——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!Epilogue P.5 | END)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!Epilogue P.5 | END)  (อ่าน 42528 ครั้ง)

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม













_______________________________________________








OTHER HALF
You are my other half





เมื่อมีชีวิตแค่รอวันตาย
ทางเดียวที่จะสามารถอยู่ต่อไปได้คือ ต้องหาคู่แท้ให้เจอ






พบกับอีกหนึ่งจักรวาลที่ชี้ชะตาชีวิตด้วยเวลา
‘TIMEVERSE’








hashtag : #ครึ่งชีวิตของผม

twitter : @19august___

facebook : @19august.S






สารบัญ

Prologue     
Chapter 01            Chapter 02
Chapter 03            Chapter 04
Chapter 05            Chapter 06
Chapter 07            Chapter 08
Chapter 09            Chapter 10
Chapter 11            Chapter 12
Chapter 13            Chapter 14
Chapter 15            Chapter 16
Chapter 17            Chapter 18
Chapter 19            Chapter 20
Chapter 21            Chapter 22
Epilogue   


SPECIAL

Valentine's Special 2019




_______________________________________________


TALK : ลงในนี้ครั้งแรก ผิดพลาดยังไงขออภัยและตักเตือนได้เลยค่า
จะพยายามมาอัพบ่อย ๆ อยากให้ลองดูนะคะ เป็นอีกจักรวาลหนึ่ง
ใครเคยอ่าน omegaverse นี่ก็เป็น verse นึงเช่นกันค่า

( ขอบคุณที่มาจาก www.instiz.net/pt/3428566 และคำแปลจากคุณ @pwbiix )


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-03-2020 08:48:03 โดย 19august »

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___
PROLOGUE

Life is too short,
Don’t waste your time.









            ในช่วงชีวิตของคนเรา อาจจะมีโอกาสที่จะเดินสวนกับคู่แท้ของตัวเองเป็นร้อยเป็นพันหน อาจจะมีโอกาสได้สบตากันเสี้ยววินาทีเป็นหมื่นเป็นแสนครั้ง


            แต่กับผมที่เกิดมาในจักรวาลที่ชีวิตขึ้นอยู่กับเวลา เราไม่ได้มีโอกาสเป็นพันหนที่จะเดินสวนกับคู่แท้ของตัวเองเล่น ๆ หรอก


            เพราะพวกเราเกิดมาพร้อมกับตัวเลขสีเหลืองที่ฝังอยู่บนอกข้างซ้ายตรงกับขั้วหัวใจ มันจะขยับทันทีที่เราเดินสวนกับใครคนนั้น, ใครคนนั้นที่เป็นของเรา



            คู่แท้คือใคร จะรู้ได้อย่างไรน่ะหรือ?


            ผมจะเล่าแบบสั้น ๆ ให้คุณเห็นความโคตรจะมหัศจรรย์ของเราแล้วกัน *ยิ้มเหยียด*


            พวกเราทุกคนเกิดมาพร้อมกับเลข 1 หรือ 100 มันติดตัวมานับตั้งแต่เราออกจากท้องแม่ และแต่ละคนก็จะมีตัวเลขไม่เหมือนกัน ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัวเดียวกัน อย่างเช่น ผมที่เกิดมาพร้อมกับเลข 1 แต่แม่เป็นเลข 100 พ่อเป็นเลข 1 และพี่ชายของผมเป็นเลข 1 มันสุ่มอย่างไรไม่รู้หรอก อาจจะผ่านทางยีนส์อะไรสักอย่างที่บรรพบุรุษคิดค้นขึ้น

            
            แล้ว ... คุณสังเกตเห็นอะไรบ้างไหม?

            พ่อเกิดมาพร้อมกับเลข 1
            แม่เกิดมาพร้อมกับเลข 100

      
            ใช่ครับ, คู่แท้ของคุณจะมีชุดตัวเลขคนละชุดกับคุณ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณบังเอิญเดินสวนกัน เลข 1 จะขยับเพิ่มขึ้น และเช่นกัน เลข 100 ก็จะขยับลดลง

      
            ทันทีที่เลข 1 เพิ่มไปจนถึง 100 คุณจะตายอย่างไม่มีข้อแม้ กรณีเดียวกันกับถ้าเลข 100 ลดลงมาจนถึง 1 ก็จะซี้แหงแก๋

      
            นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องรีบหาคู่แท้ของตัวเองให้เจอ ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย อายุมากกว่า อายุน้อยกว่า หรืออายุเท่ากัน ต้องรีบขวนขวายหาคนนั้นให้เจอ และเมื่อเจอแล้วตัวเลขของคุณและเขาคนนั้นจะหยุดลงที่เลขกลางคือ 50


            ถ้าหากว่าคุณยังไม่เจอคู่หรือไม่แม้แต่กระทั่งบังเอิญเดินเจอกัน ตัวเลขบนอกจะขยับหนึ่งครั้งในทุกหนึ่งปีในวันเกิดของตัวเอง แต่ที่มากไปกว่านั้นคือถ้าเจอคู่แล้วแต่ไม่รู้ว่านั่นคือคู่ของตัวเองเลขจะขยับเป็นสองเท่า ฉะนั้นถึงจะดูว่าอยู่ไปได้อีกนาน อีกร้อยปี ยกเว้นในกรณีถ้าคุณไม่เป็นโรคร้ายหรือเกิดอุบัติเหตุเสียก่อนน่ะนะ

      
            รายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะ สาธยายวันนี้ให้หมดคุณคงปวดหัวกันเสียก่อน ก็นี่แหละชีวิตของผม ดูกระเหี้ยนกระหือรือในการมีคู่ไปหน่อย แต่มันก็ถือเป็นเรื่องตื่นเต้นในชีวิตเหมือนกัน (มั้ง) เวลาจะออกจากบ้านทีก็ลุ้นไปสิว่าเลขจะขยับไหม สอดส่องสายตาไปเรื่อย

      
            ที่มองหน้านี่ไม่ได้หาเรื่องนะ หาเนื้อคู่ต่างหากเล่า

      
            ผมเคยถามแม่ของผมว่า คู่ของตัวเองมันหายากมากหรือเปล่า แม่ตอบกลับมาว่า “มันไม่ยากหรอก พระเจ้าไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น วันหนึ่งลูกอาจจะแค่เดินเล่นบนถนนแต่คนที่เดินลูกไปเป็นร้อยคน หนึ่งในนั้นก็อาจจะเป็นคนของลูกก็ได้”

      
            และมันก็เหมือนกับผมตอนนี้ ตอนที่กำลังร่ายยาวเหยียดเกี่ยวกับเรื่องราวตัวเองอยู่นี้ ก็กำลังสับเท้าวิ่งตามหาคนที่ผมเพิ่งเดินสวนไปเมื่อกี้

      
            เมื่อกี้เองนะ!

      
            อกมันกระตุกเพราะเลขขยับเพิ่มขึ้น บ้าเอ๊ย เผลอแป็บเดียวเอง ไม่ทันมองรอบข้างแค่แวบเดียวเอง ใครจะรู้ว่าจะบังเอิญเจอกันแบบนี้ล่ะ

      
            แล้วผมจะไปหาเจอได้อีกทีไหน ทำไมเกิดมาทีต้องเหนื่อยขนาดนี้วะเนี่ย ...







To be continued.
_____________________________________

TALK : อ่านแล้วเป็นยังไงกันบ้างคะ
คิดเห็นยังไงฝากติชมด้วยน้าา ฝากด้วยค่า


re-write 1 : 16/06/18


#ครึ่งชีวิตของผม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-06-2018 15:36:22 โดย 19august »

ออฟไลน์ จี้ซัง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น่าสนใจค่ะ รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___


CHAPTER 01

Forelsket
(n.) the euphoria you experience when you are first falling in love








      
02 กุมภาพันธ์ 2xxx

      
            กันต์ทิ้งกายลงบนเตียงนอนหลังกว้างด้วยความเหนื่อยล้า หยาดน้ำตากลิ้งไหลออกจากหางตาซึมหายลงไปกับหมอนใบโต หยดแล้ว หยดเล่า เรียวตาเล็กหลับลงอย่างอ่อนแรง

      
            ความรักแม่งเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าเรียนให้จบเสียอีก

      
            ถูกบอกเลิกจากคนรักคนที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ในชีวิต ด้วยสาเหตุโง่เง่าอย่างการที่เขาเป็นคนน่าเบื่อ จืดชืด ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แถมมีอะไรด้วยก็ไม่ได้

      
            กันต์พรูลมหายใจออกอย่างหงุดหงิดใจ ตั้งแต่โตเป็นวัยรุ่นรู้ความเขาก็เริ่มค้นหาคู่ของตัวเอง แต่มันไม่ง่ายดายเหมือนการตกหลุมรัก เขามีรักครั้งแรกกับรุ่นพี่ที่โรงเรียน แต่สุดท้ายก็โดนทิ้งเพราะพี่แกเจอคู่ตัวเอง

      
            หลังจากที่ได้ลองลิ้มรสชาติของความรักแล้ว การตกหลุมรักครั้งต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องยาก ทว่าคนอย่างปุณณกันต์คงไร้โชคเรื่องนี้ ไม่ว่าจะรักใครก็ไม่เคยไปรอดเกิน 2 เดือน แค่อยากลองมีความรักดี ๆ ดูสักครั้ง ทำไมมันยากเหลือเกิน

      
            เจอแบบนี้เข้าไปนึกถึงสิ่งที่แม่เคยบอกไว้เลย ‘ที่เป็นอย่างนี้เพราะเขายังไม่เจอคู่ของตัวเอง ความรักที่แท้จริงมักจะเริ่มต้นเมื่อเลขบนอกจรดลงตรงกลางที่ 50’

      
            กันต์เคยย้อนถามแม่ตัวเองเช่นกันว่า เคยมีคนรักกับคนที่ไม่ใช่คู่ตัวเองแล้วไปกันรอดไหม

      
            “มีสิ แต่เป็นความสุขแค่ช่วงสั้น รู้ตัวอีกที เวลาชีวิตก็เหลือน้อยเต็มที” ชีวิตดูไม่ยุติธรรมเลยว่าไหม ทำไมคนเราต้องถูกเลือกให้รักกับใครคนนั้น ทั้งที่เราอาจจะอยากรักกับใครสักคนก็ได้

      
            เคยมีกรณีที่รักกันมาก ๆ ไม่ยอมไปหาคู่แท้ของตัวเองจนเวลาชีวิตใกล้หมด พวกเขาก็แค่จับมือรอเวลาอยู่ข้างกัน

      
            “มันอาจฟังดูโรแมนติกนะกันต์ แต่ยอมรับเถอะลูกว่าใครก็รักชีวิตตัวเองทั้งนั้นแหละ จะหาคนที่ยอมตายไปกับเราได้ มันไม่ง่ายนักหรอก”

      
            มันก็คงจะจริงอย่างที่แม่ว่า กันต์ก็ไม่ได้คาดหวังไปถึงขนาดนั้น แต่เพราะเป็นคนขี้เหงาและพระเจ้าก็สร้างให้เขาเป็นคนตกหลุมรักง่าย ๆ หัวใจจึงมีร่องรอยการใช้งานมาไม่น้อย จนกว่าจะได้คน ๆ นั้นมา ไม่รู้หัวใจจะยังมีเศษเสี้ยวอะไรเหลืออยู่ไหม

      
            “เฮ้อ” สองแขนยกขึ้นก่ายหน้าผาก ท้อแท้ใจกับโชคชะตา ถ้าพระเจ้าไม่อยากให้เขาสมหวังกับคนอื่นนัก ก็รีบทำให้เขาเจอเนื้อคู่ตัวเองเร็ว ๆ เสียสิ


ครืด ครืด ครืด

      
            คนที่กำลังนอนตัดพ้อกับชีวิตรักตัวเองอยู่ลืมตาขึ้น ก่อนจะกดลงบนเครื่องมือสื่อสารหนึ่งที มองชื่อสายเรียกเข้าที่เป็นวิดีโอคอลพลางถอนหายใจ ใครจะรู้จักเขาดีเท่าคน ๆ นี้ ไม่มีทาง แต่ถึงอย่างนั้นกันต์ก็กดปิดกล้องจากฝั่งตัวเองไม่ให้อีกฝ่ายเห็นหน้า

      
            สภาพเป็นอย่างนี้ อายเพื่อนจะตาย แม้จะไม่มีอะไรให้อายแล้วกันเถอะ

      
            ( อยู่ไหนวะกันต์ )

      
            “บ้าน”

      
            ( ไม่มาเรียนหรือไง )

      
            “ขี้เกียจ”

      
            ( โง่แค่เรื่องความรักก็พอแล้วมั้ง อย่าโง่เรื่องเรียนเพิ่มเลย )

      
            โอ้โห

      
            “มึงเป็นเพื่อนกูจริงดิ”

      
            เจ็บฉิบหาย เอาความจริงมาพูดอยู่เรื่อย

      
            ( รีบมา วันนี้คาบแรกอาจารย์คนใหม่ อย่าลืม )

      
            “เออ ๆ”

      
            ไม่ทันได้กดวางปลายสายก็ตัดไปเอง กันต์ลุกขึ้นล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้า จัดสภาพตัวเองให้เป็นผู้เป็นคน หยิบแว่นตาทรงกลมคู่ใจมาใส่บังความบวมของดวงตา ก่อนจะรีบบึ่งพาหนะสี่ล้อกำลังแรงสูงไปที่สถาบัน

      
            เหลือบดูเวลาแล้วเห็นว่ามาทันแบบเฉียดฉิว แต่เหมือนว่าเขาจะคิดไปเองเพราะทันทีที่ก้าวเข้าห้องเรียน เสียงภายในห้องก็เงียบลงพร้อมกับดวงตากว่าห้าสิบคู่จับจ้องมาที่เขาคนเดียว

      
            กันต์ยิ้มแหย

      
            “เกือบสายแล้วนะครับคุณปุณณกันต์”

      
            เจ้าของชื่อสะดุ้งกับน้ำเสียงทุ้ม รีบก้มหัวให้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเพื่อเอ่ยปากขอโทษ แต่เป็นตอนนั้นเอง ตอนที่เราสบตากัน หัวใจพลันกระตุกวูบรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงตาสีอัลมอนด์ฉายแววสับสน จนกระทั่งได้เห็นรอยยิ้มบางเบาจากคนตรงหน้า สติก็พลันกลับคืน

      
            “เชิญนั่งที่ได้แล้วครับ ผมกำลังจะเริ่มสอน”

      
            อาจารย์คนใหม่ร่างกายสูงใหญ่ ดวงตาคมสีดำสนิทเหลือบมองเขาเพียงครู่เดียว แล้วหันกลับไปสนใจเครื่องคอมพิวเตอร์ด้านหน้า เสียงทุ้มที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากหนาหยักได้รูปนั้นทำเอาคนฟังเผลอเคลิ้มไปอึดใจ

      
            “ค ครับ”

      
            อากัปกิริยาเงอะงะถูกแสดงออกมา กันต์รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิด เมื่อหันหลังเพื่อเดินไปที่นั่งตัวเองก็รู้สึกราวกับว่ามีสายตาที่จ้องมาอยู่ทุกฝีก้าว ทว่ามันไม่ได้น่ากลัวหรือชวนอึดอัด แต่กลับทำให้รู้สึกขลาดอายระคนอบอุ่นแปลก ๆ เสียมากกว่า

      
            เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นบ้าอะไร ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย จะว่าตกหลุมรักอย่างนั้นหรือ มันไม่ใช่เลย จากประสบการณ์ที่ผ่านมากันต์รู้ดีว่าเวลาตัวเองตกหลุมรักจะเป็นอย่างไร นี่มันไม่ใช่ มันดูเหมือนมีอะไรมากกว่านั้น

      
            กันต์นั่งลงข้างเพื่อนสนิท พยักหน้าทักทายกันพอเป็นพิธี ก่อนจะหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาเตรียมตัวเข้าสู่บทเรียน สมัยนี้ไม่ต้องใช้หนังสือกันแล้วทุกอย่างอยู่ในเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ขนาดจิ๋วนี่ คนรุ่นเขาแทบจะไม่มีใครเคยจับหนังสือเป็นแผ่น ๆ เสียเลยด้วยซ้ำ โลกพัฒนาไปมาก แม่เคยบอกเขาไว้เช่นนั้น

      
            “เป็นไรวะ นั่งนิ่ง ๆ ดิ” คณกร หรือ ดิม กดเสียงให้เบาลงแล้วถามเพื่อนตัวเองที่นั่งขยุกขยิกมาตั้งแต่ต้นคาบ

      
            ทั้งที่ปกติกันต์เป็นคนตั้งใจเรียนและไม่ค่อยจะวอกแวก แต่ครั้งนี้กลับดูผิดปกติเกินไป จะว่าเป็นเพราะเพิ่งเลิกกับแฟนคนล่าสุดมา ก็ไม่ใช่ ให้เวลามันเสียใจฟูมฟายมากสุดก็ 3 ชั่วโมง ดิมขมวดคิ้วมุ่นมองหน้าเพื่อนตัวเองที่หันมายิ้มแห้งแล้งคืนมา

      
            “เลขที่นั่งแถว C04 ลุกขึ้นครับ”

      
            “มึงอ่ะกันต์”

      
            กันต์สะดุ้งเมื่อมองตัวเลขที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอสลับกับเลขที่นั่งของตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นยืน เหลือบมองอาจารย์คนใหม่ด้วยสายตาระแวดระวัง แต่ที่เห็นคืนกลับมาแม้จะเพียงชั่วแวบเดียวก็ตาม เขาคิดว่าเขาเห็นความเอื้อเอ็นดูอยู่ในนั้น

      
            “คุณคิดว่า หากมีเครื่องทดเวลาจะสามารถช่วยให้ชีวิตคู่ราบรื่นได้จริงหรือเปล่าครับ” อาจารย์ร่างสูงใหญ่ยืนเอามือกอดอกหลังพิงกำแพงพลางมองตรงมาที่นักศึกษาของตัวเอง ทำเอาคนถูกมองรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ

      
            มันต้องเป็นเพราะโดนถามคำถามแน่ ๆ กันต์ปลอบตัวเองในใจ

      
            ปกติแล้วคนอย่างกันต์ไม่เคยหวาดกลัวในการถูกเรียกตอบคำถามในห้องเรียนแม้แต่น้อย แต่วันนี้สมาธิที่แตกกระเจิงตั้งแต่ต้นคาบ ทำเอาบทเรียนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปเสียหมด ดวงตาเรียวเล็กกวาดไปทั่วจอแท็บเล็ตตัวเองคร่าว ๆ อาศัยว่าเป็นหัวดีอยู่แล้วจึงทำความเข้าใจบทเรียนนั้น แล้วเงยหน้าขึ้นเพื่อตอบคำถาม

      
            “ผม ... ผมมองว่าเครื่องทดเวลามีประโยชน์ในแง่เมื่อคู่ของตัวเองไม่ได้อยู่ด้วย หรือทะเลาะกันแล้วไม่สามารถคืนดีได้ด้วยการกอด จูบ หรือ เอ่อ มีเซ็กส์ ได้ในทันที มันดูเหมือนจะช่วยให้ราบรื่นไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ไม่ทำให้เราตายก่อนจะได้คืนดีกันครับ”

      
            วิชาจิตวิทยาพื้นฐานที่เขากำลังเรียนอยู่ตอนนี้กำลังเข้าบทเรียนในเรื่องจิตใจของคู่ครอง มันเป็นวิชาเสริมที่คิดว่า น่าจะช่วยอะไรคนแบบเขาได้บ้าง

      
            อย่างคำถามล่าสุดนี้ เป็นประเด็นมาจากที่รัฐบาลกับนักวิทยาศาสตร์กำลังพยายามสร้างเครื่องทดเวลาเพื่อช่วยในการเพิ่มเวลาชั่วคราว สาเหตุมาจากการที่ถึงแม้เมื่อพวกเราเจอคู่ตัวเองแล้วเลขสีเหลืองบนอกจะหยุดอยู่ที่ 50 แต่มันสามารถลดหรือเพิ่มได้อีกทันทีที่ทะเลาะหรือผิดใจกัน การคืนดีง่ายนิดเดียว เพียงแค่สัมผัสกันด้วยความรัก ไม่ว่าจะกอด จูบ หรือแม้กระทั่งเซ็กส์

      
            “เชิญนั่งครับ ในฐานะจิตแพทย์อย่างผม จะบอกว่าไม่เห็นด้วยกับการมีเครื่องนี้ก็ไม่เชิง แต่ผมเห็นด้วยกับเพื่อนของคุณเมื่อครู่นี้ หลายคนเข้ามาปรึกษาผม เกิดความเครียดจากการที่หวาดกลัวการทะเลาะหรือแม้แต่การแลกเปลี่ยนความคิดกับคู่ของตัวเอง เพราะกลัวว่าหากทะเลาะกันแล้วจะกลายเป็นปัญหาใหญ่”

      
            “นั่นเพราะส่วนหนึ่งยังไม่วางใจคู่ของตัวเอง การสัมผัสกันด้วยความรักที่จะต่ออายุให้ยืนต่อไปนั้น กลายเป็นเรื่องยาก บางคนที่เป็นคู่กันยังไม่มั่นใจเลยด้วยซ้ำว่ารักกันหรือเปล่า สิ่งที่จะทำให้ชีวิตคู่ราบรื่นได้ ผมว่าเจ้าเครื่องนี้ไม่ได้มีบทบาทอะไรเลยด้วยซ้ำ”

      
            “ผมมักจะบอกกับคนไข้เสมอว่า หากคุณยังไม่มั่นใจ มันก็ไม่เป็นอะไร ถ้าจะลองทำความรู้จักกันไปก่อน ใช้เวลาเรียนรู้กันให้แน่ใจ ถึงพวกเราจะมีเวลาชีวิตที่ไม่แน่นอน แต่พวกเราก็ไม่ได้ตายกันง่ายขนาดนั้น ผมจึงอยากบอกกับพวกคุณเช่นเดียวกัน การเรียนรู้นิสัยใจคอคู่ของคุณมันสำคัญอยู่เหมือนกันนะครับ อย่างน้อย ๆ มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความรัก และหลังจากนั้นต่อให้คุณจะทะเลาะกันกี่ครั้ง ก็จะผ่านมันไปได้ จนไม่ต้องพึ่งจิตแพทย์อย่างผมเลย”

      
            กันต์รู้สึกราวกับว่า ผู้ชายคนนั้นกำลังพูดกับตัวเอง สายตาที่มองตรงมาเขาไม่ได้ตาฝาด มือเรียวขยับทาบอกซ้ายของตัวเองที่กำลังกระตุกไม่หยุด จู่ ๆ ก็ร้อนวาบในอก แน่แล้ว แน่นอนแน่ ๆ ไม่ต้องเปิดเสื้อดูก็รู้ว่าตอนนี้เลขบนอกเขาขยับมาที่ 50 แล้ว

      
            “ผู้ชายคนนั้น”

      
            “อะไรนะ?”


            ดิมหันมามองเพื่อนตัวเองที่จ้องอาจารย์หน้าห้องเขม็ง และน่าแปลกที่อาจารย์คนนั้นก็มองกลับมาเช่นกัน กันต์ลากสายตากลับมาที่ใบหน้าของเพื่อนตัวเองด้วยความสั่นระริก

      
            “ผู้ชายคนนั้น ... คู่ของกู”












            หลังจากที่เลิกคลาสเรียนกันต์ก็รีบลากแขนเพื่อนตัวเองออกไปทันที มันรู้สึกมึนงงที่จู่ ๆ ก็เจอคู่ของตัวเองเสียอย่างนั้น บทจะเจอก็เจอเอาง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ ทำตัวไม่ถูกหรอก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ให้เดินเข้าไปแบบ ฮัลโหล ผมคู่คุณเอง เราไปเดทกันเถอะ ก็ดูจะแปลกไม่น้อย ขอถอยมาตั้งหลักก่อนดีกว่า

      
            “มึงกลัวอะไร”

      
            “กูไม่ได้กลัว แต่กู กูแค่ทำตัวไม่ถูก”

      
            “ไม่เห็นจะต้องทำอะไรเลย”

      
            “ตอนที่มึงรู้ว่าไอ้จาเป็นคู่ มึงทำยังไงวะ”

      
            “ก็ยืนมองกันอยู่พักนึงอ่ะ แล้วก็เดินเข้าไปคุยกัน”

      
            “มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
   
      
            “แล้วมันยากตรงไหน มีแต่มึงนั่นแหละทำให้มันยากเอง”

      
            ดิมไม่ได้สนใจเพื่อนตัวเองที่ใกล้จะสติแตกเต็มที ชาวบ้านชาวเมืองเขาก็ทำกันแบบนี้ทั้งนั้น มีแต่มันนั่นแหละบ้าบอ มีอย่างที่ไหนเดินหนีคู่ตัวเองเสียอย่างนั้น เดี๋ยวพออยากจะหาแล้วเขาหายไป จะขำให้ดู

      

            แต่เหมือนว่าจะไม่ได้ขำแหะ



            ดวงตากลมโตมองอาจารย์คนใหม่ในคราบคู่ของเพื่อนตัวเองด้วยสายตาพิจารณา ร่างสูงใหญ่ดูหนักแน่น แววตามั่นคงแฝงด้วยความอบอุ่นตามประสาคนเป็นหมอ ดูเป็นผู้ใหญ่เอาแน่เอานอนน่าจะได้อยู่ ก็เหมาะกับเพื่อนเขาที่อารมณ์พลิ้วไหวเก่งอย่างกับลมได้

      
            “คุณปุณณกันต์”

      
            “!!!”

      
            “คุณมาไม่ทันตอนผมแนะนำตัว เอาเป็นว่าผมชื่อแทนคุณ เรียกแทนก็ได้ครับ”

      
            กันต์ยังคงนิ่ง เหมือนสมองประมวลผลไม่ทัน ได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ มองคนตรงหน้า จนดิมถอนหายใจก่อนจะยกมือผลักหัวเพื่อนตัวเองอย่างแรงไปทีเป็นการเรียกสติ

      
            “อย่างที่อาจารย์รู้ไอ้นี่ชื่อปุณณกันต์ ชื่อเล่นชื่อกันต์ครับ”

      
            “ครับ คุณคงยังไม่ทันตั้งตัวสินะ ผมเข้าใจ”

      
            ร่างสูงใหญ่ของแทนคุณโน้มตัวลงมาจนใบหน้าคมคายเสมอกับคู่ของตัวเอง ดวงตาทั้งสองสบกันอย่างพอดีพลางยกยิ้มให้อย่างอบอุ่น ฝ่ามือหนาถือวิสาสะวางลงบนหัวทุยพร้อมกับลูบอย่างเบามือ แล้วเลื่อนใบหน้าไปด้านข้าง ก่อนจะทิ้งเสียงทุ้มให้ก้องกังวานไปทั่วประสาทการรับรู้แต่สะท้อนไปถึงหัวใจของคนฟัง

      
            “ถ้าอย่างนั้นไว้เจอกันใหม่นะครับ น้องกันต์

      
            ในวินาทีนั้นเองที่กันต์ได้เข้าใจสิ่งที่เรียกว่าหัวใจเต้นแรงของจริงเป็นครั้งแรก อานุภาพมันรุนแรงยิ่งกว่าที่เคยเป็นมาทั้งชีวิต มันหนักหน่วงและลึกซึ้ง อีกทั้งรอยยิ้มและเสียงทุ้มที่ตรึงอยู่ข้างในให้ความรู้สึกอบอุ่นและหนักแน่นอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

      

            บางทีความรักของจริงอาจเพิ่งกำลังจะเริ่มต้น เดี๋ยวนี้นี่เอง






To be continued.
_____________________________________

TALK : มันแปลกๆ แปร่งๆ มั้ยคะ 5555
อ่านแล้วเป็นยังไงบ้าง บอกกันด้วยน้า


re-write 1 : 16/06/18


#ครึ่งชีวิตของผม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-06-2018 21:48:21 โดย 19august »

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
พล๊อตล้ำมากเลย ไม่เคยอ่านเลยง่า ติดตาม

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___
CHAPTER 02

You
(Yes, you)
Need to stop being so adorable.








      
            แผงอกหนาภายใต้เสื้อเชิ้ตสีกรมท่าแขนยาวที่ถูกพับขึ้นมาจนเผยให้เห็นเส้นกล้ามเนื้อตรงช่วงแขน รับกับกางเกงสแล็คทิ้งตัวเข้ากับช่วงขายาวที่ทำให้เจ้าของร่างกายดูสูงมากขึ้นไปอีก หลายคนอดไม่ได้ที่จะลอบมองคนดังกล่าว แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้ยี่หระกับสายตารอบข้างเลยสักนิด ใบหน้าหล่อคมคร้ามมองตรงไปด้านหน้าอย่างไม่คิดสนใจ

      
            ทันทีที่ถึงหน้าห้องเรียนขนาดกลาง ชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวเข้ามารับหน้าที่อาจารย์พิเศษวิชาจิตวิทยาก็หยุดยืนเรียกกำลังใจตัวเองหนึ่งที เพราะนอกจากติวบทเรียนกับเพื่อนฝูงก็ไม่เคยผ่านประสบการณ์การเป็นครูมาก่อน

      
            “สวัสดีครับ ผมชื่อแทนคุณ มาสอนวิชานี้แทนอาจารย์หมอวชิระ หลังจากนี้ตลอดระยะเวลาหนึ่งเทอมฝากตัวด้วยละกันนะครับ ตรงไหนเรียนไม่เข้าใจก็ยกมือถามได้เลย” แทนคุณพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ กับนักศึกษากว่าห้าสิบชีวิต

      
            ในขณะที่กำลังทำความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับวิชานี้ เสียงประตูก็เปิดขึ้นพร้อมกับนักศึกษาชายคนหนึ่งที่ยืนมึนอยู่กับที่เมื่อเห็นว่ากำลังจะเริ่มเรียน แทนคุณเหลือบมองเวลาพบว่าเหลืออีก 2 นาทีจะถึงเวลาเรียนและเป็นเขาเองที่มาไวจึงไม่คิดเอ่ยปากกล่าวโทษ

      
            เขามองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏข้อมูลของนักศึกษาคนนั้น ‘ปุณณกันต์’ แทนคุณเห็นหน้าอีกฝ่ายไม่ถนัดนักเพราะเจ้าตัวหลุบสายตาลงแถมยังเอียงหลบเขาราวกับกลัวว่าจะถูกดุอย่างไรอย่างนั้น นี่อาจารย์นะครับ ไม่ใช่ปีศาจ ต้องกลัวอะไรขนาดนั้น

      
            “เกือบสายแล้วนะครับคุณปุณณกันต์”

      
            ร่างนั้นสะดุ้งเมื่อเขาพูดด้วย ใบหน้าที่หลบซ่อนอยู่พลันเงยขึ้นก่อนที่เราทั้งคู่จะสบตากัน แทนคุณรู้สึกว่าอะไรบางอย่างในอกมันกระตุกพร้อมกับความวูบบนอก จากประสบการณ์ที่เคยเห็นคนอื่นเป็นมาตลอด 30 ปี เขาว่าเขารู้นะว่ามันคืออะไร

      
            “เชิญนั่งที่ได้แล้วครับ ผมกำลังจะเริ่มสอน”
   
      
            เด็กคนนั้นมองหน้าเขาด้วยแววตาตกตื่นใจ ดวงตาเรียวเล็กสีอัลมอนด์นั้นสั่นไหวเหมือนลูกกระต่ายที่กลัวราชสีห์เสียอย่างนั้น แทนคุณอดอมยิ้มกับท่าทีน่าเอ็นดูเหล่านั้นไม่ได้เลย

      
            ตลอดระยะเวลาห้าสิบนาทีของคลาสเรียน หลายครั้งแทนคุณเองก็เผลอไม่ได้ที่จะมองคู่ของตัวเอง ใบหน้าน่ามองนั้นง้ำงอแทบทั้งคาบ ท่าทางกระสับกระส่ายแลดูว้าวุ่นใจไม่น้อย คาดว่าคงรู้สึกได้เหมือนกันว่า มันมีอะไรบางอย่างระหว่างเรา

      
            เมื่อเขาเอ่ยปากเลิกคลาส เงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์อีกทีก็ไม่เห็นเด็กคนนั้นเสียแล้ว ให้ตายสิ นี่เขาทำให้กระต่ายตื่นตูมหรือ แต่เขายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ

      
            แทนคุณส่ายหน้าพลางถอนหายใจ รีบเก็บของใส่กระเป๋าเพื่อกลับไปโรงพยาบาลทำหน้าที่ตัวเองต่อ แต่เมื่อเดินออกมาจากอาคารก็เจอเจ้าเด็กกระต่ายนั่นนั่งบ่นงึมงำกับเพื่อนเจ้าตัวอยู่ ใบหน้าเล็กที่ดูเหมือนแค่ถ้าเขากางฝ่ามือทาบก็น่าจะปิดมิดนั่นชวนให้น่าแกล้งเสียเหลือเกิน

      
            ขอสักหน่อยแล้วกัน

      
            “คุณปุณณกันต์”

      
            โห ดูสิ กระต่ายสะดุ้ง ได้ยินเหมือนเสียงงืด ๆ ในลำคอหลุดออกมาเลย จะทำให้เอ็นดูไปถึงไหน นี่เราเพิ่งพบกันครั้งแรกเองนะ

      
            แทนคุณแนะนำตัวเสร็จสรรพ กระต่ายน้อยของเขาก็ยังนั่งนิ่งเหมือนยังตั้งตัวไม่ทัน จนเพื่อนเจ้าตัวต้องเป็นคนพูดเอง ดวงตาเรียวเล็กหางตาตกที่ช้อนมองมากะพริบปริบ ๆ จนน่ามันเขี้ยว อยากจะแกล้งให้ร้องไห้แล้วกอดปลอบแรง ๆ

      
            ขอแกล้งอีกสักนิดได้ไหมนะ

      
            “ถ้าอย่างนั้นไว้เจอกันใหม่นะครับ น้องกันต์”

      
            เขากระซิบชิดริมใบหูขาวของกันต์ เมื่อผละออกมาใบหูขาว ๆ แก้มขาว ๆ กลายเป็นสีแดงจัด นี่เขินหรือโกรธ แต่ให้เดาคงเป็นอย่างแรก

      
            น่ารักจังโว้ย
   
      
            แทนคุณส่งยิ้มแล้วลูบหัวทุยนั่นอีกครั้งเป็นการส่งท้ายก่อนจะเดินหันหลังจากมา ไม่รู้ว่าพอทำแบบนั้นไปแล้วกระต่ายจะตื่นตูมหนักกว่าเก่าแล้วหนีเขาหรือเปล่า แต่ในเมื่อเจอแล้ว เขาก็ไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไปหรอก
   
      
            แม้จะเด็กกว่ากันเป็น 10 ปีนั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เขามั่นใจว่าประสบการณ์เป็นจิตแพทย์มาหลายปี จะช่วยทำให้เขาเข้ากับเจ้าเด็กกระต่ายคู่ของตัวเองได้ มันคงไม่แย่ขนาดนั้น ถ้ากระต่ายจะหนี เขาก็จะไปตามจับกลับมา ง่าย ๆ แค่นั้น ไม่เห็นมีอะไรยากสักนิด












            “แม่~”

      
            กันต์เดินเอื่อย ๆ ไปออดอ้อนผู้เป็นแม่ที่นั่งดูซีรี่ส์อมยิ้มฟินกับพระ-นางอยู่ เดินมาถึงโซฟาก็เอนกายหนุนนอนตักอุ่น ๆ ที่อิงแอบมาตั้งแต่เกิด อาการอ้อนแบบนี้ทำให้ผู้เป็นแม่รู้ทันว่าคงมีอะไรรบกวนจิตใจลูกชายของตัวเองเป็นแน่

      
            “ว่าไงตัวดื้อ”

      
            “กันต์เลิกกับไอ้เวรนั่นแล้วนะ”

      
            “แล้วเป็นยังไง โอเคไหม”

      
            “โอ๊ย สบ๊าย”

      
            “ขี้โม้จังลูกใครวะเนี่ย” ผู้เป็นแม่บีบจมูกลูกชายตัวเองด้วยความหมั่นไส้ ให้เธอเดาก็คงนอนน้ำตาไหลจนเพื่อนเจ้าตัวเรียกออกไปเรียน ที่เดาได้ก็คงเพราะเป็นแบบนั้นทุกครั้ง

      
            “แต่ว่าประเด็นวันนี้ไม่ได้อยู่ที่เรื่องนี้อ่ะแม่”

      
            “หืม”

      
            “แม่ดู” กันต์นอนหงายพลางเลิกเสื้อเปิดขึ้นมาจนถึงอก เผยให้เห็นตัวเลขสีเหลืองขนาดความสูงประมาณ 2 เซนติเมตรซึ่งอยู่ตำแหน่งเดียวกับขั้วหัวใจ ขยับจากเดิมเป็นเลข 23 กลายเป็นเลข 50 ผู้เป็นแม่เห็นดังนั้นก็รีบถาม

      
            “เราเจอแล้วเหรอ”

      
            “อื้อ”

      
            “เขาเป็นใคร ดูเป็นคนดีไหม แล้วเราโอเคหรือเปล่า”

      
            “เขาเป็นอาจารย์พิเศษที่สถาบัน เป็นจิตแพทย์ ก็ดูน่าจะเป็นคนดีล่ะมั้ง”

      
            “ถ้าดี ก็ดีแล้ว แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ก็พามาที่บ้านด้วยล่ะ”

      
            ผู้เป็นแม่บอกพลางลูบหัวลูกชายคนเดียวของเธอด้วยความเป็นห่วง แม้จะดีใจที่ลูกชายได้เจอคู่ของตัวเองเสียที ไม่ต้องให้มาคอยลุ้นกลัวว่าวันไหนลูกชายจะจากไปก่อนตัวเอง แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ตามประสาคนเป็นแม่

      
            “ใจเย็นก่อนแม่ เพิ่งเจอกันเอง”

      
            “แหม ตอนแม่กับพ่อนี่เจอปุ๊บก็พาเข้าบ้านแล้วย่ะ”

      
            “แสบจริงแม่ใครเนี่ย ฮ่ะ ๆ”

      
            กันต์จะไม่บอกแม่หรอกว่าตัวเองสับสนและหวาดกลัวแค่ไหน กลัวบ้ากลัวบออะไรก็ไม่รู้ ถึงบอกว่าประสบการณ์ความรักที่น่ากลัวมันบ่มเพาะให้เขาเป็นคนที่ทั้งโหยหาความรัก แต่ในขณะเดียวกันก็หวาดกลัวความรักอย่างที่คาดไม่ถึง

      
            คืนนี้คนที่เพิ่งเคยเจอคู่ตัวเองครั้งแรกถึงกับนอนไม่หลับ ในหัวมีแต่ภาพรอยยิ้มของคนผู้นั้น ในหูก็เหมือนมีเครื่องเล่นเพลงที่วนเวียนอยู่แต่กับเสียงทุ้มที่เรียกเขา ‘น้องกันต์’

      
            “บ้าเอ๊ย! เขินไรวะเนี่ย” กันต์ขยี้หัวตัวเองอย่างคนฟุ้งซ่าน ไม่รู้จะรับมือกับอาการตัวเองตอนนี้อย่างไร มันไม่เหมือนกับตอนตกหลุมรักกับใครคนอื่นที่ผ่านมา

      
            มันคล้ายกันก็จริง แต่ก็ต่างโดยสิ้นเชิงเช่นกัน



03 กุมภาพันธ์ 2xxx

      
            คืนนั้นเขาผล็อยหลับไปทั้ง ๆ ที่ในหัวยังคิดนั่นคิดนี่อยู่แบบนั้นไม่รู้จบ ตื่นเช้ามาแม้อากาศจะดีมาก ลมเย็นโชยโกรกตลอดไม่ทำให้ร้อนเลยสักนิด แต่สภาพใต้ตาคล้ำของกันต์กลับแปรผกผันกับอากาศเสียเหลือเกิน

      
            “นอนไม่พออีกล่ะสิ” ดิมพูดขึ้นอย่างรู้ทันเมื่อได้เห็นหน้าเพื่อน ร่างโปร่งโงนเงนดูอ่อนแรงคล้ายจะหลับทุกฝีก้าว กันต์ไม่คิดเถียง พยักหน้ารับแต่โดยดีและคงไม่ต้องบอกดิมก็น่าจะรู้ว่า สาเหตุที่ทำให้กันต์นอนไม่พอแบบนี้ เป็นเพราะอะไร

      
            “เมื่อวานกู text หาก็ไม่ตอบ”

      
            “เออใช่ แล้วไอ้จาเป็นไงบ้าง”

      
            กันต์นึกถึงข้อความที่เพื่อนส่งมาหาตั้งแต่เมื่อคืน แต่เขาเพิ่งจะได้เปิดดูเมื่อเช้านี้ จาริณคู่ของดิม ถูกคนวิ่งตัดหน้าจนรถมอเตอร์ไซค์คว่่ำ เห็นว่าแผลลากยาวตั้งแต่แขนยันขา โชคดีที่ใส่หมวกเลยหัวเลยไม่น็อค

      
            “อย่างกับมัมมี่ กูล่ะหงุดหงิดแม่งจริง ๆ บอกไม่ให้ขับเร็วไม่เคยจะเชื่อ เป็นไงล่ะ ง่อยแดก” ดิมพูดอย่างหัวเสีย เป็นเรื่องเดียวที่กันต์เคยได้ยินดิมบ่นคู่ตัวเองให้ฟัง ตั้งแต่มันตกลงปลงใจคบกันจริงจัง ก็เห็นมีแต่เรื่องนี้นี่แหละที่จาริณไม่เคยทำให้ดิมได้

      
            “คงเข็ดแล้วแหละ”

      
            “ไม่จริงหรอก เดี๋ยวพอแม่งหายก็ซิ่งต่อ กูบอกกูไม่รีบ ๆ แม่งก็จะรีบทำไมก็ไม่รู้ ดีแค่ไหนแล้วที่เมื่อวานไม่มีรถใหญ่สวนมา” เสียงดิมสั่นจนกันต์หน้าเสียรีบคว้าตัวเพื่อนเข้ามากอด เห็นปากมันร้ายแบบนี้ แต่มันเป็นเพื่อนที่กันต์รักมาก เราสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก แทบไม่เคยเห็นมันร้องไห้เลย ครั้งนี้คงใจเสียหนักมากจริง ๆ ก็นะ มันเกี่ยวกับชีวิตของคู่ตัวเองเลยนี่นา

            
            “ไม่ต้องรอให้ต้องทะเลาะกับกูจนตายหรอก เกือบตายจริงแล้ว เป็นไงล่ะ” ดิมยกมือขึ้นทุบอกตัวเอง ให้เดาว่าเลขคงกำลังเคลื่อนแน่นอน สาเหตุคงมาจากการที่ดิมโมโหจาเมื่อคืนคงมีเถียงกันบ้าง

      
            “ใจเย็นมึง สภาพมันขนาดนั้นแล้ว ถ้ามันยังไม่เข็ด ไม่รักชีวิตตัวเอง ก็แล้วแต่บุญแม่งแล้วล่ะ แต่โกรธกันไปแบบนี้มึงกับมันก็ไม่มีความสุข เอาบทเรียนครั้งนี้ไปสอนแล้วก็พูดให้มันเข้าใจดีกว่า”

      
            “เชี่ย นานทีมึงจะพูดดี”

      
            “กูก็พูดดีตลอดแหละไอ้นี่ มีแต่มึงนั่นแหละชอบด่ากู” กันต์ผลักหัวเพื่อนตัวเองจนมันเซ เลยโดนผลักกลับมา จนกลายเป็นสงครามบ้าบอของเพื่อนรักทั้งสอง กันต์มัวแต่ขยับหนีจึงไม่ได้ดูว่ามันสุดขอบเก้าอี้เสียแล้ว ร่างกายเอนเอียงคว้าเพื่อนไว้ไม่ทันจนจะตกจากเก้าอี้

      
            “เล่นอะไรกันเป็นเด็กเลยนะครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นเหนือหัวพร้อมกับรับร่างของกันต์เอาไว้ได้ทันพอดี กลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนคลอเคลียอยู่ตรงช่วงหน้าท้องของคนด้านหลัง กันต์สัมผัสได้ถึงกล้ามเนื้อภายใต้เสื้อเชิ้ตตัวนั้น รีบเด้งตัวเองกลับคืนมานั่งทันที

      
            “สวัสดีครับอาจารย์”

      
            “สวัสดีครับ แต่เรียกพี่แทนก็ได้ วันนี้ผมไม่ได้มาสอน”

      
            “ครับ งั้นฝากเพื่อนผมแป็บนึงนะครับ เดี๋ยวผมไปซื้อน้ำก่อน” ดิมที่สบโอกาสก็รีบชิ่งทันที กันต์ไม่ทันแม้แต่จะแย้งหรือคว้าตัวดิมเอาไว้ ทั้งโต๊ะเหลือเพียงแค่กันต์ที่นั่งตัวเกร็งกับแทนคุณที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงส่งยิ้มบาง ๆ มาให้

      
            “พี่นั่งด้วยนะ”

      
            “ค ครับ”

      
            “พี่ไม่รู้ว่าเราชอบกินอะไร แต่ชูครีมร้านหน้าโรง’บาลอร่อยมากเลยซื้อมาฝากครับ” ถุงกระดาษวางลงบนโต๊ะตรงหน้ากันต์ที่พอได้ยินว่าเป็นของกินก็ตาเป็นประกาย ทำเอาคนเอามาให้อมยิ้ม

      
            “ขอบคุณครับ” กันต์พูดเสียงแผ่ว

      
            “ครับผม ว่าแต่เรามีเรียนกี่โมงเหรอ”

      
            “สิบเอ็ดโมงครับ”

      
            “แล้วเลิกเรียนล่ะ”

      
            “บ่ายสองครับ”

      
            “ดีเลยตอนบ่ายพี่ไม่มีเข้าเวร งั้นเลิกเรียนแล้วไปกินข้าวกันนะ”

      
            “เอ่อ ...”

      
            “หรือกันต์รังเกียจพี่” กันต์ที่เห็นผู้ชายตัวโตกว่าตัวเองพูดเสียงอ่อย นั่งหน้าสลดอยู่ตรงหน้า ทำเอาเลิ่กลั่กรับมือไม่ถูก

      
            “เปล่านะครับ! คะ คือผมแค่ทำตัวไม่ถูก แต่ แต่ไม่ได้รังเกียจคุณนะครับ”

      
            แทนคุณแอบขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อกันต์ไม่ยอมเรียกตัวเองว่าพี่ แต่ก็รีบคลายออกอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากให้เสียบรรยากาศ ถึงอย่างนั้นแทนคุณก็หมายมั่นปั้นมือไว้ในใจว่าด่านแรกที่เขาจะทำให้ได้ก็คือ ทำให้กันต์ยอมเรียกแทนตัวเขาเองว่า พี่

      
            “จริงนะครับ”

      
            “ครับ”

      
            “เลิกเรียนเจอกันนะ ตั้งใจเรียนนะครับคนเก่ง” เสียงทุ้มพร้อมกับฝ่ามืออุ่น ๆ แตะลงบนหัว สัมผัสบางเบาแต่มันก็ทำให้กันต์รู้สึกได้ เขาพยักหน้าแล้วส่งยิ้มให้คนโตกว่าเป็นการบอกลา ดูเหมือนอีกฝ่ายจะนิ่งค้างไปชั่วครู่

      
            “ให้ตายเถอะกันต์ พี่สั่งห้ามได้ไหม ห้ามได้หรือเปล่าเนี่ย”

      
            “อะ อะไรครับ” กันต์ตกใจกับท่าทีแปลกประหลาดของอีกฝ่ายที่ยืนยิ้มกว้างแต่ก็ยกมือปิดหน้าปิดตาเหมือนคนอับอายจะร้องไห้อะไรแบบนั้น
      
      
            “อย่าไปยิ้มให้ใครแบบนี้อีกนะ มันน่ารัก

      
            “!!”







To be continued.
_____________________________________

TALK : อาจจะมีคนสงสัยว่าแฟนตาซีหรือเปล่า
มันไม่ได้แฟนตาซีจ๋านะคะ ไม่ได้ล้ำขนาดโอเมก้าเวิร์สแบบนั้น
เป็นเหมือนจักรวาลนึงที่มีเหมือนกับโลกทุกอย่าง ยกเว้นเวลาชีวิตกับการมีคู่
สงสัยหรือไม่เข้าใจตรงไหนบอกได้นะคะ
แล้วอธิบายเผื่อว่าถ้าใครสงสัยทำไมเลขของกันต์ขยับจาก 23 ให้ลองอ่าน prologue อีกรอบนึงนะคะ 

ยังไงฝากติดตามด้วยนะคะ

re-write 1 : 16/06/18

#ครึ่งชีวิตของผม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-06-2018 16:43:05 โดย 19august »

ออฟไลน์ ♥lvl♀‘O’Deal2♥

  • หานิยายถูกใจยากจัง!
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2665
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +176/-4
อ้อยกันไปอ้อยกันมา แง่มมม

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___


CHAPTER 03

When I say I need you
I’m not just saying that
I truly mean that








      
             กันต์มองท้องฟ้าที่จู่ ๆ ก็มืดครึ้มขึ้นมาเสียอย่างนั้นด้วยอารมณ์เนือย เสียงอาจารย์ที่ดังอยู่หน้าห้องเริ่มไม่กระทบโสตประสาทเข้าไปทุกที คางมนวางตั้งวางอยู่บนฝ่ามือมองนกมองไม้สลับกับมองหน้าอาจารย์ทำทีว่ากำลังตั้งใจเรียนเสียเหลือเกิน

      
            “มึงจะไปเยี่ยมจากับกูไหม” หลังจากหมดคลาสเรียน ดิมก็หันไปถามเพื่อนที่เดินหน้าง่วงอยู่ข้าง ๆ หลังจากเมื่อเช้าเจอพี่แทนไปก็ดูลอย ๆ อย่างไรชอบกล

      
            “คงไม่ได้ไปว่ะ ฝากบอกมันให้หายไว ๆ รีบมากวนตีนกูต่อได้ละ” แม้อีกใจจะอยากไปเยี่ยมเพื่อนที่นอนเจ็บอยู่ แต่เพราะคำชวนเมื่อเช้าจากใครบางคนทำให้กันต์ต้องปฏิเสธเพื่อนไป

      
             ออันที่จริงก็ไม่อยากยอมรับเลยว่าตัวเองตั้งตารอคอยให้หมดเวลาเรียนไว ๆ นี่ขนาดยังไม่ทันได้เริ่มทำความรู้จักกันจริงจัง ก็เกิดอาการนึกถึงบ่อย ๆ เสียแล้ว

      
            “เออโอเค งั้นกูไปละ กลับดี ๆ อย่าแวะไปกัดใครเขาล่ะ” กันต์กลอกตาใส่เพื่อนพลางโบกมือปัดไล่ให้มันไปเยี่ยมคนรักตัวเองสักที

      
             ร่างโปร่งหันรีหันขวางมองหาที่นั่ง อีกฝ่ายบอกว่าเขาเลิกเรียนจะมารับ แล้วนี่ต้องรอถึงเมื่อไหร่ เลิกเรียนจะมารับนี่คือกี่โมงกัน เบอร์โทรศัพท์ให้ติดต่อก็ไม่มี นั่งรอด้วยความเบื่อหน่ายกันต์จึงหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา

      
            “กันต์”

      
            “อ่ะ!”

      
            “รอนานไหม ขอโทษนะครับ พี่ติดเคสกะทันหันแล้วไม่มีช่องทางติดต่อเราเลยไม่รู้จะบอกยังไง” ผู้ชายตัวโตกำลังยืนหอบทำหน้าเศร้าพูดเสียงหงอยใส่ ใครจะโกรธลง

      
            “ไม่เป็นไรครับ ผมก็เพิ่งเลิกไม่นานนี้เอง เอ่อ ...​ คุณนั่งพักก่อนไหมครับ เหงื่อโซมเลย” กันต์ขยับตัวเองแบ่งม้านั่งให้คนตัวโตได้ทิ้งกายลงตามคำแนะนำตัวเอง

      
            “ขอบคุณครับ”

      
             กันต์มองใบหน้าหล่อคมที่ชื้นไปด้วยเหงื่อเห็นแล้วก็นึกสงสาร ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะถึงขั้นวิ่งมาจนเหงื่อท่วมแบบนี้ จริง ๆ เขาก็รอมาจวนจะชั่วโมงนึงแล้วแต่พอเห็นแล้วก็โกรธไม่ลง

      
            “หิวหรือยังครับ”

      
            “อ่า ก็นิดนึงครับ”

      
            “งั้นไปกันเถอะ”

      
             คนเป็นน้องก็ลุกขึ้นเดินตามไปอย่างช้า ๆ เมื่อมองจากด้านหลังแล้วก็เพิ่งสังเกตชัด ๆ เดี๋ยวนี้เองว่าอีกฝ่ายตัวใหญ่มากแค่ไหน แผ่นหลังแผ่นนั้นดูทั้งกว้างและหนา ไหนจะช่วงขาที่ยาวชนิดที่ว่าถ้ายืนเทียบกัน ขาน่าจะสูงกว่าเอวของกันต์ด้วยซ้ำ

      
             ผู้ชายคนนี้ดูสมบูรณ์แบบมาก ไม่รู้สิ บางทีกันต์ก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองฝันอยู่

      
             เหมือนที่คอยก่นด่าว่าพระเจ้าไม่รักเขา ท่านเลยตอบแทนส่งคู่ชีวิตคนนี้มาให้ล่ะมั้ง

      
            “เพ้อเจ้อชะมัด”

      
             กันต์อดขำตัวเองไม่ได้ คิดอะไรเป็นตุเป็นตะไปนั่น เขาเหม่อลอยจนไม่รู้ว่าคนข้างหน้าหยุดยืนมองตัวเองอยู่นานแล้ว จนกระทั่งรู้สึกตัวก็สะดุ้งกับสายตาที่มองมาอย่างเอ็นดู กันต์หลุบตาลงอย่างขลาดอาย ไม่รู้ว่าเมื่อกี้เผลอทำหน้าอะไรแปลก ๆ ไปหรือเปล่า

      
            “เอ่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ”

      
            “เปล่าครับ พี่เรียกเราตั้งนานแล้วแต่เราไม่ตอบ คิดอะไรอยู่ถึงยิ้มออกมาแบบนั้น บอกพี่บ้างได้ไหม” เสียงนุ่มทุ้มที่พูดชวนให้หลงคารมได้ไม่ยาก แต่กันต์ยั้งตัวเองอยู่รีบส่ายหน้าหวือทันที ขืนให้รู้ว่าคิดอะไรอยู่มีหวังได้อายมุดดิน

      
            “เรื่องไร้สาระครับ”

      
            “โอเค ๆ งั้นก็ขึ้นรถเร็ว”

   
             แทนคุณไม่ได้โกรธเคืองที่น้องไม่ยอมเล่าเพียงแค่ถามออกไปเผื่อว่าจะโชคดี เพราะอยากรู้ว่าตัวเองเป็นหนึ่งในเหตุผลที่น้องยิ้มแล้วหรือยัง แต่เขาก็ลืมไปว่าเราก็เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่ถึง 2 วันดี ยังไม่สนิทใจกันมากเท่าที่ควร

      
            “เราชอบกินอาหารทะเลไหม”

      
            “อ่าครับ” ถ้าเป็นเพื่อนถามก็จะตอบว่าโคตรชอบ แต่พอเป็นคนตรงหน้าถามก็ได้แต่ตอบเสียงงุบงิบในคอ ไม่รู้ว่าโรคงุ้งงิ้งมันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่อาจจะเป็นตอนที่อีกฝ่ายเข้ามา ทั้งที่ปกติแล้วกันต์ก็ไม่ใช่คนแบบนี้เลย

      
            “ไม่แพ้อะไรใช่ไหม ไม่ชอบอะไรบอกพี่ได้เลยนะ”

                  
            “ครับ”

      
             แทนคุณอมยิ้มกับท่าทางดูเหนียมอายของน้อง ในหัวตอนนี้มีแต่ความคิดที่ว่าจะทำอย่างไรให้เราสนิทกันมากขึ้น ให้เราขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้น เขาไม่อยากเร่งรัด อยากให้มันค่อยเป็นค่อยไป แต่ถึงอย่างนั้นก็อดยอมรับไม่ได้ว่า เขาถูกใจเด็กคนนี้มาก ๆ จนอยากให้เราลงเอยกันด้วยดีและรวดเร็ว

      
             ร้านอาหารที่แทนคุณพามาเป็นร้านอาหารทะเลขนาดกลาง ตอนกลางวันคนยังไม่เยอะนักแต่ถ้าตกเย็นเมื่อไหร่แล้วละก็ต้องโทรจองกันเลยทีเดียว ร้านนี้เป็นร้านที่ครอบครัวของเขาชอบมากันบ่อยครั้ง อาจเพราะที่บ้านชอบอาหารทะเลกันแทบทุกคน พอได้เจอคู่ตัวเองก็อยากพามาทานอะไรที่มันอร่อยและโชคดีที่น้องก็ชอบอาหารทะเล

      
            “ชอบกุ้งไหม”

      
            “ชอบครับ” ดวงตาเรียวเป็นประกายจนเขาเชื่อหมดใจว่าน้องชอบอาหารทะเลจริง ๆ น้องกัดริมฝีปากพลางกลอกตาดูเมนูไปมาเหมือนจะเลือกไม่ได้ แก้มใส ๆ พองลมออกมาจนเขานึกเอ็นดู

      
            “อ่า คุณแทนครับ”

      
            “หืม?”

      
            “ผมให้คุณแทนสั่งดีกว่าครับ”

      
            “เลือกไม่ได้ล่ะสิเรา”

      
            “แหะ ครับ” จะน่ารักไปถึงไหนกัน แล้วยังจะมายิ้มตาหยีใส่อีก จะให้เขาหัวใจวายไปตรงนี้เลยไหม

      
            “โอเคครับ” แทนคุณกวาดสายตามองเมนูต่อเพียงครู่เดียวก่อนจะตัดสินใจสั่งอาหาร 3-4 อย่างที่เป็นเมนูเด็ดและเมนูที่เขารับประกันได้ว่าต้องถูกปากน้องแน่ ๆ

      
            “คุณมาบ่อยเหรอครับ”

      
            “อื้ม ที่บ้านชอบอาหารทะเลกันทั้งบ้านเลย”

      
            “ดีจังเลยครับ แม่ผมน่ะแพ้อาหารทะเลเลยไม่ค่อยได้กินเท่าไหร่”

      
            “งั้นต่อไปถ้าอยากกินบอกได้เลยนะ พี่จะพามาเอง”

      
             กันต์พยักหน้ารับพลางกัดช้อนในปากหงับ สายตาของคนเป็นพี่ที่มองมาทำเอากันต์ทำตัวไม่ถูก อะไร ๆ มันก็ดูขัดเขินไปหมด และกันต์ก็ไม่รู้เลยว่าท่าทางที่กลอยตาล่อกแล่กไปมาพร้อมกับแก้มที่ขึ้นสีแบบนั้นมันดูน่ามองแค่ไหน

      
            “อยากไปไหนต่อไหม” แทนคุณถามในขณะที่กำลังเดินกลับมาที่รถ คนถูกถามส่ายหน้าอย่างไร้ความเห็น ปกติเวลาคบกับใครก็ไม่ค่อยได้แสดงความคิดเห็นเท่าไรนัก เป็นฝ่ายตามใจตามน้ำเสียมากกว่า พอถูกถามความเห็นบ้างก็เลยไม่รู้จะตอบอย่างไร

      
             กันต์ขยับตัวล็อคเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแต่นั่งอยู่สักพักสารถีจำเป็นวันนี้ก็ไม่ยักจะออกรถ จึงหันไปหาตั้งท่าจะถามแต่ก็เป็นฝ่ายต้องชะงักเองเพราะพี่เขามองมาอยู่ก่อนแล้ว

      
            “กันต์ครับ”

      
            “ค ครับ”

      
            “พี่รู้ว่ามันอาจจะเร็วไปหน่อย แต่พี่อยากถามให้แน่ใจว่ากันต์จะรังเกียจไหมถ้าพี่จะขอให้เราลองศึกษากันดู”

      
             ทันทีที่จบประโยคกันต์รู้สึกเหมือนมีอะไรวิ้ง ๆ อยู่ในโสตประสาท มันออกจะเขินไม่น้อยที่จู่ ๆ ก็ถามออกมาตรง ๆ และเขาก็ไม่รู้เลยว่าความจริงแล้วตัวเองรอคำพูดอะไรแบบนี้อยู่เหมือนกัน เพราะในตอนนี้หัวใจของกันต์กำลังเต้นแรงมาก

      
            “แต่ถ้ากันต์ไม่พร้อมหรือมีใครในใจอยู่ ไม่เป็นไรนะครับ พี่รอได้”

      
             ดูเหมือนพระเจ้าจะรักเขาจริง ๆ แล้วนะถึงได้ส่งคนที่แสนดีอะไรมาให้ขนาดนี้ กันต์กระแอมไอพยายามหาเสียงตัวเองให้เจอหลังจากนิ่งค้างไปหลายอึดใจจนทำให้ผู้ชายตัวโตหน้าเสีย รีบยกมือขึ้นโบกไปมาก่อนจะละล่ำละลักพูด

      
            “มะ ไม่ครับ ไม่ คือ ผมหมายถึง ผมไม่ได้รังเกียจแล้วก็ไม่ได้มีใคร ... ครับ” ท้ายเสียงแผ่วลงเมื่อเห็นประกายระยิบระยับจากดวงตาคมตรงหน้า

      
            “ถ้าอย่างนั้น เราลองมาศึกษากันดูนะครับ?”

      
            “แต่ว่า”

      
            “?”

      
            “คุณแทนคิดดีแล้วเหรอครับ คือ ผม ผมไม่รู้สิ เราเพิ่งเจอกันเอง แต่ก็ใช่ที่เราเป็นคู่กัน อันนั้นผมรู้ แต่ผมไม่อยากใช้ความเป็นคู่มาผูกมัดคุณไว้”

      
             แทนคุณเงียบไปอึดใจหลังจากฟังคำถามน้องที่ตอนนี้คนถามกำลังมองมาด้วยแววตาจริงจัง คนโตผ่อนลมหายใจออกก่อนจะคลี่ริมฝีปากออกจนเห็นลักยิ้มทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดลดลงเล็กน้อย เป็นอีกครั้งที่แทนคุณถือวิสาสะวางฝ่ามือลงบนกลุ่มผมนุ่มของน้อง แล้วเลื่อนลงมาจนกระทั่งฝ่ามือทั้งสองของตัวเองกอบกุมมือของน้องทั้งหมด

      
            “พี่ยอมรับว่าตอนแรกพี่ก็กังวลเหมือนกัน แต่พี่คิดดีแล้วครับ แล้วกันต์ล่ะคิดยังไง”












            กันต์เดินเข้าบ้านช้า ๆ อย่างกับคนหมดเรี่ยวแรงทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรมาเลยด้วยซ้ำ ก็แค่ไปเรียนแล้วก็ไปกินข้าว แม่ที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่หันมามองอย่างสงสัยกับสภาพลูกชายคนเดียวของเธอ

      
            “เป็นอะไรล่ะเรา แล้วนั่นใครมาส่ง”

      
            “ก็พี่เขา”

      
            “หือ” คนเป็นแม่ตั้งท่าจะถามต่อแต่เมื่อเห็นแก้มลูกชายตัวเองแดงขึ้นมานิด ๆ ก็ยิ้มอ่อนให้ เพราะพอจะเดาได้ว่าพี่เขาที่ว่านั้นคือใคร

      
            “แล้วทำไมไม่ชวนพี่เขาเข้าบ้านล่ะ”

      
            “ไม่รีบสิแม่อ่ะ” กันต์มุ่ยหน้าก่อนจะเดินหนีสายตาล้อเลียนของผู้เป็นแม่ขึ้นห้องตัวเองไป โยนกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วทิ้งตัวบนเตียงนอนทันที สายตามองเหม่อไปที่เพดานห้องครุ่นคิดไปถึงเรื่องราวบนรถที่คุยกันฉับพลันใบหน้าก็ร้อนเห่อ

      
            “พี่แม่ง!” ดีดขา ดีดแขนใส่ที่นอนอย่างนึกขัดใจตัวเอง มาทำเขินอายสะดีดสะดิ้งเป็นผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ ไม่ใช่ว่าไม่เคยโดนหอมแก้มเสียเมื่อไหร่

      
            ใช่ เขาโดนพี่แทนหอมแก้มหลังจากเราคุยกันและตกลงกันอย่างเข้าใจ นึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรไม่รู้ จังหวะที่เขากำลังลงจากรถแล้วหันไปลาก็ฉวยโอกาสขึ้นมาเสียอย่างนั้น ฮึ่ย! พอจะโวยวายก็โดนรอยยิ้มกว้าง ๆ ที่ทำเอาว่าไม่ลง


ครืด ครืด ครืด

      
            เสียงแจ้งเตือนดังจากข้างตัว เครื่องมือสื่อสารที่กันต์เพิ่งจะให้ไอดีพี่เขาไป และชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอก็เป็นชื่อของคนที่เขาเพิ่งโวยวายไปในใจนั่นแหละ

      
            “ครับ”

      
            ( ทำอะไรอยู่ครับ )

      
            “ไม่ได้ทำอะไรครับ แล้วพี่ถึงบ้านหรือยังครับ”

      
            ใช่ กันต์ยอมเรียกอีกฝ่ายว่าพี่แล้วหลังจากโดนขอร้องอยู่นาน และเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เขาโดนหอมแก้มเสียด้วย ก็แค่คิดว่าเรายังไม่สนิทกันจนถึงขั้นนั้นจึงยังไม่เรียก แต่ใครจะรู้เล่าว่าพี่เขาจะเอาเรื่องนั้นมาเป็นข้ออ้างในการหอมแก้มกันแบบนี้

      
            ( พี่กลับมาโรงพยาบาลน่ะ ไม่ได้เข้าบ้านหรอก )

      
            “อ้าว มีงานเหรอครับ”

      
            ( อื้ม พอดีคนไข้พี่แอดมิทน่ะ )

      
            “อ่าครับ”
            
      
            ( ไว้พี่เสร็จงานแล้วจะ text หานะครับ )

      
            “โอเคครับ”

      
            (​ … )

      
            “พี่แทน”

      
            ( ครับ? )

      
            “ไม่ไปเหรอครับ”

      
            ( เฮ้อ โอเคครับ แค่— )

      
            “ตั้งใจทำงานนะครับ!”

      
            กันต์รีบพูดแทรกก่อนจะกดตัดสายอย่างรวดเร็ว ทำไมเขาถึงมีอาการเหมือนพวกเพิ่งเคยมีรักแรกอย่างนี้เนี่ย กับอีแค่คำอวยพรเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ก็เคยพูดอยู่ไม่ใช่ว่าไม่เคยก็เขินอายอย่างกับเด็ก

      

            ‘ขอบคุณนะ แรงใจมาเต็มเลยครับ : )’






To be continued.
_____________________________________

TALK : ตอนนี้สั้นมาก รู้ตัวค่ะ แง
ตอนต่อไปจะพยายามให้มากขึ้นค่ะ
ลองติดตามกันดูค่า คิดเห็นยังไงอย่าลืมบอกกันด้วยนะคะะ *^*

re-write 1 : 16/06/18

#ครึ่งชีวิตของผม
      
      
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-06-2018 16:32:42 โดย 19august »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
  อบอุ่น   :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เป็นเวิร์สที่ดี เหมาะกับคนนกๆค่ะ อย่างน้อยไม่มีคนมาจีบเราก็อาจได้เจอเนื้อคู่สักวัน รู้สึกมีความหวัง  :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Kamidere

  • บรรยายมันออกมา ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-2
ชอบจังเลยค่ะ อยากอ่าน verse อื่นนอกจาก omegaverse มานานแล้ว รอตอนต่อไปนะคะ :mew1:

คำผิดค่า
"เหมือนที่คอยกร่นด่าว่าพระเจ้าไม่รักเขา ท่านเลยตอบแทนส่งคู่ชีวิตคนนี้มาให้ล่ะมั้ง"
 กร่นด่า --------> 'ก่นด่า'

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___
ชอบจังเลยค่ะ อยากอ่าน verse อื่นนอกจาก omegaverse มานานแล้ว รอตอนต่อไปนะคะ :mew1:

คำผิดค่า
"เหมือนที่คอยกร่นด่าว่าพระเจ้าไม่รักเขา ท่านเลยตอบแทนส่งคู่ชีวิตคนนี้มาให้ล่ะมั้ง"
 กร่นด่า --------> 'ก่นด่า'


ขอบคุณมากๆๆนะคะ แก้ไขเรียบร้อยแล้วค่ะ ><
 :mew1:

ออฟไลน์ BbeeTita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
แปลกใหม่ดีค่ะ สนุกมากเลยค่ะ สู้ๆนะคะ

ออฟไลน์ nnoii2538

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พึ่งเคยอ่านแนวนี้ สนุกมากค่ะ รอตอนต่อไปอยู่นะคะ

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ชอบค่า ชอบความแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
กรี้ดได้มั้ยยยยย เห็นชื่อเวิร์สแล้วรีบกดเข้ามาเลยค่ะ
อยากอ่านเวิร์อื่นๆนอกจากโอเมก้ามานานมากกแล้ว
แต่หาอ่านไม่ได้ซักทีเลยย เคยอ่านบทความในทวิตที่มีคนแปลมา
ว่าแบบมันมีเวิร์สไหนอะไรยังไงบ้าง
แล้วก้รู้สึกสนใจอยู่ไม่กี่เวิรืสค่ะ คือ timeverse กับ rainverse
พอเจอนี่คือพุ่งตัววเลยย แล้วก้ไม่ผิดหวังง
น้องกันต์น่ารักมากก พี่แทนก้ขยันจีบบบ
รอนะคะ

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___


CHAPTER 04

The best medicine in the world is your hug.








      
05 กุมภาพันธ์ 2xxx

      

             “แวะซื้อน้ำแป็บดิ” กันต์หันไปบอกดิมหลังจากเดินเข้ามาเจอคาเฟ่ภายในโรงพยาบาล ดิมพยักหน้ารับ วันนี้หลังจากเรียนเสร็จกันต์ก็ตามดิมมาที่นี่เพื่อมาเยี่ยมคนเจ็บอย่างจาริณ

      
             “กูไปนั่งรอที่โต๊ะนะ” ดิมว่าพลางเดินปลีกตัวไปยังโต๊ะที่ว่าง กันต์ที่มองจนรู้ว่าเพื่อนไปนั่งตรงไหนก็เดินไปต่อคิวเพื่อสั่งน้ำ

      
             “พี่แทน?” กันต์เอ่ยเรียกผู้ชายที่ยืนรอเครื่องดื่มอยู่เคาน์เตอร์ด้านข้างด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ

      
             “ครับ?”

      
             “พี่แทนทำงานที่นี่เหรอครับ”

      
             “ใช่ครับ อ่า ขอตัวก่อนนะ”

      
              เขามองตามร่างสูงใหญ่ที่เดินออกจากร้านไปด้วยสายตาไม่เข้าใจ ทำไมถึงทำราวกับว่าเราไม่รู้จักกัน หรือเผลอไปทำอะไรให้พี่เขาโกรธไม่รู้ตัว หรือว่าไม่อยากให้คนที่โรงพยาบาลรู้เรื่องของเรา เพียงแค่คิดเช่นนั้นกันต์ก็ปวดหนึบในใจขึ้นมา

      
             “เป็นไรปะวะมึง ทำไมสีหน้าไม่ดี” ดิมรีบเข้าไปหาเพื่อนทันทีที่เห็นว่าเพื่อนตัวเองเดินหน้าซีดเซียวผิดกับตอนแรก

      
             “ไม่มีอะไร ไปกันเหอะ เดี๋ยวไอ้จารอนานแล้วโวยวายอีก”

      
              กันต์พยายามสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง มันอาจจะมีอะไรที่เขาไม่รู้ก็ได้ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ เขาพยายามคิดในแง่ดี แม้ในส่วนลึกกลับคิดแต่เรื่องราวแย่ ๆ อยู่ก็ตาม

      
             “ที่ร้ากกกกกกกก” ทันทีที่เดินเข้าห้องไป เสียงของคนเจ็บก็ดังขึ้นทันทีทำเอากันต์เบ้ปากกับความอ้อร้ออ้อนเท้าของแฟนเพื่อนตัวเองจริง ๆ

      
             “มึงมาทำไมเนี่ยไอ้หมา”

      
             “มาดูสภาพคนโง่อ่ะ” นี่คือปกติ เป็นการคุยปกติของเขาและจาริณเราไม่ได้ทะเลาะหรือเกลียดกันแต่อย่างใด

      
             “ไอ้หมาอ้วน!”

      
             “มึงว่ากูอ้วนอีกแล้วนะไอ้จา!” กันต์ปรี่เข้าไปประชิดเตียงก่อนจะหยิกลงไปที่ต้นแขนของเพื่อนแต่ไม่ได้เต็มแรงอะไรหรอก เห็นสภาพแล้วก็เวทนา

      
             “โอ๊ย ๆ ที่รักจาเจ็บ ไอ้หมาอ้วนมันแกล้งจา”

      
             “ตอแหล” เขาว่าเข้าให้ ดิมส่ายหัวแล้วเดินหนีไปยังโต๊ะที่วางสารพัดอาหารอยู่ข้างเตียง ปล่อยให้เพื่อนและคนรักตีกันไปคุยกันไป ได้ยินเสียงด่าสลับกับเสียงโวยวายอยู่เรื่อย ๆ จนอ่อนใจจะห้าม สองคนนี้เจอกันทีไรไม่เคยคุยดีกันได้เกินนาที

      
             “พอ ๆ เลิกตีกันได้แล้ว เอ้านี่แอปเปิ้ลกินซะ” ดิมเดินมาแยกพลางใช้ส้อมจิ้มแอปเปิ้ลยื่นให้คนเจ็บ แต่มีหรือคนเจ็บที่อยากจะอ้อนแฟนจะยอมกินเอง จาริณออดอ้อนออเซาะแสร้งเจ็บออด ๆ แอด ๆ จนกันต์เบ้ปากหมันไส้แย่งแอปเปิ้ลในจานมากินก่อนจะถอยฉากมานั่งที่โซฟา

      
              ดิมกับจาริณเป็นอีกคู่ที่กันต์นับถือใจไม่น้อย คนอย่างพวกเราไม่ได้ถือเรื่องเพศอยู่แล้วนั่นเพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าคู่ของเราจะเพศอะไรจนกว่าจะเจอกัน มันเป็นเรื่องของโชคชะตาล้วน ๆ แต่ตอนที่เจอกันดิมเล่าให้ฟังว่าไม่คิดว่าจะคบกันได้เลยด้วยซ้ำ ด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นผู้ชายตัวใหญ่กันทั้งคู่ ต่างคนต่างสูงเฉียด 190 กันทั้งนั้นหนำซ้ำยังเคยควงแต่คนตัวเล็ก ๆ พอมาเจอกันก็อึ้งกันไปอยู่สักพัก

      
              สุดท้ายมันก็ไปด้วยกันได้ด้วยการใช้เวลาเรียนรู้กันอยู่พอสมควร จนตอนนี้ถ้าเขาจำไม่ผิดก็เข้าปีที่สี่แล้วมั้ง กันต์มองภาพของเพื่อนทั้งสองแล้วมองย้อนมาที่ตัวเอง ถ้าพูดถึงสภาพภายนอกแล้วกันต์ที่สูง 179 ก็ไม่ได้ถือว่าเตี้ย ช่วงแขนช่วงขายาวอยู่ไม่น้อย ส่วนพี่แทนรายนั้นตัวทั้งสูงและใหญ่กว่าเขาอยู่แล้วพอมายืนข้างกันกลายเป็นเขาดูตัวเล็กลงไปถนัดตา

      
              พอนึกถึงแล้วก็ดันคิดถึง

      
              จนถึงตอนนี้กันต์ก็ยังไม่เข้าใจว่าเมื่อครู่ที่เจอกันทำไมมันถึงมีความกระอักกระอ่วนแบบนั้น ทำไมต้องทำเหมือนไม่รู้จักกัน

                   
              หน่วงชะมัด

      
             “เฮ้อ” กันต์ลุกขึ้นส่ายหัวให้กับความคิดโน่นนี่ของตัวเอง ลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำเอาน้ำลูบหน้าก่อนจะยกชายเสื้อขึ้นมาเช็ด สายตาก็พลันเหลือบมองเลขบนอกที่ขยับจาก 50 เป็น 51

      
             “ให้ตาย”
      

              อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย กันต์เองก็เพิ่งรู้นี่แหละว่า ต่อให้ไม่ได้เถียงหรือทะเลาะกันเพียงแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดีตัวเลขนั้นก็จะขยับด้วยเช่นกัน กันต์ถอนหายใจจนมวลคาร์บอนไดออกไซด์ในห้องน้ำนี่ครึ่งนึงน่าจะมาจากตัวเขา

      
             “กูไปเดินเล่นนะ จะกลับก็โทรมาแล้วกัน” กันต์ออกจากห้องน้ำแล้วหันไปบอกดิม โดยไม่รอให้เพื่อนตอบรับก็เดินออกไปทันที

      
              นี่มันบ้าชะมัด กันต์ไม่รู้ว่าตัวเลขที่ขยับนี้มันเกิดที่ตัวเองฝ่ายเดียวหรือเกิดทั้งสองฝ่าย แล้วถ้าเป็นด้วยกันทั้งคู่พี่เขาจะสงสัยไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้ามาถามจะต้องตอบว่าอะไร มือเรียวยกขึ้นขยี้หัวตัวเองอย่างคิดไม่ตก สับเท้าเดินวนไปมั่วไม่รู้ทิศรู้ทางเงยหน้าขึ้นอีกทีก็มาโผล่อีกฟากของตึก

      
              กันต์ขยับหมุนตัวเพื่อที่จะกลับไปยังฝั่งของห้องเพื่อนตัวเอง แต่กลับต้องหยุดฝีเท้าเมื่อมองไปเจอร่างคุ้นตาเดินเคียงข้างผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ในชุดเสื้อกาวน์เช่นเดียวกัน ทั้งคู่ยืนอยู่หน้าลิฟต์กำลังยืนคุยอย่างเช่นคนที่สนิทสนมเขาทำกัน

      
              ดวงตาเรียวเล็กมองภาพตรงหน้าด้วยความสับสน นี่เขาต้องรู้สึกอย่างไรดี


ครืด ครืด ครืด

      
              กันต์มองเครื่องมือสื่อสารบนข้อมือตัวเอง มองชื่อที่ขึ้นอยู่บนนั้น มองมันด้วยความสับสน มองมันกะพริบถี่อยู่แบบนั้น ครั้งแล้ว ครั้งเล่า จนกระทั่งเงียบสนิทไป

      
              5 สายไม่ได้รับจากคน ๆ เดียว คนที่เขายังไม่พร้อมจะคุย กันต์ไม่รู้ว่าตัวเองต้องพูดอะไร ต้องทำอะไร หรือแม้กระทั่งต้องคิดอะไรในตอนนี้ มันกลายเป็นภาพเบลอ ๆ ในหัวที่มีภาพรอยยิ้ม ความอบอุ่นสลับกับดวงตาว่างเปล่า และน้ำเสียงที่ห่างเหิน

      
             “มึงไม่เป็นอะไรแน่นะ” ดิมหันมาถามในขณะที่รถยนต์จอดลงที่หน้าบ้านของเพื่อนสนิทที่เย็นนี้ทำตัวแปลกไป แม้ตอนเจอกับจาริณจะเฮฮากวนประสาทเหมือนเดิม แต่คนที่รู้จักกับกันต์มาตั้งแต่เด็กอย่างดิมนั้นดูออก

      
             “เออไม่มีอะไรหรอกมึง”

      
             “เออ ๆ มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน” ดิมส่ายหัวให้กับความดื้อของเพื่อนตัวเอง ไม่อยากรบเร้าให้มากความจึงปล่อยให้กันต์ลงจากรถไป เดี๋ยวถ้ามันไม่ไหวก็คงโทรมาเองอย่างทุกครั้งนั่นแหละ— หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ

      
              ร่างโปร่งทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า เหตุการณ์คล้ายซ้ำเดิมห่างเพียงแค่ไม่กี่วันแต่ทำไมอารมณ์มันต่างกันแบบนี้ ยิ่งนึกนั่นนึกนี่นอนทอดอารมณ์ก็ยิ่งฟุ้งซ่าน แต่จะให้ทักไปถามก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร มันตะขิดตะขวงอยู่ในใจ มันไม่สบายใจ ใช่ นั่นแหละ ไม่สบายใจ อารมณ์นี้เลย


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

      
             “กันต์ลูก มีคนมาหา” เสียงแม่เคาะประตูพร้อมเอ่ยเรียก ทำเอาคนถูกเรียกเด้งตัวขึ้นนั่งพลางขมวดคิ้วฉับ

      
              ใครมาหาเอาป่านนี้ หรือจะเป็นดิม?

      
              กันต์เดินเนือย ๆ ลงไปชั้นล่างพบกับแม่ที่นั่งอยู่ที่ประจำกำลังพยักเพยิดหน้าไปทางประตูหน้าบ้าน เขาหรี่ตามองผ่านหน้าต่างไปเห็นเป็นเงาคนกับรถยนต์ลาง ๆ

      
             “ใครอ่ะแม่?”

      
             “แม่ก็ไม่รู้ ไม่คุ้นหน้าเลย เห็นบอกว่าเป็นรุ่นพี่ ไปดูสิ”

      
              รุ่นพี่เนี่ยนะ? ก็แย่แล้ว เขาไม่ได้สนิทกับรุ่นพี่ในภาควิชาขนาดที่มาหากันถึงบ้านได้แบบนี้สักหน่อย ร่างโปร่งในชุดเสื้อยืดย้วย ๆ กับกางเกงขาสั้นเดินเกาหัวด้วยความมึนงงออกไปหน้าบ้าน

      
              เชี่ยละ ...

      
             “พี่แทน”

      
             “กันต์ครับ”
      
      
              แทนคุณหันมาตามเสียงเรียกพร้อมกับเผยรอยยิ้มและลักยิ้มข้างแก้มที่เป็นเอกลักษณ์ ดวงตาคมกวาดสายตามองน้องที่เดินหน้ามึนออกมาจากบ้าน ร่างโปร่งอยู่ในชุดอยู่บ้านดูน่ารักไปอีกแบบ ถึงอย่างนั้นนั่นก็ไม่ได้ทำให้แทนคุณลืมจุดประสงค์ที่มาถึงนี่
   
      
             “พี่ ... มาทำอะไรครับเนี่ย”

      
             “ก็คิดถึง”

      
             “ฮะ?”

      
             “แล้วก็มีเรื่องอยากคุยด้วยนิดหน่อยครับ”

      
              ตาเรียวเล็กหางตาตกหลุบลงมองพื้นอย่างรู้สึกไม่ดี เวลามีคนบอกประโยคประมาณนี้ทีไรมักไม่ใช่เรื่องดีทุกครั้ง และตอนนี้สัญชาตญาณข้างในกำลังฟ้องเช่นนั้น เสียงเรียกชื่อกันต์ดังขึ้นอีกครั้งถึงยอมเงยหน้าขึ้น ระหว่างเรามีเพียงรั้วบ้านกั้นกลางเท่านั้น

      
             “มีอะไรเหรอครับ”

      
             “ตรงนี้ ... เลขของกันต์ขยับไหมครับ” แทนคุณชี้ลงไปที่ตำแหน่งตัวเลขบนอกพร้อมกับมองน้องด้วยความสงสัย

      
              วันนี้ทั้งวันแทนคุณออกตรวจตลอดแทบไม่ได้พัก หนำซ้ำเมื่อบ่ายยังต้องเข้าเวรแทนเพื่อนอีกคนที่ขอเปลี่ยนเวรไปเฝ้าแฟนไม่สบาย กว่าจะรู้ตัวว่าเลขบนอกขยับลดลงมาจาก 50 เหลือ 49 ก็เย็นแล้ว พอรู้ตัวก็โทรหากันต์แต่น้องก็ไม่รับสาย พอออกเวรก็รีบบึ่งรถมาที่บ้านอย่างถือวิสาสะไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า

      
             “ครับ”

      
             “บอกพี่ได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น พี่ ... พี่ทำอะไรให้เรารู้สึกไม่ดีตรงไหนหรือเปล่า” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างช้า ๆ และใจเย็นตามแบบฉบับคนเป็นหมอ ดวงตาคมคมฉายแววกังวลระคนสับสนพลางสาวเท้าเข้าไปใกล้จนเกือบชิดประตูรั้ว

      
              กันต์ถอนหายใจ มาถึงตรงนี้ก็ได้แต่คิดว่าเป็นไงเป็นกัน เขาไม่ใช่คนที่มีอะไรแล้วอยากจะอมพะนำเอาไว้ ไม่ชอบการค้างคาใจไม่ได้เคลียร์กัน กันต์เม้มปากแน่นอยู่อึดใจก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปาก แอบตกใจกับตัวเองไม่น้อยเพราะไม่คิดว่าน้ำเสียงที่ออกไปจะดูนิ่ง แข็ง และจริงจัง

      
             “พี่ไม่รู้จริง ๆ เหรอครับ”

      
             “ครับ วันนี้พี่ทำงานทั้งวัน พอเสร็จงานก็รีบมาหาเราเลย”

      
             “พี่ทำงานที่โรง’บาล xxx ใช่ไหมครับ”

      
             “ใช่ครับ ทำไมเหรอ”

      
             “วันนี้ผมไปเยี่ยมเพื่อนที่โรง’บาลนี้มา”

      
             “หือ วันนี้เราไปเหรอ ทำไมไม่บอกพี่ล่ะจะได้แวบออกมาหา” กันต์ขมวดคิ้วแน่นมองคนตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด ทำไมถึงทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวในเมื่อเราคุยกันด้วยซ้ำ

      
             “แต่วันนี้เรายังคุยกันในร้านกาแฟอยู่เลยนะครับ”

      
             “ฮะ? ไม่ใช่แล้ว เราจะเจอกันได้ยังไง วันนี้พี่นั่งตรวจคนไข้ในห้องตรวจทั้งวันเลย ขนาดข้าวยังต้องฝากพยาบาลซื้อมากินในห้องเลยนะ”

      
             “พี่แทน ผมไม่ตลกด้วยนะ” นี่อย่ามาทำให้สับสนเชียว อย่าบอกเชียวนะว่าเรื่องจะพลิกเหมือนในละครที่เคยดู มาบอกว่ามีแฝดนี่เขาจะโขกหัวตัวเองกับประตูบ้านจริง ๆ ด้วย

      
             “เดี๋ยวนะ อ่า พี่เข้าใจแล้ว คนที่เราเจอวันนี้เราหมายถึงคนนี้หรือเปล่า” แทนคุณยกเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาก่อนจะกดเข้าไปในคลังรูปภาพแล้วโชว์รูปคนสองคนที่ถ่ายด้วยกันให้น้องดู

      
              ดวงตาเรียวเล็กของกันต์เบิกขึ้นกว้างด้วยความตกใจ เวรรกรมแล้วไง เขาต้องเอาหัวโขกกับประตูบ้านจริงเหรอ! นี่มันละครไปหรือเปล่า พี่เขามีฝาแฝดจริง ๆ ด้วย

      
             “แฝด?”

      
             “อื้ม นี่ไอ้แทนรัก แฝดน้องของพี่เอง มันเป็นหมอที่นั่นเหมือนกัน”

      
             “แม่ง” กันต์สบถกับตัวเอง นี่เขาเสียเวลาคิดมากไปทำไมกันเนี่ย พอคิดได้แบบนี้ก็ย้อนนึกถึงไปตอนกลางวันที่เผลอทำตัวงี่เง่าไม่รับสายพี่เขา ถ้าคุย ถ้าถามตั้งแต่ตอนนั้นก็จบเรื่องไปนานแล้ว

      
             “พี่ขอโทษนะ กะว่าจะพาไปแนะนำตัวกับที่บ้านอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าเราจะเจอมันไวขนาดนี้ มันทำอะไรให้เราคิดมากใช่ไหม ขอโทษจริง ๆ นะ”

      
             “ฮือ พี่แทน ผมขอโทษ”

      
              จู่ ๆ น้ำตาก็คลอ ตอนนี้กันต์เริ่มอยากจะโขกหัวตัวเองกับประตูบ้านแรง ๆ จริง ๆ แล้ว งี่เง่า เข้าใจผิดเอง แต่พี่เขาก็ยอมเอ่ยปากขอโทษก่อนอย่างไม่คิดมากเลยด้วยซ้ำ นี่มันจะแสนดีเกินไปแล้ว พระเจ้าตอบแทนความผิดหวังตลอดชีวิตของเขาดีเกินไปแล้ว!

      
             “ออกมาหาพี่ได้ไหมครับ” กันต์พยักหน้ารัว ๆ ก่อนจะเปิดประตูบ้านแล้วเดินเข้าไปยืนหน้าบ้าน

      
              แทนคุณยืนยิ้มกริ่ม แม้จะไม่อยากเห็นน้ำตาน้องแต่ต้องยอมรับแบบแมน ๆ เลยว่าเห็นแล้วอยากบีบจมูกแดง ๆ นั่น ยิ่งตอนช้อนตามองทั้งที่ยังคลอไปด้วยน้ำตานั้น ให้ตายเถอะ ในหัวนี่คิดดีไม่ได้แล้ว

      
             “ไม่ร้องสิครับ ร้องทำไมหืม”

      
             “ผมรู้สึกไม่ดีนี่”

      
              กันต์ยกแขนเสื้อเช็ดน้ำตาจนหน้าแดงไปหมด ไหล่เล็กสั่นเล็กน้อยจากการกลั้นสะอื้น แทนคุณมองเจ้าเด็กกระต่ายที่ยืนตาแดง จมูกแดงอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ไม่อยากฉวยโอกาสสักนิดแต่มือมันไปไวกว่าความคิด ฉวยเอวน้องเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วจนคนที่กำลังรู้สึกผิดไม่ทันตั้งตัว ตาเล็กเบิกค้างมองเขาอย่างเลิ่กลั่ก

      
              กระต่ายตื่นตูมของแท้เลย

      
             “พะ พี่แทน”

      
              แม้กันต์จะพยายามขืนตัวเองเอาไว้ แต่แขนที่อยู่รอบเอวก็แข็งแรงเสียเหลือเกินจนตัวยอมเอนอ่อนปล่อยให้ตัวเองถูกโอบเอวไว้ แต่ไม่กล้ามองหน้าเจ้าของอ้อมแขนสักนิดได้แต่บังคับตัวเองให้มองผ่านไหล่ของพี่เขาไปโฟกัสที่รถด้านหลังแทน

      
             “อย่าร้องเลยนะ พี่รู้สึกไม่ดีเลย”

      
             “ผมขอโทษจริง ๆ นะครับ ถ้ารับสายพี่ตั้งแต่ตอนนั้นก็จบไปแล้ว งี่เง่าจริง ๆ”

      
              กันต์อดไม่ได้เลยที่จะบ่นตัวเอง กันต์รู้สึกแย่อย่างจริงจังจนแทนคุณพาลรู้สึกไม่ดีไปด้วย จึงดึงคนเป็นน้องให้เดินตามมาก่อนที่ตัวเองจะทิ้งสะโพกพิงฝากระโปรงรถยนต์เอาไว้ ให้น้องมายืนระหว่างขาและจับมือทั้งสองของน้องเอาไว้ เพราะแทนคุณนั่งลงทำให้ส่วนสูงเท่ากัน และสายตาเราสบกันพอดี

      
             “กันต์ฟังพี่นะ มันไม่เป็นอะไรเลยจริง ๆ ครับ อย่างน้อยเราก็ได้คุยกัน ได้เคลียร์กันถูกไหม พี่อยากให้เราเก็บเรื่องราววันนี้เอาไว้ ในอนาคตมันคงมีเรื่องราวอะไรอีกมากมายที่อาจทำให้เราต้องรู้สึกไม่ดีต่อกัน แต่พี่ก็หวังว่าอย่างน้อยเราจะได้คุยกันนะครับ”

      
             “ครับ” คนเป็นน้องตอบรับอ้อมแอ้ม

      
             “จำที่พี่พูดในคลาสได้ไหม”

      
             “จำได้ครับ”

      
             “หากยังไม่มั่นใจ มันก็ไม่เป็นอะไร ถ้าจะลองทำความรู้จักกันไปก่อน ใช้เวลาเรียนรู้กันให้แน่ใจ”

      
              เสียงทุ้มที่พูดขึ้นดังประสานกับเสียงทุ้มในความทรงจำของกันต์ มันเป็นรูปประโยคเดียวกัน และความจริงจังของน้ำเสียงกับสายตาก็เป็นแบบเดียวกัน มันทำให้ใจของกันต์เต้นไม่เป็นจังหวะ

      
             “และตอนนี้เราก็กำลังศึกษากันอยู่ ถึงต่อให้ในอนาคตเราจะขยับไปในสถานะอื่น แต่ทุกครั้งที่เราไม่เข้าใจกัน พี่อยากให้ถือว่ามันเป็นการเรียนรู้นะครับคนเก่ง อย่าโทษตัวเองเลยนะ”

      
              กันต์รู้สึกอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ ยิ่งตอนที่คนตรงหน้าส่งยิ้มอย่างอบอุ่นมาพร้อมกับลูบหัวเขาเบา ๆ อย่างทุกครั้ง มันทำให้เขารู้สึกว่าต่อให้ทะเลาะกันเป็นร้อยหนอย่างไรก็ไม่อยากเสียคน ๆ นี้ไป

      
             “ครับ ขอบคุณนะครับ”

      
             “เราเข้าใจกันแล้วใช่ไหม”

      
             “ครับผม” แทนคุณยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อเห็นน้องยิ้มตาหยีส่งมาให้พร้อมกับเสียงตอบรับที่น่ารักจนอยากจะขยำจ้าเด็กกระต่ายตรงหน้า มันเขี้ยวเหลือเกิน

      
             “ถ้าอย่างนั้น มาครับ มาทำให้เลขเรากลับไปเป็น 50 ก่อนเร็ว”

      
              แทนคุณพูดพลางปล่อยมือน้องแล้วอ้าแขนออกทั้งสองข้าง รอยยิ้มที่อบอุ่นกลายเป็นดูเจ้าเล่ห์ไปทันทีเมื่อกดมุมปากเอาไว้ ซึ่งกันต์ที่เห็นเช่นนั้นก็อยากจะฟาดคนตรงหน้านัก พอจบโหมดดราม่าก็เข้าโหมดทะเล้นอีกแล้ว คนตัวเล็กกว่าหมุนไปหมุนมองพลางมองฝ่ามือใหญ่ที่แบออกแล้วกระดิกไปมาด้วยนึกหมันไส้

      
              กันต์ถอนหายใจพลางขยับเข้าไปใกล้ ก่อนที่ตัวของเขาจะถูกรวบเอาไว้ด้วยอ้อมแขนทั้งสองของคนเป็นพี่อย่างแนบแน่น ทว่าไม่ได้ทำให้อึดอัดมันกลับทำให้กันต์รู้สึกอบอุ่น มันอุ่น มันนุ่ม มันรู้สึกเหมือนหัวใจได้รับการเยียวยา ยิ่งในตอนที่เขายกมือขึ้นกระชับร่างใหญ่ ๆ นั่นเอาไว้ แล้วอีกฝ่ายตอบกลับด้วยการทิ้งใบหน้าซบลงที่ไหล่ขยับอ้อมแขนให้แนบชิดจนแทบจมลงไปกับอกนั่น

      












            
06 กุมภาพันธ์ 2xxx


            “อารมณ์ดีแล้วล่ะสิ” กันต์เงยหน้าจากจอเครื่องมือสื่อสารขึ้นมองดิมที่นั่งอยู่ตรงข้ามกำลังเบ้หน้าเบ้ปากใส่ตัวเอง แล้วยักไหล่แล้วโคลงศีรษะไปมาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะโดนเพื่อนผลักหัวด้วยความหมันไส้

      
            “ทีเมื่อวานทำหน้าอย่างกับกินยาขม วันนี้อารมณ์ดีอย่างกับได้ยาดีมา เคลียร์กันแล้วล่ะสิ”

      
            “เออ~ มึงนี่ก็ถามมากจังวะ”

      
            “เอ้าไอ้นี่ เพื่อนเป็นห่วง”

      
            “ห่วงหรืออยากใส่ใจ”

      
            “เออก็ด้วย! แต่ก็ห่วงจริง ๆ ไอ้หมานี่ เล่ามาเลย” กันต์หัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเล่าออกมา ผิดกับดิมที่ทำหน้ายุ่งพลางมองเพื่อนด้วยสายตาเหมือนเห็นตัวประหลาด ขนาดช่วงที่มันอินเลิฟกับแฟนเก่าแต่ก่อนโน้นยังไม่เคยเห็นมันสดใสได้ขนาดนี้เลย

      
            “ซื่อบื้อ”

      
            “ก็กูไม่รู้นี่หว่า”

      
            “ก็น่าจะฉุกคิดสักนิดไหมว่า พี่เขาจะเมินมึงทำบ้าอะไร”

      
            “ก็…”

      
            “ไม่ต้องมาเถียงเลยไอ้นี่นิ แล้วยังไงต่อ โดนพี่เขาด่าไหม” เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้จู่ ๆ แก้มกันต์ก็แดงขึ้นมาจนดิมที่นั่งมองอยู่ถึงกับกลอกตา พอจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงใสที่เล่าอยู่ก็ค่อย ๆ อ้อมแอ้มและเบาลง

      
            “อย่ามาทำหน้าบาง มึงหอมแก้มกับบรรดาแฟนเก่าทั้งหลาย กูก็เห็นมาแล้ว” ดิมพูดไปก็พลางทำหน้าเหม็นเบื่อไป

      
            “อะไรเล่า มึงแม่ง!” กันต์ที่โดนเพื่อนแฉก็เบะปากใส่ก่อนจะสบถด่าไปรอบนึง เผลอแอบมองไปรอบตัวอย่างหวาดระแวง บ้าหน่า เขาไม่ได้กลัวพี่เขาโผล่มาได้ยินพอดิบพอดีอะไรแบบนั้นเลยนะ เปล่าเลย


ครืด ครืด ครืด

      
            คนที่นึกร้อนตัวอยู่สะดุ้งเฮือกเมื่อหน้าจอแจ้งเตือนว่าคนที่กำลังคิดถึงอยู่วิดีโอคอลมา เสียดายที่วันนี้กันต์ไม่ได้หยิบบลูทูธมา จึงจำต้องยอมปล่อยให้เสียงดังลอดออกมาจนคนอยากใส่ใจเรื่องเพื่อนพอดีอย่างดิมขยับตัวเข้ามาใกล้

      
            “ครับพี่แทน”

      
            ( ทำอะไรอยู่ครับ เข้าเรียนหรือยัง )

      
            “อยู่ในห้องแล้วครับ แต่อาจารย์ยังไม่เข้า”

      
            ( เมื่อเช้าพี่บอกให้กินข้าว ได้กินไหมครับ )

      
            “กินครับ พ่อตกใจใหญ่เลยพอเห็นผมมานั่งกินข้าวเช้าด้วย” เพราะปกติกันต์เป็นพวกไม่ชอบกินข้าวเช้า ถ้าวันไหนมีเรียนเช้าก็จะดื่มแค่น้ำเปล่าแล้วรอกินรวบเดียวพร้อมกับมื้อกลางวัน ติดนิสัยตั้งแต่เด็ก พ่อกับแม่บ่นแล้วบ่นอีกก็แก้ไม่ได้

      
            ( ดีแล้วครับ แต่ระวังปวดท้องนิดนึงนะเพราะกันต์ไม่เคยกิน พอมากินแล้วท้องไส้อาจจะปั่นป่วนไปบ้าง พยายามกินให้ได้ทุกเช้าครับมันก็จะปรับตัวได้ ) นี่คือผลของการมีคนคุยเป็นหมอ แม้จะเป็นหมอรักษาจิตใจ แต่เรื่องร่างกายคนเป็นพี่ก็ไม่ยอมให้ละเลยเช่นกัน

      
            “ครับผม— หมันไส้อ่ะ เชื่อฟังผั— อื้อ!”

      
            ดิมพูดแทรกขึ้นมาด้วยความนึกหมันไส้ แต่ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคกันต์ก็ตาโตกุลีกุจอปิดปากเพื่อนตัวเอง แต่เสียงหัวเราะที่ดังลอดออกมาทำให้รู้ว่าปิดไม่ทัน แก้มกลมใสขึ้นสีแดงยิ่งเรียกเสียงหัวเราะและสายตาเอ็นดูจากคู่สนทนา

      
            ( ฮ่ะ ๆ อากาศร้อนเหรอครับ แก้มแดงเชียว )

      
            “พี่แทน!”

      
            ( โอเค ๆ ไม่แกล้งแล้ว พี่ต้องไปทำงานแล้วนะ ไว้จะหาโอกาส text หานะครับ )

      
            “อ่า โอเคครับ”

      
            ( งั้น— )

      
            “เอ่อพี่แทนครับ!”

      
            ( ห หือ ครับ )

      
            “คือพี่พักกลางวันกี่โมงเหรอครับ”

      
            ( อืม มันก็ไม่เท่ากันทุกวันนะ แต่ถ้าไม่ได้มีคิวคนไข้นัดเอาไว้ ก็จะประมาณเที่ยงครึ่งไม่ก็บ่ายโมง มีอะไรหรือเปล่า )

      
            “เปล่าครับเปล่า พี่ไปทำงานเถอะครับ ตั้งใจทำงานนะครับ” กันต์พูดพลางยิ้มตาหยีแบบที่พี่เขาชอบส่งไปให้จนได้รับรอยยิ้มกว้างจนลักยิ้มบุ๋มแบบที่ตัวเองชอบคืนกลับมา

      
            ( โอเคครับ เราก็ตั้งใจเรียนนะ )

      
            “ครับ บายครับ”

      
            แม้สายจะตัดไปแล้วแต่รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงอยู่ กันต์หยุดคิดอะไรอยู่ในหัวชั่วอึดใจก่อนจะหันไปยิ้มเผล่ใส่เพื่อนตัวเองที่ทันทีที่เห็นรอยยิ้มดังกล่าวก็รีบขยับหนีออกห่าง

      
            “ดิม~”

      
            “อะไรมึง เรียกเสียงแบบนี้ทีไรมีเรื่องทุกที”

      
            “มึงอ่ะ กูแค่จะอยากรู้อะไรนิดนึง”

      
            “อะไร”

      
            “มึงคิดว่าฝีมือการทำอาหารกูเป็นไงบ้างวะ”

      
            “ก็พอแดกได้อ่ะ”

      
            “โอเค้ แค่นั้นก็น่าจะโอเคแล้วแหละ”

      
            ดิมว่าในหัวโต ๆ ของเพื่อนตัวเองต้องคิดนั่นคิดนี่อะไรเอาไว้แล้วแน่ จริงอยู่ที่ดิมไม่ได้โกหกว่าอาหารฝีมือของกันต์พอกินได้ มันกินได้จริง ๆ แต่ถ้าเลือกได้ก็ไม่กินก็ดีกว่า และดิมเองก็คิดว่าคนที่รับกรรมนั้นคงไม่พ้นต้องเป็นคู่ของมันเอง

      
            ไว้อาลัยพี่แทนตอนนี้ทันไหมนะ






To be continued.
_____________________________________

TALK : ฮื่อ อยากได้พี่แทนเองทันมั้ยยย
ความแทนคุณคือผู้ชายในอุดมคติของอิชั้นเองเจ้าค่ะ กรี๊ด
ส่วนตอนหน้านั้น ฝากเป็นกำลังใจให้พระเอกของเรากันด้วยนะคะ อิอิ

ฝากเป็นกำลังใจให้กันด้วยค่า

ps. เรารีไรท์เนื้อหาบางส่วนตั้งแต่ prologue-chapter3
ถ้ายังไงลองอ่านกันอีกรอบก็ได้นะคะ


#ครึ่งชีวิตของผม
      

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ความมีเนื้อคู่เป็นคุณหมอแบบนี้นี่ดูแลดีจริงๆค่ะ อิจฉา นี่ก็งงว่าพี่เขาเป็นอะไรมาทำเมิน สรุปแฝดดด  :hao7:

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ชอบมากกกกกกกก

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
แปลกใหม่ดีอ่ะ เราชอบค่ะะะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ชอบบบบบค่า :-[ พล๊อตมันน่ารักโรแมนติกดี รอคุณนักเขียนว่างมาลงตอนใหม่นะคะ สู้ ๆ :mew1:

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
นีก้ว่าาา แฝดจริงๆด้วยย
พี่แทนคือดีย์มากกกอะ ความคุณหมอนี้
ดูแลเทคแคร์อย่างดีเลยอะ ฮอลลลลล

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___


CHAPTER 05

No matter what,
There won't be any empty space left for them.








      
            อะไรที่เคยตั้งใจว่าจะทำก็ดันมีเรื่องมาขัดขวางจนใบหน้าชวนพิศขมวดมุ่ยจนทำให้เพื่อนอย่างดิมแอบหัวเราะพลางส่ายหน้า กันต์ที่ตั้งใจอยากจะทำอะไรให้คู่ชีวิตตัวเองบ้างแต่ก็ถูกอาจารย์นัดสอนชดเชยกะทันหัน ได้แต่นั่งเท้าคางมองหน้ทจอแท็บเล็ตสลับกับหน้าอาจารย์อย่างนึกเซ็ง กว่าจะเลิกเรียนก็ปาไปบ่ายคล้อยเสียแล้ว

      
            “มึงเลิกทำหน้ามุ่ยสักทีเหอะไอ้กันต์”

      
            “อะไรล่ะ”

      
            “กลางวันไม่ทัน ตอนเย็นก็ยังทัน”

      
            “กูไม่รู้ว่าพี่เขาเข้าเวรตรวจหรือเปล่า”

      
            “ก็โทรถามสิวะ”

      
            “โทรแล้วจะเซอร์ไพรส์ไหมเล่า” กันต์ทำหน้ายุ่งถอนหายใจดังเฮือก นึกอยากเข้าหาพี่เขาบ้างแต่ก็มีอุปสรรคเสียได้ ดิมที่ทนความซื่อบื้อไม่ไหวจึงยกมือขึ้นเขกลงกลางศีรษะ

      
            “นี่มึงเคยเซอร์ไพรส์แฟนเก่ามึงบ้างปะกูถามจริง”

      
            “หึ” กันต์ส่ายหน้าหวือ แฟนเก่าแต่ละคนที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องนึกอยากเซอร์ไพรส์อะไรกันมาก่อน วันเกิดหรือโอกาสต่าง ๆ ถ้ามีของขวัญหรืออะไรก็ยื่นให้กันตรง ๆ เรียกได้ว่าแม้จะมีชีวิตรักคบกับใครมาไม่น้อย แต่ประสบการณ์การปฏิสัมพันธ์เฉียดค่อนไปทางศูนย์เลยจริง ๆ

      
            “เฮ้อ มึงก็แค่ text ไปถามว่าทำงานอยู่หรือเปล่า ชวนคุยปกติแล้วแย็บถามอ่ะ ทำเป็นไหม”

      
            “เออ ๆ”

      
            กันต์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้ากดออกอยู่ห้องสนทนาอยู่แบบนั้น ก่อนจะยอมพิมพ์ถามไปโต้ง ๆ ไม่มีการแย็บหรือหลอกถามอะไรทั้งนั้น นั่งสั่นขารออย่างใจจดจ่ออยู่เกือบสิบห้านาทีก็มีแจ้งเตือนข้อความตอบกลับมา

      
            เรียวปากเล็กคลี่ออกกว้างเมื่อได้คำตอบที่พึงพอใจ ผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วเสียจนเพื่อนที่นั่งเล่นเกมรออยู่ข้าง ๆ สะดุ้งหันมองด้วยความมึนงง

      
            “ไปซูเปอร์กัน!”
      
            ดิมกำลังเข็นรถตามหลังเพื่อนตัวเองที่กำลังทำหน้ายุ่งเพราะไม่เคยมาซื้อของสดเอง ดูเหมือนว่าจะทุลักทะเลไม่น้อย จนอดไม่ได้ที่จะต้องเอ่ยปากถามหลังจากเดินตามเงียบ ๆ มานาน

      
            “มึงจะทำอะไรนะ”

      
            “ข้าวไข่ข้นใส่ไก่ทอด”

      
            “แล้วมึงกำลังงงอะไร”

      
            “กูกำลังงงว่ากูต้องใช้ไข่เบอร์อะไร ใช้ไก่ส่วนไหน”

      
            “ใช้อะไรก็ใช้เหอะ กูก็นึกว่ามึงกำลังเครียดอะไร มึงรีบซื้อเลยไอ้กันต์นี่มันจะเย็นแล้ว กว่ามึงจะทำเสร็จ ไม่ใช่ว่าพี่เขาไปกินข้าวก่อนแล้วนะ”

      
            “มึงอ่ะ” ใบหน้าน่ามองยุ่งเหยิงเพราะคำพูดของเพื่อน ก็คนมันไม่เคยมาซื้อของเองนี่หน่า ปกตินึกอยากเข้าครัวที่บ้านก็มีของสดไว้แล้ว ถึงจะไม่มั่นใจแต่ก็ยอมรีบดูรีบซื้อด้วยกลัวจะไม่ทันอย่างที่เพื่อนบอก

      
            กลับมาถึงบ้านคิดไว้ว่าจะให้แม่ช่วยเหลือสักนิดสักหน่อยแต่ก็ต้องผิดหวัง เมื่อเห็นโน้ตจากแม่แปะทิ้งไว้ว่าออกไปเยี่ยมเพื่อนกับพ่อ กันต์เม้มปากอย่างกังวลใจไม่น้อย เคยแต่ทำกินเอง ไม่อร่อยก็กินเอง มีบ้างที่ยัดเยียดให้เพื่อนอย่างดิมชิม ส่วนคนรักที่เคยคบมาก็ไม่เคยทำให้เลยสักครั้ง คนขี้กังวลเป่าลมออกจากพลางตบอกเป็นการให้กำลังใจตัวเอง

      
            เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง กลิ่นของอาหารก็อบอวลไปทั่วบ้านจนทำให้ดิมที่นั่งเล่นเกมอยู่ที่ห้องนั่งเล่นต้องเดินมาดูในห้องครัวว่า กลิ่นที่โชยออกมาเป็นกลิ่นของอาหารไม่ใช่กลิ่นจากที่เพื่อนเขาเผาครัวตัวเอง

      
            “มึง ๆๆ มาชิมหน่อยดิ”

      
            ไม่ใช่ว่าดิมไม่เชื่อใจเพื่อนตัวเองหรอกนะ แต่อาหารฝีมือกันต์นี่เอาแน่เอานอนไม่ได้จริง ๆ บางอย่างก็ทำออกมาอร่อย บางอย่างก็กินแทบไม่ได้ เหมือนรสชาติอาหารสวิงไปตามอารมณ์อย่างไรอย่างนั้น ถึงอย่างนั้นดิมก็ยอมเดินเข้าไปหาหยิบช้อนมาตักข้าวในกระทะมาชิมคำนึง

      
            “เออไม่แย่ แต่กูว่าแอบจืดไปว่ะ มึงเอาซอสหรือน้ำจิ้มอะไรแบบนี้ไปด้วยดิ”

      
            “เฮ้อ โอเค” ทันทีที่ได้ยินคำตอบของเพื่อน กันต์ก็พรูลมหายใจออกมาสุดแรงด้วยความโล่งใจ ถ้าดิมบอกว่าไม่แย่แสดงว่าไม่แย่จริง

      
            กันต์รีบเทข้าวใส่กล่องถนอมอาหาร เกือบจะสี่โมงเย็นแล้วจึงรีบบอกลาเพื่อนที่สละตัวเองมาเป็นหนูทดลอง ก่อนจะขับรถของตัวเองไปโรงพยาบาลด้วยความรวดเร็ว

      
            ร่างโปร่งที่ยังอยู่ในชุดเดิมเดินถือถุงกล่องข้าวเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยใจที่เต้นตึกตัก กลีบปากบางเม้มแน่นอย่างคนไม่มั่นใจในตัวเอง เดินละล้าละหลังพลางมองหาป้ายบอกทางไปแผนกจิตเวช

      
            “เอ่อ ขอโทษนะครับ”

      
            “ค่ะ มีอะไรให้ช่วยคะ”

      
            “ผมมาหาหมอแทนคุณครับ”

      
            “ตอนนี้คุณหมอยังติดเคสอยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณหมอนัดไว้หรือคะ”

      
            “อ่อ เอ่อเปล่าครับ พอดีผมเป็นรุ่นน้องครับ ถ้าสะดวกแล้วรบกวนคุณพยาบาลแจ้งให้ทีนะครับ”

      
            “ได้ค่ะ รบกวนนั่งรอสักครู่นะคะ คุณหมอน่าจะใกล้เสร็จแล้วค่ะ”

      
            กันต์เอ่ยขอบคุณก่อนเดินมานั่งรอที่เก้าอี้ด้านหน้าห้องตรวจ มองนาฬิกาสลับกับประตูห้องที่มีชื่อของคนที่เขามาหาแปะอยู่ เห็นพยาบาลคนเมื่อครู่เดินเข้าไปด้านใน สักพักจึงเห็นประตูเลื่อนเปิดออกพร้อมกับร่างของผู้หญิงในชุดเสื้อกาวน์ที่เมื่อเห็นหน้าก็รู้สึกคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก

      
            “ขอบคุณมากนะคะแทน”

      
            “อืม ไม่เป็นไร” แทนคุณที่ละความสนใจจากคนอื่นหันมาทิศทางที่พยาบาลบอกว่ามีรุ่นน้องมานั่งรอก็พบกับคนที่กำลังคิดถึงอยู่พอดี

      
             “อ้าว กันต์เองเหรอครับ พี่ก็นึกว่าใคร” แอบอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อน้องแจ้งพยาบาลด้านหน้าว่าเป็นรุ่นน้องของเขาแต่ก็ไม่แปลกเท่าไร ถ้ากันต์กล้าบอกว่าเป็นใครนี่สิที่จะทำให้เขาประหลาดใจ

      
            “พี่แทน” กันต์เลิกมองผู้หญิงคนนั้นแล้วลุกขึ้นยืนเมื่อพี่เขาเดินยิ้มเข้ามาหา

      
            “ทำไมจะมาไม่บอกพี่ก่อนล่ะหืม”

      
            “ก็เอ่อ ...” ให้ตายเถอะ เขินชะมัด แล้วดูรอยยิ้มมุมปากของพี่เขาสิ เห็นก็รู้ว่าอีกฝ่ายรู้ว่าเขาตั้งใจมาเซอร์ไพรส์

      
            “ร้อนเหรอครับ แก้มแดงเชียว”

      
            “พี่แทน~”

      
            “ฮ่ะ ๆ เข้ามาข้างในก่อนมา อ้อ คุณพิมครับมีคิวคนไข้อีกไหมครับ”

      
            “ถ้าที่นัดไว้จะมีอีกทีตอนหกโมงเย็นค่ะ”

      
            กันต์รอจนพี่เขาคุยเสร็จเรียบร้อยก็เดินตามเข้าไปด้านในห้องตรวจ คนแปลกที่แปลกทางเข้ามาก็กวาดสายตาสำรวจไปทั่วอย่างสนอกสนใจ ภายในห้องขนาดกลางที่พอจะมีที่วางโต๊ะของแพทย์และเก้าอี้ตัวใหญ่ที่กันต์คิดว่าน่าจะไว้สำหรับคนไข้ อีกทั้งมีอุปกรณ์ที่น่าจะเกี่ยวข้องกับการรักษาวางไว้ที่ด้านข้างโต๊ะ

      
            “นั่งก่อนครับ ว่าแต่มาหาพี่ถึงนี่ มีอะไรหรือเปล่า หรือเราไม่สบายตรงไหน มีอะไรอยากปรึกษาพี่” แทนคุณอดที่จะสวมบทเป็นหมอตามความเคยชินไม่ได้ ยิ่งเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนของน้องแล้วก็ยิ่งเป็นห่วง

      
            “เปล่าครับ ผมสบายดี เอ่อนี่ก็เย็นแล้ว พี่แทนได้กินอะไรบ้างหรือยังครับ” เพราะนั่งกันอยู่คนละฝั่งของโต๊ะทำให้แทนคุณไม่เห็นว่าคนเป็นน้องกำลังทั้งประหม่าทั้งขลาดเขินแค่ไหน นั่งเอาหัวเข่าสีกันไปมาจนกางเกงจะถลอกอยู่แล้ว

      
            “อ่า ยังหรอกครับ กะว่าเดี๋ยวตรวจเสร็จค่อยไปกินทีเดียว”

      
            “ผมก็พอจะเดาได้ ก็เลยทำนี่มาให้ครับ” กันต์เลื่อนถุงผ้าที่ด้านในมีกล่องถนอมอาหารอยู่ไปด้านหน้าของพี่เขา ซึ่งทำให้แทนคุณเผลอชะงักตัวไปเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ มันไม่ใช่ในแง่ไม่ดีอะไร มันดีมากด้วยซ้ำ เพราะจากที่เดานิสัยของคู่ชีวิตตัวเองไว้คร่าว ๆ เขาก็ไม่คิดว่ากันต์จะทำอาหารมาให้แบบนี้

      
            กันต์ที่เห็นว่าคนเป็นพี่นิ่งไปก็เริ่มใจเสีย เม้มปากตัวเองแน่นจึงพูดออกมาแก้เก้อ “แต่ถ้าพี่กลัวไม่อร่อยก็ไม่เป็นไรนะครับ ฮ่ะ ๆ ผมทำเองยังไม่กล้ากินเลย ฮ่ะ ๆ”

      
            แทนคุณไม่รู้ว่าน้องรู้ตัวเองหรือเปล่าว่าเสียงที่หัวเราะออกมานั่นมันแห้งแล้งขนาดไหน ดวงตาเรียวหางตาตกที่เขาชอบมองว่าดูออดอ้อนอย่างที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวนั้น ในตอนนี้กลับฉายแววน้อยใจและเคลือบน้ำใส ๆ เสียแล้ว

      
            “ใครว่าพี่ไม่กล้ากินหืม พี่ยอมรับว่าพี่แปลกใจไม่คิดว่ากันต์จะทำมาให้พี่ ขอบคุณมากนะครับ พี่ขอกินเลยนะครับ” แทนคุณไม่ได้สนใจ ไม่ได้คาดหวังเรื่องรสชาติอาหาร ต่อให้มันไม่อร่อยอย่างที่น้องกังวลจริงเขาก็ไม่คิดว่าอะไรสักนิด เพราะเขาสนใจเพียงเรื่องความตั้งใจของน้องเท่านั้น

      
            กันต์ถูมือตัวเองไปมาพร้อมกับกัดริมฝีปากตัวเองด้วยความลุ้นยิ่งกว่ารอเกรดออกเสียอีก ยิ่งเมื่อพี่เขาตักข้าวเข้าไปในปากคำโต ก็ยิ่งทำให้รู้สึกอยากจะแย่งช้อนแล้ววิ่งเอาของทั้งหมดกลับบ้าน เขาค่อนข้างคาดหวังไว้เหมือนกันว่ามันจะทำให้อีกฝ่ายประทับใจ หากผลลัพธ์กลับมากลายเป็นว่าพี่เขาไม่โอเคคงจะทำให้ใจเสียไม่น้อย

      
            “อร่อยดีครับ”

      
            “จริงหรือครับ พี่อย่าตอบเอาใจผมนะ”

      
            “มั่นใจในตัวเองหน่อยคนเก่ง อร่อยแล้วครับ อาจจะจืดไปนิดแต่พอกินกับซอสที่เราเอามา รสชาติก็พอดีเลย ขอบคุณมากนะครับ พี่ดีใจมาก ๆ เลย” กันต์ก้มหน้าหงุดเมื่อเห็นรอยยิ้มและสายตาเป็นประกายของพี่เขาที่ส่งมาให้ตัวเอง

      
            แทนคุณยกมือขึ้นลูบหัวคนเก่งของเขาที่เผลอถอนหายใจออกมา สิ่งที่เขาพูดไม่ได้โกหกหรือตอบเอาใจเลยสักนิด พูดไปตามเนื้อผ้า ตามความจริง และรอยยิ้มที่ได้คืนมาจากน้องทำให้มื้ออาหารเย็นนี้อร่อยมากขึ้นไปอีกเท่าตัว

      
            เขาถึงบอกกันว่า บางทีอาหารไม่ได้อยู่ที่รสชาติ แต่มันอยู่ที่ว่าเรากินอยู่กับใครมากกว่า

      
            และต่อให้ตอนนี้แทนคุณจะไปซื้ออาหารตามสั่งข้างโรง’บาลที่รสชาติจำเจจนเบื่อหน่าย แต่ถ้ามีน้องนั่งอยู่ข้างกันรสชาติอาหารมื้อนั้นก็จะดีจนเขาหายเบื่อแน่นอน

      
            “มาหาพี่เสร็จแล้วเรารีบไปไหนหรือเปล่าครับกันต์”

      
            “อืม ไม่ได้ไปไหนครับ”
      
      
            “พี่ออกเวรประมาณทุ่มนึง อยู่รอพี่ก่อนได้ไหม เดี๋ยวพี่ไปส่ง”

      
            “ไม่เป็นไรครับพี่แทน ผมเอารถมาน่ะ”

      
            “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ขับรถตามเราไปส่งถึงบ้าน พี่เป็นห่วง ... นะ?” แทนคุณมองคู่ชีวิตตัวเองด้วยสายตากึ่งอ้อนกึ่งบังคับ ทำเอาคนถูกมองทำหน้าไม่ถูกได้แต่พยักหน้าอย่างยอมแพ้พร้อมกับหลุบตาลง

      
            “ดีมากครับ”

      












         
            กว่าที่แทนคุณจะหมดเคสคนไข้ก็เลยเวลาจากที่บอกคนรอไปเกือบครึ่งชั่วโมง รีบถอดเสื้อกาวน์ออกจากตัวจนเหลือเพียงเชิ้ตสีเทาอ่อน แล้วเดินออกจากห้องตรวจไปที่ร้านกาแฟชั้นล่างอย่างรวดเร็ว ระหว่างที่รอลิฟต์ก็กดส่งข้อความไปหาน้องให้ได้รู้ว่าเขาเลิกงานแล้วกำลังจะลงไป

            
            “อ้าวแทนคะ” ลิฟต์เปิดที่ชั้นของแผนกอายุรกรรมพร้อมกับเสียงทักที่ดังขึ้นและคนมาใหม่ก็ก้าวเข้ามา แทนคุณมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ ก่อนจะลากสายตาไปยังอีกคนที่เดินตามหลังเข้ามา

      
            “ไงมึง เพิ่งเลิกเหรอ” แทนรัก แฝดน้องของแทนคุณเอ่ยทัก

      
            “อืม มึงด้วยเหรอ” แทนคุณขยับชิดริมอีกฝั่งปล่อยให้อีกฝั่งนึงเป็นที่ยืนของแฝดตัวเองและคนรัก

      
            “ยังว่ะ วันนี้ซื้อเวรจากเพื่อนมา นี่จะลงไปส่งลินก่อน” แทนคุณพยักหน้ารับสั้น ๆ และไม่ได้ชวนต่อบทสนทนาอะไรอีก ภายในลิฟต์จึงมีเพียงเสียงลมหายใจของคนทั้งสามเท่านั้น

      
            หากจะถามว่าเขากับฝาแฝดตัวเองไม่สนิทกันอย่างนั้นหรือ คงต้องใช้เวลาในการคิดสักหน่อย มันไม่ใช่ว่าไม่สนิทแต่เหมือนเรามีระยะห่างกันมากขึ้น ความจริงก็จะใช้คำว่าเราก็คงไม่ได้ เป็นแค่เขาเองต่างหากที่เว้นระยะออกมาจากแฝดของตัวเอง ช่วงแรกแทนรักก็ตามตื๊อถามเขาว่าทำอะไรให้ไม่พอใจหรือเปล่า เกิดอะไรขึ้น แต่พอเวลาผ่านไปเราก็ต่างเติบโตขึ้นมีชีวิต มีเวลาเป็นของตัวเอง ระยะห่างที่เคยเว้นเอาไว้ก็เพิ่มขึ้นกลายเป็นว่า เราดูเหมือนฝาแฝดที่ไม่ได้สนิทกันอีกแล้ว


ครืด ครืด ครืด

      
            “ครับ ... ได้ครับ ๆ ผมจะรีบไป”

      
            “ลินกลับเองได้ไหม รักถูกตามตัวอ่ะ เคสฉุกเฉิน ถึงบ้านแล้วส่งข้อความมาบอกด้วยนะครับ” แทนรักหันมาบอกคนรักของตัวเองรัว ๆ จนไม่มีช่องให้ใครได้แทรก กดจุมพิตที่ข้างแก้มคนรักก่อนจะผละวิ่งกลับไปขึ้นลิฟต์อย่างรวดเร็ว

      
            เมื่อเห็นแทนรักวิ่งกลับขึ้นลิฟต์ไปแทนคุณก็เดินไปหาน้องที่นั่งรออยู่ไม่ได้สนใจคนที่มองมาทางตนเอง ในเมื่อเขาไม่ได้สนิทกับแฝดตัวเองแล้วนั่นก็หมายความว่าเขาก็ไม่ได้สนใจว่าที่น้องสะใภ้อะไรตัวเองนัก

      
            “กันต์ครับ”

      
            “พี่แทน”

      
            “รอนานไหม ขอโทษทีนะ”

      
            “ไม่เป็นไรครับ”

      
            “ไปกันเถอะครับ เดี๋ยวจะดึก”

      
            ทั้งคู่เดินข้างกันออกมาจากร้านกาแฟแต่เป็นกันต์เองที่รู้สึกเหมือนถูกมองอยู่จนกระทั่งหันไปเจอผู้หญิงคนนึงกำลังมองมาทางเขาทั้งสอง คิ้วเรียวเล็กขมวดอย่างสงสัยก่อนจะหันไปกระตุกข้อมือของคนเป็นพี่

      
            “พี่แทน ๆ พี่รู้จักผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า ผมรู้สึกว่าเขามองเรามาสักพักแล้วอ่ะ” กันต์กระซิบถามพลางใช้สายตานำทางไปที่คนดังกล่าว แทนคุณมองตามไปเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ถอนหายใจอย่างนึกไม่ชอบใจ

      
            “ช่าง—”

      
            “แทนคะ”

      
            “ครับ”

      
            แทนคุณตอบรับอย่างเสียไม่ได้ โดยมีสายตาสงสัยจากกันต์มองสลับไปมาระหว่างคู่ชีวิตตัวเองกับผู้หญิงตรงหน้า ดวงตาเรียวหรี่ลงก่อนจะเบิกขึ้นเมื่อนึกได้ว่าเคยเจอผู้หญิงคนนี้ที่ไหน เป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่เจอตอนเข้าใจผิดเรื่องฝาแฝดของพี่เขา ส่วนอีกรอบคือเมื่อเย็นตอนที่นั่งรอเอาข้าวไปให้พี่เขา

      
            “คือลินขอติดรถกลับด้วยคนได้ไหมคะ ลินไม่ได้เอารถมาน่ะค่ะ มันค่อนข้าง—”

      
            “ขอโทษทีนะ ผมไม่สะดวก ... ไปกันเถอะครับกันต์” แทนคุณปฏิเสธแทบจะในทันที ไม่แม้แต่จะฟังให้จบรวมถึงสนใจว่าอีกฝ่ายจะกลับอย่างไร เขาหันมาคว้าข้อศอกน้องแล้วพาเดินออกมาทันที

      
            “เธอ ... เป็นใครเหรอครับ” ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปรถใครรถมัน กันต์ก็เอ่ยถามขึ้นมาเพื่อคลายความคับข้องใจ

      
            “แฟนไอ้รักมันน่ะ อย่าสนใจเลย กันต์ขับรถดี ๆ นะไม่ต้องรีบ พี่จะขับตามจนกว่าจะถึงบ้าน” แทนคุณตอบอย่างไม่ใส่ใจพลางโคลงศีรษะน้องไปมาแสร้งทำเป็นไม่เห็นว่าสายตาของกันต์ยังไม่เลิกสงสัย

      
            ส่วนคนขี้สงสัยก็ได้แต่ยักไหล่น้อย ๆ บางทีพี่เขาอาจจะไม่ได้สนิทกับคนรักของแฝดตัวเองก็อาจจะเป็นไปได้ และเมื่อพี่เขาบอกไม่ให้สนใจก็จะไม่สนแม้จะอยากรู้ก็ตามที

      
            “คงไม่มีอะไรหรอก” กันต์บอกกับตัวเองแบบนั้นเพราะตอนนี้ก็เริ่มเปิดใจและเริ่มเชื่อใจอีกฝ่ายไปแล้วบางส่วน ไม่อยากให้มีอะไรมาสั่นคลอนความตั้งใจของตัวเอง จึงเลือกที่จะเมินสัญญาณบางอย่างที่ร้องเตือนจากข้างใน






To be continued.
_____________________________________

TALK : น้องไม่สนใจก็ดีแล้วเนาะ ; )
เรื่องนี้เราตั้งใจพยายามเขียนเรื่องของความสัมพันธ์ให้สมจริงที่สุดเท่าที่จะทำได้

คิดเห็นยังไงบอกกันได้นะคะ
ฝากด้วยค่า

#ครึ่งชีวิตของผม
      

ออฟไลน์ GMT101

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
รู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้อยากจะเป็นแค่น้องสะใภ้นะ
แววไม่ดีมาแต่ไกลเลยย
น้องต้องเชื่อใจพี่นะลูกกกก

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ติดตามมมมม

ออฟไลน์ แมว

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ผู้หญิงกลิ่นตุๆอ่ะ

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1915
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
อยากได้พี่เขยล่ะสิ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3494
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ผู้หญิงคนนี้แปลกๆนะ ทำไมดูเหมือนจะพยายามเข้าใกล้พี่แทนตลอดเลย

ออฟไลน์ DZiik

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ไม่โอเคกับผู้หญิงคนนี้จริงๆ :serius2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด