CHAPTER 18
We need Both the sun and the rain to grow.
- dj. -
10 เมษายน 25xx กันต์ที่วันนี้ตั้งใจว่าหลังจากเรียนเสร็จจะไปเยี่ยมพี่แทนรักก็ต้องเปลี่ยนแผนกะทันหันเพราะต้องมานั่งแก้งานหลังจากที่เพิ่งเข้าพบอาจารย์ ใบหน้าที่ปกติไม่ค่อยแสดงอารมณ์อะไรเท่าไหร่ในตอนนี้กลับมุ่ยลงด้วยความหงุดหงิดใจ
นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วเขายังไม่ได้ไปเยี่ยมเลยแม้พี่เขาจะส่งข่าวมาบอกแล้วก็ตามว่าพี่รักน่ะปลอดภัยดี อีกอย่างคือนอกจากข่าวพี่รักที่ได้รับ เขาเองก็ไม่มีโอกาสได้คุยคนรักของตัวเองเลยเช่นกัน ก็พอเข้าใจว่าช่วงนี้คงยุ่งกับการติดตามผลการทดลองและคอยดูแลพี่แทนรัก
แต่ก็นะ มันอดเหงาไม่ได้นี่หน่า
“งานส่งตั้งอีกสองวัน มึงทำทันอยู่แล้ว”
“แต่”
“มึงเป็นอะไร ไหนพูด” ก็ยังคงเป็นดิมที่รู้ทันเพื่อนคนนี้ไปเสียทุกอย่าง แม้แต่บางอาการที่คิดว่าเก็บไว้มิดแล้วก็ตามที กันต์พรูลมหายใจออกมาพลางเรียบเรียงคำพูดในหัวตัวเอง
“พี่แทนเงียบหายไปเลยอะมึง จะเป็นอาทิตย์แล้วนะ”
“งานเขายุ่งหรือเปล่า”
“กูก็คิดงั้น แต่ปกติยุ่งแค่ไหนเขาก็ทักมาหากูได้ตลอดนี่หน่า” พูดไปก็มองรายชื่อผู้ติดต่อในโทรศัพท์ของตัวเองไป อยากจะโทรหา อยากทักไปหา แต่ข้อความล่าสุดที่เพิ่งส่งไปเมื่อคืนยังไม่ถูกเปิดอ่านเลยด้วยซ้ำ
“งั้นวันนี้ไปเยี่ยมพี่รักแล้วก็แวะไปหาพี่เขาดู มา ๆ เดี๋ยวกูไปส่ง” ถ้าจะยกอันดับคนสปอยล์กันต์อันดับหนึ่งบอกเลยว่าไม่ใช่ที่บ้าน ไม่ใช่คู่ชีวิต แต่เป็นเพื่อนสนิทอย่างดิมต่างหาก
เขาเงยหน้ามองเพื่อนอย่างขอความมั่นใจ บอกตรง ๆ ว่าใจมันคิดไม่ดีไปแล้วเพราะประกบการณ์ความรักที่ผ่านมาการที่อีกฝ่ายอยู่ ๆ หายหน้าหายตาไปไม่ติดต่อมา มันคือสัญญาณความล้มเหลวของความสัมพันธ์ที่เขาต้องเตรียมใจรับมัน
“กูรู้มึงคิดอะไรอยู่ แต่ไหนใครบอกกับกูว่า พี่แทนไม่มีทางเหมือนคนอื่น”
สุดท้ายดิมก็พากันต์มาส่งถึงหน้าโรงพยาบาลก่อนจะขอตัวกลับเพราะนัดกับจาริณเอาไว้ เขาเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อสอบถามการเข้าเยี่ยมพี่แทนรัก และโชคดีที่ทางครอบครัวใส่รายชื่อเขาให้เป็นผู้มีสิทธิ์เยี่ยมได้
เขากลับมาที่ชั้นเดิมเหมือนว่าทางโรงพยาบาลจะปรับให้ชั้นนี้เป็นของโปรเจ็คเครื่องทดเวลาไปแล้ว เขามองหมอและพยาบาลที่เดินไปเดินมาประปรายเข้าห้องนั้นออกห้องนี้กันตลอด ว่าแต่ห้องของพี่แทนรักต้องไปทางไหนกันล่ะเนี่ย
“ขอโทษนะครับ ผมมาเยี่ยมคุณหมอแทนรักครับ ไม่ทราบว่าต้องไปทางไหนหรอครับ”
“คุณหมอแทนรักเชิญฝั่งนี้ค่า เดินเข้าไปห้องด้านในสุดซ้ายมือนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
ดูเหมือนว่าทางโรงพยาบาลจะแยกผู้ทดลองที่ตอบสนองกับไม่ตอบสนองไว้คนละฟาก ที่เดาได้แบบนี้เพราะเสียงจากฝั่งตรงข้ามดังโวยวายมาเป็นระยะและมีหมอผลัดกันเดินเข้าไปบ่อยกว่าปกติ กันต์สังเกตทุกอย่างจนพอใจแล้วจึงเดินไปตามทางที่พยาบาลบอก
‘แทนรัก วรเชษฐากุล’ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เชิญครับ”
“พี่รักครับ~”
“อ้าวกันต์ ว่าไงเรา”
กันต์เดินเข้าไปหาอีกฝ่ายที่เตียง ตอนแรกคิดว่าร่างกายจะยังไม่เข้าที่เท่าไหร่นัก แต่ไอ้ท่าทางการนอนหนุนคอ ไขว่ห้างกระดิกเท้าดูละครได้ก็คงไม่มีอะไรน่าห่วง
“เป็นยังไงบ้างพี่”
“สบายมาก”
“หรอ ๆ ละนี่กินอะไรยังอะพี่”
“เรียบร้อยแล้ว แล้วเราอะมาไงไม่เห็นไอ้แทนบอกเลยว่าจะมาหา”
“เพื่อนมาส่งอะ”
“นั่ง ๆ ดูละครกับพี่ดีกว่า ไอ้แทนออกตรวจอีกสักพักน่าจะกลับมา” กันต์พยักหน้ารับก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง
“อยากกินผลไม้ไหมพี่เดี๋ยวผมปลอกให้”
“เออ ๆ บริการพี่หน่อยไอ้น้อง”
คนเด็กกว่าหัวเราะไปกับบทสนทนาที่อีกฝ่ายชวนคุย เราคุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้แต่ยกเว้นเรื่องเดียวคือคู่ชีวิตคนเก่าของเขา เห็นว่าตามผลแล้วความทรงเกี่ยวกับคู่ชีวิตคนเก่าจะหายไปทั้งหมด ซึ่งสำหรับพี่รักแล้วเขาก็คิดว่ามันเป็นเรื่องดีเหมือนกัน อดีตที่เจ็บปวดบางทีจำมันไม่ได้เลยน่าจะดีที่สุด
ครืด
“กันต์?”
“อ้าวพี่แทน เสร็จงานแล้วหรอครับ”
กันต์ก้าวเข้าไปหาคนรักพร้อมกับแขนแกร่งของแทนคุณอ้าออกกว้างเพื่อรับอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอดพร้อมกับก้มลงหอมขมับด้วยความคิดถึง คนที่เหนื่อยกับงานสายตัวแทบขาดรู้สึกได้รับพลังกลับคืนมาทันที
“ครับ แล้วเรามาได้ยังไง ดิมมาส่งหรอ”
“ใช่ครับ”
“เอ้า ๆ อย่าเพิ่งสร้างโลกส่วนตัว เห็นใจคนโสดหน่อยครับผม”
“งั้นเราไปกันเถอะ” แทนคุณหันไปกลอกตาใส่คนหน้าเหมือนตัวเองด้วยความระอา และนอกจากจะไม่สนใจแล้วยังจับมือน้องเดินออกจากห้องโดยมีเสียงของแทนรักโวยวายตัดพ้อไล่หลังมา
“เย็นแล้วนะได้กินอะไรหรือยังครับ”
“ยังเลย พี่ล่ะ”
“เหมือนกัน งั้นไปหาอะไรกินกัน”
กันต์พยักหน้ารับอย่างแข็งขันยอมให้พี่เขาจับจูงพาไปขึ้นรถ ภายในรถคลอเคล้าไปด้วยเสียงเพลงแนวที่เราทั้งคู่ชอบ คนเด็กกว่าได้เอี้ยวตัวพิงเบาะมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนรักด้วยความคิดถึง ไม่ได้เจอกันเกือบอาทิตย์เขายังแทบบ้า ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะติดพี่เขาขนาดนี้
“มองขนาดนี้จะเอาอะไรครับ”
แทนคุณเหลือบมองน้องที่จ้องมาไม่วางตา ไม่รู้ว่าน้องรู้ตัวหรือเปล่าว่าสายตาตัวเองในตอนนี้หวานขนาดไหนจนเขาเองชักจะเขินจนวางตัวไม่ถูกแล้วเหมือนกัน เลยทำเป็นเอ่ยแซวพร้อมกับบีบปลายจมูกรั้นด้วยความมันเขี้ยว
“คิดถึงครับ”
ทันทีที่น้องพูดพลางเอนตัวซบหน้ากับต้นแขนน้ันแทนคุณก็ตัวชาวาบด้วยความรู้สึกผิด ยิ่งกายเล็กสั่นพร้อมกับความชื้นที่สัมผัสได้ในตำแหน่งเดียวกันกับใบหน้าก็ยิ่งทำให้รู้สึกแย่เข้าไปใหญ่ เขาผิดเองที่มัวแต่ทำงานจนละเลยน้อง เอาแค่โทรศัพท์ที่เมื่อครู่หยิบขึ้นมาโทรจองโต๊ะแล้วเห็นแจ้งเตือนจากชื่อน้องที่ค้างเอาไว้เยอะมากนั่นทำให้เขารู้ความผิดพลาดของตัวเองได้อย่างชัดเจน
“พี่ก็คิดถึงน้อง พี่ขอโทษนะคนดี” บอกกล่าวด้วยความรู้สึกจากใจก่อนจะก้มลงไปกดจูบลงที่กลางกลุ่มผมนุ่ม สูดดมกลิ่นที่คิดถึงและกดย้ำสัมผัสที่คุ้นเคย
“ไม่เป็นไร กันต์เข้าใจแต่กันต์ ... กันต์แค่คิดถึงพี่ พี่ไม่ตอบข้อความกันต์เลย” เสียงของกันต์แผ่วปลายเมื่อกลัวว่าตัวเองจะงี่เง่าเกินไป
“พี่ขอโทษนะ เป็นเพราะพี่มัวแต่ดูแลคนอื่นจนลืมดูแลคนรักของตัวเอง”
แม้รถยนต์จะมาถึงปลายทางแต่ทั้งคู่ก็ยังไม่คิดจะขยับไปไหน แทนคุณหมายมั่นว่าจะคุยกับน้องให้รู้เรื่องเสียก่อน ซึ่งหมายถึงรู้ในทุกเรื่องที่เขากำลังทำอยู่ ในเมื่อเป็นครึ่งชีวิตของกันและกันและเขาก็ได้รับบทเรียนมาอย่างสาสมแล้ว เขาจะไม่ยอมให้มันพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง
“หิวหรือยังครับ พอจะฟังเรื่องที่พี่อยากจะเล่าได้ก่อนไหม”
เขาไม่คิดเร่งรัดทำเพียงแค่กุมมือของน้องเอาไว้หลวม ๆ และสบกับนัยน์ตาหวานที่ยังประปรายไปด้วยหยาดน้ำ น้องหยุดคิดไปเล็กน้อยพลางหลุบตาลงต่ำคล้ายกับหวาดกลัวอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็พยักหน้าตอบรับ
“ขอบคุณครับ”
“….”
“หลายวันมานี้ที่พี่ไม่ได้โทรหา ไม่ได้ตอบข้อความเพราะพี่ยุ่งกับงานจริง ๆ กินและนอนอยู่ที่โรงพยาบาลจริง ๆ ไม่ได้นอกลู่นอกทางไปไหนอันนี้เราสบายใจได้เลยครับ แต่ว่าสิ่งที่พี่จะเล่าต่อไปนี้มันอาจจะทำให้น้องไม่พอใจ ถึงอย่างนั้นพี่ก็อยากให้เราฟังพี่ให้จบก่อนนะ โอเคไหม”
“ครับ”
“ช่วงนี้พี่รักษาคนไข้ประจำสลับกับคอยติดตามผลจากผู้ทดลอง ด้วยความที่พี่เป็นจิตแพทย์คนเดียวในทีมเลยต้องวิ่งวนดูแลผู้ทดลอง 20 คน เพื่อรักษาทางด้านจิตใจที่มีแนวโน้มสูงว่าจะหายยากมากกว่าทางร่างกาย”
“…”
“และอย่างที่เรารู้ว่านิลินคือหนึ่งในนั้น พี่ยอมรับว่าพี่คอยดูแลเธอมากกว่าคนไข้คนอื่นแต่ไม่ใช่เพราะพี่ยังรักหรือรู้สึกอะไรกับเธอนะ พี่แค่เห็นใจและพี่เองก็เป็นหนึ่งในคนที่ทำให้เธอและรักมันต้องมาอยู่ในจุดนี้” แทนคุณมองใบหน้าคนรักที่ยังคงเรียบเฉยไม่แสดงอาการอะไรจึงวางใจเล่าต่อไป
“นิลินกลายเป็นคนเสียสติ เฝ้าถามถึงแต่รักและพี่สลับไปมาจนบางครั้งก็อาละวาด ช็อค หมดสติไปเลยก็มี เป็นเพราะความสับสนที่เกิดขึ้นภายใต้ระบบการทำงานของสมอง ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าใครคือคู่ของตัวเอง ถ้าวันไหนพี่อยู่ดูแลเขาก็จะสงบ ให้ความร่วมมือในการรักษา แต่ถ้าไม่เจอพี่เขาก็จะอาละวาด”
“…”
“พอเห็นสภาพแบบนั้นพี่ก็ทั้งเห็นใจและรู้สึกผิด คิดว่าน่าจะมีอะไรที่พี่สามารถชดใช้เธอได้บ้าง จนบางทีมีไม่สามารถไปไหนได้ก็เพราะต้องคอยเฝ้านิลินเอาไว้ แต่เป็นพี่เอง ... พี่ก็หลงลืมไปว่าคนที่พี่ควรจะเอาใจใส่ที่สุด ควรจะสำนึกผิดด้วยมากที่สุดคือคนที่อยู่ตรงหน้าพี่ คนที่ยอมให้อภัยคนโง่ ๆ แบบพี่มานับครั้งไม่ถ้วน”
“…”
“พี่ขอโทษนะครับ”
แทนคุณไม่พูดเปล่าแต่กลับซบหน้าลงกับสองมือของน้องพลางกดจูบซ้ำ ๆ แทนคำขอโทษนับพัน เขารู้สึกผิดจริง ๆ นะให้ตาย ระยะเวลา 3 เดือนที่เราได้เจอและรักกักมีแต่เรื่องที่เขาทำให้น้องต้องเสียใจ ทั้งที่คิดว่าทำเต็มที่แล้ว พยายามที่สุดแล้วแต่ก็ยังทำพลาดอยู่เรื่อยไป
น้องจะเหนื่อยใจที่จะมีเขาบ้างหรือเปล่า —แทนคุณไม่กล้าจะคิดต่อเลย
ความรู้สึกที่กระจัดกระจายถูกรวบรวมกลับมาด้วยสัมผัสของน้องที่แตะลงบนหน้าผาก พร้อมกับนิ้วที่ลูบหลังมือเขากลับมา แทนคุณขยับเข้าไปรวบน้องมากอดเอาไว้จนแน่นแม้มันจะไม่ถนัดเนื่องจากอยู่บนรถแต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรค เขาทั้งกอดและซุกหน้าเข้ากับน้องเพื่อที่จะสัมผัสทุกกลิ่นกายว่าเขายังมีน้องอยู่ด้วยกันตรงนี้
“ขอบคุณนะครับพี่แทนที่เล่าให้กันต์ ยอมรับนะว่าก็แอบน้อยใจเหมือนกันแต่เพราะพี่แทนของกันต์คือคุณหมอคนเก่ง กันต์เลยเข้าใจ” แทนคุณกระชับกอดน้องเอาไว้แนบแน่นกว่าเดิม
“อีกอย่างนะพี่แทน กันต์เคยบอกไว้แล้วว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่าโทษตัวเอง พี่ไม่ใช่คนที่ทำร้ายใคร พี่ก็คือหนึ่งในเหยื่อของความรัก เพียงแค่พี่เจอกันต์ พี่ไม่ต้องเป็นบ้า พี่ไม่ต้องเข้าทดลองนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพี่คือคนผิด พี่ไม่จำเป็นต้องชดใช้ให้เธอ โอเค ถ้าพี่อยากจะชดใช้ให้ใคร พี่พูดถูกแล้วว่าคนนั้นคือกันต์”
“…”
กันต์ดึงตัวคนพี่ออกมาและจับให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นให้มองกัน คนเด็กกว่าระบายยิ้มบางเมื่อเห็นแววตาเศร้าจากอีกฝ่าย เรียวนิ้วยาวลูบลงบนแก้มที่ตอบลงจากการโหมงานหนัก มองร่องรอยความเหนื่อยล้าที่ทำเอาโกรธไม่ลง
“รักและใส่ใจกันต์ให้มาก ๆ แค่นี้คือสิ่งที่พี่ต้องทำ พี่จ๋าทำได้ไหมครับ” เขาใช้สรรพนามที่เอาไว้เรียกกันในยามตระกองกอดมาใช้ แม้จะเขินอายจนอยากวิ่งหนีแต่เพราะเป็นคน ๆ นี้ที่เขาอยากให้เราเข้าใจกัน คุยกันได้ทุกเรื่องจึงยอม
“ครับ พี่จ๋าของน้องกันต์ทำได้ครับ ขอบคุณนะคนดี” แทนคุณแนบหน้าผากตัวเองกับน้องเข้าชิดกัน ขยับเลื่อนเคลื่อนปลายจมูกให้หยอกล้อกันจนกระทั่งริมฝีปากของเราสัมผัสกัน นั่นจึงเป็นอีกหนึ่งจุมพิตที่วิเศษที่สุดและชวนให้หัวใจเต้นแรงที่สุด
บางทีจูบที่หวานที่สุดอาจไม่ได้มาจากตอนที่เราอารมณ์ดี แต่อาจจะเป็นตอนที่เราได้เข้าใจกันมากขึ้นในทุกครั้งที่ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาด้วยกัน
เพราะความเป็นคู่ชีวิตมันมีอะไรมากกว่าการเป็นคู่รัก เราจึงต้องเรียนรู้ที่จะรับฟัง เข้าใจ และพูดคุยกันเพื่อที่จับมือกันต่อไปได้ อายุไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่าอีกฝ่ายจะตัดสินใจหรือคิดนึกอะไรพลาดไม่ได้ นั่นทำให้การเป็นคู่ชีวิตคือการเติบโตไปด้วยกัน
เช่นเดียวกับเรื่องราวทั้งหมดนี้ที่บางครั้งกันต์ก็ต้องยอมปรับนิสัยที่ไม่ชอบพูด ไม่ชอบอธิบาย หรืออย่างบางหนที่แทนคุณก็ต้องยอมรับว่าน้องมีวุฒิภาวะที่เป็นผู้ใหญ่มากพอ
…
“ได้ไปเยี่ยมเพื่อนเรามาหรือยัง” กันต์ชะงักระหว่างกำลังอ้าปากงับแซนด์วิชในมือ ก่อนจะทำหน้าสงสัยว่าเพื่อนคนไหน ไอ้ดิมหรอ มันป่วยเป็นอะไรทำไมเขาไม่รู้ เมื่อวันก่อนยังเจอกันตอนส่งงานแก้อยู่เลย
“พีทน่ะ”
“เออใช่!! มัวแต่ห่วงพี่รักอ่า กันต์ลืมไปเลยว่าพีทก็เข้าทดลอง”
“ฮ่ะ ๆ งั้นแวะเยี่ยมเพื่อนก่อนไหม อยู่ก่อนถึงห้องไอ้รักนี่เอง”
“อื้อ ๆ พี่แทนพากันต์ไปหน่อยนะ” แทนคุณรู้ว่าทำไมน้องถึงอ้อนให้เขาพาไปหาทั้งที่ไปเองก็ย่อมได้ คงจะเป็นเรื่องเมื่อคราวก่อนที่สนิทเกินไปจนเขาหึงนั่นแหละ
แต่พอเดินมาถึงกำลังจะเข้าไปในห้องของพีทนั้นประตูอีกบานนึงของห้องด้านข้างก็เปิดออกพร้อมกับแทนรักที่เดินลากสายน้ำเกลือออกมา หน้าตกตื่นใจเมื่อออกมาเจอพี่ชายของตัวเองจึงทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วทักคนเด็กที่สุดแทนอย่างกันต์
“น้องกันต์มาทำอะไรเนี่ย มาเยี่ยมพี่หรอ แล้วนั่นจะไปเข้าห้องใคร ห้องพี่อยู่ทางนี้ครับ” กันต์ถูกแขนยาว ๆ ของแทนรักล็อคไว้ที่ไหล่คล้ายจะเอาเป็นกันชนพี่ชายตัวเอง แน่ล่ะสิ ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากห้องทั้งนั้นจนกว่าหมอจะลงความเห็นว่าปกติดีร้อยเปอร์เซ็นต์
“อย่ามาเนียนไอ้รัก ใครให้มึงออกมาข้างนอก”
“โห มึงอะ กูนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในห้องมาเป็นอาทิตย์แล้วกูก็เบื่อดิ ขอออกมาเดินเล่นบ้างเส้นจะยึดหมดแล้ว” แทนรักโอดครวญใส่พี่ตัวเอง
“พวกพี่ค่อยเถียงกันต่อได้ไหมครับ กันต์ขอเข้าไปเยี่ยมเพื่อนก่อน” น้องเล็กสุดในที่นี้แทรกบทสนทนาขึ้นมาอย่างเหนื่อยใจ แฝดคู่นี้เจอกันทีไรเป็นอันต้องเถียงกันตลอด
“เพื่อนหรอ ๆ พี่ขอเข้าไปด้วยคนสิ อยู่คนเดียวนะเหง๊าเหงา กันต์ไม่สงสารพี่หรอ” คนถูกอ้อนถึงกับหลุดขำออกมาก่อนจะเลิกสนใจสองพี่น้องแล้วเดินเข้าไปในห้องของเพื่อน และแน่นอนมีหรอแทนรักจะยอมอยู่กับพี่ชายตัวเองตามลำพังมีหวังโดนบ่นหูชาจึงเดินตามหลังแฟนพี่ชายตัวเองมาติด ๆ
“พีท”
“อ้าว ไง มาได้ไงเนี่ย”
“ขอโทษทีนะเรามัวแต่ห่วงพี่ชายเรา ลืมไปเลยว่าพีทก็เข้าทดลอง” พีทมองเพื่อนใหม่ที่เพิ่งสนิทกันได้ไม่นานด้วยสายตาเอ็นดู เขาน่ะไม่ได้คิดอะไรกับเพื่อนคนนี้หรอกเพียงแค่รู้สึกว่าอยากจะรู้สึกว่าอยากจะรู้จักคน ๆ นี้เท่านั้น
“ไม่เป็นไร ๆ แล้วนั่นน่ะหรอพี่ชายที่ว่า” กันต์หันไปมองตามก่อนจะพบแทนรักที่เดินตามเข้ามาแล้วกำลังนั่งอยู่ที่โซฟาดูโทรทัศน์หยิบผลไม้ของคนอื่นกินสบายใจเฉิบ
“พี่รัก!” แทนรักหันมายิ้มแหยให้แฟนพี่ชายตัวเองก่อนจะมองเลยไปยังด้านหลังแล้วยกมือขึ้นรับไหว้จากคนเด็กกว่า
“ตกใจหมดเลยกันต์” ทำเป็นพูดไปแต่การกระทำไม่ได้บ่งบอกเลยว่าตกใจ กันต์กลอกตาใส่คนกวนประสาทหนึ่งครั้งถ้วน ดูเหมือนว่าพอไม่มีเรื่องอะไรที่ค้างคาอยู่ในใจอีกฝ่ายก็ดูจะเป็นคนอารมณ์ดีเสียเหลือเกิน
“เฮ้อ พีทขอโทษทีนะ นี่พี่แทนรักเป็นแฝดน้องของคู่เราเอง ส่วนพี่แทนนี่พีทเพื่อนกันต์” ได้แต่แนะนำกันไปตามมารยาท
“แล้วนี่พีทรู้สึกโอเคขึ้นบ้างหรือยัง แบบร่างกายอะไรอย่างนี้” กันต์พยายามระมัดระวังคำถามเพราะเขาเองก็ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางก่อนหน้านี้ของเพื่อน
“อื้อ ดีขึ้นเยอะแล้ว อยากออกจากโรง’บาลจะแย่ เบื่อมาก”
“บ่นเหมือนพี่รักเลย”
“ใช่ปะ โคตรเบื่อ นี่นะพี่กำลังคิดเลยว่าจะลาพักร้อนยาว ๆ สักเดือนสองเดือนด้วย อยากเปลี่ยนบรรยากาศ เอียนโรง’บาลเต็มที” แทนรักได้ทีก็บ่นออกมายาว ๆ แถมยังเล่าให้คนแปลกหน้าฟังถึงแผนการณ์ตัวเองอย่างเป็นตุเป็นตะ
“ไปเที่ยวหรอครับ”
“ใช่ อยากเที่ยวรอบโลกดู ไหน ๆ เลขบนอกก็ไม่ผลอะไรอยู่ละ จะไปไหนอะไรยังไงกับใครก็ได้แล้วที่นี้” กันต์ที่ยืนฟังคนขี้โม้ถึงกับชะงักลมหายใจพยายามจับสังเกตว่าคนพูดรู้สึกอะไรหรือเปล่า แต่ก็พบเพียงแค่ความเรียบเฉย
“นั่นสิ น่าสนแหะ ผมขอไปด้วยคนได้ไหม”
“เฮ้ยไอ้น้องพี่ยังไม่มีแพลนว่าจะหาคู่หูว่ะ อยากลองเที่ยวคนเดียวเท่ ๆ ดูบ้าง รู้ไหมกันต์ไอ้แทนน่ะเห็นมันบ้างานแบบนั้น แต่มันก็เคยลาพักร้อนไปแบ็คแพ็คนะเว้ย”
“จริงหรอครับ พี่แทนน่ะนะ?”
“เออดิ ตอนนั้นแม่งชิ่งไม่ยอมชวนพี่ ครั้งนี้พี่ก็เลยอยากลองบ้าง”
“ถ้าพี่เปลี่ยนใจอยากได้เพื่อนไปด้วยบอกผมได้นะครับ”
“เออ ๆ ไว้ว่ากัน” กันต์มองคนติดลมบนชวนคุยเรื่อยเปื่อยเก่งจนรู้สึกว่าตัวเองไร้บทบาทอย่างไรชอบกลจึงค่อย ๆ ขยับตัวออกมาจากห้อง สงสัยอยู่โรง’บาลเฉย ๆ คงจะน่าเบื่อจริง ๆ พอมีเพื่อนคุยก็คุยไม่สนใจกันเลย
“อ้าว ไอ้รักล่ะ”
“นู่น คุยกับพีทอยู่ เรื่องท่งเรื่องเที่ยวอะไรไม่รู้ เห็นว่าจะลาพักร้อนด้วยนะรายนั้น”
“อืม ดีแล้ว ให้มันได้ไปเที่ยวบ้างก็น่าจะดี” กันต์มองคนรักด้วยรอยยิ้มที่รู้ทัน คนที่รักน้องชายตัวเองกว่าใครแต่ทำเป็นปากแข็ง เมินเก่งน่ะต้องยกให้พี่เขาเลยเชียวล่ะ
“พอเลยพี่แทน คิดอะไรอยู่ในหัวน่ะหยุดไว้ก่อนเลย ไปทำงานครับเดี๋ยวกันต์เดินไปส่ง” แทนคุณก้มลงมองคนเด็กกว่าที่คว้ามือตัวเองเข้าไปจับแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม วันนี้พกกำลังใจมาทำงานอย่างเต็มเปี่ยม
จังหวะที่กำลังเดินผ่านแผนกพิเศษเพื่อกลับไปยังแผนกจิตเวชของตัวเองดังเดิม ก็ถูกพยาบาลและบุรุษพยาบาลวิ่งกรูผ่านหน้าไปพร้อมกับได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกมาแต่ไกล นางพยาบาลที่หันมาเจอแทนคุณเข้าก็รีบปรี่เข้ามาหา
“คุณหมอแทนคะ!! คนไข้ห้อง 502 อาละวาดอีกแล้วค่ะ!”
“เดี๋ยวพี่มานะ” แทนคุณหันมาบอกลาพร้อมกับลูบหัวน้องก่อนจะวิ่งตามพยาบาลไปอย่างรวดเร็ว กันต์ยืนมองอยู่ตรงเดิมที่ด้วยความสงสัยเพราะเสียงที่ได้ยินคือเสียงของผู้หญิง และลางสังหรณ์ของเขาถ้ามันทำงานไม่พลาด นั่นจะต้องเป็นห้องของนิลินอย่างแน่นอน
ร่างโปร่งมองความวุ่นวายตรงหน้าตัดสินใจเดินไปนั่งรอคนรักที่หน้าห้องบริเวณเดียวกัน เนิ่นนานหลายอึดใจกว่าเสียงด้านในจะสงบลง ไล่สายตามองหมอและพยาบาลค่อย ๆ ทยอยเดินออกมาแต่จนแล้วจนเล่าคนที่รอคอยก็ยังไม่เห็น
“ขอโทษนะครับคุณหมอแทนคุณยังไม่ออกมาหรือครับ” กันต์เอ่ยถามนางพยาบาลคนหนึ่งที่เดินเข้าไปในห้องเดิมและเพิ่งออกพร้อมกับถาดยา
“อ๋อค่ะ คุณหมอแทนคุณต้องดูอาการคนไข้ต่ออีกสักพักค่ะ ไม่ทราบว่ามีเรื่องด่วนหรือเปล่าคะเดี๋ยวดิฉันจะแจ้งให้ค่ะ”
“อ่า ไม่ครับ ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากครับ”
ปากเล็กเม้มเข้าหากันอย่างนึกรู้สึกไม่ดีกับตัวเองที่ดันแอบหวงแม้กระทั่งคนที่สติไม่สมประกอบ เขาไม่ได้กลัวและไม่ได้ไม่เชื่อใจว่าพี่เขาจะกลับไปหรืออะไร เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่อยู่ภายในตัวเราทั้งคู่นั้นไม่ว่าจะหัวใจหรือวิญญาณของเรานั้นตรงกันเสมอ
เขาเพียงแค่กลัวว่ามันจะกลายเป็นความเหินห่างที่ทำให้เราอาจจะมีช่องว่างต่อกันเสียมากกว่า
“เฮ้อ”
“ถอนหายใจอะไรครับ พี่เรียกก็ไม่ได้ยิน”
“เอ๊ะ อะ อ้าว พี่แทน” คนถูกเรียกกะพริบตาปริบเรียกสติตัวเองให้กลับคืนแล้วมองพี่เขานั่งยองอยู่ที่พื้นตรงหน้า รอยยิ้มและแววตาที่ดูเหนื่อยล้าทั้งที่เป็นงานแรกของวัน กันต์ประมวลผลในสมองก่อนจะเผยยิ้มบางให้คนรัก
“เรียบร้อยแล้วหรือครับ”
“อื้ม เธออาละวาดแบบที่พี่เคยเล่าให้ฟัง แต่ครั้งนี้พี่ใช้วิธีฉีดยาแทนการเกลี่ยกล่อมให้เธอคิดว่าพี่หรือไอ้รักยังอยู่กับเธอ อย่างน้อยให้เธอได้รับความจริงดีกว่าหลอกไปวัน ๆ” แทนคุณคิดได้เช่นนี้ก็ในตอนที่ได้เปิดใจคุยกับน้องนี่แหละ ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดจะอะลุ่มอล่วย ใช้วิธีรักษาแบบเดิมต่อไปจนอาจกลายเป็นผลเสียทั้งกับตัวนิลินเองและกับชีวิตคู่ของตัวเอง
“อ่า ….” กันต์ตามไม่ทันบอกตรง ๆ
“หึ น่ารักจังกระต่ายของพี่” คนพี่ยิ้มกว้างกับใบหน้าน่ารักของคู่ชีวิตตัวเองพร้อมกับหยิกแก้มนุ่มไปที เรียกปากบางให้เบะใส่ได้ซึ่งอาการดังกล่าวมันยิ่งน่ารักกว่าเดิมจนแทนคุณรู้สึกได้คลายความเครียด
“ไปเลย พี่ไปทำงานเลย กันต์จะไปเรียนแล้ว”
“ดิมมาหรือยัง”
“กำลังมาครับ เมื่อกี้ส่งมาบอกว่าติดอยู่แยกก่อนถึงโรง’บาล เดี๋ยวกันต์ลงไปรอข้างหน้าเลยดีกว่า”
“พี่คงไม่ได้ลงไปส่งนะ เย็นนี้เลิกเรียนสามโมงใช่ไหมครับ” แทนคุณเดินมาส่งน้องได้ถึงแค่ที่หน้าลิฟต์ ฝ่ามืออุ่นวางอยู่บนกลุ่มผมนุ่มที่ตัวเองชอบแอบขโมยหอม
“อื้อ”
“เดี๋ยวพี่ไปรับนะ คืนนี้ไปนอนกับพี่นะครับ พี่อยากกอดหนูจะแย่”
“พี่แทน!”
To be continued.
_____________________________________
TALK : เกือบไปแล้วนะนังพี่แท๊นนนน ละจะมาอยากกอดอะไรลูกอิชั้นค้าา
มาช้ามาก ไม่มีอะไรจะแก้ตัวเลยจ้ะพี่ๆ
ไม่รู้ยังมีคนรออยู่มั้ย แต่ต่อให้มีแค่คนเดียวเราก็จะยังเขียนต่อไป
คิดไว้ว่าน่าจะไม่เกิน 22-25 ตอนก็จะโบกมือลากัน
เรื่องรูปเล่มจริงๆก็มีสนพ.ติดต่อมา แต่น่าจะติดปัญหาอะไรซักอย่างอยู่
ถ้ามีคนอยากได้ กระซิบบอกเราที จะได้มีกำลังใจสู้จ้ะพี่ ;__;
TWITTER FACEBOOK ♡
#ครึ่งชีวิตของผม