#เจนไม่นก
เจนกับการพูดตรงๆ
“คอยรายงานด้วย อย่างนั้นแหละ” เขากรอกเสียงไปตามสาย และเมื่อคุยกับเลขาแล้วก็ได้รับความกระจ่างขึ้นมาบ้าง หลังจากคุณเพชรออกไปสักพัก เขาก็กลับมาพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาล ถ่ายรูปแผ่นหลังของเจนรักษ์เอาไว้ก่อนที่จะช่วยทำแผลให้ ทำเสร็จก็ออกไปจัดงานให้ต่อ และคอยรายงานกลับมาเป็นระยะ ส่วนเขา
ก็นั่งเป็นเพื่อนเจนรักษ์….
ก่อนนี้เขารับรู้เพียงแค่ว่ามีคนเข้าไปทำร้ายเจนรักษ์และน้องวินอยู่ที่นั่นก็รีบโผออกจากห้องประชุมท่ามกลางความสงสัยมากมาย นักรบไม่เคยเป็นคนแบบนี้ และแม้แต่เขาก็เพิ่งรู้ตัวว่าครอบครัวสำคัญกว่าหน้าที่มันเป็นอย่างไร เจ้าของร่างสูงเหลือบมองเจนรักษ์ที่กอดน้องวินนั่งอยู่ข้างๆ แก้มใสของอีกฝ่ายยังมีคราบน้ำตา แต่ดวงตานั้นหลุดลอยมองเหม่อออกไปไกล ไม่เหมือนคนปากดีใจกล้าไปเสียหมดคนเดิมแบบที่เขาเห็น แต่ก็ใช่ว่าเขาจะรู้จักเจ้าตัวดีขนาดนั้น
เมื่อครู่นั้นร่างของอีกฝ่ายสั่นเหมือนกับลูกนก แต่ก็ยังไม่หยุดที่จะกอดลูกชายของเขาเอาไว้ แม้นักรบไม่เคยสงสัยในความรู้สึกที่อีกฝ่ายมีต่อลูกชายเขาในฐานะพี่เลี้ยง แต่วันนี้เขาก็รับรู้ถึงความเป็นห่วงและหวังดีที่มีให้ มันทำให้เขาเริ่มจะเปิดใจยอมรับขึ้นมาได้มากขึ้น แต่ขณะเดียวกัน....ก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น….
เพราะก็ไม่อยากจะยอมรับว่ารู้สึก….สงสารขึ้นมา….
“โอเคไหม” เขาถาม เจนยังคงกอดน้องวินเอาไว้ และน้ำตาก็ยังคงไหลออกจากหางตา….ไม่ว่านี่จะเป็นการแสดงหรืออะไร….เขาก็สงสารไปแล้ว…ทั้งใจ….
“ครับ” เจนรักษ์ตอบกลับมาอย่างนั้น แต่เขาไม่เห็นว่ามันจะดูเป็นความจริงสักเท่าไหร่
นักรบนั่งมองพี่เลี้ยงของลูก และคนลูกที่หยุดร้องไห้ก่อนอยู่เงียบๆ เจ้าของแก้มนุ่มใช้มันซบกับไหล่บางๆ ดวงตากลมจ้องมองเขาที่นั่งอยู่ข้างๆไม่แม้แต่จะกระพริบ ความรู้สึกผิดเริ่มที่จะถาโถม เขาไม่สามารถปกป้องลูกชายได้จริงๆหรือเนี่ย…..และถ้าเจนรักษ์ไม่ได้อยู่ตรงนี้….ตาหนูของเขา….จะเป็นอย่างไรบ้าง….
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ไม่มีความคิดจะกลับไปทำงานอีกต่อไป ไม่ใช่ว่าเกิดขี้เกียจหรืออะไรขึ้นมา นักรบเพียงแค่ไม่มีอารมณ์และไม่สามารถรวบรวมสติให้เย็นในห้องประชุมต่อไปได้อีกแล้ว คุณเพชรเองก็เข้าไปช่วยจัดการปิดการประชุมและทุกคนคงแยกย้ายกันกลับไปทำงานเป็นที่เรียบร้อย มีแต่เขาที่ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน และจ้องมองคนสองคนกอดกันทั้งๆที่ในใจเต็มไปด้วยถ้อยคำมากมาย
แต่ไม่มีคำใดดีๆจะหลุดออกมาเลย
“ไปกันเถอะ ลุกไหวไหม” เขาถาม น้ำเสียงในยามนี้ดูอ่อนโยนกว่ายามปกติที่เจนรักษ์เคยรับรู้ แต่เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ตัวตนทะเล้นของตนยังไม่กลับมา เจนเพียงแค่พยักหน้า เราสองคนนั่งเงียบๆอีกชั่วครู่ก่อนที่เขาจะลุกขึ้น และเจนก็ลุกตาม
นักรบอยากจะเอ่ยถามว่าจะให้เขาอุ้มน้องวินแทนไหม เพราะสภาพของเจนรักษ์ดูไม่มั่นคงเอาเสียเลย ทว่าตัวเขาก็ไม่ได้บอกออกไปเพราะอีกฝ่ายเหมือนจะยังต้องการที่พึ่ง และไม่รู้เพราะเหตุอันใด….ที่พึ่งของผู้ใหญ่อายุ 20 กว่าขวบปีถึงได้กลายเป็นเด็กที่ยังอายุไม่ถึงขวบนึงอย่างลูกชายของเขา นักรบเพียงเดินขนาบคนทั้งคู่เพื่อคอยดูเผื่อว่าเจนรักษ์จะอุ้มต่อไปไม่ไหว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ช่วยอะไรเพราะอีกฝ่ายอุ้มมาได้ยังลานจอดรถ….
นักรบพาคนทั้งสองออกมาจากลานจอดโดยไม่รีบเร่ง ใจหนึ่งคิดอยากจะพากลับบ้าน แต่ใจสองก็คิดว่าควรให้เวลาเจนรักษ์ปรับตัวเองให้เป็นปกติก่อนที่จะไปเจอทุกคนที่นั่น….เขาเองก็ไม่คิดว่าตนจะละเอียดอ่อนได้ขนาดนี้ แต่แค่คิดว่าแม่ไพจะรู้สึกอย่างไรที่ลูกชายดูอาการหนักแบบนี้ เขายิ่งรู้สึกผิดที่ทำให้เจนรักษ์ต้องมาเผชิญอะไรที่นี่….ที่ที่อยู่ภายใต้การปกครองของเขา….
มันน่าเจ็บใจนักเชียว
“คุณรบจะไปไหนครับ” ในที่สุดเจนรักษ์ก็ถามออกมา แต่สีหน้ายังดูไม่เป็นเหมือนคนเดิมที่เขาเคยเห็น
“ไปทานข้าวกันก่อน”
“คุณรบไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้หรอกครับ”
“สงบสติอารมณ์ก่อนเถอะ ถ้าแม่นายเห็นว่าเป็นอย่างนี้จะพาลเครียดเปล่าๆ”
“…………”
“นายได้กลับแน่ แต่นายคงไม่อยากให้แม่เห็นแบบนี้ ใช่ไหม?” ใช่…คุณรบพูดถูก
เจนไม่อยากให้แม่หรือใครที่เจนแคร์ต้องมาเห็นสภาพพังๆของตนแบบนี้!
และเพราะเหตุนี้ เราจึงมาอยู่ที่ห้องส่วนตัวของร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง เจนรักษ์จ้องมองเมนูข้างหน้าอย่างไร้อารมณ์ แม้จะถูกจ้องมองโดยพนักงานที่มารอจดออเดอร์และคุณรบที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่กระนั้นอาการเหม่อลอยก็ไม่หายไปสักที ลำบากน้องวินที่อยู่ในอกต้องขยับตัวให้รู้ว่าตนนั้นไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกจริงๆ เจนหันไปสั่งเมนูโปรดของตนที่คิดว่าทุกร้านต้องมีออกมาก่อนจะกลับมานั่งซึมอีกครั้ง
และทุกอย่างอยู่ในสายตาของนักรบ ที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา นอกจากจะพูดปลอบใครไม่ค่อยจะเป็นแล้ว เขากับเจนรักษ์ถือว่าเป็นคนที่แทบจะไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ จะให้ปลอบใจมันไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่าย สิ่งที่เขาทำมีแค่เพียงรินน้ำชาให้อีกฝ่ายและลดรังสีความกดดันที่มักแผ่ออกไปอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจลงบ้าง โชคยังดีที่อีกฝ่ายไม่ได้ร้องไห้อีกแล้ว ไม่งั้นเขาคงสติแตกไปด้วย
“เรื่องที่จะคุยวันนี้” เขาพูดออกมา ทำลายความเงียบด้วยการเปลี่ยนประเด็นทั้งๆที่ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายพร้อมหรือไม่
“อา….ผมลืมไปเลย ขอโทษนะครับ”
“รีบหรือเปล่า เอาไว้คุยกันวันหลังไหม” เพราะนักรบไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องอะไรเขาเลยเสนอออกมา คำตอบของคนที่นั่งอุ้มน้องวินอยู่ฝั่งตรงข้ามนั้น….คือการส่ายหน้าจนผมปลิว
“คุยเลยก็ได้ครับ” ถ้าเจ้าตัวยืนยันเช่นนั้น เขาก็ไม่มีข้อขัดแย้งใดๆ
เจนรักษ์จัดท่านอนเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนดีๆก่อนจะให้ดูดนมจากขวด ลูกชายของเขาเริ่มที่จะโยเยขึ้นมา อาจจะเพราะความหิว แม้จะบอกว่าจะพูดเลย แต่ก็ยังทำทันทีไม่ได้เพราะเจ้าตัวแสบไม่ปล่อยให้พูดตามความต้องการออกไป นักรบนั่งรอนิ่งๆ เขาประสานมือเท้าโต๊ะรออย่างใจเย็น ไม่เคยคิดมาก่อนเหมือนกันว่าจะรอได้เก่งขนาดนี้ โดยไม่รู้สึกหงุดหงิดแม้แต่นิดเดียว
“อย่างที่ผมได้บอกไปเมื่อเช้าเรื่องลาออก”
“………..”
“ผมตั้งใจว่าจะลาออกครับ…แต่ยังไม่ใช่วันนี้ตอนนี้”
“แจ้งกับแม่ผมได้เลย”
“ผมทราบครับ ว่าคุณรบคงไม่ว่างมานั่งฟังเรื่องแบบนี้ ถ้าผมจะไปเมื่อไหร่จะแจ้งให้คุณหญิงทราบล่วงหน้าแน่นอน”
“แค่นี้ใช่ไหม”
“ไม่ใช่ครับ”
“แล้วมีอะไรอีก”
“เกี่ยวกับเรื่องชู้สาวที่ระบุในสัญญาการจ้างงาน”
“………….”
“ผมอยากจะพูดคุยให้ชัดเจน”
“ถ้าหมายถึงเธอกับคุณเพชรล่ะก็ ผมไม่ได้จะเอามันมาเป็นประเด็นในการให้ออก”
“ผมทราบดีแล้วครับ” เพราะคุณหญิงท่านได้อธิบายให้ฟัง
รวมทั้งเหตุผลที่จำเป็นต้องมีการทำให้ชัดเจน
“ผมแค่จะบอกว่าเรื่องนี้แม้แต่กับคุณรบก็ไม่ได้ต้องกังวลอะไร”
“…………”
“ผมถูกว่าจ้างให้เลี้ยงน้องวิน เพราะฉะนั้นงานของผมคือทำให้มั่นใจว่าทุกอย่างจะเป็นผลดีกับตัวน้อง แล้วถ้าการที่ผมเอาตัวเองไปเกี่ยวพันกับคุณรบในแง่นั้นไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์หรือโทษแก่ตัวน้องวินแล้ว ผมก็อยากให้คุณรบมั่นใจว่ามันจะไม่มีวันเกิดขึ้น ผมยังมีแม่ที่ต้องแคร์ และตัวเองที่ไม่อยากถูกใครนินทาแบบนั้น”
“…………….”
“แต่การที่ผมออกไปส่งทุกวัน นั่นก็เพราะผมอยากให้น้องวินได้เห็นคุณในตอนเช้า หรือแม้แต่บอกให้คุณเข้ามาหาในตอนกลางคืน นั่นก็เพราะว่าผมอยากให้เขาได้มีเวลาอยู่กับคุณให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“……………….”
“ในกรณีตอนเช้า ผมคงจะขออนุญาตอุ้มไปสวัสดี แต่ถ้าเป็นตอนกลางคืนที่ไม่มีใครและคุณรบรู้สึกไม่ดี ผมสามารถออกมารอข้างนอกได้โดยเราจะกำหนดเวลาชัดเจน หรือคุณรบจะโทรตามให้กลับมาก็ได้ครับ”
“ทำไปเพื่ออะไร”
“……………..”
“เธอคิดว่าวินเขาต้องการมันจริงๆนะเหรอ” กับเด็กอายุไม่ถึงขวบปีที่ยังไม่มีความทรงจำใดๆ ใครจะไปรู้ว่ามันเป็นความต้องการที่แท้จริงหรือไม่ ใช่…..ในตอนนี้นอกจากความต้องการจะอ้อนให้ปลอบ ให้เล่นด้วย ให้หาอาหาร ให้อาบน้ำทำความสะอาดให้ ความต้องการของน้องวินที่แท้จริงเป็นเรื่องที่บอกได้ยาก
แต่ถ้าเรามองว่ามันเป็นความต้องการที่สืบเนื่องถึงอนาคตล่ะก็…..
“ตอนนี้อาจจะไม่ แต่ในอนาคต ก็ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตจะก่อให้เกิดผลอย่างไร”
“…………..”
“แล้วถ้าคุณรบจะถามว่าผมรู้ได้ยังไง….”
“…………”
“ผมคงตอบได้แค่ว่าความรู้สึกที่ว่าอยากเจอแต่ทำไม่ได้ มันเป็นอย่างไรก็เท่านั้นเองครับ” นักรบรับรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่เจนรักษ์พูดกับตนนั้นหมายความว่าอย่างไรด้วยแววตาคู่นั้น
หากจะพูดว่าความโดดเดี่ยวนั้นเป็นเช่นไร มนุษย์ทุกคนคงรู้จักมันดีในรูปแบบที่ต่างออกไป นักรบเองก็รู้จักและอยู่กับความโดดเดี่ยวจนชินชามาถึงทุกวันนี้ แต่ความโดดเดี่ยวคือสิ่งที่เขาเลือกให้มันเกิดขึ้นเพราะรอบตัวรายล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย ผิดกับเจนรักษ์….นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาเลือกเลย แต่ชะตากรรมได้บังคับให้ยอมรับอย่างเสียไม่ได้ ความรู้สึกที่ว่าอยากเจอแต่ไม่ได้เจอ เจนรักษ์รับรู้มันดีที่สุด แต่ก็ไม่ได้จมปลักอยู่กับมัน และนั่นคือเหตุผลที่เจนกลับมาในวันนี้….
“ผมไม่รู้หรอกครับว่าน้องวินจะเติบโตมาแบบไหน รู้สึกกับคุณรบเช่นไร”
“……….”
“แต่คุณรบก็รักน้องไม่ใช่เหรอครับ” ใช่…เขารักลูก
แต่ไม่รู้วิธีจะแสดงออกให้เข้าใจได้ง่าย
“อยู่ห้องข้างๆกันแค่นี้เองนะครับ ไม่ได้ไกลเลย”
“……….”
“แต่น้องวินยังเข้าไปหาคุณรบไม่ได้หรอกนะครับ น้องยังปีนบิดลูกบิดประตูไม่ได้”
แต่ในวันที่น้องทำได้ อะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่รู้
“แต่ตอนนั้นก็ไม่มีอะไรรับประกันเลยว่าน้องจะกล้าเดินไปหาคุณรบหรือเปล่า เหมือนที่คุณรบ…ก็ไม่กล้าเดินเข้ามาไงครับ” และก่อนที่เหตุการณ์เหล่านั้นจะเกิดขึ้น ก่อนที่ความสัมพันธ์ของเราระหว่างพ่อลูกจะร้ายแรงถึงเพียงนั้น….มันต้องมีใครสักคนพังทลายกำแพงกั้นที่ถูกสร้างขึ้นด้วยหัวใจ และคนๆนั้นควรเป็นเขา…..
เพราะเขาเป็นคนก่อกำแพงนั้นขึ้นมา….ไม่ใช่ใครเลย….
“เจนคงไม่ได้อยู่นานถึงวันที่ดูน้องโตและช่วยน้องได้ เพราะฉะนั้นเจนรบกวนคุณรบแต่เนิ่นๆดีกว่า”
“…………”
“แต่ในระหว่างนี้อะไรที่เจนทำได้ เจนก็จะทำ ก่อนจะไป เจนจะพยายามช่วยหาคนดีๆมาดูน้อง ในระหว่างนี้อะไรที่เจนสอนน้องได้ เจนก็จะสอน แต่เจนอยากให้คุณนักรบรับรู้ความตั้งใจของเจนจริงๆ”
“……………”
“ว่าเจนเองก็ไม่ไว้ใจที่จะฝากอนาคตของน้องวินไว้ที่ใคร…”
แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้น….คนเดียวบนโลกที่มีอำนาจที่จะทำมันได้….
“แต่เจนไว้ใจคุณรบ….ที่สุดครับ”
และคุณรบล่ะ….ไว้ใจเจนกับน้องวินไหม….
xxx
“คุณหญิงคะ” เป็นเสียงเรียกของจินตนา คุณพรรณีที่กำลังจิบชาอยู่นั้นหันไปหา
“มีอะไรหรือ”
จริงๆแล้วสำหรับคุณพรรณี การที่ลูกจ้างอยู่มาได้นานขนาดนี้ก็ช่วยพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าซื่อสัตย์พอ เธอไม่เคยประสบปัญหาถูกขดโกงหรือขโมยในบ้านเพราะทุกคนต่างทำงานด้วยความซื่อสัตย์ ทว่าความคิดและนิสัยส่วนตัว….ไม่ใช่อะไรที่นายจ้างจะก้าวก่ายได้เต็มตัว เธอรู้ว่าอีกฝ่ายอิจฉาอำไพแม่ของเจนรักษ์ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อเธอกับอำไพนั้นช่วยเหลือเกื้อกูลกันในหลายๆเรื่อง ทว่าก็ไม่ได้อธิบายให้ทุกคนได้ฟัง
และยิ่งห่างเหินกันตั้งแต่เกิดเรื่องของรดาในบ้านหลังนี้
“คือวันนี้น่ะค่ะ จินเข้าไปทำความสะอาดห้องของคุณวินมา”
“มีอะไรกับเจนรักษ์ล่ะ” เธอสามารถจับต้นชนปลายบางอย่างโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ได้เล่าว่าเกิดอะไรขึ้น จินตนาสบโอกาสก็รีบบอก
“คือนี้นะคะ วันนี้จินกับพายเข้าไปในห้องน้ำของเจน”
“………”
“แล้วเห็นว่าเขามีพวกของใช้ส่วนตัววางอยู่ คือห้องน้ำนั้นเป็นห้องน้ำส่วนตัวที่คุณวินใช้ใช่ไหมคะ”
“ใช่…ฉันบอกให้เจนรักษ์ใช้ด้วยเพื่อที่ว่าจะได้ดูแลกันสะดวก”
“นั่นแหละค่ะคุณผู้หญิง”
อ้าว….ไม่ได้จะฟ้องเรื่องเจนใช้ห้องน้ำน้องวินหรอกหรือ…..
“อะไรกันล่ะแม่จินตนา”
“ก็ของใช้ในห้องน้ำนะสิค่ะ จินเกรงว่าไอ้เจน…เอ้ย เจนรักษ์น่ะค่ะ เขาไปเอาของใครมาหรือเปล่า”
“อะไรทำให้คิดเช่นนั้นล่ะ” คุณหญิงขมวดคิ้ว คำกล่าวหานั่น ถ้าจะให้พูดง่ายๆก็คือเจนรักษ์ได้ไปขโมยของใครเขามา แต่ของพวกนั้นอาจจะเป็นเจ้าตัวซื้อหามาเองก็เป็นได้
“ก็เป็นแค่พี่เลี้ยงเด็ก ไม่น่าจะมีปัญญาใช้ของแพงใช่ไหมคะ”
“…………แพง…แล้วมันแพงแค่ไหนล่ะ”
“ก็จินเห็นมันเป็นของใช้ยี่ห้อเดียวกับที่คุณหญิงและคุณรบใช้น่ะค่ะ”
“……………”
“ได้ยินไอ้พายมันตกใจและบอกว่าครีมกระปุกนึงในนั้นราคาเป็นหมื่นเลยค่ะ ไม่รู้มันเอาเงินจากไหนมาซื้อ”
“……………”
“ก็เลยอยากมาเตือนคุณหญิงเผื่อว่าจะมีอะไรหายไป”
“ขอบใจนะ”
“จินเป็นห่วงจริงนะคะ ยังไงเด็กนั่นก็ ไม่มีหัวนอนปลายเท้า”
“ขอบคุณเธอมาก เอาไว้ฉันจะลองตรวจสอบดู” คุณพรรณีนั้นยิ้มให้กับความเอื้อเฟื้อของแม่บ้านที่ทำงานกันมานาน เธอเชื่อว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหกว่าพบเห็น หรือว่าใส่ร้ายโดยไร้มูล แต่มูลที่มีมันเพียงพอจะใส่ร้ายหรือไม่ก็อีกเรื่อง
ถ้าไม่ถาม….ก็ไม่มีวันได้รู้ แต่ต่อให้ถาม…อีกฝ่ายก็อาจจะไม่พูดความจริง….กับเจนรักษ์ก็เหมือนกัน ถ้าเด็กนั่นมีครีมกระปุกเป็นหมื่นถือครองไว้อยู่ ของพวกนั้นมันต้องมีที่มา ไม่ใช่ลอยไปอยู่ในห้องน้ำได้เอง แต่จะให้ตัดสินว่าฝ่ายไหนผิดก็ทำไม่ได้ทันที แค่นี้คนก็มองว่าเอนเอียงไปที่เจนจนคนอื่นครหากันแล้ว แม้ใจจะไม่เชื่อว่าเจนรักษ์จะทำมันได้ลงคอ แต่ความเชื่อก็เป็นได้แค่ความเชื่อ…..หากความจริงไม่ได้ถูกพิสูจน์
ดังนั้นคงจะปล่อยให้เรื่องนี้ลอยนวลไม่ได้จริงๆ
xxx
“แล้วนี่เราจะกลับบ้านเลยหรือเปล่าครับ”
เจนถามขึ้นมา หลังจากที่เราทั้งสองจัดการมื้ออาหารเสร็จแล้ว โชคดีที่เจ้ากบน้อยคงเหนื่อยกับการปลอบโยนพี่เลี้ยงตัวเล็ก เลยหลับคาไหล่ไปเสียแล้วอย่างนั้น นักรบเพียงมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเย็นชาของเจ้าตัว แต่เจนรักษ์ชักจะชินขึ้นมาแล้วเพราะจะกี่ครั้งเขาก็ไม่เคยหันมาเล่นงานกันจริงๆ มันคงแก้ยากแล้วแหละกับนิสัยชอบมองคนอื่นแบบนี้
“ก็คงงั้น”
“คุณรบไม่มีงานอะไรเหรอครับ”
“มี แต่ผมจะไปส่ง”
“เอ่อ….ไม่ต้องหรอกครับ”
“งั้นอธิบายมาว่าจะพาลูกผมกลับยังไง”
“เอ่อ…รถแท็กซี่มั้งครับ ไม่ก็…GRAB”
“งั้นกลับกับผม” อ้าวเฮ้ย! ที่ให้อธิบายไม่ใช่ว่าจะอนุมัติเหรอ
“เอ่อไม่ดีกว่าครับ รบกวนเปล่าๆ อีกอย่าง ผมจะแวะไปโชว์รูมด้วย”
“โชว์รูมอะไร” เขาขมวดคิ้ว มันใช่เรื่องที่จะหอบลูกชาวบ้านไปไหนมาไหนตามอำเภอใจเหรอ
“เอ่อ…ไปดูคาร์ซีทนะครับ”
“…………..”
“เวลาน้องวินนั่งรถ…มันต้องมีเพื่อความปลอดภัยนะครับ”
“แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก”
“ครับ”
“ผมจะพาไปเอง คุณบอกทางล่ะกัน” คุณพี่เลี้ยงตัวเล็กที่ยังซึมกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ทำแค่ช้อนตามอง แต่คำสั่งของนายจ้างถือเป็นสิทธิ์ขาด คุณพ่อของน้องวินอาจจะไม่ชอบใจถ้าไปนั่งรถสาธารณะที่ใครเป็นคนขับก็ไม่รู้ แล้วถ้าไอ้คาร์ซีทอะไรนั่นมันจำเป็นต้องมีเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ เขาก็อยากจะแน่ใจว่าลูกจะปลอดภัยบนรถที่เขาขับก่อนที่จะครอบครองมันจริงๆ
จริงๆเจนรักษ์ก็เพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก ไม่สิ….กับกรุงเทพมหานครนี่ครั้งแรกเลยล่ะมั้ง คนตัวเล็กจ้องมองแผนที่ในมือถือก่อนจะบอกเส้นทางตามคำบอกของแผนที่ออนไลน์ แต่มันยากเพราะต้องอุ้มน้องวินมือนึง อีกมือมีมือถือนี่สิ แต่ไม่มีอะไรยากเกินไป เพราะในที่สุดหลังจากที่เกร็งอยู่นาน เราสองคนก็มาถึงโชว์รูมบริษัทผู้นำเข้าคาร์ซีทที่อยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารญี่ปุ่นเมื่อครู่
ฟังคำอธิบายจากเจ้าหน้าที่ ดูรุ่นที่น่าสนใจก่อนจะตกลงซื้อ และในที่สุดน้องวินก็ได้มีคาร์ซีทของตัวเองตอนกลับบ้าน คุณพี่เลี้ยงขี้แยถอนหายใจออกมา ความกดดันและความเครียดที่เกิดขึ้นทั้งเรื่องเป็นห่วงความปลอดภัยขณะโดยสารรถยนต์ของน้อง กับเรื่องที่ถูกทำร้ายร่างกายทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าจนมีใบหน้าที่ซึมถนัด และเพราะแอร์เย็นๆรวมทั้งความรู้สึกปลอดภัยที่ทำให้ไว้วางใจ ดวงตาสองข้างของเจนรักษ์ก็ค่อยๆปิดลงด้วยฝืนธรรมชาติต่อไปไม่ไหว ทิ้งให้รถที่เงียบงัน…นั้นเป็นยิ่งกว่าความเงียบงัน….
นักรบนั้นมองกระจกหลัง ที่ที่ซึ่งลูกชายของเขานั้นตื่นแล้วและจ้องมองกันตาแป๋วกลับมาบนคาร์ซีท กับพี่เลี้ยงที่นั่งข้างๆและหลับไปแล้วในตอนนี้ ใบหน้าแบบนั้นยามหลับใหล ช่างให้ความรู้สึกที่แปลกออกไปเสียจริงๆ รถยนต์ของเขาถูกจอดในโรงจอดรถ ทว่าตัวเขายังนั่งเงียบๆ จ้องมองคนทั้งสองผ่านกระจกอีกครั้ง น้องวินยังคงนั่งเงียบไม่ส่งเสียงรบกวนใดๆ และอีกคนยังคงหลับใหลอยู่อย่างนั้น เขาเอง….ก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน
“เจนรักษ์” เขาเพียงส่งเสียงเรียกไม่ดังนัก และมันโชคดีที่อีกคนเหมือนจะไม่ได้หลับลึกอะไรจึงลืมตาขึ้นมา มือเล็กประคองใบหน้าตัวเองแล้วตบเพื่อเรียกสติ
“คุณรบ”
“ถึงแล้ว”
เจนรักษ์ถูกดึงกลับมาสู่โลกของความเป็นจริงอย่างถ่องแท้ คำว่าถึงแล้วของเขาคือการมาถึงบ้านรัตนสกุล เจนนั้นไม่รู้ตัวว่าตนนั้นได้เผลอหลับลงไป รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เขาเรียกชื่อกัน เจนนั้นลงจากรถไปก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูเพื่อพาน้องวินออกมา เด็กดียังคงไม่งอแงแม้วันนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจะหนักหนาเหลือเกิน เจ้ากบน้อยเป็นผู้ใหญ่ที่ให้ความรู้สึกพึ่งพาได้…..ในยามที่เจนสู้ไม่ไหวจริงๆแบบนี้
“เจน….” และเมื่อเจนเข้าไปในบ้าน แม่ของตนที่รออยู่ก็เดินเข้ามาหา เดาจากสายตา คาดว่าพอจะทราบเรื่องแล้ว
“เจนไม่เป็นไรแม่” นั่นไม่จริงเลย แต่คำตอบของเจนนั้นมีไว้เพื่อให้แม่สบายใจ และเพื่อให้ตนเองไม่ต้องเล่าซ้ำในที่สิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อตอกย้ำ เมื่อมองไปรอบๆก็เห็นคนทั้งบ้านนั้นกำลังเฝ้ารอการกลับมาอยู่
“จริงนะลูก คุณรบล่ะคะ” แม่จ้องมองดวงตาอันเหนื่อยล้าของเจน ก่อนจะหันไปถามอีกคน
“ผมไม่เป็นไรครับ” นักรบตอบไปตามนั้น เขาจะไม่ก้าวก่ายเรื่องนี้ของเจนรักษ์ แต่เมื่อมองเลยไปถึงอีกคนที่มองกันอย่างถามหาคำตอบ เขาก็ถอนหายใจออกมา ไม่ใช่ว่าเหนื่อยหน่าย…แต่แค่คิดว่าคงโกหกอะไรไม่ได้อยู่แล้วเลยเซ็งนิดๆ
“ตารบ” เป็นคุณพรรณีที่รอเค้นกัน แต่เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงทราบเรื่องจากเลขาอยู่แล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องมาถามอะไรจากเขาอีกเพราะเขาก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จริงๆ หากจะถามว่ามีอะไรบ้างที่เขารู้…
ก็คงเป็นเรื่องที่เจนรักษ์บอกกันในร้านอาหารญี่ปุ่นแค่นั้น….
เขาถูกแยกออกมาเพื่อพูดคุยกับผู้ปกครองบ้านหลังนี้ อย่างที่คิด….เพชรเป็นคนเล่าเรื่องให้คุณหญิงฟัง แต่เขาไม่ได้ถือโกรธ เพราะมันเป็นคำสั่งเขาที่ฝากให้อีกคนมาบอกก่อน เนื่องจากเขามีธุระติดพันกับเหยื่อในวันนี้ มันทำให้ไม่สะดวกที่จะมาเล่าเอง และก็คิดว่าถ้าไม่รีบบอกก็คงถูกโกรธกว่านี้ อย่างไรก็ตาม….มันก็มีความผิดของเขาอยู่บางส่วน…
ส่วนที่ว่าพนักงานคนนั้นเป็นคนที่เขาให้เข้ามาเอง….
“เป็นหลานอีกคนของบ้านนั้นจริงๆสินะ”
“ครับ” แต่ที่เขาเลือกมา นั่นก็เพราะคุณรัชนีนุช คุณอาของคุณรดาฝากมา ในตอนนั้นที่ต้องเซ็นหย่า…เขามองว่าตัวเองทำให้ผู้ใหญ่เสียหน้าจึงเกิดเกรงใจ เรื่องอะไรที่พอจะยอมได้ก็ยอม แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิดไปถนัด อย่างที่แม่พูด….ตัดไฟควรตัดแต่ต้นลม แต่ในกรณี….เขาตัดมันไม่ทันการเสียแล้ว….
จึงต้องมานั่งให้คนอื่นต้องมาชดใช้ในสิ่งที่เขาเลือกทั้งหมด
“เจนรักษ์ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” คุณพรรณีพูดออกมา แต่กลับรู้อยู่กับอกดีว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นและมันยิ่งตอกย้ำถึงความห่วยแตกที่ตัวเองมี ในตอนนั้นก็เป็นเพราะเขาที่เลือกให้ครูพี่เลี้ยงคนนั้นเข้ามา…น้องวินจึงถูกทำร้าย และในคราวนี้ก็เป็นคนที่เขาเลือกมา…ที่ไปทำร้ายเจนรักษ์แบบนั้น นักรบคนนี้จะต้องผิดพลาดไปอีกสักกี่ครั้งกันถึงจะทำทุกอย่างได้ดีอย่างที่ใจต้องการ!
“ครับ…เรื่องนี้ผมให้เพชรเป็นคนดำเนินการ”
“ดี! แม่คุยกับคุณเพชรแล้วว่าจะเอาเรื่อง แม่ปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว”
“ให้ถึงที่สุดเลยครับ ผมสนับสนุน”
“ลูกโอเคแน่นะ”
“ถ้าแม่คิดว่าผมจะห้ามเพราะรดา ไม่ครับ”
“………….”
“ผมอาจจะผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น แต่ผมไม่คิดจะผิดพลาดอีก ถ้าเราต้องทำก็ทำเลยครับ ไม่ต้องไว้หน้าใครทั้งนั้น”
“แต่รดาอาจจะ….”
“ไม่สำคัญแล้วล่ะครับ”
“………..”
“น้องวินสำคัญที่สุด” และก็เป็นเพราะรดามาแต่ต้นไม่ใช่หรือไง…เธอคือคนที่ตั้งใจจะฆ่าลูกตั้งแต่อยู่ในท้อง คนของอาของเธอไม่ใช่หรือไง ที่พุ่งเข้ามาทำร้ายน้องวินถึงสองครั้ง….นักรบไม่ใช่คนโง่ และเขาก็ไม่ใจดีที่จะปล่อยงูให้มาแว้งกัดลูกชายตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าต้องทำเขาก็ยอมรับ ยอมเข้าใจ และพร้อมเดินหน้าจัดการให้ถึงที่สุด
แม้เขาอาจจะยังรักรดาอยู่ก็ตาม…..
Tbc
Talk: มาต่อติดๆกันเสาร์อาทิตย์ ทั้งนี้เป็นความตั้งใจที่จะให้ทุกคนได้อ่านกันในวันหยุดเองค่ะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและกำลังใจนะคะ ฝากเรือรบเจนที่กำลังจะได้เริ่มแล่นต่อจากนี้ทั้งๆที่ผ่านมาเป็น10ตอนแล้ว เราสัญญาว่าสิ่งที่เจนเวิ้นไปทั้งหมดมาถึงตอนนี้จะต้องมีประโยชน์ในภายหลังคะ5555
ฝากติดตามต่อไปด้วยนะคะ
Twitter #เจนไม่นก @reallyuri