ข้อที่ 9
เพื่อนกับหมี (100%)
(เพื่อน)
เกิดเป็นคนขี้รำคาญ แต่พระเจ้าดันประทานคนน่ารำคาญที่สุดในโลกมาเป็นเพื่อน
โทษพระเจ้าไม่ได้... ควรโทษตัวเอง
“หวัดดี ชื่อเจไดใช่ไหม”
“อือ”
ดันเอาตัวเข้ามายุ่งกับเจ้ากระต่ายวุ่นวายนี่เอง
เจไดเป็นเด็กหน้าห้อง ไม่ใช่เพราะเคร่ง คงแก่เรียนอย่างใครเขาหรอก แต่เพราะชอบนั่งมองกระรอกที่อยู่บนต้นไม้ตรงหน้าต่างข้างโต๊ะอาจารย์ ถ้าถามว่าคาบที่แล้วอาจารย์สอนอะไร จะทำหน้าแบลงค์ใส่ แต่ถ้าถามว่าวันนี้กระรอกกินอะไร จะทำตาลุกวาวสาธยายผลไม้ที่เจ้าตัวน้อยแทะให้เห็นตลอดทั้งอาทิตย์
ภายนอกดูเป็นคนนิ่งๆ เข้าถึงยาก... แค่ภายนอกน่ะนะ
และจะเงียบมากเวลาอยู่ต่อหน้าคนไม่รู้จัก และไม่อยากคุย... เอาแต่ใจขนาดนั้นเลยแหละ
เป็นเด็กโง่คนหนึ่งที่เอาตัวรอดได้ด้วยสกิลหายหัว ทำตัวไร้ตัวตนเก่งมาก เก่งขนาดที่ไม่มีใครเอะใจว่านี่คือน้องชายแท้ๆ ของดาวโรงเรียน
อือ ข้อดีข้อเดียวของเจไดคือมีพี่สาวสวยมากนี่แหละ
ผู้ชายทั้งโรงเรียนสนใจจีน... รวมถึงผมด้วย
แต่จะให้ไปแข่งจีบกับคนอื่นๆ ก็ยากเกินไป คิดว่าคงต้องตัดใจ... แต่แล้วผมก็เจอทางลัด
สารภาพตามตรงเลยว่าตั้งใจเข้าหาเจไดเพื่อจะได้เข้าใกล้จีน แต่ยิ่งได้รู้จักกระต่ายซื่อบื้อนี่ ก็ยิ่งรู้ว่านอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้วยังเป็นตัวภาระขนานแท้
“เจ มึงทำยังไงถึงได้กาหลบข้อถูกได้หมดขนาดนี้วะ”
“...”
“เฮ้อ วันเสาร์นี้เอาหนังสือมาบ้านกู”
เหมือนมีลูก...
“เพื่อน ไม่กินผักได้ไหม”
“แดกๆ เข้าไปเหอะ มีประโยชน์ทั้งนั้น”
“โห่”
“จะกินดีๆ หรือให้จับยัดปาก”
เหมือนเลี้ยงกระต่ายโง่ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
“เจ ไม่ใช่ทางนั้น”
“...”
“มองทำไม”
“นี่เราจะไปไหนกันนะ”
“...”
แต่ยังไงกระต่ายก็ไม่เหมาะกับการร้องไห้
“พี่จีนจะร้องทำไมเนี่ย ไอ้เจเป็นคนถูกแกล้งนะ” นั่นคือประโยคแรกที่ได้คุยกับคนที่แอบชอบ เป็นการปลอบที่ห่วยมาก
แต่ช่างมันก่อน ประเด็นคือเจไดกำลังถูกบูลลี่อย่างหนัก ซุบซิบกันไปทั้งโรงเรียนว่ามันชอบผู้ชาย
ไม่รู้ว่าต้นตอมาจากไหน แต่เพื่อพิสูจน์ความอยากรู้อยากเห็นบวกกับความคึกคะนองแบบเด็กๆ ไอ้เวรกลุ่มหนึ่งเลยวางแผนพนันกัน แกล้งให้เพื่อนมันมาทำทีเป็นตีสนิท เข้าหาทีละนิด แล้วพอเจไดเปิดใจให้ พวกแม่งก็เอาไปป่าวประกาศว่าเพื่อนผมเป็นพวกวิปริต
เจไดเป็นเกย์ ผมเองก็เพิ่งรู้พร้อมชาวบ้าน
แต่พวกแม่งก็ลงทุนเกินเบอร์มาก อยากรู้อะไรแค่ถามมันตรงๆ ก็ตอบแล้วป่ะ ซื่อบื้อขนาดนั้น
กลายเป็นว่าคนหันมาสนใจกระต่ายโง่เพราะมันชอบผู้ชายเนี่ยนะ โคตรไร้สาระ ขนาดไอ้เจมันยังงงเลยว่าเป็นประเด็นขึ้นมาได้ยังไง กระต่ายโง่แอบไปร้องไห้คนเดียวจนไม่สบาย เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนถึงตีตัวออกห่าง แต่ไม่เข้าใจว่าชอบเพศเดียวกันประหลาดตรงไหน
ก็จริง ประหลาดตรงไหน
“ก็พวกนั้นทำเจเสียใจ” จีนโวยวาย
ขอนอกเรื่องแป๊บ คนอะไรขนาดร้องไห้ยังสวยชะมัด
“ขอโทษ ผมน่าจะดูแลเจได้ดีกว่านี้” ผมถอนใจ อยากปลอบแต่ไม่รู้ต้องทำยังไง ได้แต่ยกไม้ยกมือเก้ๆ กังๆ
อยู่ต่อหน้าคนที่ชอบ ใครไม่เขินก็บ้าแล้ว
“ไม่เกี่ยวหรอก เพื่อนไม่ผิด ไอ้พวกนั้นต่างหากนิสัยไม่ดี ฮึก” จีนส่ายหน้ารัว สูดน้ำมูกแล้วมองหน้าผมอย่างจริงจัง
“ถ้าพี่เป็นผู้ชาย หรือตัวใหญ่กว่านี้จะเรียกมาอัดเรียงตัวแล้ว” ผมมองพี่จีนที่สะอึกสะอื้นอย่างเจ็บใจ ก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปลูบหัวเบาๆ
“ไม่จำเป็นหรอก”
...เดี๋ยวผมอัดให้
☉ ------------------------------------------------------------ ☉
หลังจากนั้นผมกลายเป็นพวกหวาดระแวง ตั้งแง่ใส่ทุกคนที่เข้ามาหาเจได พี่จีนบอกว่าผมเป็นพ่อกระต่ายที่หวงลูกมากจนไม่ให้ใครเข้าใกล้ จากที่ตัวติดกันอยู่แล้วก็ห่างกันแค่เวลานอนกับเข้าห้องน้ำล่ะมั้ง บวกกับที่ผมเอาเรื่องไอ้พวกที่แกล้งเจสุดชีวิตยิ่งชวนให้คนสงสัยว่าที่จริงแล้วพวกเราไม่ใช่แค่เพื่อนกัน
เออ เป็นอะไรก็ได้วะ แค่ช่วยให้ไอ้เจมันใช้ชีวิตโง่ๆ ของมันผ่านไปวันๆ ได้โดยไม่มีเหลือบไรมาตอมก็พอ
ตอนแรกผมคิดว่าตัวเองทำเพื่อสร้างภาพกับสาวที่ชอบ พอพี่จีนเรียนจบก็คงพอ ปรากฏว่าพี่จีนเรียนจบก่อนหน้าพวกเราไปเกือบสองปีก็ยังเลิกไม่ได้
ไม่เป็นไร รอเรียนจบม.6 ผมก็คงหมดหน้าที่คนเลี้ยงกระต่าย
“เพื่อนจะเรียนต่อไหน”
“เภสัชม.XX” แอบใจหายนิดๆ อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงเวลาแยกย้าย
“อ๋อ ไปด้วย”
“ไปด้วยเหี้ยอะไรล่ะ ไปเรียนคณะที่ตัวเองชอบนู่น”
“ไม่มีอ่ะ”
“ดนตรีไง มึงชอบเล่นเบสไม่ใช่” เจไดเคยเล่นเบสให้ผมฟัง คนไม่สันทัดเรื่องดนตรียังดูออกว่ามันเล่นเก่งมาก แต่มันบอกว่าหาคนมาเล่นด้วยไม่ได้ จะโชว์เดี่ยวก็ประหลาด ไม่เหมือนกีตาร์ที่เล่นคนเดียวได้
“มึงจะตามกูไปได้ไง นี่อนาคตมึงนะ” พอผมพูดแบบนั้นกระต่ายก็ทำหน้างอ จนผมเหนื่อยใจ “แล้วพ่อกับแม่อยากให้เรียนอะไร”
“แม่บอกว่าเราจะเรียนอะไรก็ได้”
“...”
“ลองเรียนก่อนแล้วกัน เดี๋ยวก็รู้ว่าชอบไหม”
พูดง่าย...
“คิดว่ามันสอบเข้าง่ายๆ หรือไง มึงโง่จะตาย” ผมเบ้หน้าเอือมระอา จริงอยู่ว่าตั้งแต่รู้จักกันการเรียนของเจไดก็ก้าวหน้าขึ้นมาก ถึงขั้นก้าวกระโดดมาอยู่อันดับต้นๆ ของระดับชั้น พ่อกับแม่มันเลยปลื้มผมยกใหญ่ ได้คะแนนจากจีนมานิดหนึ่งด้วยที่ช่วยให้น้องไม่ต้องซ้ำชั้น
อันที่จริงเจมันไม่ได้โง่หรอก แต่ขาดแรงจูงใจ ทั้งระบบและอาจารย์ไม่เอื้อให้เด็กมีความกระตือรือร้นที่อยากจะเรียน
พอผมสอนให้มันรู้ว่าเรียนแล้วได้อะไร สร้างเป้าหมายชัดๆ เจมันก็ทำได้
...ผิดตรงเป้าหมายที่มันตั้งไว้นี่แหละ
‘ถ้ามึงโง่ก็ต้องย้ายห้อง จะไม่ได้นั่งข้างกูแล้วนะ’
เพราะไม่อยากย้ายโต๊ะเจไดเลยหันมาพยายาม ตั้งใจอ่านหนังสือจนไล่ตามผมทันจนได้
ตอนนี้ผมเริ่มกลัวว่ามันจะวางเป้าหมายเพี้ยนๆ อีก
“ไปด้วย ขี้เกียจหาเพื่อนใหม่” นั่นไง...
มันใช่เหตุผลเหรอวะ ไอ้กระต่าย!
“ไม่ต้องห่วง เราทำได้”
☉ ------------------------------------------------------------ ☉
แล้วเจไดก็ทำได้จริงๆ
“เพื่อน เราจะซิ่ว” แม้จะได้ยินคำนี้ตั้งแต่เข้าเรียนปีแรก
“เออ ซิ่วดิ” ผมก็คิดแล้วว่าเภสัชไม่เหมาะกับมันหรอก สมองเด๋อๆ จะไปจำชื่อ ประเภท หรือวิธีใช้ยายากๆ ได้ยังไง
“เพื่อนรั้งไว้หน่อยดิ”
“...”
“งั้นไม่ซิ่วแล้ว”
เวลาผ่านไปจนปีสองปีสามผมก็ยังได้ยินคำเดิมๆ จนชิน
“เพื่อนนน อ่านไม่ไหวแล้ว จะซิ่ว”
“จะซิ่วไปไหน”
“คิดไม่ออก”
“...”
“เพื่อนไม่เหนื่อยเหรอ”
“เหนื่อย แต่เรียนคณะไหนมันก็เหนื่อยทั้งนั้น ไม่งั้นเขาจะเรียกว่าเรียนเหรอ”
“งั้นเราไม่เรียนแล้ว”
“...”
“ปะป๊าบอกว่าไม่เรียนก็มีตังค์ใช้แหละ”
ลูกคนรวยนี่น่ารำคาญจริงโว้ย
“กระต่ายโง่กูไม่คบ”
“โห่”
“อ่านไป”
“ครับ”
ถึงบ่นเหนื่อยบ่นท้อ เจได้มันก็อยู่รอดมากับผมจนถึงปีสี่จนได้
สี่ปีในมหาลัยเป็นอะไรที่ไวมาก สังคมของการข้ามเป็นผู้ใหญ่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเราโดยไม่รู้ตัว
ตอนนี้เจได้ที่ผมรู้จักโตขึ้นมาก เมื่อก่อนผมกับมันตัวติดกันตลอด อีกนิดหนึ่งก็เป็นแฝดสยามแล้ว กระต่ายโง่ไม่ทันคน ชอบทำให้เป็นห่วง ให้ผมคอยดูแล แต่เดี๋ยวนี้เจมันดูแลตัวเองได้ ไม่ตามติดผมแจเพราะมันรู้ว่าผมเหนื่อยกับเรื่องเรียนมากพอแล้ว หลายครั้งผมต้องให้มันเป็นฝ่ายดูแลด้วยซ้ำ
ผมดีใจนะ... แม้ลึกๆ จะรู้สึกเหงา
คงเหมือนพ่อแม่เวลาส่งลูกไปโรงเรียนอนุบาล ใจมันโหวงๆ เมื่อเห็นลูกน้อยเดินหันหลังผ่านรั้วโรงเรียนไป
“เพื่อน เรามีคนที่ชอบ”
...แต่เข้าอนุบาลไม่ทันไรก็แรดสนใจผู้ชายแล้ว
“ใคร” ผมถาม สัญญาณอันตรายในหัวดังขึ้นมา
ถูกหลอกอีกหรือเปล่าวะ
อย่าหาว่าผมเวอร์เลยที่หวาดระแวง ก็ไอ้เจมันดูคนไม่เป็น อีกอย่าง ผมรับปากจีนไว้แล้วว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบในอดีตอีก ทุกวันนี้ทุกคนรอบตัวมันคือคนที่ผมสกรีนให้ทั้งนั้น คบหาได้ ไม่อันตราย
“ชื่อเจด เป็นหมียักษ์”
“ฮะ” ผมงงตาแตก มันเลยหยิบโทรศัพท์มาเปิดรูปให้ดู ความรู้สึกแรกที่ได้เห็นก็คือ
หน้าเถื่อนสัด แถมตัวใหญ่ยักษ์ เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ในรูปเดียวกัน
เหมือนหมีจริงๆ อ่ะ
แต่ผมไม่ควรตัดสินคนที่หน้าตา พอเจมันสาธยายคุณสมบัติให้ฟังก็รู้ว่าน่าจะเป็นคนดี... แค่น่าจะอ่ะนะ
แล้วจากที่ฟังมันเล่าไปหน้าแดงไปแบบนี้ก็รู้ว่าคงชอบจริงๆ... นั่นทำผมทึ่งยิ่งกว่า
ที่จริงแล้วเจไดเป็นคนหน้าตาน่ารัก ยิ่งเข้ามหาลัยออร่ายิ่งจับ พวกสาวๆ ชอบมาบ่นกับผมว่าอยากบีบอยากฟัด มีเพื่อนผู้ชายหลายคนปลื้มมันมากตั้งแต่มันยอมเข้าวงดนตรีคณะเภสัช หลายคนพอรู้ว่ามันชอบเพศเดียวกันก็พยายามเข้าหา แต่ที่ไม่มีแฟนสักทีไม่ใช่เพราะผมกีดกันนะ ส่วนใหญ่ถ้ารู้จักผมจะปล่อยผ่านแหละ แต่เจมันไม่เอา ไม่เห็นมีท่าทีสนใจใครกระทั่งวันนี้
“อันนั้นหมีสีน้ำตาล... หมีขั้วโลก หมีแพนด้า... มีหมีหมากับหมีควายด้วยแต่ไม่ได้หยิบมา เราว่าไม่ค่อยเหมือนเจดเท่าไหร่”
แต่ก่อนจีบ มึงต้องแยกคนกับหมีให้ออกก่อนป่ะ
“เจ...”
“อันนี้สารคดีคนกับหมี National Geographic ด้วย น่าจะช่วยได้ แล้วก็...”
ยัง ยังไม่หยุดอีก
“เจได”
“...”
“เอาเป็นว่ากูจะไปถามเพื่อนๆ ให้ว่าเค้าจีบแฟนกันยังไง ระหว่างนี้มึงจะทำอะไรต้องปรึกษากู โอเคไหม”
“...” ไม่ต้องมาทำตาแป๋วใส่เลยกระต่ายโง่เอ๊ย
“ไม่ต้องห่วง กูช่วยมึงเอง”
☉ ------------------------------------------------------------ ☉
ไม่รู้หรอกว่าต้องช่วยยังไงผมเลยเล่าให้จีนฟัง... หลังจากเจไดถูกเพื่อนแกล้งคราวนั้นผมกับจีนก็ยังติดต่อกัน ผมสารภาพไปแล้วว่าชอบ จีนแทบช็อกเพราะคิดว่าผมชอบเจได เลยเห็นว่าผมเป็นแค่น้องชาย
ผมเสียใจนะ แต่ก็ตอบไปว่าไม่เป็นไร เริ่มใหม่ได้ รู้ความจริงแล้วก็เลิกมองเป็นน้องชายซะ ให้มองผมเป็นผู้ชายคนหนึ่ง... ไม่ต้องรีบก็ได้ ผมไม่ได้เร่งรัดอะไร จีนสนุกกับชีวิตโสดมาก ผมรู้ เธอทำอะไรด้วยตัวเอง มีความสุขด้วยตัวเอง มีครอบครัวสมบูรณ์แบบ ได้ทำให้สิ่งที่ตัวเองรัก เป็นผมก็คงไม่มองหาความสัมพันธ์ยุ่งยากทีอาจทำให้ชีวิตเกิดปัญหาเหมือนกัน
แต่ผมรอได้ ผมชอบจีนคนเดียว มองจีนคนเดียว รอมาตั้งนานรออีกจะเป็นไร ระหว่างนี้ผมจะค่อยๆ พาตัวเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เป็นความสุขเล็กๆ ของจีนให้ได้ จนกว่าผืนดินที่ผมถมลงไปจะมั่นคง ตอนนั้นเราค่อยคบกัน
จะว่าไป ขนาดตัวเองยังเอาตัวไม่รอด ดันไปรับปากจะช่วยกระต่าย
‘มึงชื่อเจดใช่ไหม กูเพื่อนเจไดนะ’
นี่ช่วยจีบหรือช่วยไล่วะ
‘ครับ ผมเห็นรูปคู่ในไอจี’
ระหว่างกำลังหาสติ๊กเกอร์ส่งเพื่อไม่ให้ประโยคดูห้วนเกินไป อีกฝ่ายก็ตอบกลับมาพอดี
‘พี่มีอะไรหรือเปล่าครับ’
‘เจเป็นไรหรือเปล่า?’
พอผมเงียบไอ้เจดเลยส่งข้อความต่อมา
‘เปล่า’
รู้สึกโล่งใจนิดๆ เพราะจากประโยคที่ถาม ดูท่ามันจะเป็นห่วงเพื่อนผมมาก
‘มันชอบมึง’
คราวนี้อีกฝ่ายถึงกับเงียบไปพักใหญ่ จนผมคิดได้ว่าเรื่องแบบนี้ผมไม่ควรเป็นคนพูดหรือเปล่าวะ
ปกติเคยคุยแต่กับคนที่มาชอบไอ้เจก่อนนี่ พอต้องเป็นฝ่ายเข้าไปทำความรู้จักเลยไม่รู้ต้องเริ่มยังไง
‘ผมรู้แล้วครับ’
แต่ไม่ทันคิดคำแก้ตัวไอ้เจดก็พิมพ์กลับมา
‘แล้วมึงว่าไง’
บทสนทนาเงียบไปอีกผมเลยพิมพ์ต่อ
‘จะเอายังไง’
‘ถ้าไม่ชอบก็บอกไป อย่าเล่นกับความรู้สึกมัน’
เจไดบอกว่าไอ้หมีเข้ามาชวนเข้าวง ผมจะรู้ได้ไงว่าหลังจากบอกชอบไปมันจะไม่ได้แค่รักษาน้ำใจไอ้เจไว้เพื่อผลประโยชน์เรื่องวงดนตรี
จะหาว่ามองโลกในแง่ร้ายก็ได้ แต่ผมจำเป็นต้องจริงจัง เพราะไม่อยากเห็นเพื่อนเสียใจอีก ตอนที่เจไดร้องไห้เพราะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถูกทิ้งมันยังติดตา ให้มันร้องไห้เพราะฟ้าผ่าเป็นร้อยครั้งยังดีกว่าเห็นมันเสียใจเพราะถูกหักหลังอีก
‘ผมตอบตามตรงนะ’
นานทีเดียวกว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมา
‘เออ กูก็ต้องการแบบนั้น’
ชักหงุดหงิดแล้วที่ไม่ได้ไปคุยต่อหน้า ผมจะได้รู้ว่าไอ้หมอนี่มันจริงใจแค่ไหน
‘ผมชอบเจนะ เจน่ารัก น่ารักมาก’
‘แต่ผมกับเจเพิ่งรู้จักกัน ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจชอบผมได้ไง’
เออ เรื่องนี้ผมก็ยังสงสัย คนที่บ้านักร้องเพลงร็อกไปวันๆ ทำไมดันมาตกหลุมรักใครสักคนได้ง่ายๆ
‘ผมไม่ได้จะดูถูกความรักเจนะ แต่ผมก็เจ็บมาเยอะ ขอยังไม่เชื่อในรักแรกพบแล้วกัน’
‘แต่ถ้าพี่บอกว่าไม่ชอบก็ออกจากชีวิตเจไป ผมคงทำไม่ได้’
‘พี่อาจจะไม่เข้าใจ แต่ผมรู้ว่ากับคนนี้ผมพัฒนาได้’
‘ผมรู้สึกดีเวลามีเจอยู่ด้วย ยังอยากอยู่ด้วยเรื่อยๆ’
หลุดหัวเราะ ผมว่าผมเข้าใจความรู้สึกนั้นนะ
‘ผมยังไม่แน่ใจว่ามันใช่ความรักไหม แต่พี่ให้โอกาสผมนะ ผมจะพยายามไม่ทำให้เจเสียใจ’
‘แล้วถ้าแน่ใจว่ารักเมื่อไหร่ ผมจะมาตอบคำถามพี่ใหม่ ว่าจะเอายังไง นะครับ’
พอเห็นผมพิมพ์ไม่ทันก็เอาใหญ่เลยนะ
แล้วเป็นหมีหรือมีด รัวคำคมใส่กูซะพรุนแล้ว...
แล้วแบบนี้จะตอบอะไรได้วะ
‘เออ กูจะรอดู'
ถึงจะเป็นแค่แชท แต่ผมสัมผัสได้ตั้งแต่คุยครั้งแรกว่าไอ้หมีไม่ใช่คนเลวร้าย ยิ่งได้เจตัวจริง สายตาที่มันมองเจไดก็แสดงออกชัดเจนว่ามันเอ็นดูแค่ไหน
มันเสแสร้งไม่เก่งแน่ๆ เพราะแค่ไอ้เจยิ้มให้ ตาหมีก็เป็นประกายอย่างกับลูกหมาได้ของโปรดจากเจ้านาย แก้มแดงไปถึงหู ขี้อายอย่างกับสาวน้อยไม่เกรงใจเคราเลย
ผมคอยติดตามความสัมพันธ์ของทั้งสองคนอยู่เงียบๆ เพราะเป็นห่วง แต่ไม่ได้คิดจะกีดกัน ไม่ได้ถึงขั้นจับตามองทุกฝีก้าวหรอก ไม่ได้ว่างขนาดนั้น
แต่ต่อให้ผมไม่ถาม ไอ้หมีก็แทบจะรายงานทุกสถานการณ์ให้ผมรับรู้
‘พี่เพื่อน ผมพาเจไปกินข้าวนะครับ’
กูรู้แล้ว ไอ้เจก็บอก
‘พี่เพื่อน วันนี้มีซ้อม เจกลับดึกได้ไหม’
นี่เห็นกูเป็นพ่อกระต่ายจริงๆ หรือไง
หลังๆ ผมเลยไล่ๆ พวกมันไปไหนก็ไป ไม่ต้องรายงานทุกอย่างก็ได้
แต่พอพูดแบบนั้น เลยไม่รู้ว่าพวกมันพากันก้าวกระโดดไปถึงไหนต่อไหน
ช่วงปิดเทอมผมกลับมาอยู่บ้าน ตั้งใจจะพักให้เต็มที่ก่อนกลับไปลุยเทอมใหม่ แต่ในวันที่ผมตั้งใจจะนอนโง่ๆ จนถึงบ่าย ดันมีสายเข้ามาขัดจังหวะการนอนเสียได้
[ พี่เพื่อนผมขอโทษ ]
“อะไร” ผมขมวดคิ้ว ตื่นยังไม่ทันเต็มตา จับต้นชนปลายไม่ได้ ยิ่งงงไปกันใหญ่เมื่อได้ยินประโยคต่อมา
[ บ้านพี่อยู่ไหน ผมจะไปหา ]
☉ ------------------------------------------------------------ ☉
ผมเดินลงมาจากบ้านในสภาพชุดนอน ไอ้เจดยืนพิงกระโปรงรถสูบบุหรี่อยู่หน้าบ้าน มันทำท่าจะดับตอนเห็นผม แต่ผมยกมือห้าม
“ไม่เป็นไร”
ไอ้เจก็สูบ แต่ไม่ได้ติด ผมเลยไม่ห้าม เพราะรู้ว่ามันจะเลิกได้ เหมือนที่เจไดเรียนรู้จะเติบโต เรียนรู้ที่จะก้าวไปข้างหน้าในทุกๆ อย่าง แม้แต่เรื่องความสัมพันธ์ยากๆ
“ผมพาเจไปบ้าน” อัดควันบุหรี่เงียบๆ สักพักไอ้เจดก็พูดขึ้นมา เรายืนพิงกระโปรงรถข้างกันมองตรงไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย
“กูรู้แล้ว” เจไดบอกผมในแชท และผมก็ได้แต่พูดคำเดิมไป
กระต่ายแรด ยังไม่ทันจะเป็นแฟน เสนอหน้าไปเจอครอบครัวเขาแล้ว
ไอ้เจดหัวเราะแห้งๆ ดับบุหรี่ที่สูบจนถึงก้นกรองแล้ว “พ่อ แม่ แล้วก็พี่ชายผมชอบเจมาก เจน่ารัก”
“อือ” ผมอยู่กับมันมานาน ทำไมจะไม่รู้ว่ามันน่ารำคาญ... แต่ก็น่ารัก
ความใสซื่อไม่มีเงื่อนงำ ใครก็ชอบทั้งนั้น
“จริงๆ มันไวไปหน่อยที่พาไปเจอครอบครัว แต่ผมก็...ดีใจมาก” คนขี้อายยกมือเกาจมูกหน้าแดงไปถึงหู
“เรื่องแค่นี้ต้องมาขิงกูถึงบ้าน?" ผมทำหน้าหน่ายไม่จริงจัง แต่ไอ้เจดชะงัก หันมาสบตาด้วยแววตาอธิบายยาก
เหมือนรู้สึกผิด
"มึงทำอะไร" ผมเค้นให้มันสารภาพ อีหร็อบนี้มีไม่กี่เรื่องหรอกที่ผมเดาได้
“ผม... ทำผิดกฎข้อห้า”
กูว่าแล้ว...
“ไอ้หมี!” ผมยืนขึ้นพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อมันอย่างลืมตัว
“ใจเย็นๆ พี่ มันยังไม่ถึงขั้นนั้น”
“ไม่ขั้นนั้นแล้วมันขั้นไหนวะ!”
“ก็...”
“ไม่ๆ มึงไม่ต้องบอก กูไม่อยากรู้แล้ว” ผมโวยวาย ปล่อยมือกลับมาปิดหูตัวเอง ส่ายหน้ารัวพลางสูดหายใจเข้าพยายามตั้งสติ
"ขอบุหรี่ตัว" ผมแบมือ
ไอ้เจดชะงัก ทำท่าประหลาดใจแต่ก็ยอมควักบุหรี่ให้
"ไม่รู้ว่าพี่สูบด้วย"
"กูเพิ่งเลิก"
ผมกับเจไดลองผิดลองถูกมาด้วยกันมาทุกเรื่องนั่นแหละ
“ขอโทษ” ไอ้เจดทำเสียงหงอยจนผมรู้สึกผิดที่โมโหเวอร์เกินไป บวกกับพอได้สูดหายใจลึกๆ ผมก็คิดได้ว่าไม่ใช่ความผิดของมัน
ไม่มีใครผิดทั้งนั้น ก็ผู้ชายทั้งคู่... อยู่ใกล้คนที่ชอบ ไม่แปลกหรอกที่จะติดไฟ
แต่ให้ตายเถอะโว้ย ความรู้สึกผมตอนนี้เหมือนพ่อที่จับได้ว่าลูกสาวใจแตกแอบหนีไปนอนกกผู้ชาย
อยากจะจับกระต่ายแรดตีให้หลังลาย
“พี่จะห้ามผมเจอเจไหม” ได้ยินคนตัวโตกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนเอ่ยถาม สีหน้ามันดูกังวลจนผมหลุดขำ
“กูมีสิทธิ์ห้ามด้วยหรือไง”
“ห้ามได้แน่ เจแคร์พี่จะตาย ถ้าพี่พูดคำเดียวว่าเลิกยุ่งกับผม เจต้องยอมแน่”
ผมหัวเราะ แกล้งหรี่ตาดุพลางพ่นควัน “เห็นกูใจร้ายขนาดนั้น”
“ผมเลยถามไง”
“จะห้ามได้ไง เจมันก็ชอบมึงจะตาย” ผมถอนหายใจ ส่ายหน้าคิดถึงคำพล่ามบ่นขอเจไดที่อวยหมียักษ์ของมันสารพัด
เอะอะอะไรก็เจด น่ารักงั้นงี้ กับคนที่พูดไม่เก่งแบบเจได ผมไม่เคยเห็นมันจ้อถึงใครเยอะขนาดนั้น ไม่เคยเห็นมันพยายามเพื่อใคร ไม่เคยเห็นมันซึมเป็นกระต่ายป่วยเพราะคิดถึงใคร
อาการหนักขนาดนั้นผมจะไปห้ามอะไรได้
“แล้วมึงมานี่เพื่อจะสารภาพบาปแค่นี้ใช่ไหม” ผมถาม ชักหวั่นใจว่าจะมีเรื่องอะไรให้ตกใจอีก
“เปล่าครับ มีเรื่องอื่นอีก”
นั่นไง ลางสังหรณ์ผิดที่ไหน
“เรื่องอะไร” ผมเลิกคิ้ว อัดควันเข้าปอดอีกครั้ง
“พี่จำได้ป่ะที่ผมเคยบอกไว้ว่าถ้าแน่ใจเมื่อไหร่ผมจะให้คำตอบว่าจะเอายังไงต่อไป”
“เออ จำได้” คราวนี้มันมองหน้าผม สบตาจริงจัง
“ผมว่าผมแน่ใจแล้วว่ะ”
“...”
“มันคือความรัก”
“...”
“ผมเลยตั้งใจมาขออนุญาตพี่”
“...”
“ต่อไปนี้ ผมขอดูแลเจแทนพี่นะ”
ผมเลิกคิ้ว มองสีหน้าจริงจัง เห็นความสัจจริงไร้ข้อกังขาก็หัวเราะ โยนบุหรี่ทิ้งแล้วใช้เท้าขยี้เบาๆ
"เออ เอาไปแล้วไม่ต้องเอามาคืนนะ รำคาญ"
ผมว่า ผมเข้าใจความรู้สึกของพ่อแม่ที่เห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วครับ
☉ -----------------------------Side Story 9------------------------------- ☉
[ อือ เพื่อน โทรมาทำไมแต่เช้า ]
"จีน"
[ หือ ทำไมไม่เรียกพี่ ]
"แม่กระต่าย"
[ อะไรเนี่ย ]
"ไอ้หมีมันเป็นคนดีนะ"
[ ก็เคยบอกไปแล้ว ท่าทางเขาดูเป็นคนจริงใจ ]
"อือ เชื่อแล้ว"
[ มีอะไรหรือเปล่า ]
"เปล่า แค่จะบอกว่าเดี๋ยวเจไดจะมีคนดูแลแทนผมแล้วนะ"
[...]
"ต่อไปคงเหงาแย่ ไม่ต้องคอยเป็นห่วงน้องจีนแล้ว"
[...]
"ถ้าไม่ว่าอะไร... ต่อไป ผมขอเปลี่ยนไปเป็นห่วงจีนแทนได้ป่ะ"
☉ ---------------------------- 100 %-------------------------------- ☉
ลูกจะเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วคุณพ่อจีบคุณแม่ติดหรือยังอ่ะ 5555
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้นะคะ
ทุกคอมเม้นต์ทุกกำลังใจมีค่ามากๆ
เป็นแรงผลักดันให้มาถึงตรงนี้จริงๆ ค่ะ ^^
ฝาก #หมีแต่รัก ด้วยน้า
รัก
-Martian-