Chapter Nine.
‘วางแผงแล้วสำหรับปกซูเปอร์สตาร์หนุ่มสุดฮอต ปิน ปารินทร์ สำหรับใครที่จะจับจองต้องวิ่ง 4 x 100 เลยนะคะ เพราะว่าถ้าช้า หมด อดแน่นอนนนนน!
ปล.สำหรับรอยลิปสติกบนหน้าอกแน่นๆ นั้นแฟนคลับไม่ต้องเกรี้ยวกราดไปเพราะใช้อุปกรณ์เท่านั้นค่า’ริมฝีปากแห้งผากถูกไล้เลียด้วยปลายลิ้นเมื่อฝุ่นเห็นกระทูข่าวในโทรศัพท์ที่เป็นตัวเฉลยข้อสงสัยและความคิดมากของตัวเอง
นี่หึงไปเองหรอกหรือ...
“ฝุ่น เราไปให้อาหารปลากัน” ร่างเล็กซึ่งผละไปคุยโทรศัพท์เดินกลับมาชวนเพื่อน ทว่าคนที่จมอยู่กับความคิดตัวเองเหมือนจะไม่ได้ยิน “ฝุ่น”
บลูเอ่ยเรียกพร้อมทั้งวางมือลงบนต้นแขนของฝุ่น
“หืม...บลูคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วหรือ” คนที่เพิ่งรู้สึกตัวหันมาถามเพื่อนเสียงเบา เรื่องที่วนเวียนอยู่ในหัวปลิวหายเมื่อดึงสติกลับมายังสถานการณ์ตรงหน้า
“คุยเสร็จแล้ว จะมาชวนฝุ่นไปให้อาหารปลากัน ว่าแต่เป็นอะไร คิดถึงดินอีกแล้วเหรอ”
“อะ อืม” ฝุ่นซึ่งไม่รู้จะตอบอะไรได้แต่รับคำไปตามน้ำ
“ไม่ต้องเศร้าแล้วนะ เดี๋ยวดินมองลงมาแล้วจะไม่สบายใจ” บลูระบายยิ้มสดใสอย่างพยายามทำให้เพื่อนรู้สึกดีขึ้น พอเห็นฝุ่นค่อยๆ ยิ้มตามก็รู้สึกเบาใจ
“ได้มาหาดินที่วัดบ่อยๆ แบบนี้ก็ดีขึ้นมากแล้วล่ะ”
“ดีแล้ว งั้นเราไปให้อาหารปลากัน”
“ไปสิ”
--
หลังจากกลับมาจากวัดแล้วแยกย้ายเข้าห้องใครมันบลูก็ไม่มีอะไรทำนอกจากเปิดหนังดูระหว่างรอใครบางคน กระทั่งเสียงก๊อกแก๊กตรงประตูดังเข้าหูแว่วๆ จึงลุกจากโซฟา
“เป็นยังไงบ้างครับ”
ร่างบอบบางในชุดนอนบางเบาเดินมารับของจากคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา กระเป๋าทำงานและเสื้อสูทถูกนำไปวางไว้บนโซฟา ก่อนที่บลูจะเดินกลับมาหยุดอยู่หน้าร่างสูงอีกครั้ง
มือบางเอื้อมไปถอดเนกไทที่ถูกคลายออกไว้หลวมๆ พร้อมทั้งปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตราคาแพงลงให้อีกเม็ด จากนั้นก็หยิบแก้วน้ำส่งให้อีกคน
“เหนื่อย” คนถูกถามตอบเพียงสั้นๆ ยามยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“จะอาบน้ำเลยไหมครับ”
“อืม”
“บลูรองน้ำไว้ให้แล้ว เดี๋ยวเอาของไปเก็บแล้วจะตามคุณกัญจน์ไปนะ”
“...” คิ้วคู่สวยเลิกขึ้นเมื่อคนตัวโตยังคงยืนนิ่ง ทว่าดวงตาเข้มดุซึ่งจับจ้องอยู่ตรงบางส่วนบนใบหน้าอย่างไม่วางตาก็ทำให้ได้คำตอบว่าทำไม
ร่างเล็กเขย่งปลายเท้าขึ้น ก่อนริมฝีปากจะแนบเข้าหาส่วนเดียวกันของอีกคนตรงหน้า มอบจูบลึกซึ้งเป็นการเพิ่มพลังให้กับ
คนแก่ “รีบตามมา”
ปลายนิ้วแกร่งไล้ไปตามกลีบปากบางสองสามครั้งจากนั้นกัญจน์จึงผละออกห่างแล้วหมุนตัวเดินไปทางห้องนอนโดยทิ้งสายตาให้บลูรับรู้ว่าครั้งนี้มันจะไม่ใช่เพียงแค่การอาบน้ำปกติ
“ฮึก” ฟันซี่ขาวขบกัดริมฝีปากล่างจนได้กลิ่นคาวเลือดเมื่อส่วนใหญ่โตรุกล้ำเข้ามาลึกสุด ทั้งยังคว้านวน งัดเสยเข้าใส่จุดกระสันโดยไร้ซึ่งความปรานี
สัมผัสเย็นชืดตรงแผ่นหลังซึ่งแนบอยู่กับกระจกของอ่างล่างหน้าไม่อาจช่วยดับความร้อนรุ่มที่เกิดจากกายคนทั้งสอง ใบหน้าเล็กบิดเบ้ ขาเรียวที่วางเป็นรูปตัวเอ็มถูกดันไปด้านหลัง เปิดอ้ากลางกายให้อีกคนแนบชิดได้ถนัดถนี่
“ดีหรือเปล่า” คนตัวโตเอ่ยถามขณะไล้ปลายลิ้นร้อนไปตามกลีบปากบางอย่างบ่งบอกว่าให้คลายแรงกัดออก ทว่ามันกลับเป็นสิ่งที่ทำได้ยากสำหรับบลู ร่างเล็กจึงเปลี่ยนจากการกัดปากตัวเองไปเป็นกัดไหล่หนั่นแน่น ระบายความเสียวซ่านโดยไม่กังวลว่าอีกฝ่ายจะเจ็บ
คุณกัญจน์เคยบอกว่าให้กัดและข่วนได้เต็มที่ เพราะยิ่งรุนแรงก็ยิ่งหมายความว่าเสียวมาก
“อื้อ ดีมาก ครับ”
จากการบดคลึงสะโพกเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นขยับเข้าออก หอบความซ่านกระสันระลอกใหม่สาดซัดมาเล่นงานจนปลายเล็บสั้นกุดจิกลงบนแผ่นหลังกว้าง
กล้ามเนื้อบนร่างหนาทำงานแทบจะทุกมัด ทั้งต้นขา สะโพก และแผ่นหลัง แม้อายุจะล่วงเลยมาจนถึง 42 ปี แต่กัญจน์ ศิวะเกียรติ ก็ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ออกกำลังเป็นประจำสม่ำเสมอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกกำลังกายกับบลู
บทรักที่ทั้งเร่าร้อนและหวามไหวราวกับแผดเผาร่างเล็กให้ค่อยๆ มอดไหม้ กว่าคนอายุมากกว่าจะพึงพอใจและปล่อยให้บลูอาบน้ำก็เป็นตอนที่ยืนแทบไม่ไหว ขาสั่นระริก น่าตลกเสียจนเห็นแววตาคมเจือไปด้วยความขบขัน
“หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง” กัญจน์กระซิบอยู่ข้างหูคนนอนหมดแรงโดยที่ท่อนแขนก็พาดอยู่บนเอวคอด ปลายจมูกโด่งแตะแต้มคลอเคลียอยู่กับหลังคอระหงไปเรื่อยๆ
“แต่บลูเหนื่อยแทน” เสียงหัวเราะทุ้มในลำคอดังขึ้น
“เหนื่อยก็พัก”
“คุณกัญจน์ก็หยุดลูบตรงนั้นตรงนี้สักทีสิครับ” ใบหน้าเล็กเอียงกลับมาพลางยู่ปากใส่คนด้านหลังน้อยๆ
“นิ่มดี”
“พอเลยครับ พรุ่งนี้มีประชุมกับท่านรองนะ”
พูดถึงเรื่องงานแล้วนักการเมืองที่ถือว่ายังหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาอย่างไม่เก็บอาการ
บางทีกัญจน์ก็เบื่อเส้นทางนี้เต็มทน
“ขี้เกียจ”
“ขี้เกียจก็ต้องสู้นะครับ แล้ววันนี้ก็พักผ่อนได้แล้ว”
บลูค่อยๆ หันกลับไปหาอีกทั้งตัว ก่อนริมฝีปากบางจะกดลงตรงดวงตาคมแผ่วเบา จากนั้นจึงผละออกมายิ้มให้แล้วได้รับสัมผัสตรงริมฝีปากกลับมา
“ฝันดี”
“ฝันดีครับ”
--
“พอก่อนนะครับ เดี๋ยวคุณกัญจน์ไปทำงานสาย”
มือเล็กรั้งใบหน้าที่ซุกไซ้ไปตามลำคอตัวเองเอาไว้พลางยื่นแปรงสีฟันส่งให้ ทั้งยังย้ำอีกคนด้วยสายตาว่าต้องรีบแล้ว
“ฉันไม่อยากไปเลยสักนิด” คนแก่ทำสีหน้าเบื่อหน่ายราวกับเด็กที่ถูกบังคับไปโรงเรียน
“ไม่อยากไปแต่ยังไงก็ต้องไป...ใช่ไหมครับ” บลูยิ้มบางพลางเลิกคิ้วถาม
“...”
“ไปทำงานก่อนนะครับ แล้วเย็นนี้บลูจะนวดให้” แล้วสีหน้าเบื่อหน่ายก็แปรเปลี่ยนเป็นกรุ้มกริ่ม ดูสบายอารมณ์ขึ้นทันตาอีกทั้งมือหนายังรับแปรงสีฟันไปจัดการตัวเองพร้อมฮัมเพลงในลำคอไปด้วย
คนแก่แสนหื่น
บลูได้แต่โคลงหัวแล้วเอื้อมมือไปหยิบแปรงสีฟันของตัวเอง
หากรายการที่ฝุ่นดูระหว่างวันบ่อยที่สุดคือรายการเพลงและรายการบันเทิง สิ่งที่บลูดูก็จะแตกต่างจากนั้นคนละขั้ว แต่ถึงอย่างไรร่างบางก็ยังติดตามเพจข่าวซุบซิบเอาไว้มากมายเนื่องจากเผื่อมีความเคลื่อนไหวในบางอย่าง
เช่นวันนี้
‘แก้ม มทิรา พูดถึงชีวิตคู่กับนักการเมืองหน้าหล่อสุดภูมิฐาน กัญจน์ ศิวะเกียรติ ที่ทุกคนจับตามองว่ายังดีอยู่ ไม่มีขาเตียงสั่นแบบที่เป็นข่าวลือแต่อย่างใด’
‘ยังเหมือนเดิมค่ะ เพียงแต่อาจจะแยกกันอยู่บ้างตามเรื่องของงาน บางทีเขาอยู่คอนโดก็สะดวกกว่า บางทีแก้มอยู่คอนโดก็สะดวกสำหรับแก้มมากกว่า แต่ก็ยังกลับมาอยู่ด้วยกันที่บ้านบ้างเหมือนเดิม’
‘แต่งงานกันมาจะห้าปีแล้ว เมื่อไหร่จะมีลูก?’
‘ตอนนี้ทั้งแก้มแล้วก็คุณกัญจน์ยังมีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะเลยค่ะ แต่ว่าก็อาจจะต้องเริ่มคุยเรื่องนี้กันจริงจังแล้ว’
‘ยืนยันว่ายังรักกันดี’
‘ยังดีอยู่ค่ะ’
เซเลปสาวยังคงยืนยันเช่นเดิมแม้ว่าข่าวจะหนาหูและมีมูลมากขึ้นเรื่อยๆริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเมื่อในอกเกิดความวูบโหวงจนต้องวางไอแพดลงบนโต๊ะช้าๆ
ฝ่ายนั้นไม่ยอมปล่อยคุณกัญจน์ง่ายๆ เพราะมีพันธะมากมายหลายอย่าง เรื่องหย่าร้างจึงได้คาราคาซังมาถึงสี่ปี
บลูกะพริบตาแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อคิดได้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตัวเอง
ถึงคุณกัญจน์จะหย่ากับภรรยาที่แยกกันอยู่มาแล้วสี่ปีแต่ก็ใช่ว่าอีกคนจะเลือกเขาสักหน่อย
คนสูงส่งและมีเกียรติขนาดนั้นไม่มีทางลดตัวมายกระดับเขาให้เป็นมากกว่า
เด็กขายตัวหรอก
--
Pin sent a photo.
Pin : แสบ
ฝุ่นรีบกดเข้าไปดูภาพซึ่งถูกส่งมาจากอีกประเทศ เมื่อเห็นว่าแขนอีกคนมีรอยข่วนเป็นทางก็รีบพิมพ์ข้อความส่งกลับไป
Fhoon : โดนอะไรมา
ข้อความนั้นถูกอ่านในทันใดบ่งบอกว่าปินกำลังอยู่ในหน้าแชท
Pin : เล็บแฟนคลับ
Pin : เขาเข้ามารุม รู้ตัวอีกทีก็แสบไปแล้ว
Pin : *ส่งสติ๊กเกอร์
Fhoon : ทายารึยัง
Pin : แล้ว
Pin : บอกฝุ่นไว้ก่อน เผื่อมีข่าวจะได้ไม่ตกใจ
Fhoon : อืม
Fhoon : ทำอะไรอยู่
Pin : ซ้อมอยู่ครับ
Pin : ตอนนี้พัก
คิ้วได้รูปขมวดมุ่นเมื่อตัวเลขตรงกลางหน้าจอบอกเวลาจวนจะห้าทุ่ม นั่นหมายความว่าที่จีนก็เกือบจะเที่ยงคืน
Fhoon : ที่นู้นจะเที่ยงคืนแล้ว ยังซ้อมอยู่อีกเหรอ?
Pin : ใกล้ถึงวันแฟนมีตยิ่งต้องซ้อมหนัก
Fhoon : งั้นก็สู้ๆ
Pin : คิดถึงฝุ่นนะครับ
Fhoon : เหมือนกัน
Pin : ไม่เอาแบบนี้สิ ฝุ่นต้องพิมพ์กลับมาว่าคิดถึงมากกว่า
ฝุ่นระบายยิ้มก่อนจะส่ายหัวน้อยๆ ให้กับเจ้าหมาขี้อ้อน
Fhoon : คิดถึงมากกว่า
ถึงอย่างนั้นก็ส่งข้อความที่อีกฝ่ายต้องการกลับไปโดยไม่มีอิดออด
Pin : *ส่งสติ๊กเกอร์
สติ๊กเกอร์รูปหัวใจถูกส่งกลับมา
Pin : ฝันดีครับ
Fhoon : *ส่งสติ๊กเกอร์
ก่อนจะจบบทสนทนาในค่ำคืนนี้ด้วยสติกเกอร์ให้กำลังจากฝุ่น เมื่อข้อความขึ้นว่า read แล้วไม่มีสิ่งใดตอบกลับมาโทรศัพท์ก็ถูกกดล็อกหน้าจอ สองแขนกระชับหมอนข้างเข้าหาตัว
วันนี้พี่จะไม่ร้องไห้
ฝุ่นให้คำสัญญากับน้องอยู่ในใจแล้วปิดเปลือกตาลงช้าๆ
--
“จบลงไปแล้วสำหรับงานแฟนมีตติ้งที่ประเทศจีนของนักร้องซูเปอร์สตาร์สุดฮ็อตอย่าง ปิน ปารินทร์ เรียกได้ว่าแฟนคลับจีนนั้นไปกันล้นฮอล์ อีกทั้งนิตยสารที่เจ้าตัวเพิ่งขึ้นปกในเมืองไทยก็เกลี้ยงแผงทั้งที่ปล่อยออกมาได้เพียงวันเดียว ส่วนเรื่องที่แฟนคลับกระชากแขนจนถูกเล็บข่วนเป็นทางยาวปินก็บอกว่าไม่ได้ถือโทษอะไร เข้าใจว่าแฟนคลับอยากใกล้ชิดเพราะความชื่นชอบ ทั้งนี้ทั้งนั้นนอกจากจะมีงานถ่ายแบบที่จีนแล้วยังแว่วมาว่ามีเอเจนซี่จีนทาบทามให้ไปเป็นพระเอกซีรีส์อีกด้วย โอ้โห แรงสุดๆ ฉุดไม่อยู่จริงๆ ค่ะคนนี้”ดวงตาโตจับจ้องภาพซึ่งถูกฉายทางโทรทัศน์ไปเรื่อยๆ ด้วยความยินดีกับอีกคน แม้จะได้คุยกับคนซึ่งกำลังถูกพูดถึงอยู่ในข่าวเพียงเล็กน้อยแต่ฝุ่นก็ไม่ได้รู้สึกแย่เนื่องจากเข้าใจดีว่าตอนนี้ปินกำลังยุ่งมากแค่ไหน
Rrrr
โทรศัพท์ที่ส่งเสียงร้องถูกคว้ามารับสาย
“สวัสดีครับ”
(คุณฝุ่นครับ คลาสเรียนตอนบ่ายนี้ผมขออนุญาตงดได้ไหมครับ พอดีว่าคุณแม่เข้าโรงพยาบาลกะทันหัน) ครูสอนวาดภาพที่ฝุ่นเรียนด้วยเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเกรงใจ
“ได้เลยครับ ไม่มีปัญหา ว่าแต่แม่คุณเซนเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ” ร่างเล็กรับคำในทันใด ทั้งยังถามถึงอาการของแม่อีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง
(เห็นว่าหน้ามืดเพราะความดันขึ้นน่ะครับ แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะมีปัจจัยอื่นที่ทำให้ความดันขึ้นอีกหรือเปล่า...ยังไงผมขอโทษจริงๆ นะ ไว้จะชดเชยให้นะครับ)
“ไม่เป็นไรครับไม่เป็นไร ขอให้คุณแม่หายเร็วๆ”
(ขอบคุณมากครับ งั้นผมวางสายแล้ว ไว้เจอกันสัปดาห์หน้าครับ)
“สวัสดีครับ”
ฝุ่นวางโทรศัพท์ลงที่เดิมขณะกำลังคิดกับตัวเองว่าแล้ววันนี้ที่จะทำอะไร ใช้เวลาคิดอยู่ชั่วครู่ กระทั่งนึกออกมือบางจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งแล้วส่งไลน์ไปหาเพื่อนสนิทคนเดียวที่มี
Fhoon : ไปซื้อของกันไหม
บลูยังไม่อ่าน รอเกือบห้านาทีจึงค่อยมีข้อความตอบกลับมา
Blue : อ้าว ไหนฝุ่นบอกว่ามีเรียนวาดรูปไง
Fhoon : ครูเขาติดธุระน่ะเลยมาสอนไม่ได้
Fhoon : บลูว่างหรือเปล่า
Blue : ตอนนี้ก็ว่างนะ
Blue : แต่คงกลับดึกไม่ได้
Fhoon : คงกลับไม่ดึกหรอก
Blue : โอเค งั้นอีกสิบห้านาทีเจอกัน
Fhoon : *ส่งสติ๊กเกอร์
ตกลงกันได้แล้วร่างเล็กก็หยัดกายขึ้นจากโซฟาเพื่อเดินไปเปลี่ยนชุดในห้อง ทว่าพอครบสิบห้านาทีบลูก็ไลน์มาบอกว่าแต่งหน้ายังไม่เสร็จ กว่าจะได้ออกจากห้องจึงเลยเวลาที่ตกลงกันเอาไว้ถึงสิบนาที
“บลูว่าตัวนี้เหมาะกับเราไหม” ฝุ่นหันไปถามคนที่เลือกเสื้ออยู่ข้างกัน และเมื่อคนถูกถามหันมาเห็นก็ส่ายหน้าหวือ
“เก็บเลย แนวนี้ในถุงก็มีสองตัวแล้ว ฝุ่นควรเปลี่ยนสไตล์บ้าง”
“เปลี่ยนสไตล์?”
“อื้อ ลองทำอะไรที่ไม่เคยทำบ้าง เป็นสีสันของชีวิต...นี่ เราว่าตัวนี้เหมาะกับฝุ่น” ร่างเพรียวหยิบเสื้อที่ดูๆ ไว้เมื่อครู่มาทาบใส่ตัวเพื่อน ขณะที่ฝุ่นก็ก้มลงมอง แล้วดวงตาโตก็เบิกขึ้นนิดๆ
“มันคอกว้างไปหรือเปล่า”
“ไม่หรอก นิดๆ หน่อยๆ เอง”
“...”
“เชื่อสิว่าเขาชอบ” เขาที่เข้าใจความหมายกันดีว่าเป็นใครทำให้คนไม่มั่นใจกัดริมฝีปากอย่างใช้ความคิด หากแต่สุดท้ายก็ยอมรับเสื้อตัวนั้นจากมือเพื่อนมา
“ลองดูก็ได้”
“ดีมาก” บลูระบายยิ้ม ทั้งยังคะยั้นคะยอให้ฝุ่นลองเสื้อและกางเกงแบบที่อีกฝ่ายไม่เคยใส่อีกหลายตัว
“มัวแต่ช็อปเพลิน ดูซิ ออกมาเจอรถติดเลย”
คนขับรถยู่ปากน้อยๆ เมื่อการจราจรใจกลางเมืองติดขนัดชนิดที่ผ่านไปเป็นชั่วโมงแต่รถกลับเคลื่อนตัวไปได้เพียงไฟแดงเดียว
“บลูรีบใช่ไหม” คำถามนั้นทำให้บลูหันมาเลิกคิ้ว ก่อนจะตามมาด้วยเสียงถอนหายใจเบาๆ
“อื้อ...เขาใกล้จะกลับห้องแล้วน่ะ”
“ขอโทษนะที่เราพาออกมาข้างนอกวันนี้”
“เราไม่ได้จะว่าฝุ่นนะ เป็นเราต่างหากที่มัวแต่ซื้อของเพลินทั้งที่ฝุ่นชวนกลับตั้งเป็นชั่วโมงแล้ว” นึกแล้วบลูก็โกรธตัวเอง เวลาบนคอนโซลรถยิ่งส่งผลให้ร้อนใจหากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่านั้น
ถ้าคุณกัญจน์ถึงห้องก่อนนี่ยิ่งแย่เลย...
“ผ่านแยกนี้ไปคงดีขึ้นแล้วล่ะ” ฝุ่นเอ่ยปลอบคนที่กำลังรีบ
“ขอให้เป็นอย่างนั้น”
จังหวะเพลงอันแสนสดใสในรถไม่อาจบรรเทาความหงุดหงิดงุ่นง่านลงได้ กระทั่งผ่านจากไฟแดงนั้นมาบลูก็เหยียบคันแร่งเท่าที่สามารถ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ทันใครบางคนที่กลับมาถึงห้องก่อนสักพักแล้ว
แกร๊ก
“หนีเที่ยวมา สนุกไหม”
ร่างสูงที่นั่งเอนกายทำงานอยู่บนโซฟาเลิกคิ้วถาม พาให้คนกลับช้าเม้มริมฝีปาก ร่างเล็กค่อยๆ เดินลากเท้าเข้าไปหาคนอายุมากกว่าด้วยท่าทางเจี๋ยมเจี้ยม
“บลูขอโทษที่กลับช้า”
แมคบุ๊กบนตักแกร่งถูกพับหน้าจอลงแล้วนำไปวางไว้ที่อื่น ก่อนดวงตาคมจะเลื่อนกลับมามองคนที่ยืนก้มหน้าอยู่ตรงหน้า
“เดี๋ยวนี้หัดหนีเที่ยวแล้วใช่ไหม”
“...” ริมฝีปากบางถูกขบกัดอย่างไม่กล้าพูดอะไร
“ฉันถาม” กัญจน์เอ่ยย้ำอีกครั้งบ่งบอกว่าคนถูกถามไม่มีสิทธ์นิ่งเงียบ
“บลูขอโทษ” คนมีความผิดได้แต่พูดคำนี้ออกมา
กัญจน์หยัดกายขึ้นจากโซฟา ปลายนิ้วแกร่งเชยคางมนให้อีกคนเงยหน้าขึ้นมอง พลันริมฝีปากที่เป็นเส้นตรงก็ยกโค้งขึ้นให้ความเข้มดุที่แสร้งทำเลือนหายไป
จุ๊บ
“ฉันไม่ได้จะว่าอะไร” กัญจน์ก้มลงไปจูบเด็กของตัวเองเบาๆ ก่อนจะเอ่ยพูด
“คุณ...ไม่ได้โกรธที่บลูละเลยหน้าที่เหรอครับ”
คนที่ตามไม่ทันถามออกมาช้าๆ คิ้วขมวดเข้าหากัน รู้สึกสับสนกับท่าทางที่แปรเปลี่ยนไปของคนตรงหน้าเล็กน้อย
“เธอไม่ได้เป็นคนรับใช้ฉัน จะออกไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างฉันไม่ว่าหรอก”
“บลูนึกว่าคุณ...”
“ฉันแค่แกล้งเล่น” คนฟังยู่ปากน้อยๆ
“ตกใจหมดเลย คิดว่าทำคุณไม่พอใจซะแล้ว”
“ความจริงก็ไม่พอใจอยู่หน่อยๆ...แต่เธอรู้ดีว่าต้องทำยังไง” มือหนายกขึ้นมาแนบกับแก้มเนียน ปลายนิ้วแกร่งไล้อยู่ใต้ริมฝีปากสีเชอร์รีไปมาอย่างสื่อความหมาย
“บลูยังไม่ได้อาบน้ำ” บลูตอบเสียงเบา ไม่ได้มีปัญหากับการทำให้อีกคนพอใจแต่ไม่มั่นใจกับร่างกายตัวเองในเวลานี้อยู่เล็กน้อย
“No problem,Kiddie” แล้วริมปากได้รูปก็ฉกรูปลงมาบ่งบอกว่าไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ขณะที่คนถูกจู่โจมก็ตอบรับสัมผัสอีกคนแต่โดยดี
ความคุ้มค่าของโซฟาก็คือแบบนี้...ไม่ได้มีไว้นอนดูโทรทัศน์เพียงอย่างเดียว
ส่วนการนวดที่บลูบอกเมื่อเช้าก็เอาไว้วันหลังแล้วกัน
“ผมบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าห้ามให้ข่าวอะไรอีก...”
ร่างเล็กที่ผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลียค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นเมื่อเสียงคุยโทรศัพท์ดังเข้ามาในห้วงการหลับใหล
“อย่าให้ผมต้องฟ้องหย่านะแก้ม...มันก็ไม่แน่ถ้าเกิดว่าเราคุยกันดีๆ ไม่ได้”
บลูเม้มปากเมื่อจับใจความได้ว่าเจ้าของแผ่นหลังกว้างกำลังคุยกับใครและคุยถึงเรื่องอะไร
ได้ยินกี่ครั้งก็ไม่อาจห้ามความวูบโหวงในอกได้
“คุณรู้จักผมดี...อย่าให้ฟางเส้นบางๆ ที่ผมมีมันขาดลง”
กัญจน์กดตัดส่ายเมื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการพูดหมดลง ลมหายใจร้อนถูกพรูออกหนักๆ จนแผ่นอกสะท้านไหว ก่อนจะต้องชะงักเมื่อมีบางอย่างสอดรัดรอบเอวและซบเข้ากับแผ่นหลัง
“อยากได้เครื่องดื่มหน่อยไหมครับ” คนด้านหลังเอ่ยถามเสียงเบา
“ก็ดีเหมือนกัน”
มือหนายกขึ้นเสยผมอย่างไม่สบอารมณ์ ทว่าเมื่อความแนบชิดทางด้านหลังจะผละออกกัญจน์ก็หมุนตัวไปคว้าร่างเอาไว้ ตามด้วยการทาบทับริมฝีปากเข้าหา
“ขอโทษที่ทำเธอตื่น” กัญจน์เอ่ยพูดขณะที่ริมฝีปากยังคลอเคลียกันไม่ห่าง
“ไม่เป็นไรเลยครับ เดี๋ยวบลูไปเอาเครื่องดื่มมาให้นะ”
พออีกคนพยักหน้าอนุญาตร่างเล็กในชุดนอนตัวโคร่งก็หมุนตัวเดินออกจากห้องโดยมีสายตาคมมองตาม
เด็กน้อยของเขา--
“ฝีมือฝุ่นดีขึ้นมากเลยนะ” คุณครูหนุ่มเอ่ยชมเมื่อคลาสเรียนแบบส่วนตัวในวันนี้จบลงพร้อมกับผลงานที่พัฒนาขึ้นกว่าครั้งก่อนของลูกศิษย์
“เพราะมีอาจารย์เซนสอนไง” ฝุ่นพูดพร้อมรอยยิ้มบางขณะทอดมองผลงานตรงหน้าด้วยความภาคภูมิใจ
ที่ความเศร้าบรรเทาลงได้ก็เพราะศิลปะนี่แหละ
“ไม่หรอก ของแบบนี้มันอยู่ที่ฝีมือแต่ละคน...ผมดีใจนะที่วันนี้รอยยิ้มของฝุ่นมันสดใสขึ้นกว่าทุกครั้ง” ดวงตาโตเลื่อนไปมองคนพูดก่อนจะทำหน้าเหรอหราใส่คนที่อายุเท่ากัน
“งั้นหรือ”
“อืม วันแรกที่เราเจอกันฝุ่นดูเศร้า”
“...”
“ดีใจที่เห็นฝุ่นดีขึ้น ศิลปะมันเยียวยาจิตใจเราได้จริงๆ”
“อืม เคยได้ยินมาเหมือนกัน”
“คือ...เรียนเสร็จแล้วฝุ่นรีบไปไหนไหม” คิ้วได้รูปเลิกขึ้นอย่างถามว่ามีอะไร “ผมว่าจะชวนไปกินข้าวสักหน่อย”
คนฟังชะงักไปเล็กน้อย ก่อนบางอย่างในแววตาของคนเป็นครูจะทำให้ฝุ่นทำเพียงแค่ยิ้มแล้วกล่าวปฏิเสธ
“ฝุ่นไม่สะดวกน่ะ”
“อ่า ถ้าอย่างนั้นเอาไว้วันหลังก็ได้” คนชวนยกมือขึ้นมาเกาคอแก้เก้อ
“อืม เดี๋ยวขอตัวไปล้างมือก่อนนะ”
“ได้เลย”
ร่างบางลุกขึ้นยืนพลางถอดผ้ากันเปื้อนออกก่อนจะเดินไปตรงมุมล้างมือเล็กๆ ยามในหัวก็ครุ่นคิดถึงเรื่องคนด้านหลังไปพร้อมกัน
หลังจากเรียนเสร็จฝุ่นก็เดินทางกลับห้องโดยเลือกจะแวะซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของสด เมื่อได้ทุกอย่างครบก็โทรเรียกรถของที่พักมารับ
กึก
ฝุ่นขมวดมุ่นเมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วพบว่าไฟถูกเปิดเอาไว้ ร่างกายสัมผัสได้ถึงการทำงานของแอร์คอนดิชันเนอร์
หมับ
“ผมกลับมาแล้ว”
บางอย่างจู่โจ่มเข้ามากอดจากทางด้านหลังก่อนเสียงกระซิบข้างหูจะดังขึ้น พร้อมๆ กับกลิ่นกายอันแสนคุ้นเคยที่ลอยเข้าจมูกให้ฝุ่นได้รู้ทันทีว่าเป็นใคร
“ไหนบอกจะกลับพรุ่งนี้” ใบหน้าเล็กหันกลับไปหา พอเห็นหน้าปินแล้วถึงได้รู้ว่าความคิดถึงนั้นมีมากแค่ไหน
“ผมอยากเซอร์ไพร์สฝุ่นไง” เจ้าหมาตัวโตตอบพร้อมรอยยิ้ม แล้วแก้มเนียนก็ถูกหอมดังฟอด “แต่หน้าตาฝุ่นเหมือนไม่เซอร์ไพร์สเลย”
“ต้องทำหน้ายังไง” ฝุ่นขมวดคิ้วถามพลางหันกลับไปหาคนด้านหลัง โดยที่สองแขนยังเต็มไปด้วยถุงของสดมากมาย
“ก็ทำตาโตๆ แล้วก็พุ่งเข้ามาจูบผม อะไรแบบนั้น”
คนฟังนิ่งคิด จากนั้นจึงโน้มใบหน้าเข้าไปทำสิ่งที่ปารินทร์คาดหวัง ทั้งยังทิ้งถุงของลงบนพื้นอย่างไม่ใยดีเมื่อต้องยกมือขึ้นมาประกบแก้มสาก
สองเรียวลิ้นเกี่ยวพันกันด้วยความคิดถึง ก่อนร่างเล็กจะถูกอุ้มไปชิดกับประตูขณะเสียงดูดดึงของริมฝีปากสองคู่ดังคลอกับเสียงลมหายใจ
คิดถึง
ความคิดถึงทั้งหมดถูกสื่อสารผ่านทางสัมผัส...สัมผัสที่ไร้ซึ่งสิ่งใดขวางกั้น เสื้อผ้าถูกถอดออกแล้วโยนทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจ
“อะ อื้อ...ปิน” ปลายเล็บสั้นกุดจิกลงบนไหล่กว้าง สองขาเกี่ยวกระหวัดรอบเอวสอบแน่นกันตก แม้จะมีฝ่ามือใหญ่ประคองอยู่ใต้บั้นท้ายแต่ฝุ่นก็ไม่อาจวางใจ
“คิดถึง จุ๊บ คิดถึงแมวฝุ่นมาก”
ปินพรมจูบไปทั่วดวงหน้าใส สัมผัสนั้นเป็นไปอย่างอ่อนโยนต่างจากการประคองสะโพกบางให้ยกขึ้นและกดลงโดยไม่ปรานี
ยิ่งห่างหายกันไปนานทุกอย่างยิ่งรู้สึกได้มากขึ้น
“อึก คิดถึงเหมือนกัน” ปินยกยิ้มเมื่อได้ยิน จากนั้นจึงตอกย้ำความคิดถึงที่ตัวเองมีให้ฝุ่นได้รู้จนแทบสำลักความซ่านเสียว
TBC.
มาแล้ววววว
มาพร้อมความฮอตเบาๆ ของทั้งสองคู่เลย
คู่ไหนเป็นยังไงคอมเมนต์มาได้น้า
#secrecyลับรัก