——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!Epilogue P.5 | END)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!Epilogue P.5 | END)  (อ่าน 42621 ครั้ง)

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ กด +1 ให้นะครับ :a9:

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
เดี๋ยวนี้ถึงขั้นมี’เยลลี่หนุ่มหยุ่น’เป็นของตัวเองเลยเหรอคะ
อิฉันล่ะอยากจะ แหมมมมม ไปให้ถึงโลกหน้า

พี่แทนจะหึงน้องแบบไหนเนี่ย
หึงแรง หึงโหด โซ่ แส้ กุญแจมือมั้ยคะฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
กรี๊ดดด ทำไมเราเพิ่งเจอ จิ้มๆ ค่าาา เป็นกำลังใจให้นะคะ

ติดตามค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___

CHAPTER 12

Only you can give me that feeling.






      
            ร่างผอมภายใต้เสื้อยืดโอเวอร์ไซส์สีเทากับกางเกงยีนส์ตัดขาเหนือเข่าพร้อมรองเท้าผ้าใบสีขาวคู่เก่งเดินสะพายกล้องเข้ามาในบริเวณอาคารหลังหนึ่ง กันต์ไม่เคยมาแถวนี้เลยสักครั้งมันดูเหมือนเป็นอาคารเปล่า ๆ ที่มีป้ายเขียนว่าเฉพาะนักศึกษามัณฑนศิลป์เท่านั้น คนไม่คุ้นที่รีบกดเครื่องมือสื่อสารส่งข้อความบอกแก่เจ้าถิ่นก่อนจะยืนเขี่ยเท้าและกัดเล็บเล่นอย่างประหม่า จากที่ตั้งใจจะให้ดิมมาเป็นเพื่อนกลับต้องมาคนเดียวเพราะโดนมันเทไปเที่ยวกับแฟน

      
            ไอ้ดิมนะไอ้ดิมทิ้งกันได้ลงคอ ขออย่าให้มีอะไรยุ่งยากเลย พระเจ้าช่วยรักเขาอีกสักครั้งเถอะ

      
            “กันต์” เจ้าของชื่อหันไปตามเสียงเรียกแล้วโบกมือทักทายกลับคืน

      
            “ตึกอยู่ลึกเลยใช่ไหม หายากหรือเปล่า” แพนชวนคุยระหว่างพาเดินเข้ามาข้างใน

      
            “อื้อลึกมากเลย เราเพิ่งรู้ว่ามีตึกแบบนี้ด้วย”

      
            โคตรลงทุนเลย สร้างอาคารเปล่าสองชั้นที่ซอยแยกเป็นห้อง ๆ เพื่อให้เด็กเดคฯ โดยเฉพาะ กันต์มองไปรอบ ๆ ด้วยความสนใจก่อนที่แพนจะพาเข้ามาในห้องหนึ่งที่ถูกดีไซน์เอาไว้อย่างเรียบหรู

      
            “ทั้งหมดนี่แพนทำเองหมดเลยเหรอ พวกเฟอร์นิเจอร์ก็ด้วยเหรอ”

      
            “ใช่ค่ะ แต่พวกเฟอร์ฯ นี่ใช้กันมาหลายรุ่นแล้ว ก็มีแยกส่วนมาประกอบใหม่บ้าง เอามาทาสีใหม่บ้างอะไรแบบนี้ อาจารย์จะให้ใช้สิ่งที่มีอยู่แล้วไม่ต้องไปซื้อ เขาแค่อยากเห็นไอเดียเรา”

      
            “โห เก่งจัง แล้วยังไงดีให้เราเริ่มเลยไหม”

      
            “อื้อ ๆ เริ่มได้เลย” แพนเล่าบรีฟมุมภาพ อารมณ์ของภาพที่อยากได้ เมสเสจที่ซ่อนอยู่ในไอเดียการตกแต่งห้องต่าง ๆ กันต์พยายามทำความเข้าใจและเริ่มถ่ายภาพนำเสนอผ่านการตีความของแพนและของตัวเองออกมา


ครืด ครืด ครืด

      
            “อ่า โทษทีนะ” กันต์เดินออกจากห้องเพื่อไปรับสาย ตกใจนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา เวลานี้ปลายสายควรจะเข้าประชุมตามที่บอกเมื่อคืนนี่หน่า

      
            “ครับพี่แทน”

      
            ( ทำอะไรอยู่ครับ​ )

      
            “กันต์ออกมาถ่ายงานให้เพื่อน ที่เคยบอกไง”

      
            ( อ๋อครับ แล้วนี่อยู่ไหนกัน )

      
            “ตึกเรียนครับ”

      
            ( ออกไปแต่เช้าเลยได้กินอะไรหรือยัง )

      
            “กินนมรองท้องมาแล้วครับ พี่แทนไม่ประชุมเหรอ”

      
            ( วันนี้ยกเลิกกะทันหันน่ะ ศาสตราจารย์บินไปต่างประเทศด่วน )

      
            “อ๋อครับ งั้นเดี๋ยวกันต์ไปทำงานต่อก่อนนะพี่”

      
            ( โอเคครับ ไว้เจอกัน )

      
            กันต์เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องแล้วเริ่มถ่ายต่ออีกครั้ง การทำงานร่วมกันครั้งแรกนี้มันไม่ได้อึดอัดอย่างที่คิด เรียกได้ว่าทำงานด้วยกันอย่างราบรื่นเลยเสียด้วยซ้ำ ทำเอาคนขี้ระแวงรู้สึกผิดไม่น้อยที่เผลอคิดไปในแง่ลบ

      
            “เหนื่อยไหม พักก่อนก็ได้นะกันต์”

      
            “ไม่เป็นไร เหลือแค่เก็บมุมกว้างก็เสร็จแล้ว”

      
            “อ่า คือ ...” กันต์ลดกล้องลงมาเมื่อเห็นสีหน้ากังวลจากอีกฝ่าย

      
            “มีอะไรหรือเปล่าแพน ต้องแก้ตรงไหนบอกได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ”

      
            “ไม่เลยค่ะ คือที่ถ่ายมามันโอเคแล้ว แต่ว่าเราจะรบกวนกันต์ถ่ายเก็บโคลสอัพพวกเฟอร์ฯ หน่อยได้ไหมคะเผื่อต้องใช้ในสไลด์พรีเซนต์” แพนพูดออกมาอย่างเกรงอกเกรงใจเพราะอีกฝ่ายก็เพิ่งรู้จักกันแล้วยังมีน้ำใจช่วยเหลืออีก ทั้งที่บอกว่าจะเสร็จก่อนเที่ยงแต่ถ้าถ่ายเพิ่มอาจจะต้องอยู่ต่ออย่างน้อยก็ครึ่งชั่วโมง

      
            “ได้สิ ไม่เป็นไร แต่ว่าเสร็จตรงนี้แล้วเราไปกินข้าวกันก่อนไหม แอบหิวอ่ะ ฮ่ะ ๆ” กันต์พูดพร้อมกับลูบท้องตัวเองประกอบ ตั้งแต่เช้าเขามีแค่นมที่ตกถึงกระเพาะและตอนนี้สิบเอ็ดโมงกว่าแล้ว อีกไม่นานเสียงท้องไส้ได้ร้องประท้วงแน่นอน

      
            “ฮ่ะ ๆ ได้เลย ๆ เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง”

      
            “เฮ้ยไม่เป็นไร”

      
            “ไม่ได้ อันนี้ห้ามเถียง กันต์อุตส่าห์มาช่วยเราขอเลี้ยงขอบคุณนะ” แพนตีสีหน้าจริงจังก่อนจะเดินหนีทำทีว่าจัดของต่าง ๆ เพื่อไม่ให้กันต์แย้งได้


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


            แพนปล่อยให้กันต์ถ่ายรูปส่วนตัวเองก็เดินมาเปิดประตู “อ้าวเต้ มีอะไร”

      
            “เอาคนมาส่ง พี่เขาบอกว่ามาหาแกอ่ะ” แพนมองเลยไปด้านหลังก็พบว่ามีคนตัวสูงใหญ่ดูท่าจะแก่กว่าตัวเองไม่น้อยยืนส่งยิ้มจาง ๆ มาให้อยู่ เต้ที่ไม่มีหน้าที่ต่อก็ขอตัวเดินแยกจากไป

      
            “มาหาแพนเหรอคะ”

      
            “อ่า แพนเพื่อนกันต์ใช่ไหม พี่ชื่อแทนเป็นคนรักของกันต์ครับ เห็นว่ามาทำถ่ายงานที่นี่แล้วยังไม่ได้กินอะไรกัน พี่เลยเอาเสบียงมาส่งน่ะ ขอโทษนะครับที่รบกวน กันต์ไม่ตอบข้อความพี่น่ะ” แทนคุณเอ่ยยืดยาวจนครบใจความสำคัญทั้งหมดด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ เพื่อเพิ่มความเป็นมิตร

      
            “คนรักเหรอคะ ... อ่า ค่ะ กันต์ถ่ายรูปอยู่ด้านใน เชิญค่ะ”

      
            แพนเปิดประตูแล้วถอยให้คนที่อ้างตัวว่าเป็นคนรักของคนในห้องเดินเข้าไป ส่วนตัวเองก็ได้แต่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยความรู้สึกอึดอัดทำอะไรไม่ถูกเมื่อมองเห็นเจ้าของร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปโอบเข้าที่เอวตากล้องจำเป็นของตัวเองวันนี้

      
            “เฮ้ย! โอ๊ะ พี่แทน! มาได้ไงเนี่ย” คนถูกโอบเอวสะดุ้งเกือบสะบัดทิ้งแต่เมื่อหันมาเห็นว่าเป็นใครก็ถามเสียงลั่นด้วยความตกใจ

      
            “เอาเสบียงมาส่งครับ” แทนคุณชูถุงขนาดใหญ่ในมือขึ้นให้น้องเห็น ก่อนจะตีหน้ายิ้มราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติอย่างไรอย่างนั้น ทั้งที่ปกติแล้วน้อยครั้งมากที่แทนคุณจะมาวุ่นวายกับกิจกรรมหรือการเรียนของกระต่ายตัวเอง

      
            “แล้วพี่รู้ได้ไงว่ากันต์อยู่นี่”

      
            “อ่า”

      
            “ไอ้ดิม?” แทนคุณโคลงศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะร้องโอ๊ยออกมาเสียงดังเมื่อถูกหยิกเข้าที่เอว กันต์ผละออกจากวงแขนของพี่เขาเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นแพนที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู

      
            “พี่แทนนั่นแพนเพื่อนใหม่กันต์ ส่วนนี่พี่แทน ...”

      
            “แฟนครับ”

      
            “พี่แทน!!”

      
            “อะไรเล่า ก็เรามันขี้เขินพี่ก็เลยพูดให้เอง ... ขอโทษนะครับน้องแพนที่มารบกวนเวลา แต่ยังไงนี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วมากินข้าวกันเถอะครับ พี่ซื้อมาเผื่อด้วย” แทนคุณพูดเย้าคนรักก่อนจะหันไปหาหญิงสาวที่ยืนหันรีหันขวางอยู่ไม่ไกล

      
            “เอ่อ แพนไม่รบกวนดีกว่าค่ะ”

      
            “โหย ไม่กวนเลยแพน มากินด้วยกันนะพี่แทนซื้อมาเยอะแยะเลย ว่าแต่เรากินในห้องนี้ได้เลยไหมหรือว่าต้องไปที่อื่น”

      
            “ต้องไปนั่งที่โต๊ะข้างนอกค่ะ”

      
            “โอเค งั้นพักก่อน ไปกินข้าวกันครับ” แทนคุณผายมือให้หญิงสาวเดินนำไปยังสถานที่ที่สามารถนั่งกินข้าวกันได้

      
            ระหว่างมื้ออาหารกลางวันนี้ แทนคุณสวมบทจิตแพทย์อีกครั้งเพื่อใช้น้ำเสียงและรูปประโยคในการพูดแสดงให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่าไม่สามารถไปได้มากกว่านี้ โดยทั้งรอยยิ้มและการสัมผัสร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ไม่ได้ทำให้จนเกินความพอดีจนหญิงสาวฝั่งตรงข้ามรู้สึกเป็นส่วนเกิน

      
            “พี่แทนกับกันต์นี่คบกันมานานแล้วเหรอคะ”

      
            “ก็สักพักแล้วล่ะ”

      
            กันต์ไม่ใช่ไม่รู้ว่าดิมส่งพี่เขามาวันนี้เพื่ออะไร เพราะรู้จึงปล่อยให้เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น แบบนี้น่าจะดีกว่าการที่พูดออกไปเพราะบางอย่างแค่ใช้การกระทำก็น่าจะชัดเจนมากพอ ทว่าส่วนที่น่ากังวลที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องของแพนแต่กลับเป็นรอยยิ้มของพี่เขาต่างหาก

      
            รอยยิ้มที่ยิ้มไปไม่ถึงดวงตา

      
            พี่เขาฉลาดมากพอที่จะรู้สึกอะไรบางอย่าง ไม่อย่างนั้นคนอย่างพี่แทนคุณไม่มีทางเข้ามายุ่มย่ามเรื่องงานของเขาแบบนี้หรอก

      
            เสียงพูดคุยเรื่องราวทั่วไปมีขึ้นเป็นระยะ แทนคุณทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการสื่อสารเพื่อไม่ให้ทุกอย่างมันดูอึดอัดและดูเป็นความตั้งใจของตัวเองที่จะแสดงตัวตนมากเกินไป

      
            เขาพูดแม้กระทั่งเรื่องงานการเจอคนไข้ในรูปแบบต่าง ๆ ให้ดูสนุกและพูดเข้าเรื่องเครื่องทดเวลาได้อย่างแนบเนียน เพื่อที่จะลองอย่างหยั่งเชิงดูว่าเด็กสาวตรงหน้าจะใช่แบบที่ดิมเพื่อนกันต์เล่าหรือเปล่า และถ้าใช่ แล้วมันไม่ทันการณ์อย่างน้อยเขาที่ทำงานด้านนี้ก็น่าจะพอช่วยอะไรได้บ้าง

      
            “แล้วนี่น้องแพนเจอคู่หรือยังครับ”

      
            “เจอแล้วล่ะค่ะ ... แต่ว่าคงไม่ทัน”

      
            กันต์นิ่งไปเมื่อได้ยินคำตอบ ทั้งน้ำเสียงและสายตาที่มองมาอย่างไม่ปิดบังของแพนทำให้ไม่ต้องเดาเลยด้วยซ้ำว่าหมายถึงใคร เขาชะงักนานเสียจนพี่เขาทาบฝ่ามือลงบนต้นขาลแล้วลูบเบา ๆ เพื่อเรียกสติ

      
            “อ่า เสียใจด้วยนะครับ แต่สักวันน้องจะได้เจอคนที่เป็นของน้องจริง ๆ พี่เอาใจช่วยครับ”

      
            แม้จะรู้สึกหวงคนของตัวเองอย่างไร แต่ด้วยจรรยาบรรณที่ฝังลึกทำให้เขาเห็นใจเด็กสาวตรงหน้าไม่น้อย มันไม่ใช่ความผิดของใครเพียงแต่เวลาของแต่ละคนเดินเร็วไม่เท่ากัน นั่นจึงทำให้เขาและกันต์ได้เจอกันก่อน ก่อนที่แพนจะได้กันต์ไป

      
            “ฮ่ะ ๆ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แพนก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร โชคดีที่ว่ารู้ว่าไม่ทันก่อนที่ตัวเลขจะขยับ ไม่งั้นแพนคงต้องใช้บริการเครื่องทดเวลาของพี่แล้วล่ะค่ะ” แพนพยายามพูดให้มันเรื่องตลกแม้รอยยิ้มที่กันต์เห็นจะฝืดฝืนเต็มที

      
            “ไม่ได้ใช้ก็ดีแล้วล่ะ อีกอย่างไอ้เจ้าเครื่องนี้ก็ยังอยู่ในระหว่างการทดลอง ยังไม่รู้เลยครับว่าจะสำเร็จหรือเปล่า” ทั้งแทนคุณและกันต์ลอบถอนหายใจเมื่อรู้ว่าตัวเลขของแพนยังไม่เดินอย่างที่กังวล

      
            “เดี๋ยวจะไปทำงานกันต่อใช่ไหม”

      
            “ครับ เหลืออีกนิดหน่อย พี่ต้องกลับไปทำงานใช่ไหม”

      
            “อื้ม นี่เพราะไม่มีประชุมเลยแอบแวบมา จะกลับแล้วบอกพี่ด้วยนะ ไปละ” แทนคุณก้มลงหอมหัวน้องไว ๆ หนึ่งทีแล้วโบกมือลาเด็กน้อยทั้งสอง

      
            “พี่แทนเขาดูรักกันต์ดีจัง” แพนชวนคุยระหว่างการจัดเฟอร์นิเจอร์เพื่อถ่ายเก็บภาพระยะใกล้เป็นอย่างสุดท้ายที่จะทำในงานวันนี้

      
            “อ่า ครับ”
      
      
            “ดีใจด้วยนะคะที่ได้เจอคู่ที่ดี”

      
            หนึ่งชั่วโมงต่อมากันต์กับแพนเดินออกจากอาคารเพื่อแยกย้ายกันกลับ ระหว่างเรากลายเป็นความเงียบที่ให้ความรู้สึกต่างออกไป แม้เราจะไม่ได้สนิทกันมากแต่มันก็มีช่องว่างบางอย่างที่เพิ่มเข้ามา

      
            “แพนกลับยังไงเหรอ”

      
            “เดินออกไปนิดเดียวก็ถึงหอเราแล้ว”

      
            “เราเดินไปส่ง”

      
            “ไม่เป็นไร ๆ เรากลับได้ กันต์กลับเถอะเดี๋ยวเย็นแล้วรถจะติด” กันต์มองหญิงสาวข้างกายที่ส่งยิ้มเจือจางมาให้ มาถึงตอนนี้กันต์คงต้องยอมรับว่าอาจจะเสียเพื่อนใหม่ที่ดีคนหนึ่งไป

      
            “งั้นกลับดี ๆ นะ”

      
            “ค่ะ ขอบคุณมากนะกันต์ ไว้มีโอกาสเราจะเลี้ยงตอบแทนนะ”

      
            “ครับ”

      
            ร่างโปร่งยืนกำสายกระเป๋ากล้องระหว่างรอให้อีกฝ่ายเดินพ้นสายตา อย่างน้อยอีกคนก็เป็นผู้หญิงกันต์จึงเป็นห่วงแบบที่เพื่อนพึงกระทำ แต่จังหวะที่อีกคนกำลังเลี้ยวเข้าซอยด้านหน้าก็หยุดชะงักแล้วหันกลับมาพร้อมกับชูเครื่องมือสื่อสารขึ้นแล้วชี้มา

      
            ไม่นานโทรศัพท์ในกระเป๋าก็สั่นเมื่อกดเข้าไปในห้องสนทนาก็พบข้อความมาจากแพน ที่พอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็เห็นเพียงหลังไว ๆ หายไปจากสายตา


PAANN : วันนี้ขอบคุณมากจริง ๆ นะคะ
PAANN : ยังไงก็รับเราเป็นเพื่อนอีกคนนะ


ได้สิครับเพื่อน : Punnakann

      
            มันเหมือนเป็นอะไรที่ปลดล็อกทางความรู้สึกข้างใน ยอมรับตามตรงว่าพอเรื่องออกมาเป็นแบบนี้ก็ค่อนข้างโล่งใจ ทุกอย่างเคลียร์จบชัดเจนและกันต์ไม่จำเป็นต้องเสียมิตรภาพจากใครคนไหนไป กันต์รู้ว่าทุกอย่างมันมีเวลาของมันอย่างเช่นเรื่องนี้ ก็ได้แต่หวังว่าสักวันแพนจะได้เจอใครคนนั้นของตัวเองจริง ๆ















            “กลับมาแล้วครับ” กันต์เอ่ยบอกทันทีเมื่อก้าวเข้ามาในบ้าน ได้กลิ่นอาหารจากในครัวจึงพอจะรู้ว่าแม่น่าจะอยู่ด้านในส่วนพ่อก็คงยังไม่กลับจากบริษัท ลูกชายคนเล็กของบ้านเดินเข้าไปกอดผู้เป็นแม่ ไม่รู้ว่าจะเป็นการอ้อนหรือกวนเวลาทำอาหารกันแน่


            “ทำไมวันนี้ทำเยอะจังอ่ะแม่”

      
            “วันนี้มีแขก”

      
            “ใครครับ”

      
            “พี่กวิน พี่น้ำจะพาหลานมานอนนี่”

      
            “จริงเหรอแม่ เย้ กันต์คิดถึงหลาน” เพราะการเรียนที่มีตลอดพ่วงด้วยงานมหาศาลทำให้กันต์ไม่ค่อยได้ไปหาหลานบ่อยเหมือนอย่างพ่อกับแม่

      
            “ไปอาบน้ำอาบท่าไป เดี๋ยวอีกสักพักพ่อกับพี่เขาน่าจะมากัน” กันต์ทำท่ารับทราบอย่างร่าเริง รีบวิ่งขึ้นไปอาบน้ำจัดการตัวเองให้เรียบร้อยเพื่อรอเล่นกับหลานตัวน้อย จนลืมไปเลยว่าข้อความที่ส่งบอกคนรักยังไม่ได้รับการตอบกลับ

      
            อาหารเสร็จไม่ทันไรเสียงรถยนต์ก็ดังขึ้นที่หน้าบ้านเป็นสัญญาณว่าคนที่รอคอยมาถึงแล้ว “กันต์ออกไปดูสิลูกว่าใคร” กันต์ผละจากครัวเดินออกไปหน้าบ้านแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นรถสามคันจอดอยู่ทั้งที่มันควรจะเป็นสองคันเท่านั้นสิ

      
            “หวัดดีครับพ่อ”

      
            “อืม ไปช่วยพี่เราถือของหลานไป”

      
            “แล้วอีกคันนั่นใ— พี่แทน?!” ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นว่าใครเดินลงมาจากรถคันสุดท้าย แต่ตกใจได้ไม่นานพ่อก็ไล่ให้ไปช่วยถือของพร้อมกับเสียงแม่ที่ออกมาต้อนรับ

      
            “พี่กวินน~” กันต์โผเข้าหาพี่ชายตัวเองเต็มรัก ก่อนหน้าที่พี่ชายจะแยกย้ายไปมีครอบครัวของตัวเองกันต์สนิทกับพี่มาก คุยกันได้แทบทุกเรื่องเพราะมีกันแค่สองคนพี่น้อง มาห่างกันไปก็ตอนย้ายบ้านจำได้เลยว่าพอรู้ว่าพี่ชายจะแยกออกไปก็ร้องไห้ฟูมฟายไม่ยอมห่างจากพี่ตัวเอง

      
            “ไงตัวแสบ” กวินภพลูบหัวเจ้าน้องชาย สายตาเอื้อเอ็นดูยังไม่เคยเปลี่ยนแม้เจ้าตัวแสบของบ้านจะตัวโตขึ้นมากจนแทบจะสูงทันกันอยู่แล้ว

      
            “คิดถึงอ่ะ ไม่มาหาบ้างเลย”

      
            “งอแงไรเนี่ยโตแล้วนะ มาช่วยพี่ถือของเลยมา” กวินดีดหน้าผากน้องอย่างหมั่นไส้ก่อนจะยื่นของใช้ของเด็กเล็กให้ถือ แต่ไม่ทันที่กันต์จะได้รับของมาจากมือพี่ชายตัวเองก็ถูกใครอีกคนที่ยืนมองมานานแย่งไปถือเสียเอง

      
            “สวัสดีครับคุณกวินภพ เดี๋ยวผมช่วยครับ” กันต์ถูกกันออกมาด้วยความมึนงง มองพี่ชายตัวเองกับคนรักที่ยืนจ้องกันไม่วางตา

      
            “น้องกันต์จ๊ะ เข้าบ้านไปเล่นกับหลานกันดีกว่า” พี่น้ำ พี่สะใภ้ที่อุ้มเจ้าตัวน้อยด้วยแขนข้างเดียวใช้มือข้างที่ว่างรุนหลังน้องชายของสามีเข้าไปในตัวบ้าน เพื่อเปิดโอกาสปล่อยให้คนตัวโตทั้งสองคนได้คุยกัน

      
            กันต์เล่นกับหลานไปเหลือบมองนอกบ้านไปด้วยความพะวง ไม่รู้ว่าพี่เขากับพี่กวินคุยอะไรกันบ้างเพราะทั้งคู่ยืนหันหลังให้กับตัวบ้าน พี่กวินน่ะหวงเขาอย่างกับอะไร แฟนที่ผ่านมาก็ให้ไอ้ดิมกับแม่ช่วยปิดไว้เพราะรู้ว่ามันอาจจะไม่จีรัง แต่กับคนนี้นั้นต่างออกไปทุกอย่างคือความจริงจังฉะนั้นพี่กวินต้องการจะคุยด้วยก็คงไม่แปลก เพียงแค่กลัวว่าพี่ตัวแสบของเขาจะทำอะไรร้ายกาจเข้าให้น่ะสิ

      
            “เอ้า ๆ อุ้มหลานดี ๆ เดี๋ยวหลานตกนะเจ้ากันต์” ผู้เป็นพ่อส่ายหน้ากับท่ายงโย่ยงหยกของลูกชายคนเล็ก

      
            “ก็กันต์กลัวพี่กวินจะแกล้งพี่แทนอ่ะพ่อ”

      
            “พูดไปเรื่อย จับหลานให้ดี ๆ” กันต์ยู่หน้าใส่พ่อก่อนจะยอมนั่งลงเล่นกับหลานในอ้อมแขนตัวเองดี ๆ

      
            อาจจะดูแปลกว่าทำไมแทนคุณถึงต้องคุยกับพี่ชายคนโตของบ้านแทนที่จะเป็นพ่อและแม่ของเจ้ากระต่ายของตัวเอง นั่นก็เพราะก่อนหน้านี้แทนคุณได้คุยกับทางผู้ใหญ่ทั้งสองท่านเรียบร้อยแล้วเหลือก็เพียงแต่พี่ชายเท่านั้นที่พ่อกับแม่บอกว่า รายนี้น่ะหวงกันต์ยิ่งกว่าใครในบ้าน

      
            “จ๊ะเอ๋น้องกานต์ นี่อากันต์เอง จำได้ไหมหว่า”

      
            “แหะ แหะ คิก” เด็กชายกานต์ หลานชายคนแรกของตระกูลส่งเสียงตอบรับอาของตัวเองอย่างอารมณ์ดี ทำเอาคนชอบเด็กอย่างกันต์หลงหัวปักหัวปำนั่งหยอกเล่นกับหลานจนลืมความกังวลเมื่อครู่จนสิ้น

      
            “ไหนขออาฟัดพุงกลม ๆ หน่อยน้า” กันต์วางให้หลานนอนหงายกับตักตัวเองก่อนจะก้มลงฟัดพุงหอมกลิ่นแป้งเด็กนั่นจนเสียงหัวเราะคิกคักดังไปทั่วบริเวณ คนเป็นปู่กับย่านั่งอมยิ้มกับภาพตรงหน้า คนเราเมื่อแก่ตัวเองก็ไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่าเห็นลูกหลานรักกันดีและมีความสุข

      
            มื้ออาหารเย็นเป็นไปได้ดีมากกว่าที่คิดไว้อาจเพราะมีเสียงหัวเราะของเจ้าตัวน้อยเคล้าคลอจึงไม่มีเรื่องซีเรียสถูกยกขึ้นมาเป็นบทสนทนาบนโต๊ะอาหาร หลังจากเสร็จสิ้นพี่สะใภ้คนสวยก็ขอพาหลานขึ้นไปให้นมกล่อมนอนบนห้อง ด้านล่างจึงเหลือเพียงพ่อแม่ลูกชายทั้งสองและว่าที่สมาชิกใหม่

      
            “ช่วงนี้งานเป็นยังไงบ้างลูก เหนื่อยไหม” แม่ของบ้านพูดเปิดประเด็นอย่างผ่อนคลาย เราทั้งห้าคนไม่ได้สร้างบรรยากาศที่ตึงเครียดมันเหมือนเป็นแค่คนในครอบครัวล้อมวงพูดคุยกันเท่านั้น

      
            “นิดหน่อยครับคุณแม่ คนไข้ไม่ค่อยเยอะมากแต่ช่วงนี้ประชุมบ่อยเพราะโรงพยาบาลที่ผมทำอยู่เขามีส่วนช่วยทดลองและวิจัยเครื่องทดเวลาน่ะครับ”

      
            “อืม ยังไม่ยอมแพ้กันอีกเรอะ พ่อเห็นข่าวว่าทดลองกันมาหลายรอบแล้วนี่”

      
            “ใช่ครับ เพราะยังไม่สำเร็จนี่แหละครับเลยต้องพยายามกันต่อไป”

      
            “งานหนักแบบนี้จะมีเวลาดูแลเจ้ากันต์เหรอ” กวินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงยียวน คนถูกอ้างในบทสนทนาอย่างกันต์ก็ถลึงตาใส่พี่ชายตัวเอง

      
            “ผมมั่นใจว่าดูแลน้องได้ครับ ถึงงานจะเยอะแต่เราก็พยายามหาเวลาว่างเพื่อเจอกันครับ มีไปรับ-ส่งน้องไปเรียนบ้างหรือบางทีน้องก็มาหาผมที่โรง'บาลบ้างน่ะครับ หรือถ้าไม่ได้เจอก็ติดต่อผ่านโทรศัพท์ตลอดครับ”

      
            “แล้วไอ้ที่ทะเลาะกันแรงจนน้องต้องหนีมานอนบ้านผมนี่คุณจะแก้ตัวยังไง” คำถามของกวินทำเอาคนไม่รู้เรื่องอย่างพ่อและแม่ถึงกับหันขวับมองลูกชายตัวเองกับว่าที่ลูกชายคนใหม่ด้วยสายตาตั้งคำถาม

      
            ส่วนกันต์เองก็ลืมไปเสียสนิทว่าคราวนั้นที่ทะเลาะกันกันต์หอบตัวเองไปนอนบ้าน และนี่คงเป็นสาเหตุของรอยแตกมุมปากขอคนรักที่เขาตื๊อถามไปเมื่อเย็นก่อนกินข้าวแล้วไม่ยอมตอบ

      
            “นั่นคือผลจากการตัดสินใจผิดพลาดของผมครับ ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัวนอกจากการขอโทษคุณพ่อ คุณแม่และคุณกวินที่ทำให้น้องต้องเสียใจ” แทนคุณยกมือขึ้นไหว้ทั้งสามคนด้วยความรู้สึกผิดจากใจ

      
            “แล้วถ้ามันมีอีกล่ะ ถ้าคุณทำน้องผมเสียใจอีกล่ะ” กวินเอ่ยถามซ้ำอีกครั้งแม้จะคุยกันไปแล้วเมื่อตอนเย็นก็ตามแต่ที่ต้องพูดขึ้นมาอีกก็เพื่อให้ผู้ใหญ่ได้รับรู้ จะบอกว่าเขาแอบขี้ฟ้องหน่อย ๆ ก็ย่อมได้ แต่ถ้าใครได้เห็นสภาพของกันต์ในวันนั้นที่ตาบวมและซูบเซียว คงจะเข้าใจว่าทำไมกวินถึงต้องต่อยผู้ชายคนนี้และต้องพูดมันขึ้นมาอีก

      
            “ผมไม่สามารถสัญญาได้ครับว่าจะไม่ทำให้น้องเสียใจ ในอนาคตมันอาจจะมีเรื่องกระทบกระทั่งตามประสาคนรัก แต่ไม่ว่าจะทะเลาะกันกี่ครั้ง เรื่องพวกนั้นจะไม่ใช่เรื่องของผู้หญิงหรือใครก็ตามที่จะมาแทรกกลาง ผมไม่มีทางนอกใจน้องเด็ดขาดและจะไม่ปล่อยมือน้องไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม นั่นคือสิ่งที่ผมจะสัญญาได้”

      
            ทุกคำแทนคุณพูดมันออกมาจากใจและหนักแน่น หากไม่แน่ใจคนอย่างเขาจะไม่มีวันพูดหรือสัญญาออกมาแน่นอน ฉะนั้นเมื่อใดที่รับปากหรือสัญญานั่นแปลว่าเขารู้ตัวเองดีว่าจะทำมันได้อย่างแน่นอนและไม่มีทางบิดพลิ้ว ฝ่ามือใหญ่กุมมือของคนข้างกายไว้แน่นเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกนี้

      
            “เอาเถอะ ก็ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสุดท้ายแล้ว เราจะอยู่ด้วยกันด้วยความรักที่แท้จริงหรือเป็นรักที่รักเพียงแค่ตัวเอง ยังไงพ่อก็ฝากน้องด้วยมีอะไรก็คุยกันตรง ๆ ถ้าไม่ไหวก็มาปรึกษาผู้ใหญ่ได้”

      
            “ใช่จ้ะ ก็อย่างที่แม่บอกเราไปครั้งก่อนนั่นแหละว่าแม่ให้แล้วไม่รับคืน” แม่พูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีเพื่อไกล่เกลี่ยบรรยากาศคุกรุ่นเมื่อครู่ให้หมดสิ้น

      
            “เอ่อพ่อกับแม่ครับ ... วันนี้ผมขออนุญาตนอนที่นี่ด้วยคนได้ไหมครับ” คนถูกขออนุญาตถึงกับชะงักกลางอากาศเพราะไม่คิดว่าว่าที่ลูกเขยหมาด ๆ จะเอ่ยปากเอง

      
            “ไม่ได้!” แต่คนที่ตอบกลับไม่ใช่พ่อและแม่ กวินเอ่ยห้ามเสียงดังด้วยหน้าตาขึงขัง

      
            “ได้จ้ะ ดึกแล้วเนอะ ยังไงแทนก็นอนห้องน้องนะ คงไม่เป็นไรใช่ไหมพ่อ”

      
            “อืม ตามนั้นแหละ ไป ๆ ไปพักผ่อนกันได้แล้ว เราก็ด้วยกวินขึ้นไปช่วยเมียดูลูกไป”

      
            ภายในห้องนอนขนาดกลางที่เปิดเข้ามาก็เจอเตียงนอนขนาดคิงไซส์ ถัดจากประตูเป็นโต๊ะทำงานและตู้หนังสือรวมถึงชั้นวางของจิปาถะ ส่วนด้านในสุดเป็นห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง แทนคุณกวาดสายตามองเพื่อเก็บรายละเอียด แม้จะเคยขึ้นมาแล้วเมื่อครั้งก่อนแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ทุกอย่างในห้องถูกวางเป็นสัดส่วนและเป็นระเบียบตามนิสัยเจ้าของห้อง

      
            เมื่อเหลืออยู่กันสองคนในที่ส่วนตัว รอยยิ้มที่ติดริมฝีปากของแทนคุณก็จางหายไป เขายังไม่ลืมว่าเมื่อกลางวันเกิดอะไรขึ้นหากไม่ใช่ดิมมาบอกว่าเพื่อนที่น้องไปทำงานด้วยเป็นใคร เขาคงจะไม่รู้และเมื่อได้รู้ก็เกิดหวั่นใจขึ้นมาทันทีเพียงเพราะเราเพิ่งจะดีกันเกรงว่าจะมีใครมาทำให้น้องจากไป

      
            “พี่จะอาบน้ำก่อนไหม” แทนคุณพยักหน้าและรับผ้าเช็ดตัวมาจากน้อง เปิดกระเป๋าที่ใส่เสื้อผ้าตัวเองแล้วหยิบชุดนอนออกมาก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปทันทีไม่แม้แต่จะมองกระต่ายน้อยห่อตัวเพราะโดนเมิน

      
            “เป็นอะไรของเขา” กันต์ถอนหายใจพลางลุกขึ้นหยิบข้าวของไปใช้ห้องอาบน้ำด้านนอกเพื่อจะได้ไม่ต้องรอกันไปมาให้เสียวเลา



(ต่อด้านล่าง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-08-2018 11:37:37 โดย 19august »

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___
(ต่อ)



แก๊ก

      
            กันต์เดินเช็ดหัวเข้ามาในห้องก่อนจะพบว่าร่างสูงใหญ่ของคนรักนอนตะแคงตัวเข้าหากำแพงไปเสียแล้ว เหลือบมองเวลาก็เพิ่งจะห้าทุ่มซึ่งไม่ใช่เวลานอนปกติของพี่เขาเลยสักนิด จะต้องมีอะไรแน่นอนที่ทำให้คนตัวโตงอแงเมินเฉยใส่เขาแบบนี้ แต่ตัวเลขบนอกไม่ลดแสดงว่าไม่น่าใช่เรื่องราวใหญ่โตอะไร

      
            คนตัวผอมนั่งเอนกายอยู่บนเตียงแล้วชะโงกผ่านไหล่กว้างเพื่อเช็คดูว่าพี่เขาหลับแล้วจริงหรือเปล่า กันต์มุ่ยหน้าเมื่อเห็นอีกคนปิดเปลือกตาสนิทแต่ไม่หรอกเขาไม่เชื่อหรอกว่าพี่แทนจะนอนหลับไวแบบนี้

      
            “พี่แทน”

      
            “…”

      
            “พี่แทนครับ กันต์รู้ว่าพี่ยังไม่หลับ คุยกับกันต์หน่อยนะ ... นะครับคนดี” คางมนวางลงบนหัวไหล่แกร่งถูไปมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ

      
            “พี่แทนคร้าบบ”

      
            เมื่อยังถูกวอแวไม่เลิกคนขี้หึงเลยยอมลืมตาแล้วพลิกตัวกลับมาหา แต่ยังไม่ยอมเอ่ยปากพูดกับน้อง ปล่อยให้กระต่ายที่ถูกหึงแต่ไม่รู้ตัวยังถูไถใบหน้าไปกับต้นแขนออดอ้อน แทนคุณพยายามไม่สนใจแต่ความนุ่มนิ่มก็ทำลายสมาธิเสียเหลือเกิน

      
            “พี่แทนงอนอะไรกันต์เหรอ”

      
            “ไม่บอกได้ไหม พี่ไม่อยากงี่เง่าเลยกันต์”

      
            “ไม่เห็นเป็นไรเลย กันต์ยังงี่เง่ากับพี่ไปตั้งเยอะ เพราะงั้นบอกกันต์หน่อยนะครับ ... นะ” กันต์ช้อนตามองเพื่อขอให้พี่เขาเห็นใจ แทนคุณถอนหายใจจนปรอยผมน้องปลิวก่อนจะขยับกายขึ้นนั่งเอนหลังกับหัวเตียงโดยมีร่างโปร่งแอบอิงไหล่

      
            “ทำไมกันต์ถึงไม่บอกพี่เรื่องแพน ตอนดิมโทรมาบอกพี่หึงจนแทบบ้าเลยรู้ไหม” แทนคุณพูดพร้อมกับซุกใบหน้าลงกับไหล่น้อง แรงกอดรัดรอบเอวทำให้กันต์รับรู้ถึงคำว่าแทบบ้าของพี่เขาได้เป็นอย่างดี

      
            “กันต์ขอโทษนะ กันต์แค่อยากจัดการมันด้วยตัวเองแต่ไอ้ดิมคงรู้ทันว่ากันต์คงไม่กล้ามากพอ กันต์ขอโทษนะครับพี่แทน อย่างอนกันต์เลยนะ” มือเรียวลูบเบา ๆ ลงบนฝ่ามืออุ่นร้อนของพี่เขาเพื่อปลอบโยน

      
            “พี่แค่กลัวว่าจะมีใครพากันต์ไปจากพี่ เมื่อกลางวันพี่หึงจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพูดอะไรไปบ้าง”

      
            “พี่แทน~”

      
            “พี่หึงมากเลยรู้ไหม ตอนเห็นหน้าน้องคนนั้นพี่โคตรร้อนใจเลย เขาสวยขนาดนั้นแล้วพี่ก็เพิ่งทำให้กันต์เสียใจอีก ไม่รู้สิครับอะไรในหัวมันตีกันยุ่งไปหมด” คนเด็กกว่าหลุดหัวเราะออกมากับเสียงทุ้มที่งอแงเต็มที ใบหน้าหล่อเหลาที่ซบอยู่กับลาดไหล่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะก็ขบกัดเพื่อเอาคืน

      
            “อื้อ พี่แทนอย่ากัดนะ”

      
            “มันเขี้ยว มีแค่พี่ก็พอแล้วนะ ... นะครับ รับปากพี่สิ” แทนคุณเอียงใบหน้ามองเสี้ยวหน้าของน้อง ที่คาดคั้นหรือที่คิดเช่นนี้ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจแต่เพราะความหวาดกลัวจากส่วนลึกข้างใน ทำให้คนมั่นคงในความรู้สึกเกิดหวั่นใจขึ้นมา

      
            “พี่แทนฟังกันต์นะ” กายผอมขยับหันเข้าหาพี่เขาแล้วจับใบหน้านั้นเอาไว้ให้เราทั้งคู่สบตากันเอาไว้ กันต์แอบขำกับคิ้วเข้มที่ขมวดกับริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันจนเผยให้เห็นลักยิ้มบุ๋มข้างแก้ม

      
            “อย่างที่พี่บอกกับที่บ้านกันต์นั่นแหละ ไม่ว่าจะผิดใจหรือทะเลาะกันยังไง กันต์ก็จะไม่ปล่อยมือพี่ เพราะงั้นเราจับมือกันไว้นะครับ ไม่ต้องแน่นเกิน ไม่ต้องหลวมเกิน จับกันไว้ให้พอดีแบบนี้ พอดีกับระยะความรู้สึกของเรา โอเคไหมครับ”

      
            ไม่พูดเปล่า กันต์ประสานมือของตัวเองกับพี่เขาเอาไว้ในความรู้สึกที่พอดี ที่จะไม่ทำให้เราอึดอัดและเจ็บกับมือที่จับกันแน่นเกินไป และไม่ได้หละหลวมจนทำให้มือของเราต้องแยกจากกันอย่างง่ายดาย

      
            แทนคุณยิ้มกับคำตอบที่แสนน่ารักนั้นและใช้สายตาอบอุ่นมองกระต่ายน้อยของตัวเองที่พูดเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้คนเลี้ยงคนนี้ว่าต่อให้ไม่ว่ายังไงคนที่จะเลี้ยงกระต่ายตัวนี้ได้ก็จะมีแค่คนเขาคนนี้เท่านั้น

      
            “นอนกันเถอะครับ พรุ่งนี้พี่ต้องทำงานนี่นา”

      
            หลังจากคืนล่าสุดคืนนั้นที่ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว พอได้มานอนกอดกันอีกก็พาลทำให้เขินอย่างบอกไม่ถูก ภาพในหัวย้อนกลับมาฉากทีละฉากจนคนแอบคิดรีบมุมหน้าลงกับอกพี่เขาเพื่อซ่อนใบหน้าแดง ๆ ของตัวเอง

      
            “ทีหลังจะเขินก็อย่าลืมปิดหูตัวเองสิ แดงจัดเลยเนี่ย” แทนคุณใช้เรียวนิ้วเกลี่ยใบหูของน้องจนมันแดงกว่าเดิมอย่างน่าเอ็นดู รู้อยู่ว่าน้องคิดอะไรและเขินอะไรอยู่

      
            “พี่แทนอ่ะ”
   
      
            “ไหนเงยหน้าหน่อยครับหนู”

      
            “ห้ามเรียกหนู บอกกี่ครั้งแล้วเนี่ย”

      
            “ฮ่ะ ๆ โอเค ไหนขอพี่ดูหน้าคนขี้เขินหน่อยครับ” กันต์ถูกเชยคางขึ้น ดวงตาคมที่พราวระยับทำให้ทนสบตาต่อไปไม่ไหว แทนคุณหัวเราะออกมาก่อนจะยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้คลอเคลียกับน้องจวบจนกระทั่งขยับให้ริมฝีปากเราประกบชิดเข้าหากัน ดึงดูดความนุ่มหยุ่นจนทำให้รู้สึกวาบหวาม

      
            “อ อื้อ พี่แทน พอก่อน” คนตัวผอมหอบหายใจจนตัวอกกระเพื่อมตัวโยน แทนคุณยอมผละออกมาเหลือแต่จมูกที่ยังคงวอแวไม่ไปไหน

      
            “ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว มาระลึกความหลังหน่อยไหมครับ หืม”

      
            “ไม่เอาแล้ว กันต์ง่วง จะนอนแล้ว!”

      
            “วันนี้ทำพี่หึงก็ควรจะง้อพี่หน่อยไม่ได้เหรอ หืม ๆ”

      
            “ฮ่ะ ๆ พี่ ฮะ พี่ อย่าแกล้ง ฮ่ะ ๆ” กันต์ดิ้นพล่านไปทั่วเมื่อถูกพี่เขาแกล้งฟัดไปทั่วตัว มันจั๊กจี้มากกว่าความรู้สึกอย่างอื่น

      
            “โอเค นอนก็นอน แต่ครั้งหน้าไม่รอดหรอกนะบอกเลย” แทนคุณกดจมูกหอมจนแก้มน้องโย้ก่อนจะยอมนอนกอดเฉย ๆ ปล่อยให้อ้อมแขนของกันและกันขับกล่อมเราทั้งคู่ให้ฝันดี









To be continued.
_____________________________________

TALK : จริง ๆ ที่หึงเพราะอยากลวนลามน้องแหละ

ค่อย ๆ ไปกันทีละสเต็ปน้า เคลียร์กันไปทีละนิดทีละหน่อย

ตัวอักษรเกินเลยต้องแยกส่วน เอาซะดูสั้นเลย 
:katai5:

TWITTER



#ครึ่งชีวิตของผม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-08-2018 11:39:57 โดย 19august »

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โชคดีที่มีพี่แทนอยู่ด้วยเลยเคลียร์เรื่องแพนไปได้ จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ชอบตอนพี่เรียกน้องว่าหนู  :-[

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ตะล่อมเด็กอย่างเนียนอ้ะพี่แทน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___


CHAPTER 13

When it gets hard, you know it can get hard sometimes
It is the only thing makes us feel alive
(Photograph - Ed Sheeran)








TANRUK’s


งานวันเกิดนิลิน

      
            หลังจากที่ผมไปส่งกันต์แฟนพี่ชายตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ตีรถกลับมาที่บ้านของตัวเองอีกครั้ง เพื่อนที่ฝากให้ช่วยดูงานเดินเข้ามาหาบอกว่า คนอื่นทยอยกลับกันไปหมดแล้วเหลือแต่พรรคพวกเดียวกันที่รอให้ผมกลับมาอยู่ ผมพยักหน้ารับก่อนจะขอบอกขอบใจมันพลางมองไปรอบบริเวณเห็นคนงานเริ่มเข้ามาเก็บกวาดของแล้ว

      
            งานกร่อยไปเลยคงต้องตามไปขอโทษพวกเพื่อนแม่งอีกที

      
            “แล้วไอ้แทนอะ” ผมถามหาแฝดพี่ตัวเองที่กวาดสายตามองหาแล้วไม่พบ

      
            “ออกไปหลังจากมึงแป็บนึง”
      
      
            “อืม ลินล่ะ” ไอ้กายพยักเพยิดหน้าเข้าไปในตัวบ้าน

      
            “มีเรื่องไรกันหรือเปล่าวะ ไอ้แทนทำหน้าโคตรดุเหมือนโมโหใครมา ส่วนลินก็นั่งร้องไห้ตั้งแต่มึงสองคนออกไป”

      
            “... นิดหน่อย ยังไงกูฝากมึงดูคนอื่นทีนะถ้าพวกมันไม่กลับก็ให้นอนห้องเดิม โทษทีนะมึงที่รบกวน กูมีเรื่องต้องทำ”

      
            ผมตบบ่าบอกไอ้กายที่พยักหน้าตอบรับอย่างเข้าใจ มันเป็นเพื่อนในกลุ่มที่สนิทที่สุดของผมพอเห็นท่าทางเคร่งเครียดเลยเข้าใจว่าครั้งนี้สถานการณ์ผิดปกติจริง ๆ ถึงช่วยลากเพื่อนที่เหลือขึ้นไปห้องนอนแขก ทำให้ภายในห้องนั่งเล่นชั้นล่างเหลือเพียงผมและนิลินเท่านั้น

      
            เสียงสะอื้นของผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักและเป็นครึ่งชีวิตของผมดังท่ามกลางความเงียบ มันยิ่งทำให้ผมเจ็บจนแทบจะกลำ้กลืนฝืนทนไม่ไหว รู้ดีว่าหยาดน้ำตาที่กำลังรินไหลมันไม่ได้เกิดเพราะกลัวว่าผมจะโกรธ แต่มันเป็นเพราะคนที่หน้าตาเหมือนผมต่างหาก

      
            ปล่อยให้เธอร้องไห้อย่างเต็มที่จนเวลาผ่านมาเป็นชั่วโมงลินจึงเงยหน้ามองผมด้วยดวงตาบอบช้ำ ร่างกายสั่นระริกคล้ายจะแตกสลายทำเอาผมอดไม่ได้ต้องขยับเข้าไปดึงเธอมากอดไว้ ลินขยับซุกผมแล้วกอดตอบกลับมา

      
            แต่ความรู้สึกที่เคยอบอุ่น ตอนนี้มันกลับเย็นจนหนาวจับขั้วหัวใจกว่าทุกที

      
            “ลิน ... ลินขอโทษนะรัก ลินขอโทษจริง ๆ”

      
            และเสียงที่เคยหวานจนทำให้ผมหลงใหล ตอนนี้ความหวานนั้นกลับขมปร่าไปหมด

      
            “รักขอถามตรง ๆ เลยนะลิน ตลอดเวลาที่เราคบกันมาลินไม่คนรักกันเลยใช่หรือเปล่า” ผมถามพลางกดความรู้สึกเจ็บแปลบเอาไว้ ยังไงวันนี้ก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่องถ้าจะจบก็ให้มันจบลงเลยตั้งแต่วันนี้ ผมจะได้กลับมารักษาใจตัวเอง

      
            “รักสิ ลินรักรักนะ แต่ ...”

      
            “หึ แต่ว่ารักไม่เท่าที่รักไอ้แทนใช่ไหม” ผมปล่อยคนรักออกจากอ้อมกอดดันเธอออกไปกลายเป็นเราต่างคนต่างนั่งห่างกันเป็นคืบ ซึ่งนั่นคงจะดีกว่าเพราะผมก็ไม่อยากทำให้เธอรู้สึกอึดอัดหรือถูกคุกคามจากห้วงอารมณ์ไม่ปกติของผม

      
            ชื่อของผมคือแทนรัก แม่บอกว่าผมเป็นตัวแทนความรักของพ่อและแม่ เช่นเดียวกับแทนคุณที่หมายถึงตัวแทนคำขอบคุณของพระเจ้าที่ส่งลูกมาให้พ่อและแม่ แต่เมื่อโตขึ้นผมกลับกลายเป็นตัวแทนความรักให้คนอื่นเสียอย่างนั้น ไม่เท่อย่างที่แม่เคยบอกไว้สักนิด

      
            “ลินขอโทษ ลินผิดเอง”

      
            “ใช่ ลินผิดอยู่แล้ว แต่คนที่ผิดกว่าคือใครรู้ไหม คือรักเองนี่แหละ! ที่รู้ทั้งรู้แต่ก็ยังยอมโง่หวังว่าลินจะตัดใจจากไอ้แทนได้ รักดีใจแค่ไหนรู้ไหมตอนที่รู้ว่าไอ้แทนมันได้เจอคู่ของมันแล้วมันก็รักกันดี แต่สุดท้ายคนโง่ก็คือคนโง่ ลินก็ยังคงพยายามเข้าหาไอ้แทนอยู่ดี! ทำไมวะ!!”

      
            “ฮึก”

      
            “รักทำอะไรผิดอะลิน” ผมถามด้วยน้ำเสียงกระซิบแผ่วเบา รู้สึกหมดเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้หรือพยายามอะไรอีกต่อไป เพิ่งรับรู้ความรู้สึกลึก ๆ ของตัวเองก็วันนี้ว่าการพยายามเพื่อประคับประคองความสัมพันธ์เพียงฝ่ายเดียวมันเหนื่อยมากแค่ไหน

      
            “รักไม่ผิดเลย ลินขอโทษ ลินขอร้องอย่าทิ้งลินเลยนะ ลินรักรักนะ ลินรักรักจริง ๆ” ยิ่งได้ยินก็ยิ่งเจ็บ ผมเจ็บแปลบขึ้นมาที่อกข้างซ้ายไม่บอกก็รู้ว่าตัวเลขบนนั้นคงขยับไปไกลจากตรงกลางมากแล้ว เช่นเดียวกับนิลินที่กุมอกตัวเองไว้พร้อมกับช้อนมองมาด้วยสายตาเว้าวอน

      
            “เหอะ”

      
            ผมมันมีค่าแค่เอาไว้รักษาชีวิตของตัวเองก็เท่านั้น ไม่รู้ว่าจะมีทางไหนที่จะทำให้เรากลับมาคืนดีกันได้อีก มันดูไม่มีหนทางเลยจริง ๆ

      
            “เอาสิ ก็อยู่ด้วยกันไปแบบนี้แหละ ไหน ๆ ก็จากเป็นไม่ได้ อยู่จนกว่าจะจากตายไปเลยแล้วกัน!” ผมแค่นเสียงพูดออกมาแม้จะเจ็บเจียนตาย ก่อนจะใช้แรงทั้งหมดดันร่างกายของคนที่เป็นครึ่งชีวิตให้นอนราบไปกับโซฟา นิลินดิ้นเพื่อขัดขืนเพราะรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น

      
            “ดิ้นทำไมล่ะครับที่รัก อยากรักษาชีวิตตัวเองไว้ไม่ใช่หรือไง เราก็ต้องทำเพื่อให้เลขมันกลับมาเหมือนเดิมสิ” ผมแสยะยิ้มพูดออกไปราวกับว่าไม่รู้สึกรู้สาอะไร ก้มลงสบกับดวงตาหวานที่ผมเคยรักสุดหัวใจด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากรู้สึกอีก

      
            นิลินนิ่งไปอึดใจก่อนจะหยุดดิ้นแล้วใช้แขนทั้งสองคล้องคอผมเอาไว้ก่อนจะดึงเข้าไปใกล้จนริมฝีปากเราแตะกัน มันเย็นเฉียบคล้ายกับความรู้สึกเราสองคนตอนนี้ที่ดูห่างเหินและไกลเกินกว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม

      
            แต่ต่อให้ชีวิตหลังจากนี้มันจะเจ็บปวดเหมือนอยู่ในนรกแต่ผมก็ยินดีที่กระโจนลงไปให้ไฟมันแผดเผา ในเมื่อมันเลือกไม่ได้ผมก็ขออยู่ไปด้วยความรู้สึกทั้งรักทั้งชังในหัวใจนี้ก็แล้วกัน หลังจากนี้คิดว่าคงได้ใช้บริการจากแผนกพี่ชายตัวเองบ้างเสียแล้วและเริ่มเข้าใจคนไข้บางคนขึ้นมาด้วยเช่นกัน

      
            กับปัญหาคู่ชีวิตใช่ว่าบางทีมีแล้วมันจะราบรื่นเสมอไป หากใจคนมันจะไม่อยู่กับเราต่อให้มีพันธะทางจิตวิญญาณมันก็ช่วยรั้งอะไรไม่ได้อยู่ดี

      
            กว่าอารมณ์ที่พุ่งพล่านจะสงบลงฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้นมา ผมถัดตัวขึ้นเอนพิงหัวเตียงด้วยความเหนื่อยล้าและหัวที่ปวดตุบ ๆ กวาดสายตามองร่างของหญิงสาวที่แดงจัดไปทั่วตัว ย้อนคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าก็ได้แต่แค่นยิ้มอย่างสมเพชให้ตัวเอง เราต่างโยนอารมณ์ใส่กันและกันตลอดทั้งคืนมันไม่เหลือแล้วความอ่อนโยนหรือความรักในการสัมผัสกัน

      
            ผมถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นจัดการตัวเอง ต่อให้ชีวิตจะเฮงซวยเส็งเคร็งยังไงแต่หน้าที่รับผิดชอบชีวิตคนอื่นก็ยังต้องทำต่อไป คนเป็นหมอก็แบบนี้แหละครับ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็ลงมาชั้นล่างมองออกไปไม่เห็นรถของเพื่อนก็คงกลับกันไปแล้ว

      
            “ป้าดาวครับ เดี๋ยวช่วยทำข้าวต้มกับเตรียมยาแก้ไข้ไว้ทีนะครับ แล้วสักประมาณสิบโมงค่อยนำไปให้คุณลินข้างบน” ผมบอกป้าดาว แม่บ้านที่แม่ของผมส่งมาจากบ้านใหญ่คอยช่วยมาดูแลลูกชายของท่าน

      
            “ได้ค่ะ”

      
            “แล้วก็ ... อย่าบอกแม่ผมนะครับ พอดีเราทะเลาะกันนิดหน่อย” บอกกันเอาไว้เผื่อขึ้นไปเห็นสภาพห้องและสภาพของว่าที่ลูกสะใภ้คนเล็กของบ้านแล้วจะตกใจ เกิดไปบอกแม่ขึ้นมาผมยุ่งเลยนะ เก่งกาจในโลกข้างนอกแค่ไหนพออยู่ในบ้านกับพ่อแม่เราก็ยังเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ อยู่ดีนั่นแหละ

      
            “ค่ะคุณรัก” ผมยกกาแฟดำซดจนหมดแก้วก็ออกจากบ้านตรงไปยังโรงพยาบาลเพื่อทำหน้าที่ตัวเองเหมือนเช่นทุกวัน ก่อนจะไปเข้าเวรของตัวเองก็แวะไปลางานให้นิลินเรียบร้อยเพื่อไม่ให้ใครมาว่าคนของผมลับหลังว่าทิ้งงานได้

      
            แต่วันนี้ดูเหมือนจะเป็นผมมากกว่าที่โดนผู้ใหญ่และเพื่อนด้วยกันเอ็ดว่าไม่มีสมาธิทำงาน เฮ้อ เอาหน่อยเว้ยไอ้รัก ชีวิตมันไม่ได้มีแค่เรื่องความรักอย่างเดียวเว้ย













      
            ผ่านไปเป็นอาทิตย์ ระหว่างผมกับนิลินก็ยังคงใช้ชีวิตไปตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนกับฝาแฝดตัวเองนั้นยังไม่ได้เคลียร์กัน ไม่ใช่ว่าไม่อยากเปิดใจคุยกันนะแต่เพราะต่างคนต่างยุ่งเลยไม่ได้เจอกันสักทีทั้งทีอยู่โรง’บาลเดียวกันแท้ ๆ

      
            ผมใช้เวลาในช่วงพักหลังจากกินข้าวเสร็จลงมาหากาแฟดื่มกระตุ้นตัวเองสักหน่อย แต่ก็บังเอิญเจอเจ้ากันต์อีกครั้ง น้องมันส่งยิ้มมาให้พร้อมกับเดินมานั่งลงที่โต๊ะเดียวกันกับผม

      
            “ไงเรา” ดูลักษณะแล้วคงเคลียร์กับไอ้พี่ชายผมเรียบร้อย

      
            “ก็ดีครับ พี่ล่ะเป็นไงบ้าง”

      
            “ก็ดี”

      
            เราต่างหัวเราะออกมาพร้อมกัน เพราะอยู่ในจุดเดียวกันเลยทำให้ผมกับน้องเข้าใจความรู้สึกของกันและกัน ปากบอกทุกอย่างเคลียร์แล้วแต่ในใจมันก็ยังคงมีก้อนความขุ่นมัวตกตะกอนอยู่คงต้องใช้เวลากว่าอะไร ๆ มันจะดีขึ้น

      
            “แล้วนี่มาหาไอ้แทนมันเหรอ”

      
            “ครับ เอาข้าวมาส่ง” น้องมันชี้ถุงที่วางไว้ข้างตัว ผมพยักหน้ารับ อดอิจฉาไอ้แทนไม่ได้เลยที่ได้เจอคู่ชีวิตดี ๆ แบบนี้ เข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงยอมแลกทุกอย่างเพื่อรักษาคนตรงหน้าเอาไว้

      
            “มัน ... เป็นยังไงบ้าง”

      
            “พี่อยากฟังเรื่องไหนล่ะครับ” เนี่ย ไอ้เด็กนี่มันใช้ได้

      
            “หึ อยากเล่าให้พี่ฟังเรื่องไหนบ้างล่ะ” กันต์โคลงหัวไปมาอย่างกวนประสาท แต่สุดท้ายก็ยอมเปิดปากเล่าเรื่องจากฝั่งของไอ้แทนออกมาให้ผมได้รับรู้

      
            “ผมไม่ได้พูดเพราะจะเข้าข้างพี่แทนหรอกนะครับ ผมรู้ดีว่าพี่เองก็เจ็บเหมือนกันแต่ยังไงพี่สองคนก็เป็นพี่น้องกัน ลองหาเวลาคุยกันดูหน่อยนะครับเผื่อจะทำให้ความรู้สึกที่ติดค้างอยู่ในใจของพวกพี่มันดีขึ้น” ผมรับฟังสิ่งที่เด็กคนนี้พูดอย่างเต็มใจ คงเพราะเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายและมักพยายามเข้าใจคนอื่นเสมอทำให้น้องดูเป็นผู้ใหญ่พอที่จะอยู่เคียงข้างไอ้แทนได้

      
            “โกรธไอ้แทนมันบ้างไหม”

      
            “โกรธสิครับ ผมโกรธอยู่ตั้งหลายวันจนทำเอาเราเกือบตาย”

      
            “แล้วทำไมยอมให้โอกาสมันล่ะ”

      
            ผมกำแก้วกาแฟตัวเองที่ปล่อยให้หยดน้ำเกาะจนน้ำด้านในละลายเสียรสชาติกาแฟไว้แน่น กำมือและทิ้งสายตาอยู่แบบนั้นราวกับว่ากำลังหาที่ยึดเหนี่ยวตัวเองเพราะตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ที่ต้องคอยให้ใครสักคนดึงความกล้าหาญในตัวผมออกมา

      
            “เพราะรักล่ะมั้งครับ สุดท้ายผมก็เข้าใจว่าเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นไม่ได้มีแค่เราที่เสียใจอยู่ฝ่ายเดียว พี่แทนเขาก็รู้สึกผิดไม่น้อยที่กลายเป็นคนทำร้ายน้องชายด้วยมือตัวเอง”

      
            “…”
   
      
            พอได้ยินแบบนั้นผมก็นึกย้อนไปถึงวัยเด็กที่เราสองคนตัวติดกัน เล่นด้วยกัน ไม่ยอมให้ใครมาแย่งความสนใจกันและกันไป มีอะไรก็คอยช่วยเหลือกันตลอด แม้เราจะเกิดวันเดียวกันห่างกันไม่กี่นาทีแต่แทนคุณก็บอกกับผมและตัวเองเสมอว่ามันเป็นพี่ มีอะไรมันจึงเสียสละให้ผมเสมอ เวลามีคนมารังแกผมมันก็จะเป็นคอยจัดการพวกนั้นให้ตลอด

      
            เคยมีอยู่ครั้งนึงสมัยมัธยมผมซ้อนมอ’ไซค์มันกลับบ้านแต่เพราะมีรถตัดหน้าเลยพาเราคว่ำจนทำให้เจ็บทั้งคู่ จำได้เลยว่าวันนั้นมันร้องไห้อย่างหนักเพราะเห็นผมกระดูกขาร้าวจากการถูกตัวรถทับ มันขอโทษพ่อกับแม่ ขอโทษผมอยู่หลายรอบที่ทำให้ผมเจ็บตัวเพราะตัวมันเอง

      
            นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่มันทำให้ผมเจ็บตัว แม้จะไม่ใช่ความผิดมันทั้งหมดก็ตาม ซึ่งไม่ได้ต่างจากครั้งนี้เลยสักนิดและความผิดครั้งนี้จะให้ผมทู่ซี้โยนให้มันผิดคนเดียวก็ใช่เรื่อง

      
            “สู้ ๆ นะพี่ ผมเชื่อว่าพี่สองคนจะผ่านมันไปได้”

      
            “ขอบใจมากนะกันต์ พี่ก็หวังให้เราผ่านมันไปได้เหมือนกัน” น้องค้อมหัวให้ก่อนจะเดินออกจากร้านกาแฟไป ผมละสายตาจากคนรักของพี่ชายกลับมาจมจ่อมกับความคิดตัวเองอีกครั้ง แต่สุดท้ายพระเจ้าก็คงเห็นใจเล็กน้อยไม่อยากให้ผมเส้นประสาทแตกตายไปกอน เสียงเรียกชื่อจากโอเปอร์เรเตอร์ก็ดังขึ้นจากการถูกตามตัวด่วน

      
            อาจจะเป็นหนึ่งในข้อดีของการเป็นหมอที่มีเวลาให้คิดแต่เรื่องงานจนลืมคิดเรื่องแย่ ๆ ไป
      
      

(ต่อข้างล่าง)

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___
(ต่อจากข้างบน)



            จบลงไปอีกอาทิตย์ของการทำงาน วันเสาร์นี้เป็นวันหยุดของผมและไอ้แทน ใช่ ผมไปแอบกระซิบถามผู้ช่วยมันมา ทำให้ตอนนี้ผมมายืนอยู่หน้าคอนโดของมัน ชั่งใจว่าจะโทรบอกให้มันลงมารับหรือจะรอจังหวะมีคนเปิดประตูแล้วทำเนียนเข้าไป

      
            “อ้าวคุณหมอแทน ลืมเอาคีย์การ์ดมาเหรอครับ” รปภ.หน้าตึกเข้ามาทักเมื่อเห็นผมยืนจดจ้องอยู่นาน เอาล่ะ มีหนทางที่จะเข้าแล้ว ข้อดีของการมีแฝดนี่แหละครับ

      
            “ครับ พอดีผมรีบ ๆ ยังไงรบกวนพี่เปิดให้ผมทีได้ไหมครับ” พี่รปภ.ตอบรับอย่างยินดี ผมได้แต่ขอโทษพี่เขาในใจแล้วเดินเข้ามาข้างในอย่างที่ไม่ทำให้ใครสงสัย

      
            ดีที่ลิฟต์ไม่ต้องใช้คีย์การ์ดไม่อย่างนั้นคงต้องรบกวนรีเซปชั่นให้ความแตกแน่ ๆ ผมยืนถอนหายใจอยู่หน้าห้องมันเพื่อทำใจ ยอมรับแมน ๆ ว่าไม่อยากเสียฟอร์มแต่ถ้าไม่ได้คุยกันผมก็คงไม่มีทางสบายใจ เรื่องราวมันค้างคามาหลายปีทำความสัมพันธ์พี่น้องพังย่อยยับมันถึงเวลาที่ต้องกู้กลับคืนมาเสียที
      
      
            ผมได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากอีกฝั่งนึงที่เป็นระเบียงออกไปสำหรับพักผ่อนของคนในคอนโด แล้วก็พบร่างผอม ๆ ของกันต์และแฝดพี่ตัวเองที่กำลังทำหน้าเหนื่อยฟังคนรักตัวเองบ่น พอได้ยินว่าน้องมันบ่นอะไรผมก็หลุดหัวเราะออกมา

      
            “พี่อย่าเล่นตัวหน่า โทรหาพี่รักเดี๋ยวนี้เลยว่าพี่เขา— พี่รัก!”

      
            “ไง”

      
            “อ่างั้นกันต์เข้าไปรอในห้องดีกว่า ไม่ดีกันไม่ต้องกลับเข้ามาเลยนะครับ” น้องมันหันไปบอกคนรักตัวเองพร้อมกับดึงคีย์การ์ดมาถือไว้

      
            “ใจเย็น ๆ กันด้วยนะครับ” คนเด็กสุดทิ้งท้ายเอาไว้แล้วหายเข้าไปในห้อง ทั้งทางเดินเงียบ ๆ เลยเหลือผมกับมันที่ยักไหล่แล้วหมุนตัวเดินกลับไปยังระเบียงโดยมีผมเดินตาม

      
            ผมกับมันยืนพิงเหล็กกั้นเอาไว้ มันหันหน้าออกและผมหันหน้าเข้าราวกับว่ากลัวที่จะมองหน้ากัน เราไม่ได้พูดอะไรกันเกือบห้านาที มันคล้ายจะเป็นความกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อยเพราะต้องยอมรับว่าเราห่างกันไปนานมากแล้ว จะให้ต่อติดกันภายในชั่ววินาทีเดียวคงเป็นไปไม่ได้

      
            “กูขอโทษนะ” ไอ้แทนยังคงเป็นคนเอ่ยปากก่อน ผมก้มหน้าแค่นยิ้มกับตัวเอง มันก็ยังคงเป็นมันที่ไม่ว่าอะไรก็จะเป็นคนพูดขอโทษก่อนเสมอ

      
            “กูก็เหมือนกัน”

      
            “มึงไม่ผิดจะขอโทษทำไมวะ”

      
            “แล้วมึงผิดอะไรวะแทน มึงก็ไม่ผิดเหมือนกัน” ผมสวนทันทีเช่นกัน ถ้ามันบอกว่าผมไม่ผิด ผมก็ไม่คิดว่ามันผิดเช่นกัน เราต่างไม่รู้ เราต่างถูกหลอกใช้ความรักด้วยกันทั้งนั้น ไม่อยากจะโทษหรอกนะแต่เพราะผู้หญิงคนนี้ทำให้เราผิดใจกันจริง ๆ

      
            “ไม่รู้สิ กูรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนทำลายความรู้สึกของมึง วันที่มึงมาบอกกูว่าจะแต่งงานกับลิน แววตามึงมีความสุขมากเลยว่ะ มันทำให้กูรู้เลยว่ามึงรักเธอมากแค่ไหน กูถึงได้รู้สึกผิดมาจนทุกวันนี้ จนไม่กล้าไปเจอหน้ามึง เจอหน้าพ่อแม่”

      
            ผมฟังความในใจของพี่ชายด้วยอารมณ์คุกรุ่น ทำไมมันถึงเลือกให้คนนอกเข้ามาทำลายความสัมพันธ์ความเป็นพี่น้องของเราวะ ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจว่ามันรู้สึกผิดหรอกนะ แต่ไม่รู้ดิ มันน่าจะมีทางที่ดีกว่าปล่อยผมเคว้งอยู่คนเดียวมาหลายปีหรือเปล่าวะ


พลั่ก!

      
            ครับ ผมกระชากมันมาต่อยไปหนึ่งทีด้วยความหงุดหงิด มันหงายลงไปนอนกับพื้นเพราะไม่ได้ตั้งตัว แต่มันกลับมองผมด้วยสายตารู้สึกผิดและบอกราวกับว่าให้ผมต่อยมันอีก ต่อยจนกว่าจะพอใจ

      
            “กูถือว่าหายกัน จบเรื่องเหี้ย ๆ ไว้แค่นี้”

      
            แต่ผมก็ไม่ได้ทำมันอีกครั้ง ไม่ใช่ว่ามันรักผมฝ่ายเดียว ผมก็รักมันมากเหมือนกัน มันคงไม่รู้ว่าผมมองมันเป็นไอดอลมาตลอดและการที่ผมมาเป็นหมออยู่ทุกวันนี้นั่นก็เป็นเพราะมันเหมือนกัน ผมมันเด็กติดพี่ชายและที่บ้านรู้กันดี ตอนแรกที่จะสอบเข้าหมอพ่อกับแม่ก็เป็นห่วงว่าผมจะไม่เลือกทางที่ผมชอบจริง ๆ

      
            แต่ไม่มีใครรู้หรอกครับว่า ไอ้เด็กติดพี่คนนี้มันมีความสุขกับการที่จะได้ผ่านทุกช่วงชีวิตโดยมีพี่ชายตัวเองเคียงข้างแค่ไหน

      
            “แล้วมึงกับลินเป็นยังไงบ้าง” เราทั้งคู่เดินมานั่งกันที่ม้านั่งข้างกัน บรรยากาศความสบายใจเล็ก ๆ กลับมาอีกครั้ง

      
            “ก็คงต้องอยู่กันไปแบบนี้” ผมหัวเราะเมื่อเห็นคิ้วไอ้แทนขมวดแน่น มันหันมามองหน้าด้วยความไม่เข้าใจ

      
            “ทำไมวะ”

      
            “กูทั้งรักทั้งชังว่ะ ตอนนี้กูกับเขาก็เหมือนอยู่ไปเพื่อกันตายอะ มันสุขไม่สุดแต่มันก็ทุกข์ไม่สุด จริง ๆ มันก็ไม่ได้ต่างจากก่อนหน้านี้เท่าไหร่ เราต่างเล่นละครตบตากันมานานแล้วอะมึง”

      
            ผมเชื่อว่าผมกับนิลินรักกันจริงแต่ไม่ได้รักกันมากพอที่จะปล่อยเรื่องนี้ไปได้ ผมเป็นคนเจ็บแล้วจำ ส่วนเธอก็คงรู้สึกผิดและเคืองที่ทำให้ไอ้แทนมันกลับไปไม่ได้ สภาพระหว่างเราตอนนี้มันก็ไม่ต่างจากที่ผ่านมาเพราะรักแต่แค่ไม่แสดงออกในด้านแย่ ๆ ทำเป็นมองไม่เห็นความลับที่ถูกเผยออกมาจนกัดกร่อนความสัมพันธ์ก็เท่านั้น เราก็ยังคงพยายามปฏิบัติต่อกันเหมือนเดิม

      
            “มึงโอเคเหรอวะ”

      
            “ก็ไม่หรอก ถ้าอยากให้กูหลุดพ้นมึงกับทีมวิจัยก็รีบสร้างเครื่องทดเวลาให้สำเร็จสิ” ผมพูดแหย่จนไอ้แทนเบ้หน้าใส่ รู้กันดีว่าการจะทำให้เครื่องทดเวลาสำเร็จมันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย เขาทำกันมาหลายรอบแล้วและกว่ามันจะสำเร็จอาจจะต้องรอวิทยาการใหม่ ๆ ของอีกสิบปีข้างหน้าล่ะมั้ง
   
      
            “มีอะไรก็คุยกับกูได้เหมือนเดิม” ผมหันไปกระตุกยิ้มใส่คนฟอร์มมากที่พูดเสียงเบาแถมยังทำเป็นมองนั่นมองนี่ไปเรื่อยอีกต่างหาก

      
            “อืม มึงก็ด้วย”

                  
            “เออ”

      
            “แล้วมึงกับกันต์เป็นไงบ้างล่ะ”

      
            “น้องน่ารัก น้องดีมาก ๆ ดีมากจนกูรู้สึกเหี้ยที่ทำให้เขาเสียใจเลยล่ะ” ผมหัวเราะพลางตบบ่าไอ้แทนอย่างเข้าใจ คนแบบน้องกันต์ไม่ต้องพยายามทำอะไรแค่เป็นตัวเองที่ดีขนาดนั้นคงทำให้คนมีชนักติดหลังรู้สึกแย่ไม่ยาก

      
            “มึงโชคดีมากนะที่ได้เจอน้องมัน ใช้ความรักและเวลาเยียวยาไม่นานก็คงดีขึ้น”

      
            “กูก็หวังแบบนั้น”

      
            “รักษาน้องเอาไว้ให้ดีล่ะ”

      
            “กูรู้หน่า”

      
            “หึ” เราสองคนลุกขึ้นยืนเพื่อกลับไปที่ห้องไอ้แทน ผมมองแผ่นหลังพี่ชายตัวเองด้วยความคิดถึงก่อนจะกระตุกยิ้มแล้วกระโดดกอดคอมันไว้ ไอ้แทนหันมาจิ๊ปากใส่แต่ก็ยอมให้ผมกอดคออยู่แบบนั้น ระหว่างทางเดินกลับเราคุยกันถึงเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย

      
            “เดี๋ยวกูกลับเลยแล้วกัน”

      
            “อยู่ด้วยกันก่อนสิพี่รัก” กันต์โผล่หน้าออกจากครัวมาบอก

      
            “ไม่อยากเป็นก้างว่ะ” ผมขำเมื่อโดนเด็กมันกลอกตาใส่

      
            “อยู่กินข้าวด้วยกันก่อน” ไอ้แทนมันพูดนิ่ง ๆ ก่อนจะเดินหนีเข้าครัวไปหาแฟนมัน ส่วนผมที่เห็นหูแดง ๆ ของพี่ตัวเองแล้วก็หลุดหัวเราะเสียงดัง

      
            “ไอ้สัดรัก!”

      
            “คิดถึงกูก็พูด”

      
            “ไอ้ควาย!”

      
            “ฮ่า ๆ”

      
            ผมมองอาหารมากมายที่อยู่บนโต๊ะด้วยความตะลึงเล็กน้อย กินกันสามคนแต่กับข้าวเหมือนทำมาเลี้ยงทั้งคอนโด กันต์หลุดขำเมื่อเห็นสีหน้าผมก่อนจะพยักเพยิดไปทางไอ้พี่ชายตัวดีที่นั่งเก๊กหน้านิ่ง ผมอมยิ้มเมื่อเห็นอาหารเกินครึ่งในนี้นั้นเป็นของที่ผมชอบ

      
            สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านั้นทำให้ผมมั่นใจแล้วว่า ต่อให้ความเป็นคนรักของผมและลินจะไม่เหลือชิ้นดี แต่ความเป็นพี่น้องของผมกับมันจะยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง













      
            “งานอาทิตย์นี้คือให้ไปสัมภาษณ์เพื่อนหนึ่งคน ในหัวข้อเกี่ยวกับเวลา ความยาวอย่างต่ำหนึ่งหน้ากระดาษ ไม่จำกัดคำถาม ทำเป็น Q&A ค่ะ” พอได้ยินสั่งงานก็โอดครวญกันเป็นแถวทั้งที่งานไม่ได้ยากมากหรอกแต่ขอให้ได้บ่นก่อน

      
            “เอ้า ๆ เดี๋ยวค่อยคุยฟังกันก่อน ส่วนคู่สัมภาษณ์เนี่ยจะให้จับฉลากนะคะ ที่ทำแบบนี้เพราะเราเป็นเซ็คใหญ่จะได้รู้จักกันทั่วถึง อีกอย่างในอนาคตคุณคงไม่ได้จะคุยแต่กับเพื่อนสนิทตัวเองหรอกเนอะ มาค่ะ เดินออกมาทีละแถว” อาจารย์อธิบายก่อนจะเปิดโปรแกรมสุ่มเพื่อให้เรากดสุ่มหาคู่ของตัวเอง

      
            วิชานี้เป็นวิชาเทคนิคการสัมภาษณ์งานก็ต้องมาแนวนี้อยู่แล้ว แต่ติดตรงที่กันต์ไม่ชอบสัมภาษณ์ใคร ไม่ชอบคุยกับใครเยอะ ๆ น่ะสิ แล้วดูสิงานนี้ต้องคุยกับคนไม่รู้จักแม้จะเห็นหน้าค่าตากันมาบ้าง แต่ก็ไม่รู้จักไง ไม่รู้ตอนนั้นคิดอะไรอยู่ถึงมาเรียนสื่อสารฯ คนตัวผอมพ่นลมออกมาอย่างท้อใจ

      
            พอถึงคิวกันต์ก็เดินไปกดปุ่มที่คีย์บอร์ดเพื่อเริ่มสุ่มแล้วนับ 1-3 ในใจก่อนจะกดหยุด ชื่อและรหัสของเพื่อนในคลาสเดียวกันปรากฏขึ้นมา ทำเรียวคิ้วสวยขมวดเข้าหากัน ปากเล็กขมุบขมิบกับตัวเองว่า “ใครวะ”

      
            “ใครได้คู่ใครก็ไปคุยกันนะ งานส่งอาทิตย์หน้าในคาบนะคะอย่าลืม วันนี้เท่านี้แหละค่ะ” พออาจารย์เดินออกไปกันต์กับดิมก็ไม่ได้รีบที่จะเข้าไปคุยอะไรนักเพราะหิวเกินกว่าจะมีอารมณ์คุยงาน เลยพากันเดินออกจากห้องทันทีแบบที่ไม่สนใจว่าคู่ตัวเองจะอยากคุยงานหรือเปล่า

      
            “ขี้เกียจชิบหาย งานใหม่มาอีกละ” ดิมเดินบ่นระหว่างกำลังกินข้าวที่โรงอาหาร วันนี้มีเรียนทั้งวันเลยทำเอากันต์ที่นั่งปั่นงานทั้งคืนเพิ่งได้นอนไปสามชั่วโมงนั่งกินข้าวตาปรือ

      
            “ไอ้กันต์ มึงกินให้เสร็จก่อนดิ๊ ลืมตา!”

      
            “ง่วงอะ”

      
            “ก็กูบอกแล้วให้รีบทำ ๆ เป็นไงล่ะ”

      
            “เอออ อย่าบ่นหน่า” กันต์เอียงหัวหลบมือเพื่อนที่เอื้อมมาจะดีดหน้าผาก ก้มหน้าก้มตากินข้าวตรงหน้าให้หมดจะได้มีเวลาเหลือไปงีบก่อนจะเข้าคลาสต่อ


ครืด ครืด ครืด


P’TANN <3 : ทำอะไรอยู่ครับ
P’TANN <3 : เรียนอยู่หรือเปล่า


      กันต์มองแจ้งเตือนแล้วลอบยิ้มออกมาจาง ๆ พักหลังเราไม่ค่อยได้เจอกันด้วยเพราะหน้าที่ของพี่เขาที่ตอนนี้กำลังเลื่อนเป็นอาจารย์หมอเพื่อนักศึกษาแพทย์ที่กำลังจะเข้ามาทำงาน และเขาเองที่กำลังจะใกล้สอบมีทั้งงานและเตรียมตัวอ่านหนังสือ


เพิ่งกินข้าวเสร็จค้าบ : Punnakann
พี่อะ ไม่มีตรวจเหรอ : Punnakann


P’TANN <3 : วันนี้เสร็จแล้วล่ะ
P’TANN <3 : *sent a photo*


            เขากดดูรูปที่อีกฝ่ายส่งมาก่อนจะตกใจเมื่อเห็นใบหน้าหล่อฉีกยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มกำลังนอนหนุนตักแม่ของเขาอยู่

      
            หนุนตักแม่เขาเนี่ยนะ!

      
            ไปสนิทกันขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน


P’TANN <3 : *sent a photo*

      
            รูปแรกยังไม่ทันถามให้เคลียร์รูปต่อมามีให้สงสัยอีกเมื่อกานต์หลานชายของเขานอนทับอกอีกฝ่ายอยู่ ทำไมเหมือนเป็นครอบครัวสุขสันต์ล่ะตกลงว่าใครเป็นลูกชายของบ้านกันแน่เนี่ย กันต์หลุดหัวเราะแม้จะสงสัยแต่ก็รู้สึกดีไม่น้อยที่พี่เขาเข้ากับที่บ้านได้ดีถึงจะยังโดนพี่ชายเขาแซะอยู่บ้าง


ไปอยู่บ้านกันต์ได้ไงเนี่ยย : Punnakann


P’TANN <3 : พี่เสร็จงานเร็ว ตอนแรกตั้งใจจะกลับบ้าน
P’TANN <3 : แต่พ่อกับแม่พี่ไปต่างประเทศ
P’TANN <3 : ก็เลยมาหาเราที่บ้าน แล้วเจอคุณน้ำพาหลานมาพอดี


อะไรอะ กันต์เป็นอาแท้ ๆ ยังไม่ได้เจอหลานเลย : Punnakann
ฮื่ออ คิดถึงน้องกานต์ : Punnakann


ครืด ครืด ครืด

      
            กันต์เงยหน้ามองหน้าห้องเมื่อยังไม่เห็นว่าอาจารย์เข้ามาจึงหยิบหูฟังมาเสียบแล้วกดรับสายวีดิโอคอลจากอีกฝ่าย กล้องสั่นไปมาเล็กน้อยเหมือนพี่เขากำลังหาที่วาง ก่อนที่หน้าจอจะฉายให้เห็นใบหน้าดูดีที่โทรมลงไปไม่น้อยแต่ก็ยังคงส่งยิ้มมาให้ อีกทั้งบนหน้าตักก็มีหลานชายตัวน้อยของเขานั่งจ้องมาตาแป๋วอยู่

      
            “ว่าไงคับน้องกานต์หลานอา หึยย คิดถึง”

      
            ( แอ๊ะ แอ๊ )

      
            ปากเล็กอ้าออกกว้างส่งเสียงอ้อแอ้กลับมา เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่ง ดิมที่เห็นเพื่อนหัวเราะก็โผล่หน้าเข้ามาดูด้วยอีกคน กันต์จึงได้ทีอวดหลานชายกับเพื่อนเสียเลย

      
            “หลานกู ๆ น่ารักปะ”

      
            “เออ หน้าโคตรเหมือนพี่น้ำเลย แต่ตาดูเจ้าเล่ห์ได้พี่กวิน”

      
            “ใช่ ๆ”

      
            “หวัดดีครับพี่แทน” ดิมทักทายแฟนเพื่อนก่อนจะผละออกมาปล่อยให้ครอบครัวเขาคุยกัน

      
            “พี่ได้นอนบ้างหรือยัง” กันต์เอ่ยถามคนรักด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เมื่อเห็นใต้ตาคล้ำและร่องรอยความเหนื่อยล้าปรากฏบนใบหน้านั้น

      
            ( นอนสิ ไม่นอนพี่คงแย่กว่านี้อีก เราล่ะแม่บ่นให้ฟังว่านอนน้อยเหมือนกันนี่ )

      
            “แหะ นิดหน่อยเองพี่ แค่ช่วงนี้แหละ”

      
            ( ดื้อนะ แล้วยังไม่ยอมบอกพี่อีก ) คนเด็กกว่ารีบยิ้มประจบเมื่อเห็นพี่เขาตีสีหน้าดุหรี่ตาคาดโทษมา นึกสภาพออกเลยว่าถ้ากลับไปถึงบ้านคงโดนบ่นแน่นอน

      
            “หูยย น้องกานต์ดูสิ อาแทนบ่นอาอีกแล้ว เอามือปิดปากอาแทนให้หน่อยเร้วว” กันต์ยิ้มจนตาหยีหยอกล้อกับหลานทำเอาคนอยากจะดุก็ดุไม่ออก จึงส่ายหัวไปมากับความขี้อ้อนที่นับวันยิ่งมากขึ้นทุกที

      
            ( เลิกเรียนกี่โมงครับ​ )

      
            “สี่โมงครับผม”

      
            ( งั้นเดี๋ยวพี่ไปรับนะ )

      
            “ไม่ต้องก็ได้ ๆ พี่รออยู่ที่บ้านนั่นแหละวันนี้ไอ้ดิมเอารถมาเดี๋ยวให้มันไปส่ง”

      
            ( เอางั้นหรอ )

      
            “ครับ กันต์อยากให้พี่พักอะ ระหว่างรอพี่ขึ้นไปงีบบนห้องกันต์ก็ได้นะ”

                  
            ( โอเคครับ ๆ งั้นเย็นนี้เจอกันนะ )

      
            คนเด็กกว่าพยักหน้ารับก่อนจะยกมือบ้ายบายทั้งอาและหลานแล้วกดวางสาย โดยมีสายตาล้อเลียนจากเพื่อนที่นั่งค้ำคางมองมาอยู่ กันต์เลิกคิ้วถามแต่ก็ได้รอยยิ้มกวนประสาทกลับมา

      
            “ปิดเทอมไปเที่ยวกันปะ”

      
            “เที่ยวไหนวะ”

      
            “ไม่รู้ว่ะ มึงมีไอเดียปะล่ะ”

      
            “หึ”

      
            บทสนทนาเรื่องจรรโลงใจจบแค่นั้นเมื่ออาจารย์ก้าวเข้ามาในห้อง คลาสเรียนเขียนสารคดีวันนี้มีวิทยากรมากประสบการณ์มาบรรยาย กันต์กระตือรือร้นที่จะเรียนด้วยเพราะชอบด้านการเขียน จนคาบเรียนที่ยาวนานกว่าสองชั่วโมงจบลงอย่างรวดเร็วในความรู้สึก ถึงจะชอบการเรียนวิชานี้แค่ไหนแต่ก็ดีใจที่หมดเวลาเสียทีเขาอยากกลับไปเจอคนที่บ้านจะแย่

      
            “ให้กูไปส่งใช่ปะ”

      
            “เออไปส่งหน่อย พี่แทนรออยู่ที่บ้าน” กว่าจะฝ่าการจราจรมาถึงบ้านก็ทำเอากันต์หลับไปหนึ่งตื่น

   
            “ขอบใจมากมึง”

      
            กันต์เดินเข้ามาในบ้านพบพ่อนั่งดูข่าวอยู่หน้าจอโทรทัศน์และแม่ที่เห็นหลังไว ๆ ในห้องครัว ส่วนคนที่มองหากลับไม่พบ ลูกชายคนเล็กเดินเข้ามากอดผู้เป็นพ่อด้วยความคิดถึงเพราะนานทีพ่อจะว่างจากงาน

      
            “ไงเรา อ้อนจะเอาอะไร”

      
            “พ่ออะ เปล่าซะหน่อย พี่แทนนอนอยู่เหรอ”

      
            “อืม เห็นเขาเพลีย ๆ พอหลานกลับก็เลยไล่ให้ขึ้นไปนอน” กันต์โคลงหัวรับแต่ยังไม่คลายกอด ทำเอาคนเป็นพ่อเหลือบมองลูกชายคนเล็กที่มาแปลกกว่าทุกที ปกติแล้วเจ้าลูกคนนี้จะสนิทกับแม่มากกว่าตัวเองแต่วันนี้กลับมากอดแบบนี้คงมีอะไรในใจ

      
            “พ่อ”

      
            “อืม”
   
      
            “แม่เคยทำให้พ่อโกรธบ้างไหม”

      
            “เคยสิ อยู่กันมาหลายปีจะไม่เคยได้ยังไง”

      
            “แล้วเคยเป็นเรื่องที่มันใหญ่มาก ๆ จนพ่อรู้สึกผิดหวังในตัวแม่บ้างหรือเปล่า” ผู้เป็นพ่อมองด้วยความเป็นห่วงอีหรอบนี้คงมีเรื่องกันมา เดาไปตามเรื่องราวคงไม่พ้นกับเรื่องคราวก่อนที่ทำลูกชายคนเล็กของตนหอบข้าวของหนีไปนอนบ้านพี่ชาย


            “ก็มีบ้าง แต่การที่เราผิดหวังเพราะเราคาดหวังใช่ไหม”

      
            “ก็ ... ครับ”
      
      
            “มันก็ไม่ผิดที่เราจะอยากคาดหวังใครสักคนที่เราให้ใจ แต่ทุกคนน่ะเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ย่อมมีข้อบกพร่องในตัวเองทั้งนั้น ขนาดเรายังทำพลาดได้แล้วทำไมคนอื่นเขาจะไม่ได้ล่ะถูกไหม”

      
            “…”

      
            “เราอาจจะรู้สึกว่าเราถูกทำร้ายความรู้สึก แต่ถ้าอีกฝ่ายเขามีเหตุผลที่ยอมรับได้หรืออย่างน้อยก็พอจะรับได้บ้าง เราก็ต้องถามตัวเองแล้วว่าเราจะเอาความรู้สึกแย่ ๆ พวกนั้นมาทำลายความรู้สึกดี ๆ ระหว่างกันหรือเปล่า”

      
            “หึ แต่กันต์รู้สึกแย่อะพ่อ บางทีมันก็เหมือนไม่กล้าสบตาเพราะกลัวจะแสดงอะไรออกไปยังไงไม่รู้ แบบนี้กันต์ควรทำยังไงดีครับ” กันต์กลายเป็นเด็กน้อยคนนึงที่กำลังเคว้งคว้างอยู่กลางทางต้องการพ่อกับแม่ช่วยปลอบประโลมและชี้นำอีกครั้ง

      
            “เพราะเรายังไม่ได้รู้สึกให้อภัยเขาจริง ๆ น่ะสิ ถึงปากบอกจะว่าไม่เป็นไร แต่ลึก ๆ เรายังไม่ได้รู้สึกแบบนั้นใช่ไหม”

      
            “ลองคิดดูนะว่าเขาทำผิดกับเราขนาดนั้นเลยเหรอ เราถึงไม่ยอมปล่อยวางจากก้อนหินหนัก ๆ ที่ถ่วงความรู้สึกเอาไว้เพื่อไปจับมือกันอีกครั้ง” ไม่ใช่พ่อตอบกลับเป็นแม่ที่เดินยิ้มเอ็นดูลูกชายคนเล็กที่เป็นคนตอบ ฝ่ามืออุ่น ๆ ที่คอยประคับประคองลูกคนนี้ประทับลงกลางกระหม่อมแล้วลูบเบา ๆ

      
            “ขอบคุณนะครับ งั้นกันต์ขึ้นไปหาพี่เขาก่อนนะ”

      
            กันต์รู้สึกเหมือนได้ปลดล็อกอะไรบางอย่างข้างใน เขากอดพ่อและแม่อีกครั้งแล้วลุกเดินขึ้นมาชั้นสองของบ้าน เปิดประตูเข้าไปก็พบร่างสูงใหญ่นอนกอดหมอนข้างจมอยู่ในห้วงนิทรา กันต์วางกระเป๋าลงอย่างเบามือแล้วค่อย ๆ คลานเข่าขึ้นเตียง ขยับเอนตัวนอนตะแคงมองคนรักที่แม้ในเวลานอนคิ้วก็ยังขมวดแน่นไม่ยอมคลาย

      
            นิ้วเรียวจึงยื่นไปคลึงหว่างคิ้วแผ่วเบานวดไปที่ขมับเพื่อช่วยผ่อนคลาย คนตัวโตขยับเอียงซบใบหน้าเข้าหาความอบอุ่นที่คุ้นเคย ปฏิกิริยาอัตโนมัติน่ารักแบบนั้นทำให้กันต์หลุดยิ้มออกมา มองมือตัวเองที่ถูกแนบแก้มอีกคนอยู่ด้วยความรู้สึกอุ่นในใจ

      
            นึกไปนึกมาก็อยากจะอวดช่วงเวลาแบบนั้นอย่างคนอื่นเขาบ้าง จึงหยิบโทรศัพท์ออกมากดถ่ายรูปมือตัวเองกับเสี้ยวหน้าพี่เขาแล้วอัพโหลดลงแอคเคาท์โซเชียลของตัวเอง



            ‘KANN.PK : เป็นของคุณ
      


            กันต์หัวเราะเมื่อเพื่อนหลายคนที่รู้จักรวมถึงดิมและจารินเข้ามาคอมเมนต์อย่างรวดเร็ว เพราะน้อยครั้งมากที่เขาจะเคลื่อนไหวแอคเคาท์ของตัวเอง พอโผล่มาอีกทีก็เป็นภาพที่สื่ออะไรได้หลายอย่างแบบนี้ กันต์ไม่คิดจะตอบกลับปล่อยไว้อย่างนั้นก่อนจะหันมาสนใจคนบนเตียงเหมือนเดิม

      
            คนตัวเล็กกว่าขยับเข้าไปใกล้ซบเข้ากับอกของพี่เขาอิงแอบเอาไออุ่นบ้าง ยิ่งคนตัวโตไม่ได้ใส่เสื้อยิ่งทำให้กันต์ได้สัมผัสอุณหภูมิร่างกายของพี่เขาได้ชัดเจน กันต์แนบใบหน้าลงในตำแหน่งเดียวกับตัวเลขสองหลักสีเหลืองบนอก นอนฟังเสียงหัวใจขยับเต้นเป็นจังหวะจนเพลินและหลับไปพร้อมกับหัวใจที่กลับมาเป็นสุขจริง ๆ อีกครั้ง

      
            โดยไม่ทันได้เห็นดวงตาคมที่เปิดขึ้นหลังจากนั้นฉายประกายความสุขมากแค่ไหน รอยยิ้มวาดออกมาอย่างเต็มแก้มอีกครั้งหลังจากไม่ได้ทำมานาน แทนคุณรู้ดีว่าตั้งแต่วันนั้นน้องก็มีระยะห่างต่อกันเพิ่มขึ้น เขารู้ดีว่าเพราะอะไรทั้งปัญหาวันนั้นที่ยังค้างคาใจและครั้งแรกของเราที่มันก้ำก่ึงระหว่างความเต็มใจและความจำยอม

      
            ก่อนหน้านี้แทนคุณได้แต่จับมือเล็กน้อยเพียงเท่านั้น เขาอดทนเพื่อรอเวลาวันที่น้องจะยอมเปิดใจให้กันอีกครั้งและนี่คงเป็นรางวัลของคนที่รอคอย วันนี้เขาได้น้องกลับคืนมาในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง แทนคุณไม่ขออะไรไปมากกว่าการที่ทุกวันหลังจากนี้เขาจะมีเด็กคนนี้อยู่เคียงข้างตลอดไป ไม่อยากให้มีอะไรมาทำให้เรารู้สึกไม่ดีต่อกันอีกแล้ว เขาได้แต่กระชับอ้อมกอดน้องและภาวนาให้พระเจ้าเข้าใจ









To be continued.
_____________________________________

TALK : โธ่ ๆ พี่แทนรักของน้อง
แทนคุณคือใครเอ่ยไม่รู้จักแล้วว อยากกอดพี่แทนรัก

ขอแจ้งนิดนึงค้าบ*
ตั้งแต่กันยาเป็นต้นไปเราทำงานแล้วและทำ 6 วันเลย
เวลาเขียนนิยายเลยลดลงมาก ๆ แต่จะพยายามมาให้บ่อยเท่าที่จะทำได้
อย่าเพิ่งลืมกันหรือทิ้งกันเลยน้า อยู่ด้วยกันก่อนนน ;-;

ยังไงก็ฝากคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้กันด้วยจ้า

TWITTER


#ครึ่งชีวิตของผม

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ได้เติบโตขึ้นบ้าง ได้เรียนรู้ ถึงจะปล่อยวางได้นะ

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
สงสารพี่แทนนนนนน
ลินก็น่าสงสารที่ปล่อยวางไม่ได้

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ดีใจที่พี่แทนกับพี่รักเคลียร์ปัญหาคาใจกันเรียบร้อยแล้ว เป็นกำลังใจให้พี่รักนะ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ค่อยๆเรียนรู้กันไป
อะไรที่ปล่อยวางได้ก็ปล่อย  :hao5:

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___


CHAPTER 14

I don’t want to see you with anyone else
But me.








22 มีนาคม 25xx

      
            กันต์รู้สึกตัวจากการถูกก่อกวนในเวลานอน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนที่เปลือกตาสีอ่อนจะค่อย ๆ ขยับเปิดขึ้นมา ภาพพร่ามัวในครรลองสายตาถูกปรับให้ชัดขึ้นตามกลไกของร่างกายเพื่อสบกับตาคมของคนที่นอนข้างกันตลอดทั้งคืน เพียงแค่สติฟื้นคืนมาก็เกิดอาการขลาดอายขึ้นมาเสียอย่างนั้นเมื่อนึกถึงสิ่งที่ทำลงไปเมื่อคืน และพี่เขาคงเห็นแล้วแน่นอนดูจากสายตาวาววับนั่น

      
            “อรุณสวัสดิ์ครับกระต่ายน้อย”

      
            “ค ครับ” แม้จะไม่ค่อยเข้าใจกับสรรพนามที่ถูกเรียกแต่เพราะยังเขินจึงไม่ได้สนใจจะไถ่ถาม กันต์ขยับตัวเพื่อจะลุกหนีแต่ก็ช้าไปแขนผอมถูกดึงไปจนหน้าซบอยู่กับอกพี่เขา

      
            “พี่แทน”

      
            “หืม”

      
            “ปล่อยเลยนะ”

      
            “ไม่ปล่อย ขอดูหน้าคนแอบถ่ายพี่ลงโซเชียลหน่อยซิ”

      
            แทนคุณก้มลงมองน้องที่มุ่ยหน้าอยู่บนอกตัวเองด้วยแววตาเอ็นดู ยิ่งเห็นแก้มที่ขึ้นสีอ่อน ๆ ยิ่งอยากฟัดใจจะขาดแต่ต้องอดใจเอาไว้ก่อน น้องคงไม่รู้หรอกว่าเมื่อเช้าพอตื่นมาแล้วเจอรูปตัวเองพร้อมกับคำบรรยายภาพแบบนั้น มันทำให้เขาใจเต้นแรงขนาดไหน

      
            “อะไรเล่า รู้ได้ไงว่าเป็นพี่ เห็นแค่นั้นเองอาจเป็นคนอื่นก็— อื้อ! พี่แทน” ปากที่เจื้อยแจ้วถูกบีบเมื่อกำลังพูดไม่ถูกหูคนฟัง

      
            “เดี๋ยวเถอะ”

      
            “งอนเหรอ” คนโตกว่าทำตาดุใส่แม้ในใจไม่ได้โกรธหรืองอนอะไรขนาดนั้น เพียงแต่ช่วงนี้ความรู้สึกมันอ่อนไหวพอโดนสะกิดนิดหน่อย ใจมันก็ชิงสั่นไม่สู้ดี

      
            “…”


      
            “ขอโทษนะครับ อย่างอนกันต์เลยนะ” กันต์วางคางบนอกแกร่งแล้วใช้จมูกดุนคางพี่เขาอย่างใจกล้าลืมความเขินอายไปหมดสิ้น

      
            คนถูกอ้อนถึงกับตัวเกร็งไปชั่วขณะเพราะไม่เคยเจอกับท่าทางแบบนี้ของน้อง แค่ช้อนสายตามองกันก็แทบบ้าแล้ว นี่อะไรคือการเอาจมูกมาดุนดันปัดป่ายคางเขาแบบนี้ ท่าทางเหมือนกระต่ายที่กำลังเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นแทนคุณก็บอกได้เลยว่า แพ้

      
            “โอเค ๆ” พอสีหน้าของคนโตกว่าคลายความนิ่งขรึมบนใบหน้า รอยยิ้มหวาน ๆ ที่เริ่มเห็นบ่อยขึ้นก็เผยออกมา นับวันกันต์ยิ่งแสดงกริยาน่ารักออกมาแบบที่เจ้าตัวคงไม่รู้ตัว

      
            จากวันแรกที่ได้เจอกันจนมาถึงวันนี้ที่ได้อยู่ด้วยกัน แทนคุณนึกเสียดายแทนคนรักเก่าที่เคยทิ้งหรือทำร้ายจิตใจน้องไป คนที่ดูภายนอกเหมือนไม่สนใจ ไม่ได้แคร์อะไรกลับเป็นคนที่แคร์มากกว่าที่คิดและน่ารักมากกว่าที่คาดไว้

      
            “นี่ 10 โมงกว่าแล้วนะ ไม่ไปทำงานเหรอครับ”

      
            “เข้าบ่ายครับ”

      
            “งั้นก็รีบไปอาบน้ำได้แล้วครับ เดี๋ยวสาย” คนแก่กว่าอิดออดไม่อยากออกไปทำงานเลยสักนิด พอเหนื่อย ๆ แล้วได้ชาร์จแบตจากน้องก็พาลเอาอยากนอนคุยนอนเล่นกันทั้งวัน

      
            พอนึกถึงความรับผิดชอบต่ออาชีพก็ทำให้ยอมลุกเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเอง ใช้เวลาไม่นานร่างสมส่วนที่อยู่ภายใต้ผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวไว้ผืนเดียวก็เดินออกจากห้องน้ำ ยืนมองเด็กที่ไม่ต้องไปเรียนวันนี้ด้วยนึกอิจฉา
   
      
            นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้พกชุดมาเผื่อแต่ก็แล้วเห็นชุดที่เขาใส่เมื่อวานซักและรีดแขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าเรียบร้อยก็หลุดยิ้มออกมา เหลือบมองน้องที่เล่นโทรศัพท์ทำเหมือนไม่สนใจแต่แก้มใสก็เป็นสีจาง ๆ

      
            “แล้ววันนี้เราจะทำอะไร”

      
            “อ่านหนังสือครับ แล้วก็คงเคลียร์งานด้วย”

      
            “สิ้นเดือนนี้พี่ออกตรวจยาวทุกวัน ไม่ได้เจอกันแน่เลย” คนแต่งตัวเสร็จก็เดินมาหากันต์ที่นั่งเอนหลังอยู่บนเตียง มือหนาอุ่น ๆ จับกระชับสองมือเล็กเอาไว้พลางใช้นิ้วโป้งลูบคลึงไปมือนุ่ม ๆ นั่นอย่างเพลิดเพลิน

      
            “ช่วงนี้กันต์เองก็ยุ่ง ๆ เหมือนกันใกล้ไฟนอลแล้วด้วยคงไปหาพี่ที่โรง’บาลไม่ได้แน่เลย”

      
            “ต้องคิดถึงมากแน่เลย”

      
            “เวอร์แล้วพี่แทน”

      
            “อะไรกัน เราจะไม่คิดถึงพี่เลยจริงอะ”

      
            “พอครับ ๆ ลงไปข้างล่างรอกินข้าวเลยเดี๋ยวกันต์ตามไป” กันต์ไม่ยอมให้พี่เขาต้อนจนอายอีก รีบลุกหนีเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ไล่หลังมา

      
            กว่าจะส่งคนโตที่วันนี้งอแงผิดปกติไปทำงานได้ แก้มของกันต์ก็แทบช้ำเพราะเอะอะก็ถูกจับฟัดจนเหนื่อยจะปราม ก็ถือว่ายอมให้เพราะหลังจากนี้คงได้เจอกันน้อยลงจริง ๆ พอพูดแล้วก็แอบใจหายขนาดตอนทะเลาะกันไม่เจอแค่ไม่กี่วันยังซึมเลย แล้วนี่เป็นอาทิตย์ ๆ จะทนไหวไหมนะ

      
            “เฮ้อ”

      
            หัวโต ๆ ถูกสะบัดไปมาเพื่อเอาเรื่องไม่ดีออกจากสมองก่อนจะเริ่มเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อลงมือเคลียร์งานต่าง ๆ ทั้งงานวิเคราะห์สถานการณ์ที่ต้องส่งถูกอาทิตย์ ไหนจะโปรเจ็กต์ภาพถ่ายไฟนอลที่ต้องจัดรูปเล่มส่งพิมพ์ แล้วยังจะงานใหม่ที่ต้องสัมภาษณ์เพื่อนอีก

      
            บ่นไปก็เท่านั้นสุดท้ายมือก็ต้องทำอยู่ดี เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วไม่รู้แต่ถ้าไม่ได้เสียงโทรศัพท์เรียกไว้เขาคงจมจ่อมกับงานตรงหน้าไปยันเย็นโดยไม่รู้ตัว

      
            peatx add you

      
            “ใครวะ” เพราะไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนแอดมาใหม่ทำให้กันต์ยังไม่กดรับ แต่ไม่นานเสียงข้อความเข้าใหม่ก็เตือนขึ้น และชื่อที่เห็นก็เป็นคนกัน


peatx : หวัดดี
peatx :  นี่ใช่กันต์ ปุณณกันต์ 614007 ปะครับ


อ่าใช่ ๆ : Punnakann
นี่ใครอะ : Punnakann


peatx : เราพีทนะ ที่จับคู่งานสัมกับกันต์อะ


เอ้ยย ใช่ เราลืมว่าจะหาคอนแทคอยู่ : Punnakann
ขอโทษทีๆ : Punnakann


peatx : ไม่เป็นไรๆ
peatx : เราจะมาถามว่าพรุ่งนี้เช้ากันต์ว่างมั้ย ตอนเย็นเรามีธุระน่ะ


จะสัมเลยใช่ปะ : Punnakann
ได้เลย เช้านี่กี่โมงดีอะ : Punnakann
ซักสิบโมงมั้ย เรามีเรียนเที่ยงครึ่ง : Punnakann


peatx : โอเคครับ
peatx : งั้นเจอกันหน้าตึกเนอะ


โอเคค : Punnakann


            หลังจากคุยงานเสร็จนัดแนะกันเรียบร้อยก็ขยับนิ้วไปเช็คห้องสนทนาของพี่เขาแต่ก็ไม่พบข้อความที่ฝากเอาไว้ ดูท่าจะงานยุ่งจนไม่ได้แตะโทรศัพท์เลยล่ะมั้ง กันต์ตัดสินใจทิ้งข้อความไว้เล็กน้อยก่อนจะกดล็อกโทรศัพท์เพื่อทำงานต่อ

      
            ด้านแทนคุนที่อยู่ภายใต้ยูนิฟอร์มของแพทย์รีบใช้เวลาพักสั้น ๆ พาตัวเองไปที่ร้านกาแฟด้านล่างพร้อมกับกล่องข้าวที่ฝากพยาบาลซื้อมา มือหนึ่งก็ตักข้าวเข้าปากอีกมือก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเช็คข้อความจากคนที่คิดถึง

      
            ‘ตั้งใจทำงานนะครับ อย่าลืมกินข้าวด้วยนะ’

      
            น่ารักจริง ๆ แฟนใครเนี่ย

      
            หึ จะหาว่าแทนคุณหลงน้องก็ย่อมได้ เขามีคู่น่ารักแบบนี้จะไม่ให้หลงไม่ให้รักยังไงไหว น้องเป็นแค่เด็กผู้ชายรูปร่างหน้าตาธรรมดาทั่วไป แต่รอยยิ้มกว้าง ๆ เผยให้เห็นฟันคู่หน้า กับดวงตาเรียวเล็กหางตกที่ดูเหมือนตระหนกตลอดเวลามันเป็นความพิเศษที่ดึงดูดใจ ไหนจะนิสัยเป็นคนตรง ถามตรง ตอบตรง ก็ทำให้เขาประทับใจ

      
            “ไอ้แทน”

      
            แทนคุณเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียกก็พบคนที่หน้าเหมือนตัวเองเดินเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวคู่กรณีที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังไม่สบตากันเหมือนทุกที ซึ่งเขาก็เข้าใจดีว่าเป็นเพราะอะไรและมันก็ดีแล้วที่ไม่คิดจะต่อความยาวอีก

      
            “ไงมึง พักเหมือนกันเหรอวะ”

      
            “เออ เดี๋ยวกูมานั่งด้วย ไปสั่งกาแฟแป็บ ... ลินเอาลาเต้ใช่ไหม” แทนรักบอกกับแฝดพี่ก่อนจะหันไปถามคู่ตัวเองที่ยืนเงียบผิดปกติหลังจากพาเดินเข้ามาหาแทนคุณ

      
            เมื่อแทนรักเดินไปทั้งโต๊ะจึงเหลือแต่บรรยากาศกระอักกระอ่วน แทนคุณก็นั่งกินข้าวพลางส่งข้อความไปก่อกวนน้องที่คงทำงานไม่ก็อ่านหนังสืออยู่ โดยไม่ได้สนใจหญิงสาวที่นั่งทำหน้าอมทุกข์อยู่ฝั่งตรงข้ามตัวเองแม้แต่น้อย และความกล้าที่เคยมีมาตลอดของนิลินเองก็หายไปตั้งแต่ในคืนนั้นแล้วเช่นกัน

      
            “แทนคะ”

      
            คนถูกเรียกทำเพียงแค่ละสายตาจากจอโทรศัพท์เหลือบขึ้นมองคนตรงหน้าเล็กน้อยเท่านั้น แค่ความนิ่งของในครั้งนี้ของแทนคุณมันต่างจากที่แล้วมา ก่อนหน้านี้นิลินยังสัมผัสได้ถึงความเกรงใจต่าง ๆ แต่คืนนั้นมันคือจุดแตกหักของความสัมพันธ์ทั้งหมดอย่างจริงจัง ความนิ่งและเฉยชาของแทนคุณจึงน่ากลัวกว่าทุกที

      
            นิลินกลืนก้อนความเสียใจลงไปยอมพูดสิ่งที่ติดอยู่ในใจตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาออกไป “ลินขอโทษนะคะ ขอโทษจริง ๆ” ดวงหน้าสวยสลดวูบเมื่อไม่ได้รับปฏิกิริยาตอบรับอะไรคืนมานอกจากความเงียบ

      
            “ลินคงไม่กล้าขอให้แทนยกโทษให้ แต่ลินอยากให้แทนรู้นะคะว่าตลอดเวลาที่เราคบกัน ลินรักแทนจริง ๆ”

      
            “พอเถอะ ถ้าคุณไม่รู้สึกผิดกับไอ้รักนั่นก็เรื่องของคุณ แต่ผมรู้สึกเพราะงั้นต่อให้เวลาที่ผ่านมามันจะดีแค่ไหน ผมก็ไม่สนใจ เอาเป็นว่ายกโทษให้และเราก็คงไม่มีอะไรติดค้างหรือต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก”

      
            แทนคุณเข็ดหลาบกับการเกรงใจจนทำให้คนที่เขารักเจ็บปวดมาแล้ว การที่กันต์ให้โอกาสเขาอีกครั้งนั่นหมายถึงว่าเขาจะไม่มีวันพลาดอีกเด็ดขาด ไม่คิดจะเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับผู้หญิงคนนี้แม้จะมีศักดิ์เป็นว่าที่น้องสะใภ้ก็ตาม

      
            “แทนคงรักเด็กคนนั้นมากเลยใช่ไหม ถ้าเด็กนั่นไม่ใช่คู่ของแทนล่ะยังจะเลือกอยู่หรือเปล่า” เมื่อได้ยินคำถามเขาถึงกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ นิลินยังหวังที่จะได้ยินคำตอบอะไรจากเขาอีกเหรอ

      
            “มันไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องตอบคุณ”

      
            คนถูกถามหมดอารมณ์จะนั่งพักต่อจึงลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกมาทันทีที่พูดจบ สวนทางกับแทนรักที่กำลังเดินกลับมาแต่แรงตบลงที่บ่าจากน้องชายฝาแฝดก็เป็นอันเข้าใจกันดี แทนคุณส่ายหน้าเมื่อรู้ทันว่าการที่แทนรักปล่อยคู่ตัวเองเอาไว้เมื่อครู่นี้ก็เพื่อจะให้เคลียร์กัน

                  
            แต่ก็นั่นแหละทุกอย่างมันจบลงแล้ว ต่อจากนี้เขาจะใช้ทุกเวลาที่เหลืออยู่เพื่อรักและดูแลอีกครึ่งชีวิตของตัวเองอย่างดีที่สุดเท่านั้น ว่าแล้วก็อดคิดถึงน้องไม่ได้เลยป่านนี้มัวแต่ทำงานไม่รู้ได้กินอะไรบ้างหรือยัง












            สุดท้ายคนที่บอกงานยุ่ง มีเวลาพักผ่อนน้อยก็ยอมลากสังขารตัวเองออกจากคอนโดมาที่บ้านของคนรักตัวเองแต่เช้าตรู่เพื่อรับอีกฝ่ายไปส่งที่ตึกเรียน อาศัยช่วงเวลาบนท้องถนนในการใช้เวลาอยู่ร่วมกัน แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ยังดี
      
      
            แต่ตอนนี้กันต์กำลังยืนหน้ามุ่ยเถียงกับคนรักอยู่ว่าใครจะเป็นคนขับรถยนต์ในเช้าวันนี้ กันต์เองเห็นสภาพใบหน้าแบบคนพักผ่อนน้อยของพี่เขาก็ไม่อยากให้ขับรถขับรา แต่คนโตกว่าก็แสนดื้อรั้นไม่แพ้กันเพราะที่มาก็เพื่ออยากดูแลคนน้อง

      
            “เดี๋ยวกันต์ขับให้ดีกว่านะ”

      
            “พี่ขับได้”

      
            “พี่แทน”

      
            “โอเคครับ ๆ” ก็นั่นแหละแทนคุณแพ้กระต่ายแสนดื้อของตัวเองอยู่วันยังค่ำ ยอมสแกนนิ้วตัวเองลงบนรถยนต์เพื่อปลดล็อกแล้วขยับไปนั่งฝั่งข้างคนขับแต่โดยดี

      
            ระยะทางจากบ้านไปถึงสถาบันค่อนข้างใช้เวลานานเล็กน้อย แอร์เย็น ๆ ในห้องโดยสารกับทำนองเพลงช้า ๆ ช่วยขับกล่อมคนอ่อนล้าให้คอพับคออ่อนไปอย่างง่ายดาย กันต์ลอบขำออกมาเมื่อเห็นเช่นนั้นสิ้นฤทธิ์กับการอาการดื้อดึง ง่วงก็ยังจะออกมาอีกเขาไม่บ่นให้ก็ดีแล้วเพราะเข้าใจกับเหตุผลของพี่เขานั่นแหละ

      
            “พี่แทน พี่แทนครับ”

      
            “ห หือ ถึงแล้วเหรอ”

      
            “ใช่ครับ พี่ไหวไหมเนี่ย”

      
            “ไหว ๆ ...​ ไหวจริง ๆ” แทนคุณยิ้มให้น้องพลางลูบใบหน้าเพื่อเรียกสติตัวเอง เผลอหลับไปจนได้ทั้งที่คิดไว้ว่าจะใช้เวลาตอนนั่งรถมองหน้าน้องให้หายคิดถึงสักหน่อย

      
            “จะกลับคอนโดหรือไปโรง’บาลครับ”
   
      
            “ไปโรง’บาลเลยครับ พี่ออกตรวจ 11 โมง”

      
            “งั้นตั้งใจทำงานนะครับ ไปถึงก็งีบก่อนก็ได้นะครับยังพอมีเวลา แล้วให้พี่พยาบาลเขาปลุก” นิ้วเรียวเล็กลูบลงที่แก้มตอบของคนพี่อย่างเบามือพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง แทนคุณพยักหน้ารับพร้อมทำตามคำบอกของน้องอย่างเต็มใจ

      
            “เรียนเสร็จแล้ว text มานะ”

      
            “ครับ บายครับ” กันต์ชะโงกหน้าไปกดจูบลงที่ข้างแก้มคนพี่แล้วรีบลงจากรถอย่างว่องไวเพราะแอบเห็นสายตาพราวระยับกลับมา ขืนออกช้ากว่านี้ต้องโดนเอาคืนจนไปตามนัดเพื่อนสายแน่ ๆ

      
            กันต์มาก่อนเวลานัดสิบห้านาทีจึงใช้เวลาทวนคำถามที่จะใช้สัมภาษณ์เพื่อนอย่างไม่รีบร้อน เขาคิดว่าตัวเองไม่ใช่นักสัมภาษณ์ที่ดีสักเท่าไร ชวนไอ้ดิมให้มานั่งเป็นเพื่อนก็โดนเทเพราะง่วงจากกิจกรรมเมื่อคืน พอฟังแล้วก็แอบกลอกตาไปหนึ่งทีอย่างนึกหมั่นไส้้เพื่อนตัวเอง

      
            แต่ก็แอบนึกถึงคืนนั้นของตัวเองอยู่เหมือนกัน มันดีนะ ไม่ใช่ว่าไม่ดี เขารู้สึกดีมากเลยแต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าเราไม่ได้เริ่มต้นด้วยความต้องการคลี่คลายปัญหาหรือเพื่อทำให้เลขบนอกมันกลับมาเหมือนเดิม พูดแล้วก็เบื่อกับโลกของตัวเองทำไมต้องเอาความเป็นคู่ไปผูกกับเวลาด้วยนะ

      
            “เฮ้อ ... เฮ้ย!” คนกำลังถอนหายใจอย่างเลื่อนลอยสะดุ้งสุดตัวเมื่อบ่าถูกสะกิดจากใครสักคน กันต์อุทานเสียงดังก่อนจะหันไปด้านหลังแล้วพบกับใครสักคนที่ไม่รู้จักแต่คุ้น ๆ หน้าอยู่นิดหน่อย

      
            “เฮ้ยเราขอโทษ ไม่คิดว่ากันต์จะตกใจขนาดนี้”

      
            “อ่า ไม่เป็นไร ๆ นี่พีทใช่ปะ?”

      
            “ครับ ตื่นเต้นนะเนี่ยได้คุยกับกันต์”

      
            “หือ ตื่นเต้นอะไรอะ”

      
            “ฮ่า ๆ ไม่มีอะไร ๆ เราแค่เห็นกันต์มาตั้งแต่เข้าเรียนแรก ๆ แล้วแต่ไม่มีโอกาสได้คุยกันเลยน่ะ” กันต์มองเพื่อนใหม่ที่ไม่ได้ใหม่เท่าไรหรอกพร้อมกับหัวเราะ เพราะเป็นคนพูดไม่เก่ง เข้ามาเรียนก็เกาะมากับดิมทำให้ได้คุยกับเพื่อนคนอื่นแบบผ่าน ๆ เวลามีงานกลุ่มเท่านั้น

      
            “อ๋า~ คุยได้นะเราไม่กัด ฮ่า ๆ ว่าแต่พีทอยู่เอกอะไรเหรอ”

      
            “ทีวีครับ ส่วนกันต์อยู่เจอาร์ใช่ปะเรารู้” 

      
            “เราดูแย่มากเลยอะ จำเพื่อนในเซ็คไม่เคยได้เลย” กันต์อดเขินไม่ได้ที่เพื่อนยังรู้แต่ตัวเองกลับไม่ได้ใส่ใจข้อมูลเพื่อนเท่าที่ควร พีทโบกมือเป็นเชิงไม่ถือสาหาความกับเพื่อนใหม่
   
      
            “เริ่มกันเลยไหม” พีทพยักหน้าก่อนที่เราทั้งคู่จะเริ่มผลัดกันถามคำถามที่เตรียมมา ตลอดระยะชั่วโมงกว่า ๆ ที่ได้พูดคุยทำให้กันต์รู้สึกดีกับเพื่อนใหม่คนนี้มาก อาจจะเพราะความคิดหรือเซนส์บางอย่างมันเข้ากันได้ดี

      
            ดิมกำลังมองเพื่อนตัวเองด้วยความสงสัยว่าทำไมวันนี้ติดโทรศัพท์ชอบกล จะบอกว่าคุยกับพี่แทนคุณ? ก็ไม่แน่ใจ ตั้งแต่มันคบกับพี่เขามาหลายเดือนก็ไม่เคยเห็นคุยโทรศัพท์บ่อยเท่านี้ หรือคุยกับเพื่อน? อันนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้กันใหญ่ กันต์มันไม่ได้มีเพื่อนสนิทถึงขนาดที่คุยกันได้ขนาดนี้นอกจากเขานี่

      
            “กันต์”

      
            “…”

      
            ยัง

      
            “ไอ้กันต์”

      
            “…”

      
            ยังคงนิ่งอยู่
   
      
            “ไอ้เชี่ยกันต์!”

      
            “เชี่ยดิม! ดีดหูกูไมเนี่ย เจ็บนะว้อย” คนตาเรียวหันมาค้อนขวับ ดิมถอนหายใจพร้อมกลอกตาใส่ ไม่ได้อยากจะแกล้งมันหรอกรู้ว่าผิวมันบางจับนิดจับหน่อยก็แดงแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาเพิ่งจะเรียกหรือเปล่า

      
            “กูเรียกมึงหลายรอบละ มัวแต่คุยกับใครวะ”

      
            “เพื่อน”

      
            “ใคร?” พอได้ยินคำตอบดิมก็ขมวดคิ้วทันที มันไปมีเพื่อนคนอื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมเขาถึงไม่รู้

      
            “พีท ทีวี”

      
            “?”

      
            “คู่งานสัมกู”

      
            “เออ ๆ แล้วมึงจะกลับยังไง”
   
      
            “ไม่— อ้าวพีท ไหนบอกทำธุระไง”

      
            ยังไม่ทันได้ตอบคำถามจบ กันต์ก็หันไปทักใครสักคนแล้วยืนคุยอย่างสนิทสนม ภาพตรงหน้าที่ได้เห็นทำเอาเพื่อนสนิททั้งชีวิตอย่างดิมยืนงง คุ้นหน้าคุ้นตาไอ้เพื่อนใหม่นี่อยู่แต่ก็ไม่คิดว่าเพิ่งเจอกันไม่เท่าไหร่จะทำให้สนิทกันได้ขนาดนี้

      
            “เสร็จเร็วเลยกลับมาทำงานต่อที่มอ อะขนม” กันต์ตาวาวเมื่อเพื่อนใหม่ยื่นถุงกระดาษที่สกรีนด้านหน้าเป็นชื่อยี่ห้อบราวนี่ร้านโปรดของเขาท่ีเพิ่งพูดถึงกันไปในข้อความ ไม่คิดว่าอีกคนจะซื้อมาให้แบบนี้

      
            “เฮ้ย ซื้อมาจริงดิ เราพูดเล่นเฉย ๆ เอง”

      
            “230 .. ล้อเล่น ฮ่ะ ๆ ซื้อให้จริง ๆ ถือเป็นของขวัญรับเพื่อนใหม่ละกัน”

      
            “โหย งั้นพีทก็เสียเปรียบแย่เลยอะ มีลูกอมอยู่สองเม็ด เอาไปแค่นี้ก่อนได้ปะ” กันต์หัวเราะตาหยีเมื่อถูกอีกคนดีดหน้าผากฐานกวนประสาทแต่ก็ยอมรับลูกอมสองเม็ดในมือไป

      
            “ขอบใจนะ ซึ้งสุดเลยว่ะ”

      
            “ไว้คราวหน้า ๆ ถ้างานได้เอจะพาไปเลี้ยงข้าวเลย”

      
            ดิมที่ยืนมองเพื่อนตัวเองหัวร่อต่อกระซิกกับคนอื่นแล้วรู้สึกแปลก ๆ จะว่าหวงเพื่อนเหรอ ก็ไม่ได้ขนาดนั้น แค่แปลกใจล่ะมั้งว่าทำไมคนเข้ากับคนอื่นยากอย่างมันถึงเข้ากับเพื่อนใหม่หัวเทานี่ได้ง่าย ๆ แบบนี้ เขาปล่อยให้คนเห่อเพื่อนใหม่ยืนคุยกันไปส่วนตัวเองก็ตั้งใจจะเดินหลบฉากมา แต่ขยับไปได้แค่ไม่กี่ก้าวก็ต้องชะงักเมื่อหันไปเจอพี่แทนคุณ

      
            อ้าว ชิบหายแน่นอนครับเพื่อนผม รังสีทะมึนแผ่ออกมาขนาดนี้ ต่อให้พี่เขาไม่ได้พูดคำว่าหึงก็รับรู้ได้เหมือนมีคำแปะอยู่บนหน้าผาก

      
            “อ่า หวัดดีครับพี่แทน”
   
      
            “ครับ นั่นใครน่ะ” ตรงประเด็นมากพี่

      
            “เห็นว่าเพื่อนใหม่อะพี่ เป็นคู่งานวิชาสัมภาษณ์ แม่งเพิ่งเจอกันนะเนี่ยแต่โคตรสนิทกันเลย สนิทกันจนผมงงอะ วันนี้ในคาบมันก็เอาแต่กดโทรศัพท์ตอนแรกผมก็นึกว่าคุยกับพี่” คนมีศักดิ์เป็นรุ่นน้องทำทีเหมือนเล่าอะไรไปเรื่อยเปื่อยแต่ก็ยอมรับว่าตั้งใจแกล้งเพื่อน

      
            เดี๋ยวมึงรู้เลยไอ้กันต์ว่าเวลาผัวหึงเป็นยังไง ชอบมาถามกูนัก 

      
            “พี่มารับมันใช่ปะครับ”

      
            “ครับ”

      
            “งั้นตามสบายนะพี่ ผมกลับละ” ดิมลาคนรักของเพื่อนแล้วก็เดินออกมาทันทีโดยที่ปล่อยระเบิดลูกใหญ่ไว้ตรงนั้นให้เพื่อนตัวดีจัดการเอาเอง


โชคดีนะเพื่อนรัก : Dimm

            
      
            “เอ้ย ต้องไปทำงานนี่หว่าเราก็ชวนคุยเพลิน”

      
            “ไม่เป็นไร เพื่อนเราเพิ่งออกจากหอเอง แล้วนี่กันต์กลับยังไงอะ” กันต์ที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าปล่อยเพื่อนตัวเองให้ยืนเคว้งคนเดียวก็รีบหันหลังกลับมาเพื่อจะเอ่ยปากถาม แต่แล้วก็เจอกับคนที่ไม่คิดว่าจะมาอยู่ตรงนี้

      
            “พี่แทน? มาได้ยังไงครับ”


            “แล้วทำไมพี่จะมาหาแฟนตัวเองไม่ได้ล่ะ”

      
            แทนคุณพ่นลมหายใจเพื่อระงับอาการหงุดหงิดแต่ก็ดูเหมือนจะทำได้ยากเหลือเกินในเวลานี้ แค่เห็นกระต่ายของตัวเองคุยกับคนอื่นก็อยากจะเดินไปแทรกกลาง แต่เพราะความเป็นผู้ใหญ่กว่าค้ำคอเลยทำได้เพียงยืนรอแค่นั้น

      
            สาบานจากใจว่าไม่ได้ตั้งใจใส่อารมณ์ไปในน้ำเสียง เพียงแต่การห้ามไม่ให้หึงหวงดูจะยากเกินความสามารถไปสักหน่อย เคยแต่แนะนำคนอื่นพอเจอกับตัวเองแล้วถึงรู้ว่าการหักห้ามใจมันไม่ง่ายเลยจริง ๆ

      
            มันไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความไม่เชื่อใจ แต่หวงแฟนไงครับ นั่นคือสิ่งที่แทนคุณอยากจะตะโกนออกไปแต่ก็ทำได้แค่ยิ้มบางให้เพื่อนใหม่ของน้อง ก่อนจะเดินไปโอบมือแตะอยู่ตรงบั้นเอวน้องเบา ๆ
   
      
            “อ่า … ค ครับ”

      
            กระต่ายตัวน้อยของเขาก็ยังคงน่ารัก ตอบรับเสียงเบาหวิวเพราะความเขินอาย แต่เกือบจะดีแล้วเชียวถ้าน้องไม่หันไปยิ้มให้ไอ้เพื่อนใหม่หน้าละอ่อนนั่น แทนคุณขบกรามตัวเองแน่นแม้ท่าทีเด็กตรงหน้าจะไม่ได้คุกคามหรือก้อร้อก้อติกน้อง แต่ก็ไว้ใจไม่ได้ น้องของเขานับวันยิ่งน่ารักแบบนี้ต้องป้องกันเอาไว้ก่อน
      
      
            “วันนี้พี่มารับไปคอนโดครับ ... ไปนะ คิดถึง” แทนคุณกระซิบบอกข้างหูคนข้าง ๆ แต่มั่นใจว่าคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลต้องได้ยินชัดครบถ้วนแน่นอน









To be continued.
_____________________________________

TALK : เสน่ห์แรงมากเลยหรอเราอะ ผู้รักผู้หลงมากเว่อ
อะให้พื้นที่เขาหวานกันหน่อยนะคุณ

ขอโทษที่หายไปนาน แต่ไม่ว่างเลยจ้ะ
ชีวิตการทำงานทำไมมันเหนื่อยแบบนี้ ;-;
ขอบคุณที่ยังรอกันนะคะ บอกเลยว่า อีกไม่นานก็จะจบแล้ว
อยู่ด้วยกันก่อนน้า


อย่าลืมคอมเมนต์หรือแท็กเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะจ๊ะพี่ๆ

TWITTER


#ครึ่งชีวิตของผม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-10-2018 22:13:23 โดย 19august »

ออฟไลน์ fon270640

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
น่ารักจังเรื่องนี้

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
เอ้อออออ เห็นพี่แทนหวงน้องแล้วมันก็กร้าวววว :-[

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดีๆ ไปคิดถึงกันที่คอนโดเลย
กันต์ ชักจะเสน่ห์แรงเกินไปแล้วนะ
พี่แทนยิ่งขี้หึงอยู่ด้วย  :เฮ้อ:

นิลินนี่ด้านชา เกินเยียวยา  :z6: :angry2:
ปากก็ขอโทษรัก ไม่ให้รักทิ้งนาง
ปากขอโทษแทน  แต่ในใจนางไม่ใช่เลย ไม่รู้สึกสำนึกผิดเลย
พอเจอแทนก็ยังพาดพิงมาถึงกันต์อีก วุ่นวายกับแทนไม่เลิก
แทนจะรักคู่ของตัวเองมันก็ถูกต้องแล้วนี่ นางช่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดีสักที

แทน  กันต์   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ดูท่าแล้วลินจะไม่ยอมจบง่ายๆเลย
ยังไม่สำนึกเลยว่าตัวเองผิด

ส่วนน้องกันต์ช่วงนี้สเน่ห์แรงมากเลยนะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
เบื่อพี่แทนอ้ะ
ทำไมต้องดี ทำไมต้องหล่อ  รักเดียวใจเดียวอีก 

อิจน้องกันต์

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
จะมีปัญหาตามมามั้ย
ทำไมไม่ระวังตัวเองเลยนะกันต์ รอบนั้นก็ทีนึงละ

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___


CHAPTER 15

You’re mine and only mine, all rights reserved.








            กันต์ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรผิดเพราะตั้งแต่ขึ้นรถมาบรรยากาศก็เปลี่ยนไปทันที มันมีแต่ความเงียบที่เขาเดาอารมณ์คนข้าง ๆ ไม่ถูก ภายในรถมีเพียงแค่เสียงแอร์และเสียงลมหายใจของเราสองคนเท่านั้น กันต์แอบมองลอดใต้เสื้อตัวเองเข้าไปก็ไม่พบว่าตัวเลขขยับเขยื้อนแต่อย่างใด


            แล้วพี่แทนเป็นอะไรหว่า?

      
            คนโตกว่ากดลมหายใจให้อยู่ในระดับที่สงบ บังคับใบหน้าตัวเองให้ไม่แสดงอาการอะไรไปมากกว่าความนิ่งเฉย แม้ในใจจะมันเขี้ยวน้องที่ทำหน้าซึมเหมือนโดนห้ามกินแครอทอย่างไรอย่างนั้น ไหนจะท่าทางที่เหลือบมองเขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ชวนให้อยากวาร์ปไปที่ห้องเสียเดี๋ยวนี้

      
            หากมีคนมาถามเขาว่า การอดทนที่ยากที่สุดในชีวิตคืออะไร

      
            ก็ขอตอบในทันทีว่า อดทนไม่ให้ฟัดกันต์ทุกเช้าเย็นนี่แหละยากที่สุดในชีวิตแล้ว

      
            หลังจากจอดรถยนต์เรียบร้อยแล้วคนน้องก็เดินกำสายกระเป๋าตัวเองแน่นด้วยความไม่สบายใจ เพราะไม่ว่าจะพูดอะไรไปพี่เขาก็ไม่หือไม่อืออะไรกลับมาเลย นั่นทำให้ใจเสียพยายามทบทวนความคิดตัวเองว่าเผลอทำอะไรให้โกรธหรือเปล่า แต่นึกจนสมองแทบแตกก็ยังนึกไม่ออก

      
            แต่ทันทีที่เข้ามาในลิฟต์ร่างผอม ๆ ของกันต์ก็ถูกโอบรั้งเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วโดยมีร่างกายของแทนคุณอยู่ด้านหลัง ใบหน้าหล่อลดลงมาแนบชิดกับข้างแก้มน้องพร้อมพ่นลมหายใจอุ่นร้อนชวนให้ใจสั่นไหว แทนคุณลอบยิ้มเมื่อเห็นอาการแข็งขืนของน้องในอ้อมแขน

      
            “เด็กไม่ดีต้องโดนลงโทษ”

      
            “ลง— อ๊ะ! พ พี่แทน” กันต์เผลอส่งเสียงออกมาด้วยความตกใจเมื่อถูกพี่เขาขบกัดลงที่ใบหู ใบหน้าซีดสลับแดงกลายเป็นกระต่ายตื่นตูมที่ทำเอาคนขี้แกล้งลอบยิ้ม นิ้วร้อนไล่วนช่วงเอวผ่านเนื้อผ้าบางทำเอาคนเด็กกว่าเผลอเกร็งหน้าท้องพร้อมกับความรู้สึกที่ตีขึ้นมา


ติ๊ง!

      
            โชคดีที่ลิฟต์มาถึงชั้นก่อนที่เขาทั้งคู่จะเผลอตัวเผลอใจกันไปมากกว่านี้ สงสารคนเฝ้ากล้องวงจรปิดเลยทีเดียว ระหว่างทางเดินมาถึงประตูห้องแขนใหญ่ไม่ปล่อยห่างออกจากเอวน้องเลยสักนิด

      
            ส่วนกันต์เองก็ได้แต่เดินก้มหน้าก้มตาซ่อนความแดงจัดของร่างกายเอาไว้ ไม่ได้คิดไว้เลยว่าพี่เขาจะทำแบบนั้นในลิฟต์มันน่าอายจะตาย แต่กันต์ได้แต่ครวญครางกับตัวเองเท่านั้นเพราะคนเริ่มกลับเดินตาเป็นประกายไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไร

      
            “เดี๋ยว ๆ เดี๋ยวครับพี่แทน”

      
            แค่พอเข้ามาในห้องเท่านั้นแหละกันต์ก็ถูกรั้งในตักพี่เขาทันทีแบบไม่ให้ตั้งตัว สภาพกันต์ในตอนนี้กลายเป็นกระต่ายตื่นตูมโดยสมบูรณ์ ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้างด้วยความเหลอเหลอทำตัวไม่ถูก ตั้งแต่ตกลงปลงใจกันมา ผ่านค่ำคืนแรกมาด้วยกัน พี่เขาไม่เคยรุกใส่ขนาดนี้มาก่อน

      
            “ว่าไง”

      
            “พี่แทนเป็นอะไร ทำไมวันนี้ดู ... รุกผิดปกติ”
   
      
            “ก็บอกแล้วว่าเด็กไม่ดีต้องโดนทำโทษ”

      
            “อื้อ ด เดี๋ยวสิครับ กันต์ไม่เข้าใจอะ” กันต์ถูกทำโทษด้วยกันขบริมฝีปากล่างคล้ายจะหยอกล้อมากกว่า แต่การกระทำนั่นก็ยิ่งทำให้เขาตาลีตาเหลือกด้วยความไม่เข้าใจ


ครืด ครืด ครืด

      
            กันต์สะดุ้งกับเสียงสั่นเตือนจากโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะด้านหน้าถัดจากโซฟา เราทั้งคู่หันไปมองบนหน้าจอและชื่อที่ปรากฏขึ้นมานั่นทำให้เรียวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน แทนคุณพ่นลมหายใจออกก่อนจะกระตุกยิ้มเมื่อลากสายตากลับมาที่หน้าของน้อง

      
            “ขอผมตอบข้อความเพื่อนก่อนได้ไหมครับ เผื่อมีเรื่องอะไรด่วน” ไอ้ท่าทางการช้อนตามองเพื่ออ้อนน่ะถ้าไปทำวันอื่นคงแพ้ราบคาบ แต่วันนี้ไม่มีการลดหย่อนโทษให้จำเลยอย่างแน่นอน

      
            “หมดเวลาคุยกับเพื่อนแล้วครับ คุยกับผ...พี่ดีกว่า” เสียงทุ้มที่กระซิบชิดข้างแก้มทำเอากันต์ถึงกับมือไม้อ่อนปล่อยให้โทรศัพท์ร่วงหล่นลงบนพื้น

      
            ก่อนที่ริมฝีปากจะถูกครอบครองอย่างไม่ได้ตั้งตัว คนโตกว่ารุกไล่ตามละเลียดชิมรสเยลลี่หวานนุ่มส่วนตัวไม่ยอมห่าง กายผอมที่อยู่บนหน้าขาถูกจับให้เปลี่ยนท่ากลายเป็นนั่งตัก ท่าทางชวนน่าอายทำให้เจ้าตัวพยายามซ่อนหลบซ่อนใบหน้าแต่ก็เท่านั้นเมื่อแรงที่มีสู้คนพี่ไม่ได้

      
            ใบหน้าเล็กยังคงถูกล็อคเอาไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่ แทนคุณไม่ปล่อยให้หยาดน้ำใสเล็ดลอดออกไปแม้เพียงหยดเดียว ความหวานล้ำที่ใครเขาว่ากันมันคงไม่ได้หมายถึงรสชาติแต่คงเปรียบกับความรู้สึกเมื่อได้สัมผัสและกลืนกินคนที่รักมากกว่า

      
            เนิ่นนานจนแทบหมดลมหายใจ มือเรียวขยุ้มไหล่พี่เขาเป็นเชิงร้องขอให้ได้มีโอกาสสูดลมหายใจสักระยะ เมื่อแทนคุณผละออกมากันต์ก็หอบหายใจอย่างแรงเพื่อกอบโกยอากาศเข้าไปชดเชยเมื่อครู่ ปากของน้องเริ่มบวมแดงจากการดื้อดึงของตัวเอง แอบรู้สึกผิดไม่น้อยแต่ก็อดใจไม่ไหวเลยสักนิด
   
      
            พอเป็นกันต์แล้ว เขาก็ลืมวิธีการควบคุมตัวเองไปจนสิ้น

      
            ก้านนิ้วยาวไกล่เกลี่ยที่ริมฝีปากนั้นอย่างแผ่วเบาเป็นการขอโทษกลาย ๆ ส่วนสันจมูกโด่งที่ยังซุกซนอยู่กับซอกคอขาวไม่ยอมไปไหน เพราะน้องเป็นคนตัวผอมและค่อนข้างสูงทำให้ลำคอเรียวยาว มันน่ามองมากและเป็นส่วนที่เขาชอบเข้าไปวุ่นวายมากที่สุด

      
            “ฮ ฮื่อ พ พี่แทน”

      
            กันต์หลุดครางเสียงแผ่วเมื่อช่วงรอยบุ๋มที่ลาดไหล่โดนดูดดึงจนเป็นสีแดง แทนคุณที่ถูกประท้วงเพราะความเจ็บจากการกระทำตัวเอง จึงไถ่โทษด้วยการใช้เกลียวลิ้นแลบเลียลงบนรอยนั่น แต่กลับยิ่งคล้ายจะแกล้งกันเสียมากกว่าเมื่อมันเรียกเสียงหวานให้ดังกว่าเดิม

      
            กว่าจะรู้ตัวว่าร่างกายของตัวเองถูกพี่เขาสำรวจไปถึงไหนต่อไหนก็เมื่อได้สติสะดุ้งกับความเย็นของแอร์ตกกระทบผิว ขนเส้นเล็กตามร่างกายลุกเกรียวกราวจากทั้งการหยอกล้อจากสัมผัส ทั้งความรู้สึกวาบหวามที่ตีรวน

      
            แผ่นอกเล็กโก่งโค้งบดเบียดกับใบหน้าของคนโตกว่าเมื่อจุดสีอ่อนทั้งสองข้างถูกไล้เลีย เมื่อข้างนึงครอบครองด้วยริมฝีปาก อีกข้างแทนคุณก็ไม่คิดจะปล่อยให้ว่างด้วยการใช้นิ้วทั้งสองคีบมันขึ้นมาจนเต่งตึงแล้วขยี้เรียกอารมณ์ให้พุ่งทะยาน เสียงลามกที่ออกมาระหว่างที่อีกคนใช้ปากกับยอดอกมันชวนหน้าอายเสียเหลือเกิน

      
            และเป็นอีกครั้งที่แทนคุณทิ้งจุมพิตลงบนตัวเลขสีเหลืองบนอกข้างซ้ายของน้องด้วยความรัก กันต์ชะงักลมหายใจเมื่อรับรู้ถึงความรู้สึกที่อุ่นวาบไปทั้งหัวใจ

      
            พี่แทนคงไม่รู้ว่า ทุกครั้งที่ถูกจูบลงมาบนอก ไอ้กันต์คนนี้อ่อนยวบยาบคล้ายจะตายให้ได้เลย

      
            แทนคุณยังคงใช้ปากของตัวเองอย่างเป็นประโยชน์ถึงที่สุด แตะแต้มแสดงความเป็นเจ้าของตั้งแต่ลำคอเรื่อยมาจนผ่านจุดน่าหวาดเสียว ลัดเลาะไปตามเนื้อหนังอ่อนนุ่มที่แอบแฝงความเจ้าเนื้อเล็ก ๆ ไว้ จนกระทั่งถึงฝ่าเท้าขาวที่เหยียดเกร็งเป็นระยะจากแรงอารมณ์

      
            เขากดจูบลงบนหน้าเท้าของน้องอย่างไม่รังเกียจ แต่คนถูกกระทำกลับชะงักงันก่อนจะผุดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วพยายามชักขากลับคืน ทว่าคนดื้อดึงกลับไม่ยินยอมยังคงจับฝ่าเท้าน้องวางแนบลงบนอกตัวเองอยู่แบบนั้น วางลงบนตัวเลข 50 อันนั้น

      
            “พี่แทน! ทำอะไรเนี่ย ไม่เอา พี่โตกว่ากันต์นะ” กระต่ายน้อยเบิกตากว้างร้องบอกเสียงตื่นตูม แทนคุณอมยิ้มเมื่อรู้สึกเหมือนเห็นภาพหูที่ตั้งชี้ขึ้นในขณะที่โวยวายใส่

      
            “พี่เป็นของเรานะ เป็นของเราทั้งหมด ไอ้สิ่งที่มันกำลังเต้นหรือแม้แต่ไอ้ตัวเลขพวกนี้ มันอยู่ใต้เท้าเราแล้ว พี่ให้เราไปหมดแล้ว”

      
            ให้น้องไปหมดแล้ว ทั้งร่างกาย หัวใจและจิตวิญญาณ ให้ไปชนิดที่ไม่เคยมีเสี้ยวความคิดที่จะเรียกมันกลับคืน เขาไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะรู้สึกรักใครได้อีกหลังจากถูกทำร้ายหัวใจจนแหลกสลาย แต่ในวันที่เขาพบน้องที่ห้องเรียนวันนั้น หัวใจที่มันเฉยชากลับเต้นแรงรัว

      
            แบบนี้สินะที่คนเขาเคยพูดกันว่า เมื่อถึงเวลา หัวใจของเราก็จะได้เจอกับคนที่คู่ควร
   
      
            “พี่แทน”

      
            กระต่ายตัวผอมของเจ้าของที่แสนดีเอ่ยขึ้นพร้อมกับดวงตาพร่ามัว แทนคุณโน้มตัวลงไปจูบลงบนหน้าผากไล่เรียงลงมาที่ปลายจมูกกลม แก้มขาว และปากนุ่มนิ่ม ก่อนจะพลิกเปลี่ยนอารมณ์ด้วยการลงลิ้นรัวที่ยอดอกจนคนน้องตั้งตัวไม่ทัน

      
            “อะ อื้อ! พ พี่แทน ฮะ จะ ใจเย็นก่อน” ความเสียดเสียวที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ร่างกายเหยียดตึงสลับกับงองุ้ม ระบบหายใจทำงานไม่เป็นจังหวะ ทุกอย่างมันรวนไปหมดแม้แต่สารในสมอง

      
            สะโพกเล็กถูกจับพลิกคว่ำก่อนจะรับสัมผัสความเย็นจากสารหล่อลื่นที่แทนคุณใช้มันพร้อมกับนิ้วยาวของตัวเองเข้าไปขยับขยายช่องทาง เสียงทุ้มหวานที่ดังให้ได้ยินยิ่งช่วยเพิ่มอารมณ์ให้ส่วนกลางของแทนคุณแข็งขืนกว่าเดิม จนต้องยินยอมให้มันได้ใกล้ชิดกับผู้เป็นเจ้าของตัวจริง

      
            แกนกายที่ถูกสวมทับด้วยเครื่องป้องกันขยับระรัวรวดเร็วและเร่งรีบราวกับว่ากลัวจะไม่ได้ทำมัน ซาลาเปาก้อนกลมถูกบีบเค้นขึ้นสีแดงตัดกับผิวขาว ๆ ทำให้คนหลงน้องอดมันเขี้ยวไม่ได้ จนต้องก้มลงไปกัดฝากรอยฟันเอาไว้เป็นของแถม

      
            กันต์เอี้ยวไปหน้ามาหาพี่เขาเพื่อเรียกร้องความใกล้ชิด แทนคุณโอนอ่อนตามใจโน้มตัวไปป้อนจูบหวาน ๆ พร้อมกับแขนแกร่งทั้งสองข้างที่โอบรัดรอบตัวน้องเอาไว้จนเราแนบชิดกันทุกสัดส่วน โซฟาที่ขยับเขยื้อนไปตามแรงส่งมันกลายเป็นตัวช่วยในการสอดรับกันและกันได้ดีในระดับนึงเลยทีเดียว
   
      
            “หนู”

      
            “ฮื่อ พี่ พี่จ๋า”

      
            สรรพนามที่เขาเคยร้องขอในครั้งก่อนได้ถูกตอบสนองในคราวนี้ ส่วนกลางขยายขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้รับการเร้าอารมณ์กันต์ครางลั่นเสียงสั่นทันที หัวโต ๆ ที่ชอบถูกเพื่อนสนิทเรียกนั้นสะบัดไปมาเพื่ออุทธรณ์ต่อพี่เขาว่าตัวเองจะไม่ไหวแล้ว ยิ่งอารมณ์ที่พุ่งสูงก็ยิ่งยากจะหักห้ามตัวเอง

      
            สะโพกขาวขยับโยกกลับคืนช่วยกันผลักดันและหนุนส่ง แทนคุณอยากฟัดคนขี้ยั่วให้หมดแรงนักใครสอนกันว่าให้ทำแบบนี้ มันยิ่งทำให้เขาคลั่งมากกว่าเดิมน่ะสิ

      
            แทนคุณนึกอยากเปลี่ยนท่าทางจึงพาน้องยืนขึ้นแล้วยึดพนักโซฟาเอาไว้เป็นหลัก ก่อนจะกระโจนใส่อีกครั้ง ดวงตาวาววับเป็นประกายราวกับพรานกำลังล่าเหยื่อที่เป็นกระต่ายตัวน้อยเอาไว้ด้วยลูกกระสุนแห่งความรู้สึก แรงส่งสุดท้ายถูกปลดปล่อยออกมาจนเลอะเทอะแต่โชคดีที่เปรอะเพียงด้านหน้าเพราะส่วนหลังพี่เขายังใจดีสวมสิ่งรองรับเอาไว้

      
            “ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีเรียนจะโดนหนักกว่านี้แน่”

      
            คนตัวสูงยังไม่เลิกสวมบทคุณครูใจร้าย และแม้จะพูดราวกับอยากทำโทษน้องเสียเหลือเกินแต่การกระทำกลับตรงข้าม แขนแข็งแรงอุ้มกันต์ขึ้นพาไปล้างเนื้อล้างตัวพร้อมกันอย่างรวดเร็วเพราะถูกประท้วงด้วยเสียงท้องร้องจากเจ้ากระต่ายกินเก่ง

      
            “พี่แทน” กันต์เรียกพี่เขาที่ยืนทำอาหารฉบับเร่งด่วนให้อยู่และตักโยเกิร์ตที่หยิบมากินรองท้องไปพลาง

      
            “หืม”

      
            “สรุปพี่จะบอกได้หรือยังว่าลงโทษอะไรกันต์อะ” คนถูกทำโทษยังคงสงสัยและไม่เข้าใจจนถึงตอนที่บทลงโทษผ่านพ้นไปแล้วก็ยังสงสัยอยู่ดี

      
            “กินข้าวก่อน เดี๋ยวปวดท้อง” แทนคุณถือจานใส่ข้าวผัดกุ้งมาวางด้านหน้าแต่ก็ไม่ยักที่จะตอบคำถาม ทำเป็นพูดเรื่องอื่นไม่ยอมตอบง่าย ๆ คนถูกเฉไฉมุ่ยหน้าถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดเซ้าซี้ยอมวางถ้วยโยเกิร์ตที่ว่างเปล่าลงแล้วตักข้าวเข้าปากทันที

      
            พักหลังตั้งแต่คบหากันอย่างจริงจังและมาที่คอนโดพี่เขาอยู่บ่อยครั้ง ก็ทำให้กันต์ได้ชิมฝีมือการทำอาหารของจิตแพทย์คนนี้เป็นประจำ ช่วงนี้เจอกันน้อยลงด้วยภาระหน้าทำให้เขาอดคิดถึงรสชาติที่คุ้นเคยเหล่านี้ไม่ได้เลย

      
            แทนคุณที่กินเสร็จก่อนก็นั่งมองกระต่ายตัวผอมที่เริ่มมีเนื้อมีหนังขึ้นเรื่อย ๆ จากการขุนของเขาด้วยแววตาเอื้อเอ็นดู แก้มขาวขยับตามจังหวะการเคี้ยวจนดันเป็นก้อนกลมพอเห็นแล้วก็นึกมันเขี้ยว ไวกว่าความคิดเขาก็ส่งมือตัวเองไปจิ้มลงผิวเนื้อนุ่มนั่น

      
            “หือ”

      
            “น่ารัก”

      
            “ห หา?”

      
            กันต์เลิกลั่กเมื่อได้ยินคนรักชมกันโต้ง ๆ น้อยครั้งมากที่พี่เขาจะพูดออกมาแบบนี้ ทำเอาเขินอยู่ไม่น้อย และปฏิกิริยาของน้องที่ใช้ฟันกระต่ายของตัวเองรีบงับช้อนพร้อมหลุบตาลงไม่จ้องหน้า นั้นทำให้แทนคุณอยากจับฟัดกลางโต๊ะกินข้าวอีกครั้งเลย

      
            หลังจากกินข้าวเสร็จก็ถูกคนโตกว่ามัดมือชกให้โทรไปบอกที่บ้านว่าคืนนี้จะข้างกับตนเอง ก่อนจะมานอนกองกันอยู่บนโซฟาระหว่างที่เปิดหนังดูเพื่อผ่อนคลาย กันต์นอนทับอยู่บนตัวพี่เขาที่ตอนแรกก็เถียงกันอยู่เพราะกันต์ไม่ยอม ก็เขาไม่ได้ตัวเบา ๆ เลยนี่หน่า แต่คำตอบกลับมาของพี่เขาก็ทำให้ยอมแพ้

      
            ‘ทีตอนอยู่บนเตียงเรายังทับพี่ได้เลย แค่นี้ไม่เป็นไรหรอกหน่า’

      
            อืม เอากับพี่เขาสิ กันต์เลยยอมนอนทับอกพี่เขานิ่ง ๆ แบบนี้

      
            หนังรักเรื่องหนึ่งที่กำลังฉายถึงตอนดราม่าเคล้าน้ำตา แต่แทนคุณที่ไม่ใช่สายหนังรักเท่าไรนักจึงไม่ได้อินเท่าที่ควร เขาละสายตาจากจอกลับมามองเสี้ยวหน้าของน้อง คนที่เขายกให้เป็นทุกอย่างนับจากนี้ด้วยความรักใคร่ อยากขอบคุณอะไรก็ตามที่กันต์ยังอยู่ตรงนี้กับเขาแม้จะผ่านเรื่องอะไรไม่ดีมา

      
            ปลายจมูกมนขึ้นสีแดงกับความอินหนังตรงหน้าทำแทนคุณหลุดยิ้ม นิสัยของกันต์มีอะไรให้เขาเรียนรู้อีกเยอะมากเพราะบางอย่างก็ตรงข้ามกับภาพที่เห็นอย่างสิ้นเชิง อย่างภายนอกน้องดูเป็นคนนิ่ง ๆ เฉยเมยกับทุกสิ่งแต่ภายในกลับเก็บทุกอย่างเอาไว้ทั้งหมด เขาไม่เคยถามว่าเรื่องความรักที่ผ่านมาของกันต์เป็นอย่างไร แม้จะพอจะได้ยินจากดิมมาบ้างว่าไม่ค่อยดีเท่าไร

      
            นั่นเลยทำให้เขาสัญญากับตัวเองว่าจะเป็นคนที่ดีกว่านี้ในทุกวัน เพื่อเด็กผู้ชายคนนี้

      
            “หึง”

      
            “อะไรนะครับ?” กันต์เงยหน้ามองพี่เขาจากปลายคางขึ้นไปเมื่อได้ยินแว่ว ๆ ว่าพี่เขาพูดอะไรสักอย่าง แทนคุณสบตากับคนบนอกก่อนจะใช้นิ้วเขี่ยปลายจมูกน้องเล่น

      
            “ที่ลงโทษวันนี้เพราะหึงตัวเล็ก”

      
            “หึงกันต์?” คนถูกหึงขยับตัวจากตะแคงก็เป็นนอนคว่ำ วางคางไว้บนอกพร้อมกับคิ้วเรียวที่ขมวดเข้าหากันอีกครั้งด้วยความไม่เข้าใจ

      
            เขาไปทำให้พี่แทนหึงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? วัน ๆ ก็แทบจะไม่ได้คุยกับใครอยู่แล้วนอกจากไอ้ดิม หรือกับแพนเองก็แทบจะไม่ได้คุยกันอยู่แล้ว

      
            “คนเมื่อเย็นนั่นใครเหรอ” แทนคุณถามเสียงเรียบไม่ได้ดุดันจะชวนให้บรรยากาศเสียเพียงแค่อยากรู้เท่านั้น ใบหน้าจึงยังคงแต้มรอยยิ้มบาง ๆ เอาไว้เช่นเดิม

      
            “พีท เพื่อนในคลาสครับ ได้ทำงานคู่กัน ... เดี๋ยวก่อน อย่าบอกนะว่าพี่หึงกันต์กับพีท?”

      
            กันต์ที่เห็นว่าพี่เขาไม่ตอบก็ทำให้รู้ทันทีว่าใช่แน่นอน คนตัวผอมถอนหายใจออกมาก่อนจะหลุดขำในลำคอ พอเป็นเช่นนั้นจึงเรียกสีหน้ายุ่ง ๆ จากคนพี่ได้ทันที

      
            “ขำอะไรครับ”

      
            “ขำคนขี้หึงน่ะสิครับ กันต์กับพีทไม่มีอะไรแน่นอน คุยเรื่องงานทั้งนั้น”

      
            “งานอะไร ทำไมต้องคุยแชทกันบ่อย ๆ ด้วย”

      
            “อ๋อ ... ก็มีบ้างที่เขาทักมาปรึกษานั่นนี่แหละ แต่ไม่มีอะไรจริง ๆ นะ”

      
            “…”

      
            “จริง ๆ นะครับ พี่ไม่เชื่อใจกันต์เหรอ” กระต่ายตัวผอมหน้าสลดเมื่อเห็นเจ้าของตัวเองยังคงเงียบไม่โต้ตอบกลับมา จนผ่านไปเพียงเสี้ยวอึดใจร่างโปร่งก็ถูกกกกอดด้วยอ้อมกอดแข็งแรง พร้อมกับสัมผัสที่หน้าผาก

      
            “เชื่อสิ พี่เชื่อใจเราตลอดนั่นแหละ แต่อดไม่ได้นี่ก็เรามันน่ารักขึ้นทุกวัน”

      
            “ก็แย่ละ กันต์ก็เหมือนเดิม”

      
            “ไม่รู้ล่ะ พี่บอกว่าน่ารักก็น่ารักสิ แฟนพี่น่ารักจะตาย” ยืนยันคำพูดด้วยแก้มที่ยุบไปตามแรงหอมจากพี่เขาทั้งซ้ายและขวาผลัดไปมาอยู่เช่นนั้น กันต์ก็ไม่คิดจะห้ามปรามให้ตัวเองเหนื่อยเปล่าจึงปล่อยให้แก้มถูกฟัดอยู่แบบนั้นจนกว่าอีกฝ่ายจะพอใจ














            แทนคุณจำใจต้องผละจากน้องในเช้าวันศุกร์ที่อากาศกำลังสบายและมีคนรักในอ้อมแขน ตอนแรกเขามีเข้าเวรตรวจช่วงเที่ยงซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นก็จะแวบไปส่งน้องได้ แต่ก็ถูกเรียกประชุมด่วนกับทีมวิจัยเครื่องทดเวลา ดูท่าผลการทดลองที่รอมาตลอดสามเดือนน่าจะมีอะไรคืบหน้าบ้างแล้ว

      
            ภายในห้องประชุมขนาดกลางที่มีผู้เกี่ยวกับการทดลองเครื่องทดเวลาครั้งที่ 8 มีตั้งแต่ศัลยแพทย์ วิสัญญีแพทย์ อายุรแแพทย์ รวมถึงจิตแพทย์อย่างแทนคุณ การประชุมหารือเป็นไปอย่างเคร่งเครียด เนื่องจากผลการทดลองของยาตัวหนึ่งที่ได้ทำการวิจัยและผลิตเพื่อการนี้โดยเฉพาะออกมามีแนวโน้มเป็นไปได้ดี

      
            “เราจะสามารถใช้ยาตัวนี้ได้ในเฉพาะผู้ที่พบคู่ของตัวเองและตัวเลขอยู่ที่ 50 แล้วเท่านั้น หากใครที่ยังไม่พบหรือตัวเลขไม่ได้อยู่ที่ 50 ยาตัวนี้น่าจะยังไม่เป็นผล ซึ่งแน่นอนว่ายาทุกตัวย่อมมีผลข้างเคียง ...” หูก็ฟังคำอธิบายจากอาจารย์หมออาวุโสพลางเปิดแฟ้มเอกสารอ่านตามไป ดูเหมือนว่าแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์จะเลือนลางอีกครั้ง

      
            การประชุมใช้เวลาไปเกือบค่อนวัน แทนคุณเอ่ยลาหมอท่านอื่น ๆ เสร็จก็รีบกลับมาที่แผนกของตัวเองเพราะมีคนไข้ 3 คิวที่ต้องตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อปิดเคส

      
            งานของแทนคุณเกี่ยวข้องกับความรู้สึก จิตใจ กระบวนการทางความคิด และสารบางอย่างในสมองที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจและการอารมณ์ แม้จะไม่ต้องใช้เครื่องมือทางการแพทย์หนักหน่วงในการผ่าตัดหรืออะไรก็ตาม

      
            แต่ทุกครั้งในการตรวจคนไข้เขาเองต้องใช้พลังงานเยอะไม่แพ้กัน คนไข้บางคนควบคุมตัวเองได้ บางคนก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ บางคนอยู่ในสถานหนัก บางคนอยู่ในระยะเริ่มต้น หรือบางคนก็มีปัญหากับไอ้เลขบนอกตัวเอง เว้าวอนขอวิธีให้หลุดพ้นจากคู่ชีวิตที่มันไม่ดี คู่ชีวิตที่พระเจ้าอาจจะวางไว้ผิดที่อะไรแบบนั้น

      
            มาอยู่ในจุดนี้และเผอิญว่าได้สัมผัสด้วยตัวเองมาแล้วทำให้รู้ว่า ไม่ใช่ทุกคนจะยินดีกับการมีเนื้อคู่ หรือโซลเมทอะไรเลยสักนิด

      
            แทนคุณเองก็ได้แต่ทำตามหน้าที่ไปในระยะเบื้องต้นด้วยการจัดการกับอารมณ์ของคนไข้เสียก่อน เพราะเรื่องคู่ชีวิตนี่มันยังไม่มีวิธีแก้จริง ๆ

      
            “เดี๋ยวเสร็จคนไข้ท่านนี้แล้ว คุณหมอไปพักทานข้าวก่อนนะคะ คนไข้ที่เหลือจะมาอีกทีประมาณบ่ายโมงครึ่งค่ะ” แทนคุณพยักหน้าขอบคุณพยาบาลผู้ช่วย

      
            ในระหว่างที่เจ้าของห้องตรวจไปพักก็มีคนหน้าตาพิมพ์เดียวกันเดินสวนเข้ามา แทนรักที่ตั้งใจจะมาหาพี่ชายตัวเองก็พบว่าคลาดกันไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น

      
            “อ้าวคุณหมอรักมาหาคุณหมอแทนใช่ไหมคะ”

      
            “ใช่ครับ ติดตรวจเหรอครับ?”

      
            “อ๋อเปล่าหรอกค่ะ ไปพักทานข้าวน่ะค่ะ น่าจะอยู่คาเฟ่ด้านล่างค่ะ คุณหมอตามไปน่าจะทันอยู่นะคะ”

      
            “ไม่เป็นไรครับ ถ้ายังไงผมขอเข้าไปรอในห้องได้ไหมครับ”

      
            แทนรักเมื่อได้รับการอนุญาตจากพยาบาลผู้ช่วยของพี่ชายตัวเองแล้วก็เดินเข้าไปด้านในและนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตัวหมอราวกับเป็นเจ้าของห้อง แทนรักไม่เคยมาหาแฝดตัวเองที่ห้องตรวจเลยสักครั้ง จึงไม่ค่อยรู้เวลาเข้า-ออกหรือชีวิตประจำวันสักเท่าไร แม้พักหลังเราจะคุยกันมากขึ้นแล้วก็ตามที
      
      
            ขณะที่หมุนเก้าอี้เล่นไปมาก็เหลือบไปเห็นแฟ้มเอกสารงานวิจัยเครื่องทดเวลาที่วางอยู่ เขาจ้องมันเขม็งด้วยความอยากรู้เป็นทุนเดิม แต่ถ้าด้วยเป็นเรื่องความลับทางราชการอยูู่ตอนนี้มันจะเป็นเรื่องไม่สมควรหรือเปล่า

      
            ถึงอย่างนั้นฝ่ายดาร์คในตัวก็ชนะไป แทนรักเอื้อมไปหยิบปึกเอกสารนั้นมาเปิดอ่านไปทีละหน้าอย่างไม่เร่งรีบ เพราะลึก ๆ ก็รู้ดีว่าอย่างไรแทนคุณก็ไม่โกรธกันอยู่แล้ว ยิ่งอ่านเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าร่างกายตัวเองเครียดเกร็งขึ้นมา แต่ละบรรทัดที่ผ่านตาไปมันทำให้เลือดสูบฉีดอย่างหนักหน่วง

      
            เขารู้ดีว่าตัวเองสนใจเรื่องนี้มาตั้งแต่รู้ความจริงเรื่องลินและมันเป็นประกายความหวังมากขึ้นไปอีกเมื่อรู้ว่าพี่ชายฝาดแฝดตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของทีมวิจัยครั้งนี้

      
            ‘ … หากไม่สำเร็จ วิธีการดังกล่าวอาจทำให้ผู้ทดลองเป็นบุคคลเสียสติ สูญเสียตัวตน ร่างกายอาจต่อต้านสารบางอย่างภายในตัวยาทำให้ช็อคหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้...’

      
            แทนรักอยากให้โครงการที่คิดค้นมาตลอดหลายสิบปีสำเร็จและเขาก็ยินดีที่จะเป็นผู้ทดลองในครั้งนี้ด้วยความเต็มใจ









To be continued.
_____________________________________

TALK : ชั้นไม่รู้จะหวีดอะไรก่อนดีเลยค่ะ /ทำหน้าตาเลิกลั่ก
ส่วนตาพีทแค่คนที่มาทำให้นังพี่แทนหึงน้องแค่นั้น
สุดท้ายนี้อดทนไว้ ตั้งสติสมาธิไว้ /วิ่งหนี


อย่าลืมคอมเมนต์หรือแท็กเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะจ๊ะ

TWITTER


#ครึ่งชีวิตของผม

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
อยากจะร้องไห้เลย พี่หมอแทนรักคงเจ็บปวดกับโซลเมต จนตัดสินใจมาร่วมเป็นผู้ทดลองงานวิจัยนี้ใช่ไหม

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
เปิดตอนมาแบบหวานๆ แต่ตอนท้ายคือ ไม่นะแทนรักกกกก

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
แทนรักน่าเห็นใจ
.........................................

เหม็นฟามรักโว้ยยยยยยย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
แทนรัก  :katai1: :katai1: :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด