-----Twenty four hours : ส่งรักนี้ 24 ชั่วโมง----- ตอนพิเศษ วาเลยไทน์ 2
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -----Twenty four hours : ส่งรักนี้ 24 ชั่วโมง----- ตอนพิเศษ วาเลยไทน์ 2  (อ่าน 60893 ครั้ง)

ออฟไลน์ ppseiei

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่ลมเนียนเลยน้ออออออ
น้องวีน่ารักกกก รอดูพี่ลมแทะโลมน้อง(ทางสายตา)ค่ะ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
น้องวีน่ารัก แต่พี่ลมชักจะเจ้าเล่ห์

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
อ้อยกันไป อ่อยกันมา. 555
น่ารักดี,,,

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
น้องจะทันพี่ไหมเนี่ย ^^

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
กด +ให้เนอะ :L2:

ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2


บทที่ 6





“อย่าเพิ่งพูดสิครับ” เสียงคนน่ารักปราม ก่อนริมฝีปากฉ่ำๆ คล้ายมีอะไรบางอย่างเคลือบเอาไว้จะทำท่าจุ๊ๆ แล้วเอ่ยอีกประโยค “ห้ามดื้อด้วย มาครับๆ เข้าไปนั่งพักก่อน”


   ห้ามดื้ออย่างนั้นหรือ...


   ได้ยินแบบนี้คนที่คิดจะดื้อ ก็หยุดคิดไปโดยปริยาย เขาทำตามคำพูดของคุณลูกค้าคนพิเศษอย่างว่าง่าย ด้วยการทิ้งน้ำหนักตัวให้คล้ายคนจะเป็นลมอย่างที่อีกฝ่ายเข้าใจ ทำให้กวีต้องกระชับแขนและเอวของเขาให้แน่นขึ้นเพื่อยึดไม่ให้ร่างหนักๆ ไถลหล่นลงไปกองกับพื้นเสียก่อน


   กวีตัวไม่สูงนัก แต่รูปร่างก็ไม่ได้ผอมบาง มันออกจะ...เต็มไม้เต็มมือ ยามที่เขาเกาะเกี่ยวที่เอวหรือเบียดร่างกายเข้าใกล้ชิดอีกฝ่ายเพื่อความสมจริง


   วายุไม่ได้ตั้งใจ สาบานต่อหน้าขวดน้ำผึ้งในมือเลยว่าเขาไม่ได้คาดหวังให้เป็นเช่นนี้ แค่สถานการณ์มันพาพัดให้เขาต้องเล่นตามน้ำ


   ที่วายุพูดว่าเหมือนจะเป็นลม เนื่องจากใจเต้นแรงเพราะคนน่ารักจนหลุดปากไปเท่านั้นเอง


   เขาไม่ได้ตั้งใจจะเอาเปรียบกวีจริงๆ นะ


   แต่ถ้าจะมองว่าเป็นผลพลอยได้ เขาก็คงเถียงไม่ได้หรอก


   ครั้นพากันทุลักทุเลมาถึงที่ห้องห้องหนึ่งซึ่งอยู่เยื้องๆ กับห้องนอนที่เขาเข้าไปนั่งเฝ้าอีกฝ่ายคราวที่แล้ว อีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นมาถามด้วยแววตาใสซื่อที่เปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วง


   “พี่ลมยืนไหวไหมครับ”


   “ไหวครับ”


   “งั้นยืนรอผมแป๊บนึงนะ”


   “ครับ” ครั้นวายุพยักหน้าให้ ร่างนุ่มนิ่มก็ผละออกไปทันที


   กวีรีบไปเก็บโต๊ะญี่ปุ่นอย่างรวดเร็ว แล้วจัดกองหมอนกระจัดกระจายบนพรมสีเหลืองนวลให้เป็นที่เป็นทาง จากนั้นจึงหันมาประคองวายุให้นั่งลงบนพรม เนื่องจากในห้องนี้ไม่มีโซฟา


   “ขอโทษนะครับ มันค่อนข้าง...รกไปหน่อย” แก้มกลมๆ ขึ้นสีเรื่อเล็กน้อย ดูท่าคงรู้สึกอายที่ถูกวายุรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวทั้งที่ยังไม่พร้อมรับแขก


   “ไม่เป็นไรครับ” วายุยิ้มอ่อน “ห้องพี่รกกว่านี้เยอะเลย”


   “จริงหรือครับ” กวียิ้มรับ ก่อนเปลี่ยนเรื่อง “พี่ลมรอตรงนี้ก่อนนะ ผมจะไปเอาน้ำกับยาดมมาให้”


   “ครับ”


   ได้ยินเสียงตอบรับแล้ว นักเขียนหนุ่มก็รีบวิ่งดุ๊กดิ๊กกลับออกไปข้างนอก ทิ้งให้คนป่วยไม่จริงมองตามหลังไปอย่างรู้สึกผิด


   ตั้งแต่จำความได้ วายุไม่เคยใช้เหตุผลข้างๆ คูๆ เข้าหาใครแบบนี้มาก่อน ยิ่งคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานยิ่งแล้วใหญ่ เขาไม่มีทางไว้ใจและทำตัวสนิทสนมได้ง่ายๆ แน่


แม้จะเคยถูกใจใครมาบ้าง แต่ก็ไม่เคยใช้ความถูกใจเพื่อเอาแต่ใจตัวเองเช่นนี้ ทั้งเรื่องส่งของให้ลูกค้าคนพิเศษด้วยตัวเอง ทั้งหนีงานมาอยู่เป็นเพื่อน แล้วไหนจะรีบบึ่งมาทันทีที่รู้ว่ามีออเดอร์ตกค้างของนักเขียนดัง


พฤติกรรมไร้เหตุผลเช่นนี้ เขาเพิ่งเคยทำเพราะกวีเป็นคนแรก


สามอาทิตย์ที่ผ่านมามีสัญญาณหลายอย่างดังเตือนในหัวให้วายุรู้ตัว แต่เขาก็เลือกที่จะมองข้าม ทำเหมือนตัวเองแค่ปลื้มเพราะอีกฝ่ายเป็นนักเขียนคนโปรด ก่อนจะรู้สึกประหลาดจนต้องกลับไปย้ำกับตัวเองว่าให้ระวังและหนักแน่นเข้าไว้


ประสบการณ์เรื่องความรักทำให้รู้ว่า การทำตามสัญชาตญาณโดยขาดการยับยั้งช่างใจให้ผลลัพธ์ที่น่ากลัวเสมอ


แต่ทั้งที่รู้ วายุก็อดไม่ได้อยู่ดี เพราะทุกครั้งที่ได้เห็นหน้า ได้ยินเสียงใสๆ และรอยยิ้มไม่มีพิษมีภัยนั่น มันชวนให้หัวใจเขาหวั่นไหวทุกที


ก็ใครใช้ให้วายุมีรสนิยมแบบนี้กันล่ะ


คนน่ารักที่เหมือนสิ่งมีชีวิตตัวเล็กนุ่มนิ่มแบบนี้...โคตรแพ้ทางเลยให้ตาย


ชายหนุ่มเสยผมลวกเพราะรู้สึกวุ่นวายใจ เครื่องปรับอากาศไม่ทำให้เขารู้สึกเย็นใจลงเท่าไหร่ ทั้งที่รู้ว่าเริ่มรู้สึกหวั่นไหว ทว่าเขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี ควรเดินหน้าต่อไปแบบเนียนๆ หรือกลับไปคิดมาใหม่ว่าการหลงใครสักคนแค่รูปลักษณ์ผิวเผินมันดีจริงๆ หรือ


คิดไปคิดมา คนในห้วงคำนึงก็พลันกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับแก้วน้ำแดงชงพร้อมดื่ม และยาดมที่เขาเป็นคนแกะใช้เมื่อวาน


“ขอโทษนะครับ พอดีผมมัวแต่ชงน้ำแดงอยู่”


“ไม่เป็นไรครับ วีไม่ได้ไปนานหรอก”


“ว่าแต่พี่ลมเป็นยังไงบ้าง อึดอัดไหมครับ ร้อนอยู่ไหม ผมจะเร่งแอร์ให้นะ” นักเขียนหนุ่มถามกระตือรือร้น แล้วยื่นแก้วน้ำแดงเย็นเฉียบให้


“เท่านี้ก็เย็นแล้ว ขอบคุณนะครับ”


“ไม่เป็นไรครับ” กวียิ้ม แล้วหันมาเร่ง “ไม่ดื่มหรือครับพี่ลม”


“ดื่มสิครับ วีอุตส่าห์ชงให้พี่นี่” พอถูกกระตุ้น วายุจึงดื่มจนหมดแก้วทั้งที่เป็นมนุษย์ที่ไม่นิยมบริโภคน้ำตาลสักเท่าไหร่


ครั้นเห็นวายุดื่มแล้ว กวีก็ส่งยาดมให้ ก่อนจะยกน้ำแดงอีกแก้วกระดกพรวดๆ ไปครึ่งหนึ่ง ดูท่าคงอยากดื่มมากกว่าเขาเสียอีก พอดื่มเรียบร้อยเจ้าตัวก็ใช้หลังมือเช็ดปากลวกๆ แต่คงไม่รู้ว่าที่มุมปากสองข้างมีรอยน้ำแดงจากขอบแก้วประทับอยู่


“หึ---“


คนตัวโตกว่าหลุดหัวเราะ แต่เมื่อเห็นดวงตากลมๆ มองด้วยแววฉงน เขาก็จึงรีบทำหน้านิ่งกลบเกลื่อนเสียงหัวเราะอย่างยากลำบาก หากคงไม่ทัน เพราะกระต่ายตื่นเสียแล้ว


“ขำอะไรครับพี่ลม”


“ปะ...เปล่าครับ” วายุแสร้งดมยาดมพลางปฏิเสธเพราะกลัวอีกฝ่ายอาย แต่กวีกลับไม่ยอมเชื่อ ดวงตากลมๆ นั่นหรี่ลงเล็กน้อยพยายามจับผิด “หึๆ”


“แหนะ! พี่หัวเราะอีกแล้ว มีอะไรกันแน่ครับ”


“มีนี่...” วายุใช้นิ้วชี้ที่ปากของตัวเองเป็นสัญญาณ แต่ดูเหมือนคนน่ารักจะไม่เข้าใจ


“อะไรครับ”


“น้ำแดงเปรอะแก้มน่ะครับ”


กวีทำตาโต แล้วรีบใช้มือปิดปากก่อนจะวิ่งปรู๊ดออกไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ ระหว่างนั้นวายุได้ยินเสียงโหยหวน เหมือนยักษ์เลย~ ดังมาแว่วๆ ให้นึกขันอีกรอบ


นี่แหละ เขาแพ้อะไรแบบนี้แหละ...ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วลูบอกเบาๆ ให้ใจสงบ ก่อนดวงตาจะไปสะดุดที่โต๊ะญี่ปุ่นซึ่งกวียกหลบไปด้านข้างเมื่อครู่


ดวงตาคมมองโต๊ะที่เต็มไปด้วยแผ่นเอกสารมากมาย ทั้งยังมีเครื่องเขียน คอมพิวเตอร์ ของกระจุกกระจิกหลายอย่าง รวมทั้งกิ๊บรูปสับปะรดที่เขาเห็นในครั้งแรกด้วย


จากโต๊ะทำงาน ชายหนุ่มก็สอดส่ายสายตาอยากรู้อยากเห็นไปทั่วห้อง


ห้องห้องนี้ตกแต่งอย่างเรียบง่าย ไม่มีเครื่องเรือนอะไรมากนัก นอกจากโต๊ะญี่ปุ่น กองหมอน และชั้นหนังสือแบบบิวอินชิดริมผนังสามด้านสูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน ส่วนด้านหลังของเขาเป็นกระจกใสบานใหญ่ซึ่งมีผ้าม่านสีครีมรวบแขวนด้านข้าง


ถ้าจำไม่ผิด วายุรู้มาว่าคอนโดแห่งนี้ค่อนข้างมีราคาสูงพอสมควร และมองจากภายนอกก็พอรู้ว่าไม่ธรรมดา แต่นักเขียนดังกลับแต่งห้องนี้อย่างเรียบง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ เขาจำได้ว่าห้องนอนกับห้องครัวกับโต๊ะกินข้าวที่อยู่ด้านหน้าก็เป็นสไตล์เรียบๆ เช่นเดียวกัน


ทว่าพอนึกๆ แล้ว มันก็ดูเข้ากับเจ้าของห้องพอดิบพอดี เพราะไม่ว่าจะเจอกันกี่ครั้ง ตัวกวีเองก็ไม่ได้แต่งองค์ทรงเครื่องหรูหรา เจ้าตัวชอบสวมเสื้อผ้าปอนๆ จนคนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กดูแลบ้านก็ได้


ถึงอย่างนั้น วายุกลับรู้สึกว่าความธรรมดาเป็นธรรมชาติที่ไม่ปรุงแต่งอะไรเลยเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ดึงดูดเขาได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น


ยกเว้นเจ้ากิ๊บรูปสัปปะรดสีเหลืองอ๋อยนั่นที่วายุรู้สึกว่าผู้ชายธรรมดาคงไม่ใช้กัน…


“มาแล้วครับ!”


คนน่ารักส่งเสียงนำมาก่อนตัว ทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งโหยง ครั้นวายุหันไปมอง เขาก็พบใบหน้าแป้นแล้นกับกิ๊บตัวใหม่ไฉไลกว่า


กิ๊บรูปยีราฟหรือ...?


อยากรู้จริงว่ากวีไปสรรหาของประหลาดแบบนี้มาจากไหนเยอะแยะ


“พี่ลมครับ” ไม่ทันรู้ตัว เจ้าของห้องก็ขยับมาถึงตัวเขา แล้วทรุดนั่งยองๆ อยู่ด้านข้าง


“ครับ?”


“พี่จะนอนพักก่อนไหมครับ”


“นอนพักหรือ”


“ครับ” คนถามพยักหน้า แล้วจึงเอ่ยตามความเข้าใจ “ก็วันนั้นที่ผมเป็นลมไป ผมยังนอนพักตั้งนาน พอตื่นมาก็รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยนะ” เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยราวกับกำลังโฆษณาชวนเชื่อ


“งั้นหรือครับ”


“ครับ พี่จะนอนพักในห้องนี้ก็ได้”


“แล้ววีล่ะ”


ตอนที่ถาม คนถามก็หวังเล็กๆ ว่าเจ้าของห้องจะตอบกลับมาให้ชื่นใจว่า ผมจะนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ พี่ เหมือนที่พี่เฝ้าผมไงครับ
   

ทว่ากวีกลับ...
   “

ผมจะไปทำแพนเค้กต่อ”
   

“แพนเค้ก?”
   

“ครับ” คนน่ารักยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างใจดี “พี่นอนได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ ขืนขี่รถกลับไปตอนนี้ ผมว่าไม่ไหวหรอกครับ”


   “เอ่อ...” วายุอึกอัก
   

เขาไม่ได้ลงทุนเล่นตามน้ำแล้วปล่อยให้ถูกลากเข้าห้องมาเพราะต้องการนอนเสียหน่อย! ที่วายุต้องการคืออยากใช้สถานการณ์นี้อยู่ใกล้ๆ เพื่อรู้จักกวีให้มากขึ้นกว่าเดิมต่างหาก
   

รู้จักให้มากขึ้นหรือ
   

เพื่ออะไร...และเพราะอะไรล่ะ


ชายหนุ่มขมวดคิ้วแน่น ที่ขมวดคิ้วไม่ใช่เพราะไม่พบคำตอบ แต่เขาต้องทำใจยอมรับคำตอบซึ่งผุดขึ้นมาทันทีที่นึกถึงคำถาม


เขาคงเริ่มชอบคนคนนี้เข้าให้แล้ว


ไม่ว่าเริ่มชอบได้อย่างไร และเพราะอะไรก็ตาม...ชอบก็คือชอบ แล้วเขาก็ไม่ควรปล่อยโอกาสอันมีค่าให้สูญเปล่า


“คือว่า...ความจริงพี่รู้สึกดีขึ้นแล้วล่ะ”
   

“รู้สึกดีขึ้นแล้วหรือครับ”
   

“อืม...เพราะน้ำแดงของวี พี่ไม่อยากเป็นลมแล้ว”
   

“ไม่อยากเป็นลม” กวีทวนประโยคนั้นซ้ำคล้ายติดใจอะไรสักอย่าง ก่อนจะเลิกสนใจแล้วถามต่อ “แล้วพี่ลมจะกลับเลยไหมครับ...”


“...” ใจวายุกระตุกวูบ หากยังไม่ทันนึกเสียดาย อีกฝ่ายก็สร้างตัวเลือกให้เขาอีกหนึ่ง


“หรือจะอยู่กินแพนเค้กฟูกับผมก่อน”


นั่นแหละที่เขาต้องการ!


ชายหนุ่มทำท่าคิดเล็กน้อย ก่อนจะตอบอ้อมแอ้ม “...ถ้าพี่อยู่ จะรบกวนไหมครับ”


“ไม่ครับ! อยู่ทานด้วยกันนะ ผมผสมแป้งไว้เยอะเลย” กวีตอบรับเริงร่า เพราะดีใจที่มีหนูทดลองชิมขนมที่เพิ่งลองทำเป็นครั้งแรก


“ถ้าอย่างนั้น...ขอรบกวนด้วยนะครับ”


“ครับ!"












นี่เป็นครั้งที่สอง ที่วายุได้ย่างเท้าเข้ามาในห้องของกวี


และก็เป็นครั้งที่สอง ที่ได้ช่วยกวีทำอาหารด้วย


“ที่ผมทำตอนแรกมันไม่ค่อยฟูเลยครับ สงสัยเพราะไข่ขาวตั้งยอดไม่ดีแน่ๆ”


“แล้วแบบไหนถึงจะพอดีครับ วีช่วยพี่ดูด้วยนะ” วายุที่ตอนแรกตามออกมานั่งเฉยๆ เวลานี้กลายเป็นลูกมือในครัวของกวีไปเสียแล้ว


ชายหนุ่มใช้ตะกร้อตีไข่ขาวกับน้ำตาลเร็วๆ อยู่หลายนาที จนมันค่อยๆ เปลี่ยนจากเมือกสีใสๆ มาเป็นฟองทีละน้อยๆ กระทั่งฟูขึ้นมาเป็นสีขาวคล้ายโฟม


“แบบนี้เกือบได้หรือยังครับ” วายุถาม


กวีละจากเขียงหั่นผลไม้แล้วยื่นหน้าเข้ามาดูใกล้ๆ จนคนตีไข่ได้กลิ่นหอมจากเส้นผม ดวงตากลมมองไข่ในกะละมังครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มพอใจ


“โอเคแล้วครับ พี่ตีเก่งจัง เผลอแป๊บเดียวไข่ตั้งยอดแล้ว”


“พี่ใช้แต่แรงเท่านั้นล่ะครับ” วายุถ่อมตน “พี่เอาวางไว้ตรงนี้เลยนะ”


“ครับ เดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง พี่ลมไปนั่งรอที่เก้าอี้นะ”


“ครับ”


สั่งแล้วกวีก็หันไปหั่นผลไม่ต่อ แล้วจึงกลับมาจัดการแป้ง วายุมองมือเล็กๆ ค่อยๆ แบ่งแป้งเป็นส่วนๆ เพื่อผสมรวมกับไข่ขาว มือเล็กจับไม้พายตะล่อมแป้งกับไข่ขาวเข้าด้วยกันอย่างระมัดระวัง จนเหงื่อเม็ดใสผุดพรายเต็มปลายจมูก


เร็วเท่าความคิด คนที่นั่งมองก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ในมือดึงกระดาษทิชชู่บนโต๊ะมาสองแผ่น ก่อนเดินไปหยุดข้างคุณนักเขียน


“วีครับ”


“ครับ?” กวีละสายตาจากกะละมังผสมแป้ง แล้วเงยหน้ามองคนตัวสูงกว่า


“อยู่นิ่งๆ นะ”


วายุเตือน ก่อนบรรจงเช็ดเหงื่อที่ปลายจมูกรั้นแผ่วเบา ดวงตากลมๆ คล้ายจะเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ชวนให้คนรุกเข้าไปสงสัยว่าอีกฝ่ายจะไม่พอใจหรือเปล่า


ในขณะที่กำลังลังเลว่าควรทำอย่างไรต่อ ใบหน้ากลมกลับยื่นเข้ามาใกล้ให้เขาช่วยเช็ดเหงื่อได้ถนัดยิ่งขึ้น ท่าทางที่ไร้การป้องกันตัวและเป็นธรรมชาติมากๆ ทำให้ฝ่ายที่ตกประหม่ากลายเป็นวายุเสียเอง


ชายหนุ่มรีบจัดการเจ้าเหงื่อเม็ดเล็กๆ พวกนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนถอยหลังมาก้าวหนึ่ง


“ส...เสร็จแล้วครับ”


“ขอบคุณครับ” กวียิ้มขอบคุณ “พี่ใจดีจัง”


อุก...


หมัดฮุกที่มองไม่เห็นตรงเข้ากระแทกใจวายุอีกรอบ คนตัวโตกว่าเกาแก้มตัวเองเก้อๆ วูบหนึ่งในหัวเผลอคิดเหลวไหลไปว่า เมื่อครู่เขามีเลือดซิบออกมาที่ริมฝีปากหรือเปล่านะ


แต่ความคิดเหลวไหลก็คือความคิดเหลวไหล เพราะหลังผ่านวินาทีชวนใจเต้นนั้นแล้ว กวีก็หันกลับไปตะล่อมแป้งตามเดิม


ใส่กระทะ และหยอดน้ำลงไปนิดหน่อยแล้วปิดฝา


“เสร็จแล้วหรือครับ”


“ครับ” อีกฝ่ายพยักหน้า แล้วอธิบาย “จากนี้ก็รอให้ด้านนั้นสุก แล้วค่อยกลับอีกด้านลง แต่ไม่รู้คราวนี้มันจะฟูไหม หวังว่าจะไม่แฟ่บนะ”


“ต้องฟูสิ ก็วีบอกว่าไข่ขาวของเราตั้งยอดดีไม่ใช่หรือ”


“นั่นสิ ถ้ารอบนี้ยอมฟูเป็นแพนเค้กซูเฟล่ดีๆ ผมจะยกความดีความชอบให้พี่เลยครับ”


“หึๆ”


ระหว่างรอขนมได้ที ทั้งคู่ก็ยืนพิงเคาน์เตอร์เงียบๆ ข้างกัน ไม่ได้พูดคุยอะไร กระทั่งวายุนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เขาจึงเอ่ยปากถาม


“วีครับ”


“ครับ?”


“วีเป็นนักเขียนใช่ไหม”


“เอ๊ะ? ผมเคยบอกพี่ลมไปแล้วหรือครับ”


“วีเคยบอกแค่เขียนต้นฉบับ พี่ก็เลยเดาเอาน่ะ”


“อ๋อ...ครับ ผมเป็นนักเขียน” กวีตอบตามตรง แต่ก็อดรู้สึกเขินๆ ไม่ได้ เพราะเขาไม่ค่อยบอกใครเกี่ยวกับงานของตัวเองสักเท่าไหร่


“เขียนแนวไหนหรือครับ”


“ตอนนี้เขียนพวกเรื่องสั้น กับนิยายแนวแฟนตาซีน่ะครับ ผมใช้นามปากกา หินก้อนสุดท้าย ไม่รู้พี่ลมเคยได้ยินไหม”


ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ากวีคือนักเขียนคนนั้น แต่พอได้รู้จากปากเจ้าตัวอีกที วายุก็อดตื่นเต้นไม่ได้


กวีคือนักเขียนคนที่เขียนนิยายซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้เขาจริงๆ ด้วย


“เคยสิครับ นามปากกานี้ดังจะตาย พี่เห็นในโซเชียลบ่อยๆ”


“ไม่ได้ดังอะไรขนาดนั้นหรอกครับ” คนน่ารักยิ้มเขิน ก่อนหันไปตักแพนเค้กซึ่งได้ที่ใส่จานพร้อมกับวางผลไม้สดและราดน้ำผึ้งด้านบนเป็นอย่างสุดท้าย


“เสร็จแล้วหรือครับ”


“เสร็จแล้วครับ ฟูดีกว่าที่ผมทำตอนแรกจริงๆ ด้วย” ดวงตาคู่ใสพราวระยับอย่างถูกใจ ก่อนหันมาเผื่อแผ่ความมีน้ำใจให้วายุ “เดี๋ยวผมตักให้นะ”


“พี่ขอน้ำผึ้งไม่เยอะนะครับ”


“พี่ลมไม่ชอบหวานหรือครับ”


“ทานได้ครับ แต่ไม่มากดีกว่า”


“โอเคครับ เดี๋ยวผมจัดการให้”


กวีทิ้งขวดน้ำผึ้งว่างเปล่าอันเก่าทิ้ง ก่อนเปิดขวดใหม่ที่ร้านพี่รถกับข้าวเพิ่งเอามาส่งเมื่อครู่ แล้วตักราดให้วายุแค่ช้อนเดียว จากนั้นจึงยกทั้งสองจานมาที่โต๊ะ
   

ในที่สุดพวกเขาก็ได้มานั่งกินแพนเค้กซูเฟล่ด้วยกันเสียที


แม้จะบอกให้ใส่แต่น้อย ทว่าน้ำผึ้งก็ยังค่อนข้างหวานอยู่ดี กระนั้นวายุก็ยังกินจนหมดทั้งชิ้น เพราะพอเห็นคนตรงหน้าตักเข้าปากท่าทางน่าอร่อย เขาที่ไม่ชอบของหวานก็รู้สึกอร่อยขึ้นมาด้วย


ระหว่างที่กินจนเกือบหมดชิ้นที่สอง วายุจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าอะไรบางอย่างที่เคลือบริมฝีปากของกวีจนมันวาวในทีแรกคือน้ำผึ้งนี่เอง


คงจะหวานน่าดู...


ชายหนุ่มคิดขณะมองลิ้นเล็กเลียน้ำผึ้งที่ริมฝีปากตัวเอง


เห้ย! คิดอะไรอยู่น่ะเรา!


วายุสะบัดศีรษะขับไล่ความคิดอกุศลออกไปจากสมองอย่างรวดเร็ว พอดีกับที่กวีเองก็จัดการแพนเค้กจนหมดเกลี้ยง


“อิ่มมากเลย เย็นนี้คงกินข้าวเย็นไม่ได้แล้ว” คนน่ารักบ่นพลางลูบพุงกลมๆ ของตัวเอง ด้วยท่าทางมีความสุขที่ได้กินของอร่อยสมใจ


“พี่ก็คงเหมือนกัน”


“รสชาติพอไหวไหมครับ” เจ้าบ้านถามด้วยความใคร่รู้


“อร่อยมากเลยครับ ขนาดพี่ไม่ค่อยกินของหวานนะ” คนปากหวานเอ่ยชม


“จริงหรือครับ! ดีจัง~ เอาไว้วันหลังผมทำของหวานน้อยๆ ให้พี่กินอีกได้ไหม”


“คนทำให้ต้องขอด้วยหรือไงครับ พี่ต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอ”


“ก็เผื่อพี่ลมไม่อยากกินไงครับ”


“ถ้าวีชวน พี่ก็อยากกินหมดนั่นแหละครับ เอาไว้วี...ชวนพี่อีกนะ”


ที่บอกว่าอยากให้ชวน วายุหมายความตามนั้นจริงๆ เพราะถ้าอีกฝ่ายไม่คิดชวนหรือคุยกับเขามากกว่านี้อีก เขาก็ไม่รู้จะเข้าหากวีโดยไม่ผ่านการส่งของได้ยังไง


ส่งของหรือ...


อยู่ๆ วายุก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ ชายหนุ่มไม่แน่ใจนักว่ามันจะได้ผลไหม แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ลงมือทำอะไรเลย


“วี”


“ครับ?”


“ถ้าต่อไปทางร้านมีปัญหา อย่างส่งของไม่ครบตามออเดอร์หรืออะไร วีส่งข้อความมาให้พี่ในไลน์ก็ได้นะ เดี๋ยวพี่จะจัดการให้เอง เพราะยังไงก็อยู่ร้านตลอดอยู่แล้ว”


“ไลน์หรือครับ ได้ครับ”


“งั้นพี่ขอไอดีไลน์วีได้ไหม พี่จะได้แอดไป”


“เอ๊ะ...แต่ผมแอดไลน์ของพี่รถกับข้าวไปแล้วนะครับ” กวีว่าพาซื่อ


“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ไลน์นั้น คือพี่หมายถึงไลน์ของพี่น่ะ” วายุบอก ในใจพาลตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือก้อย แต่กวีกลับทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย


“อ๋อ ไลน์ส่วนตัวพี่ลมหรือครับ ได้ๆ ไอดีผม Rxxxxxx”


วายุรีบกดตามและค้นหาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบโปรไฟล์เป็นรูปแคคตัสน้อยๆ สามต้น เขาจึงหันหน้าจอให้นักเขียนหนุ่มดู


“นี่ใช่ไหมครับ”


“ใช่ครับ”


เมื่อได้รับคำยืนยัน วายุก็กดเพิ่มเพื่อนทันที


“ไว้มีปัญหาอะไร วีก็ส่งข้อความมาหาพี่นะ ไม่ต้องเกรงใจ”


“ครับ”


“หรือถ้าอยากชวนมาลองขนมสูตรใหม่ก็ไม่ต้องเกรงใจเหมือนกัน”


ได้ยินแบบนี้ กวีก็ยิ้มกว้าง “ได้สิครับ แต่ถ้าชวนแล้วต้องมานะ”


“อื้ม พี่จะมาให้ได้เลย”


วายุยิ้มรับอย่างยินดี เพราะแบบนี้เขาก็หาช่องทางอื่นคุยกับคนน่ารักได้มากขึ้นแล้ว


เท่านี้ก็เรียบร้อย








-------------------------------------------------------------





มีคนสงสัย ว่าทำไมดูสนิทกันง่ายจัง
ความจริงถ้าดูกันตามตรง ก็สนิทกันง่ายจริงๆ ง่ายกว่าทุกเรื่องที่เคยเขียน
แต่พื้นฐานของก้อนคือเป็นคนที่เฟรนลี่ ค่อนข้างเข้าถึงและเปิดใจรับคนที่เข้าหาแบบดีๆ ง่าย
ส่วนพี่รถกับข้าว ไม่มีอะไรอธิบายได้ดีไปกว่าถูกใจ และชอบน้องเค้า
ซึ่งเขาเป็นคนประเภทที่ชอบแล้วเข้าหา ไม่ใช่กระโดดหนีหรือแอบซ่อนไม่กล้าเจอหน้าน่ะค่ะ
ความสัมพันธ์ก็เลยดูไปเร็วแบบที่เห็น
แต่หลังจากชอบน้องเค้าแล้ว ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่พี่รถกับข้างต้องทำ
เพราะฉะนั้นเป็นกำลังใจให้พี่รถกับข้าวด้วยนะคะ ^^


ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันน้า เจอกันตอนหน้าค่ะ

ละอองฝน.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2018 17:50:42 โดย ละอองฝน »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มีคนโดนล่อลวง

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
น้ำผึ้งคงหวานสู้น้องก้อนไม่ได้  :-[

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
พี่ลมอย่างเนียน 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
พี่ลมล่อลวงน้อง!!!

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
พี่ลมเจ้าเล่ห์  :hao7:

ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2




บทที่ 7









“ก้อน!”

กวีได้ยินเสียงบ.ก.ประจำตัวดังขึ้นทีที่เขาก้าวขาลงจากรถแท็กซี่ เธอกระวีกระวาดเข้ามาหาชายหนุ่มพร้อมปิดประตูรถให้อย่างใจดี

“ขอบคุณครับพี่เจน แต่ไม่เห็นต้องออกมารับเลย ผมเข้าไปเองก็ได้ครับ”

“ก็เห็นไม่ได้มานานกลัวจะหลง ตอนนี้แผนกพี่ย้ายขึ้นไปอยู่ชั้นสามแล้วด้วย เดี๋ยวเด็กอ้วนบางคนจะไปยืนป้ำๆ เป๋อๆ ที่ชั้นเก่าน่ะสิ” เธออธิบาย ก่อนจะจับข้อศอกกวีเบาๆ เพื่อพาชายหนุ่มเดินเข้าตึกสำนักงานไปด้วยกัน “เข้าข้างในเถอะ ร้อนจะตายอยู่แล้ว”

“ครับ” กวีเดินตามเข้าไปอย่างว่าง่าย เพราะไม่ถูกโรคกับอากาศร้อนๆ ยามเที่ยงเหมือนกัน

“ความจริงพี่ร้อนใจกลัวเรามาไม่ทัน ก็เลยลงมารอ โทรไปก็ไม่รับ รู้ไหมว่าเขาให้เลื่อนมาประชุมตอนบ่ายโมงแล้ว”

“จริงหรือพี่ ไหนว่าประชุมบ่ายโมงครึ่งไงครับ ดีนะที่ออกมาก่อน”

“เห็นพี่แววเลขาฯ ของคุณพศินบอกว่า วันนี้บอสจะพานักเขียนที่มาประชุมไปเลี้ยงมื้อเย็น เขาก็เลยอยากให้การประชุมเริ่มเร็ว จะได้จบเร็วๆ”

“เลี้ยงข้าวหรือครับ...ไม่ไปได้ไหมพี่เจน” กวีถาม แม้ความจริงจะอยากไปกินของอร่อยกับคนอื่นๆ ก็ตาม

“ได้ไงล่ะ คนอื่นเขาไปกันหมด”

“ผมยังปั่นต้นฉบับไม่ถึงไหนเลย จะถึงเดดไลน์อีกแล้วนะ”

“ไปแค่เดี๋ยวเดียว พอกินข้าวเสร็จพี่จะเรียกรถให้ ไม่ต้องไปต่อกับคนอื่นๆ เหมือนทุกทีก็ได้”

“แต่...”

“ไปเถอะ คราวนี้บอสเราเลี้ยงเชียวนะ แถมพี่ได้ยินมาว่าร้านที่เลือกยังมีเมนูเป็ดย่างน้ำแดงอร่อยสุดๆ วันก่อนบ่นอยากกินไม่ใช่หรือไง”

“เป็ดย่างน้ำแดงหรือครับ!”

แค่ได้ยินชื่อเมนูอาหารที่อยากกิน ดวงตากลมโตก็เปล่งประกายระยิบระยับจนเจนรู้ว่าตัวเองไม่ต้องลงแรงหว่านล้อมอีก เพราะเจ้าก้อนถูกซื้อด้วยเป็ดย่างน้ำแดงเรียบร้อยแล้ว

“อื้ม”

“งั้นผมไปก็ได้ครับ ไว้ค่อยกลับไปปั่นนิยายทีหลังก็ยังไม่สาย”

ยังไงกองทัพก็ต้องเดินด้วยท้อง แถมถ้าท้องกลมๆ ถูกบรรจุด้วยของอร่อย กองทัพของกวีก็ยิ่งแข็งแกร่ง! ...นักเขียนหนุ่มคิด

“มันต้องแบบนี้สิ ค่อยสมเป็นไอ้ก้อนของเจ๊หน่อย” เจนยิ้มร้าย ก่อนจะพาเขาขึ้นลิฟต์ไปยังห้องประชุม



















เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องประชุดเย็นเฉียบ กวีพบคุณพศิน นายใหญ่ของเว็บไซด์นั่งอยู่หัวโต๊ะ ที่นั่งลดหลั่นลงมาทางด้านขวาเป็นของนักเขียนอีกสองท่านในสำนักพิมพ์ และพนักงานที่กวีไม่รู้จักอีกสามคน ส่วนด้านซ้ายที่ว่างเอาไว้ คาดว่าน่าจะเป็นตำแหน่งของกวี หรือไม่ก็พี่เจน

สายตาทุกคู่มองมาที่กวีเป็นตาเดียว ชวนให้นักเขียนหนุ่มรู้สึกเกร็งๆ จนรอยยิ้มที่ส่งไปจืดเจื่อน

“ขอโทษที่ช้าครับ พอดีผมไม่ทราบว่าเลื่อนเวลาประชุมแล้ว” กวีเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งทื่ออย่างคนประหม่า การไม่ได้ออกมาเจอผู้คนบ่อยๆ ทำให้เขาทำตัวไม่ค่อยถูกจริงๆ

“ไม่เป็นไรครับ ผมผิดเองที่เปลี่ยนเวลากะทันหัน วีมานั่งก่อนสิครับ เรายังไม่ทันได้เริ่มประชุมกันเลยครับ”

เป็นพศินที่เอ่ยขึ้นอย่างใจดี เขาผายมือไปตรงที่นั่งว่างด้านซ้าย น้ำเสียงและแววตาที่มองมาทำให้กวีหายใจหายคอโล่งขึ้นเล็กน้อย

ปรกติกวีไม่ค่อยได้เข้ามาที่สำนักงานของทางเว็บไซด์บ่อยนัก เพราะเขาส่งงานทางอีเมล์ มีแค่ตอนเช็นสัญญาหรือไม่ก็เวลามีงานเลี้ยงสิ้นปีเท่านั้นที่เจนจะดึงกวีออกจากถ้ำได้ เขาจึงไม่ค่อยสนิทกับใครนอกจากบ.ก.เจน

ทว่าพศิน บอสใหญ่ที่เจนมักบ่นว่าเขี้ยวลากดินบ้างล่ะ ดุจนลูกน้องไม่กล้าสบตาบ้างล่ะ กลับต้อนรับวีอย่างดี ซ้ำยังใจดีกับเขามากๆ อีกด้วย นี่จึงเป็นอีกเหตุผลที่กวีสบายใจที่ได้ร่วมงานกับทางเว็บไซด์

ครั้นนั่งประจำที่และหยิบสมุดดินสอออกมาเตรียมจดเรียบร้อยแล้ว พศินจึงเริ่มการประชุม

“ในเมื่อมากันครบแล้ว ผมขอเริ่มการประชุมเลยนะครับ”

หัวข้อในการประชุมวันนี้ เป็นเรื่องที่ทางเว็บไซด์จะเปิดตัวสำนักพิมพ์เป็นของตัวเอง และนักเขียนที่มา เป็นนักเขียนที่ได้รับเลือกแล้วว่าจะได้ตีพิมพ์หนังสือเพื่อเปิดตัวเป็นครั้งแรก โดยในส่วนของสัญญาต่างๆ กวีอ่านและทำความเข้าใจตั้งแต่ที่เจนนำตัวอย่างสัญญาไปให้ดูแล้ว วันนี้เขาจึงมาเซ็นยอมรับ

ส่วนอีกเรื่องที่ต้องเรียกให้มาพร้อมกัน เป็นเรื่องงานเปิดตัวสำนักพิมพ์ โดยทางเว็บไซด์จะจัดงานเปิดตัวพร้อมกับแจกลายเซ็นนักเขียนเจ้าของหนังสือ พวกเขาจึงอยากตกลงทำความเข้าใจ และบอกขอบเขตงานที่นักเขียนต้องทำ

“นอกจากงานเปิดตัว เราจะมีการพูดคุยกันบนเวทีเล็กน้อยด้วยครับ” พศินว่า “ส่วนหัวข้อก็เกี่ยวกับนิยายของแต่ละท่าน ส่วนคำถามเดี๋ยวเราจะมีให้อ่านก่อน หลังจากนั้นค่อยแยกไปที่บูธแจกลายเซ็นให้กับนักอ่านตามเวลา”

“ตารางกิจกรรมอยู่ใต้เอกสารสัญญานะคะ แพรวสอดไว้ให้แล้ว” เลขาฯ ของพศินบอก “นักเขียนท่านไหนไม่ว่าง บอกแพรวได้นะคะ เราจะได้คุยกันว่าจะจัดสรรเวลาใหม่ยังไงดี”

กวีหยิบตารางกิจกรรมขึ้นดูผ่านๆ ในนั้นบอกว่าเขาจะเป็นสุดท้ายของการแจกลายเซ็น ส่วนงานบนเวทีมีตั้งแต่ช่วงสายๆ นั่นแปลว่ากวีต้องอยู่ที่งานตลอดทั้งวันทีเดียว

“วีมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ”

พศินเอ่ยถาม เพราะสังเกตเห็นนักเขียนในสังกัดตีหน้ายุ่งเล็กน้อย แม้สีหน้าจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แต่มันก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของเขาไปได้

“ไม่ครับ ไม่มีปัญหาอะไร” กวีรีบส่ายหน้าปฏิเสธ

เขาจะมีปัญหาอะไรได้ นอกจากขี้เกียจออกจากบ้านนานๆ เท่านั้นเอง แต่กวีรู้ว่านี่เป็นงานสำคัญ ดังนั้นจะงอแงหรือบอกปัดกับบ.ก.เจนเหมือนทุกทีไม่ได้

“ถ้าไม่สะดวกเวลาไหนก็บอกได้นะครับ” พศินว่า ก่อนจะหันไปหานักเขียนอีกสองคน “ทั้งสองท่านด้วยนะครับ”

“พี่ไม่มีปัญหาค่ะคุณพศิน”

“พี่ด้วยค่ะ” นักเขียนสาวสองคนเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

จากนั้นก็มีการพูดคุยและตกลงกันเรื่องสัญญาอีกนิดหน่อย ก่อนจะเลิกการประชุมแต่เพียงเท่านี้

กวีเก็บสมุดจดงานกับสัญญาใส่กระเป๋า ในขณะที่คนอื่นๆ ทยอยกันออกจากห้องเพื่อเดินทางไปยังร้านที่คุณพศินจองเอาไว้

“กวี” เสียงของคนที่นั่งหัวโต๊ะเมื่อครู่เอ่ยเรียกเขาขณะเดินเข้ามาหา

“ครับ?”

ครั้นกวีเงยหน้ามอง อีกฝ่ายก็เผยยิ้มบาง แล้วว่า

“กวีมารถอะไรครับ เอารถส่วนตัวมาหรือเปล่า”

“ผมมาแท็กซี่ครับ” นักเขียนหนุ่มตอบซื่อๆ

“งั้นเดี๋ยวนั่งรถผมไปที่ร้านด้วยกันไหมครับ จะได้ไม่ต้องลำบากออกไปหารถ”

ความจริงกวีก็ไม่ได้ลำบากเท่าไหร่ เพราะเขาใช้แอปฯ เรียกรถเอาได้ แค่ต้องคอยสักหน่อยเท่านั้น แต่ในเมื่อมีรถที่ไปโดยไม่ต้องรอ แถมไม่เสียเงินอีกต่างหาก มีหรือคนรักสบายจะอยากปฏิเสธ

“ถ้าไม่รบกวนคุณพศินมากไป...”

“ไม่รบกวนครับ” พศินยืนยันพร้อมกับส่งยิ้มใจดีให้

“ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนด้วยนะครับ” กวีว่า แต่บังเอิญนึกเรื่องสำคัญขึ้นได้ จึงหันกลับมาหาบ.ก.ประจำตัวที่ยืนรอเงียบๆ อยู่ด้านหลัง “แล้วพี่เจนล่ะ”

“เอ่อ...พี่” เจนอึกอัก

เธอรู้สึกแปลกๆ มาตั้งแต่ตอนที่ประชุมเมื่อครู่...ไม่สิ ต้องบอกว่ารู้สึกแปลกมาพักใหญ่ๆ แล้วกับพฤติกรรมของเจ้านายผู้เงียบขรึมจริงจังกับทุกคน แต่ดันเลือกให้ความเอ็นดูเจ้าก้อนมากกว่านักเขียนคนอื่นๆ

จะบอกว่าเพราะกวีเด็กกว่าใครก็ไม่น่าใช่...มันดูเหมือนมีอะไรมากกว่านั้น เพียงแต่เจนยังไม่กล้าฟันธง ทั้งยังไม่กล้าเข้าไปขวางจนอาจกลายเป็นคนขัดแข้งขัดขาโดยไม่รู้ตัว

สุดท้ายแม้จะห่วงน้องชายคนสนิทเพียงใด เธอก็เลือกถอยมาดูเชิงก่อน

“เราไปกับคุณพศินเถอะ พี่มีอะไรต้องเคลียร์ก่อนนิดหน่อย ว่าจะตามไปที่หลัง” พอพูดจบ เจนเห็นมุมปากของพศินกระตุกยิ้มแวบเดียว ก่อนจะเรียบเฉยเหมือนเก่า

นั่นไง! แบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ

ต่อให้ไม่ใช่คนตาดี แต่มองอย่างไรก็ต้องเห็นเช่นที่เจนเห็น...ยกเว้นคนตาใสที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรตรงหน้าเธอนี่คนหนึ่ง

“ถึงเวลาเลิกงานแล้วนะครับ ไปกินด้วยกันก่อนค่อยกลับมาทำงานสิ ไหนเมื่อกี้บอกผมว่าร้านอร่อยไง” กวีท้วง เนื่องจากรู้ว่ามื้อนี้คงไม่ค่อยสนุกแน่ๆ ถ้าไม่มีเจนไปเป็นเพื่อนด้วย เพราะกวีไม่สนิทกับคนอื่นๆ เท่าไร

“คือพี่...”

“ไปด้วยกันนี่แหละเจน งานน่ะ เดี๋ยวค่อยกลับมาทำก็ได้ ถึงเวลาเลิกงานแล้วนี่...ใช่ไหม”

“ไปพร้อมกันนะครับ ถึงพี่เจนจะทำล่วงเวลาทุกวัน แต่วันนี้โอกาสพิเศษ ไว้ค่อยกลับมาทำก็ได้ คุณพศินก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วย ใช่ไหมครับ” หลังจากอ้อนบ.ก.เสร็จ คนไม่รู้เหนือรู้ใต้ก็หันไปถามความเห็นคนที่ยืนหน้านิ่งที่ด้านหลัง

“ไม่ว่าครับ” พศินตอบยิ้มๆ ก่อนจะพูดกับเจน “ไปเถอะ ผมไม่ว่าอะไรหรอก”

“...ค่ะ คุณพศิน” หญิงสาวรับคำเจื่อน เพราะเห็นว่ารอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก บัดนี้กลายเป็นยิ้มเย็นๆ ชวนให้ขนหัวลุกเสียแล้ว

เจนไม่ผิดนะคะคุณพศิน อย่ามองเจนแบบนั้น ต้องโทษไอ้ก้อนสิ!

หญิงสาวผู้โชคร้ายคร่ำครวญในใจ ก่อนจะเดินตามผู้เป็นนายและนักเขียนในสังกัดออกไปยังรถคันหรูด้วยจิตใจห่อเหี่ยว























เมื่อมาเจอสภาพการจราจรแสนติดขัดในกรุงเทพ บวกกับเพลงคลาสสิคและแอร์เย็นๆ ในรถของพศิน คนที่อดนอนมาค่อนคืนก็เผลอหลับไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เจนนั่งตัวเกร็งอยู่เบาะเพียงลำพัง

จากการสังเกตดีๆ อีกครั้ง เจนคิดว่าเจ้านายของเธอต้องชอบกวีอย่างแน่นอน เพราะดูชายหนุ่มจะสนใจนักเขียนในความดูแลของเธอมากเกินกว่าปรกติ ซ้ำเจนยังเห็นว่าพศินลอบมองหน้ากวีตอนหลับอ้าปากคอพับด้วยสายตาเอ็นดูอยู่หลายครั้ง

ออร่าแปลกๆ นี้คงไม่ผิดจากที่เธอคิด แต่มันก็ชวนให้รู้สึกผิดคาดที่คนสุดเฮี้ยบจะหันมาชอบเด็กเฉื่อยๆ ยิ้มตาลอยไปวันๆ อย่างเจ้าก้อนได้ ก็ดูอย่างไรบุคลิกทั้งสองก็ไม่เข้ากันเลยสักนิด ถึงเธอจะรู้อยู่แล้วก็ตามว่าพศินเป็นเกย์ แต่พอมองไปที่เจ้าก้อนของเธอ เจนก็อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้อยู่ดี ไหนขาเมาท์เล่าว่าแฟนคนก่อนของคุณพศินหล่อวัวตายควายล้ม ทำไมเวลานี้ถึงเปลี่ยนรสนิยมเสียได้

ฝ่ารถติดมาสักพัก พวกเขาทั้งสามคนก็ถึงร้านที่หมายภัตตาคารอาหารจีนชื่อดัง ที่ซึ่งกวีตื่นมาเห็นแล้วเผลอทำตาโตเท่าไข่ห่านจนคนรอบข้างแอบยิ้มขำ

“ทำตาโตเชียวนะ” เจนกระซิบขณะพนักงานพาไปที่ห้องซึ่งถูกจองเอาไว้

“ผมไม่คิดว่าจะเป็นที่นี่” กวีตอบ

“กวีเคยมาหรือครับ”

“ไม่เคยครับ แต่ผมเคยอ่านรีวิวน่ะ เห็นเขาบอกอาหารจีนที่นี่อร่อยมากๆ ขอบคุณนะครับที่พามา”

“เห็นกวีชอบผมก็ดีใจ” พศินยิ้มกว้างอีกครั้ง ก่อนจะผ่ายมือให้นักเขียนดังเข้าไปก่อน “เชิญครับ ถ้าชอบอะไรก็สั่งได้เลยนะ ผมเลี้ยงเต็มที่ ถือเป็นค่าตอบแทนที่วันเปิดตัวกวีต้องมางานตั้งแต่เช้า”

“อ๋อ งี้นี่เอง แต่ผมกินเยอะซะด้วย คุณพศินอาจกระเป๋าแห้งได้เลยนะครับวันนี้” กวีหยอกอีกฝ่ายอย่างอารมณ์ดี กำแพงที่ตั้งไว้บางๆ เวลาออกมาเจอคนไม่สนิทหายไปราวกับไม่เคยมี

“ไม่เป็นไรครับ ผมจ่ายไหว” หนุ่มสายเปย์ตัวจริงเอ่ยยิ้มๆ อย่างมีนัยยะ แต่คนเห็นแก่กินกลับไม่รู้เรื่องรู้ราว ทั้งยังเอ่ยชมเสียงสดใสเสียจนบ.ก.ประจำตัวลอบเบ้ปากหมั่นไส้

“คุณพศินใจดีจัง”

ไอ้เด็กเห็นแก่กิน!

เจนมองแล้วส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะหันไปเห็นชายหนุ่มสุดหล่อคนหนึ่งยืนมองกวีและเจ้านายของเธอจากประตูห้องส่วนตัวซึ่งอยู่ข้างๆ พอเขาหันมาสบตากับเธอเข้า ก็ยิ้มละลายโลกให้ก่อนเดินหลบฉากเข้าไปในห้องนั้น

“โอ้ย...คนอะไรหล่อเป็นบ้า” เจนเผลอหลุดปากออกมาเบาๆ ทว่าดันมีคนหูดีได้ยินเข้า

“มีอะไรครับพี่เจน” กวีละสายตาจากพศินเพื่อหันมาถาม

“เจอคนหน้าตาดียิ้มให้เฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก เข้าไปข้างในเถอะ”

“ครับๆ” เมื่อรับคำแล้วทั้งหมดก็พากันทยอยเข้าไปในห้องรับรองส่วนตัวเพื่อสมทบกับนักเขียนและบ.ก.ประจำตัวคนอื่นๆ





















กวีคิดว่าตัวเองอาจจะเดินกลับออกไปไม่ไหวเสียแล้ว เพราะหลังอิ่มจากอาหารจีนระดับภัตตาคารที่คุณพศินพามาเลี้ยงรับรอง ชายหนุ่มก็อึดอัดจนคล้ายกับท้องจะระเบิด โชคดีที่วันนี้กวีสวมเสื้อฮู้ดตัวใหญ่โคร่ง ไม่เช่นนั้นพุงกลมๆ ที่เพิ่มขึ้นสองเท่าต้องดันเสื้อเด่น จนเห็นได้ชัดอย่างแน่นอน

“เป็นไง อิ่มไหมล่ะ” เจนกระซิบถามหลังจากเจ้านายผู้ที่ครอบครองบทสนทนาของกวีเกือบตลอดมื้ออาหารออกไปเข้าห้องน้ำ

“ผมไม่รู้จะเดินไปขึ้นรถไหวไหมเลยพี่เจน ท้องจะแตกอยู่แล้ว” กวีกระซิบด้วยความสัตย์จริง

“สมน้ำหน้า อยากตะกละดีนัก ใครใช้ให้กินเข้าไปขนาดนั้นล่ะ”

“ก็เป็ดย่างมันอร่อยนี่ ไหนจะ ปลาเก๋าราดเต้าเจี้ยวก็ดี หมูเส้นผัดเสฉวนกับซี่โครงหมูเต้าซี่ก็เด็ด ยิ่งซุปเยื่อไผ่จักรพรรดินะ คล่องคอมากๆ ไม่ได้หากินง่ายๆ นะพี่” เจ้าตัวร่ายชื่อเมนูสุดประทับตาออกมาด้วยตาเป็นประกาย ดูท่าหากยังไหว กวีต้องยังกินเข้าไปอีกแน่ๆ

“เดี๋ยวก็อ้วนตายหรอก ยิ่งนั่งแช่หน้าคอมทั้งวัน ไม่ชอบออกกำลังกายอยู่ด้วย กินเยอะๆ แบบนี้ พี่ว่าคราวหน้าไปฟิตเนสบ้างเถอะนะ”

“ไม่เอาล่ะครับ” พอได้ยินคำต้องห้ามอย่างฟิตเนส นักเขียนที่อยู่ในโอวาทของเจนเสมอก็ถึงกับส่ายหน้าหวือเป็นครั้งแรก

“พี่ไปเป็นเพื่อนก็ได้ ไม่ก็จ้างเทรนเนอร์มาที่คอนโด”

“ไม่เอานะพี่เจนคนดี” กวีหันมาเกาะแขน

“ทำไมล่ะ เพื่อสุขภาพของตัวเองนะก้อน”

“โธ่...ก็มันเหนื่อยนี่ครับ ร้อนด้วย เหงื่อออกเยอะ ผมไม่ชอบออกแรงนี่นา” คนถูกดุทำปากมุบมิบพร้อมกับเอ่ยเสียงเบา “เอาไว้จะกินผักเยอะๆ แทนก็ได้ครับ แต่พูดถึงผัก ผัดสารพัดผักเมื่อกี้ก็อร่อยสุดๆ เลย ผมอยากได้สูตรไปทำกินกับข้าวต้มกุ๊ยที่ห้องจัง”

สลดไม่เท่าไหร่ คนเห็นแก่กินก็กลับไปพูดเรื่องอาหารอีกครั้ง เจนถอนหายใจอย่างหนักอกเพราะจนด้วยคำพูด หลังจากนั้นพศินก็กลับเข้ามาพอดี เป็นอันว่าเรื่องลดน้ำหนักดูแลสุขภาพก็ต้องถูกปัดตกไป

“คุณพศินคิดเงินเลยก็ได้นะคะ พวกพี่ๆ อิ่มกันแล้วค่ะ” นักเขียนอาวุธโสที่สุดในทีมเอ่ยขึ้น

“ได้ครับ”

ผู้บริหารหนุ่มกดปุ่มเรียกพนักงานมาเช็คบิล พอเสร็จเรียบร้อยทุกคนก็กล่าวคำลาพอเป็นพิธีและแยกย้ายกันกลับ เหลือแค่กวีที่ยืนรอเจนไปล้างมือในห้องน้ำ

“กวีจะกลับเลยหรือเปล่าครับ” พศินถาม

“ครับ เดี๋ยวพี่เจนออกมาแล้วผมก็คงกลับเลย”

“งั้นเดี๋ยวผมไปส่งที่คอนโด”

“ไม่เป็นไรครับคุณพศิน ผมนั่งรถกลับเองได้”

“แต่คอนโดคุณก็ไม่ไกลจากที่บริษัทเท่าไหร่ ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ”

กวีปั้นหน้าไม่ถูกเมื่อได้ยินคำว่าไม่ไกลเท่าไหร่ แม้ด้วยระยะทางอาจจะไม่ไกลมาก แต่ถ้าให้ดูจากการจราจรแล้วล่ะก็ เขาก็ไม่อยากให้คนอื่นต้องเดือดร้อนเพราะตัวเองขนาดนั้น

“ไม่เป็นไรจริงๆ ครับจากที่นี่ผมนั่งรถไปเองสะดวกกว่า อีกอย่างเห็นเมื่อกี้พี่เจนบอกว่า เดี๋ยวต้องย้อนกลับออฟฟิศพร้อมคุณพศิน เพราะต้องจัดการต้นฉบับของพรุ่งนี้ให้เสร็จด้วยใช่ไหมครับ แบบนั้นยิ่งต้องเทียวไปเทียวมาเสียเวลาแน่ๆ ถ้าขับไปส่งผมอีก”

“แต่ผม...” ยังไม่ทันพูดจบประโยค อยู่ดีๆ ก็มีเสียงคุ้นหูของใครคนหนึ่งเอ่ยทักกวีจากทางด้านหลัง

“อ้าว! วี”

กวีหันกลับไปมองตามเสียง แล้วดวงตาคู่ใสก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะเปล่งเสียงแสดงความดีใจอย่างออกนอกหน้า

“พี่ลม! มาทำอะไรที่นี่ครับ”

“พี่มาทานข้าวกับที่บ้านครับ”

“ถึงว่า วันนี้แต่งตัวหล่อเชียวครับ” กวีใช้ดวงตากลมโตกวาดมองวายุตั้งแต่หัวจรดเท้า ภาพลักษณ์แปลกตาของพี่รถกับข้าวทำเอานักเขียนหนุ่มอดประหลาดใจไม่ได้

“ขอบคุณครับ” คนถูกชมยิ้มรับ ก่อนถามกลับ “แล้ววีล่ะครับ มาทำอะไรที่นี่”

“มาทานข้าวกับเพื่อนร่วมงานครับ” พอนึกขึ้นได้ กวีจึงหันมาแนะนำ “พี่ลมครับ นี่คุณพศิน เจ้านายของผมเอง ส่วนคุณพศินครับ นี่พี่ลม เป็นเพื่อนสนิทของผม”

คำว่าเพื่อนสนิททำเอาเจ้าของตำแหน่งยิ้มรับหน้าบานจนกวีเผลอยิ้มตามไปด้วย ผิดกับใครอีกคน ผู้มีฐานะอยู่ในตำแหน่งเจ้านายที่เวลานี้หน้าบึ้งตึงลงอย่างที่กวีไม่เคยเห็นมาก่อน

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณลม” พศินกล่าวทักทายเรียบๆ ผิดกับวายุที่เอ่ยประโยคชวนให้สงสัย

“ไม่ได้พบกันนาน ศินคงจำผมไม่ได้ ผมลมไงครับ เพื่อนสนิทปั้น”

“อ๋อ” พศินส่งเสียงออกมาแค่นั้น ก่อนเงียบและไม่เอ่ยคำใดออกมาอีกเลย

ถึงกวีจะไม่ค่อยได้อยู่กับสังคมคนหมู่มาก แต่เขาก็รู้ว่าบรรยากาศที่สองหนุ่มปล่อยออกมาในตอนนี้ ไม่ใช่บรรยากาศที่ดีอย่างแน่นอน มันคล้ายมีเรื่องอะไรสักอย่าง แต่กวีไม่รู้ว่ามันคือเรื่องอะไร ซ้ำยังไม่อยากรู้อีกด้วย เพราะมองจากหน้าคุณพศินแล้ว ดูท่าคงไม่ใช่เรื่องดี

ยืนเงียบในบรรยากาศน่ากระอักกระอ่วนสักพัก อยู่ๆ วายุก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน

“ว่าแต่...วีกำลังจะกลับแล้วหรือเปล่าครับ”

“ครับพี่ลม”

“กลับยังไง เอารถมาหรือเปล่า”

“ไม่ครับ กลับรถแท็กซี่”

“งั้นกลับกับพี่ไหม พอดีพี่มีอะไรจะให้วีช่วยหน่อยน่ะ กำลังอยากหาเวลาไปเจออยู่พอดีเลย” พี่รถกับข้าวของกวีเอ่ยอย่างสนิทสนม

“ได้สิครับ พี่ลมจะให้วีช่วยอะไร บอกมาได้เลยนะ”

“ขอบคุณนะครับ” วายุยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่เข้าไปบอกพี่ชายก่อน”

“ครับ” กวีพยักหน้ารับ พอดีกับที่บ.ก.เจนออกมาจากห้องน้ำ เขาจึงเอ่ยลาหญิงสาว “พี่เจน เดี๋ยวผมกลับกับพี่ที่รู้จักนะครับ”

“พี่ที่ไหน”

“ก็ที่เคยคุยกับพี่เจนวันก่อนไง”

“หา?” หญิงสาวทำหน้างง แต่ยังไม่ทันอธิบาย วายุก็ออกมาจากห้องรับรองที่อยู่ข้างๆ เสียก่อน

“ไปกันครับวี”

“นี่ไงครับ พี่คนนี้” กวียิ้ม พลางชี้มือไปที่หน้าพ่อหนุ่มสุดหล่อซึ่งเจนได้พบตอนมาถึง ทว่าเจนกลับนึกไม่ออกว่าเคยคุยกับคนหน้าตาดีเช่นนี้ตอนไหน และนักเขียนในความดูแลของเธอก็ลืมบอกว่าเป็นการคุยโทรศัพท์กันตอนที่กวีเป็นลม

“กวีจะกลับกับเขาใช่ไหมครับ” พศินที่เงียบมาตลอดถามขึ้นอีกครั้ง ซ้ำยังถามด้วยเสียงราบเรียบและเย็นชามากๆ ด้วย

“ครับ จะได้ไม่ต้องรบกวนคุณพศินไง” กวีเอ่ยทางแก้ปัญหาที่คุยก่อนหน้าให้อีกฝ่ายฟัง “ขอบคุณสำหรับอาหารนะครับคุณพศิน ผมจะรีบปั่นต้นฉบับให้ตรงเวลา แล้ววันงานก็จะไปเช้าๆ ด้วยครับ”

กวีไม่มีอะไรจะตอบแทนกับผู้ชายที่พาเขามาทานอาหารอร่อยๆ ได้ นอกจากคำสัญญาว่าจะตั้งใจทำงานให้กับทางเว็บไซด์ ซึ่งคำพูดซื่อๆ กับรอยยิ้มน่ารักๆ นั้นก็ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวของเจ้าของเว็บไซด์คลายลงไปกว่าครึ่ง

“ขอบคุณครับ”

“แล้วเจอกันวันงานครับ” กวีโบกมือ “ไปก่อนนะพี่เจน”

“ถึงห้องแล้วโทรหาพี่ด้วยนะ” เธอสั่ง

“ครับ”

ล่ำลากันเรียบร้อยกวีก็เดินตามหลังวายุไปที่ลานจอดรถ ในตอนแรกพวกเขายังไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก เพราะกวีรู้สึกว่าวายุคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ ซ้ำเขายังแน่นท้องจนแทบเดินไม่ไหว ใจจึงโฟกัสแต่เรื่องของตัวเอง

กระทั่งคนเดินนำพามาหยุดที่รถหรูแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยๆ ตามท้องถนนคันหนึ่ง ดวงตากลมๆ ก็พลันเบิกกว้างขึ้นอีกเท่าตัว

“เป็นอะไรครับวี” คนถาม ถามขึ้นเพราะสังเกตเห็นกวีนิ่งไป

“นี่รถพี่หรือครับ”

“ใช่ครับ มีอะไรหรือเปล่า”

“โห...รถสวยมากเลยครับ เป็นพนักงานส่งเงินเดือนเท่าไหร่กันครับ ผมอยากทำงานบ้าง”

“หืม? พนักงานส่งหรือ” คิ้วเข้มๆ ของวายุขมวดมุ่น กวีเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองพูดจาเหยียดหยามอาชีพคนส่งของจึงรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน

“ไม่ใช่นะครับ ผมไม่ได้ดูถูกอาชีพหรือหาว่าพี่ไม่มีเงินนะ แค่สงสัยเฉยๆ ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีจริงๆ ครับ”

วายุมองปฏิกิริยาร้อนรนของคนตรงหน้าแล้วยิ้มออกมาบางๆ

“พี่ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยครับ ไม่ได้นึกว่าวีคิดอะไรแบบนั้นด้วย”

“อ้าว...แต่ผมเห็นพี่ขมวดคิ้ว” คนตัวเล็กกว่าบอกอ้อมแอ้ม

“พี่แค่กำลังคิดว่า วีจะพอมีเวลาวันละสองสามชั่วโมงไหมน่ะครับ”

“หื้ม? พี่ลมพูดเหมือนจะชวนผมไปขายตรงเลยครับ”

“ฮ่าๆ ๆ พี่ล้อเล่นน่ะ ขึ้นรถก่อนนะ เดี๋ยวพี่เอาอะไรให้ดู” ว่าแล้วเจ้าของรถก็เปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น ก่อนเปิดประตูข้างคนขับให้

กวีสอดตัวเข้าไปนั่ง เมื่อวายุบริการให้จนถึงขั้นปิดประตูเรียบร้อย กวีก็รีบคาดเข็มขัดเรียบร้อยรอระหว่างที่อีกฝ่ายเดินกลับมานั่งตำแหน่งคนขับ

“เมื่อกี้พี่ลมว่าจะเอาอะไรให้ดู...อะไรหรือครับ”

“รอเดี๋ยวนะ” เจ้าของรถหันกลับไปที่เบาะหลัง ก่อนหยิบถุงกระดาษถุงหนึ่งขึ้นมา จากนั้นจึงส่งให้คนข้างๆ พร้อมกับสั่ง “เปิดดูสิครับ”

“...ครับ” กวีรับคำง่ายๆ แล้วจึงเปิดดูของปริศนา ในถุงกระดาษสีน้ำตาล เป็นของที่กวีคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพียงแต่ไม่ได้เห็นมันมาสักระยะแล้ว “นี่มัน...หนังสือที่ผมเขียนนี่”

“ใช่ครับ พี่เพิ่งไปหาซื้อมาวันนี้เอง เรื่องนี้เป็นแฟนตาซีเรื่องแรกที่วีเขียนใช่ไหม”

“ครับ” กวีพยักหน้ารับเร็วๆ “แล้วพี่ลมรู้ได้ยังไง”

“พี่ไปหาข้อมูลมานิดหน่อย เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก แถมมีเล่มเดียว ก็เลยหาซื้อมาอ่าน”

กวีมองหน้าคนพูด ก่อนจะมองสภาพหนังสือที่ดูคล้ายผ่านการใช้งานมาบ้างแล้ว เห็นดังนั้นนักเขียนหนุ่มก็ทำตาโต

“นี่อย่าบอกนะครับ ว่าพี่ลมอ่านไปบ้างแล้ว”

“อืม พี่อ่านจบรวดเดียวตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ” วายุยิ้ม ก่อนจะเล่าต่อ “สนุกมากจนพี่วางไม่ลงเลยล่ะ กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้าแหนะ นี่พี่กดสั่งอีกเรื่องไปแล้ว เพราะสองสามวันนี้คงไม่มีเวลาไปร้านหนังสือเอง”

“...พี่ลม”

นักเขียนหนุ่มวางหนังสือไว้บนตัก ก่อนจะยกสองมือปิดหน้า ปิดบังรอยยิ้มที่กว้างเกินพอดีของตัวเอง หัวใจเขาเต้นแรงด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจสุดๆ

“วี! เป็นอะไรครับ”

ได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง กวีจึงเลื่อนมือลง แล้วยิ้มให้อีกฝ่ายทั้งที่ตาเป็นประกาย

“ผมเขินน่ะ หัวใจเต้นตึกตักๆ เหมือนถูกสารภาพรักเลยครับ”

“ห๊ะ!? สารภาพรักเนี่ยนะ”

“อื้ม” กวีพยักหน้าหงึกหงัก แล้วจึงอธิบาย “ก็แบบ...พี่บอกว่าชอบหนังสือผมใช่ไหม แล้วผมเป็นคนเขียนไง ก็เลยรู้สึกดีใจมากๆ น่ะครับ”

“อ๋อ...” กวีเห็นอีกฝ่ายถอนหายใจคล้ายโล่งอก จากนั้นจึงว่า “เรานี่ก็ช่างเปรียบนะ พี่ตกใจหมดเลย”

“ฮ่าๆ แต่ดีใจจริงๆ นะครับ ปรกติไม่ค่อยมีใครมาพูดต่อหน้าจริงๆ จังๆ แบบนี้หรอก แถมเป็นคนรู้จักด้วย”

ตามปรกติกวีไม่ค่อยออกไปเจอใคร เขาจึงได้อ่านคอมเมนต์และบทวิจารณ์ต่างๆ ผ่านตัวหนังสือ ทั้งที่ตอนอ่านก็หัวใจพองฟูมากแล้ว แต่พอถูกบอกว่าชอบงานที่เขาเขียนต่อหน้า มันยิ่งหัวใจพองฟูมากขึ้นไปอีก รู้สึกเหมือนมีแรงกลับไปเขียนได้อีกสิบตอนรวดทีเดียว

“อ๋อ แบบนี้นี่เอง” วายุพยักหน้าเหมือนเข้าใจ “แต่นิยายสนุกจริงๆ นะครับ ไม่ได้อวยกันเองนะ”

“ขอบคุณครับ” กวียิ้มรับ ก่อนจะนึกขึ้นได้ “ว่าแต่พี่ลมจะให้ผมช่วยอะไรหรือครับ เมื่อกี้เหมือนพี่ยังไม่ได้บอก”

“อ๋อ...เอ่อ”

“มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ”

ดวงตาคมเหลือบมองใบหน้ากวี ก่อนพี่รถกับข้าวของเขาจะเกาแก้มเบาๆ แล้วว่า

“พี่อยากให้วีช่วยเซ็นหนังสือให้หน่อยน่ะครับ”

“โอ้ย~ พี่ลม...” กวีรู้สึกว่าแก้มสองข้างของตัวเองร้อนผ่าวไปหมด เขาทั้งเขินและประหม่าสุดๆ ไปเลย

“ไม่ได้หรือครับ”

“ดะ...ได้ครับๆ ผมจะเซ็นให้อย่างดี พี่จะเอาปากกาสีอะไร บอกได้เลยนะครับ” ในกระเป๋าดินสอของเขามีปากกาหลายสีเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว ขอแค่นักอ่านที่น่ารักบอกมาเท่านั้น

“ฮ่าๆ ๆ สีอะไรก็ได้ครับ วีเลือกเลย แต่ความจริงเอาไว้เล่มต่อๆ ไปค่อยคิดก็ได้นะ พี่จะเอามาให้เซ็นไม่ซ้ำสีเลยดีไหมครับ”

“ดีครับ ดีมากๆ ผมจะเซ็นให้ไม่ซ้ำสีสักเล่มเลยครับ” กวีเอ่ยคำสัญญา ก่อนจะรื้อกระเป๋าเพื่อหยิบปากกาสีม่วงออกมาเซ็นให้ด้วยความตั้งใจ ราวกับกำลังจะไปสอบเข้ามหาลัยฯ ก็ไม่ปาน

ความรู้สึกตอนที่เซ็นให้นักอ่านเป็นแบบนี้นี่เอง วายุเพิ่งทำให้กวีเข้าใจว่ามันรู้สึกดีขนาดไหน ความกังวลที่มีเกี่ยวกับงานแจกลายเซ็นซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นหายไปเป็นปลิดทิ้ง เปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นและกระตือรือร้น

แม้ไม่ได้พูดออกไป แต่นักเขียนหนุ่มอดรู้สึกขอบคุณคนข้างๆ ไม่ได้ ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันแท้ๆ แต่กลับไปตามหาหนังสือมาอ่าน ซ้ำยังตามมาเอ่ยชมให้เขาดีใจ

พี่รถกับข้าวเนี่ย...ใจดีที่สุดเลยน้า~









-----------------------------------------------------------------







กับข้าวมาแล้วค่ะ กับข้าววว

ตอนนี้เว้นห่างไปหน่อย ตอนต่อไปจะมาเร็วๆ

พี่รถกับข้าวทำคะแนนใหญ่แล้ว แถมมาถูกทางด้วย

คุณบอสขาสู้ไม่สู้ 55555

ยังยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ดราม่าเจ็บปวดหัวใจจริงๆ ค่ะ ไม่ต้องกลัวนะ

ขอบคุณที่ตามอ่านกันนะคะ เจอกันตอนหน้าค่าา



ละอองฝน.

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
เหมือนเกิดศึกชิงก้อนแบบย่อมๆ แต่พี่ลมนี่มาเหนือมาก ชนะขาดค่า :katai2-1:

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
พี่รถกับข้าวเจอคู่แข่งซะแล้ว สู้สู้นะ  :L2:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
อยากออเดอร์ผู้ชายแบบพี่ลมหนึ่งรายการ ร้านไหนมีขายบ้างคะ พร้อมโอน 55555

ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เชียร์พี่ลมเต็มที่จ้า เสียใจด้วยนะบอส

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
พี่ลมเข้าถูกจุดกว่านะคะคุณบอส  :hao7:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
หวานละมุนเชียวววว,,,

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ มะลิมะลิ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอตอนต่อปายยยยยย :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2






บทที่ 8








             กิจวัตรของวายุในช่วงนี้ นอกจากเฝ้าร้าน เช็คของในสต็อก ตรวจสอบบัญชีร้าน และดูแลพนักงานแล้ว ชายหนุ่มยังเจียดเวลาว่างมานั่งอ่านนิยายเป็นเล่มจนพนักงานในร้านนึกสงสัย

“หนังสืออะไรน่ะพี่ลม ผมเห็นอ่านทุกวัน” แซมถามขึ้นในช่วงสายของวันหนึ่ง หลังจากส่งลูกค้าออกจากร้านเรียบร้อยแล้ว

“นิยาย” วายุตอบสั้นๆ

“พี่ติดนิยายด้วยหรือ” แซมถามต่อ

“อืม เพิ่งติดนี่แหละ”

“นิยายอะไรน่ะ”

“นิยายแนวแฟนตาซี สนใจอยากอ่านบ้างไหมล่ะ” วายุวางหนังสือไว้ที่ตัก ก่อนจะหันมาเชิญชวนพนักงานคนสนิทด้วยท่าทางจริงจัง

“ก็น่าสนนะ” แซมว่า เมื่อเหลือบเห็นปกและชื่อเรื่อง

“เอาไว้อ่านเสร็จแล้วจะให้ยืมแล้วกัน”

“ขอบคุณครับ”

หลังจากคุยตกลงกันเรียบร้อย วายุก็สั่งให้แซมไปเติมของที่ชั้นด้านหน้าซึ่งแหว่งไปจากการหยิบของลูกค้าคนเมื่อครู่ ส่วนตนเองนั้นก็หันกลับมาพลิกนิยายหน้าที่ค้างไว้เพื่ออ่านต่อ

ในทีแรกวายุแค่ต้องการอ่านเพราะอยากรู้จัก อยากสัมผัสถึงตัวตนของกวีให้มากขึ้น แต่พออ่านจบไปเล่มหนึ่ง ชายหนุ่มกลับต้องหาเล่มอื่นๆ มาอ่านเพิ่มเติม จนคาดว่าอีกไม่นานหลังจากนี้ เขาคงต้องไปอ่านทางออนไลน์ที่มีตอนใหม่ๆ อัพเดตแทน

วายุไม่แปลกใจเลยที่กวีจะมีแฟนคลับติดตามทางทวิตเตอร์มากขนาดนั้น เพราะนิยายของกวีสนุกและชวนติดตามทุกเรื่อง ขนาดคนที่ไม่ค่อยอ่านหนังสืออย่างเขายังติดงอมแงม

นอกจากเรื่องนิยายแล้ว เขายังได้สิทธิพิเศษเพิ่ม โดยการส่งข้อความโต้ตอบกับนักเขียนดังโดยตรง หากไม่ใช่คุยกันแค่เรื่องนิยาย เรื่องสัพเพเหระทั่วไปก็ยังอยู่ในบทสนทนา จนคล้ายกับว่าเวลานี้พวกเขาสนิทกันขึ้นกว่าแต่ก่อนมากทีเดียว

ชายหนุ่มนั่งอ่านนิยายอยู่สักพัก กระทั่งเหลือบไปเห็นนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงตรง เขาจึงวางหนังสือลงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหากวี

WAYU : กินข้าวเที่ยงหรือยังครับ [12:02 อ่านแล้ว]

ก้อนไงจะใครล่ะ : ยังเลยครับ [12:03 อ่านแล้ว]

ก้อนไงจะใครล่ะ : ผมเพิ่งตื่น [12:03 อ่านแล้ว]

พอวายุกดข้อความส่งไปหา อีกฝ่ายตอบกลับมาทันที เจ้าของร้านพี่รถกับข้าวอ่านข้อความที่ส่งกลับมาอย่างรวดเร็วพลางอมยิ้มบางๆ

WAYU : เมื่อคืนนอนดึก? [12:04 อ่านแล้ว]

ก้อนไงจะใครล่ะ : เรียกว่านอนเช้าจะถูกกว่าครับ [12:04 อ่านแล้ว]

WAYU : ปั่นต้นฉบับหรือครับ [12:04 อ่านแล้ว]

ก้อนไงจะใครล่ะ : ครับ ใกล้เดตไลน์อีกแล้ว [12:05 อ่านแล้ว]

WAYU : ลำบากแย่เลยสินะ [12:05 อ่านแล้ว]

ก้อนไงจะใครล่ะ : ก็นิดหน่อย แต่ผมชินแล้วครับ [12:05 อ่านแล้ว]

ก้อนไงจะใครล่ะ : ว่าแต่พี่ลมพักกินข้าวหรือยังครับ หรือว่ากำลังส่งของ [12:05 อ่านแล้ว]

WAYU : อยู่ที่ร้านน่ะ กำลังจะพักครับ [12:06 อ่านแล้ว]

WAYU : แต่ยังไม่ได้กินอะไรเลย หิวมาก [12:06 อ่านแล้ว]

หลังจากส่งข้อความไปแล้ว วายุก็ส่งสติ๊กเกอร์กระต่ายน่ารักๆ ทำท่ากุมท้องด้วยความหิวโซไปให้กวี เป็นเครื่องยืนยันว่าเขาหิวมากจริงๆ

ก้อนไงจะใครล่ะ : 55555555 [12:07 อ่านแล้ว]

ก้อนไงจะใครล่ะ : สติ๊กเกอร์พี่ลมน่ารักจัง [12:07 อ่านแล้ว]

WAYU : น่ารักเหมือนคนชมแหละครับ 555 [12:08 อ่านแล้ว]

ชายหนุ่มหยอดไปประโยคหนึ่ง ก่อนจะรอดูผลลัพธ์ด้วยใจระทึก ไม่รู้ว่าคราวนี้กวีจะอ่านแล้วเงียบเหมือนที่เขาหยอกไปคราวที่แล้วอีกหรือเปล่า

ก้อนไงจะใครล่ะ : ขอบคุณครับ 555 [12:09 อ่านแล้ว]

ผิดคาด...

เพราะคนน่ารักเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะส่งสติ๊กเกอร์กระต่ายอ้วนแบบเดียวกันกับของวายุ แต่เปลี่ยนเป็นถือป้ายขอบคุณมาให้

วายุยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้หน้าจอโทรศัพท์อยู่เดี๋ยวเดียว แล้วลูกค้าก็เข้าร้าน ชายหนุ่มจึงต้องพักการคุยกับคนน่าไว้เท่านี้ก่อน

WAYU : เที่ยงกว่าแล้ว ลุกขึ้นมากินข้าวนะครับ เดี๋ยวปวดท้อง [12:10 อ่านแล้ว]

ก้อนไงจะใครล่ะ : ต้องไปทำงานแล้วหรือครับ [12:10 อ่านแล้ว]

อีกฝ่ายเอ่ยถามอย่างนกรู้ พานให้คนถูกถามยิ้มกว้างขึ้นอีก

WAYU : ครับ ลูกค้าเข้าร้านน่ะ [12:11 อ่านแล้ว]

WAYU : ว่าแต่รู้ได้ไง เก่งจัง [12:11 อ่านแล้ว]

ก้อนไงจะใครล่ะ : ผมเดาเอา เพราะเห็นพี่ลมพูดเหมือนสั่งเสีย 555 [12:12 อ่านแล้ว]

WAYU : สั่งเสีย? [12:12 อ่านแล้ว]

ก้อนไงจะใครล่ะ : 555 ผมเปรียบเฉยๆ [12:13 อ่านแล้ว]

ก้อนไงจะใครล่ะ : ไปรับลูกค้าเถอะครับ แล้วอย่าลืมหาข้าวเที่ยงกินด้วยนะ [12:13 อ่านแล้ว]

WAYU : อืม วีก็ด้วยนะครับ ^-^ [12:14 อ่านแล้ว]

ก้อนไงจะใครล่ะ : ขอกลิ้งบนเตียงอีกเดี๋ยวแล้วจะไปครับ J [12:15 อ่านแล้ว]

ได้อ่านข้อความ ได้คิดภาพตามแล้ววายุก็นึกขำ กวีน่ารักและเป็นกันเองกับเขามาก แต่ในขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็สุภาพและขี้เกรงใจ นึกถึงใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาเป็นประกายยามที่รู้ว่าเขาดั้นด้นไปซ้อหนังสือมาอ่าน ทั้งยังเอาไปให้เซ็น วายุก็ยิ่งชอบใจ

วายุคิดว่าตนมาถูกทางแล้ว

แต่ดูเหมือนหลุมที่ตกลงไปในทีแรกก็ดูดให้ใจของเขาถลำลึกลงมากกว่าเดิมเช่นกัน

...ด้วยเหตุนี้เขาเองก็คงต้องพยายามมากขึ้นอีกหน่อย

พรุ่งนี้จะครบกำหนดสามวันแล้ว กวีน่าจะสั่งของมาเหมือนเดิม เอาไว้คืนนี้ยังพอมีเวลา เขาค่อยคิดหัวข้อที่จะเอาไปทำคะแนนกับอีกฝ่ายใหม่

วายุส่ายหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองทิ้ง ก่อนปรับสีหน้าเป็นร้อยยิ้มการค้า แล้วเข้าไปรับลูกค้าที่กำลังก้มๆ เงยๆ หาสินค้าที่แผนกเครื่องปรุง

“สวัสดีครับ พี่รถกับข้าวยินดีต้อนรับ ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ...”

















สุดท้ายวายุก็ไม่ได้วางแผนการอะไรเพิ่ม เพราะเมื่อลองมานั่งคิดดูดีๆ เขาว่าวิธีเข้าหาจากงานที่อีกฝ่ายเขียนน่าจะเหมาะ และน่าจะพาให้บทสนทนาลื่นไหลเป็นธรรมชาติที่สุด

ซึ่งชายหนุ่มก็ต้องรับการยืนยันในทฤษฎีทันทีที่ไปถึงหน้าห้องกวี

“พี่ลมมาแล้ว!”

“ครับ พี่ลมมาส่งกับข้าวแล้วครับ”

คำทักทายที่พวกเขาปรับเปลี่ยนใหม่ชวนให้รู้สึกสนิทใจมากกว่าเดิม ทั้งระดับความกระตือรือร้นก็มากขึ้นตามไปด้วย

“ของครบนะครับ”

“ไม่มีขาดสักรายการเดียวครับ” วายุรายงาน กวีจึงก้าวออกจากเขตประตูห้องมารับตะกร้าอาหาร

วันนี้นักเขียนหนุ่มไม่ได้ติดกิ๊บ แต่คาดที่คาดผมเปิดหน้าผากรูปหัวใจ สวมชุดอยู่บ้านเป็นเสื้อยืดย้วยๆ กับกางเกงขาสั้นๆ เพิ่มเติมคือผ้ากันเปื้อนขนาดความยาวเกือบพอดีกับขอบล่างของกางเกง มันเป็นชุดอยู่บ้านธรรมดาๆ ที่วายุเห็นกวีใส่บ่อยครั้ง แต่ไม่รู้เพราะอะไร เขากลับชอบกวีในลุคนี้มากกว่าชุดเป็นทางการที่อีกฝ่ายใส่ไปกินข้าวกับคนที่สำนักพิมพ์วันก่อนเสียอีก

กวียืนเช็คของคร่าวๆ พอเห็นว่าไม่น่าจะขาดตกรายการไหนอย่างที่วายุว่าจริงๆ ดวงตากลมจึงเงยขึ้นสบตากับวายุ

“ครบทุกรายการจริงๆ ครับ” เจ้าตัวว่า ก่อนจะถาม “ว่าแต่พี่ลมต้องรีบไปส่งของต่อหรือเปล่าครับ”

“วีมีอะไรหรือเปล่าครับ”

“คือ...สมมติว่าถ้าพี่ไม่รีบ เข้าไปชิมเกี๊ยวคาโบนาร่าของผมไหมครับ”

แม้ดวงตากลมจะปิดซ่อนแววบางอย่างเอาไว้ แต่คนช่างสังเกตก็ลอบสังเกตเห็น วายุประมวลผลรวดเร็ว แล้วจึงเอ่ยถาม

“เพิ่งเคยทำครั้งแรกหรือครับ”

“พี่ลมรู้ได้ไงน่ะ”

“พี่มีตาทิพย์” ชายหนุ่มว่าพลางขยิบตานิดๆ อย่างขี้เล่น ทำเอากวีเผลอหัวเราะออกมา

“ฮ่าๆ ครับๆ ผมเพิ่งเคยทำครั้งแรก ถ้าพี่ลมว่างและไม่รังเกียจล่ะก็...”

“พี่จะรังเกียจได้ไงล่ะ” คนที่รอจังหวะอยู่แล้วรีบสวนทันที

แต่กวีก็ยังไม่มั่นใจ “ผมไม่ได้เบียดเบียนเวลางานของพี่นะครับ”

“ไม่ครับ พี่มีเวลาว่างสองสามชั่วโมงพอดี วีไม่ต้องกังวลนะ ความจริงควรเป็นพี่ต่างหาที่กังวลจริงไหม เพราะดอดเข้าบ้านลูกค้าอีกแล้ว”

“ผมเป็นคนชวนเอง พี่ลมไม่ต้องกลัวนะ ถ้าเจ้านายพี่ว่า ผมจะเป็นคนยืนยันให้เอง”

“หึๆ” ชายหนุ่มหัวเราะอย่างมีเลศนัย “เจ้านายพี่ไม่ว่าหรอกครับ”

...เพราะพี่เป็นเจ้านายตัวเองนี่ครับ

ประโยคหลังวายุนึกกับตัวเอง แต่ไม่ได้เอ่ยปากพูดออกไป

“ถ้างั้นก็เข้าบ้านกันครับ ผมห่อเกี๊ยวไว้แล้ว กำลังจะตั้งเตาลวกพอดีเลย” เจ้าบ้านเปิดประตู้กว้างเป็นกางเชื้อเชิญ

“งั้นพี่ไม่เกรงใจล่ะนะครับ”

“อื้ม” ใบหน้ากลมๆ พยักหงึกหงักอย่างน่ารัก

เห็นแก้มท่าทางนุ่มนิ่มนั่นแล้ววายุอยากจะยื่นมืดเข้าไปบีบเบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว แต่ก็ต้องอดใจเอาไว้ แล้วเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นหูตะกร้ากับข้าวในมือกวีแทน

“มาครับ พี่ช่วยถือ”

“ไหนว่าจะไม่เกรงใจแล้วไงครับ” กวีหันมาหยอก

“เคยได้ยินไหมครับ เขาว่าเข้าบ้านท่านอย่านิ่งดูดาย พี่ปั้นวัวปั้นควายไม่เป็น ดังนั้นให้พี่ช่วยถือตะกร้าแทนนะครับ ส่วนวีเดินนำไปเลย”

“ก็ได้ครับ” กวียิ้มรับ ก่อนจะยอมปล่อยวายุทำตามใจและเดินนำเข้าไปในห้อง ก่อนจะคอยปิดประตูให้



เกี๊ยวคาโบนาร่าที่เจ้าบ้านบอกว่าเคยทำเป็นครั้งแรก รสชาติอร่อยถูกใจวายุเอามากๆ เขาเคยทานเกี๊ยวน้ำไส้หมู กุ้ง และอื่นๆ มาหลายครั้ง แต่ไม่เคยลองที่ด้านในเป็นไส้ชีสและเครื่องปรุงที่ให้รสชาติเหมือนสปาร์เก็ตตี้คาโบนาร่าแบบนี้ มันให้รสสัมผัสและความรู้สึกที่แตกต่างออกไป ซ้ำอร่อยและแปลกจนคิดว่าถ้าอยากกิน ชายหนุ่มคงไม่รู้จะไปหากินที่ไหน

“อร่อยมากเลยครับ ไม่น่าเชื่อว่าทำครั้งแรก”

“จริงหรือครับ” คนทำตาเป็นประกายเมื่อได้ยินคำชม

“อื้ม”

“ไม่เค็มไปใช่ไหมครับ ผมรู้สึกเหมือนตอนผสมไส้ ตัวเองใส่เกลือลงไปเยอะเลย”

“ไม่เค็มครับ กำลังดีเลยล่ะ” ว่าจบวายุก็ตักเกี๊ยวชิ้นโตเข้าปากอีกคำ

รสเค็มๆ มันๆ ของชีสกับความนุ่มนิ่มลื่นคอของแป้งเกี๊ยวและน้ำซุปใสผสานกันได้อย่างลงตัวไม่มีที่ติ ไหนจะกลิ่นหอมของเครื่องปรุงที่ลอยเตะจมูกนั่นอีก ความกังวลที่กำลังอยู่ในช่วงควบคุมอาหารเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อก็หายไปจากความคิดหมดสิ้น

“ดีใจจัง ความจริงผมว่ามันก็รสชาติใช้ได้นะ แต่ไม่แน่ใจว่าจะดีพอไหม มีคนมาช่วยชิมให้แบบนี้ ค่อยมั่นใจหน่อย”

“มั่นใจได้เลยครับ อร่อยจริงๆ นี่ไม่รู้ว่าถ้าพี่อยากกินอีก พี่จะไปหากินจากที่ไหนได้นะเนี่ย”

“ถ้าอยากกินอีก ก็บอกผมสิครับ ผมจะทำให้พี่ลมกินเอง” กวีแทบตบอกเสนอตัว

“ได้หรือครับ” วายุถามย้ำ แต่พอจะคาดเดาคำตอบได้อยู่แล้วว่าจะเป็นเช่นไร เขาแค่อยากได้ยินอีกฝ่ายย้ำมั่นใจอีกครั้งเท่านั้น

“แน่นอนครับ เชื่อมือกวีได้เลย!”

แล้วก็อยากเห็นรอยยิ้มแป้นๆ ของคนน่ารักแบบนี้ด้วย...



หลังทานเสร็จวายุก็อาสาอยู่ช่วยล้างจานเหมือนทุกที และครั้งนี้กวีก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วย เพราะวายุใช้วิธีชวนคุยให้อีกฝ่ายสนใจเรื่องอื่นจนลืมที่จะปฏิเสธ พอรู้ตัวอีกที มือใหญ่ก็จุ่มลงไปในอ่างล้างจานเรียบร้อยแล้ว เวลานี้พวกเขาจึงได้แต่ยืนเบียดจนแขนชิดกันตรงหน้าอ่างและจานกองพะเนิน พลางพูดคุยกันอย่างออกรสชาติ

ส่วนเรื่องที่ดึงความสนใจของกวีได้ก็หนีไม่พอเรื่องนิยายของเจ้าตัวนั่นแหละ

“พี่อ่านเล่มสี่จบแล้วหรือครับ”

“ใช่ครับ”

“อ่านเร็วมากๆ” คนตาโตอยู่แล้วทำตาโตขึ้นไปอีก

“ตอนนี้กำลังค้างเลยนะ”

“เอ่อ...จบตอนที่สมาคมแพงโกล่าบุกเข้าไปที่สมาพันธ์พอดีสินะครับ”

เรื่องราวในนิยายที่กวีเอ่ยถึง เป็นช่วงที่กลุ่มกิลด์ของตัวเองบุกเข้าไปโจมตีคนของทางการซึ่งถือเป็นตัวร้ายกลุ่มใหญ่ในเรื่อง

“ใช่ นี่พี่อ่านไปลุ้นไป พอฟิลด์พาคนในสมาคมเข้าไปได้ วีดันตัดจบซะงั้น พี่แทบทึ้งหัวเลยล่ะ”

“ฮ่าๆ ๆ” เห็นวายุทำท่าอยากจะทึ้งหัวจริงๆ กวีก็หลุดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นครัว “ขนาดนั้นเลยหรือครับ”

“ขนาดนั้นแหละ” วายุยืนยัน “นี่พี่ตัดสินใจจะไม่รอเล่มแล้วนะ ตั้งใจจะไปตะลุยอ่านในเว็บไซด์ที่วีลงต่อเลย เอาไว้เล่มออกมาค่อยซื้อเก็บทีหลัง”

“ถ้าพี่อยากได้เล่ม เดี๋ยวหนังสือออกเดือนหน้า พี่มาเอาที่ผมก็ได้นะครับ” นักเขียนดังว่า

“ไม่เอาหรอก พี่จะเพิ่มยอดขายให้วี ทางสำนักพิมพ์เขาจะได้พิมพ์เรื่องนี้ต่อเนื่องไปจนจบไงล่ะ พี่เคยเห็นข่าวที่ว่า นิยายเรื่องไหนทำยอดขายไม่ได้ ส่วนใหญ่จะถูกทิ้งกลางทางด้วยนะ พี่ไม่ยอมให้หนังสือวีเรื่องนี้ถูกทิ้งกลางทางแน่ ต้องสนับสนุนๆ”

ครั้นเห็นวายุเคราะห์และแสดงความเป็นห่วงอย่างจริงจัง กวีก็ยิ้มออกมาจนเต็มแก้ม ในดวงตาคู่ใสไม่อาจปกปิดความปลื้มใจที่ซ่อนอยู่ได้เลยแม้แต่น้อย

“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณมากๆ เลย”

“ขอบคุณทำไมล่ะ สำหรับนักอ่านอย่างพี่นะ ขอแค่วีเขียนออกมาให้อ่านได้เรื่อยๆ และจบลงสวยๆ พี่ก็ดีใจแล้วล่ะ โอ้ย...พูดแล้วอยากอ่านต่อเลย”

ประโยคที่วายุเอ่ยออกมาทั้งหมด ไม่ได้เป็นแค่แผนการในการพิชิตใจคนน่ารักเท่านั้น แต่ทุกคำที่เอ่ยล้วนออกมาจากใจจริงๆ

“ผมจะตั้งใจเขียนนะครับ ต่อไปจะขยันมากๆ ไม่อู้แล้ว”

“พี่ไม่ได้กดดันนะ” วายุหยอก “แต่ถ้าอ่านทันในเว็บล่ะก็ พี่จะทวงตอนต่อไปทุกวันเลย”

“อ้าว...ไหนว่าไม่กดดัน”

“ไม่ได้กดดัน แค่ทวงเช้าทวงเย็นเฉยๆ”

“นั่นยิ่งกว่ากดดันอีกครับพี่โล้ม!!”

“ฮ่าๆ ๆ” วายุหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินกวีโหยหวน “ไม่รู้ล่ะ วีสัญญากับพี่แล้วว่าจะขยัน ห้ามผิดสัญญานะ”

“ผมแกล้งตายได้ไหม”

“ไม่ได้สิ ฮ่าๆ”

“พี่ลมเริ่มไม่ใจดีแล้ว”

พอได้ยินว่าจะถูกทวงนิยายเช้าเย็น ปากเล็กๆ ก็ยื่นออกมาอย่างขัดใจ ก่อนจะขมุบขมิบฟังไม่รู้ความ คล้ายอีกฝ่ายกำลังบ่นกับตัวเอง

“งั้นวีเป็นคนใจดีแทนได้ไหม นี่พี่เอาหนังสือมาให้เซ็นด้วยนะ อยู่ในรถเล่มนึงนะ”

“ไว้พี่จะกลับผมลงไปเซ็นให้ก็ได้ คราวนี้เอาปากกาสีครามนะครับ”

“ทำไมสีครามล่ะ”

“ก็ผมจะเซ็นให้เป็นสีรุ่งเลย ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง”

“โห คิดมาดีๆ” วายุชม เพราะเขาเองก็คิดไม่ถึงตอนที่ได้ลายเซ็นสีม่วงคราวที่แล้ว

“อยู่แล้วล่ะ แล้วตอนนี้หนังสือผมกำลังจะมี 7 เล่มพอดีด้วย”

“แล้วถ้าเล่มที่ 8 วางขายทำไง”

“เอาไว้ตอนนั้นผมค่อยคิด ตอนนี้ผมต้องเอาเล่ม 7 ให้รอดก่อนครับ” พูดจบกวีก็คล้ายจะทำท่าปาดเหงื่อ

ดวงตาคมมองจานในมือที แอบลอบมองคนข้างกายที พลางอมยิ้มอย่างมีความสุข

มีความสุข...วายุไม่ได้รู้สึกมีความสุขอันเกิดจากคนอื่นซึ่งไม่ใช่ครอบครัว ไม่ใช่เพื่อนเช่นนี้มานานแล้ว มันเป็นความรู้สึกง่ายๆ ที่เกิดจากการได้มองเห็น

เห็นเขายิ้ม เห็นเขาหัวเราะ แม้แต่เห็นเขาทำหน้าบู้บี้อย่างในตอนนี้...วายุก็มีความสุข

ไม่รู้ว่าอาการนี้จะเรียกว่าแค่หลงรักอย่างฉาบฉวย หรือตกหลุมรักจริงๆ วายุไม่อาจแยกประเภทหรือรู้ลึกได้ถึงความรู้สึกจริงๆ ขนาดนั้น

และเขาก็เลิกที่จะพยายามค้นหาคำตอบแล้ว

สิ่งที่วายุจะทำในตอนนี้ คือ ทำให้ทุกอย่างดำเนินไปตามธรรมชาติ...แค่ปล่อยให้มันเป็นไป

บางทีในวันใดวันหนึ่งหลังจากนี้เขาคงได้รู้

วายุมองกวีตั้งหน้าตั้งตาเช็ดจานให้แห้งด้วยผ้าขนหูผืนเล็ก มองแก้มใสๆ ของคนข้างกายขยับไปมาน้อยๆ ยามที่อีกฝ่ายฮัมเพลงเบาๆ

เวลานี้เขาต้องการแค่มองกวีให้นานขึ้นเท่านั้น แต่สักวัน อาจจะอีกไม่นานหลังจากวินาทีนี้ วายุมั่นใจว่า เขาจะได้รู้ชื่อเรียกของสิ่งที่กำลังเติบโตอยู่ในหัวใจของตนเองอย่างแน่นอน








--------------------------------------------------------------------








เรากลับมาแล้ว หลังจากหายไปจัดการตัวเองพักใหญ่

เรื่องนี้ไม่ยาวมากค่ะ ถ้าเทียบกับคุณคือความรัก

มีประมาณ 25 ตอนได้ ต่อไปจะพยายามลงให้อ่านต่อเนื่องนะคะ ^^



ละอองฝน.




ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ตวามชอบมีพลังจริงๆนะ ไปหานู่นทำนี่ เพื่อทำให้อีกคนมีความสุข
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-08-2018 18:49:05 โดย Billie »

ออฟไลน์ PandP

  • Déjame vivir esa fantasía.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1170
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-0
    • http://www.facebook.com/iAMpingPINGping
พี่รถกับข้าวมาแล้ว

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
หวานละมุนจัง  :กอด1:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
หยอดอีกแล้วอีพี่วี

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
 :-[ :-[ พี่ลมนี่เวลาอยู่กับน้องก้อนละมุนคูณสิบ  :-[ :-[

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
อ่านแล้วหิวตามมมม อยากมีพี่รถกับข้าวเป็นของตัวเองบ้างค่าา  :hao5:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เป็นอย่างอื่นไม่ได้หรอกค่ะพี่ลม นอกจากรักน้องก้อนจนหมดใจ อิอิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด