——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!Epilogue P.5 | END)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ——(TIMEVERSE) OTHER HALF #ครึ่งชีวิตของผม—— (!!Epilogue P.5 | END)  (อ่าน 42622 ครั้ง)

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___
* อ่านนิยายจบแล้วฝากอ่านทอล์คหน่อยน้า



CHAPTER 20

Seek out the love you deserve.







            “ขำคนความจำสั้นครับ เราไม่ได้เจอกันครั้งแรกที่ห้องเรียนสักหน่อย”

      
            “เอ๊ะ เดี๋ยวนะ พี่หมายความว่ายังไง” กันต์ผงกหัวขึ้นจากอกอุ่น ๆ มามองหน้าคนรักที่ยิ้มยียวนอย่างเจ้าเล่ห์ แทนคุณไม่ตอบแต่กลับเลียปากตัวเองพลางเลื่อนฝ่ามือไปตามกระดูกสันหลังเรื่อยจนถึงรอยแยกของก้อนนุ่มทั้งสองข้าง

      
            “ฮื่ออ พี่แทน! บอกมาก่อนอย่าเพิ่งแกล้ง!”

      
            “ขอข้อแลกเปลี่ยนก่อนสิ แล้วเดี๋ยวพี่จะบอกหนูทั้งหมดเลยครับ”
   
      
            “พี่— อื้อ” แทนคุณไม่ยอมให้น้องปฏิเสธ เขาล็อคท้ายทอยคนรักแล้วกดจูบไปพร้อมกับเรียวนิ้วยาวที่หายเข้าไปอิงแอบความอบอุ่นในร่างกายอย่างรวดเร็ว ก่อนที่หมอแทนคุณจะตรวจน้องทั้งร่างกายและจิตใจอย่างเต็มที่เต็มกำลัง ส่วนเรื่องเจอกันครั้งแรกเอาไว้ก่อนแล้วกัน
      
      
            กว่าจะโดนคนแก่กว่าเอาแต่ใจตักตวงจนพอก็พาลเหนื่อยหอบแต่กันต์ไม่ยอมหลับลงง่าย ๆ หลังจากคนพี่พาไปล้างเนื้อล้างตัวก็มานั่งกอดหมอนพิงหัวเตียงพลางจับจ้องไปยังร่างสูงใหญ่ที่ยืนแต่งตัวอยู่ แทนคุณที่หันมาเจอเด็กน้อยนั่งมองตาแป๋วก็หลุดขำออกมา
   
      
            “ทำไมยังไม่นอนครับ ไม่ง่วงหรอ” แทนคุณเดินไปปิดไฟก่อนจะขึ้นเตียงรับคนรักเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน
      

            “พี่ก็เล่าให้กันต์ฟังก่อนซิ เมื่อกี้นั่งนึกตั้งนานก็นึกไม่ออก” คนเด็กกว่านอนขมวดคิ้วพยายามเค้นความคิดตัวเองว่าเคยเจอพี่เขาไปตอนไหน มันเหมือนติดอยู่ในหัวแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก

      
            “ไหนมาหอมก่อน”

      
            “พี่แทน!” กันต์กระฟัดกระเฟียดยกมือทุบแขนเมื่อถูกคนพี่แกล้งไม่ยอมเลิก จนแทนคุณยกมือยอมแพ้ก่อนที่แขนตัวเองจะช้ำ

      
            “โอเค ๆ พี่ยอมแล้ว”

      
            “ซักที" กันต์ยอมทิ้งตัวลงพิงอกคนเป็นพี่แต่โดยดี

                  
            “เราเจอกันก่อนที่พี่จะไปเป็นอาจารย์อีก พี่ก็จำวันแน่นอนไม่ได้แล้ว ทุกทีเวลาไปกินข้าวกับเพื่อนหมอด้วยกันก็จะขับรถไป แต่วันนั้นนึกอะไรกันไม่รู้ชวนเพื่อนเดินไปร้านข้าว ขาไปไม่เท่าไหร่ ขากลับนี่สิ อยู่ ๆ พี่ก็รู้สึกวูบในอกแล้วซักพักหัวใจมันก็กระตุกอย่างแรง”

      
            “..." กันต์นั่งฟังพลางขมวดคิ้วนึกตามเพื่อเค้นหาความทรงจำที่หล่นหาย

      
            “มันกระตุกแรงมากจนพี่ตั้งตัวไม่ทันเกือบจะล้ม แต่จังหวะที่พี่เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นผู้ชายตัวเล็ก ๆ หน้าตาน่ารักเหมือนกระต่ายที่พี่เคยเลี้ยงตอนเด็ก ยืนทำหน้าเลิ่กลั่กตกใจ หันไปหันมา ทำท่าจะวิ่งหาอะไรซักอย่างแล้วก็วิ่งผ่านหน้าพี่ไป ใจพี่กระตุกอีกรอบ”

      
            “นั่นแหละทำให้พี่สันนิษฐานว่าเด็กคนนั้นคือคู่ของพี่และยิ่งพอมาเจอกันในคลาสเรียนอีก ท่าทางของเราที่จ้องพี่มันจึงเป็นคำตอบของคำถามที่คาใจมาตลอดหลายเดือน”

      
            แทนคุณเล่าจบก่อนจะก้มลงไปหอมหัวคนน้องหลายครั้ง พอคิดย้อนกลับไปก็ขอบคุณอะไรทั้งหมดที่ทำให้เขาได้เจอน้อง ให้เราได้เจอกันสักที เขาไม่เคยคิดถึงตอนที่ตัวเองมีคู่มาก่อนเพราะในตอนนั้นก็ยอมรับว่าหัวใจเขาไม่เปิดรับใครเลย จนกระทั่งได้เจอน้องที่ทำให้เขาสั่นไหวอย่างง่ายดายเพียงแค่สบตากันเท่านั้น

      
            “กันต์นึกออกแล้ว ถ้าพี่ไม่พูดขึ้นมานี่ลืมไปเลยนะจริง ๆ แต่ยังไงก็ช่าง เราเจอกันแล้วเนอะ” กันต์เงยหน้ายิ้มหวานให้คนพี่ได้ชื่นใจ
   
      
            คนบนอกขยับซุกแนบหน้าลงในตำแหน่งเดียวกับก้อนเนื้อที่เต้นอยู่และตัวเลขที่หยุดลงตรงกลาง สองแขนโอบรัดช่วงตัวคนเป็นพี่ไว้แน่น กันต์อยากจะถอนคำพูดที่เคยก่นด่าพระเจ้าเอาไว้ในวันที่เสียใจกับความรักที่ไม่สมหวัง

      
            ใครจะรู้ว่าหลังจากนั้นไม่นานจะได้พบเจอคนที่เป็นของเราจริง ๆ และความรู้สึกภายในตรงกัน ไม่ต้องพบความยุ่งยากวุ่นวายใจ แม้จะมีอุปสรรคเกิดขึ้นในระยะหลายเดือนที่ผ่านมาแต่นั่นก็เป็นบททดสอบว่าสุดท้ายแล้วจะยังมีกันอยู่ไหม

      
            กันต์ไม่แน่ใจเลยว่าถ้าตอนนั้นที่เกิดเรื่องมากมายแล้วเขายอมแพ้ขึ้นมา เลือกที่จะปล่อยมือคน ๆ นี้ไป ในวันนี้เขายังจะยิ้มได้และมีความสุขอยู่หรือเปล่า

      
            “กันต์มีความสุขจัง”


            “พี่ก็มีความสุขเหมือนกันครับ นอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปไหนไหม” กันต์ดึงน้องขึ้นมานอนหนุนที่หมอนดี ๆ ก่อนจะโอบกอดไว้เช่นเดิม

      
            “พรุ่งนี้กันต์ว่าจะนั่งอ่านทวนที่ติววันนี้ไปก่อน ส่วนวันมะรืนจะนัดติวอีกวิชากับไอ้ดิมครับ”

      
            “สอบวันไหนบ้าง”

      
            “สอบติดกัน 2 วัน 4 วิชาแหนะ เว้นวันนึงแล้วก็สอบตัวสุดท้ายครับ”

      
            “โอเคครับ งั้นนอนกัน”
   
      
            “ฝันดีครับพี่แทน”

      
            “ฝันดีครับคนดี”












      
            ตอนแรกกันต์ตั้งใจจะนั่งอ่านหนังสือทบทวนอยู่ที่คอนโดของแทนคุณ แต่คนตัวโตที่ต้องออกไปทำงานกลับงอแงไม่อยากไปด้วยความคิดถึงและการอยู่ด้วยกันยังไม่เต็มอิ่ม ไป ๆ มา ๆ กันต์ก็ถูกพี่เขากระเตงมาที่โรงพยาบาลด้วยและมานั่งหลบมุมอ่านหนังสือรอคุณเขาอยู่ในร้านกาแฟ

      
            กันต์ละสายตาจากชีทตรงหน้าขึ้นมาเพื่อพักแต่ปลายหางตากลับจับภาพของคุ้นหน้าคุ้นตาได้กะทันหัน เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันเพราะความแปลกใจไม่คิดว่าจะเห็นน้องชายฝาแฝดของคนรักเดินมากับเพื่อนต่างคณะของเขา

      
            “สนิทกันขนาดนี้แล้วหรอวะ” จังหวะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นอีกฝั่งนึงก็เดินมาทางนี้พอดิบพอดี และเป็นพีทที่ดันสายตาดีเห็นเขาก่อนจึงต้องยกมือโบกทักทาย

      
            “ไงกันต์”

      
            “อื้อว่าไงพีท พี่รัก มาทำอะไรกันหรอ”


            “ถามเพื่อนเราเถอะว่าจะตามพี่มาทำไม” กันต์มองรุ่นพี่ที่กำลังกลอกตาดูเบื่อหน่ายกับคนข้างกาย ส่วนพีทที่เขาเคยเห็นจะเป็นคนนิ่ง ๆ ตอนนี้กลับเอาแต่กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์และมองแทนรักด้วยสายตาแวววับแปลก ๆ

      
            เดี๋ยวนะ ... มันต้องมีอะไรที่เขาตามไม่ทันแน่

      
            “ยังไงเนี่ยพีท”

      
            “ก็ไม่ยังไง รักสัญญาแล้วนี่ว่าจะให้ผมไปเที่ยวรอบโลกด้วย”

      
            “กูไปสัญญากับมึงตอนไหนวะไอ้มั่ว แล้วเรียกนี่กรุณามีพี่ด้วยครับกูแก่กว่ามึงนะโว้ย” กันต์มองแทนรักที่กำลังโวยวายแต่หูที่โผล่พ้นกลุ่มผมขึ้นมานั้นกลับแดงก่ำ ทำเอาคนนอกที่กำลังมองอยู่อย่างเขาถึงกับอมยิ้ม

      
            หรือนี่อาจจะเป็นทางเดินใหม่อีกทางที่ดีสำหรับพี่ชายคนนี้ เขาเชื่อว่าถ้าเป็นพีทจะต้องทำให้พี่แทนรักมีความสุขแน่ ๆ

      
            “แล้วนี่มารอไอ้คุณหรอ”

      
            “ครับ”

      
            “นี่ก็อีกคน ขยันเหลือเกิน ฝากบอกมันด้วยว่าเย็นนี้ให้เข้าบ้านด้วยนะแม่บ่นละ” แฝดคนน้องลุกขึ้นยืนพร้อมกับพีทที่ตามติดอีกฝ่ายไม่ห่าง แทนรักถอนหายใจอย่างนึกเหนื่อยอ่อน พอห้ามก็ทำมาบ่นกระเง้ากระงอดไม่ได้ดูตัวเองเลยว่าทำออกมาแล้วมันไม่ได้น่ารัก!
      
      
            “ได้ครับ แล้วนี่พี่จะไปเที่ยวแล้วหรอ”

      
            “ใช่ ศุกร์นี้เริ่มไปญี่ปุ่นประเทศแรก”

      
            “มีเราไปด้วย”

      
            “โอ้ยไม่ได้อยากให้มึงไปเล้ยยย”

      
            กันต์นั่งขำคนตรงหน้าจนถูกแทนรักมองดุเข้าให้จึงยอมปิดปากกลั้นยิ้ม แทนรักชี้หน้าคนรักของพี่ชายอย่างคาดโทษก่อนจะแยกย้ายไป กันต์ที่ถูกทิ้งให้นั่งคนเดียวอีกคร้ังก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาพี่แทนคุณเล่าเรื่องที่เจอสั้น ๆ และปิดท้ายด้วยการให้กำลังใจ

      
            ‘สู้ ๆ นะครับคุณหมอคนเก่ง’

      
            เจ้าของร่างโปร่งนั่งจมจ่อมกับหนังสือเรียนตรงหน้าจึงไม่รู้เลยว่าคนที่ตัวเองรอนั้นหยุดอยู่ข้างตัวจนกระทั่งถูกสัมผัสที่กลางศีรษะทำเอาสะดุ้งเกือบหันไปด่าแล้วหากไม่ได้กลิ่นหอมเฉพาะตัวที่คุ้นเคย

      
            “พี่แทน! เล่นอะไรเนี่ย ตกใจหมดเลย”

      
            “ฮ่า ๆ ก็เราน่ะสนใจแต่หนังสือ พี่มายืนอยู่ตั้งนานแล้วไม่มองซักที” แทนคุณโน้มตัวลงหอมหัวคนรักอีกครั้งก่อนจะนั่งลงบนโซฟาเดียวกัน

      
            “ก็กันต์ตั้งใจอ่านหนังสืออยู่ นี่เสร็จงานแล้วหรอครับ”

      
            “ครับ ออกเวรแล้วล่ะ”

      
            “งั้นกันต์ขอทวนบทนี้ให้จบก่อนนะอีกนิดเดียวเอง พี่สั่งอะไรรองท้องรอก่อนก็ได้” กันต์พูดเสร็จก็กลับสู่โลกของหนังสือเรียนอีกครั้ง ปล่อยให้คนรักนั่งพิงหลังมองเสี้ยวหน้าตัวเองไปอย่างเป็นกำไร ถ้าให้แทนคุณนั่งมองน้องทั้งวันก็ยังได้เลย กระต่ายน้อยของเขาน่ะน่ารักที่สุดยิ่งเวลาตั้งใจทำอะไรแล้วยิ่งน่ามอง

      
            หลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมงทั้งคู่ก็พากันเดินออกมาจากร้านกาแฟแต่ยังไม่ทันไปได้ถึงไหน ข้อมือของกันต์ก็ถูกรั้งจากแทนคุณ กันต์หันมามองหน้าคนรักที่อึกอักดูท่าเหมือนมีอะไรจะพูด

      
            “มีอะไรหรือเปล่าพี่แทน”

      
            “ไปกับพี่แป็บนึงได้ไหม”

      
            แทนคุณจับมือน้องพาขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นที่ต้องการ น้อยครั้งมากที่กันต์จะขึ้นมายังตึกผู้ป่วยด้านบนและชั้นนี้เป็นชั้นที่เงียบมากแต่ละห้องก็อยู่ห่างกันพอสมควร อีกทั้งบางห้องก็มีคนยืนเฝ้าหน้าประตู ดูท่าทางน่าจะเป็นพวกชั้นของวีไอพีอะไรทำนองนั้น
      
      
            “กันต์”
   
      
            “ครับ?” กันต์มองใบหน้าจริงจังจนนึกหวั่นใจว่าจะมีอะไรร้ายแรงหรือเปล่า หรือว่าคนในห้องจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ป่วย แต่ก่อนที่กันต์จะได้คิดไปไกลแทนคุณก็เอ่ยบอกความต้องการของตัวเองออกมา

      
            “พี่พากันต์มาหานิลิน”

      
            อะไรนะ? คนฟังสบตาคนรักอย่างไม่แน่ใจว่าตัวเองได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า

      
            “?”

      
            “ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายครั้งพี่ยอมรับว่าที่กลับช้าบ้าง ติดงานบ้างเพราะพี่คอยมาดูนิลิน พี่รู้ว่ามันอาจจะไม่ใช่ความรับผิดชอบของพี่ แต่พี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด และอีกอย่างพรุ่งนี้ทางครอบครัวจะพาไปอยู่ต่างประเทศถาวร”

      
            “…” กันต์มองตาคนพี่ที่กำลังตั้งใจถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของตัวเองออกมา ดวงตาคมดูตกประหม่าราวกับกลัวว่าคนรักอย่างเขาจะไม่เข้าใจ แต่แทนคุณอาจจะลืมไปว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยเลยสักครั้งที่กันต์จะไม่หยุดฟัง

      
            “พี่เลยอยากพากันต์มาเจอกับนิลิน ส่วนหนึ่งก็เพราะพี่อยากให้กันต์อโหสิกรรมเธอ”

      
            แทนคุณรู้ดีว่าเรื่องราวที่ผ่านมาทำให้น้องรู้สึกแย่แค่ไหน แม้จะเคลียร์ในส่วนของตัวเองไปแล้วแต่เขาก็ไม่รู้ว่าข้างในของน้องยังคงรู้สึกอะไรกับเหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้อยู่บ้าง ในเมื่อตอนนี้แต่ละคนก็มีเส้นทางของตัวเองจึงตัดสินใจพาน้องมาเพื่อให้ทุกฝ่ายเลิกแล้วต่อกันไป

      
            “กันต์ถามได้ไหมว่าจริง ๆ แล้วพี่นิลินเขารักใคร”

      
            “พี่ตอบไม่ได้ครับ กระบวนการในจิตใจเป็นอะไรที่ยากจะรู้ได้จริง ๆ ยิ่งกับนิลินที่กำลังอ่อนไหวยิ่งยากกว่าเดิมว่าอันไหนคือเรื่องจริง อันไหนคือสิ่งที่เธอสร้างขึ้น แต่ผลจากการทดลองทำให้เธอยึดติดภาพของแทนรักที่เป็นคู่ไม่ใช่พี่” 

      
            “เข้าใจแล้วครับ”

      
            “พร้อมไหม”

      
            กันต์สูดลมหายใจเพื่อเรียกสติสมาธิตัวเองเพราะไม่รู้ว่าหลังประตูนั้นจะเกิดอะไรขึ้น “ครับ”

      
            ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องผู้ป่วย หญิงสาวในชุดของทางโรงพยาบาลหน้าตาซีดเซียวหันขวับมาทางคนทั้งคู่ ก่อนที่นัยน์ตาแห้งผากจะมีประกายเมื่อเห็นหน้าแทนคุณ สองแขนชูขึ้นเพื่อเรียกให้เข้าไปหาอย่างทุกที แทนคุณหันมาสบตากับคนรักด้วยความเกรงใจ กันต์พยักหน้าให้ก่อนจะมองการกระทำของทั้งคู่ด้วยความสงบ มันเลยจุดความหึงหวงหรืออะไรทำนองนั้นไปแล้ว ในเวลานี้เขากลับนึกสงสารเธอมากกว่า

      
            “รักมาหาลินแล้ว” นิลินพูดพร้อมซบหน้าลงกับต้นแขนของคนที่เธอคิดว่าเป็นคู่ชีวิตของเธอ

      
            “ลินครับวันนี้ผมมาคนมาให้ลินรู้จักด้วย”

      
            “?” ใบหน้าสวยแม้จะทรุดโทรมไปตามอาการป่วยแต่ก็ยังคงดูดีเงยหน้ามองคนตัวโต ราวกับในสายตาของเธอมีแค่แทนคุณเท่านั้น จึงไม่รับรู้การมีตัวตนของกันต์ที่ยืนอยู่ปลายเตียง

      
            “นี่น้องกันต์ครับ”

      
            “?”

      
            “สวัสดีครับคุณนิลิน”

      
            ดวงตาสวยแต่ไร้แววดูเลื่อนลอยจับจ้องมาที่กันต์ก่อนจะมองผ่านเลยไปแล้วกลับไปวางสายตาไว้ที่แทนคุณที่เดิม ราวกับว่าประโยคเมื่อครู่ไม่ได้ถูกรับรู้อีกทั้งยังไม่มีปฏิกริยาตอบรับใด ๆ คืนมา ทว่ากันต์ไม่ถือสา

      
            “คุณอาจจะไม่รับรู้แต่วันนี้ผมไม่คิดโกรธเคืองคุณอีกแล้ว แม้ว่าคุณจะไม่ได้ทำอะไรกับผมโดยตรงแต่ยังไงเพื่อความสบายใจของคนรัก ผมยินดีที่จะอโหสิกรรมให้ทั้งหมดนะครับ” กันต์เม้มปากเพื่อระงับอาการสั่น ขนาดเขาพูดเสียยืดยาวแต่เธอกลับเลื่อนลอยคอยแต่มองหน้าพี่แทนคุณและยิ้มอยู่อย่างนั้น

      
            “ผมขอให้คุณดีขึ้นในเร็ววันและใช้ชีวิตได้อย่างดีนะครับ” ไม่ได้คิดจะเล่นบทคนดีอะไรเพราะเรื่องที่ผ่านมาก็ทำให้ตนเองเสียศูนย์ไม่น้อย แต่มาจนถึงตอนนี้จะให้เจ้าคิดเจ้าแค้นก็คงใจดำเกินไปนั่นจึงเป็นสิ่งที่เขาพอจะทำให้คนรักของเขาเองสบายใจได้

      
            ฝ่ามืออุ่นเคลื่อนเข้ามากอบกุมพร้อมกับบีบกระชับอย่างแผ่วเบาเป็นการขอบคุณ แทนคุณไม่กล้าแสดงออกมากนักเพราะเกรงว่านิลินจะคลุ้มคลั่ง เมื่อธุระที่ตั้งใจเสร็จสิ้นก็ไม่มีเหตุให้ต้องรั้งอยู่ต่อ เขาใช้มืออีกข้างวางลงบนกลุ่มผมของหญิงสาวก่อนจะเอ่ยคำประโยคสุดท้ายก่อนจะแยกจากกัน

      
            “โชคดีนะครับ”


(ต่อ)

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___

            หลังจากออกจากโรงพยาบาลทั้งสองก็มุ่งตรงไปยังบ้านใหญ่ของแทนคุณ เนื่องจากข้อความของมารดาที่ทักท้วงมาว่าให้กลับบ้านก่อนที่แทนรักจะตะลอนไปทั่วโลกแล้วจะไม่ได้เห็นหน้าค่าตาพร้อมกันอีกนาน ระหว่างทางแม้จะรีบแค่ไหนแต่แทนคุณก็ทำเพียงค่อย ๆ ขับไปตามเส้นทางเพราะมืออีกข้างไม่อยากปล่อยมือคนรัก

      
            “ขอบคุณนะครับ”

      
            “หือ? เรื่องอะไรครับ?” คนที่แทนคุณคิดว่าหน้าเหมือนกระต่ายหันมาทำหน้าเหลอหลาใส่ เพราะเอาแต่คิดอะไรในหัวเพลินจึงนึกว่าพลาดสิ่งที่พี่เขาพูดไป


            “ทุกอย่างเลยคนดี” ไม่พูดเปล่าแทนคุณกดจูบลงบนหลังมือของน้อง คนถูกกระทำนั่งหน้าแดงหูแดงด้วยความขลาดเขิน แม้จะคบกันมาหลายเดือนมากกว่าจูบมือก็ยังผ่านมาแล้วแต่การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้มันชวนให้ใจสั่นไม่เบา

      
            พี่เขาอาจไม่รู้ว่าคนที่ผิดหวังกับความรักมาตลอดอย่างกันต์นั้นพยายามอย่างมากที่จะประคับประคองชีวิตคู่ของตัวเองเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิม ไม่ให้จบลงด้วยน้ำตาเหมือนอย่างทุกครั้ง และมันคงหนักกว่ามากเพราะครั้งนี้ไม่ใช่เป็นเพียงแค่บางคนที่ผ่านเข้ามา แต่คือคู่ชีวิต คือครึ่งหนึ่งของเวลาชีวิต

      
            ลึก ๆ แล้วเขาต้องการความอ่อนโยนและค่อยเป็นค่อยไปจากความรักมาตลอด เจอคนที่คิดถึงแต่เรื่องบนเตียงอย่างเดียวก็มี เจอคนที่ไม่ซื่อสัตย์ก็ผ่านมาแล้ว พอได้พบกับพี่เขาแล้วเหมือนทุกอย่างมันลงตัวและถูเข้ากันได้โดยอัตโนมัติ แม้จะไม่ได้ราบรื่นถึงอย่างนั้นการที่เราผ่านมาด้วยกันได้กลับยิ่งทำให้ต่างเห็นคุณค่าของกันและกันมากกว่าเดิม

      
            ทั้งสองคนมาถึงบ้านใหญ่ก็พบแทนรักที่นั่งคุยกับผู้ใหญ่อยู่ก่อนแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้คนเพิ่งมาทั้งสองขมวดคิ้วพร้อมกันด้วยความคาดไม่ถึงนั่นคือร่างสูงใหญ่ของพีทที่อยู่ข้างกันกับลูกชายคนเล็กของบ้าน

      
            “สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่” กันต์ทำความเคารพผู้ใหญ่ก่อนจะถูกคุณม๊ากวักมือเรียกให้เข้าไปกอดไปหอมอย่างทุกครั้ง

      
            “แทนคุณมาพอดีเลยดุน้องชายเราหน่อยสิ เอาใหญ่แล้วนะ” คนเป็นแม่หน้าบึ้งหันมาฟ้องลูกชายคนโตของตัวเอง ส่วนคนที่ถูกพาดพิงได้แต่ส่ายหน้าไปมากับอาการของแม่ตัวเอง

      
            “รักตัดสินใจไปแล้วนะแม่”

      
            “หึ ตัดสินใจคนเดียวไม่เคยปรึกษากันตั้งแต่เล็กยันโต”

      
            “คุณไม่เอาหน่า” ฝั่งพ่อรีบปรามภรรยาของตัวเองเมื่อเรื่องราวชักบานปลาย

      
            “เกิดอะไรขึ้น” แทนคุณเอ่ยถามฝาแฝดของตัวเอง

      
            “กูลาออกจากโรงพยาบาลแล้ว”

      
            “…” แทนคุณเงียบเพื่อรอฟังเหตุผลแม้จะรู้ดีว่าเมื่อทำลงไปแล้วนั่นหมายถึงแทนรักได้ตัดสินใจมันเป็นอย่างดีและรอบคอบ จึงอยากรู้เพียงเหตุผลของการกระทำเท่านั้น

      
            “ก็แค่เหนื่อย แล้วก็ถึงจะกลับมาเป็นปกติทุกอย่างแต่ข้างในมันก็ยังมีความรู้สึกโหวง ๆ ในหัวเหมือนมีความทรงจำอะไรตัน ๆ อยู่ มันอาจจะทำให้ลืมว่าอีกฝ่ายเป็นใครแต่เรื่องของจิตใจมึงก็รู้แทนว่าจะให้ตัดหมดมันเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา”


            “…”

      
            “และการตัดสินใจลาออกเพราะไม่รู้สิ รู้สึกว่าตัวเองไม่เหมือนเดิม อยากออกไปพัก ไปหาแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตต่อไป จริง ๆ ก็เคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนเรียนแล้วว่าอยากเปิดคลีนิกเอง ไว้กลับมาจากเที่ยวก็อาจจะทำตามความตั้งใจเดิมอันนี้ ไม่ได้คิดจะหลักลอยหรือจะทิ้งวิชาชีพที่อุตส่าห์เรียนมา”

      
            แทนคุณรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นของฝาแฝดของตัวเองได้ ตอนนี้แทนรักกำลังรู้สึกว่าชีวิตตัวเองเคว้งคว้าง แตกต่างออกไปจากพวก การหยุดในครั้งนี้เป็นการหยุดเพื่อสานต่อและมองหาความหมายของตัวเอง มนุษย์ทุกคนนั่นแหละที่อยากรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า เอาเข้าจริงก็ไม่แปลกใจเท่าไรนักที่รู้ว่าน้องชายตัดสินใจแบบนี้

      
            “ไปวันศุกร์นี้แล้วใช่ไหม”

      
            “อืม”
      
      
            “ติดต่อมาบ้างละกัน” แทนคุณจบบทสนทนาในหัวข้อนี้ด้วยประโยคสั้น ๆ ที่แสดงความเป็นห่วงน้องชายตัวเองอย่างชัดเจน บรรยากาศออกจะดูกระอักกระอ่วนไปบ้างในสายตาของกันต์ที่เห็นพี่น้องสายมึนคู่นี้คุยกันดี ๆ

      
            “แม่” แทนรักเรียกผู้เป็นแม่เสียงอ้อนเพื่อขอให้หายงอนกัน

      
            “เฮ้อ เอาเถอะ ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก มีอะไรก็โทรมาหาได้ทันทีเลยรู้หรือเปล่า”

      
            “ครับผม!” เพราะรอยยิ้มทะเล้น ๆ จึงเรียกเสียงหัวเราะกลับมาได้ไม่ยาก

      
            “ว่าแต่น้องพีทไปกับรักด้วยหรอจ๊ะ”

      
            “ครับคุณป้า”

            
            “เรียกแม่เหมือนน้องกันต์เถอะจ้ะ แต่ก็ดีแล้วล่ะมีคนไปเป็นเพื่อนแม่จะได้ไม่ต้องห่วงมากนัก”

      
            “โหยแม่ รักไม่ได้อยากให้มันไปด้วยเล้ยยย”

      
            “เอ๊ะเรานี่ยังไงเจ้ารัก แม่ไม่คุยด้วยละ ไปทานข้าวกันดีกว่าน้องกันต์ น้องพีท วันนี้แม่ทำของโปรดน้องกันต์ไว้ด้วยนะคะ ส่วนน้องพีทชอบทานอะไรไว้กลับมาแม่จะทำให้นะ”

      
            สายตาสองคู่ที่มองตามแผ่นหลังไปต่างอารมณ์กันโดยสิ้นเชิง แทนคุณมีแต่ความยินดีที่คนรักเข้ากับครอบครัวของตัวเองได้ ส่วนแทนรักกลับเหนื่อยอ่อนใจที่ได้ตัวพ่วงแถมมาด้วยในงานนี้ แต่ก็นะเขาก็ไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไรเด็กมันหรอก ออกจะแอบใจชื้นไปส่วนหนึ่งเหมือนกันที่มีเพื่อนไปตะลอนด้วย เพียงแค่แอบเซ็งที่ผิดแผนอยากไปเที่ยวเท่ ๆ คนเดียวก็เท่านั้น

      
            ในห้องขนาดใหญ่ที่คุ้นเคยถูกทำความสะอาดเรียบร้อยและทุกอย่างยังอยู่ที่เดิมเหมือนอย่างเคย แทนคุณเดินรอบห้องนอนของตัวเองในวัยเยาว์ด้วยความคิดถึง ตั้งแต่พ่อกับแม่สร้างบ้านหลังเล็กไว้ให้พวกเขาสองพี่น้องก็ไม่ได้มานอนที่บ้านหลังนี้อีกเลย

      
            กรอบรูปต่าง ๆ ยังวางอยู่ที่เดิม ถ้วยและเหรียญรางวัลตลอดจนโล่ต่าง ๆ ที่ได้มาตอนเด็กก็ได้รับการดูแลอย่างดีไม่มีแม้แต่ไรฝุ่น เขารู้ว่าพ่อกับแม่ใจจริงก็ไม่ได้อยากให้แยกตัวออกไป แต่เพราะเห็นว่าลูก ๆ โตกันหมดแล้วจึงยินยอม แต่พวกท่านก็คงจะเหงาไม่น้อยอีกทั้งลูกทั้งสองยังเป็นหมอ มีภารกิจงานติดพันรัดตัวจนแทบไม่ได้กลับบ้านกลับช่อง การที่ห้องยังสะอาดเหมือนมีคนอยู่ตลอดจึงเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้อย่างดีว่านอกจากเจ้าของห้องตัวจริงแล้วก็คงเป็นพ่อกับแม่ที่เข้ามอยู่เสมอ

      
            “หล่อแต่เด็กเลยนะครับ” แทนคุณอมยิ้มก่อนจะวาดแขนโอบเอวน้องที่เดินมายืนข้างกัน คนตัวเล็กกว่าตาเป็นประกายมองของบนชั้นด้วยความสนอกสนใจ เพราะไม่ว่าจะบ้านเล็กหรือคอนโดที่เคยอยู่กันนั้นก็ไม่ได้มีเรื่องราววัยเด็กให้เห็นมากนัก

      
            “เหรียญเงินโอลิมปิกวิชาการ? โห”

      
            เขาชอบที่อีกคนดูตื่นเต้นกับเรื่องราววัยเด็ก รู้สึกดีไม่น้อยที่น้องแสดงความสนใจ แทนคุณปล่อยให้กระต่ายของตัวเองเดินสำรวจไปทั่วห้องอย่างไม่นึกหวงแหน อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย แม้แต่นิลินที่เขาเคยคิดว่าตัวเองรักมากก็ยังไม่เคยอยากจะพาเข้ามาในห้องนี้

      
            “คุณแม่คงคิดถึงพวกพี่มาเลยนะ ท่านถึงยังดูแลห้องนี้ไว้อย่างดี” กันต์มองความเรียบร้อยของห้องแล้วเผลอพูดออกมา ก่อนจะรีบหันไปมองพี่เขาเพราะกลัวอีกฝ่ายจะไม่พอใจที่วุ่นวายกับการตัดสินใจนั้น

      
            “กันต์ขอโทษ”

      
            “หืม พี่ไม่ได้โกรธอะไรครับ จริง ๆ พี่ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน พอเกิดเรื่องก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าละเลยพวกท่านไปมากแค่ไหนเหมือนกัน”

      
            “แล้วพี่คิดจะย้ายกลับมาอยู่นี่ไหม”

      
            แทนคุณจูงมือน้องมานั่งที่ปลายเตียงโดยมีตนเองเป็นเบาะรองนั่งอีกหนึ่งชั้น สองแขนกอดรอบเอวพร้อมกับวางใบหน้าลงที่ลาดไหล่ สูดกลิ่นหอมอ่อน ๆ เฉพาะตัวของน้องเพื่อช่วยคลายความรู้สึกไม่ดีที่เกิดขึ้น และเจ้าของร่างกายก็รู้ตัวจึงปล่อยให้พี่เขาอิงแอบแต่โดยดี

      
            “พี่กำลังคิดอยู่เหมือนกัน ถ้าจะย้ายกลับมาก็คงอยู่บ้านเล็กนั่นแหละ”

      
            “ก็ดีนะครับ อย่างน้อยก็ยังอยู่ใกล้พวกท่าน แต่พี่จะต้องขับรถไกลขึ้นอีกหน่อยนนึงนะ จะไหวใช่ไหม” ถึงอย่างนั้นกันต์ก็ยังคงห่วงความปลอดภัยของคนรักตัวเองเป็นหลักอยู่ดี เพราะรู้ดีว่างานพี่เขาค่อนข้างหนัก และต้องขับรถไป-กลับระหว่างบ้านและโรงพยาบาล

      
            “คิดว่าไหวนะ ยังไงแผนกจิตเวชก็เปิดเป็นช่วงเวลา ไม่ได้ต้องสแตนบายตลอดเวลาเหมือน ER หรืออายุรกรรมอะไรแบบนั้น นาน ๆ ทีถึงจะมีเคสด่วน”

      
            “งั้นก็แล้วแต่พี่ครับ”

      
            “แต่ว่าพี่แอบเสียดายนิดหน่อย” พูดพลางกอดกระชับน้องจนแทบจะจมอกตัวเอง กระต่ายตัวน้อย ๆ ในความคิดของแทนคุณหันมามองด้วยความสงสัย

      
            “ก็ถึงจะอยู่บ้านเล็ก แต่ถ้าทำอะไร ๆ เสียงดังก็กลัวคนงานในบ้านได้ยินน่ะสิ”

      
            ในคราแรกกันต์ก็ฟังด้วยความไม่เข้าใจจนกระทั่งเห็นสายตาแวววับของคนพี่ถึงรู้ว่า ‘ทำอะไร ๆ’ ที่ว่านั้นไม่ใช่อะไรดี ๆ นั่นเอง มือเรียวเลยฟาดเข้าที่ต้นขาเป็นการทำโทษคนลามก

      
            “ทะลึ่งอะ ใครเขาจะทำอะไรกับพี่ มั่วแล้ว”

      
            “อะไรกัน พี่ยังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะทำอะไร น้องนั่นแหละคิดอะไรทะลึ่งเองล่ะสิ ไม่ไหวเลยนะเรา พี่เป็นคนหวงเนื้อหวงตัวนะ” ไม่พูดเปล่า ยังดึงแขนออกจากร่างกายนุ่มนิ่มมากอดอกตัวเองทำเป็นหวาดกลัว กันต์นึกหมันไส้เลยฟาดเข้าให้อีกระลอก


            ใครบอกว่าพี่แทนคุณเป็นคนเงียบขรึมต่างจากพี่แทนรัก ไม่จริงเลยสักนิด อย่างไรก็เป็นฝาแฝดกัน นิสัยขี้แกล้งแถมกวนประสาท พูดจาสองแง่สองง่ามอะไรแบบนั้นพี่แทนคุณก็มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้งจนกันต์ยังอยากจะหยิกให้เนื้อเขียว

      
            “ไม่คุยกับพี่แล้ว! กันต์กลับไปนอนบ้านดีกว่า”

      
            “เดี๋ยว ๆ ไหนบอกจะนอนกับพี่คืนนี้ไงครับ” แทนคุณรีบเด้งตัวขึ้นยืนคว้าตัวน้องเอาไว้

      
            “ไม่! นอนคนเดียวไปเลยคืนนี้ กันต์จะกลับไปนอนที่บ้านครับ ไปครับ ขับรถไปส่งเดี๋ยวนี้เลย”

      
            “โธ่น้อง”

      
            กันต์ทำเมินไม่เห็นสายตาออดอ้อนจากพี่เขา ก่อนจะดันตัวเองออกจากอ้อมแขนของพี่เขา แล้วเดินนำลงไปด้านล่างโดยไม่สนใจคนกินแห้วคืนนี้ หลังจากลาผู้ใหญ่เสร็จพี่เขาก็จำใจขับรถมาส่งที่บ้าน และกันต์ได้ยินเสียงบ่นงึมงำมาตลอดทางแต่ก็ทำเป็นหูทวนลม ทั้งที่จริงก็อยากจะขำให้กับคนตัวโตที่ทำหน้าง้ำหน้างอไม่สมตัว

      
            สมน้ำหน้า ชอบแกล้งกันดีนักก็นอนคนเดียวไปเลยคืนนี้

      
            “เลิกหน้างอได้แล้วหน่า ลืมหรอว่าพรุ่งนี้กันต์มีติวกับเพื่อน ใกล้สอบแล้วครับ”

      
            “มีสอบก็นอนด้วยกันได้นี่ พรุ่งนี้พี่จะได้ขับไปส่งไงครับ” แทนคุณยังไม่ละความพยายาม เพราะห่างกันมาหลายสัปดาห์ทำให้เขาโหยหาอยากจะอยู่ใกล้น้องไม่อยากห่าง

      
            “เอาแบบนี้แล้วกัน หนูขอเวลาจนกว่าจะสอบเสร็จ ถ้าปิดเทอมแล้วหนูจะขอแม่ไปนอนกับพี่จนกว่าจะเปิดเทอมเลยดีไหม”

      
            สุดท้ายแล้วไม่ใช่แค่พี่แทนคุณหรอกที่คิดถึง เขาเองก็คิดถึงอีกฝ่ายไม่แพ้กัน แต่เพราะการสอบก็เป็นเรื่องสำคัญที่ทิ้งไม่ได้ จึงต้องยอมอดทนให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปก่อนแล้วหลังจากนั้นพี่เขาอยากได้อะไรก็จะตามใจเต็มที่

      
            “แล้วจะไม่ได้เจอกันเลยหรอ”

      
            “อดทนนะครับคนเก่งของกันต์ อาทิตย์เดียวเอง ไว้วิดีโอคอลคุยกันนะครับ” กันต์วางมือลงบนแก้มของพี่เขาพลางลูบเบา ๆ เป็นการปลอบโยนคุณหมอคนเก่งที่ตั้งท่าจะงอแง ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากอยู่ด้วยแต่เพราะรู้นิสัยที่ติดคนรักขนาดไหนของตัวเอง ทำให้อยากเว้นช่องว่างสักนิดเพื่อที่จะได้ใช้สมาธิกับการอ่านหนังสือจริงจัง
      
      
            เขาก็ไม่อยากให้ใครเอาไปพูดว่า แฟนคุณหมอแทนคุณคนนี้มันไม่ได้เรื่อง เป็นแค่เด็กมหา’ลัยที่ไม่ได้ความ ไม่สมกันอะไรแบบนั้น แต่ถามว่าไปได้ยินใครพูดหรอ หึ ก็เปล่าหรอก แต่ก็อยากทำเต็มที่นั่นแหละ อยากให้ที่บ้านและคนรักภูมิใจในตัวเขา


            “ก็ได้ครับ งั้นตั้งใจอ่านหนังสือนะครับ อย่ากดดันตัวเอง เหนื่อยก็พัก ถ้าไม่ไหวก็โทรหาพี่ได้ตลอด เวลา รู้ใช่ไหมคนดี” แทนคุณเอ่ยปากเตือนเพราะรับรู้มาจากสายสืบส่วนตัวก็คือเพื่อนสนิทของน้องนั่นแหละ ว่าพอใกล้สอบทีไรกันต์ก็มักจะกดดันตัวเองอยู่บ่อยครั้ง

      
            “ครับพ้มม!” คนตัวเล็กกว่าทำท่าวันทยาหัตถ์รับคำพร้อมยิ้มหวานเสียน่ารักจนแทนคุณไม่อยากจะปล่อยให้เข้าบ้าน หากไม่เห็นว่าพ่อตาตัวเองมายืนมองจากในตัวบ้านนานแล้ว

      
            “ไว้เจอกันนะครับ แล้วบอกเลยว่าเตรียมตัวให้ดีพี่จะไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่าซักวินาทีเดียวแน่ ๆ”

      
            “พี่แทน!”









To be continued.
_____________________________________

TALK : มาช้ามาก ๆ เลยมาให้ยาว ๆ
ใกล้จะจบแบบใกล้มาก ๆ แล้ว
อยากให้ติดตามกันจนถึงปลายทางน้า


สุดท้ายนี้ขออนุญาตแจ้งข่าวค่า

(Timeverse) Other Half #ครึ่งชีวิตของผม
จะตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์พอดี (Bodhi Publishing)
หากเราปั่นต้นฉบับและตอนพิเศษทัน (ต้องทัน!!)
น่าจะได้ปล่อยในงานหนังสือตุลานี้
แน่นอนว่าจะต้องมีการรีไรท์ขนานใหญ่
แต่จะพยายามอย่างเต็มที่

ฝากเรื่องนี้ไว้อีกหนึ่งเล่มนะทุกค้นนน

TWITTER FACEBOOK


#ครึ่งชีวิตของผม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-07-2019 21:39:05 โดย 19august »

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ขอให้ดีขึ้นเร็วๆนะแทนรัก

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
 จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___




CHAPTER 21

Despite everything, I'm glad we met.
- A Six Word Story -







            หลังจากจัดแจงตารางชีวิตกันลงตัวก็ถึงวันที่เรากำลังจะไปพักผ่อนต่างจังหวัดด้วยกัน แต่ไม่รู้ว่าพี่แทนไปตกลงกับดิมและจาริณกันอีท่าไหน ไป ๆ มา ๆ ทริปทะเลภูเก็ตกลายเป็นมัลดีฟส์และยังเป็นทริปส่วนตัวของเราไปซะอย่างนั้น
ร้ายจริง ๆ
   
            
            “ไปครับ เกทเปิดแล้ว”
   
            
            แล้วดูยังมาทำหน้าซื่อตาใสกระฉับกระเฉงขึ้นมา กันต์ส่ายหัวเล็กน้อยกับอาการกระตือรือร้นของคนพี่ ร่างโปร่งขยับกายลุกขึ้นตามแรงดึงจากฝ่ามือใหญ่ที่เดินนำไปขึ้นเครื่อง ก่อนที่เครื่องจะออกดิมก็ส่งข้อความมาอวยพรพร้อมกับแนบรูปหน้าตากวนประสาทของแฟนมันมาให้
   
            
            กันต์เองก็ได้แต่ส่งข้อความไปขอโทษที่ปีนี้ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันไว้คราวหน้าจะแก้ตัวให้ ตั้งแต่รู้จักกันมาทุกปีหลังปิดเทอมเขาและดิมจะจัดทริปเล็ก ๆ แล้วไปเที่ยวด้วยกัน มีปีนี้ที่ถูกคนเจ้าแผนการมาชิงตัว
   

            “หมดไปเท่าไหร่ครับเนี่ย” ไม่อยากจะบ่นแต่ก็ขอสักหน่อย รู้ว่าทำงานมีเงินของตัวเองแล้วแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรมาใช้ไปยั้งมือแบบนี้ เอาอะไรมาพนันก็ได้เลยว่าพี่แทนต้องจองที่พักไว้แบบอย่างพรีเมียมที่สุดแน่ ๆ
   

            “อย่าไปพูดถึงราคาเลย พี่ถือว่าเป็นการซื้อบรรยากาศให้เราไง” แทนคุณตอบปุ๊บก็ได้รับการย่นจมูกใส่กลับมา ความมันเขี้ยวจึงทำให้เขาก้มลงไปงับปลายจมูกกระต่ายตัวบางของตัวเองหนึ่งที
   

            “พี่แทน!” ถึงแม้ที่นั่งจะค่อนข้างส่วนตัวแต่เขาก็เขินอยู่ดี
   

            “นอนไหม เมื่อคืนก็นอนไม่ค่อยหลับนี่”
   

            “ฮื่อ ก็ตื่นเต้นอ่า” ไปต่างประเทศล่าสุดก็สมัยมัธยมต้น ครั้งนี้เขาจึงตื่นเต้นพอสมควรเลยทั้งยังไปกับคู่ชีวิตอีกด้วยมันเลยยิ่งทำให้เขายอมรับว่าอยากไปจนเมื่อคืนกว่าจะหลับก็ตีสองกว่า
   

            ใช้เวลา 4 ชั่วโมงกว่า ๆ เครื่องก็ลงจอดที่สนามบินมาเล ณ สาธารณรัฐมัลดีฟส์ ทันทีที่ก้าวเท้าลงมาก็มีลมเย็น ๆ ท้องฟ้าสวย ๆ คอยต้อนรับ ก่อนจะรอต่อเรือเพื่อไปเกาะที่แทนคุณวางแผนเอาไว้ มือเล็กเกาะเกี่ยวข้อมือแกร่งเอาไว้แน่นด้วยความตื่นตาตื่นใจ ทะเลของมัลดีฟส์เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่อยากมามากที่สุดสำหรับคนรักทะเลอย่างเขา
   

            “เดี๋ยวเรานั่งสปีดโบ๊ทต่ออีกนิด” กันต์พยักหน้ารัวอย่างอารมณ์ดี ท่าทางของน้องทำให้คนพามาถึงกับอมยิ้ม ตอนแรกก็กลัวว่าน้องจะโกรธที่ทำอะไรไม่ปรึกษาแต่เขาก็รู้จักคนรักของตัวเองดี จึงเลือกมัลดีฟส์เป็นปลายทางในทริปนี้
   

            หลังจากมาถึงวิลล่ากลางทะเล สามารถมองเห็นผืนน้ำสีฟ้าใสได้สุดลูกหูลูกตาแถมยังมีบันไดต่อลงไปถึงพื้นผิวน้ำ คนตัวบางรีบวิ่งมายืนเกาะขอบระเบียงเพื่อเก็บภาพเอาไว้ โดยมีแทนคุณที่เพิ่งตรวจเช็คห้องพักเสร็จเดินตามหลังมา “สวยจังเลยครับ” รอยยิ้มหวาน ๆ ถูกส่งกลับมาให้ยิ่งทำให้แทนคุณใจชื้น
   

            เสียงคลื่นเสียงลมทำให้อารมณ์แจ่มใส ยิ่งมาถูกช่วงถูกจังหวะยิ่งทำให้ทะเลน่ามองมากขึ้นไปกว่าเดิม แทนคุณดึงน้องให้นั่งลงบนตักพร้อมโอบเอวพลางวางคางไว้บนไหล่แคบ กลิ่นตัวหอม ๆ ของน้องเคล้าไปกับอากาศดี ๆ ทำให้ความเหนื่อยล้าจากงานที่สะสมเอาไว้แทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง
   

            กันต์ขยับตัวเข้าหาพี่เขาพลางลูบกรอบหน้าที่ดูโทรมไปหลายส่วนจากการโหมงานแลกเวรเพื่อที่จะหาวันหยุดยาวสักระยะแล้วพาเขามาเที่ยวด้วยความซาบซึ้งใจ เขารู้สึกว่ามันดีจริง ๆ ที่เราอดทนฟันฝ่าอุปสรรคกันมาได้เพราะปลายทางที่พบมันสวยงามที่สุด
   

            “ขอบคุณนะครับ”
   

            “หืม” เราสบตาเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกระหว่างกัน หัวใจที่เต้นไปในจังหวะเดียวกัน ตัวเลขที่ขยับไปที่จำนวนเดียวกันมันบ่งบอกว่าแทนคุณโชคดีเหลือเกินที่ได้หาเด็กตรงหน้าเจอ
   

            “ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ขอบคุณที่อดทนกับพี่มาตลอดนะ”

   
            “พี่...กันต์ไม่เคยต้องอดทนเลย กันต์แค่ใช้ความเข้าใจ”
   

            “น่ารักที่สุดเลยกระต่ายของพี่” แทนคุณกดจูบลงบนลาดไหล่พร้อมกับกระชับกอดแน่น
   

            “ไปนอนพักกันดีไหมครับ บนเครื่องพี่ไม่ได้นอนเลย ไหน ๆ ก็อยู่ที่นี่อีกหลายวัน มาใช้เวลาไปด้วยกันนะครับ”
   

            “ครับคนดี” แต่บรรยากาศหวานซึ้งก็อยู่ได้ไม่นาน
   

            “เห้ย! พี่แทน!!” กันต์เผลอร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ ๆ ก็ถูกอุ้มขึ้นจนตัวลอย แต่มีหรือคนขี้แกล้งจะสนใจ แทนคุณวางน้องลงบนเตียงก่อนจะทาบทับด้วยร่างใหญ่โตของตัวเองไม่ให้อีกฝ่ายดิ้นหนี กอดหมับแนบแน่นทุกอณูจนกันต์ทำได้เพียงส่ายหน้าและถอนหายใจอย่างขบขัน
   

            “แกล้งอีกแล้ว”
   

            “ก็เรามันน่าแกล้ง”
   

            กันต์มุ่ยหน้าใส่ก่อนจะขยับร่างกายให้เข้าที่ด้วยการซุกหน้าลงกับอกของพี่เขาแล้วหลับตาลงเพื่อพักผ่อน ยิ่งเคลิ้มกว่าเดิมเมื่อถูกลูบหัวอย่างแผ่วเบาเพื่อขับกล่อม
   

            ตื่นกันมาอีกครั้งก็ใกล้เวลาพระอาทิตย์ตกดินแล้ว จึงตัดสินใจกันว่าจะไปกินข้าวเย็นที่ร้านริมทะเลและนั่งดูตะวันลับขอบฟ้าที่นั่นทีเดียว แต่ก่อนจะได้ไปสัมผัสบรรยากาศโรแมนติกแทนคุณและกันต์กำลังเถียงเรื่องพาหนะเดินทางอย่างไม่ยอมกัน คนหนึ่งจะใช้บริการเช่ารถยนต์นั่งสบาย ๆ มีคนขับให้ไปทุกที่ แต่อีกคนอยากเช่าจักรยานปั่นเล่นเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป
   

            “พี่อยากให้เรานั่งสบาย ๆ”
   

            “แต่กันต์อยากซ้อนจักรยานกินลมชมวิว”
   

            “มันอันตราย”
   

            “เขาก็ขี่กันเยอะแยะ อีกอย่างเช่ารถมันเปลืองนะพี่ เราไม่ได้จะไปไหนไกลก็แค่ไปหาอะไรกิน จุดชมวิวก็อยู่แถวที่พัก”
   

            “แต่”
   

            “นะ นะครับ นะครับพี่แทน” กันต์แนบหน้าลงกับต้นแขนแกร่งเพื่อลดทอนบรรยากาศอึมครึม แทนคุณที่เจอลูกอ้อนไปก็ได้แต่อ่อนใจยอมพยักหน้าแล้วพากันเดินไปเช่าจักรยานที่อยู่ถัดไปไม่ไกล
   

            พอได้ซ้อนท้ายอย่างที่ต้องการก็อมยิ้มอย่างอารมณ์ดี กันต์จะไม่ยอมให้พี่เขารู้ความลับหรอกว่าที่เลือกจักรยานแทนรถยนต์ก็เพราะเขาชอบการที่ได้กอดซบแผ่นหลังกว้างแผ่นนี้
   

            หลังจากกินข้าวที่เน้นหนักไปทางอาหารทะเลของโปรดของคนทั้งคู่เรียบร้อย แทนคุณก็พาคนตัวเล็กที่ซัดอาหารทะเลจนหยดสุดท้ายกลับมายังหาดทรายบริเวณหน้าโรงแรม ตัดสินใจกันว่าจะเดินกินลมชมวิวก่อนจะเข้าที่พัก เท้าเปลือยเปล่าสัมผัสลงบนหาดทรายละเอียดนุ่มไปตามทาง ข้างทางประดับไฟดูท่าจะเข้ากับบรรยากาศสำหรับคู่รักเสียเหลือเกิน
เมื่อเดินห่างจากผู้คนมาเล็กน้อยทั้งคู่ก็นั่งพักมองดาวที่เริ่มประกายบนท้องฟ้า รอยยิ้มยังคงแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าของคนทั้งคู่ กันต์มีความสุขมากแม้จะเพิ่งวันแรกเท่านั้นแต่มันพาลไม่อยากให้หมดช่วงเวลาดี ๆ แบบนี้ไปเลย
   

            “ชอบไหม”
   

            “ชอบมาก ๆ เลย ขอบคุณนะครับ” เมื่อรอบด้านไม่ค่อยมีใครคนตัวเล็กกว่าจึงทิ้งหัวลงบนไหล่กว้างอิงแอบแนบชิดอย่างตามใจตน กันต์เคยฝันถึงวันที่จะได้เที่ยวได้ใช้เวลาร่วมกับคนที่รักทว่าก็ผิดหวังเรื่อยมา แต่ในที่สุดเขาก็ได้สมหวังเสียที
   

            “กลับห้องกันดีกว่า” แทนคุณดึงตัวน้องให้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว กันต์มองพี่เขาอย่างมึนงงแต่ก็ยอมให้พี่เขาจูงมือกลับเข้าที่พัก
   

            และทันทีที่ประตูห้องปิดลงไม่ทันให้เสียบคีย์การ์ดเพื่อเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า ร่างโปร่งบางก็ถูกดันจนหลังติดกำแพงก่อนจะทาบทับด้วยแทนคุณที่จู่โจมปากนุ่มสีอ่อนของน้องแบบไม่ให้ตั้งตัว อารามตกใจแปรเปลี่ยนไปตามความเคลิบเคลิ้ม กันต์ปล่อยให้พี่เขาจูบและซุกซบตามความพอใจ ไม่คิดแม้แต่จะขัดขืน






...





   
            แสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านรอยแยกของผ้าม่านช่วยปลุกให้คนที่กำลังหลับอยู่รู้สึกตัวขึ้น กันต์ขยับตัวยุกยิกอยู่บนเตียงก่อนจะลืมตาขึ้นแต่กลับพบว่าข้างกายนั้นว่างเปล่า คนเพิ่งตื่นขยับตัวขึ้นพิงหัวเตียงเพื่อเรียกสติ เมื่อวานกว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า ขนาดเผลอหลับกันไปแล้วพอโดนตัวกันเท่านั้นก็ตื่นมาสปาร์คกันอีกรอบ นึกแล้วก็ขำ
   
            
            “นั่งยิ้มอะไรครับ”
   

            “ไปไหนมาครับ” กันต์ส่ายหน้าพลางตอบคำถาม
   

            “จ็อกกิ้งมาครับแล้วก็สั่งรูมเซอร์วิสให้เราด้วย ลุกอาบน้ำไหวไหม” แทนคุณพาตัวเองมาหยุดข้างเตียงพลางยกมือลูบกลุ่มผมนุ่มของคนรักที่ชี้ไม่เป็นทรงจากการตื่นนอนให้เข้าที่
   

            “ไม่ไหวเลยครับ”
   

            “หนู” คนโตกว่ากดเสียงต่ำเมื่อน้องช้อนตามอง รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งกันแต่ถ้ายังอยากออกไปเที่ยวก็ต้องหยุดแกล้งก่อนที่จะเลยเถิด
   

            “ฮ่ะ ๆ พี่จะอาบก่อนไหมไปวิ่งมาเหงื่อเต็มเลย”
   

            “กันต์อาบก่อนดีกว่าเดี๋ยวเผื่อเขามาส่งอาหารพี่จะได้อยู่รับ” กันต์พยักหน้ารับก่อนจะพาร่างเหลวเป๋วของตัวเองจากเหตุการณ์เมื่อคืนเข้าห้องน้ำไป
   

            เมื่อจัดการอาหารเช้าเสร็จก็พอจะมีแรงออกไปเที่ยวต่อโดยเช้าวันที่สองนี้แทนคุณได้จ้างทัวร์เพื่อดำน้ำดูปะการัง ซึ่งดีที่ทั้งคูว่ายน้ำกันเป็นหลังจากที่ทางทัวร์ปล่อยให้นักท่องเที่ยวลงจากเรือเพื่อดำน้ำในบริเวณพื้นที่ที่จัดไว้ให้ก็ไม่รอช้า เราต่างจับมือแล้วพากันดำดูสิ่งสวยงามภายใต้ท้องทะเล
   

            กว่าจะกลับมาจากทัวร์ดำน้ำก็ค่อนบ่ายเข้าไปแล้ว รายการสุดท้ายของทัวร์นี้ได้พาไปทานอาหารทะเลร้านพื้นเมืองบนเกาะที่เราแวะดำน้ำ อาหารประจำชาติพื้นเมืองมีส่วนประกอบหลักเป็นปลาเนื่องจากเป็นประเทศมุสลิมซึ่งกันต์และแทนคุณไม่ได้มีปัญหาตรงนั้นอยู่แล้วจึงมีความสุขกับอาหารตรงหน้า แม้จะรสชาติต่างจากที่เคยกินมาบ้างแต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
   

            “อิ่มไหม เอาอีกหรือเปล่า” คนถูกถามส่ายหน้าหวือพลางลูบท้องที่ป่องออกมาเพราะความอิ่มเกิน ตั้งแต่คบกันมาเขาถูกพี่แทนขุนจนน้ำหนักขึ้นพรวด ถึงอย่างนั้นเพราะความเป็นคุณหมอในสายเลือดจึงพาเขาออกกำลังกายบ่อย ๆ
   

            ออกกำลังกายที่หมายถึงการออกกำลังกายจริง ๆ น่ะนะ
   

            “กันต์รออยู่นี่แป็บนึงนะ พี่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน” กันต์พยักหน้ารับมองตามจนแผ่นหลังกว้างหายไปด้านหลังของเพิงร้าน
   

            ร่างโปร่งในชุดดำน้ำที่มีเสื้อแขนสั้นตัวโคร่งสวมทับอีกทีนั่งเท้าคางเก็บบรรยากาศรอบข้างอย่างเพลิดเพลิน แรงสะกิดที่ต้นขาทำให้เขาต้องละสายตาจากทะเลมามองก่อนจะพบดวงตาสีน้ำตาลอ่อนกำลังเงยหน้ามองเขาตาแป๋ว
   

            “ปี้ ปี้กนฉวย” กันต์ทำหน้าเลิ่กลั่กเมื่อเด็กตรงหน้าเรียกเขาด้วยสรรพนามแปลกหู แต่จะให้โกรธก็ทำไม่ลงเมื่อถูกรอยยิ้มหวานแอทแทคเข้าอย่างจัง
   

            “ลูกใครครับเนี่ย”
   

            “ยูก ยูกป๊ะป๋า”
   

            “หรอครับ แล้วป๊ะป๋าหนูอยู่ไหนเอ่ย”
   

            “ป๊ะป๋า ป๊ะป๋าอยู่ อยู่” ดวงตากลมกวาดมองไปรอบตัวก่อนจะสะบัดหน้าจนเส้นผมปิดหน้าปิดตาไปหมด กันต์มองหาผู้ปกครองแต่ก็ไม่พบจึงเริ่มใจคอไม่ดีแล้ว
   

            “ไม่ยู้”
   

            “แล้วหนูอยู่ที่ไหนได้ยังไงครับ”
เอาแล้วไงกับเด็กไม่กี่ขวบจะสื่อสารกันรู้เรื่องได้ยังไง ดูจากการแต่งกายเสื้อผ้าก็ไม่ได้ดูเหมือนเด็กเร่ร่อนเลยสักนิด เสื้อยืดและกางเกงขาสั้นดูสะอาดสะอ้าน กระเป๋าเป้ที่สะพายหลังก็ดูมีราคา ในระหว่างที่เด็กก็ยืนยิ้มหวานส่วนคนโตกว่าก็เริ่มหน้าเครียด ตัวช่วยอย่างแทนคุณก็เดินกลับมาที่โต๊ะพอดี
   

            “มีอะไรคนดี”
   

            “น้องคนนี้น่าจะหลงกับพ่อแม่อะพี่” ดวงตาเรียวสั่นระริกด้วยความสงสาร อาจเป็นเพราะตัวเองก็มีหลานเหมือนกันหากหลานตัวเองพลัดหลงกับผู้ปกครองไปเจอคนไม่ดีคงแย่เป็นแน่
   

            “ใจเย็น ๆ ก่อนนะกันต์” แทนคุณลูบหัวเด็กน้อยของตัวเองเพื่อปลอบโยนก่อนจะนั่งลงจนใบหน้าเสมอเท่ากับเด็กเล็กอีกคน
   

            “สวัสดีครับคนเก่ง หนูชื่ออะไรเอ่ยบอกอาได้ไหมครับ” เสียงทุ้มถูกปรับให้นุ่มลงและดูใจดีเหมาะกับคู่สนทนาเรียกให้เด็กที่ยืนมองคนรักของเขาหันกลับมามองได้
   

            “จื้อ จื้อ จิณณ์ อายุฉอง ฉองขวบคับ!” เด็กน้อยพูดตอบอย่างไม่กลัวคนแปลกหน้าแต่สิ่งเหล่านี้ย่อมเป็นดาบสองคมเสมอหากเด็กไม่ได้อยู่กับผู้ปกครอง
   

            “แล้วหนูมายังไงครับน้องจิณณ์”
   

            “ย้อง ย้องมากาบป๊ะป๋า”
   

            “พี่แทน กันต์ว่าไม่รอดหรอก พาไปแจ้งเจ้าหน้าที่ประกาศตามหาดีกว่า” แทนคุณพยักหน้าเห็นด้วยเพราะขนาดยืนคุยกันมาเป็นสิบนาทียังไม่วี่แววคนจะตามหาเด็กคนนี้ เราทั้งคู่ต่างกลัวว่าจะไม่ใช่แค่พลัดหลงน่ะสิ
   

            หลังจากแจ้งเจ้าหน้าที่บนเกาะให้ประสานงานกับเรือทุกลำที่เพิ่งเข้าเทียบและกลับออกไปจากเกาะ แต่จนทัวร์ของกันต์เรียกเพื่อกลับขึ้นเรือแล้วก็ยังไม่มีผู้ปกครองคนใดติดต่อมารับ และพวกเขาก็ต้องปล่อยให้เด็กอยู่กับเจ้าหน้าที่เพื่อเฝ้ารอ
   

            “ม่าย ฮึก ม่ายทิ้ง ฮึก ทิ้งจิณณ์ ฮึก” แต่เมื่อจะปล่อยมือกลับเป็นฝ่ามือเล็กที่ไม่ยอม เด็กน้อยเริ่มสะอึกสะอื้นทำเอาคนมองดูสะเทือนใจไปตามกัน กันต์มองคนรักอย่างต้องการความช่วยเหลือ จะให้บอกกันตามตรง เขาเองก็ถูกชะตากับเด็กคนนี้มาก แต่จะให้พาลูกเต้าใครเขากลับโรงแรมไปโดยพลการก็ไม่ใช่เรื่อง
   

            “เอาอย่างนี้ได้ไหมครับคุณตำรวจ พวกผมขอลงบันทึกประจำวันเอาไว้แล้วพาเด็กคนนี้กลับไปโรงแรมด้วยกัน หากมีผู้ปกครองมารับก็ให้ติดต่อมาที่ผม" ด้วยมาดที่ดูเป็นคนน่าเชื่อถือตามประสาคุณหมอทำให้ตำรวจยอมเพราะจนใจจะปลอบเด็กน้อยที่เกาะติดขาของคุณอาคนใหม่ไม่ปล่อย
   

            “ผมจะให้นามบัตรเอาไว้นะครับแล้วเดี๋ยวจะช่วยประกาศผ่านโซเชียล แต่ถ้าภายใน 24 ชั่วโมงไม่มีการแจ้งคนหายยังไงรบกวนโทรบอกผมทีนะครับ” โชคดีที่ภายในกระเป๋าสตางค์ยังมีนามบัตรอยู่จึงแลกกับเบอร์โทรศัพท์ของตำรวจที่มาช่วยรับเรื่องและประสานงาน
   

            หลังจากเคลียร์จบกันต์ก็อุ้มน้องเอาไว้ที่กอดคอไม่ยอมปล่อย แก้มกลมซบอยู่บนไหล่แคบชองคุณอาคนใหม่ด้วยความเซื่องซึม ทั้งคู่พากันกลับมาที่เรือและเอ่ยขอโทษแขกคนอื่นที่ทำให้เสียเวลา บนตักของกันต์มีเด็กที่เพิ่งเจอหน้ากันไม่ถึงชั่วโมงเกาะติดไม่ห่างกาย
   

            “เอ ... พอมาเห็นใกล้ ๆ ก็เหมือนจะเห็นแวบ ๆ นะคะน้อง” อยู่ ๆ เสียงแขกร่วมทัวร์คนนึงก็เอ่ยขึ้น ทำให้เขาและทุกสายตาหันไปมองด้วยความหวัง
   

            “พี่เห็นน้องเขามากับผู้ชายตัวสูงใหญ่ท่าทางจะเป็นพ่อ พาน้องมานั่งโต๊ะข้างหลังพี่นี่เอง เห็นคุยอะไรกับเด็กนี่แหละแล้วเดินออกไป แต่พี่ก็ไม่ได้สนใจต่อเพราะคิดว่าพ่อเด็กคงเดินไปสั่งอาหารหรือไม่ก็เข้าห้องน้ำเลยกินเสร็จก็ลุกออกไปเล่นน้ำต่อเลยค่ะ”
   

            “บนเกาะมีกล้องวงจรปิดไหมครับคุณ”
   

            “ตอนสอบถามกับเจ้าหน้าที่เขาบอกไม่มีครับ เกาะนี้ปั่นไฟกันเป็นช่วงเลยไม่ได้ติดกล้องเอาไว้” แทนคุณเป็นคนตอบ
   

            “พี่พอจะจำลักษณะของผู้ชายคนนั้นได้ไหมครับ” กันต์ถามต่อ
   

            “ตัวสูงใหญ่ เสื้อกับกางเกงรู้สึกจะสีดำ เขาเหมือนจะใส่หมวกด้วยนะพี่เลยมองหน้าเขาไม่ชัด”
   

            “พี่แทนลองติดต่อเจ้าหน้าที่ให้เช็คกล้องจากบนฝั่งได้ไหมครับ”
   

            หลังจากถึงฝั่งแทนคุณก็รีบติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนจะสองเด็กต่างช่วงวัยไปพักที่วิลล่า ซึ่งเด็กเล็กก็ตามติดกันต์ไม่ยอมห่าง ทำเอาแทนคุณไม่รู้จะขำหรือหัวเสียดีที่ทริปสองคนกลายเป็นสามคนกะทันหัน แต่ผ่านมาหลายชั่วโมงจนกระทั่งฟ้ามืดหมดแล้วก็ยังไม่มีใครติดต่อกลับมา
   

            “เอายังไงดีพี่แทน”
   

            “ก็ต้องส่งน้องไว้กับเจ้าหน้าที่แหละให้เขาดำเนินการต่อ เราทำเต็มที่แล้วคนดี” แม้ใจจะไม่ยอมรับแต่ก็ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ แม้ส่วนลึกเขาอยากจะรับอุปการะทว่าตัวเขาเองก็ยังเรียนไม่จบ ยังดูแลชีวิตตัวเองไม่ได้แล้วจะเอาอะไรไปดูแลชีวิตคนอื่น
   

            นัยนต์หวานสลดลงด้วยความสะเทือนใจ คงต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่จัดการต่อซึ่งแน่นอนว่าน้องคงต้องเข้าไปอยู่ภายใต้การดูแลของสถานรับเลี้ยงเด็กจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะหรือจะมีคนมาอุปการะ





...





   
            วันสุดท้ายของการพักผ่อนครั้งแรกของเราทั้งคู่จบลงที่การเอนตัวนอนดูน้ำทะเลสวยที่ระเบียงห้องพักเท่านั้น กันต์เกลือกกลิ้งใบหน้าลงบนแผ่นอกของคนรักก่อนจะทิ้งหัวซบลงบนตำแหน่งตัวเลขนิ่งเงียบเพื่อฟังเสียงจังหวะหัวใจคลอเคล้ากับเสียงคลื่นเป็นการขับกล่อม
   

            “ชอบไหม”
   

            “ชอบครับ ชอบทุกอย่างเลย ขอบคุณนะพี่แทนที่พากันต์มา” คนบนอกเงยหน้าจ้องเบาะนอนส่วนตัวตาแป๋ว
แทนคุณยิ้มบางกับรอยยิ้มน่ารักของน้อง เขามองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นก็พบแต่ความสดใสที่แตกต่างกับตอนที่เราเจอกัน ไม่อยากจะอวยตัวเองเท่าไหร่แต่จะถือว่าเป็นเพราะเขาที่ทำให้น้องดูมีชีวิตชีวาขึ้นแล้วกัน


            “พรุ่งนี้ก็กลับแล้วอ่า ไม่อยากกลับเลย”


            “ไว้วันหลังค่อยมาด้วยกันใหม่นะ” เรียวนิ้วยาวเกี่ยวเส้นผมเล็กเล่นจนเพลินมือ แทนคุณก้มลงหอมหัวด้วยเอ็นดูแต่ก็ไม่ใช่แค่น้องคนเดียวที่ไม่อยากกลับ เขาเองก็เช่นกัน ตั้งแต่เรียนหมอมาจนทำงานเรียกว่าแทบไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยก็ว่าได้


            “กันต์”


            “?”


            “เบื่อไหมที่ต้องอยู่กับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาแบบพี่”


            คนโตกว่าตัดสินใจถามในสิ่งที่ค้างคาใจ แม้เขาจะอยู่โรงพยาบาลเอกชนและเป็นหมอที่ต้องมีคิวนัด มีการเข้า-ออกเป็นเวลา แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเคสด่วนอีกทั้งหากตัวยังอยู่โรงพยาบาลก็ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะคอยตอบข้อความได้ตลอด เพราะน้องยังเด็กเขาจึงกังวลว่าน้องอาจจะอยากได้คนที่คอยอยู่ดูแล คอยไปไหนมาไหนด้วยกัน ตอบข้อความได้ตลอดอะไรแบบนั้นตามประสาวัยรุ่น
   

            “ไม่เลย ไม่เลยจริง ๆ นะ อย่ากังวลเลยครับ พี่มาหากันต์ไม่ได้เดี๋ยวกันต์ก็ไปหาพี่เองเหมือนทุกครั้งน่ะแหละ” และเขาก็ไม่เคยผิดหวังกับคนของชีวิตเลยสักครั้งเดียว เพราะนอกจากจะได้คำตอบที่ทำให้อุ่นไปทั้งใจแล้วยังมีรอยยิ้มที่ช่วยปลอบประโลม
   

            ตั้งแต่เกิดเรื่องก็ต้องยอมรับว่ากลายเป็นคนขี้กังวลไปทุกสิ่งจนบางครั้งก็ยิบย่อยจนรำคาญตัวเอง แต่ก็นั่นแหละนะเพราะว่ารักมากจึงคิดมาก อยากรักษาและถนอมความรักของคู่เราให้อยู่ด้วยกันเป็นอย่างดีไปอีกนาน
   

ครืด ครืด ครืด
   


            “เดี๋ยวพี่ขอคุยงานแป็บนึงนะ หนูนอนเล่นไปก่อน” แทนคุณหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนจะขอตัวเดินกลับเข้าห้องไปรับสาย กันต์พยักหน้ารับอย่างว่าง่ายแล้วหยิบเครื่องมือสื่อสารของตัวเองขึ้นมาบ้างเพื่อเก็บภาพบรรยากาศเอาไปอวดเพื่อนสนิท
   

            แทนคุณหายเข้าไปในห้องสักพักก่อนจะออกมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งทว่าหากมองให้ดีก็จะพบแววตาที่เปล่งประกายคล้ายกับว่ามีเรื่องอะไรให้น่ายินดี
   

            “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
   

            “เปล่าครับ หิวหรือยัง ไปหาอะไรกินกันดีกว่าจะได้กลับมาเตรียมเก็บของ” กันต์ลุกขึ้นตามแรงฉุดดึงเดินออกจากที่พักไปเอาจักรยานที่เช่าไว้แล้วพากันไปร้านอาหารเล็ก ๆ แต่รสชาติไม่เบาเลย เป็นร้านที่เมื่อวานเขาและพี่แทนเจอโดยบังเอิญหลังกลับมาจากเที่ยว
   

            “แล้วนี่กลับไปพี่ต้องทำงานเลยหรือเปล่า”
   

            “วันหยุดเหลืออีกวันนึงครับ”
   

            “ดีแล้ว จะได้ไม่เหนื่อย”


            ตกกลางคืนเราทั้งคู่ก็มาช่วยกันนั่งเก็บกระเป๋าสำหรับการเดินทางกลับในเช้าวันพรุ่งนี้ ใบหน้าน่ารักมุ่ยลงอย่างนึกอยากงอแงที่จะต้องกลับไปเรียน  แก้มพองจนคนมองมันเขี้ยวเลยคว้าคอน้องเข้าไปรัดแล้วฟัดจนได้ยินเสียงหัวเราะใสลั่นห้อง


            “ฮะ ๆ พ พี่ อื้อออ แก้มกันต์ช้ำแล้ว ฮะ ๆ” แทนคุณมองน้องที่ดิ้นหนีล้มตัวนอนอยู่บนพื้นกำลังอ้าปากเล็ก ๆ ออกเพื่อกอบโกยอากาศด้วยแววตาพราวระยับ กันต์ที่เห็นสายตาคนพี่ก็หลุดขำก่อนจะยกแขนชูขึ้นพร้อมกับร่างกายใหญ่โตจะโถมทับเข้ามากอด และจากเสียงหัวเราะก็แปรเปลี่ยนเป็นเสียงครวญคราง


            “หนู ... เราลองกันตรงบันไดไหม” ในระหว่างที่กำลังร่างกายสอดประสาน คนพี่ก็ดันนึกพิเรนท์อยากจะพาผาดโผนเสียอย่างนั้น บันไดที่ว่าคือบันไดตรงระเบียงห้องที่ทำหย่อนลงไปในทะเล


            “อ๊ะ พี่จะบ้าหรอ”


            “งั้นตรงระเบียงก็ได้” แทนคุณไม่รอฟังคำตอบเขาอุ้มน้องขึ้นมาโดยที่ร่างกายยังไม่แยกออกจากกันพร้อมกับฉวยผ้าขนหนูผืนใหญ่ของทางโรงแรมวางไว้ให้ไปด้วย


            แทนคุณหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ยาวที่ปรับการเอนได้ จังหวะที่นั่งทำให้กันต์เงยหน้าสูดปากอย่างอดกลั้นเพราะเจอแรงกระแทกเข้าไปอย่างไม่ทันตั้งตัว คนคิดพิเรนท์จับร่างบางให้นอนตะแคงหันหลังจนแผ่นหลังแนบชิดอกของตัวเอง ก่อนจะจับส่วนกายขยับเข้าไปในตัวน้องอีกครั้งโดยมีผ้าขนหนูปิดทับกันสายตาและสายลมที่หนาวเย็น


            “อ๊ะ”


            “ชู่ว หนูอย่ารัดพี่แรง”


            “อื้อ”


            กว่าคลื่นอารมณ์จะสงบก็ทำเอาเราทั้งคู่ตัวเย็นเฉียบ แทนคุณอุ้มน้องกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับช่วยเช็ดตัวจนอีกฝ่ายนอนหลับสบายก็ไปจัดการตัวเองแล้วกลับมานอนกอดน้องหลับไปพร้อมกัน


            “ฝันดีนะคนดี”


            แทนคุณได้แต่หวังว่าเมื่อกลับไปถึงบ้านแล้วทุกอย่างที่เขาเตรียมเอาไว้จะเรียบร้อยเป็นอย่างดีและคงจะไม่มีอะไรผิดแผน เมื่อถึงเวลานั้นเขาก็อยากให้น้องประทับใจที่สุด
            แล้วผมจะไปหาเจอได้อีกทีไหน ทำไมเกิดมาทีต้องเหนื่อยขนาดนี้วะเนี่ย ...







To be continued.
_____________________________________

TALK : หาไปนานมากกกกก ขอโทษด้วยค้าบ
อีกไม่เกิน 2 ตอนจบจ้า ฝากด้วยนะคะ

ส่วนที่เคยแจ้งเรื่องการตีพิมพ์
ตอนนี้เราประสบปัญหาการติดต่อสื่อสารกับสำนักพิมพ์
ยังไม่รู้จะยังไงต่อ เดี๋ยวถ้ามีอะไรคืบหน้าจะมาแจ้งอีกทีนะคะ



#ครึ่งชีวิตของผม





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-01-2020 14:20:08 โดย 19august »

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
วางแผนจะทำอะไรน่ะะะะะะะะะะะ  :hao3:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
พี่แทนจะเซอร์ไพรส์อะไรน้อง

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___
CHAPTER 22

I’m thinking ’bout how people fall in love in mysterious ways
Maybe just the touch of a hand









            คนที่ยังคิดถึงการเที่ยวที่ผ่านมาอยู่ยังคงนั่งซบไหล่คนรักด้วยท่าทางซึม ๆ ชวนให้แทนคุณอดเอ็นดูแฟนเด็กของตัวเองไม่ได้ ไม่ใช่สิ ... อีกไม่นานจะไม่ใช่แฟนแล้ว เพียงแค่คิดเขาก็อารมณ์ดีขึ้นมาเป็นกอง หวังแต่ว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยอย่างใจนึก
   
            รถยนต์โดยสารที่เช่ามาส่งถึงหน้าบ้านซึ่งภายในเงียบสงัดราวกับไม่มีคนอยู่ชวนให้แปลกใจไม่น้อย ปกติแล้วแม่ไม่ค่อยได้ไปไหนมักจะอยู่บ้านเสมอ เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันพลางชะเง้อคอมองเข้าไปในบ้านแต่ก็ไม่พบความผิดปกติอะไร
   
            “ทำไมบ้านเงียบจัง แม่ไปไหน”
   
            แต่ในจังหวะที่กันต์จะก้าวเข้าไปในตัวบ้านของตัวเองพลันโลกในครรลองสายตาก็มืดลงพาลให้ทั้งร่างสะดุ้งสั่นด้วยความตกใจ แต่เพราะกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่คุ้นเคยและไออุ่นที่ยังแนบชิดอยู่กับแผ่นหลังของตนจึงค่อย ๆ คลายความกังวลลง
   
            “เล่นอะไรเนี่ยพี่”
   
            “เซอร์ไพรส์ไงคนเก่ง”
   
            “แกล้งกันต์อีกแล้ว อย่าบอกนะว่าที่บ้านเงียบแบบนี้ก็แผนพี่?”
กันต์ที่ถูกปิดตาพยายามหมุนตัวหันกลับไปหาคนด้านหลัง แต่ไหล่เล็กก็ถูกจับเอาไว้แน่นด้วยฝีมือของคนรัก เสียงหัวเราะทุ้มดังอยู่ข้างหูชวนให้นึกหมันไส้ แทนคุณในวันนี้ไม่ได้ต่างจากแทนคุณในวันแรกที่รู้จักกันเลย ขี้แกล้งอย่างไรก็ยังขี้แกล้งอยู่เช่นนั้น

            “ไปครับ ค่อย ๆ เดินนะ” คนโดนเซอร์ไพรส์ถูกดันให้เข้าไปในตัวบ้าน เขาพยายามเงี่ยหูฟังเสียงรอบกายแต่ก็ไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงหายใจของตนเองและคนด้านหลัง 
   
            “เปิดตาได้ยัง” กันต์ลากเสียงยาว เป็นธรรมดาที่เมื่อคนเรามองไม่เห็นมักจะมีความคิดน่ากลัวขึ้นมาในหัว ประกอบกับความอบอุ่นที่เคยแนบชิดกับแผ่นหลังหายไปยิ่งทำให้เรียวคิ้วขมวดมุ่น ร่างกายหมุนเคว้งคว้างไปมาอย่างทำอะไรไม่ถูก แต่ก่อนที่จะตัดสินใจคลายผ้าผูกตาออกนั้นเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้น
   
            “เปิดตานะครับคนดี”


            สิ้นเสียงนั้นผ้าก็คลายออกจากการบดบังทัศนวิสัย กันต์ขยับพริบตาถี่เพื่อปรับสภาพสายตาแล้วพบว่าตรงหน้าที่เคยเป็นห้องนั่งเล่นธรรมดา ในตอนนี้กลับประดับประดาไปด้วยดอกไม้พันธุ์ที่เขาชอบ อีกทั้งระหว่างผนังฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่งก็ระโยงรยางค์ไปด้วยสายเชือกที่ห้อยรูปเราทั้งคู่เอาไว้
   
            “คะ คือ” กันต์พูดไม่ออก ความรู้สึกดี ๆ ตีตื้นขึ้นเต็มอกถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเหตุใดพี่เขาถึงมาจัดเซอร์ไพรส์ ไม่ใช่วันเกิดใคร วันครบรอบอะไรยิ่งไม่ใช่เข้าไปใหญ่ หรือมีโอกาสพิเศษอะไรที่เขาไม่รู้หรือเปล่า
   
            ทว่าในตอนที่กันต์หันกายกลับไปหาคนรักก็พบว่าร่างสูงใหญ่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเรียบร้อยแล้ว ดวงตาคมช้อนมองเขาด้วยความหวานซึ้งแบบที่ชวนให้แก้มทั้งสองร้อน ใจเต้นตึกตักราวกับวันแรกที่พบกัน รอยยิ้มอบอุ่นที่ประดับอยู่บนไปหน้าชวนให้ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันอย่างขวยเขิน
   
            “ทำอะไรครับเนี่ย” ถามออกไปแต่ดวงตากลับหลุกหลิกไม่ยอมสบตาคนตรงหน้า
   
            แทนคุณตอบคำถามด้วยการกระทำ ฝ่ามือที่ทิ้งอยู่ข้างกายยกขึ้นมาก่อนจะแบนออกเพื่อให้เห็นของที่อยู่ในนั้น กล่องสีดำกำมะหยี่บรรจุแหวนสีเงินเกลี้ยงเกลาสองวงต่างไซส์ ทันทีที่เห็นกันต์ก็เบิกตากว้างอย่างตกใจ เขาเข้าใจแล้วว่าคนรักกำลังจะทำอะไร แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือทำไมถึงเป็นตอนนี้ ในหัวคิดสาระตะไปหมดจับต้นสายปลายเหตุไม่ถูก
   
            “พี่รู้ว่ามันเร็วไป และหนูก็ยังเรียนไม่จบ แต่วันนี้หนูยอมเป็นคู่หมั้นให้พี่ก่อนได้ไหมครับ เมื่อเรียนจบแล้วค่อยเป็นเจ้าบ่าว*ให้พี่”  ม่านน้ำตากำลังเอ่อคลอบดบังภาพตรงหน้า กันต์พยายามเช็ดออกเพราะอยากมองหน้าคนรักและภาพเหตุการณ์ตรงหน้าให้ชัดเจน แต่เหมือนยิ่งเช็ดกลับยิ่งไหลมากขึ้นทุกที
   
            “กะ กันต์ ฮึก กันต์เป็น ฮึก พี่แทน ฮือ” กันต์ที่มักเข้มแข็งเสมอ ไม่ค่อยแสดงด้านอ่อนแอให้ใครได้เห็น ในวันนี้กลับร้องไห้โยเยจนหน้าแดงต่อหน้าคนรัก แทนคุณสวมแหวนให้น้องแล้วผุดลุกขึ้นรับกายบางเข้ามาในอ้อมอกแล้วกกกอดไว้แน่นหนาพลางกดจูบลงบนหน้าผากเบา ๆ ด้วยความทะนุถนอม
   
            นานอยู่หลายนาทีกว่าคนขี้แยจะหยุดร้องไห้ จากที่ยืนกอดกันอยู่กลางบ้านก็ย้ายมานั่งพะเน้าพะนอที่โซฟา แทนคุณไม่ยอมปล่อยให้น้องห่างตัวแม้จะหยุดร้องแล้วก็ตามส่วนกันต์เองก็ไม่คิดจะลงจากตักผละจากอกอุ่นไปไหน
   
            “หนู”
   
            “หือ”
   
            “ใส่แหวนให้พี่หน่อยครับ” กันต์หลุดหัวเราะกับตัวเองเพราะมัวแต่งอแงเลยลืมแต่จะสวมแหวนคืนให้คนรัก เขารับมาก่อนจะบรรจงสวมลงบนเรียวยาวพร้อมกับกดจูบลงบนหลังมือนั้น สัมผัสแผ่วเบาแต่อุ่นวาบกระทบไปทั่วหัวใจ น้องน่ารักขนาดนี้แล้วคนอย่างแทนคุณจะไปไหนรอด
   
            ที่เขาบอกกันว่า คู่ชีวิตเมื่อพบแล้วอาจไม่ได้รักกันและเข้ากันได้ดีอย่างที่วาดหวัง เกือบครึ่งต่อครึ่งที่ต้องเจอความไม่สมหวัง จนต้องกล้ำกลืนฝืนทนอยู่ด้วยกันไปวัน ๆ เพื่อรักษาตัวรอด ไม่ก็เข้าระบบการรักษา แต่มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นคู่ของเขากับน้องอย่างแน่นอน ความรู้สึกในวันแรกที่รู้ว่าอีกครึ่งของตนเองเป็นใครจวบจนถึงวันนี้ก็ไม่ได้ลดลงเลย ไม่ว่าวันนั้น วันนี้หรือวันไหน อีกครึ่งชีวิตของแทนคุณก็คือกันต์เสมอ
   
            “เราจะรักกันตลอดไปไหมพี่แทน”

            อยู่ ๆ กันต์ก็เผลอคิดไปว่าหากวันหนึ่งไม่มีพี่แทนคุณแล้วจะเป็นอย่างไร ในวันนี้แม้เราจะมั่นใจในความรักของเราดีแต่ก็ใช่ว่าในอนาคตจะราบรื่นเสมอไป กันต์ก็เป็นเพียงคน ๆ หนึ่งที่เคยมีบาดแผลเรื่องความรักมาไม่น้อย แม้อาจจะเทียบกับสิ่งที่พี่เขาเจอมาไม่ได้ แต่กันต์ก็ไม่ใช่คนเข้มแข็งมากขนาดนั้น หากว่าวันหนึ่งความรักเกิดหมดหวานก็ไม่รู้ตัวเองจะทำใจได้อย่างไร

            เพียงแค่ได้ยินคำถามแทนคุณก็หน้าดุขึ้นทันควันแต่เขาก็เข้าใจในอดีตของน้องเข่นกัน ฝ่ามือใหญ่จึงขยับลูบแผ่นหลังบางไปมาคล้ายกับกำลังกล่อมเด็ก ก้มจนริมฝีผากชิดกับขมับของน้องก่อนจะเอื้อนเอ่ยคำตอบที่มันฉายชัดขึ้นมาในใจอย่างที่ไม่ต้องคิดให้มากความ

            “หากว่าตลอดไปเท่ากับลมหายใจ ก็จนกว่าจะหมดลมหายใจของพี่นั่นแหละ”




...





   
            วันเวลาผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว อีกแค่เทอมเดียวกันต์ก็จะสำเร็จการศึกษาแล้ว อดใจหายไม่ได้ว่าต่อไปต้องเติบโตด้วยขาของตัวเอง กลายเป็นผู้ใหญ่ในสังคม ไหนจะงานที่จะใช้หาเลี้ยงชีพอีก ช่วงนี้หลังจากที่โปรเจ็คไปได้เกินครึ่งทางคาดว่าน่าจะจบแน่ ๆ ก็เริ่มร่อนไปสมัครงานไปตามบริษัทต่าง ๆ เอาไว้บ้างแล้ว
   
            ด้วยนิสัยของกันต์เองแม้จะอยากพักอย่างที่ใจนึกทว่ากลัวตัวเองจะไฟมอดไปเสียก่อนเลยคิดว่าสมัครเอาไว้ก็ไม่เสียหายอะไร ซึ่งทางครอบครัวหรือแม้แต่ตัวพี่แทนคุณเองก็ไม่ได้ห้ามอะไร มีเพียงแต่ชี้แนะแนวทางชีวิตการทำงานให้เท่านั้น

            กันต์ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเครียดเลยจนกระทั่งถูกทัก
   
            “หนู”
   
            “ครับ”
   
            อ้อมกอดอุ่นจากด้านหลังทำให้คนนั่งหน้าเคร่งอยู่กับคอมพิวเตอร์ชะงักและผ่อนคลายลงไปหลายส่วนอย่างไม่รู้ตัว แทนคุณรับเอากายเล็กเข้ามาก่อนจะกดจูบลงบนกลุ่มผมนุ่มอย่างนึกเป็นห่วง พักหลังนอกจากโปรเจ็คจบแล้วเขาก็เห็นว่าน้องค่อนข้างเครียดกับอนาคตข้างหน้าอยู่ไม่น้อย
   
            แต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไรเพราะเขาเข้าใจว่าหลังจากเรียนจบแล้ว อนาคตต่อไปนี้เราต้องเลือกเดินและลองผิดลองถูกด้วยตนเอง ก็อาจทำให้เคว้งคว้างเป็นธรรมดา
   
            “หน้าเครียดแล้วกระต่ายตัวนี้ งานไม่ทันหรอหืม” ริมฝีปากคลอเคลียอยู่ข้างขมับไม่ห่างเพราะอยากดึงความสนใจของน้องมาที่ตนเองชั่วครู่
   
            “ทันอยู่ครับ งานกันต์ยังไปตามแพลนอยู่”
   
            “ออกไปกินข้าวกันครับ พี่โทรจองร้านนั้นไว้แล้ว สนไหม” แทนคุณกำลังหมายถึงร้านอาหารทะเลที่เราเคยไปกินด้วยกันครั้งแรก สารภาพว่าหลังจากคบกันจริงจังน้องก็มาถามว่าทำไมเดทแรกถึงพาไปร้านนี้ เขาเองก็ได้แต่ตอบไปตามความจริงอย่างที่คิด
   
            อย่างที่เคยมีคนบอกว่าถ้าเรารู้ว่าอะไรอร่อย เราก็อยากให้คนที่รักได้ชิม
   
            “เย้! ไม่ได้ไปนานมากกกกกก” กระต่ายตัวจ้อยหวีดเสียงดังที่จะได้ไปร้านดังกล่าวเพราะตั้งแต่ครั้งแรกวันนั้นก็ไม่ได้ไปกินอีกเลย คนตัวบางที่เริ่มไม่บางขึ้นทุกทีวิ่งเข้าห้องไปเปลี่ยนชุดที่ขนเอามาไว้บ้านคนรักจนไม่ต่างกับตู้เสื้อผ้าบ้านตัวเอง
   
            แทนคุณกวาดตามองรอบบริเวณบ้านของตนเองที่ก่อนหน้านี้ก็ห่างหายไปนานหลายปี เคยคิดว่าวันหนึ่งถ้าย้ายกลับมาคงไม่สบายใจเท่าแยกตัวไปอยู่คอนโด แต่ความจริงแล้วกลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองโหยหาความอบอุ่น ความสบายใจจากครอบครัวขนาดไหน คิดถึงบ้าน คิดถึงคนที่บ้านขนาดไหน
   
            วันไหนทำงานมาเหนื่อย ๆ ก็เดินไปอ้อนพ่อกับแม่ได้ วันไหนคิดถึงก็เดินข้ามรั้วไปหาได้อย่างง่ายดาย และที่สำคัญคือเขาคิดถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกับแทนรักมากกว่าที่คิด เราเคยสนิทกันมากขนาดไหน ความทรงจำที่ฉายชัดเมื่อเข้ามาอยู่ในบ้านนั้นตอกย้ำได้ดี และยิ่งในวันนี้ที่เขามีคนของตัวเองเพิ่มเข้ามายิ่งทำให้บ้านหลังเล็ก ๆ อบอวลไปด้วยความทรงจำที่เรียกว่าความรักอัดแน่นไปทุกตารางนิ้ว
   
            กายใหญ่เอนหลังพิงกับพนักโซฟาและเมื่อมองไปยังรูปครอบครัวที่เราเพิ่งถ่ายกันไปก่อนแทนรักเดินทางโดยมีสมาชิกใหม่อย่างกันต์เข้าร่วมเฟรม ราวกับว่าความเว้าแหว่งภายในใจได้ถูกเติมจนเต็ม ความรู้สึกที่เคยไร้ค่าเหมือนได้รับการเยียวยา
   
            “พี่จ๋าไปกัน!” เสียงใสเอ่ยอย่างร่าเริงในขณะที่วิ่งลงบันไดมาหา แทนคุณยิ้มก่อนจะรับเอาตัวน้องเข้ามาโอบแล้วพากันเดินออกไป
   
            สิ่งหนึ่งที่แทนคุณหมายมั่นไว้ในใจหลังจากแทนรักกลับมานั่นก็คือให้มันไปต่อเติมขยายบ้าน เพราะเขาจะยึดส่วนของบ้านหลังนี้ไว้เป็นเรือนหอของเขาและน้องเอง!



(ต่อ)

ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___





...
   




            “จบซักทีโว้ยยย” เสียงเพื่อนร่วมสาขาดังขึ้นหลังจากปิดการพรีเซนท์โปรเจ็คครั้งสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อย แม้มันจะมีช่วงเวลาที่ดีบ้างร้ายบ้างแต่ต้องยอมรับเลยว่าวินาทีที่โปรเจ็คผ่านมาจนถึงวันนี้ได้มันก็โล่งใจอย่างบอกไม่ถูก และจะไม่พูดถึงเกรดที่ได้รับเพราะทุกครั้งที่พรีเซนท์ส่วนมากจะรู้ตัวเองดีอยู่แล้วว่าจะได้เกรดอะไรกัน
   
            แต่ ณ เวลานี้ไม่มีใครจะคิดถึงจุดนั้น เพราะเรียนจบแล้วก็ต้องฉลองซิ!!
   
            “เราไปไหนกันดีวะมึง” ดิมเดินกอดคอเพื่อนตัวเองลงมาจากตึก ขนาดวันเรียนจบจะไปฉลองยังอยู่กันสองคนเลย
   
            “เฮ้ย ไอ้ดิม ไอ้กันต์ เย็นนี้ไปด้วยกันเปล่าพวกมึง”
   
            “เออ ไปด้วยกันดิ ไม่ค่อยได้ไปไหนกับพวกมึงเลย”
   
            เสียงเพื่อนที่เคยทำงานกลุ่มร่วมกันหลายครั้งตะโกนเรียกเพื่อชักชวน ทำเอาสองเพื่อนซี้หันมองหน้ากันแล้วปรึกษาผ่านสายตา ก่อนที่จะเป็นดิมหันไปพยักหน้าตกลง
   
            “ดีมาก! งั้นเจอกันที่ xxx สองทุ่มนะมึง พวกกูจองโต๊ะไว้แล้วเดี๋ยวได้ตรงไหนจะโทรบอก” กันต์และดิมทำมือสัญลักษณ์โอเคแล้วขอตัวแยกออกมาก่อน
   
            “ไปกินข้าวกันก่อนปะมึง” เรื่องปากท้องสำคัญกว่าเสมอ กันต์หันไปถามเพื่อนตัวเอง
   
            “เออไปดิ แล้วเย็นนี้มึงจะไปไง ให้กูไปรับไหม” คนถูกถามโคลงหัวเป็นการตอบรับ
   
            ระหว่างรอข้าวกันต์ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาคนรัก เพื่อเล่าถึงการพรีเซนท์ครั้งสุดท้ายรวมทั้งบอกเรื่องที่จะออกไปกับเพื่อนคืนนี้ ซึ่งแน่นอนว่ามีคนงอแงเพราะความเป็นห่วงด้วยตลอดเวลาที่ผ่านมากันต์แทบจะไม่ออกไปเที่ยวกลางคืนกับกลุ่มเพื่อนเลยด้วยซ้ำ หากไม่นับรวมดิมกับจาริณมาชวนหรือเลี้ยงสายรหัสที่นานทีจะมีครั้ง แทนคุณจึงอดเป็นห่วงน้องไม่ได้
   
            “ฮัลโหล ว่าไงครับคุณหมอ”
   
            ( ให้พี่ไปส่งไม่ได้เหรอ )
   
            “กันต์อยากให้พี่นอนพักมากกว่า พี่ทำงานมาทั้งวันแล้ว”
   
            ( เฮ้อ ก็ได้ครับ แต่ขากลับพี่ไปรับนะ )
   
            “โอเคครับ ๆ” กันต์รู้ว่าถ้าไม่ยอมอีก คุณหมอแทนคุณของทุกคนจะต้องงอแงแน่ ๆ หลังจากตกลงกันได้ก็คุยเรื่อยเปื่อยต่ออีกเล็กน้อยก่อนจะปล่อยให้อีกฝ่ายไปทำงาน
   
            “ดีใช่ปะวะ” จู่ ๆ ดิมก็พูดขึ้นมา กันต์ชะงักตัวไปเล็กน้อยก่อนจะเข้าใจว่าเพื่อนกำลังพูดถึงเรื่องไหนจึงพยักหน้าเป็นการตอบรับพลางวาดรอยยิ้มเต็มแก้ม
   
            “ดีมาก แบบมาก ๆ”
   
            “เออ ดีก็ดีแล้ว”

            ดิมกำลังพูดถึงชีวิตรักของเพื่อนตัวเองเพราะเขาเป็นคนเดียวที่รับรู้เรื่องราวในชีวิตของกันต์มาตลอด ไม่ว่าจะเจ็บปวดหรือมีความสุข แล้วยังเป็นคนที่เห็นคู่นี้ตั้งแต่เริ่มต้น จับมือพากันผ่านเรื่องราวมากมายที่เข้ามาเป็นบททดสอบจนถึงวันนี้ที่บนนิ้วมือของเพื่อนเขามีคนนำแหวนมาจับจอง ภายในระยะปีกว่า ๆ ก็มีเรื่องราวเข้ามาให้ชีวิตได้เรียนรู้มากมาย

            “แล้วจะแต่งกันเมื่อไหร่”

            “ไม่รู้ว่ะ เห็นพี่เขาบอกรอกูเรียนจบ จริง ๆ กูอยากทำงานก่อนค่อยแต่ง แต่ก็นั่นแหละแล้วแต่ผู้ใหญ่” มองพูดเรื่องนี้แล้วก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตคู่ การแต่งงานอะไรแบบนั้นจะได้ทำมันเร็วในอายุเท่านี้

            “เออ แต่ง ๆ ไปเหอะ พี่แทนเขาอยากอยู่กับมึงจะแย่”

            “แต่กูแอบเป็นห่วงพ่อกับแม่อะ ไม่อยากให้อยู่กันสองคนในบ้านเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะไม่มีคนรู้” นี่เป็นอีกเหตุผลนึงที่กันต์ยังคิดไม่ตก เพราะรู้ดีว่าถ้าแต่งงานกันไปแล้วพี่แทนจะต้องอยากใช้บ้านเล็กหลังนั้นเป็นเรือนหอแน่ ๆ

            “มึงลองคุยกับพี่แทนกับพี่ชายมึงก่อนไหม มันต้องมีทางออกแหละ” คนขี้กังวลพยักเพยิดหน้าเห็นด้วยอย่างเสียไม่ได้

            “เดี๋ยวทุ่มนึงกูมารับ” ดิมบอกเพื่อนหลังจากขับมาส่งที่ป้ายรถบัสไม่ไกลจากที่เรียน นัดแนะกันเสร็จเรียบร้อยจึงแยกย้ายไปพักผ่อน

            กันต์เดินลากเท้าเข้าซอยจนมาถึงบ้านแล้วเห็นรถของพี่ชายจอดอยู่เลยรีบวิ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว คิดถึงหลานจะแย่ เมื่อมาถึงเสียงใสก็เรียกหลานดังลั่นบ้านจนถูกผู้เป็นแม่เอ็ด

            “น้องกานนนนนนต์”

            “เจ้ากันต์!”

            “แหะ ก็กันต์คิดถึงหลาน ไหนมาให้อากอดหน่อยครับ” กันต์เข้าไปอุ้มหลานที่ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดใส่อาตัวเองอย่างร่าเริง สองหนุ่มเล่นกันเพลินจนเด็กน้อยเพลียหมดแรงหลับคอพับคออ่อนบนอกอาตัวเอง

            “ทำไมวันนี้มาได้ล่ะพี่”

            “มาหาเรานั่นแหละ”

            “มาหา? มาหาทำไมอะ มีอะไรกันเหรอ” กันต์มองหน้าพี่ชายสลับกับพ่อแม่แล้วรู้สึกว่าวันนี้ที่มารวมตัวกันได้จะต้องมีเรื่องอะไรอย่างแน่นอน

            “กันต์ลูก”

            “ครับแม่”

            “เรียนจบแล้วเนอะ”

            “ครับ”

            “คิดเรื่องแต่งงานไว้บ้างหรือยัง”

            “ก็นิดหน่อยอ่าแม่ แต่ว่ามันยังมีเรื่องทำให้กันต์ยังตัดสินใจไม่ได้”

            “ถ้าเป็นเรื่องของพ่อกับแม่ ไม่ต้องกังวลเลยลูก เดี๋ยวพี่กวิน พี่น้ำแล้วก็หลานจะย้ายกลับมาอยู่ที่นี่” กันต์เงยหน้าขึ้นสบตาคนที่บ้านด้วยความสับสน มนุษย์แม่จะน่ากลัวเกินไปแล้ว เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ให้ใครฟังยกเว้นที่คุยกับดิมเมื่อกี้นี้

            ผู้เป็นแม่ที่เห็นลูกตัวเองทำหน้าปุเลี่ยนจึงหัวเราะออกมา “แม่เลี้ยงกันต์มาตั้งยี่สิบเอ็ดปีเชียวนะ จะดูลูกตัวเองไม่ออกได้ยังไง”

            เธอน่ะรู้จักลูกชายคนเล็กของตัวเองดีไม่น้อยกว่าใคร แม้ลูกจะไม่ค่อยกล้าเล่านั่นเล่านี่ตามประสาเด็กวัยรุ่นแต่หลายครั้งความกังวลใจบางอย่างที่ลูกคนเล็กของเธอแสดงออกผ่านสีหน้า สายตาและคำถามเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นก็ทำให้เธอพอจะจับอาการได้

            “จริงเหรอพี่”

            “อืม พี่จะกลับมาอยู่บ้าน ดีที่บริษัทขยายซัพฯ แล้วหัวหน้าเห็นพี่เห็นว่าบ้านอยู่แถวนี้เลยมาถามความเห็น พี่ปรึกษาพ่อกับแม่แล้วพอรู้เรื่องเราด้วยพี่ก็เลยตัดสินใจง่ายไปใหญ่”

            “แต่ว่า ...” กันต์เกรงใจพี่ชายของตัวเองด้วยเหตุผลที่ความรู้สึกของเขาจะกลายเป็นสร้างการภาระให้หรือเปล่า

            “อย่าคิดมาก พี่ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย พี่น้ำก็เห็นด้วยเพราะเขาเองก็อยากมาเปิดร้านขนมแถวนี้ โรงเรียนเยอะและไม่ไกลมหา’ลัยอีก ลูกค้าก็น่าจะมีเข้าบ้าง”

            “ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการเถอะเจ้ากันต์ นั่นน่ะครึ่งชีวิตของเราเองเลยนะ” กันต์มุ่ยหน้าเมื่อพ่อพูดเชิงแซวเลยแกล้งเข้าไปกอดเพื่อแก้เขิน

            “ไว้คิดถึงก็มาหา บ้านพี่เขาก็ไม่ได้ไกลกันจนมาหากันไม่ได้สักหน่อย” เมื่อครอบครัวให้การสนับสนุนขนาดนี้กันต์เองก็ไม่มีเหตุผลที่จะผลัดการแต่งงานออกไปอีก

            หลังจากคุยกันเข้าใจกันต์ก็กลับขึ้นห้องพอได้มานอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็พาลให้นึกถึงคนรัก เขารู้ดีว่าพี่แทนอยากแต่งงาน อยากให้เขาย้ายไปอยู่ด้วยกันแค่ไหน แต่ก่อนหน้านี้เขายังเรียนอยู่และยังถือว่ามีพ่อและแม่เป็นผู้ปกครองความวัยเยาว์จึงยังไป ๆ กลับ ๆ ระหว่างบ้านตัวเองและบ้านของคนรัก

Punnakann : คิดถึงจังครับ
   
            เขาส่งข้อความทิ้งไว้ก่อนจะเปลี่ยนไปเล่นอย่างอื่น แต่แล้วก็ต้องรีบกลับเข้ามาห้องสนทนาเดิมเพราะอีกฝ่ายตอบเร็วมากคาดว่าคงจะไม่มีคนไข้

P’TANN <3 : คิดถึงเหมือนกันคนดี
P’TANN <3 : ทำอะไรอยู่ครับ

Punnakann : นอนกลิ้งอยู่ค้าบบ
Punnakann : *sent a photo*
   
            เขาหัวเราะคิกคักเมื่อพี่แทนรัวแชทและสติกเกอร์มาไม่พอหนำซ้ำยังวิดีโอคอลมาเสียด้วย กันต์ล่ะอย่างชอบเวลาทำให้คนขี้แกล้งเสียอาการได้บ้าง ก็แค่ส่งรูปตัวเองที่ใส่แค่เชิ้ตขาวปลดกระดุมจนถึงกลางอกไปเองก็มีคนทนไม่ไหวแล้ว
   
            ( น้องงงงงง )
   
            “ว่าไงครับพี่จ๋า”
   
            ( ทำไมแกล้งกันแบบนี้ล่ะ ) ปากอิ่มของแทนคุณเบะออกอย่างขัดใจที่พุ่งเข้าไปหาน้องไม่ได้
   
            “ก็เป็นกำลังใจในการทำงานให้ไงครับ”
   
            ( สมาธิกระเจิงหมดเลยหนู )
   
            กันต์หัวเราะลั่นเมื่อได้ยินคำตอบพร้อมกับใบหน้ายับยู่ของคนรัก แต่ทั้งคู่ต้องชะงักบทสนทนาเมื่อได้ยินเสียงพยาบาลแจ้งเรื่องคนไข้ที่จะเข้ามาตรวจ
   
            “ไว้เจอกันคืนนี้ครับ ตั้งใจทำงานน้า” คนขี้ยั่วยิ้มตาใสก่อนจะกดวาง
   
            ‘นอนพักให้พอนะครับ เพราะคืนนี้หลังจากกลับมาหนูคงไม่ได้นอน’
   
            เนี่ยใครว่าคุณหมอแทนคุณเป็นสุขุมเงียบขรึม เขาน่ะอยากเถียงขาดใจว่าไม่จริงเลยสักนิด ขี้แกล้งแถมยังทะลึ่งตึงตังที่หนึ่งเลยล่ะ
   
            สองทุ่มสามสิบนาที กันต์ก็มาถึงร้านนั่งชิลที่เพื่อนในคลาสมาจองโต๊ะกันไว้เป็นโต๊ะใหญ่สุดเลย นับถือคนที่ชวนเพื่อนเกือบทั้งหมดมาได้จริง ๆ ร้านนี้เป็นร้านที่ไม่ไกลจากที่เรียนทำให้ภายในร้านเป็นนักศึกษาเสียส่วนใหญ่ และคืนนี้เกินครึ่งน่าจะเป็นนักศึกษาชั้นปีสุดท้ายด้วย
   
            ยิ่งดึกก็ยิ่งอัดแน่นไปด้วยผู้คน กันต์นั่งจิบเบียร์ในมือพร้อมกับคอยตอบข้อความของคุณหมอเป็นระยะ พลางโยกตัวไปกับดนตรีสดของทางร้าน มีหันไปพูดคุยกับเพื่อนบ้างเล็กน้อยเมื่อถูกถามหรือเป็นหัวข้อที่เขาพอจะคุยได้ กันต์ไม่ได้สนใจใครไปมากกว่าเพื่อนที่โต๊ะและคนในโทรศัพท์ ทำให้ไม่เห็นว่ามีคนกำลังจับจ้องมาทางตนเองอยู่นานสองนาน
   
            เสียแต่ว่าหากเปรียบกันต์เป็นเหมือนกระต่ายตัวน้อย ดิมก็คงเป็นเหมือนแม่ลูกอ่อนที่คอยปกป้องลูกตัวเอง ดวงตาคมตวัดมองไปยังทิศทางนั้นแต่ก็ได้รับรอยยิ้มกวน ๆ กลับมาทำเอาหงุดหงิดไม่น้อย ก่อนจะหันกลับมาร่างโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มตัดกับผิวขาว ๆ ขายเสื้อที่หายเข้าไปในกางเกงยีนส์กระบอกเล็กสีดำ แม้ไม่ได้โดดเด่นจนทุกคนต้องเหลียวหลัง แต่ก็ต้องยอมรับว่านับวันเพื่อนเขาคนนี้ชักจะดึงดูดคนมากเข้าไปทุกที
   
            “มึงเลิกยิ้มไปเรื่อยเหมือนคนเมาดิ” ดิมหันมาเอ็ดเพื่อนที่ยิ้มให้เพื่อนคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยเปื่อยคล้ายคนเมาเมื่อเบียร์เข้าปากเป็นแก้วที่สาม เรียวตาเล็กเริ่มฉ่ำช้อนมองเพื่อนตัวเองด้วยความงุนงงว่าทำไมอยู่ ๆ ถึงถูกดุขึ้นมา
   
            “อะไรของมึงเนี่ยดิม”
   
            “กลับยั—”
   
            “หวัดดีครับ” เสียงคนแปลกหน้าแทรกเข้ามาระหว่างบทสนทนาของเพื่อนสนิท นอกจากดิมและกันต์แล้วเพื่อนที่นั่งใกล้ ๆ กันก็หันไปมองคนมาใหม่ที่ยืนยิ้มพิมพ์ใจอยู่ หน้าตาค่อนข้างดีเหมือนเดือนคณะไหนสักคณะแต่นี่คือชีวิตจริงที่ไม่ใช่ละครที่คนหล่อ ๆ จะดังกระฉ่อนไปทั่ว ยิ่งกับกันต์ที่ไม่ค่อยได้สนใจใครยิ่งแล้วใหญ่
   
            “ชื่ออะไรเหรอ ผมชื่อต้านะ” กันต์ที่ถูกอีกฝ่ายหันมาพูดแบบเจาะจงก็ทำหน้าเหลอหลาเพราะตั้งตัวไม่ทัน
   
            “อ่า”
   
            “โทษนะเพื่อนผมมันเมาแล้ว มึงโทรเรียกแฟนมึงมารับเหอะดึกละ” ดิมแทรกก่อนเพื่อนที่สติไม่ครบถ้วนจะบอกชื่อตัวเองไป เขาที่ถูกพี่แทนขอให้ช่วยดูแลนี่อยากจะทุบไอ้ตัวดีที่หันไปยิ้มให้เขาแล้วค่อยกดโทรหาแฟนตัวเอง
   
            “เดี๋ยวสิ ผมยังไม่ได้รู้จักชื่อเลย”
   
            “อย่ายุ่งดีกว่าว่ะ เดี๋ยวแฟนมันมาแล้วจะเป็นเรื่อง”
   
            “ก็แฟนยังไม่มานี่ จะกลัวอะไร” สองสายตาประสานกันคล้ายจะเกิดเรื่อง กันต์ที่เริ่มมีสติขึ้นมาบ้างเพราะสถานการณ์ตรงหน้ากำลังเลิกลั่กคิดจะพูดอะไรสักอย่างเพื่อห้ามปราม แต่เสียงทุ้มคุ้นหูก็ดังขึ้นแทรกกลางวงเสียก่อน
   
            “ขอโทษนะ หลบทางหน่อยครับน้อง” ร่างสูงใหญ่ของแทนคุณเดินแทรกเข้ามาทำให้คนที่คิดจะวุ่นวายเห็นภาพตรงหน้าก็ได้แต่เบ้ปากยักไหล่แล้วถอยร่นไป เพื่อนในโต๊ะถอนหายใจกันดังเฮือกนึกว่าจะมีเรื่องกันแล้ว
   
            “ทำไมมาเร็วจังครับ”
   
            “พี่จอดรถรอมาซักพักแล้วล่ะ หนูเมาแล้วนะ กลับกันเถอะครับ”
   
            “อื้อ”
   
            “แล้วดิมกลับยังไงให้พี่ไปส่งไหม” แทนคุณหันมาถามเพื่อนสนิทของคนรัก

            “ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวแฟนผมมารับ” คนโตสุดพยักหน้าก่อนจะปล่อยให้กันต์หันไปร่ำลาเพื่อน ๆ แล้วเดินโอบเอวกันกลับไป
   
            เมื่อคล้อยหลังคู่รักนั้นดิมก็ถูกยิงคำถามจากเพื่อนคนอื่นทันที เพราะทุกคนล้วนจำได้ว่าแฟนของกันต์คืออาจารย์พิเศษที่เคยมาสอนอยู่ช่วงนึง และบางคนก็เคยเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันแต่ก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรจึงรอคอยคำตอบด้วย
   
            “เขาเป็นคู่กัน”
   
            “กูก็ว่าแล้ว เคยเห็นอยู่ด้วยกันข้างนอก ตอนแรกก็นึกว่าพี่น้อง แต่เคยเห็นเดินโอบกันก็คงไม่ใช่ละ”
   
            “เออนั่นแหละ”
   
            ส่วนคู่รักที่ถูกพูดถึงกำลังอยู่ในบรรยากาศกระอักกระอ่วน กันต์ขยับตัวอย่างอึดอัดเพราะตั้งแต่ขึ้นมาบนรถพี่เขาก็เงียบไม่พูดจาแถมหน้ายังนิ่งจนเขานึกกลัว รู้ว่าอีกฝ่ายคงเดาเหตุการณ์เมื่อครู่ได้แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงถูกโกรธทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไร

            “พี่จ๋า”
   
            “ครับ”
   
            “พี่โกรธหนูเหรอ”
   
            แทนคุณได้ยินเสียงเบาหวิวของน้องที่ถามออกมาก็พลันใจอ่อนยอมวางความกราดเกรี้ยวในใจลง ก่อนจะถอนหายใจเพื่อปรับอารมณ์ตัวเองให้คงที่ แต่คนที่คิดว่าถูกถอนหายใจใส่ก็เริ่มใจเสียกอปรกับสติที่ถูกลิดรอนด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้การรับรู้ไม่ได้ทำงานเต็มที่ ความคิดในหัวตีกันจึงเป็นเหตุให้น้ำตาไหลยดลงบนฝ่ามือ
   
            “คนดีอย่างร้องครับ” แทนคุณตีไฟเลี้ยวเข้าข้างทางทันทีเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ แล้วจึงเอี้ยวตัวไปดึงน้องเข้ามากอดไว้แน่น ปากก็พร่ำขอโทษที่ทำให้เสียน้ำตาและกดจูบคลอเคลียกับกลุ่มผมสีอ่อนไม่ยอมห่าง
   
            พอเห็นตาแดง ๆ เศร้า ๆ ใครจะไปโกรธลง
   
            “ไหนให้พี่ดูหน่อยครับว่าเลขลดไหม” กันต์ขยับตัวดึงคอเสื้อลงให้เห็นผิวอกข้างซ้ายที่มีตัวเลขกำกับอยู่ โชคดีที่ยังอยู่เลข 50 เหมือนเดิม แทนคุณจูบลงบนหน้าผากและตำแหน่งตัวเลขเพื่อให้ตนเองและน้องใจเย็นลงกับเหตุการณ์เมื่อครู่
   
            “เมื่อกี้ ... เมื่อกี้มันไม่มีอะไรเลยนะพี่จ๋า”
   
            “ครับพี่รู้”
   
            “แต่พี่โกรธ”
   
            “พี่ไม่ได้โกรธหนู แต่พี่ไม่พอใจคำพูดของมัน มันไม่ให้เกียรติความรักและความรู้สึกของหนูเลย พี่ไม่ชอบ” พูดแล้วก็อยากจะซัดหน้ามันสักที แต่เพราะความเป็นผู้ใหญ่ค้ำคอและตอนนั้นก็อยากพาน้องออกมาให้ไวที่สุด
   
            “โอ๋ ๆ นะครับพี่จ๋า ช่างมันเนอะ” กันต์ถูใบหน้าลงกับต้นแขนเขาพี่เขาเป็นการออดอ้อนให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้น ทั้งยิ้มหวานทั้งอ้อนมีหรือว่าคนอย่างแทนคุณจะทนไหว กว่าจะถึงบ้านปากน้องก็แทบช้ำเพราะพี่เขาเล่นจูบทุกไฟแดง
   
            แทนคุณรู้ตัวเองเลยว่าเขาแพ้น้องทุกทาง และมั่นใจว่าต่อไปหากแต่งงานและได้อยู่ด้วยกันทุกวัน น้องต้องช้ำจากมือเขาแน่นอน จะว่าเขาหลงน้องก็ได้แต่จะให้ทำอย่างไรก็คู่เขาน่ารักเสียขนาดนี้ ในคืนนั้นหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจปลอบใจกันแล้วกันต์ก็หลับอยู่ในอ้อมแขนอุ่น ๆ อย่างเคย เหลือเพียงแต่แทนคุณที่มองมือเราทั้งคู่ที่สวมแหวนหมั้นด้วยแววตาครุ่นคิด
   
            เขาจะขอน้องแต่งงานแบบไหนดีนะ?







To be continued.
_____________________________________

TALK : ตอนหน้าจบแล้วน้า
เดี๋ยวตอนหน้าจะมาแจ้งเรื่องรายละเอียดเล่มน้า
ฝากติดตามด้วยค่า

#ครึ่งชีวิตของผม

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
รอดูงานแต่ง  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ 19august

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
    • https://twitter.com/19august___
EPILOGUE

We found love right where we are.









            
            บรรยากาศรอบด้านที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายที่มาร่วมแสดงความยินดีกับนักศึกษาจบใหม่ เช่นเดียวกับครอบครัวของกันต์และแทนคุณที่มาร่วมวันแห่งความทรงจำครั้งนี้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา แทนคุณยอมทำงานหนักก่อนหน้านี้เพื่อที่จะเคลียร์คนไข้รวมถึงผลัดเปลี่ยนเวรกับเพื่อนหมอด้วยกันเพื่อที่จะมางานวันนี้ให้ได้ เขาจะไม่ยอมพลาดมันไปอย่างแน่นอน
   
            จิตแพทย์ชื่อดังที่เคยเป็นหนึ่งในแพทย์ผู้ร่วมโปรเจ็คยักษ์ใหญ่ของประเทศแน่นอนว่าแทบจะไม่มีใครไม่รู้จักเขา ยิ่งวันนี้มาในชุดที่เนี้ยบและดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้ายืนถือของเคียงข้างบัณฑิตไม่ห่างย่อมมีคนสนใจไม่น้อย ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับคนอื่นไปมากกว่าคนข้างกายตนเอง
   
            กันต์ไม่ใช่คนเพื่อนเยอะนักที่มีมาหาก็เป็นเพื่อนสมัยมัธยม รุ่นพี่จากบริษัทที่เขาไปฝึกงานมาก่อนจบและนอกนั้นก็จะเป็นเพื่อนในมหาวิทยาลัยที่เคยทำงานร่วมกัน เพียงเท่านี้เขาก็ยินดีมากแล้ว
   
            “ยินดีด้วยนะกันต์” เจ้าของชื่อยิ้มรับ
   
            “ยินดีด้วยเหมือนกันนะแพน” ยังจำกันได้อยู่หรือเปล่า แพนผู้เป็นหนึ่งในคู่ชีวิตของเขาในวันนั้นที่วันนี้เธอได้พบคู่ชีวิตที่แท้จริงแล้ว เราต่างยิ้มยินดีให้กันอย่างจริงใจ
   
            “หนู” แทนคุณเดินเข้ามาหาคนรักที่กำลังถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ อยู่พร้อมกระซิบบอกว่าตนขอนำของบางส่วนทยอยไปเก็บที่รถและส่งผู้หลักผู้ใหญ่กลับบ้านก่อนแล้วจะรีบกลับมาหา
   
            “โอเคครับ”
   
            “คอยดูโทรศัพท์ไว้นะ เดี๋ยวพี่โทรหา”
               
            “เดี๋ยวเจอกันที่บ้านนะลูก” ผู้เป็นแม่เอ่ยบอกลาก่อนเพราะอากาศที่ร้อนอบอ้าวทำให้บรรดาพ่อ ๆ แม่ ๆ ขอตัวแยกย้ายแล้วค่อยไปเจอกันเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ
   
            กันต์มองแผ่นหลังกว้างของคนรักที่แบกของขวัญต่าง ๆ พาพ่อแม่เดินไปที่รถจนสุดสายตาแล้วจึงเดินกลับไปรวมกับกลุ่มเพื่อนอีกครั้งที่มาสนิทจริงจังในวันที่ไปฉลองด้วยกันวันนั้น เราถ่ายกันเป็นร้อย ๆ รูป ไม่ว่าจะรูปเดี่ยวรูปกลุ่มไปกับทุกกล้องที่ต่างคนต่างจ้างมาด้วยความสนุกสนาน
   
            แน่นอนว่ามันเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียไม่น้อย แต่พวกเขารู้ดีว่าเมื่อจบจากวันนี้ไปเราคงจะได้โคจรกลับมาเจอกันยากกว่าเดิม ทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องเผชิญกันต่อไป หนทางความเป็นผู้ใหญ่กำลังรอทดสอบนักศึกษาจบใหม่ทุกคนอยู่
   
            “ดีใจด้วยนะมึง” หลังจากแยกย้ายกับเพื่อนกลุ่มใหญ่จึงเหลือเพียงเขาและดิมที่จาริณก็พาพ่อแม่กลับไปส่งแล้วค่อยย้อนกลับมาเช่นกัน
   
            เพื่อนรักต่างไซส์นั่งเคียงข้างกันมองตรงไปยังอาคารเรียนที่ใช้ชีวิตในนั้นมาตลอดสี่ปีด้วยความใจหาย เราหันมาสบตากันด้วยความเข้าใจ เรียนมาด้วยกันตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อยไม่ประสาจนตอนนี้ที่เรียนจบต้องแยกย้ายไปทำงาน ไปสร้างครอบครัวแล้ว เป็นเพื่อนที่เรียกได้ว่ารู้ใจกันมากที่สุด ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาด้วยกันมากที่สุด ยิ่งกับกันต์ด้วยแล้วที่ชอบปลีกวิเวกจนไม่ค่อยมีเพื่อนแล้วด้วยนั้น ดิมเป็นยิ่งกว่าเพื่อน ดิมเป็นครอบครัวของเขา
   
            วันที่เรายิ้มและมีความสุขก็มีกันและกันข้างกาย วันที่ร้องไห้หรือทุกข์ใจก็ผลัดกันซับน้ำตา
เมื่อมาถึงอีกไม่กี่ชั่วโมงต้องแยกย้ายแบบที่ต่อจากนี้เราคงไม่ได้เจอกันทุกวันมันทำเอาใจวูบโหวงไม่น้อย

            “กูอยู่กับมึงเสมอรู้ใช่ไหม” ดิมเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ เพราะเขาเองก็รู้ดีว่านอกจากตนเองแล้วกันต์ก็ไม่เคยเปิดใจให้เพื่อนคนไหน

            “อืม กูก็เหมือนกัน มีอะไรก็คุยกันได้ตลอด” ดวงตาเรียวเริ่มสั่นไหวคลอไปด้วยหยาดน้ำ ดิมที่เห็นเพื่อนเริ่มเบะก็เริ่มอยากร้องตามแต่ก็พยายามฮึบเอาไว้ จนกระทั่งกันต์กางแขนออกมาคนที่ตัวโตกว่าก็ดึงเข้าไปกอดและปล่อยน้ำตาแห่งความคิดถึงที่เริ่มทำงานไว้บนบ่ากันและกัน

            “อย่าดื้อกับพี่แทนให้มากรู้ไหม มึงที่เป็นมึงน่ะดีอยู่แล้วแต่บางทีมึงมีอะไรก็ชอบไม่พูด แบบนั้นน่ะไม่ค่อยดี”

            “มึงก็เหมือนกัน อย่าไปตีไอ้จามากแต่ถ้ามันกวนตีนไม่หยุดก็ซํดเลยกูเชียร์” กันต์พูดพลางกลั้วหัวเราะอย่างยอกเย้าด้วยรู้นิสัยแสนจะกวนประสาทของคนรักเพื่อนดี

            “พี่แทนมานู่นแล้ว”
   
            ในตอนที่กันต์หันไปตามสายตาของเพื่อนก็พบคนรักที่เดินถือกล่องบางอย่างเอาไว้ในมือพร้อมช่อดอกไม้ขนาดกะทัดรัดสีสวยในมือ เขายืนอมยิ้มเมื่อเห็นสายตาเด็ดเดี่ยวและมั่นคงของพี่แทนมองมา มันหนักแน่นเสียจนทำให้เขาสั่นไหวมากกว่าทุกครั้ง
   
            “ดอกสแตติส” ดิมเอ่ยชื่อดอกไม้เมื่อคนรักของเพื่อนยืนหยุดอยู่ตรงหน้า กันต์หันไปมองหน้าเพื่อนก่อนจะกลับมามองดอกไม้ในอุ้งมือใหญ่ด้วยความสนใจ
   
            “แปลว่ารักที่มั่นคงที่จะมีอยู่ ... ตลอดไป” คนตัวเล็กกว่าหลุบสายตาลงต่ำและเม้มปากด้วยความขลาดเขินเมื่อได้ยินความหมายออกจากปากพี่เขา
   
            “กันต์”
   
            “ครับ”
   
            “กันต์ยินดีจะรับดอกไม้ช่อนี้จากพี่ไหมครับ” กันต์รู้ดีว่าการรับดอกไม้ในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการรับมันมาเฉย ๆ แต่มันคือการรับฝากความรักนับตั้งแต่วันนี้และตลอดไปของผู้ชายตรงหน้าเขา ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอีกครึ่งชีวิต
   
            “ยินดี ยินดีครับ” เสียงสั่นไม่แพ้มือที่ยื่นออกไปรับช่อดอกไม้ ดิมที่ลอบถ่ายรูปเหตุการณ์ตรงหน้าไว้ยืนยิ้มกับความรักที่ดีของเพื่อน ส่วนตัวเองนั้นแม้จะไม่มีการจัดการแต่งงานแต่คนรักของเขาอย่างจาริณก็ได้พาไปจดทะเบียนสมรสเรียบร้อย
   
            “พี่แทน” เสียงดิมที่ดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือของกันต์ที่ถูกจับไว้จากเพื่อนตัวเอง
   
            “ครับ”
   
            “ผมฝากเพื่อนผมด้วยนะครับ” ดิมคล้ายกับเป็นอีกหนึ่งตัวแทนของคนที่รักและหวังดีของกับกันต์ ส่งมือเล็กของเพื่อนวางลงบนฝ่ามือใหญ่ที่ถือเป็นการมอบคนที่เขารักให้กับอีกคนได้ดูแล
   
            “พี่จะทำให้ดีที่สุด” ดิมและแทนคุณมองหน้าก่อนจะพยักหน้าให้กัน ส่วนคนกลางอย่างปุณณกันต์นั้นน้ำตาซึมรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้ เขาไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะเกิดเหตุการณ์ดี ๆ แบบนี้ขึ้นกับตัวเอง ไม่เคยคิดว่าจะได้เจอคู่ชีวิตเร็วแบบนี้และดีขนาดนี้
   
            “กูกลับก่อนนะจามาแล้ว”
   
            “อื้อ”
   
            “ไอ้ขี้แย ไว้เจอกันวันงานมึง กูไปละ”
   
            เมื่อเหลือกันสองคน แทนคุณก็จูงมือน้องพากันไปที่รถเพื่อนกลับไปพักผ่อนยังบ้านของน้องที่ตอนนี้บรรดาแม่ ๆ กำลังเตรียมอาหารเพื่อฉลองให้กับบัณฑิตคนเก่งอยู่ สองมือที่กุมกันอย่างแนบแน่นขนาดที่ขึ้นรถแล้วก็ไม่ยอมปล่อยออกจากกัน ทั้งคู่ยอมที่จะถึงบ้านช้าไปอีกสักหน่อยเพื่อแลกกับการไม่ห่างกันแบบนี้
   
            “นี่”
   
            “ยังมีอีกหนึ่งอย่างที่พี่จะให้หนูนะ”
   
            “ยังไม่หมดอีกเหรอพี่” กันต์หัวเราะเมื่อพบว่าเรื่องเซอร์ไพรส์จากคนรักยังไม่จบลงง่าย ๆ แค่นี้เขาก็ร้องไห้มากกว่าทั้งปีรวมกันแล้ว
   
            “อันนี้พี่ไม่แน่ใจว่าหนูจะถูกใจไหม หวังว่าพี่จะเดาใจหนูถูก”
   
            “หืม ขนาดนั้นเลยเหรอ อยากรู้แล้วอ่า” คนที่กำลังถูกเซอร์ไพรส์ถึงกับใจร้อนอยากให้รีบถึงบ้านไวขึ้นมาเชียว ในหัวก็พลางคิดไปว่าคนรักตัวโตจะมีอะไรมาให้แปลกใจได้อีก มากกว่านี้ไมใช่ว่าที่บ้านจัดงานแต่งรอแล้วหรอกนะ แค่คิดก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
   
            ใช้เวลาบนถนนอีกอึดใจก็มาถึงบ้านของกันต์ ด้านหน้าสนามที่ตกแต่งด้วยไฟสวย ๆ พร้อมกับคนในครอบครัวพร้อมหน้าเดินกันขวักไขว่ไปมา พร้อมกับกลิ่นอาหารหอม ๆ โชยไปทั่วบริเวณ แทนคุณดุนหลังให้น้องเข้าไปโดยมีตัวเองเดินประกบหลังไม่ห่าง
   
            “อ้าวมากันแล้ว แม่นึกว่าจะช้ากว่านี้นะเนี่ย” ผู้เป็นแม่ของแทนคุณเอ่ยพลางยิ้มแซวเมื่อเห็นช่อดอกไม้ คาดว่าทุกคนน่าจะรู้ดีว่าแทนคุณวางแผนอะไรไว้
   
            “ไม่อยากให้น้องเหนื่อยอะแม่”
   
            “พาน้องขึ้นไปพักก่อนเถอะตาแทน เสร็จเรียบร้อยแล้วค่อยลงมา” พ่อของกันต์บอกซึ่งแทนคุณพยักหน้ารับพลางเดินโอบเอวคนรักที่ยืนอ้อนแม่ให้เข้าบ้าน
   
            ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้องนอน กันต์ก็ชะงักเท้าเมื่อพบใครบางคนนอนขดอยู่บนผ้านวมที่พื้นโดยมีพี่สะใภ้นั่งเฝ้าอยู่ เจ้าของห้องมองพี่น้ำที่ยิ้มทักทายและขอปลีกตัวออกจากห้องไปด้วยงุนงง หันมามองหน้าคนรักด้วยต้องการคำตอบ แทนคุณไม่ได้คลายความสงสัยนั้นแต่กลับดึงตัวน้องให้เข้ามาในห้องแล้วเดินไปใกล้กับคนที่นอนอยู่
   
            “เดี๋ยวนะพี่ ... นี่มันน้องคนนั้นนี่!”
   
            “ครับ น้องจิณณ์”
   
            “คือยังไงอะพี่ กันต์งงไปหมดแล้ว ทำไมน้องถึงมาอยู่ที่นี่ได้” แทนคุณรั้งกายบางเข้ามากอดไว้จากด้านหลัง วางคางลงบนบ่าแคบพร้อมกับกดจมูกลงบนแก้มนุ่มนั้นเบา ๆ
   
            “ตั้งแต่วันนั้นพี่ก็คอยตามเรื่องตลอดจนรู้ว่าไม่มีใครมารับเด็กคนนี้ไป ทางตำรวจจึงส่งให้กับหน่วยงานรัฐไปที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าและพี่ก็เป็นคนคอยดูแลอยู่ห่าง ๆ คุยกับผู้ใหญ่ทุกฝ่ายเรียบร้อย หนูก็เรียนจบเรียบร้อย พี่ก็ไปทำเรื่องขออุปการะเด็กคนนี้มาเป็นลูกบุญธรรม”
   
            “ลูก”
   
            “ครับ พี่รู้ว่าเราสองคนไม่สามารถมีลูกด้วยกันได้ และกันต์เองก็รักเด็กมาก เวลากันต์ก็เล่นกับน้องกานต์พี่เห็นแววตา พี่รู้ว่าลึก ๆ กันต์ก็อยากมีลูกเป็นของตัวเอง พี่ก็เลยตัดสินใจแบบนี้ กันต์โอเคหรือเปล่าคนดี” แทนคุณมั่นใจว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิด แต่หากถ้าในวันนี้น้องไม่พอใจกับเรื่องนี้เขาก็คงต้องพิจารณาและหาทางออกใหม่
   
            “กันต์โอเค กันต์แค่ตกใจนิดหน่อย แต่ถ้าเป็นน้องจิณณ์ กันต์โอเคมาก ๆ เลย ขอบคุณอีกครั้งนะครับ” กันต์เอี้ยวตัวไปกดจูบลงบนริมฝีปากหนาแล้วผละออกมาหาจิณณ์ที่นอนหลับอยู่
   
            ใบหน้าน่ารักที่ทำให้กันต์ถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็นทำให้เขาปฏิเสธความหวังดีของพี่แทนไม่ออก เขาเชื่อว่าเขาสามารถรักเด็กคนนี้ได้ราวกับลูกของตนเองอย่างแน่นอน และจะพยายามเลี้ยงเด็กคนนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่คน ๆ นึงจะทำได้
   
            “อื้อ” แก้มยุ้ยที่ถูกรบกวนจากคุณพ่อคนใหม่ ดวงตากลมโตกะพริบถี่ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาเต็มตื่น มองคนที่นั่งค้ำเหนือร่างกายตัวเองอย่างสับสนแต่ถึงจะเป็นเด็กก็ความจำดีเยี่ยม รอยยิ้มกว้างที่วาดขึ้นเต็มแก้มทำให้กันต์รู้ว่าน้องจำเขาได้
   
            “พี่ พี่คนฉวย” กันต์รับร่างป้อมเข้ามากอดเมื่อเด็กน้อยออดอ้อน ไม่ได้เจอกันราวปีนึงเสียงที่เคยอ้อแอ้ก็เริ่มชัดขึ้นเล็กน้อยตามพัฒนาการ
   
            “จิณณ์ครับ”
   
            “คับ”
   
            “ต่อไปนี้จิณณ์เรียกพี่ว่าพ่อและเรียกว่าพี่คนนี้ว่าปะป๊านะครับ เราสองคนจะเป็นพ่อคนใหม่ให้จิณณ์เองนะ” เด็กน้อยประมวลผลตามคำบอกของแทนคุณ มองหน้าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อคนใหม่ทั้งสองของตนก่อนจะพยักหน้ารับและยิ้มกว้าง
   
            “คับพ่อ คับปะป๊า!” ตามความเข้าใจในหัวเล็ก ๆ นั้นมีเพียงว่าทั้งสองคนใจดีและสัมผัสได้ถึงความรักจริง ๆ จึงทำตามอย่างไม่มีข้อแม้ ส่วนคนที่ถูกเรียกว่าพ่อและปะป๊าก็เกิดความอุ่นวาบขึ้นมาในใจ ก่อนจะเป็นแทนคุณที่รวบสมาชิกในครอบครัวของตัวเองเข้ามาในอ้อมแขน ที่ต่อไปนี้นับตั้งแต่วันนี้เขาจะตั้งใจดูแลทั้งสองคนให้ดีให้สมกับที่วางใจในตัวเขา





...

   




            ภายในสวนหน้าบ้านของตระกูลวิมุตากุลถูกประดับประดาไปด้วยผืนผ้าสีขาวแซมด้วยดอกสแตติสสีม่วง บนสนามหญ้ามีโต๊ะกลมขนาดกลางจำนวนสิบโต๊ะวางเอาไว้ ด้านข้างเป็นที่วางถาดอาหารสำหรับบุฟเฟ่ต์ ด้านหน้าก่อนจะถึงตัวบ้านเป็นเวทียกสูงเพียงครึ่งเมตร แบ็คดรอปด้านหลังติดตัวอักษรเป็นชื่อเจ้าของงาน ‘แทนคุณ – ปุณณกันต์’
   
            ใช่แล้ว วันนี้วันแต่งงานของผมเอง
   
            ผมที่ปลีกตัวขอมาเข้าห้องน้ำในจังหวะที่กำลังเดินกลับไปเมื่อเห็นผู้ที่ขื่อว่าเป็นสามีด้วยความรู้สึกอิ่มในใจอย่างบอกไม่ถูก เขาผู้ที่เข้ามาเป็นทุกอย่าง เป็นเพื่อน เป็นพี่ชาย เป็นคนรัก และก้าวเข้ามาเป็นสามี รวมถึงพ่อของน้องจิณณ์ ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปีชีวิตผมกลับก้าวกระโดดมาไกลจนเมื่อมองกลับไปก็ไม่คิดว่าความบังเอิญในวันนั้นจะทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปได้มากเช่นนี้
   
            อย่างที่ผมเคยบอกไว้ว่า ในช่วงชีวิตของคนเรา อาจจะมีโอกาสที่จะเดินสวนกับคู่แท้ของตัวเองเป็นร้อยเป็นพันหน อาจจะมีโอกาสได้สบตากันเสี้ยววินาทีเป็นหมื่นเป็นแสนครั้ง
   
            ทุกคนล้วนเดินผ่านกาลเวลามาเพื่อให้มีโอกาสได้พบใครสักคน แม้ในพันในหมื่นครั้งนั้นอาจไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ แต่ถึงมันจะเป็นเพียงแค่ครั้งเดียวที่ได้พบกันก็ถือว่านั่นคือความสุขใจที่ทุกคนอยากเจอ

            ขอบคุณตัวเองที่อยู่ ๆ ก็อยากเดินกลับบ้านในวันที่หัวใจเหนื่อยล้าเต็มทน เพราะมันทำให้หัวใจของเขาได้ขับเคลื่อนด้วยตัวเองครั้งแรก

            ขอบคุณพระเจ้าหรือแม้แต่อะไรก็ตามที่ส่งผู้ชายที่ชื่อแทนคุณคนนี้ที่เข้ามาความรัก

            อย่างที่พี่แทนเคยพูดว่า หากตลอดไปเท่ากับหนึ่งลมหายใจ ผมก็จะใช้ลมหายใจครั้งหนึ่งนี้ ใช้มันทั้งหมดเพื่อรักเขาจนถึงวินาทีสุดท้ายของกาลเวลา


            เขา ... ผู้เป็นอีกครึ่งชีวิตของผม
   





Endless Story
_____________________________________

TALK :
*อ่านก็ได้ไม่อ่านก็ได้นะคะ*

ในที่สุดการเดินทางแสนยาวนานของตัวละครเรื่องนี้ก็ถึงบทสิ้นสุด
เรื่องนี้เราเปิดตั้งแต่ 30 พฤษภา 61 และเขียนจบวันที่ 24 กุมภาที่ผ่านมา
ก่อนจะอัพลงในวันนี้ 4 มีนา 63 เป็นเวลาทั้งสิ้น 1 ปี 9 เดือนโดยประมาณ

สำหรับเรามันเป็นเวลาที่ยาวนานมาก ระหว่างทางเราท้อจนคิดอยากจะเทอยู่หลายหน
แต่ไม่อยากให้มันค้างคาก็พยายามเข็นตัวเองมาได้
และคอมเมนต์จากนักอ่านทุกคนก็ช่วยดึงเราขึ้นมาจากความรู้สึกแย่ๆ ได้เป็นอย่างดี
หลายครั้งที่เราชอบย้อนอ่านคอมเมนต์เก่าๆ แล้วมีกำลังใจขึ้นมาด้วย

จริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เรามาจับทางวายทั่วไป ไม่ใช่แฟนฟิค
และยังเปิดด้วยพล็อตแนว verse อีกด้วย (มั่นไปอีกก)
เรารู้นะคะว่าผลงานชิ้นนี้มันอาจจะยังดีไม่พอ ด้วยจิตใจ ด้วยประสบการณ์
ในเรื่องถัดไปเราจะพยายามให้ดีขึ้น เพื่อตัวเราเองและผู้อ่านค่ะ

อีกทั้งเรื่องนี้มีสำนักพิมพ์ติดต่อมา ซึ่งตลอดทางเราเจ็บมาไม่น้อยกับจุดนี้
แต่ก็ขอบคุณเพื่อนๆ นักเขียนที่เข้ามาทักถามและให้คำแนะนำต่างๆ มากมายเลยค่ะ
ขณะที่เขียนส่งท้ายตรงนี้เรายังแอบน้ำตาซึมเลย (ไม่ได้เวอร์)
เขียนไป ภาพในหัว ความรู้สึกในตอนนั้นมันย้อนกลับมาแล้วแบบเออ เราทำได้แล้วนะ
ถ้าไม่มีนักอ่านทุกคน เรื่องนี้ก็คงไม่มาถึงตอนจบได้แบบนี้ ขอบคุณจริง ๆ นะคะ

ใครที่ยังไม่ได้ลองอ่าน ก็อยากให้ลองสักนิด ดีไม่ดี คอมเมนต์กันได้ค่ะ

สุดท้ายเรื่องนี้มีการตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์พอดี (Bodhi Publishing) เช่นเดิม
บางคนอาจจะสงสัยว่าเพราะอะไร สามารถอ่านคำอธิบายเรื่องนี้ได้จากในทวิตเตอร์เรานะคะ
ส่วนรายละเอียดเล่มจะมาแจ้งอีกทีค่ะ หวังว่าจะมีคนช่วยอุดหนุนน้องน้า

ขอบคุณทุกคนมากค่ะ
แล้วพบกัน




/ก่อนจากกันไปขอคอมเมนต์กันคนละนิดคนละหน่อยให้เราทีน้า

#ครึ่งชีวิตของผม


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-03-2020 09:00:04 โดย 19august »

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ขอแต่งน่ารักมาก
แต่คิดไม่ถึงว่าจะรับน้องคนนั้นมา TT
 :pig4:

ออฟไลน์ TiGgeRLuMOs62

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
อยากโอ๋พี่รัก ต้องทนอยู่กับความเจ็บปวดมานานขนาดนั้น เรื่องของทั้ง3คน จริงๆก็น่าเห็นใจทุกคน แม้ลินจะทำไม่ถูก แต่ก็น่าเห็นใจไม่น้อย น้องกันต์แอบน่าตีเรื่องน้องแพน แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยดี ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ phai

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 406
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
น่ารักมากๆค่ะ

ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
พี่จองน้องจิณณ์  :katai4:

ออฟไลน์ airicha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 856
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
จบได้แฮปปี้มากๆ
น่ารักมากๆเลยค่ะเรื่องนี้
ไม่เคยอ่านแนวเลย สนุกกน่ารักดีค่ะ

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

ออฟไลน์ mareeyah

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ มนุษย์บิน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 407
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
โอ๊ยยยยคือปริ่มมากสมหวังสักทีเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันที่หวานมาก  ไม่เคยอ่านเวิร์สนี้เลยเพิ่งได้อ่านครั้งแรกประทับใจสตอรี่แบบนี้มาก

ออฟไลน์ jjaysn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกมากค่าาาา


Sent from my iPad using Tapatalk

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด