——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!Epilogue P.5 | END)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!Epilogue P.5 | END)  (อ่าน 42613 ครั้ง)

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___
CHAPTER 06

Honestly is the foundation for trust;
you can’t have one without the other.
(Brenda Jones)









10 กุมภาพันธ์ 2xxx​

      
            “ดิม”

      
            “ว่า”

      
            “มึงว่ามีเยอะไหมวะคนที่ไม่ได้รักกับคู่ตัวเอง”

      
            “ก็มีแต่คงไม่ได้เยอะเท่าไรมั้ง ในเมื่อกำหนดมาแล้วว่าต้องเป็นคู่ชีวิต ต่อให้ช้าหรือเร็วก็ต้องได้รักกันอยู่ดีแหละ” ดิมตอบพลางหันมามองหน้าเพื่อนตัวเองที่กำลังทำหน้าล่องลอยราวกับในหัวโต ๆ ของมันกำลังมีความคิดฟุ้งอยู่ในนั้นเต็มไปหมด

      
            “แล้วมึงว่าความรักกับชีวิตอะไรมันสำคัญกว่าวะ” กันต์ถามต่อด้วยความอยากรู้

      
            ชีวิตของพวกเราเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นไปตามกลไกของธรรมชาติ ไอ้ตัวเลขสีเหลืองบนอกมันก็แค่คล้ายกับเป็นทั้งตัวเร่งและตัวยืดกลไกเพียงเท่านั้น แต่ถึงมันจะเป็นแค่นั้นกลับสำคัญไม่น้อยเพราะต่อให้ไม่รักกับใครคนนั้นอย่างไรก็ต้องรักชีวิตตัวเอง

      
            “ไม่รู้ว่ะ แต่เอาเข้าจริงการที่เรารักคนอื่นนั่นก็หมายถึงเรารักชีวิตตัวเองนี่หว่า”

      
            “ก็จริง”

      
            เครื่องหน้าน่ามองตอนนี้กำลังห้อยตกหมดคล้ายกำลังคิดไม่ตกกับอะไรสักอย่างอยู่ในหัว ไม่ว่าจะหางคิ้ว หางตา ริมฝีปากก็ตกลงจนเผยให้เห็นฟันกระต่ายคู่เล็กของเจ้าตัว ยิ่งเสริมให้กันต์เหมือนกระต่ายที่ถูกเจ้านายไม่สนใจ

      
            “ถามทำไมวะ ทะเลาะกับพี่แทนเหรอ”

      
            “เปล่า”

      
            “เอ้า แล้วเป็นอะไร”

      
            หรือบางทีอาจจะเป็นที่กระต่ายตัวนี้เองที่ไม่เคยสังเกตหรือไม่แม้แต่จะสนใจหันกลับมามองว่า ทุกย่างก้าวของตัวเองนั้น ไม่เคยมีสักครั้งที่เจ้านายจะไม่สนใจ

      
            “ไม่รู้ดิ”

      
            กันต์บอกพลางฟุบหน้าลงกับแขนตัวเอง เขาตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่ากำลังเป็นอะไร เหมือนในหัวมันกำลังคิดนั่นคิดนี่เต็มไปหมด ดราม่ากับตัวเอง คิดเอง เครียดเอง ถ้าเผลอบอกดิมไปอย่างนี้ไม่พ้นว่าจะต้องโดนด่าแน่นอน แต่ถึงไม่บอกเขาก็คิดว่าดิมน่าจะเดาได้ตามประสาเพื่อนสนิท

      
            “มึงเลิกฟุ้ง มีอะไรก็เอาไปถามพี่แทนตรง ๆ ไม่ใช่เก็บมาคิดมาก พี่แทนเป็นคู่ของมึงเขาไม่ใช่ใครคนอื่นเหมือนที่ผ่านมา”

      
            “ฮื่อ”

      
            “ฮื่อเชี่ยไร ลุกขึ้นมาเรียน อาจารย์จะแดกหัวอยู่ละ” ดิมอดไม่ไหวที่จะตีหัวเพื่อนที่ตัวเองด้วยความเหน็ดเหนื่อยใจ นี่ก็เริ่มไม่แน่ใจตัวเองมาสักพักแล้วว่าเป็นเพื่อนหรือเป็นพ่อกันแน่ บางทีมันก็ดูโตสมอายุ บางทีก็ดูเด็กน้อยจนน่าด่าจริง ๆ

      
            พอหมดเวลาเรียนก็แทบคลานออกมาจากห้อง มันก็จะไม่เข้าใจนิดหน่อยว่าที่ตัวเองเรียนอยู่คือศาสตร์แห่งการสื่อสารหรือเรียนการบ้านการเมืองอยู่ ทำไมถึงต้องบังคับลงวิชาวิเคราะห์สถานการณ์ด้วย มันไม่ง่ายเลยสักนิดสำหรับคนที่ขี้เกียจตามข่าวสารอย่างปุณณกันต์ ตอนเลือกเรียนสาขานี้ก็ไม่คิดว่าแต่ละอย่างที่เรียนจะชวนให้ปวดหัว แต่ก็อย่างว่าต่อให้เรียนสาขาอื่นเขาก็ปวดหัวอยู่ดีเพราะขี้เกียจ

      
            “ยังไง จะไปไหนต่อ”

      
            “ไม่รู้ว่ะ กลับบ้านมั้ง มึงอ่ะ”

      
            “ไปหาไอ้จาที่บ้าน”

      
            “อ้าว มันออกมาแล้วเหรอ”

      
            “เออ 2 วันแล้ว ตอนแรกซ่าอยากกลับหอ แต่โดนแม่เพ่นหัวไปทีละบอกให้กลับมาอยู่บ้าน” ดิมพูดไปก็ขำไปเมื่อนึกสภาพเจ็บเป็นมัมมี่ของคนรักตัวเองในขณะที่โดนแม่ตีเข้าให้

      
            “เอองั้นมึงรีบกลับไปดูมันเหอะ”

      
            “แล้วมึงอ่ะ เอารถมาหรือเปล่า”

      
            “เปล่า วันนี้กูอินดี้นั่งบัสมา”

      
            “เดี๋ยวกูไปส่ง”

      
            “ไม่เป็นไร มึงไปเหอะ อีกสักพักมันน่าจะโทรมางอแงแล้วล่ะ”

      
            กันต์โบกไม้โบกมือปฏิเสธเพื่อนก่อนจะตบลงบนไหล่กว้างนั่นไปทีแล้วเดินแยกตัวออกมา มองซ้ายมองขวาแล้วคิดในหัวว่าจะไปไหนต่อดีครั้นจะกลับบ้านก็ยังไม่อยากกลับ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูใจก็พลันนึกไปถึงคู่ชีวิตตัวเองแต่จะให้ไปรบกวนเวลาทำงานก็ใช่ที่ แต่จู่ ๆ ก็คิดถึงอยากเจอขึ้นมา

      
            คิดไปคิดมาก็พาตัวเองมายืนอยู่หน้าโรงพยาบาล มาถึงที่แต่ไม่รู้ว่าคนที่มาหาจะมีเวลาว่างหรือเปล่า ติดงานอยู่หรือเปล่า กันต์เพิ่งจะรู้ว่าตัวเองไม่รู้ตารางงานของพี่เขาเลยสักนิด แต่จะให้โผล่ไปหาเหมือนวันที่เอาข้าวมาให้ก็ไม่รู้จะได้หรือเปล่า

      
            เนี่ยคิดเยอะคิดแยะแบบนี้ไง จะเป็นบ้าเข้าให้สักวัน

      
            “เอาไงต่อดีวะ” ร่างโปร่งยืนยีหัวตัวเองไปมา ตัดสินใจหันเดินไปทางร้านกาแฟก่อนแล้วค่อยส่งข้อความหาพี่เขานั่นอาจเป็นวิธีรบกวนเวลางานน้อยที่สุด

      
            “คุณ?”

      
            เสียงเรียกจากด้านข้างระหว่างที่กันต์กำลังจะเดินเข้าร้านกาแฟดังขึ้น เมื่อหันไปมองเขาก็รู้สึกอยากย้อนเวลา อยากจะทำเป็นไม่ได้ยินไปเสียอย่างนั้น ถึงอยากจะทำแบบนั้นใจจะขาดแต่ความจริงคือทำได้แค่รักษามารยาท

      
            “ครับ?” จะบอกว่าจำหน้าไม่ได้คงโกหก ผู้หญิงคนนั้นที่เจอเมื่อวันที่เอาข้าวมาให้พี่เขา คนเดียว คนเดิม เดินยิ้มเข้ามาหา

      
            “พอดีหมอจำได้ว่าคุณคือคนที่อยู่กับแทนเมื่อหลายวันก่อน เอ่อ ใช่ไหมคะ?”

      
            “น่าจะใช่มั้งครับ” ไม่ได้ตั้งใจจะกวนประสาท แต่หลายวันก่อนนี่กันต์ก็ไม่รู้ว่าเธอคนนี้ไปเจอพี่เขาอยู่กับเพื่อนฝูงใครคนอื่นหรือเปล่า

      
            “อ่า หมอว่าหมอจำได้ค่ะ ว่าแต่คุณมาหาหมอแทนหรอคะ?”

      
            “ครับ”

      
            “งั้นก็พอดีเลยค่ะ หมอก็กำลังจะไปหาแทนเหมือนกัน ไปด้วยกันไหมคะ?” กันต์เม้มปากอย่างนึกหงุดหงิดในใจ มันเรื่องอะไรจะต้องมายุ่งกับเขากันล่ะเนี่ย และถึงจะเป็นแฟนของฝาแฝดพี่เขาก็ตามทีแต่ทำไมต้องไปหาพี่เขาบ่อย ๆ ขนาดนั้น

      
            “อ่า คุณคงลำบากใจ ขอโทษนะคะที่วุ่นวาย”

      
            “ไม่เป็นไรครับ นำไปเลยครับ” แต่เพราะความเป็นผู้ชายมันค้ำคอ ขืนให้ไปจุกจิกจี้ถามหรือทำตัวเป็นคนขี้หึงโวยวาย คงจะไม่ใช่ กันต์ถนัดงี่เง่ากับตัวเองมากกว่า

      
            คนตรงหน้ายิ้มรับก่อนจะเดินนำเขาไปทางที่เขาก็รู้ดีเหมือนกัน ระหว่างทางมีทั้งหมอ พยาบาลและคนไข้ทักทายคนตรงหน้าอยู่ไม่น้อย จากรอยยิ้ม การวางตัวอะไรก็ไม่ได้ชวนให้น่าหวาดระแวงแต่คงเป็นเพราะประสบการณ์เก่า ๆ มันชวนฝังหัวให้กลัวไปก่อนล่ะมั้ง กันต์จึงยังไม่กล้าไว้ใจคนตรงหน้าแม้พี่เขาจะยืนยันว่ามันไม่มีอะไรก็ตาม

      
            “ว่าแต่ชื่ออะไรเหรอคะ? หมอชื่อนิลินนะคะ เป็นเพื่อนสนิทของแทนคุณน่ะค่ะ”

      

            เพื่อนสนิท?



            ลมหายใจเผลอสะดุดไปหลายจังหวะ เมื่อคำพูดของทั้งสองฝั่งไม่ตรงกันถึงอย่างนั้นกันต์ก็ยังคิดจะเชื่อใจคนของตัวเองมากกว่าใครก็ไม่รู้ที่ไม่เคยรู้จักกัน

      
            “กันต์ครับ” เขาพูดสั้น ๆ แค่นั้นจงใจละเลยการบอกความเกี่ยวข้องอะไรทั้งนั้น อีกฝ่ายจึงยิ้มคว้างอยู่ครู่ก่อนจะพยักหน้ารับซึ่งนั่นก็ไม่ได้ทำให้กันต์สนใจ พอดิบพอดีที่ถึงหน้าแผนกจิตเวชเธอเลยไม่ได้ชวนคุยอะไรต่อ

      
            “สวัสดีค่ะคุณหมอลิน มาหาคุณหมอแทนเหรอคะ?” พยาบาลหน้าเคาน์เตอร์ทักถามไถ่ดูสนิทสนม จนหัวคิ้วของคนยืนฟังอยู่ข้างหลังขมวดเข้าหากันไม่รู้ตัว

      
            “ค่ะ แทนเขามีคนไข้อยู่ไหมคะ? พอดีวันนี้ลินไม่ได้นัดก่อนน่ะค่ะพี่วาด”

      
            “ตอนนี้ว่างอยู่ค่ะ แต่ได้แค่สิบห้านาทีนะคะเดี๋ยวจะมีคิวต่อ”
      
            
            “โอเคค่ะ ขอบคุณมากค่ะพี่วาด อันนี้คุ้กกี้เมื่อวานลินลองทำฝากพี่วาดชิมทีนะคะ” คุณหมอคนสวยยังคงแจกรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร ก่อนจะหันมาแล้วชะงักเล็กน้อยเมื่อถูกกันต์ยืนมองอยู่

      
            “อ่า เดี๋ยวยังไงหมอขอเข้าไปคุยธุระสักครู่นะคะแล้วหมอจะบอกแทนให้ว่าคุณกันต์มาขอพบ” กันต์ไม่ทันได้ตอบอะไร ไม่ทันจะได้แย้งอะไรด้วยซ้ำ คนตรงหน้าก็เดินเข้าห้องตรวจที่มีชื่อนพ.แทนคุณแปะอยู่

                  
            ผ่านไปหลายสิบนาที กันต์กำลังคิดว่าจะนั่งรอต่อไปหรือจะกลับเลยดี พี่เขามีเวลาว่างแค่สิบห้านาที คุณหมอนิลินอะไรนั่นเข้าไปทีก็จะหมดเวลาอยู่แล้ว กันต์ถอนหายใจเหลือบมองเวลาก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินออกจากตรงนั้น มันก็แอบน้อยใจปนหงุดหงิดนิดหน่อยแต่นั่นก็เป็นเพราะตัวเขาเองที่ไม่ได้บอกพี่เขาก่อนจะมา

      
            “น้องกันต์ ... กันต์ กันต์ครับ!” เสียงเรียกดังขึ้นจากด้านหลังทำเอาคนกำลังเดินเหม่อสะดุ้งพร้อมกับแรงดึงที่ข้อศอกทำให้เห็นคนที่อยากเจอวิ่งตามมา

      
            “พี่แทน”
   
      
            “ทำไมมาไม่บอกพี่ล่ะครับ ถ้าพี่ออกมาไม่ทันก็คือจะไม่ได้เจอกันใช่ไหม”

      
            “ก็ ... ช่างเถอะครับ แล้วพี่ไม่ทำงานหรอครับ”

      
            “พี่มีเวรต่อจนถึงทุ่มนึงเลยครับ เดี๋ยวก็จะมีคนไข้มาแล้ว เอาไงดี”

      
            “อ่า ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ได้บอกพี่ก่อนเองนี่นา แล้วนี่พี่เสร็จธุระแล้วหรอครับ?” ดวงตาเรียวเล็กลากมองไปยังคนที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลัง แทนคุณที่เห็นท่าทางของน้องก็อดอมยิ้มไม่ได้ก่อนจะพยักหน้า


            “แล้วนี่เรามายังไง ขับรถมาหรือดิมมาส่ง?”

      
            “บัสครับ”

      
            “คุณหมอคะ คนไข้มาแล้วค่ะ”

      
            “อ่า”

      
            “พี่แทนไปทำงานเถอะครับ เดี๋ยวผมจะกลับแล้ว” กันต์หัวเราะออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นคนตัวโตกว่าทั้งร่างกายและอายุกำลังทำหน้าเง้างอ ยึดข้อมือเขาเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยแม้จะมีเสียงเรียกจากพยาบาลแล้วก็ตาม

      
            “พี่อยากให้เรารอ แต่มันต้องนานมากแน่ ๆ แล้วเราก็เพิ่งเรียนมาเหนื่อย ๆ” เสียงทุ้มลดลงมาเป็นระดับที่ทำให้คนฟังใจหวิว ให้ตายสิ มาพูดด้วยท่าทีเกรงใจแต่สายตาที่มองราวกับกำลังอ้อนบอกให้เขาอยู่ที่นี่ อยู่ตรงนี้

      
            เออ แล้วคนอย่างปุณณกันต์จะไปสู้อะไรได้เล่า!

      
            “เดี๋ยวผมไปรอพี่ที่ร้านกาแฟข้างล่าง”

      
            “ขอบคุณนะครับ เอ้านี่ ใช้ได้เลยนะ” แทนคุณกระชับข้อมือน้องเอาไว้ในอุุ้งมือตัวเองพลางลูบไปมาอย่างรู้สึกอารมณ์ดีพลางยื่นกระเป๋าสตางค์ตัวเองให้น้อง ต้องรออีกตั้งหลายชั่วโมงเผื่อน้องจะหิวจะได้ไม่ต้องเปลืองเงินของตัวเอง และนี่ก็เป็นความรับผิดชอบของเขาเองด้วย

      
            “ไม่เป็นไรหรอกครับพี่”

      
            “เอาไว้เถอะ พี่ต้องไปแล้ว หาอะไรกินรอพี่ก่อนนะครับ” คนโตกว่าไม่ยอมให้แย้ง ปล่อยข้อมือก่อนจะยกขึ้นลูบหัวกลมโตของคนเด็กกว่าแทนแล้วหมุนตัวหันหลังเดินกลับไปห้องตรวจอย่างรวดเร็ว

      
            กันต์มองตามพลางยิ้มขำ เก็บกระเป๋าสตางค์ของพี่เขาลงกระเป๋าในเมื่อให้มาก็จะไม่เกรงใจแล้วล่ะกันนะเพราะตอนนี้เขาก็หิวมาก เรียนเสร็จก็มานี่ทันทียังไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องเลย

      
            ร่างโปร่งไม่สนใจคนที่ยืนมองอยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรกเลยสักนิด แยกจากพี่เขาแล้วก็เดินลงไปชั้นล่างเพื่อไปหาข้าวหาขนมอะไรกินฆ่าเวลารอคุณหมองานยุ่ง

      
            แต่ก็เหมือนหนีเสือปะจระเข้อย่างไรไม่รู้พอหลังจากซัดก๋วยเตี๋ยวจนอิ่มหนำ กันต์ก็เดินมาที่ร้านกาแฟร้านเดิมเพื่อจะมาหาของหวานล้างปากและกะจะนั่งปักหลักรอพี่เขาอยู่ที่นี่ ดันเจอคนหน้าเหมือนคนที่ตัวเองรออยู่ เหมือนจนแทบจะพิมพ์เดียวกันตอนนั้นเขาถึงทักผิดนั่นแหละ

      
            “เอ้าน้อง” กันต์ยิ้มรับเล็กน้อย วันนี้จะเจอคนแปลกหน้าที่รู้จักกันอีกสักกี่ครั้งเชียว

      
            “น้องที่เคยทักว่าพี่ว่าเป็นแทนคุณ จำได้ไหม ขอโทษทีนะวันนั้นพี่รีบน่ะเลยไม่ได้บอกว่าพี่ไม่ใช่แทนคุณ”

      
            “ครับ ผมทราบครับว่าพี่คือแทนรักแฝดน้องของพี่แทนเขา ขอโทษด้วยเหมือนกันครับที่วันนั้นผมทักผิด” ดูท่าทางแฝดน้องจะอัธยาศัยดีกว่าแฝดพี่ เพราะแค่เห็นหน้าเขาก็พูดยาวเหยียดซ้ำยังชักชวนให้เขานั่งเป็นเพื่อนอีกต่างหาก
      
      
            “แล้วนี่น้องเป็นอะไรกับไอ้แทนมันหรอ ดูท่าจะยังเด็กอยู่เลย รุ่นน้อง เอ๊ะ หรือลูกศิษย์ หรือว่า ... คู่?!”

      
            “ครับ เป็นทั้งหมดนั่นแหละครับ”
      
      
            “ว้าว ดีใจที่ได้เจอกันนะ พี่ยังห่วงมันอยู่เลยว่าอายุขนาดนี้แล้วยังไม่เจอคู่ตัวเองสักที”

      
            “อ่า ครับ”

      
            “เอ้อพี่รบกวนเราอะไรสักอย่างสิ”

      
            “อะไรหรอครับ?”

      
            “อาทิตย์หน้าวันเกิดของลิน แฟนพี่น่ะ เป็นงานรวมตัวบรรดาเพื่อนเก่าด้วย แต่ที่นี้มันไม่ยอมไปมาหลายปีแล้ว พวกเพื่อนก็บ่นคิดถึงถามหามันกันมาหลายครั้งแล้วเหมือนกัน พี่จะรบกวนเราลากมันมาทีได้ไหม ถือว่าพี่ชวนเรามาด้วยเลย ... นะ ช่วยพี่ที”

      
            “ก็ได้ครับ แต่ผมไม่รับปากนะ”

      
            “โอเค แค่เรารับปากพี่ก็วางใจแล้ว ขอบใจมากเลยนะ อยากกินอะไรไหมเดี๋ยวพี่เลี้ยง”

      
            “ไม่เป็นไรครับ ๆ” กันต์รีบปฏิเสธทันที พี่น้องคู่นี้นี่ใจป้ำเหมือนกันเลย เอะอะจะเลี้ยงจะจ่ายให้อย่างเดียว ดีที่แฝดน้องคนนี้ไม่รบเร้าเหมือนแฝดพี่ที่ดื้อดึงจะเลี้ยง

      
            “ขอบใจมากนะ ไว้เจอกันครับ”

      
            “ครับ”

      
            กันต์มองร่างสูงใหญ่ไม่แพ้แฝดอีกคนเดินออกจากร้านไป พอมานั่งนึกดูแล้วตอนแรกที่เผลอทักผิดมันก็ไม่แปลกนักหรอก มองเผิน ๆ ก็เหมือนกันจนแทบแยกไม่ออก แต่พอได้เห็นใกล้ ๆ แล้ว ทั้งคู่กลับมีความแตกต่างกันออกไป ทั้งบุคลิก นิสัย บรรยากาศรอบตัว ต่างกันอย่างสิ้นเชิง


ครืด ครืด ครืด


Dimm : *Sent a photo*
Dimm : ใช่พี่แทนคุณมึงหรือเปล่า?


            คิ้วขมวดเป็นปมเมื่อเห็นภาพจากการแคปหน้าจอของดิม กดเข้าไปแล้วก็พบว่าเป็นแอคเคาท์โซเชียลของใครสักคนที่โพสต์รูปพี่เขากับผู้หญิงที่ชื่อลิน

      
            ลิน, ผู้หญิงคนนี้อีกแล้วหรอ

      
            กันต์พยายามซูมเข้าซูมออกเพื่อเช็คให้มั่นใจว่าคนในรูปคือพี่แทนคุณไม่ใช่พี่แทนรัก และขี้แมลงวันจุดเล็กบนสันจมูกโด่งก็เป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่านั่นคือคู่ของเขาเอง นั่นคือจุดที่เขาชอบมากที่สุด และแอบมองบ่อยมากที่สุดพอ ๆ กับลักยิ้มของพี่เขา
      

Dimm : *Sent a photo*

      
            ดิมส่งมาอีกรูป แต่รูปนี้ไม่ต้องสงสัยให้ยากเพราะเป็นคนกลุ่มใหญ่มีทั้งผู้หญิงคนนั้นและฝาแฝดทั้งสองในเฟรมเดียวกัน ให้เขาเดาก็อาจจะเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้โกหกที่ว่าเป็นเพื่อนสนิทกันน่ะสิ

      
            แล้วทำไมพี่แทนถึงบอกว่าเป็นแค่แฟนของพี่รัก

      
            “ฮ่ะ”

      
            ลมหายใจสะดุดไปจังหวะนึงพร้อมกับอกข้างซ้ายกระตุกอีกครั้ง เปลือกตาสีอ่อนปิดลงพร้อมถอนหายใจ เพียงแค่คิดเท่านั้นร่างกายภายในคงระบุว่ามันเป็นการไม่ไว้ใจสินะ ให้ตายเถอะ กันต์เริ่มจะคิดบ้างแล้วว่าบางทีมีคู่มันก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นหรือเปล่านะ เอะอะอะไรนิดหน่อย ตัวเลขก็ส่อจะลดอย่างเดียวเลย

      
            “51 … ก็ยังโอเค” กันต์พึมพำบอกกับตัวเองหลังจากมองลอดคอเสื้อดูตัวเลขว่าขยับไปถึงไหน นอกเหนือจากอะไรทั้งหมดที่ว่ามากันต์ก็ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามพี่เขาอย่างไร มันดูออกจะไร้สาระไม่น้อยและเขาก็ยังไม่ได้ไม่ไว้ใจถึงขั้นหวาดระแวงอะไรขนาดนั้นสักหน่อย ก็แค่สงสัยเท่านั้นเอง


ครืด ครืด ครืด


T : ทำอะไรอยู่ เบื่อหรือยังครับ

*Sent a photo* : Punnakann
กินโกโก้กับเค้กอยู่ครับ : Punnakann
ไม่เบื่อหรอกครับ ผมมีงานมาทำด้วย ฆ่าเวลาได้สบาย : Punnakann

      
T : ใจร้ายจังครับ ส่งของกินมาตอนนี้ ทำร้ายกันมาก
T : ถ้าเบื่อไม่ไหวก็บอกได้นะ
T : แต่เนี่ยทำงานเหนื่อย ๆ ออกไปเจอคนน่ารัก ๆ ก็น่าจะหายดีมันท่าจะดีเนอะ


รออยู่นี่แหละครับ ไม่ไปไหนหรอก : Punnakann

T : ขอบคุณครับ มีกำลังใจทำงานละ
T : *Sent a sticker*

      
            กันต์อมยิ้มกับสติกเกอร์ตัวการ์ตูนหน้าตาทะเล้นส่งรูปหัวใจ ไม่คิดว่าคนอย่างพี่เขาจะมีสติกเกอร์อะไรแบบนี้ด้วย และเพราะพี่เขาดีเป็นแบบนี้กันต์จึงยิ่งรู้สึกไม่ดีที่เผลอคิดฟุ้งซ่าน ทำไมถึงยังกล้าสงสัยพี่เขากันนะ ยกมือขึ้นทุบหัวตัวเองไปทีเพื่อเรียกสติ

      
            “งี่เง่าเล้ยชะมัดไอ้กันต์”









To be continued.
_____________________________________

TALK : ให้เวลาน้องหน่อยยย น้องกำลังสับสนนน

ย้ำอีกครั้งจ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์
ไม่ได้แฟนตาซีสุดกู่หรือปมซับซ้อนอะไรขนาดนั้นนะคะ

หลังจากนี้เรื่องจะเดินหนักเกี่ยวกับความสัมพันธ์พี่แทนน้องกันต์มากขึ้นค่ะ
จะพยายามให้เต็มที่ค่ะ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ


ใครเล่นทวิตเตอร์ สามารถเล่นแท็กได้น้า ><
#ครึ่งชีวิตของผม

ส่วนอันนี้ทวิตเตอร์เราค่า @19august__
      
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2018 01:02:05 โดย 19august »

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
น้องกันต์สงสัยอะไรหรือกังวลอะไรก็บอกพี่แทน คุยกับพี่แทนดีๆนะ อย่าเก็บเอาไปคิดมากคนเดียวนะน้อง

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ผู้หญิงไม่ยอมปล่อยมือ

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
จะเอาพี่เขยว่างั้น

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___


CHAPTER 07

Head on quite lap, with fingers in sleeping hair,
I fell into you.








      
            กันต์กำลังนั่งขบริมฝีปากอยุ่บนรถด้วยความกังวลใจ นับตั้งแต่พี่เขาเลิกงานลงมาเจอ ไปกินข้าวเย็นจนมานั่งอยู่บนรถ เรากลับคุยกันไม่เกินสิบประโยค มวลอากาศอะไรบางอย่างแทรกกระจายไปทั่วพื้นที่

      
            ถ้าให้เดาและคงเดาไม่ผิด พี่เขาคงรู้เรื่องที่ตัวเลขขยับแล้วและมันก็เป็นสิ่งที่เกิดเพราะเขาเองอีกครั้ง กันต์ไม่รู้จะต้องพูดอะไรกับความคิดไร้สาระเพียงชั่ววูบตอนนั้น เขาไม่ได้รู้สึกหวาดระแวงจนไม่ไว้ใจมันก็แค่สงสัย

      
            มือทั้งสองข้างกำเข้าหากันแน่นจนแดงไปหมดเพราะความกดดันแต่กันต์ไม่โทษพี่เขาเลย มันเป็นเพราะเขาเองทั้งนั้น คิดไปคิดมาจนกระทั่งถึงหน้าบ้านก็ยังไม่ได้คุยกันสักประโยค ร่างโปร่งพรูลมหายใจออกอย่างนึกหงุดหงิดตัวเองพลางขยับมือปลดสายคาดนิรภัย

      
            “ขอบคุณที่มาส่งครับ ขับกลับดี ๆ นะ”

      
            กันต์พยายามทำตัวเหมือนเดิม หันไปพูดและยิ้มให้ก่อนจะได้รอยยิ้มจาง ๆ กลับมา เขาเม้มปากเข้าหากันอย่างไม่สบายใจก่อนจะเอี้ยวตัวกลับมาเพื่อเปิดประตู พร้อมเสียงถอนหายใจจากอีกฝ่ายดังขึ้นเพราะภายในห้องโดยสารนั้นเงียบมากจึงได้ยินอย่างชัดเจน และมันยิ่งทำให้กันต์รู้สึกแย่จนอกข้างซ้ายกระตุกอีกครั้ง มือเรียวจับขอบประตูแน่นคิดเพียงอยากจะรีบพาตัวเองออกจากตรงนี้แล้ว ทำไมอะไร ๆ มันถึงแย่กว่าเดิม

      
            “กันต์ครับ”

      
            แต่แรงกอดจากด้านหลังพร้อมกับเสียงทุ้มอ้อนเจือความอ่อนล้าดังขึ้น ก็ทำให้คนที่ไม่เคยสู้ได้เลยยอมปล่อยมือจากที่ประตูทิ้งตัวให้พี่เขากอดอย่างง่ายดาย

      
            ในความเป็นจริงบางครั้งกับคำถามที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร เป็นเพียงคำถามง่าย ๆ และไม่ใช่ว่าไม่เคยพูดกันแต่มันกลับยากในเวลานี้ อาจเป็นเพราะความกลัวที่เกาะกุม กลัวในคำตอบ แม้ท้ายที่สุดมันอาจจะเป็นแค่เราคิดไปเองกลัวไปเองก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้กันต์ไม่กล้าถามเหมือนอย่างทุกที

      
            “พี่ทำอะไรผิดเหรอครับ บอกพี่ได้ไหม พี่รู้สึกไม่ดีเลย บอกพี่เถอะนะ” แค่ได้ยินเสียงทุ้มพูดออกมา กันต์ก็รู้สึกผิด พี่เขาเหนื่อยจากทำงานมากแล้วยังจะต้องมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระอีก กันต์ก้มลงมองมือทั้งสองข้างของตัวเองอย่างใช้ความคิด

      
            “กันต์งี่เง่าเองอ่ะพี่แทน กันต์ไม่รู้ว่าความสงสัยชั่วแวบเดียวมันจะทำให้เราเป็นแบบนี้ กันต์ขอโทษนะ” คนอ่อนวัยกว่าไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอทำอะไรบางอย่างเปลี่ยนจากเดิมไป ทำเอาคนที่เหนื่อยล้าเมื่อครู่กลับมีแรงขึ้นมาเสียดื้อ ๆ แทนคุณกระชับอ้อมกอดรั้งแผ่นหลังบางให้แนบอกตัวเองมากขึ้น

      
            “ไหนมีอะไรบอกพี่สิครับเด็กดี”

      
            แทนคุณเป็นจิตแพทย์ย่อมรู้ดีว่าต้องทำอย่างไร ใช้น้ำเสียงอย่างไรถึงจะทำให้อีกฝ่ายวางใจที่จะพูดออกมา แต่ไม่เพียงพูดอย่างเดียวเท่านั้น กับน้องในอ้อมแขนคุณหมอแทนคุณเพิ่มออฟชั่นพิเศษวางคางเกยบ่าพร้อมเอียงคอมองเสี้ยวหน้าของน้องไปพลาง ทำเอาคนถูกถามถูกมองถึงกับเขินขึ้นมาชั่วขณะ

      
            และในตอนนั้นเองที่หัวใจเรากลับมาพองฟูอีกครั้ง ตัวเลขก็ค่อย ๆ ขยับกลับเข้าใกล้เลขเดิม

      
            “วันนี้กันต์เจอคุณนิลิน จริง ๆ ตอนที่พี่เห็นกันต์หน้าห้องก็เพราะเธอเข้ามาทักแล้วก็ชวนกันต์มา แล้วก่อนหน้าจะมาที่ห้องเธอแนะนำตัวกับกันต์ว่าเป็นเพื่อนสนิทของพี่ ... กันต์แค่สงสัยว่าทำไมพี่ถึงไม่บอกกันต์ ทำไมบอกแค่ว่า ... แค่ว่าเป็นแฟนพี่แทนรัก ... ก็เท่านั้น”

      
            เพราะความเคยชินทำให้กันต์ลืมตัวเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเวลาคุยกับคนอาวุโสกว่า และแทนคุณก็ไม่คิดจะแย้งเพราะชอบใจเหลือเกินที่น้องแทนตัวเองเช่นนั้น ส่วนสิ่งที่น้องพูดออกมาแทนคุณก็รู้สึกผิดและเข้าใจแล้วว่าทำไมน้องเป็นแบบนี้ มันเป็นเพราะเขาเองที่ดันคิดง่าย ๆ ว่าไม่ได้สำคัญจึงไม่ได้บอกออกไป

      
            “ครับ เธอเป็นเพื่อน แต่ไม่ได้สนิทแล้วครับ พี่ขอโทษนะไม่ได้มีเจตนาจะปิดบังอะไรเลย พี่คิดน้อยไปว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร” คนตัวโตกว่าซุกใบหน้าเข้ากับเจ้าของไหล่มน สูดดมกลิ่นกายเฉพาะตัวของน้อง

      
            “ถามต่อได้ไหมครับว่าทำไม พี่แทนบอกว่าไม่ได้สนิทแล้ว หมายความว่าเคยสนิทกันเหรอครับ”

      
            กันต์ไม่กล้าแม้แต่จะมองภาพสะท้อนของเราทั้งคู่ผ่านกระจก กลัวว่าจะเห็นสายตาไม่ชอบใจที่ถูกซักไซ้ กลัวจะถูกรำคาญ และอาการดังกล่าวไม่มีทางพ้นสายตาจิตแพทย์คนนี้ไปได้ แทนคุณดึงให้น้องหันมาเผชิญหน้า จับปลายคางขึ้นอย่างเบามือให้เราได้สบตากัน

      
            “ถามได้สิครับ ไม่ว่าเรื่องอะไรกันต์สามารถถามพี่ได้ทั้งหมด จำเอาไว้เลยนะ ... ส่วนเรื่องของนิลิน เราเคยเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันตอนเรียนแพทย์ ส่วนที่ไม่สนิทกันแล้วก็คงเพราะห่าง ๆ กันไป รู้ตัวอีกทีก็ไม่สนิทกันแล้ว”

      
            “แล้วทำไมเธอถึงต้องมาหาพี่ที่ห้องตรวจ เธอ ... ไม่สบายหรอครับ”

      
            “อืม เธอมาปรึกษาน่ะว่าเครียดกลัวจะ depression แต่พี่มีคนไข้ประจำค่อนข้างเยอะเลยย้ายเคสเธอไปให้แพทย์อีกคนที่เพิ่งเข้ามาแทนแล้วครับ”

      
            “อ่าครับ”

      
            “มีอะไรสงสัยอีกไหมหืม”

      
            หัวโต ๆ ที่ปกคลุมด้วยกลุ่มผมสีอ่อนสะบัดไปมาตามจังหวะการส่ายหน้า ทำเอาคนที่มองอยู่นึกมันเขี้ยวกวาดแขนรอบคอน้องดึงเข้ามากดจมูกหอมหัวไปฟอดใหญ่

      
            “พี่แทน!”

      
            “มันเขี้ยวอ่ะหนู”

      
            “หนูเหนออะไรอ่ะ ปล่อยเลยผมจะเข้าบ้านแล้ว”

      
            “ไม่เอาสิ”

      
            “อะไรของพี่ ปล่อยหัวผมเลยย” ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ แทนคุณยิ่งซุกจมูกตัวลงบนหัวของน้องพูดเสียงอู้อี้อยู่แบบนั้น

      
            “ต่อไปนี้เรียกแทนตัวเองว่ากันต์แบบเมื่อกี้ได้ไหม”

      
            “ฮื่อ ไม่เอาหรอก”

      
            “ทำไมล่ะครับ”

      
            “น่าอายจะตาย”

      
            “น่าอายอะไร น่ารักออก” เก่งนัก เรื่องทำให้คนอื่นใจเต้นแรงเนี่ย กันต์อยากตีอกชกหัวอีกฝ่ายเหลือเกิน แต่เก่งสุดก็ได้แต่ดิ้นไปดิ้นมาในวงแขนของพี่เขานั่นแหละ

      
            “นะ ... นะครับน้องกันต์ของพี่แทน”

      
            “ใครเป็นของพี่ มั่วแล้ว”

      
            “ก็น้องกันต์คนนี้ไง (ฟอด!) เป็นของพี่แทน (ฟอด!!) รู้ยัง!” แทนคุณพูดพลางหอมหัวน้องอย่างถือโอกาส จนเจ้าของหัวโวยวายและดิ้นไปมา แม้ว่าตัวเองจะสูงไม่น้อยเลยแต่ก็ยังแพ้คนตัวโตกว่าและแข็งแรงกว่า

      
            “โอเค ๆ พี่ปล่อยก่อน หายใจไม่ออกแล้วครับ” แทนคุณยอมปล่อยน้องออกจากวงแขน จนได้เห็นใบหน้าน่ารักน่ามองที่มีเขาเป็นเจ้าของกำลังแดงปลั่งจนนึกอยากฟัดแต่ต้องห้ามใจตัวเองไว้

      
            ก่อนจะเปิดประตูออกไปเหมือนจะมีความคิดอะไรบางอย่างแวบขึ้นมาทำให้กันต์ชะงักตัวเองชั่วครู่ ก่อนจะกดริมฝีปากตัวเองลงบนอวัยวะเดียวกันของอีกฝ่ายจนเกิดเสียงกระทบแผ่วเบา แต่มันกลับกังวาลไปทั้งหัวใจ       
      

            “ขอโทษอีกครั้งนะครับพี่แทน แล้วก็ขับรถดี ๆ นะ ถึงห้องแล้ว text บอกกันต์ด้วยนะ”

      
            เสียงนั้นไม่ได้อ่อนหวานเหมือนกับเสียงผู้หญิงแต่มันกลับชวนให้ใจสั่น ยิ่งมาพร้อมกับรอยยิ้มน่ารักจนเรียวตาเล็กหยีและการจูบเล็ก ๆ นั้นก็ยิ่งทำให้อยากลักพาตัวกลับไปนอนฟัดที่บ้าน แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรตามจินตนาการ กันต์ก็ดับฝันคนช่างเพ้อด้วยการดีดตัวออกจากรถอย่างว่องไว เผลอแป็บเดียวก็ไปยืนโบกมือให้เขาหลังรั้วเสียแล้ว

      
            หัวใจกลับมาพองโตพร้อมกับตัวเลขที่ขยับกลับมาตรงกลาง เมื่อความรู้สึกเราจูนเข้าหากันได้ดีอีกครั้ง แทนคุณเชื่อว่าทุกครั้งที่เราไม่เข้าใจกัน หากได้สื่อสารกันมันจะนำพาความเข้าใจที่มากขึ้นกว่าเดิมกลับมา













14 กุมภาพันธ์ 2xxx

      
            เนื่องจากเมื่อคืนเข้านอนไวทำให้เช้านี้กันต์ตื่นเร็วกว่าทุกทีและในวันที่ไม่มีเรียนอีกทั้งยังเคลียร์งานจนหมดแล้วจึงว่างเสียยิ่งกว่าว่าง พอลงจากห้องจะมากวนแม่เสียหน่อยแต่กลับเจอโพสอิทที่แปะอยู่หน้าประตูตู้เย็นใจความว่า เมื่อเช้ามืดพ่อบินมารับแม่ไปสวีทแล้วที่ต่างประเทศ จะกลับมาอีกทีประมาณสองอาทิตย์หลังพ่อเคลียร์งานเสร็จ พ่อแม่ก็หนีไปเที่ยว ส่วนพี่ชายก็ไม่อยากรบกวนเพราะลูกยังเล็ก

      
            แล้วพอทักหาเพื่อนกะว่าจะชวนออกตะลอนเสียหน่อยไม่ได้เท่ียวด้วยกันมานานแล้ว ก็พบว่าเพื่อนยังต้องติดแหง็กกับการเป็นพยาบาลให้คู่ของมันที่ยังทำตัวง่อยกินอยู่ ทำเอากันต์ถึงกับเซ็งทิ้งตัวลงบนโซฟากลางบ้านด้วยความเบื่อหน่าย

      
            อยู่ ๆ ก็เหมือนกลายเป็นคนว่างงานที่สุดในโลกคนเดียวเลยตอนนี้

      
            กันต์นั่งเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ ก็พบว่าที่วันนี้ทั้งพ่อแม่และเพื่อนต่างไม่ว่างกันก็เพราะเป็นวันแห่งความรักนี่เอง หลงรูปกับคู่ตัวกันรัว ๆ เลย ดูไปก็บ่นพึมพำกับตัวเองไป

      
            “ฮึ่ย”

      
            พาลสิ เพราะวันนี้พี่เขาก็มีเวรตอนเช้า ป่านนี้ไม่รู้ทำอะไรอยู่ เขาก็ไม่รู้วิธีการทำงานของหมอมากนักหรอก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจิตแพทย์จะงานหนักเหมือนพวกหมอแผนกอื่น ๆ ที่คนไข้เข้าบ่อย ๆ หรือไม่ แต่ขึ้นชื่อว่าหมอ มันคงไม่สบายนักหรอก

      
            หลังจากกินข้าวที่แม่ใจดีทำไว้ให้ก่อนไปเสร็จก็นั่ง ๆ นอน ๆ อย่างเบื่อหน่ายจนเคลิ้มหลับไป รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่หูแว่วได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังพร้อมกับเสียงกริ่งหน้าบ้าน กันต์งัวเงียลุกขึ้นมานั่งปรับจูนตัวเองอยู่สักพักก่อนจะกวาดสายตามองหาโทรศัพท์ที่หลุดมือไปตอนเผลอหลับ


ออดดด

      
            แต่เสียงกริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้นอีกครั้งทำให้คนเพิ่งตื่นล้มเลิกการหาโทรศัพท์ตัวเองที่เดาว่าน่าจะหล่นไปใต้โซฟา ลุกขึ้นมองผ่านหน้าต่างบ้านไปก็พบแสงที่สว่างจ้าสะท้อนกลับมาเสียจนมองคนข้างนอกไม่เห็น

      
            “พี่แทน”

      
            “ทำอะไรอยู่พี่นึกว่าเป็นอะไรไป เกือบจะปีนบ้านแล้วเนี่ย” คนโตกว่าขมวดคิ้วหน้ายุ่งมือหนึ่งเกาะขอบประตูรั้วอีกมือหนึ่งถือโทรศัพท์ ทำเอากันต์เดาได้เลยว่าสายเรียกเข้าก็คงไม่พ้นคนตรงหน้านี้

      
            “ขอโทษครับ กันต์หลับอ่ะ เลิกงานแล้วเหรอ”

      
            “ครับ เสร็จก็รีบมาเลย” แม้จะเป็นการพูดเสียงเรียบเฉยอย่างปกติของพี่เขา แต่ก็ทำให้หน้าร้อนวูบวาบได้เพียงเพราะสายตาที่จับจ้องมา

      
            “แดดร้อน เข้าบ้านก่อนเถอะ” กันต์ทำพูดเฉไฉก่อนเปิดประตูพลางถอยให้คนเป็นพี่ไปเคลื่อนรถเข้ามาจอดข้างในแล้วเดินนำเข้าไปในบ้าน กันต์ปล่อยให้แขกนั่งรอที่โซฟาส่วนตัวเองก็เดินเข้าไปเอาน้ำมาให้

      
            เป็นครั้งแรกที่แทนคุณได้เข้ามาภายในบ้านหลังนี้ บ้านสองชั้นขนาดกลางตกแต่งอย่างเรียบง่าย ร่างสูงใหญ่ไม่ได้นั่งอยู่กับที่ ผุดลุกขึ้นยืนเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นกรอบรูปหลายอันวางเรียงกันอยู่บนตู้โชว์ไม่ไกล ไล่มองตั้งแต่รูปแรกจนรูปสุดท้าย ก่อนจะพบว่าเราต่างรู้เรื่องกันและกันน้อยเหลือเกิน เพราะเพียงแค่ต่างฝ่ายต่างมีพี่น้องก็เพิ่งรู้ เราคุยกันทุกวันแต่เหมือนคุยกันน้อยเกินไป

      
            “น้ำครับ” แทนคุณหันกลับไปมองน้องที่ถือน้ำผลไม้เย็น ๆ ยื่นมาให้ เขารับไว้ก่อนจะยกขึ้นดื่มพลางมองคนตัวเล็กกว่าพร้อมกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างในหัว

      
            “กันต์บอกว่าแม่กับพ่อไปต่างประเทศ ต้องอยู่คนเดียวเป็นอาทิตย์ใช่ไหม”

      
            “ครับ”

      
            “งั้นระหว่างนี้ไปอยู่กับพี่นะ”

      
            “ฮะ พี่หมายถึง?”

      
            “โทรหาแม่สิ ถ้าท่านไม่อนุญาตเดี๋ยวพี่คุยให้ก็ได้” แทนคุณบอกต่อทันทีไม่ยอมให้ค้าน มองคนเด็กกว่าด้วยสายตาเร่งรัดพลางพยักเพยิดให้หยิบโทรศัพท์ กันต์ที่ยังคงจับอารมณ์ไม่ทันก็ได้แต่กดโทรหาแม่ด้วยความมึนงง แต่เมื่อแม่รับสายกลับเป็นแทนคุณเองที่ฉวยโทรศัพท์มาคุยเอง

      
            “สวัสดีครับคุณน้า” กันต์ได้ยินเพียงแค่นั้นเพราะพี่เขาเดินหนีไปคุยหน้าบ้านแถมยังส่งสายตาไม่ให้เขาตามมาอีกด้วย

      
            อะไรกันล่ะเนี่ย คุยกับแม่เขาแต่ไม่ให้เขารู้ จะแอบคุยอะไรกัน มันมีอะไรที่เขารู้ไม่ได้หรือไงกันเล่า

      
            “ไปเก็บของครับ คุณแม่อนุญาตแล้ว”

      
            เดี๋ยวก่อนนะ ก่อนออกไปเขาว่าเขาได้ยินว่าพี่ยังเรียกว่าคุณน้าอยู่เลย อยู่ ๆ มาเรียกแม่แล้ว

      
            “พี่คุยอะไรกับแม่”

      
            “ก็แนะนำตัวแล้วก็ขออนุญาตให้เราไปอยู่กับพี่จนกว่าแม่จะกลับ” แทนคุณตอบอย่างไม่ยี่หระ ทำเป็นไม่เห็นสายตาใคร่รู้ของคนน้อง ใช้มือใหญ่ ๆ ของตัวเองดันหลังให้กันต์ขึ้นไปด้านบน น้องหันหลังมามองอีกครั้งแต่เขาทำเพียงแค่ส่งยิ้ม เจ้ากระต่ายก็เลยได้ฟึดฟัดกับตัวเองแล้วเดินหายขึ้นไปชั้นบนส่วนเขาก็นั่งรออยู่ที่เดิม


ไอ้ดิม ๆๆๆ : Punnakann


Dimm : อะไร


บ้านกูไม่มีคนอยู่ใช่ปะ : Punnakann
พี่แทนมาหา แล้วโทรขอแม่กูให้กูไปอยู่กับเขาจนกว่าแม่กูจะกลับ : Punnakann


Dimm : โอ้โหพี่แม่งไวสัด
Dimm : แต่ก็ดีแล้วนี่ มึงจะได้ไม่บ่นเหงา


แต่กูเขิน นี่นั่งตัวแข็งอยู่บนรถ : Punnakann


Dimm : เดี๋ยวพอถึงห้องเขาอย่างอื่นก็แข็งแทน
Dimm : ครั้งแรกมันอาจจะเจ็บหน่อย แต่ต่อไปมึงก็จะชินเอง
Dimm : โชคดีเพื่อนรัก


ไอ้เหี้ยดิม! : Punnakann
กูแค่ไปนอนเฉย ๆ : Punnakann
มึง! : Punnakann
ไอ้ดิม! อยู่เป็นเพื่อนกูก่อน : Punnakann
ไอ้เพื่อนเหี๊ยยยย : Punnakann

      
            กันต์กระแทกมือใส่แป้นพิมพ์อย่างหัวเสีย ถึงจะเคยมีคนรักมามากมาย เคยจูบ เคยกอด แต่ถ้าขั้นนั้นเขายังไม่เคย บ่าแคบแข็งเกร็งด้วยความประหม่า รู้สึกว่าอุณหภูมิในรถมันเย็นกว่าทุกที

      
            และท่าทางแบบนั้นก็ไม่พ้นสายตาของแทนคุณที่แอบเหลือบมองอีกฝ่ายพลางยิ้มขำ เมื่อมือทั้งสองข้างของกันต์กำโทรศัพท์แน่น เอาแต่มองไปนอกกระจกยังไม่ยอมหันมามองเขาเลยตั้งแต่ขึ้นรถ ซึ่งกันต์รู้หรือเปล่าว่ากระจกมันสะท้อนทำให้แทนคุณเห็นอีกฝ่ายกำลังเม้มปาก สายตาลอกแลกดูประหม่าชอบกล

      
            “หิวไหม”

      
            “ไม่ครับ พี่หิวเหรอ” ถ้าเรื่องปากท้องกันต์จะไม่เคยละเลยหรือทำเมินเฉยสักครั้ง นั่นจึงทำให้แทนคุณเลือกที่จะพูดถึงประเด็นนี้ขึ้นมา

      
            “ไม่ครับ พี่กินจากโรง’บาลมาแล้ว งั้นพี่ไปคอนโดเลยนะ ง่วงจะแย่”

      
            “เดี๋ยวผม เอ่อ เดี๋ยวกันต์ขับให้ไหม” กันต์รีบเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองทันทีเมื่อถูกพี่เขาหรี่ตามองดุ

      
            “ไม่เป็นไร ใกล้ถึงแล้วล่ะ”

      
            ใช้เวลาไม่นานก็มายืนหน้ามึนกลางห้องคอนโดของพี่เขา หมุนซ้ายหมุนขวาอย่างไม่รู้จะทำตัวอย่างไร มันเขินแปลก ๆ มองพี่เขาเดินเอาข้าวของไปเก็บในห้องหนึ่งที่เดาว่าน่าจะเป็นห้องนอน ก่อนจะเดินมากอดอกมองเขาพร้อมยังเลิกคิ้วขึ้นด้วย

      
            “อะ อะไรครับ”

      
            “เรานั่นแหละเป็นอะไรทำไมยืนตัวแข็งขนาดนั้น กลัวพี่เหรอ?”

      
            “เปล่า เปล่าสักหน่อย” กันต์ทำตีมึนปฏิเสธรีบนิ่งลงบนโซฟากลางห้องนั่งเล่นท่ามกลางเสียงกลั้วหัวเราะของพี่เขา

      
            นั่งทำใจให้ตัวเองสงบอยู่ได้ไม่ถึงสองนาที ร่างสูงใหญ่ของพี่เขาก็เดินมานั่งข้าง ๆ ชิดเสียจนไหล่กระทบไหล่ทำเอาคนถูกเบียดเผยหน้าตาเลิกลัก พยายามจะขยับออกแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อแขนยาวของคนด้านข้างกวาดโอบรอบเอวเขาไว้เสียแน่น

      
            “อะไรของพี่เนี่ย”

      
            “คิดถึง”

      
            แทนคุณไม่ว่าเปล่ายังโน้มตัวมาจนคนน้องต้องเอนตัวไปด้านหลังจนอกแอ่นขึ้นมาชิดกัน แต่นั่นก็ไม่ทำให้คนนึกอยากแกล้งสำนึกว่ากำลังทำให้หัวใจใครเดือดร้อน ยังคงโน้มหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกของเราแตะกัน ใกล้ขนาดที่แลกเปลี่ยนลมหายใจเดียวกัน

      
            “พ พี่แทน ถอยไปหน่อยก็ได้มั้งครับ”

      
            “ก็พี่คิดถึง”

      
            “ร รู้แล้ว” กันต์ไม่กล้าแม้แต่จะมองตา มองหน้าคนเหนือร่างตัวเองเลยสักนิดเดียว ได้แต่ทิ้งสายตาไว้ที่กำแพง กลัวเหลือเกินว่าถ้าสบตาหัวใจที่อยู่ภายใต้อกข้างซ้ายจะกระเด้งกระดอนออกมา
   
      
            “รู้แล้ว แล้วยังไงครับ” แทนคุณใช้เสียงโทนที่มักใช้พูดให้คนไข้ยอมพูดเรื่องที่อยู่ในใจ และแม้ว่าคนตรงหน้าจะไม่ใช่คนไข้ของเขา แต่แทนคุณก็เชื่อว่ายังไงก็ใช้ได้เพราะแววตาสั่นระริกของกันต์เป็นคำตอบ

      
            “อื้อ ๆ คิดถึง ฮื่อ ถอยได้แล้วพี่แทน” คนตัวเล็กกว่าใช้แรงทั้งหมดดันคนขี้แกล้งตรงหน้าที่ยิ้มชอบใจออกจากตัวเอง แทนคุณยอมถอยออกมาทว่ากลับไม่ยอมผละไปไหนไม่ยอมให้กอดก็จะไม่กอด

      
            “พี่แทน!” กันต์เผลอแหวเสียงลั่นด้วยความตกใจเมื่อหัวของคนตัวโตกว่าทิ้งลงบนหน้าตักของตัวเอง นับเป็นครั้งแรกที่เราแตะเนื้อต้องตัวกันมากขนาดนี้และความไม่ชินทำให้เจ้าของตักนั่งเกร็งแขน เกร็งขา

      
            “เหนื่อยจังเลยครับ”

      
            เสียงทุ้มรวมถึงใบหน้าฉายแววอ่อนล้าจนกันต์พยายามผ่อนคลายตัวเองให้มากที่สุด ดวงตาคมที่มักชอบใช้มองกันต์อย่างทะลุปรุโปร่งตอนนี้กลับหลับพริ้มอีกทั้งลมหายใจก็ผ่อนเข้าออกสม่ำเสมอ ทำให้เจ้าของตักยอมใช้ตัวเองเป็นเบาะมนุษย์นอนหนุน

      
            กันต์มองคนบนตักตัวเองด้วยความรู้สึกที่หลากหลายเพราะอะไรหลายอย่างตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่กันต์อยากทำกับคนรักของตัวเองมาตลอดและบางอย่างก็ไม่เคยได้รับจากคนรักคนไหน

      
            ไม่เคยมีใครใจเย็นกับความงี่เง่าของกันต์ ไม่เคยมีใครพยายามเข้าใจกันต์ ไม่เคยมีใครยอมพักพิงมาที่กันต์เมื่อเหนื่อยล้า

      
            ทว่ากลับคน ๆ นี้แม้จะเข้าหากันเพราะความเป็นคู่ชีวิต แต่พี่เขาก็ทำให้กันต์ได้รับรู้ถึงความใส่ใจที่พยายามแสดงให้กันต์ได้สัมผัสมันตลอด

      
            อาจจะเป็นเวลาเพียงระยะสั้นกันต์ก็ไม่รีบที่จะด่วนตัดสินใจอะไร ความสัมพันธ์ไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ตัวเองทั้งนั้น และเราทั้งคู่ยังมีอะไรหลายอย่างที่ต้องปรับจูนกันอีกมาก แต่กันต์ก็หวังว่า ตัวเองจะมีความสุขกับการเลือกอยู่กับความรักมากกว่าการทนอยู่เพราะต้องมีชีวิต

      
            เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นไม่ใครคงต้องทรมานกันไปข้าง
      
      
            นั่งให้พี่เขาหนุนหัวอยู่อย่างลืมเวลาจนความปวดร้าวมาเยือน กันต์พยายามขยับตัวให้ช้าและเบาที่สุดก่อนจะนำหมอนสอดใต้ศีรษะแทนหน้าตักของตัวเอง ลุกขึ้นขยับร่างกายเพื่อคลายกล้ามเนื้อด้วยใบหน้าเหยเก

      
            เพราะตะวันใกล้ตกดินแล้วกันต์เลยพาตัวเองเข้าไปสำรวจส่วนครัวของเจ้าของห้องที่ขออนุญาตแล้วด้วยการกระซิบบอกข้างหู เปิดตู้เย็นดูของสดต่าง ๆ และพบว่ายังพอมีหลงเหลืออยู่บ้างแม้จะน้อยนิดก็ตาม

      
            กันต์หันกลับไปมองเจ้าของห้องที่พ่วงตำแหน่งคู่ชีวิตสลับกับตู้เย็นด้วยความครุ่นคิด ก่อนจะถอนหายใจพลางพยักหน้ากับตัวเองเพื่อเรียกกำลังใจ นอกเหนือจากความหิวส่วนตัวกันต์ก็อยากเอาใจอีกฝ่าย

      
            ร่างโปร่งหันหาผ้ากันเปื้อนพอได้มาก็เริ่มจากการหุงข้าวที่เหลือพอดิบพอดีกับมื้อนี้ ก่อนจะเริ่มเตรียมวัตถุดิบอย่างอื่นที่หลงเหลือในตู้เย็น มองดูแล้วคงได้กะเพราสักจานกับไข่เจียว คนไม่มั่นใจในฝีมือทำอาหารของตัวเองเม้มปากน้อย ๆ แม้จะเป็นแค่การผัดกะเพราก็ตามที

      
            “เอาวะ”

      
            กันต์กดเปิดเครื่องดูดควันก่อนจะจมจ่อมไปกับอาหารตรงหน้าจนไม่ได้ใส่ใจอะไรรอบกาย ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงคนเดินมาหยุดยืนด้านหลัง

      
            “ช เชี่ย พี่! ตกใจหมด!”

      
            “ทำอะไรกินครับ” แทนคุณที่แหย่จนได้เห็นหน้ากระต่ายตกใจก็อารมณ์ดีเดินเข้ามายืนซ้อนหลังน้องพลางชะโงกข้ามไหล่ไปมองอาหารในกระทะ

      
            “มีแค่กะเพราหมูสับกับไข่เจียวนะครับ ของสดในห้องพี่มีแค่นี้อ่ะ”

      
            กระต่ายร่างโปร่งแต่สัดส่วนไม่ได้ผอมบางอย่างที่คิดหลังจากถูกรัดด้วยสายผ้ากันเปื้อนรอบเอวเผยให้เห็นรอบเอวและสะโพกที่ผายออก ทำเอาคนที่ถอยกลับมายืนมองข้างหลังเผลอคิดดีด้วยไม่ได้จนทำให้ไม่ทันได้ฟังว่าน้องพูดอะไร

      
            “พี่แทน?” คนถูกมองไม่ได้รู้ตัวเลยพอไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากคู่สนทนาก็หันกลับมามอง แต่แทนคุณก็เรียกสติตัวเองกลับมาทัน

      
            “ว่าอะไรนะ?”

      
            “เหม่ออะไรเนี่ย กันต์บอกว่ามีแค่กะเพราหมูสับกับไข่เจียวนะเพราะของสดในห้องพี่มีแค่นี้”

      
            “อ้อ ไม่เป็นไร พี่กินได้หมดแหละ กินกระต่ายยังได้เลย” ท้ายเสียงแผ่วลงเพื่อไม่ให้คนตรงหน้าได้ยิน

      
            “ฮะ ว่าไงนะ”

      
            “เปล่าครับ งั้นเดี๋ยวพี่ตักข้าวรอนะ”

      
            กันต์มองคนตรงข้ามที่กำลังจะตักอาหารเข้าปากด้วยสายตาลุ้น ๆ จนคนถูกมองกลั้วหัวเราะเพราะตอนนี้น้องกำลังทำหน้าเหมือนกระต่ายกำลังรอให้เจ้าของได้ลูบหัวและชมมัน

      
            “อร่อยดีครับ”

      
            หลังจากได้คำชมอย่างพอใจ ต่างคนก็ต่างกินอย่างเงียบ ๆ เราไม่ได้พูดคุยอะไรมากนัก มีเพียงแค่ถามไถ่เรื่องงานเรื่องเรียนของกันและกันเล็กน้อยพอให้มื้ออาหารนี้ไม่เงียบจนเกินไป

      
            “พี่แทน”

      
            “หืม”

      
            “วันนั้นที่กันต์ไปหาพี่ที่โรง’บาล วันที่นั่งรอพี่ถึงมืดอ่ะจำได้ไหม”

      
            “ครับ มีอะไรเหรอ หรืออยากรู้อะไรอีกหรือเปล่า”

      
            “เปล่า ๆ คือกันต์เจอพี่แทนรักน่ะ พี่เขาก็เข้ามาชวนคุยแล้วก็ชวนไปงานวันเกิด เอ่อ คุณนิลิน แล้วเห็นพี่รักบอกว่าพี่ไม่ค่อยได้ไปเจอเพื่อนด้วย ไปกันไหมครับ” ไม่ใช่กันต์ไม่รู้สึกว่าระหว่างฝาแฝดสองคนนี้มีอะไรบางอย่าง แต่กันต์ก็อยากให้พี่เขาไปพักผ่อนจากงาน ไปเจอเพื่อนฝูงบ้าง

      
            “เราอยากไปเหรอ”

      
            “กันต์แค่เห็นพี่ทำงานหนักน่ะครับเลยอยากให้พี่ไปผ่อนคลายกับพวกเพื่อน ๆ บ้าง แต่ถ้าพี่ไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรครับ กันต์แค่คิดว่าพี่รักออกปากขอมาให้ช่วยก็เลยลองมาถามพี่ดู”

      
            แทนคุณฟังแล้วเงียบไปเล็กน้อย ส่วนคนเด็กกว่าที่นั่งรอคำตอบก็มองด้วยแววตาใคร่รู้แต่เพราะเป็นเรื่องราวในครอบครัวจึงไม่คิดซักถามให้ลำบากใจเหมือนเรื่องอื่น ๆ ถ้าเมื่อไรอีกฝ่ายสะดวกใจอยากเล่าเมื่อนั้นกันต์ก็จะเป็นผู้ฟังที่ดี

      
            “ก็เอาสิ ถือว่าพาเราไปแนะนำให้พวกเพื่อนพี่รู้จักด้วย”

      
            “เอ่อ” มันใช่จุดประสงค์ที่ไหนกันเล่า กันต์ล่ะอยากจะบ่นนัก แต่พอเห็นแววตาพี่เขากลับมาเป็นประกายก็ยอมโดนหยอดหน่อยก็ได้

      
            “ก็แฟนพี่ทั้งคน ต้องพาไปโชว์ตัวหน่อยสิ”

      
            “แฟนเฟินอะไรกัน ขี้ตู่นะเราอ่ะ” คนถูกเย้าหน้าขึ้นสีแดงอย่างห้ามไม่อยู่ รีบเก็บจานเดินหนีกลับเข้าครัวไปอีกครั้งโดยมีเสียงหัวเราะและประโยคแกล้งไล่ตามหลังมา

      
            “งั้นเป็นเมียเลยเอาไหม”

      
            “พี่แทน! ทะลึ่ง! ฮึ่ย”








To be continued.
_____________________________________

TALK : พี่แทนนี่เอะอะจะหยอดจะแกล้งน้องอย่างเดียวเลยยย
เปรยไว้ว่าเป็นนิยายโรแมนติก ก็อยากให้เขามีซีนหวานกันบ้างง
และใช่ค่ะ เราก็เลยให้น้องไปอยู่กับพี่เขาซะ *ใส่พานให้ถึงที่*

มาช้าไปบ้าง เพราะอยากมาทีเดียว 100% ค่ะ
อย่าเพิ่งลืมกันนน ฮื่ออ

ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์ การรีวิวและติดแท็กในทวิตเตอร์นะคะ
เป็นกำลังใจชั้นดีของเราเลย ♡


#ครึ่งชีวิตของผม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2018 00:59:46 โดย 19august »

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
 จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ AmPnie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เดี๋ยวๆ  ประเด็นนิลินนี่จบแล้วเหรอคะ ทำไมง่ายๆ สั้นๆแบบนี้ เรายังรู้สึกว่ามันมีอะไรๆอยู่นะ รอค่ะมาต่อเร็วนะ

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
อะเฮ้ยยยยย สนุกอ่ัะ  :o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___

CHAPTER 08

I don't want anyone to take my place.








      
16 กุมภาพันธ์ 2xxx


            "วันนี้พี่สอนเซ็คกันต์ใช่ไหม” กันต์ปลดเข็มขัดนิรภัยพร้อมกับถามสารถีวันนี้โดยไม่กล้าสบตา

      
            ความจริงแล้วตั้งแต่ตื่นมากันต์แทบจะไม่สบตาพี่เขาเลยด้วยซ้ำเพราะความเขินอายจากเมื่อคืนที่รั้นจะนอนโซฟา เกือบตีกันเสียแล้วแต่สุดท้ายพี่เขาก็ยอมให้คนดื้อนอนโซฟาแม้ตื่นมาแล้วพบว่าบนโซฟาที่นอนอยู่มีเจ้าของห้องมานอนซ้อนหลังและกอดตัวเขาเองไว้แน่น

      
            แล้วพอเขาบ่นก็ยังทำพูดหน้าตาเฉยว่า “ก็กันต์อยากนอนโซฟาพี่ก็ให้นอนแล้วไงครับ พี่ผิดอะไร” พูดจบก็เดินเข้าห้องน้ำไปแต่อย่าคิดว่ากันต์มองไม่เห็นสายตาเป็นประกายกับรอยยิ้มที่ติดมุมปากพี่เขา ร้ายจริง ๆ คนนี้


            “เราจะรอพี่กินข้าวกลางวันไหม” เสียงพูดของแทนคุณฉุดให้ความคิดของกันต์กลับมาที่ปัจจุบัน

      
            “อย่าดีกว่าครับ กันต์ไม่อยากให้ใครมามองอ่ะ” กันต์รีบปฏิเสธทันควันถ้ารอไปกินข้าวกลางวันพร้อมกันคงได้เป็นประเด็นแน่นอนแม้จะให้เหตุผลว่าเป็นคู่กันก็ตามที แต่คนมีปากก็มักจะพูดกันไปเรื่อยอยู่แล้วเขาไม่อยากตกเป็นขี้ปากของใคร ซึ่งแทนคุณก็เข้าใจน้องดีจึงพยักหน้ารับอย่างไม่ตื้อให้มากความ

      
            “ตั้งใจเรียนนะ” ฝ่ามือหนาของแทนคุณลูบเบา ๆ ข้างแก้มกระต่ายของตัวเอง แม้วันนี้ช่วงบ่ายแทนคุณต้องมาเป็นอาจารย์พิเศษแต่ก็ต้องไปทำหน้าที่หลักของตัวเองเสียก่อน
      
      
            “ขับรถดี ๆ นะครับ”

      
            คลาสเรียนวันนี้ไม่ได้ถือว่าหนักหน่วงเท่าไรนักเพราะเป็นวิชา Fashion Photography เป็นอีกหนึ่งวิชาที่แสนชิลอาจารย์จะเพียงสอนเทคนิคการถ่ายภาพแฟชั่นต่าง ๆ และลองให้เราได้ฝึกปฏิบัติกัน ซึ่งอาจารย์ก็พาแบบมาให้เราได้ลองฝึกมือกัน นักเรียนกว่ายี่สิบชีวิตจึงพากันออกไปที่ลานกว้างตามคำสั่งอาจารย์เพื่อพบกับแบบที่ตัวเองต้องถ่ายภาพให้

      
            “มึง”

      
            เสียงเรียกของดิมไม่เข้าโสตประสาทเลยสักนิดเมื่อสายตามองไปยังแบบ 1 ใน 3 คนของอาจารย์ เราสบตากันเพียงแวบเดียวเท่านั้นก่อนจะต่างฝ่ายต่างตกใจ กันต์รู้สึกชาตั้งแต่หัวจรดเท้าพร้อมกับก้อนเนื้อในอกเต้นรัวและเจ้าของร่างกายที่กำลังแปรปรวนอยู่นี้สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติไป

      
            “ไอ้กันต์!”
   
      
            “ฮ ฮะ มึงว่าไงนะ”

      
            “กูเรียกมึงตั้งนานแล้วมัวแต่มองแบบอยู่นั่นแหละ ‘จารย์ให้เริ่มถ่ายแล้ว long shot 2 medium shot 2 แล้วก็ medium close up 2 มึงจะเอาแบบคนไหนก็ไปต่อคิวเลย” ดิมหันมาอธิบายโจทย์ที่อาจารย์มอบให้เพื่อนสนิทที่ยังยืนแข็งทื่อฟัง

      
            “มึงเข้าใจไหมเนี่ย” ดิมต้องกระตุ้นอีกครั้งเมื่อยังเห็นเพื่อนยืนนิ่ง คิ้วขมวด มาอีหรอบนี้สงสัยจะมีอะไรในใจอีกแน่นอนแต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาซักถาม

      
            “อ เออ ๆ” กันต์ตอบรับก่อนที่เดินแยกไปดูคิวของแบบทั้งสามที่กำลังถูกรุมถ่ายรูปอยู่ เขายังหาจังหวะหามุมให้ตัวเองไม่ได้จึงได้แต่เดินวนไปรอบ ๆ กลุ่มคน

      
            “นี่ ๆ” คนถูกสะกิดหันไปตามเสียงเรียก ฉับพลันมือที่ถือกล้องอยู่ก็แข็งเกร็งอีกครั้งเมื่อเห็นว่าคนที่มาเรียกคือแบบคนหนึ่ง

      
            “ค ครับ”

      
            “ยังไม่ได้ถ่ายเลยใช่ไหม พอดีเราเห็นนายเดินไปเดินมาน่ะ”

      
            “อ่า ครับ”

      
            “งั้นถ่ายเราไหม คิวว่างพอดีเลย” คนตรงหน้าพูดเสียงใสพร้อมกับรอยยิ้มที่สว่างจ้าเสียจนกันต์รู้สึกเหมือนจะแสบตา คน ๆ นึงจะสามารถสดใสอะไรได้ขนาดนี้เลยหรือไงกัน ก่อนจะตอบรับก็กวาดสายตามองไปรอบด้านก็เห็นว่าเพื่อนในคลาสบางคนเดินแยกย้ายกันไปแล้ว คงจะทยอยถ่ายเสร็จกันไปหลายคน

      
            “ครับ รบกวนด้วย”

      
            กันต์พูดพลางเดินถอยห่างจากอีกฝ่ายเพื่อให้พื้นที่ในการโพสต์ท่าให้เขาถ่าย ทุกครั้งที่สบตากันผ่านเลนส์ใจมันกระตุกแปลก ๆ ทุกครั้ง และรู้สึกว่าเลขบนอกอยู่ ๆ เจ็บจี๊ดขึ้นมา กันต์ถ่ายภาพไปก็ขมวดคิ้วไปอย่างไม่เข้าใจอาการของตัวเองว่าเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก

      
            ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงก็ถ่ายเก็บครบทุกช็อตที่อาจารย์สั่ง บริเวณรอบข้างเหลือเพื่อนในคลาสเพียงไม่กี่คนหนึ่งในนั้นคือดิมที่นั่งรออยู่ไม่ไกล กันต์คล้องสายกล้องเข้ากับคอตัวเองก่อนจะหันไปโค้งเพื่อขอบคุณแบบที่ช่วยโพสต์อย่างเต็มที่แม้จะเป็นแค่การฝึกปฏิบัติเท่านั้น

      
            “ขอบคุณมากนะครับ”

      
            “ยินดีค่ะ เอ่อ เดี๋ยวค่ะ”

      
            “ครับ?”

      
            “นายชื่ออะไรเหรอ เราชื่อแพนนะ เดคฯ ปี 3 ค่ะ” กันต์มองคนตรงหน้าที่แนะนำตัวพร้อมกับยืนยิ้มกว้างเสียจนลมหายใจของเขาติดขัด เด็กเดคฯ ก็คือคนที่เรียน Decorative arts หรือมัณฑนศิลป์นั่นแหละ เป็นสาขาที่ห่างไกลกับตัวเขาเองมากเพราะตึกเราอยู่กันคนละฝากของสถาบัน

      
            “กันต์ครับ เอ่อ ถ้ายังไงขอตัวนะครับ” ไม่ได้อยากเสียมารยาทแต่ให้ยืนอยู่ต่อไปเขาต้องบ้าตายกับตัวเองแน่ ลาเสร็จก็รีบเดินกลับไปหาดิมที่นั่งรออยู่พร้อมกับทรุดลงนั่งด้วยอาการหมดแรง ใบหน้าขาวซีดเซียวและเหงื่อผุดขึ้นมาจนชื้น

      
            “เฮ้ย ทำไมหน้าซีด จะเป็นลมเหรอ ไหวปะเนี่ย”

      
            “เปล่า ๆ กูโอเค”

      
            “มึงเป็นอะไรบอกกูมา” กันต์ก้มลงมองกล้องตัวเองอีกนัยก็เพื่อหลบสายตาที่จ้องมาราวกับทะลุปรุโปร่ง เม้มปากเข้าหากันอย่างติดเป็นนิสัยเมื่อกำลังกังวลหรือใช้ความคิด

      
            “มึงว่า ... ”














      
            ตั้งแต่หมดคาบเช้าจวบจนกระทั่งเข้าคาบบ่าย อาการรวนของร่างกายก็ดีขึ้นทว่าอะไรบางอย่างที่มันตกตะกอนในอกกลับไม่ดีขึ้นเลย กันต์สับสนไปหมด ยิ่งนึกถึงคำตอบของเพื่อนตัวเองก็ยิ่งสับสนและเพราะมัวแต่เหม่อทำให้ไม่รู้เลยว่ากำลังทำให้อาจารย์พิเศษคาบบ่ายของตัวเองไม่สบายใจตามไปด้วย

      
            “ไอ้กันต์ ... กันต์!”

      
            ดิมกดเสียงเรียกเพื่อนจนเจ้าของชื่อสะดุ้งแล้วหันมามองด้วยสายตาเป็นคำถาม ดิมล่ะอยากจะดีดหน้ามันนักรู้ไหมเนี่ยว่าเป็นสาเหตุทำให้เพื่อนในห้องเรียนวันนี้เกร็งกับอาจารย์หมอจนแทบไม่กล้าขยับตัวหรือคุยกันอยู่แล้ว

      
            “มึงตั้งใจเรียนหน่อยดิ พี่แทนมองมึงหลายรอบแล้ว”

      
            “โทษที”

      
            กันต์พยายามตั้งสติตัวเองอีกครั้งภาพในหัวมันตีกลับเข้ามาคล้ายกับว่าเขาเคยเกิดอาการแบบนี้มาแล้ว แต่ก็นั่นแหละมันก็แค่เรื่องที่สันนิษฐานขึ้นมาอาจจะไม่จริงก็ได้ พอได้คิดแบบนั้นเขาก็สามารถเรียกตัวเองให้กลับมาสนใจคนตรงหน้าได้อีกครั้ง พร้อมกับยิ้มให้พี่เขาที่กำลังมองมาด้วยสายตาสงสัยปนเป็นห่วงอย่างแทบจะปิดไม่มิด ทำเอาเขินไม่น้อยเลยทีเดียว

      
            “รายงานชิ้นนี้ผมให้เวลาอาทิตย์เดียวนะครับ” เสียงโอดครวญดังมาจากนักศึกษาหลังจากที่ได้ยินระยะเวลาการทำงาน ก็นั่นแหละนะเรามันเป็นคนเรียนขอให้ได้บ่นสักหน่อยแต่สุดท้ายก็ต้องทำอยู่ดี

      
            “มันไม่ได้ยากมาก ผมแค่อยากให้คุณวิเคราะห์และแสดงความคิดเห็น เลิกคลาสได้ ขอบคุณครับ” แทนคุณยิ้มบางให้กับนักศึกษาในห้องเป็นการปิดท้าย หลายคนเริ่มทยอยออกจากห้องจนเหลือเพียงแค่แทนคุณ กันต์และดิมเท่านั้น

      
            “เป็นอะไรหรือเปล่า” แทนคุณอยากจะคว้าเด็กตรงหน้าเข้ามากอดแน่น ๆ แต่เพราะสถานที่และบทบาทยังค้ำคออยู่จึงไม่ได้ทำอย่างใจคิด ทำได้เพียงยืนเว้นระยะส่งเสียและสายตาเป็นห่วงไป

      
            “ฮื่อ เปล่าครับ กันต์แค่ง่วง เราไปกันเลยไหมครับ” คนโตกว่าถอนใจเหลือบมองเพื่อนสนิทของคู่ตัวเองที่ยืนส่ายหน้าพลางยักไหล่ให้จึงไม่เซ้าซี้เอาความอะไรต่อ

      
            “ครับ เราลงไปรอพี่ที่รถนะเดี๋ยวพี่ตามไป”

      
            กันต์แยกกับดิมแล้วเดินไปยืนรออยู่ข้าง ๆ รถของพี่เขา ในมือก็กดโทรศัพท์เล่นนั่นเล่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยฆ่าเวลาจนได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้จึงเงยหน้าขึ้น เมื่อขึ้นมาบนรถเรียบร้อยก็ตกลงกันว่าจะกลับไปคอนโดของพี่เขาก่อนแล้วค่อยไปงานเลี้ยงช่วงหัวค่ำ

      
            “งานมีกี่โมงเหรอพี่แทน” แทนคุณพยายามค้นความทรงจำเมื่อตอนที่กดเข้าไปอ่านในกรุ๊ปสนทนาของบรรดาเพื่อนสนิทที่ชักชวนกันไปงานวันเกิดแฟนของแฝดตัวเอง

      
            “เริ่มหกโมงมั้งนะ ... หิวไหม จะแวะกินอะไรรองท้องก่อนหรือเปล่า”

      
            “ไม่เป็นไรดีกว่า กันต์เหนียวตัวอยากกลับไปอาบน้ำ พี่แทนหิวหรือเปล่าครับ” คนถูกถามส่ายหน้าแทนคำตอบ

      
            งานเริ่มหกโมงเย็นแต่กว่ากันต์จะลากคนตัวโตที่อิดออดไม่ได้เต็มใจอยากไปเท่าไรออกจากคนโดนได้ก็ปาไปหกโมงกว่าแล้ว และกว่าจะถึงงานบรรดาพรรคพวกของเจ้าของงานก็เต็มพื้นที่ไปหมดเสียแล้ว กันต์ก็เพิ่งรู้ว่าสถานที่จัดงานคือบ้านหลังเล็กที่มีเจ้าของเป็นสองพี่น้องฝาแฝดโดยสร้างแยกออกมาจากหลังใหญ่ที่พ่อและแม่อยู่

      
            ถามว่ากันต์รู้ได้อย่างไร ก็จี้ถามเอาจากคนที่โอบเอวตัวเองอยู่ตอนนี้นั่นแหละ ดูท่าพี่เขาจะไม่ค่อยชอบกลับบ้านตัวเอง เห็นว่าตั้งแต่เข้าเรียนหมอก็ย้ายออกมาอยู่คอนโดคนเดียวตลอดมา

      
            “ทำหน้าดี ๆ สิครับ”

      
            “ครับ ๆ ว่าแต่เรานั่นแหละไปซื้อของขวัญมาจากไหน”

      
            “ก็กันต์รู้ว่าพี่ต้องไม่มีแน่ ๆ วันก่อนกันต์เลยไปซื้อมา ไม่รู้จะถูกใจคุณลินไหม”

      
            “ก็ช่างเขาสิ” แทนคุณยักไหล่อย่างไม่สนใจ ทำเอาคนเด็กกว่าส่ายหน้ากับอาการดื้อดึงของพี่เขาที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก

      
            เมื่อเดินเข้ามาถึงสวนขนาดย่อมด้านหน้าบ้าน เสียงฮือฮาและทักทายก็ดังขึ้นจนกันต์ตั้งตัวไม่ทัน เพราะคนที่เพื่อนฝูงไม่เห็นหน้ามานานวันนี้ก็มาปรากฏให้ได้เจอ คนถูกมองจึงยกยิ้มเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรมากไปกว่านั้น มือข้างนึงล้วงกระเป๋าอีกข้างก็โอบเอวน้องไว้แน่น

      
            “ไอ้แทนนนนนนน กูนึกว่าไอ้รักจะหลอกกู ไม่คิดว่ามึงจะมาจริง ๆ” ใครสักคนที่วิ่งเข้ามาหาพร้อมกับเสียงดังลั่นงาน ท่าทางจะสนิทกับพี่เขาไม่น้อยเพราะสามารถเข้ามาจับหมับเข้าที่ไหล่เจ้าตัวได้โดยที่ไม่โดนสะบัดออก

      
            “เว่อร์ละ”

      
            “เวอร์เหี้ยไรล่ะ ตอนไอ้รักบอกกูนึกว่ามันจะอำเล่น ไม่เจอหน้าเป็นชาตินึกว่าจะตายคาโรง’บาลไปแล้วไอ้เวร” เมื่อพี่คนนี้เข้ามาทักก็มีอีกคนเดินเข้ามาชนมือกับพี่เขา กันต์ที่พยายามขยับออกก็ทำไม่ได้ดั่งใจเมื่อเจ้าของมือใหญ่ไม่ยอมปล่อยจากเอว


            “แล้วนี่ ...” ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกลากเข้าบทสนทนาเมื่อใครสักคนเปรยขึ้นพร้อมกับลากสายตามองมาที่เขา กันต์ถึงกับทำตัวไม่ถูกเมื่อตกเป็นเป้าสายตา

      
            “นี่น้องกันต์ คู่กู” เท่านั้นแหละเสียงแซวดังขึ้นไม่หยุด แทนคุณยืนยิ้มมุมปากเมื่อเห็นใบหน้าของน้องแดงก่ำเพราะความเขินอาย อยากฟัดแก้มชะมัดแต่ก็ต้องห้ามใจไว้ถึงทำตอนนี้ต้องโดนเด็กงอนแน่

      
            “สวัสดีครับ” กันต์ทักทายคนโตกว่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างเก้ ๆ กัง ๆ

      
            “ไอ้แทน!” เสียงเรียกชื่อดังแหวกกระแสเสียงคนแซวเข้ามา เพื่อนที่ล้อมวงคุยกันอยู่เมื่อครู่ยอมแหวกให้ฝาแฝดเขาได้เจอหน้ากัน

      
            “เออ”

      
            “กูนึกว่ามึงจะเทซะแล้ว” ไม่ผิดที่แทนรักจะคิดเช่นนั้น เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแทนคุณแทบจะฝังตัวอยู่แต่ในโรงพยาบาลกับคอนโดตัวเอง แทบจะไม่ยอมไปตามนัดใด ๆ ของเพื่อนฝูงเลย อีกทั้งวันนี้ยังมาสายไปเกือบชั่วโมงอีก

      
            “ก็มาแล้วนี่ไง”

      
            “ขอบใจนะมึง ขอบใจเราด้วยนะกันต์ที่ลากมันมาได้ ขอบใจจริง ๆ ครับ” แทนรักยิ้มกว้าง


            “เอ่อ ... สุขสันต์วันเกิดนะครับคุณลิน” กันต์เหลือบมองหญิงสาวที่ยืนข้างพี่แทนรักอยู่นานจึงเอ่ยปากออกไปด้วยความสุภาพพร้อมกับยื่นกล่องของขวัญที่เตรียมมาให้ ทำเอาคนถูกเรียกไม่ทันตั้งตัวสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะละสายตาลากมองมาที่เด็กหนุ่มคุ้นตา

      
            “ขอบคุณนะคะ ได้เจอกันอีกแล้วนะคะ”

      
            “ครับ” กันต์โค้งหัวให้เล็กน้อย แม้ลึก ๆ จะมีประสบการณ์ความรู้สึกที่ไม่ดีกับผู้หญิงตรงหน้าแต่เพราะมารยาททางสังคมอีกทั้งพี่แทนรักที่ยืนยิ้มอยู่ก็ทำให้กันต์เลือกที่จะปล่อยความขุ่นมัวเก่า ๆ ทิ้งไป

      
            “มา ๆ เข้าไปข้างในดีกว่ามึง มา ๆ กันต์ที่พี่บอกจะเลี้ยงวันนี้ก็กินให้เต็มที่เลยนะ” แทนรักเดินนำแฝดและคู่ของแฝดตัวเองเข้าไปข้างใน โดยมีเพื่อน ๆ ตามมาเป็นขบวน

      
            แทนคุณถูกเพื่อนสนิทลากไปแต่เจ้าตัวดูไม่ค่อยอยากห่างจากน้องเท่าไรนัก ถ้าไม่ติดว่าน้องส่งสายตาให้ไปก็คงไม่ยอมถูกลากมาง่าย ๆ เช่นนี้ แม้จะเริ่มสนุกเมื่อได้เจอเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานแต่สายตาของแทนคุณก็แทบจะไม่ละไปจากร่างโปร่งที่กำลังยืนหยิบขนมพลางคุยกับแฝดตัวเอง

      
            ไม่ใช่ว่าหึงหวง แต่ห่วงต่างหาก

      
            “ละสายตาบ้างก็ได้ น้องเขาไม่หายไปไหนหรอก” ตรีหนึ่งในแก๊งเพื่อนสนิทของสองแฝดเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสายตาเพื่อนตัวเองไม่ละไปจากคู่เลยสักนิด

      
            “ก็มีให้มอง”

      
            “โห่”

      
            กันต์ปล่อยให้พี่เขาได้อยู่กับเพื่อนฝูงตัวเองอย่างตามใจ ส่วนตัวเองก็ปลีกตัวออกมานั่งอยู่ริมสวนบนโต๊ะมีทั้งจานของคาวของหวานวางเรียงรายด้วยฝีมือแฝดผู้น้องที่ขยันแนะนำและตักเสิร์ฟเพื่อเป็นการขอบคุณ

      
            “เอ่ออ ... กันต์ ... เรานั่งคนเดียวได้ไหม” แทนรักเอ่ยบอกคู่ชีวิตของแฝดผู้พี่ตัวเองด้วยความเกรงใจ แต่น้องกลับยิ้มพร้อมกับโบกไม้โบกมือเป็นเชิงว่าไม่ต้องห่วง

      
            เมื่อตรงนี้เหลือเพียงกันต์คนเดียว พออิ่มก็เริ่มเคว้งนิดหน่อยแต่ก็พอทนได้อยู่เมื่อเห็นพี่เขากำลังพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนอย่างสนุกสนาน กันต์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอบดิมไปพลางมองรอบงานไปพลาง คนไม่ได้เยอะมากมายขนาดนั้นเห็นว่าก็มีกลุ่มเพื่อนที่สนิทกันเท่านั้น แต่แค่สองกลุ่มใหญ่ กลุ่มนึงคือเพื่อนของคุณลิน เจ้าของงานกับอีกกลุ่มคือเพื่อนของฝาแฝด

      
            “เบื่อไหม ขอโทษนะครับ” แทนคุณผละออกจากเพื่อนเดินมาหาน้องที่นั่งจิ้มขนมกินเรื่อย ๆ ด้วยสีหน้าเฉยเมยจนเขาเกรงใจ

      
            “ขอโทษทำไมครับ”

      
            “ก็พี่ไม่ได้ดูแลเราเลย”

      
            “ฮื่อ ไม่เป็นไรเลย แล้วเป็นยังไงครับได้มาเจอเพื่อน”

      
            “อื้ม ก็ยังสนุกเหมือนเดิม ขอบคุณนะครับที่พาพี่มาไม่อย่างนั้นพี่คงไม่ได้เจอพวกมัน” แทนคุณนั่งลงตรงที่พักแขนพลางยกมือลูบหัวกระต่ายน้อยของตัวเองเบา ๆ เจ้าเด็กน้อยของเขาก็ยิ้มตาหยีให้เป็นการตอบแทนทำเอาเขาแทบอยากอุ้มน้องเดินเข้าบ้านเลยทีเดียว

      
            อันที่จริงตั้งแต่ไปพาน้องมาอยู่ด้วยกันก็ยิ่งทำให้ภูมิต้านทานของแทนคุณต่ำลงไปทุกที กันต์ของเขาน่ารักไปหมดทุกอย่างทั้งหน้าตา นิสัยใจคอ จนแทบอยากจะกลืนน้ำลายตัวเองที่เคยบอกไว้ว่าให้ค่อย ๆ ศึกษากัน อยากจะเป็นเจ้าของกระต่ายน้อย ได้ครอบครองน้องไว้แต่เพียงผู้เดียว ถึงแม้จะเป็นคู่กันแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังไม่สมบูรณ์นี่นา จะรอไปอีกหน่อยแล้วกัน ให้เวลาอีกสักนิดเดี๋ยวกระต่ายจะตื่นตูม

      
            “ยิ้มอะไรอ่ะ ไม่น่าไว้ใจเลย” เสียงของกันต์ดังขึ้นเรียกสติคนฟุ้งซ่านให้กลับมาอีกครั้งแล้วก็พบน้องกำลังมองพร้อมกับหรี่ตาอย่างจับผิด

      
            “ฮ่ะ ๆ ไม่น่าไว้ใจอะไรเล่า คิดมากนะหนูอ่ะ”    

      
            “บอกว่าอย่าเรียกหนูไงพี่แทน!” ปากสีระเรื่อยู่เมื่อถูกขัดใจ ทำเอาแทนคุณหัวเราะร่าเมื่อได้แกล้งน้องให้หงุดหงิดได้

      
            “เดี๋ยวพี่ไปเข้าห้องน้ำแป็บนึงนะแล้วจะพากลับ เราจะไปด้วยไหม”

      
            “ไม่ดีกว่า กันต์รออยู่นี่แหละ”

      
            แทนคุณพยักหน้าแล้วลุกเดินเข้าไปทางตัวบ้านเพื่อเข้าห้องน้ำ ด้านในบ้านยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง บรรยากาศภายในทำเอาคนที่ไม่ค่อยกลับบ้านก็อดคิดถึงไม่ได้ เมื่อครู่ก่อนจะเดินกลับไปหาน้อง เขาก็เดินไปบ้านใหญ่เพื่อทักทายพ่อและแม่เรียบร้อยแล้ว ก็โดนบ่นไปตามประสา

      
            ร่างสูงใหญ่ของลูกชายคนโตเดินมาหยุดอยู่ที่ตู้โชว์ที่ด้านในเรียงรายไปด้วยรูปของเขา แทนรักและพ่อแม่ รวมไปถึงรูปถ่ายกับกลุ่มเพื่อนสนิทในวันรับปริญญา ภาพอดีตต่าง ๆ ย้อนกลับเข้ามาเมื่อเห็นรูปหนึ่งที่วางอยู่ชั้นล่างสุดตรงกลางระหว่างรูปเดี่ยวของเขาและแทนรัก

      
            เสียงฝีเท้าจากใครสักคนเรียกสติของแทนคุณกลับมา พอจะเดาได้ว่าเป็นใครจึงเลี่ยงเดินเข้าห้องน้ำชั้นล่างใต้บันไดแทนการขึ้นไปใช้บนห้องของตัวเอง ใช้เวลาอยู่ในนั้นจัดการธุระเสร็จสิ้นไม่นานก็เดินออกมาแต่กลับพบคนที่พยายามหลีกเลี่ยงมากที่สุดยืนรออยู่

      
            “แทนคะ”

      
            “ครับ”

      
            พื้นที่ว่างใต้บันไดนั้นที่แคบอยู่แล้วยิ่งแคบมากขึ้นไปอีกเมื่อคนสองคนมายืนออกันอยู่เช่นนี้ แทนคุณพยายามใช้สายตามองเพื่อขอทางแต่อีกฝ่ายกลับทำไม่รู้ไม่เห็นยืนนิ่งไม่ยอมไปไหน

      
            “ทำไมต้องทำห่างเหินกันขนาดนี้ด้วยคะ แล้วงานวันนี้ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กคนนั้นแทนก็จะไม่มาอีกเหมือนกันใช่ไหม” เสียงหวานเอ่ยถามด้วยความสั่นเครือเจือความตัดพ้ออย่างเต็มที่ แทนคุณที่ได้ยินดังนั้นจึงระบายลมหายใจออกอย่างเหนื่อยหน่าย

      
            เขาเบื่อที่จะต้องพูดเรื่องซ้ำ ๆ กับคนเดิม ๆ

      
            “เราพูดทุกอย่างกันไปจบแล้วนะลิน และใช่ งานวันนี้ถ้าไม่ใช่น้องชวนก็ไม่มาอยู่แล้ว แต่ได้มาก็ดีเพราะผมมีโอกาสได้แนะนำน้องกับเพื่อนด้วย ขอบคุณแล้วกันนะครับที่ชวน” เขาไม่ได้สนใจคนตรงหน้ามากไปกว่าการอยากกลับไปนอนกอดเจ้ากระต่ายของตัวเอง จึงพยายามจะแทรกตัวออกมา

      
            “เดี๋ยวค่ะ! แทนทำแบบนี้ได้ยังไง ลินไม่ยอม”

      
            ทว่าก็หนีไม่พ้นเมื่ออีกคนออกแรงดันหลักร่างโต ๆ ของเขาจนกระแทกกำแพงอีกทั้งยังจับแขนเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แทนคุณพยายามดันมือคู่นั้นออกอย่างสุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะไม่อยากใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมรามือแม้แต่น้อยทั้งจับและจิกเล็บลงบนแขนเขา

      
            “ลินปล่อยผม” แทนคุณพยายามพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุดเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายอารมณ์กำลังพุ่งขึ้น หากเขายิ่งใส่อีกคนก็จะยิ่งร้อนมากขึ้นไปอีก

      
            “ฮึก ทำไมคะ ทำไมแทนต้องทำแบบนี้ ฮึก ทำเหมือนลินไม่มีค่า ทำ ฮึก ทำเหมือนเราไม่ได้รักกันแบบนี้ ฮือ” ไม่ใช่เพียงคำพูดตัดพ้อและหยาดน้ำตาเท่านั้นที่พรั่งพรูออกมา กายบางของนิลินก็โผเข้ากอดร่างสูงใหญ่ของแทนคุณแนบแน่นและแสนรัก

      
            “เพราะเราไม่ได้รักกันแล้วยังไงล่ะ ปล่อยผมได้แ—”

      
            “ไม่!!! ฮึก ไม่ ไม่ปล่อย ลินจะไม่ปล่อยแทนอีกแล้ว ฮือ อยู่กับลินนะ ฮึก อยู่ด้วยกันแบบเดิมไม่ได้เหรอแทน” ใบหน้าสวยที่เคยทำให้เขาใจเต้นแรงช้อนขึ้นมองพร้อมกับคราบน้ำตา แทนคุณถอนหายใจอย่างอึดอัดเต็มทีที่จะต้องพูดเรื่องเก่าซ้ำไปซ้ำมาให้กับคนที่ไม่แม้แต่จะยอมรับความเป็นจริง

      
            “อยู่แบบเดิมเหรอลิน?! แบบเดิมที่ผมต้องแอบรัก แอบอยู่กับคุณ หักหลังน้องชายตัวเองอย่างนั้นเหรอ ผมไม่อยากกลับไปทำตัวเลวแบบเดิมอีกแล้ว!” นิลินที่ได้ยินดังนั้นก็ราวกับได้ยินเสียงเส้นอารมณ์ของตัวเองขาดสะบั้น ผละออกมาพร้อมพูดทุกอย่างด้วยความโกรธไม่แพ้กัน

      
            “แทนคิดว่ารักไม่รู้เหรอคะ!! เหอะ รักเขารู้หมดแหละ!! เขารู้ว่าเรารักกัน แต่เพราะอีตัวเลขบ้า ๆๆ นี่มันทำให้ลินต้องติดอยู่กับน้องของแทนไง!!! ทำไมไม่สงสารกันบ้าง!”

      
            “ก็รู้นี่ว่าไอ้รักมันรู้! แล้วทำไมคุณยังคิดจะทำร้ายจิตใจมันอีก! มันรักคุณมาก คุณรู้บ้างไหม!”

      
            “แล้วลินรักแทนแค่ไหน รู้บ้างหรือเปล่าแทนคุณ!!!”

      
            ยิ่งพูดยิ่งกลายเป็นการนำอารมณ์มาโต้ตอบกัน เสียงของทั้งคู่ที่ตะโกนใส่กันดังจนแทบจะลั่นบ้าน โชคดีเหลือเกินที่ประตูปิดสนิทและด้านนอกเปิดเพลงเสียงดังเอาไว้ แต่แทนคุณก็ไม่อยากเสี่ยงให้ใครมาได้ยินเรื่องราวเลวทรามของตัวเองจึงพยายามสงบสติอารมณ์

      
            “เรารักกันไม่ได้ ไม่มีวัน และตอนนี้ผมก็ไม่ได้รักคุณ ... ไม่ได้รักอีกแล้ว”

      
            “ไม่จริง! ลินไม่เชื่อ เรารักกันมานานมาก แทนไม่มีทางลืมลินได้ง่าย ๆ เพียงเพราะไอ้เด็กนั่นเข้ามาหรอก”

      
            “เราเลิกกันไปหลายปีแล้วนะลิน คุณอย่ามาพยายามพูดอะไรให้มากความดีกว่า แล้วก็เลิกมาหาผมที่ห้องตรวจได้แล้ว ถ้าอยากปรึกษาอาการจริง ๆ ก็ไปหาคุณหมอวาริศเพราะผมย้ายคุณให้เขาไปแล้ว ผมหมดเรื่องที่จะพูดกับคุณแล้ว ขอตัว” แทนคุณดึงมือของหญิงสาวออกอย่างแรง ไม่แคร์อะไรอีกแล้ว เขาอยากจะไปจากตรงนี้เต็มที

      
            “ลิ—!!”

      
            แทนคุณถูกอีกคนกระชากมาจูบเป็นจูบที่เต็มไปด้วยอารมณ์และความรุนแรง เขาแขนทั้งสองข้างอีกคนออกแล้วผลักไปอย่างแรงจนกระเด็นไปชนกำแพง แต่อีกฝ่ายก็ไม่คิดยอมแพ้ลุกขึ้นมากอดเขาไว้แล้วพยายามจับมือของเขาไปลูบตามร่างกายตัวเอง รวมถึงพยายามซุกไซร้จนแทนคุณอารมณ์เสียเต็มที

      
            “ปล่อยผม!!”

      
            ไม่สนใจอีกแล้วว่าอีกฝ่ายจะบาดเจ็บหรือไม่กับแรงที่ผลักออกไป แต่แทนคุณรู้สึกไม่ดีเลยสักนิดและเรื่องวันนี้ทำให้เขาไม่สามารถมองอีกฝ่ายในแง่ดีได้อีกแล้ว

      
            ใช่ มันคงจะไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป








To be continued.
_____________________________________

TALK : ไอ้พี่แทนมึ้งงงงงงง!!!
เขียนไปอยากตีพี่แทนไป ฮึ่ย ๆ

ใครที่อยากเห็นอิพี่เป็นคนที่ทำให้เลขลด สมใจอยากแล้วว
ดูสิว่าจะลดไปถึงแค่ไหน หึหึ ;)

ตอนนี้มีสองประเด็นด้วยกันนะคะ มาแอบกระซิบไว้ก่อนกลัวมีใครเผลอตกหล่น
ส่วนตอนหน้ามาย้อนอดีตอิพี่มันหน่อยดีกว่า ดีมั้ยน้ออ

ฝากเป็นกำลังใจให้กันด้วยจ้า ♡


#ครึ่งชีวิตของผม



   
   

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
เหนื่อยใจกับชะนี

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AmPnie

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
เมื่อเช้าน้องเป็นไรอ่ะ เดาว่าเป็นคนที่รู้สึกว่าเป็นคู่ผู้หญิงเหรอเลยตกใจ กังวลใหญ่เลย 
อิพี่แทนนนนน แหมมมม นังนี่ลินนนนหน้าด้านนนน โอ้ยยอินน สงสารน้องถ้ารู้ความจริง

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
เธอก็จะเกินไปนะ จะเก็บทั่งคู่ไม่ยอมเสียอะไรเลยหรอ ประสาทละ ตรรกะเพี้ยนดีนะ

แล้วเมื่อเช้าน้องเป็นไร

...คิดว่าน้องจะมาเห็นฉากนี้มั้ย...

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
อู้หูวววววววว

สนุกมาก อ่านไประแวงไป ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ตอนที่น้องเจอแบบคนนั้นในคลาสเรียนทำไมถึงได้มีอาการแบบนั้นล่ะ น้องเป็นอะไร

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
แทนคงละอายที่ตัวเองืำแบบนั้นกับน้องสินะเลยไม่กล้าบอกความจริงไป เป็นไงทีนี้ สมน้ำหน้าา

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___
     
!! ตัวเอียงจะเป็นพาร์ทย้อนอดีตทั้งหมดค่ะ





CHAPTER 09

When your past calls, don't answer.
It has nothing new to say.








      
            อะไรก็ดูเหมือนไม่เป็นใจให้แทนคุณเสียเลย เพราะบางสิ่งบางอย่างที่แทนคุณพยายามทะนุถนอมไว้ด้วยสองมืออย่างเต็มที่กำลังบอบช้ำและแตกสลาย จนน่ากลัวว่าตัวเลขบนอกที่กำลังทำหน้าที่ของตัวเองอีกครั้งมันจะไปถึงปลายทางในไม่ช้า

      
            หลังจากแทนคุณเดินไปเข้าห้องน้ำด้านในของบ้าน กันต์ที่นั่งรออยู่เพียงครู่ก็ทำน้ำหวานกระฉอกใส่เสื้อตัวเอง จึงเดินตามหลังไว ๆ ของพี่เขาไปจนกระทั่งเข้ามายืนในบ้านหลังขนาดกลาง กันต์มองไปรอบบ้านเพื่อหาคนที่เข้ามาก่อนและห้องน้ำ ยืนหันซ้ายหันขวาอย่างไม่รู้จะไปตรงไหนไม่กล้าเดินไปมั่วซั่วด้วยความเกรงใจ ตัดสินใจจะหมุนตัวเดินออกไปข้างนอกเพื่อไปถามเจ้าของบ้านอีกคน

      
            ทว่ากลับได้ยินเสียงคนคุยมาจากด้านในของบ้านไม่ไกลจากที่ตัวเองยืนอยู่นัก คุ้นเสียงว่าน่าจะเป็นคนที่เขาเดินตามมาทำให้กันต์สาวเท้าเข้าไปใกล้บริเวณนั้น และได้เห็นเงาพาดผ่านผนังเป็นคนสองคนที่กำลังยื้อยุดฉุดกระฉากพร้อมกับเสียงโต้เถียงกันไปมาที่เหมือนจะดังขึ้นเรื่อย ๆ

      
            ใจความมากมายที่เขาได้ยินทำเอาสองขาแทบทรุดลงกับพื้น เจ็บแปรบในอกจนแทบทนไม่ไหว ร่างโปร่งคล้ายจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ถูกพยุงไว้ด้วยสองมือใหญ่ที่กำลังสั่นพร่าไม่ต่างกัน

      
            “พ พี่รัก” แทนรักก้มลงยิ้มบางเบาให้รุ่นน้องพลางลูบไหล่เพื่อปลอบโยนแม้จะแหลกสลายไม่ต่างกัน ไม่สิ อาจจะต่างอยู่เล็กน้อยตรงที่แทนรักต้องกล้ำกลืนฝืนทนเรื่องราวเหล่านี้มาหลายปี ปิดตา ปิดหู ทำราวกับไม่รู้ไม่เห็น

      
            เงาที่พาดผ่านฉายให้เห็นว่าคนทั้งสองกำลังทำอะไรกันอยู่บ้าง จนทำให้คนยืนมองต้องเบือนหน้าหนี จนเสียงตวาดลั่นของแทนคุณดังขึ้นทำให้แทนรักรีบพาน้องออกจากตรงนี้ไปด้านข้างของตัวบ้านเพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้า

      
            “พี่ทนได้ยังไง พี่ทนเรื่องพวกนี้ได้ยังไงกัน” กันต์เอ่ยถามคนที่หน้าเหมือนราวกับพิมพ์เดียวกันของคู่ตัวเองด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง คนทั้งสองยืนมองหน้ากันด้วยอารมณ์ความรู้สึกเดียวกัน

      
            “เพราะพี่เป็นคนมาทีหลัง ... เพราะเขาทั้งสองรักกันมาก่อนยังไงล่ะ”

      
            “พี่เลยต้องยอมอย่างนั้นเหรอ นี่มันบ้าชัด ๆ !” คนเด็กกว่าพูดด้วยความคุกรุ่นเต็มที ภายในหัวของกันต์ตอนนี้มันเต็มไปด้วยหลากหลายความรู้สึกทั้งเสียใจ ทั้งผิดหวัง ทั้งโกรธเคือง จนแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่

      
            “กันต์บอกพี่สิว่าพี่ต้องทำยังไง ในเมื่อพี่รักคู่ของตัวเองจริง ๆ แล้วดันมารู้ว่าเขารักกับพี่ชายตัวเองอยู่ก่อน แต่ถ้าให้เมินเฉยเราต่างก็ต้องตาย พี่ต้องทำยังไงเหรอกันต์” แทนรักพูดด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวเพราะอาการกลั้นสะอื้น ไม่ใช่ว่าไม่เจ็บ ไม่ใช่ว่าไม่รู้ แต่เพราะรู้อยู่เต็มอกและเข้าใจทุกอย่างดีถึงยังยอมทนอยู่แบบนี้


            “ผมขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะว่าพี่นะ”

      
            “เอาเถอะพี่เข้าใจว่ากันต์รู้สึกยังไง แต่ตอนนี้พวกเขาเลิกกันแล้วและไอ้แทนมันก็พยายามเลี่ยงที่สุดแล้ว พี่อยากให้เราฟังมันหน่อยแล้วกันนะ” กันต์ถอนหายใจหลังจากได้ฟัง จะให้พยายามเข้าใจหรือรับฟังอะไรในตอนนี้มันคงยากและแทนรักก็ดูจะเข้าใจรุ่นน้อง

      
            “พี่รู้ว่ามันต้องใช้เวลา กลับไหมเดี๋ยวพี่ไปส่งหรืออยากกลับกับไอ้แทน ตอนนี้มันน่าจะเดินหาเราให้ว่อนงานอยู่”

      
            “ผมรบกวนพี่รักได้ไหมครับ”

      
            “ได้ดิ งั้นรอพี่ตรงนี้แป็บนึงเดี๋ยวขอไปบอกให้เพื่อนช่วยดูงานให้ก่อน” คนอ่อนกว่าพยักหน้ารับและยืนมองท้องฟ้าที่มืดสนิท มืดจนไม่เห็นแม้แต่ดวงดาวสักดวง มันหม่นและมืดคล้ายกับจิตใจของเขาในตอนนี้

      
            กันต์ทรุดลงนั่งยองกับพื้นพิงหลังกับกำแพงอย่างอ่อนล้า จิตใจกำลังดำดิ่งอีกครั้งพร้อมกับตัวเลขที่ปั่นป่วนจนร่างกายทำท่าจะทรุดตาม เพราะไม่เคยมีเรื่องราวหนักหนาอะไรขนาดนี้และไม่เคยได้ศึกษาการรับมือเมื่อตัวเลขขยับอย่างรวดเร็ว จึงทำให้เขาไม่รู้ว่าต้องอย่างไรต่อไป

      
            มือเรียวขยุ้มอกตัวเองอย่างไร้หนทาง มันหน่วงในอกจนแทบไม่มีแรงจะคิดหรือจะทำอะไรต่อไป อยากระบายความอึดอัดข้างในออกมาแต่น้ำตากลับไม่ไหลสักหยด คำว่าน้ำตาตกในมันเป็นอย่างไรเขาเพิ่งเข้าใจมันในวันนี้นี่เอง

      
            ตลอดทางกลับบ้าแทนรักเล่าเรื่องอดีตที่ไม่อยากนึกถึงเท่าไรนักให้คนอ่อนวัยกว่าขอร้องอยากจะฟัง และตั้งแต่ฟังจนจบกันต์ก็ไม่ปริปากพูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว ยิ่งฟังก็ยิ่งสับสนภายในสมองเหมือนคิดวกวนไปมาราวกับอยู่ในเขาวงกต

      
            ไม่ปฏิเสธเลยสักนิดหากจะถามว่าเรื่องทั้งหมดทำให้เขามองคู่ของตัวเองเปลี่ยนไปหรือไม่ คนที่เขาเคยมองว่าอบอุ่นและจริงใจเสมอ กลับกลายเป็นใครบางคนที่ทำให้กันต์รู้สึกเหมือนว่าไม่เคยรู้จักกันเลยสักนิด

      
            “ขอบคุณมากนะครับพี่รัก ขอโทษด้วยนะครับที่รบกวน”

      
            “ไม่เป็นไรหรอกหน่า พักผ่อนนะกันต์เดี๋ยวพอเช้าวันใหม่ทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง” แทนรักเอ่ยบอกคนน้องด้วยความเอื้อเอ็นดู เพราะบททดสอบความเป็นผู้ใหญ่นั้นมาเร็วกว่าที่คิด เมื่อโตขึ้นสิ่งที่เราต้องทำให้ได้นั่นก็คือหลับไปพร้อมกับความผิดหวัง เพื่อตื่นขึ้นมาเผชิญหน้าและรับมือกับมัน

      
            “ครับ ขับรถกลับดี ๆ นะครับ” กันต์ยืนรอส่งจนกระทั่งรถยนต์คันสวยหายลับไปในความมืดก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อกดส่งข้อความหาเพื่อนสนิทตัวเอง

      
เปิดประตูให้กูที : Punnakann

      
            กันต์ยืนพิงร่างกับกำแพงบ้านของเพื่อนสนิท เขาไม่อยากกลับไปที่ห้องนั้นและคงไม่กลับไปที่บ้านให้ถูกตามตัวได้ง่าย ๆ ไม่รู้ว่าพี่แทนรักจัดการกับสถานการณ์ในงานอย่างไร ตอนถูกพาออกมาก็ออกมาทางหลังบ้านเพราะเขายังไม่อยากเจอหน้าอีกฝ่ายตอนนี้ ตอนที่อารมณ์ยังไม่มั่นคงและมันคงไม่กลับมามั่นคงได้ภายในเร็ววัน

      
            ข้อความถูกเปิดอ่านภายในไม่ถึงสองนาที ก่อนที่เสียงลากรองเท้าแตะจะดังขึ้นมากับร่างสูงโปร่งของเพื่อนสนิทตัวเองในชุดนอนพร้อมกับสีหน้าที่เคร่งขรึมและสายตาที่จับพิรุธ กันต์ไม่รู้ว่าแสดงสีหน้าอะไรออกไปถึงทำให้ดิมดูเครียดขึ้นมามากกว่าเดิม เพียงไม่ถึงสิบนาทีคนมาขออาศัยก็ถูกลากขึ้นมานั่งจ่อมอยู่บนเตียงเจ้าของบ้าน

      
            “กูขอนอนด้วยคนนะ”

      
            ดิมไม่ได้แปลกใจกับการที่กันต์จะมาขอนอนด้วยแต่มันแปลกใจตรงที่ว่าตอนนี้เฉียดเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว และสภาพเพื่อนตัวเองก็ดูราวกับเพิ่งไปไหนมาทั้งยังสีหน้าก็ย่ำแย่เต็มที ดิมไม่อยากกดดันหรือคาดคั้นอะไรจึงพยักเพยิดไปที่ห้องน้ำเป็นอันรู้กันว่าให้ไปอาบน้ำและมานอน

      
            ทั่วทั้งห้องปิดไฟจนมืดสนิทแต่ยิ่งมืดก็ยิ่งทำให้กันต์จมจ่อมไปกับความคิดตัวเองมากขึ้นเท่านั้น ย้อนนึกไปถึงเรื่องราวที่ได้รับรู้มาก็ได้แต่ถอดถอนลมหายใจอย่างเหนื่อยล้า ทุกอย่างมันวนไปวนมาในหัวสมองจนอย่างจะให้ร่างกายมีปุ่ม Shift + delete เสียอย่างนั้น แต่เพราะร่างกายไม่ใช่คอมพิวเตอร์เขาถึงยังนึกถึงมันอยู่ตลอดเวลาราวกับหนังที่ถูกฉายซ้ำไปซ้ำมาที่ตอนเดิม ๆ




            “ผมอยากรู้เรื่องราวทั้งหมด พี่ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ” กันต์ก้มลงมองมือทั้งสองข้างของตัวเองที่กำแน่นจนซีดขาว กลั้นใจถามออกมาเพราะทนความอึดอัดกับการไม่รู้ไม่ไหว


            “ได้ยินจากปากไอ้แทนเองไม่ดีกว่าเหรอ”

      
            “ผมจะฟังจากเขาแน่ แต่ผมก็อยากฟังจากพี่ด้วย ... ขอร้องนะครับ”

      
            แทนรักมองคนเด็กกว่าที่หันมาสบตาตัวเองอย่างแน่วแน่ ในตอนแรกยอมรับว่ามองคนตรงหน้าไปในเชิงลบไม่น้อย เพราะยังเด็กกว่าแฝดพี่ตัวเองเป็นสิบปี ไหนจะบรรยากาศรอบกายของเด็กคนนี้ที่ดูเฉยเมยและมีบรรยากาศรอบตัวที่ไม่น่าเข้าหา แต่พอได้ลองคุยรวมถึงการเจอเรื่องนักหนาในคืนนี้ กันต์ไม่มีแม้แต่น้ำตาออกมาให้เห็นสักหยด เข้มแข็งกว่าเขาเสียอีก

      
            “เรื่องมันเกิดตั้งแต่ตอนพวกพี่อยู่ปี 1 ...”

      
            แทนคุณและแทนรัก ฝาแฝดที่แทบจะเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วสอบติดแพทยศาสตร์ด้วยคะแนนสูงลิ่ว หัวสมองระดับกะทิทำให้ไม่มีใครไม่รู้จักสองแฝดแต่แม้จะหน้าตาเหมือนกันแค่ไหน นิสัยกลับต่างชนิดที่ว่าเหมือนกับสีคู่ตรงข้ามอย่างไรอย่างนั้น
   
      
            แทนคุณเปรียบเหมือนสีโทนเย็น และ แทนรักคล้ายกับสีโทนร้อน

      
            แต่ใครเล่าจะรู้ว่าแท้จริงเนื้อในนั้นกลับตาลปัตรอย่างสิ้นเชิง แทนคุณที่เป็นคนสุภาพ อบอุ่น ซ่อนความร้อนของอารมณ์ไว้ภายใน เช่นเดียวกับแทนรักที่ภายนอกดูสนุกสนาน เจ้าชู้ มึงมาพาโวยไปเรื่อยกลับเป็นคนใจเย็นเสียยิ่งกว่าน้ำแข็ง

      
            ปีแรกที่เข้าไปเรียนก็ได้กลุ่มเพื่อนสนิทหลากหลายนิสัยรวมกันได้ห้าคน หนึ่งในนั้นมีหญิงสาวที่พร้อมไปด้วยรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ เป็นเหมือนกับเจ้าหญิงของกลุ่มทุกคนคอยดูแลและให้เกียรติเพื่อนสาวคนนี้เสมอ

      
            ทว่าลับหลังเพื่อนฝูงแล้วแทนรักและนิลินมักจะพูดคุยกันเป็นครั้งคราวด้วยเพราะรู้ว่าต่างเป็นคู่กัน นิสัยของทั้งคู่เข้ากันได้ดีอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ความเป็นคู่กันถูกฉาบด้วยบทบาทของเพื่อนแสนสนิทเพราะนิลินยังไม่อยากให้ใครได้รู้ความสัมพันธ์โดยอ้างว่ากลัวเพื่อนคนอื่นจะอึดอัดและถูกล้อเลียนให้เขินอาย แทนรักที่หลงรักคู่ของตัวเองอย่างสุดใจก็ยอมอ่อนใจทำตาม

      
            แต่เพราะความรักที่มีให้มากเกินไปของแทนรักนั้นสวนทางกับความรู้สึกของอีกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง เมื่อพ้นสายตาของเพื่อนและแทนรักแล้วนิลินกับแทนคุณมักไปมาหาสู่กันเป็นประจำ เพราะต่างคนต่างรักใคร่ชอบพอซึ่งกันและกัน ความน่าสงสารกลับตกอยู่ที่สองแฝดอย่างไม่รู้ตัวเมื่อนิลินเลือกที่จะจับปลาสองมือเอาไว้

      
             มือข้างหนึ่งคือหัวใจ อีกข้างหนึ่งคือชีวิต

      
            แทนรักคาดว่านิลินคงไปขอร้องให้แทนคุณเก็บเรื่องที่คบกันเป็นความลับเอาไว้ ความสัมพันธ์นั้นจึงถูกบดบังด้วยความเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน ไม่มีใครค่อนแคะหรือสงสัยให้มากความกับการที่นิลินสนิทกับสองแฝด

      
            เรื่องราวความสัมพันธ์ที่พันยุ่งเหยิงราวกับมีเชือกพันเส้นมัดอยู่ดำเนินมาตลอดหลายปี เม่ือเรียนจบจวบจนกระทั่งแยกย้ายกันไปทำงานและเรียนต่อเฉพาะทาง แทนคุณก็เข้ามาขอพ่อและแม่จะย้ายไปอยู่คอนโดโดยให้เหตุผลว่า อยากอยู่ใกล้โรงพยาบาล ในตอนแรกแทนรักจะขอไปอยู่ด้วยเพราะอย่างไรก็ทำงานที่เดียวกันแต่กลับถูกพี่ชายตัวเองปฏิเสธ เขาก็เข้าใจว่าคงอยากมีความเป็นส่วนตัว

      
            แต่เพราะมีอะไรก็มักจะคุยกับแฝดตัวเองเสมอและแทนรักที่อดทนรนใจไม่ไหวอยากจะป่าวประกาศเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของด้วยการแต่งงาน จึงหยิบยกประเด็นนี้ไปปรึกษาพี่ชายฝาแฝดตัวเอง เขาไม่ได้เอะใจที่ความเปลี่ยนไปในคืนนั้นของพี่ชายตัวเองเลยแม้แต่น้อย
      

            ตั้งแต่วันนั้นจนวันที่ได้รู้ความจริง ถึงเพิ่งได้เข้าใจว่าทำไมความสัมพันธ์พี่น้องที่เคยสนิทชิดเชื้อถึงห่างเหินกลายเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ที่ดูราวกับว่าถมเท่าไรก็ไม่มีทางเต็ม

      
            แทนรักไม่ได้ตั้งใจจะไปล่วงรู้ความลับสักนิดและยังโทษตัวเองร่ำไปว่าวันนั้นไม่น่าอยากจะไปหาแทนคุณเลย ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนอย่างทุกวันนี้ อย่างน้อยก็ยอมโง่ดีกว่าต้องรู้ว่าคนที่ตัวเองรักไม่ได้รักกลับมาเลยสักนิดเดียว
   
      
            “เขาไปหากันที่คอนโดเลยเหรอครับ” กันต์ถามขึ้นมาด้วยหัวใจที่เต้นกระหน่ำ อยากจะปิดหูไม่รับรู้ความจริงแต่ก็ดันหลุดปากถามไปจนได้

      
            “อืม วันนั้นแม่งโคตรแย่ เป็นวันที่แย่ที่สุดในชีวิตพี่เลยล่ะ ...”

      
            แทนรักก็แค่เข้าเวรจนเหนื่อยไม่มีแรงขับรถกลับบ้านจึงกะว่าจะมาขออาศัยห้องพี่ชายซุกหัวนอนสักคืน กดโทรศัพท์หาเป็นสิบสายก็ไม่มีวี่แววจะมีคนรับ เขาเดินไปเดินมาอยู่หน้าคอนโดจนถูกยามมองด้วยสายตาไม่ไว้ใจ แต่เพราะหน้าที่เหมือนกับแทนคุณจึงทำให้ไม่ถูกไล่ตะเพิดไปเสียก่อน รอจนมีคนสแกนนิ้วมือเปิดประตูเขาจึงเดินตามเข้าไป ดีที่ว่าไม่ต้องสแกนเพื่อกดชั้นในลิฟต์เขาถึงขึ้นมาที่หน้าห้องพี่ชายตัวเองได้

      
            กดออดอยู่สามครั้ง เขาจำได้แม่นยำ ยืนรออยู่สักพักก็ไม่มีคนมาเปิดเสียที แทนรักดูเวลาก็ไม่คิดว่าพี่ชายตัวเองจะอนามัยจัดนอนตั้งแต่สี่ทุ่ม ในขณะที่ลังเลใจว่าจะเอาอย่างไรเพราะตาก็เริ่มจะปิดเต็มที เสียเอะอะดังแว่วมาไกล ๆ ทำให้เขาหมุนตัวหาที่มาของเสียงนั้น

      
            สุดทางเดินคือประตูเปิดออกไประเบียงนั่งเล่นส่วนกลางของแต่ละชั้น เห็นเงาลาง ๆ ของชายหญิงคู่หนึ่งที่ลางสังหรณ์มันบอกว่านั่นคือคนที่แทนรักกำลังตามหา ไวดั่งใจคิดแทนรักก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูที่ปิดไม่สนิท เรื่องราวความรักของพี่ชายฝาแฝดกับคู่ชีวิตของตัวเองหลั่งไหลเข้าสมองจนรับสารดังกล่าวแทบไม่ทัน

      
            ไม่มีคำเตือน ไม่ให้ได้ตั้งตัว

      
            จู่ ๆ ความรู้สึกของเขาก็พังลงแทบเท้าของคนที่เขารักที่สุดทั้งสองคน

      
            “วันนั้นพี่ไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าขับรถกลับมาบ้านได้ยังไงไม่คว่ำตาย ฮ่ะ ๆ”

      
            “พี่เข้มแข็งมากเลยนะพี่รัก แค่ผมถูกแฟนเก่าทิ้งไปหาคู่ตัวเองผมยังแทบบ้าตายเลย แต่นี่ ...” กันต์ไม่รู้จะพูดอะไรออกไป ไม่รู้ต้องปลอบอย่างไร การเสียศูนย์จากการถูกทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าของตัวเองยังเทียบไม่ได้เลยกับเรื่องราวในครั้งนี้

      
            “พี่ไม่เคยพูดและไม่เคยถามเรื่องนี้กับไอ้แทนเลยสักครั้ง มันเลยเหมือนกระอักกระอ่วนแปลก ๆ แม้ว่าพี่จะพยายามทำตัวปกติก็ตามเถอะ แต่พี่อยากให้เราได้ลองคุยกับมันดูนะเพราะพี่เชื่อว่าถ้าเป็นเรา มันจะไม่มีทางไม่พูดแน่นอน”

      
            “ผมกลัวน่ะพี่รัก ผมระแคะระคายคุณลินเขามาหลายรอบ และทุกครั้งพี่เขาก็ตอบว่าเป็นแฟนพี่บ้าง เป็นเพื่อนสนิทบ้าง”

      
            “เอาจริง ๆ นะกันต์ใครมันจะไปบอกเรื่องแบบนี้กับคนรักของตัวเองให้ไม่สบายใจกันล่ะ จริงไหม? พี่เชื่อว่าวันนี้เราหายไปแบบนี้ มันตามหาไม่เจอแบบนี้ คนฉลาดอย่างมันน่ะเดาได้แน่ ๆ ว่าเราต้องไปได้ยิน เพราะฉะนั้นถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็ช่วยฟังมันทีนะ ฟังมันเผื่อพี่ที”

      
            แทนรักก็ยังเป็นแทนรักที่เป็นครึ่งหนึ่งของแทนคุณ เขารับรู้ได้ด้วยสายสัมพันธ์ฝาแฝดห่าเหวอะไรสักอย่างว่า แทนคุณก็เสียใจไม่แพ้กัน แต่เขาก็ไม่กล้าหาญมากพอที่จะฟังจากอีกฝ่ายเพราะเพียงแค่นี้มันก็เหนื่อยล้าเต็มทน

      
            “แล้วพี่จะทำยังไงต่อเหรอครับ”

      
            “บางทีนะกันต์ ถึงแม้หัวใจจะสำคัญแค่ไหน แต่ยังไงก็ต้องรักชีวิตตัวเอง ... ถ้าวันนึงเครื่องทดเวลามันสามารถผลิตออกมาใช้ได้จริง พี่อาจจะเป็นคนแรกที่ไปซื้อมาใช้ก็ได้” แทนรักพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง แต่แววตาที่กันต์มองเห็นมันกลับมีแต่ความจริงจัง กันต์เชื่อว่านี่คือฟางเส้นสุดท้ายของอีกฝ่ายแล้วจริง ๆ






      
            “ทำไมยังไม่นอนอีก” เสียงของดิมดังฝ่าความคิดขึ้นมาทำเอาคนที่นอนคิดเพลิน ๆ อยู่สะดุ้งสุดตัว กันต์หันตัวตะแคงกลับไปหาเพื่อนตัวเอง

            
            “กูนอนไม่หลับ”

      
            “มีอะไรอยากเล่าให้กูฟังไหม” กันต์มองตาเพื่อนรักในความมืดเห็นแววเป็นห่วงในนั้นมากมาย ในวันที่แหลกสลายต่อให้กี่ครั้งดิมก็ยังเป็นคนที่คอยพยุงเขาเสมอ

      
            “68 แล้ว” เจ้าของเสียงถกชายเสื้อขึ้นมากองบนอกให้เห็นตัวเลขสีเหลืองบนตำแหน่งขั้วหัวใจที่ฉายเลขสูงขึ้นจนดิมใจหาย

      
            “เหี้ย!! เกิดอะไรขึ้นมึง กู ... มึง ไม่ อะไรวะ พี่แทนเหรอ” ดิมร้อนรนจนแทบทนไม่ไหว จากที่เคย 50 กลับพุ่งขึ้นเป็น 68 กลัวใจเหลือเกินว่ามันจะเพิ่มมากขึ้นจนถึงปลายทางโดยที่ไม่ได้ตั้งตัว

      
            “นอนกันเถอะพรุ่งนี้ต้องไปเรียน ส่วนเรื่องนี้กูขอพักก่อนนะ หมดแรงแล้วว่ะ” อยากจะเร่งเร้าแต่เพราะน้ำเสียงที่อ่อนล้าของเพื่อนทำให้ดิมยอมล้มตัวลงนอนเช่นเดิม ต้นเหตุได้หลับสนิทไปแล้วทิ้งไว้แต่ดิมที่ยังกึ่งกลับกึ่งตื่นตลอดทั้งคืน

      
            เช้าวันใหม่ไม่ได้สดใสไปกว่าเดิม กันต์ยืนมองโทรศัพท์ในมือที่เขาปิดเครื่องไปตั้งแต่ออกจากงานเลี้ยง ชั่งใจว่าควรจะเปิดเครื่องหรือปล่อยทิ้งเอาไว้แบบนี้ดี แต่สุดท้ายส่วนลึกข้างในก็ทำให้เขายัดเครื่องมือสื่อสารลงก้นกระเป๋าอย่างไม่ใส่ใจ

      
            “เอาไรปะ กูจะไปหาไรกิน” ดิมมองเพื่อนที่นั่งเหม่อลอยด้วยสายตาเป็นห่วง

      
            “ไม่อ่ะ” คนยืนมองถอนหายใจอย่างหนักหน่วงพลางยกมือผลักหัวโต ๆ ของเพื่อนตัวเองอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเมื่อคืนมันดูเหนื่อยมากจนดิมไม่กล้าทวงถามให้เล่่าออกมา ก็คงต้องรอจนกว่าจะพร้อมนั่นแหละดิมถึงจะได้ฟัง

      
            “เออ ๆ เดี๋ยวกูดูมาให้แล้วกัน ฟุบนอนไป” ดิมทิ้งให้คนหน้าซีดนั่งหน้าหงอยเฝ้าโต๊ะส่วนตัวเองก็เดินไปโรงอาหารด้วยความเร่งรีบเพราะไม่อยากปล่อยเพื่อนให้อยู่คนเดียวนาน ๆ

      
            “หวัดดีค่ะกันต์”

      
            กันต์เงยหน้ามองหญิงสาวต่างคณะคนเดียวกันกับเมื่อวันก่อนด้วยแววตากึ่งประหลาดใจกึ่งเรียบเฉย ไม่รู้จะตกวางตัวอย่างไรเพราะสิ่งที่สงสัยยังไม่ชัดเจนมากพอที่จะได้คำตอบ สุดท้ายก็ตอบรับคำทักทายไปตามมารยาทที่พึงมี

      
            “ครับ”

      
            “พอดีเราเห็นกันต์นั่งหน้าซีด ๆ เลยเข้ามาทัก เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”


            “อ่า .. เปล่าครับ ๆ เมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย ว่าแต่แพน เอ่อ แพนใช่ไหม ขอโทษทีนะผมเบลอ ๆ”

      
            “ฮ่ะ ๆ ใช่ แพนเอง”

      
            “ครับ ว่าแต่แพนมาทำอะไรที่ตึกสื่อสารเหรอ มาหาเพื่อนเหรอครับ” กันต์ชวนคุยไปเรื่อยเปื่อยพลางผายมือเชิญให้หญิงสาวนั่งลงตรงที่ว่างตรงข้าม

                  
            “อ อื้ม พอดีเพื่อนเราจะให้เรามาช่วยเป็นแบบน่ะ แล้วนี่กันต์ไม่เข้าเรียนเหรอคะ”

      
            “คลาสสิบโมงครับ แพนเรียนเดคฯ ใช่ไหม ยากหรือเปล่า มันพวกตกแต่งบ้านอะไรแบบนี้ใช่ไหมครับ” แม้ในความรู้สึกแรกมันคือความอึดอัดแต่เมื่อได้พูดคุยกันบรรยากาศรอบตัวแพนกลับทำให้กันต์รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมา

      
            “ก็ยากในแบบของมันแหละ แต่เดคฯ ไม่ได้มีแค่ตกแต่งบ้านนะมันมีหลายเอกย่อยเลยค่ะ”

      
            “แล้วแพนเรียนอะไรเหรอ”

      
            “ออกแบบภายในค่ะ นี่ไงอันนี้งานที่เราออกแบบไว้ กันต์ว่าเป็นยังไงบ้าง”

      
            ดิมหยุดมองภาพตรงหน้าอยู่ไม่ไกล มองด้วยความสงสัยว่าผู้หญิงที่ไอ้กันต์เพื่อนตัวเองแทบจะชะโงกหัวไปชนเขานั่นเป็นใคร คุ้น ๆ ติดอยู่ปากแต่นึกไม่ออก กันต์ไม่ใช่คนเพื่อนเยอะมากเท่าไรแถมยังไม่ใช่คนมีมนุษยสัมพันธ์กับใครขนาดนั้น จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีเพื่อนคนอื่นที่เขาไม่รู้จัก
   
      
            “ฮ่ะ ๆ เราวาดรูปทุเรศมาก อย่าอยากเห็นเลย” ยิ่งประหลาดใจเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นมันหัวเราะร่ายิ้มตาหยีทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังทำหน้าเหมือนคนใกล้จะตายอยู่รอมร่อ

      
            “หรือว่า ... ฉิบหายล่ะ” ดวงตากลมโตเป็นเอกลักษณ์ของดิมเบิกค้างเมื่อนึกบางอย่างได้ขึ้นมา เขาจำได้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เธอต้องเป็นสาเหตุที่ทำให้เพื่อนเขาตั้งคำถามแปลก ๆ นั่นแน่นอน

      
            “เอ้า ไอ้ดิม มาแล้วก็มานั่ง ยืนทำอะไรวะ” ดิมสะดุ้งก่อนจะยิ้มแห้งให้คนทั้งคู่แล้วนั่งลงข้างเพื่อนสนิทตัวเอง

      
            “ไอ้ดิมนี่แพนเด็กเดคฯ ส่วนแพนนี่ดิมเพื่อนสนิทเราเอง” คนถูกแนะนำทั้งสองผงกหัวและยิ้มบาง ๆ ให้กันเท่านั้น ก่อนที่แพนจะขอตัวกลับตึกเรียนของตัวเองจนทั้งโต๊ะเหลือเพียงเพื่อนสนิทที่คนหนึ่งกลับมาแห้งเหี่ยวอีกครั้งแต่น้อยกว่าเมื่อเช้า และอีกคนหนึ่งที่นั่งดูดน้ำจ้องหน้าเพื่อนตัวเองด้วยความสงสัย

      
            “มึงจะพูดไรก็พูดสิวะ นั่งจ้องกูอยู่ได้ แอบชอบกูหรือไง ขนลุกนะเนี่ย” ดิมผลักหัวเพื่อนตัวเองด้วยความหมั่นไส้ กวนตีนแบบนี้ได้สงสัยอาการจะดีขึ้นบ้างแล้ว

      
            “ผู้หญิงคนนี้คือสาเหตุที่วันนั้นมึงถามกูว่า คนเราสามารถมีคู่แท้มากกว่าหนึ่งคนได้หรือเปล่า ... ใช่ไหม?” ถามพร้อมกับจ้องอย่างคาดคั้น

      
            “อืม”

      
            เรื่องราวมันชวนให้ยุ่งเหยิงมากขึ้นไปอีก เมื่อกฎข้อสำคัญอีกข้อของเรานั่นคือ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะถูกกำหนดมาให้มีคู่แท้เพียงคนเดียว บางคนอาจจะมีเพียงหนึ่งและบางคนก็อาจจะมี 2 - 3 คนก็ได้ อยู่ที่ว่าจะเข้ากับคนไหนได้ หรืออยู่ที่ว่าเราจะเลือกใคร

      
            คนกลางอย่างเขาไม่รู้จะต้องแก่ลงไปอีกกี่ปีกับการถอนหายใจในรอบที่ร้อยของเช้าวันนี้ ดิมยกมือขึ้นกุมขมับเมื่อนึกไปถึงคนที่มาก่อน ถ้ายังไม่คิดจะทำอะไรหรือเข้ามาแก้ไขความผิดพลาดมีหวังไอ้กันต์เพื่อนเขาคนนี้คงไม่ต้องรอให้พี่แทนมาทำให้ตัวเลขกลับไปตรงกลางแล้วล่ะ เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีคนรอทำหน้าที่แทนแล้ว

      
            และคนที่แอบเชียร์พี่แทนคุณอย่างเขาก็อดหวั่นใจไม่น้อย ความน่าหวั่นใจที่ว่าคือทั้งสองยังไม่ได้ตกลงปลงใจกันสักที นั่นหมายความว่าถ้าไอ้กันต์มีคู่แท้มากกว่าหนึ่งคนและมันก็ยังไม่ได้เลือกพี่แทน ฉะนั้นแพนก็ยังมีสิทธิ์

      
            แต่ดิมก็ภาวนาให้ตัวเลขบนร่างกายของผู้หญิงคนนี้จะไม่ขยับเพื่อพบกับเพื่อนของเขา ขอให้มันเป็นเพียงแค่ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเองเขาเอง

      
            “กันต์ครับ”








To be continued.
_____________________________________

TALK : พี่แทนรักของน้องงง *กอดพี่แทนรัก*

ตอนนี้เฉลยครบทุกประเด็นที่เคยหย่อนเอาไว้หมดแล้วจ้า
ยังยืนยันว่านี่คือนิยายโรแมนติกนะคะ ><
แต่หลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อ ฝากติดตามและคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้กันด้วยน้า ♡


#ครึ่งชีวิตของผม



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-08-2018 18:17:46 โดย 19august »

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
ลุ้นๆๆๆๆๆ สนุกมากเลยรอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
พี่แทนรีบมาปรับความเข้าใจกับน้องกันต์เร็วเข้า
เหนือคาดไปเลยเรื่องที่สามารถมีคู่ชีวิตได้หลายคน ถ้าแพนเป็นหนึ่งในคู่ชีวิตของกันต์จริงๆ จะทำยังไงต่อไปล่ะ

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
คือต้องคุยกันไม่งั้นถ้ากันต์ไม่แคร์ก็ปล่อยให้พี่แทนคุณตายไปเลยก็ได้ง่ายดี

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
นิลิน เลว แย่มาก เห็นแก่ตัว  :fire: :fire: :fire:
หมาหวงก้างคบซ้อน  จับปลาสองมือ
อย่างนี้ต้องให้แฝด เทนิลิน ต่อหน้าต่อตากันแบบเปิดเผยไปเลย
จะมีหน้ามาอ้อนวอนขอให้รักตัวเองอีกไหม
แทนรัก ตัดใจไปเลย คนไม่ซื่อสัตย์อย่าได้แคร์ นางยังไม่คิดถึงจิตใจแทนรักเลย  :angry2: :angry2: :angry2:
แทนคุณ ตัดนางให้ขาด แบบกร้าวๆเลย นางหน้าไม่อายจริงๆ

ท่าทางแพนจะมีใจให้กันต์ไปแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3
 :katai5: :katai5: รออออ

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___

CHAPTER 10

Give me one more chance to love you.






      
            “กันต์ครับ”

      
            ขอบคุณสวรรค์ที่ความคิดของดิมเป็นเพียงแค่การตีตนไปก่อนไข้ ดิมเงยหน้าขึ้นมองคนที่ตัวเองกำลังนึกถึงก่อนหันกลับมามองสีหน้าเพื่อนตัวเองที่ดูหม่นหมอง ไหล่ที่บางกว่าเขาขึงเกร็งขึ้นมาทันควัน

      
            “ใจเย็นมึง” ดิมจับบ่ากันต์พร้อมกับลูบช้า ๆ เพื่อให้เจ้าตัวผ่อนคลาย

      
            แทนคุณมองน้องที่ใช้ฟันคู่หน้ากัดริมฝีปากเอาไว้จนเกรงว่าจะแตกช้ำ สีหน้าของน้องย่ำแย่เสียเขานึกหวั่นใจ เพียงแค่เมื่อคืนที่น้องหายไปก็เดาได้ทันทีว่าน้องจะต้องรับรู้เหตุการณ์หน้าห้องน้ำนั่นอย่างแน่นอน แต่ไม่ว่าจะพยายามติดต่อหรือแม้แต่ไปนั่งโง่ ๆ อยู่หน้าบ้านน้องอยู่นานสองนานก็ไม่สามารถตามตัวได้เลย เมื่อคืนแทนคุณแทบเป็นบ้าอยู่แล้ว

      
            “ผมมีเรียน เอาไว้ค่อยคุยแล้วกันครับ” กันต์ไม่ได้จะเล่นตัวหรือเล่นบทพ่อแง่แม่งอน การที่มึนตึงกันเช่นนี้ก็ใช่ว่าเขาจะสบายใจ แต่เพราะรู้ตัวเองดีว่ายังไม่พร้อมจะเปิดใจรับฟังขืนคุยกันไปตอนนี้ มันก็ได้แต่อารมณ์กลับไปไม่มีทางที่เขาจะได้ใช้เหตุผลคุยกัน

      
            “เลิกเรียนบ่ายโมงใช่ไหม เดี๋ยวพี่มารับนะครับ” พยายามจะอ้อนวอนขอให้เห็นใจแต่บทจะไม่ยอมก็ใจแข็งเหลือเกิน กันต์ส่ายหน้าปฏิเสธความต้องการนั้นอย่างหนักแน่น

      
            “เอาไว้ผมพร้อมเมื่อไหร่ค่อยคุยกันได้ไหมครับ เพราะตอนนี้ผมไม่อยากฟังอะไรจากพี่เลย” แทนคุณถือว่าน้องยังปราณีตัวเองที่ไม่ใช้สรรพนามให้ห่างเกินกันไปมากกว่านี้ ดวงตาคมปิดลงเพียงครู่เพื่อปรับความรู้สึกก่อนจะลืมขึ้นมาและสบตาคนที่เป็นเจ้าของทั้งชีวิตและหัวใจตัวเองอย่างมั่นคง

      
            “ครับ พี่จะรอ”

      
            โชคดีที่วันนี้มีเรียนคาบเดียวและเป็นคาบที่มีวิทยากรพิเศษมาบรรยายเพราะสมาธิการเรียนถูกทำลายลงไปย่อยยับ หลังจากเรียนเสร็จทั้งดิมและกันต์พากันเดินไปหาอะไรใส่ท้องที่โรงอาหาร เพราะเป็นช่วงบ่ายโมงทำให้โต๊ะแทบจะเต็มทุกที่นั่ง

      
            “เอาไงดีวะ หรือจะออกไปกินข้างนอก”
   
      
            “ตอนนี้ข้างนอกคนก็น่าจะเยอะพอกันแหละ” สองเพื่อนซี้ยังไม่ลดละในการสอดส่องสายตามองหาที่ว่าง กันต์แอบถอนหายใจหน่อย ๆ เมื่อเห็นบางโต๊ะกินเสร็จแล้วแต่ยังไม่ยอมลุกเอาแต่นั่งแช่ ไม่ได้ดูเลยว่าคนยืนรอโต๊ะว่างมีมากแค่ไหน

      
            “กลับไปกินบ้านไหม”

      
            “กันต์” ไม่ทันที่กันต์จะตอบคำถามเพื่อนก็ถูกเรียกเอาไว้ ก่อนจะหันไปเจอแพนเพื่อนใหม่ต่างคณะที่ยืนถือแก้วน้ำมองมาที่ทั้งคู่อยู่ ดิมอดใจแอบกลอกตาไม่ได้เลย ทำไมจู่ ๆ ถึงบังเอิญเจอกันบ่อยขนาดนี้ แถวตึกเดคฯ ก็มีโรงอาหารอยู่นี่นา

      
            “อ้าวแพน มากินข้าวถึงนี่เลยเหรอ”

      
            “ค่ะ พอดีอยากเปลี่ยนบรรยากาศน่ะ ว่าแต่กันต์กับดิมหาโต๊ะอยู่เหรอ” ดูเหมือนกันต์จะไม่ได้สังเกตถึงท่าทีขลาดเขินของหญิงสาวตรงหน้าเท่าไรนัก

      
            “ครับ แต่เดี๋ยวคงเปลี่ยนใจไปกินที่อื่นแล้วล่ะ คนเต็มเลย”

      
            “ถ้ายังไงไปนั่งกับเราไหม ยังพอมีที่อยู่ค่ะ”

      
            “ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ไอ้ดิมมันบ่นอยากกินชาบูเดี๋ยวออกไปกินข้างนอก ยังไงก็ขอบคุณแพนมากเลยนะครับ” กันต์หลีกเลี่ยงด้วยหลายเหตุผลหนึ่งในนั้นคือไม่อยากให้ทั้งเพื่อนและตัวเองอึดอัดกับการนั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกับคนไม่สนิท

      
            “อ๋อ โอเคค่ะ เอ่อ กันต์คะ!”

      
            “ครับ?” คนถูกรั้งหันมาตามแรงดึงที่ข้อศอก ดวงตาเรียวมองใบหน้าเพื่อนใหม่และลดสายตามองลงมาที่แขนตัวเอง ทำให้อีกฝ่ายรีบปล่อยมือออกทันทีด้วยความเก้อเขิน

      
            “เรา ... เราขอไอดีกันต์ได้ไหม เอ่อ คือเราเห็นว่าไหน ๆ ก็รู้จักกันแล้วและกันต์คงพอจะดูออกว่าทำไม” แพนสบตาชายหนุ่มตรงหน้า แม้จะทำใจกล้าพูดออกไปแบบนั้นแต่เธอก็ยังอายอยู่มากพอตัว ไม่เคยเลยสักครั้งที่ต้องรุกเข้าหาใครก่อน แต่ถ้าไม่ใช่เพราะโชคชะตาและความถูกใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเธอก็คงไม่ทำเช่นนี้

      
            “ครับ” กันต์รับโทรศัพท์มากดไอดีตัวเองลงไปก่อนจะโดนดิมเอาแขนพาดคอลากออกมาอย่างรวดเร็ว

      
            “มึงให้ไปทำไมวะ”

      
            “ก็ทำความรู้จักไว้ไม่เสียหายนี่หว่า”

      
            “ไม่เสียหายก็เหี้ยละ เธอพูดแบบนั้นแสดงว่าเลขมันขยับน่ะสิ!” ดิมโวยวายออกมาอย่างหัวเสีย นี่ถ้าพี่แทนคุณรู้จะเป็นอย่างไร ความวัวไม่ทันหายจะให้ความควายเข้ามาแทรกอย่างนั้นเหรอ คนกลางได้แต่พ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด

      
            “มึงจะหงุดหงิดทำไมวะ กูกับพี่แทนแค่ยอมรับว่าเป็นคู่แต่ยังไม่ได้ตกลงคบกันแน่นอน เพราะฉะนั้นถ้าแพนเป็นคู่อีกคนของกูจริง กูก็มีสิทธิ์ที่จะเรียนรู้คนอื่นด้วยเหมือนกัน”

      
            “อย่ามาประสาทไอ้กันต์ มึงกำลังลากอีกคนที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยมาอยู่ในวังวนของมึงกับพี่เขา ทะเลาะเหี้ยไรกันก็เคลียร์อย่าประชด กูรู้ว่ามึงชอบพี่เขาและคนที่จริงจังกับความรักไม่มีทางไปชอบคนอื่นได้ง่าย ๆ หรอก!!”

      
            “…”

      
            “มึงก็รู้ว่ากฎการมีคู่มากกว่าหนึ่งมันไม่ได้ดีขนาดนั้น ที่กูหงุดหงิดเพราะอะไรรู้ไหมไอ้กันต์ เพราะกูเป็นห่วงมึง และสิ่งที่มึงคิดจะทำในหัวโต ๆ ของมึงอยู่มันไม่ได้ดีต่อใครเลยจริง ๆ ”
   
      
            คนที่ทำอะไรไม่ทันได้คิดไตร่ตรองเงียบพลันอย่างเถียงอะไรไม่ออกเพราะสิ่งที่เพื่อนพูดมานั้นถูกทั้งหมด แม้จะระแคะระคายว่าแพนจะเป็นคู่อีกคนของตัวเองแต่ทุกอย่างก็ยังไม่ได้ชี้ชัด เพียงแค่อาการใจกระตุกพร้อมกับตัวเลขที่จู่ ๆ ก็กะพริบของเขาในวันที่เจอกันวันแรก มันก็ไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายจะเป็นคู่ของเขา อาจจะเป็นแค่การรวนของระบบร่างกายเท่านั้นก็ได้

      
            แต่ถ้าแพนคือคู่อีกคนของเขาจริง ๆ นั่นหมายความว่าสิ่งที่เขาควรจะทำนั่นคือการบอกความจริงเรื่องที่เขามีคู่อยู่แล้ว ก่อนที่อีกฝ่ายคิดจะอยากเริ่มความสัมพันธ์กับเขา ไม่เช่นนั้นหากช้าไปเพียงแค่วินาทีเดียวมันจะอันตรายถึงชีวิตของแพนได้

      
            “กู ...”

      
            ดิมปล่อยให้ความเงียบล้อมรอบตัวเองและเพื่อนสนิทเพื่อใช้ความคิด ตั้งแต่รู้จักกันมากันต์ไม่ใช่คนไร้เหตุผลและคิดร้ายกับใคร มีแต่คนเข้ามาทำร้ายมันตลอดและครั้งนี้ดิมเองก็รู้ว่าเพื่อนแค่ไม่ทันคิด กำลังจะพาลประชด เขากำลังทำหน้าที่เพื่อนสนิทด้วยการฉุดรั้งเตือนสติเพื่อนตัวเอง


ครืด ครืด ครืด

      
            เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบระหว่างเพื่อนสนิททั้งสอง กันต์ก้มลงมองเครื่องมือสื่อสารที่ขึ้นเตือนว่ามีคนแอดไอดีมาใหม่ คงจะเป็นใครไม่ได้นอกจากคนที่เขาเพิ่งจะให้ไอดีไป

      
            “รีบบอกก่อนที่จะไม่ทันเถอะ” ดิมยืนกอดอกพูดกดดันเพื่อนตัวเอง

      
            “แล้วกูจะแน่ใจได้ยังไงว่าเขาเป็นคู่กู” แก้วตาหม่นแสงกำลังสั่นระริก กันต์ไม่ได้จะอ้างแต่จู่ ๆ จะให้บอกไปเลยก็ใช่ที่

      
            “มึงเป็นคนฉลาด มึงรู้ดีว่าต้องทำยังไง อย่าให้กูต้องด่า” คนถูกเพื่อนดุห่อไหล่ลงอย่างรู้สึกแย่กับตัวเอง กันต์ล่ะอยากจะทุบตัวเองนัก

      
            ไม่น่าเลย ไม่น่าทำอะไรไม่คิดเลย

      
            กฎคู่แท้ในโลกของเรามันคงคล้ายกับระบบคอมพิวเตอร์ ถ้าเราเจอคนแรกแล้วและตกลงปลงใจกันได้ ตกลงคบกัน ระบบในร่างกายดำเนินการด้วยอะไรสักอย่างมันจะทำการล็อกเอาไว้แล้วว่าสองคนนี้คือคู่กัน ยกเว้นแต่ว่าจะไม่เอาหรือทะเลาะกันจนฉิบหายวายป่วงนั่นก็เรื่องชีวิตใครชีวิตมัน และนี่คือกรณีทั่วไป

      
            แต่ในกรณีพิเศษ ถ้าบังเอิญว่าชีวิตนี้ช่างโชคดีเหลือเกินฟ้าดันลิขิตให้มีคู่แท้มาให้เลือกหลายคน หากกำลังนึกอิจฉาอยู่ก็อยากให้เลิกคิดเช่นนั้น เพราะการมีคู่หลายคนมันค่อนข้างโหดร้าย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเวลาว่าจะบังเอิญได้เจอคนไหนก่อนและถ้ากำลังจะคลิกกันหรือตกลงปลงใจกันไปแล้ว ดันเจอเนื้อคู่คนที่ 2 ที่ 3 คือความซวยที่แท้จริง

      
            เพราะถ้าได้เจอกันเมื่อไร ตัวเลขของคน ๆ นั้นจะขยับทันทีเหมือนปกติทั่วไป ทว่าถ้าเราเลือกไปแล้ว นั่นหมายความว่าเราต้องรีบปฏิเสธหรือบอกให้ชัดเจน และต้องบอกก่อนที่เขาจะเริ่มรู้สึกหรืออยากจะเริ่มความสันพันธ์ หรือก่อนที่โชคชะตามันจะทำหน้าที่ หากบอกทันท่วงทีทุกอย่างก็จะถูกให้หมุนไปตามกงล้อของชะตา แต่ถ้าปล่อยให้ยืดเยื้อ ปฏิเสธช้าไปเสี้ยววินาที นั่นหมายถึงชีวิตของใครคนนั้นเลยทีเดียว

      
            กันต์กัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนรู้ได้ถึงกลิ่นคาวของเลือด มันเป็นเรื่องใหญ่และชวนเครียดมากจริง ๆ ไม่มีบรรพบุรุษคนใดหรืองานวิจัยชิ้นไหนบอกเอาไว้ว่า เวลาไหนคือเวลาที่เรียกว่าทันท่วงที เพราะน้อยเหลือเกินแทบจะ 1 ใน 1000 ที่จะมีคนมีคู่แท้มากกว่าหนึ่ง

      
            แม่งเอ๊ย ทำไมชีวิตกูต้องมาเจอเรื่องยากด้วยวะ พระเจ้าไม่ได้รักกูจริงแล้วแบบนี้ ขอถอนคำพูด!!






อักษรเกินที่กำหนด
มีต่อเมนต์ต่อไปจ้ะ


ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___
(ต่อตรงนี้จ้า)





TANKHUN’s



21 กุมภาพันธ์ 2xxx   

      
            สี่วันแล้วที่ผมไม่ได้คุย ไม่ได้เจอกันต์ น้องไม่แม้แต่จะอ่านข้อความเลยสักหน ทุกวันหลังเลิกงานผมจะขับรถไปเฝ้าอยู่หน้าบ้านของน้องจนดึกดื่น ให้แน่ใจว่าคนที่รอจะไม่กลับมาแล้วถึงค่อยกลับห้องตัวเอง

      
            พยายามจะเข้าหาแม้กระทั่งใช้สิทธิ์ความเป็นอาจารย์เข้าถึงประวัติส่วนตัวนักศึกษา จนได้เบอร์ของคณกรเพื่อนสนิทของน้องมา รู้เพียงแค่ว่าคืนนั้นน้องไปนอนบ้านเพื่อนจริงส่วนสามวันที่ผ่านมาน้องไปอยู่กับพี่ชายตัวเอง อย่างน้อยก็ยังดีที่ได้รู้ว่าน้องอยู่ในที่ที่ปลอดภัย

      
            ผมยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องน้ำมองสภาพตัวเองแล้วก็ได้แต่ถอนใจ พยายามทำกิจวัตรประจำวันของตัวเองให้เป็นปกติมากที่สุดแม้มันจะไม่มีอะไรปกติเลยก็ตาม

      
            มือหนึ่งถือแปรงสีฟัน อีกมือหนึ่งลูบไปบนตัวเลขสีเหลืองบนอกที่ขยับลดลงไปทุกที จาก 50 ขยับลดไปที่ 28 แล้ว แต่ผมไม่ได้คิดห่วงตัวเองเลยสักนิดเพราะห่วงน้องมากกว่า ขนาดผมที่ออกกำลังกายเป็นประจำและมั่นใจว่าตัวเองแข็งแรงดียังเหนื่อยง่ายกว่าเดิมไปหลายเท่า แล้วน้องล่ะ ตัวก็แค่นั้น ผอมโปร่งจนแทบจะปลิวไปกับลมได้อยู่แล้วร่างกายจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้

      
            เพราะฉะนั้นวันนี้ผมจะไปตามตื๊อจนกว่าน้องจะยอมคุยให้ได้ สี่วันก็มากพอที่เราต่างจะได้ใช้เวลาคิดอะไรได้บ้างแล้ว ผมไม่อยากปล่อยให้เวลามันเสียเปล่าไปมากกว่านี้อีกแล้วเพราะรู้ตัวเองดีว่ารักน้องมากกว่าที่ตัวเองเคยคิด อะไรที่เคยบอกว่าค่อยเป็นค่อยไปค่อยศึกษากันสำหรับตอนนี้มันดูจะช้าเกินไป

      
            “ต้องเร่งหน่อยแล้วไอ้แทน” ผมย้ำกับตัวเอง เร่งรุดไปยังสถาบันเพื่อไปรอเจ้ากระต่ายแสนรักของผมกลับบ้าน

      
            ผมมาถึงหน้าตึกเรียนของเด็กสื่อสารฯ ก่อนเวลาเลิกเรียนน้องยี่สิบนาที นั่งรออยู่ที่โต๊ะหน้าลิฟต์กะว่าถ้าน้องลงปุ๊บผมก็สามารถชาร์จตัวน้องได้ทันที ครั้งนี้จะไม่ให้พลาดอีกแล้วเพราะขอความร่วมมือจากเพื่อนสนิทน้องให้ช่วยกล่อมอีกทาง

      
            ไม่รู้จะสำเร็จไหม แต่ผมอยากคุยกับน้องจริง ๆ

      
            “กันต์” ผมผุดลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นน้องเดินออกมาจากลิฟต์พร้อมกับกลุ่มคน ดวงตาเรียวเล็กปลายหางชี้ลงที่ผมชอบมองดูตกใจเล็กน้อยก่อนจะกลับไปเรียบเฉยเหมือนเดิม สายตาน้องทำเอาผมใจแป้วไม่น้อย

      
            “ไม่ทำงานเหรอครับ”

      
            “วันนี้วันหยุดพี่น่ะ เรียนเสร็จแล้วใช่ไหม ไปกับพี่ได้หรือเปล่าครับ” ถึงผมจะไม่ได้แสดงอาการอะไรมากนักแต่บอกเลยว่าข้างในใจกำลังร้อนไปหมด กลัวว่าจะถูกปฏิเสธ กลัวจะถูกเมินอีก

      
            “ครับ ... งั้นกูไปนะ” น้องตอบผมก่อนจะหันไปลาเพื่อน เจ้ากระต่ายของผมเดินนำออกไปนอกอาคาร ผมสบตากับเพื่อนสนิทของเจ้าตัวนั้นเพียงเล็กน้อยก็เข้าใจกัน

      
            “หิวหรือเปล่า”

      
            “นิดหน่อยครับ”

      
            “งั้นกลับไปกินที่ห้องเรานะ”

      
            “ครับ?”

      
            “ห้องพี่ก็ได้ครับ ... นะ?” ผมต้องรีบเปลี่ยนคำพูดเมื่อถูกหันมามองขวับด้วยสายตาแปลก ๆ จากน้อง คนตัวเล็กกว่าผมหรี่ตามองคล้ายจะไม่ไว้ใจแต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้าจนผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างออกมา

      
            ความเงียบในห้องทำเอารู้สึกประหม่าไม่ได้ ผมยืนมองน้องที่เดินไปนั่งบนโซฟาอย่างเงียบ ๆ แต่พอเหลือบมองเวลาก็ตัดสินใจเดินเข้าครัวแทน ก่อนหน้านี้เวลาอยู่ด้วยกันน้องจะเป็นคนทำอาหารให้กิน เพราะฉะนั้นน้องจึงไม่เคยกินฝีมือผมเลยสักครั้งและวันนี้ก็เป็นโอกาสดีที่จะได้ทำ

      
            ผมยืนอยู่หน้าเตาทำนั่นทำนี่มือเป็นระวิง ทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจและใช้สมาธิสูงกว่าทุกครั้งที่ทำกินเอง จึงไม่รู้ว่าถูกน้องนั่งเท้าคางกับพนักโซฟามองมาอยู่พอหันไปเจอก็ถึงกับเก้อเขินไม่น้อย

      
            “อีกแป็บเดียวนะ ใกล้เสร็จแล้ว” น้องเพียงแค่พยักหน้าตอบรับ ผมจึงหันกลับมาสนใจอาหารตรงหน้าอีกครั้ง เพราะบ่ายคล้อยแล้วผมจึงเลือกทำสปาเก็ตตี้ทูน่าพริกสด กับไก่สไปซี่ที่นำไปกริลล์กับกระทะแทนการทอดพร้อมด้วยสลัดผักชามเล็ก ส่วนที่ไม่ทำข้าวก็เพราะกลัวว่าจะย่อยไม่ทันมื้อเย็น

      
            “กันต์ครับ อาหารเสร็จแล้ว”

      
            “ขอบคุณครับ” เจ้าของร่างโปร่งบอกสั้น ๆ ก่อนที่เราจะต่างฝ่ายต่างจัดการอาหารตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ ผมเองก็ไม่กล้าพูดอะไรนักด้วยกลัวว่าเผลอพูดอะไรไม่เข้าหูตอนนี้น้องจะพาลกินข้าวไม่ลงเสียเปล่า ๆ

      
            “พี่ดูโทรมมากเลยนะครับ งานหนักเหรอ” ผมเงยหน้าขึ้นมามองคนที่นั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็ว จนเห็นประกายขบขันจากดวงตาน้องแวบหนึ่ง

      
            “ครับ พี่อยู่เวรแทนคนอื่นมาหลายวันแล้วน่ะ”

      
            แต่ก็แค่นั้นแหละครับ น้องไม่ได้พูดอะไรต่อและผมก็เช่นกัน หนึ่งชั่วโมงต่อมาหลังจากจัดการอาหารและล้างจานเรียบร้อย น้องก็กลับไปนั่งบนโซฟาอีกครั้งทั้งที่ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติน้องคงเดินเข้าห้องไปทิ้งตัวลงบนเตียงแล้ว

      
            “น้ำครับ” น้องชอบกินไอ้เจ้าน้ำดำอัดลมนี้มาก มากเสียขนาดว่าเป็นโรคกระเพาะเพราะมันเลยทีเดียว แต่ก็ยังรั้นจนที่บ้านต้องออกห้ามให้ดื่มได้แค่อาทิตย์ละครั้ง

      
            “ขอบคุณครับ”

      
            “กันต์ครับ พร้อมคุยกับพี่หรือยัง” ผมถามพลางขยับตัวเข้าไปใกล้น้องแล้วยื่นมือไปหาอีกฝ่าย คล้ายกับถามน้องอีกครั้งว่าน้องยังพร้อมจะวางใจลงบนมือของผมอีกครั้งหรือเปล่า คนถูกถามหันมามองหน้าผมชั่วครู่ก่อนจะวางมือเรียวเล็กของตัวเองลงมา ทำเอาใจชื้นขึ้นมาหลายส่วน

      
            “อยากถามหรืออยากให้พี่เล่าครับ” ผมกุมมือของน้องไว้หลวม ๆ ราวกับกลัวว่าจะถูกสะบัดออกและอย่างน้อยก็เป็นการเว้นระยะห่างให้น้องไม่อึดอัดใจ
   
      
            “ถ้าพี่มีอะไรจะพูดก็พูดเถอะครับ ผมจะฟัง”

      
            “พี่ ไอ้รัก และลิน เรียนแพทย์มาด้วยกัน ลินจะค่อนข้างสนิทกับพี่แล้วก็ไอ้รักมากกว่าคนอื่นในกลุ่ม ซึ่งอันนี้พี่ก็ไม่รู้ว่าทำไมแต่เดาว่าเพราะตอนนั้นหอของลินกับพวกพี่อยู่ใกล้กัน ไป-กลับก็ไปด้วยกันแทบทุกครั้ง จนประมาณใกล้จบเทอมแรกลินก็มาสารภาพกับพี่ว่าเธอชอบพี่ พี่ตอบตกลงทันทีเพราะจริง ๆ พี่ก็แอบชอบเธออยู่เหมือนกัน”

      
            “…” ผมเล่าพลางเล่นมือน้องไปพลางเพื่อเป็นการย้ำว่าน้องยังอยู่กับผมตรงนี้ ยังคงยอมฟังผมอยู่ตรงนี้

      
            “เราแอบคบกันมาเรื่อย ๆ เพราะลินไม่อยากโดนล้อ โดนแซว ด้วยความที่สนิทกันมากเวลาอยู่ด้วยกัน เทคแคร์กันก็ไม่มีใครสงสัยอะไร เราคบกันอยู่แบบนั้นตลอดหลายปีจนเรียนจบ พอทำงานเราก็เริ่มห่างกันมากขึ้นเพราะพี่เลือกเรียนต่อมาทางนี้ ส่วนลินกับไอ้รักก็ไปทางอายุรกรรม เวลาไม่ตรงกันทำให้ความสัมพันธ์มันแย่ลงเรื่อย ๆ จนทะเลาะกันหนักมาก วันนั้นพี่หยุดงานอยู่ห้อง ลินก็มาหาพี่ที่ห้อง ทะเลาะกันใหญ่โตจนเลิกกันในที่สุด”

      
            “แล้วพี่ไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าเธอเป็นคู่กับพี่รัก”

      
            “ตอนแรกพี่ไม่รู้หรอกครับ ไม่ได้สงสัยอะไรด้วยซ้ำก็อย่างที่บอกว่าลินสนิทกับพวกพี่มากจริง ๆ แต่พี่เพิ่งมารู้ก่อนวันที่พี่กับลินทะเลาะกันนั่นแหละ ไอ้รักมันมาบอกพี่ว่ามันคบกับลินมาตั้งแต่ปี 1 มันขอโทษที่ไม่ได้บอกใครเพราะลินขอไว้ แต่ตอนนี้มันคิดว่าถึงเวลาที่มันจะจริงจังและประกาศความชัดเจนซักที มันเลยมาขอความคิดเห็นเรื่องจะขอลินแต่งงาน พี่ช็อคไปเลยล่ะ ฮ่ะ ๆ”

      
            “…”

      
            “จริง ๆ ตอนนั้นพี่นึกว่าแค่คบซ้อนเฉย ๆ แต่ไอ้วันที่เลิกกันลินเป็นคนบอกพี่เองว่า เธอเป็นคู่ของไอ้รัก ตกลงปลงใจมาตั้งแต่แรกที่รู้แต่ลินบอกว่าไม่ได้รักไอ้รัก เธอรักพี่ ถึงอย่างนั้นสุดท้ายพี่ก็ไม่เอาแล้ว พี่เลิก ... พี่โคตรรู้สึกแย่เลยกันต์ จริง ๆ นะพี่รู้สึกว่าพี่เลวมากที่ทำร้ายน้องชายตัวเอง พี่ไม่รู้ว่าไอ้รักรู้หรือเปล่า พี่ขี้ขลาดที่ไม่กล้าสารภาพความจริง ก็เลยเฟดตัวเองออกมาจนพี่กับมันไม่สนิทกันไปแล้ว”

      
            “พี่รักเขารู้วันที่พี่กับคุณลินเลิกกันนั่นแหละครับ พี่รักเขามาหาพี่ที่คอนโด”

      
            เชี่ย !!! ผมช็อคมากกับความโง่เง่าไม่รู้เรื่องรู้ราวของตัวเอง เพราะไอ้รักมันเก็บความรู้สึกมาตลอด อีกอย่างผมก็เลี่ยงที่จะเจอมันกับลินทำให้ไม่ได้สังเกตเลยว่ามันมีท่าทีรู้เรื่องนี้หรือเปล่า

      
            มันชาไปหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า ยิ่งรู้ก็ยิ่งเกลียดตัวเอง ยิ่งรู้ก็ยิ่งรู้สึกแย่ที่ทำร้ายน้องชายตัวเองโดยไม่รู้ตัวเป็นสิบปี แล้วพอรู้แบบนี้ก็ยิ่งสงสารไอ้รักที่มันต้องอยู่กับผู้หญิงเห็นแก่ตัวแบบนิลิน คนที่พร้อมจะทำร้ายทุกอย่างเพราะอยากเก็บเอาไว้ทั้งความรู้สึกและชีวิต

      
            “พ พี่”

      
            “พี่แทน พี่แทนใจเย็นครับ พี่แทนมองหน้าผม” นิ้วเรียวของน้องวาดไปทั่วแก้ม ในตอนนั้นถึงเพิ่งได้รู้ว่าตัวเองกำลังร้องไห้และยังสั่นไปหมด

      
            “พี่ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะกันต์ พ พี่พยายามแก้ไขทุกอย่าง พยายามเลี่ยง พยายามหนีแล้ว กันต์เชื่อพี่นะครับ” ผมบอกทุกอย่างด้วยความสัตย์จริง

      
            “พี่แทนฟังผมนะ พี่กับพี่รักเป็นพี่น้องกัน ไปคุยกันให้เข้าใจเพราะยังไงความเป็นพี่เป็นน้องมันก็ตัดกันไม่ขาดหรอกนะครับ แถมพี่ทั้งสองยังเป็นแฝดกันอีกแค่พี่กล้าที่จะเอ่ยปากขอโทษ ผมว่าพี่รักจะต้องให้อภัยพี่แน่ ๆ”

      
            ผมสบตาน้องผ่านม่านน้ำตา ความอึดอัดในใจตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมามันทะลักล้นออกจนกลายเป็นหยาดน้ำ ผมทรมานกับความรู้สึกผิดมาตลอด ช่วงนั้นผมต้องเข้ารับการบำบัดกับอาจารย์ของตัวเองด้วยซ้ำ

      
            เรื่องราวครั้งนั้นมันทำให้ผมระแวงทุกความสัมพันธ์จึงไม่คิดจะคบใครอีกจนกระทั่งมาเจอน้อง แต่ก็นั่นแหละความกลัวมันยังคงอยู่ ผมจึงไปตามสืบเรื่องน้องมาผมสมควรเพื่อให้แน่ใจว่าน้องไม่มีใคร และถึงค่อยกล้าที่จะให้ใจกับคนตรงหน้านี้ไป

      
            “แล้วกันต์ล่ะ” พยายามตั้งสติและหยุดร้องไห้พลางจ้องน้องอย่างอ้อนวอน “กันต์จะให้ให้อภัยพี่ไหม” ขอร้องการอภัยจากคนของชีวิตและหัวใจเพราะถ้าน้องเลือกที่จะไป ผมคงพังทลายไม่เหลือชิ้นดี

      
            “ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมพี่ต้องปิดบังผม ต้องโกหกผมเรื่องสถานะของคุณลิน แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว ผมให้อภัยพี่นะแต่ความรู้สึกข้างในมันคงต้องใช้เวลา”

      
            “เท่านี้พี่ก็ขอบคุณมากแล้วจริง ๆ ครับ ขอบคุณมากจริง ๆ นะ พี่ไม่อยากสัญญาแต่พี่จะตั้งใจสร้างความรู้สึกของเราที่มันพังไปแล้วให้มันดียิ่งกว่าเดิม ถ้าอย่างนั้นพี่ขอโอกาสได้ไหมครับ ... ขอโอกาสให้พี่ ... ” ผมเว้นจังหวะสูดลมหายใจเข้าเพื่อให้กำลังใจตัวเอง ก่อนจะเขยิบตัวลงไปนั่งคุกเข่าอยู่ด้านหน้าของน้อง

      
            “?”

      
            “ขอโอกาสให้พี่ได้เป็นคู่ชีวิตและเป็นคนรักของกันต์ได้ไหมครับ?” แม้มันไม่มีความโรแมนติกอย่างที่เคยคิดจะทำให้น้อง แต่ผมกลับรู้สึกว่านี่เป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วที่ผมจะพูดมันออกไป
   
      
            กันต์ยังคงเงียบและมองผมอยู่แบบนั้น ทำให้ผมพยายามพูดต่ออีกครั้งจะหาว่าโน้มน้าวใจน้องก็ย่อมได้ หรือจะเรียกว่าตัดพ้อขอให้น้องเห็นใจก็ได้อยู่เหมือนกัน “พี่รักกันต์นะ หลายวันที่ผ่านมามันทำให้พี่แน่ใจว่าพี่รักกันมากกว่าที่คิด”

      
            “พี่คิดดีแล้วเหรอครับ”
      
      
            “ครับ ไม่ใช่แค่กันต์ที่กลัว พี่ก็กลัวเหมือนกัน แต่ถ้าเราจับมือก้าวผ่านความกลัวทุกอย่างไปด้วยกัน พี่ว่ามันต้องดีกว่าแน่ ๆ” ผมกระชับมือน้องเอาไว้แน่นหนาพร้อมกับมองคนตรงหน้าด้วยสายตาวาดหวัง

      
            “ครับ ลองดูครับ” น้องตอบเสียงอ้อมแอ้มคล้ายจะเขินอายหน่อย ๆ สองมือเรียวจับกระชับคืนมาจนทำให้ผมรู้สึกอุ่นไปทั้งหัวใจ ก่อนจะหยัดตัวยืนเข่าแล้วสอดแขนไปรอบเอวน้องช้า ๆ แล้วกอดน้องจนแทบจะจมลงไปกับอก

      
            “ขอบคุณนะครับ ขอบคุณจริง ๆ” ผมซบลงกับลาดไหล่ที่บางกว่าผมคนนี้ตั้งเยอะแต่สามารถแบกรับความรู้สึกต่าง ๆ รับมือกับหลายอย่างได้ดีกว่าผมเสียอีก

      
            ผมไม่สามารถบรรยายความรู้สึกตอนนี้ออกมาเป็นคำพูดได้เลย มันเหมือนกับว่าอะไรบางอย่างภายในที่ว่างเปล่ามาตลอดทั้งชีวิตถูกเติมเต็ม ราวกับสลักความต้องการมันถูกปลดล็อกออกจนหมดสิ้น เราโอบกอดกันด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มีและแม้ว่าบางส่วนจะแตกสลายไป ผมก็เชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไปเราจะสามารถสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้โดยไม่ต้องไปกอบกู้ซากปรักหักพังให้เจ็บซ้ำ

      
            จากนั่งกอดก็ขยับตัวขึ้นมานั่งพิงพนักโซฟาแล้วดึงกายผอมของน้องให้ซ้อนตัก ปล่อยให้ร่างกายได้สัมผัสไออุ่นซึ่งกันและกัน แต่เชื่อผมเถอะว่าความต้องการลึก ๆ ในตอนนี้มันไม่ได้หยุดอยู่ที่กอดกันเลย

      
            ถ้าน้องรู้มีหวังผมหัวแบะแน่นอน

      
            ผมยังใช้ความเนียนของตัวเองถูไถปลายจมูกไปทั่วกลุ่มผมและกรอบหน้าของน้อง จนกระทั่งวนกลับมาที่ริมฝีปากอิ่มที่ถูกน้องขบกัดเอาไว้เบา ๆ ยิ่งมองก็ยิ่งอยากสัมผัส ผมเลื่อนใบหน้าตัวเองเข้าไปใกล้จนระยะห่างของปากเราเหลือเพียงนิดเดียว และค้างไว้อยู่เช่นนั้นก่อนจะสบตาน้องเป็นการขออนุญาต

      
            ทันทีที่ดวงตาเรียวเล็กปิดลงผมจึงถือวิสาสะว่านั่นเป็นคำอนุญาต แนบชิดอวัยวะเดียวกันให้ประกบเข้าด้วยกัน ลองลิ้มชิมรสสัมผัสความนุ่มนิ่มที่ต่อไปนี้จะมีเพียงแค่ผมที่ได้สามารถแตะต้องได้ ผมจบอยู่เพียงแค่เท่านั้นไม่ได้รุกล้ำเข้าไปให้น้องรู้สึกไม่ดี

      
            “พี่รักกันต์นะ ... พี่รักกันต์” ผมพูดในขณะที่ยังไม่ได้ขยับไปไหน มุมปากเล็กนั่นยกขึ้นจนกลายเป็นรอยยิ้มที่ผมคิดถึงมาตลอดหลายวันนี้ ก่อนจะถูกเจ้ากระต่ายโอบรอบคอแล้วกดจูบลงมาเสียเอง เรียวลิ้นเล็กของน้องแตะไประหว่างรอยแยกของริมฝีปาก ผมเผลอหยุดหายใจแต่สุดท้ายก็ยอมเปิดปากให้คนซนเข้ามา

      
            ความหวานของจูบที่ใครเขาว่ากัน ในวันนี้ผมค้นพบแล้วว่ามันไม่ใช่รสชาติภายในโพรงปากแต่มันหวานด้วยความรู้สึกของคนทั้งสอง หวานจนผมไม่อยากจะละจากไปไหน

      
            “อ อื้อ พี่แทน”

      
            แต่ก่อนที่มันจะเลยเถิดจนหยุดไม่อยู่ เสียงของน้องก็เรียกสติผมขึ้นมาอีกครั้งและพบว่ามือทั้งสองของตัวเองกำลังสัมผัสกับเอวภายใต้เสื้อเชิ้ตของน้อง ก็ว่าทำไมมันนิ่มจัง แต่ให้ตายเถอะเลือดจะขึ้นหน้า แทนที่ผมจะปล่อยมือออกกลับกระชับเอวน้องเอาไว้แน่นจนเจ้าตัวส่งเสียงประท้วง

      
            “พี่แทน” เสียงของกระต่ายน้องอ้อมแอ้มในคอมาพร้อมกับดวงตาที่ช้อนมองมา ยิ่งทำให้ผมไม่อยากหยุดแต่ก็ต้องห้ามตัวเองเอาไว้ จึงสูดลมหายใจเพื่อตั้งสติบอกลูกชายตัวเองให้กลับไปสงบแล้วค่อย ๆ ถอนมือออกจากเอว

      
            “หนูอย่าขยับ”

      
            “ห้ามเรียกหนู!” กระต่ายพยศตีลงมาที่แขนของผมอย่างไม่เบาแรง แต่หน้าที่ขึ้นสีแดงนั่นทำให้ผมรู้ว่าน้องไม่ได้โกรธอะไรจริงจัง น้องทำท่าจะลุกขึ้นจากตักผมแต่คงเพราะนั่งนานเหน็บชาจึงทักทาย ทำให้ทรุดฮวบลงที่หน้าขาผมเช่นเดิม

      
            แต่เหมือนน้องจะไม่รับรู้ถึงอันตรายอะไรเพราะยังขยับตัว ขยับขาเพื่อคลายความเหน็บชาอยู่แบบนั้น มันจะไม่เป็นอะไรเลยถ้าน้องไม่ได้นั่งคาบเอวผมและความนุ่มนิ่มของน้องกำลังปลุกให้ไอ้แทนน้อยตื่น ให้ตายเถอะกระต่ายตัวซน

      
            “ไปอาบน้ำไหม จะได้สบายตัว” ฟ้าเริ่มหม่นแสงคิดเอาเองในหัวว่ามื้อเย็นจะพาน้องไปดินเนอร์ร้านสวย ๆ สักหน่อยเป็นการฉลอง

      
            “ขี้เกียจอ่า”

      
            “ไม่ดื้อสิ เดี๋ยวตอนเย็นพี่พาไปดินเนอร์ดีไหม”
   
      
            “กันต์อยากกินบุฟเฟ่ต์ทะเล พี่แทนพากันต์ไปนะ ...​ นะ ๆ” เอาล่ะสิแล้วคนรักกระต่าย หลงกระต่ายจะตายจะฝ่าฝืนอะไรได้นอกจากยอมพยักหน้า แม้ร้านในหัวจะคิดไว้คือ roof top ตามโรงแรมก็เถอะ

      
            “ได้ครับ งั้นไปอาบน้ำนะ เดี๋ยวพี่ดูร้านให้”

      
            “โอเคครับ ขอบคุณนะครับ” น้องลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งไปทางห้องนอน ผมหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงที่ร่าเริงและรอยยิ้มหวานจากคนรักที่พ่วงตำแหน่งคู่ชีวิต ทำหน้าที่พ่อบ้านด้วยการเสิร์ชหาร้านอาหารตามใจคุณเขา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจ้าเด็กที่ผมบอกให้ไปอาบน้ำวิ่งกลับมาพร้อมกับผ้าผืนเดียวพันรอบเอว

      
            “ก กันต์”

      
            “กันต์ลืม ฟอด! ขอบคุณจริง ๆ นะครับ” ผมเผลอนิ่งค้างไปกับความขาวที่กระแทกตาเข้าอย่างจังไหนจะยังทำตัวซนวิ่งมาหอมแก้มอีก ให้ตาย ๆ สงสัยต้องไปวัดความดันกับตรวจคลื่นหัวใจหน่อยแล้ว กลัวจะวายไปเสียก่อน

      
            “แต่เอ๊ะ ...​” เมื่อกี้ถ้าผมเห็นไม่ผิดเลขบนอกยังไม่กลับมาที่ 50 แม้จะขยับมาใกล้กว่าเดิมแล้วแต่ก็ยังห่างอยู่ดี ลุกขึ้นเดินเข้าห้องไปยืนหน้ากระจกถกเสื้อตัวเองขึ้นดูบ้าง

      
            จากยี่สิบกว่า ๆ ขยับมาที่สี่สิบ

      
            “กันต์ครับ!!” ผมเดินไปหน้าประตูห้องน้ำตะโกนฝ่าเสียงสายน้ำเข้าไป

      
            “ครับพี่แทน”

      
            “เลขของกันต์เท่าไรแล้วครับ”

      
            “​… 60 ครับ เอ๋ ทำไมมันไม่กลับมาที่ 50 ล่ะครับพี่แทน!”

      
            “อย่าคิดมากเลยครับ เดี๋ยวมันก็คงจะดีขึ้น” ผมเอ่ยปลอบไม่ให้น้องวิตก แต่ตัวเองกลับมานั่งกุมขมับคิดว่าเพราะอะไรทำไมตัวเลขถึงไม่กลับมาที่เดิม

      
            หรือเป็นเพราะครั้งนี้เราผิดใจกันค่อนข้างรุนแรง การกอด การจูบจะไม่ส่งผล

      
            นัยน์ตาเบิกกว้างพร้อมกับรีบเงยหน้ามองตัวเองผ่านกระจก หูของผมกำลังแดงจัดเชียวล่ะ! จู่ ๆ ภาพของน้องที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเมื่อครู่ก็วิ่งย้อนกลับเข้ามาในหัว หัวใจเต้นกระหน่ำจนแทบจับจังหวะไม่ได้ ผมค่อนข้างแน่ใจว่าความคิดตัวเองถูกต้องอยู่เหมือนกัน

      
            ทางเดียวที่จะทำให้เรากลับมาเป็นคู่ที่สมบูรณ์ได้อีกครั้ง ต้องทำการชาร์จแบตความเป็นคู่กันด้วยขั้นตอนสูงสุด!

      
            “บ้าเอ๊ย”









To be continued.
_____________________________________

TALK : อย่าเพิ่งเกลียดนังพี่พระเอกของเลาาา
พี่เขากลับมาทวงบัลลังก์แล้ววว อิอิ

ตอนนี้เขียนยากมาก เราเขียน ๆ ลบๆ อยู่หลายครั้งเลย
เพราะกลัวว่าจะอ่านไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจตรงไหนถามได้เลยนะคะ

ส่วนอะไรที่ยังค้างอยู่ในตอนนี้จะมีในตอนต่อ ๆ ไป
รวมถึงสิ่งที่อยู่ในความคิดของพี่แทนด้วย *กัดหมอนแน่น*
ฝากคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้กันด้วยน้า

TWITTER



#ครึ่งชีวิตของผม

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
แหม่ ง้อน้องขั้นสุดอ้ะ

แล้วตัวเลขของรักล่ะ  ความรักที่เป็นทุกข์ทำให้เลขลดลงไหม

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
สิบตอนที่ผ่านมาทำให้เห็นได้เลยว่าไม่มีใครดีได้ทุกอย่าง
ทั้งพี่และน้องต่างก็มีเรื่องของตัวเอง แต่ก็เคลียร์กันได้แล้วว
แล้วต้องง้อน้องแบบขั้นสุดงี้เหรอ
ดินเนอร์นี้ท่าทางจะเป็นบุฟเฟต์ทะเลหวานสินะคะ

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___

CHAPTER 11

I still remember the night i fell in love with you.






      
            กันต์ใช้เวลาอาบน้ำนานกว่าปกติเล็กน้อยอาจเป็นเพราะสายน้ำเย็น ๆ ที่ไหลผ่านร่างกายทำให้ผ่อนคลายจากเรื่องราวเครียดที่กัดกินใจเขาตลอดหลายวันที่ผ่านมา และพอได้ใช้เวลากับตัวเองก็ย้อนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะจากพี่แทนคุณหรือพี่แทนรักก็ทำให้เขาสะเทือนใจทั้งนั้น อีกทั้งยังรู้สึกไม่ดีกับผู้หญิงอย่างนิลินมากขึ้นไปอีกเพราะผู้ชายดี ๆ สองคนไม่ควรมาเจอคนเห็นแก่ตัวเองแบบนี้เลย

      
            ทุกอย่างที่ได้ฟังใช่ว่าจะทำให้ความรู้สึกเขากลับมาเป็นปกติได้ทั้งหมด เรียกว่าเข้าใจได้น่าจะดีกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมาจากเพราะความไม่รู้และความเห็นแก่ตัวของคน จะให้เขากล่าวโทษใครไปตอนนี้มันก็เท่านั้น ได้แต่หวังว่าเวลาจะช่วยเยียวยาพี่ทั้งสองคน

      
            และเพราะเรื่องนี้ทำให้กันต์เรียนรู้ว่าต่อให้เป็นคู่ชะตาฟ้าลิขิตอย่างไรก็ใช่ว่าจะเข้ากันได้ดีเสมอไป จริงอยู่คนที่เป็นคู่แท้ย่อมต้องเข้ากันได้ดีกว่าคนอื่น ถึงอย่างนั้นทุกคนก็เป็นปุถุชนที่ต้องมีกิเลสในใจตัวเอง ต่อให้ฟ้ากำหนดว่าเป็นคู่กันแต่ถ้าไม่รัก ไม่ซื่อสัตย์ หัวใจมันไม่ได้สัมพันธ์กับร่างกาย ความเป็นคู่กันก็ไม่ได้เกิดประโยชน์

      
            ถ้าเมื่อใดในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่แปรผกผันกันนั่นก็ย่อมเจ็บปวดเป็นธรรมดา แต่ทุกคนมีทางเลือกเป็นของตัวเอง เมื่อเป็นเช่นนี้เขาก็ได้แต่หวังว่าพี่แทนรักจะเลือกทางที่ตัวเองบาดเจ็บน้อยที่สุด

      
            แต่เรื่องของคนอื่นน่ะช่างมันก่อนแค่เรื่องของตัวเองยังเอาไม่รอด เมื่อครู่ที่พี่เขาถามว่าตัวเลขกลับมาที่ 50 หรือยัง เขาเองก็ไม่ทันได้สังเกตเพิ่งมาเห็นเหมือนกันว่ามันยังไม่กลับมาปกติ เพียงเท่านี้ก็รู้ว่าการปรับความเข้าใจ การสัมผัสที่ทำกันอย่างทุกครั้งยังไม่เพียงพอกับความรู้สึกที่เสียไป


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

      
            “กันต์ ... กันต์! เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมอาบน้ำนานจัง” เสียงเจ้าของห้องดังเข้ามาทำให้กันต์รีบปิดฝักบัวและห่อหุ้มร่างกายด้วยผ้าเช็ดตัว สำนึกได้ว่าอาบนานเกินไปจริง ๆ ก็ตอนเห็นนิ้วมือตัวเองเปื่อยย่น

      
            “ครับ ๆ เสร็จแล้วครับ กันต์กำลังแต่งตัวอยู่”

      
            ตุ๊กตาหน้ารถหนึ่งเดียวเหลือบมองร่างสูงใหญ่ของคนด้านข้างด้วยความสงสัย ตั้งแต่ออกมาจากห้องพี่เขาก็ดูเหมือนมีอะไรในใจ แต่กันต์ก็ไม่ใช่คนชอบเซ้าซี้จึงอดทนรอให้พี่เขาเป็นฝ่ายพูดเองคงจะดีกว่า ดูท่าทางแล้วไม่น่าใช่เรื่องใหญ่อะไรมากนักหรอกมั้ง แค่เหมือนคนกำลังใช้ความคิดตลอดเวลาเท่านั้น

      
            จากคอนโดมาถึงร้านบุฟเฟ่ต์อาหารทะเลแถบชานเมืองใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง ดีที่ว่าแทนคุณโทรมาจองโต๊ะก่อนไม่อย่างนั้นช่วงเวลามื้อเย็นแบบนี้โต๊ะคงจะเต็มแน่นอน เข้ามาถึงด้านในพนักงานของทางร้านพามาจนถึงโต๊ะที่จองเอาไว้เป็นโต๊ะสำหรับสองที่นั่งติดริมทะเลสาบของทางร้าน ลมเย็นกับท้องฟ้ายามโพล้เพล้ประดับแสงสีม่วงอมส้มส่งผลให้ดูโรแมนติกมากกว่าที่คิด

      
            “ร้านสวยมากเลยครับพี่แทน กันต์ไม่เคยมาร้านนี้เลย พี่แทนรู้จักได้ยังไง” คนน้องที่กำลังตื่นเต้นกับบรรยากาศร้านและส่วนกลางบุฟเฟ่ต์ที่เต็มไปด้วยอาหารทะเลสด ๆ มากมายเอ่ยถามด้วยแววตาพราวระยับ

      
            “ร้านของคนรู้จักพี่เอง”

      
            “ดีจัง ขอบคุณนะครับ”

      
            “เอ้าสั่งซะ อยากกินอะไรก็เต็มที่เลยนะ” แทนคุณพูดพลางเลื่อนเมนูไปให้น้องพร้อมลูบหัวเล็กน้อยก่อนจะได้รับรอยยิ้มคืนมา เพียงแค่รอยยิ้มของน้องนี่แหละที่คนอย่างเขายอมพาตัวเองขับรถนาน ๆ มาถึงนี่ เพราะเป็นคน ๆ นี้แทนคุณจึงยอมทุกอย่าง

      
            “กันต์ขอถ่ายรูปก่อนนะพี่” กันต์รีบพูดทันทีที่อาหารทยอยเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ คนเด็กกว่ากระตือรือร้นดูอารมณ์ดีจนคนพามาก็ดีใจ

      
            ร้านบุฟเฟ่ต์ทะเลแห่งนี้เป็นร้านที่เพียงแค่สั่งว่าอยากได้อะไร แบบไหน เท่าไร เขาก็จะไปจัดมาเสิร์ฟให้ บริการดี บรรยากาศเป็นใจ อาหารก็สด แน่นอนอยู่แล้วว่าราคาไม่มีทางธรรมดา แต่ก็อีกนั่นแหละเพื่อกระต่ายตัวน้อยแล้วแทนคุณยอมจ่าย

      
            “พี่แทนกินเถอะครับ เดี๋ยวกันต์แกะเองก็ได้” กันต์เอ่ยปากอย่างเกรงใจเมื่อพี่เขาเอาแต่แกะกุ้งกับปูให้เเสียจนเต็มจานต่างจากจานตัวเองที่มีแค่เปลือกเท่านั้น

      
            “เดี๋ยวพี่แกะให้เราก่อนก็ได้ จะได้ไม่เจ็บมือ”

      
            “พี่แทน กันต์เป็นผู้ชายนะไอ้พวกนี้กันต์กินเองแกะเองได้สบายมาก” คนน้องเถียงอีกครั้งด้วยความไม่คุ้นชินกับการถูกตามใจเท่าไรนัก เคยแต่เป็นฝ่ายตามใจคนอื่นเขา

      
            “พี่แค่เป็นห่วงแล้วก็อยากทำให้เฉย ๆ ... โอเค งั้นตัวนี้ตัวสุดท้าย” แทนคุณยอมวางกุ้งตัวสุดท้ายลงบนจานน้องแล้วหันมาแกะให้ตัวเอง กันต์อมยิ้มเมื่อเห็นคนโตกว่านั่งกินเงียบ ๆ ไม่หือไม่อือ กลายเป็นตอนนี้เขาโดนคนแก่งอนเสียแล้ว

      
            “พี่แทนครับ อ้าม อ้ามเร็ว” กุ้งตัวขาวอวบอาบไปด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดดูน่ากินถูกยื่นมาตรงหน้าของแทนคุณพร้อมกับรอยยิ้มของกันต์ที่หวานกว่ารสเนื้อกุ้งเสียอีก

      
            “ขอบคุณครับ” เพียงแค่เท่านี้คนที่แอบน้อยใจก็หายเป็นปลิดทิ้งราวกับเมื่อครู่ไม่ได้งอนน้องแต่อย่างใด

      
            ใช้เวลาอยู่กับอาหารทะเลตรงหน้าจนเกือบครบเวลา คนตัวผอมนั่งลูบพุงน้อย ๆ ของตัวเองที่ยื่นออกมาเพราะกุ้งหอยปูปลาเต็มกระเพาะ

      
            “หนังท้องตึงหนังตาหย่อนเลยนะ”

      
            “ฮื่อ อิ่มมากเลยพี่แทน ไม่ได้กินบุฟเฟ่ต์มานานแล้วอ่ะพอวันนี้มากินก็กินจนเหนื่อยเลย” หลังจากจัดการค่าอาหารที่แทนคุณไม่ยอมให้น้องช่วยจ่ายเสร็จเรียบร้อยก็พากันเดินออกจากร้าน ด้วยสภาพที่แทนคุณต้องคอยจับแขนคนเด็กกว่าเอาไว้เพราะดูท่าจะอิ่มจนเดินไม่ไหว

      
            “พรุ่งนี้ไม่มีเรียนใช่ไหม” แทนคุณหันมาถามเด็กน้อยของตัวเองที่นั่งเอนหลังเอียงหน้ามาทางนี้

      
            “ใช่ครับ”

      
            “งั้นพักแถวนี้สักคืนดีไหม พี่ไม่ไหวขับรถเข้าเมืองแล้วล่ะ”

      
            “แล้วพรุ่งนี้พี่ไม่ทำงานเหรอ”

      
            “ลาที่โรง’บาลไป 3 วันน่ะ”

      
            กันต์อยากจะแย้งแต่ก็ไม่อยากเถียงกับคนขับเพราะกว่าจะถึงคอนโดคงดึกมากแน่ ไหนจะก่อนหน้านี้เรายังทะเลาะกันหนักหน่วงถ้าได้ใช้เวลาด้วยกันสักหน่อยก็น่าจะดี จึงพยักหน้ารับก่อนจะปิดเปลือกตาลงอย่างง่วงงุนไม่รับรู้อะไรอีก

      
            แทนคุณขับห่างออกจากร้านอาหารแวะร้านขายเสื้อผ้าริมทางและร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อของใช้จำเป็นให้เรียบร้อย และขับต่อไปไม่กี่อึดใจก็มาถึงโรงแรมมชายทะเลไม่ไกลจากตัวเมืองหลวงเท่าไรนัก ความเงียบสงบของบ้านพักแต่ละหลังที่เรียงตัวกันริมทะเล นั่นทำให้แทนคุณคิดว่ามันคงจะดีไม่น้อยถ้าเขาและน้องได้สร้างความรู้สึกและความทรงจำดี ๆ ร่วมกันที่นี่

      
            “กันต์ตื่นก่อนครับ ถึงโรงแรมแล้วนะ”

      
            คนถูกปลุกทำหน้างอแงใส่แต่ก็ยอมลงจากรถเดินตามพี่เขาไปต้อย ๆ แต่พอเข้ามาถึงด้านในคนที่ง่วงเมื่อครู่ก็ตาสว่างเมื่อเห็นบริเวณโดยรอบของโรงแรมเป็นทะเล อีกทั้งการตกแต่งสไตล์ลอฟต์ก็ดูดีจนอดตื่นเต้นไม่ได้

      
            “เชิญทางนี้ครับ”

      
            พนักงานโรงแรมพามาขึ้นรถกอล์ฟเพื่อไปส่งยังบ้านพักที่แทนคุณได้เลือกเอาไว้ บ้านพักขนาดเล็กหนึ่งห้องนอนที่อยู่ห่างไกลจากล็อบบี้และนักท่องเที่ยว ส่วนคนน้องก็ไม่ได้สนใจอะไรมัวแต่มองบรรยากาศข้างทางไม่ได้สังเกตเลยว่า แววตาอบอุ่นใจดีของพี่เขาตอนนี้กำลังวาววับแค่ไหน

      
            “ยังง่วงอยู่หรือเปล่า” แทนคุณเดินเข้าไปยืนซ้อนหลังคนน้องที่กำลังดื่มด่ำกับบรรยากาศทะเลยามค่ำคืนอยู่

      
            “ไม่เลย ตอนนี้กันต์ตาสว่างมาก พี่แทนขับรถมาเหนื่อย ๆ ไปอาบน้ำแล้วนอนพักไหมครับ” แทนคุณส่ายหน้าก่อนจะวาดแขนโอบรอบเอวของน้องพลางวางคางลงบนบ่าแคบ

      
            คนถูกอ้อนกลาย ๆ อมยิ้มพลางวางมือทาบทับลงกับฝ่ามือใหญ่ ใบหน้าของพี่เขาซุกซบลงกับซอกคอและลาดไหล่อย่างถือโอกาส แต่เจ้าของร่างกายก็ไม่ได้คิดปริปากบ่นอะไรเพราะตอนนี้กันต์กำลังรู้สึกดีมากทีเดียว การที่เราได้เป็นที่รัก เป็นที่ต้องการของใครสักคนโดยไม่ต้องพยายามให้เหนื่อยมันดีจริง ๆ

      
            “ชอบไหม”

      
            “หมายถึงทะเล?”

      
            “หมายถึงพี่”

      
            “ฮ่ะ ๆ ... ไม่ว่าทะเลหรือพี่ กันต์ก็ชอบหมดนั่นแหละครับ” กันต์เอียงหน้าหลบสายตาคมกริบของคนพี่ที่จ้องไม่วางตา เขินจนอยากจะเดินหนีแต่ก็ติดว่าเอวยังถูกรวบกอดเอาไว้อย่างแน่นหนา

      
            “กันต์” เสียงเรียกชื่อมาพร้อมกับปลายจมูกโด่งที่คลอเคลียอยู่ข้างแก้ม ทำเอาคนถูกเรียกถึงกับขนลุกซู่ทำตัวไม่ถูกกับการกระทำของพี่เขา

      
            “ครับ”

      
            “พี่ขอบคุณจริง ๆ นะที่ยอมฟังพี่และยังอยู่กับพี่ตรงนี้” กันต์คล้ายกับคนหูอื้อตาพร่าไปหมดเมื่อคนด้านหลังไม่ยอมพูดเปล่ากลับทั้งคลอเคลียทั้งกดจูบย้ำ ๆ อยู่ข้างแก้มและซอกคอ มือขาวกำราวระเบียงบ้านเอาไว้แน่นเพื่อตั้งสติตัวเอง

      
            “ค ครับ อื้อ พี่แทน ​.. เดี๋ยวครับ อื้อ ฟังกันต์พูดก่อน” คนถูกหยอกเย้าขืนตัวเอาไว้แล้วดันพี่เขาให้ห่างออกจากกายเล็กน้อยก่อนจะหันมาเผชิญหน้าจึงได้สบเข้ากับดวงตาคมกริบที่มองมา กันต์กำลังรู้สึกราวกับว่าตัวเองเปลือยเปล่าเพียงแค่ถูกจับจ้อง ทำเอาเลือดลมในกายพุ่งทะยานจนผิวขาว ๆ เริ่มแดงเถือก

      
            “หืม ว่าไงครับ” แทนคุณกักตัวน้องเอาไว้ด้วยแขนทั้งสองข้างที่วางลงราวระเบียง

      
            “กันต์อยากจะขอว่า ต่อไปนี้มีอะไรก็คุยกันบอกกันตรง ๆ นะ”

      
            แทนคุณอยากจะบ้าตายจากตอนแรกที่ถูกน้องดันออกมาแต่ตอนนี้กลับถูกกระต่ายใช้ดวงตากลมสีดำสนิทของตัวเองช้อนมอง น้องอาจจะทำไปโดยไม่รู้ตัวแต่เขาที่ใจไม่บริสุทธิ์แต่แรกนี่สิที่กำลังจะคลั่งตาย

      
            “ตกลงครับ”

      
            “งั้นเรา— อื้อ!!”

      
            ปากเล็กที่ขยับขมุบขมิบแลดูนุ่มนิ่มถูกคนเจ้าเล่ห์ครอบครองอย่างไม่ทันตั้งตัว ถึงอย่างนั้นกันต์ก็ไม่ได้ขัดขืนปล่อยให้อีกคนตักตวงจากริมฝีปากตัวเองพลางจูบตอบกลับไป

      
            แทนคุณผละออกมาแล้วใช้นิ้วมือลูบไล้ปากเริ่มบวมเจ่อของน้องเบา ๆ เป็นการขอโทษเพราะเมื่อครู่อดใจไม่ไหวจึงใจร้อนใส่ ถึงจะกลัวอีกฝ่ายเจ็บแต่ก็ยังไม่ยอมเลิกคลอเคลีย ปลายจมูกโด่งไล้ไปตามแก้มนุ่มจนถึงลำคอยาวที่เชิดขึ้นเล็กน้อย ทำให้กลายเป็นเปิดทางให้คนเลี้ยงกระต่ายแสนเจ้าเล่ห์ได้สัมผัส แรงขบและดูดเบา ๆ ก็ทำให้เป็นรอยแดงจาง ๆ ได้เหมือนกัน

      
            “พี่ขอได้ไหม”

      
            กันต์ไม่ใช่คนไร้เดียงสาขนาดนั้นการสัมผัสกันมันเป็นเรื่องปกติของคนรักกัน และรู้ดีว่าอารมณ์ของเราทั้งคู่ในเวลานี้มันมากเกินกว่าใกล้ชิดทั่วไปที่เคยทำกันมา ก็พอจะเดาเหตุผลที่ทำให้พี่เขาเป็นแบบนี้ได้อาจจะเพราะตัวเลขบนอกของเราหรืออาจจะเป็นเพราะบรรยากาศและอารมณ์ที่พาไป แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้กันต์คิดจะปฏิเสธ เพราะไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรกันต์ก็ยินยอมที่จะเป็นของพี่เขาทั้งหมด

      
            ดวงตาเรียวที่เปิดอยู่เพื่อสบตาคนตรงหน้าค้นหาความมั่นใจก่อนจะค่อย ๆ ปิดลงเป็นเชิงยินยอมเรื่องราวต่อจากนี้ เพราะความรู้สึกที่ตรงกัน ความต้องการที่เหมือนกัน นั่นจึงทำให้กันต์ยอมปล่อยทั้งหัวใจและร่างกายของตัวเองให้กับอีกคนช่วยดูแล

      
            แทนคุณดึงน้องให้นั่งลงทับตักตัวเองโดยที่ริมฝีปากของเราทั้งคู่โรมรันไม่ห่างกันสักวินาที มือทั้งสองวางลงบนเอวของน้องบีบเค้นอย่างมันส์มือ ไม่ต้องเดาก็คงจะรู้ว่าตอนนี้ผิวเนื้อขาวของกันต์กำลังแดงจัดจากฝีมือของเขา

      
            “อ อื้อ”

      
            ใบหน้าน่ารักราวกับกระต่ายในสายตาของแทนคุณเชิดขึ้นเมื่อถูกโอ้โลมจนตัวกันต์อ่อนปวกเปียก ต่างคนต่างช่วยกันปลดกระดุมเสื้อจนกระทั่งร่างของเราทั้งคู่เปลือยเปล่า

      
            ภายใต้ร่มผ้าที่แทนคุณได้เห็นนั้นทำเอาแทบจะอดใจไม่ไหว น้องที่แม้จะตัวเล็กกว่าเขาแต่ก็ยังสูงโปร่งทำให้ร่างกายส่วนบนดูเพรียวระหง ช่วงเอวบางทว่าก็มีน้ำมีนวลเล็กน้อยจากความเป็นคนชอบกิน ไหนจะยังจุดเล็ก ๆ สีอ่อนทั้งสองข้างของน้องดูน่ารักน่ารังแกจนแทนคุณรีบใช้ปากของตัวเองเพื่อทำการครอบครอง

      
            “พ พี่แทน อื้อ ฮะ อึก”

      
            เพราะอกทั้งสองข้างถูกสัมผัสจากการโลมเลียและดูดดุนทำให้ร่างกายของกันต์บิดพริ้วไปมาเพราะความรู้สึกหวิวไหวตีขึ้นมาในช่วงท้อง ในขณะที่แผ่นหลังแอ่นสู้กับริมฝีปากของพี่เขา ช่วงสะโพกก็ขยับไปมาเสียดสีกับหน้าขาของอีกฝ่ายจนทำให้อะไร ๆ สัมผัสกัน

      
            “เข้าไปในห้องกันดีกว่า” แทนคุณช้อนใต้สะโพกของน้องอุ้มพากลับเข้ามาในห้อง ด้วยกลัวว่าถ้าจะบรรเลงเพลงรักริมระเบียงท่ามกลางอากาศเย็น ๆ ในช่วงกลางคืนน้องจะไม่สบายไปเสียก่อน

      
            แผ่นหลังเปลือยสัมผัสกับความนุ่มของที่นอนร่างกายปล่อยไปตามแรงโน้มถ่วง ทั้งเนื้อทั้งตัวของกันต์เหลือเพียงกางเกงเท่านั้นที่ต่อมาก็ถูกแทนคุณลอกคราบออกจนเหลือเพียงแต่ผิวหนัง เฉกเช่นเดียวกันกับร่างกายสูงใหญ่ตามกรรมพันธุ์และการออกกำลังกายของแทนคุณก็ไร้อาภรณ์ปกคลุม จึงทำให้เห็นกล้ามเนื้อทุกสัดส่วน  คนตัวโตยืนเข่าอยู่ปลายเตียงมองน้องที่นอนบิดกายไปมาอย่างเขินอายด้วยแววตาที่สื่ออารมณ์ทุกอย่าง

      
            เขาเข้าไปสอดหน้าขาข้างใต้ร่างของน้องทำให้ช่วงสะโพกลอยไม่ติดพื้นเตียง ก้อนเนื้อนุ่มทั้งสองด้านหลังแนบไปกับต้นขาแกร่ง แทนคุณมองตัวเลขสีเหลืองบนตำแหน่งขั้วหัวใจที่กำลังวิ่งวนไปมาก่อนจะกดจูบลงไป กดย้ำอยู่แบบนั้นทำเอาคนถูกจูบเขินอายแต่ก็ลุกขึ้นสู้ด้วยการจูบลงบนตำแหน่งเดียวกันบนร่างกายของพี่เขา แทนคำพูดและความรู้สึกภายใน

      
            “อ๊ะ! พ พี่!” กันต์หวีดร้องเสียงดังเมื่อถูกแตะลงบนปลายหัวมนในช่วงที่กำลังเคลิบเคลิ้มไม่ทันตั้งตัว ส่วนที่มีแต่เขาเคยสัมผัสเท่านั้นในเวลานี้กลับถูกอีกฝ่ายรับมันเข้าไปในโพรงปาก

      
            สัมผัสลามเลียตั้งแต่โคนจรดปลายแก่นทำเอาความรู้สึกลุกโชน กันต์ตัวสั่นระริก ปลายเท้าที่ลอยอยู่จิกเกร็งกลางอากาศ บิดเอวไปมาเพื่อบรรเทาเอาความเสียดเสียวแต่มันกลับยิ่งทำให้รู้สึกมากกว่าเดิม พอใกล้ถึงปลายทางกันต์พยายามดันพี่เขาออกแต่ไม่เป็นผล หยาดน้ำรินไหลและแทนคุณรับมันเข้าไปบางส่วนด้วยความเต็มใจ

      
            ส่วนกายร้อนผ่าวแตะหยอกเย้ากระเซ้าอยู่ปากทาง ทำเอาคนถูกแกล้งครางฮือออกมาอย่างน่าสงสาร สะโพกกลมส่ายไปมาเพื่อร้องขอการเติมเต็ม คนเป็นพี่ยิ้มร้ายเมื่อเห็นท่าทางยั่วยวนไม่ได้ตั้งใจของคนน้อง หลังจากเปิดปากทางได้สักพักก็ดาหน้าเข้ามาอย่างเต็มกำลัง

      
            “บ เบา พี่”

      
            แทนคุณเคยมีประสบการณ์มาบ้างแต่กับผู้ชายนี่คือครั้งแรกเช่นกัน ไม่เคยนึกถึงตอนที่ตัวเองจะมีคู่แท้เป็นผู้ชายเลยสักครั้งแม้มันจะมีโอกาสเป็นไปได้ก็ตาม แต่พอถึงเวลาแทนคุณก็พบว่ามันมีความต่างอยู่ไม่น้อย ไม่ใช่ความต่างทางเพศสภาพทว่าเป็นความต่างทางความรู้สึก

      
            การมีเซ็กส์กับการร่วมรัก เขาเพิ่งเข้าใจในตอนนี้ ตอนที่เขาค่อย ๆ ปลอบประโลมน้อง ค่อย ๆ อ่อนโยน ค่อย ๆ ใส่ตัวตนของเขาเข้าไป ตอนที่เราได้จับมือกันระหว่างจะไปถึงขั้วสุดของอารมณ์ ตอนที่เราจูบพร้อมกับมองตากัน ตอนที่ความรู้สึกของเราสอดประสานเป็นหนึ่งเดียว ตอนนั้นที่แทนคุณได้เข้าใจถึงความสัมพันธ์บางอย่างระหว่างคู่แท้ มันกำลังผูกเราเอาไว้ด้วยกันทั้งหัวใจและร่างกาย

      
            “อ่ะะ!!”

      
            ช่วงเวลาที่เสียงครางต่ำเคล้าคลอกับเสียงคลื่นลม ส่วนหนึ่งของเราทั้งคู่พุ่งทะยานคล้ายกับพลุที่ถูกจุดประกายเต็มท้องฟ้า เมื่อเราบอกรักกันผ่านภาษากายในตอนนั้นเองที่ตัวเลขสีเหลืองขยับกลับมาที่กึ่งกลาง

      
            “พี่รักกันต์”
      
      
            ในคืนนั้นเราทั้งคู่จมสู่ห้วงความฝันที่มีแต่เราทั้งสองตระกองกอดอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน เป็นคืนที่ทำลายฝันร้ายตลอดหลายวันที่ผ่านมาจนแทบหมดสิ้น รอเพียงเวลาที่จะเยียวยาเศษความรู้สึกบางอย่างให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้งเท่านั้นเอง



2 มีนาคม 2xxx

      

            หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างกันต์และแทนคุณก็ดำเนินไปได้ด้วยดี ดีเสียยิ่งกว่าดี ดั่งที่เขาบอกกันว่าหลังพายุฝนเราจะพบสายรุ้งที่สวยงาม ในตอนแรกหลังจากเลิกเรียนกันต์กะไว้ว่าจะไปหาพี่เขาที่โรงพยาบาลแต่เมื่อส่งข้อความไปก็ถูกปฏิเสธเนื่องจากวันนี้พี่เขาต้องเข้าประชุมของพวกหมอด้วยกัน อะไรสักอย่างที่เขาเองก็ไม่เข้าใจนัก

      
            นอนกลิ้งไปกลิ้งมาเพื่อรอมื้อเย็นฝีมือแม่อย่างทุกวัน เล่นเกมจนเบื่อหน่ายก็เปลี่ยนกลับมาที่แอคเคาท์ออนไลน์ต่าง ๆ ของตัวเอง สอดส่องเรื่องราวของชาวบ้านไปตามประสา จนกระทั่งโทรศัพท์สั่นเตือนข้อความเข้าเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็เกือบทำโทรศัพท์ตกใส่หน้าตัวเอง


PAANN : สวัสดี ๆ กันต์ใช่ไหม นี่แพนเองนะะ
      
      
            ตั้งแต่วันที่แลกไอดีกันไปก็เป็นครั้งแรกที่ได้คุยกัน กันต์เผลอมีความสุขจนลืมว่ายังมีอีกหนึ่งปัญหาที่กำลังรอให้แก้ไข ให้ตายเถอะ ปุณณกันต์มึงมันโง่จริง ๆ ลืมเรื่องสำคัญขนาดนี้ได้ยังไง เขาได้แต่ตีอกชกหัวตัวเอง


หวัดดีครับแพน : Punnakann


PAANN : กันต์ทำอะไรอยู่
PAANN : เราทักมากวนหรือเปล่า


เรานอนเล่นอยู่ ไม่กวน ๆ : Punnakann
แพนมีอะไรเหรอ : Punnakann


PAANN : พอดีเรามีเรื่องจะรบกวนกันต์หน่อยจ้า
PAANN : เรากำลังทำพรีเซนเทชั่นโปรเจกต์
PAANN : แล้วมันต้องถ่ายรูปงานที่เราออกแบบน่ะค่ะ
PAANN : กันต์จะมาช่วยเราได้ไหมคะ .__.
PAANN : คือ หรือถ้ากันต์ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรน้า


ถ่ายงานอะไรเหรอ พวก landscape หรือ portrait ครับ : Punnakann


PAANN : แลนด์สเคปจ้า ๆ เป็นแบบออกแบบตกแต่งห้องน่ะ


ช่วงไหนเหรอ : Punnakann


PAANN : อาทิตย์หน้าค่ะ

      
            กันต์กำลังใช้ความคิดอย่างหนักเพราะตัวเองก็พอมีฝีมือด้านนี้อยู่บ้างจากการเรียนและรับจ็อบถ่ายให้พวกรุ่นพี่มา ถ้าจะให้ช่วยก็ช่วยได้แต่คงต้องลากไอ้ดิมไปด้วยกันเพราะเขาไม่อยากให้มีปัญหาหรือมีอะไรเกิดขึ้นมากกว่าการเพื่อนช่วยงานเพื่อน


ได้นะ เดี๋ยวเราไปช่วยได้ : Punnakann
เดี๋ยวเราลากไอ้ดิมไปด้วย ไอ้นี่ก็ถ่ายรูปเก่ง : Punnakann


PAANN : หูยย ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะกันต์
PAANN : ขอโทษด้วยจริง ๆ ที่ต้องรบกวน
PAANN : เดี๋ยวงานเสร็จอยากได้อะไรอยากกินอะไรบอกได้เลยนะ
PAANN : *Sent sticker*
      
      
            เขาทำเพียงแค่กดสติกเกอร์โอเคและส่งข้อความปิดท้ายว่าจะให้ไปวันไหนก็ให้บอกได้เลย ก่อนจะกดออกจากห้องสนทนา ไม่อยากต่อให้ยาวสาวให้ยืด จากตอนแรกที่คิดจะโพล่งบอกไปเลยก็กำลังคิดว่าจะใช้โอกาสนี้สังเกตท่าทีของแพน หากมันเป็นไปอย่างที่เขาและดิมคิดก็จะได้ปฏิเสธไปให้ชัดเจนในตอนนั้น แต่ถ้าไม่ใช่ เป็นเขาคิดมากไปเอง อย่างน้อยก็จะได้ไม่เสียเพื่อน

      
            “กันต์ กันต์ครับ เย็นแล้วไปกินข้าวกัน” แรงเขย่าที่แขนและเสียงทุ้มที่กระซิบข้างหูเพื่อปลุกคนกำลังนอนหลับตาพริ้มจนลืมเวลากินข้าว

      
            “อื้อ แม่เดี๋ยวกันต์ลงไป” กระต่ายน้องของพี่แทนคุณไม่ยอมตื่นขึ้นมาง่าย ๆ หันหนีเสียงเรียกด้วยการมุดหน้าลงกับหมอนนุ่มแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมตัว แต่คนปลุกก็ไม่ย่อท้อสอดตัวแทรกเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันโอบรัดรอบตัวคนขี้เซาเอาไว้

      
            “ถ้ากันต์ไม่ตื่นไปกินข้าว กันต์จะถูกกินแทนแล้วนะ” แรงขบกัดตรงใบหูทำเอาคนนอนอยู่สะดุ้งเฮือกหันขวับมาหาตัวต้นเหตุ

      
            “พี่แทน!!”

      
            “พี่เอง”

      
            “มาได้ไงอ่ะ แล้วนี่ขึ้นมาได้ยังไง” กันต์พยายามดิ้นหนีแต่ก็ไม่เป็นผล แขนแข็งแรงทั้งสองข้างโอบรัดรอบเอวไว้แน่นไม่ปล่อยเหยื่อตัวเองไปง่าย ๆ

      
            “ก็ขับรถมา เสร็จแล้วก็เดินขึ้นมา”

      
            “ฮึ่ย ไม่ใช่สิ พี่เข้ามาในห้องกันต์ได้ยังไง แล้วพ่อกับแม่ล่ะ”

      
            “คุณพ่อกับคุณแม่นั่งรอเราอยู่ข้างล่างน่ะสิ ปะ ไปกินข้าวกัน” แทนคุณอุ้มน้องขึ้นจากที่นอนจนตัวลอย ทำเอากันต์นิ่วหน้าพลางคิดว่าตัวเบาขนาดที่พี่เขาสามารถอุ้มได้ง่าย ๆ ขนาดนี้เลยอย่างนั้นเหรอ แต่ก็คงใช่ เพราะวันนั้นพี่เขาก็อุ้ม ... เชี่ย! กันต์มึงคิดอะไรลามกวะเนี่ย

      
            “เอ้า ๆ หน้าแดง คิดอะไรลามกอยู่แน่ ๆ โดนอุ้มแค่นี้เอง”

      
            “พี่แทนอ่ะ! ปล่อยกันต์เลย ปล่อยสิครับจะล้างหน้า จะได้ไปกินข้าวไง” คนขี้แกล้งยอมปล่อยน้องลงกับพื้นพอตั้งหลักได้กระต่ายน้อยก็กระโดดพรวดเข้าห้องน้ำไป

      
            “อื้อออ พี่แทน”
      

            พอเดินออกมาจากห้องน้ำแก้มใสก็ถูกพี่เขาขโมยหอมไปฟอดใหญ่ จมูกกับปากจมลงไปกับเนื้อนุ่ม ๆ ของกันต์ ข้างเดียวไม่พอแทนคุณฟัดทั้งแก้มซ้ายแก้มขวาจนแก้มขึ้นสีแดง

      
            “ชื่นใจ หายเหนื่อยละ”

      
            “ขี้แกล้ง!” กันต์บึนปากใส่ก่อนจะรีบวิ่งหนีลงมาข้างล่าง โดยมีคนเจ้าเล่ห์เดินล้วงกระเป๋ากางเกงตามมาด้วยความขบขัน

      
            “ขอโทษที่ทำให้รอครับ” แทนคุณเอ่ยขอโทษผู้ใหญ่ทั้งสองที่ต้องรอนาน ทั้งที่เสนอตัวขออนุญาตไปปลุกน้องแต่ก็ชวนน้องเล่นจนเสียเวลา

      
            “ไม่เป็นไรจ้า นั่งเถอะ ๆ จะได้กินข้าว”

      
            บทสนทนาบนโต๊ะอาหารมีเพียงเสียงของพ่อแม่และแทนคุณเท่านั้นที่แลกเปลี่ยนเรื่องราวกันอย่างมีอรรถรส ส่วนลูกตัวจริงอย่างกันต์ได้แต่กินข้าวไปมองพ่อแม่ตัวเองและคนรักไปด้วยความสับสน ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมเขาไม่รู้

      
            “เอ้า ๆ ทำหน้างงอะไรแบบนั้นเจ้ากันต์” คนเป็นพ่อหันมาเห็นลูกชายตัวเองกำลังมองมาอย่างสงสัยก็เอ่ยแซวขึ้น

      
            “ก็งงสิพ่อ ทำไมพ่อกับแม่สนิทกับพี่แทนจังอ่ะ เพิ่งเคยเจอเองไม่ใช่เหรอ”

      
            “ไม่บอกหรอก”

      
            “พ่ออ่ะ ...​ แม่บอกกันต์หน่อย~” ถามพ่อไม่สำเร็จก็หันไปอ้อนแม่ที่นั่งอมยิ้มอย่างเดียวไม่ยอมพูด เรื่องแกล้งลูกน่ะขอให้บอกเลยเชียว พอเหลือบมองพี่เขาก็นั่งยิ้มลอยหน้าลอยตา ดูทรงแล้วคนนี้น่ะขี้แกล้งที่สุดคงไม่เล่าแน่ ๆ

      
            “เอาหน่า ไม่มีอะไรหรอก ผู้ใหญ่เขาคุยกัน แล้วเราน่ะก็อย่าดื้อกับพี่เขาให้มากรู้ไหม”

      
            “ถ้าน้องดื้อมากแทนจัดการได้เลยนะลูก แต่ยังไงแม่ก็ไม่รับคืนแล้วนะจ๊ะ”

      
            “ยินดีครับ”

      
            คนถูกแกล้งมุ่ยหน้าเมื่อถูกหยอกแต่ความรู้สึกภายในกลับเต็มตื้นและถูกเติมเต็ม เพราะชีวิตรักที่ผ่านมามีแต่ความเจ็บช้ำและไม่เที่ยงแท้ พอได้มาเจอ ได้สัมผัสกับคำว่าคู่แท้เหมือนอย่างคนอื่นเขา ก็โชคดีที่ได้เจอรักที่ดี ยินดีที่เรารู้สึกไปในทางเดียวกัน ภูมิใจที่มันเป็นมากกว่าการรักชีวิตตัวเองแต่มันคือการรักชีวิตซึ่งกันและกัน

      
            “ขับรถดี ๆ นะครับ ถึงแล้วบอกกันต์ด้วยนะ”

      
            “ครับผม คิดถึงนะครับ ขอโทษนะที่ช่วงนี้ไม่ว่างมาเจอเลย”

      
            “ไม่เป็นไรเลย กันต์เข้าใจ” เวลาว่างที่พี่เขาจัดสรรมาให้นั่นก็มากเกินกว่าที่กันต์คาดคิดแล้ว เพราะคนเป็นหมอไม่ได้มีเวลาว่างมากขนาดนั้น มีอะไรหลายอย่างที่ต้องทำและเกี่ยวพันกับชีวิตและจิตใจของผู้คน

      
            ในเมื่อเลือกแล้วที่จะรักก็ต้องเลือกที่จะเข้าใจด้วยเช่นกัน

      
            “น่ารักจริง ๆ แฟนใครวะเนี่ย” แทนคุณยีหัวน้องด้วยความมันเขี้ยว ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเล็ก ๆ ก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งแม้จะต้องนอนน้อยลงไปอีกชั่วโมง แต่เพื่อการได้เจอน้องหนึ่งชั่วโมงเขาก็ยอม

      
            “กลับเถอะพี่ ดึกแล้ว” กันต์เดินไปส่งจนถึงประตูรถก่อนจะถูกคว้าคอไปกดจูบลงบนเยลลี่นุ่มหยุ่นส่วนตัวเสียงลั่นดังจ๊วบทำเอาคนถูกจูบเขินหน้าดำหน้าแดง

      
            “ชื่นใจ!”









To be continued.
_____________________________________

TALK : *จับน้องใส่พาลยื่นให้*
พี่แทนเป็นคนรุงรัง เหม็นความรักเนอะ

ว่าแต่มีใครอยากเห็นนังพี่แทนหึงบ้าง ชูมือหน่อยค่า *^*/


ฝากคอมเมนต์หรือแท็กทวิตเตอร์เป็นกำลังใจให้กันด้วยน้า
ช่วงนี้กำลังใจห่อเหี่ยวมากเลยจ้ะพี่จ๋า TT

TWITTER



#ครึ่งชีวิตของผม

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 580
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
เหม็นกลิ่นความรัก //ย่นจมูก

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ไม่ค่อยเชื่อว่านิลินจะวางมือจากแทน   :mew2:

แพภน ก็หาทางเข้าใกล้กันต์   :mew2:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
น้องกันต์อย่าลืมไปเคลียร์กับแพนนะ เดี๋ยวจะวุ่นวายไปใหญ่

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด