฐพีตื่นจากห้วงคิด “กำลังคิดถึงใครอยู่เหรอ”

“เปล่า ไม่ได้คิดถึงใคร” ปฐพีตอบ ในขณะที่คนถามยิ้มกว้าง “ไปนั่งดีๆ ไม่ต้องมาซุก”

“ทำไมล่ะ มึงรำคาญกูเหรอแตงโม”

“ต้องให้พูดเหรอครับ” ว่าพลางทำหน้าหน่ายจนคนตัวผอมหน้างอง้ำ “คุณเป็นแฟนกับธนิกอยู่นะ อย่าทำเหมือนตกหลุมรักผม ระหว่างเรามันก็แค่เรื่องเซ็กส์นะเขมินทรา ถ้าเผื่อคุณลืม”

“กูไม่ลืม ไม่ลืมหรอกว่าเป็นอะไรกับเพื่อนมึง ไม่ลืมหรอกว่าระหว่างเรามันไม่มีอะไรเลยนอกจากที่มึงมาเอากูทุกวัน” เขมินทราตัดพ้อ ในขณะที่ปฐพีมองใบหน้าเล็กด้วยแววตาเย็นชา “แต่พี่ธนิกไม่ได้สนใจกู เขาตีตัวออกห่าง คบกันเหมือนรอวันเลิกแล้วมึงจะไม่ให้กูหวั่นไหวกับคนอื่นที่อยู่กับกูตลอดได้ยังไง”

“งั้นก็ไม่ต้องมาเจอกันแล้ว” ปฐพีบอกเสียงเรียบ “ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ผมจะไม่มาหาคุณอีก”

“ไม่เอานะ!” เขมินทราร้องขึ้นทันที “กูแค่พูดเล่น กูเกลียดมึงจะตาย กูจะหวั่นไหวกับมึงได้ยังไง กูรักพี่ธนิก กูรักเพื่อนมึงนะ เพราะงั้น...เพราะงั้นอยู่กับกูนะแตงโม”

โกหก...แค่เห็นแววตาก็รู้แล้วว่าเขมินทราโกหก แต่ปฐพีกลับยอมพยักหน้าเชื่อในคำพูดนั้นและดำเนินความสัมพันธ์ต่อ เพราะความสงสาร...สงสารคนที่ทำหน้าเหงาจับใจ ปฐพีจึงยอมที่จะอยู่ต่อ ทั้งที่รู้ว่าเรื่องที่กำลังทำไม่ใช่เรื่องที่ควร ทั้งที่รู้ว่าเป็นการหักหลังเพื่อนคนสำคัญ ทั้งที่รู้อย่างนั้นก็ไม่ยอมหยุด กลับมีความสัมพันธ์กันเรื่อยมาจวบจนเขมินทราเลิกรากับธนิก

“กูไม่มีใครแล้วนะแตงโม เพราะฉะนั้นอย่าทิ้งกูนะ อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ ได้ไหม จะไม่ดื้ออีกแล้ว จะเป็นเด็กดี”

ไม่ว่าเขมินทราจะแสดงออกว่าเกลียดมากแค่ไหน แต่บางครั้งก็เผลอหลุดความรู้สึกต้องห้ามออกมา ความรู้สึกที่หากเผลอรู้สึก ปฐพีจะจบความสัมพันธ์ทันที เพราะนอกจากความสงสารแล้ว...ปฐพีไม่เคยมีความรู้สึกอื่นใดให้ เขายังคงรักธนิก ยกให้ธนิกเป็นคนสำคัญ แม้จะได้แค่ยืนมองอยู่ห่างๆ แม้จะได้แค่ในฐานะเพื่อน แต่สำหรับปฐพีแล้วธนิกเป็นความรักเพียงหนึ่งเดียวที่เขามี ในขณะเดียวกันตัวเขาก็อาจจะเป็นความรักเพียงหนึ่งเดียวที่เขมินทรามีก็ได้

“ทำไมหายไปทั้งวัน กูรอฉลองวันเกิดให้ จำได้ว่าวันนี้วันเกิดมึง กูมีของขวัญให้ด้วย แล้วทำไมเมามาอย่างนี้ เลยเที่ยงคืนแล้วอีกต่างหาก อุตส่าห์ทำกับข้าวไว้ เค้กก็เตรียมให้ มึงไม่เห็นเหรอว่ากูโทรไป แชทไปก็ไม่อ่าน”

“ผมอยู่กับคนสำคัญ”

“อ๋อ…”

“ขอโทษ แต่ทีหลังไม่ต้องทำอย่างนี้ ผมไม่ได้ขอให้ทำ ไม่ต้องทำอะไรให้ทั้งนั้น แค่...นอนให้ผมเอาคุณก็พอ”

สำหรับปฐพีแล้ว เขมินทราเป็นได้แค่นั้น แค่คนที่มีความสัมพันธ์ทางกาย แค่คนที่เป็นที่ระบายยามที่ปฐพีเหนื่อยล้ากับความรู้สึกที่มีต่อธนิก ยามที่คิดอยากกอด ยามที่คิดอยากจูบ เขมินทราคือตัวแทน

“นี่...ไปเที่ยวด้วยกันบ้างได้ไหม มีที่ที่อยากไปกับมึงเยอะแยะ เราไม่เคยไปไหนด้วยกันเลยนะ นอกจากอยู่ในห้องแบบนี้”

“คงไม่ดีหรอกถ้ามีใครเห็นผมเดินกับคุณ”

“นั่นสินะ...กูคงหวังกับคนอย่างมึงมากเกินไป”

“เข้าใจก็ดีแล้วครับ มานี่สิ ขึ้นให้ผมหน่อย”

เวลาที่ผ่านมามีแต่เรื่องแบบนั้น ไม่มีความทรงจำอื่นนอกจากในห้องนอน ระหว่างปฐพีกับเขมินทรามีเพียงความใคร่เท่านั้นที่ผูกกันเอาไว้ แค่เพราะหัวใจไม่ได้รู้สึกต่อกันหรืออาจจะมีแค่ปฐพีเองที่ไม่รู้สึกอยู่ฝ่ายเดียว ในขณะที่เขมินทรานั้นถลำลึกจนถอนตัวไม่ขึ้น

“ขอโทษนะที่ไอ้พี่บ้าของกูทำแบบนี้ มึงเจ็บใช่ไหมแตงโม เจ็บที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน มีความสุขด้วยกัน มึง...จะร้องไห้กับกูก็ได้นะ จะให้กูทำอะไรก็ได้ แต่ยิ้มให้กูหน่อยได้ไหม หลายวันแล้วนะที่เอาแต่ทำหน้าเศร้า ข้าวปลาก็กินได้น้อย”

“ไม่ต้องยุ่งได้ไหม”

“ถ้ามันเจ็บมากทำไมไม่เลิกรักพี่ธนิกล่ะ มึงจะเจ็บแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่”

“แล้วถ้าเป็นคุณ คุณทำได้ไหม เลิกรักผม เลิกยุ่งกับผม เลิกทำตัววุ่นวายแบบนี้สักที ทำได้หรือเปล่า”

“กูไม่ได้รักมึง”

“คุณโกหกไม่เก่งนะเขมินทรา”

“ไม่ได้รักจริงๆ นะ ไม่เคยรักเลย แต่...ช่วยยิ้มให้คนที่เกลียดมึงได้ไหม เพราะถ้ามึงเป็นแบบนี้ คนที่เกลียดมึงอย่างกูจะสะใจมากนะ ยิ้มหน่อยเถอะ อยากเห็น...”

นอกจากธนิกที่เป็นคนบ้าแล้ว เขมินทราก็เป็นคนบ้า คนบ้าที่บ้ายิ่งกว่าธนิก คนบ้าคนที่สองที่บอกว่าชอบรอยยิ้มของปฐพี อยากเห็นรอยยิ้มของปฐพียิ่งกว่าใคร แม้แต่ในวันที่ปฐพีทำเรื่องเลวร้าย คนบ้าอย่างเขมินทราก็ทำเพียงก้มหน้ายอมรับแล้วร้องไห้ออกมาเงียบๆ

ทำไมกันนะ ทั้งๆ ที่ความรักที่มีต่อธนิกไม่เคยลดน้อยลง แต่ปฐพีกลับแพ้น้ำตาของเขมินทรา กลับรู้สึกทรมานใจที่เห็นเขมินทราเจ็บปวด

ถ้าธนิกคือความรู้สึกที่มากกว่าความรัก แล้วอย่างนั้น...เขมินทราควรอยู่ตรงไหน

น้ำตาที่ไหลมากมายในตอนนี้คงตอบได้เป็นอย่างดี





ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ ต้องปลอดภัยนะ ต้องตื่นขึ้นมานะ ตื่นขึ้นมาฟังคำขอโทษจากผม

ไม่ต้องยกโทษให้ ไม่ต้องให้อภัยคนอย่างผม แต่ขอแค่คุณตื่นขึ้นมา แค่นั้นก็พอแล้ว...


...........TBC................

อีก 3 ตอนจบนะคะ   :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โอ้ยยยยยยยย ใจพังไปหมดแล้ว ขิมเธอต้องปลอดภัยนะ ต้องอยู่ดูจุดจบของอินิ่มต่อไปนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Justccwpo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :hao5:t :hao5: :hao5:แง่สงสารขวัญสงสารขิมมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ในที่สุดก็เฉลยแล้ววววเป็นพี่โมจริงๆแบบไม่พลิกโผ อ่านพาร์ทพี่โมแล้วไม่สงสารเลยสักนิดสงสารขิมมากกว่าที่ต้องมาเจอกับคนแบบนี้ ขิมต้องปลอดภัยนะลูกเข็มแข็งไว้ ส่วนอินิ่มนี่ตอนขวัญเอาปืนกรอกปากคงเพิ่งได้ลิ้มรสความรู้สึกแบบนั้นสินะก่อนผละออกมาขวัญน่าจะตบปากด้วยด้ามปืนสักทีนะให้สมกับที่มันเคยทำขิมไว้ ตอนหน้าหวังว่าอิพี่นิกจะช่วยทำอะไรให้มันคลี่คลายบ้างนะคะ อีกสามตอนจบแล้วเหรอไวมากกกก อยากอ่านอีก

ออฟไลน์ cute0.0cass

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ยังดีนะที่เป็นแตงโม ถ้าเป็นธัมโม... นิยายจะเปลี่ยนมู้ดทันที :a5:

สงสารน้องขิมอะ ขอให้น้องได้มีความสุขบ้างเถอะนะ :mew4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-10-2018 19:38:44 โดย cute0.0cass »

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ขิม...อย่าเป็นอะไรไปนะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
อยากให้ขวัญเหนี่ยวไกใส่ชะนีให้เสร็จๆ  :katai1:

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
สงสารขวัญกับขิม โชคร้ายตั้งแต่เกิดมาเป็นลูกเขมรัตน์
โดยเฉพาะขิมชีวิตจะรันทดอะไรขนาดนี้
อยากจับตัวเขมรัตน์เขย่าๆ แล้วถามว่าเป็นบ้าไร

ออฟไลน์ เอมมี่

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 572
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
สงสารน้องขิมมมม  อย่าเป็นอะไรน้า

ออฟไลน์ BitterCucumber

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
พวกแกมีปืนกันตั้งสองคน ทำไมยังปล่อยให้นังคนนั้นมันเอามีดมาปาดเนื้อขิมได้อีกห้ะ :m31: :fire: :fire:

มาอยู่กับพ่อแม่บุญธรรมก็ยังโดนแม่บุญธรรมเกลียดอีก ขอให้ไปโรงบาลทันแล้วรอดนะหนูนะ

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5
อยากให้คุณนักเขียนมาเห็นหน้าเราตอนนี้จะได้ไม่ต้องอธิบายว่ามันเป็นยังใง  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ตายๆๆๆๆ หนักมากตอนนี้ ใจพังพินาศมาก ขิมน่าสงสารมาก เข้มแข็งนะลูก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
คือ โมไม่คู่ควรกับขิมเลย

ทำไมคนเขียนใจร้ายกับสองพี่น้องจัง

ออฟไลน์ Jinjingot7

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ขิม ห้ามตายนะ น้ำตาร่วง :o12:เผาะร่วงเผาะเลย

ออฟไลน์ full

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ไม่นะน้องขิมขอเถอะอย่าเป็นอะไรนะแค่โดนมีดแทงเองพี่ขวัญโดนยิงยังไม่ตายเลย อย่าตายนะ!! :pig4:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ทำไมขิมต้องมาเจออะไรหนักๆ แบบนี้ตลอดเลยลูกสงสารเหลือเกิน
อิพี่โม ไม่ควรได้รับความรักจากใครทั้งสิ้นฉันเกลียดที่แกทำร้ายจิตใจน้องขิม และขอให้คุณธนิกเมินแก แม้แต่คำว่าเพื่อนก็ไม่ควรมอบให้ !! :ling1:
ส่วนอินังนิ่มโรคจิต แกสมควรตายอย่างทรมานด้วยการโดนขวัญชำแหละเนื้อเอาเกลือที่ไม่มีสารไอโอดีนทาาาาาา :z3:

* yodrak กว่าจะจบฉัลจะเป็นโรคจิตเองรึเปล่าเนี่ย T-T

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ยิงนังนิ่มก่อนไปโรงบาลทีค่ะ

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
สงสารขิมขึ้นมาเลย ไม่เคยได้รับความรักจากใคร
ไม่อยากให้ขิมตาย และให้ขวัญพาขิมไปอยู่ด้วยกันสองคน
เผื่อน้องจะมีความสุขกับเขาบ้าง เรื่องสมบัติก็ให้พวกอยากได้ทั้งหลายแก่งแย่งกันเอง
 :katai1:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
 :hao5: ขิมต้องไม่เป็นอะไรนะกลับมาอยู่กับขวัญพี่น้องเพิ่งจะเจอกันเองยังไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันเลย กลับมาฟังคำบอกรักจากพี่แตงโมก่อน(ยังจะปากแข็งอยู่ไหม)ขิมต้องสู้
ในที่สุดก็รู้สักที่ใครคือมิสเตอร์ที
นังโรคจิตนิ่ม :z6: :z6: :z6:

ออฟไลน์ →Yakuza★

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-0
สงสารแฝด ไม่อยากให้ขิมเป็นอะไรอะ

ออฟไลน์ jaja-jj

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
ขิมคือน่าสงสารสุดใจ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด