-----Twenty four hours : ส่งรักนี้ 24 ชั่วโมง----- ตอนพิเศษ วาเลยไทน์ 2
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -----Twenty four hours : ส่งรักนี้ 24 ชั่วโมง----- ตอนพิเศษ วาเลยไทน์ 2  (อ่าน 60862 ครั้ง)

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
เจ้าก้อนโดนพี่ลมแอทแทคอีกแล้ว เขินหน้าแดงเลยลูก

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ดีนะที่ถามออกไป อย่าคิดเองเออเองสิพี่ลม
ส่วนเจ้าก้อนทำใจดี ๆ ไว้

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
พี่ลม น้องจะเป็นลมแล้ว  :mew4:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เฮียดินปลุกระดมได้ผล  อิอิ

ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2






บทที่ 14









“ดูไม่ออกหรือครับ ว่าพี่...พี่ชอบเรา”

“ชอบผม?”

“ครับ...พี่ชอบวี”



พี่ลมบอกว่า พี่ลมชอบเขา…

ซึ่งคำว่าชอบของวายุคงไม่ได้หมายถึงการชอบอย่างพี่น้อง ชอบอย่างเพื่อน หรือแม้แต่นักอ่านชื่นชอบนักเขียน เพราะสายตาที่อีกฝ่ายส่งมาให้แสดงออกชัดเจนมากเกินไป ชัดเจนจนคนทึ่มๆ อย่างกวียังดูออก

และเพราะดูออก กวีถึงได้ช็อกจนทำอะไรแทบไม่ถูก ตอนที่ถามซ้ำและได้รับคำยืนยันจนแน่ใจ มือไม้ของเขาก็อ่อนปวกเปียกราวกับคนไม่มีแรง หูดับ ตาลาย ซ้ำยังรู้สึกร้อนไปหมดทั้งหน้า

ความจริงกวีอยากโทษว่าอาการทั้งหมดนี้เป็นเพราะพิษไข้เข้าจู่โจมกะทันหัน แต่เสียงหัวใจที่เต้นกระหน่ำจนแทบทะลุออกจากอกกลับคัดค้านว่าไม่ใช่อาการจากพิษไข้

หากเป็นเพราะเขากำลังเขินจนตัวแทบระเบิดต่างหาก

อาการเขินมากเกินไปนั่นเล่นเอาพี่รถกับข้าวร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูกไปตามๆ กัน ตอนที่กวีพูดไปว่า คงต้องไปโรงพยาบาลแล้วล่ะ อีกฝ่ายเกือบอุ้มกวีพาไปลงลิฟต์เสียแล้ว โชคดีที่กวีไหวตัวทันท่วงที เหตุการณ์ถูกสารภาพรักครั้งแรกในชีวิตจึงไม่ไปจบที่โรงพยาบาล









“ทำใจดีๆ ไว้นะวี พี่จะพาไปโรงพยาบาล” เสียงพี่รถกับข้าวปลอบเขาอย่างร้อนรน ซึ่งในตอนนี้เองที่กวีรู้ตัวแล้วว่าตนเองไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าเขินอายก็เท่านั้น เขาจึงกระซิบบอกอีกฝ่ายที่ทั้งถูกอุ้มแนบอก

“พี่ลมครับ”

“ครับ?”

“ผมว่าผมไม่ไปแล้วดีกว่า”

“หื้ม?” คนคนนั้นงงงันไปชั่วครู่ ก่อนจะสรุปเอาเอง “วีไม่ต้องเกรงใจพี่ พี่เอารถมา พี่ขับพาไปส่งได้”

“แต่ผมไม่ได้เป็นอะไรแล้วครับ แค่...เอ่อ...แค่ตกใจมากเกินไปหน่อยเท่านั้น” ประโยคหลังกวีพูดเสียงเบาแทบจะกลายเป็นกระซิบ เพราะอายที่ตัวเองพูดอะไรโง่ๆ ออกไปตั้งแต่ทีแรก

“แค่ตกใจมากไปจริงหรือ” อีกฝ่ายหยุดเท้า ก่อนก้มหน้าลงมาใกล้เพื่อให้ฟังเสียงเขาได้ถนัด

“ครับ ผมแค่ตกใจที่อยู่ๆ พี่ก็มาบะ...บอกชอบ”

“...”

“เพราะงั้น พี่ปล่อยผมเข้าห้องนะ”

“ไหนๆ ก็อุ้มแล้ว ให้พี่พาเข้าไปส่งข้างในดีกว่า”

“แล้วกับข้าวผมล่ะครับ” ถึงจะถูกทำให้อายขนาดไหน แต่สิ่งหนึ่งที่กวีไม่ลืมก็คืออาหารสดในตะกร้าของตัวเอง

“เดี๋ยวพี่ออกมาเก็บให้”

“แต่...”

“ไม่แต่ครับ ป่ะ...เข้าห้องก่อน ตัววีร้อนมากเลยรู้หรือเปล่า”

เพราะชายเสื้อของกวีเลิกขึ้นมาเล็กน้อยตอนถูกอุ้ม มือข้างหนึ่งของพี่รถกับข้าวที่ช้อนร่างเอาไว้จึงสัมผัสถูกเอวห่วงยางของกวีโดยตรง

แบบนี้มันน่าอายกว่าเดิมอีก...กวีได้แต่คร่ำครวญในใจ และปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปอย่างที่พี่รถกับข้าวสะดวก

พออุ้มกวีไปนอนที่ถึงเตียงเรียบร้อย พี่รถกับข้าวก็ช่วยเก็บตะกร้าวัตถุดิบเข้ามาให้เขา หลังจากนั้นจึงขอตัวกลับร้านไปทำงานต่อ









จากเหตุการณ์สารภาพรักในวันนั้นกระทั่งถึงวันนี้ เวลาผ่านมาสามวันแล้ว แต่ในหัวของกวียังคงคิดถึงเหตุการณ์นั้นไม่เลิกรา ทั้งน้ำเสียง และแววตาของวายุติดตรึงอยู่ในหัวของกวีไม่ไปไหน จนนักเขียนหนุ่มคิดงานต่อไม่ออก มันติดๆ ขัดๆ ไม่ลื่นไหล ซ้ำยังเอาไปปรึกษาใครก็ไม่ได้

ส่วนคนที่ทำให้เขาคิดมาก จนถึงวันนี้พวกเขาก็ยังไม่ได้คุยกันเลย มีแค่ข้อความที่วายุส่งมาในวันแรก บอกว่าขอโทษที่พูดออกไปแบบนั้น แต่ก็อยากให้กวีลองเอาความรู้สึกของวายุไปพิจารณาดู หากต้องการตัดสินใจอย่างไร วายุก็จะเคารพการตัดสินใจของเขาทั้งหมด

“เฮ้อ~”

กวีถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ก่อนกดพับหน้าจอโน๊ตบุ๊คลง และออกไปยืดเส้นยืดสายดูพืชอวบน้ำกับกระบองเพชรที่เลี้ยงไว้บนระเบียง

ง่วนอยู่กับต้นไม้สามสี่ต้นของตัวเองพักใหญ่ กวีก็กลับมานั่งกินมื้อบ่ายไป พร้อมกับเหลือบมองกล่องข้อความในมือถือที่เปิดค้างเอาไว้บ่อยครั้ง





WAYU : วีครับ [17:45 อ่านแล้ว]

WAYU : เรื่องวันนี้พี่ขอโทษนะ วีคงตกใจมากใช่ไหม พี่ไม่ได้ตั้งใจให้วีรู้สึกไม่ดี [17:45 อ่านแล้ว]

WAYU : พี่ขอโทษที่รีบพูดออกไปแบบนั้น [17:46 อ่านแล้ว]

WAYU : ถ้าหากว่าวีไม่โอเคกับความรู้สึกของพี่ อย่าโกรธพี่เลยนะ ให้ทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน ไม่รู้ไม่เห็นก็ได้ [17:46 อ่านแล้ว]

WAYU : แต่ถ้าวีพอมีความรู้สึกดีๆ กับพี่บ้าง พี่ก็อยากให้วีพิจารณาดูนะครับ [17:47 อ่านแล้ว]

WAYU : ระหว่างนี้พี่จะไม่กวนใจ จะปล่อยให้วีมีเวลาคิด [17:47 อ่านแล้ว]

WAYU : พี่จะรอคำตอบของวีนะครับ [17:49 อ่านแล้ว]





กวีไม่รู้ว่าเขาควรตอบพี่รถกับข้าวไปว่าอย่างไร แต่เขาแค่รู้ว่าทั้งคำพูดและข้อความที่ได้อ่าน ทำให้กวีไม่อาจสงบใจได้เลย

ควรตอบว่าอะไร

ควรตัดสินใจอย่างไร

หรือแม้แต่ควรจัดการกับความสับสนของตัวเองได้อย่างไร...กวีไม่รู้เลย

เขาไม่ได้โกรธที่ถูกสารภาพรัก ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจเลยสักนิด แต่ในหัวก็ยังสับสัน ในเมื่อไม่โกรธ มันแสดงว่าเขารู้สึกอย่างไรกับพี่รถกับข้าวกันล่ะ

ชอบเหมือนกัน หรือแค่รู้สึกดีที่มีเขาเป็นเพื่อนสนิทเพิ่มอีกคน

การรักหรือชอบใครอย่างคนรักเป็นอย่างไร กวีไม่เคยรู้จักมาก่อน มันจะใช่ความรู้สึกวุ่นวายใจและคิดไม่ตกอย่างตอนนี้หรือเปล่า

ใครกันจะช่วยตอบคำถามของเราได้

ในหัวกวีมีแต่คำถาม ทว่าไม่มีคำตอบ...

นักเขียนหนุ่มคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลง ฝืนใจไม่เหลือบมองข้อความของวายุให้ปวดหัวอีกต่อไป แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะลุกไปเก็บล้างจานชามที่กินไว้ โทรศัพท์ของกวีก็สั่นครืด เขาจึงวางจานลงและหันมากดรับโทรศัพท์แทน

“สวัสดีครับ”

[ก้อน นี่พี่เอง มาสวัสดีคงสวัสดีครับอะไรเล่า] เสียงคนปลายสายทำให้นักเขียนหนุ่มยิ้มออกได้เป็นครั้งแรกในรอบสามวัน

“พี่พัน!”

[ก็ใช่น่ะสิ มีอะไรหรือเปล่า]

“ทำไมครับ”

[ก็เสียงเราเราดูดีใจแปลกๆ ที่พี่โทรมา]

“อ้อ...เพราะผมกำลังต้องการความช่วยเหลือพอดี”

[เรื่องอะไร ไปทำอะไรไว้] เสียงพี่ชายเพียงคนเดียวของกวีถามอย่างจับผิด

“ผมจะไปทำอะไรไว้เล่า แค่มีเรื่องปรึกษาเท่านั้นเอง”

[ปรึกษาเหรอ เรื่องอะไรล่ะ]

“คืออย่างนี้นะพี่พัน ผมอยากรู้ว่าเวลาเราชอบใครสักคนหนึ่ง เราจะรู้สึกยังไงเหรอ” เพราะพี่ชายของเขามีประสบการณ์ ดังนั้นกวีจึงติ๊ต่างว่าอีกฝ่ายต้องรู้

[หื้ม?] ประพันธ์ร้องออกมาด้วยความสงสัย [ถามทำไมน่ะ]

“ผมอยากรู้ พี่ก็บอกเถอะน่า ว่าตกลงมันรู้สึกยังไง”

[จะไปรู้เรอะ ถามอะไรแปลกๆ]

“ไม่รู้ได้ไง พี่พันคนกับแฟนมาเป็นสิบปีแล้วนะ พี่พันเคยมีความรัก พี่พันต้องรู้สิ”

[อย่างอแงน่า]

“นะๆ รู้ว่าให้พูดมันก็เขินๆ แต่วีต้องรู้เรื่องนี้จริงๆ”

[ไปแอบชอบใครเขาเข้าหรือไง]

“วีแค่อยากรู้ถึงได้ถามพี่พันไง” กวีอธิบายตามตรง “ถ้าไม่บอก วีจะคอลไปถามแม่แล้วนะ”

[พอเลยๆ ไม่ดูซะบ้างว่าตอนนี้ที่เมกากี่โมง โทรไปตอนนี้เขาก็หลับอยู่]

“ก็นั่นน่ะสิ เพราะงั้นพี่ถึงต้องอธิบายให้น้องฟังว่าการชอบใครสักคนมันรู้สึกยังไง”

[ถามจริงๆ นะเจ้าก้อน เราอยากรู้ไปทำไมน่ะ วันๆ กิน นอน เขียนนิยาย ทำเท่านี้ก็พอแล้วมั้ง ไม่ต้องวุ่นวายเรื่องรักๆ ใคร่ๆ หรอก]

“ได้ไง วีอายุ 25 แล้วนะ กับแค่ความรักยังไม่รู้จัก วีจะ...เอ่อ...จะเขียนนิยายรักได้ไงเล่า” กวีไม่กล้าบอกพี่ว่าที่ต้องการรู้เพราะเป็นเรื่องของตัวเอง นักเขียนหนุ่มจึงเฉไฉและโยนให้เป็นเรื่องงานเขียนแทน “นะครับ นะๆ บอกน้องหน่อย ถือว่าช่วยงานน้องไง”

[เฮ้อ...ยุ่งจริง] ประพันธ์ทำเสียงหงุดหงิดใจ เพราะไม่ค่อยอยากพูดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ พวกนี้เท่าไหร่ ด้วยมีนิสัยเป็นคนขี้อายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว [การรักใครสักคนน่ะ มันนิยามออกมาเป็นคำพูดไม่ได้หรอก ความรู้สึกของใครก็ของมัน]

“อ้าว...ไหงงั้น แล้วแบบนี้ผมจะรู้ได้ไง ว่าเรากำลังชอบหรือคิดกับใครสักคนแบบคนรักหรือเปล่า” ครั้นเห็นว่าคงไม่ได้คำตอบที่แน่ชัด กวีก็ทำเสียงหงอย ร้อนถึงพี่ชายผู้หวงน้องเป็นที่สุดต้องเค้นคำตอบออกมาให้สักประโยคสองประโยค

[แต่ความจริงถ้าแค่ความรู้สึกชอบ เราก็น่าจะรู้จักไม่ใช่หรือไง ก็เหมือนก้อนชอบกินนั่นแหละ ไม่ว่าจะสีสวยหรือเพราะอร่อย ถ้าชอบก็อยากจะกินบ่อยๆ กินเยอะๆ]

“เอ...มันเหมือนกับชอบของกินเหรอครับ”

[ไม่เหมือน แต่คล้ายๆ กัน] ประพันธ์ว่า ก่อนจะอธิบาย [ก็สมมติว่าเราชอบใครสักคน ไม่ว่าเขาจะสวยหรือขี้เหร่ จะนิสัยดีหรือไม่ดี ไม่ว่าเพราะเหตุผลอะไรก็ตาม ขอแค่เราชอบ เราก็อยากอยู่กับเขา อยากเห็นหน้าเขา คิดถึงเขา พอได้พบ ได้อยู่ด้วยกัน เราก็มีความสุข]

“งั้นหรือครับ...” ได้ยินที่สิ่งที่พี่ชายบอก กวีก็เริ่มเอาคำบอกเล่านั้นมาเปรียบเทียบกับความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อพี่รถกับข้าว

คิดถึง อยากพบหน้า และมีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน...ถ้ากวีรู้สึกทั้งหมดนี้กับวายุ ก็แปลว่ากวีชอบเขาเหมือนกันหรือ

[ความจริงมันก็มีมากกว่านี้ พวกดีใจ ประหม่า หรือหัวใจเต้นแรงเพราะเขา อาการพวกนี้ก็น่าจะบอกได้ ถ้าเราจะเขียนนิยายน่ะนะ ใส่ลงไปด้วยก็ดี]

เมื่อได้ยินคำบอกเล่าเพิ่มเติมจากตอนแรก กวีก็เงียบไปนาน

“แล้วถ้าหาก...คนที่ชอบเป็นเพศเดียวกันล่ะพี่พัน”

[จะเป็นไรไป ถ้าเรารักใคร เพศเดียวกันหรือคนละเพศก็ไม่เกี่ยวหรอก ความรู้สึกมันอยู่ที่ใจไม่ใช่หรือ]

ประพันธ์พูดออกมาง่ายๆ แต่ในหัวของกวีที่กำลังครุ่นคิดอะไรมากมาย รวมทั้งข้อสงสัยและความสับสนทั้งหมด มาถูกปลดล็อกในข้อสุดท้าย

“...เป็นงี้นี่เอง ผมเข้าใจแล้วครับ”

[จะเขียนนิยายวายเหรอ]

“หา? หมายถึงอะไรพี่พัน”

[เอ้า! ก็เห็นเราถามเรื่องความรักเพศเดียวกัน พี่ก็เลยสงสัย เห็นช่วงนี้นิยายแนวนี้กำลังดังด้วยนี่ มีซีร้งซีรี่ส์ด้วย แฟนพี่มันชอบดูนักแหละ]

“ฮ่าๆ ๆ เปล่าหรอกครับ ผมแค่ถามไว้เฉยๆ น่ะ” กวีแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน

[อืมๆ ว่าแต่หมดเรื่องสงสัยแล้วใช่ไหม]

“ครับ พี่พันมีอะไรหรือเปล่า”

[มีสิ ก็ที่โทรมาหาเนี่ย เพราะจะชวนไปหาแม่ที่เมกาด้วยกัน สนใจไหม]

“เมื่อไหร่ครับ”

[คริสต์มาสนี้ พอดีพี่ว่าจะปิดร้านยาวไปถึงหลังปีใหม่เลย]

“ฮือ~ ไม่อยากนั่งเครื่องนานๆ เลย”

[แล้วจะให้แม่ถ่อสังขารมาหาเราที่ไทยทุกปีเลยหรือไง ไปหาเค้าที่โน้นบ้างสิ พ่อลูกชายคนโปรด]

“ก็ได้ครับ คริสต์มาสนี้ใช่ไหม ผมจะได้เคลียร์งานกับทางเว็บไซด์ไว้”

[อืม คริสต์มาสนี้แหละ เคลียร์ให้เรียบร้อยแล้วโทรมาบอกพี่ด้วยนะ จะได้จองตั๋วเครื่องบินให้เรียบร้อย เผื่อมีตั๋วโปรดีๆ]

“โอเคครับ ผมจะรีบเคลียร์กับบก.ให้เร็วที่สุด”

[ดีแล้ว งั้นเดี๋ยวพี่วางสายก่อนนะ มีลูกค้าเข้าร้าน]

“ได้ครับ แล้วผมจะโทรหา คิดถึงพี่พันนะ”

[อืม เหมือนกัน]

พอพูดจบ ประพันธ์ก็วางสายไป ทิ้งให้กวียืนยิ้มอยู่หน้าเคาน์เตอร์ล้างจานด้วยความรู้สึกสบายใจกว่าตอนแรกหลายเท่า

นักเขียนหนุ่มวางโทรศัพท์ไว้ ก่อนจะหยิบจานมาล้างทำความสะอาด ในหัวก็คิดเรื่องที่พี่ชายบอก รวมกับความรู้สึกของตนเองที่มีต่อวายุ ซึ่งเขาคิดอยู่เกือบค่อนคืนจนได้ข้อสรุป

ถ้าทุกอย่างเป็นเหมือนที่พี่ชายของเขาบอก เวลานี้กวีก็พอจะรู้แล้วว่าตัวเองควรตอบคำถามของพี่รถกับข้าวว่ายังไง ที่เหลือก็มีแต่รอให้พวกเขาได้พบกันในวันพรุ่งนี้ วันที่ครบกำหนดที่ร้านพี่รถกับข้าวมาส่งของให้กวีอีกครั้งเท่านั้น

















แต่แล้วในช่วงสายของวันรุ่งขึ้น นักเขียนหนุ่มก็ต้องพบกับความผิดหวัง เพราะคนที่เอาอาหารมาส่งให้ไม่ใช่วายุอย่างที่กวีเฝ้ารอ

อารมณ์ตื่นเต้นที่มีมาตลอดคืนหายวับไปกับตา เหลือเพียงความรู้สึกห่อเหี่ยวใจอย่างบอกไม่ถูก กวีหิ้วตะกร้าอาหารสดเข้ามาจัดเก็บในตู้เย็นด้วยความเซื่องซึม พอเก็บของเสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มก็เดินไปหยิบโทรศัพท์มาดู

ที่แรกกวีเข้าใจว่าข้อความที่บอกว่าจะหยุดกวนใจเขาสักระยะ หมายถึงไม่ส่งข้อความมาหาเพียงอย่างเดียว แต่นี่แม้กระทั่งมาพบหน้ากันในเวลาปรกติวายุก็ยังไม่ยอมมา เช่นนี้แล้วเมื่อไหร่เขาจะได้ตอบคำถามนั้นเล่า

หากจะให้บอกในไลน์ กวีก็บอกได้ แต่เขารู้สึกว่าถ้อยความที่ต้องการจะบอกออกไปนั้นค่อนข้างสำคัญ เหมือนกันที่วายุสารภาพรักกับเขาต่อหน้า ดังนั้นเขาจึงอยากพูดต่อหน้าอีกฝ่ายมากว่า

ดวงตากลมกวาดมองข้อความในมือถือซ้ำรอบแล้วรอบเล่า เขาเดินวนไปมาอยู่ในครัว ห้องนอนและห้องทำงานอีกพักใหญ่ สุดท้ายจึงตัดสินใจ

...ถ้าหากพี่ลมไม่ยอมมา ผมไปหาพี่เองก็ได้

คิดได้ดังนั้นนักเขียนหนุ่มก็เดินไปอาบน้ำแต่งตัว ก่อนจะเซิร์จหาข้อมูลว่าร้านพี่รถกับข้าวตั้งอยู่ที่ไหน ขั้นตอนสุดท้ายจึงเรียกให้รถแท็กซี่มารับและบอกเส้นทางตามนั้น













หลังจากออกเดินทางไม่ถึงยี่สิบนาที กวีก็มาถึงที่หมายในที่สุด เขาจ่ายเงินให้คนขับแท็กซี่ครบจำนวน ก่อนเดินลงมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าร้านสีสันสดใสซึ่งมีป้ายหน้าร้านใหญ่ๆ ติดเอาไว้ว่า

‘พี่รถกับข้าว’

ในทีแรกก่อนที่จะออกเดินทาง กวีคิดแต่ว่าตัวเองอยากตอบคำถามคนที่อยู่ในความคิดคำนึงให้เร็วที่สุด เพราะอยากให้เขารู้ความรู้สึกของตนเองเช่นกัน

ทว่าเมื่อมาหยุดยืนอยู่ตรงนี้ ที่ที่พวกเขาอยู่ห่างกันเพียงประตูร้านกั้นเอาไว้ หัวใจที่ควรจะเต้นเป็นจังหวะปรกติก็เริ่มทำงานหนักอีกครั้ง

เจ้าความประหม่าซึ่งซุกซ่อนอยู่ในทุกซอกหลืบของหัวใจเริ่มออกอาละวาด คนขี้ขลาดซึ่งหลบซ่อนตัวอยู่ใต้เงาของผู้กล้าจึงกระโดดออกมาแทนที่

แต่ก่อนคำถามว่า ‘เรามาที่นี่ทำไม’ จะทำให้กวีแพนิกมากไปกว่านี้ คนที่กวีกำลังคิดถึงก็ผละจากเคาน์เตอร์มาที่ประตูหน้าร้าน จากนั้นเขาก็ดันประตูออกมา เหมือนเจาะผนังใสๆ ที่กั้นกลางระหว่างกวีและวายุให้สลายหายไป

“วี!”

“พี่ลม...”

“วีมาที่นี่ได้ไงครับ”

“คือผม...ผม...” นอกจากตัวประหม่าจะคอยกวนใจแล้ว เจ้าโรคติดอ่างก็เข้ามาเกาะหนึบอยู่ที่ปากของกวีอีกตัวหนึ่ง

“วีมาซื้อของหรือ”

“...เปล่าครับ” นักเขียนหนุ่มส่ายหน้าแรกจนแว่นเอียง

“ถ้าอย่างนั้น...วีมาหาพี่หรือครับ”

กวีละสายตาจากปลายเท้าของตัวเองขึ้นมองคนพูด ก่อนจะยิ้มแหยแล้วพยักหน้า

“ครับ...ผมมาหาพี่ลม”

“ถ้างั้นเข้ามาก่อนไหม”

กวีมองตามือที่ผายเข้าไปทางร้าน เขาเห็นพนักงานหลายคนแทบจะยืนเกาะกระจกดู ราวกับอยากรู้เสียเต็มประดาว่าเขาจะมาเพื่อพูดอะไรกับวายุ

“ผม....”

วายุมองตามสายตาของกวีเข้าไปที่ร้าน ก่อนจะหลุดยิ้มออกมาบางๆ ราวกับรู้ดีอยู่แล้วว่านักเขียนหนุ่มกำลังกังวลเรื่องอะไร

“งั้นเอาอย่างนี้ พี่จะพาไปที่ที่ไม่มีคน วีจะได้พูดธุระของวีสะดวก ดีไหมครับ”

“ดีครับ”

ครั้นกวีตอบรับ มือของเขาก็ถูกเติมเต็มด้วยมือของใครอีกคน ก่อนใครคนนี้จะออกแรงฉุดให้กวีเดินตามหลังไปด้วยกัน พวกเขาสองคนเดินผ่านโซนขายของด้านหน้า ไปจนถึงบันไดหลังร้าน ก่อนวายุจะพากวีขึ้นบันไดหลายต่อหลายชั้น เพื่อมาพบกับห้องนอนขนาดกะทัดรัดซึ่งอยู่ชั้นบนสุด

กวียืนหอบเพราะขึ้นบันไดสูงอยู่พักใหญ่ ระหว่างนั้นวายุก็ปิดประตูลง ก่อนจะยืนกอดอกรอคอยให้เขาพูดสิ่งที่ต้องการ

เมื่อเลิกหอบแล้ว นักเขียนหนุ่มก็หันมามองหน้าเจ้าของห้องราวกับไม่แน่ใจว่าควรพูดดีหรือไม่พูดดี กระนั้น วายุก็เหมือนจะดูเขาออกจนทะลุปรุโปร่ง เพราะระหว่างที่กวีกำลังประหม่า อีกฝ่ายก็เกริ่นนำขึ้นมาก่อน

“วีครับ”

“ครับ”

“วีมาที่นี่ เพราะจะมาเพื่อให้คำตอบพี่หรือเปล่า”

“...” ดวงตากลมจ้องดูตาคู่คมชั่วอึดใจหนึ่ง จากนั้นกวีจึงพยักหน้า

“ถ้าอย่างนั้นก็พูดให้พี่ฟังสิครับ พี่รออยู่นะ”

สิ่งที่วายุบอก ฟังผ่านๆ อาจไม่มีอะไร แต่คำว่า รออยู่นะ ของอีกฝ่าย ทำให้กวีไม่กล้าที่จะปล่อยให้วายุต้องเสียเวลารอนานอีก

นักเขียนหนุ่มสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ครั้งหนึ่ง จากนั้นจึงรวบรวมความกล้าที่หมดที่มี แล้วเปร่งถ้อยคำที่กลั่นกรองมาแล้วให้อีกฝ่ายฟัง

“ที่พี่ลมถามผม ผมได้คำตอบแล้วนะครับ”

“...”

“คือว่า...ผมคิดว่าตัวเองชอบพี่ลมเหมือนกัน” พอพูดประโยคที่ยากที่สุดออกไปแล้ว กวีก็นิ่งไปนิดหน่อย ก่อนจะอธิบายความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในใจมาหลายวัน “ผมไม่แน่ใจว่าคำว่าชอบที่ผมเข้าใจจะเหมือนกับคำว่าชอบของพี่ลมหรือเปล่า เพราะผมไม่เคยชอบใครมาก่อน แต่ผมดีใจที่ได้เจอหน้าพี่ทุกๆ สามวัน คิดถึงเวลาพี่ไม่มาหาแล้วก็ไม่ยอมตอบข้อความกัน ที่สำคัญ...ผมใจเต้นทุกครั้งที่นึกถึงคำที่พี่บอกว่าชอบผม”

“...”

“แบบนี้เรียกว่าชอบเหมือนกันได้หรือเปล่าครับ”









-------------------------------------------------------------------------------------





มาค่ะ ผลัดกันแอทแทคหัวใจฝ่ายตรงข้าม

รอดูว่าตอนหน้าพี่ลมจะแแทแทคหัวใจเจ้าก้อนได้ยังไงอีก



ขอบคุณที่ตามอ่านน้า



ละอองฝน.

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
พี่ประพันผู้ชี้โพรงให้กระรอก

ผู้เปิดประตูคำตอบให้น้องกวี

คริๆพีจะรู้ตัวใหมน๊า~~~~,

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ไหนๆก็เปิดใจกันแล้ว ตอนหน้าขอหวานๆนะจ๊ะคนเขียน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ว้ายยย น่ารักจังเลยรู้กกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ดีมากน้องก้อน
เขาไม่มาเราก็ไปหาถึงที่เลย
แมน แมนคบกันไปเลย

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

หวาย ๆ นุ้งก้อนรู้ใจเข้าใจความรู้สึกของตัวเองแล้ว  ต้องขอบใจพี่พันเขานะ  ที่ให้ความกระจ่างและแสงสว่างแก่เจ้าก้อน  อิอิ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ใจตรงกันแล้ว ก้อนมาหาถึงที่เลย แต่นะมาบอกชอบพี่มันในห้องนอนเนี่ยะ ก้อนจะโดนกินมั้ย

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
โถถถถถ ป่านนี้คนพี่โดนน้องก้อนแอทแทคไปแล้วจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย

ออฟไลน์ ละอองฝน

  • แมวดำ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +398/-2






บทที่ 15













“คือว่า...ผมคิดว่าตัวเองชอบพี่ลมเหมือนกัน แต่ผมไม่แน่ใจ คำว่าชอบที่ผมเข้าใจจะเหมือนกับคำว่าชอบของพี่ลมหรือเปล่า เพราะผมไม่เคยชอบใครมาก่อน แต่ผมดีใจที่ได้เจอหน้าพี่ทุกๆ สามวัน คิดถึงเวลาพี่ไม่มาหาแล้วก็ไม่ยอมตอบข้อความกัน ที่สำคัญ...ผมใจเต้นทุกครั้งที่นึกถึงคำที่พี่บอกว่าชอบผม”

“...”

“แบบนี้เรียกว่าชอบเหมือนกันได้หรือเปล่าครับ”

วายุแทบหยุดหายใจอยู่แล้วตอนที่น้องบอกว่าชอบเหมือนกัน แต่เมื่อได้ฟังคำอธิบายว่าชอบเหมือนกันของกวีเป็นอย่างไร เขาก็คล้ายหยุดหายใจไปชั่วขณะจริงๆ ก่อนความตกตะลึงนั้นจะเป็นเป็นดีใจจนหัวใจพองคับอก

นอกจากหัวใจจะพองโตเพราะคำว่าชอบของกวี วายุยังควบคุมสีหน้าไม่ได้อย่างเก่า เขายิ้มกว้างจนเห็นฟันเรียงซี่แล้วหลุดหัวเราะออกมาด้วยความโล่งอก

จากที่เครียดมาหลายวันเพราะเผลอหลุดปากบอกชอบอีกฝ่ายออกไปตามความรู้สึกและคำยุยงจากพี่ชาย ทำให้หลังจากที่วายุกลับมาที่ร้าน เขาก็แทบอยู่ไม่สุข กินไม่ได้นอนไม่หลับ ด้วยกลัวกวีจะตีตัวออกห่างไป กลัวคำตอบไม่เป็นอย่างที่วาดหวัง

วายุไม่รู้ว่ากวีจะรู้สึกกับเขาแค่ไหน อีกฝ่ายอาจไม่ได้ยอมรับความรักของเพศเดียวกันก็ได้ ดังนั้นตลอดเวลาที่เขาบอกว่าจะให้เวลาน้องได้คิด วายุก็ใช้เวลาตรงนั้นในการทำใจด้วย เพราะรู้ดีว่าคงมีเปอร์เซ็นในการสมหวังกับความรักแทบไม่มี

แต่แล้วคนน่ารักก็ทำให้เขาประหลาดใจอีกครั้งด้วยการเดินทางมาหาวายุถึงที่ร้าน พร้อมกับสารภาพความนัยที่เขาไม่เคยฝันถึง

แล้วแบบนี้จะให้เขาควบคุมตัวเองได้อย่างไรไหว...

“พี่ลม”

“ครับ”

“หัวเราะทำไมครับ” กวีถามเสียงเบา แต่ดูจากคิ้วที่มุ่นขมวดนิดๆ นั่น อีกฝ่ายคงไม่ชอบใจอะไรสักอย่างเป็นแน่ “ไม่เชื่อที่ผมพูดเหรอ”

“เชื่อสิครับ!” วายุพยายามสงบสติอารมณ์ แม้จะยังหยุดยิ้มไม่ได้ก็ตาม ก่อนอธิบาย “พี่แค่ดีใจเกินไปหน่อยเท่านั้นเอง”

“ดีใจ? ...อ้อ...งั้นหรือครับ”

ครั้นรู้ว่าวายุคิดอย่างไร คิ้วที่ขมวดน้อยๆ ก็คลายปม ก่อนริมฝีปากที่วายุชอบแอบมองจะค่อยๆ ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มน่ารักจนเจ้าของร้านพี่รถกับข้าวอดใจไม่ไหว

“ก็ต้องดีใจสิครับ ในเมื่อวีบอกว่าชอบพี่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”

“ครับ ผมบอก”

“ใช่ไหมล่ะ ในเมื่อคนที่พี่ชอบ เขาชอบพี่เหมือนกัน แบบนี้วีจะไม่ให้พี่ดีใจได้ยังไง”

“อ่า...นั่นสินะครับ” นักเขียนคนเก่งของวายุยกมือขึ้นเกาแก้มอีกแล้ว ซ้ำครานี้แก้มกลมๆ นั่นยังแดงขึ้นมากกว่าเก่า

ปฏิกิริยาแบบนี้ แปลว่ากวีกำลังเขินเขาสินะ...ชายหนุ่มมองและจดจำทุกการกระทำ

“วี”

“ครับ?”

“ในเมื่อวีเองก็ชอบพี่เหมือนกัน ถ้าอย่างนั้น เราเป็นแฟนกันไหม”

“หา!?”

ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นอีกเท่าหนึ่ง ราวกับอีกฝ่ายไม่ได้เตรียมใจว่าจะมาได้ยินประโยคนี้จากเขา กวีอ้างปากพะงาบๆ คล้ายต้องการพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา วายุจึงเป็นฝ่ายพูดเสียเอง

อย่างน้อยถ้าลองได้หว่านล้อม น้องอาจยอมตกลงก็เป็นได้ เพราะขนาดบอกว่าชอบ กวียังยอมรับความรู้สึกของเขาเลย

“ในเมื่อเราสองคนต่างก็รู้สึกดีต่อกัน พี่ว่าคงไม่เป็นไร”

“แต่...แต่ผมไม่เคยมีแฟนมาก่อน” กวีละลักละล้ำบอก

“ทุกอย่างย่อมมีครั้งแรกเสมอไม่ใช่หรือครับ ก็เหมือนที่วีบอกพี่ว่าไม่เคยชอบใครมาก่อนไง”

“อ่า...นั่นสินะ” เมื่อเห็นคนน่ารักพยักหน้าเห็นด้วย วายุก็รีบตีเข้าตรงจุด

“ในเมื่อวีไม่เคยคบใครมาก่อน และพี่ก็อยากทำความรู้จักกับวีมากขึ้นในสถานะที่ต่างออกไป มันคงเป็นเรื่องดี ถ้าหากเราจะลองคบและศึกษากันเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง”

“พี่ลมคิดว่ามันจะดีเหรอ”

“ดีสิ คบกับวีมีอะไรที่ไม่ดีกัน”

“ผมมีข้อเสียตั้งมาก...” กวีบีบมือเข้าหากันแน่น และบอกว่าตัวเองมีข้อเสียด้วยท่าทางไม่มั่นใจ

“พี่เองก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีเสียหน่อย”

“แต่พี่ลมใจดี!” เจ้าตัวรีบเถียงทันควัน ก่อนจะหงอลงเพราะตัวเองพูดเสียงดังเกินไป “ขอโทษที่ตะโกนครับ แต่ผมแค่อยากบอกว่าพี่ลมใจดีเท่านั้น”

“วีก็น่ารักมากๆ เหมือนกัน”

“หืม? น่ารักหรือครับ”

“ใช่” วายุยืนยันแข็งขัน “ไม่ใช่แค่หน้าตาหรอกนะที่พี่พูดถึง แต่นิสัยของวีก็น่ารักมาก วีเป็นคนมีน้ำใจ อารมณ์ดี มองโลกในแง่ดี พอได้อยู่กับวีแล้ว...พี่มีความสุข”

“...” กวีนิ่งไป จากนั้นจึงตอบกลับมาเบาๆ “ผมก็ชอบอยู่กับพี่เหมือนกัน”

“ถ้าอย่างนั้น...” วายุเว้นไปนิดเพื่อรวบรวมจริงใจทั้งหมดที่มี

“...”

“เป็นแฟนกับพี่นะครับกวี”

ตอนที่ถามออกไป วายุเองก็ตื่นเต้นจนมือเย็นไปหมด แต่เขามองไม่เห็นว่าจะมีโอกาสที่ดีกว่านี้อีกเมื่อไหร่ ดังนั้นชายหนุ่มจึงต้องมั่นใจและเดินไปข้างหน้าแม้ว่าต้องพบกับอะไรก็ตาม

กวีมองตรงมาที่เขา ดวงตาคู่ใสนั่นดูสับสนชั่วครู่ ก่อนจะค่อยๆ กระจ่างใสขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ ที่อีกฝ่ายส่งมาให้เขา

“...ครับ”

“ขอบคุณครับ ขอบคุณที่ไว้ใจพี่” วายุไม่อาจหุบยิ้มได้อีกต่อไป ความอึดอัดและความกลัวซึ่งเกาะกุมจิตใจถูกเป่าให้ปลิวไปกับสายลม ราวกับว่าก่อนหน้านี้เขาไม่เคยกังวลมาก่อน

“ผมอาจจะงงๆ ทึ่มๆ กับเรื่องพวกนี้อยู่บ้าง ต่อไปถ้าผมทำเรื่องที่คนเป็นแฟนไม่ควรทำใส่พี่ ฝากพี่ลมช่วยเตือนผมด้วยนะครับ”

คำพูดฝากตัวน่ารักๆ กับท่าทางเขินอายนั่นทำเอาวายุแทบจะยืนกุมหัวใจ และร้องตะโกนออกมาให้คนทั้งโลกรู้ว่าแฟนเขาน่ารักที่สุด แต่เขากลัวว่าอาการเสียจริตขนาดนั้นจะทำให้น้องตกใจจนนึกเปลี่ยนใจขึ้นมา วายุจึงได้แต่ยืนยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่ที่เก่า

เขามองสบตากวีอยู่ครู่หนึ่ง วายุจึงเป็นผู้ทำลายความเงียบอีกครั้ง

“วีครับ”

“ครับ?”

“เราเป็นแฟนกันแล้ว ถ้าพี่จะกอดวีสักครั้งหนึ่ง วีจะว่าอะไรหรือเปล่า”

“หา? ...กอดเหรอ” ครั้นถูกเขาถาม น้องก็ทำหน้าเหรอหราน่าฟัดมากกว่าเดิม

“อื้ม” วายุพนักหน้ายืนยัน

“เอ่อ...”

“ได้ไหมครับ”

อีกฝ่ายยกมือขึ้นเกาแก้มแดงๆ พร้อมช้อนตามองมาที่วายุนิดหน่อย ก่อนหลุดตาลงแล้วพยักหน้าน้อยๆ พร้อมกางแขนเล็กน้อยเป็นสัญญาณ

“ถ้าพี่ลมอยากกอด ก็น่าจะได้ครับ---”

วายุสาวเท้าเข้าไปหากวีตั้งแต่อีกฝ่ายผายมืออ้าออกราวกับเด็กที่พร้อมให้เขากอดอย่างเต็มใจแล้ว ดังนั้นตอนที่น้องพูดยังไม่ทันจบประโยคดี เขาก็รวบร่างนุ่มนิ่มเข้ามากอดเสียเต็มรัก และก้มกระซิบข้างหู

“ขอบคุณครับ”

“...ไม่เป็นไรครับ”

“แฟนพี่น่ารักที่สุด”

“...”

กวีไม่ตอบอะไร เพราะในทีแรกดูเหมือนกวีจะยังตื่นๆ กับการกระทำที่ไม่อาจหักห้ามใจได้ของวายุ แต่หลังจากนั้นคนน่ารักก็ค่อยๆ ยกมือขึ้นกอดตอบ และวางหน้าผากซบกับอกของเขา

ท่ามกลางเสียงหัวใจที่เต้นตูมตามไม่รู้ของใครเป็นของใคร พวกเขายืนกอดกันเงียบๆ คล้ายต่างคนต่างส่งผ่านความรู้สึกมากมายซึ่งอัดแน่นอยู่ในใจให้แก่กัน

หลังจากสถานะเปลี่ยนไปแล้ว วายุก็ไม่มีเวลาอ้อยอิ่งซึมซับความสุขที่เกิดขึ้นในห้องเล็กๆ นานนัก เพราะเวลานี้เขาอยู่ในระหว่างเวลางาน ดังนั้นหลังจากยืนกอดกันกวีอยู่พักใหญ่ ที่หน้าประตูก็มีเสียงเคาะดัง พร้อมกับเสียงเรียกให้ลงไปดูงานข้างล่าง วายุจึงขอให้กวีรอเขาอยู่ในห้องไปก่อน

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“พี่ลมครับ รถส่งของที่พี่โทรตามมาแล้ว ช่วยลงมาดูหน่อยครับ”

“โอเค เดี๋ยวลงไป” ตอบพนักงานเรียบร้อย วายุก็หันมาบอกคนในอ้อมแขน “รอพี่เดี๋ยวเดียวได้ไหมครับ”

“เอ่อ...ถ้าพี่ลมไม่สะดวก ให้ผมกลับก่อนก็ได้นะ” กวีผละจากอ้อมกอด และถอยหลังมาก้าวหนึ่ง เหมือนตั้งใจจะกลับออกไป

แต่เพราะวายุยังอยากใช้เวลาอยู่กับกวีต่อ เขาจึงขอร้องไว้

“พี่ขอจัดการงานเดี๋ยวเดียว แล้วพี่จะไปส่งนะครับ รอพี่ได้ไหม”

“รอได้ครับ”

“ถ้าเบื่อก็เปิดคอมเล่น หรือหาหนังสืออ่านรอก่อนนะครับ ในตู้เย็นนั่นมีน้ำหวานกับขนมด้วย วีหยิบกินได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจพี่”

“ครับ”

ครั้นเห็นกวีพยักหน้ารับแล้ว วายุจึงตัดใจเดินออกมาจากห้อง เพราะต้องการทำงานให้เสร็จสิ้น เขาจะได้กลับขึ้นมาหาแฟนหมาดๆ เร็วๆ





















เมื่อจัดการงานในร้านเรียบร้อย วายุก็รีบบึ่งขึ้นมาที่ห้องตัวเองชั้นบนทันที พอเปิดประตูห้องเข้าไป แทนที่เขาจะเห็นกวีอยู่ในห้องอยู่ที่คิดไว้ น้องกลับหายไปไหนก็ไม่รู้ วายุจึงเดินไปที่หน้าประตูห้องน้ำ ก่อนจะเคาะเรียก

“วีครับ วีอยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า”

เมื่อลองเคาะและเรียกดูอีกหลายครั้ง แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบ วายุจึงเบนเป้าหมายข้างนอก และก็เป็นอย่างที่คิด เพราะเขาเห็นคนน่ารักกำลังนั่งก้มๆ เงยๆ อยู่ที่ระเบียง วายุจึงเดินออกไปหา

“วี”

“อ้าว! พี่ลมมาแล้ว!” เจ้าตัวร้องทักวายุด้วยน้ำเสียงสดใส ราวกับเป็นคนละคนกับผู้ชายที่ถูกวายุขอเป็นแฟนเมื่อครู่

“ทำอะไรอยู่ครับ” วายุยิ้มตาม ก่อนจะทรุดลงนั่งหยองๆ ใกล้กับอีกฝ่าย

“กำลังดูพวกพืชอวบน้ำกับแคตตัสของพี่ลมอยู่ครับ”

“วีชอบหรือครับ”

“ครับ” กวีพยักหน้า “ที่บ้านผมก็มีอยู่สามต้น เพิ่งลองเริ่มเลี้ยงได้ไม่นาน เอาไว้พี่ลมไปบ้านผมอีกเมื่อไหร่ ผมจะแนะนำให้รู้จักกับมุงดาว ชาวเดอร์ แล้วก็ปานินี่นะครับ”

“พันธุ์อะไรน่ะ พี่ไม่เคยได้ยินเลย”

“ไม่ใช่ชื่อพันธุ์หรอกครับ ผมตั้งชื่อให้เค้าเองน่ะ จะได้จำง่ายหน่อย ตั้งเป็นชื่อตามตัวการ์ตูนที่ชอบดู พี่ลมคงไม่รู้จัก”

“หึๆ งี้นี่เอง”

วายุปล่อยให้กวีดูพืชอวบน้ำของเขาจนพอใจ ก่อนชายหนุ่มจะสังเกตเห็นว่าก้อนเมฆที่บังดวงอาทิตย์เอาไว้เคลื่อนที่ไปหมดแล้ว แดดแรงๆ ตอนบ่ายโมงจึงสาดลงมาที่ระเบียง

“วีครับ”

“ครับ?” อีกฝ่ายขานรับ แต่ไม่ยอมหันหน้ามามองวายุ ทำเหมือนต้นไม้พวกนั้นน่าสนใจเสียเต็มประดา

“เข้าข้างในเถอะครับ แดดแรงแล้วนะ”

“แต่ผม...เอ่อ...ยังอยากดู”

“ยกถาดเข้ามาดูข้างในก็ได้ครับ พี่ไม่ว่าหรอก อีกอย่างเราหายไข้แล้วเหรอครับ” เขาจำได้ว่าเมื่อสามวันก่อนกวีเป็นไข้จนหน้าแดงตัวร้อนราวกับไฟ

“หายดีแล้วครับ” กวีบอก

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ อย่าตากแดดอย่างนั้นเลยนะ พี่เป็นห่วง กลัวไข้จะกลับอีก” ไม่ว่าเปล่าวายุยังถือวิสาสะปากเช็ดเหงื่อที่ข้างขมับของกวีออกให้

“...ก็ได้ครับ” กวีตอบรับอย่างว่าง่าย

“แล้วเราจะเอาต้นไหนไปดูครับ พี่ยกให้นะ”

“ไม่ต้องแล้วครับ พี่ลมมาแล้ว ผมไม่ต้องดูแล้วครับ”

ฮ้า~ แฟนเขาน่ารักอะไรอย่างนี้…วายุได้แต่หวีดร้องในใจ

“ถ้าอย่างนั้นวีหิวไหม”

“อืม...” กวีหยุดคิดนิดหน่อย จากนั้นจึงพยักหน้า “นิดหน่อยครับ”

“ถ้าอย่างนั้นเราไปกินข้าวกันนะ พี่จะพาไปกินร้านอร่อย”

“แล้วพี่ลมไม่ทำงานเหรอครับ”

“งานส่วนของพี่ไม่มีอะไรแล้วครับ อีกอย่างตอนนี้ผู้จัดการร้านคนใหม่ของพี่ลงไปดูแลแทนแล้ว วีไม่ต้องห่วงนะ พี่มีเวลาโดดงานได้จนถึงเวลาปิดร้านเลย”

“เอ...ผู้จัดการร้านของพี่หรือครับ”

“ครับ”

“ร้านของพี่ลม?”

“ครับ” วายุพยักหน้ายอมรับ

“หา!?” กวีทำตาโต “นี่ร้านพี่รถกับข้าวเป็นร้านของพี่รถกับข้าวเหรอ”

“หืม? พี่ให้โอกาสเรียบเรียงคำพูดใหม่อีกรอบครับ” วายุยิ้มขำ

“ผมหมายถึง ร้านนี้เป็นร้านของพี่ลมหรือครับ”

“ครับ พี่รถกับข้าวเป็นร้านของพี่เอง”

“โอ้ย...ตายล่ะ นี่ผมเข้าใจผิดมาตลอดเลย”

“เข้าใจผิดอะไรครับ หืม?”

“ก็ผมคิดว่าพี่ลมเป็นพนักงานส่งน่ะสิ คิดว่าทำพี่เสียเวลางานหลายครั้ง พี่จะโดนเจ้านายว่าบ้างไหมน้อ แต่จริงๆ พี่ดันเป็นเจ้าของร้านเสียเอง”

“ฮ่าๆ ๆ” เห็นน้องทำหน้ายู่ยี่ วายุก็อดหัวเราะไม่ได้ ก่อนจะลูบหัวทุยอย่างนึกเอ็นดู “ต่อไปสงสัยอะไรก็ถามพี่นะ พี่จะเล่าให้ฟังทุกเรื่อง เราจะได้รู้จักกันมากขึ้น ดีไหม”

“ดีครับ ผมเองก็จะ...เล่าเรื่องของตัวเองให้พี่ลมฟังเหมือนกัน” กวีพูดพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะปล่อยให้วายุจูงมือออกไปหาของอร่อยกิน ถือเป็นการฉลองมื้อแรกหลังจากเป็นแฟนกัน











-------------------------------------------------------------------------------------------------------






หูยยย ไวไฟเว่อ เป็นแฟนกันแล้วววว

แต่ต้องแอบกระซิบเจ้าก้อนว่า ไอ้ประโยค ต้องมีครั้งแรกเสมอเนี่ย ใช้ได้หลายโอกาสเน้อ

น้องต้องระวังตัวนะคะลูกกก 555555555



ขอบคุณที่ตามอ่านกันน้า



ละอองฝน.

ออฟไลน์ jaaswp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น้องก้อนระวังคำว่าครั้งแรกของพี่ลมดีๆนะลูก :katai2-1:

ออฟไลน์ Al2iskiren

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1775
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ดีใจที่เขาเป็นแฟนกันแล้ว
เจ้าก้อนตอนเอ๋อๆนี่น่ารักดีนะคะ เข้าใจความรู้สึกพี่ลมเลย :-[

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
รออะไรที่ต้องมีเป็นครั้งแรกค่ะ
แต่ไม่ครั้งแรกในเรื่องการทะเลาะหรือผิดใจกันนะคะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

หวาย ๆ เขาตกลงกันเป็นแฟนกันแล้วอ่ะ  งุย ๆ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
แฟนกันๆๆๆหมาดๆ ไปฉลองความหวานกันที่ไหนดี

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
น่ารักกกกกกกกกก

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
โอ้ยย คิดจะสารภาพทีก็กระทันหันไปหมดพี่ลมมม น้องไม่ไหวแล้ววววว  :mew1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
น้องว่าง่ายมากโดยเฉพาะเวลาชวนไปหาของอร่อยกิน

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
น้องน่ารัก

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
คู่นี้ทำไมมันน่ารักอย่างงี้พี่ลม&น้องวี

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
น่ารัก แล้วแบบนี้ลมจะปล่อยให้คนอื่นได้ไง

ว้าววว ดีงาม วีถึงขั้นนอยด์ต้องตามมาให้คำตอบพี่
ลมก็เวิ่นไปหลายวัน ตอนนี้สมใจแล้ว
แถมได้ทั้งบอกชอบ ทั้งได้แฟน

วีจะไปอเมริกาอยู่ไหมล่ะแบบนี้ คิดถึงกันแย่

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ ClioNe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด