#เจนไม่นก
เจนต้องสะสาง
อืมมมมมมมมมม
“คิกๆ แฮะๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะใสๆของเด็กอารมณ์ดีที่ปลุกเจนให้ตื่นนอนแต่เช้านั้นมันช่าง….
“ตื่นเร็วอีกแล้วเหรอเจ้าลูกกบ” แต่ช่างมันเจนจะนอนต่อ
อุบ!
“น้องวีนนนนนนนน” เต็มรักเลย เจ้าลูกกบคนดีของทุกคนนั้นทับมาเต็มรักเลย พอเริ่มจะเก่งก็ปีนขึ้นมาขย่มเลยนะ นอนต่อได้ก็ไม่ใช่คนแล้วแหละ….ศพแน่นวล…
“คิกๆ”
“ไหนใครแกล้งพี่เจน!” ในเมื่อนอนต่อไม่ได้ก็สนองความต้องการน้องเสียหน่อย เจนรักษ์คว้าเจ้าจอมซนมานอนทับตัวเองก่อนจะระดมหอมแก้มไปมา แจกความสดใสด้วยน้ำลายยืดๆในยามเช้า จนเปื้อนหน้าไปหมด
ฟัดจนหนำใจแล้วก็อุ้มพาไปข้างล่าง ตอนนี้คงมีคนกำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่ ทว่าเจนคิดผิด ตอนนี้ยังไม่สว่างดีเลย แต่เจนกลับตื่นลงมาคนเดียว แต่ในเมื่อตื่นแล้วก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกลับไปนอนอีกครั้ง คนตัวเล็กเลือกที่จะพาน้องวินไปนั่งที่เก้าอี้ประจำตัว ก่อนที่จะเริ่มปิ้งขนมปังและทอดไข่สำหรับมื้อเช้าของตน และเพราะเสียงเครื่องทำกาแฟที่ดังขึ้นไปข้างบนนั้น
มันก็ทำให้เขาได้รู้ว่าคนที่ผูกเนคไทให้ทุกวัน…อยู่ข้างล่างนั้น
“ขอกาแฟให้ผมแก้วนึงด้วยสิ”
“อ้าวคุณรบ” วันนี้ทำไมเขาตื่นเช้าจังล่ะ เจนที่กำลังทำหลายๆอย่างไปพร้อมกันหันไปหาร่างสูงที่เพิ่งเดินเข้ามา บนแขนของเขามีเสื้อสูทและเนคไทพาดอยู่
“วันนี้ผมต้องไปต่างจังหวัดน่ะ” เขาตอบคำถามที่เจนอยากรู้แต่ไม่ได้พูดออกมา ก่อนจะนั่งลงที่ข้างของลูกชายตัวเองซึ่งกำลังสนใจของเล่นส่งเสริมพัฒนาการในมือ
“รับอาหารเช้าด้วยไหมครับ เจนกำลังจะทำพอดี”
“อืม ขอสักชุดล่ะกัน ยังพอมีเวลา” เขาก้มมองนาฬิกาข้อมือ และเพราะตนให้ความสนใจกับมัน เจ้าตัวเล็กเห็นดังนั้นจึงเอามือของตนตะปบลงไปที่นาฬิกาพ่อ
“งั้นเป็นอเมริกันเบรกฟาสต์ละกันนะครับ” เขาไม่ตอบสิ่งใดเพราะกำลังให้ความสนใจกับตาหนูที่อยากรู้อยากเห็นไปหมด เขาพูดคุยกับน้องวินทั้งๆที่อีกฝ่ายยังพูดไม่รู้เรื่องและสื่อความไม่เข้าใจ เช้าวันนี้เริ่มต้นได้ดีจนเรียกกำลังใจได้มากโข กลิ่นอาหารที่เย้ายวนและเสียงฉ่าที่ดังมานั้นทำให้เขาเงยหน้าขึ้น บัดนี้มีเพียงแค่แผ่นหลังของเจนรักษ์ที่เขาเห็น
คนตัวเล็กกับผ้ากันเปื้อนสีเทา
“นี่ครับ” เจนเดินมาพร้อมกับอาหารและกาแฟที่เขาร้องขอ วางไว้ให้ตรงหน้าก่อนจะเดินไปเอาของตนเองมานั่งที่ฝั่งตรงข้าม หยอกน้องวินที่มองมาครู่นึง ก่อนจะกัดขนมปังปิ้งที่ตนทำมา นักรบจ้องมองนาฬิกา เขาสามารถที่จะค่อยๆกินไปได้อีกแค่ 20 นาที แต่คาดว่าทุกอย่างคงหมดก่อนนั้น ปกติเขากินข้าวได้เร็วมาก แต่วันนี้เขาเลือกที่จะค่อยๆละเลียด
อยู่ๆก็อยากจะใช้ชีวิตช้าๆกับเขาบ้าง
“คุณรบนี่ปกติทานพวกน้ำเต้าหู้ปะครับ” เจนถาม เป็นบทสนทนาแรกหลังจากที่ว่างเว้นมาสักพัก
“ก็กินได้”
“เจนกับแม่จะทำน้ำเต้าหู้กันนะครับ ยังไงเจนจะทำเผื่อนะ”
“อืม”
“น้ำเต้าหู้ร้อนๆตอนเช้ากับปาท่องโก๋กับโจ๊กก็ดีนะ เดี๋ยววันพรุ่งนี้เจนออกไปซื้อตอนเช้าดีกว่า”
“เผื่อด้วยชุดนึง”
“ครับ?”
“ที่พูดมานี่ไม่ได้ถามว่าผมอยากกินด้วยไหมหรอกเหรอ” เออ แล้วเจนจะพร่ำเพ้ออะไรนักหนา
“ก็ถ้าคุณรบ….”
“ชุดนึง ผมจะกินข้าวเช้าที่บ้านพรุ่งนี้” เจนพยักหน้ารับทราบ ก่อนจะรีบคว้ามือเจ้าลูกกบจอมซนที่แอบคว้าขนมปังพี่เจนไปจะเข้าปาก น้องวินเริ่มโตขึ้นแล้ว อยากลองนั่นนี่และอะไรที่ไม่ชอบก็จะดื้อไม่ยอมกิน วุ่นวายอยู่กับคนลูกสักพัก ก็มารู้ตัวอีกทีตอนที่คนพ่อซึ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ อยู่ๆก็อุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมามองหน้า
“อย่าดื้อ” แล้วใครให้มองหน้าหาเรื่องกับลูกแบบนี้นี่ แล้วเจ้าตาแป๋วนี่ก็ไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
“แอะแฮะ แฮะๆ” ลูกชายบ้านนี้มันยังไงนะโดนดุแล้วหัวเราะ
“ไหนสัญญากับปะป๋าก่อนสิว่าจะไม่ดื้อ” เขาดึงลูกเข้าสู่อ้อมอก หอมซ้ายหอมขวาเรียกเสียงหัวเราะจากเจ้าตัวเล็ก เห็นเช่นนี้ก็สบายใจจนยิ้มออกมา
เราสองคนเดินมายังหน้าบ้านทั้งๆที่เจนยังกินไม่หมดแบบนั้น บ้านทั้งหลังยังคงเงียบงันเพราะมันยังไม่ได้เวลาเริ่มงาน ทว่าฟ้าที่เริ่มสางแล้วก็ทำให้เห็นพระอาทิตย์ที่ฉายแสง ปกติคนบ้านนี้ก็ไม่ใช่พวกคุณนายตื่นสายอะไรกัน แต่การที่เจนได้ตื่นก่อนใครแล้วมานั่งกินเงียบๆอย่างนี้มันก็ให้ความรู้สึกอีกแบบ บอกไม่ถูกว่าแบบไหนดีกว่า เรียกว่าดีคนละแบบ ระหว่างกินกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ กับกินคนเดียว ไม่สิ….
กินกับลูกกบกับพ่อกบ
“ไปล่ะ” เขาบอก แต่ปากบอกเช่นนั้นทว่ามือก็ยังไม่หยุดไล้แก้มของเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนของเจน
“บ้ายบายคุณพ่อสิ ไหนส่งจูบเร็ว” เจนอุตสาห์สอนให้ส่งจูบไหนล่ะไม่ยอมส่งสักที ดื้ออยู่อย่างนั้นจนคนพ่อทนไม่ไหว
ต้องก้มลงมาหาและจูบแก้มลูกชายที่อยู่กับอก…..ของเจน
“…………..”
“ไหนคิสปะป๋าด้วยสิครับ” ก่อนที่จะเอียงแก้มให้น้องวินได้แตะปากลงไปเบาๆ จากวันนั้นที่เจอกันจนถึงวันนี้ เจนรักษ์เพิ่งรู้เองว่าคุณรบที่แข็งๆและเย็นชามากๆคนนั้น เวลาที่เขากล้าที่จะแสดงความรักกับใคร
เขาจะน่ารักและอบอุ่นได้ขนาดนี้
“………….”
“อย่าลืมที่คุยกันไว้นะ”
“คะ…ครับ” เจนนั้นเหมือนจะหลงอยู่ในภวังค์อะไรสักอย่าง ท่าทางเหม่อลอยเมื่อครู่ถูกฉุดกลับมาไม่ทันตั้งตัว พวงแก้มแดงสุกปลั่งอย่างไร้ความจำเป็น
“ที่คุยกันไว้”
อา….ครับ” แต่เราคุยอะไรกันเหรอ จริงๆแล้วเราคุยกันด้วยหรือไง ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ เจนรักษ์ได้รับรู้ไหมว่าเราคุยกันดีขึ้นมาก และคุยกันเยอะขึ้นมาก หรือไม่รู้ตัวเลย….
เพราะมักจะหลุดเพ้อไปทุกทีที่เผลอมองหน้าหรือไง
“น้ำเต้าหู้ โจ๊ก และปาท่องโก๋ พรุ่งนี้นะ” เขายิ้มให้ คราวนี้ไม่ใช่ยิ้มที่ให้กับน้องวิน
แต่เป็นยิ้มที่ให้กับเจนรักษ์คนเดียว….
xxx
ตบหน้าเรียกสติ 3 ที ปฏิบัติ!
แปะ แปะ แปะ
“เออ ก็เจ็บนี่หว่า” ต้องโง่ เด๋อ และบ้าแค่ไหนที่ตบหน้าตัวเองจริงๆแบบนี้
แต่สถานการณ์แบบตอนนี้ เจนอยากเอาหัวโหม่งพื้นจากชั้น 3 ลงมาด้วยซ้ำ การที่ชั่ววูบนึงมองว่าคุณรบกร้าวใจ เป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง ท่องไว้เจน คุณรบจะเป็นผัวใครก็ได้ แต่เป็นผัวเอ็งไม่ได้ว้อยยยย!!! อยากได้ชื่อว่าเป็นคนใช้ตั้งใจจับเจ้านายหรือไง ก็ไม่ไง ดังนั้นเจนรักษ์จะเป็นเมียใครก็ได้เช่นกัน แต่ห้ามเอาตัวเองไปเสนอตัวเป็นเมียคุณรบเด็ดขาด!!!
“เจะ เจะ เจ” เสียงเรียกของน้องวินที่รอให้เจนป้อนข้าวต่อนั้นเรียกสติกันกลับมา เจนจมอยู่กับความคิดอย่างว่ามาหลายวันแล้ว และก็ยอมรับว่าช่วงนี้ตนเองไม่มีประสิทธิภาพสักเท่าไหร่ หลังจากวันนั้นที่เขาบอกว่าจะมากินข้าวเช้าด้วยและให้เตรียมไว้ให้ ในตอนนั้นเจนก็ไม่คิดว่าเขาจะมาจริงเพราะคุณรบยุ่งจะตาย แต่เขาก็มา ทว่าที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่า
คือเจนเอง
เจนเอง
เออเจนนี่แหละ….ที่ดันเตรียมทุกอย่างและเปี่ยมไปด้วยความหวังว่าเขาจะมา
“เจะ เจะ เจ” น้องวินเรียกกันอีกครั้ง เจนนี่ใช้ไม่ได้เลย
“ครับๆ พี่เจนขอโทษน้า” บอกขอโทษก่อนจะเช็ดปากและป้อนข้าวคำใหม่ให้ พยายามโฟกัสกับงานที่ทำจนป้อนข้าวน้องหมด ก่อนจะเอาจานของน้องไปล้างผึ่งไว้
จะว่าไปช่วงนี้เจนก็เอื่อยๆจริงๆนั่นแหละ
“เป็นเพราะอยู่ติดบ้านนานไปปะนะ” เจนคิด แต่ในขณะเดียวกันก็แย้งขึ้นมาในหัว มันไม่น่าจะใช่ เพราะเจนเองก็ไม่ได้รู้สึกอยากไปไหนเป็นพิเศษ
ล้างจานเสร็จก็พาน้องวินขึ้นไปบนห้อง จับเจ้าตัวเล็กลงไปนั่งในรถเข็นสำหรับหัดเดิน ก่อนจะทิ้งตัวลงนอน ฟังเสียงกรุ๊งกริ๊งที่มาจากน้องวินก่อนจะตะแคงข้างมองเจ้าลูกกบที่เอ็นเตอร์เทนตัวเองอยู่ หรือนี่จะเป็นโรคซึมเศร้าแบบที่คนเป็นแม่ชอบเป็นกันนะ แต่นี่เจนไปเป็นแม่ของน้องวินตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!
ไม่ได้การล่ะ เจนต้องสะสาง!
คนตัวเล็กลุกขึ้นก่อนจะเดินไปค้นสัมภาระของตัวเองออกมา พบออแกไนซ์เซอร์ที่ตนเคยใช้ตอนทำงานในนั้น เจนไม่ได้เปิดมันมาหลายเดือนแล้ว ร่วมๆ 5 เดือนได้ละมั้ง ปากกาที่สอดอยู่นั้นก็ไม่ได้จับมานาน เจนรักษ์นิ่งเงียบกับตัวเองสักพัก ความรู้สึกเก่าๆที่เคยมีถูกนำพากลับมาในตอนที่เจนจับออแกไนซ์เซอร์เล่มนี้ จะบอกว่าคิดถึงก็ไม่เชิง แต่จะบอกว่าโล่งใจก็ไม่ใช่
นี่คือความรู้สึกของผู้หญิงที่ลาออกจากงานมาเป็นแม่บ้านหรือเปล่านะ
“เจ เจ เจ้” แต่เสียงของเจ้าตัวน้อยที่กำลังไถไปมานั้นกลับเรียกให้หันไปมอง คนๆเดียวที่เป็นที่สนใจของเจนในตอนนี้คงมีแค่คนนี้ ชีวิตดั่งฝันแบบที่ไม่เคยฝันจะมีมาก่อนคือช่วงเวลานี้นี่เอง คือตอนที่เจนได้รับรู้ถึงการเป็นที่รักอย่างมากมายแบบนี้ มีใครคนนึงที่คอยเรียกร้องความสนใจและให้ความสนใจต่อกันแบบนี้ ไม่รู้ว่าพอน้องวินโตขึ้นแล้วจะยังเรียกหาแต่พี่เจนๆแบบนี้ไหม
“ช่างมันก่อนเถอะเจน” แต่กว่าจะถึงตอนนั้น เจนคงค่อยๆปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้เหมือนทุกทีนั่นแหละ
เจนเป็นผู้มีประสบการณ์ชีวิต เจนต้องทำได้…
กระดาษปากกาพร้อม ที่เหลือคือใจที่ไม่แน่ใจว่าพร้อมไหม เจนค่อยๆคิดลำดับทุกอย่างในหัวที่ตีกันยุ่งไปหมด และก็ค่อยๆเขียนมันลงไป คำถามแรกที่ออกมาจากหัวคืออยากจะอยู่ที่นี่ต่อไปจนถึงเมื่อไหร่ ก็คงอีกสักระยะนึง มันไม่มีทางที่จะยาวนานแบบที่คุณอำไพอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเราไม่เหมือนกันอยู่แล้ว แม่มาเพื่อทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองและส่งไปให้เจนและยายได้ใช้ที่ต่างจังหวัด แต่เจนนั้นไม่ได้หาเงินส่งไปให้ใครและมีเงินเก็บในประมาณนึง แล้วจุดประสงค์ของเจนที่มาอยู่ที่นี่มันเพราะอะไรกันล่ะ
เหตุผลเดิม > พักผ่อนและอยากอยู่กับแม่
เหตุผลเพิ่มเติม >
“…………..” เจนลังเลที่จะเขียนมันลงไปแม้ว่ามันจะเป็นความจริง ในตอนนี้จะตลกก็ตลกไม่ออก เจนยอมรับว่าพอเข้าโหมดนี้ก็ทำให้ตนเสียจริตความเป็นเจนรักษ์คนตลกแบบออแกนิกซ์ของโลกใบนี้ไปเหมือนกัน แต่อย่างไร ถ้าไม่เขียนก็จะจัดการความคิดไม่ได้
เหตุผลเดิม > พักผ่อนและอยากอยู่กับแม่
เหตุผลเพิ่มเติม > รักน้องวิน และบ้านรัตนสกุลทำให้เจนรู้สึกอบอุ่น
เพราะเจนเป็นเด็กขาดความอบอุ่น
ข้อเท็จจริงตรงนี้เป็นสิ่งที่เจนไม่อยากยอมรับแต่ก็รู้ตัวมาตลอด เจนเป็นเด็กขาดความอบอุ่น แต่เพราะตนไม่อยากให้ปัญหาของตัวเองเป็นภาระใคร ประจวบกับการเกลียดความดราม่าที่ดูงี่เง่าๆพวกนั้น จึงทำให้เจนไม่เคยเรียกร้องอะไรให้คนอื่นต้องมาลำบากใจ และทดแทนความรู้สึกที่ว่าขาดนั้นลงไปด้วยการเพิ่มเติมความรักความห่วงใยให้ตัวเองแทน
เจนมีพื้นฐานเป็นคนรักตัวเอง
แต่อย่างไรเจนก็หนีไม่พ้นการเป็นเด็กที่ต้องการความรักอยู่ดี และเจนรู้ว่าจะทำให้คนรักได้ เราก็ต้องเป็นเด็กดี เจนไม่เคยโกรธหรือยอมแพ้ต่อความรักที่ตนต้องการจริงๆ แค่เจนไม่เคยเรียกร้องให้คนอื่นต้องพยายามหามาให้ ครอบครัวคือสิ่งแรกที่เด็กชายเจนรักษ์ได้รู้จักและมอบความรัก เพราะถ้าหากเจนไม่รู้จักการรับก็จะไม่มีวันได้รู้ว่าตนก็ต้องให้ ดังนั้นความเป็นอยู่ที่ให้ความรู้สึกคล้ายกับการเป็นครอบครัวที่รัตนสกุลมีให้ จึงผูกมัดเจนไว้อย่างไม่รู้ตัว
แล้วจะอยู่ไปถึงเมื่อไหร่….
“อืม….ยากแฮะ” เจนไม่อยากกดดันตัวเอง แม้ว่ามองตาของคุณพรรณี เจนก็เดาได้ว่าคุณเขาอยากให้เจนอยู่ที่นี่ตลอดไป แต่เจนไม่สามารถอยู่ไปตลอดได้เพราะอาชีพพี่เลี้ยงเด็กไม่เคยเป็นแผนการของชีวิต และเจนก็หวั่นถึงความไม่แน่นอนบางอย่างที่คาดเดาไม่ได้ด้วย ดังนั้นสักวันเจนจะต้องจากไปก่อนที่อะไรที่ว่านั่นจะเกิดขึ้น และสักวันนั้นคงยังไม่เกิดเร็วๆนี้ บางทีเจนอาจจะอยู่ที่นี่ไปอีกสักปี หรือสักปีกว่าเพื่อให้น้องวินโตขึ้นมาในระดับนึงแต่ไม่โตจนเกินไปเพราะยิ่งโต….น้องก็จะยิ่งจดจำกัน
แล้วจะพาแม่ไปด้วยไหม….
“พา” เจนตอบตัวเองได้ในทันที นี่คือเป้าหมายแรกเริ่มที่เจนตั้งไว้ แต่บางทีเจนอาจจะออกไปก่อนเพื่อไปเซ็ตที่ทางให้ตัวเอง ทำธุรกิจที่ไทยนี่ก็ดี บางทีอาจจะขอเวลาอีกสักปีหลังออกไป เพื่อให้ทุกอย่างลงตัวค่อยพาแม่ไปด้วย อย่างว่า….ไม่มีลูกจ้างที่ไหนที่จะอยู่กับเจ้านายได้ตลอดไป เราเลิกทาสกันมานานแล้วด้วย และเจนอยากให้แม่สบายเสียที เป็นคุณนายตื่นสายทำอะไรสบายๆดูแลเจนบ้างแม้เจนจะโตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้วก็ตาม
กับคุณพรรณีล่ะ…..
เจนก็จะให้แม่กลับมาหา ไปเที่ยวด้วยกัน ความสัมพันธ์ของนายบ่าวที่นี่เหมือนคนอยู่กันเป็นเพื่อน ถ้าไม่นับเรื่องทำงานบ้านให้แล้วได้รับเงินเดือน คุณพรรณีเองก็เป็นคนแก่ที่ไม่มีเพื่อนแท้ในวัยเดียวกันมากมาย ดังนั้นคนที่อยู่ด้วยกันมานานอย่างแม่และน้าจินจึงเหมือนเป็นเพื่อนไปโดยปริยาย คนแก่ 3 คนชอบนักล่ะที่ได้เที่ยว เจนไม่ว่าถ้าแม่จะไปเที่ยวกับเขา แต่ต้องไปอยู่กับเจนเพราะเจนจะไม่อยู่เป็นพี่เลี้ยงน้องวินไปจนแก่เหมือนกัน
ทว่าคิดแบบนั้นก็ดูจะโหดร้ายเกินไป
เจนหันไปมองดูน้องวินที่ยังเล่นสนุกอยู่ คำว่าพี่เจนจะไม่อยู่เลี้ยงหนูนั้นมันโหดร้ายสำหรับใครกันแน่ กับเด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว หรือกับผู้ใหญ่ที่รู้เรื่องทั้งหมดและอาจจะจดจำไปจนตาย ดวงตาของเจนที่เคยจริงจังเมื่อยามไล่เขียนทุกอย่างในหัวกลับมีน้ำตาคลอ เมื่อไหร่กันนะที่เจ้าลูกกบน้อยเข้ามาอยู่ในใจของเจนทั้งใจแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่กันที่เจนอ่อนไหวไปกับเรื่องของเด็กคนนึงที่ไม่ได้เป็นแม้แต่เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง อาจจะเป็นเพราะทั้งชาตินี้เจนไม่อาจจะมีลูกได้ ความรักของเจนถูกจำกัดแค่คนในครอบครัวเท่านั้น คำว่ารักคนอื่นจนหมดใจสำหรับเจนแล้วมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
คนตัวเล็กลุกขึ้นไปอุ้มเจ้าตัวน้อยออกมาจากรถเข็นเด็กสำหรับหัดเดิน หวังให้อ้อมกอดนุ่มนิ่มหอมกลิ่นนมและแป้งเด็กปลอบโยนกัน ทั้งหมดนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น และเจนไม่จำเป็นต้องเครียดไปก่อน แต่แค่คิดมันก็ทำให้รู้สึกแย่ไปหมดแล้ว จมูกรั้นสูดดมกลิ่นหอมจากแก้มนิ่มเบาๆแต่กดแช่อยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน สักวันน้องวินจะโตและเขาจะเปลี่ยนไป และสักวันเจนก็จะไม่สามารถเดินเข้ามากอดได้แม้เจอกันอีกครั้งใช่ไหม ดังนั้นยิ่งตัดใจได้เร็วเท่าไหร่ มันย่อมดีกว่า
ตาหนูไม่ได้ผิดเลย ผิดที่พี่เจนอ่อนแอเกินไป
“ด้า!”
“เจ้าลูกกบ”
“ด้า!” น้องวินยื่นของเล่นในมือให้ นั่นสิ แล้วจะตัดใจได้ไหม
“ให้พี่เจนเหรอ”
“เจเจ้!”
“…………” ช่างมันเถอะ เจนนั้นกอดน้องอีกครั้งก่อนจะซุกใบหน้าลงกับไหล่นุ่มนิ่ม เอาเป็นว่าถ้าแม่ของเจนอยากจะมาเที่ยวเล่นกับคนที่นี่ เจนก็จะมาด้วย และถ้าน้องวินจำพี่เจนไม่ได้ก็ไม่เป็นไร พระพายเองก็ไม่ได้รู้จักเจนมาก่อน ทุกวันนี้เรายังเป็นพี่น้องที่ดีและเจนก็เอ็นดูอีกฝ่ายมาก ในขณะเดียวกันพระพายเองก็ดูจะชอบตนมากเหมือนกัน ดังนั้นความเป็นไปได้ที่ว่าต่อให้เจนจะไม่ใช่คนเลี้ยงน้อง ก็ไม่ได้หมายความว่าน้องจะไม่รักพี่เจนนี่นา ลืมกันก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวเจนมาทำให้รักใหม่ก็ได้ กับเด็กคนหนึ่ง มันไม่ได้เหน็ดเหนื่อยเลย
การทำให้ผู้ใหญ่บางคนรัก….มันน่าเหน็ดเหนื่อยเสียยิ่งกว่าด้วยซ้ำ!
“พี่เจนฮูกๆรักน้องวินอ๊บๆนะครับเด็กดี”
สติมาปัญญาเกิดเสียทีนะเจนรักษ์ ตอนนี้เจนสบายใจขึ้นโข แม้จะยังไม่แน่ใจว่าตนกำลังทุกข์เรื่องอะไรอยู่ ความรักอันไร้เดียงสานี่ช่างเป็นยาบำบัดได้ดีจริงๆ อาจจะดื้อบ้าง งอแงนิดหน่อย แต่ต้องยอมรับว่าเจ้าตัวเล็กทำหน้าที่ได้ดีเกินคาด ชั่วแวบที่มีความคิดว่าหากเราไม่เคยได้เจอกันนั้นคงจะดีได้ถูกลบล้างไป โชคชะตานำพาให้เจนได้ปกป้องน้องในวันนั้น และเพียงแค่สบตาก็เหมือนจะตกหลุมรักเข้าเสียแล้ว
ดังนั้นเรามาค่อยๆโตไปด้วยกันนะ
ครืดดดดดดดดด
“หืม” เจนที่กอดฟัดน้องอยู่นั้นมองไปที่โทรศัพท์ที่สั่นสะท้าน เป็นตัวจุ้นที่โทรมา เจนกดรับ ก่อนจะเริ่มบทสนทนา
โทรมาได้จังหวะพอดีเลย
“หวัดดี” เจนกล่าวทักทายออกไป
“เมื่อไหร่จะกลับเมกาเนี่ย” จริงๆคำถามนี้เจนเพิ่งจะตอบให้ตัวเองเลย
“คงสักพักอ่ะ เลี้ยงน้องก่อน”
“เลี้ยงน้อง โหยยยยยยยไม่แม่พระก็นางงามอะ รักเด็ก”
“น้องวินน่ารักมาก จุ้นต้องได้เจอถึงจะรู้” เจนเลี่ยงใช้คำหยาบ แม้น้องจะยังเด็กแต่เจนก็อยากจะฝึกตัวเองไว้เป็นนิสัยไม่ให้ทำเป็นเยี่ยงอย่าง
“ทำไมพูดเพราะวะ”
“กอดน้องอยู่”
“แคร์มากด้วย ถ้าบอกว่าเป็นแม่เด็กก็เชื่อละนะ หรือจริงๆแอบไปคลอดไว้เลยต้องเลี้ยงดู”
“…………” ไม่ เจนจะไม่เถียง
“หรือจริงๆแล้วเป็นอะไรกับพ่อเด็ก ตอบมานะ!”
“เฮ้อ….”
“…………”
“………….”
“พี่เจนถอนหายใจใส่จุ้นเหรอ!”
“พี่แค่เหนื่อยและเถียงไม่ได้เพราะอุ้มน้องอยู่ต่างหาก” เวลาที่งอนก็จะร่ำร้องอยากเป็นน้องแหละคนเรา
“ชักจะหงุดหงิดน้องวินอะไรนี่แล้วจริงๆ” มาแย่งความรักไปนะเหรอ ให้ตายเหอะจุ้น ปัญญาอ่อนว่ะ!
“ทะเลาะอะไรกับพี่เคลมา”
“……………”
“หงุดหงิดเหมือนผู้หญิงตอนเมนส์ไม่มานี่ถ้าไม่ใช่พี่เคลแล้วจะใคร เปิดโอกาสให้บอกมา เร็วๆเล่า!” ปกติจุ้นมันไม่ใช่คนแบบนี้หรอก แต่พี่เคลผู้เป็นดั่งทุกข้อยกเว้นของความงี่เง่า มันก็จะฮอร์โมนแปรปรวนนิดหน่อย
“ก็ส่งคนมาช่วยบริหารร้าน ทำให้เราว่าง และก็ต้อนกลับบ้าน” ฟังดูก็เป็นเรื่องที่ดีนี่ แต่เชื่อเหอะ ลองเป็นพี่เคลต่อให้ทำดีแค่ไหน ในสายตาคนบางคนก็ไม่เคยดีขึ้นมาหรอกครับ และเจนก็พยายามปรับทัศนคติกับมันแล้ว
แต่เด็กน้อยมันไม่เคยโตเลยจริงๆ
“เลยว่าจะหาเรื่องทำตัวให้ไม่ว่างอ่ะ”
“จะทำธุรกิจใหม่อีกเหรอ”
“เปล่า จะไปเที่ยว”
“ไม่ว่าง ต้องเลี้ยงน้อย”
“โหยยยยยยยยยย”
“ไปต่างประเทศด้วยมันหลายวัน เข้าใจไหม”
“ก็เนี่ยจะไปหาเนี่ย ฟังให้จบก่อนสิ คนเรา”
“…………”
“ไม่คิดถึงน้องเหรอ พี่เจนไม่คิดถึงน้องใช่ไหม”
“เอ่อ….ก็ไม่นะ”
“น้องน้อยใจอ่ะ”
“แล้วจะมาหาไหม”
“มา! เพราะเจนคือข้ออ้างเดียวที่เรามี” เข้าใจแล้วล่ะ….
คือจริงๆคนเราจะอยากเจอหรือไม่มันไม่เกี่ยวเลย คือคนเรามันไม่มีทางเลือก ว่าถ้าบอกว่าจะไปเที่ยวคนเดียวก็มีคนไม่ยอมให้ไป ดังนั้นเลยต้องอ้างรายนามที่น่าเชื่อถือ และเจนเป็นคนนึงที่มีชื่ออยู่ในนั้น แค่จุ้นพูดว่ามาหาเจน พี่เคลก็อนุมัติคำขอโดยไม่ฟังเหตุผลแล้วล่ะ คงรู้ว่านกน้อยขังไว้ในกรงทองนานๆมันจะหงุดหงิดงุ่นง่าน แต่ถ้าปล่อยก็ไม่ได้แบบนี้ สู้ให้ไปบินเล่นในกรงที่น่าไว้ใจของคนอื่นบ้างดีกว่า
“จะมาก็มา นี่เดี๋ยวจะลิสต์ของที่จะให้เอามาให้ด้วย จ่ายเงินให้แน่นอนไม่ต้องห่วง” ไหนๆก็ไหนๆเปิดพรีออเดอร์เลยดีไหม
“ว่าแต่อยู่ที่นั่นเป็นไงบ้าง”
“ค่อยมาฟังตอนที่มาแล้วไหม คุยวันนี้ก็ไม่มีเรื่องเล่าอะดิ”
“แสดงว่ามีสินะ”
“…………..”
“กิ้วๆ”
“ไอ้จุ้น”
“ไหนว่าไม่พูดคำหยาบ”
“ก็ลืมอ่ะ”
“จ้า ไม่เล่าก็ไม่เล่าเนอะ” ไม่งั้นตบะแตกออกมาทั้งสวนสัตว์ต่อหน้าน้องวินแน่นอน เจนเห็นด้วย เรื่องบางเรื่องก็ควรอดเปรี้ยวไว้กินหวาน แม้บางทีเราจะอยากเอาของเปรี้ยวไปจิ้มน้ำปลาหวานมากก็ตาม
“เอองั้นเจอกันล่ะกัน” แต่ส่วนนึงในใจเจนก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่จะได้เจอจุ้น แม้เราจะตีกันบ่อยจนคนคิดว่าเกลียดกัน แต่ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นแต่วัยเยาว์นั้น การันตีได้ว่าทั้งสองไม่ใช่แค่พี่น้อง หากแต่เป็นเพื่อนที่สนิทมากๆคนนึง แม้ว่าความสับสนวุ่นวายที่มีในหัวของตนนั้นจะถูกเยียวยาด้วยความน่ารักที่ชนะทุกสิ่งของน้องวินไปแล้ว แต่ก็ยังมีเหลืออยู่บ้างในหัวให้นึกถึงยามเหงา
คุณรบคือชื่อของหัวข้อที่ยังไม่ถูกเขียนในกระดาษหน้านั้น
“………….” เจนเม้มปากแน่น อยากจะละมันไว้แล้วไม่ต้องทำความเข้าใจกับอะไรเลย แต่เจนไม่อาจจะทนกับสิ่งที่ค้างคาเหล่านั้นได้จริงๆ
คนตัวเล็กเลือกจะปิดสมุดและเก็บมันใส่กระเป๋า ในส่วนหัวข้อที่ไม่ได้เขียนนั้น มันไม่มีอะไรชัดเจนเลยในเรื่องของความรู้สึกหรือคำถาม ก็ยอมรับว่าหวั่นไหวไปกับเขาบ้าง แต่เจนไม่อาจจะเข้าข้างตัวเองหรือหวังเรื่องแบบนั้นได้เลย เพราะมันก็เห็นชัดอยู่แล้วว่าเรื่องแบบนั้นมันไม่มีทางเป็นไปได้ และอะไรที่เป็นไปไม่ได้ เจนก็อยากจะตัดออกไปจากหัวสมองและหัวใจ เจนรู้จักความหวั่นไหวมากกว่าที่ใครคิด เพราะประสบพบเจอมันมามาก และลงท้ายที่ว่าเจ็บปวดอยู่บ้างในทุกครั้ง
ดังนั้นเจนอาจจะหวั่นไหวไปกับคุณรบที่ดีพร้อมได้เหมือนกับที่ชอบพระเอกละครสักเรื่อง แต่เจนรู้ดีว่าความหวั่นไหวมันไม่จีรัง และถ้าฝืนทำให้มันเป็นเรื่องที่ใหญ่ไปกว่าการคิดไปเองคนเดียว เรื่องมันอาจจะแย่เหมือนกับทุกครั้งที่พบเจอ คุณรบจะเป็นของใครก็ได้ แต่ไม่ใช่ของเจน หรือเจนจะเป็นของใครก็ได้ แต่ไม่ใช่คุณรบ สมองของเจนตรึกตรองข้อนี้ดี และมีเหตุผลประกอบที่เหมาะสม แต่เจนไม่อาจจะตัดสัมพันธ์กับรัตนสกุลด้วยการเอื้อมหาคุณรบแบบที่เคยทำกับคนอื่น และนอกจากนั้น…..
เจนยังไม่อยากมีความรัก
ตอนนี้เจนยุ่งเกินกว่าจะมีความรัก และยิ่งเป็นความรักที่ต้องฝ่าฟัน หรือปรบมือฝ่ายเดียวยิ่งไม่อยากมี แต่ก็ไม่อยากให้สถานะความสัมพันธ์ระหว่างตนกับคุณรบสะบั้นลง สถานะเจ้านายลูกน้องแบบที่เป็นอยู่อย่างนี้ก็ไม่ได้แย่ แต่เจนก็อดจะคาดหวังให้ตนได้มากกว่านั้นไม่ได้ บ้านรัตนสกุลนั้นดีต่อเจนและแม่มาตลอด อย่างน้อยเจนก็เลยอยากได้รับความรักและเมตตาเช่นกัน ทว่าแม่ทำงานมานานมากๆและได้รับความเชื่อถือจากพวกเขาอย่างเต็มหัวใจ ดังนั้นระดับความสำคัญย่อมต่างอยู่แล้ว ไม่เป็นไร เขาให้เจนได้นิดหน่อยก็ได้ แต่อย่างน้อย….
ก็ขอให้เอ็นดูเจนเหมือนที่เอ็นดูพระพายก็ยังดี
แค่นี้เองที่เจนจะพยายามและอยากขอให้ได้มา
Talk หลายคนอาจจะคิดว่าเราจะตัดเรื่องเข้าดราม่าหรือเปล่า น้องเจนนางอาจจะมีความคิดดราม่าบ้างเพราะเบื้องหน้าที่สดใส น้องเป็นคนที่มีชีวิตดราม่าคนนึงเลย แต่ตัวตนและการแสดงออกแบบเจนๆมันเลยทำให้ดูไลท์ แต่มันคงไม่ดราม่าหักมุมอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ ช่วงนี้ก็ช่วยอดทนกับน้องนิดนึง นี่บอกทั้งคนอ่านและคุณรบด้วย5555 ต่อไปเราอาจจะได้เห็นมุมอื่นๆของคุณรบที่นอกจากความซึนมากขึ้น ฝากติดตามด้วยนะคะ
เจนไม่นกยาวมากตอนนี้ไม่คิดว่า 40 ตอนจะเอาอยู่ อะไรจะหวานเย็นขนาดนั้น
อยากวางยาแล้วจับสองคนนี้ขังและตัดจบให้รู้แล้วรู้รอด555555555
ส่วนเพชรพายจะยาวแค่ไหน เราก็ถามใจตัวเองอยู่เหมือนกัน ฝากติดตาม ‘เพชรพระพาย’ ที่น่าจะตามมาต่อจากนี้
เราจะยังคงความละครน้ำเน่าอย่างทั่วถึง
ขอบคุณทุกคนที่เฝ้ารอและทุกความเห็นให้เราปรับปรุงและทุกกำลังใจ
ฝากน้องนกกับพ่อกบของเราต่อไปด้วยนะคะ #เจนไม่นก twitter@reallyuri