-----Twenty four hours : ส่งรักนี้ 24 ชั่วโมง----- ตอนพิเศษ วาเลยไทน์ 2
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -----Twenty four hours : ส่งรักนี้ 24 ชั่วโมง----- ตอนพิเศษ วาเลยไทน์ 2  (อ่าน 60742 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
หวานกันเชียว,,,

ออฟไลน์ Bluedock

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
มารอพี่รถกับข้าว :-[


ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2








บทที่ 9









“พี่เจน!”



หลังจากยืนหันซ้ายหันขวาอยู่พักใหญ่ ท่ามกลางพนักงานมากมายของทางเว็บไซด์ที่เดินกันขวักไขว่ ในที่สุดกวีก็พบกับบ.ก.ของตนเองเสียงที



“ทางนี้ๆ”



“ครับๆ มาแล้วครับ” เห็นเธอโบกมือไหวๆ ส่งสัญญาณโดยไม่สนสายตาใคร นักเขียนหนุ่มจึงต้องเร่งเดินเข้าไปหาเร็วรี่



“วันนี้มาเร็วนะ” เจนทัก “แถมยังแต่งตัวดีเชียว”



“วันนี้ผมตื่นเร็ว”



เมื่อคืนกวีเข้านอนเร็วกว่าทุกวัน เนื่องจากเช้าวันนี้เป็นวันสำคัญ เขาอยากเตียมตัวเองให้พร้อมมากที่สุด ไม่อยากให้มีเรื่องฉุกละหุกอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตื่นสาย หรือหาเสื้อผ้าไม่เจอในช่วงเวลาเร่งรีบ กวีจึงจัดเสื้อผ้าตั้งแต่ก่อนเข้านอน ซ้ำตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ให้ตื่นในช่วงเวลาที่หากเป็นปรกติคงหลับอุตุอยู่



“นี่อย่าบอกนะว่าตื่นมาเตรียมแมชเสื้อผ้าตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่”



“เปล่าสักหน่อย ผมเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนต่างหาก เช้านี้ที่ตื่นเร็วเพราะตั้งใจว่าต้องสระผมก่อนมา” นอกจากสระผมแล้ว กวียังเซตผมนิดๆ ตามฝีมืองูๆ ปลาๆ ของตัวเองด้วย



“ทำไมล่ะ กลัวคนอ่านเหม็นหัวเน่าๆ หรือไงกัน”



“ก็ใช่น่ะสิครับ เจอคนอ่านทั้งที จะให้มาแบบหัวเหม็นๆ ได้ไง ต้องดูดีหน่อย”



เพราะกวีไม่อยากทำให้คนอ่านผิดหวังกับรูปลักษณ์ของเขา เรื่องแบบนี้จะว่าไม่สำคัญ แต่นักเขียนหนุ่มคิดว่าก็มีส่วนสำคัญอยู่เหมือนกัน



“คิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว อย่าซกให้มากนัก พี่สงสารแม่บ้าน”



“รู้แล้วล่ะครับ ความจริงผมก็ไม่ได้ซกมกขนาดนั้นเสียหน่อย พี่เจนพูดเกินไป” ชายหนุ่มค้อนให้บ.ก.คนสนิทน้อยๆ เธอจึงหัวเราะออกมา ก่อนจะชวนเข้างาน



“เอาเถอะๆ เข้าไปข้างในกันดีกว่า มีคนชะเง้อคอรออยู่นานสองนานแล้ว” เจนจิราอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก เพราะต้องทนเสียงถามของเจ้านายสุดเฮี๊ยบมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง



“กวีมาหรือยัง”



“กวีจะมากี่โมง”



กวี กวี กวี...



เจนจิราปวดหัวแต่เช้า เพราะคุณพศินเจ้านายเธอเป็นเอามากแล้วจริงๆ



“ใครครับ”



“เดี๋ยวก็รู้”



เห็นบ.ก.คนสนิทยิ้มแปลกๆ กวีก็อดเสียวสันหลังไม่ได้ แต่ในเมื่อเธอไม่ยอมบอก เขาก็ไม่อยากเซ้าซี้ เขาเดินตามเธอเข้าไปด้านในสถานที่จัดงานอย่างว่าง่าย ที่เห็นจากด้านหน้าว่าพนักงานวิ่งวุ่นกันเท่าไร ด้านในยิ่งวุ่นวายมากกว่านั้นหลายเท่า เพราะทุกคนรีบเร่งเตรียมความพร้อมให้สมบูรณ์พร้อมก่อนจะเปิดงาน



“นี่งานไปถึงไหนแล้วครับ”



“เตรียมงานกันเกือบร้อยเปอร์เซ็นแล้วล่ะ”



“ทุกคนดูรนๆ กันมากเลย” กวีพูดตามที่เห็น



“เรียกกระตือรือร้นดีกว่า” เจนว่าขำๆ ” ก็แบบนี้แหละ นายลงคุมด้วยตัวเองนี่นะ แต่จริงๆ ก็แทบไม่เหลืออะไรให้ทำแล้ว อีกเดี๋ยวถ้านักเขียนในเว็บไซด์เรามากันครบ นายคงเรียกประชุมทำความเข้าใจกันอีกครั้ง ถึงจะปล่อยให้คนอ่านเข้ามาตรงช่วงเวลาที่เราประกาศเปิดงานพอดี”



“แล้วตอนนี้ผมต้องไปอยู่ไหนครับ”



กวีหันซ้ายหันขวามองเลิกลัก เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวเกะกะ อยู่ผิดที่ผิดทาง เหมือนไปยืนรอของเวฟหน้าเคาน์เตอร์ที่ 7-11 อย่างไรอย่างนั้น ซึ่งเป็นความรู้สึกที่กวีไม่ชอบเลย



“ไปอยู่ที่ห้องรับรอง”



“มีห้องรับรองด้วยหรือครับ” กวีถามอย่างแปลกใจ



“ต้องมีสิ คุณพศินให้คนจัดไว้แล้ว เพราะช่วงเวลาที่นักเขียนผลัดกันแจกลายเซ็น นักเขียนท่านอื่นๆ จะได้มีที่รอคิว เราต้องอยู่ในนั้นแทบทั้งวันเลยล่ะ เพราะคิวแจกลายเซ็นลำดับสุดท้าย แต่ช่วงสายต้องขึ้นเวทีไปเปิดงานแล้วก็พูดคุยนิดหน่อย เหมือนในเอกสารที่เลขาฯ คุณพศินแจกวันนั้นแหละ อ่านรายละเอียดมาแล้วใช่ไหม” เจนจิราอธิบายขณะเดินไปส่งกวีที่ห้องรับรอง



“ครับ”



“รายละเอียดไม่ต่างจากตรงนั้นเท่าไหร่หรอก ถ้าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงคุณพศินจะบอกเองอีกที” หญิงสาวเว้นไปนิดตอนหยุดยืนหน้าห้องรับรอง จากนั้นจึงหันมาถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล “เราโอเคใช่ไหม เรื่องสัมภาษณ์บนเวที”



“ก็...ไม่โอเคก็ต้องโอเคแล้วล่ะครับ”



“ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรหรอก ถึงมีเดียวคุณพศินที่อยู่บนเวทีน่าจะช่วยเอง”



“เรื่องกลัวน่ะผมไม่กลัว แค่ตื่นเต้น”



กวีไม่กังวลกับพวกคำถามต่างๆ เนื่องจากเขาเตรียมคำตอบมาตามสคริปที่ได้รับในวันประชุมแล้ว ทว่าเขาแค่ประหม่า เพราะรู้ว่าตนเองต้องตื่นคนแน่ๆ ด้วยไม่เคยออกมาทำอะไรต่อหน้าผู้คนมากๆ มาก่อน ขนาดตอนเด็กๆ ครูให้กวีนำสวดมนต์ กวียังไม่ยอมทำเลย นับประสาอะไรกับการสัมภาษณ์บนเวที ร้อยทั้งร้อยเขาต้องตื่นเต้นชัวร์ๆ อยู่แล้ว



“เอาน่า เดี๋ยวพอเริ่มผ่อนคลายก็ชินเองแหละ คนที่ดูเราก็มีแต่คนอ่านที่ชอบในผลงานเราทั้งนั้น คิดเสียว่าตอบคำถามคนอ่านในทวิตเตอร์ก็แล้วกันนะ” เจนปลอบ



แม้กวีจะรู้ว่ามันไม่มีทางเหมือนกัน ทว่าเขาก็รู้สึกดีขึ้นมาก



“ขอบคุณครับพี่เจน”



ให้กำลังใจกันเรียบร้อย บ.ก.สาวก็เปิดประตูเข้าไปในห้องรับรอง โดยด้านมีนักเขียนรุ่นพี่ที่ต้องมาแจกลายเซ็นวันนี้เช่นกันนั่งอยู่ก่อนแล้วหนึ่งคน กวีทักทายกับเธอพอเป็นมารยาท ก่อนจะแยกมานั่งบนโซฟาอีกตัวซึ่งอยู่ไม่ห่างกันนัก



รอกระทั่งใกล้ถึงเวลาเปิดงาน พศินก็เข้ามาในห้องรับรองพร้อมกับนักเขียนอีกคน เขาทักทายกวีตามปรกติ ก่อนจะเริ่มคุยรายละเอียดของงาน โชคดีที่ไม่มีแผนอะไรต้องเปลี่ยน กวีจึงพร้อมขึ้นไปบนเวทีโดยที่มีข้อมูลอยู่ในหัวเรียบร้อย



เมื่อถึงเวลา บ.ก.ของกวีก็เป็นตัวพานักเขียนทุกคนไปยังเวทีกลาง โดยมีการสัมภาษณ์ โฆษณาหนังสือ พร้อมทั้งเล่นเกมจนครบสิ้นกระบวนการ กวีจึงลงมาพักที่ห้องรับรองอีกครั้ง



เมื่อครู่ตอนอยู่บนเวที กวีมือเย็นเฉียบ แต่ก็สามารถควบคุมตนเองได้ดี ทั้งพิธีกรและนักเขียนรุ่นพี่มีส่วนช่วยเขามากเหมือนกัน คนอ่านเองก็ด้วย จากที่จินตนาการว่าตนเองต้องค่อนข้างกดดัน เพราะตอบช้า คิดนาน หรือพูดตะกุกตะกัก กวีกลับรู้สึกว่าบรรยากาศสบายๆ กว่าที่คิดมากทีเดียว



ชายหนุ่มนั่งเล่นรอเวลาพลางเช็คกระแสในโซเชียลเกี่ยวกับงาน หลายๆ อย่างเป็นไปได้ด้วยดี ดูท่าคนอ่านทั้งของเขาและของนักเขียนท่านอื่นค่อนข้างพอใจในรูปแบบของงาน เท่านี้กวีก็สบายใจแล้ว ที่เหลือก็อยู่ในส่วนแจกลายเซ็นช่วงท้ายก็เป็นอันจบ



ขณะที่กวีก้มหน้าก้มตาอยู่กับมือถือ เสียงของพศินก็เรียกให้เขาเงยขึ้นมาสนใจ



“กวีครับ”



“ครับ? คุณพศิน”



“หิวหรือยังครับ” พศินเดินเข้ามาหาเขาด้วยรอยยิ้ม ทว่าสิ่งที่เรียกความสนใจของกวีได้คือประโยคที่อีกฝ่ายถามมากกว่า



“นิดหน่อยครับ” นักเขียนหนุ่มตอบ ที่แรกเขาก็ไม่รู้สึกหิว แต่พอถูกถามก็หิวขึ้นมาเลย สงสัยกว่าคงกำลังตื่นเต้นกับงาน



“ถ้าอย่างนั้นออกไปทานอาหารกลางวันด้วยกันนะครับ ข้างนอกจัดโต๊ะเรียบร้อยแล้ว”



“ทานร่วมกันหรือครับ”



“คุณไม่สะดวกหรือเปล่า”



“อ้อ ไม่ครับๆ ผมสะดวก ไม่มีปัญหาอะไรเลย”



เพราะในกำหนดการเขียนแค่พักทานอาหารกลางวัน กวีจึงคิดว่าต่างคนต่างทาน ไม่ได้มีการเชิญให้ออกไปร่วมโต๊ะกับนักเขียนและพนักงานคนอื่นๆ ของเว็บไซด์



“ถ้าไม่สะดวก หรืออยากพัก ผมให้คนเอาอาหารมาตั้งโต๊ะให้ในนี้ได้นะครับ เดี๋ยวผมมาทานเป็นเพื่อน”



กวีรีบส่ายหน้าหวือด้วยความเกรงใจกับข้อเสนอของพศิน เพราะไม่อยากทำตัวเป็นภาระขนาดนั้น



“ไม่เป็นไรครับ ผมออกไปทานที่ห้องอาหารได้ จะได้คุยเรื่องงานกับคนอื่นๆ ด้วย”



“ครับ งั้นเราไปกันเถอะ” ว่าจบพศินก็เดินมาเปิดประตูให้ เพื่อรอเขาออกไปที่ห้องอาหารพร้อมกัน



“ขอบคุณครับ”



กวียิ้มรับและเดินคู่กับนายใหญ่ของบริษัทไปโดยไม่คิดอะไร ทว่าทันทีที่เข้าไปในห้องอาหาร กวีก็ถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ คล้ายสงสัยและสนอกสนใจผสมกัน ดวงตากลมเหลือบมอพศิน ครั้นเห็นอีกฝ่ายนิ่งๆ ก่อนหันมายิ้มให้อย่างใจดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กวีจึงผ่อนลมหายใจและคิดว่าคงไม่มีอะไรจริงๆ



เมื่อละสายตาจากรอยยิ้มของพศินแล้ว นักเขียนหนุ่มก็หันมาเห็นบ.ก.คนสนิทตักอาหารไป เม้าท์กับเพื่อร่วมงานไปอยู่ที่มุมหนึ่ง สองขาจึงรีบก้าวเข้าไปหา แล้วทักด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ



“พี่เจน”



“อ้าว! ก้อน หิวจนทนไม่ไหวเลยต้องออกมากินถึงนี่เลยหรือ นี่พี่กำลังจะตักอาหารไปให้พอดี”



“พี่เจนกำลังจะตักอาหารไปให้ผมหรือครับ”



“ใช่น่ะสิ ดูนี่ มีไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ที่เราชอบด้วยนะ”



คำพูดที่ตั้งใจตัดพ้อว่าบ.ก.คนดีทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวในห้องรับรองถูกกลืนลงคอไปทันที “ขอบคุณครับ”



“ไม่ต้องขอบคุณหรอก มาๆ มาช่วยพี่ถือหน่อย”



“เดี๋ยวผมถือให้เอง” พศินแทรกตัวออกมายืนบังกวีก่อนหยิบจานอาหารมาถือไว้



“คุณพศิน”



เจนจิราทำตาโตไม่ยอมปล่อยจาน กระทั่งเจ้านายกระแอมเรียกสติจึงยอมให้จานไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ไปแต่โดยดี



“กวีจะกินอะไรอีกไหม”



ที่ถาม เพราะพศินอยากอยู่ช่วยถือจานไป แต่กวีเองก็เกรงใจ ซ้ำยังอยากเลือกอีกหน่อย เพราะอาหารที่จัดเลี้ยงกลางวันมีตั้งหลายอย่าง เขาเพิ่งมายังดูไม่ครบเลย ชายหนุ่มจึงบอกปัด



“คุณพศินไปที่โต๊ะก่อนก็ได้ครับ ผมจะเดินดูก่อน”



“ถ้าอย่างนั้นผมไปรอที่โต๊ะ โต๊ะอยู่ตัวแรกนะครับกวี”



“ครับ”



กวีพยักหน้ารับง่ายๆ นาทีนี้เขาไม่สนใจอะไรแล้ว ดวงตาคู่ใสกวาดมองซุ้มอาหารละลานตา จนลืมสนใจสายตาคนรอบข้างไปหมด ทว่าเจนจิรากับเพื่อนร่วมงานอีกคนกลับนิ่งไปนิด หลายๆ คนที่ลอบสังเกตพวกเขาตั้งแต่เข้ามาในห้องอาหารเองก็เช่นกัน



จนกระทั่งพศินเดินไปแล้ว เจนจิราจึงหันมาจ้องเด็กในความดูแลของตัวเอง



“ก้อน”



“ครับพี่เจน”



“มาด้วยกันได้ยังไง”



“กับคุณพศินน่ะหรือครับ”



“อื้ม” หญิงสาวพยักหน้าแรงๆ



“ก็คุณพศินไปชวนที่ห้องรับรอง ให้ผมมากินข้าวด้วยกันที่นี้ เขาบอกว่าทุกคนรออยู่”



“รอหรือ...”



เจนจิราหันมองหน้าเพื่อนร่วมงานที่ยืนข้างๆ กัน ด้วยพวกเธอรู้ดีว่าสิ่งที่นายใหญ่ของพวกเธอทำนั้นมีความหมายมากกว่าชวนมาทานอาหารร่วมกันเฉยๆ ด้วยมื้อนี้เป็นบุฟเฟ่ที่ใครจะตักอย่างไร ตักไปกินตรงไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมานั่งที่ห้องอาหาร แล้วเธอที่เป็นคนดูแลกวีเองก็กำลังจะตักอาหารไปให้นักเขียนของตนเองเหมือนกัน เพราะรู้ว่ากวีไม่ชอบอยู่กับคนมากๆ



แต่คุณพศินยังชิงตัดหน้า มิหนำซ้ำยังพามาดูแลในที่ที่มีคนเยอะ เหมือนตั้งใจประกาศให้ใครต่อใครรู้ว่าความสัมพันธ์ของตนเองและกวีไม่ธรรมดา



เหมือนเปิดตัวกลายๆ



“เปิดตัวใช่ไม่ใช่” เพื่อนสาวของเจนจิราว่า เธอจึงตอบกลับด้วยคำถาม



“อาจจะแค่แสดงความเป็นเจ้าของหรือเปล่า”



“กั๊กไว้ก่อนน่ะหรือ”



“คิดว่าไงล่ะ”



“ชัวร์ๆ”



สองสาวพยักหน้าให้กันเงียบๆ ทว่าบุคคลที่สามซึ่งจับต้นชนปลายกับบทสนทนานั้นไม่ถูกได้แต่ยืนงง และเอ่ยถามพาซื่อ



“เปิดตัวอะไรกันครับ”



“ก็คุณพศิน--- “



“ไม่มีอะไร”



เพื่อนสาวของเจนจิราหุบปากฉับเมื่อถูกตัดบทและโดนสายตาดุๆ ของบ.ก.ของกวีตวัดมอง สุดท้ายกวีจึงไม่ทันได้รู้ว่าตกลงมีเรื่องอะไรกันแน่



“พี่เจน...” กวีหรี่ตามอง



“ไม่มีอะไรหรอกน่า” เจนจิราคว้าแขนนักเขียนหนุ่ม ก่อนหันเหความสนใจด้วยการพาไปดูอาหารที่ทางบริษัทจัดเลี้ยงแทน “ไปดูของกินดีกว่า เดี๋ยวรอบบ่ายคิวเราเซ็นแล้วนี่ เลือกช้าระวังกินไม่ทันนะ”



“จริงด้วย” หญิงสาวตีได้ตรงจุด เพราะเมื่อได้ยินว่าจะกินไม่ทัน กวีก็ละความสนใจจากเรื่องลับๆ ที่ไม่มีใครอยากให้เขารู้ และหันไปสนใจอาหารหน้าตาน่าอร่อยแทน “งั้นเราไปดูอาหารกันครับ เดี๋ยวกินไม่ทัน”



กวีตักอาหารมาหลายอย่าง แต่ในปริมาณอย่างละไม่มาก เพราะเขากลัวว่าจะกินไม่หมดแล้วเสียของ กระนั้นชายหนุ่มก็ยังใจดีตักมาเผื่อพศินที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะด้วย



ระหว่างที่ใครหลายคนเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของพศินที่มีต่อกวี นักเขียนหนุ่มก็มีความสุขกับมื้ออาหารจนไม่ให้ความสนใจอะไร กระทั่งกินเสร็จเขาก็ขอตัวกลับห้องรับรองเพื่อไปเตรียมตัว โดยมีพศินอาสาไปส่งที่ห้องเช่นเดิม ซึ่งอีกฝ่ายใช้ข้ออ้างไปทางเดียวกัน















เมื่อถึงเวลากวีก็ถูกพามานั่งยังที่ถูกจัดไว้ให้ เขาเห็นนักอ่านหลายคนถือหนังสือต่อแถวรออยู่ดูลายตาไปหมด พอได้มาอยู่ตรงจุดนี้ อยู่ๆ ความรู้สึกประหม่าก็พุ่งเข้าชนกวีอีกครั้ง



ชายหนุ่มสบตานักอ่านเพียงเล็กน้อยก็หรุบตาลง แสร้งมองหาปากกาสีในกระเป๋า ทั้งที่เลือกมาตั้งแต่บ้านแล้วว่าจะใช้แท่งไหน



แค่คนอ่านของเราก็มากันเยอะขนาดนี้เชียว...กวีคิด



เขายอมรับว่าดีใจมากที่มีคนสนับสนุน แต่ก็ตื่นเต้นเสียจนทำอะไรไม่ถูก มือไม้เขาเย็นไปหมด หัวใจเต้นไม่เป็นระส่ำ กระทั่งพนักงานเริ่มปล่อยให้คนเข้ามา ชายหนุ่มจึงต้องเงยหน้าขึ้นทักทายกับนักอ่านคนสำคัญ



“สวัสดีครับ คุณก้อน”



เสียงคุ้นเคยทักทายด้วยชื่อเรียกที่นักอ่านใช้เรียกแทนนามปากกาเต็มของกวี พร้อมกับรอยยิ้มกว้างแสนคุ้นตาทำให้กวีต้องเบิกตากว้าง



!!



“พี่ลม!”



คนตัวสูงเลื่อนหนังสือเล่มใหม่ล่าสุดมาตรงหน้า ก่อนจะเปิดให้นักเขียนดังเซ็น แต่กวีเหมือนหุ่นยนต์เครื่องค้างไปแล้วตั้งแต่มองเห็น วายุจึงเรียกเพื่อเตือนสติอีกคำ



“ช่วยเซ็นให้พี่หน่อยได้ไหม”



“อะ...ครับ ได้ครับ” กวีรีบตอบรับตะกุกตะกัก มือสั่นๆ จับปากกาเซ็นไปด้วย



“ยินดีด้วยนะครับ”



ครั้นเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ตรงหน้าของกวีก็มีช่อผลไม้...



ไม่ผิด มันคือช่อผลไม้จริงๆ เพราะแทนที่จะเป็นดอกไม้ ของแสดงความยินดีตรงหน้ากลับมีทั้งองุ่น แอปเปิ้ล เบอรี่ ทับทิม พีช และอื่นๆ จัดรวมช่อห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาลดูสวยและน่ากิน



“ว้าว~ ขอบคุณครับพี่ลม!”



ดวงตาที่เคยฉายแววกังวลบัดนี้สว่างไสวราวกับดาวดวง กวีเอื้อมมือมารับและกอดช่อผลไม้ของตนเองไว้ ครู่เดียวพี่เจนก็มาช่วยถือออกไปวางที่ด้านข้างแทน



“ขอให้ขายดีติด Best seller เลยนะครับ แล้วพี่จะตามซื้อทุกเล่มเลย”



“ขอบคุณมากๆ ครับ ขอบคุณจริงๆ”



กวีไม่รู้ว่าตัวเองจะยิ้มกว้างกว่าที่เป็นอยู่ได้อย่างไร เพราะเวลานี้เขาฉีกยิ้มจนปวดแก้มไปหมด



“งั้น...เสร็จงานแล้วเราเจอกันนะครับ พี่ไม่รบกวนเวลาคนอื่นแล้ว” พี่รถกับข้าวของกวีชี้ไปที่ด้านหลังซึ่งมีนักอ่านต่อแถวรออยู่



เห็นดังนั้นกวีจึงจำใจพยักหน้ารับ “เสร็จแล้วผมจะส่งข้อความหาครับ”



“พี่จะรอนะ” วายุยิ้มหวานส่งมาให้ คล้ายกับกำลังรอคำนี้อยู่ กวีจึงพยักหน้ายืนยันแข็งขันจนผมที่ตั้งใจเซตปรกหน้าผาก



“ครับ”



“สู้ๆ นะครับ”



“ขอบคุณอีกครั้งครับ”



เรียบร้อยแล้ววายุก็รับหนังสือคืนและออกจากแถวมา กวีไม่รู้ว่าวายุนั่งรออยู่ตรงไหน เพราะออกจากรั้วกั้นไป อีกฝ่ายก็หายลับไปในฝูงชน



กวีไม่มีเวลามองชะเง้อหาพี่รถกับข้าวที่มาทำเซอร์ไพรส์เขานานนัก เพราะนักอ่านท่านอื่นก็ต่อแถวเข้ามาพูดคุยกับเขาเช่นกัน ทว่าในใจของกวีกลับยังเต้นแรงด้วยความรู้สึกยินดี



มันเป็นความรู้สึกยินดีคนละแบบกับที่เขามีต่อนักอ่านคนอื่นๆ แม้ว่าทุกคนจะสำคัญเท่ากันหมดเพราะช่วยสนับสนุนกวี แต่พอเป็นพี่รถกับข้าว ผู้ชายใจดีที่ขยันสร้างรอยยิ้มให้เขาคนนั้น



กวีรู้สึกว่าหัวใจได้สัมผัสกับคำว่า...พิเศษ



จังหวะที่กำลังก้มหน้าเซ็นให้กับนักอ่านคนแล้วคนเล่า ดวงตากลมก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองช่อผลไม้ที่ได้มาจากพี่รถกับข้าว บนนั้นมีการ์ดแผ่นเล็กเสียบเอาไว้พร้อมกับประโยคที่อีกฝ่ายบอกเขาก่อนจากไป



สู้ๆ นะครับ



ราวกับได้รับคำปลอบประโลม ราวกับมีคนบอกเขาว่าทำได้ และทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี ดังนั้นตลอดงานแจกลายเซ็นของนายหินก้อนสุดท้าย กวีจึงไม่รู้สึกถึงความประหม่าอีกเลย...











--------------------------------------------------------------------------------------------









มาแล้วค่ะ!!

คุณพศินอุส่าห์ดูแลแทบตาย พี่รถกับข้าวมาคือน้องโดนรวบเข้าปากไปเลย

ก้อนลูก หนูจะใจง่ายให้พี่เค้าแบบนี้ไม่ได้นะลู๊กกกก 5555

ความสัมพันธ์เริ่มขยับขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว

/เร็วในที่นี้คือระยะเวลาในเรื่องนะคะ เพราะตอนนี้น้องกับพี่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงสองเดือนเอง 555

เจอกันตอนหน้าค่ะ

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
น้องก้อนไม่รู้ตัวว่าคุณพศินทำอะไร
แต่น้องก้อนรับรู้และรู้สึกว่าพี่รถกับข้าวทำอะไร
สู้ๆ นะพี่รถกับข้าว

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
โหหห น้องก้อนฮอตจริงๆเลย ทั้งเจ้านายทั้งเจ้าของร้านตู้กับข้าว

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เหลวเป็นน้ำให้พี่ลมคนเดียววว  :hao6:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
บอสมาช้าไปหน่อย แถมเจ้าก้อนของเราก็ไม่เก็ทในสิ่งที่แสดงออก เสียเวลาเปล่าจริง ๆ
ส่วนพี่ลมไม่พลาดที่จะทำคะแนนเลยสักรอบ

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขนาดยังไม่แน่ใจว่ารู้สึกยังไง แต่มารอคิวเซ็นลายเซ็นคิวแรกเลยนะพี่ลม  :laugh:

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
 น่าฉงฉานคุณพศินโน๊ะ  :hao6:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
พี่รถกับข้าวมาถูกทางแล้วค่ะ ไอ้การที่เอาของกินมาแทนช่อดอกไม้นี่คงวางแผนมาแล้วใช่มั้ยว่าก้อนชอบกิน 55555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
คุณพศินเหมือนแสดงความเป็นเจ้าของไม่ทันไร เจอพี่ลมเล่นใหญ่เลย  :hao3:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
น้องก้อนนี่เรื่องกินต้องมาก่อนเสมอ

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
บอสโดนตัดหน้า. 555,,,

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ปล่อยบอสไปครับ ไม่ต้องสนใจ ฮ่าๆ
สนใจพี่ลมดีกว่านะครับน้องก้อน ^^

ออฟไลน์ piiya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-2
คุณพศินเนี่ยไม่ได้เลย พี่ลมต้องทำ การแสดงความเป็นเจ้าของน้องก้อนบ้างแล้ววว  :laugh:

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
น้องก้อนน่ารักมาก

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Tequila

  • I am a follower KiHae.
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 93
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ jaaswp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชูป้ายรอน้องก้อนทำไมน้องน่ารักขนาดนี้ลูกกกกก :mew3: :mew3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
เอ็นดูความหลอกง่ายของเจ้าก้อน ใครเอาของกินมาล่อก็เขวไปกับเขาหมด 5555

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___
น้องก้อนลู้กกกกกกกกกกก ขอออเดอร์พี่ลมหนึ่งทีค่ะ พี่คะ! หนูกินเก่งเหมือนกันค่ะ!

ออฟไลน์ Stmmltww

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ขอบคุณมากค่า น่ารักมากๆ น้องก้อนนนนน อยากกอดน้องเลยค่ะ5555 ขอบคุณมากค่า สนุกมากเลย น่ารักมากๆ :-[ :o8:

ออฟไลน์ tn

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้องก้อนนี่น้องก้อนจริงๆ เอาของกินล่อไว้แน่นๆนะ เดี๋ยวใครมาขโมยไป

ออฟไลน์ mafia

  • ซานต้าครอสสีดำ
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-0
    • Black Santa'Clause FANPAGE
มะ...  ไม่มาต่อแล้วเหรอคะ
คนเขียนหายไปไหนนนน

คิดถึงน้องก้อนกับพี่รถกับข้าว
 :o12:

ออฟไลน์ Raycira

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
 o22 น่ารัก






บทที่ 8








             กิจวัตรของวายุในช่วงนี้ นอกจากเฝ้าร้าน เช็คของในสต็อก ตรวจสอบบัญชีร้าน และดูแลพนักงานแล้ว ชายหนุ่มยังเจียดเวลาว่างมานั่งอ่านนิยายเป็นเล่มจนพนักงานในร้านนึกสงสัย

“หนังสืออะไรน่ะพี่ลม ผมเห็นอ่านทุกวัน” แซมถามขึ้นในช่วงสายของวันหนึ่ง หลังจากส่งลูกค้าออกจากร้านเรียบร้อยแล้ว

“นิยาย” วายุตอบสั้นๆ

“พี่ติดนิยายด้วยหรือ” แซมถามต่อ

“อืม เพิ่งติดนี่แหละ”

“นิยายอะไรน่ะ”

“นิยายแนวแฟนตาซี สนใจอยากอ่านบ้างไหมล่ะ” วายุวางหนังสือไว้ที่ตัก ก่อนจะหันมาเชิญชวนพนักงานคนสนิทด้วยท่าทางจริงจัง

“ก็น่าสนนะ” แซมว่า เมื่อเหลือบเห็นปกและชื่อเรื่อง

“เอาไว้อ่านเสร็จแล้วจะให้ยืมแล้วกัน”

“ขอบคุณครับ”

หลังจากคุยตกลงกันเรียบร้อย วายุก็สั่งให้แซมไปเติมของที่ชั้นด้านหน้าซึ่งแหว่งไปจากการหยิบของลูกค้าคนเมื่อครู่ ส่วนตนเองนั้นก็หันกลับมาพลิกนิยายหน้าที่ค้างไว้เพื่ออ่านต่อ

ในทีแรกวายุแค่ต้องการอ่านเพราะอยากรู้จัก อยากสัมผัสถึงตัวตนของกวีให้มากขึ้น แต่พออ่านจบไปเล่มหนึ่ง ชายหนุ่มกลับต้องหาเล่มอื่นๆ มาอ่านเพิ่มเติม จนคาดว่าอีกไม่นานหลังจากนี้ เขาคงต้องไปอ่านทางออนไลน์ที่มีตอนใหม่ๆ อัพเดตแทน

วายุไม่แปลกใจเลยที่กวีจะมีแฟนคลับติดตามทางทวิตเตอร์มากขนาดนั้น เพราะนิยายของกวีสนุกและชวนติดตามทุกเรื่อง ขนาดคนที่ไม่ค่อยอ่านหนังสืออย่างเขายังติดงอมแงม

นอกจากเรื่องนิยายแล้ว เขายังได้สิทธิพิเศษเพิ่ม โดยการส่งข้อความโต้ตอบกับนักเขียนดังโดยตรง หากไม่ใช่คุยกันแค่เรื่องนิยาย เรื่องสัพเพเหระทั่วไปก็ยังอยู่ในบทสนทนา จนคล้ายกับว่าเวลานี้พวกเขาสนิทกันขึ้นกว่าแต่ก่อนมากทีเดียว

ชายหนุ่มนั่งอ่านนิยายอยู่สักพัก กระทั่งเหลือบไปเห็นนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงตรง เขาจึงวางหนังสือลงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหากวี

WAYU : กินข้าวเที่ยงหรือยังครับ [12:02 อ่านแล้ว]

ก้อนไงจะใครล่ะ : ยังเลยครับ [12:03 อ่านแล้ว]

ก้อนไงจะใครล่ะ : ผมเพิ่งตื่น [12:03 อ่านแล้ว]

พอวายุกดข้อความส่งไปหา อีกฝ่ายตอบกลับมาทันที เจ้าของร้านพี่รถกับข้าวอ่านข้อความที่ส่งกลับมาอย่างรวดเร็วพลางอมยิ้มบางๆ

WAYU : เมื่อคืนนอนดึก? [12:04 อ่านแล้ว]

ก้อนไงจะใครล่ะ : เรียกว่านอนเช้าจะถูกกว่าครับ [12:04 อ่านแล้ว]

WAYU : ปั่นต้นฉบับหรือครับ [12:04 อ่านแล้ว]

ก้อนไงจะใครล่ะ : ครับ ใกล้เดตไลน์อีกแล้ว [12:05 อ่านแล้ว]

WAYU : ลำบากแย่เลยสินะ [12:05 อ่านแล้ว]

ก้อนไงจะใครล่ะ : ก็นิดหน่อย แต่ผมชินแล้วครับ [12:05 อ่านแล้ว]

ก้อนไงจะใครล่ะ : ว่าแต่พี่ลมพักกินข้าวหรือยังครับ หรือว่ากำลังส่งของ [12:05 อ่านแล้ว]

WAYU : อยู่ที่ร้านน่ะ กำลังจะพักครับ [12:06 อ่านแล้ว]

WAYU : แต่ยังไม่ได้กินอะไรเลย หิวมาก [12:06 อ่านแล้ว]

หลังจากส่งข้อความไปแล้ว วายุก็ส่งสติ๊กเกอร์กระต่ายน่ารักๆ ทำท่ากุมท้องด้วยความหิวโซไปให้กวี เป็นเครื่องยืนยันว่าเขาหิวมากจริงๆ

ก้อนไงจะใครล่ะ : 55555555 [12:07 อ่านแล้ว]

ก้อนไงจะใครล่ะ : สติ๊กเกอร์พี่ลมน่ารักจัง [12:07 อ่านแล้ว]

WAYU : น่ารักเหมือนคนชมแหละครับ 555 [12:08 อ่านแล้ว]

ชายหนุ่มหยอดไปประโยคหนึ่ง ก่อนจะรอดูผลลัพธ์ด้วยใจระทึก ไม่รู้ว่าคราวนี้กวีจะอ่านแล้วเงียบเหมือนที่เขาหยอกไปคราวที่แล้วอีกหรือเปล่า

ก้อนไงจะใครล่ะ : ขอบคุณครับ 555 [12:09 อ่านแล้ว]

ผิดคาด...

เพราะคนน่ารักเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะส่งสติ๊กเกอร์กระต่ายอ้วนแบบเดียวกันกับของวายุ แต่เปลี่ยนเป็นถือป้ายขอบคุณมาให้

วายุยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้หน้าจอโทรศัพท์อยู่เดี๋ยวเดียว แล้วลูกค้าก็เข้าร้าน ชายหนุ่มจึงต้องพักการคุยกับคนน่าไว้เท่านี้ก่อน

WAYU : เที่ยงกว่าแล้ว ลุกขึ้นมากินข้าวนะครับ เดี๋ยวปวดท้อง [12:10 อ่านแล้ว]

ก้อนไงจะใครล่ะ : ต้องไปทำงานแล้วหรือครับ [12:10 อ่านแล้ว]

อีกฝ่ายเอ่ยถามอย่างนกรู้ พานให้คนถูกถามยิ้มกว้างขึ้นอีก

WAYU : ครับ ลูกค้าเข้าร้านน่ะ [12:11 อ่านแล้ว]

WAYU : ว่าแต่รู้ได้ไง เก่งจัง [12:11 อ่านแล้ว]

ก้อนไงจะใครล่ะ : ผมเดาเอา เพราะเห็นพี่ลมพูดเหมือนสั่งเสีย 555 [12:12 อ่านแล้ว]

WAYU : สั่งเสีย? [12:12 อ่านแล้ว]

ก้อนไงจะใครล่ะ : 555 ผมเปรียบเฉยๆ [12:13 อ่านแล้ว]

ก้อนไงจะใครล่ะ : ไปรับลูกค้าเถอะครับ แล้วอย่าลืมหาข้าวเที่ยงกินด้วยนะ [12:13 อ่านแล้ว]

WAYU : อืม วีก็ด้วยนะครับ ^-^ [12:14 อ่านแล้ว]

ก้อนไงจะใครล่ะ : ขอกลิ้งบนเตียงอีกเดี๋ยวแล้วจะไปครับ J [12:15 อ่านแล้ว]

ได้อ่านข้อความ ได้คิดภาพตามแล้ววายุก็นึกขำ กวีน่ารักและเป็นกันเองกับเขามาก แต่ในขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็สุภาพและขี้เกรงใจ นึกถึงใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาเป็นประกายยามที่รู้ว่าเขาดั้นด้นไปซ้อหนังสือมาอ่าน ทั้งยังเอาไปให้เซ็น วายุก็ยิ่งชอบใจ

วายุคิดว่าตนมาถูกทางแล้ว

แต่ดูเหมือนหลุมที่ตกลงไปในทีแรกก็ดูดให้ใจของเขาถลำลึกลงมากกว่าเดิมเช่นกัน

...ด้วยเหตุนี้เขาเองก็คงต้องพยายามมากขึ้นอีกหน่อย

พรุ่งนี้จะครบกำหนดสามวันแล้ว กวีน่าจะสั่งของมาเหมือนเดิม เอาไว้คืนนี้ยังพอมีเวลา เขาค่อยคิดหัวข้อที่จะเอาไปทำคะแนนกับอีกฝ่ายใหม่

วายุส่ายหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองทิ้ง ก่อนปรับสีหน้าเป็นร้อยยิ้มการค้า แล้วเข้าไปรับลูกค้าที่กำลังก้มๆ เงยๆ หาสินค้าที่แผนกเครื่องปรุง

“สวัสดีครับ พี่รถกับข้าวยินดีต้อนรับ ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ...”

















สุดท้ายวายุก็ไม่ได้วางแผนการอะไรเพิ่ม เพราะเมื่อลองมานั่งคิดดูดีๆ เขาว่าวิธีเข้าหาจากงานที่อีกฝ่ายเขียนน่าจะเหมาะ และน่าจะพาให้บทสนทนาลื่นไหลเป็นธรรมชาติที่สุด

ซึ่งชายหนุ่มก็ต้องรับการยืนยันในทฤษฎีทันทีที่ไปถึงหน้าห้องกวี

“พี่ลมมาแล้ว!”

“ครับ พี่ลมมาส่งกับข้าวแล้วครับ”

คำทักทายที่พวกเขาปรับเปลี่ยนใหม่ชวนให้รู้สึกสนิทใจมากกว่าเดิม ทั้งระดับความกระตือรือร้นก็มากขึ้นตามไปด้วย

“ของครบนะครับ”

“ไม่มีขาดสักรายการเดียวครับ” วายุรายงาน กวีจึงก้าวออกจากเขตประตูห้องมารับตะกร้าอาหาร

วันนี้นักเขียนหนุ่มไม่ได้ติดกิ๊บ แต่คาดที่คาดผมเปิดหน้าผากรูปหัวใจ สวมชุดอยู่บ้านเป็นเสื้อยืดย้วยๆ กับกางเกงขาสั้นๆ เพิ่มเติมคือผ้ากันเปื้อนขนาดความยาวเกือบพอดีกับขอบล่างของกางเกง มันเป็นชุดอยู่บ้านธรรมดาๆ ที่วายุเห็นกวีใส่บ่อยครั้ง แต่ไม่รู้เพราะอะไร เขากลับชอบกวีในลุคนี้มากกว่าชุดเป็นทางการที่อีกฝ่ายใส่ไปกินข้าวกับคนที่สำนักพิมพ์วันก่อนเสียอีก

กวียืนเช็คของคร่าวๆ พอเห็นว่าไม่น่าจะขาดตกรายการไหนอย่างที่วายุว่าจริงๆ ดวงตากลมจึงเงยขึ้นสบตากับวายุ

“ครบทุกรายการจริงๆ ครับ” เจ้าตัวว่า ก่อนจะถาม “ว่าแต่พี่ลมต้องรีบไปส่งของต่อหรือเปล่าครับ”

“วีมีอะไรหรือเปล่าครับ”

“คือ...สมมติว่าถ้าพี่ไม่รีบ เข้าไปชิมเกี๊ยวคาโบนาร่าของผมไหมครับ”

แม้ดวงตากลมจะปิดซ่อนแววบางอย่างเอาไว้ แต่คนช่างสังเกตก็ลอบสังเกตเห็น วายุประมวลผลรวดเร็ว แล้วจึงเอ่ยถาม

“เพิ่งเคยทำครั้งแรกหรือครับ”

“พี่ลมรู้ได้ไงน่ะ”

“พี่มีตาทิพย์” ชายหนุ่มว่าพลางขยิบตานิดๆ อย่างขี้เล่น ทำเอากวีเผลอหัวเราะออกมา

“ฮ่าๆ ครับๆ ผมเพิ่งเคยทำครั้งแรก ถ้าพี่ลมว่างและไม่รังเกียจล่ะก็...”

“พี่จะรังเกียจได้ไงล่ะ” คนที่รอจังหวะอยู่แล้วรีบสวนทันที

แต่กวีก็ยังไม่มั่นใจ “ผมไม่ได้เบียดเบียนเวลางานของพี่นะครับ”

“ไม่ครับ พี่มีเวลาว่างสองสามชั่วโมงพอดี วีไม่ต้องกังวลนะ ความจริงควรเป็นพี่ต่างหาที่กังวลจริงไหม เพราะดอดเข้าบ้านลูกค้าอีกแล้ว”

“ผมเป็นคนชวนเอง พี่ลมไม่ต้องกลัวนะ ถ้าเจ้านายพี่ว่า ผมจะเป็นคนยืนยันให้เอง”

“หึๆ” ชายหนุ่มหัวเราะอย่างมีเลศนัย “เจ้านายพี่ไม่ว่าหรอกครับ”

...เพราะพี่เป็นเจ้านายตัวเองนี่ครับ

ประโยคหลังวายุนึกกับตัวเอง แต่ไม่ได้เอ่ยปากพูดออกไป

“ถ้างั้นก็เข้าบ้านกันครับ ผมห่อเกี๊ยวไว้แล้ว กำลังจะตั้งเตาลวกพอดีเลย” เจ้าบ้านเปิดประตู้กว้างเป็นกางเชื้อเชิญ

“งั้นพี่ไม่เกรงใจล่ะนะครับ”

“อื้ม” ใบหน้ากลมๆ พยักหงึกหงักอย่างน่ารัก

เห็นแก้มท่าทางนุ่มนิ่มนั่นแล้ววายุอยากจะยื่นมืดเข้าไปบีบเบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว แต่ก็ต้องอดใจเอาไว้ แล้วเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นหูตะกร้ากับข้าวในมือกวีแทน

“มาครับ พี่ช่วยถือ”

“ไหนว่าจะไม่เกรงใจแล้วไงครับ” กวีหันมาหยอก

“เคยได้ยินไหมครับ เขาว่าเข้าบ้านท่านอย่านิ่งดูดาย พี่ปั้นวัวปั้นควายไม่เป็น ดังนั้นให้พี่ช่วยถือตะกร้าแทนนะครับ ส่วนวีเดินนำไปเลย”

“ก็ได้ครับ” กวียิ้มรับ ก่อนจะยอมปล่อยวายุทำตามใจและเดินนำเข้าไปในห้อง ก่อนจะคอยปิดประตูให้



เกี๊ยวคาโบนาร่าที่เจ้าบ้านบอกว่าเคยทำเป็นครั้งแรก รสชาติอร่อยถูกใจวายุเอามากๆ เขาเคยทานเกี๊ยวน้ำไส้หมู กุ้ง และอื่นๆ มาหลายครั้ง แต่ไม่เคยลองที่ด้านในเป็นไส้ชีสและเครื่องปรุงที่ให้รสชาติเหมือนสปาร์เก็ตตี้คาโบนาร่าแบบนี้ มันให้รสสัมผัสและความรู้สึกที่แตกต่างออกไป ซ้ำอร่อยและแปลกจนคิดว่าถ้าอยากกิน ชายหนุ่มคงไม่รู้จะไปหากินที่ไหน

“อร่อยมากเลยครับ ไม่น่าเชื่อว่าทำครั้งแรก”

“จริงหรือครับ” คนทำตาเป็นประกายเมื่อได้ยินคำชม

“อื้ม”

“ไม่เค็มไปใช่ไหมครับ ผมรู้สึกเหมือนตอนผสมไส้ ตัวเองใส่เกลือลงไปเยอะเลย”

“ไม่เค็มครับ กำลังดีเลยล่ะ” ว่าจบวายุก็ตักเกี๊ยวชิ้นโตเข้าปากอีกคำ

รสเค็มๆ มันๆ ของชีสกับความนุ่มนิ่มลื่นคอของแป้งเกี๊ยวและน้ำซุปใสผสานกันได้อย่างลงตัวไม่มีที่ติ ไหนจะกลิ่นหอมของเครื่องปรุงที่ลอยเตะจมูกนั่นอีก ความกังวลที่กำลังอยู่ในช่วงควบคุมอาหารเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อก็หายไปจากความคิดหมดสิ้น

“ดีใจจัง ความจริงผมว่ามันก็รสชาติใช้ได้นะ แต่ไม่แน่ใจว่าจะดีพอไหม มีคนมาช่วยชิมให้แบบนี้ ค่อยมั่นใจหน่อย”

“มั่นใจได้เลยครับ อร่อยจริงๆ นี่ไม่รู้ว่าถ้าพี่อยากกินอีก พี่จะไปหากินจากที่ไหนได้นะเนี่ย”

“ถ้าอยากกินอีก ก็บอกผมสิครับ ผมจะทำให้พี่ลมกินเอง” กวีแทบตบอกเสนอตัว

“ได้หรือครับ” วายุถามย้ำ แต่พอจะคาดเดาคำตอบได้อยู่แล้วว่าจะเป็นเช่นไร เขาแค่อยากได้ยินอีกฝ่ายย้ำมั่นใจอีกครั้งเท่านั้น

“แน่นอนครับ เชื่อมือกวีได้เลย!”

แล้วก็อยากเห็นรอยยิ้มแป้นๆ ของคนน่ารักแบบนี้ด้วย...



หลังทานเสร็จวายุก็อาสาอยู่ช่วยล้างจานเหมือนทุกที และครั้งนี้กวีก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วย เพราะวายุใช้วิธีชวนคุยให้อีกฝ่ายสนใจเรื่องอื่นจนลืมที่จะปฏิเสธ พอรู้ตัวอีกที มือใหญ่ก็จุ่มลงไปในอ่างล้างจานเรียบร้อยแล้ว เวลานี้พวกเขาจึงได้แต่ยืนเบียดจนแขนชิดกันตรงหน้าอ่างและจานกองพะเนิน พลางพูดคุยกันอย่างออกรสชาติ

ส่วนเรื่องที่ดึงความสนใจของกวีได้ก็หนีไม่พอเรื่องนิยายของเจ้าตัวนั่นแหละ

“พี่อ่านเล่มสี่จบแล้วหรือครับ”

“ใช่ครับ”

“อ่านเร็วมากๆ” คนตาโตอยู่แล้วทำตาโตขึ้นไปอีก

“ตอนนี้กำลังค้างเลยนะ”

“เอ่อ...จบตอนที่สมาคมแพงโกล่าบุกเข้าไปที่สมาพันธ์พอดีสินะครับ”

เรื่องราวในนิยายที่กวีเอ่ยถึง เป็นช่วงที่กลุ่มกิลด์ของตัวเองบุกเข้าไปโจมตีคนของทางการซึ่งถือเป็นตัวร้ายกลุ่มใหญ่ในเรื่อง

“ใช่ นี่พี่อ่านไปลุ้นไป พอฟิลด์พาคนในสมาคมเข้าไปได้ วีดันตัดจบซะงั้น พี่แทบทึ้งหัวเลยล่ะ”

“ฮ่าๆ ๆ” เห็นวายุทำท่าอยากจะทึ้งหัวจริงๆ กวีก็หลุดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นครัว “ขนาดนั้นเลยหรือครับ”

“ขนาดนั้นแหละ” วายุยืนยัน “นี่พี่ตัดสินใจจะไม่รอเล่มแล้วนะ ตั้งใจจะไปตะลุยอ่านในเว็บไซด์ที่วีลงต่อเลย เอาไว้เล่มออกมาค่อยซื้อเก็บทีหลัง”

“ถ้าพี่อยากได้เล่ม เดี๋ยวหนังสือออกเดือนหน้า พี่มาเอาที่ผมก็ได้นะครับ” นักเขียนดังว่า

“ไม่เอาหรอก พี่จะเพิ่มยอดขายให้วี ทางสำนักพิมพ์เขาจะได้พิมพ์เรื่องนี้ต่อเนื่องไปจนจบไงล่ะ พี่เคยเห็นข่าวที่ว่า นิยายเรื่องไหนทำยอดขายไม่ได้ ส่วนใหญ่จะถูกทิ้งกลางทางด้วยนะ พี่ไม่ยอมให้หนังสือวีเรื่องนี้ถูกทิ้งกลางทางแน่ ต้องสนับสนุนๆ”

ครั้นเห็นวายุเคราะห์และแสดงความเป็นห่วงอย่างจริงจัง กวีก็ยิ้มออกมาจนเต็มแก้ม ในดวงตาคู่ใสไม่อาจปกปิดความปลื้มใจที่ซ่อนอยู่ได้เลยแม้แต่น้อย

“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณมากๆ เลย”

“ขอบคุณทำไมล่ะ สำหรับนักอ่านอย่างพี่นะ ขอแค่วีเขียนออกมาให้อ่านได้เรื่อยๆ และจบลงสวยๆ พี่ก็ดีใจแล้วล่ะ โอ้ย...พูดแล้วอยากอ่านต่อเลย”

ประโยคที่วายุเอ่ยออกมาทั้งหมด ไม่ได้เป็นแค่แผนการในการพิชิตใจคนน่ารักเท่านั้น แต่ทุกคำที่เอ่ยล้วนออกมาจากใจจริงๆ

“ผมจะตั้งใจเขียนนะครับ ต่อไปจะขยันมากๆ ไม่อู้แล้ว”

“พี่ไม่ได้กดดันนะ” วายุหยอก “แต่ถ้าอ่านทันในเว็บล่ะก็ พี่จะทวงตอนต่อไปทุกวันเลย”

“อ้าว...ไหนว่าไม่กดดัน”

“ไม่ได้กดดัน แค่ทวงเช้าทวงเย็นเฉยๆ”

“นั่นยิ่งกว่ากดดันอีกครับพี่โล้ม!!”

“ฮ่าๆ ๆ” วายุหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินกวีโหยหวน “ไม่รู้ล่ะ วีสัญญากับพี่แล้วว่าจะขยัน ห้ามผิดสัญญานะ”

“ผมแกล้งตายได้ไหม”

“ไม่ได้สิ ฮ่าๆ”

“พี่ลมเริ่มไม่ใจดีแล้ว”

พอได้ยินว่าจะถูกทวงนิยายเช้าเย็น ปากเล็กๆ ก็ยื่นออกมาอย่างขัดใจ ก่อนจะขมุบขมิบฟังไม่รู้ความ คล้ายอีกฝ่ายกำลังบ่นกับตัวเอง

“งั้นวีเป็นคนใจดีแทนได้ไหม นี่พี่เอาหนังสือมาให้เซ็นด้วยนะ อยู่ในรถเล่มนึงนะ”

“ไว้พี่จะกลับผมลงไปเซ็นให้ก็ได้ คราวนี้เอาปากกาสีครามนะครับ”

“ทำไมสีครามล่ะ”

“ก็ผมจะเซ็นให้เป็นสีรุ่งเลย ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง”

“โห คิดมาดีๆ” วายุชม เพราะเขาเองก็คิดไม่ถึงตอนที่ได้ลายเซ็นสีม่วงคราวที่แล้ว

“อยู่แล้วล่ะ แล้วตอนนี้หนังสือผมกำลังจะมี 7 เล่มพอดีด้วย”

“แล้วถ้าเล่มที่ 8 วางขายทำไง”

“เอาไว้ตอนนั้นผมค่อยคิด ตอนนี้ผมต้องเอาเล่ม 7 ให้รอดก่อนครับ” พูดจบกวีก็คล้ายจะทำท่าปาดเหงื่อ

ดวงตาคมมองจานในมือที แอบลอบมองคนข้างกายที พลางอมยิ้มอย่างมีความสุข

มีความสุข...วายุไม่ได้รู้สึกมีความสุขอันเกิดจากคนอื่นซึ่งไม่ใช่ครอบครัว ไม่ใช่เพื่อนเช่นนี้มานานแล้ว มันเป็นความรู้สึกง่ายๆ ที่เกิดจากการได้มองเห็น

เห็นเขายิ้ม เห็นเขาหัวเราะ แม้แต่เห็นเขาทำหน้าบู้บี้อย่างในตอนนี้...วายุก็มีความสุข

ไม่รู้ว่าอาการนี้จะเรียกว่าแค่หลงรักอย่างฉาบฉวย หรือตกหลุมรักจริงๆ วายุไม่อาจแยกประเภทหรือรู้ลึกได้ถึงความรู้สึกจริงๆ ขนาดนั้น

และเขาก็เลิกที่จะพยายามค้นหาคำตอบแล้ว

สิ่งที่วายุจะทำในตอนนี้ คือ ทำให้ทุกอย่างดำเนินไปตามธรรมชาติ...แค่ปล่อยให้มันเป็นไป

บางทีในวันใดวันหนึ่งหลังจากนี้เขาคงได้รู้

วายุมองกวีตั้งหน้าตั้งตาเช็ดจานให้แห้งด้วยผ้าขนหูผืนเล็ก มองแก้มใสๆ ของคนข้างกายขยับไปมาน้อยๆ ยามที่อีกฝ่ายฮัมเพลงเบาๆ

เวลานี้เขาต้องการแค่มองกวีให้นานขึ้นเท่านั้น แต่สักวัน อาจจะอีกไม่นานหลังจากวินาทีนี้ วายุมั่นใจว่า เขาจะได้รู้ชื่อเรียกของสิ่งที่กำลังเติบโตอยู่ในหัวใจของตนเองอย่างแน่นอน








--------------------------------------------------------------------








เรากลับมาแล้ว หลังจากหายไปจัดการตัวเองพักใหญ่

เรื่องนี้ไม่ยาวมากค่ะ ถ้าเทียบกับคุณคือความรัก

มีประมาณ 25 ตอนได้ ต่อไปจะพยายามลงให้อ่านต่อเนื่องนะคะ ^^



ละอองฝน.

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ชั้นเชิงต่างกันนะคะ คุณพศินต้องเรียนรู้อีกเยอะะะะะ55555 พี่ลมนี่คือความเรียบง่ายที่แทรกซึมจนคาดไม่ถึงเลย  :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2







บทที่ 10








   หลังจากตามอ่านหนังสือของกวีมาพักใหญ่ วายุก็มักติดตามข่าวในเว็บไซด์ที่กวีลงนิยายเสมอ จนเขาเห็นข่าวที่ทางเว็บไซด์จะมีการจัดงานเปิดตัวสำนักพิมพ์ ซึ่งในงานมีหนังสือใหม่ๆ ของนักเขียนในสังกัดออกหลายเล่ม โดยวันงานจะกิจกรรมแจกลายเซ็น และหนึ่งในนั้นมีนาย หินก้อนสุดท้าย มาร่วมแจกลายเซ็นกับเขาด้วย


   วายุรีบเปิดดูปฏิทินและตารางงานของตัวเองอย่างรวดเร็ว วันที่จัดงานนั้นเป็นวันเสาร์แรกของเดือนหน้า เขาไม่มีนัดติดต่อธุรกิจกับใครที่ไหนพอดี ส่วนงานดูแลร้านก็ไม่น่ามีปัญหา เพราะเวลานี้วายุได้ผู้จัดการร้านคนใหม่มาช่วยแบ่งเบาภาระในร้านแล้ว ดังนั้นเจ้าของร้านหนุ่มจึงพอมีเวลาส่วนตัวเพิ่มขึ้น


   ตอนแรกที่ตัดสินใจ วายุตั้งใจบอกกับนักเขียนหนุ่มว่าตนจะไปให้กำลังใจ แต่พอคิดไปคิดมา ชายหนุ่มก็นึกสนุก อยากรู้ว่าหากกวีเห็นเขาในวันนั้น เจ้าตัวจะทำหน้าอย่างไร จะประหลาดใจไหม


สุดท้าย ตลอดระยะเวลากว่าหนึ่งเดือน แม้ได้พบหน้ากันบ่อยครั้ง แต่วายุก็เลือกเก็บงำความลับสุดยอด ไม่แพร่งพราย เพราะอยากไปเซอร์ไพรส์กวี


   ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ถึงปฏิกิริยาของกวีก็เป็นไปในทางที่วายุคาดเดา แต่มันก็มากกว่าที่เขาคิดถึง ใครจะรู้ว่าคุณนักเขียนทำตาโตเกือบเท่าไข่ห่าน ยกยิ้มกว้างจนแก้มบุ๋ม และแสดงออกว่าดีใจที่เห็นวายุปรากฏตัวต่อหน้าขนาดนั้น นั่นทำให้หัวใจวายุพองโตพานยิ้มแก้มปริตามไปด้วย


   “ว้าว~ ขอบคุณครับพี่ลม!”


กวีเอ่ยขอบคุณ เมื่อวายุส่งช่อผลไม้ให้เจ้าตัว ตอนแรกวายุก็ตั้งใจจะหาซื้อช่อดอกไม้มาแสดงความยินดีตามปรกติ แต่พอเหลือบไปเห็นผลไม้นำเข้าที่เพิ่งมาส่งที่ร้าน ชายหนุ่มจึงหอบเอาไปให้ร้านดอกไม้ที่อยู่ข้างๆ กันช่วยออกแบบและห่อเป็นช่อให้


ตอนที่เห็นนักเขียนหนุ่มรวบช่อผลไม้ไว้ในอ้อมกอด วายุคิดว่าแบบนี้เหมาะกับกวีมากกว่าช่อดอกไม้ธรรมดาเสียอีก


ดูสิ...แก้มกลมๆ สีเดียวกับลูกพีชญี่ปุ่นในช่อผลไม้ไม่มีผิด


ระหว่างการแจกลายเซ็น พวกเขาไม่ได้คุยกันมากนัก ด้วยระยะเวลากระชั้นชิด ทั้งยังมีแฟนนิยายของกวียืนต่อแถวยาวเหยียด วายุจึงต้องออกมาจากแถวอย่างแสนเสียดาย แต่ก็ถือว่าคุ้มที่ได้เห็นรอยยิ้มน่ารักๆ ของน้อง แม้ต้องแลกด้วยการรีบตื่นแต่ไก่โห่มารับบัตรคิวเป็นคนแรกก็ตาม ซ้ำนักเขียนดังยังกระตือรือร้นจะส่งข้อความหาเขาด้วย


“เสร็จแล้วผมจะส่งข้อความหาครับ”


วายุยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนผละออกไปนั่งรอยังเก้าอี้ที่ทางงานจัดไว้ให้ เพื่อรอให้ถึงเวลาเลิกงาน








กว่ากวีจะแจกลายเซ็นให้กับคนอ่านจนครบ เวลาก็ล่วงเลยไปถึงช่วงค่ำ เจ้าของร้านพี่รถกับข้าวนั่งรอนานจนเกือบเผลอหลับไป หากไม่มีใครเดินมาสะกิดจากทางด้านหลังเสียก่อน


“พี่ลม”


เสียงใสๆ อันเป็นเอกลักษณ์ช่วยให้เขารู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที


“วี!...เสร็จงานแล้วหรือครับ”


“เรียบร้อยแล้วครับ” กวีพยักหน้า ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ ขณะที่ผู้มาร่วมงานทยอยกลับ


“เหนื่อยไหม” วายุถาม


“ไม่เท่าไหร่ครับ” นักเขียนหนุ่มตอบตามจริง แล้วจึงถามกลับ “พี่ลมล่ะครับ รอนานเลยใช่ไหม เบื่อแย่เลย”


“ไม่เบื่อหรอกครับ”


วายุพูดปดไปนิดหน่อย เพราะความจริงเขาค่อนข้างเบื่องานในช่วงหลังพอสมควร ด้วยไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำแล้ว ไอ้ครั้นจะนั่งมองกวีแจกลายเซ็นก็มองไม่ค่อยถนัดนัก เพราะบูทของหินก้อนสุดท้ายเนืองแน่นไปด้วยแฟนนิยายของเจ้าตัว


“งั้นหรือครับ ผมคิดว่าพี่ลมจะเบื่อซะอีก นี่คงมาตั้งแต่เช้าใช่ไหม พี่ถึงได้บัตรคิวแจกลายเซ็นใบแรก”


“ก็มาพร้อมๆ กับนักอ่านคนอื่นนั่นแหละครับ แต่พี่แค่โชคดีที่เดินมารับบัตรคิวเร็วเท่านั้นเอง”


ถึงจะบอกไปอย่างนั้น แต่มองหน้าแล้วก็รู้ว่ากวีไม่เชื่อที่เขาพูด คนน่ารักยิ้มบางๆ อย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก จากนั้นจึงเอ่ย


“ขอบคุณนะครับที่มา ผมดีใจมากเลยตอนที่เห็นพี่”


เท่านี้ก็พอแล้ว พอและคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม…วายุบอกตัวเอง


“พี่ก็ดีใจที่ได้มา” พวกเขายิ้มให้กัน ราวกับในงานนี้มีเพียงเราสองครู่หนึ่ง ก่อนเสียงเจ้าหน้าที่เก็บของจะทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัว “ว่าแต่แฟนคลับวีเยอะมากเลยนะ”


“คงเป็นแฟนนิยายของนักเขียนท่านอื่นๆ ด้วยน่ะครับ” นักเขียนหนุ่มเอ่ยอย่างถ่อมตัว


“ไม่หรอก หลายๆ คนก็ตั้งใจมาหาวีนะ อย่างพี่นี่ไง”


กวียิ้มเขิน แล้วเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง “ขอบคุณนะครับ”


“เลิกขอบคุณพี่ได้แล้วครับ” คนตัวสูงกว่าถือวิสาสะลูบหัวน้องอย่างนึกเอ็นดู แต่พอนึกขึ้นได้ว่ากวีอาจไม่ชอบ เขาก็รีบชักมือกลับทันที “ขอโทษนะ พี่ลืมตัวไปหน่อย”


ดวงตากลมมองอาการตื่นๆ ของวายุ ก่อนจะเอ่ยยิ้มๆ


“ไม่เป็นไรหรอกครับ ลูบได้ ผมไม่ถือ”


“งั้นหรือครับ” ได้ยินน้องบอกแบบนั้น ร่างสูงก็ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก แล้วจึงชวนเปลี่ยนเรื่อง “นี่เสร็จเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้วใช่ไหมครับ ไม่ต้องรอทำอะไรแล้วนะครับ”


“งานเสร็จหมดแล้วครับ เหลือแค่เข้าไปหยิบของที่นักอ่านเอามาให้ในห้องรับรอง แล้วก็ลาพี่บ.ก.เท่านั้น นี่ผมรีบออกมาหาพี่ก่อน เพราะกลัวพี่ลมจะรอนาน”


“ถ้าอย่างนั้น พี่เข้าไปช่วยถือของดีไหม เราจะได้ไปที่รถกันเลย”


“ไปที่รถหรือครับ?” กวีทำหน้างงงวยเล็กน้อย วายุจึงต้องรีบอธิบาย


“พี่ลืมบอกไป ความจริงพี่ไม่ได้มาเฉยๆ หรอกครับ แต่ตั้งใจว่าพอวีเสร็จงาน พี่จะชวนวีไปกินมื้อค่ำด้วยกัน...สนใจไหม” ชายหนุ่มเว้นไปนิด เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบถามออกไปก่อน “เอ...หรือว่าวีต้องไปทานกับคนในสำนักพิมพ์หรือเปล่าครับ”


“ไม่ครับๆ ผมไม่ได้นัดใครไว้”


“ถ้างั้นก็ดีเลย” คนพูดยิ้มกว้าง “ไปหาอะไรอร่อยๆ กินกับพี่นะครับ”


“เอ่อ...เกรงใจจังครับ” คนตรงหน้ามุ่นคิ้วน้อยๆ ทำท่าลังเล พานให้คนถามใจเสีย


“...วีจะไม่ไปหรือครับ”


“ไปสิครับ!” หง่อยได้นิดเดียว คนขี้แกล้งก็พลันยิ้มทะเล้น “พี่ลมชวนทั้งที ผมจะไม่ได้ได้ยังไง”


“แปลว่าเมื่อแกล้งพี่หรือครับ”


“เปล่าสักหน่อยครับ” คนน่ารักแก้ตัว


“หึๆ เอาเถอะ ไม่แกล้งก็ไม่แกล้ง ถ้าอย่างนั้นเราไปเก็บของกันเลยดีไหมครับ เผื่อร้านที่พี่จะพาไปคนเยอะ เดี๋ยวต้องรอนานนะ”


“ร้านอะไรกันครับ” พอหันมาพูดเรื่องกิน กวีก็ทำท่าสนอกสนใจทันที


“เอาไว้ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เองครับ แต่รับรองว่าอร่อยแน่ๆ” คนชวนยิ้มยั่ว เอาคืนที่เมื่อกี้อีกฝ่ายแกล้งเขา


“โถ่...บอกหน่อยก็ไม่ได้หรือครับ”


“อื้ม”


“ถ้าอย่างนั้นเราก็รีบไปเก็บของกันเถอะ ผมหิวไส้แทบขาดอยู่แล้ว”


“หึๆ” วายุนึกขำ เพราะพอเป็นเรื่องอาหารทีไร ก็ทำให้กวีกระตือรือร้นได้เสมอ “ไปครับ นำพี่ไปเลย”


“ครับ” กวีรับคำเสียงใส จากนั้นจึงเดินนำเข้าไปในห้องรับรองสำหรับนักเขียนของสำนักพิมพ์ โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครหลายๆ คน








หลังเก็บข้าวของเรียบร้อย วายก็เดินนำกวีไปที่รถ พวกเขาสองคนช่วยกันหอบหิ้วของขวัญจากนักอ่านมาเต็มสองมือ โดยมีบ.ก.เจนของกวีเดินตามมาส่งด้วย


เมื่อเสร็จจากการจัดเก็บของเข้ากระโปรงหลัง กวีก็หันไปลาบ.ก.คนสวยโดยมีวายุยืนอยู่ใกล้ๆ


“ผมไปนะครับพี่เจน”


“อื้ม ถึงห้องแล้วส่งข้อความมาบอกพี่ด้วยนะ”


“ครับ” กวีพยักหน้าอย่างว่าง่าย ก่อนจะเอ่ยถามเจนจิราอีกครั้ง “พี่เจนจะไม่กลับด้วยกันจริงๆ หรือครับ”


“ไม่ล่ะ เดี๋ยวพี่ต้องไปช่วยพวกนั้นเก็บข้าวของกลับออฟฟิศด้วย”


“อ้อ...ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะ ฝากลาคุณพศินด้วยครับ”


“ไปเถอะๆ” เจนพยักหน้าให้นักเขียนคนสนิท ก่อนจะหันมาพูดกับวายุ “ฝากเจ้าก้อนด้วยนะคะ”


“ครับ” ชายหนุ่มยิ้มรับ จากนั้นจึงพากันขึ้นรถและออกเดินทางไปยังร้านอาหารที่เขาคุยไว้


โชคดีที่วันนี้การจราจรไม่หนาแน่นเท่าไร เพลงบนรถเล่นจบไม่กี่เพลงพวกเขาก็ถึงร้านอาหาร วายุวนรถหาที่จอดพักหนึ่ง พอจอดรถเรียบร้อยก็หันมาหาคนนั่งข้างๆ


“ถึงแล้วครับ”


“ร้านที่คนเยอะๆ นั่นหรือครับ”


“ใช่แล้วล่ะ ร้านนี้ดังมากเลยนะ อาหารก็อร่อยดี เจ้าของร้านเขาขายมาหลายสิบปีแล้ว ที่สำคัญอาหารเขาใช้วัตถุดิบโอเคเลย แถมใช้เตาถ่านประกอบอาหารด้วย” ชายหนุ่มโฆษณา


ร้านอาหารร้านนี้แม้ข้างนอกจะดูธรรมดา และค่าอาหารค่อนข้างสูงหน่อย แต่รสชาติใช้ได้ ทุกครั้งที่เพื่อนชาวต่างชาติของวายุมาเที่ยวเมืองไทย เขาต้องเป็นคนพาพวกนั้นมากินมื้อค่ำที่นี่ทุกครั้ง


“ว้าว! ใช้เตาถ่านหรือ น่าสนใจจัง”


“ถ้าอย่างนั้นก็ไปกันเลยไหม พี่กลัวคนเยอะเดี๋ยวจะได้กินช้า”


“ครับ” กวีพยักหน้าหงึกหงัก แล้วจึงปลดเข็มขัดนิรภัยเพื่อลงรถตามวายุไป


ที่ที่พวกเขาจอดรถไว้อยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารนัก พอล็อครถเรียบร้อยวายุจึงนำไปที่ร้าน ซึ่งเดินไม่ถึงห้านาทีทั้งสองก็มาหยุดที่ฝั่งตรงข้ามของร้านเตรียมข้ามถนนพอดี วายุก้มลงมองคนตัวเล็กหันซ้ายหันขวากะจังหวะข้ามถนนครู่หนึ่ง ก่อนตัดสิ้นใจชั่ววินาทีเพื่อคว้ามือเรียวของน้องไว้


“ไปครับ” เขาส่งสัญญาณบอกแล้วจูงมือกวีข้ามไปยังอีกฝั่งของถนนโดยที่คนข้างกายไม่ทันได้ทักท้วง


ครั้นข้ามมาถึงหน้าร้านแล้ว วายุจึงปล่อยมือนิ่มคืน


“ขอโทษนะ พี่เห็นเราลังเลตอนจะข้ามถนน เพราะรถมันเยอะใช่ไหม พี่ก็เลย...”


“ไม่เป็นไรครับ ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณ”


นอกจากกวีจะไม่ว่าอะไรแล้ว อีกฝ่ายยังยิ้มแป้นอย่างที่วายุชอบให้แทนคำขอบคุณอีกต่างหาก วายุเกือบยกมือกุมหัวใจตัวเอง ติดที่น้องดันชี้ไม้ชี้มือพลางทำตาเปล่งประกาย


“โอ๊ะ! ที่แท้เป็นร้านเจ๊ไฝหรือพี่ลม!”


“ก็ใช่น่ะสิ ฮ่าๆ” เห็นคนตื่นเต้นเกินเหตุ วายุก็นึกขำ “เคยมากินแล้วหรือครับ”


“ไม่เคยครับ ผมเคยเห็นแต่ที่เขารีวิวกัน แต่อ่านเจอว่าเขาต้องต่อคิวนานมากไม่ใช่หรือพี่ลม แล้วพวกเรามาค่ำแบบนี้ วันนี้จะได้โต๊ะหรือเปล่า”


“พี่จองคิวไว้ก่อนแล้วน่ะครับ”


“จองคิว?”


“อื้ม” วายุพยักหน้ารับ “กลัวว่าถ้าพาวีมาแล้วไม่มีที่นั่ง เดี๋ยวจะเฟล ตอนที่รอวีแจกลายเซ็นพี่ก็เลยโทรมาจองคิวไว้ก่อน”


“โห...รอบคอบมากเลย” กวีเอ่ยอย่างนึกทึ่ง


“หึๆ...เรารีบเข้าไปในร้านดีกว่านะ อย่างที่บอกว่าเขาใช้เตาถ่าน เวลาสั่งทีต้องรอนานนิดหน่อย ยิ่งคนเยอะๆ แบบนี้ด้วย---” ยังไม่ทันพูดจบ คนชอบกินก็รีบแทรกเหมือนรู้ทัน


“งั้นเรารีบเข้าไปสั่งกันเถอะครับ อาหารจะได้มาเร็วๆ”


“โอเคครับ ไปหาที่นั่งกัน” 


เมื่อตกลงกันได้แล้วทั้งสองก็เข้าไปติดต่อเรื่องคิวที่จองไว้ ไม่นานก็ได้โต๊ะนั่ง และสั่งอาหารไปสามสี่เมนู ซึ่งแต่ละเมนูก็เป็นที่ขึ้นชื่อของร้านทั้งนั้น ส่วนระหว่างที่รอ วายุก็คอยสั่งเกตคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามไปด้วย


กวีดูสนอกสนใจตัวร้านไม่น้อย ดวงตากมลใสของนักเขียนหนุ่มสอดส่องไปทั่วร้าน มีหลายครั้งที่เจ้าตัวหยุดมองที่การทำอาหารของแม่ครัวเพียงคนเดียวหน้าเตาถ่าน นานเข้าปากอิ่มก็เผลอทำขมุบขมิบคล้ายท่องอะไรบางอย่างแต่ไม่มีเสียง ชวนให้วายุนึกสงสัยนักว่ากวีกำลังพูดอะไร


“วี”


เมื่อดูเหมือนน้องจะสนใจอย่างอื่นจนลืมสนใจคนที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงข้าม เจ้าของร้านพี่รถกับข้าวจึงส่งเสียงเพื่อเรียกร้องความสนใจ


“ครับ?”


“ร้อนไหมครับ พี่เห็นเหงื่อเราออกเต็มเลย”


“นิดหน่อยครับ แต่ทนได้”


เพราะเหงื่อเม็ดใสที่เกาะพราวบนปลายจมูก ทำให้วายุรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังคิดผิดที่พากวีมานั่งในร้านที่ไม่มีเครื่องปรับอาหารแบบนี้ ทั้งที่ความจริงหากนับว่านี่คือ เดทแรก เขาก็ควรเลือกร้านที่ดีกว่านี้หน่อย เป็นเพราะวันก่อนเห็นกวีบ่นในทวิตเตอร์ว่าอยากกินไข่เจียวปูแท้ๆ จึงทำให้เขาตัดสินใจแบบนี้


สงสัยจะพลาดแล้วเรา


พอผ่านไปอีกพักหนึ่ง อาหารก็ยังไม่ส่งมาถึงโต๊ะเสียที วายุก็ยิ่งกระวนกระวายใจ จึงได้ถามออกไปอีกครั้ง


“วีครับ”


“ครับ?”


“หิวไหม”


“ไม่เท่าไหร่ครับ” กวีตอบ ก่อนจะเสริม “แต่อยากกินเพราะกลิ่นอาหารมันลอยมาเตะจมูกนี่แหละ”


“โถ่...พี่ไม่น่าพามาร้านนี้เลย” วายุเผลอบ่นกับตัวเองเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นกวีก็ได้ยินมันอย่างชัดเจนอยู่ดี


“อ้าว! ทำไมล่ะครับ”


“ก็มันทั้งร้อน แถมยังรอนาน”


...ไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย


ทว่าสิ่งที่กวีพูดในประโยคต่อมากลับทำให้คนที่กำลังผิดหวังรู้สึกใจชื้นขึ้นเป็นกอง


“ผมโอเคครับ พี่ลมอย่าคิดมากสิ พี่อุตส่าห์พาผมมานะ แถมวันนี้ยังไปรอทั้งวันด้วย” พูดเท่านั้นยังไม่พอ กวียังยกเหตุผลอื่นมายืนยันอีกว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกแย่ที่มาร้านนี้กับวายุ “อีกอย่างนะ ผมเองก็อยากกินไข่เจียวปูพอดีเลย นี่ได้มาลองชิมถึงร้านดังที่ปรกติผมคงไม่นั่งรถมากิน แบบนี้น่ะดีจะตาย”


“วีกำลังพยายามรักษาน้ำใจพี่หรือเปล่า” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่วายุก็เริ่มยิ้มออกขึ้นมาแล้ว “นี่หิวจนไส้กิ่วหรือยังครับ ให้พี่สั่งหมูสะเต๊ะหน้าร้านมารองท้องก่อนดีไหม”


“ไม่ได้พูดเพราะรักษาน้ำใจนะครับ ผมโอเคจริงๆ” คนน่ารักยืนยันหนักแน่น “...แต่ถ้าพี่จะสั่งหมูสะเต๊ะจริงๆ ผมจะยิ่งโอเคมากๆ เลย”


“ฮ่าๆๆ” ทันทีที่ได้ยินประโยคหลัง วายุก็หลุดหัวเราะ “ถ้าอย่างนั้นรอพี่เดี๋ยวเดียวนะครับ” ชายหนุ่มว่า ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อไปส่งอาหารว่าง
   

รอไม่นานหมูสะเต๊ะหอมๆ พร้อมกับน้ำจิ้มและอาจาดรสเด็ดก็มาส่ง ครั้นเห็นอาหารวางอยู่ตรงหน้า ดวงตาของกวีก็เปล่งประกายขึ้นอีกเท่าตัว


   “น่ากินจัง”


   “รองท้องก่อนเนอะ อีกเดี๋ยวอาหารก็ได้แล้วล่ะ”


   “ขอบคุณครับ” กวีพยักหน้ารับ จากนั้นจึงลงมือทานท่าทางเอร็ดอร่อย


   แค่เห็นคนตรงหน้ากินท่าทางเอร็ดอร่อย วายุก็รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจแล้ว เขาเติ่มน้ำเปล่าให้กวีเพิ่ม ก่อนจะเท้าคางมองนักเขียนหนุ่มจัดการกับหมูสะเต๊ะไม้ใหญ่


   มองอยู่ได้ไม่นาน คนถูกมองก็ช้อนตาจ้องวายุกลับ


   “พี่ลม”


   “หืม?”


   “ไม่กินหรือครับ”


   “ไม่ล่ะ วีกินเถอะครับ พี่ยังไม่ค่อยหิวเลย”


   “ได้ไงครับ” กวีรีบเคี้ยวหมูในปากแล้วกลืนลงคอ ก่อนจะพูดต่อ “กินสักหน่อยสิ ให้ผมกินคนเดียวมันแปลกๆ นะ พี่อุตส่าห์ไปซื้อมาด้วย”


   “พี่ซื้อมาให้เราไงครับ”


   “กินเถอะ ผมกินเอาๆ พี่ไม่ยอมแตะเลย ผมชักเขินแล้วนะ”


   “พี่...”


   ยังไม่ทันปฏิเสธให้จบประโยค กวีก็ทำเรื่องที่วายุไม่ได้คาดคิดมาก่อน ด้วยการป้อนหมูสะเต๊ะชุ่มน้ำจิ้มหอมๆ มาถึงปากเขา


   “มาครับ ผมป้อน อ้าม~”


   “...” ชายหนุ่มมองริมฝีปากแดงๆ มันแผล่บอ้ากว้างคล้ายกดดันให้เขาอ้าปากรับชิ้นหมูเข้าปาก พอเลื่อนสายตาขึ้นอีกนิดก็ยิ่งถูกสายตาอ้อนๆ มองไม่ละสายตา


   ...หากหัวใจบินออกมาจากอกเพราะแพ้ความน่ารักของคนคนนี้ วายุคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย


   “เร็วครับ น้ำจิ้มจะหกแล้วนะ”


   “ครับๆ”


   สุดท้ายวายุก็ต้องอ้าปากรับหมูที่กวีป้อนให้โดยไม่สนใจสายตาคนรอบข้างคนละคำสลับกันไปจนหมดจาน และรอไม่นานหลังจากนั้น พนักงานเสิร์ฟก็ยกอาหารที่สั่งไว้มาวางเต็มโต๊ะ


   “โห...น่ากินมาก” เสียงใสของคนกินเก่งเอ่ยขึ้นหลังจากวายุตักไข่เจียวปูใส่จานให้


   “ลองชิมดูสิครับ ไม่ใช่แค่น่ากินหรอกนะ”


   “ครับ” กวีพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย แล้วตักไข่เจียวเข้าปาก “หื้ม...อร่อยด้วย เนื้อปูเต็มคำมากๆ เลย”


   “หึๆ ชอบใช่ไหมครับ”


   “ชอบครับ อร่อยมาก ไข่เจียวไม่อมน้ำมันเลย” พูดแล้วกวีก็ตักไข่เจียวเข้าปากอีกคำ


   “ถ้าชอบก็กินเยอะๆ  นะครับ กินกับปูผัดผงกะหรี่นี่ด้วย พี่ว่าเข้ากันสุดๆ เลย”


   “ครับ” นักเขียนหนุ่มตอบรับอย่างกระตือรือร้น หากก็ยังไม่วายห่วงคนพามากิน “พี่ลมก็กินด้วยนะครับ อย่าตักให้แต่ผมสิ”


   “ครับๆ พี่ก็กินด้วยนี่ไง เราอยากลองราดหน้าทะเลของพี่ไหม อร่อยนะ เดี๋ยวพี่แบ่งใส่ถ้วยเล็กให้”


   “เอ่อ...เอาแค่คำเดียวพอนะครับ เดี๋ยวพี่ไม่อิ่ม”


   “หึๆ อิ่มสิครับ มาๆ เดี๋ยวพี่แบ่งให้” ว่าแล้ววายุก็จัดการแบ่งราดหน้าทะเลให้น้องลองชิม ทั้งยังตักกุ้งตัวใหญ่ในราดหน้าแบ่งให้อีกตัวด้วย


   เห็นกวีดูมีความสุขกับมื้ออาหาร วายุก็พลอยมีความสุขไปด้วย จากตอนแรกที่คิดว่าตัวเองตัดสินใจพลาด เวลานี้เขาลืมคิดเรื่องนั้นไปแล้ว


   กระทั่งมื้ออาหารจบลง วายุก็เรียกคิดเงิน ก่อนพากวีออกจากร้าน


   ตอนที่มาถึงร้านฟ้าก็มืดแล้ว กว่าจะสั่งอาหาร กว่าจะได้กิน และกินเสร็จออกมา ถนนที่เคยมีรถวิ่งขวักไขว่ก็ดูบางตาลง วายุเดินข้างกันกับกวีไปตามทางเท้าช้าๆ ตาเหลือบมองคนข้างกายลูบพุงป่องเป็นระยะๆ


   “อิ่มไหมครับ อยากกินขนมหวานล้างปากไหม แถวนี้มีขนมหวานร้านอร่อยด้วยนะ ถ้าอยากกินพี่จะพาไป”


   “อยากกินจัง แต่คงไม่ไหวแล้วครับ นี่ผมรู้สึกเหมือนกระดุมกางเกงจะกระเด็นออกมาจากรังดุมอยู่แล้ว อิ่มสุดๆ เลยพี่”


   “อิ่มขนาดนั้นเลยหรือ”


   “ถ้าผมไม่อายคนที่เดินผ่านไปผ่านมานะ จะเปิดพุงให้พี่ดูเลย”


   “ฮ่าๆๆ ไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอกครับ พี่เชื่อแล้วว่าอิ่ม”


   “นี่ถ้ากลับไปบ้านคงยังนอนไม่ได้ อิ่มเกินไป เดี๋ยวกรดไหลย้อนจะกำเริบเอา”


   “เราเป็นกรดไหลย้อนบ่อยหรือวี”


   “ก็...บางครั้งครับ พอกินแล้วนอนอะไรแบบนี้ ท้องมันก็จะแสบๆ”


   “ไม่ดีเลยแบบนี้ พี่ชายพี่เคยเป็นหนักๆ ดูทรมานมากเลย”


   “ผมเป็นไม่หนักหรอกครับ แต่มันก็รู้สึกไม่ดีนั่นแหละเวลาเป็น”


   “งั้นไปเดินเล่นด้วยกันก่อนไหม ย่อยอาหารก่อนกลับ” วายุออกความคิด


   “เดินเล่นที่ไหนครับ”


   “สะพานพระราม 8 วีเคยไปไหม”


   “ไม่เคยลงเดินครับ เคยแต่นั่งรถผ่าน”


   “งั้นไปกัน เดินเล่นให้อาหารย่อย แล้วพี่จะพาไปส่งที่ห้อง ดีไหม”


   “ก็ได้ครับ นี่ก็ดึกแล้วด้วย ไม่ร้อนแล้ว” กวียอมตกลง ก่อนไปเดินแยกไปขึ้นอีกฝั่งของคนขับ


   เมื่อขึ้นรถแล้ว วายุก็รีบสตาร์ทเครื่องและเร่งแอร์ให้น้อง “ไม่ชอบอากาศร้อนหรือครับ”


   “ไม่ค่อยครับ เพราะแบบนี้ผมถึงไม่ค่อยออกไปไหนไง”


   “ชอบอยู่ห้องมากกว่า?”


   “ประมาณนั้นครับ”


   “เป็นคนติดบ้านนี่เอง”


   “เปล่านะ...ผมแค่จี้เกียจ”


   “ฮ่าๆๆ พูดตรงมาก”


   “ก็จริงๆ ผมขี้เกียจออกจากบ้านน่ะ ร้อนก็ร้อน รถก็ต้องหา”


   “ขับรถเองสิครับ จะได้ไม่ร้อนไง”


   “ผมขับรถไม่เป็นครับ แหะๆ” กวีว่า ก่อนจะเล่าต่อ “ความจริงแม่กับพี่ชายผมก็บอกให้ไปเรียน แต่ผมขี้เกียจ พอหลังๆ มาไม่ค่อยมีเวลาด้วย งานค่อนข้างชุก ก็เลยไม่ได้เรียกสักที แต่จริงๆ ผมก็ไม่ได้ขับไปไหนอยู่แล้ว เรียกรถเอาก็สะดวกดีครับ”


   “เอาไว้ถ้าว่าง พี่สอนให้ก็ได้นะ วันสองวันก็เป็นแล้ว ขับรถน่ะ ไม่ยากหรอก”


   “ไม่ดีมั้งครับ ผมหัวช้า เดี๋ยวพี่จะหงุดหงิดเปล่าๆ”


   “ยังไม่ลอง จะรู้ได้ไง”


   “ฮือ...” คนงอแงไม่อยากเรียนขับรถเอาหัวไถกับเบาะจนวายุต้องหันมาช่วยคาดเข็มขัดให้


   “ไม่อยากเรียนหรือครับ”


   “ไม่ค่อยครับ” กวีพูดอ้อมแอ้ม


   “ขับรถเป็น จะได้ไปเที่ยวไหนต่อไหนได้”


   “ผมไม่ค่อยชอบเดินทาง”


   “ทำไมล่ะ” วายุถามอย่างแปลกใจ เพราะไม่อยากเชื่อว่านักเขียนที่เขียนหนังสือเกี่ยวกับความรักและการเดินทางเป็นหนังสือเล่มแรก จะเอ่ยออกมาว่าไม่ชอบเดินทาง


   “ผม...ไม่ค่อยชอบน่ะ ไม่มีเหตุผลอะไรหรอกครับ”


   “...งั้นหรือ ผิดกับพี่เลย พี่น่ะชอบเที่ยวมากๆ ได้ไปประเทศนั้นประเทศนี้ หรือสถานที่ใหม่ๆ เห็นอะไรสวยๆ แปลกๆ ดีออกนะ”


   ฟังวายุพูดแล้ว กวีก็เงียบลงคล้ายมีอะไรในใจ ผ่านไปพักหนึ่ง ขณะที่วายุออกรถแล้วขับไปยังสะพานพระราม 8 นักเขียนหนุ่มจึงเอ่ยขึ้น


   “ตอนเด็กๆ ผมเคยดูหนังเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายที่เดินทางไปต่างประเทศ แล้วติดอยู่ที่สนามบินตั้งนาน จะกลับก็ไปได้ ไปต่อก็ไม่ได้...”


   “วีก็เลยกลัวหรือครับ”


   “อื้ม...” คนหน้ารักพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถ้าเกิดผมไปติดแบบนั้น ไม่รู้จะทำไงเลยนะครับพี่”


   “โถ่...วี มันแค่หนังครับ”


   “พี่ลมไม่เข้าใจหรอก พี่ต้องดูหนังเรื่องนั้นเอง” ปากอิ่มๆ นั่นเชิดขึ้นน้อยๆ มือสองข้างกอดอกเหมือนเด็กเอาแต่ใจ เป็นท่าทางที่วายุไม่เคยเห็นมาก่อน แต่มันก็ดูน่าหมั่นเขี้ยวเสียจนคนขับรถอยากจอดแล้วฟัดให้หายพยศ


   “โอเคๆ พี่จะลองหาดู จะได้รู้ว่าน่ากลัวจริงไหม”


   “ดีครับ ไปหาดูนะ ชื่อเรื่อง---“ ยังไม่ทันได้บอกว่าหนังเรื่องนั้นมีชื่อว่าอะไร อยู่ๆ หยดน้ำเม็ดใหญ่ก็พร่างพรมลงมาจากท้องฟ้า จากจะลงเม็ดหนักขึ้นเรื่อยๆ จนแทบมองไม่เห็นทาง


   “อยู่ๆ ทำไมถึงตกนะ” วายุบ่นเบาๆ


   “นั่นสิครับ แบบนี้ก็อดไปเดินเล่นเลย น่าเสียดาย” นักเขียนหนุ่มบ่นงึมงำ


   วายุเองก็รู้สึกเสียดายไม่แพ้กันที่คืนพิเศษของเขาจะจบลงแค่ตรงนี้ เพียงแต่วายุไม่อยากแสดงออกมากนัก จึงได้แต่ทำใจยอมรับ เพราะในเมื่อฟ้าฝนไม่เป็นใจ เขาจะทำอย่างไรได้


   “ตอนนี้ไปเดินไม่ได้แล้ว วีจะกลับเลยไหมครับ หรือจะไปหาร้านอื่นนั่งก่อน”


   “ไม่เป็นไรดีกว่าครับ เรากลับกันเลยดีกว่า รบกวนพี่ลมมากแล้วด้วย”


   “เอางั้นก็ได้ครับ” เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว วายุจึงเปลี่ยนเส้นทางและพานักเขียนคนดีกลับไปส่งบ้านตามที่ให้สัญญากับเจนจิราไว้






   ตอนมาถึงคอนโดวายุยังขึ้นไปส่งกวีถึงหน้าห้อง เขาอยากดูให้แน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งยังอยากใช้เวลาด้วยกันจนวินาทีสุดท้าย กระทั่งถึงหน้าห้อง ชายหนุ่มจึงหยุดอยู่แค่นั้น ไม่เดินตามเจ้าของห้องเข้าไปข้างใน เพราะเวลารู้ว่าเวลาของตัวในคืนนี้หมดลงแล้ว


   แต่แทนที่กวีจะหันมาบอกลากันดีๆ เหมือนปรกติ เจ้าตัวกลับทำเรื่องที่วายุไม่คาดฝัน


“พี่ลมครับ”


“ครับ?”


“พี่อยากดูหนังไหมครับ”


   “ดูหนังหรือ”


   “อื้ม ที่เราคุยกันในรถไง ผมมีแผ่นอยู่นะ”


   “จะให้พี่ยืมหรือไงครับ” วายุยิ้มให้ความใจดีของกวี


ทว่า...


   “เปล่าครับ จะชวนมาดูด้วยกัน ผมเองก็อยากดูซ้ำพอดีเลย”


   “ตอนนี้หรือครับ”


   “อื้ม นี่ก็ยังไม่ดึกมากด้วย หรือว่าพี่ลมอยากพักแล้วครับ ถ้าอยากพัก ผมไม่รบกวน—“


   “พี่อยากดู!” วายุรีบตอบแบบไม่ต้องคิด ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตนเองตอบเร็วเกินไป จึงเอ่ยอ้าง “ถ้าไม่เป็นการรบกวนวีเกินไปน่ะนะครับ”


   “ไม่รบกวนหรอก ผมเป็นคนชวนนะ”


   “ถ้าอย่างนั้น...พี่ขอดูด้วยคนนะครับ”


   กวียิ้มหวานให้เขารอบที่ร้อยเห็นจะได้ ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบข้างประตู แล้วทำท่าโค้งเหมือนบัตเลอร์ตัวน้อยๆ ไม่มีผิด


   “เชิญเข้ามาเลยครับ คุณวายุ”


   “หึๆ” วายุส่ายหัวยิ้มๆ ก่อนจะเดินเข้ามาในห้อง จากนั้นประตูบานใหญ่จึงค่อยๆ ปิดลง ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปากบางๆ ในหัวพลันคิดว่า...


   คืนนี้ยังอีกยาวไกลสินะ


         ...โชคเข้าข้างเขาแล้ว






-------------------------------------------------------------




ก้อน...แม่ว่า ในที่นี้มีคนอ้อยหนึ่งแอเรีย 5555555
หายหน้าไปนาน กลับมาทีก็พาลูกชายมาขายอ้อยเลยค่ะ
ตอนหน้าไม่ใช่ตอนของก้อนนะคะ
ตอนหน้าเป็นพาร์ทของพี่ลมอยู่ล่ะ
มารอดูว่าพี่แกจะถูกน้องป้ายน้ำมันพรายอีกหรือเปล่า---แค่กๆ 55555

แล้วเจอกันค่ะ

ปล.ขอโทษที่หายไปนานค่ะ ตอนหน้าจะมาเร็ว เกี่ยวก้อยสัญญา

ละอองฝน.

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
พี่ลมเจอน้องก้อนดาเมจไปหลายรอบ ฟินเลยนะคะ  :hao3:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
อยากบีบน้องตัวนุ่มมมม  :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด