——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!Epilogue P.5 | END)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!Epilogue P.5 | END)  (อ่าน 42611 ครั้ง)

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ gakuen

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ Celestia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 833
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
สงสารแทนรักมากกกก ลินเขาสำนึกไหมว่าตัวเองทำอะไรลงไปอะ มันแย่มากกกก

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___


CHAPTER 16

Whatever tomorrow brings, I'll be there.








            ชีวิตนักศึกษาคล้ายกับการใช้กรรมอีกรูปแบบหนึ่ง กันต์นั่งเท้าคางมองสไลด์หน้าห้องแต่เสียงของอาจารย์ที่มาแทนพี่เขานั้นกลับไม่กระทบโสตประสาทเลยสักนิด อาจเป็นเพราะความคิดถึงร่างสูงใหญ่ที่คุ้นเคยล่ะมั้ง เป็นอาทิตย์แล้วที่เราไม่ได้เจอกันเลยมีคุยกันบ้างผ่านเครื่องมือสื่อสารแต่มันก็เท่านั้น เข้าใจว่าพี่เขากำลังยุ่งกับงานวิจัยเครื่องทดเวลาที่กำลังจะจัดการทดลองในเร็ววันนี้

      
            แต่ความคิดถึง มันก็คือความคิดถึงนี่หน่า

      
            “นั่งหงอยหูตกเป็นกระต่ายโดนวางยาเลยนะมึง”

      
            “เสือก”

      
            “เอ้าไอ้นี่” ดิมผลักหัวโต ๆ ของเพื่อนตัวเองด้วยความหมั่นไส้ แค่ไม่ได้เจอแฟนนิดหน่อยทำมาเป็นหน้าเศร้าแต่พอบอกให้หาที่โรง’บาลก็ไม่ยอมไป เอาใจมันไม่ถูกจริง ๆ

      
            “เอาล่ะใครมีอะไรสงสัยไหม” กันต์ภาวนาในใจว่าขออย่าให้เพื่อนในคลาสคนไหนนึกอยากสงสัยอะไรขึ้นมาเลยเพราะตอนนี้เขาต้องการออกจากห้องเรียนเต็มที

      
            “อาจารย์ครับ เมื่อวานผมเห็นข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับค้นหาผู้ที่ต้องการทดลองเครื่องทดเวลา สรุปว่าตอนนี้มันทำได้แล้วเหรอครับ”

      
            ใจที่กำลังคิดฟุ้งซ่านไปเรื่องนั้นเรื่องนี้ถูกกระชากกลับมา สายตาของนักศึกษาทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่กันต์จับจ้องไปที่อาจารย์ของตน ถึงแม้ว่าคนรักของตัวเองจะเป็นหนึ่งในคณะวิจัยแต่ก็ใช่ว่าจะรู้อะไรมากด้วยความที่ไม่อยากก้าวก่ายหน้าที่ของอีกฝ่าย จึงเลือกที่จะรอการชี้แจงอย่างเป็นทางการจากคณะแพทย์และรัฐ

      
            “ถามว่าตอนนี้ทำได้แล้วหรือเปล่ายังไม่มีใครสามารถคอนเฟิร์มได้จนกว่าการทดลองกับตัวบุคคลจะเสร็จสิ้น”

      
            “แล้วอาจารย์รู้วิธีไหมครับ ผมไม่เข้าใจว่าเราจะหยุดไอ้ตัวเลขพวกนี้ที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิดได้ยังไง จะมีเครื่องติดตัวเราไว้เหรอครับ”

      
            เมื่อมีคนเปิดก็ทำให้มีคนกล้าถามต่อ มันเป็นเรื่องที่กำลังอยู่ในความสนใจของบ้านเมืองเพราะการจับมือกันระหว่างหลายฝ่ายเพื่อพัฒนาให้เครื่องทดเวลานั้นประสบความสำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้นข่าวสารที่แจ้งมาทางประชาชนก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้เข้าใจได้ถี่ถ้วน

      
            “ผมไม่รู้อะไรไปมากกว่าที่ได้ศึกษามาจากงานของอาจารย์ผมเองหรอกนะ วิธีที่จะทำคือเราจะใช้สารบางอย่างเพื่อยับยั้งหรือทำลายระบบนั้นให้ร่างกายเราเลิกตอบสนองหรือจดจำใครสักคนที่อะไรสักอย่างมันบ่งบอกว่าคนนั้นเป็นคู่ของเรา แต่ที่เราเรียกว่าเครื่องทดเวลากันนั่นมันแค่คำเรียกเท่านั้น”

      
            “แล้วถ้าการทดลองไม่สำเร็จจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้ทดลองคะ”

      
            “ไม่สำเร็จจะมีอยู่ 2 ทางคือไม่สำเร็จเพราะตัวสารเองกับร่างกายปฏิเสธสาร แต่ผลลัพธ์จะเป็นไปในทางเดียวกันแล้วแต่ระดับความรุนแรงคือเสียสติ สูญเสียตัวตน ช็อค หรือหนักที่สุดคือเสียชีวิต”

      
            กันต์เดินออกจากห้องเรียนด้วยความล่องลอยยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้รับรู้ข้อมูลที่ไม่เคยรู้ ภาพใบหน้าของใครบางคนขึ้นมาในหัวก่อนที่ร่างกายจะสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว หากพี่รักเลือกเส้นทางนี้ล่ะก็เขาไม่รู้ว่าควรจะยินดีหรือเสียใจ

      
            “มีอะไร” ดิมทนเห็นสภาพเพื่อนตัวเองที่เดินหน้านิ่วคิ้วขมวดตลอดทางไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากถาม คนถูกถามเม้นปากเข้าหากันแน่นอย่างติดนิสัยเวลามีเรื่องกังวลใจ

      
            “กูกลัวใจพี่รักว่ะดิม”

      
            “แต่เขาก็ไม่ผิดไม่ใช่เหรอวะถ้าจะตัดสินใจแบบนั้น”

      
            “มันก็ใช่ แต่ถ้ามันไม่สำเร็จขึ้นมา ...”

      
            “มึงกับพี่แทนก็มีหน้าที่คอยอยู่ข้างพี่เขาเหมือนเดิม”











      
            บรรยากาศรอบด้านมีแต่ความตึงเครียดไปหมด คนสองคนที่หน้าเหมือนกันแทบทุกระเบียดนิ้วกำลังนั่งจ้องตากันเขม็งอย่างไม่มีใครยอมใคร คนกลางอย่างพ่อและแม่ได้แต่ถอนหายใจกับลูกชายทั้งสองคนด้วยความเป็นห่วง

      
            “คิดอีกครั้งไหมรัก”

      
            คนเป็นแม่เอ่ยถามลูกชายคนเล็กด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอเพิ่งจะรับรู้เรื่องราวทุกอย่างเมื่อครู่นี้เองรวมถึงการตัดสินใจอย่างหนักแน่นของลูกชายด้วยเช่นกัน มันโถมใส่ในคราวเดียวกันจนเธอตั้งรับไม่ถูก ถึงอย่างนั้นก็ไม่นึกโกรธเคืองเลยสักนิดเพราะแต่ละคนโตเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว เธอมักให้พื้นที่ในการตัดสินใจชีวิตของตัวเองกันเต็มที่ แต่แน่นอนว่าก็อดเสียใจไม่ได้ที่เธอมามีส่วนช่วยในตอนที่สายไป

      
            “ผมตัดสินใจดีแล้วครับแม่”

      
            “แต่กูไม่อนุญาต”

      
            “ไอ้แทน”

      
            “มึงคิดบ้างไหมว่าถ้ามันไม่สำเร็จจะเป็นยังไง ถ้าเกิดว่ามึง ... ถ้ามึงเกิดเป็นเหี้ยไรขึ้นมาแล้วพวกเราทุกคนจะเป็นยังไง”

      
            “แล้วมึงไม่คิดบ้างเหรอว่ากูต้องทนทรมานไปอีกนานแค่ไหน”

      
            “มึงรอให้ผลมันชัวร์กว่านี้ก่อนก็ได้ปะวะ”

      
            “แล้วอีกเมื่อไหร่ล่ะ! อีกเมื่อไหร่ที่ทางการจะเปิดงบสนับสนุนอีกรอบ มึงอยู่ในคณะวิจัยมึงก็รู้ดีว่าถ้าครั้งนี้ไม่สำเร็จ เปอร์เซ็นต์การที่รัฐจะให้งบประมาณและอนุญาตให้ทำอีกครั้งมันแทบจะไม่ถึง 10% ถ้ามึงจะให้กูทนกับผู้หญิงคนนั้นไปวัน ๆ เพื่อรักษาชีวิตตัวเอง ...”

      
            “กูบอกเลยว่ากูยอมตายดีกว่า”

      
            “แทนรัก!!/ไอ้รัก!!”

      
            แทนรักเมินสีหน้าตกใจของคนในครอบครัว เขาไตร่ตรองและคิดมันอย่างถี่ถ้วนแล้วว่านี่คือทางที่ดีที่สุดที่เขาจะได้หลุดพ้นจากวังวนนี้เสียที ทุกวันผ่านไปต้องคอยพยายามรักษาความสัมพันธ์ที่มันแตกละเอียดจนเศษความคมของมันบาดตัวเขาและนิลิน มันไม่ได้ทำให้ใครรู้สึกดีเลยสักนิด

      
            “ขอร้องเถอะนะครับพ่อ แม่ แทน ช่วยยอมรับการตัดสินใจครั้งนี้ของผมด้วยนะครับ” เจ้าตัวพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงทว่ายังมั่นคง พลางเลื่อนเอกสารเซ็นยอมรับจากครอบครัวหรือพยานที่จะให้ผู้ทดลองเข้าร่วมการทดลองนี้ เพื่อเป็นการป้องกันเบื้องต้นว่าหากมีอะไรเกิดขึ้นผู้ทดลองจะมีคนดูแลต่อไปและคล้ายกับการป้องกันคณะแพทย์จากการฟ้องร้องอีกด้วย

      
            พ่อเป็นคนแรกที่ยอมเลื่อนมือไปจับปากกาขึ้นมาเซ็นยินยอม แม้ในใจลึก ๆ ก็ไม่มีใครอยากให้ลูกตัวเองเอาชีวิตไปเสี่ยง แต่คนเป็นพ่อเป็นแม่สิ่งหนึ่งที่ควรมีนั่นก็คือการยอมรับการตัดสินใจของลูกตนเอง ก่อนจะตามด้วยแม่และแทนคุณเป็นพยานคนที่สามจนครบถ้วน

      
            “ขอบคุณครับ”

      
            แทนคุณไม่รอฟังอะไรจากน้องชายฝาแฝดตัวเองอีกต่อไป กายสูงใหญ่ลุกขึ้นไหว้ลาพ่อและแม่ก่อนเดินออกจากบ้านใหญ่ไปที่รถยนต์อย่างรวดเร็ว คราวแรกกะว่าจะมานอนที่บ้านสักคืนสองคืนเพราะนานทีจะมีเวลากลับมา แต่หมดอารมณ์แล้วตอนนี้เขาอยากจะวาร์ปตัวเองไปหาก้อนแบตเตอรี่ส่วนตัวเหลือเกิน

      
            “เดี๋ยวไอ้แทน!”

      
            คนถูกเรียกยืนหันหลังนิ่งให้ไม่ยอมแม้แต่จะมองหน้าน้องตัวเองด้วยกลัวว่าจะได้ปะทะคารมกันอีกรอบให้เสียความรู้สึกกัน

      
            “กูขอโทษที่ไม่ได้ปรึกษามึงก่อน กูขอโทษที่ผิดคำสัญญา แต่มึง ...​ อย่าโกรธกูเลยได้ไหมวะ ตอนนี้กูไม่เหลือใครแล้วนะ”

      
            คล้ายกับย้อนไปในวันวานที่สองพี่น้องยืนทะเลาะกันจากการแย่งหุ่นยนต์เพียงหนึ่งตัว คนพี่โกรธเพราะน้องหยิบเล่นโดยไม่ขออนุญาตจนทำมันพัง ในวันนั้นแทนรักก็มายืนคอตกจับชายเสื้อพี่ชายตัวเองเพื่อขอร้องให้ยกโทษให้กัน เอ่ยคำสัญญาเป็นมั่นเหมาะว่าต่อไปมีอะไรจะบอกพี่ทั้งหมด
      
      
            แผ่นหลังกว้างของชายเจริญวัยกำลังสั่นสะท้านเพราะความรู้สึก เขาว่ากันว่าแฝดจะมีอะไรบางอย่างที่เชื่อมความรู้สึก ความนึกคิดให้สัมผัสกันได้ และใช่ เราต่างรับรู้กันและกันดี แทนคุณที่แม้จะค้านหัวชนฝาแต่ก็เป็นเขาเองนั่นแหละที่เข้าใจดีที่สุดว่าทำไมแทนรักถึงเลือกทางนี้

      
            เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่แค่การหมดรัก แต่มันคือการหมดศรัทธา

      
            “วันนั้นกูจะยืนรอมึงอยู่หน้าห้อง มึงต้องกลับออกมาหากู”

      
            “ครับพี่

      
            หลังจากเคลียร์เรื่องวุ่นวายที่บ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วรถยนต์คันสวยของของจิตแพทย์หนุ่มก็มาจอดนิ่งสนิทอยู่หน้ารั้วบ้านหลังเดิม

      
            บ้านที่กลายเป็นที่พักพิง

      
            บ้านที่กลายเป็นแหล่งพลังงานขุมสำคัญของเขา

      
            แทนคุณมองโทรศัพท์ในมือด้วยความลังเลใจเพราะตอนนี้มันดึกมากแล้วและพรุ่งนี้น้องก็มีเรียนอีกด้วย เขาไม่อยากรบกวนแต่ความรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายและใจมันฟ้องและเรียกร้องหาเจ้ากระต่ายตัวนุ่มนี่อย่างรุนแรง

      
            “อ้าวแทน มาหาเจ้ากันต์เหรอ”

      
            “สวัสดีครับแม่ ใช่ครับ น้องนอนหรือยังครับ”

      
            “ไม่แน่ใจนะเห็นหายเงียบไปตั้งแต่เย็นแล้ว เข้ามาก่อนสิ”

      
            “อ่างั้นไม่เป็นไรดีกว่าครับ ผมไม่อยากรบกวน”

      
            “โอ้ย ไม่เป็นไรหรอก ช่วงนี้งานหนักใช่ไหม ลูกแม่น่ะมันหงอยมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ ถ้าพอมีเวลาว่างก็ใช้อยู่ด้วยกันสักหน่อยก็ดี คืนนี้ก็ค้างซะที่นี่เลยแล้วกัน” แทนคุณพนมมือไหว้ขอบคุณที่แม่ของน้องนั้นเข้าใจ เขาจึงไม่เอ่ยขัดอะไรยอมเคลื่อนรถเข้าจอดในรั้วบ้านแล้วเดินขึ้นชั้นสองมุ่งไปยังห้องของน้อง

      
            แทนคุณลองขยับลูกบิดประตูก็พบว่าน้องไม่ได้ล็อกห้องจึงถือวิสาสะเปิดเข้าไป ภายในห้องมืดสนิทมีเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศและเสียงลมหายใจเบา ๆ เป็นสัญญาณบอกว่าเจ้าของห้องนั้นหลับสนิทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

      
            ผู้บุกรุกอย่างเขาเดินไปเปิดประตูเสื้อผ้าหยิบชุดของตัวเองที่เคยทิ้งเอาไว้ที่นี่ออกมาและเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายและเสร็จออกมาอย่างรวดเร็ว เขาทำทุกอย่างให้เรียบร้อยด้วยความเงียบ ก่อนจะค่อย ๆ สอดตัวเองเข้าไปในผ้าห่มผืนหน้าและแทรกกายเข้าไปใกล้เจ้าของเตียงหลังกว้าง

      
            แขนแกร่งยกขึ้นพาดผ่านเอวของน้องพร้อมกับกระชับอ้อมกอดจนใบหน้าน่ารักซุกอยู่ที่คอของเขา กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากร่างกายคนในวงแขนช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดได้เป็นอย่างดี น้องเป็นขุมพลังที่สำคัญและยังเป็นยาคลายเครียดให้กับเขาด้วย

      
            นี่มันคงเป็นอีกหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์ที่คนรักกันเขาสัมผัสถึงกันได้ล่ะมั้ง

      
            อ่าเลี่ยนชะมัด ให้ตายเถอะไอ้แทนเอ๊ย

      
            “อะ ... หือ เฮ้ย!!” แทนคุณกลั้นยิ้มเมื่อเห็นคนในอ้อมแขนสะดุ้งดีดตัวออกห่างแต่เขาไวกว่าที่คว้าตัวน้องเอาไว้ได้ทำให้อีกคนไม่กลิ้งตกเตียงไปเสียก่อน

      
            กันต์หรี่ตาฝ่าความมืดอาศัยเพียงไฟนอกตัวบ้านที่ส่องลอดผ่านเข้ามาจนเห็นเค้าโครงใบหน้าที่คุ้นตาจึงยอมหยุดดิ้น ดวงตาเรียวค้อนขวับใส่พี่เขาเข้าให้ที่มาทำให้ตกใจ คนกำลังนอนหลับเข้ามาเงียบ ๆ แบบนี้จะมีใครไม่ตกใจบ้าง
      
      
            “พี่แทน! เล่นอะไรเนี่ย!” แทนคุณเท้าแขนไว้กับหัวนอนมองกระต่ายที่กำลังพองตัวขู่เขาอยู่ ดวงตาเรียวเล็กที่จดจ้องมารวมถึงปากที่ขยับบ่นงุบงิบชวนให้อยากยื่นมือไปบีบแรง ๆ ให้ร้องแล้วกอดปลอบจริงเชียว

      
            “ขอโทษครับ”

      
            “ยังจะมายิ้มอีก เดี๋ยวจะโดน” กันต์ทำเป็นขู่ไปเท่านั้นเองนั่นแหละแต่พอพี่เขากางแขนรอให้กลับคืนสู่อ้อมกอดก็ยอมเอนตัวลงนอนเกยอกที่แสนคิดถึงแต่โดยดี

      
            แทนคุณกดจมูกลงหอมกลางกระหม่อมน้องอยู่หลายรอบด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี เพียงแค่เท่านั้นก็ราวกับความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวันไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่แน่นอนว่าคนที่เป็นดั่งครึ่งหนึ่งของชีวิตย่อมต้องจับสังเกตได้

      
            “เหนื่อยไหมครับ”

      
            เพียงแค่คำถามเดียวจากคนรักก็ปลดสลักความรู้สึกทั้งหมด กันต์ไม่ได้รับคำตอบในทันทีมีเพียงกอดที่กระชับแน่นขึ้นจนหน้าเขาจมลงกับอกกว้าง เสียงพ่นลมหายใจ ร่างกายที่สั่นเล็กน้อยของคนตัวโตทำให้กันต์เป็นกังวล

      
            “พรุ่งนี้ต้องไปทำงานหรือเปล่าครับ”

      
            “อื้ม” เสียงทุ้มตอบอู้อี้อยู่ในลำคอส่วนใบหน้าก็ยังไม่ยอมผละออกจากกลุ่มผมนุ่มของน้อง

      
            “นอนกันนะ”

      
            “น้องไม่อยากรู้เหรอว่าพี่เป็นอะไร”
      
      
            “อยากสิครับ แต่ถ้าพี่ยังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร”

      
            “…”

      
            “แต่ไม่ว่าเรื่องอะไรพี่ก็รู้ใช่ไหม ... ว่ายังไงกันต์ก็จะอยู่ตรงนี้”

      
            นานทีจะได้พูดอะไรหวานซึ้งทำเอาคนพูดก็เขินอาย คนฟังก็ระบายยิ้ม แทนคุณกอดรัดน้องให้แน่นยิ่งขึ้นไปอีกพร้อมกับก้มลงกดจูบที่ริมฝีปากนุ่มเบา ๆ แทนคำขอบคุณนับล้านครั้ง

      
            “คืนนี้นอนก่อนเนอะ แล้วพรุ่งนี้ตื่นมาพี่สัญญาจะเล่าให้ฟัง” เพราะเห็นว่าดึกมากแล้วแทนคุณจึงอยากให้น้องรวมถึงตัวเองได้พักผ่อนก่อน วันพรุ่งนี้ยังมีอะไรอีกมากมายรออยู่

      
            “อย่างนั้นก็ได้ครับ มา ๆ มานอนกันดีกว่า พรุ่งนี้พี่ต้องเข้าโรง’บาลกี่โมงนะ?”

      
            “พี่ไปส่งเราเรียนเสร็จค่อยเข้า” กันต์พยักหน้ารับหงึกหงักไม่ได้สาวความต่อ

      
            ทั้งห้องก็เงียบลงเหลือเพียงเสียงลมหายใจและเสียงเต้นของหัวใจที่สอดประสานเข้าด้วยกัน แม้จะอยากพูดคุยกันมากกว่านี้ให้สมกับความคิดถึง แต่ต่างคนต่างเหนื่อยล้าจากภาระหน้าที่เพียงแค่ได้นอนกอดกันก็ถือว่าดีมากแล้ว

      
            เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากเสร็จกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ทั้งคู่ก็พากันออกจากบ้านของกันต์มุ่งไปยังมหา’ลัย ระหว่างทางเราคุยและแลกเปลี่ยนเรื่องราวของกันและกันที่ตกหล่นไปในตอนที่ไม่ได้เจอกัน รวมถึงเรื่องที่ค้างคากันไว้เมื่อคืน
      
      
            หลังจากรับรู้เรื่องราวทั้งหมดในห้องโดยสารของพาหนะก็คล้ายจะมีมวลความเครียดและหนักใจโอบล้อมรอบเราทันทีที่แทนคุณเล่าเรื่องแทนรักให้ฟัง กันต์เม้มปากแน่นเพราะมันไม่ได้ผิดไปจากที่เขาคิดเลยด้วยซ้ำ แม้ว่าเราจะเพิ่งรู้จักแถมยังเริ่มสนิทกันเพราะเรื่องราวร้าย ๆ ครั้งนั้น แต่กันต์ก็มีความปรารถนาดีในฐานะที่เป็นพี่ชายและเป็นครอบครัวของคนรัก

      
            “พี่รักคงคิดมาดีแล้วล่ะพี่”

      
            “อืม พี่แค่ ... พี่แค่กลัวน่ะ ถึงการทดลองต่าง ๆ พี่จะรู้รายละเอียดทั้งหมดแต่ก็ใช่ว่าพี่จะเชื่อในมันเต็มร้อย”

      
            “…”

      
            “ถ้าเกิด ... ถ้าเกิดว่ามันผิดพลาด ละ แล้ว—”

      
            “กันต์เข้าใจนะว่าพี่เป็นห่วง กันต์เองก็ห่วงพี่รัก พี่ไม่ต้องเชื่อในไอ้ตัวสารอะไรนั่นหรอก พี่แค่เชื่อในตัวแฝดของพี่ก็พอครับ” มือเล็กเอื้อมไปกระชับฝ่ามือของคนพี่เพื่อถ่ายทอดกำลังใจ เขารู้ว่ามันยากและยิ่งเป็นคนในครอบครัว การที่จะทำใจให้สบายมันไม่ง่ายอย่างแน่นอน

      
            อาศัยจังหวะที่รถติดไฟแดงกันต์จึงขยับตัวหันมามองหน้าคนรักอย่างจริงจัง สอดแทรกเรียวนิ้วจนกระทั่งประสานเข้าด้วยกัน แทนคุณมองหน้าน้องพลางเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยเมื่อเห็นเจ้ากระต่ายตัวน้อยอยู่ ๆ ก็ทำท่าทีขึงขังใส่

      
            “พี่แทน”

      
            “หืม”
   
      
            “สัญญาก่อนว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าโทษว่ามันเป็นความผิดของพี่”

      
            เหตุผลที่กันต์ต้องพูดเช่นนี้เพราะรู้จักนิสัยลึก ๆ ของคนพี่ดีว่าเป็นอย่างไร ยิ่งเรื่องนี้ด้วยแล้วตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องที่สุดหากในวันนั้นเกิดอะไรขึ้นมา เชื่อเลยว่าผู้ชายคนนี้ต้องโทษตัวเองอย่างหนักแน่นอน

      
            “…”

      
            แทนคุณเบนสายตากลับไปยังถนนหนทางด้านหน้าไม่กล้าสบตาคนรัก พยายามซ่อนความสั่นไหวทางความรู้สึกเอาไว้ มือใหญ่เย็นเฉียบด้วยความหนักใจเพราะน้องรู้จักเขาดีกว่าที่คิดถึงได้รู้ทันกันแบบนี้

      
            บอกตรง ๆ ว่าไม่กล้ารับปากเลยสักนิด
      
      
            “พี่ …”

      
            “ได้ไหมครับ”

      
            กันต์ขอเป็นคนเห็นแก่ตัวได้ไหมสักนิดก็ยังดี เขากลัวใจคนรักเหลือเกินว่าถ้าหากทดลองเกิดการผิดพลาดกับพี่รักขึ้นมา หัวใจที่แผลยังไม่หายใจจะถูกตอกย้ำซ้ำรอยจนมันแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี และเขาจะสูญเสียผู้ชายคนนี้ไป

      
            “พี่จะพยายาม”

      
            หัวโต ๆ ของคนน้องถูกคนพี่จับโยกไปมาแล้วดันให้ซบลงบนไหล่ แม้มันอาจจะทำให้ขับรถลำบากไปสักนิด ต้องเพิ่มความระวังเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย แต่แทนคุณและกันต์เองก็ไม่รู้สึกว่ามันจะเป็นอะไรถ้าเราจะกินข้าวเช้าช้าไปสิบนาที

      
            “หือ”

      
            พอเห็นว่าร้านอาหารที่พี่เขาพามาเป็นร้านอะไรกันต์ก็ครางในลำคอด้วยความแปลกใจ ปกติพี่เขาไม่ชอบกินโจ๊ก เอาง่าย ๆ ว่าถ้าเป็นอาหารอะไรที่มันทำมาแบบเละ ๆ เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ขนมหวานพวกเต้าส่วนอะไรพวกนี้พี่จะเขาไม่กินเลย แต่วันนี้กลับมาพาแวะร้านโจ๊กชื่อดัง
   
      
            “พี่ไม่ชอบไม่ใช่เหรอ”

      
            และมันยิ่งกว่านั้นคือเมื่อ 2-3 วันก่อนเขาบ่นลงโซเชียลว่าอยากกินโจ๊กร้านนี้ แต่ไอ้ดิมก็ไม่ว่างไปเป็นเพื่อนแถมเขาเองจะให้ถ่อมาคนเดียวก็ขี้เกียจอีก

      
            “พี่กินอย่างอื่นได้”

      
            “แต่ว่า”

      
            “ไปเร็ว เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน”

      
            แทนคุณไม่รอให้น้องปฏิเสธด้วยความเกรงใจจึงชิงลงจากรถออกไปยืนรอข้างนอกก่อนอย่างรวดเร็ว กันต์ที่เห็นพี่เขารีบหนีลงไปเช่นนั้นก็ยิ้มขำ บอกตามตรงว่าใจมันแอบฟูหน่อย ๆ เพราะไม่คิดว่าการบ่นขิงบ่นข่าไปเรื่อยเปื่อยของเราจะถูกคนงานชุกอย่างพี่เขาใส่ใจ

      
            “เอาโจ๊กไก่ใส่ไข่ ไม่ใส่ผักครับ พี่แทนเอาอะไร”

      
            “ไข่กระทะครับแล้วก็กาแฟเย็นแก้วนึง น้องเอาน้ำอะไรไหม”

      
            “ไม่ครับ น้ำเปล่าก็พอ”

      
            ระหว่างรออาหารอยู่ ๆ ก็เกิดอาการเดดแอร์ขึ้นมา เราทำเพียงแค่นั่งมองหน้ากันแล้วยิ้มให้กันเท่านั้นแต่มันกลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดสักนิด คงจะเป็นเพราะไม่ได้เจอกันมานานอีกทั้งเมื่อคืนก็ได้นอนคุยกันอยู่ครู่เดียวด้วย สายตาที่สบกันมันมีแต่ความคิดถึงที่สื่อหากัน มือใหญ่ค่อย ๆ เคลื่อนขยับไปทาบทับบนมือน้องแผ่วเบา นิ้วโป้งคนพี่ลูบฝ่ามือเรียวช้า ๆ เล่นมือน้องไปมาอาหารก็มาเสิร์ฟ


ครืด ครืด ครืด

      
            “แทนคุณพูดครับ”

      
            ( … )
 
      
            “อะไรนะครับ?!”
      
      
            ( … )

      
            “ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้!”
      
      
            “ใจเย็น ๆ ก่อน เกิดอะไรขึ้นพี่แทน”

      
            ฝ่ามือใหญ่กำโทรศัพท์ในมือแน่นจนสั่นสะท้าน กันต์ได้แต่เอื้อมมือไปกุมมือข้างนั้นเอาไว้เพื่อหวังว่ามันจะช่วยปลอบประโลม

      
            “ศูนย์วิจัยโทรมาเรื่องวันทดลองถูกรัฐเลื่อน”

      
            กันต์ได้แต่ภาวนา

      
            “เป็นวันนี้”

      
            แต่ไม่เป็นผล









To be continued.
_____________________________________

TALK : ไม่ได้รักกันเป็นสุขซักทีคู่นี้ /โดนคนอ่านตี

มาช้าแล้วยังจะมาน้อยอีก น้องขอโทษจ้ะพี่ๆ
ตอนนี้ปมหนักสุดท้าย(?)แล้วจ้ะ ฮึบกันไว้

อย่าลืมคอมเมนต์หรือแท็กเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะจ๊ะ

TWITTER FACEBOOK


#ครึ่งชีวิตของผม

ออฟไลน์ BaGgYsOdA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอให้พี่รักปลอดภัย

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ขอให้ผลการทดลองสำเร็จ และขอให้พี่รักปลอดภัยนะคะ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
พี่รักกกก

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ขอให้พี่รักปลอดภัยนะ TT

ออฟไลน์ Lostmapb

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___

แจ้งข่าว* หยุดอัพชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 25 ธันวา-2 มกรานะคะ
เราไปรับปริญญาค่ะ และเรื่องนี้จะพยายามให้จบภายในกุมภาค่ะ
เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ









CHAPTER 17

I will try to fix you.








            ข้าวเช้าที่เพิ่งกินไปได้ไม่ถึงครึ่งก็ถูกวางทิ้งไว้ไม่มีใครอยากอาหารทั้งสิ้นในตอนนี้ และเร่งรุดไปโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุดโดยมีกันต์เป็นคนขับมาเองเพราะอารมณ์ของคนพี่ยังไม่มั่นคงเท่าไรนัก เกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุให้ยิ่งแล้วไปกันใหญ่
      
      
            เสียงฝีเท้าทั้งสองคู่พากันวิ่งออกจากลิฟต์ตรงไปยังห้องผ่าตัดที่ตอนนี้มีเพียงผู้เกี่ยวข้องกับงานนี้เท่านั้นที่นั่งอยู่หน้าห้องแม้แต่ญาติก็ยังไม่อนุญาตให้เข้ามาในส่วนนี้ รวมถึงกันต์เองก็ด้วยที่ชะลอฝีเท้าเมื่อมาถึงบานประตูสีกระจกที่ถูกติดฟิล์มกันการมองเห็นจากด้านนอก

      
            “พี่แทน” แทนคุณชะงักตัวหลังจากพุ่งเข้าไปเกินครึ่ง ได้สตินึกคิดกลับมาเมื่อฝ่ามือเล็กสัมผัสลงที่ต้นแขน

      
            กันต์มองใบหน้าคนรักด้วยความเป็นห่วง แววตาที่เคยมั่นคงและเข้มแข็งตอนนี้กำลังสั่นไหวจนเขาอยากจะรีบให้เรื่องพวกนี้ผ่านไปสักที ทำไมคน ๆ หนึ่งถึงไม่สามารถมีความสุขได้โดยไม่ต้องผ่านความทุกข์ระทมด้วย ไม่รู้พระเจ้าจะอยากทดสอบอะไรนักหนาหากอยากให้รู้ซึ้งถึงความสุขก็ไม่จำเป็นต้องยื่นความเจ็บปวดให้กันมากขนาดนี้ก็ได้

      
            “แทนลูก” ไม่ทันที่ทั้งสองจะพูดอะไรเสียงเรียกแทนคุณก็ดังแทรกเข้ามา พร้อมกับร่างบอบางของหญิงวัยกลางคนผู้เป็นมารดาถูกประคองเดินเข้ามา

      
            “แม่ครับ”

      
            “สวัสดีครับ” กันต์ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนจะถอยฉากออกมาเล็กน้อยอีกทั้งยังไม่แน่ใจว่าพี่เขาเล่าเรื่องตัวเองให้ฟังบ้างหรือยัง แต่ดูจากการพยักหน้าตอบรับและยิ้มบาง ๆ ก็คงพอจะรู้อยู่บ้าง
      
      
            “เกิดอะไรขึ้นอยู่ ๆ รัฐบาลก็ออกประกาศว่าเลื่อนการทดลองมาเป็นวันนี้ แล้วน้องล่ะลูก” แทนคุณจับมือแม่ของตัวเองแน่น พยายามบอกกับตัวเองให้เข้มแข็งเพื่อไม่ให้ใครต้องกังวลใจ

      
            “รักน่าจะอยู่ในห้องแล้วครับ พ่อแม่นั่งรอข้างนอกก่อนนะ ผมต้องเข้าไปข้างในแล้ว ... กันต์พี่ฝากด้วยนะ” คนเป็นพี่หันมาบอกน้อง วางฝ่ามือหนาที่กำลังสั่นเทาลงบนกลุ่มผมนุ่มอย่างต้องการกำลังใจและกันต์ก็เข้าใจจึงส่งยิ้มกว้างที่พี่เขาเคยบอกว่าชอบนักหนาไปให้

      
            “ไม่ต้องห่วงครับ”

      
            ส่วนรับรองด้านนอกเริ่มคลาคลั่งไปด้วยผู้คนทั้งสำนักข่าวทั้งญาติของผู้ทดลองทั้งใครต่อใครแน่นเสียจนรู้สึกอึดอัด แต่ไม่อยากลุกหนีไปไหนด้วยเป็นห่วงคุณพ่อคุณแม่ของพี่เขาและกลัวว่าจะคลาดกันด้วย กันต์จึงอดทนนั่งอยู่ในสภาวะกดดันนี้ต่อไป

      
            ดิมที่รู้ข่าวก็ส่งข้อความมาถามไถ่ เขาเองก็ไม่มีคำตอบอะไรจะให้นอกจากต้องรอคอยเวลาเหมือนกัน เพิ่งผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมงแต่เหมือนผ่านไปหลายวันในความรู้สึกของคนรอ เขาและผู้ใหญ่ทั้งสองไม่ได้คุยอะไรกันมากนักเพราะต่างคนก็ต่างกระวนกระวายใจจนไม่มีกะจิตกะใจจะสนทนานัก


ครืด ครืด ครืด

      
            Dimm : มึง
      
            Dimm : *Sent photo*
      
            Dimm : นี่ใช่คู่วิชาสัมฯ ของมึงปะ

      
            กันต์กดเปิดรูปเพื่อดูรูปที่เพื่อนส่งมาพบว่าเป็นหน้าฟีดโซเชียลของใครสักคนที่แท็กหาพีท เขาอ่านข้อความในนั้นด้วยความตื่นตระหนกเมื่อพบว่าพีทคือหนึ่งในผู้ทดลอง ฉับพลันคำตอบในงานวิชาสัมภาษณ์บางส่วนของพีทก็แวบขึ้นมาในหัว


ใช่มึง : Punnakann            
กูไม่ได้ระแคะระคายคำตอบในงานมันเลยอะ : Punnakann
            

   
      
            ในงานนั้นมีคำถามหนึ่งที่กันต์ตั้งขึ้นเพื่อถามอีกฝ่ายว่า ‘ถ้าเกิดวันนึงชีวิตและความรักมันไปด้วยกันไม่ได้จะทำยังไง’ และพีทก็ตอบกลับมาด้วยคำตอบที่แสนจะธรรมดาไม่ได้ชวนให้ฉุกคิด แต่ในเวลานี้กลับทำให้กันต์เข้าใจได้ทันที ‘ก็แค่เลือกชีวิตที่ไม่มีความรัก’

      
            ถึงแม้จะเพิ่งมารู้จักกันได้ไม่นานจากงานในคลาสเรียน แต่พอได้คุยกันก็รู้สึกได้ว่าพีทเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งเลย กันต์จึงอดเป็นห่วงอีกคนไม่ได้ เขากวาดสายตามองไปรอบบริเวณเพื่อหาครอบครัวของพีทแต่ก็พบว่าตัวเองโง่เง่าเหลือเกินจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นคนไหน

      
            กันต์เลิกมองหาก่อนจะกลับมาจดจ่อกับประตูบานใหญ่ที่คั่นระหว่างคนนอกกับคนในออกจากกัน จากสามสิบนาทีเป็นหนึ่งชั่วโมง คนด้านในก็ยังคงไร้การเคลื่อนไหวจนทำให้คนรอเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้

      
            “คุณลุงคุณป้าทานอะไรมาหรือยังครับ”

      
            “ยังเลยลูก ป้าเป็นห่วงเจ้ารักเลยรีบมา”

      
            “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวกันต์ไปหาอะไรรองท้องมาให้นะครับ”

      
            “ไม่เป็นไรหรอกลูก รบกวนเราเปล่า ๆ”

      
            กันต์มองสีหน้าหม่นหมองของคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ได้แต่เป็นห่วง แต่ถ้าจะให้ปล่อยไว้เช่นนี้ก็เกรงว่าบุพการีของคนรักจะล้มป่วยไปด้วย อีกอย่างหนึ่งคือเขาไม่อยากทนนั่งรออีกแล้วยิ่งอยู่ตรงนั้นก็ยิ่งทำให้ฟุ้งซ่าน สู้ออกมาเดินสูดอากาศสักหน่อยคงคลายความอึดอัดใจไปได้บ้าง

      
            “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวกันต์มานะครับ”

      
            ร่างโปร่งเลือกเข้าคาเฟ่ด้านล่างโรงพยาบาลที่ตอนนี้มีคนมายืนออเต็มไปหมด ก็คงหนีไม่พ้นมารอฟังข่าวจากการทดลองครั้งนี้ เขาเลือกขนมปังไป 2 - 3 ชิ้นกับชารสดีไปฝากคุณลุงคุณป้าทั้งสอง แต่ระหว่างรอจ่ายเงินเสียงคนด้านนอกก็โหวกเหวกขึ้น

      
            “ขณะนี้การทดลองได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ทางรัฐบาลและโรงพยาบาล xx ขอขอบคุณคณะแพทย์ที่ทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถตลอดจนผู้มีอุปการะคุณทุกท่านที่ให้ความช่วยเหลือ อีก 15 นาทีเราจะแจ้งผลการทดลองให้ทุกท่านทราบ ขอบคุณค่ะ”

      
            หลังจากนั้นความวุ่นวายก็มากขึ้นทั้งสำนักข่าวทั้งผู้คนที่มารอฟังข่าวการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เรียกว่าสำคัญสำหรับมวลมนุษย์เลยก็ว่าได้ กันต์รีบวิ่งเบียดคนอื่นแทรกขึ้นลิฟต์ไปดีที่ลงชื่อว่าเป็นญาติของผู้ทดลองจึงผ่านกลับเข้ามาโดยง่าย

      
            “คุณลุง คุณป้าครับ”

      
            “กันต์ลูก”

      
            “ออกมากันหรือยังครับ”

      
            “ยังเลย แต่คงอีกไม่นานเมื่อกี้นี้มีพยาบาลเดินออกมาแจ้งว่าให้นั่งรอฟังแถลงข่าวพร้อมกัน”

      
            รออยู่ครู่ใหญ่จนกระทั่งนางพยาบาลเดินมาแจ้งให้เข้าไปนั่งฟังแถลงข่าวในห้องประชุมของโรงพยาบาล ซึ่งอนุญาตให้เพียงญาติผู้ทดลองเข้าไปได้เท่านั้น ทันทีที่ตัวแทนจากรัฐบาลและคณะแพทย์เดินขึ้นมาบนเวทีเสียงอื้ออึงก็เงียบ ทุกคนจดจ่ออยู่กับบุคคลด้านหน้าเพื่อรอคอยคำพูดที่คล้ายจะเป็นตัวตัดสินชะตากรรมครอบครัวแต่ละครอบครัว

      
            “สวัสดีครับทุกท่าน ผมหัวหน้าคณะแพทย์ในการวิจัยนะครับ ก่อนอื่นเลยผมต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความร่วมมือในการสนับสนุนผู้ทดลอง จากการวิจัยมายาวนานตลอด 5 ปีมานี้พวกเราทำงานกันอย่างหนักเพื่อให้ผลลัพธ์มันออกมาดีที่สุด”

      
            “และก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่ผลลัพธ์ของสารตั้งต้นที่ออกมาใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของเรามากที่สุด ก่อนจะมีมติใช้วิธีการฉีดสารตั้งต้นดังกล่าวควบคู่กับการช็อตไฟฟ้าเพื่อระงับการทำงานของตัวเลข บิดเบือนการทำงานของร่างกายและสมอง ทางรัฐบาลจึงออกประกาศหาผู้ที่ยินดีเป็นคนทดลองสารตัวนี้ จนกระทั่งเมื่อเวลา 12 นาฬิกา 35 นาทีที่ผ่านมา การทดลองได้สิ้นสุดลง”

      
            “การทดลองเครื่องทดเวลา ผลปรากฏว่ามีผู้ที่ร่างกายตอบสนองจำนวน 13 ท่าน และผู้ที่ร่างกายไม่ตอบสนองจำนวน 7 ท่าน ทางเราต้องขอยินดีและเสียใจอย่างสุดซึ้งกับผลที่เกิดขึ้น ผมจะให้ผู้ช่วยประกาศรายชื่อทั้งหมดให้ทราบครับ”

      
            ทุกประโยคที่ได้ยินมันบีบคั้นหัวใจคนฟังในทุกประโยค ยิ่งเมื่อได้รู้ว่ามีคนที่ทดลองไม่สำเร็จด้วยแล้วยิ่งทำให้หลายคนใจเสีย กันต์เม้มปากแน่นอยากจะหลับหูหลับตาเพื่อที่จะไม่ต้องรับรู้ผลการทดลองนั้น

      
            “ผู้ที่ร่างกายตอบสนองคนแรกคือ .....”

      
            เขาหันไปมองพ่อและแม่ของพี่เขาทั้งสองที่จับมือกันอย่างเข้มแข็งเพื่อลูกของตัวเอง นั่นทำให้เขาค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ทำตัวเองได้เพื่อตั้งใจฟังรายชื่อที่กำลังประกาศ

      
            “นายพีรศิลป์ ตั้งวรเชษย์ และคนสุดท้ายคือนายแทนรัก วิมุตากุล”

      
            “คุณลุง คุณป้าครับ” ร่างโปร่งที่กำลังนิ่งค้างถูกแม่ของพี่เขาดึงเข้าไปกอดและร้องไห้ด้วยความดีใจโดยมีคนเป็นพ่อลูบหลังปลอบทั้งที่ตัวเองก็พยายามกลั้นน้ำตาไว้ กันต์ดีใจกับพี่แทนรักและครอบครัวมากจริง ๆ ที่ผลทดลองออกมาสำเร็จแบบนี้

      
            “แม่อยากเจอพี่รักแล้วพ่อ”

      
            “ใจเย็นก่อนแม่ รอให้หมอเขาประกาศคนอื่นจบก่อน”

      
            เสียงร้องไห้ที่คล้ายแทบขาดใจของอีกหลายครอบครัวดังขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างที่ประกาศผู้ที่ร่างกายไม่ตอบสนองถึงขั้นเสียชีวิต เสียสติ สูญเสียตัวตนตามลำดับ

      
            “สำหรับผู้ที่เสียสติ สูญเสียตัวตนมีอยู่ 2 ท่านด้วยกันคือนางสาวนิลิน เจียรวัฒนา และ ...”

      
            “พระเจ้า คุณป้าครับนั่นใช่ชื่อของ—”

      
            “หนูลิน”

      
            เราทั้งสามมองหน้ากันด้วยความตกใจไม่คิดว่าคู่ชีวิตของแทนรักจะมาร่วมการทดลองในครั้งนี้ด้วย ทว่าโชคร้ายที่ร่างกายของหญิงสาวไม่ตอบสนองกับการทดลอง ถึงแม้ว่าเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะเธอ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่านี่เป็นสิ่งที่เธอควรจะได้รับ ชีวิตที่พังทลายลงไปทันทีที่ตื่นขึ้นมาบางทีมันอาจจะโหดร้ายยิ่งกว่าตายเพราะผลลัพธ์ในครั้งนี้มันคือการตายทั้งเป็น

      
            “ในส่วนของผู้ที่ร่างกายตอบสนองการทดลองในครั้งนี้ต้องมาฉีดสารและกระตุ้นไฟฟ้าทุกปี จนกว่าคลื่นสมองและหัวใจจะอยู่ในระดับทรงตัว และผลลัพธ์ของการทดลองนี้คือตัวเลขจะถูกหยุดไว้ที่ 50 ไม่มีวันเพิ่มหรือลด เว้นเสียแต่ว่าในอนาคตร่างกายเกิดต่อต้านขึ้นมา เปอร์เซนต์การต่อต้านเราคำนวณไว้ไม่เกิน 10% ส่วนผลค้างเคียงของการทดลองนี้คือความทรงจำเกี่ยวกับคู่ชีวิตจะหายอย่างถาวรทั้งหมดครับ”

      
            “การเข้าเยี่ยมจะเยี่ยมได้หลังจากนี้ 12 ชั่วโมงเพื่อให้ผู้ทดลองได้พักฟื้นร่างกาย”

      
            ทางคณะแพทย์ได้ชี้แจงรายละเอียดบางส่วนทั้งวิธีการดูแลและอื่น ๆ ให้ญาติผู้ทดลองได้รับทราบและทำความเข้าใจและจบการแถลงข่าวอย่างรวดเร็ว

      
            “กันต์จะไปไหนต่อหรือเปล่าลูก หรือจะรอพี่แทนเขาก่อนจ๊ะ”

      
            “รอพี่แทนครับ แล้วคุณลุงคุณป้าล่ะครับ”

      
            “ลุงว่าจะพาป้าเขากลับบ้านไปพักก่อนน่ะ พอให้เข้าเยี่ยมได้คงมีเรื่องต้องคุยกันยาว” กันต์ยิ้มพร้อมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

      
            “ขอบใจมากนะจ๊ะที่อยู่เป็นเพื่อน ยังไงไว้ให้พี่แทนมาพาทานข้าวที่บ้านนะลูก ป้าอยากรู้จักเรามากกว่านี้” มือเรียวเล็กถูกจับเอาไว้อย่างแผ่วเบา กันต์ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่เอ็นดูตัวเองแม้จะเพิ่งได้เจอกันเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก็ตามที


ครืด ครืด ครืด

      
            “ว่าไง”

      
            ( กูดูถ่ายทอดสดเมื่อกี้ ตอนนี้เป็นไงบ้างมึง )

      
            “ก็มีทั้งคนที่ดีใจและเสียใจ”

      
            ( เออพี่แทนรักกับพีทรอดนี่ )

      
            “พีท? เออใช่! กูลืมไปเลย กูมัวแต่รอฟังชื่อพี่รัก สรุปพีทรอดใช่ไหมวะ”

      
            ( เออรอด )

      
            “เฮ้อ โชคดีแล้ว เออมึง มึงจำผู้หญิงที่เป็นคู่พี่รักได้ปะ”

      
            ( จำได้ ทำไมวะ )

      
            “มาทดลองเหมือนกันว่ะ แต่อยู่ในหมวดคนเสียสติ”

      
            ( … เชี่ย จริงปะ แล้วพี่สองแฝดเขารู้เรื่องกันปะวะ )

      
            กันต์เงียบไปอึดใจ นั่นสิ พี่แทนอาจจะรู้เพราะเป็นหนึ่งในคณะแพทย์ ส่วนพี่รักนี่เขาก็ไม่แน่ใจ ช่างเถอะ อย่างไรตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ จริงอยู่ที่เขารู้สึกเสียใจกับเธอและครอบครัวของเธอ จะหาว่าเขาใจดำไปบ้างก็ได้ แต่ใครที่ไม่ได้มาอยู่ในจุดนี้ก็คงไม่เข้าใจ ชีิวิตรักเกือบพังก็เพราะคน ๆ นี้ ไหนจะชีวิตของพี่รักที่แทบไม่เหลือชิ้นดีก็เพราะเธอคนนี้อีกเช่นกัน

      
            “ไม่รู้ว่ะ ช่างเหอะ แค่นี้ก่อนนะมึง พี่แทนออกมาแล้ว”





 









            แทนคุณเดินออกมาจากส่วนห้องทดลองด้วยความเหนื่อยล้า นึกย้อนกลับไปในวินาทีที่การทดลองเริ่มขึ้น ผลการทดลองมีทั้งดีและแย่ปะปนไปจนนึกหวั่นใจไม่น้อย คนแล้วคนเล่าที่ผ่านไปจนกระทั่งมาถึงคิวของน้องชายตัวเอง เขาไม่สามารถบรรยายความรู้สึกวินาทีนั้นออกมาได้เลย อยากจะวิ่งหนีออกจากห้องไปเดี๋ยวนั้น อยากจะเป็นคนขี้ขลาดที่ไม่กล้าเผชิญหน้า

      
            แต่เพราะอีกใจก็อยากทำด้วยตัวเอง มันไม่ไว้ใจใครให้มาทำแทน จึงอดกลั้นกดทุกความรู้สึกลงไป สวมบทบาทความเป็นแพทย์เพื่อน้องชายเพียงคนเดียว ในช่วงวินาทีที่เห็นผลทอดลองแม้ว่าทุกคนในทีมจะเข้ามายินดีอย่างไรมันก็เทียบไม่ได้เลยกับรู้สึกข้างในของเขา มันเหมือนว่าความทรมานได้สิ้นสุดลงแล้ว

      
            ทว่าความชาจากปลายประสาทที่แล่นตั้งแต่หัวจรดเท้าเข้าเล่นงานเมื่อมาถึงผู้ทดลองห้องสุดท้าย นิลิน หญิงสาวที่เขาเคยรักจนหมดหัวใจ กำลังนอนนิ่งรอคอยให้โชคชะตาในกำมือแพทย์ตัดสินชีวิตที่เหลืออยู่

      
            ทันทีที่ผลลัพธ์ออกมานั้นความรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรจุกอยู่กลางอก นิ้วที่ถือปากกาเพื่อบันทึกการทดลองสั่นจนเกือบเขียนไม่ไหว แม้ว่าจะไม่ได้รักกันอีกแต่อย่างน้อยก็เคยมีช่วงเวลาร่วมกัน ทำให้เขาอดเจ็บปวดไม่ได้เมื่อรู้ว่าร่างกายของนิลินไม่ตอบสนองกับการกระตุ้นไฟฟ้าจนทำให้กลายเป็นคนเสียสติ

      
            “พี่แทน”

      
            คนตัวสูงที่เดินออกมาพร้อมคณะแพทย์ถูกเสียงอันคุ้นเคยช่วยเรียกสติที่กระจัดกระจายกลับมา เขาเดินพุ่งเข้าไปหาน้องก่อนจะดึงเจ้ากระต่ายตัวน้อยของตัวเองมากอดไว้แน่น ซุกซบลงบนไหล่น้องเพื่อเรียกร้องกำลังใจที่เสียไปกลับมา

      
            “มันผ่านไปแล้วนะครับ”

      
            “อืม ... ขอบคุณนะครับ”

      
            เขาขอบคุณที่ไม่ว่าเมื่อไหร่หรือเรื่องอะไรน้องก็ยังอยู่ด้วยกันตรงนี้ คอยเป็นขุมพลังงานที่เติมเต็มให้กันตลอดเวลา แค่คิดว่าถ้าเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมาไม่มีน้องนั้นมันจะเป็นอย่างไร แทนคุณก็บอกได้เพียงว่าเขาคงล้มระเนระนาดและพังทลายไม่เหลือชิ้นดี

      
            “พ่อกับแม่ล่ะครับ”

      
            หลังจากกอดน้องจนรู้สึกดีขึ้นก็พาเดินแยกจากฝูงชนมานั่งหลบมุมคุยกันสองคนเงียบ ๆ เวลานี้เขาอยากจะอยู่กับน้องแค่สองคนแต่เพราะหน้าที่ยังมีจึงไม่สามารถไปไหนได้

      
            “กลับไปแล้วครับ จะกลับมาอีกทีตอนหมอให้เยี่ยมเห็นบอกว่ามีเรื่องที่ต้องคุยกันยาว” แทนคุณพยักหน้ารับก่อนจะปล่อยให้ความเงียบปกคลุมเราอีกครั้ง กันต์เองก็ไม่คิดเร่งเร้าก็พอเข้าใจว่าการอยู่ในห้องทดลองกว่าหลายชั่วโมงนั้นคงก่อให้เกิดความเครียดไม่น้อย เลยได้แต่นั่งมองมือตัวเองที่ถูกพี่เขาจับเล่นอย่างเพลิดเพลิน

      
            “หิวหรือยังครับ พี่ขอโทษนะที่ทำให้เราขาดเรียนไปด้วยเลย” คนโตกว่าดึงสายตากลับมาวางไว้ที่ใบหน้าน่ารักของคนข้างกาย

      
            “ฮื่อ ไม่เป็นไรเลยพี่แทน ถึงให้กันต์ไปเรียนนะก็ไม่มีสมาธิหรอกครับ”

      
            “ขอบคุณนะครับ” กันต์เอียงหัวให้ทันทีที่ฝ่ามือหนาลูบลงบนกลุ่มผม ถึงแม้จะไม่ใช่คนอ้อนเก่งอะไรนักแต่ในเวลานี้ก็พยายามทำทุกอย่างให้พี่เขายิ้ม ดวงตาเรียวเล็กเหลือบมองซ้ายขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีมองมาทางนี้ก็ลงมือทำวิธีที่ช่วยผ่อนคลายพี่เขาเบื้องต้น

      
            จุ๊บ
   
      
            แทนคุณหันมามองหน้ากระต่ายตัวดื้อด้วยความตกใจไม่คิดว่าน้องจะหอมแก้มกันแบบนี้ ปากหนาขยับกระตุกยิ้มพยายามจะกลั้นแต่ก็ไม่ไหว ใครใช้ให้คนของเขาน่ารักได้ขนาดนี้ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในเครื่องแบบแพทย์เขาจะคว้าน้องมากอดรัดฟัดเหวี่ยงแน่นอน

      
            “ตัวแสบ”

      
            คนถูกกล่าวหายกยิ้มจนตาหยีอย่างชอบใจก่อนจะปฏิบัติขั้นตอนต่อไปด้วยการคว้าแขนพี่เขามากอดเอาไว้หลวม ๆ แล้วซบแก้มลงบนไหล่กว้าง แทนคุณอมยิ้มกับความขี้อ้อนของน้องที่นับวันยิ่งอ้อนเก่งขึ้นทุกวันโดยที่เจ้าตัวนั้นคงไม่รู้ด้วยซ้ำ แต่คนถูกอ้อนอย่างเขาแทบจะอดใจไม่ให้รุนแรงกับน้องไม่ไหว

      
            “พี่ต้องอยู่ต่ออีกหรือเปล่า”

      
            “อืม แพทย์ในทีมต้องคอยสแตนด์บายตลอด 12 ชั่วโมงนี้เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน” กันต์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจพลางยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาก่อนจะพบว่าบ่ายแก่เต็มที

      
            “แล้วต้องกลับไปทำงานตอนไหนครับ”

      
            “อีกประมาณครึ่งชั่วโมงแหละ มีอะไรหรือเปล่า หืม?”คนพี่ก้มลงมองเจ้าของกลุ่มผมที่คลอเคลียอยู่ก่อนจะจรดหอมหัวน้องย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ จนได้ยินเสียงหัวเราะจากน้อง

      
            “งั้นไปหาอะไรกินกันครับ วันนี้พี่กินอะไรเลยนะ” แทนคุณอยากจะปฏิเสธเพราะยังไม่รู้สึกอยากอาหารเลยสักนิด ตราบใดที่ยังไม่พ้น 12 ชั่วโมงเขาก็ยังไม่สบายใจแบบเต็มร้อยได้อยู่ดี

      
            “แ—”

      
            “นะ นะครับ~”

      
            คนเป็นคู่กันทำไมจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่จึงรีบยื่นอีกไม้ตายที่นานทีจะทำด้วยการแนบแก้มนุ่มของตัวเองลงกับฝ่ามือพี่เขาแล้วช้อนตามอง คิดดูสิว่าคนหลงกระต่ายตัวน้อยตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันจนวันนี้อย่างแทนคุณจะทัดทานได้อย่างไร ยอมปล่อยให้ตัวเองถูกน้องจับจูงมาจนถึงร้านอาหารข้างโรงพยาบาลจนได้

      
            ดวงตาคมปราบจับจ้องอยู่กับวงหน้าของคู่ชีวิตที่กำลังเจื้อยแจ้วเล่านั่นเล่านี่ไปเรื่อยเปื่อย แทนคุณรู้ดีว่ากันต์ไม่ใช่คนพูดเก่งยิ่งไปกว่านั้นคือแทบจะไม่ชอบพูดเลยด้วยซ้ำแต่น้องก็พยายามหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุยเพื่อเขา

      
            ขอบคุณพระเจ้าจริง ๆ ที่สร้างน้องมาให้เขา














TANKHUN’s

      

            หลังจากส่งน้องขึ้นรถกลับคอนโดไปผมก็ตรงดิ่งมาที่ห้องพักฟื้นของผู้ทดลอง แต่ละเตียงจจะถูกกั้นด้วยม่านหนาทึบ ไม่ต้องใช้เวลาหาให้นานผมก็จำได้แม่นยำว่าเตียงไหนเป็นเตียงของน้องตัวเอง ผมเปิดม่านออกช้า ๆ อย่างเบามือเพื่อไม่ให้รบกวนเวลาพักผ่อนของไอ้รักและคนอื่น

      
            หน้าตาที่เหมือนกับผมแทบทุกอย่างของมันในตอนนี้ซีดเซียวแถมคิ้วยังขมวดแน่น ให้เดาว่าภายในคงกำลังต่อสู้อย่างแข็งขันเช่นกัน ถึงแม้ร่างกายของไอ้รักมันจะตอบสนองกับการทดลองทั้งหมดแต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะระบบภายในร่างกายบางอย่างเราก็รู้ดีว่ามันฝืนได้ยาก ยิ่งกับระบบตัวเลขที่เป็นตัวกำหนดคู่และชีวิตแล้วด้วยก็ยิ่งไม่มีอะไรง่ายดาย

      
            ผมได้แต่ยืนมองน้องตัวเองอยู่แบบนั้นจนนางพยาบาลเข้ามาตรวจเช็คความดัน ผมยิ้มตอบรับให้เพื่อนร่วมงานก่อนจะถอยฉากออกมายืนด้านนอก แต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกจากห้องก็ได้ยินตะโกนหวีดร้องของใครสักคนพร้อมกับเสียงรองเท้าของแพทย์ที่วิ่งกรูผ่านไป

      
            “หมอแทนคะ เชิญด้วยค่ะ” นางพยาบาลที่กำลังวิ่งมาโผล่เข้ามาบอก ผมจึงรีบตามไปก่อนสภาพที่เห็นจะทำให้แทบลืมหายใจ

      
            “นิลิน”

      
            “กรี๊ดดดดดดดดด!! ออกไป! ฮึก อย่าเข้ามานะ!! ไม่!! รัก!! รักคะ!! รักอยู่ไหน!!!”

      
            หญิงสาวที่เคยสวยงามในความทรงจำของผมตอนนี้เหลือเพียงแต่ร่างกายที่ทรุดโทรม ใต้ตาบวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักหน่วง และดวงตากลมโตสั่นระริกอย่างหวาดกลัว แทบไม่เหลือเค้าเดิมที่เคยเป็นมาจนอดรู้สึกแย่ไม่ได้

      
            “รัก รักคะ รักใช่ไหม รักมาหาลินแล้ว รักยกโทษให้ลินแล้วใช่ไหมคะ”

      
            นิลินกวาดสายตามาก่อนจะเรียกด้วยชื่อของแทนรักอดีตคู่ชีวิตของเธอ ผมเผลอเลียปากด้วยความอึดอัดใจแต่สุดท้ายก็เดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างเตียงและปล่อยให้เธอโผเข้ามากอด นิลินร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ยอมหยุดจนผมไม่กล้าที่จะดันตัวเธอออก


            การที่จะทำให้เธอสงบได้ในตอนนี้คือฉีดยานอนหลับ นั่นทำให้หมออีกคนที่กำลังยืนถือเข็มเดินก้าวเข้ามาจากด้านหลังอย่างระมัดระวังแล้วฉีดยานั้นลงในสายน้ำเกลือ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยผมพยักหน้าเป็นสัญญาณให้ทุกคนออกไปจนกระทั่งทั้งห้องเหลือเพียงแค่ผมและเธอ

      
            “ยะ อย่าไป”
      
      
            “นอนก่อนนะครับคนเก่ง”

      
            ผมสวมบทเป็นแทนรักอย่างที่เธอต้องการ นิลินพยายามขัดขืนไม่ยอมให้ผมดันตัวเธอลงนอน แต่ยาคงเริ่มออกฤทธิ์ทำให้สุดท้ายก็หลับไปในที่สุด ถึงแม้ว่าเราต่างจะเจ็บปวดกับเรื่องนี้แต่ผมก็ไม่เคยคิดนึกแค้นใจให้ใครต้องเป็นอะไรไป

      
            อยู่ ๆ ก้อนความรู้สึกผิดแม่งก็ตีขึ้นมาจุกอก ถ้าผมคุยกับแทนรักให้รู้เรื่อง ใส่ใจเรื่องของน้องตัวเองสักนิดหรือแม้แต่สนใจเรื่องคู่ชีวิตตัวเองสักหน่อย มันคงไม่เกิดผิดฝาผิดตัวสลับคู่มั่วซั่วกันจนกลายเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะผมไปแทรกกลางป่านนี้ทั้งสองคนคงได้แต่งงานมีครอบครัวมีลูกตัวน้อย ๆ ด้วยกันไปแล้ว

      
            ยิ่งเห็นสภาพของนิลินตอนนี้ผมไม่รู้เลยว่าจะมีส่วนรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยได้อย่างไร ทางเดียวที่คิดออกตอนนี้ก็คือต้องดูแลเธอคนนี้ให้ดีที่สุดก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที นั่นคงเป็นทั้งหมดที่ผมจะทำให้เธอได้









To be continued.
_____________________________________

TALK : ไม่รู้จะสงสารใครก่อนดีเลยนะคะจุดนี้

เรื่องการรักษานี่พยายามเขียนให้พอจะเป็นไปได้
และอ่านเข้าใจง่ายมากที่สุด แต่ถ้ายังไม่เข้าใจก็บอกได้เลยนะคะ

เป็นอีกตอนที่เขียนยากมากสำหรับเรา
เขียนๆ ลบๆ อยู่นานมาก เลยหายไปนานกว่าจะมาต่อได้
ส่วนนึงก็ด้วยสภาพจิตใจของเราด้วยแหละค่ะ เครียดงานมากเว่อ5555

ขอบคุณคนที่ยังรอกันนะคะ เราจะพยายามให้ดีขึ้นกว่านี้ค่ะ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจดีๆ ด้วยเช่นกันค่ะ

ฝากคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้กันด้วยน้า

TWITTER FACEBOOK


#ครึ่งชีวิตของผม
      
      

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
คือบอกตรง ไม่ได้สงสารนิลินเลยอ่า เราใจร้ายไปไหมเนี่ย

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ดีใจที่พี่รักปลอดภัยนะ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
พี่รักปลอดภัย ฮืออออออออออออออออออออ  :hao5:

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
อย่าสงสารเค้าจนละเลยน้องละไม่งั้นจะยิ่งไปกันใหญ่ อย่าทำให้ความสงสารมาทำลายความสัมพันธ์ของแทนกับน้องนา

ปล. เราก็สงสารลินนะแต่ที่เป็นแบบนี้ส่วนนึงก็มาจากการกระทำของลินล้วนๆด้วย และลินก็เลือกที่จะเข้ารับการทดลองเอง เพราะงั้นก็ต้องทำใจยอมรับผลของการกระทำของตัวเองด้วยนะ

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___


CHAPTER 18

We need Both the sun and the rain to grow.
- dj. -









10 เมษายน 25xx

      
      
            กันต์ที่วันนี้ตั้งใจว่าหลังจากเรียนเสร็จจะไปเยี่ยมพี่แทนรักก็ต้องเปลี่ยนแผนกะทันหันเพราะต้องมานั่งแก้งานหลังจากที่เพิ่งเข้าพบอาจารย์ ใบหน้าที่ปกติไม่ค่อยแสดงอารมณ์อะไรเท่าไหร่ในตอนนี้กลับมุ่ยลงด้วยความหงุดหงิดใจ

      
            นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วเขายังไม่ได้ไปเยี่ยมเลยแม้พี่เขาจะส่งข่าวมาบอกแล้วก็ตามว่าพี่รักน่ะปลอดภัยดี อีกอย่างคือนอกจากข่าวพี่รักที่ได้รับ เขาเองก็ไม่มีโอกาสได้คุยคนรักของตัวเองเลยเช่นกัน ก็พอเข้าใจว่าช่วงนี้คงยุ่งกับการติดตามผลการทดลองและคอยดูแลพี่แทนรัก

      
            แต่ก็นะ มันอดเหงาไม่ได้นี่หน่า
   
      
            “งานส่งตั้งอีกสองวัน มึงทำทันอยู่แล้ว”
      
      
            “แต่”
      
      
            “มึงเป็นอะไร ไหนพูด” ก็ยังคงเป็นดิมที่รู้ทันเพื่อนคนนี้ไปเสียทุกอย่าง แม้แต่บางอาการที่คิดว่าเก็บไว้มิดแล้วก็ตามที กันต์พรูลมหายใจออกมาพลางเรียบเรียงคำพูดในหัวตัวเอง

      
            “พี่แทนเงียบหายไปเลยอะมึง จะเป็นอาทิตย์แล้วนะ”
      
      
            “งานเขายุ่งหรือเปล่า”

      
            “กูก็คิดงั้น แต่ปกติยุ่งแค่ไหนเขาก็ทักมาหากูได้ตลอดนี่หน่า” พูดไปก็มองรายชื่อผู้ติดต่อในโทรศัพท์ของตัวเองไป อยากจะโทรหา อยากทักไปหา แต่ข้อความล่าสุดที่เพิ่งส่งไปเมื่อคืนยังไม่ถูกเปิดอ่านเลยด้วยซ้ำ

      
            “งั้นวันนี้ไปเยี่ยมพี่รักแล้วก็แวะไปหาพี่เขาดู มา ๆ เดี๋ยวกูไปส่ง” ถ้าจะยกอันดับคนสปอยล์กันต์อันดับหนึ่งบอกเลยว่าไม่ใช่ที่บ้าน ไม่ใช่คู่ชีวิต แต่เป็นเพื่อนสนิทอย่างดิมต่างหาก

      
            เขาเงยหน้ามองเพื่อนอย่างขอความมั่นใจ บอกตรง ๆ ว่าใจมันคิดไม่ดีไปแล้วเพราะประกบการณ์ความรักที่ผ่านมาการที่อีกฝ่ายอยู่ ๆ หายหน้าหายตาไปไม่ติดต่อมา มันคือสัญญาณความล้มเหลวของความสัมพันธ์ที่เขาต้องเตรียมใจรับมัน

      
            “กูรู้มึงคิดอะไรอยู่ แต่ไหนใครบอกกับกูว่า พี่แทนไม่มีทางเหมือนคนอื่น”

      
            สุดท้ายดิมก็พากันต์มาส่งถึงหน้าโรงพยาบาลก่อนจะขอตัวกลับเพราะนัดกับจาริณเอาไว้ เขาเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อสอบถามการเข้าเยี่ยมพี่แทนรัก และโชคดีที่ทางครอบครัวใส่รายชื่อเขาให้เป็นผู้มีสิทธิ์เยี่ยมได้

      
            เขากลับมาที่ชั้นเดิมเหมือนว่าทางโรงพยาบาลจะปรับให้ชั้นนี้เป็นของโปรเจ็คเครื่องทดเวลาไปแล้ว เขามองหมอและพยาบาลที่เดินไปเดินมาประปรายเข้าห้องนั้นออกห้องนี้กันตลอด ว่าแต่ห้องของพี่แทนรักต้องไปทางไหนกันล่ะเนี่ย

      
            “ขอโทษนะครับ ผมมาเยี่ยมคุณหมอแทนรักครับ ไม่ทราบว่าต้องไปทางไหนหรอครับ”

      
            “คุณหมอแทนรักเชิญฝั่งนี้ค่า เดินเข้าไปห้องด้านในสุดซ้ายมือนะคะ”

      
            “ขอบคุณครับ”
   
      
            ดูเหมือนว่าทางโรงพยาบาลจะแยกผู้ทดลองที่ตอบสนองกับไม่ตอบสนองไว้คนละฟาก ที่เดาได้แบบนี้เพราะเสียงจากฝั่งตรงข้ามดังโวยวายมาเป็นระยะและมีหมอผลัดกันเดินเข้าไปบ่อยกว่าปกติ กันต์สังเกตทุกอย่างจนพอใจแล้วจึงเดินไปตามทางที่พยาบาลบอก

      
            ‘แทนรัก วรเชษฐากุล’


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

      
            “เชิญครับ”

      
            “พี่รักครับ~”

      
            “อ้าวกันต์ ว่าไงเรา”
   
      
            กันต์เดินเข้าไปหาอีกฝ่ายที่เตียง ตอนแรกคิดว่าร่างกายจะยังไม่เข้าที่เท่าไหร่นัก แต่ไอ้ท่าทางการนอนหนุนคอ ไขว่ห้างกระดิกเท้าดูละครได้ก็คงไม่มีอะไรน่าห่วง

      
            “เป็นยังไงบ้างพี่”

      
            “สบายมาก”

      
            “หรอ ๆ ละนี่กินอะไรยังอะพี่”

      
            “เรียบร้อยแล้ว แล้วเราอะมาไงไม่เห็นไอ้แทนบอกเลยว่าจะมาหา”

      
            “เพื่อนมาส่งอะ”

      
            “นั่ง ๆ ดูละครกับพี่ดีกว่า ไอ้แทนออกตรวจอีกสักพักน่าจะกลับมา” กันต์พยักหน้ารับก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง

      
            “อยากกินผลไม้ไหมพี่เดี๋ยวผมปลอกให้”

      
            “เออ ๆ บริการพี่หน่อยไอ้น้อง”

   
            คนเด็กกว่าหัวเราะไปกับบทสนทนาที่อีกฝ่ายชวนคุย เราคุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้แต่ยกเว้นเรื่องเดียวคือคู่ชีวิตคนเก่าของเขา เห็นว่าตามผลแล้วความทรงเกี่ยวกับคู่ชีวิตคนเก่าจะหายไปทั้งหมด ซึ่งสำหรับพี่รักแล้วเขาก็คิดว่ามันเป็นเรื่องดีเหมือนกัน อดีตที่เจ็บปวดบางทีจำมันไม่ได้เลยน่าจะดีที่สุด


ครืด

      
            “กันต์?”

      
            “อ้าวพี่แทน เสร็จงานแล้วหรอครับ”

      
            กันต์ก้าวเข้าไปหาคนรักพร้อมกับแขนแกร่งของแทนคุณอ้าออกกว้างเพื่อรับอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอดพร้อมกับก้มลงหอมขมับด้วยความคิดถึง คนที่เหนื่อยกับงานสายตัวแทบขาดรู้สึกได้รับพลังกลับคืนมาทันที

      
            “ครับ แล้วเรามาได้ยังไง ดิมมาส่งหรอ”

      
            “ใช่ครับ”

      
            “เอ้า ๆ อย่าเพิ่งสร้างโลกส่วนตัว เห็นใจคนโสดหน่อยครับผม”

      
            “งั้นเราไปกันเถอะ” แทนคุณหันไปกลอกตาใส่คนหน้าเหมือนตัวเองด้วยความระอา และนอกจากจะไม่สนใจแล้วยังจับมือน้องเดินออกจากห้องโดยมีเสียงของแทนรักโวยวายตัดพ้อไล่หลังมา

      
            “เย็นแล้วนะได้กินอะไรหรือยังครับ”

      
            “ยังเลย พี่ล่ะ”

      
            “เหมือนกัน งั้นไปหาอะไรกินกัน”

      
            กันต์พยักหน้ารับอย่างแข็งขันยอมให้พี่เขาจับจูงพาไปขึ้นรถ ภายในรถคลอเคล้าไปด้วยเสียงเพลงแนวที่เราทั้งคู่ชอบ คนเด็กกว่าได้เอี้ยวตัวพิงเบาะมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนรักด้วยความคิดถึง ไม่ได้เจอกันเกือบอาทิตย์เขายังแทบบ้า ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะติดพี่เขาขนาดนี้

      
            “มองขนาดนี้จะเอาอะไรครับ”
   
      
            แทนคุณเหลือบมองน้องที่จ้องมาไม่วางตา ไม่รู้ว่าน้องรู้ตัวหรือเปล่าว่าสายตาตัวเองในตอนนี้หวานขนาดไหนจนเขาเองชักจะเขินจนวางตัวไม่ถูกแล้วเหมือนกัน เลยทำเป็นเอ่ยแซวพร้อมกับบีบปลายจมูกรั้นด้วยความมันเขี้ยว

      
            “คิดถึงครับ”

      
            ทันทีที่น้องพูดพลางเอนตัวซบหน้ากับต้นแขนน้ันแทนคุณก็ตัวชาวาบด้วยความรู้สึกผิด ยิ่งกายเล็กสั่นพร้อมกับความชื้นที่สัมผัสได้ในตำแหน่งเดียวกันกับใบหน้าก็ยิ่งทำให้รู้สึกแย่เข้าไปใหญ่ เขาผิดเองที่มัวแต่ทำงานจนละเลยน้อง เอาแค่โทรศัพท์ที่เมื่อครู่หยิบขึ้นมาโทรจองโต๊ะแล้วเห็นแจ้งเตือนจากชื่อน้องที่ค้างเอาไว้เยอะมากนั่นทำให้เขารู้ความผิดพลาดของตัวเองได้อย่างชัดเจน

      
            “พี่ก็คิดถึงน้อง พี่ขอโทษนะคนดี” บอกกล่าวด้วยความรู้สึกจากใจก่อนจะก้มลงไปกดจูบลงที่กลางกลุ่มผมนุ่ม สูดดมกลิ่นที่คิดถึงและกดย้ำสัมผัสที่คุ้นเคย

      
            “ไม่เป็นไร กันต์เข้าใจแต่กันต์ ...​ กันต์แค่คิดถึงพี่ พี่ไม่ตอบข้อความกันต์เลย” เสียงของกันต์แผ่วปลายเมื่อกลัวว่าตัวเองจะงี่เง่าเกินไป

      
            “พี่ขอโทษนะ เป็นเพราะพี่มัวแต่ดูแลคนอื่นจนลืมดูแลคนรักของตัวเอง”

      
            แม้รถยนต์จะมาถึงปลายทางแต่ทั้งคู่ก็ยังไม่คิดจะขยับไปไหน แทนคุณหมายมั่นว่าจะคุยกับน้องให้รู้เรื่องเสียก่อน ซึ่งหมายถึงรู้ในทุกเรื่องที่เขากำลังทำอยู่ ในเมื่อเป็นครึ่งชีวิตของกันและกันและเขาก็ได้รับบทเรียนมาอย่างสาสมแล้ว เขาจะไม่ยอมให้มันพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง

      
            “หิวหรือยังครับ พอจะฟังเรื่องที่พี่อยากจะเล่าได้ก่อนไหม”

      
            เขาไม่คิดเร่งรัดทำเพียงแค่กุมมือของน้องเอาไว้หลวม ๆ และสบกับนัยน์ตาหวานที่ยังประปรายไปด้วยหยาดน้ำ น้องหยุดคิดไปเล็กน้อยพลางหลุบตาลงต่ำคล้ายกับหวาดกลัวอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็พยักหน้าตอบรับ

      
            “ขอบคุณครับ”


            “….”

      
            “หลายวันมานี้ที่พี่ไม่ได้โทรหา ไม่ได้ตอบข้อความเพราะพี่ยุ่งกับงานจริง ๆ กินและนอนอยู่ที่โรงพยาบาลจริง ๆ ไม่ได้นอกลู่นอกทางไปไหนอันนี้เราสบายใจได้เลยครับ แต่ว่าสิ่งที่พี่จะเล่าต่อไปนี้มันอาจจะทำให้น้องไม่พอใจ ถึงอย่างนั้นพี่ก็อยากให้เราฟังพี่ให้จบก่อนนะ โอเคไหม”

      
            “ครับ”

      
            “ช่วงนี้พี่รักษาคนไข้ประจำสลับกับคอยติดตามผลจากผู้ทดลอง ด้วยความที่พี่เป็นจิตแพทย์คนเดียวในทีมเลยต้องวิ่งวนดูแลผู้ทดลอง 20 คน เพื่อรักษาทางด้านจิตใจที่มีแนวโน้มสูงว่าจะหายยากมากกว่าทางร่างกาย”

      
            “…”

      
            “และอย่างที่เรารู้ว่านิลินคือหนึ่งในนั้น พี่ยอมรับว่าพี่คอยดูแลเธอมากกว่าคนไข้คนอื่นแต่ไม่ใช่เพราะพี่ยังรักหรือรู้สึกอะไรกับเธอนะ พี่แค่เห็นใจและพี่เองก็เป็นหนึ่งในคนที่ทำให้เธอและรักมันต้องมาอยู่ในจุดนี้” แทนคุณมองใบหน้าคนรักที่ยังคงเรียบเฉยไม่แสดงอาการอะไรจึงวางใจเล่าต่อไป

      
            “นิลินกลายเป็นคนเสียสติ เฝ้าถามถึงแต่รักและพี่สลับไปมาจนบางครั้งก็อาละวาด ช็อค หมดสติไปเลยก็มี เป็นเพราะความสับสนที่เกิดขึ้นภายใต้ระบบการทำงานของสมอง ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าใครคือคู่ของตัวเอง ถ้าวันไหนพี่อยู่ดูแลเขาก็จะสงบ ให้ความร่วมมือในการรักษา แต่ถ้าไม่เจอพี่เขาก็จะอาละวาด”

      
            “…”

      
            “พอเห็นสภาพแบบนั้นพี่ก็ทั้งเห็นใจและรู้สึกผิด คิดว่าน่าจะมีอะไรที่พี่สามารถชดใช้เธอได้บ้าง จนบางทีมีไม่สามารถไปไหนได้ก็เพราะต้องคอยเฝ้านิลินเอาไว้ แต่เป็นพี่เอง ... พี่ก็หลงลืมไปว่าคนที่พี่ควรจะเอาใจใส่ที่สุด ควรจะสำนึกผิดด้วยมากที่สุดคือคนที่อยู่ตรงหน้าพี่ คนที่ยอมให้อภัยคนโง่ ๆ แบบพี่มานับครั้งไม่ถ้วน”

      
            “…”

      
            “พี่ขอโทษนะครับ”

      
            แทนคุณไม่พูดเปล่าแต่กลับซบหน้าลงกับสองมือของน้องพลางกดจูบซ้ำ ๆ แทนคำขอโทษนับพัน เขารู้สึกผิดจริง ๆ นะให้ตาย ระยะเวลา 3 เดือนที่เราได้เจอและรักกักมีแต่เรื่องที่เขาทำให้น้องต้องเสียใจ ทั้งที่คิดว่าทำเต็มที่แล้ว พยายามที่สุดแล้วแต่ก็ยังทำพลาดอยู่เรื่อยไป

      
            น้องจะเหนื่อยใจที่จะมีเขาบ้างหรือเปล่า —แทนคุณไม่กล้าจะคิดต่อเลย
   
      
            ความรู้สึกที่กระจัดกระจายถูกรวบรวมกลับมาด้วยสัมผัสของน้องที่แตะลงบนหน้าผาก พร้อมกับนิ้วที่ลูบหลังมือเขากลับมา แทนคุณขยับเข้าไปรวบน้องมากอดเอาไว้จนแน่นแม้มันจะไม่ถนัดเนื่องจากอยู่บนรถแต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรค เขาทั้งกอดและซุกหน้าเข้ากับน้องเพื่อที่จะสัมผัสทุกกลิ่นกายว่าเขายังมีน้องอยู่ด้วยกันตรงนี้

      
            “ขอบคุณนะครับพี่แทนที่เล่าให้กันต์ ยอมรับนะว่าก็แอบน้อยใจเหมือนกันแต่เพราะพี่แทนของกันต์คือคุณหมอคนเก่ง กันต์เลยเข้าใจ” แทนคุณกระชับกอดน้องเอาไว้แนบแน่นกว่าเดิม

      
            “อีกอย่างนะพี่แทน กันต์เคยบอกไว้แล้วว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่าโทษตัวเอง พี่ไม่ใช่คนที่ทำร้ายใคร พี่ก็คือหนึ่งในเหยื่อของความรัก เพียงแค่พี่เจอกันต์ พี่ไม่ต้องเป็นบ้า พี่ไม่ต้องเข้าทดลองนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพี่คือคนผิด พี่ไม่จำเป็นต้องชดใช้ให้เธอ โอเค ถ้าพี่อยากจะชดใช้ให้ใคร พี่พูดถูกแล้วว่าคนนั้นคือกันต์”

      
            “…”

      
            กันต์ดึงตัวคนพี่ออกมาและจับให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นให้มองกัน คนเด็กกว่าระบายยิ้มบางเมื่อเห็นแววตาเศร้าจากอีกฝ่าย เรียวนิ้วยาวลูบลงบนแก้มที่ตอบลงจากการโหมงานหนัก มองร่องรอยความเหนื่อยล้าที่ทำเอาโกรธไม่ลง

      
            “รักและใส่ใจกันต์ให้มาก ๆ แค่นี้คือสิ่งที่พี่ต้องทำ พี่จ๋าทำได้ไหมครับ” เขาใช้สรรพนามที่เอาไว้เรียกกันในยามตระกองกอดมาใช้ แม้จะเขินอายจนอยากวิ่งหนีแต่เพราะเป็นคน ๆ นี้ที่เขาอยากให้เราเข้าใจกัน คุยกันได้ทุกเรื่องจึงยอม

      
            “ครับ พี่จ๋าของน้องกันต์ทำได้ครับ ขอบคุณนะคนดี” แทนคุณแนบหน้าผากตัวเองกับน้องเข้าชิดกัน ขยับเลื่อนเคลื่อนปลายจมูกให้หยอกล้อกันจนกระทั่งริมฝีปากของเราสัมผัสกัน นั่นจึงเป็นอีกหนึ่งจุมพิตที่วิเศษที่สุดและชวนให้หัวใจเต้นแรงที่สุด

      
            บางทีจูบที่หวานที่สุดอาจไม่ได้มาจากตอนที่เราอารมณ์ดี แต่อาจจะเป็นตอนที่เราได้เข้าใจกันมากขึ้นในทุกครั้งที่ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาด้วยกัน

      
            เพราะความเป็นคู่ชีวิตมันมีอะไรมากกว่าการเป็นคู่รัก เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะรับฟัง เข้าใจ และพูดคุยกันเพื่อที่จับมือกันต่อไปได้ อายุไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่าอีกฝ่ายจะตัดสินใจหรือคิดนึกอะไรพลาดไม่ได้ นั่นทำให้การเป็นคู่ชีวิตคือการเติบโตไปด้วยกัน

      
            เช่นเดียวกับเรื่องราวทั้งหมดนี้ที่บางครั้งกันต์ก็ต้องยอมปรับนิสัยที่ไม่ชอบพูด ไม่ชอบอธิบาย หรืออย่างบางหนที่แทนคุณก็ต้องยอมรับว่าน้องมีวุฒิภาวะที่เป็นผู้ใหญ่มากพอ















            “ได้ไปเยี่ยมเพื่อนเรามาหรือยัง” กันต์ชะงักระหว่างกำลังอ้าปากงับแซนด์วิชในมือ ก่อนจะทำหน้าสงสัยว่าเพื่อนคนไหน ไอ้ดิมหรอ มันป่วยเป็นอะไรทำไมเขาไม่รู้ เมื่อวันก่อนยังเจอกันตอนส่งงานแก้อยู่เลย

      
            “พีทน่ะ”

      
            “เออใช่!! มัวแต่ห่วงพี่รักอ่า กันต์ลืมไปเลยว่าพีทก็เข้าทดลอง”

      
            “ฮ่ะ ๆ งั้นแวะเยี่ยมเพื่อนก่อนไหม อยู่ก่อนถึงห้องไอ้รักนี่เอง”

      
            “อื้อ ๆ พี่แทนพากันต์ไปหน่อยนะ” แทนคุณรู้ว่าทำไมน้องถึงอ้อนให้เขาพาไปหาทั้งที่ไปเองก็ย่อมได้ คงจะเป็นเรื่องเมื่อคราวก่อนที่สนิทเกินไปจนเขาหึงนั่นแหละ

      
            แต่พอเดินมาถึงกำลังจะเข้าไปในห้องของพีทนั้นประตูอีกบานนึงของห้องด้านข้างก็เปิดออกพร้อมกับแทนรักที่เดินลากสายน้ำเกลือออกมา หน้าตกตื่นใจเมื่อออกมาเจอพี่ชายของตัวเองจึงทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วทักคนเด็กที่สุดแทนอย่างกันต์

      
            “น้องกันต์มาทำอะไรเนี่ย มาเยี่ยมพี่หรอ แล้วนั่นจะไปเข้าห้องใคร ห้องพี่อยู่ทางนี้ครับ” กันต์ถูกแขนยาว ๆ ของแทนรักล็อคไว้ที่ไหล่คล้ายจะเอาเป็นกันชนพี่ชายตัวเอง แน่ล่ะสิ ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากห้องทั้งนั้นจนกว่าหมอจะลงความเห็นว่าปกติดีร้อยเปอร์เซ็นต์

      
            “อย่ามาเนียนไอ้รัก ใครให้มึงออกมาข้างนอก”

      
            “โห มึงอะ กูนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในห้องมาเป็นอาทิตย์แล้วกูก็เบื่อดิ ขอออกมาเดินเล่นบ้างเส้นจะยึดหมดแล้ว” แทนรักโอดครวญใส่พี่ตัวเอง

      
            “พวกพี่ค่อยเถียงกันต่อได้ไหมครับ กันต์ขอเข้าไปเยี่ยมเพื่อนก่อน” น้องเล็กสุดในที่นี้แทรกบทสนทนาขึ้นมาอย่างเหนื่อยใจ แฝดคู่นี้เจอกันทีไรเป็นอันต้องเถียงกันตลอด

      
            “เพื่อนหรอ ๆ พี่ขอเข้าไปด้วยคนสิ อยู่คนเดียวนะเหง๊าเหงา กันต์ไม่สงสารพี่หรอ” คนถูกอ้อนถึงกับหลุดขำออกมาก่อนจะเลิกสนใจสองพี่น้องแล้วเดินเข้าไปในห้องของเพื่อน และแน่นอนมีหรอแทนรักจะยอมอยู่กับพี่ชายตัวเองตามลำพังมีหวังโดนบ่นหูชาจึงเดินตามหลังแฟนพี่ชายตัวเองมาติด ๆ

      
            “พีท”

      
            “อ้าว ไง มาได้ไงเนี่ย”

      
            “ขอโทษทีนะเรามัวแต่ห่วงพี่ชายเรา ลืมไปเลยว่าพีทก็เข้าทดลอง” พีทมองเพื่อนใหม่ที่เพิ่งสนิทกันได้ไม่นานด้วยสายตาเอ็นดู เขาน่ะไม่ได้คิดอะไรกับเพื่อนคนนี้หรอกเพียงแค่รู้สึกว่าอยากจะรู้สึกว่าอยากจะรู้จักคน ๆ นี้เท่านั้น

      
            “ไม่เป็นไร ๆ แล้วนั่นน่ะหรอพี่ชายที่ว่า” กันต์หันไปมองตามก่อนจะพบแทนรักที่เดินตามเข้ามาแล้วกำลังนั่งอยู่ที่โซฟาดูโทรทัศน์หยิบผลไม้ของคนอื่นกินสบายใจเฉิบ

      
            “พี่รัก!” แทนรักหันมายิ้มแหยให้แฟนพี่ชายตัวเองก่อนจะมองเลยไปยังด้านหลังแล้วยกมือขึ้นรับไหว้จากคนเด็กกว่า

      
            “ตกใจหมดเลยกันต์” ทำเป็นพูดไปแต่การกระทำไม่ได้บ่งบอกเลยว่าตกใจ กันต์กลอกตาใส่คนกวนประสาทหนึ่งครั้งถ้วน ดูเหมือนว่าพอไม่มีเรื่องอะไรที่ค้างคาอยู่ในใจอีกฝ่ายก็ดูจะเป็นคนอารมณ์ดีเสียเหลือเกิน

      
            “เฮ้อ พีทขอโทษทีนะ นี่พี่แทนรักเป็นแฝดน้องของคู่เราเอง ส่วนพี่แทนนี่พีทเพื่อนกันต์” ได้แต่แนะนำกันไปตามมารยาท

      
            “แล้วนี่พีทรู้สึกโอเคขึ้นบ้างหรือยัง แบบร่างกายอะไรอย่างนี้” กันต์พยายามระมัดระวังคำถามเพราะเขาเองก็ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางก่อนหน้านี้ของเพื่อน

      
            “อื้อ ดีขึ้นเยอะแล้ว อยากออกจากโรง’บาลจะแย่ เบื่อมาก”
   
      
            “บ่นเหมือนพี่รักเลย”

      
            “ใช่ปะ โคตรเบื่อ นี่นะพี่กำลังคิดเลยว่าจะลาพักร้อนยาว ๆ สักเดือนสองเดือนด้วย อยากเปลี่ยนบรรยากาศ เอียนโรง’บาลเต็มที” แทนรักได้ทีก็บ่นออกมายาว ๆ แถมยังเล่าให้คนแปลกหน้าฟังถึงแผนการณ์ตัวเองอย่างเป็นตุเป็นตะ

      
            “ไปเที่ยวหรอครับ”
   
      
            “ใช่ อยากเที่ยวรอบโลกดู ไหน ๆ เลขบนอกก็ไม่ผลอะไรอยู่ละ จะไปไหนอะไรยังไงกับใครก็ได้แล้วที่นี้” กันต์ที่ยืนฟังคนขี้โม้ถึงกับชะงักลมหายใจพยายามจับสังเกตว่าคนพูดรู้สึกอะไรหรือเปล่า แต่ก็พบเพียงแค่ความเรียบเฉย

      
            “นั่นสิ น่าสนแหะ ผมขอไปด้วยคนได้ไหม”

      
            “เฮ้ยไอ้น้องพี่ยังไม่มีแพลนว่าจะหาคู่หูว่ะ อยากลองเที่ยวคนเดียวเท่ ๆ ดูบ้าง รู้ไหมกันต์ไอ้แทนน่ะเห็นมันบ้างานแบบนั้น แต่มันก็เคยลาพักร้อนไปแบ็คแพ็คนะเว้ย”

      
            “จริงหรอครับ พี่แทนน่ะนะ?”

      
            “เออดิ ตอนนั้นแม่งชิ่งไม่ยอมชวนพี่ ครั้งนี้พี่ก็เลยอยากลองบ้าง”

      
            “ถ้าพี่เปลี่ยนใจอยากได้เพื่อนไปด้วยบอกผมได้นะครับ”

      
            “เออ ๆ ไว้ว่ากัน” กันต์มองคนติดลมบนชวนคุยเรื่อยเปื่อยเก่งจนรู้สึกว่าตัวเองไร้บทบาทอย่างไรชอบกลจึงค่อย ๆ ขยับตัวออกมาจากห้อง สงสัยอยู่โรง’บาลเฉย ๆ คงจะน่าเบื่อจริง ๆ พอมีเพื่อนคุยก็คุยไม่สนใจกันเลย

      
            “อ้าว ไอ้รักล่ะ”

      
            “นู่น คุยกับพีทอยู่ เรื่องท่งเรื่องเที่ยวอะไรไม่รู้ เห็นว่าจะลาพักร้อนด้วยนะรายนั้น”


            “อืม ดีแล้ว ให้มันได้ไปเที่ยวบ้างก็น่าจะดี” กันต์มองคนรักด้วยรอยยิ้มที่รู้ทัน คนที่รักน้องชายตัวเองกว่าใครแต่ทำเป็นปากแข็ง เมินเก่งน่ะต้องยกให้พี่เขาเลยเชียวล่ะ

      
            “พอเลยพี่แทน คิดอะไรอยู่ในหัวน่ะหยุดไว้ก่อนเลย ไปทำงานครับเดี๋ยวกันต์เดินไปส่ง” แทนคุณก้มลงมองคนเด็กกว่าที่คว้ามือตัวเองเข้าไปจับแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม วันนี้พกกำลังใจมาทำงานอย่างเต็มเปี่ยม

      
            จังหวะที่กำลังเดินผ่านแผนกพิเศษเพื่อกลับไปยังแผนกจิตเวชของตัวเองดังเดิม ก็ถูกพยาบาลและบุรุษพยาบาลวิ่งกรูผ่านหน้าไปพร้อมกับได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกมาแต่ไกล นางพยาบาลที่หันมาเจอแทนคุณเข้าก็รีบปรี่เข้ามาหา

      
            “คุณหมอแทนคะ!! คนไข้ห้อง 502 อาละวาดอีกแล้วค่ะ!”

      
            “เดี๋ยวพี่มานะ” แทนคุณหันมาบอกลาพร้อมกับลูบหัวน้องก่อนจะวิ่งตามพยาบาลไปอย่างรวดเร็ว กันต์ยืนมองอยู่ตรงเดิมที่ด้วยความสงสัยเพราะเสียงที่ได้ยินคือเสียงของผู้หญิง และลางสังหรณ์ของเขาถ้ามันทำงานไม่พลาด นั่นจะต้องเป็นห้องของนิลินอย่างแน่นอน

      
            ร่างโปร่งมองความวุ่นวายตรงหน้าตัดสินใจเดินไปนั่งรอคนรักที่หน้าห้องบริเวณเดียวกัน เนิ่นนานหลายอึดใจกว่าเสียงด้านในจะสงบลง ไล่สายตามองหมอและพยาบาลค่อย ๆ ทยอยเดินออกมาแต่จนแล้วจนเล่าคนที่รอคอยก็ยังไม่เห็น

      
            “ขอโทษนะครับคุณหมอแทนคุณยังไม่ออกมาหรือครับ” กันต์เอ่ยถามนางพยาบาลคนหนึ่งที่เดินเข้าไปในห้องเดิมและเพิ่งออกพร้อมกับถาดยา

      
            “อ๋อค่ะ คุณหมอแทนคุณต้องดูอาการคนไข้ต่ออีกสักพักค่ะ ไม่ทราบว่ามีเรื่องด่วนหรือเปล่าคะเดี๋ยวดิฉันจะแจ้งให้ค่ะ”

      
            “อ่า ไม่ครับ ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากครับ”

      
            ปากเล็กเม้มเข้าหากันอย่างนึกรู้สึกไม่ดีกับตัวเองที่ดันแอบหวงแม้กระทั่งคนที่สติไม่สมประกอบ เขาไม่ได้กลัวและไม่ได้ไม่เชื่อใจว่าพี่เขาจะกลับไปหรืออะไร เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่อยู่ภายในตัวเราทั้งคู่นั้นไม่ว่าจะหัวใจหรือวิญญาณของเรานั้นตรงกันเสมอ

      
            เขาเพียงแค่กลัวว่ามันจะกลายเป็นความเหินห่างที่ทำให้เราอาจจะมีช่องว่างต่อกันเสียมากกว่า

      
            “เฮ้อ”

      
            “ถอนหายใจอะไรครับ พี่เรียกก็ไม่ได้ยิน”

      
            “เอ๊ะ อะ อ้าว พี่แทน” คนถูกเรียกกะพริบตาปริบเรียกสติตัวเองให้กลับคืนแล้วมองพี่เขานั่งยองอยู่ที่พื้นตรงหน้า รอยยิ้มและแววตาที่ดูเหนื่อยล้าทั้งที่เป็นงานแรกของวัน กันต์ประมวลผลในสมองก่อนจะเผยยิ้มบางให้คนรัก

      
            “เรียบร้อยแล้วหรือครับ”

      
            “อื้ม เธออาละวาดแบบที่พี่เคยเล่าให้ฟัง แต่ครั้งนี้พี่ใช้วิธีฉีดยาแทนการเกลี่ยกล่อมให้เธอคิดว่าพี่หรือไอ้รักยังอยู่กับเธอ อย่างน้อยให้เธอได้รับความจริงดีกว่าหลอกไปวัน ๆ” แทนคุณคิดได้เช่นนี้ก็ในตอนที่ได้เปิดใจคุยกับน้องนี่แหละ ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดจะอะลุ่มอล่วย ใช้วิธีรักษาแบบเดิมต่อไปจนอาจกลายเป็นผลเสียทั้งกับตัวนิลินเองและกับชีวิตคู่ของตัวเอง

      
            “อ่า ….” กันต์ตามไม่ทันบอกตรง ๆ

      
            “หึ น่ารักจังกระต่ายของพี่” คนพี่ยิ้มกว้างกับใบหน้าน่ารักของคู่ชีวิตตัวเองพร้อมกับหยิกแก้มนุ่มไปที เรียกปากบางให้เบะใส่ได้ซึ่งอาการดังกล่าวมันยิ่งน่ารักกว่าเดิมจนแทนคุณรู้สึกได้คลายความเครียด

      
            “ไปเลย พี่ไปทำงานเลย กันต์จะไปเรียนแล้ว”

      
            “ดิมมาหรือยัง”

      
            “กำลังมาครับ เมื่อกี้ส่งมาบอกว่าติดอยู่แยกก่อนถึงโรง’บาล เดี๋ยวกันต์ลงไปรอข้างหน้าเลยดีกว่า”

      
            “พี่คงไม่ได้ลงไปส่งนะ เย็นนี้เลิกเรียนสามโมงใช่ไหมครับ” แทนคุณเดินมาส่งน้องได้ถึงแค่ที่หน้าลิฟต์ ฝ่ามืออุ่นวางอยู่บนกลุ่มผมนุ่มที่ตัวเองชอบแอบขโมยหอม

      
            “อื้อ”

      
            “เดี๋ยวพี่ไปรับนะ คืนนี้ไปนอนกับพี่นะครับ พี่อยากกอดหนูจะแย่”

      
            “พี่แทน!”









To be continued.
_____________________________________

TALK : เกือบไปแล้วนะนังพี่แท๊นนนน ละจะมาอยากกอดอะไรลูกอิชั้นค้าา

มาช้ามาก ไม่มีอะไรจะแก้ตัวเลยจ้ะพี่ๆ
ไม่รู้ยังมีคนรออยู่มั้ย แต่ต่อให้มีแค่คนเดียวเราก็จะยังเขียนต่อไป
คิดไว้ว่าน่าจะไม่เกิน 22-25 ตอนก็จะโบกมือลากัน
เรื่องรูปเล่มจริงๆก็มีสนพ.ติดต่อมา แต่น่าจะติดปัญหาอะไรซักอย่างอยู่
ถ้ามีคนอยากได้ กระซิบบอกเราที จะได้มีกำลังใจสู้จ้ะพี่ ;__;


TWITTER FACEBOOK


#ครึ่งชีวิตของผม

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
คิดถึงพี่แทนพี่รักและก็น้องกันต์มากเลย ไรท์สู้ๆนะคะ จะรออ่านตอนต่อไปนะ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
สู้ๆนะทั้งสองคน
แอบอยากเห็นพี่รักตอนไปเที่ยว  :hao5:

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___


Valentine’s Special

And, darling, I will be loving you ’til we’re 70.
- Ed Sheeran -








            ผมนอนมองใบหน้าของคนที่รักมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว เราทั้งคู่มักจะผลัดกันตื่นก่อน ตื่นหลังสลับกันไปแล้วแต่วัน อย่างถ้าวันไหนเป็นวันหยุดผมก็มักจะตื่นสายกว่าน้อง แต่ยกเว้นวันนี้

      
            คุณเคยมองหน้าคนรักของตัวเองแล้วนึกสงสัยบ้างไหมว่า    
            ทำไมเราถึงรักเขาเหลือเกิน
            เพราะอะไรทำไมเราถึงได้มาเจอกัน
   
      
            แน่นอนว่า ในโลกของคนที่มีเวลาชีวิตเป็นตัวกำหนดเนื้อคู่ อาจจะรู้สึกว่าก็คงเป็นฝีมือของพระเจ้าที่ทำให้เราไม่ต้องคอยกังวลว่าชีวิตนี้จะมีคู่ จะมีความรักหรือเปล่า แต่เพียงแค่ว่าคุณจะต้องรู้จักที่จะรักษาความรักที่มีอยู่ในมือไว้ให้ได้และให้ดี

      
            ‘กันต์’
      
      
            หากให้ผมนิยามเด็กผู้ชายคนนี้ก็คงพูดได้แค่ว่าน้องเป็นครึ่งชีวิตของผม เป็นความรักของผม เป็นโอกาสของผม เป็นยิ่งกว่าลมหายใจ เพราะถ้าไม่มีน้องผมคงไม่สามารถหลุดจากบ่วงที่หาเรื่องมาคล้องคอตัวเองเอาไว้ ผมนึกขอบคุณน้องในใจเสมอที่ยังคงอยู่กับคนไม่เอาไหนอย่างผม คนที่มักทำแต่เรื่องผิดพลาดจนแทบไม่น่าให้อภัย

      
            ถึงอย่างนั้นในวันที่ผมทำตัวแย่ที่สุด เมื่อหันมาก็ยังเจอน้องยืนข้างกันอยู่ดี
            คอยยิ้ม คอยปลอบโยน และคอยรับฟังทุกเหตุผลของผมด้วยความเข้าใจ

      
            กันต์อายุน้อยกว่าผมหลายปี แต่คุณไม่สามารถประมาทน้องได้เลยทีเดียว น้องเป็นคนที่มีความผู้ใหญ่ในตัวเองสูง แต่ก็ยิ่งคงมีความเป็นลูกคนเล็กของบ้านที่มักจะเข้ามาอ้อน (แบบที่ยังไม่ทันตั้งตัว) ทำเอาใจสั่นไหวแพ้ราบคาบทุกที

      
            ผมมองดวงตาเรียวก่อนจะก้มลงไปจูบเบา ๆ ที่หางตาตก ๆ ของเจ้าตัว ก่อนที่เจ้าของดวงตาคู่นี้จะเปิดขึ้น น้องกะพริบตาไปมาเหมือนกำลังตั้งสติให้ตัวเองพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม นั่นคือของขวัญสำหรับเช้านี้ที่ดีที่สุดเลย
   
      
            “ตื่นเร็วจังเลยครับ” น้องเอ่ยถามเสียงแหบแห้งอย่างคนเพิ่งตื่นนอน ถามเสร็จก็ขยับตัวเข้ามาซุกที่อกคล้ายกับคนยังไม่อยากตื่น นี่แหละที่บอกว่าชอบมาอ้อนแบบไม่ให้ตั้งตัว
   
      
            ผมหัวเราะกับเสียงบ่นงุ้งงิ้งในลำคอว่าง่วงอย่างนั้นง่วงอย่างนี้ ก้มลงหอมหัวเด็กน้อยของตัวเองฟอดใหญ่ ก่อนจะขยับตัวโอบกอดน้องเอาไว้แนบแน่น

      
            กันต์เป็นคนร่างสูงโปร่ง ไม่ใช่เด็กผู้ชายตัวเล็กดูอ่อนแออะไรแบบนั้น แต่ถ้าเทียบกับผมแล้วก็ย่อมตัวเล็กกว่าเป็นคืบอยู่ดี นั่นจึงไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยเมื่อเราต้องควบรวมความเก้งก้างของเราทั้งคู่เข้าไว้ด้วยกันในยามกอด ผมน่ะชอบเวลาแขนของเราสามารถโอบอีกคนเอาไว้ได้ทั้งหมดชะมัด

      
            “หิวหรือยังหืม”

      
            “มากกกก” เรื่องของกินนี่ไวเชียว กินเก่งแต่ไม่อ้วนทั้งที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย (ไม่นับที่ผมพากายบริหารบนเตียงนะ หึ) ถึงไม่อ้วนก็จริงแต่ก็ไม่เนื้อหนังนุ่มนิ่มให้ผมได้ฟัดเหวี่ยงได้ กันต์เป็นคนตัวนิ่มมากและหอมมากจากการที่ชอบโบกโลชั่นก่อนนอน

      
            พูดละก็อยากฟัดอีกแต่ผมอาจจะโดนน้องถีบคืนก่อนเพราะเมื่อคืนกว่าเราจะได้นอนก็เกือบเช้าเหมือนกัน

      
            “งั้นลุกไปอาบน้ำเร็ว เดี๋ยววันนี้พาไปกินอาหารทะเลดีไหม?” พูดเอาใจไปพลางใช้นิ้วเกลี่ยปอยผมที่คลอเคลียอยู่ข้างแก้มออกแล้วลูบความนุ่มหยุ่นนั่นอย่างเบามือ

      
            ดวงตาเล็กที่ปรือปรอยเป็นประกายขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินว่าจะพาไปกินของโปรด หัวโต ๆ โคลงไปมาอย่างร่าเริง น้องยิ้มกว้างแล้ว ... อ่า กันต์ ให้ตายเถอะ น้องจุ๊บปลายคางผมพร้อมกับกระซิบข้างหูว่า “ขอบคุณครับแด๊ดดี้”

      
            อาศัยจังหวะที่ผมกำลังเผลอกระโดดโผงออกจากเตียงแล้ววิ่งเข้าน้ำ พร้อมกับเสียงบ่นไล่หลังตามมาว่าเจ็บ ไอ้ดื้อเอ๊ย

      
            ใช้เวลาที่น้องอาบน้ำอยู่โทรจองโต๊ะที่ร้านอาหาร ร้านโปรด ร้านเดิมและร้านแรกที่ผมพาน้องไปเดท นึกแล้วก็ตลกตัวเองทั้งที่ไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าน้องจะแพ้อาหารทะเลไหม แต่ก็ยังพาไปเพราะเป็นร้านประจำของครอบครัว

      
            “พี่ไปอาบน้ำเร็ว ๆๆ กันต์อยากกินแล้ววว” น้องออกมาทั้งชุดคลุมอาบน้ำมายืนเร่งเร้า ๆ อยู่ข้างเตียง ผมจึงต้องรีบลุกก่อนจะโดนโวยวายเพราะความโมโหหิว กับเรื่องกินนี่น้องไม่เคยอ่อนโยนเลยล่ะครับ
      

            เพราะเราทั้งคู่ตื่นก็ปาไปบ่ายกว่าและกว่าจะจัดการตัวเองเสร็จกันเรียบร้อยก็เกือบจะเย็นย่ำเต็มที ทำให้การจราจรค่อนข้างติดขัดอาจจะด้วยที่ว่าวันนี้เป็นเทศกาลพิเศษ ... วันแห่งความรัก

      
            รถที่วิ่งสวนกันไปมาก็คงเป็นคู่รักหรือครอบครัวหรือเพื่อนสนิทที่พากันไปฉลองเพื่อผ่านค่ำคืนนี้ไปด้วยกัน ในระหว่างที่รถชะลอตัวก็เหลือบมองน้องที่นั่งเล่นโทรศัพท์มือเดียวพลางขยับปากฮัมเพลงที่ชอบไปด้วย อ้อ ทำไมน้องเล่นมือเดียวน่ะเหรอ เพราะอีกมือหนึ่งเป็นของผมนี่ไง

      
            มันอาจจะดูอันตรายไปบ้าง แต่เพราะไม่เคยประมาทและอยากจะสัมผัสร่างกายกันเล็ก ๆ น้อย ๆ จึงขอจับมือกันเอาไว้หน่อยก็ยังดี ผมหลุดขำกับตัวเอง ทำตัวเป็นเด็กวัยรุ่นเพิ่งหัดมีแฟนไปได้ ทั้งที่เราก็คบกันมาจะเข้าปีที่สิบแล้วด้วยซ้ำ ผ่านวาเลนไทน์มาด้วยกันแล้วไม่รู้กี่หน

      
            “ขำไรอ่า” น้องหันมาถามด้วยความงุนงง ผมส่ายหน้าก่อนจะหันไปตั้งใจขับรถ มองท้องถนนที่รถเริ่มบางตาลงเพราะขับออกจากตัวเมือง

      
            เพียงไม่นานรถก็เข้าจอดที่ร้านอาหารแม้จะอยู่นอกตัวเมืองแต่ก็ไม่ได้ไกลนัก ทำให้เวลานี้คนเริ่มทยอยมาเยอะเรื่อย ๆ โชคดีที่จองไว้ไม่อย่างนั้นเด็กข้าง ๆ ผมอาจจะอดของโปรดก็เป็นได้

      
            “จองไว้ครับ ชื่อแทนคุณ” พนักงานตอบรับก่อนจะพาเดินเข้าไปด้านในที่ผมรีเควสขอโต๊ะที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและติดกับริมน้ำ

      
            ช่วงเย็นที่พระอาทิตย์ใกล้ตกแบบนี้น่ะบรรยากาศดีสุด ๆ และแม้ว่าจะมาหลายครั้งแล้วแต่กระต่ายน้อยของผมก็ยังคงตื่นเต้นเหมือนมาครั้งแรกเสมอ อาจเป็นเพราะผมมักพาเข้าไปนั่งตากแอร์ด้านในมากกว่านั่งกินลมชมวิวแบบนี้

      
            “พี่ไปเข้าห้องน้ำแป็บนึงนะ” ผมบอกก่อนจะลุกขึ้นปล่อยให้หน้าที่สั่งอาหารเป็นของน้องไป ส่วนตัวเองก็เดินมาที่ส่วนล็อบบี้ของร้านเพื่อแจ้งอีกหนึ่งอย่างที่ผมขอเอาไว้

      
            รอเพียงไม่นานพนักงานในร้านก็นำช่อดอกไม้ชนิดหนึ่งออกมา เป็นความบังเอิญที่แสนจะโชคดีเพราะดอกนี้หายากและต้องนำเข้า ผมเอ่ยขอบคุณทางร้านด้วยความปลื้มใจก่อนจะคล้องสร้อยที่มีจี้เป็นรูปดอกไม้ชนิดเดียวกันเข้าไว้ที่ตัวช่อก่อนจะซ่อนไว้ข้างหลังแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ

      
            ผมเดินเข้าไปด้วยความเงียบก่อนจะค่อย ๆ โอบน้องจากด้านหลังแล้วยื่นเจ้าดอกไม้และสร้อยเงินเส้นเล็กให้กับน้อง เจ้ากระต่ายหันมามองด้วยความตกใจก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้าง เมื่อน้องรับมันไปผมก็ได้ของตอบแทนเป็นจุมพิตหวาน ๆ

      
            “ฮื่อ ขอบคุณนะครับ” กดจูบลงบนกลางกลุ่มผมนุ่มก่อนจะหยิบสร้อยออกมาแล้วสวมให้น้อง

      
            “ชอบไหม”

      
            “ชอบมากกกกกกกกกก”
   
      

            “ชอบกว่าปีที่แล้วหรือเปล่า”

      
            “กันต์ชอบทุกปีเลย ชอบทุกปีที่มีพี่”

      
            ในทุกปีผมจะมีดอกไม้ช่อหนึ่งที่มอบให้น้องเป็นของขวัญ ของแทนใจ หรืออะไรสักอย่างที่พอจะเป็นตัวแทนความรู้สึกที่ผมไม่สามารถพูดมันออกไปได้หมด บางครั้งผมก็ให้วันครบรอบ บางครั้งผมก็ให้วาเลนไทน์ ปีใหม่ หรืออาจเป็นแค่วันธรรมดาวันหนึ่งเท่านั้น

      
            จึงกลายเป็นความสนุกเล็ก ๆ ของคู่เราที่น้องจะคอยลุ้นว่าจะเป็นวันไหน แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ได้ให้ความสำคัญมากเกินไปนัก เพราะทุกวันที่มีกันต์นั่นแหละเป็นวันที่พิเศษที่สุดแล้วของผม

      
            ดอกสโนว์ไวท์สีขาวบริสุทธิ์ มันดูอ่อนโยนและน่ารัก น่าชื่นชมเหมือนกับตัวของน้อง และยังมีความหมายถึงรักแท้ รักนิรันทร์ที่แทนความรู้สึกของผม

      
            “ขอบคุณนะครับ” น้องโน้มตัวข้ามโต๊ะมาจูบเบา ๆ ที่ข้างแก้มก่อนจะนั่งอมยิ้มแก้มปริกับดอกไม้และสร้อยที่ผมให้

      
            ขอบคุณน้องเช่นกันที่ยอมให้ผมเดินเข้าไปในโลกของเขาและคอยอยู่เคียงข้างกันมาเสมอ

      
            ขอบคุณที่มีกันต์เป็นครึ่งชีวิตของผม









To be continued.
_____________________________________

TALK : พี่แทนเขาโรแมนติกนะคะคุ๊ณณณณ
สุขสันต์วันแห่งความรักค่ะ หากวันนี้ไม่มีใครคุณยังมีเรานะคะ (:

TWITTER FACEBOOK


#ครึ่งชีวิตของผม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
โรแมนติกที่สุด  :katai2-1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___


CHAPTER 19

Sometimes home can be a person.








3 พฤษภาคม 25xx

      
            หลังจากผ่านเหตุการณ์การทดลองเพื่อปิดระบบตัวเลขภายในร่างกายครั้งใหญ่ของประเทศแล้ว ก็กลายเป็นว่าแทนคุณแทบจะไม่มีเวลาว่างยิ่งกว่าเก่าเพราะหลายประเทศเข้ามาขอรับการรักษา รวมไปถึงคณะแพทย์ที่ต้องร่วมเดินทางไปหลายประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนวิทยาทาน
   
      
            “ดังใหญ่แล้วพี่กู” กันต์พยักหน้ารับกับคำพูดของแทนรักที่นั่งอยู่ข้างกัน ที่อยู่ ๆ ก็ส่งข้อความบอกให้มาหาที่บ้านเพราะพ่อแม่อยากเจอ บอกเลยว่าตอนนี้เขากลายเป็นลูกรักบ้านนี้ไปแล้ว

      
            “เจ้าแทนจะกลับมาเมื่อไหร่นะน้องกันต์” คุณหญิงของบ้านหันมาถามคนรักของลูกชาย เพราะถึงแม้เรื่องราวจะคลี่คลายหมดแล้วแต่ดูเหมือนว่าลูกชายคนโตของเธอจะติดนิสัยไม่ชอบกลับมานอนไปแล้วเสียแล้ว เวลามีอะไรจึงต้องถามผ่านลูกชายคนเล็กบ้าง คนรักของลูกชายบ้าง

      
            “เห็นว่าแลนด์ดิ้งพรุ่งนี้เย็นน่ะครับ”
   
      
            “แล้วเราจะไปรับพี่เขาหรือเปล่าจ๊ะ”

      
            “คงไม่ครับคุณแม่ พรุ่งนี้เย็นกันต์มีติวหนังสือกับเพื่อน” แม่ของพี่เขาเอ็นดูถึงขนาดให้เรียกว่าคุณแม่แทนคุณป้าแล้วด้วยแหละ มันทำให้เขารู้สึกดีที่ได้รับการยอมรับจากครอบครัวของคนรัก

      
            “แล้วอย่างนี้เจ้าแทนมันจะไม่น้อยใจเอาหรือไง” กันต์หันไปยิ้มตาหยีให้กับคุณพ่อก่อนจะตอบพร้อมกลั้วหัวเราะไปว่า “ปล่อยให้น้อยใจไปเลยครับ โทษฐานที่ปล่อยกันต์เหงา”

      
            แทนรักนึกหมันไส้น้องเลยแกล้งผลักหัวไปทีพลางนึกในใจว่าเดี๋ยวคอยดูคนที่จะแกล้งปล่อยให้พี่ชายเขาเหงาสุดท้ายก็กลับมานอนให้ปลอบอยู่ดี ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้ดีว่าแม้จะยิ้มและหัวเราะแต่ในใจลึก ๆ กันต์ก็ต้องเหงาและรู้สึกโดดเดี่ยวไม่น้อยที่ต้องอยู่คนเดียว

      
            อย่างว่าแหละนะคนเป็นคู่ชีวิตพอต้องห่างกันมันจะมีความรู้สึกโหยหาเป็นพิเศษอยู่แล้ว ถามว่าเข้าใจไหม เขาก็ไม่เข้าใจนักหรอกเพราะตัดสินใจหยุดตัวบงการหัวใจและชีวิตไปแล้ว แต่คนที่ยังมีอยู่และเจอคนที่ดีอย่างพี่ชายเขาก็ควรจะโดนสั่งสอนเสียบ้าง หลายเดือนที่คบกับน้องมันมาก็ทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่หยุดไม่หย่อน
         
      
            “มีไรให้ช่วย บอกพี่เลยไอ้น้องรัก”

      
            “มันต้องอย่างนี้สิพี่ชาย”

      
            แม้จะพูดเหมือนทีเล่นทีจริงแต่กันต์ไม่ได้คิดจะแกล้งเป็นจริงเป็นจังแม้แต่น้อยเพราะตอนนี้เข้าสู่ช่วงสอบปลายภาคครั้งสุดท้ายของชั้นปีที่ 2 แล้ว ในวันที่แทนคุณกำลังจะบินกลับมาจากงานที่ต่อเนื่องลากยาวหลายสัปดาห์ ก็เป็นวันที่พวกเพื่อน ๆ นัดกันติวหนังสือกับวิชาแรกที่จะสอบในอีก 3 วันข้างหน้า

      
            “เดี๋ยวพักก่อนกินข้าวแล้วค่อยมาต่อละกัน กูตาลายไปหมดละ” เพื่อนในเอกที่เป็นคนติวเอ่ยขึ้นหลังจากอ่านกันมาตั้งแต่เช้าจรดเที่ยง

      
            “งั้นซักบ่ายครึ่งกลับมาเจอกันที่นี่เนอะ” กันต์พยักหน้าตกลงก่อนที่ทั้งหมดจะแยกย้ายไปเติมพลังให้ตัวเอง ตอนแรกเพื่อนก็ชวนไปกินด้วยกันแต่นิสัยที่ไม่ชอบเข้าสังคมของเขาเองนั่นแหละทำให้ปฏิเสธเพื่อนไป ดิมยังถอนหายใจใส่ด้วยนึกว่าเขามีคู่แล้วจะดีขึ้นบ้างแต่ก็ยังเหมือนเดิม

      
            “นี่มึงไม่คิดจะคบเพื่อนคนอื่นนอกจากกูแล้วไง?”

      
            “ก็มันอึดอัดนี่หว่า” กันต์มุ่ยหน้าระหว่างตักข้าวเข้าปาก ดีที่วันนี้ไม่ใช่วันหยุดทำให้ภายในมหาวิทยาลัยมีร้านข้าวเปิดอยู่จึงไม่ต้องออกไปเตร่หาข้างนอกให้เสียเวลา

      
            “เฮ้อ เออแล้วนี่มึงจะไม่ไปรับพี่แทนจริง ๆ หรอวะ”
      
      
            “อือ ทำไมอะ”

      
            “แต่มึงไม่ได้เจอกันจะเป็นเดือนแล้วนะ” ดิมขมวดคิ้วมองเพื่อนตัวเองอย่างไม่เข้าใจ อันที่จริงคบกันมาหลายปีก็ใช่ว่าดิมจะเข้าใจไอ้เพื่อนคนนี้สักเท่าไหร่ บางทีก็ชอบคิดอะไรไม่เหมือนชาวบ้านเขา กันต์ส่ายหัวไม่ได้ตอบอะไรกลับไปแต่ดิมไม่ยอมรามือง่าย ๆ

      
            “หรือมึงงอนพี่เขา?”

      
            “เปล่า เอ๊ ทำไมมีแต่คนคิดว่ากูงอนวะ กูไม่ได้งอน”
      
      
            “เหอะ ไอ้กันต์ มึงหลอกใครก็หลอกได้ แต่มึงหลอกกูไม่ได้หรอก” ดิมเบ้หน้าใส่ก่อนจะเลิกเซ้าซี้คนขี้งอนที่มาทำงอนเอาวันสุดท้ายที่แฟนตัวเองกำลังกลับ ก็นั่นแหละเขาไม่ได้มองว่ามันงี่เง่าหรืออะไร กันต์มันเข้าใจอีกฝ่ายจะตายแต่บางทีคงมีจังหวะอารมณ์อะไรของมันบ้างล่ะมั้ง

      
            หลังจากกินข้าวเสร็จกันต์ก็กลับมารวมกลุ่มกับเพื่อนในเอกแล้วเริ่มติวกันต่อเนื่องด้วยเป็นวิชาที่รายละเอียดค่อนข้างเยอะจึงต้องใช้สมาธิอย่างสูง เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็พบว่าฟ้าด้านนอกมืดสนิทเสียแล้วแต่เพราะเป็นช่วงสอบทำให้บริเวณรอบข้างยังเต็มไปด้วยคนที่นั่งอ่านหนังสือกันอยู่

      
            “แยกย้ายไปทบทวนแล้วกัน เหลือพวกจำอีกนิดหน่อยก็ฝึกท่องเอา” เมื่อเพื่อนทุกคนเห็นด้วยก็เริ่มแยกย้ายกันไปจนทั้งโต๊ะเหลือเพียงแค่กันต์และดิมเท่านั้น

      
            “กลับได้แล้วมึง พักแล้วค่อยอ่านต่อพรุ่งนี้”

      
            “แป็บนึง ๆ กูขออีกหน่อยมันยังติดอยู่นิด ๆ” ดิมยักไหล่หยิบโทรศัพท์ที่ไม่ได้จับมาหลายชั่วโมงขึ้นมากดตอบข้อความคนรักของตัวเองระหว่างรอเพื่อน จนกระทั่งผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงกันต์ถึงจะยอมเก็บของแล้วสะกิดเพื่อนที่จะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ให้ลุกขึ้นเพื่อกลับบ้าน

      
            “กี่โมงแล้ววะเนี่ย เฮ้ย! จะสามทุ่มละหรอ” ตาเรียวเบิกกว้างรีบควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าขึ้นมาเพื่อเช็คข้อความจากคนรักที่แลนด์ดิ้งตั้งแต่หัวค่ำ ให้ตายเถอะ คราวนี้เขากล้าพูดเลยว่าไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งอะไรแต่เพราะมัวแต่คิดเรื่องสอบจึงลืมสนิท

      
            “มึ้งงง แบตกูหมด ยืมโทรศัพท์หน่อย” ดิมถอนหายใจกับท่าทีลุกลี้ลุกลนของเพื่อนด้วยความเหนื่อยอ่อนใจ เป็นไงล่ะ อยากจะแกล้งเขากลายเป็นจะชิบหายเข้าแล้วจริง ๆ

      
            “โอ๊ย” แต่จังหวะกำลังจะรับโทรศัพท์จากมือเพื่อน กันต์ก็มือไม้อ่อนขึ้นมาฉับพลันก่อนจะส่งเสียงร้องพลางงอตัวลง ดิมรีบตบไฟเข้าข้างทางก่อนจะจอดรถทันทีเพื่อดูอาการของเพื่อน

      
            “เป็นอะไรวะมึง!”

      
            “กู ... อยู่ดี ๆ ก็จี๊ดที่อก” ปากเล็กเปิดออกเพื่องับอากาศเข้าไป ร่างกายสั่นเล็กน้อยจากอาการปวดแปลบขึ้นมาฉับพลัน เขาค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อออกแล้วก้มลงดูตัวเลขที่อกที่เพิ่มขึ้นเป็น 65 เป็นการเพิ่มอย่างรวดเร็วและไม่ได้เป็นอย่างนี้มาสักระยะแล้วคงส่งผลให้เขาเจ็บช่วงอกขึ้นมา

      
            “รีบเอาโทรศัพท์กูโทรไปหาพี่เขาก่อนที่มันจะเพิ่มมากไปกว่านี้เลย!” ไม่ต้องรอให้เพื่อนพูดซ้ำกันต์ก็รีบกดโทรศัพท์ไปยังเบอร์ที่เขาจำได้แม่น จังหวะที่รอสายมือก็ชื้นเหงื่อด้วยความกังวลและเพียงแค่คำแรกที่ได้ยินเขาก็แทบอยากจะวาร์ปตัวเองไปหาอีกฝ่ายทันที

      
            “พี่—”














            ทันทีที่ลงจากเครื่องและร่ำลาผู้ใหญ่แล้ว แทนคุณก็หอบเอาความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจกลับคอนโดด้วยความเร่งรีบ เขาอยากจะกลับไปกอดฟัดน้องเอาพลังที่สูญเสียไปกลับมา แต่ไม่ว่าจะโทรหาหรือส่งข้อความไปก็ไม่ได้รับการตอบรับกลับมา ในใจก็เริ่มกระวนกระวายยิ่งพอถามจากแทนรักก็ได้ความว่าน้องจะไม่มารับเพราะติวหนังสือและคงไม่ได้เจอกันภายในวันนี้ก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีเข้าไปใหญ่

      
            “ตอบข้อความพี่สักทีคนดี” ระหว่างที่นั่งรถกลับคอนโดมือทั้งสองก็พยายามติดต่อน้องตลอดไม่หยุด ไม่ว่าจะทั้งน้องหรือเพื่อนสนิทของน้องก็ไม่มีใครรับสายเขาสักคน

      
            “น้องติวหนังสืออยู่แหละ ใจเย็นไว้ไอ้แทน” เขาพยายามกล่อมตัวเองสุดความสามารถ แต่นอกเหนือจากความกังวลว่าน้องจะโกรธกัน มันคือความเป็นห่วงที่ไม่รู้เลยว่าคนรักของตัวเองอยู่ที่ไหนและทำอะไรอยู่

      
            “เดี๋ยวมึงจะไปไหน!” เสียงเรียกจากแทนรักด้วยความตกใจที่อยู่ ๆ แทนคุณก็ลุกขึ้นพรวดพราด แทนรักที่แวบมาหาพี่ชายตัวเองและพบว่าคนหน้าเหมือนใกล้จะสติแตกเต็มที

      
            “จะไปตามน้อง นี่มันสองทุ่มแล้วนะมึง กูใจเย็นรอมาเป็นชั่วโมงแล้ว”

      
            “แล้วมึงจะไปตามน้องที่ไหน มึงรู้หรอว่าน้องอยู่ไหน”

      
            “ก็มึงบอกน้องไปติวหนังสือ ถ้าไม่บ้านเพื่อนก็น่าจะมหา’ลัย” แทนรักถอนหายใจก่อนจะคว้ากุญแจรถออกจากมือพี่ชายฝาแฝดตัวเอง พอโดนมองด้วยสายตาขวาง ๆ ก็รีบยกมือสองข้างขึ้นเพื่อปรามไม่ให้พ่นควันใส่

      
            “ใจเย็นก่อนดิวะ เกิดคลาดกันขึ้นมาจะทำยังไง”


            “แต่นี่มันดึกแล้ว! กูใจเย็นมามากแล้ว! ทำไมถึงทำนิสัยแบบนี้ไปไหนไม่บอกใคร! โทรศัพท์ก็ปิดเครื่อง! แม่งเอ๊ย!!” แทนคุณผู้เคร่งขรึมไม่เหลือคราบ แทนรักภาวนาให้น้องรีบติดต่อกลับมาก่อนที่ไอ้พี่ชายของเขามันจะระเบิดตัวเอง


ครืด ครืด ครืด


            แทนคุณมองชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอจึงรีบกดรับอย่างรวดเร็วและไม่ทันให้ปลายสายได้พูด เขาก็ชิงถามขึ้นมาก่อนด้วยน้ำเสียงที่พยายามระงับอารมณ์ไว้ถึงที่สุด


            “อยู่ไหนกันต์!” 


            (กันต์อยู่บนรถกำลังกลับครับพี่แทน กันต์ขอโทษนะ คือ—)


            “พี่อยู่คอนโด กลับมาค่อยคุยกัน บอกดิมขับรถดี ๆ” พูดรวดเดียวจนจบครบใจความก็กดตัดสายทันที


            กายใหญ่เดินมาทรุดนั่งกับโซฟาหลังได้รับสายจากคนรักว่าอีกฝ่ายกำลังมาหาก็พอจะสบายใจขึ้นมาบ้าง แต่บรรยากาศตึงเครียดยังแผ่กระจายออกมารอบตัว


            เกือบครึ่งชั่วโมงผ่านไปเสียงกรอกรหัสหน้าประตูก็ดังขึ้นทำให้รู้ว่าคนที่รอได้มาถึงแล้ว แทนรักได้โอกาสแยกกลับออกมาเพื่อปล่อยให้ทั้งคู่คุยกัน


            “ใจเย็น ๆ นะมึง คุยกับน้องดี ๆ” คนเป็นน้องตบบ่าพี่ชายและส่งยิ้มให้รุ่นน้องอย่างให้กำลังใจ จนกระทั่งห้องเหลือเพียงคนที่เป็นครึ่งชีวิตของกันและกัน


            คนเด็กกว่ายืนกัดริมฝีปากเหลือบมองคนรักอย่างหวั่นใจ จากตัวเลขบนอกทำให้เขาตระหนักถึงสถานการณ์ตอนนี้ดีว่าอีกฝ่ายโกรธกันแค่ไหน กันต์หันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูกเพราะตั้งแต่คบกันมาก็ไม่เคยถูกพี่เขาโกรธเลยแม้สักครั้ง เขาได้แต่มองพี่แทนที่นั่งผินหน้าไปทางอื่นไม่ได้มองมาหากันอย่างทุกที


            “พี่แทน” เสียงน้องเรียกแต่ไม่ทำให้คนเป็นพี่หันกลับมาสนใจแต่อย่างใด


            กันต์ใจเสียกว่าเดิมแต่พยายามอดทนไว้ก่อนจะสูดลมเรียกกำลังใจ เดินอ้อมโซฟาก่อนจะโน้มตัวโอบกอดคนตัวโตจากด้านหลัง แนบแก้มของตัวลงกับบ่าแข็งแรงและถูไปมาอย่างออดอ้อนให้อีกฝ่ายใจอ่อน แต่นอกจากจะไม่หันมาหยอกล้อกันเหมือนทุกทีแล้วยังนั่งนิ่งไม่หือไม่อืออีกด้วย


            “พี่แทนครับ ฟังน้องหน่อยนะ”


            “...”


            “วันนี้น้องมีติวสอบ วิชามันยากมาก ๆ เลย น้องใช้สมาธิด้วยเงยหน้ามาอีกทีก็มืดแล้ว และน้องก็ไม่ได้เช็คโทรศัพท์เลยครับ น้องไม่เห็นว่าแบตมันหมด”


            “...”


            กันต์กัดปากกลืนก้อนสะอื้นลงไปก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงหงอย ๆ


            “น้องขอโทษนะครับที่ทำให้เป็นห่วง ทั้งที่พี่กลับมาเหนื่อย ๆ ยังต้องมาวุ่นวายเรื่องน้องอีก ยกโทษให้น้องได้ไหมครับ” ปากเล็กที่เย็นเฉียบแตะลงบนสันกรามด้านข้างของพี่เขาแผ่วเบา กระชับอ้อมแขนกอดเอาไว้ไม่ยอมคลาย


            ผ่านไปนาทีก็ได้ยินเสียงถอนหายใจมาจากคนตัวโตก่อนที่แขนทั้งสองจะถูกแกะออก ตอนนั้นกันต์น้ำตาก็เกือบร่วงเป็นสายแต่ดีว่าแทนคุณหันกลับมามองหน้าและดึงให้คนตัวเล็กกว่าเดินมานั่งข้างกัน ปุณณกันต์ที่กำลังใจเสียรีบเขยิบชิดร่างสูงใหญ่และซบหน้าลงบนต้นแขนของพี่เขาทันที


            “โกรธนะแต่เป็นห่วงมากกว่า ทีหลังไม่เอาแบบนี้แล้วได้ไหม พี่อยู่กับเราตั้งไกลไม่ได้ดูแลเรา พอกลับมาเจอแบบนี้พี่แทบเป็นบ้า” แทนคุณทอนเสียงให้อ่อนลงหลายส่วนเพราะไม่อยากให้น้องร้องไห้มากกว่านี้ ฝ่ามือใหญ่ประคองหน้าน้องขึ้นมาให้สบสายตากัน


            “รับปากพี่ได้ไหมครับคนดี”


            “ฮึก ครับ ฮึก กันต์ขอโทษ” ใบหน้ากระต่ายดื้อของเขาเบะออกพร้อมกับน้ำตาที่ค่อย ๆ ร่วงลงมา ทำเอาใจของแทนคุณอ่อนยวบ


            “ไม่เอา ไม่ร้องแล้วครับ ไม่กัดปากด้วยเดี๋ยวเป็นแผล” ปลายนิ้วใหญ่นวดคลึงเยลลี่นุ่มส่วนตัวของตัวเองเพื่อให้น้องเลิกกัดแล้วแนบริมฝีปากตัวเองไปแทนที่ กดจูบ ดูดดึงแผ่วเบาและผละออกมา กันต์รู้สึกว่ามันทำให้ใจเต้นแรงกว่าการจูบอย่างลึกล้ำเสียอีก


            “มะ เมื่อกี้เลข”


            “เลขขยับใช่ไหม พี่ขอโทษนะ”


            “ไม่เอา พี่ไม่ต้องขอโทษ กันต์ผิดเองครับ” น้องปรายตามองมาอย่างหงอย ๆ เลื่อนมือออกจากข้อมือเขาไปที่คอเสื้อของตัวเอง ขยับเปิดออกเพื่อเช็คตัวเลขบนอกอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามันกลับมาที่เลขเดิมก็โผเข้ามากอดเขาจนแน่น


            “หืม เป็นอะไร”


            “เลขมันไม่ขยับมานานแล้ว กันต์ใจเสียแล้วมันจี๊ด ๆ ด้วย”


            “เจ็บด้วยหรอ ไปโรง’บาลไหม ให้เขาตรวจหน่อย”


            “ฮื่อ ไม่เจ็บครับแค่มันแบบจี๊ด ๆ ขึ้นมาแวบนึง แต่ตอนนี้หายแล้ว” กันต์มุดหน้ากับอกอุ่น ๆ สูดกลิ่นกายหอม ๆ ที่แสนจะคิดถึง ทั้งสองนั่งตระกองกอดกันอยู่เช่นนั้นจนเวลาผ่านไปหลายนาทีก่อนจะผละออกจากกันเมื่อได้ยินเสียงท้องร้องออกมาจากร่างสูงใหญ่


จ๊อก ~


            “เอ่อ ..” กันต์เกือบหลุดขำแต่เมื่อเงยหน้ามองคนตัวโตที่พยายามเก๊กหน้าขมวดคิ้วมุ่นก็ทำให้ตัดสินใจดึงตัวเองออกจากอ้อมกอด


            “จะไปไหน”


            “ไปทำข้าวให้คนหิวแถวนี้กินนี่แหละครับ” ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินเข้าไปในครัว เช็คของสดที่เขาซื้อมาเมื่อ 2-3 วันก่อนที่มาค้างห้องพี่เขาว่ามันยังสามารถกินได้อยู่


            “ยังไม่ได้กินอะไรเลยหรอครับ”


            “ครับ กินแค่กาแฟกับขนมปังบนเครื่องมานิดหน่อย”


            แทนคุณเดินมาพิงตัวกับกำแพงมองคนรักขยับทำนั่นทำนี่ในห้องครัวตัวเองด้วยความคิดถึง หลายสัปดาห์ที่แยกกันทำให้เขาเฉาเหมือนต้นไม้ใกล้ตาย ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยมีปัญหากับการไปทำงานต่างประเทศแต่เดี๋ยวนี้เขานึกเซ็งทุกครั้งที่ต้องบิน


            “แล้วนี่พี่แทนยังต้องบินไปไหนอีกไหม”


            “ถ้าเร็ว ๆ นี้ไม่มีแล้วครับ แต่ที่โรง’บาลอาจจะยังวุ่น ๆ อยู่เหมือนเดิม เห็นว่าคนไข้เยอะมากหมอหลายแผนกต้องมาช่วยกัน”


            กันต์โคลงหัวรับก่อนจะเร่งมือทำกับข้าวง่าย ๆ อย่างผัดผักรวมใส่กุ้งกับต้มจืดใส่วุ้นเส้นกับเต้าหู้ ใช้เวลาไม่นานอาหารทั้งสองก็เสร็จเหลือแต่รอข้าวสุกเล็กน้อย จึงพากันมานั่งกองกันที่โซฟาอีกครั้งระหว่างรอ


            “พี่คิดถึงหนูมากเลยรู้ไหม” แทนคุณที่จับน้องนั่งซ้อนตักก็ก้มลงกระซิบบอกชิดริมหูก่อนจะกดจูบซับตั้งแต่ขมับเรื่อยลงไปถึงลำคอขาว เจ้าของร่างกายก็ไม่มีหวงยอมเอียงคอเปิดทางให้พี่เขาซุกซบ
      

            “ห .. หนูก็คิดถึงพี่” กันต์กระซิบบอกกลับด้วยความอายกับสรรพนามที่ใช้ แต่เพราะไม่อยากให้อารมณ์ฟุ้ง ๆ ตอนนี้มันหายไปจึงยอมเอ่ยปาก และยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์จากคนด้านหลังก็ยิ่งทำให้เขินมากกว่าเดิม


            “หอมจัง”


            “มีแต่กลิ่นอาหารทั้งนั้น อื้อ พี่อย่ากัด” กันต์ขยับเอียงหลบเมื่อคนพี่ดันนึกคันเขี้ยวอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ กัดลงที่ไหล่เข้าจนเจ็บจี๊ดขึ้นมา


            “หนู”


            แทนคุณเรียกคนรักก่อนจะช้อนปลายคางให้หันหน้ามาหาและประกบปากลงไปทันทีไม่รีรอ ลูบแก้มนุ่มเพื่อให้น้องเปิดปากออกแล้วใช้ปลายลิ้นลัดเลาะไปตามไรฟัน กวาดไปทั่วโพรงปากแลกเปลี่ยนเอนไซม์กันอย่างไม่มีใครยอมใคร


            “เฮ้ย!”


            กันต์หอบหายใจไม่ทันใช้จังหวะที่พี่เขาผละออกกอบโกยอากาศ ก่อนจะหวีดเสียงดังด้วยความตกใจเมื่อถูกพี่เขาจับให้หันเข้าหาอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่จูบสูบวิญาณจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง แทนคุณกดจูบที่มุมปากเพื่อเก็บรายละเอียดหยาดน้ำเล็ก ๆ ไล่ไปที่แก้มหอม ๆ ปลายคางมน มาที่ลำคอขาว ใช้ปลายลิ้นไล่เลียไปตามแอ่งชีพจรจนถึงรอยบุ๋มของกระดูก ความพลิ้วไหวของอวัยวะชักชวนให้เจ้าของร่างกายสั่นสะท้านพร้อมแอ่นอกให้แต่โดยดี


            แต่ก่อนที่มันจะมากไปกว่านั้นและกู่ไม่กลับ เสียงดีดตัวของหม้อหุงข้าวก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ของแทนคุณเรียกสติคนทั้งสองกลับคืน

            
            “อ่า ให้ตาย” แทนคุณกัดฟันแน่นเพื่อระงับอารมณ์ที่กำลังพุ่งขึ้น กันต์อมยิ้มใช้หลังมือเช็ดเหงื่อที่ผุดตามกรอบหน้าให้พี่เขา และพยายามหยัดตัวออกจากตักแกร่งแต่อีกฝ่ายกลับไม่ให้ความร่วมมือ แทนคุณเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มารับทั้งที่มือร้อน ๆ อีกข้างยังลูบวนอยู่ที่บั้นเอวของน้อง


            “ถ้าไม่สำคัญ กูด่าแน่ไอ้รัก”   

      
            (อย่าเพิ่งด่า! มาช่วยกูหน่อย รถกูเสียงกลางทาง อยู่ ๆ เครื่องก็ดับ)

      
            “อยู่ตรงไหน”

      
            (แถว xx)
   
      
            “มึงส่งโลเคชั่นมา”

      
            “มีอะไรหรือเปล่าครับ พี่รักหรอ”

      
            “ครับ มันรถเสียกลางทางเดี๋ยวพี่หาเบอร์ช่างแป็บนึงนะ” กันต์ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำตอบจากคนรัก

   
            “พี่ไปหาพี่รักหน่อยดีไหมครับ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกันดูได้”

      
            “ไม่เป็นไรหรอก มันโตแล้ว” คนเด็กกว่าได้แต่ส่ายหน้ามองหน้าจอโทรศัพท์คนรักที่เช็คโลเคชั่นจากน้องตัวเอง เขาถือวิสาสะจิ้มซูมหน้าจอเพื่อดูสถานที่ตั้งให้ชัดเจน

      
            “นี่มันแถว ๆ คอนโดพีทนี่หน่าพี่แทน งั้นเดี๋ยวกันต์โทรบอกพีทให้ช่วยแวบไปดูพี่รักหน่อยดีกว่า”

      
            “เกรงใจเพื่อนเราหรือเปล่าครับ ไอ้รักมันโตแล้ว มันคุยกับช่างเองได้แหละมั้งพี่ว่า” กันต์โบกไม้โบกมือเป็นเชิงไม่เป็นไร ก่อนจะผุดลุกจากตักคนรักเดินไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ามาเสียบสายชาร์จ รอสักพักจนไฟเข้าเครื่องเปิดติดก็รีบต่อสายหาเพื่อนใหม่ที่เพิ่งสนิทกันทันที

      
            “ฮัลโหลพีท ...”

      
            ด้านแทนคุณที่ติดต่อช่างเสร็จเรียบร้อยก็รอน้องคุยกับเพื่อนจนคนตัวเล็กหันมาพยักหน้า ชูมือเป็นสัญลักษณ์โอเค เขาก็ส่งข้อความไปบอกน้องชายของตัวเองก่อนจะกดล็อคโทรศัพท์โยนไปบนโต๊ะอย่างไม่ได้คิดสนใจอีก

      
            “อื้อ พี่ ... กินข้าวก่อนไหม เดี๋ยวเย็นหมดนะ”

      
            “โธ่คนดีครับ”

      
            “นะครับ ... กันต์หิวแล้วด้วย” นอกจากจะเสียงอ้อนแล้วไอ้ท่าลูบพุงป้อย ๆ มันทำให้แทนคุณอยากจะกินน้องมากกว่าเดิม แต่เพราะเห็นแก่ปากท้องจึงยอมโอนอ่อน

      
            “เฮ้อก็ได้ แต่คืนนี้หนูต้องทบต้นทบดอกให้พี่นะ”

      
            กันต์ไม่ตอบแต่อมยิ้มพลางส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ ตอนแรกที่รู้จักกันไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเจ้าเล่ห์เรื่องอย่างว่าขนาดนี้ แต่พอได้ปลดล็อก ได้มีครั้งแรก ครั้งต่อไปก็ตามมาตลอดไม่มีขาด พอขัดใจเข้าหน่อยเสือตัวโตก็ทำหงอยเหมือนตัวเองเป็นแมวตัวเล็ก ๆ สุดท้ายเขาก็ใจอ่อนอยู่ดี






...






            ภายในห้องนอนที่มีอุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศที่เย็นฉ่ำ แต่บนผืนเตียงกลับร้อนระอุชนิดที่ว่าความเย็นก็ทำอะไรไม่ได้ เงาสองร่างที่สอดประสานสะท้อนกับกำแพงทำให้เห็นว่าทั้งคู่ร้อนแรงกันมากแค่ไหน เรียกได้ทั้งคู่เรียกคืนความคิดถึงตลอดระยะเวลาที่ต้องห่างกันไปหลายสัปดาห์

      
            วินาทีที่ได้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดกันและกัน ทำให้รู้สึกเหมือนได้กลับมาอยู่บ้านแสนอบอุ่นและปลอดภัยอีกครั้ง ความตึงเครียด ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดก็หายไปในทันตา นี่คงเป็นความหมายของการสอดประสานความรู้สึกในคืนนี้

      
            “อ่า พี่ อึก หนู อึก หนูไม่ไหว อ่า!!” คนตัวเล็กที่วาดลวดลายบนร่างกายสูงใหญ่ปลดปล่อยออกมาจนเลอะหน้าท้องที่ขึ้นลอนกล้าม และเพราะการเสร็จของคนรักทำให้ช่องทางด้านหลังบีบรัดอย่างรัวแรง แทนคุณจัดการสวนกระแทกกลับไปอีกไม่กี่ครั้งก็ปลดปล่อยออกมา

      
            คนพี่โอบกอดน้องเอาไว้และปล่อยให้อีกคนนอนทับอยู่บนตัวอย่างนั้นไม่ยอมให้ไปไหน ส่วนมืออีกข้างก็เลื่อนลงไปที่อวัยวะด้านล่าง ถอดถอนออกจากช่องทาง ปลดถุงยางอนามัยขมวดปมแล้วโยนลงไปที่พื้นข้างเตียง

      
            “พี่”

      
            “หืม”
      
      
            “จำวันแรกที่เราเจอกันได้ไหม ที่ห้องเรียนวันนั้น”

      
            “ทำไมครับ”

      
            “กันต์ตกใจมาก ๆ เลยนะ ไม่คิดว่าจะได้เจอคู่ตัวเองแบบบังเอิญแถมตอนนั้นยังเป็นอาจารย์ตัวเองอีกต่างหาก แต่นอกจากความตกใจก็รู้สึกดีมาก ๆ เหมือนกัน จำได้ว่าใจเต้นแรงมากด้วย”

      
            “หึหึ”

      
             “ขำอะไรเล่า!”

      
            “ขำคนความจำสั้นครับ เราไม่ได้เจอกันครั้งแรกที่ห้องเรียนสักหน่อย”









To be continued.
_____________________________________

TALK : เอ ... มันยังไงกันน้า มีใครจำได้บ้างเอ่ยยย อิอิ


ปมหมดแล้วนะ จริง ๆ ใกล้จบแล้วจ้า
มาช้ามาก ๆ เพราะปัญหาส่วนตัวเลยค่ะ แง้
เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ

ปล.มีใครอยากอ่านเรื่องพี่รักบ้างม้ยน้อ


TWITTER FACEBOOK


#ครึ่งชีวิตของผม

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
เดี๊ยววววว แล้วเจอกันครั้งแรกที่ไหน
 :o11: :o11:

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
แอบเชียร์คู่พี่รักกับพีทนะ ถ้าเป็นคู่กันก็เกืดจากสัญชาตญาณล้วนๆ คนเจ็บช้ำมาขนาดนั้นได้เยียวยากันและกันคงดี ส่วนคู่หลักอย่างพี่แทนและน้องกันต์เราจะไม่ขอพูดมาก เพราะเราเหม็นฟามรักกกกก อยากจะขอพี่แทนอีกสัก1ก๊อปปี้ค่ะ คนแบบนี้ไม่ควรมีคนเดียววววว

เราเคยอ่านเวิร์สอื่นๆมาบ้างแล้ว เรื่องนี้เวิร์สที่แปลกใหม่สำหรับเรา แต่สนุกค่ะ อธิบายความเป็นไทม์เวิร์สไปในเรื่องได้เข้าใจง่ายดีค่ะ เอาใจช่วยนะคะรอติดตามค่ะ

ดีใจที่มีการทดลองทำเครื่องทดเวลาอะ ถ้าเราอยู่ในเวิร์สเราคงได้ตายก่อนเจอคู่อะ ขี้เกียจหา รอโชคชะตาอย่างเดียว55555

ออฟไลน์ BaGgYsOdA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 87
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบเรื่องนี้มาก ๆ เลย มาต่อไว ๆ น้า

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
+1 o13 :katai2-1: ขอบคุณมากครับ :pig4:

ออฟไลน์ Flower

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทำไมพึ่งเห็น อ่านแล้วรู้สึกถึงชีวิตรักจริงๆเลย รีบมาต่อนะคะ นักอ่านรออยู่ค่ะ :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด