❖ SECRECY ❖ ลับรัก [บทส่งท้าย] : 13/03/2562 p.15
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [บทส่งท้าย] : 13/03/2562 p.15  (อ่าน 121324 ครั้ง)

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Ten.] : 19/12/2561 p.8
«ตอบ #240 เมื่อ21-12-2018 14:54:23 »

ปินอาจจะอยากเริ่มต้นกับฝุ่นใหม่ ที่ไม่ใช่เพราะหน้าที่แบบนี้ก็ได้ เนอะไ

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Ten.] : 19/12/2561 p.8
«ตอบ #241 เมื่อ22-12-2018 12:37:25 »

 :sad4: :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Ten.] : 19/12/2561 p.8
«ตอบ #242 เมื่อ24-12-2018 22:32:51 »

ตามอ่านจนทันแล้วๆๆๆ....มาจบตอนนี้ได้ค้างคามากๆๆๆ...รอลุ้นตอนต่อไปนะคด

ออฟไลน์ ex-soulL

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-6
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Eleven.] : 27/12/2561 p.9
«ตอบ #243 เมื่อ27-12-2018 21:14:34 »

Chapter Eleven.

“ฮึก...ไม่เอา ไม่ไป”

ฝุ่นร้องไห้จนปินไม่อาจเช็ดน้ำตาได้ไหว สองมือหนาจึงวางประกบใบหน้าเล็กไว้ทั้งสองข้าง ส่งเสียงปลอบประโลมให้อีกคนใจเย็น

ช่วงหลังมานี้ฝุ่นอ่อนไหวง่าย คงเป็นเพราะเรื่องหนักหนาที่เพิ่งเจอ

“ชู่ว ไม่ต้องร้องไห้นะคนดี”

“...” น้ำตายังคงไหลพรูจนมือของปินเปียกไปด้วยกัน

“ฝุ่น ฝุ่นครับ ผมไม่ได้จะทิ้งฝุ่นไปไหนถ้าฝุ่นยังอยากอยู่ตรงนี้”

“ยะ อยู่ ให้ฝุ่นอยู่นะ” เสียงสั่นๆ รีบเอ่ยทันใด อีกทั้งมือยังยกขึ้นมาจับข้อมือแกร่งเอาไว้แน่น

“สถานะระหว่างเราอาจจะเปลี่ยนไป แต่ความรู้สึกที่ผมมีต่อฝุ่นยังเหมือนเดิม มันแค่อาจมีบางอย่างที่ต้องเปลี่ยนแปลง”

ริมฝีปากได้รูปคลี่ออกเป็นรอยยิ้มน่ามอง ขณะปลายนิ้วก็ขยับเกลี่ยแก้มเปียกชื้นแผ่วเบา เกิดความรู้สึกทั้งเอ็นดูและสงสารคนร้องไห้เป็นเผาเต่าไปพร้อมกัน

“จะไม่ทิ้งกันใช่ไหม” ฝุ่นถามย้ำอย่างต้องการความหนักแน่นให้ใจอันสั่นไหว

“ผมมันเห็นแก่ตัว...และเห็นแก่ตัวจนไม่อาจปล่อยฝุ่นไปได้” ใบหน้าหล่อโน้มลงไปจนปลายจมูกโด่งปัดป่ายกับปลายจมูกเล็ก

“...”

“ฝุ่นจะมีอิสระในชีวิตได้ทุกอย่าง ยกเว้นตรงนี้” ปินเลื่อนมือลงมาวางบนอกด้านซ้าย สัมผัสให้รู้ว่าตรงไหนที่จะไร้ซึ่งอิสระ
หัวใจดวงนี้ไม่มีสิทธิ์เลือกคนอื่นอีกต่อไป

“ตรงนี้ก็ไม่ได้ต้องการอิสระอะไร” คนซึ่งน้ำตาเพิ่งหยุดไหลพูดเสียงเบา

“ถ้าอย่างนั้นก็เชื่อใจผมนะว่าจะไม่ทิ้งฝุ่นไปไหน”

ท่อนแขนแกร่งโอบรั้งร่างบางเข้าหาตัวอีกครั้งก่อนจะซบหน้าลงกับลาดไหล่เล็ก กอดฝุ่นเอาไว้แน่น

“แล้วเรื่องสัญญา...”

“ไว้ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง”

“อื้อ”

“ทำฝุ่นร้องไห้อีกแล้ว” คนในอ้อมแขนแกร่งถูกโยกตัวไปมาน้อยๆ อย่างปลอบประโลม

“ก็ไม่รีบพูดให้จบ” คำบ่นอุบดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงสูดน้ำมูกให้ปินหลุดยิ้ม

“ถ้าเผื่อฝุ่นทำหน้าดีใจผมก็อาจจะไม่พูดส่วนหลังไง”

“ไม่ดีใจหรอก ทำไมต้องดีใจกับการไม่ได้อยู่ด้วยกันด้วย”

“ผมจะทำให้เราได้อยู่ด้วยกันตลอดไป”

แม้ไม่เห็นหน้าคนพูดแต่ประโยคซึ่งถูกเอ่ยด้วยเสียงหนักแน่นก็ทำให้ความวูบโหวงในอกคนฟังมลายหาย หลงเหลือเพียงความเชื่อมั่นที่มีต่อกัน

จะอยู่กับปินไม่ไปไหน...แม้ว่าจะไม่อาจจับมือกันข้างนอกได้ก็ตาม

--

สิ่งที่ปินตั้งใจจะพาฝุ่นไปแล้วเกิดการทะเลาะกันขึ้นก่อนถูกทดแทนในค่ำวันหนึ่งที่พรุ่งนี้ไม่มีตารางงาน

“ผมไม่เคยเห็นฝุ่นใส่เสื้อตัวนี้เลย”

คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อร่างเล็กเดินออกจากห้องแต่งตัวมาด้วยการแต่งกายที่แปลกตา

ขณะคนถูกทักก็ขมวดคิ้ว ก้มลงมองเสื้อที่ตัวเองสวมใส่ด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ

“ไม่โอเคเหรอ”

“มันก็โอเค...แต่คอกว้างไปหน่อยหรือเปล่า” ฝุ่นกะพริบตาปริบพลางส่ายหน้าไปมาช้าๆ

“ไม่หรอกมั้ง เราไม่ได้ต้องไปเจอใครอยู่แล้วนี่”

“ตอนนี้ไม่เป็นไร แต่ถ้าออกไปเดินข้างนอกผมไม่อนุญาตนะครับ”

ปลายนิ้วแกร่งไล้ไปตามกระดูกไหปลาร้าที่โผล่พ้นเสื้อออกมาอย่างสื่อให้รู้ว่าทำไมถึงไม่อนุญาต

“ทีตัวเองยังถอดเสื้อถ่ายแบบให้คนเป็นล้านดูเลย”

คนร่างเล็กเอ่ยเสียงเบาเมื่อรู้สึกวูบวาบในตำแหน่งที่ถูกสัมผัส ปลายนิ้วของปินทิ้งความร้อนเอาไว้จางๆ ราวกับมีประกายไฟกรุ่นติด

“แมวฝุ่นหวงผมหรือ” คิ้วเข้มเปลี่ยนเป็นเลิกขึ้นพร้อมทั้งถามคำถามเย้าหยอก

“...หรือว่าไม่ได้” คนถูกถามไม่ตอบออกมาตรงๆ อีกทั้งยังทำสีหน้าหาเรื่องเพื่อปกปิดความขัดเขิน

ปินระบายยิ้ม ขายาวก้าวเข้าไปใกล้อีกคนมากกว่าเดิมแล้วยกมือขึ้นสัมผัสแก้มเนียน ทอดมองใบหน้าน่ารักด้วยแววตาอ่อนโยน

“มันเป็นงาน แต่ไม่ว่ายังไงผมก็เป็นของฝุ่นคนเดียว...ทั้งตัวและหัวใจ

ฝุ่นคิดว่ามือหนาอาจมีไฟติดอยู่จริงๆ เพราะบริเวณข้างแก้มร้อนก็ขึ้นมาเหมือนถูกไฟลวก หัวใจเต้นถี่จนกลัวว่าคนอยู่ใกล้จะได้ยิน

“...ไปกันเถอะ เดี๋ยวรถติด” ร่างเล็กเป็นฝ่ายผละออก ทิ้งให้ปารินทร์ได้แต่หลุดยิ้มแล้วก้าวตามไปทีหลัง

แมวฝุ่นขี้เขิน ไม่ชอบได้ยินอะไรหวานๆ เท่าไหร่นัก



“จะพาไปไหน ทำไมต้องดูลึกลับขนาดนี้”

ฝุ่นถามขึ้นด้วยความหวาดระแวงเมื่อดวงตาถูกปิดด้วยผ้าทันทีที่ขึ้นรถ การมองเห็นที่มีเพียงความมืดมิดยิ่งเพิ่มความสงสัยให้กับคนที่ไม่รู้จุดหมาย

“ผมอยากเซอร์ไพร์ส” ปารินทร์ตอบกลับพลางฮัมเพลงของตัวเองที่เปิดคลออยู่ในรถอย่างอารมณ์ดี

“ไม่ได้จะลวงไปทำอะไรใช่ไหม” คนถูกถามหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ฝุ่นดูข่าวเยอะเกินไปหรือเปล่า”

“ใครจะรู้ สมัยนี้คนฆ่ากันง่ายจะตาย”

“คิดว่าผมจะกล้าทำแบบนั้นหรือไง”

“ไว้ใจได้เหรอ”

จุ๊บ

ปารินทร์โน้มหน้าไปจูบแก้มคนข้างตัวเร็วๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“ได้สิครับ”

รถคันหรูกำลังมุ่งตรงไปตามเส้นทางที่เริ่มขรุขระ พาให้คนในรถซึ่งเผลอหลับไปรู้สึกว่าร่างกายโยกไหวจนต้องตื่น ฝุ่นขมวดคิ้ว ความสงสัยที่มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

รู้เพียงว่าถูกพามาต่างจังหวัดแต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน

“ยังไม่ถึงอีกเหรอ” เสียงแหบพร่าเอ่ยถามขึ้นในความมืด

“ใกล้แล้วครับ”

ปินขับรถต่อไปอีกประมาณห้านาทีก็หยุด จากนั้นหลังคารถก็ค่อยๆ ถูกเลื่อนกลับไปเก็บไว้ด้านหลัง เสร็จแล้วจึงโน้มตัวไปปลดเข็มขัดนิรภัยให้อีกคน ปมผ้าผูกตาด้านหลังหัวเล็กถูกคลายออก

“ถึงแล้วครับ ฝุ่นลืมตาได้”

เปลือกตาบางกะพริบถี่เพื่อปรับการมองเห็น พอภาพตรงหน้าชัดขึ้นก็กวาดมองรอบตัว ก่อนจะเงยมองด้านบนเป็นลำดับสุดท้าย

“สวยจัง” ฝุ่นพึมพำเมื่อไม่ได้เห็นท้องฟ้าที่มีดวงดาวสวยงามแบบนี้มานานแสนนาน

ในเมืองกรุงท้องฟ้ามักถูกบดบังด้วยแสงไฟ ยากที่จะได้เห็นดวงดาวเปล่งประกายอย่างเต็มที่แบบที่กำลังเห็น

“ตรงนี้เป็นจุดชมวิวส่วนตัวในรีสอร์ทของเพื่อนผม นึกได้ว่าเราไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอกด้วยกันเลยพาฝุ่นมา”

ใบหน้าเล็กหันกลับมามองคนพูด สองสายตามองสบด้วยความรู้สึกเดียวกัน

ไม่ต้องจับมือกันต่อหน้าใครๆ แค่เราได้อยู่ด้วยกันก็พอแล้ว

“ขอบคุณนะ ชอบมากเลย” ฝุ่นเอ่ยกับคนข้างตัว

“ลงจากรถกัน” ร่างสูงดับเครื่องแล้วลงจากรถ จากนั้นจึงเดิมอ้อมไปเปิดประตูอีกฝั่งให้ฝุ่นก้าวลงมา

อากาศในยามค่ำคืนเย็นกว่าตอนกลางวัน และเพราะรอบข้างคือต้นไม้จึงยิ่งทำให้รู้สึกสบายผิว ไม่ร้อนอบอ้าวแล้วก็ไม่ได้เย็นจนเกินไป

“อากาศดีจัง”

คนร่างเล็กเอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาหยุดอยู่ตรงรั้วไม้เป็นทางซึ่งมีไฟดวงเล็กติดอยู่ ตรงนี้คือหน้าผาที่ด้านล่างเป็นต้นไม้ พลันให้จินตนาการว่าหากเป็นยามเช้าที่พระอาทิตย์ขึ้นคงสวยไม่แพ้กัน

“ผมชอบที่ตรงนี้มีแค่เรา”

แผ่นอกกว้างเคลื่อนเข้ามาชิดทางด้านหลัง ตามมาด้วยท่อนแขนแกร่งที่โอบรอบเอวบาง ปลายคางวางเกยอยู่บนไหล่ของฝุ่น

“...ชอบทุกที่ที่มีปิน”

“ว้า คำพูดผมกร่อยไปเลย สู้ฝุ่นไม่ได้ซะแล้ว” ใบหน้าหล่อเหลาเอียงมองคนในอ้อมแขนอย่างยอมแพ้

“...” ด้านคนหลุดพูดความรู้สึกอ่อนหวานออกไปก็ได้แต่นิ่งเงียบ ทำเป็นมองต้นไม้มองฟ้าไปเรื่อย

“แอบเสียดายที่วันนั้นไม่ได้มาเพราะพระจันทร์สวยกว่านี้” ดวงตาเรียวรีทอดมองพระจันทร์เสี้ยวตรงหน้าด้วยความรู้สึกเสียดายเล็กๆ

“เสียใจที่เราทะเลาะกันด้วย” ฝุ่นหันมาพูดกับคนที่กอดตัวเองอยู่แล้ววางมือลงบนแขนที่สอดรัดอยู่ตรงหน้าท้อง

เมื่อย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นก็อดรู้สึกวูบโหวงในอกไม่ได้

ไม่ชอบการทะเลาะกับปินเลย

“มันคงต้องมีบ้าง แต่ไม่ว่ายังไงเราจะเข้าใจกันได้ถ้าพูดคุยกันอย่างมีเหตุผล...วันนั้นผมอาจจะงี่เง่าไป แต่ต่อจากนี้สัญญาว่าจะใช้สติให้มากขึ้น”

“เหมือนกัน”

“ถ้าสุดท้ายเราจะยังอยู่ด้วยกันก็ไม่รู้จะทะเลาะกันนานไปทำไม ถูกไหม” คนฟังพยักหน้ารับพลางทิ้งน้ำหนักไปพิงแผ่นหลังกว้างเอาไว้

“ปิน”

“หืม?” คนถูกเรียกขานรับ

“มาถ่ายรูปกันไหม”

“เอาสิ ผมเอากล้องมาด้วยพอดี”

คนตัวโตผละกายออกห่างเพื่อเดินกลับไปหยิบกล้องในรถ แล้วอุปกรณ์สำหรับถ่ายรูปก็ได้ทำหน้าที่เก็บความทรงจำในครั้งนี้เอาไว้หลายร้อยรูป

ทริปแรกของเรา



“ฝุ่นหนาวหรือเปล่า” ฝุ่นส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนเครื่องดื่มในมือจะถูกยกขึ้นมาจิบ

คนทั้งสองนั่งอยู่บนกระโปรงรถแล้วทอดมองท้องฟ้าพร้อมทั้งคุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ

และอาจเพราะฝุ่นได้แอลกอฮอล์ที่อีกคนเตรียมมาอย่างดีช่วยเอาไว้ส่วนหนึ่งจึงไม่หนาวสั่นกับอากาศเย็นชืดรอบตัว

“แก้มแดงแล้ว” ปลายนิ้วแกร่งเกลี่ยแก้มเนียนที่แดงระเรื่อแผ่วเบา

“ไม่รู้ทำไม พอดื่มแล้วแก้มจะแดงทุกทีทั้งที่ยังไม่ได้เมา”

“ฝุ่นดื่มเก่ง อันนี้ก็ถูกฝึกมาเหมือนกันเหรอ”

“อืม ก็ถูกฝึกแทบจะทุกอย่าง”

“เกี่ยวกับตัวฝุ่น...มีอะไรที่พอจะเล่าให้ผมฟังบ้างได้ไหม” คนถูกถามนิ่งคิดไปเล็กน้อย

“พอพ่อแม่เสียไปเมื่อแปดปีก่อนฝุ่นกับน้องก็ทำงานกันอย่างหนักเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง ฝุ่นไม่ได้เรียนต่อเพราะต้องส่งน้องเรียนมัธยม กระทั่งวันนึงตอนที่ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ในร้านอาหารก็มีคนเข้ามาติดต่อให้ทำงานนี้...เพราะความจำเป็นเลยทำให้ตัดสินใจตกลง”

ความจำเป็นที่ไม่อยู่แล้ว...

ฝุ่นพยายามไม่ร้องไห้แม้ปลายจมูกและกระบอกตาจะร้อนผ่าว เวลาผ่านมาสักระยะความเข้มแข็งก็มีมากขึ้น อาจไม่มากมายแต่ก็พอให้ชีวิตเดินต่อได้ อีกทั้งยังพยายามบอกตัวเองตลอดว่าอย่าทำให้คนบนฟ้าต้องเป็นห่วง

“ผมดีใจที่ฝุ่นตกลงนะ”

ความเศร้าที่เจืออยู่ในทั้งน้ำเสียงและแววตาทำให้ปินโน้มใบหน้าลงไปใกล้ ริมฝีปากได้รูปทาบทับลงบนหน้าผากเนียน ก่อนปลายจมูกโด่งจะไล้ลงมาตามสันจมูกเล็ก ลมหายใจที่เจือด้วยกลิ่นองุ่นจากเครื่องดื่มในมือแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่ง

“กว่าจะได้มาดูแลปินนั้นไม่ง่ายเลย” ฝุ่นเอ่ยพูดพลางหลับตาลง

“...”

“กว่าจะผ่านแต่ละการฝึกมันยากมาก แต่ก็คิดเอาไว้ว่าเพื่อเงิน” ภาพการฝึกแต่ละขั้นตอนไหลเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ

“...”

“แต่พอได้เงินมาแล้วก็รู้ว่ามันไม่ได้ซื้อได้ทุกอย่างแบบที่คิด”

ประโยคนั้นดังแผ่วเบาจนปินรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด มือหนายกขึ้นมาแนบกับแก้มอีกคนพร้อมเอ่ยคำปลอบโยน

“ฝุ่นมีผมอยู่ตรงนี้”

ดวงตาคู่สวยเปิดลืมขึ้นมองคนที่อยู่ใกล้ชิด ทั้งที่ได้ยินประโยคนี้จากปินหลายครั้งแต่ก็ยังรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ยิน

“มันเป็นเรื่องโชคดีที่สุดสำหรับการตกลงรับงานนี้...โชคดีที่เป็นปิน”

แก้มสากถูกสัมผัสด้วยมือเล็ก จากนั้นจึงเลยไปวางแนบกับลำคอ แล้วฝุ่นก็เป็นฝ่ายแตะริมฝีปากเข้าหาริมฝีปากอีกคน

ความรู้สึกทั้งหมดถูกเอ่ยผ่านสัมผัสที่เกาะเกี่ยว มือบางขยับไปลูบไรผมตรงหลังคอแกร่ง รสชาติหวานปนขมติดอยู่ตรงปลายลิ้น ดั่งยิ่งจูบยิ่งรู้สึกมัวเมา

ขวดทั้งสองถูกปล่อยลงบนพื้นอย่างไม่มีใครใส่ใจ เสียงดูดดึงของริมฝีปากดังคลอกับเสียงแมลงที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติ อาจเพราะแอลกอฮอล์ที่เจืออยู่ในกระแสเลือดความยับยั้งชั่งใจจึงลดน้อยลง รู้ตัวอีกทีแผ่นหลังบางก็สัมผัสได้ถึงความแข็งของกระจกหน้ารถ ร่างกายอีกคนคร่อมอยู่ด้านบนขณะริมฝีปากยังคงแนบชิด

“ปะ ปิน ตรงนี้มัน...” ฝุ่นจำได้ว่าตัวเองพูดประโยคนี้ออกไปเพื่อหยุดยั้งการกระทำที่ไม่เหมาะสมกับสถานที่ ทว่าพอซอกคอถูกสัมผัส หน้าท้องถูกลูบไล้ ความหนักแน่นก็ปลิวหายไปกับสายลม

มันเลยเถิดจนไม่อาจหยุดยั้ง

“อื้อ” ความเจ็บแปลบบริเวณลำคอมาพร้อมกับความเสียวซ่านตรงเม็ดกลางอกซึ่งถูกบีบบี้

แผ่นอกบางสะท้านไหวจากการหอบหายใจ ริมฝีปากสีสดถูกขบกัดบ้างคลายบ้าง

อากาศตอนกลางคืนในป่ายิ่งดึกยิ่งเย็น หากแต่คนทั้งสองกลับไม่รู้สึกถึงเนื่องจากความร้อนระหว่างกายที่เพิ่มขึ้นตามสัมผัสและอารมณ์

สองแขนเรียวยกขึ้นคล้องลำคอคนตรงหน้า ความลื่นของกระโปรงรถส่งผลให้ตัวไถลลงมาเล็กน้อย โดยมีปินคอยขยับขึ้นทั้งยังช่วยคนร่างเล็กขยับไปด้วย

“ปะ ปิน” เสียงเรียกชื่อสั่นๆ ดังขึ้นเมื่อรู้สึกโล่งตรงส่วนล่าง ทั้งชั้นในและกางเกงตัวนอกของฝุ่นถูกเลื่อนลงไปกองตรงเข่า ก่อนกลางกายจะถูกแตะต้องด้วยมือสาก

“อ๊ะ อา” ปินเริ่มจากเพียงลูบไล้ จากนั้นจึงค่อยๆ ขยับรูดรั้ง

ใบหน้าเล็กซบลงกับไหล่แกร่ง พยายามส่งเสียงอยู่เพียงในลำคอ ขณะสะโพกบิดเร้าน้อยๆ

จังหวะของมือใหญ่เป็นขั้นบันไดไปเรื่อยๆ กระทั่งขั้นสุดท้ายมาถึง

ฝุ่นไม่อาจกลั้นเสียงครางหวาน ไม่อาจห้ามการเกร็งกระตุก ไม่อาจรั้งการปลดปล่อยได้อีกต่อไป

แล้วความต้องการก็ถูกรีดเคล้นลงบนหน้าท้องบาง จนเมื่อหมดทุกหยอดหยดคนเพิ่งปลดปล่อยก็ผละหน้าออกไปจูบอีกคน

จุ๊บ

“รอก่อนนะครับ” ปินกดริมฝีปากหนักๆ ทิ้งท้ายแล้วลงจากหน้ากระโปรงเพื่อไปหยิบสิ่งที่จำเป็นในรถ ทิ้งร่างเล็กให้นอนอยู่บนนั้นไม่กี่วินาทีก่อนจะกลับมาอีกครั้ง

สองขาเรียวที่ตั้งชันอยู่ถูกดันขึ้นเกือบชิดอก จากนั้นปินจึงค่อยๆ ขยับมาอยู่ตรงกลาง พยายามทรงตัวด้วยการจับขอบกระจกหน้ารถเอาไว้ด้วยมือหนึ่งข้าง

“ปิน เรา...” ฝุ่นไม่อาจพูดจนจบเมื่อริมฝีปากได้รูปทาบทับลงมาปิดกลั้นอย่างจงใจ วินาทีนี้ปินไม่สนคำตักเตือน ไม่สนใจว่าเราจะอยู่ที่ไหน เนื่องจากอารมณ์ที่ถูกกระตุ้นด้วยเครื่องดื่มและสถานที่

ยิ่งไม่เหมาะ ยิ่งไม่สมควร มนุษย์เรายิ่งชอบลอง

ปินละมือออกจากการยึดเหนี่ยวมาปลดกระดุมและรูดซิปกางเกง ซองเล็กๆ ซึ่งถูกเหน็บไว้ที่กระเป๋ากางเกงทางด้านหลังถูกดึงออกมาฉีกด้วยมือและปาก ก่อนมันจะถูกสวมลงบนกลางกายใหญ่โต

ช่องทางสีกุหลาบถูกถูไถด้วยส่วนร้อนผ่าวอยู่เพียงไม่กี่ครั้งก็ถูกรุกล้ำเข้าไป

“อึก” ปลายเล็บสั้นกุดเผลอจิกลงบนกระโปรงรถอย่างลืมตัวเมื่อความอึดอัดคับแน่นที่เจือมากับความเสียวซ่านคลืบคลานเข้ามาในกาย

สะโพกสอบเดินหน้าช้าๆ และถอยหลังบ้างเป็นบางจังหวะ กระทั่งเติมเต็มความวางเปล่านั้นได้หมด

ฝุ่นทำได้เพียงผ่อนลมหายใจเพื่อผ่อนคลายร่างกาย ระหว่างนั้นปินก็กลับมาจูบซับไปตามลำคอบาง เพิ่มรอยใหม่เข้าไปรอยสองรอย ยามฝุ่นพร้อมแล้วจึงเริ่มต้นขยับ

“อืม” เสียงครางทุ้มดังอยู่ในลำคอแผ่วเบาเมื่อตัวตนถูกโอบรัดด้วยความนุ่มอุ่นทุกทิศทาง

อาจด้วยเพราะบรรยากาศ น้ำเมา และสถานที่ที่ทำให้รู้สึกมากขึ้นในอีกแบบ

ฝ่ามือใหญ่ที่วางอยู่บนเข่าเล็กขยับดันอีกนิดให้ส่วนล่างแนบชิดกันยิ่งขึ้น ขณะมืออีกข้างก็ยึดเหนี่ยวร่างกายไม่ให้ตกอยู่ตำแหน่งเดิม

ปินยังไม่ได้ขยับสะโพกเร็วแต่เน้นหนัก บดคลึงบ้าง หมุนคว้านบ้างสลับกันไปจนถึงจุดที่ต้องดำเนินการไปมากกว่านั้น

ร่างเล็กสั่นคลอนตามแรงตอกตรึงที่เพิ่มขึ้นอีกจังหวะ มาถึงตอนนี้ฝุ่นก็ไม่อาจกักเก็บเสียงครวญครางอันน่าอาย แม้จิตใต้สำนึกจะหวั่นกลัวคนผ่านมาได้ยินแต่ก็ยังห้ามใจไม่ได้

มันรู้สึกมากเกินกว่าจะอดทน

ดวงตาโตที่พร่ามัวเพราะความเสียวซ่านเลื่อนขึ้นมองท้องฟ้าด้านบน ความสวยงามระยิบระยับถูกลดระดับลงเพราะไม่มีสมาธิกับการเชยชมเท่าไหร่นัก

นอกจากเสียงหอบหายใจและเสียงครางจากคนทั้งสองที่ดังคลอกับเสียงแมลง ก็ยังมีเสียงอื่นให้ได้ยิน

พรึบ พรึบ

เสียงที่เกิดจากการเสียดสี...

“อา ปะ ปิน เร็ว...อื้อ” ดวงดาวบนนภาที่ใกล้จะเอื้อมถึงถูกเร่งเร้าให้อีกคนพาเข้าไปใกล้

ศีรษะเล็กซึ่งกระแทกกับกระจกรถไม่ได้อยู่ในความสนใจของเจ้าของเมื่อสิ่งที่ต้องการใกล้จะมาอยู่ตรงหน้า

ฝุ่นเว้าวอน อ้อนขอ ก่อนจะหวีดร้องออกมาในจังหวะสุดท้าย...

 “อ๊าาาาา” การปลดปล่อยครั้งที่สองเกิดขึ้น ขณะที่คนด้านบนยังคงขยับกายเข้าออก จนอารมณ์ที่ค่อยๆ มอดดับลงของฝุ่นเกือบจะถูกปลุกขึ้นมาอีกคราปินจึงปลดปล่อยออกมาตามกัน

“อืมมมม” เปลือกตาสีอ่อนหลับลงรับการกระตุกของบางส่วนในกาย แม้ไม่มีสิ่งใดถูกฉีดพ่นเข้ามา แต่ความแนบชิดอันลึกล้ำก็ทำให้สามารถรับรู้ได้และรู้ได้ว่ามันหมดสิ้นเมื่อไหร่

ปินแช่กายอยู่ในความอุ่นนั้นนิ่ง กระทั่งลมหายใจเริ่มกลับมาเป็นปกติจึงรั้งกายออกจากการเชื่อมต่อ ดวงตาเรียวรีทอดมองคนใต้ร่างเป็นประกาย ริมฝีปากยกยิ้ม

“ดาวที่นี่สวยจริงๆ”

ปึก

“กะ กลับได้แล้ว...อายท้องฟ้าจะแย่” ฝุ่

นหลบสายตาทำเป็นมองฟ้ามองดาว พอความอารมณ์ความต้องการหมดลงความกระดากอายอันมากมายจึงเข้ามาแทนที่

ให้ตาย...กับปิน...ตรงที่โล่ง...ตรงหน้ารถ

มันบ้ามาก

“ไม่ต้องอายหรอกครับ ฟ้าคงเข้าใจ” ต่างจากคนหน้าหนาที่ไม่สะทกสะท้าน ทั้งยังพูดด้วยท่าทีสบายๆ

“เข้าใจว่าเราหื่นน่ะสิ” ฝุ่นเข่นเขี้ยว ก่อนจะไล่อีกคนให้ลงไปหยิบทิชชู่มาเช็ดคราบเลอะตรงหน้าท้องซึ่งไหลและกระเซ็นถูกกระโปรงรถบางส่วนด้วยความกระดาก

แม้จะกลับเข้ามาในรถเพื่อกลับที่พักสำหรับคืนนี้ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ก็ยังติดอยู่ในหัว ร่างกายรู้สึกวูบวาบราวกับยังคงถูกอีกคนแตะต้อง

ปล่อยให้มันเลยเถิดขนาดนั้นได้ยังไง...

ฝุ่นอยากทึ้งหัวตัวเอง ทั้งยังด่าความต้องการทางกายที่มีมากเกินจนไม่สนใจสถานที่

“วิวมันน่ามองกว่าผมอีกหรือ” คนขับรถที่ถูกเมินตั้งแต่ขึ้นรถมาเอ่ยถามขึ้น

“ขับรถไปเลย” ฝุ่นหันไปตอบแล้วก็หันกลับมาดูวิวนอกรถตามเดิมยามเสียงหัวเราะทุ้มดังตามมา

--

ฝุ่นแทบไม่มีเวลาชื่นชมที่พักแบบส่วนตัวเพราะต้องรีบกลับกรุงเทพในตอนฟ้ายังไม่สางเนื่องจากกลัวว่าจะมีใครเห็นปินเข้า ธนทัตทำหน้าที่ดูแลความสะดวกของเพื่อนโดยพาไปทางหลังรีสอร์ทที่ไม่มีผู้คน จากนั้นก็นำรถมาให้อย่างมั่นใจได้ว่าจะไม่มีใครพบเห็น

“ขอบใจมากนะ” ปารินทร์เอ่ยกับเพื่อนยามนั่งอยู่ในรถแล้วเรียบร้อย

“ตอบแทนเรื่องนั้นไง” เรื่องนั้นที่ว่าก็คือการเป็นพ่อสื่อให้กับดาราสาวที่ปินรู้จักเป็นอย่างดี

“หึ...แล้วไว้เจอกันที่กรุงเทพ”

“เจอกัน” ธนทัตเลื่อนสายตาลึกเข้าไปเพื่อค้อมหัวบอกลากับอีกคน เมื่อฝุ่นพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มร่างสูงจึงขยับถอยห่างให้รถคันหรูเคลื่อนตัวออกจากรีสอร์ทไป



จากกาญจนบุรีมากรุงเทพใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง และคนที่รู้สึกอ่อนเพลียก็หลับมาตลอดทาง กระทั่งกลับมาถึงห้องฝุ่นก็รู้สึกหนักๆ หัว คราแรกคิดว่าเป็นเพราะเครื่องดื่มที่ดื่มเข้าไปเมื่อคืน หากแต่พอลมหายใจร้อนขึ้นก็รับรู้ได้ทันทีว่าร่างกายกำลังส่งสัญญาณว่าจะป่วย

“ฝุ่นทานยาทำไม รู้สึกไม่สบายเหรอ” ปินที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามาในครัวเพื่อช่วยอีกคนทำมื้อเช้าเอ่ยถามขึ้น คิ้วเข้มขมวดมุ่น ขาแกร่งก้าวยาวๆ เข้าไปชิด ก่อนจะวางมือแนบกับหน้าผากเนียน

“แสบจมูกนิดหน่อย”

“ตัวรุมๆ คงเป็นเพราะตากน้ำค้างเมื่อคืน...ผมขอโทษ” คนที่เป็นสาเหตุกล่าวด้วยความรู้สึกผิดขณะลูบแก้มนิ่มไปด้วยอย่างแผ่วเบา

“คงเพราะช่วงนี้ฝุ่นไม่ได้ออกกำลังกาย ร่างกายเลยอ่อนแอน่ะ” ฝุ่นพยายามปลอบคนตรงหน้าไม่ให้รู้สึกผิด

“เป็นเพราะผมเอง ยังไงฝุ่นไปพักในห้องก่อนเถอะ เดี๋ยวผมทำอาหารเอง เสร็จแล้วจะเข้าไปบอก”

“ไม่เป็นไร ฝุ่นยังไหว”

“อย่าดื้อสิครับ ผมเป็นห่วง”

เห็นความเป็นห่วงทั้งในแววตาและน้ำเสียงนั้นแล้วฝุ่นก็ไม่อาจดื้อรั้นต่อไปได้อีก สุดท้ายจึงจำต้องพยักหน้ารับแล้วออกห่างจากคนร่างสูงเพื่อกลับไปยังห้องนอน

หยิบกล้องมาดูรูปรอสักพักปินก็ออกมาตามไปทานข้าว หลังจากนั้นก็ถูกบังคับให้นอนพัก

ค่ำมาอาการกลับทวีความรุนแรงขึ้นกลายเป็นคนป่วยเต็มตัว ทั้งปวดหัวตัวร้อนและเจ็บคอ

“จิบน้ำอุ่นนะ จะได้รู้สึกดีขึ้น”

ฝุ่นอยากเบือนหน้าหนีเพราะไม่ชอบจิบน้ำอุ่นแต่ความทรมานในร่างกายก็ทำให้ต้องทำตาม มันเจ็บคอจนเผลอแสดงท่าทีงอแงใส่อีกคน

“เจ็บคอ” คนป่วยซบหน้าผากเข้ากับอกกว้างพลางเอ่ยเสียงเบาให้ปินวาดวงแขนโอบรอบร่างบางพร้อมทั้งเอ่ยคำปลอบโยน

“อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวจิบน้ำอุ่นไปก็จะค่อยๆ ดีขึ้น” ฝุ่นซุกหน้าอยู่อย่างนั้นโดยไม่ขยับไปไหน กระทั่งปินต้องบอกให้นอนลง

“ฝุ่นนอนนะ พักผ่อนเยอะๆ จะได้หายเร็วๆ” ก้มลงพูดกับคนในอ้อมแขนทว่ากลับได้รับการส่ายหน้าเป็นคำตอบ

ปินนั่งมึนอยู่ชั่วครู่ เมื่ออีกคนไม่ยอมขยับจึงเข้าใจว่าฝุ่นคงจะอยู่ในท่านี้ไม่ไปไหน ชายหนุ่มยกยิ้มเมื่อนานๆ จะได้เห็นท่าทีงอแงจากคนอายุมากกว่า

ปารินทร์นั่งนิ่งให้คนไม่สบายซบอยู่หลายนาทีจนสัมผัสได้ถึงความนิ่งงันและจังหวะการหายใจที่สม่ำเสมอจึงค่อยๆ ดันฝุ่นลงนอน ผ้าห่มถูกขยับมาห่มให้ถึงอกแล้วตบท้ายด้วยการจูบหน้าผากแผ่วเบา

“หายเร็วๆ ครับแมวฝุ่น” เสียงทุ้มกระซิบบอกคนที่หลับใหล จากนั้นจึงหยัดกายขึ้นเพื่อตรงไปยังห้องทำงานเนื่องจากยังไม่ถึงเวลานอน

--

“ฝุ่นอยู่คนเดียวได้แน่นะ” ปินซึ่งกำลังจะออกไปทำงานในตอนเช้าถามย้ำเป็นรอบที่ห้า ขณะที่คนถูกถามซึ่งยังคงรู้สึกไม่สบายอยู่ก็รับคำ

“อื้อ” ฝุ่นยืนยันอีกครั้ง อาการเจ็บคอจนกลืนน้ำลายลำบากเริ่มดีขึ้น อาจเพราะได้น้ำอุ่นช่วยเอาไว้ ส่วนไข้นั้นยังคงมีอยู่ อาการโดยรวมยังถือว่าหนักแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นดูแลตัวเองไม่ได้

“ผมเป็นห่วงจัง” คนป่วยถูกรั้งเข้ามากอดแน่นๆ ใจปินไม่อยากออกไปทำงานเลยแม้แต่น้อย

“ไม่ต้องห่วง ฝุ่นอยู่ได้” เสียงพูดดังอู้อี้เล็กน้อยเพราะแมสก์ปิดปากและเพราะอาการคัดจมูก

“ถ้าไม่ไหวโทรบอกผมหรือไม่ก็พี่หวานนะ”

“อื้อ ไปทำงานเถอะ”

ปินผละออกมองหน้าคนร่างเล็ก ริมฝีปากได้รูปกดลงบนหน้าผากที่มีแผ่นเจลแปะอยู่ก่อนจะต้องตัดใจบอกลาในที่สุด

“แล้วผมจะรีบกลับ”

ฝุ่นโบกมือลาร่างสูงเล็กน้อยยามที่อีกคนยังดูอาลัยอาวรณ์กับการเปิดประตู กว่าปารินทร์จะก้าวออกจากห้องได้ก็ใช้เวลาหลายนาที และเมื่อประตูปิดลงคนป่วยก็เดินลากเท้ากลับมาทิ้งตัวลงบนโซฟาหน้าโทรทัศน์

ปวดหัวจัง...

เปลือกตาร้อนผ่าวเพราะอาการไข้ปิดลงอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนฤทธิ์ยาที่ทานเข้าไปหลังอาหารเช้าจะค่อยๆ เริ่มทำงาน แล้วสุดท้ายฝุ่นก็ผล็อยหลับไป



“ฝุ่นไม่สบายงั้นเหรอ” ภาวิดาถามขึ้นหลังจากปารินทร์เล่าให้ฟังถึงเหตุผลที่จะกลับเร็วกว่าตารางที่วางเอาไว้

“ครับ เป็นไข้หวัด อาการหนักไม่น้อยเลย...เพราะงั้นงานงานแต่งเย็นนี้ผมขอตัวนะพี่หวาน”

“แต่ผู้ใหญ่อุตสาห์เชิญ มันก็ดูเสียมารยาทอยู่หน่อยนึงนะ”

คนเป็นผู้จัดกาส่วนตัวทำสีหน้าครุ่นคิดถึงสิ่งที่จะตามมาหลังจากนี้ กลัวว่าผู้ใหญ่จะเคืองที่ปารินทร์ไม่ไปร่วมงานกะทันหัน

“เดี๋ยววันหลังผมจะเข้าไปขอโทษผู้ใหญ่เอง วันนี้ฝากพี่หวานจัดการให้ก่อนนะครับ...นะ”

“แล้วฝุ่นอาการหนักถึงขั้นดูแลตัวเองไม่ได้เลยเหรอ”

“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นแต่ผมอยากดูแลเขา” ปินเอ่ยตอบทันควันเมื่อถูกเอ่ยถามแบบสะกิดใจเล็กๆ

ไม่ว่าจะป่วยน้อยหรือมาก ใครก็ต้องอยากดูแลคนที่เรารักทั้งนั้น

ขณะที่คนได้ยินก็ชะงัก ก่อนภาวิดาจะพูดกับคนตรงหน้าเสียงเรียบ

“ปินดูเป็นห่วงฝุ่นมากเลยนะ”

“...” คนที่เพิ่งรู้ว่าเผลอแสดงท่าทีอะไรออกไปนิ่งเงียบ แต่ถึงอย่างนั้นดวงตาเรียวรีก็ไม่ได้หลบสายตาคนดูแล มันแสดงออกถึงความไม่หลบซ่อนจนคนมองนึกหวั่นใจ

“ที่ผ่านมาไม่ใช่พี่ไม่รู้นะปิน แล้วพี่ก็ขอเตือนว่าอย่าให้ความรักมันสำคัญกว่าคนที่รักปินและความพยายามที่ปินทำมาทั้งหมด”

ภาวิดาผ่านโลกมามากและก็ใกล้ชิดกับเด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นอย่างดี อะไรเกิดขึ้นบ้างทำไมเธอจะไม่รู้ไม่เห็น เพียงแต่เลือกที่จะไม่พูดก็เท่านั้น

“...”

“ปินอดทนที่จะปกปิดมันไปอีกนานได้ใช่ไหม”

“ผมรู้ว่าผมควรทำยังไง” ปินไม่ได้รับปากแต่เอ่ยประโยคที่บ่งบอกให้รู้ว่าจะจัดการเรื่องนี้ไปในทิศทางไหน

“พี่เชื่อปิน อย่าทำให้พี่ผิดหวังล่ะ...งานเย็นนี้พี่จะจัดการให้ แต่คราวหลังเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวต้องอยู่คนละส่วนกัน ที่พี่เตือนเพราะหวังดีกับปินรู้ใช่ไหม”

“ครับ ผมรู้ ผมจะไม่ทำให้พี่หวานผิดหวัง”

เมื่อคนในปกครองรับคำภาวิดาก็ลอบถอนหายใจพลางเลื่อนสายตาไปมองนอกรถ ในหัวคิดถึงเรื่องนี้ที่พยายามจะไม่คิดมาตลอดอย่างกังวลใจ

เธอกลัวว่าวันหนึ่งปินจะให้ความรักอยู่เหนือทุกอย่างเหมือนที่คนอื่นเป็น...แล้ววันนั้นเองที่ปิน ปารินทร์จะถูกสังคมทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี

มีความรักว่าหนักแล้ว มีความรักในเพศเดียวกันมันเป็นเรื่องใหญ่มาก


TBC.

มาแล้วค่าาา
มาช้าเพราะเมื่อวานเหนื่อยๆ
เห็นไหมว่าดราม่าแป๊บเดียวเอง อิอิ
ฝากให้กำลังพี่ฝุ่น แล้วก็ให้คะแนนความร้อนแรงของหมาปินด้วยนะคะ-.,-
ฝากแท็ก #secrecyลับรัก ด้วยน้าาาา


   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-12-2018 21:31:35 โดย ex-soulL »

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Eleven.] : 27/12/2561 p.9
«ตอบ #244 เมื่อ27-12-2018 21:47:41 »

โอยย หมู่ดาว แสงจันทร์ และสองเราา
สงสารหมาแมวคู่นี้จังเลยน้าา อยากให้จับมือกันแน่นๆแล้วผ่านมันไปด้วยกันน  :mew4:

ออฟไลน์ HappyYaoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Eleven.] : 27/12/2561 p.9
«ตอบ #245 เมื่อ27-12-2018 22:08:01 »

เป็นกำลังใจให้หมากับแมวฝุ่นนะคะ

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Eleven.] : 27/12/2561 p.9
«ตอบ #246 เมื่อ27-12-2018 22:08:09 »

โอ้ยยยย หวานชื่นอยู่ดีๆ ทำไมตบท้ายด้วยมาม่าล่ะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Eleven.] : 27/12/2561 p.9
«ตอบ #247 เมื่อ27-12-2018 22:24:04 »

 :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Lotsa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Eleven.] : 27/12/2561 p.9
«ตอบ #248 เมื่อ27-12-2018 22:38:45 »

หุยยยน แสงดาวคืนนี้ช่างสวยงามจริงๆค้าาา

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Eleven.] : 27/12/2561 p.9
«ตอบ #249 เมื่อ27-12-2018 23:08:48 »

ตอนจบตอนนี้ไหงชวนให้คิดถึงดราม่าตูมใหญ่ งือออ
เป็นดาราก็ยากงี้สินะ เอาใจช่วย
ปินชวนเอ้าท์ดอร์เลยทีเดียวว ไม่เบานี่นาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Eleven.] : 27/12/2561 p.9
« ตอบ #249 เมื่อ: 27-12-2018 23:08:48 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Eleven.] : 27/12/2561 p.9
«ตอบ #250 เมื่อ27-12-2018 23:33:50 »

งื้ออออ มาหน่วงตอนท้ายซะงั้น

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Eleven.] : 27/12/2561 p.9
«ตอบ #251 เมื่อ28-12-2018 00:16:32 »

ปัญหาข้างหน้าที่เป็นปัญหาของสาธารณะช่างหนักหน่วง ฮืออออออ
 :hao5:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Eleven.] : 27/12/2561 p.9
«ตอบ #252 เมื่อ28-12-2018 01:06:47 »

เอ็นดูฝุ่นหนักมากนะปิน ถึงกับไข้ขึ้นเลย
สงสารฝุ่นนะ ใจไปแล้วจะดึงกลับมา มันยาก
ปินเลือกแล้ว แต่อยู่ที่ว่าจะทำให้เรามีความสุขหรือคนอื่นพอใจ
เชื่อว่าปินทำได้ และทำได้ดีด้วย

ฝุ่นป่วยแล้วอ้อนนะ น่ารักจังเลยค่ะ

คงไม่ดราม่าอีกรอบนะคะ กับการที่ปินเลือกฝุ่น

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Eleven.] : 27/12/2561 p.9
«ตอบ #253 เมื่อ28-12-2018 02:37:24 »

แงงงง ดราม่าของจริงกำลังจะมาเหรอ ฮือออออออ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Eleven.] : 27/12/2561 p.9
«ตอบ #254 เมื่อ28-12-2018 04:59:02 »

 :mew6:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Eleven.] : 27/12/2561 p.9
«ตอบ #255 เมื่อ28-12-2018 05:16:41 »

เกินดีแล้ว ไงมาพีคตอนท้ายๆ  :katai1:

ออฟไลน์ TheWanFah

  • ความใกล้ชิด บางครั้ง ทำให้เราเผลอคิดไปเอง
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Eleven.] : 27/12/2561 p.9
«ตอบ #256 เมื่อ28-12-2018 07:11:17 »

ปินคนฮอต ดุมาก
จะมีดราม่ามาอีกไหมนะ

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Eleven.] : 27/12/2561 p.9
«ตอบ #257 เมื่อ28-12-2018 08:37:21 »

หายไวๆนะแมวฝุ่น

ออฟไลน์ ex-soulL

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 202
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-6
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Twelve.] : 09/01/2562 p.9
«ตอบ #258 เมื่อ09-01-2019 22:35:29 »

Chapter Twelve.

อาการป่วยของฝุ่นดีขึ้นในอีกสามวันต่อมา ไข้หายจนสนิท ทว่าหวัดยังคงเป็นอยู่ ร่างบางจึงยังต้องระมัดระวังเรื่องการทานของเย็นเช่นเดิม

“ฝุ่นจะทำอะไร” ปินถามขึ้นเมื่อเห็นอีกคนเดินไปเปิดตู้เย็นขณะกำลังทานข้าวเย็นกันอยู่

“กินน้ำ มันเผ็ด” คนถูกถามตอบเสียงเบา ประตูตู้เย็นยังคงถูกเปิดค้างเอาไว้อย่างนั้น ยามปากเล็กที่บวมเจ่อจากการกินส้มตำก็เป่าไปมา

“น้ำก็อยู่นี่ไง” ดวงตาเรียวรีปรายไปมองแก้วน้ำซึ่งถูกตั้งไว้บนโต๊ะตั้งแต่แรกเป็นการบอกว่าตรงนี้ไงคือน้ำที่ฝุ่นควรดื่ม

“มันไม่เย็น...ขอกินนิดนึง”

ความเผ็ดนั้นทำให้ปากและหน้าของฝุ่นแดงเรื่อ เมื่อมากอปรกับน้ำเสียงเว้าวอนขอจึงไม่แปลกที่คนถูกอ้อนจะใจสั่น สุดท้ายปารินทร์เลยเผลออนุญาตไปจนได้

“อึกเดียวเท่านั้น”

ฝุ่นยิ้มรับเมื่อได้ในสิ่งยินคำนั้น ก่อนมือจะรีบคว้าขวดน้ำมาเทใส่แก้วแล้วดื่มตามปริมาณที่ปินอนุญาต

“เผ็ดมาก ปินไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ” ร่างเล็กเดินกลับมานั่งลงที่เดิมพลางเอ่ยถามคนที่นั่งตักส้มตำเข้าปากเรื่อยๆ โดยไม่มีท่าทีอะไร

“ก็รู้สึก แต่ไม่มาก”

“ระวังพรุ่งนี้จะท้องเสีย”

ปารินทร์ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ขณะที่ฝุ่นนั้นล้มเลิกการทานส้มตำไว้เพียงเท่านั้นแล้วเปลี่ยนไปเลือกทานอย่างอื่นแทน



“ปิน”

“หืม” ร่างสูงซึ่งนอนทอดกายดูซีรีส์อยู่บนโซฟาขานรับพลางดึงสายตากลับมายังคนข้างตัว

วันนี้ปินมีงานเช้าถึงบ่าย ตอนเย็นจึงพอมีเวลาให้ได้พักผ่อนบ้าง

“แล้วเรื่องสัญญาเขาจะเรียกไปคุยเมื่อไหร่”

“น่าจะอีกอาทิตย์สองอาทิตย์นี้แหละ” ฝุ่นพยักหน้ารับช้าๆ

“ฝุ่นถามทำไม”

“ก็...แค่อยากรู้”

“ระหว่างนี้ฝุ่นก็ไม่ต้องคิดอะไร อยากทำอะไรก็บอกผม แต่ว่าถ้าจะไปเรียนเพิ่มก็ขอครูที่เป็นผู้หญิงมีอายุหน่อยแล้วกัน” ใบหน้าหล่อบูดบึ้งขึ้นมาครามครันเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น ด้านฝุ่นก็ยิ้มบางแล้วโคลงหัวอย่างอ่อนใจ

“ขี้หึง”

“แน่นอน มือข้างนี้ใช่ไหมที่ถูกเขาจับ” มือบางบนตักข้างที่ปินจำได้ดีถูกจับขึ้นมาพรมจูบไปทั่วราวกับจะกลบรอยนั้นด้วยสัมผัสของตัวเอง

“ปิน พอแล้ว นานขนาดนั้นมันคงลบไปหมดแล้วมั้ง”

จุ๊บ

“มีฝุ่นอยู่แค่คนเดียวผมก็ต้องหวงสิ” ริมฝีปากได้รูปเปลี่ยนมากดจูบลงบนแก้มเนียนแล้วเอ่ยพูดด้วยสายตาอ่อนหวานจนคนมองใจเต้น

การเป็นคนที่ใครสักคนหวงคงเป็นเรื่องที่ทำให้ใครๆ ก็รู้สึกดีไม่ต่างจากที่ฝุ่นกำลังรู้สึกในตอนนี้

“ผมขอถามอะไรฝุ่นหน่อยได้ไหม” ประโยคที่ผู้จัดการส่วนตัวพูดเอาไว้ดังเข้ามาในหัวให้ปินอยากรู้ความคิดคนตรงหน้า

“ว่า?”

แก้มซึ่งซูบลงเพราะอาการป่วยถูกสัมผัสด้วยปลายนิ้วแกร่งที่ขยับเกลี่ยไปมาแผ่วเบา

“ถ้าเราต้องอยู่แบบนี้กันตลอดไปฝุ่นจะทนได้ไหม”

อยู่กันแบบนี้คือสิ่งที่อธิบายทุกอย่างให้คนฟังเข้าใจได้โดยไม่ต้องขยายความ

นั่นคือเรื่องระหว่างเราจะเป็นความลับ ต้องหลบซ่อน และปกปิด...ตลอดไป

“ได้สิ” ฝุ่นรับคำพร้อมรอยยิ้ม มืออีกข้างที่จับกันเอาไว้อยู่ถูกกระชับแน่นขึ้น “ขอแค่ปินยังอยากให้อยู่”

“งั้นก็อย่าไปไหนนะ” ปารินทร์เว้าวอนขอคนตรงหน้า

การอยู่ตรงนี้มันไม่ง่ายเลยสำหรับฝุ่น เขากลัวว่าวันหนึ่งอีกคนจะทนไม่ไหวหรืออาจไม่อยากจะทน

“ไม่ไปไหนหรอก แต่ว่า...”

“แต่ว่าอะไร”

“ปินรู้ดีใช่ไหมว่าความลับมันไม่มีในโลก ถ้าเกิดวันหนึ่งเรื่องของเรามันหลุดออกไปจริงๆ ปินจะทำยังไง”

สิ่งที่เป็นกังวลที่สุดถูกเอ่ยออกไปเสียงแผ่ว คิ้วได้รูปขมวดมุ่นยามสายตาจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาด้วยความเป็นห่วง

เพราะปินเป็นปิน ปารินทร์ ความสำเร็จและชื่อเสียงยิ่งมีมากก็ยิ่งสะท้อนด้านลบกลับได้มาก

“ผมคิดทางออกเอาไว้แล้วล่ะ ฝุ่นไม่ต้องห่วงนะ”

“มันจะเป็นอะไรมากไหม” ปินระบายยิ้มกับความเป็นกังวลนั้น ก่อนจะบีบแก้มคนร่างเล็กเบาๆ

“อย่าเพิ่งคิดไปก่อนเลย เราคิดถึงแค่ปัจจุบันก่อนดีกว่า”

“อื้อ...”

“ดูหนังต่อกันนะ จนใกล้จะจบแล้วเนี้ย” ดวงตาเรียวรีเลื่อนกลับไปมองทางจอโทรศัพท์แล้วก็ได้พบว่าฉากการต่อสู้อันดุเดือดได้ผ่านพ้นไปแล้วเรียบร้อย

--

ปึก

“เมื่อไหร่คุณจะเลิกอ้างพ่อ เลิกอ้างชื่อเสียงหน้าตา แล้วก็เซ็นใบหย่าให้ผมซักที”

ฝ่ามือหนาทุบลงบนโต๊ะไม้เนื้อดีพลางเอ่ยถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเสียงรอดไรฟัน

กัญจน์คิดว่ามันเลยว่ามานานเกินกว่าที่จะอดทนต่อไปได้อีก

“แก้มก็บอกแล้วไงคะ ว่าให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปก่อน”

“ผ่านพ้นช่วงนี้? คุณพูดแบบนี้มาจะสี่ปีแล้ว!” จากเสียงกดต่ำกลายเป็นตะคอก กัญจน์รู้สึกเหมือนเส้นเลือดข้างขมับเต้นตุบ ทุกการพูดคุยกับผู้หญิงคนนี้สร้างความปวดหัวให้เสมอ

เขาตกลงแต่งงานแล้วทนอยู่กับมทิราเป็นปีได้ยังไง

“ไหนๆ ก็ทนมาได้ตั้งสี่ปีแล้วก็ทนต่อไปอีกหน่อยจะเป็นอะไรคะ” มทิราลอยหน้าลอยตาพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน

จะให้เธอปล่อย กัญจน์ ศิวะเกียรติ ที่เป็นบ่อเงินบ่อทองตัวเองไปงั้นเหรอ...ไม่มีทาง

“ผมจะไม่ทนต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียว”

“คุณจะทำอะไร จะฟ้องหย่าฉันเหรอ” คิ้วคู่สวยเลิกขึ้นถาม ปากที่เคลือบด้วยลิปกลอสสีชมพูดแหวานแหววบิดยิ้ม

“คุณรู้ดีใช่ไหมว่าถ้าผมทำคุณจะไม่เหลือหน้าตาและชื่อเสียงอะไรอีกต่อไป”

หลักฐานการเที่ยวเตร่และการมีความสัมพันธ์กับคนอื่นอยู่ในมือกัญจน์เป็นหางว่าว ฉะนั้นหากมีการฟ้องหย่าสำหรับกัญจน์แล้วแทบไม่ต้องเดาเลยว่าใครจะชนะ

“คุณกำลังขู่ฉันเหรอคะกัญจน์ อย่าลืมสิว่าไม่ใช่แค่ฉันที่มีหน้ามีตาในสังคม”

ทว่ามทิราก็ไม่สนใจเนื่องจากรู้ดีว่าสามีในกฎหมายไม่กล้าแลกจุดที่ตัวเองยืนอยู่กับอิสระที่จะได้รับด้วยวิธีนั้น

“...”

“ก็ลองดูแล้วกันว่าใครจะเสียมากกว่า”

ร่างบางระหงซึ่งยังคงดูดีในวัยสามสิบแปดหยัดกายขึ้นแล้วก้าวเท้าออกจากห้องทำงานของกัญจน์ไปด้วยรอยยิ้มมุมปาก ต่างจากคนในห้องที่สองมือกำแน่น แผ่นอกกว้างภายใต้เสื้อเชิ้ตราคาแพงสะท้านไหวเพราะแรงหายใจ



“กลับมาละ...อ๊ะ”

ริมฝีปากบางที่กำลังขยับถามถูกทาบทับด้วยปากได้รูปทำให้บลูไม่อาจถามอีกคนได้จบ

แรงบดเบียดดูดดึงทั้งยังขดกัดนั้นรุนแรงจนได้กลิ่นคาวเลือด ทว่าคนเจ็บก็ไม่คิดเคืองโกรธ มือบางยกขึ้นวางแนบกับลำคอแกร่งแล้วลูบไล้ไปมาเพื่อคลายความร้อนในอารมณ์ให้คุณกัญจน์เย็นลง

หากแต่กว่ากัญจน์จะมีสติและผ่อนแรงจูบลงปากเล็กก็ระบมไปไม่น้อย

“ฉันขอโทษ”

ดวงตาคมปิดลงก่อนจะเปิดลืมขึ้นยามปลายนิ้วไล้อยู่ตรงใต้แผลที่เกิดจากตัวเองไปมาแผ่วเบา

เป็นอีกครั้งแล้วที่กัญจน์เผลอมาลงกับเด็กตรงหน้า

“ไม่เป็นไรครับ คุณกัญจน์หงุดหงิดงานมาเหรอ”

“วันนี้ฉันคุยกับแก้มมา” ใบหน้าหวานกดลงรับ เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดในทันใด

“ถ้าอย่างนั้นไปอาบน้ำดีกว่านะครับ เดี๋ยวบลูนวดให้”

ลมหายใจซึ่งยังคงร้อนกรุ่นถูกพ่นออก ก่อนกัญจน์จะรับคำ

“อืม”

“จะดื่มน้ำหน่อยไหมครับ”

“ไม่ล่ะ”

ร่างบางเขย่งปลายเท้าขึ้นแล้วกดจูบลงบนแก้มสากจากนั้นจึงเอื้อมมือไปประสานกับมือใหญ่ พาคนที่กำลังร้อนไปยังห้องน้ำในห้องนอน ทั้งยังจัดการถอดเสื้อผ้าและอาบน้ำให้

“วันนี้บลูได้น้ำมันนวดกลิ่นกุหลาบมา เห็นว่ากลิ่นไม่แรงมาก คุณกัญจน์ลองดูหน่อยไหมครับ”

มือบางยื่นไปตรงหน้าคนที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงให้อีกคนทดสอบกลิ่น กระทั่งได้ยินเสียงรับคำจึงค่อยๆ เทน้ำมันลงฝ่ามือแล้วเริ่มนวดไหล่กว้างเป็นอันดับแรก

“กลิ่นไม่เลวนะ”

“ครับ บลูเห็นว่าไม่ได้เป็นกลิ่นกุหลาบที่แรงเกินไปเลยลองซื้อมาดู”

ปกติแล้วกลิ่นที่คนอายุมากกว่าชอบจะเป็นพวกดอกไม้ไทย เช่นมะลิ ดอกโมก หรือดอกราตรี แต่พอวันนี้ที่บลูเดินผ่านร้านขายแล้วได้ทดสอบดอมดมก็คิดว่าคุณกัญจน์น่าจะโอเคกับกลิ่นกุหลาบในแบบนี้

มือบางเคล้นคลึงจากไหล่ไปยังต้นคอพาให้คนถูกนวดผ่อนคลายจนต้องหลับตาลง

“อืม” เสียงครางต่ำในลำคอดังขึ้นเมื่อบริเวณเอวที่รู้สึกปวดจากการนั่งทำงานถูกนวดอย่างถูกจุด บลูทำอย่างเชื่องช้าไม่เร่งรีบ ตั้งแต่ไหล่ ต้นคอ ลงมายังเอวสอบ จากนั้นจึงเป็นขา กระทั่งถึงฝ่าเท้า

คนที่มีเรื่องหงุดหงิดในตอนนี้มีแต่ความเพลิดเพลิน และยิ่งเพลิดเพลินมากขึ้นเมื่อร่างเล็กบอกให้พลิกกลับมานอนหงาย
ถึงคราวนวดด้านหน้า...

แผ่นอกแกร่งถูกลูบไล้และลงน้ำหนักมือเป็นจุด เสียงพึงพอใจจะถูกเปล่งออกมาเบาๆ ยามเม็ดสีเข้มกลางอกถูกไล้วนนวดเคล้น

“ฉันมีอะไรจะถาม”

“อะไรหรือครับ”

คิ้วคู่สวยเลิกขึ้นเล็กน้อยขณะมือยังคงทำงาน ด้านคนถูกถามก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น

แสงไฟสลัวสีเหลืองนวลที่เกิดจากเทียนหอมขลับให้บลูซึ่งอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำดูเซ็กซี่ ยิ่งเมื่อร่างเล็กก้มลงมาเล็กน้อย คอเสื้อคลุมก็ยิ่งทิ้งลงห่างตัวพาให้คนนอนอยู่มองเห็นความขาวเนียนนั้นแทบเต็มตา

กัญจน์เกือบลืมสิ่งที่ตัวเองจะพูด

“ชีวิตกับสังคม เธอจะเลือกอะไร” คนถูกถามขมวดคิ้วอย่างคิดไม่ตกกับคำถามที่ได้ยิน

“อืม...ก็ขึ้นอยู่กับว่าสุดท้ายแล้วเราอยากใช้ชีวิตแบบไหนล่ะมั้งครับ”

“ยังไง”

“บลูไม่รู้ว่าที่ตัวเองคิดมันถูกหรือว่าดีหรือเปล่า แต่ว่าถ้าให้เลือกก็ต้องคิดว่าบั้นปลายชีวิตบลูอยากใช้ชีวิตยังไง ถ้าชีวิตที่คุณกัญจน์หมายถึงคือรูปแบบชีวิตที่เราอยากใช้ ชีวิตที่เป็นตัวเราเอง...บลูก็จะเลือกชีวิต”

“...”

“แต่ถ้าเกิดว่าบลูอยากอยู่กับสังคมแบบที่ตัวอยู่ตอนนี้ในช่วงเวลาสุดท้าย บลูมีความสุขกับมันดี บลูก็คงจะเลือกสังคม...ไม่รู้สิครับว่าชีวิตกับสังคมที่คุณกัญจน์พูดถึงจะใช่แบบที่บลูคิดหรือเปล่า” ใบหน้าเล็กมีความไม่มั่นใจเจืออยู่ ก่อนจะหลุบสายตาลงมองหน้าท้องแกร่งของคนวัยสี่สิบสองที่มือกำลังนวดวน

มองแล้วบลูก็เผลอคิดว่าอีกคนช่างดูแลตัวเองดีเหลือเกิน ไม่เหมือนคนวัยสี่สิบเลยแม้แต่น้อย

“เธอเข้าใจมันถูกแล้วล่ะ” ลมหายใจกัญจน์สะดุดไปเล็กน้อยเมื่อฝ่ามือนุ่มนิ่มเลื่อนลงไปแถวท้องน้อย

“แล้วถ้าเป็นคุณกัญจน์จะเลือกอะไรครับ”

ดวงตากลมโตเลื่อนกลับมามองที่ใบหน้าคร้ามคมอีกครั้งยามมือเคลื่อนต่ำลงไปแตะต้องส่วนนั้นอย่างเชื่องช้า

“...ฉันก็คงจะเลือกชีวิตเหมือนกัน”

บลูยิ้มรับกับคำตอบที่ได้ยินก่อนจะเริ่มขยับมือรูดรั้ง...

--

“ดีใจที่ทางรับเคยได้ดูแลคุณปารินทร์ ขอให้ประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าที่เป็นอีกนะคะ” อีกฝ่ายกล่าวทิ้งท้ายขณะเก็บเอกสารเข้ากระเป๋านิรภัยแล้วเรียบร้อย

“ขอบคุณครับ”

หลังจากนั้นปินและผู้จัดการส่วนตัวก็ก้าวออกจากห้องรับรองด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน ภาวิดามีความคุรุ่นคิดและเป็นกังวล ขณะที่ปินรู้สึกเป็นอิสระราวกับโซ่เส้นเล็กๆ ที่คล้องข้อเท้าเอาไว้ได้ถูกปลดออก

“พี่ขอคุยกับปินเป็นการส่วนตัว” ฝุ่นซึ่งเอาน้ำออกมาต้อนรับค้อมหัวลงรับคำจากนั้นจึงปลีกตัวเข้าไปอยู่ในห้องนอนเงียบๆ

“หลังจากหมดปีนี้แล้วปินคิดจะทำยังไงต่อ” การเซ็นสัญญาเสร็จสิ้นแล้วแต่ระยะเวลาของปินกับฝุ่นยังไม่จบสิ้น มันยังคงดำเนินไปอีกได้ราวเดือนกว่า

“ผมซื้อคอนโดอีกที่ไว้แล้ว”

“อยู่กับฝุ่น?”

“ครับ แต่คนละห้อง”

“ห้องติดกันหรือเปล่า” ปินพยักหน้ารับ “แล้วถ้าไปมาหาสู่กันบ่อยๆ คนจะไม่เห็นหรือไง”

“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงครับ ระบบความปลอดภัยที่นี่ดีมาก เป็นคอนโดของเพื่อนไอ้ทัต เขารับประกันเรื่องความเป็นส่วนตัว”

“...” ภาวิดาทอดมองปินนิ่งงัน ลองปินได้พูดแบบนี้แสดงว่าเจ้าตัวเตรียมการทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

“ผมรู้ว่าพี่หวานเป็นห่วง แต่ผมรู้ดีว่าตัวเองควรทำอะไรยังไง แล้วก็รับรองว่าจะไม่ทำให้ปิน ปารินทร์เสียชื่อเสียง”

“ปินเหมือนน้องของพี่ พี่เห็นปินมาตั้งแต่ตอนหัวเกรียน...ไม่ว่าจะทำอะไรพี่ไม่ว่าหรอกถ้ามันเป็นสิ่งที่ปินคิดดีแล้วว่าจะไม่มานั่งเสียใจในภายหลัง”

“ผมก็รักพี่หวานเหมือนพี่ และผมคิดดีแล้วในทุกอย่าง” ปารินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงและแววตาหนักแน่น ก่อนจะระบายยิ้มบางให้ผู้มีพระคุณอีกหนึ่งคนตรงหน้า

“ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ไม่มีอะไรต้องห่วง ดูแลกันให้ดีๆ ล่ะ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นไม่ใช่แค่ปินที่ถูกโจมตีแต่ฝุ่นก็จะโดนด้วย ความเป็นซูเปอร์สตาร์มันทำให้คนที่เรารักเดือดร้อนไปด้วยอย่างไม่อาจเลี่ยง”

“ผมจะระวังในทุกๆ อย่าง”

“ดะ...”

Rrrr

ภาวิดายังพูดไม่ทันจบเสียงโทรศัพท์ในมือปินก็ดังขึ้นขัดให้บทสนทนาต้องหยุดชะงัก

“สักครู่นะครับ ปาล์มโทรมา” ปินเอ่ยบอกจากนั้นจึงกดรับสายผู้เป็นน้องชาย “ว่าไงปาล์ม”

“พี่ปิน แม่ไม่สบาย เป็นไข้หวัดหนักแต่ไม่ยอมไปหาหมอ”

“ว่าไงนะ? แล้วทำไมเพิ่งโทรมาบอก” ปินถามกลับด้วยน้ำเสียงร้อนรน คิ้วเข้มขมวดเข้ากันแน่น

“แม่ไม่ยอมให้โทร บอกว่าเดี๋ยวพี่ปินเป็นห่วง นี่ปาล์มต้องแอบมาโทรเพราะแม่ตัวร้อนมาก”

ปารินทร์เหลือบสายตามองผู้จัดการส่วนแล้วก็ตัดสินใจในวินาทีนั้น

“พี่จะกลับชลเดี๋ยวนี้”

“แล้วงานพี่ล่ะ”

“ไม่เป็นไร ปาล์มคอยดูแลแม่ไว้นะ รอพี่ไปถึง”

“โอเค” คนเป็นน้องรับคำ เมื่อวางสายแล้วปินก็หันไปบอกคนที่สีหน้ามีคำถาม

“แม่ผมไม่สบายหนัก คราวนี้ถ้าผมจะแคนเซิลงานพี่หวานคงไม่ว่านะ” ภาวิตาเบิกตากว้างอย่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน

เธอรู้ดีว่าปินรักแม่แค่ไหน และมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของคนเป็นลูก

“พี่จะว่าได้ยังไงกันแม่ปินทั้งคน ว่าแต่แม่เป็นอะไร”

“ปาล์มบอกว่าไข้หวัดหนัก ไม่ยอมไปหาหมอ”

“งั้นพี่จะแคนเซิลให้สามวันนะ ถ้ามากกว่านี้คงไม่ได้จริงๆ”

“ขอบคุณมากครับ”

“แล้วนี่จะพาฝุ่นไปด้วยหรือเปล่า”

“ไปครับ” คนถูกถามตอบในทันใดไม่มีลังเล ด้านคนเป็นผู้จัดการจึงทำได้เพียงถอนหายใจแล้วเอ่ยกำชับเรื่องการระวังตัว
ปินโตพอที่จะรู้ว่าควรทำยังไง

“เฮ้อ งั้นเอารถพี่ไปแล้วกัน ขับรถตัวเองมันเด่นเกินไป อย่าลืมระวังตัวให้มากล่ะ ต้องมากๆ เลยนะปิน”

“ครับพี่หวาน”

--

เสียงเพลงที่เปิดคลออยู่ในรถไม่ได้ทำให้บรรยากาศดูสดใสเมื่อคนขับนิ่งเงียบกว่าปกติ อีกทั้งคิ้วเข้มยังขมวดมุ่น
ปินที่เผลอคิดเรื่องแม่หันไปมองคนข้างตัวเมื่อแก้มถูกสัมผัสด้วยมือบางแผ่วเบา

“แม่ไม่เป็นไรหรอก ปินอย่าเพิ่งคิดมากเลยนะ” ฝุ่นปลอบอีกคน ก่อนฝ่ามือใหญ่จะยกขึ้นมาจับมือเล็กแล้ววางลงบนตัก
ระหว่างนั้นปินก็เหลือบมองไฟแดงไปด้วย

“ผมแค่กำลังคิดวิธีจะทำให้แม่ยอมไปโรงบาล แม่ก็ดื้อเหมือนฝุ่นนั่นแหละ” เป็นครั้งแรกที่ปารินทร์ยิ้มออกมาหลังจากเดินทางมาร่วมชั่วโมง

“ไม่ได้ดื้อสักหน่อย” คนไม่ดื้อเถียงกลับไม่เต็มเสียง

“ผมยังโอเค ฝุ่นไม่ต้องห่วงนะ”

นิ้วแกร่งค่อยๆ สอดประสานกับนิ้วเรียวพร้อมทั้งผ่อนความไม่สบายใจทางสีหน้าลงเพื่อไม่ให้ฝุ่นต้องเป็นห่วง

“อืม” คนฟังยิ้มรับเมื่อเห็นสีหน้าที่ดีขึ้น จากนั้นจึงดึงมือกลับเนื่องจากสัญญาณไฟจราจรเป็นสีเขียว

ฝุ่นหันกลับไปมองวิวนอกรถอีกครั้งพลันรอยยิ้มเมื่อครู่ก็ค่อยๆ เลือนหาย ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ความวูบโหวงในอกยิ่งมีมากขึ้น

ครอบครัวปินจะรับได้ไหม...

ไม่ทันไรสองข้างทางก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นบ้านคนที่ตั้งกันอยู่ห่างๆ รถเก๋งคันเล็กมุ่งไปตามถนนเส้นเล็กนั้นกระทั่งเลี้ยวเข้าไปจอดในบ้านไม้หลังหนึ่งซึ่งมีขนาดและพื้นที่อันกว้างขวาง

“ถึงแล้วครับ”

ปินดับเครื่องยนต์แล้วหันมาบอกให้คนที่แอบเป็นกังวลพยักหน้ารับ ฝุ่นลอบสูดลมหายใจเข้าลึก มือไม้เย็นเฉียบจนต้องจับกันเอาไว้หลังจากที่ก้าวลงจากรถ

ไม่นานนักก็มีเด็กหนุ่มร่างสูงเพรียววิ่งลงจากบ้านมาหา

“สวัสดีครับ” คนที่ไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นน้องชายปินยกมือไหว้ให้ฝุ่นต้องรีบรับไหว้

“แม่เป็นยังไงบ้าง”

“นอนอยู่น่ะ ไข้ก็ลดลงบ้างแล้วแต่ก็ยังถือว่าสูงอยู่”

“แม่ไม่รู้ใช่ไหมว่าพี่จะมา”

“ยังไม่รู้ แต่ถ้าได้ยินเสียงรถก็อาจจะรู้แล้ว”

“เข้าบ้านกัน” ปินบอกคนเป็นน้องจากนั้นจึงหันมาคว้ามือฝุ่นให้เดินเข้าไปในบ้าน ทว่าเจ้าของมือกลับรีบดึงออกจนคิ้วเข้มขมวดมุ่น ดวงตาเรียวรีมองหน้าอีกคนอย่างมีคำถาม ขณะที่ฝุ่นรีบหันไปมองหน้าน้องชายปินที่เดินนำอยู่ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มองมาก็รู้สึกโล่งใจ

“เป็นอะไร” คนถูกถามส่ายหน้าน้อยๆ ยามที่ปินก็เก็บความสงสัยนั้นเอาไว้คุยกันสองคน

บ้านหลังนี้เป็นไม้สักทั้งหลังบรรยากาศจึงดูผ่อนคลายกว่าบ้านทั่วไป ลมพัดเอื่อยๆ จากส่วนของห้องนั่งเล่นซึ่งมีหน้าต่างอยู่โดยรอบหอบกลิ่นไม้ให้ลอยอบอวลผสมกับกลิ่นหอมอ่อนของดอกไม้ที่ห้อยประดับอยู่

ฝุ่นยิ้มรับกับความน่าอยู่นี้พร้อมทั้งกวาดสายตาสำรวจรอบๆ อย่างตื่นเต้น

อยู่กรุงเทพนอกจากห้องกับห้างแล้วก็ไม่ค่อยได้ไปที่ไหน พอได้มาเห็นอะไรแบบนี้จึงอดให้ความสนใจไม่ได้

“ปิน เดี๋ยวรอข้างนอกดีกว่า” ฝุ่นเอ่ยบอกเมื่อดูท่าแล้วว่าจะต้องเดินลึกเข้าไปทางห้องนอน

“เข้าไปด้วยกันนี่แหละ”

“แต่ว่า...” คำค้านถูกปฏิเสธด้วยการถูกปินเอื้อมมือมาจับแล้วรั้งให้ก้าวตาม แรงจับที่แน่นแบบไม่สามารถสะบัดออกได้ทำให้ฝุ่นไม่กล้าขัดขืน กระทั่งถูกพาเดินไปถึงหน้าห้องห้องหนึ่ง

ครืด

ประตูไม้แบบเลื่อนถูกเปิดออก ก่อน ณ มุมหนึ่งซึ่งเป็นที่นอนแบบฟูกจะได้เห็นผู้หญิงร่างอวบนอนอยู่ พอเดินเข้าไปใกล้ปินก็เป็นคลายมือออกให้ฝุ่นรู้สึกโล่งใจ

“ปะ ปิน” เสียงแหบแห้งดังขึ้นเมื่อคนป่วยลืมตามาเห็นคนเป็นลูก “แค่กๆ แม่บอกแล้วไงว่าอย่า โทร บอกพี่”

“แม่ไม่ต้องไปว่าปาล์ม ไม่สบายทำไมถึงไม่บอกปิน” ร่างสูงทรุดตัวนั่งลงบนพื้นพร้อมทั้งคว้ามือผู้ให้กำเนิดมาจับเอาไว้ ด้านฝุ่นก็ค่อยๆ นั่งลงทางด้านหลัง เว้นระยะห่างจากทุกคนไปพอสมควร

“นิด แค่กๆ เดียวเอง”

“แบบนี้ไม่นิดแล้ว” อุณหภูมิที่สัมผัสได้จากแขนนิ่มบ่งบอกว่าคนเป็นแม่ไข้ขึ้นสูง “ไปหาหมอนะ เดี๋ยวปินพาไป”

“ฮื่อ แม่ไม่เป็นไร” คนป่วยปฏิเสธทันใด

“งั้นคราวหน้าถ้าปินไม่สบายปินก็ไม่ไปหาหมอเหมือนกันนะ”

“...” คนเป็นแม่นิ่งเงียบอย่างพูดไม่ออก

“ไม่ดูแลตัวเองดีๆ ตามที่แม่บอกด้วยนะ”

คนที่จับจ้องเหตุการณ์อยู่ทางด้านหลังอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นวิธีการเกลี้ยกล่อมแม่ไปโรงพยาบาลของปิน

ปินกำลังจะบอกแม่สินะว่าตัวเองเป็นห่วงแม่แค่ไหน

“แค่กๆ ปินจะ ดะ ดื้อกับแม่เหรอ”

“ก็แม่ดื้อกับปิน”

“...”

“นะ ถือว่าปินขอ ปินกับปาล์มเป็นห่วงแม่มากรู้ใช่ไหม เรามีแม่แค่คนเดียวแล้วนะ” มือเหี่ยวย่นถูกยกขึ้นมาแนบกับแก้มสาก เสียงทุ้มนุ่มเต็มไปด้วยความเว้าวอน ความอ่อนโยนและอบอุ่นที่ฝุ่นได้เห็นจากปินในเวลานี้มันมากกว่าครั้งไหนที่ได้เห็นมา

คงเพราะไม่มีใครสำคัญไปกว่าแม่ผู้ให้กำเนิดแล้วจริงๆ

“พูด แค่ก แบบนี้แม่ก็ต้อง ยะ ยอมไปสิ” ลูกชายทั้งสองยิ้มรับกับคำที่ได้ยินอย่างโล่งใจ

“งั้นปินพาไปขึ้นรถนะ” ท่อนแขนแกร่งขยับเข้าไปรองใต้แผ่นหลังของแม่ก่อนจะค่อยๆ ประคองให้คนบนเตียงลุกขึ้นนั่ง “ปาล์มไปเอาพวกบัตรอะไรแม่มาไป”

“โอเค” คนเป็นน้องรับคำพลางลุกขึ้นแล้ววิ่งออกจากห้องไป

“แค่ก แล้วนั่น...” ฝุ่นเผลอกลั้นลมหายใจเมื่อแม่ของปินหันมามองแล้วเอ่ยถามขึ้น

“ฝุ่นครับ”

“สวัสดีครับ” คนที่ถูกปินแนะนำรีบยกมือขึ้นไหว้

“สะ สวัส ดีจ้ะ...เสียดาย แค่ก ที่แม่ไม่ สะ ดวกคุยด้วย”

ฝุ่นระบายยิ้มแก้อาการทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรตอบอะไรกลับไป แล้วก็ได้ปาล์มมาช่วยชีวิตเมื่อร่างสูงเพรียวกลับเข้ามาพร้อมกระเป๋าใบเล็ก

จากนั้นปินจึงประคองแม่ไปขึ้นรถโดยให้น้องชายนั่งกับแม่อยู่ตรงเบาะหลัง

“เดี๋ยวฝุ่นดูบ้านให้”

ปารินทร์ที่กำลังลังเลว่าจะพาฝุ่นไปด้วยดีไหมพยักหน้ารับเมื่อคิดว่าสิ่งที่มันเป็นทางออกที่ดีเหมือนกัน ก่อนร่างเล็กจะเปิดกระเป๋าเป้ที่ถืออยู่แล้วหยิบแมสก์กับหมวกมาส่งให้

“ใส่ไว้หน่อยนะ ไปถึงโรงพยาบาลคนจะได้ไม่แตกตื่น” คนที่เป็นห่วงแม่จนลืมเลือนเรื่องนี้ไปยกยิ้มขณะรับของมา

“เดี๋ยวผมโทรหานะ”

“อืม” ฝุ่นรับคำแล้วก็เดินไปเอากระเป๋าเดินทางตรงท้ายรถ เสร็จเรียบร้อยรถคันเล็กก็เคลื่อนตัวออกจากบ้านไป ตามด้วยประตูที่ค่อยๆ เลื่อนปิดลง

พออยู่คนเดียวฝุ่นก็ถือวิสาสะสำรวจบ้านโดยรอบ ความจริงบ้านหลังนี้มีสองชั้น ชั้นล่างเหมือนจะเป็นห้องครัวครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งก็เปิดโล่งแล้วมีที่นั่งสำหรับทานข้าวหรือไม่ก็นั่งเล่นเพราะมีเปลแขนอยู่อีกมุม ถัดกันไปก็เป็นสวนดอกไม้เล็กๆ
แม่ของปินน่าจะชอบดอกไม้ ฝุ่นสรุปเอาจากที่เห็นทั้งของจริงและในรูปวาดรอบบ้าน

เมื่อลองเปิดประตูเข้าไปสำรวจห้องครัวแล้วเห็นจานชามยังไม่ได้ล้าง อีกทั้งบางจุดยังเลอะเทอะก็อดไม่ได้ที่จะลงมือจัดการ


ดึกจนท้องฟ้าถูกย้อมเป็นสีมืด ดวงดาวเปล่งประกายพรั่งพราวคล้ายกับตอนไปกาญจนบุรี เสียงรถแว่วๆ จึงค่อยดังขึ้นให้ฝุ่นที่นั่งอยู่ห้องนั่งเล่นมาหลายชั่วโมงขยับตัว

“แม่เป็นยังไงบ้าง” ร่างเล็กถามขึ้นเมื่อเห็นร่างสูงเดินขึ้นบ้านมา

“หมอให้แอดมิทดูอาการสามสี่วัน บอกว่าเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์บี”

“ถึงมือหมอแล้วเดี๋ยวแม่ก็ดีขึ้น” คนถูกปลอบระบายยิ้มพร้อมทั้งรั้งร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอด ใบหน้าแกร่งซุกอยู่กับไหล่เล็กคล้ายกับเป็นที่พักพิง

“ขอโทษที่ปล่อยให้ฝุ่นอยู่คนเดียว”

“ขอโทษทำไมกัน ไปเดี๋ยวก็วุ่นวายเปล่าๆ ปินดูแลแม่น่ะแหละดีแล้ว”

“ทานข้าวแล้วใช่ไหม”

“อื้ม ปินล่ะทานหรือยัง” เพราะเจ้าหมาตัวโตตรงหน้านี้โทรมาย้ำนักย้ำหนาว่าให้ทำอะไรทานฝุ่นจึงใช้ครัวทำกับข้าวง่ายๆ อย่างไข่เจียวทานเป็นมื้อเย็น

“ยังเลย” คนถูกถามส่ายหน้าตอบให้คนถามขมวดคิ้ว

“โทรมาย้ำกันแต่ตัวเองกลับไม่ทานนี่นะ”

“ผมมัวแต่ดูแลแม่” ปารินทร์ผละไปหน้าออกจากไหล่ของอีกคนทว่าท่อนแขนกลับยังโอบรอบเอวบางเอาไว้ไม่คลาย

“ยังไงก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วย...เดี๋ยวลงไปทำอะไรให้ทาน มีข้าวที่หุงไว้อยู่แล้ว”

จุ๊บ

“ครับ” ริมฝีปากได้รูปกดจูบลงบนปากบางเบาๆ ก่อนจะรับคำพร้อมรอยยิ้ม

ด้านฝุ่นก็ได้แต่โคลงหัวจากนั้นจึงรีบลงไปข้างล่างเพื่อทำอาหารโดยมีหมาตัวโตคอยป้วนเปี้ยนอยู่ไม่ห่าง


TBC.

อาทิตย์ที่แล้วไม่ได้มาเพราะงานเยอะ
พรุ่งนี้ชดเชยอีกตอนนะคะ
ใครไม่เมนต์จะงอนจริงๆด้วย/ล้อง


   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2019 23:03:48 โดย ex-soulL »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Twelve.] : 09/01/2562 p.9
«ตอบ #259 เมื่อ09-01-2019 22:47:05 »

 :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Twelve.] : 09/01/2562 p.9
« ตอบ #259 เมื่อ: 09-01-2019 22:47:05 »





ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Twelve.] : 09/01/2562 p.9
«ตอบ #260 เมื่อ09-01-2019 23:32:19 »

ตอนนี้แอบลุ้นคู่ของบลูมาก

ออฟไลน์ Lotsa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Twelve.] : 09/01/2562 p.9
«ตอบ #261 เมื่อ09-01-2019 23:37:41 »

น่าร้ากกกกกกกก อบอุ่นจัง

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Twelve.] : 09/01/2562 p.9
«ตอบ #262 เมื่อ10-01-2019 01:20:24 »

แม่จะว่าอะไรมั้ย  :hao5:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Twelve.] : 09/01/2562 p.9
«ตอบ #263 เมื่อ10-01-2019 01:23:43 »

ตอนต่อไปคงจะออกช่วงสิ้นเดือน เตรียมต้มน้ำร้อนรอไว้ก่อนแล้วกัน  :hao5:

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Twelve.] : 09/01/2562 p.9
«ตอบ #264 เมื่อ10-01-2019 01:40:24 »

งุ้ยย อยากให้ฝุ่นอยู่กับแม่ปินอ่ะะ
ปล.คุณกัญจน์นี่ดุจังเลยน้าาา :hao7:

ออฟไลน์ i.am.wee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Twelve.] : 09/01/2562 p.9
«ตอบ #265 เมื่อ10-01-2019 05:03:34 »

 :กอด1:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Twelve.] : 09/01/2562 p.9
«ตอบ #266 เมื่อ10-01-2019 06:19:05 »

เอาใจช่วยทั้งสองคู่  :L1:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Twelve.] : 09/01/2562 p.9
«ตอบ #267 เมื่อ10-01-2019 06:43:57 »

สัญญาใกล้หมดแล้ว และดีใจที่ปินเลือกทางเดินไว้แล้ว
เชื่อว่าปินทำได้ค่ะ แต่ตอนนี้ต้องบอกที่บ้านก่อนนะ

เอ็นดูฝุ่นจังเลย ตอนนี้อะไรก็ยังไม่เปิดเผย จะอยู่จะวางตัวยังไง
ก็แอบลำบากใจนิดหน่อยเนาะ เอาใจช่วยนะเจ้าแก้มกลม

สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะ

ออฟไลน์ mypink801

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Twelve.] : 09/01/2562 p.9
«ตอบ #268 เมื่อ10-01-2019 08:15:23 »

อบอุ่นแต่ก็ยังอึดอัด เป็นคนดังนี่ลำบากจริงๆ
เอาใจช่วยคุณกัญจ์

ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
Re: ❖ SECRECY ❖ ลับรัก [Chapter Twelve.] : 09/01/2562 p.9
«ตอบ #269 เมื่อ10-01-2019 10:19:52 »

ค่อยๆ​แก้ปัญหากันไป​  มันไม่มีอะไรง่ายดังใจคิด

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด