สองสัปดาห์หลังจากนั้น...
Monday, 01:30 AM
ขวัญพัฒน์: เมื่อเช้าหมอ Ralph บอกว่าทุกอย่างดีหมดเลย ความดัน การเต้นของหัวใจ รอยรั่วที่ปอดปิดสนิทแล้วด้วย ผมลุ้นมากตอนที่ถอดเครื่องช่วยหายใจ พี่นิกรู้มั้ย...ผมกลัวจริงๆ นะ ผมได้แต่ภาวนาขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี จนถึงตอนนี้ผมก็ยังนอนไม่หลับ
ขวัญพัฒน์: พี่ผอมลงมากเลยนะครับ ขอโทษนะที่ใช้แชทของพี่เป็นไดอารี่มาเกือบสองปีแล้ว แต่ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงดี
ขวัญพัฒน์: ต่อให้พี่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้ แต่ผมก็ยังคิดถึงพี่แทบบ้า
ขวัญพัฒน์: พี่นิกครับ ถ้าผมรู้ว่าผมจะรักพี่มากขนาดนี้ วันนั้นผมไม่พูดอะไรแบบนั้นออกไปแน่ๆ
ขวัญพัฒน์: ผมไม่น่าหาเรื่องทรมานตัวเองเลย ผมแม่ง...เหมือนจะตายอยู่ทุกวัน แต่เพราะผมยังสามารถเห็นพี่ได้ ผมก็คิดว่าดีแล้วล่ะ แค่นี้เอง ผมไม่เป็นไร
ขวัญพัฒน์: ผม...โอเค
ขวัญพัฒน์: วันนี้ตอนที่เปลือกตาของพี่ขยับ อ่า ผมจะเรียกยังไงดีนะ แต่ผมเห็นเหมือนพี่กำลังจะลืมตา ผมตื่นเต้นมากเลยนะ เกือบจะยิ้มแล้ว แต่มันก็แค่อาการกล้ามเนื้อกระตุก จากที่จะยิ้ม น้ำตาผมก็ไหลลงมาดื้อๆ
ขวัญพัฒน์: ผมท้อแล้วนะครับพี่นิก แต่พอเห็นหน้าพี่ ผมคิดว่าผมอาจจะยังท้อได้มากกว่านี้อีก เพราะงั้นผมก็ยังไหว
ขวัญพัฒน์: ผมลืมถามเลยว่าผมตัดเล็บโอเคไหม ปกติแล้วไม่เคยตัดให้ใครเลย กลัวตัดเข้าเนื้อแล้วทำให้เจ็บ
ขวัญพัฒน์: ลืมบอกอีกเรื่อง ผมพี่นิกยาวแล้วน้า ไม่หัวโล้นแล้ว ผ่าตัดครั้งนี้แผลนิดเดียวเอง หมอ Ralph บอก โอเคๆ ผมก็ฟังออกแค่นั้นแหละครับ เพราะนอกนั้นเขารัวภาษาเยอรมัน ดีที่คุณวัฒน์แปลให้ฟังได้ เห็นเซ่อๆ แบบนั้นแต่ผมก็เพิ่งรู้ว่าเขาเรียนปอตรีกับปอโทที่มิวนิค พูดไม่ได้ฟังไม่ออกก็ไม่รู้จะว่าไงแล้วเนอะ
ขวัญพัฒน์: ผมนอนแล้วดีกว่า จะจุ๊บๆ พี่นิกด้วยนะ ฝันดีนะครับพี่นิกของน้องขวัญ
สองเดือนหลังจากนั้น...
Saturday, 10:30 AM
ขวัญพัฒน์: วันนี้ไอ้แนนส่งรูปน้องนายมาให้ดู น้องนายลูกสาวมันน่ะพี่นิก นายที่มาจากชื่อคุณนาย ตลกไอ้แนนที่ตั้งชื่อลูกเหมือนประชดเมีย แต่ทีแรกน่ะตั้งใจว่าถ้าเป็นผู้ชายจะให้ชื่อเจ้านาย พอเป็นผู้หญิงก็ให้ชื่อคุณนายซะเลย
ขวัญพัฒน์: Send a photo.
ขวัญพัฒน์: แก้มน่าหยิกใช่ม้า เหมือนแก้มน้องขวัญที่พี่นิกชอบหยิกเลยยย
ขวัญพัฒน์: ไอ้แนนไปเยี่ยมแม่ของพี่มาด้วย แต่มันไม่ได้ถ่ายรูปมานะ
ขวัญพัฒน์: มีหลายๆ เรื่องเกิดขึ้นระหว่างที่พี่นอนหลับไป ถ้าตื่นมาแล้วย้อนอ่านด้วยนะ ผมเล่าไว้เยอะมาก แชทนี้เก็บย้อนหลังไว้ได้ไม่นาน แต่ผมเก็บเป็นรูปภาพไว้ให้พี่แล้ว ไม่ต้องห่วง ผมรอบคอบเสมอ ฮิฮิ
ขวัญพัฒน์: พี่นิกรู้มั้ย ที่ผมต้องพิมพ์ใส่แชทพี่อย่างนี้ เพราะผมหวังนะ
ขวัญพัฒน์: หวังว่าสักวันข้อความที่ผมส่งถึงพี่ จะขึ้นอ่านสักครั้ง
ขวัญพัฒน์: วันนี้อากาศแย่ ขมุกขมัวแต่เช้า
ขวัญพัฒน์: ผมมาเดินเที่ยวที่ย่าน Alexanderplatz ของกินเพียบเลย แต่ผมไม่ได้กินสักอย่าง ผมถ่ายรูปเก็บไว้แล้ว ไว้เรามากินด้วยกันนะ ผมรอกินครั้งแรกพร้อมพี่นิก
ขวัญพัฒน์: Send a photo.
ขวัญพัฒน์: Fernsehturm อยู่ในเขต Mitte คุณวัฒน์บอกว่าขึ้นไปชมวิวบนนี้ได้ ไว้เราไปด้วยกัน ขึ้นไปบนนี้คงเข้าใกล้สวรรค์อีกนิด แต่เอ๊ะ อยู่กับพี่นิกก็ขึ้นได้หรือเปล่านะ อุ่ยยย
ขวัญพัฒน์: ผมทะลึ่งอีกแล้ว ขอโทษนะครับ
ขวัญพัฒน์: Send a photo.
ขวัญพัฒน์: นาฬิกาโลกกกก นาฬิกาใหญ่ขนาดนี้ซื้อเวลาอยู่กับพี่นิกไปอีกร้อยปีได้ไหมนะ
ขวัญพัฒน์: พี่นิกครับ
ขวัญพัฒน์: ...
ขวัญพัฒน์: ...
ขวัญพัฒน์: ...
ขวัญพัฒน์: รออยู่นะครับ
ขวัญพัฒน์: สัญญาของเรา พี่ไม่ลืมใช่ไหมครับ
ขวัญพัฒน์: สถานีรถไฟตอนแปดโมงตรง ผมยังรออยู่ที่นั่น
ขวัญพัฒน์: อย่าลืมมารับผมนะครับ
ขวัญพัฒน์: จะครบสองปีแล้วนะ พรุ่งนี้ก็จะครบสองปีแล้วที่พี่นอนอยู่แบบนั้น
ขวัญพัฒน์: ขอโทษนะครับที่นานขนาดนี้แล้ว แต่บางครั้งผมก็ยังร้องไห้ ยิ้มไม่ได้อย่างที่พี่ชอบมองสักที
ขวัญพัฒน์: ผมน่ะ...
ขวัญพัฒน์: ไม่ได้รอเก่งขนาดนั้นนะครับ
ผมเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ตามเดิม บางทีการเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีหม่นๆ คงดีกว่าก้มหน้าอยู่กับแชทที่ไม่มีการตอบกลับ ไม่ว่าผมจะเดินมาไกลแค่ไหน แต่หัวใจของผมก็ยังอยู่ที่เขา
ผมมองไปรอบตัว ใครจะคิดว่าชีวิตวินมอเตอร์ไซค์อย่างผมจะมาไกลถึงเยอรมัน ไม่รู้อะไรสักอย่างแต่ก็ยังมาได้ ทว่าจนป่านนี้ก็ยังเข้าเรียนไม่ได้เลย เพราะความยากทางด้านภาษา ตอนนี้ก็ได้แค่เรียนภาษาไปพลางๆ ถ้าถามว่าผมมาที่นี่ได้ยังไงก็คงต้องยกความดีความชอบให้คุณแขไขที่จัดการธุระให้ โดยมีคุณธนวัฒน์เป็นล่ามและไกด์ส่วนตัว เพราะเขาอยู่เยอรมันมาหลายปี ยิ่งขาเที่ยวอย่างเขาแล้วคงซอกแซกไปเกือบทั่วประเทศแล้วมั้ง แต่ดีครับ เวลาที่นึกเบื่อๆ ก็มีเขาเป็นเพื่อนเที่ยว
ส่วนเรื่องที่ประเทศไทยผมให้คุณแขไขจัดการให้จนกว่าผมจะพร้อม พินัยกรรมของคุณเขมรัตน์ถูกอ่านหลังจากที่เขาเสียชีวิตได้หนึ่งเดือนและก็เป็นไปตามอย่างที่พี่โมบอก ตำแหน่งเก้าอี้ประธานยังคงรอคุณธนิกไปบริหารโดยตอนนี้คุณแขไขรักษาการแทน ในขณะที่ทรัพย์สินอื่นๆ เป็นของผมกับเขมินทรา แน่ล่ะว่าผมเป็นพี่ก็เลยได้เยอะกว่า หุ้นของคุณเขมรัตน์ส่วนใหญ่เป็นชื่อผม แต่ไอ้แฝดนรกมันไม่ได้อิจฉา มันบอกว่าแค่มีผัวรวยมันก็ไม่ต้องรวยก็ได้ ผมเกือบถีบหน้ามันไปแล้ว แต่ติดที่ว่ามันยังแสดงละครนั่งอยู่บนรถเข็น ก็เลยยังปรานีอยู่บ้าง ทั้งๆ ที่อยากยันมันให้ตกจากรถเพื่อเปิดเผยความจริง ไม่รู้จะเล่นโง่ๆ แช่งตัวเองไปทำไม ในเมื่อพี่โมมันรู้อยู่แล้วว่าความจริงเป็นยังไง แต่นั่นแหละ ปล่อยมันเถอะ เรื่องของมัน ผมบ่นจนไม่รู้จะบ่นอะไรแล้ว
นอกจากเรื่องพินัยกรรมเรื่องอื่นก็ราบรื่น ไอ้แนนก็เป็นพ่อลูกหนึ่งที่ยุ่งหัวฟู ตอนนี้นอกจากขับวิน เลี้ยงลูกแล้วมันยังเรียนกฎหมายที่มหาลัยเปิดแห่งหนึ่งควบคู่ไปด้วย ผมบอกมันว่าถ้าเรียนจบจะจองตัวให้เป็นทนายประจำตัวผม ซึ่งมันก็ไฟลุก ตั้งอกตั้งใจเรียน บอกว่าถ้าเรียนจบแล้วขอเงินเดือนเยอะๆ พูดอย่างไม่อายว่าจะเกาะผมแดกไปตลอดชีวิต ซึ่งผมก็ชิวมาก เกาะได้เกาะไปเถอะ แค่เพื่อนคนเดียว ผมเลี้ยงไหว คนอย่างผมไม่มีภาระอะไรอยู่แล้ว ส่วนคุณธนิษฐา ก็สุขภาพแข็งแรงขึ้นมาก ผมไม่ค่อยได้ทราบเรื่องของเธอเท่าไร แต่พี่โมก็บอกเองว่าเธอโอเคขึ้นแล้วและตอนนี้กลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเก่าของเธอ ในพินัยกรรมของคุณเขมรัตน์ระบุว่ายกบ้านที่เคยอยู่กินด้วยกันให้เป็นชื่อของเธอกับเงินอีกก้อนใหญ่ ทว่า...เธอไม่แตะต้องเลย
หากถามผมว่าพอใจกับบทสรุปนี้ไหม ผมก็ตอบได้ว่าพอใจแล้ว คนผิดอาจจะไม่ได้จบลงที่การนอนอยู่ในคุกให้กฎหมายจัดการเสมอไป เพราะบางทีสำหรับคนบางคน ต่อให้ไปนอนอยู่ในคุกก็ยังถือว่าให้เข้าไปใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเสียด้วยซ้ำ เปลืองข้าวแดงแกงร้อนเสียเปล่าๆ แต่การอยู่ด้วยความรู้สึกผิดต่างหากที่เหมือนการจองจำอย่างแท้จริง อย่างไรเสียกฎแห่งกรรมก็คงไม่หนักน้อยกว่ากฎหมายหรอกหรือบางทีก็อาจจะหนักมากจนแทบไม่ติดกันเลยก็ได้
ผมกลับมาที่โรงพยาบาลหลังจากที่เดินเตร่อยู่สักพัก วันนี้คุณธนวัฒน์ไม่ได้กลับมาด้วยเพราะเขาจะไปเที่ยวกับเพื่อนต่อ ผมจึงนั่งรถไฟกลับมาเพียงลำพัง กลับมาถึงห้องพักผู้ป่วยก็เหมือนเช่นเคย เงียบเหงาและน่าหดหู่
โรงพยาบาลในเยอรมันไม่ได้เสียงดังหนวกหู อย่างโรงพยาบาลที่คุณธนิกรักษาตัวอยู่นี้ก็ออกจะวังเวงเสียด้วยซ้ำ คนที่นี่ส่วนใหญ่แล้วเวลาเจ็บป่วยก็จะไปคลินิคเสียมากกว่า จะไม่ค่อยเห็นคนไข้ที่ป่วยหัวตัวร้อนวอร์คอินมาที่โรงพยาบาลหรอกครับ กว่าจะทำเรื่องมารักษาที่นี่ได้ก็ยากพอสมควร ค่ารักษาที่หากไม่มีประกันสุขภาพแล้วแม้แต่เจ้าของหุ้นในบ่อน้ำมันอย่างผมก็ยังหน้ามืดไปเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร เม็ดเงินก็มีค่าเท่านี้ล่ะครับ ซื้อความสุขและยื้อชีวิต ต่อให้ต้องหมดตัวผมก็ไม่เกี่ยง อาชีพวินมอเตอร์ไซค์ยังรอผมอยู่ที่ปลายทางเสมอ
ผมนั่งลงบนเก้าอี้พลางเปิดเพลงที่มีแต่ท่วงทำนองช้าๆ หวานๆ ให้คุณธนิกฟัง ดนตรีบำบัดคงช่วยให้เขาผ่อนคลายได้บ้าง
เวลานี้ที่ประเทศไทยคงประมาณสี่โมงเย็น เวลาที่นั่นเร็วกว่าที่เยอรมันห้าชั่วโมง ไอ้แฝดน้องของผมคงว่างแล้วมันจึงรัวแชทมาเหมือนทุกวันที่ทำ
เขมินทรา: สัสดีตอนเช้า ที่นู่นสิบเอ็ดโมงแล้ว มึงกินข้าวยังไอ้สัดพี่
ขวัญพัฒน์: แดกละ ขนมปังไส้กรอก มึงล่ะ เมื่อเช้ากินไร
เขมินทรา: โจ๊กหมูเด้ง ว่าแต่มึงกินขนมปังเยอะไปละ รวยแล้วก็หัดเข้าร้านอาหารบ้าง สะตงสเต็กก็แดกๆ เข้าไป
ขวัญพัฒน์: รวยไม่รวยไม่เกี่ยว มันเกี่ยวตรงที่กูสั่งไม่เป็น คุยไม่รู้เรื่องเว้ย
เขมินทรา: สมองอย่างมึงควรอยู่แค่ที่ประเทศไทยอะไอ้ห่า ไปต่างประเทศมึงกินแต่อาหารขยะจนตายแน่ๆ
ขวัญพัฒน์: เรื่องของกูจ้า
เขมินทรา: ควายเอ้ย กูไม่น่าเสียเวลาพูดกับคนอย่างมึง
ขวัญพัฒน์: ไว้กูจะถามไอ้คุณวัฒน์ละกันว่าเวลาสั่งสเต็กต้องพูดยังไง
เขมินทรา: มึงเรียนภาษามาหลายเดือนแล้วนะไอ้ขวัญ มันไม่ได้สักนิดเลยเรอะ
ขวัญพัฒน์: ได้หน้าลืมหลัง สมองกูไม่เหลือไว้จดจำเรื่องมีสาระแบบนี้
เขมินทรา: พ่อต้องร้องไห้ที่ยกสมบัติให้คนอย่างมึง มึงต้องพาฉิบหายล่มจม คนอย่างมึงควรจมบ่อน้ำมันหรือไม่งั้นก็โดนเครื่องบินชนให้หายโง่ซะ
ขวัญพัฒน์: ถือหุ้นน้อยกว่ากูก็แย่หน่อยนะ หึ
เขมินทรา: กูเกลียดมึ้งงงง
ขวัญพัฒน์: เอาน่า ไม่ต้องห่วง พี่นิกฉลาดอยู่แล้ว ช่วยกูได้ทุกเรื่องแน่นอน ส่วนกูก็นอนกินเงินปันผลสบายๆ ไป
เขมินทรา: พี่ธนิกรู้ว่ามึงจะต้องโขกสับแน่ๆ ถึงได้แกล้งนอนนานๆ ไม่ฟื้นสักที
ขวัญพัฒน์: งั้นกูจะทำงานหนักๆ เอง ไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้ แต่ฟื้นมาสักทีเถอะ กูพูดคนเดียวจนจะเป็นบ้าแล้ว
เขมินทรา: มึงไม่พูดคนเดียวมึงก็เป็นบ้า ว้ายยย
ขวัญพัฒน์: ออกสาวไอ้ห่า เดี๋ยวกูถีบหน้าหงาย
เขมินทรา: ง่ะ ชอบใช้กำลังกับกู แล้วนี่พี่นิกเป็นไงมั่ง ผ่าตัดครั้งที่แล้วดีมากๆ เลยนี่ใช่ไหม
ขวัญพัฒน์: ดีมาก ไม่มีเลือดคั่งแล้ว ทุกวันนี้อาการก็ไม่ได้แย่ ถอดเครื่องช่วยหายใจแล้วด้วย ดีหมดแล้วแหละ ติดอยู่อย่างเดียว ถ้าฟื้นขึ้นมาจะเหมือนเดิมมั้ย ยังต้องลุ้น
เขมินทรา: ดีแล้วๆ ได้ยินแบบนี้ก็เบาใจ ยังไงก็แฟนเก่า กูก็ห่วง
ขวัญพัฒน์: ไม่พิมพ์มาแล้วนิ้วมึงจะด้วนเหรอไอ้สัด อย่าให้กูบินกลับไทย จะตบให้หัวหลุด
เขมินทรา: เกรี้ยวกราดใส่น้องทำไม น้องก็แค่อาลัยอาวรณ์
ขวัญพัฒน์: กูจะแคปแชทไปให้ไอ้พี่โม
เขมินทรา: ทำเลยๆ กูอยากโดนหึง อยากโดนเล่นบทจำเลยรัก ตบจูบ ตบกระแทก
ขวัญพัฒน์: มึงคึกแต่เช้านะ ไปโดนตัวไหนมา
เขมินทรา: ก็โดนเยอะอยู่ ฟินๆ ทั้งนั้น
ขวัญพัฒน์: น้ำเดินตลอดว่างั้น ไอ้สัดน้องมึงอย่ามาเกทับกู ไปไหนก็ไป เรียนจบก็ขยันทำงานซะ
เขมินทรา: อือ เดี๋ยวเย็นจะออกไปดินเนอร์กับแตงโม บอกมันก่อน มันต้องอุ้มกูไปอาบน้ำ ฮิฮิ
ขวัญพัฒน์: จัดอีกกี่ดอก
เขมินทรา: ดอกเดียวก็พอ แต่ดอกใหญ่ๆ ไปละ ไว้อยากหาเรื่องไร้สาระทำจะทักไปหามึง
ขวัญพัฒน์: กูจะบล็อกมึงไอ้ขิม เพราะมึงแม่งตัวไร้สาระไอ้สัด อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์!
เป็นสีสันของชีวิตไปแล้วที่ต้องได้ด่าเขมินทราทุกเช้า ไอ้แฝดนรกมันก็ชอบสรรหาเรื่องมาให้ด่า เวลาคุยกับผมมันทั้งแรดทั้งปากร้าย แต่ถ้าอยู่ต่อหน้าแตงโมของมันจะปากแข็ง ปากหนัก พูดอย่างทำอีกอย่าง จนบางทีก็น่าเหนื่อยใจแทน
ผมยิ้มให้ตัวเองอยู่สักพัก มันเป็นความรู้สึกที่อยู่ดีๆ ก็อยากยิ้ม เพราะคนรอบข้างผมในตอนนี้มีความสุขกันหมดแล้ว เหลือแค่ผม...เหลือแค่ผมคนเดียวที่ยังคงทรมานอยู่ตรงนี้
“คุณธนิกครับ” ผมเรียกเขาเป็นล้านๆ ครั้ง แต่ผมไม่เคยรู้ว่าเขาได้ยินบ้างไหม ผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะขานรับกลับมา ผมทำได้เพียงแค่เรียกหา ฟุบหน้าลงกับแขนตัวเองอยู่ข้างๆ เขาอย่างนี้ “ผมควรจะทำยังไงดี...ผมไม่เคยรู้เลยว่าการรอคอยใครสักคนจะทรมานอย่างนี้”
ผมก็แค่ปากเก่งไปอย่างนั้น ก็แค่คำพูดของคนที่คิดว่าตัวเองเข้มแข็ง รอได้เหรอ...รอไปตลอดชีวิตก็ได้งั้นเหรอ มันก็แค่เรื่องตลกที่ผมพูดออกไปและไม่เคยหัวเราะกับเรื่องนี้เลยสักครั้ง
ผมร้องไห้ออกมาเงียบๆ ก็แค่อยากระบายออกมา แต่พอผมเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าซีดเซียวของเขากลับมีน้ำตาไหลลงมาเช่นกัน
ทำไมยังมีแค่เราที่ต้องเจ็บปวดอยู่แบบนี้...
ทำไมกันนะ...คำถามของผมเมื่อไหร่จะได้คำตอบเสียที
ผมเช็ดน้ำตาให้เขาอย่างเบามือ “ผมยังรออยู่นะครับคุณธนิก”
ผมดึงมือเขามากุมไว้พลางกดจูบลงบนหลังมือของเขาเบาๆ “ยังรอที่จะได้พูดทักทายคุณธนิก”
น้ำตาของผมรินไหลลงบนหลังมือของเขา “ยังรอที่จะพูดคำว่าสวัสดี”
หยดแล้วหยดเล่า “ยังรอที่จะบอกว่ารัก”
แต่เมื่อเขาลืมตาขึ้น ผมอาจจะพูดได้แค่ว่า “สวัสดีครับคุณธนิก”
ถ้าเขาลืมตาขึ้น...และรับรู้ว่าคำว่าสวัสดีจากผม มันหมายความถึงการรอคอยที่จะพบเจอเขาอีกครั้ง
รอคอยที่จะได้พูดทักทายเพื่อต่อด้วยคำบอกรักที่ผมรู้สึกอยู่ทุกขณะลมหายใจ
ตอนนี้เรารู้สึกถึงกันอยู่ใช่ไหม รับรู้ใช่ไหมว่าเรายังอยู่ด้วยกันตรงนี้
คุณธนิกครับ...
พี่นิกครับ...
ผมน่ะ...
ผมอาจจะไม่เคยพูดเลยว่าความดีใจที่สุดในชีวิตของผมคืออะไร ผมอาจจะไม่เคยรับรู้ถึงมันเลยก็ได้ว่าความสุขที่สุดของผมคือสิ่งไหน แต่ตอนนี้...ผมรู้แล้วว่าเมื่อการรอคอยสิ้นสุด ความดีใจที่สุดก็เกิดขึ้นกับผม ความสุขที่ปลิวหายไปกับขบวนรถไฟที่ออกวิ่งโดยไม่รอกลับมาแล้ว แค่เพียงเปลือกตาที่ปิดสนิทของคนที่รักที่สุดในชีวิตค่อยๆ ขยับทีละน้อย
เชื่อไหม...ว่าผมทำได้แค่เพียงร้องไห้
เชื่อไหม...ว่าผมพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
จิตใจที่อ่อนล้าของผมได้เวลาหยุดพักแล้ว หลังจากที่มันเหนื่อยล้ามานานจนแทบหมดแรง
ผมไม่รู้หรอก...ว่าตอนนี้ผมฝันอยู่หรือไม่ แต่แค่มือของเขาขยับตอบรับการบีบของผม แค่ตาของเราสบกันอยู่ตอนนี้ จะให้เป็นแค่ความฝันก็ได้ เพราะหากเป็นความฝัน มันจะเป็นฝันดีในรอบสองปีของผม
ฝันที่ไม่ใช่การมองแผ่นหลังของเขาขึ้นรถไฟไปเพียงลำพัง แต่จะเป็นฝันที่เขาหันหลังกลับมาแล้วคว้ามือผมไปจับไว้ บอกด้วยเสียงหนักแน่นพร้อมรอยยิ้มกว้างว่า ‘ไปด้วยกันนะ’
นี่...เป็นฉากจบที่สวยงามได้ใช่ไหม
แม้จะเป็นฉากจบในห้องพยาบาลสีจืดชืด คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นยา แสงแดดสีจางที่ส่องฝ่าเมฆสีขมุกขมัวผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ทุกองค์ประกอบในตอนนี้ไม่ได้สวยงามเลย ทว่า...ผมกลับพบความสวยงามมากยิ่งกว่า
ความสวยงามในแววตาของเขา แววตาที่อยากบอกความรู้สึกกับผมมากมาย ในขณะที่ผมก็อยากจะบอกเขาเหมือนกัน พอเรียบเรียงแล้วก็มีแต่ความรู้สึกที่ตีกันวุ่นในหัว สุดท้ายก็แค่เลือกคำพูดเรียบง่ายมาพูดกับเขา
“สวัสดีครับคุณธนิก”
ผมยิ้มให้กับเขา แม้เขาจะทำได้เพียงขยับเปลือกตา แต่นั่นก็คือสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมได้รับ ทว่าอีกไม่นานหรอกที่เขาจะตอบผมกลับมาเช่นกันว่า
‘สวัสดีครับขวัญพัฒน์ ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งนะ’
คำทักทายที่เรียบง่ายแต่ในบางทีก็มีความหมายมากมายต่อใจคนฟังเพราะบางคนแค่คำพูดว่า สวัสดี ก็เหมือนการเริ่มต้นของความรักที่รอคอยมานานแสนนาน เหมือนกับผม...ที่รอเขามานานเหลือเกิน
‘สวัสดีครับคุณธนิก จากนี้มามีความสุขไปด้วยกันนะครับ’
Endสวัสดีค่ะคนอ่านทุกท่าน เราพาทุกคนมาถึงตอนจบแล้วนะคะ สำหรับสวัสดีครับคุณธนิก เราอยากเขียนเรื่องนี้ในมุมที่มองทุกอย่างเป็นสีเทา ไม่มีใครดีที่สุดหรือเลวที่สุด มีแต่คนที่รักตัวเองที่สุด เห็นแก่ตัว เห็นแก่ความต้องการของตัวเองจนลืมที่จะมองว่าคนรอบข้างนั้นเป็นอย่างไร คุณธนิกพระเอกของเราคงน่าขัดใจไปบ้าง น้องขวัญคนดีก็น่ารักเรี่ยราดไปบ้าง แต่ให้อภัยกันนะคะ

ขอบคุณที่ต้อนรับเราอย่างอบอุ่น ทั้งๆ ที่เราหายไปนานมาก ขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็น ทุกๆ กำลังใจที่มีให้กัน เราหวังนะคะว่าเรื่องนี้จะเป็นอีกเรื่องที่ทำให้คนอ่านสนุกสนานไปกับเรา เศร้าไปกับเรา ยิ้มไปกับเรา
ขอบคุณมากค่ะ
เราเปิดจองพี่นิก ไปจับจองกันได้นะคะ ที่เพจของเราเลยค่ะ Snufflehp