Chapter Five.
“นอนได้แล้ว”
“ฝุ่น ผมเพิ่งตื่นเองนะ” เสียงเรียกชื่อนั้นอ่อนอ่อยทั้งยังเจือด้วยเสียงหัวเราะอย่างอ่อนใจ
ร่างเล็กซึ่งนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงไม่ไปไหนคอยแต่จะกำชับให้นอนทั้งที่เขาเพิ่งตื่นได้ไม่ถึงชั่วโมง
“ก็นี่มันเวลานอน”
“ผมหลับไปตอนหัวค่ำ ตอนนี้เลยตาสว่างน่ะสิ”
เวลาสี่ทุ่มซึ่งควรเป็นเวลานอนกลับกลายมาเป็นเวลาตื่น ด้วยเพราะฤทธิ์ยาและการพักผ่อนจึงทำให้รู้สึกว่าไข้ลดลงบ้างแล้ว แม้จะยังปวดหัวอยู่แต่ก็ไม่มากเท่าตอนกลางวัน
“หลับตาลงเดี๋ยวก็หลับเอง” พยาบาลที่แสนเคร่งเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ต่อการจะให้นอน
“ให้ผมได้คุยกับฝุ่นอีกนิดเถอะ”
“จะคุยอะไร”
“จะว่าไปแล้วนี่ก็ถือเป็นเดทแรกของเราเลยนะ” ดวงตาของปินโอนอ่อน ริมฝีปากฉีกยิ้มบางๆ ขณะมองหน้าอีกคนยามเอ่ยพูด
“...”
“ที่นี่ทำให้เราได้อยู่ด้วยกันข้างนอกเป็นครั้งแรกเลย”“...” คนฟังนิ่งเงียบเนื่องจากไม่รู้จะพูดอะไรโดยที่ดวงตาก็มองสบกับคนบนเตียงอย่างไม่ละไปไหน
ก็จริง นอกจากในห้องแล้วเราก็ไม่เคยได้ออกไปไหนด้วยกันเลยสักครั้ง
“การเข้าโรงพยาบาลก็มีข้อดีเหมือนกันแฮะ”
“ไม่เห็นจะเป็นเรื่องดีตรงไหน” ฝุ่นพูดเสียงเบาพร้อมทั้งดึงสายตาไปมองทางอื่นเพื่อคลายบรรยากาศรอบตัวให้เบาบางลง
เมื่อกี้มันคล้ายกับมีมวลความรู้สึกโอบล้อมให้ดำดิ่ง
“ดีสิ ผมได้พักด้วย”
ปินยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ถึงจะอ่อนแรงและปวดหัวไม่น้อยแต่ก็ยังเป็นสุขกับการได้พักร่างกาย ทั้งยังมีพยาบาลคนพิเศษมาคอยดูแลอยู่แบบนี้
“พักแบบอื่นจะดีกว่าไหม” ดวงตาคู่สวยเลื่อนกลับมามองหน้าคนป่วยอีกครั้ง
ไม่อยากให้ป่วยเลยสักนิด
“มองในแง่ดีไง” คนฟังโคลงหัวอย่างไม่เห็นด้วยกับความคิดนั้นนัก
“อยากทานอะไรหรือเปล่า พี่หวานซื้อผลไม้ไว้ให้เยอะแยะเลย”
ผู้จัดการคนเก่งกลับไปนอนที่บ้านเนื่องจากมีครอบครัวต้องดูแล และด้วยเพราะตรงนี้มีทั้งฝุ่นและบอร์ดี้การ์ดหน้าห้องภาวิดาจึงสามารถวางใจได้
“ผมอยากกินนม”
“ช็อกโกแลต?”
“รู้ใจจัง”
คนแสนรู้ใจแสร้งทำหน้าเอือมระอาก่อนจะหยัดกายขึ้นแล้วเดินไปทางห้องครัวเพื่อหยิบนมที่ไม่ได้ถูกแช่เย็นมาให้ปารินทร์
จะไม่รู้ได้อย่างไร ในเมื่อปินชอบกินนมช็อกโกแลตเป็นชีวิตจิตใจ
“กินเสร็จแล้วก็แปรงฟันนอน”
มือหนารับกล่องนมที่ถูกเจาะให้เรียบร้อยมาไว้ในมือ ปากอ้างับหลอด จากนั้นกลิ่นช็อกโกแลตที่แสนโปรดปรานก็อบอวลอยู่ในประสาทสัมผัส
ปินอมยิ้ม ไม่ได้ยินประโยคนั้นของอีกคนเพราะมัวแต่สนใจสิ่งที่อยู่ในปาก
“ได้ยินหรือเปล่า”
ดวงตาคนถูกถามเลื่อนขึ้นมอง โดยไม่ต้องบอกฝุ่นก็เดาได้จากความเลิกลั่กว่าเมื่อกี้คนป่วยไม่ได้ฟัง
“กินนมกล่องนี้หมดแล้วต้องไปแปรงฟันนอน”
“ต้องรอย่อยด้วยสิครับ” ปินผละปากออกจากหลอดแล้วเอ่ยตอบ
“ดื้อ” คนถูกว่ายิ้มรับ
“ให้ผมได้อยู่กับฝุ่นแบบนี้อีกหน่อยนะ พอตอนเช้าพี่หวานก็มาแล้ว”
ได้ยินประโยคนั้นคนที่เคร่งกับการพักผ่อนก็พูดอะไรไม่ออก ใจค่อยๆ พ่ายแพ้ให้กับคนตรงหน้า คล้ายกับว่ายังไงก็ต้องยอมปินอย่างไม่อาจแข็งใจต่อเหตุผลนั้นได้
“ยังไงกินเสร็จก็ต้องไปแปรงฟัน จะได้ทำความสะอาดปินน้อยด้วย”
ถึงแม้จะไม่ได้ตอบรับออกมาชัดเจนแต่ปินก็แปลความหมายจากประโยคนี้ได้ว่าฝุ่นอนุญาตให้ยังไม่นอนได้
“ฝุ่นทำให้สิ” เอ่ยแล้วก็กลับมาดูดนมต่อราวกับพูดเรื่องทั่วไป
“ปิน” ฝุ่นเรียกอีกคนเสียงเรียบ
“สัญญาว่าจะไม่ให้มันตื่น...นะครับ” ปินพูดทั้งที่หลอดยังคาอยู่ในปาก ดวงตาเรียวฉายแววระยิบระยับอย่างไม่น่าเชื่อถือ
“เชื่อได้ที่ไหน” ฝุ่นพึมพำพร้อมทั้งถอนหายใจ
ไม่ได้มีปัญหากับการต้องดูแลปินเนื่องจากเป็นหน้าที่ตัวเอง ต่อให้จะมากกว่านี้ก็ทำให้เพียงแต่กลัวว่าการทำความสะอาดนั้นจะไปกระตุ้นอารมณ์บางอย่างให้ตื่นขึ้น
นมช็อกโกแลตหมดลงแล้วร่างเล็กจึงหยิบกล่องไปทิ้งขยะก่อนจะเดินกลับมาพยุงคนไม่สบายเข้าห้องน้ำ ให้ปินแปรงฟันพร้อมทั้งฉี่ให้เรียบร้อย จากนั้นจึงถอดทั้งกางเกงโรงพยาบาลและกางเกงชั้นในของคนร่างสูงออก ตอนนี้ปินน้อยที่
ไม่น้อยจึงปรากฏอยู่ตรงหน้า
“ฝุ่น”
“หืม?” มือที่เอื้อมไปหยิบฝักบัวชะงักเล็กน้อย
“ความจริงแล้วฝุ่นก็ไม่ได้ทักทายปินน้อยมากสักพักแล้วนะ” คนฟังหันกลับมาหาคนพูด ดวงตาคู่สวยเข้มขึ้นกับประโยคที่ได้ยิน
“ป่วยอยู่ห้ามหื่น”
“ผมแค่พูดเฉยๆ”
ปินยักไหล่พลางยกยิ้มน้อยๆ ถึงอยากจะทำอย่างที่ใจคิดทว่าสภาพร่างกายก็ไม่ไหว คนที่เจียมสังขารตัวเองดีจึงทำเพียงยืนนิ่งให้ฝุ่นทำความสะอาดส่วนนั้นอีกทั้งยังพยายามข่มจิตข่มใจไม่ให้รู้สึกยามถูกมือเล็กสัมผัสไปมา
ไม่น่าเลย...
ปินได้แต่โอดครวญอยู่ในใจ เพราะการอยากแกล้งฝุ่นเล่นๆ กลับกลายเป็นแกล้งตัวเองเสียมากกว่า
--
วันต่อมา21.01 น.
“ดึกแล้ว จะหยิบกีตาร์ขึ้นมาทำอะไร”
ร่างเล็กที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินตรงมายังเตียงคนป่วย ฝุ่นถามขึ้นเมื่อเห็นว่ามีกีตาร์ที่พี่หวานเอามาให้อยู่ในแขนของอีกคน นิ้วแกร่งสะกิดสายมันให้เกิดเสียงคลอเบาๆ
“ผมอยากร้องเพลง”
“ดึกแล้วก็ควรพักผ่อน ดีขึ้นใช่ว่าจะหายสนิท” คิ้วได้รูปขมวดมุ่น
“ผมหายแล้วน่า พรุ่งนี้หมอก็ให้กลับบ้านแล้ว” ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้ม เสียงกีตาร์เริ่มดังเป็นทำนองเพลงมากยิ่งขึ้น
“ถึงจะหายแล้วก็ควรพัก ก็เพราะพักผ่อนน้อยไม่ใช่หรือไงถึงได้ป่วยแบบนี้”
ปินมองคนพูดที่ยืนอยู่ข้างเตียง ใบหน้าผุดผ่องเนื่องจากเพิ่งอาบน้ำดูอ่อนใสจนไม่น่าเชื่อว่าอีกฝ่ายจะอายุยี่สิบเจ็ด
ฝุ่นมักเข้มงวดและจริงจังกับการดูแลเขาอยู่เสมอ ยิ่งในยามที่กำลังป่วยทุกอย่างก็ยิ่งเคร่งมากขึ้น ดูได้จากสีหน้าท่าทางในตอนนี้
“ฝุ่น...ตรงนี้ เวลานี้มีแค่เรา วางหน้าที่นั้นลงแล้วเป็นฝุ่นแบบที่อยากเป็นเถอะนะ”
“...”
“ผมขอแค่เวลานี้ ได้ไหม”
ตลอดเวลาสองปีกว่าความสัมพันธ์ระหว่างกันไม่ได้ก่อเกิดความอึดอัดแต่มันก็ไม่ได้มีอิสระพอจะทำได้ทุกอย่าง
ครั้งแรกกับการอยู่ด้วยกันข้างนอก ปารินทร์อยากใช้ช่วงเวลานี้แบบคนธรรมดาคนหนึ่ง
ขณะที่ฝุ่นซึ่งได้ยินดังนั้นก็นิ่งเงียบ ภาพปินส่งยิ้มให้จางๆ ปรากฏอยู่ตรงหน้า โดยไม่ทันจะได้ตอบอะไรเสียงดนตรีก็ดังขึ้นเป็นทำนองเพลงที่แสนจะคุ้นหู
ตั้งแต่ฉันได้พบเธอ แรกวันพบเธอ
แสนเป็นสุขล้น
คงจะเป็นสวรรค์เบื้องบน
ส่งของขวัญล้ำค่า ให้เธอกับฉันมา
ไม่ต้องการเลยสิ่งใดแล้ว แค่มีเธอก็สุขใจโอ้เธอคือวันใหม่ คือแรงบันดาลหัวใจ
คือสิ่งมหัศจรรย์ คือฝันที่ฉันเฝ้ารอ
เสียงร้องนุ่มทุ้มเป็นสิ่งที่คนฟังรู้ซึ้งถึงอานุภาพอยู่แล้ว หากแต่เมื่อมันรวมกับสายตาสื่อความหมายและรอยยิ้มน้อยๆ กลับยิ่งรุนแรงมากขึ้นจนฝุ่นเหมือนจะยืนไม่อยู่
จะมองไปที่ใด โลกช่างสดใส โอ้ชีวิตช่างมีคุณค่า
และมีสิ่งดียิ่งกว่า ตั้งแต่ฉันได้มีเธอเพลงจบลงพร้อมเสียงดนตรี หลงเหลือเพียงความเงียบงันทว่าความรู้สึกฝุ่นราวกับถูกตรึงอยู่ในวินาทีเมื่อครู่
คือสิ่งมหัศจรรย์ คือฝันที่ฉันเฝ้ารอ...งั้นเหรอ
“ไม่ค่อยได้ร้องเพลงแนวนี้เลยแฮะ” ปินพูดกับตัวเองด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
“...”
“ฝุ่นว่าโอเคไหม”
“...ก็โอเค” กว่าจะดึงสติซึ่งจมจ่อกับความรู้สึกนั้นให้กลับมาได้ก็เป็นเวลาที่ปินเลิกคิ้วขึ้นเนื่องจากรอคอยคำตอบ
“อยากฟังเพลงไหนอีกไหม เดี๋ยวผมร้องให้ฟัง” คนถูกถามส่ายหัวช้าๆ
“อยากร้องเพลงอะไรก็ร้องเถอะ”
“งั้นฝุ่นนั่งลงก่อน ผมเตรียมร้องให้ฟังหลายเพลงเลย”
ท่อนแขนเล็กถูกจับก่อนจะเกิดแรงรั้งให้ต้องทรุดตัวนั่งลงตรงปลายเตียง โดยมีคนป่วยในชุดโรงพยาบาลพร้อมด้วยกีตาร์นั่งหันหน้าเข้าหา
ฉันนั่งยิ้มลำพังหัวเราะลำพัง
สดชื่นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
ตั้งแต่ได้พบกับเธอนั้น
เรื่องจริงกับความฝันเกิดขึ้นด้วยกันทันตาฉันอยากจะหยุดเวลานี้
ตั้งแต่วินาทีที่ชีวิตมีเธอเข้ามา
เธอทำให้คนที่เหนื่อยล้า
นั้นกล้าจะเปิดหัวใจหยุด หยุดชีวิตหยุดกับคนนี้
แม้ว่าใครจะดีสักแค่ไหน
หยุด หยุดความรักทั้งหัวใจ
จะหยุดอยู่กับเธอคนเดียว“จะร้องเพลงจีบกันรึไง” ฝุ่นถามขึ้นเมื่อเพลงจบลง
ด้วยได้ฟังเพลงแรกแล้วจึงตั้งสติกับเพลงที่สองได้ แต่ถึงอย่างนั้นหัวใจก็สั่นไหวไม่น้อยกับความหมายของเนื้อเพลง
“แล้วจีบได้ไหมครับ” ใบหน้าหล่อโน้มเข้ามาใกล้ ดวงตารีเป็นประกายแพรวพราว
“ระดับปิน ปารินทร์ต้องจีบใครด้วยหรือ”
“มันไม่ได้อยู่ที่ว่าผมเป็นใคร แต่อยู่ที่คนบางคนต่างหาก”
“...” ฝุ่นไม่กล้าถามว่าคนบางคนนั้นคือใครทั้งที่ใจแสนอยากรู้
“ผมไม่ได้อยากเป็นปิน ปารินทร์สำหรับเขา...แต่อยากเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง”
ความรู้สึกซึ่งถูกซ่อนเอาไว้ในส่วนลึกคล้ายกับกำลังจะปรากฏขึ้นให้รับรู้ ถึงจะเป็นเพียงระหว่างกันทว่าก็เพียงพอแล้วสำหรับใจดวงน้อย
ฝุ่นรู้...ปินรู้
และเรารู้ว่าควรทำอย่างไร เป็นอย่างไร และจะอยู่กับมันอย่างไร
“ดึกแล้ว พักผ่อนเถอะ”
ฝุ่นเอ่ยเปลี่ยนเรื่องพร้อมทั้งขยับกายลงจากเตียงด้วยวิธีการที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับสถานการณ์นี้ แต่แล้วแขนก็ถูกรั้งเอาไว้ให้ต้องหยุดชะงัก โดยที่ปินไม่ยอมปล่อยกระทั่งต้องหมุนกายกลับไปหา และราวกับอีกคนรออยู่ก่อนแล้ว สัมผัสนุ่มนวลจึงแนบลงบนริมฝีปากในวินาทีต่อมา
“กู๊ดไนต์คิสครับ” ปินทำเพียงแค่แนบชิดแล้วผละออกก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม
“อย่าให้มันมากนัก”
“...”
“โดนเอาคืนบ้างเดี๋ยวจะหนาว”
ถึงแมวตัวนี้จะไม่ได้มีฤทธิ์หรือพลังเยอะ แต่มันก็มีวิธีการเอาคืนในแบบของมัน
“ทำไมครับ ฝุ่นจะทำอะไร”
หมาป่าซึ่งคิดว่าตัวเองมีกำลังมากกว่าย่ามใจ และเมื่อการจู่โจมแบบไม่คาดคิดเกิดขึ้นจึงทำได้เพียงนิ่งงัน มองใบหน้าเล็กอย่างพูดอะไรไม่ออก
ความรู้สึกที่ปลายลิ้นนุ่มตวัดเลียกลีบปากเบาๆ ติดอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน
โดนแมวเลียปากงั้นหรือ
“กู๊ดไนต์”
ฝุ่นเอ่ยทิ้งท้ายก่อนกีตาร์ที่วางอยู่บนเตียงจะถูกเอาไปเก็บให้บ่งบอกว่าอีกคนไม่มีสิทธิ์ทำอย่างอื่นนอกจากนอน ต่อมาไฟในห้องก็ถูกปิดลงเหลือเพียงดวงเดียวที่ส่องแสงสลัวๆ จากนั้นฝุ่นจึงเดินกลับมายังโซฟาตัวใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากเตียงคนป่วยนัก
มีห้องสำหรับคนเฝ้าไข้ ทั้งยังมีเตียงนอนให้ครบครันแต่ด้วยกลัวหากเกิดอะไรขึ้นแล้วจะไม่รู้คนดูแลจึงเลือกนอนตรงนี้
“ฝุ่น”
“หืม” คนถูกเรียกที่กำลังจะเอนกายลงนอนหันหน้าไปทางคนเรียก
“ระวังผมจะเอาคืน”
“ไม่ระวังได้ไหม...เพราะรอให้เอาคืนอยู่”
แมวฝุ่นขี้ยั่ว!
--
ซูเปอร์สตาร์คนดังนอนโรงพยาบาลเพียงสองคืน เมื่ออาการไข้ดีขึ้นและไม่มีอาการอื่นแทรกซ้อนอย่างที่กังวลหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่ถึงอย่างนั้นก่อนกลับก็ต้องมีการแถลงข่าวเล็กๆ สำหรับแฟนคลับหลายคนที่เป็นห่วงและอยากรู้อาการ
“สาเหตุการป่วยมากจากอะไรครับ”
“อย่างที่ทุกคนคงพอจะทราบกันอยู่แล้ว มาจากการทำงานหนักแล้วก็พักผ่อนน้อยครับ”
“ตอนนี้หายดีหรือยังคะ”
“ก็ประมาณ 90% ครับ ยังคงต้องพักอีกหนึ่งวันเพื่อให้ร่างกายเต็มที่ที่สุด” แม้จะได้ออกจากโรงพยาบาลวันนี้หากแต่ปินก็ยังต้องพักร่างกายอีกสักนิดเพื่อความมั่นใจ
“แต่ก็ยืนยันว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วใช่ไหมคะ”
“ครับ แข็งแรงแล้ว ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากทุกคน”
“ฝากอะไรถึงแฟนๆ ที่เป็นห่วงจนถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับหน่อยครับ”
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ตอนนี้ทุกอย่างโอเคแล้ว สัญญาว่าจะพยายามไม่ทำให้ทุกคนเป็นห่วงอีก แล้วก็หวังว่าจะไม่มีใครต้องมาป่วยแบบผม...แล้วเจอกันวันมะรืนครับ”
นักข่าวยังอยากถามมากกว่านี้ทว่ามีสิทธิ์เพียงเท่านั้นจึงจำต้องทำเพียงเก็บภาพต่อ และเมื่อซูปเปอร์สตาร์ลงจากโต๊ะแถลงข่าวฝูงสื่อมวลชนก็เคลื่อนย้ายไปตามแฟนคลับ ปินให้เวลาส่วนตัวกับแฟนคลับอีกสักพัก เนื่องจากบอกไปแล้วว่าไม่รับของมีค่าวันนี้จึงมีแต่จดหมายและดอกไม้แทบทั้งหมด
“กลับบ้านกันดีๆ นะครับ”
เมื่อทุกคนตะโกนตอบรับร่างสูงจึงโบกมือลาพร้อมทั้งแปะมือที่แฟนคลับยื่นมาหาให้ทั่ว ก่อนจะก็ออกจากตรงนั้นโดยมีผู้จัดการส่วนตัวอย่างพี่หวานเดินนำไปขึ้นรถ
ครืด
เสียงประตูรถถูกเลื่อนเปิดและปิดลงในนาทีเดียวกัน จดหมายบางส่วนในมือใหญ่ถูกฝุ่นยื่นมือมารับไปเก็บไว้ให้เรียบร้อย
“กลับห้องเลยนะ” ภาวิดาหันมาถาม
“ครับ”
--
“ช่วงนี้งานของปินก็จะลดลงบ้างแล้ว แต่เดี๋ยวเดือนหน้าจะมีถ่ายแบบ พี่คงต้องฝากฝุ่นดูเรื่องอาหารการกิน แล้วก็เรื่องออกกำลังกายด้วยนะ”
“ได้ครับ”
“โอเค วันนี้ไม่มีอะไรแล้ว ปินพักผ่อนเถอะ แล้วพรุ่งนี้เจอกัน”
คนทั้งสองเดินไปส่งผู้จัดการคนเก่งที่หน้าประตู โดยภาวิดาย้ำเรื่องงานพรุ่งนี้กับปินอีกเพียงเล็กน้อยก่อนจะก้าวออกจากห้องไป ขณะที่คนเพิ่งทำงานเสร็จก็เดินกลับมาทิ้งตัวลงบนโซฟา
หลังจากหายป่วยปินก็กลับมาทำงานตามตารางที่รันไว้ตามปกติ ถึงจะไม่มากเท่าช่วงที่เพลงถูกปล่อยออกไปแต่ก็ยังมีงานทุกวัน
“กลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำหน่อยไหม” ร่างเล็กเอ่ยถามพลางทรุดตัวนั่งลงข้างๆ
“เมื่อกี้เปิดตู้เย็นเจอไอติมกะทิด้วย วันนี้ฝุ่นเรียนทำไอติมมาเหรอ”
แทนที่จะลุกขึ้นอาบน้ำอย่างที่อีกคนบอกปินกลับไม่สนใจประโยคนั้น ทั้งยังขยับตัวมาทิ้งหัวลงบนตักเล็ก นอนมองหน้าฝุ่นไปพลางๆ ยามรอคำตอบ
“อืม แต่ต่อไปจะไม่ทำขนมให้แล้วเพราะปินต้องคุมน้ำหนัก” ได้ยินดังนั้นใบหน้าหล่อก็บูดบึ้ง ตามมาด้วยเสียงบ่นพึมพำ
“โธ่ แบบนั้นผมก็ตายพอดี ทำให้กินวันละคำสองคำก็ได้”
“จะให้กินแค่อาทิตย์ละครั้ง ต่อไปนี้จะทำอาหารคลีนให้นะ ต้องออกกำลังกายทุกวันด้วย”
ปินถอนหายใจดังเฮือก ร่างสูงที่ทอดกายนอนหงายพลิกตัวไปอีกด้าน ใบหน้าซุกเข้ากับแผ่นท้องบาง
“เฮ้อ พี่หวานไม่น่ารับงานถ่ายแบบนั่นเลย”
“แล้ว...” คนที่อยากรู้อะไรบางอย่างกำลังจะพูดออกมา แต่ก็ต้องหยุดค้างเอาไว้เนื่องจากเกิดความไม่แน่ใจขึ้นกระทันหันว่าควรถามหรือไม่
“แล้วอะไรครับ” ปินพลิกหน้ากลับมาถาม คิ้วเข้มเลิกขึ้นนิดๆ
“มันต้องโชว์ขนาดนั้นเลยเหรอพี่หวานถึงต้องให้ฟิตหุ่น”
พอได้ยินประโยคนั้นก็คล้ายกับว่าริมฝีปากคนฟังอยากจะยกยิ้ม หากแต่ด้วยกลัวจะทำให้แมวขี้หวงรู้ตัวจึงทำเป็นไม่รับรู้ถึงความหวงที่แฝงมาแล้วตอบด้วยสีหน้าปกติ
“ก็นิดนึงครับ มีถอดเสื้อด้วยละมั้ง”
“ถ้าถึงขั้นถอดเสื้อก็ไม่นิดนะ ไม่เคยถ่ายแบบที่ต้องถอดเสื้อออกเลยไม่ใช่เหรอ”
ราวกับดวงตาคู่สวยโตขึ้นกว่าที่เป็น อีกทั้งคำถามยังเจือความร้อนรนอยู่เล็กๆ
“ยังไม่แน่ใจเลย คงต้องดูหน้างานอีกที...ว่าแต่ฝุ่นถามทำไมหืม”
ปินแสร้งถามเหมือนไม่รู้เรื่องราวทั้งที่กำลังกลั้นยิ้มจนปวดแก้ม
ความเหนื่อยล้าจากงานถูกบรรเทาลงด้วยท่าทางน่ารักที่ไม่รู้ตัวนี้จนรู้สึกเหมือนไม่ได้ออกไปทำงานมาอย่างไรอย่างนั้น
“ก็...ถามเฉยๆ”
“อืมมม”
“อืมอะไร ไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้มากินข้าว”
ท่าทางไหวหวั่นที่เผลอแสดงออกถูกกลบเกลื่อนด้วยเสียงราบเรียบ บทสนทนาเบี่ยงหัวไปเป็นเรื่องอื่น และปินก็ยอมปล่อยผ่านด้วยการยันตัวขึ้นนั่ง
“อาบให้หน่อยครับ” คนอ้อนขอยิ้มตาใส
“โตขนาดนี้ยังจะมาให้อาบให้อะไรอีก”
“ฝุ่นก็รู้ว่าผมไม่ได้หมายถึงอาบน้ำแบบนั้น”
“ไม่รู้” ฝุ่นเบือนหน้าหนี ไม่มองหน้าคนที่ส่งสายตาอย่างมีความหมายมาหา แต่แล้วปลายคางก็ถูกนิ้วแกร่งเชยให้หันกลับ ปินขยับใบหน้ามาใกล้จนปลายจมูกแตะกันแผ่วเบา
“อาบน้ำให้ปินหน่อย”
หมาป่าเจ้าเล่ห์
ฝุ่นว่าอีกคนอยู่ในใจขณะที่แก้มทั้งสองข้างร้อนผ่าว ใจเต้นตึกตักกับคำแทนตัวนั้น ร่างกายแข็งทื่อขึ้นทันใดเมื่ออีกคนดันปลายจมูกบี้กันไปมา
“ว่าไงครับ”
“จะให้อาบก็ให้ลุกสิ”
สุดท้ายก็เป็นฝุ่นที่ต้องผละหนี ทำเป็นลุกขึ้นยืนด้วยเพราะไม่อาจทนกับความใกล้ชิดที่แสนสั่นไหวหัวใจนี้ได้
ถึงจะเคยใกล้ชิดกันถึงไหนต่อไหนแต่สถานการณ์เมื่อกี้มันแตกต่างกับความใกล้ชิดในแบบนั้น
“ฝุ่นอาบด้วยกันนะ”
“ไม่อาบได้ด้วยเหรอ”
ปินยกยิ้มกับคำตอบที่ได้ยิน จากนั้นมือใหญก็เอื้อมไปจับมือเล็กแล้วออกแรงรั้งให้เดินเข้าห้องนอนไปด้วยกัน
“ไหนบอกว่าจะให้อาบให้ไง”
เพียงแค่ก้าวเท้ามาหยุดอยู่ใต้ฝักบัวหมาตัวใหญ่ก็แปลงร่างเป็นปลาหมึกที่ยื่นมือมายุบยับตามร่างกาย ท่าทางคล้ายกับจะเป็นฝ่ายอาบน้ำให้กันเสียมากกว่า
“อาบด้วยกันก็ได้”
เสียงทุ้มดังอยู่ข้างหูจากทางด้านหลัง ตามมาด้วยสัมผัสบางเบาตรงหัวไหล่ให้กายเล็กสั่นสะท้าน จากเพียงแค่นาบริมฝีปากลงบนผิวเนื้อปินก็เริ่มขบเม้มดูดดึง มือเคลื่อนไหวไปตามสีข้าง บีบตรงนั้นเคล้นตรงนี้ตามที่ใจอยากทำ
“อื้อ” เสียงร้องดังขึ้นเมื่อฟันซี่คมกัดลงบนต้นคออย่างไม่เบาแรงนัก
“มันเขี้ยวแมวฝุ่น” ปินพึมพำ ต่อมามือเล็กก็ยกขึ้นยันกับผนังเนื่องจากถูกดันมาชิด โดยมีร่างสูงตามติด ลมหายร้อนคลอเคลียอยู่บริเวณหลังคอไม่ห่าง
คอบางระหงซึ่งมีรอยจางๆ จากกิจกรรมครั้งก่อนถูกเติมเต็มให้ร่องรอยเหล่านั้นกลับมาเข้มดั่งเดิม
สีกลีบกุหลาบแดงช้ำถูกแต่งแต้มไปทั่วราวกับจิตรกรกำลังสร้างสรรค์ผลงานด้วยความสุนทรีย์ บางครามันเกิดความซ่านเสียว บางคราก็เจือไปด้วยความเจ็บแปลบ แต่ถึงอย่างนั้นคนถูกกระทำก็แสนยินดีจะรับเอาไว้
ฝุ่นกัดปากเมื่อฝ่ามือใหญ่ละจากสะโพกขึ้นมายังแผ่นอก เม็ดตุ่มไตถูกลูบไล้บีบบี้ ยามที่ปลายลิ้นร้อนก็ค่อยๆ ปาดไล้ไปตามใบหู
“อะ อือ” ความรู้สึกที่ถูกกระตุ้นขึ้นอีกหนึ่งระดับเรียกเสียงครางในลำคอเล็กให้ดังแผ่ว จุดอ่อนไหวทั้งสองถูกเล่นงานพาให้อารมณ์วาบหวามโหมกระหน่ำ
หมาป่าที่กำลังค่อยๆ กลืนกินลูกแมวยกยิ้มเมื่อเห็นท่าทางนั้น ก่อนร่างขาวเนียนจะถูกจับพลิกให้แผ่นหลังแนบกับผนังแล้วริมฝีปากได้รูปก็ฉกวูบลงไปจูบ
มือบางวางลงบนไหล่กว้างพลางบีบเบาๆ เมื่อถูกสัมผัสอย่างเร่าร้อน ส่วนล่างชูชันขยับเข้ามาแนบชิด อีกทั้งปินยังดันให้ส่วนนั้นถูไถกันไปมาจนก่อเกิดความรู้สึกบางอย่างที่หมุนวนอยู่ตรงท้องน้อย
ทุกอย่างคงจะดำเนินไปด้วยการนำพาของร่างสูงหากนี่ไม่ใช่ฝุ่นซึ่งถูกฝึกฝนเรื่องนี้มาเป็นอย่างดี...
ร่างเล็กผละริมฝีปากออกแล้วทรุดตัวนั่งลงโดยไม่ให้อีกคนตั้งตัว จากนั้นมือนุ่มก็เคลื่อนเข้ากอบกุมส่วนร้อนผ่าว คนที่ถูกแตะต้องเกร็งร่างกายขึ้นทันใด
“ฝุ่น” เสียงเรียกชื่อนั้นแหบพร่าเมื่อรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
ปินยื่นนิ่งทั้งที่ข้างในกำลังสั่นไหว ดวงตาเรียวรีมองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า กลางกายถูกขยับรูดรั้ง กระทั่งมันรู้สึกเกือบจะเต็มที่บางสิ่งซึ่งรุนแรงกว่ามือหลายเท่าก็เข้ามาครอบครอง
“อืมมม” เสียงครางต่ำดังก้อง ฝ่ามือใหญ่สอดเข้าหากลุ่มผมนิ่มทางด้านหลัง ใบหน้าแกร่งเชิดหงาย
ปินรู้ถึงความเก่งกาจนี้ของฝุ่นดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยคุ้นชิน ไม่เคยรู้สึกน้อยลงแม้จะมีอะไรกันมาถึงสองปี
ลิ้นเล็กรองอยู่ส่วนใต้ ขยับพลิกซ้ายขวา ขณะเคลื่อนริมฝีปากเข้าออกช้าๆ
จากผู้นำที่กลายมาเป็นผู้ตามถึงกับกัดฟันกรอด ยิ่งเมื่อส่วนปลายถูกปาดไล้ตามรอยแยกร่างสูงใหญ่ก็เกร็งจนขาสั่น มือที่วางอยู่บนผมของอีกคนกำแน่น เมื่อรู้ตัวจึงรีบคลายออกด้วยกลัวว่าฝุ่นจะเจ็บ
“อืม...ขอโทษครับ ฝุ่นเจ็บหรือเปล่า” คนที่ไม่อาจพูดตอบทางสายตา
ปินควรจะคลายใจกับคำตอบนั้นแต่การถูกมองแบบนี้และเห็นตัวตนตัวเองอยู่ในปากเล็กๆ นั่นมันสร้างความปั่นป่วนมหาศาลจนไม่อาจใจเย็นต่อไปได้
ป๊อก
เสียงส่วนนั้นหลุดออกจากปากเมื่อมือหนารั้งแขนฝุ่นให้ลุกขึ้นยืน ปินดันอีกคนกลับไปชิดผนัง ท่อนแขนใหญ่ข้างหนึ่งช้อนขาเรียวขึ้น ส่วนอีกข้างก็ประคองส่วนใหญ่โตพร้อมทั้งดันสะโพกเข้าหาช่องทางแคบโดยไม่แม้แต่จะเบิกทาง
“อึก” ความคับแน่นนั้นพาให้คนที่เป็นฝ่ายรองรับอึดอัดและจุกเสียด แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้บาดเจ็บเนื่องจากร่างกายทั้งสองรู้จักกันเป็นอย่างดี
ปินพยายามใจเย็นด้วยการก้มลงไปจูบคนอายุมากกว่า ถึงจะดูสวนทางกับการกระทำแรกอยู่บ้าง แต่ก็แก้ตัวทีหลังระหว่างรอให้ฝุ่นปรับตัว
กระทั่งความอึดอัดระหว่างกันดีขึ้นสะโพกสอบจึงเริ่มขยับ แน่นอนว่าเพราะมีสารหล่อลื่นเพียงเล็กน้อยมันจึงฝืดเคืองในจังหวะแรก แต่ด้วยตัวฝุ่นที่ถูกฝึกฝนและด้วยความเชี่ยวชาญของปินทุกอย่างจึงค่อยๆ รื่นไหลขึ้นตามลำดับ
จากการเคลื่อนไวช้าๆ ก็เปลี่ยนเป็นเร็วจนไม่อาจจูบกันได้อีก
“อะ อ๊า” เสียงครางหวานดังเล็ดลอดโดยไม่มีการอดกลั้น ท่อนแขนเรียวโอบรอบลำคอแกร่ง ใบหน้าสวยโน้มไปพิงกับอกกว้าง ร่างกายสะท้อนขึ้นลงจากการตอกตรึง
ตัวตนซึ่งถูกโอบรัดด้วยความอุ่นร้อนปล่อยน้ำมาหล่อลื่นทีละน้อยจนช่วยให้การสอดกายไม่ติดขัด เสียงเนื้อกระทบกันดังก้องพอๆ กับเสียงครางและเสียงหอบหายใจจากคนทั้งสอง
ฝุ่นหลับตาลงแน่น ขนอ่อนในกายลุกชัน ทุกการหวดสะโพกของปินทำให้ร่างกายสั่นสะท้าน ทว่ายามทุกสิ่งกำลังเป็นไปอย่างลื่นไหล อยู่ดีๆ อีกคนก็ผ่อนจังหวะลงมาเป็นเพียงหมุนวนให้คนที่กำลังจะถึงปลายทางชะงักค้าง
“ปะ ปิน” ฝุ่นผละใบหน้าออกจากอกกว้างแล้วเงยขึ้นมองคนตรงหน้า แววตาเป็นประกายเว้าวอนโดยไม่รู้ตัว
“ว่าไงครับ”
คนขี้แกล้งเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม ขณะที่ฝุ่นเริ่มขมวดคิ้ว เมื่อความต้องการไม่ถูกตอบสนองจึงลองพยายามขยับเอง แต่ด้วยขาอีกข้างพาดอยู่กับแขนอีกคนและปินก็เคลื่อนไหวสะโพกอย่างไม่ให้ความร่วมมือจึงไม่อาจทำอะไรได้
“อย่าแกล้ง อื้อ”
จริงอยู่ที่แบบนี้ก็ทำให้รู้สึกเสียวซ่านไม่ต่าง แต่มันไม่มากพอสำหรับเวลานี้ที่ต้องการมากกว่านั้น
“แกล้งอะไรกันครับ”
“ถ้าไม่ทำก็ปล่อย จะทำเอง” คนฟังถึงกับหยุดทุกการเคลื่อนไหวเพราะประโยคนั้น ก่อนปินจะหลุดหัวเราะออกมาทั้งที่กำลังอยู่ในอารมณ์หวามไหว
“ทำไมใจร้อนจังหืม” ฝุ่นไม่หัวเราะหรือยิ้มตาม ใบหน้าติดจะบึ้งตึงด้วยซ้ำ
“ก็แกล้งอยู่นั่น”
“โอ๋ๆ ผมแกล้งหน่อยเดียวเอง ทำแล้วครับทำแล้ว...ไว้รอบสองแมวฝุ่นค่อยโชว์ฝีมือแล้วกัน” คนหงุดหงิดไม่สนใจอะไรนอกจากการเคลื่อนกายซึ่งสานต่อจากจังหวะเมื่อครู่
เมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการความขุ่นเคืองในอกก็จางหาย ความรุนแรงจากการสอดประสานพาให้อารมณ์ที่ค้างคาดำเนินต่อ ปินตอกตรึงสะโพกเข้าหาหนักๆ เพียงไม่กี่นาทีเสียงครางหวีดหวานก็ดังขึ้น กายบางเกร็งกระตุก ความต้องการของฝุ่นถูกปลดปล่อย
ขณะที่ร่างสูงยังคงขยับกายต่ออีกเล็กน้อยก่อนจะดึงแก่นกายออกในจังหวะสุดท้าย รีดเค้นทุกหยาดทางด้านนอกเนื่องจากไม่อยากให้อีกคนต้องลำบากทำความสะอาด
หลังจากที่ขาถูกวางลงบนพื้นฝุ่นก็ทิ้งตัวไปหาคนตรงหน้าอย่างหมดแรง
จุ๊บ
“ผมเปิดน้ำนะ” สัมผัสหนักๆ กดลงตรงกลางหัวเล็ก ก่อนมือหนาจะเอื้อมไปเปิดน้ำเพื่อดับความร้อนซึ่งอบอวลอยู่รอบกาย
“อื้อ” ฝุ่นตัวสั่นเมื่อน้ำที่ไหลกระทบกายเย็นเฉียบ
“หนาวเหรอ เปิดน้ำอุ่นไหม”
ปินตระกองกอดอีกคนเข้าหาตัวราวกับจะให้ความอบอุ่น ฝุ่นจึงเงยหน้าขึ้นแล้วตอบคำถามนั้นด้วยการส่ายหัว
“จะทำอีกรอบหรือเปล่า” คิ้วเข้มเลิกขึ้นกับคำถามที่ได้ยิน
“ทำไมครับ”
“จะได้ยังไม่อาบน้ำ”
“งั้นเดี๋ยวค่อยอาบ” หมาป่าแสนเจ้าเล่ห์ระบายยิ้ม
TBC.
ตอนนี้มาพร้อมเอ็นซี~ -////-
ความจริงเหนื่อยมาก ไม่อยากเขียน NC แล้ว
แต่ด้วยสงสารหมาปิน กลัวน้อยหน้าคนอื่นเขา
กลัวคนไม่รู้ว่ามีความสามารถ เลยฮึบเขียนออกมา
(เอ๊ะ หรือกลายเป็นโชว์ค.สามารถพี่ฝุ่นนะ5555)
ตอนนี้อาจมึนๆ งงๆ บางที่เพราะเขียน+ตรวจขณะดูบอล
หลังๆ อาจยิ่งหนักเพราะลุ้นมาก
สมาธิไปกับบอลหมดเลย555555
พิดพลาดจุดไหนยังไงก็บอกกันมาได้นะคะะะ
อย่าลืมแท็ก #secrecyลับรัก ด้วยยย
ถ้ากำลังใจน้อยหมาปินอาจไม่ได้โชว์ความสามารถอีกน้า