❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END|-แจ้งข่าว 30.8.2018 p.11
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END|-แจ้งข่าว 30.8.2018 p.11  (อ่าน 70214 ครั้ง)

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.04 am.| 20.5.2018 p.2
«ตอบ #60 เมื่อ20-05-2018 20:50:22 »

1.04 am.



เขาแทบจะตีผมให้ตาย



จบจากประโยคนั้น เจ้าหนูตัวจิ๋วก็ปฏิเสธเสียงดังลั่น ด่าทอต่อว่าผมอีกสารพัด ผมรอให้เขาโวยวายให้จบก่อนบอกเหตุผลดีๆ ใหม่ โยยังคงไม่เลิกโกรธผม เขาจ้องผมด้วยสีหน้าอาฆาตเป็นหนูผี



“ไม่ได้หมายถึงต้องมาอ้าขาให้กูจริงๆ สักหน่อย ก็แค่เปลี่ยนให้คนอื่นเข้าใจว่ามึงเป็นเด็กกูแค่คนเดียว คนอื่นจะได้ไม่ต้องมายุ่งไง”



“แล้วแบบนี้มันจะต่างจากเดิมตรงไหน”



“ตรงที่จะไม่มีใครมายุ่งกับมึงแล้วไง”



“...” เขาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “ผมไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้สักหน่อย”



และเขาก็ร้องไห้ออกมาจริงๆ



โยธารีบปาดน้ำตาให้พ้นออกจากแก้มตัวเอง เขาไม่ได้สะอึกสะอื้นฟูมฟาย แต่กลับดูบอบบางกว่าการร้องไห้สะอื้นตัวโยนเสียอีก การที่เห็นคนอย่างเขาพยายามทำตัวเข้มแข็งแบบนี้แล้วทำให้ผมรู้สึกอยากช่วยเหลือยังไงไม่รู้



ผิดวิสัยตัวเองสุดๆ



“เอาเป็นว่าผมขอบคุณพี่นะ แต่ไม่เป็นไร ผมจัดการเองได้”



“ก็เห็นอยู่ว่าไม่ได้”



“...”



“เมื่อกี้ถ้ากูมาไม่ทันจะเป็นไงนะ”



“...”



เจ้าหนูขาวเซื่องซึมกว่าเดิมอีก ดูท่าเขาก็คงจนปัญญาแล้วเหมือนกัน



“ไปคุยที่อื่นเถอะ” ผมว่า ก่อนสตาร์ทรถของเขา ขับออกไปโดยไม่สนว่าเจ้าของจะว่ายังไง



ผมปล่อยให้เขาได้คิดอะไรกับตัวเองโดยไม่ไปขัดจังหวะความเงียบ ได้แต่ขับรถวนไปเรื่อยๆ ผมก็ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน ครั้นจะไปคอนโดเขา เดี๋ยวเขาก็ระแวงผมอีก สุดท้ายก็เป็นตัวเองที่ขี้เกียจขับต่อ เลยสุ่มเลือกร้านอาหารแถวนั้นสักร้าน ก่อนจอดรถพาเขาลงไปทานข้าวเย็น



โดยไม่ลืมตอบกลับข้อความของเพื่อนสนิทที่ผมทิ้งไว้ที่คณะ อันที่จริงก็เกือบลืมมันไปแล้ว



ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีเข้ม พระอาทิตย์ไปนอนพักแล้ว และเจ้าหนูตัวขาวนี่ก็กำลังเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ เขาไม่พูดอะไรกับผมเลย และผมก็ไม่ไปเร่งเร้าให้เขารีบตอบ เพราะผมก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงอยากจะเสนอตัวเข้าไปช่วยเขาเสียเหลือเกิน



กระทั่งอาหารหมดโต๊ะนั่นแหละ ผมถึงได้เป็นฝ่ายเอ่ยออกมาก่อน



“ตกลงเอาไง”



เขาไม่ตอบ คงยังคิดไม่ตก



“เดี๋ยวไปส่ง” ผมถึงต้องพูดคนเดียวต่อ จากนั้นเราก็ออกจากร้านอาหาร ขึ้นรถของเขาอีกครั้ง โยธาปล่อยให้ผมนั่งที่นั่งคนขับโดยไม่ว่าอะไร และผมก็ได้ขับไปยังคอนโดของเขาอีกครั้ง



“พี่เอารถผมไปใช้ก่อนก็ได้ ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ”



เขาบอก เมื่อผมจอดรถและดับเครื่องเรียบร้อยแล้ว... คำพูดของเขาทำให้ผมไม่สบอารมณ์นิดหน่อย ทำไมต้องไล่ผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า



“หวังดีขนาดนี้แล้วยังไม่เชื่อใจกันอีกหรือไง”



ผมคล้ายจะต่อว่า จ้องหน้าเขาเพื่อเค้นเอาคำตอบ โยนิ่งเงียบไปพักนึงอ้ำอึ้งเหมือนไม่แน่ใจว่าจะพูดออกไปดีไหม แต่สุดท้ายเขาก็พูดออกมา



“เอาจริงๆ นะ...คือพี่ไม่น่าไว้ใจเลยอ่ะ”



“ยังไง”



“เรื่องแย่ๆ ของพี่ผมก็ได้ยินมาเยอะ”



“แล้วกูทำอย่างนั้นกับมึงหรือไง”



“...แต่ก็เกือบทำไม่ใช่เหรอ” จบประโยค หนูจ้อยเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม และใช่...ในตอนนั้นผมตั้งใจจะทำอะไรเขาจริงๆ



“แต่ก็ไม่ได้ทำไง”



“...”



“คงเชื่อยากใช่มั้ย ถ้ากูบอกว่าจะไม่ทำอะไรมึง”



โยพยักหน้า “เอาจริงๆ คือผมไม่ได้อยากไปยุ่งกับอะไรพวกนี้เลย แต่ยิ่งแก้เหมือนจะยิ่งแย่ ผมขอบคุณที่พี่มาช่วยนะ แต่ผมว่าผมยังรับมือไหว พี่ไปเถอะ อย่ามายุ่งกับผมอีกเลย”



“แล้วถ้ามีแบบวันนี้อีกจะทำไง”



“ผมมีเพื่อน วันนี้แค่จังหวะไม่ดีนิดหน่อย ถ้าอยู่กับเพื่อนคงไม่เกิดเรื่องอะไรหรอกมั้ง”



“แน่ใจเหรอ วันนั้นที่กูหิ้วมึงกลับคอนโดมึงก็อยู่กับเพื่อน”



“...”



“เชื่อกูเหอะ คนเหี้ยๆ อย่างกูมีอีกเยอะ”



“แล้วทำไมผมต้องไปพึ่งคนเหี้ยๆ อย่างพี่ด้วยอ่ะ”



อ้าว ไอ้เด็กนี่ แต่ที่มันพูดก็จริง...แล้วทำไมผมต้องเสนอตัวเป็นที่พึ่งให้มันด้วยล่ะ ผมไม่ชอบยุ่งกับปัญหาชาวบ้าน แต่ทำไมต้องกลัวว่าไอ้เด็กนี่จะเป็นอะไรถ้าอยู่ห่างจากมือผม



“เพราะกูจะไม่ทำอะไรมึง”



“แล้วพี่ต้องการอะไร มาทำดีกับผมทำไม”



ไอ้หนูนี่เอาแต่เถียงจี๊ดๆ ทำไมไม่เป็นเด็กดีเชื่อฟังผู้ใหญ่ให้มันจบๆ ไปนะ บอกว่าจะช่วยก็คือจะช่วยดิ จะหาข้ออ้างไปทำไม คนเขาอุตสาห์มีจิตอาสา แต่ก็นั่นแหละ เพราะผมก็หาคำตอบให้เขาไม่ได้เหมือนกัน ถึงได้หงุดหงิดอยู่คนเดียว รู้แค่อยากให้โยไม่ต้องเถียง ยอมตกลงข้อเสนอ ปล่อยให้คนอื่นคิดว่าเป็นเด็กของผม จะได้ไม่ต้องมีใครมายุ่ง...



แต่นั่นสิ เพื่ออะไรกันล่ะ



“ไม่รู้เหมือนกัน”





 

จากที่คิดว่าแผนต่อรองคงล้มเหลว แต่ผิดคาด โยธายอมรับข้อตกลงของผมเสียอย่างนั้น ข้อแม้คือห้ามให้ผมทำอะไรเขาจริงๆ อย่างที่พูด ผมพยายามหาเหตุผลให้ตัวเองว่าทำไมตัวเองถึงยอมช่วยเขาทั้งวัน สุดท้ายก็ตกลงกับความคิดที่ว่า ในตอนนี้อาจจะไม่ทำ แต่ในวันข้างหน้าก็ไม่แน่ อย่างน้อยผมก็มีโอกาสมากกว่าคนอื่นก็แล้วกัน



เมื่อได้ข้อสรุปกับตัวเอง ผมปล่อยข่าวเรื่องโยธาออกไปในกลุ่มเพื่อนเที่ยว ทุกคนเชื่ออย่างไม่กังขาว่าโยเป็นของผมแล้วและรู้จากนิสัยผมว่าไม่ชอบแชร์ของตัวเองกับใคร ทำให้ผมถือสิทธิ์เป็นเจ้าของโยธาได้เพียงคนเดียว คำบอกเล่าจากปากต่อปากแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ช่วยกลบข่าวลือของเขา มันทั้งดีขึ้นทั้งแย่ลง แต่ดูเหมือนเขาจะยอมรับกับข่าวแย่ๆ ได้เก่งแล้ว ถึงได้ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวถึงสายตาที่มองมาจากทุกสารทิศ



คนตัวเล็กเดินมานั่งข้างๆ ผมราวกับมันเป็นเรื่องปกติ เขาคงไม่ยอมสมัครใจมาอยู่ใกล้ผมด้วยตัวเองหรอก ถ้าหากผมไม่ได้สั่งเขาไว้เช่นนั้น บอกให้เขาพยายามเกาะติดผมไว้ ไม่งั้นข่าวลือก็จะไม่มีมูล แล้วก็จะไม่เป็นที่น่าเชื่อถือ วนลูปกลับมาที่เดิมอีก โยธายอมทำตาม แม้ว่าจะมีสีหน้าเหม็นเบื่อทุกครั้งที่ต้องมานั่งข้างผม



เมื่อหลายๆ คนเริ่มเห็นว่าโยและผมตัวติดกัน เป็นหลักฐานให้ทุกคนยอมรับว่าเขากับผมคบกันแล้ว ผู้คนที่ผมไม่ได้รู้จักเริ่มนินทาเรื่องของผมมากขึ้น หาว่าเป็นคู่ผีเน่ากับโลงผุ



ซึ่งผมไม่ได้ใส่ใจ และเขาก็ไม่ได้ใส่ใจเช่นกัน เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้คนเข้าหาเขาน้อยลงอย่างที่เขาหวังจริงๆ










พี่เริ่มดักหนูแล้ว

#ณพระจันทร์


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.04 am.| 20.5.2018 p.3
«ตอบ #61 เมื่อ20-05-2018 21:22:17 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.04 am.| 20.5.2018 p.3
«ตอบ #62 เมื่อ20-05-2018 21:24:00 »

ฮิๆ เริ่มแล้ววววว

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.04 am.| 20.5.2018 p.3
«ตอบ #63 เมื่อ21-05-2018 01:23:11 »

แล้วอย่างนี้ หนูโยจะหนีไปไหนรอด  :katai3:

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.04 am.| 20.5.2018 p.3
«ตอบ #64 เมื่อ21-05-2018 09:58:09 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.04 am.| 20.5.2018 p.3
«ตอบ #65 เมื่อ21-05-2018 15:28:52 »

ชอบพาร์ทโย กับพี่หมาป่าในคราบขนแกะ
+ และเป็ดขอบคุณ
 :hao7:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.04 am.| 20.5.2018 p.3
«ตอบ #66 เมื่อ21-05-2018 16:03:43 »

เริ่มไปได้สวยหรือเปล่าหว่า  :m28: :m28:

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.04 am.| 20.5.2018 p.3
«ตอบ #67 เมื่อ21-05-2018 16:08:39 »

โธ่ หนูโยติดกับดักซะแล้ว

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.05 am.| 23.5.2018 p.3
«ตอบ #68 เมื่อ22-05-2018 23:55:35 »

00.05 am.



ก็แค่นอนกอด



ก็แค่นอนกอดเหมือนทุกที แต่คราวนี้ผมกลับนอนไม่หลับ ทว่าตัวการกลับหลับปุ๋ย ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดผมไปแล้ว ผมลอบดมกลิ่นกายของคนข้างๆ จ้องมองเพดานมืดสนิท พยายามหาคำตอบให้ตัวเองว่าทำไมถึงยอมให้เขามาอยู่ในสภาพนี้ ทำไมถึงเปิดประตูให้เด็กขี้เมานี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำไมถึงปฏิเสธลัลไม่เคยได้เลยสักที



เจ้าแมวขี้เมาขยับตัวเล็กน้อย ส่งเสียงครางในลำคอเหมือนแมวบิดขี้เกียจ แต่ก็ไม่ได้ลืมตาตื่น ดูท่าคงหลับลึกน่าดู



ผมลูบเส้นผมสีดำสวยของเขาไปเพลินๆ ตอนนี้เกือบเช้าแล้ว เพราะกว่าผมจะเข้านอนก็ปาไปตีสี่กว่าๆ อันที่จริงมันเป็นเวลาทำงานอยู่ แต่เพราะเด็กขี้เมาเอาแต่เรียกร้องให้ผมไปนอนด้วยอยู่นั่น และนั่นแหละ...ผมปฏิเสธเขาจริงๆ จังๆ ไม่เคยได้เลย



ลัลซุกอยู่ในอ้อมกอดผม หายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ลมหายใจอุ่นๆ รดต้นคอผมอย่างน่าจั๊กจี้ และในที่สุด ผมก็ผล็อยหลับไป





เที่ยงวันเป็นเวลาตื่นของผม แสงอาทิตย์ร้อนแทรกตัวเข้ามาในห้อง แม้ว่าผมจะเปิดเครื่องปรับอากาศอยู่ก็ตาม แต่ก็สัมผัสได้ถึงไอร้อนจากข้างนอก



ลัลยังคงนอนหลับสนิท



ส่วนผมก็ค่อยๆ แกะมือเขาออกจากแขน ก่อนพยายามลุกออกจากเตียงอย่างเงียบเชียบ เพราะกลัวรบกวนแมวหลับ



ครั้นจะออกไปซื้อข้าวกินก็กลัวแมวหนีกลับไปอีก... ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงกลัวว่าลัลจะหายไป หรือไม่ก็เข้าใจแล้วนั่นแหละ...แค่ไม่อยากจะยอมรับ



ผมตัดสินใจเดินไปห้องสตูดิโอหรือห้องทำงาน นั่งจ้องเฟรมผ้าใบขนาดกลางที่มีสีฟ้าแต้มอยู่ ตั้งแต่คราวนั้นที่ผมพยายามกักเก็บดวงตาของเขาไว้ในรูปภาพ แต่มันก็ไม่สำเร็จ ผมก็ไม่ได้ไปแตะต้องมันอีก จนคราวนี้เกิดนึกครึ้มในใจ หยิบเฟรมอันนั้นมาตั้งบนขาตั้งกระดานอีกรอบ พยายามจรดพู่กันที่แต้มสีฟ้าลงไปใหม่อีกครั้ง ค่อยๆ ปาด เกลี่ย ตวัดพู่กันไปเรื่อยๆ



ไม่ได้วาดตามหลักการ แต่วาดตามความรู้สึก



คราวนี้สีฟ้าที่ปรากฏในภาพไม่ใช่ทั้งท้องฟ้าและน้ำทะเล มันกลายเป็นสีฟ้าขุ่นมัวรูปอะไรก็ไม่รู้จนผมอยากขว้างมันทิ้งอย่างไม่พอใจในผลงานชิ้นเลว



“ให้ผมช่วยอะไรมั้ย”



ผมสะดุ้งกับต้นเสียง เมื่อหันไปก็พบว่าแมวเซาตื่นแล้ว ลัลสวมเสื้อตัวหลวมโคร่งเหมือนเมื่อคืน พร้อมกับกางเกงบ็อกเซอร์ เขาถอดกางเกงยีนส์รัดรูปไว้ก่อนเข้านอน แม้จะเห็นสภาพของเขาก่อนเข้านอนแล้วก็ตาม แต่เรียวขาเปลือยเปล่าของเขาก็ทำให้ผมอดจ้องมันอีกครั้งไม่ได้



ก็แค่เด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งเท่านั้น ทำไมผมรู้สึกว่าเขาผิดแปลกจากทุกคน



“ตื่นแล้วหรือ”



“อืม คุณทำอะไร?”



“เปล่าหรอก” ผมว่า ถอนหายใจ หยิบเฟรมภาพที่ไม่ได้เรื่องนี่ไปตั้งพิงผนังห้องแทน



“งานเหรอ ผมช่วยได้นะ”



“ช่วยอะไร อยากล้างพู่กันหรือไง”



เขามุ่ยหน้า มองเหมือนว่าผมกำลังดูถูกเขาอยู่ “ผมเห็นคุณมีภาพสีน้ำอยู่บนโต๊ะ...ผมลงสีน้ำเป็นนะ”



“งั้นหรือ” ผมไม่คิดว่าเขาจะทำงานศิลปะเป็น จึงค่อนข้างตกใจในคำตอบของเจ้าตัวสักหน่อย งานสีน้ำนั่นผมทำตอนกลางวัน เป็นอีกงานที่ช่วยเพิ่มรายได้ ผมรับวาดรูปประกอบตามนิตยสาร หรือตามเว็ปไซต์ เพียงแต่ผมมันหัวโบราณ มีความคิดที่ว่างานศิลปะของผมจะทำลงบนกระดาษเท่านั้น ไม่ใช้คอมฯหรืออุปกรณ์ดิจิตอลอะไร



อันที่จริงมันก็แคข้ออ้างเท่านั้น ผมใช้อุปกรณ์สมัยนี้ไม่เป็น เมาส์ปากกา โปรแกรมวาดภาพในปัจจุบันคงสะดวกแก่การวาดมากกว่าการวาดมือ แต่ผมไม่ถนัด ครั้นจะพยายามฝึกก็คิดว่าตัวเองก็มีความสามารถในการวาดด้วยมืออยู่แล้ว เลยไม่ได้สนใจ ลูกค้าที่ติดต่อมาก็เป็นคนที่ต้องการงานฝีมือมากกว่างานดิจิตอลด้วย ผมเลยไม่ได้ลำบากมากมาย



“หรือจะให้ผมเป็นแบบ”



“หือ”



ในระหว่างที่จมอยู่กับความคิดตัวเอง ลัลก็พูดออกมาทำลายความคิด จนผมต้องนึกย้อนถึงบทสนทนาของเราเมื่อครู่ แต่ดูท่าจะไม่ทันใจเด็กวัยรุ่น



“ก็คุณเคยขอให้ผมเป็นแบบวาดรูปไม่ใช่หรือไง”



“อ่า...” นึกออกแล้ว “นั่นมัน...” ไม่ต้องหรอก



แต่ก่อนที่ผมจะได้เอ่ยปฏิเสธเขาไป อะไรบางอย่างภายในใจมันกลับพลุ่งพล่าน เรียกร้องให้ผมทำตามคำบอกของคนตรงหน้า ผมจ้องและจ้องเขาอย่างไม่ละสายตา จนสุดท้ายก็รีบลุกขึ้นยืน เดินไปเก็บของที่วางเกะกะอยู่บนโซฟาไม้ พลันเปิดตู้เก็บของ หยิบเอาผ้าคลุมโต๊ะผืนใหญ่สีขาวออกมาปูโซฟาไม้ที่เริ่มมีฝุ่นเกาะ มุมตรงนี้อยู่ใกล้หน้าต่างพอดีทำให้มีแสงพาดผ่าน แม้ว่าแสงแดดในตอนนี้ออกจะจ้าไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้เลวร้าย



ผมเพยิดหน้าให้เขาไปนั่งตรงที่ผมจัดเตรียม และเขาก็ยอมทำตามแต่โดยดี



“ต้องทำยังไงบ้าง”



“นั่งเฉยๆ ไม่ต้องเกร็ง”



ผมบอกเขาพลางหยิบสมุดสเก็ตช์อันใหญ่ขึ้นมาแทนเฟรมวาดภาพ เมื่อมองไปยังหุ่นต้นแบบ ผมเห็นเขาออกอาการเกร็งอย่างชัดเจน



“ไม่ต้องเกร็ง”



“ก็ผมไม่เคยเป็นแบบให้ใครวาดนี่”



“นั่งเฉยๆ เหมือนคุยกันทั่วไปนั่นแหละ”



“คุณก็ชวนคุยสิ”



ผมยอมแพ้ให้กับการต่อล้อต่อเถียงผู้ใหญ่ของไอ้เด็กนี่ ถอนหายใจ เริ่มลงมือร่างเส้นดินสอคร่าวๆ



“นายจบจากไหนมา” ผมจำอายุเขาได้ และคาดคะเนว่าจากอายุเท่านี้เขาน่าจะเรียนจบแล้ว



 เขาตอบ พูดชื่อมหาลัยชื่อดังประจำจังหวัด



“คณะอะไรน่ะ”



เขายักไหล่ พูดชื่อคณะที่ว่าด้วยการออกแบบบ้าน มิน่าล่ะ เจ้าตัวถึงบอกว่าลงสีน้ำได้ แต่นั่นงานผม ให้ใครยุ่งไม่ได้หรอก



“แล้วทำงานที่ไหน”



คำตอบของเขาคือชื่อร้านเหล้าแห่งหนึ่ง ผมขมวดคิ้วสงสัย ตวัดดินสอจนจบเส้น ถึงได้เอ่ยถามเขาต่อ



“ทำไมไม่ทำงานให้ตรงสายล่ะ”



เขาบอกว่าไม่ชอบ ผมยักไหล่ตอบ ผมก็มีเพื่อนๆ ที่จบคณะเดียวกันแต่ไปทำอย่างอื่นก็มาก รูปสเก็ตช์แรกใกล้เสร็จแล้ว ผมตวัดขีดดินสอเป็นเส้นเงาคร่าวๆ ก่อนเปิดกระดาษไปหน้าถัดไป เขาเริ่มผ่อนคลายลงมากแล้ว



“ทำอะไรที่ร้านเหล้า เด็กเสิร์ฟเหรอ”



“เปล่า อันนั้นงานรอง”



“แล้วงานหลักคือ?”



“...เป็นมาสคอต”



คำตอบของเขาทำให้ผมหยุดตวัดดินสอในมือ เงยหน้าขึ้นมามองเขาใหม่ ไม่แน่ใจว่าตัวเองฟังถูกไหม



“อะไรนะ”



“เป็นมาสคอต”



“ห้ะ มันคืออะไร”



“มาสคอตไง ไม่รู้จักหรือ”



“หมายถึงนายไปใส่ชุดตัวอะไรสักอย่าง นั่งอยู่ร้านเหล้าคอยเรียกแขกน่ะนะ?”



เขายักไหล่ “เกือบถูก ติดแค่ผมไม่ต้องใส่ชุดตัวอะไร แค่ไปนั่งอยู่ร้านเหล้าเฉยๆ”



“มีงานแบบนี้ด้วย?”



“จริงๆ ก็ไม่ แต่ร้านนี้เป็นของเพื่อนผม เขาให้ผมไปนั่งเรียกแขก แต่ถ้าวันไหนคนเยอะผมก็จะไปช่วยเขาเสิร์ฟ”



“เรียกแขก อย่างนายน่ะหรือ?”



ผมถามอีกครั้ง ไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะมีปฏิสัมพันธ์ให้ใครต่อใคร คนอย่างเขาดูไม่ใช่คนพูดเก่ง หรือพูดจาหว่านล้อมให้ใครต่อใครคล้อยตามได้...



รึเปล่านะ



จบความคิดตัวเอง ผมหันไปสบตากับดวงตาสีฟ้าที่สะท้อนแสงอาทิตย์ ดูสวยงามไม่แพ้ยามต้องแสงจันทร์



“ผมแค่ไปนั่งเฉยๆ คนก็เข้าร้านแล้ว...คุณเชื่อไหมล่ะ”



อา ผมเชื่อ



ถ้าผมเป็นหนึ่งในลูกค้าที่ไม่เคยรู้จักเขามาก่อน ผมคงต้องมนต์สะกดของเขาเหมือนคนอื่นๆ ว่ารุปร่างหน้าตาทั่วไปของเขาน่าดึงดูดแล้ว ยิ่งสีของดวงตาที่ไม่เหมือนคนทั่วไปทำให้เขายิ่งน่าสนใจ น่าค้นหามากกว่าขึ้นไปอีก และคงไม่แปลกถ้าใครต่อใครต้องการจะมาที่ร้านเพื่อพบเจอเขาแม้เพียงครู่เดียวก็ตาม



ไม่ต่างจากดอกไม้สวยกับแมลง



ผมยังไม่ตอบอะไรกลับ ลงมือสเก็ตช์รูปเขาอย่างใจจดใจจ่อ ก่อนพลิกไปหน้าถัดไป



“แสดงว่าที่เมากลับบ้านทุกวันนี่ก็เพราะที่ทำงาน?”



“อืม...เพื่อนผมให้กินเหล้าเบียร์ฟรี”



“แทนค่าจ้าง?”



“เปล่า ได้ค่าจ้างแยก”



“ไม่ขาดทุนแย่หรือนั่น” จ้างให้เขามานั่งกินเบียร์ฟรีๆ ในร้านเหล้า และดูท่าน่าจะเป็นปริมาณเยอะพอควร เพราะเขาเมากลับบ้านแทบทุกครั้ง



“ผมเข้าร้านเพื่อนผมทีลูกค้าก็ตามมาเต็ม” เขายกยิ้มหวาน “ฮ็อตไหมล่ะ”



จบประโยคชื่นชมตัวเองของเขาทำเอาผมหัวเราะในลำคอ ไม่รู้จะว่ายังไงกับหมอนี่ดี มันก็ถูกที่เขาดูดีมีเสน่ห์ แต่มันใช่เรื่องที่จะต้องชมตัวเองหรือไง



“ไม่เชื่อคุณก็ลองไปดู ไม่ไกลหรอก”



“ฉันไม่มีรถ”



“ไว้ไปพร้อมผมก็ได้”



ผมเห็นรถมินิคูเปอร์จอดอยู่ในโรงรถบ้านเขา แต่ไม่เคยเห็นเขาเอามันออกไปใช้ เอาเถอะ ผมจะเก็บคำเชิญของเขาไว้ก่อนแล้วกัน



พลิกหน้ากระดาษ ผมเสก็ตช์รูปเขาคร่าวๆ ได้สามสี่รูปแล้ว ก่อนจะเริ่มวาดรูปถัดไป ผมเปิดกระดาษย้อนกลับมาดูผลงานเพื่อพบว่ารูปสเก็ตช์ของผมไม่มีใบหน้าเขาด้วยซ้ำ หรือถ้ามีก็จงใจละส่วนดวงตา... ผมรู้ตัวว่าตั้งใจ แต่ถึงยังก็อดแปลกใจตัวเองไม่ได้ที่ทุกรูปมันเป็นเช่นนี้...



“วาดเสร็จแล้วเหรอ ผมดูได้มั้ย”



“เปล่า ยัง”



ผมบอกเขาก่อนที่เจ้าตัวจะลุกมาหา ใจจริงอยากจะตั้งใจวาดรูปเขามากกว่านี้ แต่ผมรู้ว่าผมในตอนนี้วาดเขาให้สมบูรณ์แบบไม่ได้ จึงทำใจปิดสมุดเสก็ตช์ลง



“ช่างเถอะ หิวหรือยัง ไปหาข้าวกันกิน”



ตัดบท เก็บของ ไม่ให้เขามาเห็นรูปที่เว้าแหว่งของตัวเอง



วันนี้เขาอยู่ที่บ้านผมทั้งวัน ทำตัวเสมือนเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวของผมได้อย่างแนบเนียน ลัลออกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านเขาตอนที่ผมออกไปซื้อข้าว และหลังจากนั้นเขาก็วนเวียนอยู่รอบๆ ตัวผมอย่างนี้



ลัลไม่ติดมือถือเหมือนวัยรุ่นทั่วไปหรือคนสมัยนี้ ผมแทบไม่เห็นเขาจับโทรศัพท์มือถือของตัวเองเลยด้วยซ้ำ ขนาดที่ผมว่าตัวเองไม่ติดโซเชี่ยลแล้ว แต่เขายิ่งกว่าผมอีก ใช้ชีวิตยังกับคนรุ่นก่อน ลัลเดินหาหนังสือในบ้านของผมเพื่อขอยืมไปอ่านแทนการฆ่าเวลา ผมไม่ค่อยอ่านหนังสือเท่าไหร่ ที่มีก็มีแต่หนังสือรวมภาพวาด อาร์ตบุ๊คของศิลปินที่ชอบ แต่ก็ยังดีที่พอมีนวนิยายติดมาอยู่สามสี่เล่ม พอให้เขายืมไปอ่านได้ระหว่างที่ผมทำงานอยู่ในห้อง



ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงไม่กล้าไล่เขากลับบ้าน



อย่างไรเสีย เขาก็ไม่ได้ทำตัววุ่นวายด้วย ผมถึงได้ปล่อยให้เขาวนเวียนอยู่ในบ้านเช่นนี้



จวบจนเวลาใกล้เย็น ผมเบื่องานแล้วจึงออกมาจากห้องสตูดิโอ เห็นเขานอนยาวอยู่บนโซฟารับแขก และยังคงอ่านหนังสือที่ผมให้ยืมไปอย่างใจจดใจจ่อ



“จะเย็นแล้ว กินไร”



ผมเป็นฝ่ายทำลายความเงียบและดึงให้เขาหลุดออกมาจากโลกของการอ่าน ลัลหันมาที่ผม แต่ไม่มีคำตอบใดออกจากปากเด็กหนุ่ม



ผมเดินไปหาเขา และเจ้าแมวหง่าวก็ชันตัวลุกให้มีพื้นที่ให้ผมนั่งลงข้างๆ



“กินอะไรก็ได้ แล้วแต่คุณ”



“มาม่าได้มั้ย ขี้เกียจออก” ผมตอบตามความต้องการของตัวเอง อดีตซินเดอเรลล่าที่ตอนนี้แปลงร่างเป็นแมวขี้เกียจพยักหน้ารับ ดูไม่มีปัญหากับการกินใดๆ



เดี๋ยวสักห้าหกโมงค่อยลุกไปต้มมาม่าแล้วกัน



ผมคิดในใจ พลางหยิบหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กรับแขกมาดู ก่อนเปิดอ่าน เป็นหนังสือที่ผมเอาให้เขายืมนั่นแหละ เพียงแต่ตัวเองก็เริ่มจำเนื้อหาในนั้นไม่ได้แล้วถึงได้หยิบมันมาปัดฝุ่นความทรงจำ



ทันทีที่ผมเปิดหนังสืออ่าน เจ้าแมวข้างๆ ก็เอนตัวมาพิงผม



“นั่งให้มันดีๆ”



“คุณอ่อยผมอ่ะ”



“ฉันไปทำอย่างนั้นตอนไหน”



“ก็เนี่ย มานั่งเบียดผม”



ไม่ว่าเปล่า เขาพลิกตัวใหม่อีกรอบ จัดท่าให้ตัวเองนอนนาบกับตัวผม สองแขนเรียวเกาะเอวผมแน่น ช้อนดวงตาอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาขึ้นมาราวออดอ้อน



“ก็บ้าแล้ว โซฟามันมีอยู่ตัวเดียวเนี่ยไม่เห็นหรือไง”



ถึงจะเรียกว่าเป็นโซฟารับแขกในห้องรับแขก แต่เพราะผมไม่มีแขกที่ไหนมาเยี่ยม ถึงได้ปล่อยให้ห้องนี้มีเพียงโซฟายาวตัวเดียวตั้งอยู่กับโต๊ะวางของเล็กๆ ไว้สำหรับนั่งพักผ่อนดูทีวีคนเดียว การที่ผมมานั่งข้างๆ เขาก็ไม่ได้แปลว่าอ่อยไอ้เด็กนี่ มันไม่มีที่นั่งอื่นและผมแค่ทำตามความคุ้นชินของตัวเอง



แต่ลัลเหมือนจะไม่สนใจคำพูดผม เมื่อเขายังคงนอนแนบตัวผม ช้อนตามองอยู่เช่นเคย



“ขยับออกไปเลย”



เด็กเวรส่ายหน้า พร้อมกับเลิกแข่งจ้องตากับผม เขาซุกหน้าลงที่หน้าอกผม จนผมต้องเป็นฝ่ายยอม ขยับตัวหันไปทางเขา ปล่อยให้เด็กขี้เมาที่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนเป็นขี้เซานอนซบดีๆ กลายเป็นว่าเราเบียดตัวนอนกันอยู่ในโซฟาแคบๆ ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงทำตัวอย่างนี้ หาคำตอบให้ไม่ได้พอๆ กับการที่ยอมเปิดประตูบ้านให้เขา



พอลัลเห็นว่าผมให้ความร่วมมือ เจ้าตัวก็คลายกล้ามเนื้อ ทิ้งน้ำหนักตัวมาที่ผมเต็มๆ สองแขนยังคงเกาะเอวผมไว้กันตก ทว่าลมหายใจเขาเริ่มสม่ำเสมอ คล้ายกับจะหลีกโลกแห่งความจริง พาตัวเองเข้าไปในห้วงของนิทรา



ผมลูบเส้นผมสีดำนุ่มมือไปพลางๆ



หลับสักตื่นก่อนค่อยต้มมาม่าก็คงไม่สาย










พี่เริ่มตกหลุมแมว

ไม่รู้ว่าเรื่งเอื่อยไปมั้ย จะเบื่อกันรึเปล่า

ยังไงติชมได้นะคะ ;-;

#ณพระจันทร์



ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.05 am.| 23.5.2018 p.3
«ตอบ #69 เมื่อ23-05-2018 00:23:42 »

จะได้หม่ำแน่หรือ มาม่านะ ดูท่าจะหลับยาวววววววววววว  :katai3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.05 am.| 23.5.2018 p.3
« ตอบ #69 เมื่อ: 23-05-2018 00:23:42 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.05 am.| 23.5.2018 p.3
«ตอบ #70 เมื่อ23-05-2018 01:10:32 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.05 am.| 23.5.2018 p.3
«ตอบ #71 เมื่อ23-05-2018 01:57:07 »

 :mew3:พี่ใจอ่อนแล้วว อ้อนต่อไปนะน้องลัล

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.05 am.| 23.5.2018 p.3
«ตอบ #72 เมื่อ23-05-2018 07:59:59 »

เริ่มชอบน้องซินละซี๊  :m12: :m12:

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.05 am.| 23.5.2018 p.3
«ตอบ #73 เมื่อ23-05-2018 08:27:37 »

ขยับเข้ามาได้ไหม ขยับมาใกล้กัน :z2:

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.05 am.| 23.5.2018 p.3
«ตอบ #74 เมื่อ23-05-2018 16:11:11 »

คุณเขากลายเป็นหมอนแมวขี้อ้อนไปตั้งแต่เมื่อไหร่นะ

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.05 am.| 24.5.2018 p.3
«ตอบ #75 เมื่อ24-05-2018 23:00:48 »

1.05 am.



เขาอยู่กับผมมาได้เดือนกว่าแล้ว




เป็นหนึ่งเดือนที่ปวดหัวเล็กๆ เพราะมีทั้งคนที่พยายามเข้าหาเขาตามข่าวลือเมื่อคราก่อน และคนที่พยายามเข้าหาเพราะต้องการพิสูจน์ว่าเขาเป็นเด็กผมจริงหรือไม่ อย่างไรเสียคนพวกนี้ก็เริ่มลดน้อยลงไปทุกวัน เมื่อพวกนั้นไม่ได้อะไรจากการพยายามพิสูจน์หลักฐาน นอกจากการไล่ตะเพิดของผม



โยธาเองก็ดูจะชอบใจกับผลลัพธ์เช่นกัน เขาใช้เวลาที่ไม่ได้อยู่กับเพื่อนมาอยู่กับผม…



มาอยู่...ที่หมายถึงมาอยู่เฉยๆ



มานั่งข้างๆ ให้คนอื่นได้ตีความกันไปเอง มาเดินตามต้อยๆ เพื่อให้ใครต่อใครได้เห็นว่าเขาตัวติดกับผม ปล่อยให้ผมไปรับไปส่งเขาทุกวัน โยธาเรียนปีสองแต่ผมอยู่ปีห้า เทอมแรกในการทำวิทยานิพนธ์มีแค่การหาข้อมูล ทำให้ผมค่อนข้างว่างไปดูแลเขา และเขาก็พยายามแสดงตัวอย่างชัดเจนว่าเป็นคนของผมอย่างที่ผมเคยบอกจริงๆ



แต่ว่านี่มันน่าหงุดหงิดเป็นบ้า



ต้องเป็นผมสิที่ควบคุมเขา ไม่ใช่ให้ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของเด็กนี่



ผมใช้เวลาว่างตัวเองไปกับการอยู่กับเขา ทำตัวราวกับเขาเป็นคนสำคัญจริงๆ คอยดูแล เอ็นดูเขาเหมือนเลี้ยงสัตว์เล็ก ซึ่งพอคิดดูแล้วก็น่าขนลุก



นับวันผมยิ่งจะลืมเป้าหมายที่แท้จริงของตัวเองไปแล้ว อยู่รับใช้เขาแบบนี้โคตรไม่ใช่ตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็พอใจที่จะเล่นตามเกมไปเรื่อยๆ จนไม่มีใครเข้าหาโยธาอีก ข่าวลือของเขาเริ่มจางลงไป เรื่องที่เขาคบกับผมก็แพร่กระจายจนทุกคนเขารู้กันทั่ว เมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติสมความต้องการของเขาแล้ว



โยจึงบอกให้ผมยกเลิกข้อตกลงนี่ซะ



และนั่นทำให้ความอดทนของผมหมดลง



ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ผมไม่เคยแตะต้องเขา ไม่ทำเกินเลยอย่างที่เคยรับปาก ไม่ใช่เพราะเป็นคนดี แต่เพราะในหัวพล่ามบอกว่าตัวเองหวังอะไรบางอย่างจากเขา และผมจะไม่คิดจะคว้าน้ำเหลวอีก ความคิดนี้ย้ำเตือนผมอยู่เสมอเวลาที่หลุดยิ้มไปกับคนตัวขาว พยายามดึงไม่ให้ผมตกลงไปในความรู้สึกที่ไม่รู้จัก



คืนนั้นผมไปส่งเขาที่คอนโดเหมือนเคย และโยธาเริ่มมีความไว้วางใจผมมากขึ้นถึงขั้นยอมให้เข้าห้อง เชื่อเถอะว่าก่อนหน้านี้ที่ผมได้เข้าห้องเขาครั้งแรก เจ้าหนูขาวร้องขู่จี๊ดๆ เขม่นผมมากมายราวกับผมจะไปบุกทำลายรังเขาอย่างนั้น แต่พอเขาเห็นว่าผมไม่ทำอะไรก็เลยได้คะแนนเพิ่ม



ครั้งนี้ผมก็ขอเขาขึ้นไปนั่งเล่นที่ห้องเขาเช่นเคย เจ้าหนูน้อยไม่ว่าอะไร ปล่อยผมนอนเล่นในห้องรับแขก ส่วนตัวเองก็หนีไปอยู่ห้องนอน เป็นปกติเวลาผมมาสิงอยู่ห้องเขา จนกระทั่งผมได้ยินเสียงน้ำ โยคงเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ ทำให้ผมแอบเปิดประตูเข้าไปห้องนอนเขา นั่งรอบนเตียงจนกว่าเขาจะทำธุระเสร็จ



“เข้ามาทำไม”



“เข้ามาไม่ได้ไง?”



“ออกไปอยู่ข้างนอก”



เขาร้อง ส่งเสียงดังขึ้นคล้ายออกคำสั่ง โยธาไม่รู้ว่าผมแอบเข้ามา เขาจึงไม่ได้ป้องกันตัวเอง สภาพตอนนี้ของคนตัวขาวมีเพียงผ้าขนหนูที่พันเอวเล็กนั่นอย่างหมิ่นเหม่



ผมปฏิเสธคำสั่ง เดินเข้าหาเขาอย่างรู้ตัวว่ากำลังคุกคาม



“พี่จะทำอะไร”



“เดือนกว่าที่กูช่วยมึง...ไม่คิดจะตอบแทนอะไรกันหน่อยหรือไง”



“จะเอาอะไร เลี้ยงข้าว? ของขวัญ?”



“มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้ต้องการของแบบนั้น”



“...” เขาเงียบ กัดปากพร้อมกับจ้องหน้าผมเขม็ง เส้นผมสีเข้มของเขาที่เปียกน้ำช่วยขับใบหน้าใสนั่นให้มีเสน่ห์มากขึ้น ดึงดูดให้เข้าหา เขาเดินถอยหลังเมื่อผมเข้าไปใกล้ เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาเปลือยเปล่าเช่นนี้ เจ้าหนูของผมตัวขาวมากจริงๆ



และพอเขาจนมุม ปากเล็กๆ นั่นก็ยอมเอ่ย



“พี่บอกจะไม่ทำอะไรผม”



“อืม” ผมตอบรับ ขยับตัวเดินหาเขาจนเราแทบจะชนกัน ความคิดที่หมายจะให้เขาเป็นของผมวนเวียนซ้ำๆ อยู่ในหัว พยายามบอกกับตัวเองว่าจุดประสงค์จริงๆ คืออะไร การช่วยเหลือเขาเช่นนี้มันไม่ใช่ตัวผม และผมไม่ควรทำแบบนี้ไปตลอด เขาจะทำให้ผมสูญเสียการควบคุม



เลิกใจดีกับเขาได้แล้ว



“พี่บอกจะไม่ทำอะไรผม!”



เขาส่งเสียงดังตวาด ราวกับว่าการตะโกนจะช่วยทำให้ผมกลัวคนตัวเล็กๆ อย่างเขาได้มากขึ้น ส่วนผมก็ได้แต่พยักหน้าตอบรับเขา กดความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไว้ให้ลึกที่สุด อย่ายอมเปลี่ยนใจง่ายๆ เพราะแค่คำพูดของเขา



“อืม ก็ไม่ได้ทำอะไรไง”



“พี่...”



“แค่ถึงตอนนี้”



“พี่ฮิม!!”



เขาหวีดร้อง และผมก็อุดปากเขาด้วยปากของตัวเอง เสียงเล็กๆ นั่นดังอู้อี้อยู่ในลำคอ แขนเล็กๆ พยายามทุบตีผมหวังจะหลุดจากการควบคุม ผมโอบรอบตัวเขา รัดเขาด้วยอ้อมกอดของตัวเอง โยธาดิ้นไม่หยุดจนผ้าขนหนูชิ้นน้อยร่วงลงพื้น และผมก็อุ้มเขาไปไว้ที่เตียง



โยดิ้นพล่าน หวีดร้องทันทีที่มีโอกาส เขาทั้งเตะทั้งต่อย ทำทุกอย่างเท่าที่แรงน้อยๆ ของเขาจะสู้ไหว ใช้เวลาไม่นานผมก็ขึงเขาไว้บนเตียงได้ พอล็อคตัวเขาไว้ใต้ร่างได้สำเร็จ โยก็เอ่ยเสียงสั่น



“พี่บอกจะไม่ทำอะไร...”



“มึงคิดว่ากูเป็นพ่อพระใจบุญหรือไง”



“ผมเชื่อพี่...ผมอุตสาห์ไว้ใจพี่...”



เขาบอก น้ำเสียงขาดๆ หายๆ มาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มใส



“พี่บอกจะไม่ทำอะไร...พี่บอก...จะไม่ทำอะไร...” เขาพูดวนซ้ำๆ ราวกับสะกดจิตตัวเอง กว่าจะรู้ตัวว่าให้ค่าผมผิดก็เมื่อสายไป ดวงตากลมใสที่เคลือบด้วยน้ำตายังคงจ้องผมอย่างหมดทางสู้ ผมมองคนใต้ร่างที่ไร้ซึ่งแรงขัดขืน ก่อนก้มหน้าใช้ปลายจมูกซุกไซร้ซอกคอขาว ไปจนถึงแก้มนุ่ม กลิ่นกายหลังอาบน้ำเสร็จหมาดๆ ของเขาทำให้ผมลุ่มหลงได้อย่างง่ายดาย



โยธาหลับตาแน่น ปล่อยให้น้ำตาไหลท่วมใบหน้า ร่างกายสั่นระริก เขาไม่พูดอะไรแล้ว ราวกับยอมรับความจริงที่กำลังจะเกิด



ผมจ้องคนตัวขาวใต้ร่างอีกครั้ง ใบหน้าที่เคยน่ารักบัดนี้แสดงถึงความเจ็บปวดและหวาดกลัว ผิวเนื้อใต้ร่มผ้าละเอียดนุ่มยากที่จะยั้งมือไม่ให้สัมผัส ชิ้นเนื้อวางอยู่บนปากแล้ว เหลือแค่กัดกินให้สมใจอยาก ทั้งที่เหลือเพียงอีกนิดเดียวก็จะได้ทำตามความต้องการที่ตั้งใจที่พร่ำบอกตัวเองมาตลอดเสียที



ทั้งๆ อย่างนั้น... ผมปล่อยมือเขาให้หลุดจากการควบคุม



พลันได้รู้จักกับความรู้สึกที่คิดมาตลอดว่าไม่จำเป็นสำหรับชีวิต ความรู้สึกที่ไม่เคยอยากรู้จัก



ทันทีที่โยธารับรู้ว่าผมปล่อยตัวเขาแล้ว ร่างเล็กนั่นก็ขดตัวถดไปอยู่มุมเตียง คว้าหมอนและผ้าห่มมาสุมรวมกันราวกับเป็นเกาะกำบัง ผมนั่งมองสภาพจนมุมของเขาด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้



“ออกไป...”



เสียงสั่นๆ ของเจ้าของห้องบอกผม น้ำเสียงแผ่วเบาไร้ซึ่งเรี่ยวแรงและความน่าเกรงขาม แต่ผมกลับลุกขึ้นออกจากเตียง



“ออกไป”



คำสั่งยังคงเป็นเช่นเดิม ผมจับจ้องไปยังร่างของโยธาที่ขดตัวเป็นก้อนเล็กๆ ดูเปราะบางและแตกสลายง่ายเพียงสัมผัส ผมหมุนตัว เดินออกจากห้องนอนเขา ปิดประตูขังร่างเล็กไว้ในพื้นที่ปลอดภัย ก่อนที่ตัวเองจะเดินมานั่งบนโซฟารับแขก



กว่าจะรู้ว่าทำผิดไปก็ตอนที่เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังลอดออกมาจากห้องนอน เสียงร้องไห้ที่เหมือนจะกรีดร่างผมให้แหลกสลาย…



...เขาเป็นเหมือนแก้วที่เปราะบางพร้อมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ และเป็นผมเองที่ออกแรงกำแก้วมากเกินไปจนมันแหลกคามือ เศษแก้วที่แตกสลายจึงบาดมือผมจนเป็นแผลเหวอะหวะ












จะจับหนูมาเลี้ยง แต่ดันใช้กับดักหนูจับ น้องก็จะเจ็บนะ

พี่ต้องเริ่มใหม่แล้วล่ะ

ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ

#ณพระจันทร์


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-05-2018 23:04:06 โดย Raccool »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.05 am.| 24.5.2018 p.3
«ตอบ #76 เมื่อ24-05-2018 23:44:02 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

แก้วที่มันแตกสลาย คงยากที่จะประสานกลับมาเป็นเหมือนเดิม

ทำได้ดีที่สุดคือต้องนำไปหลอมและขึ้นรูปใหม่

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.05 am.| 24.5.2018 p.3
«ตอบ #77 เมื่อ25-05-2018 03:14:59 »

ในอดีตน้องโดนอะไรมาบ้างนะ ถึงได้จำฝังใจแบบนี้  :katai1:

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.05 am.| 24.5.2018 p.3
«ตอบ #78 เมื่อ25-05-2018 09:27:55 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.05 am.| 24.5.2018 p.3
«ตอบ #79 เมื่อ25-05-2018 10:30:54 »

อะไรเนี๊ยะ ดีแตกหรอ  :z3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.05 am.| 24.5.2018 p.3
« ตอบ #79 เมื่อ: 25-05-2018 10:30:54 »





ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.05 am.| 24.5.2018 p.3
«ตอบ #80 เมื่อ25-05-2018 15:02:18 »

คุณเสือกลับไปเข้ามุมสำนึกผิดซะ  :m16:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.05 am.| 24.5.2018 p.3
«ตอบ #81 เมื่อ25-05-2018 20:18:55 »

เอาไงละทีนี้ จะเข้าหาน้องยังไง  :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Veesi3

  • coHon3 {ต้นฝ้าย}
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.05 am.| 24.5.2018 p.3
«ตอบ #82 เมื่อ25-05-2018 23:21:44 »

เง้ออออ ฮิมมมม น้องใจเสียหมดแล้ว

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.05 am.| 24.5.2018 p.3
«ตอบ #83 เมื่อ25-05-2018 23:33:32 »

ทำร้ายน้องทำไมม :ling1:

ออฟไลน์ ppseiei

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.05 am.| 24.5.2018 p.3
«ตอบ #84 เมื่อ26-05-2018 00:02:33 »

น้องลัลน่ารัก
พี่ฮิมดีแตกแล้วข่าาาา (เอ๊ะหรือไม่ดีอยู่แล้ว555)
สงสารน้องโย กอดดดดด

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.06 am.| 28.5.2018 p.3
«ตอบ #85 เมื่อ28-05-2018 00:05:36 »

00.06 am.



ซินเดอเรลล่าไม่ยอมกลับบ้าน



“คุณมีหนังยางอีกมั้ย”



“ไม่มี”



“บนหัวคุณอ่ะ”



“ฉันใช้อยู่”



ลัลทำหน้าไม่พอใจเมื่อผมไม่ยอมยกหนังยางรัดผมของตัวเองให้ ช่วยไม่ได้ ผมมีอยู่เส้นเดียว และถ้าไม่มัดผมหน้าม้าของตัวเองไว้ เส้นผมมันก็ตกมาปรกหน้าจนทำงานไม่ได้



“ที่บ้านนายไม่มีหรือไง”



“คิดว่ามี...แต่ผมขี้เกียจออกไปนี่”



เขาว่า เฉลยความจริง



ลัลมาสิงอยู่กับผมได้อาทิตย์นึงแล้ว เขากลับบ้านแค่ตอนที่จะอาบน้ำเปลี่ยนชุดเท่านั้น ช่วงเวลาที่เหลือก็มาเขย่ารั้วบ้านผม ขอมาอยู่อาศัยด้วยอย่างหน้าด้านๆ ให้ตายเหอะ ใครสั่งใครสอนให้เป็นคนแบบนี้วะ



เด็กหนุ่มออกไปทำงานช่วงหัวค่ำ และกลับมาช่วงเวลาประมาณตีสองตีสาม เด็กขี้เมาไม่ต้องให้เพื่อนตัวเองคอยไปรับไปส่งแล้ว เพราะเขาเล่นมาเมาที่บ้านผมแทน...



ใช่ เด็กเวรนี่มันหอบเบียร์จากที่ร้านเหล้ามานั่งซดในบ้านผม



ลัลไม่ดื่มเบียร์ที่ร้านเพราะผมเคยบอกว่าถ้าเมาจะไม่ให้เข้าบ้าน เขาเลยมาดื่มในบ้านผมแทน...เชื่อเลย



แม้ว่าเวลาเขาเมาจะไม่ได้ลำบากอะไร ลัลไม่เอะอะโวยวาย ไม่ทำลายข้าวของ ไม่เสียงดัง แต่ชอบมานัวเนียใส่ผมตลอด เคยคิดเหมือนกันว่าอยากจะเรียกหาเด็กขายสักคนมาช่วยระงับฮอร์โมนพลุ่งพล่านของเขา แต่ก็ไม่ทำ...เป็นตัวผมเองนี่แหละที่คอยจับเขายัดเข้าห้องนอน แต่นั่นก็ช่วยอะไรได้ไม่มากอยู่เพราะเมื่อผมเข้านอน เขาก็จะมานอนกอด เลื้อยๆ อยู่บนตัวจนน่าจับตีให้ก้นลาย



นอกเหนือจากอาการดังกล่าวแล้ว เขาก็ไม่รบกวนอะไร กระป๋องเบียร์ที่ดื่มจนหมดในแต่ละคืนเขาก็ตื่นมาเก็บกวาดให้ ไม่เคยทำบ้านรก ไม่เคยอ้วกหรือทำสกปรกอะไร



เพียงแต่เหนื่อยใจชิบหาย



ระหว่างการจับกดเขาให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวกับการข่มใจไม่ทำอะไรเนี่ย อย่างแรกดูง่ายกว่าเป็นไหนๆ ลัลดึงดูดเกินไป น่าหลงใหลเกินไป มีเสน่ห์เกินไปจนอันตราย เหมือนดอกไม้พิษล่อแมลงมาติดกับก่อนจะจับแมลงโง่กินเป็นอาหาร



ผมไม่ใช่แมลง และจะไม่ถูกดอกไม้ป่าจับกิน



แม้จะไม่รู้ว่าเขาอันตรายยังไง แต่สัญชาตญานผมมันร้องบอกว่าไม่ทำอะไรเขาจะดีที่สุด



แต่วันๆ เล่นมานอนเลื้อยๆ ยั่วๆ แบบนี้ก็ลำบากใจอยู่ไม่น้อย ผมไล่เขากลับบ้านไปไม่รู้กี่รอบ เด็กเลวก็ทำเพียงกลับไปอาบน้ำแล้วกลับมาใหม่ จนเหนื่อยใจจะไล่แล้ว เขาอยู่ในบ้านก็ไม่ทำตัววุ่นวายอยู่หรอก แต่พอเมาทีไรก็ได้เรื่องตลอด ห้ามไม่ให้ดื่มก็ไม่ได้ แอบเอาเบียร์ไปซ่อนก็ยังรู้ที่อีก



“คุณมียางรัดแกงมั้ย”



“มันไม่เจ็บเอาเหรอ” พลันหลุดจากห้วงความคิด เจ้าเด็กนี่ก็เอ่ยถาม ไม่ยอมแพ้ต่อการหาหนังยาง ผมมียางรัดแกงอยู่ เอาไว้มัดพวกอุปกรณ์หรือถุงขยะ แต่เพราะเคยเอาไปมัดผมแล้วถึงรู้ว่ามันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการนั้น



“ก็ผมรำคาญผมตัวเอง อยากมัด” เขางอแง



ผมกะความยาวของเส้นผมเขา คิดว่าน่าจะพอเกล้าได้ เลยเรียกเขามา



“เอาพู่กันแทนได้มั้ย”



“หือ”



“มานี่”



เด็กดียอมเดินเข้ามาหาผมอย่างว่าง่าย ผมหยิบพู่กันสำหรับลงสีอะคริลิกมาแท่งหนึ่ง เลือกแท่งที่ด้ามสะอาดหน่อยเขาจะได้ไม่รังเกียจ ก่อนจับเส้นผมทั้งหมดรวบไว้ในมือ ใช้ด้ามพู่กันตวัดเกี่ยวเส้นผมนุ่มไว้เป็นม้วน และเสียบลงรัดไม่ให้เส้นผมที่ถูกเกล้าแล้วร่วงหล่น



ใช่ ผมใช้พู่กันเกล้าผมเขาแทนปิ่นปักผม



“อย่างนี้ได้ไหม”



“ผมไม่เห็นรู้เลยว่าพู่กันเอาไว้ใช้เกล้าผม”



“เรียกว่าประยุกต์”



“คุณเคยทำให้ใครหรือ”



“เปล่า...เมื่อกอนฉันก็เคยไว้ผมยาว” ผมตอบส่งๆ หมุนตัวหนีเขากลับมาจดจ่อที่งานตัวเอง พอลัลเห็นว่าผมตั้งใจจะทำงานแล้ว เขาก็ผละออกไป



แล้วไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็กลับเข้ามา



“คุณ มันหลุดอ่ะ”



ผมเกล้าให้เขาใหม่ รัดให้แน่นกว่าเดิม



แต่เขาก็ยังกลับมาพร้อมเส้นผมที่หลุดลุ่ย สามครั้งแรกก็ยังยินดีจะเกล้าผมให้เขาใหม่อยู่หรอก แต่พอมันมีรอบสี่ห้าหกก็คิดว่าชักจะมากไปแล้ว



“ลัล ฉันจะทำงาน”



“รอบสุดท้ายแล้ว”



ผมถอนหายใจ รวบผมเกล้าให้เขาใหม่ และลัลก็ไม่เข้ามากวนอีก



จวบจนได้เวลาอาหารเย็น ผมเดินออกไปเห็นเด็กข้างบ้านนอกผมสยายอยู่ที่โซฟารับแขกตัวเดิม ทำหลุดอีกแล้ว



“มันไม่แน่นหรือไง”



ผมถาม มั่นใจว่าตอนเกล้าให้เขาครั้งสุดท้ายน่าจะแน่นพอที่จะไม่หลุดออกง่ายๆ



“ผมนอนพลิกไปพลิกมามันเลยหลุด” เขาตอบ และนี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ก่อนหน้านี้มันหลุดบ่อยด้วย ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆ เขา รวบเส้นผมยาวสีดำในมือขึ้นมาอีกครั้ง



คราวนี้ มือขาวๆ ของลัลจับมือผมไว้ไม่ให้ทำต่อ



“ไม่ต้องแล้ว”



“ทำไม ไม่ร้อนแล้วหรือไง”



“อือ ไม่ร้อนแล้ว”



ว่าจบ เขาเลื่อนมือผมไปไว้บนศีรษะ จับมือผมให้อยู่ตำแหน่งกลางศีรษะตัวเองแน่น เจ้าตัวก้มหน้าไม่พูดอะไรต่อ



“ทำไม”



“...”



เขาไม่ตอบ แต่ขยับศีรษะไปมา ราวกับว่าเหมือนผมกำลังลูบหัวเขาอยู่ ท่าทางประหลาดของเขาไม่ได้มีแค่ครั้งนี้ครั้งแรก หลายต่อหลายครั้งที่เจ้าตัวแสดงอาการเหมือนคนขาดความรัก



“ถามจริงเถอะ ที่ทำทุกวันนี่ต้องการอะไร” จนผมทนไม่ไหว เป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน



“เปล่านี่”



“แล้วมาอยู่บ้านฉันทำไม”



“บ้านผมไม่มีคนอยู่ น่าเบื่อ”



“แน่หรือ”



“อือ”



“เงยหน้าสิ” ผมสั่ง เขาไม่ทำตาม ยังคงก้มหน้าอยู่อย่างนั้น ความเงียบระหว่างเราชวนให้อึดอัดจนผมต้องพูดต่อ “ต้องการอะไร รู้ไหมว่ามาอยู่กับฉันแบบนี้ตลอดไม่ได้”



“ทำไมไม่ได้ล่ะ”



“แล้วทำไมถึงคิดว่าได้ บ้านนายก็มี ไม่คิดว่ามันแปลกหรือไง”



ครานี้เขายอมเงยหน้า ยอมปล่อยมือตัวเองจากมือผม ดวงตาสีฟ้าสวยจับจ้องมา ดึงให้ผมเอาแต่มองดวงตาที่สะท้อนแสงอาทิตย์ยามเย็นจนลืมคำพูด



“ผม...ไม่อยากอยู่คนเดียว ไม่อยาก...นอนคนเดียว” และเป็นเขาที่เอ่ยเรียกสติ



“ทำไมล่ะ”



“...”



“หน้าอย่างนายไปหาใครมานอนด้วยก็น่าจะได้นี่ มาขลุกอยู่กับฉันทำไม”



“...เพราะคุณ...ไม่ทำอะไรผม”



“...” ผมสับสนในคำพูดของเขา การที่ผมไม่ทำอะไรเขาไปมากกว่าที่ควรไม่ใช่เพราะไม่อยาก ผมใช้ความอดทนอย่างมากในการไม่คล้อยตามแรงยั่วยวนของเขา แล้วถ้าเขาไม่อยากให้ผมทำอะไร ทำไมต้องมายั่วใส่กัน



“แล้วที่มาบด มาเบียดนี่ไม่ใช่ว่าอยากให้ฉันทำอะไรหรือไง”



“ก็ใช่...แต่คุณก็ไม่ทำ”



“แล้วสรุปอยากให้ทำหรือไม่ทำ”



“ทั้งสอง”



อะไรของมันวะ ผมขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ คล้ายสับสนหาทางออกไม่เจอ ผมไม่เคยเขาทำสีหน้าแบบนี้มาก่อน ปกติเขาทำหน้าเฉื่อยชา ไม่ก็ฉายแววตาที่เจือความโศกเศร้าให้เห็นเป็นพักๆ



ไม่เคยเห็นสีหน้าที่ราวกับจะแตกสลายเช่นนี้



“ผม...ผมไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่รู้”



“ไม่เป็นไร” และก่อนที่เขาจะแตกสลายจริงๆ ผมจึงรีบเอ่ยปลอบพร้อมเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าสวย ค่อยๆ ดันมันให้เข้ามาซบที่อกตัวเอง เขาทิ้งน้ำหนักตัว ซุกลงอกผมอย่างหมดแรง



“ผมไม่รู้...อยู่กับคุณ ผมคิดว่าอาจจะเป็นไปได้ก็ได้”



“เป็นไปได้อะไร”



“เป็นไปได้ที่จะเริ่มใหม่”



“...บ้าหรือไง”



“ผมไม่รู้”



ผมถอนหายใจ คาดเดาเรื่องราวจากเบาะแสที่เจ้าตัวแสดงออกมา ทำให้พอจะรับรู้ถึงเรื่องราวของเด็กขี้เมา เขาคงผิดหวังจากอะไรสักอย่างและมันคงสำคัญมากถึงขั้นต้องเสียใจเป็นบ้าเป็นหลัง ลูบหัวคนในอ้อมอก “นายแค่ผิดหวัง”



“ผมรู้”



“เดี๋ยวมันก็หาย”



“ตอนแรกผมก็คิดอย่างนั้น แต่ผ่านมาเป็นปีแล้วมันก็ยังไม่หาย”



“...”



“ผมต้องทำยังไง...” เขาร้อง น้ำเสียงแหบพร่า และไม่นานนักผมก็สัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่เสื้อตัวเอง



“...การนอนกับคนอื่นไม่ได้ช่วยให้นายดีขึ้นหรอกนะ”



“ผมรู้ แต่นอนกับคุณ เหมือนกับว่ามันอาจจะช่วยได้”



“ไม่ได้หรอก”



“จริงหรือ” เขาเงยหน้ามาสบตาผม ดวงตาสีสวยคล้ายจะสวยกว่าเดิมเมื่อเคลือบน้ำตา



ลัลเช็ดน้ำตาที่เปื้อนบนใบหน้าตัวเองออก ชันตัวลุกขึ้นมาคร่อมตัวผมไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน “สักนิดก็ไม่ได้เหรอ”



ผมไม่ตอบ ดวงตาสีฟ้าเจือแววเศร้าโศกกว่าเดิม เขาขยับตัวจากที่นั่งทับท้องผมไปนั่งทับตรงส่วนกลางลำตัว ทำเรื่องที่เขาถนัดที่สุด ...ยั่วยวน



“ไม่ได้เหรอครับ” เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า พลางไล่นิ้วเรียววนอยู่ตรงหน้าอกผม ลากไปจนถึงส่วนที่เขานั่งทับ



“ผมรู้ว่าคุณก็รู้สึก...หลายครั้งด้วย” ผมปล่อยให้เขาลงมือแกะกระดุมกางเกงตัวเอง “ทำไมถึงไม่ยอมทำอะไรผมล่ะ”



“มันไม่ควร” ผมตอบ พลางรวบฝ่ามือซนๆ ของเขาไว้ ไม่ให้เขาได้ทำอย่างใจ



“ไม่ควรอะไร”



“หลายอย่าง นายเป็นเด็กข้างบ้าน เป็นคนไม่รู้จัก ไม่สนิท”



“นั่นสำคัญด้วยเหรอ” เขาแกะมือตัวเองให้ออกจากการจับกุมของผม “การที่คุณจะนอนกับใครนั่นสำคัญด้วยเหรอว่าต้องรู้จักกัน หรือเป็นคนสนิท”



ใช่ว่าผมจะไม่เคยนอนกับใครเลย และใช่ตามที่เขาบอก ผมไม่จำเป็นต้องรู้จักคู่นอนทุกคน ดวงตาสีฟ้ายังคงพิศวงน่าหลงใหลเหมือนทุกครั้ง เขาจับจ้องด้วยแววตาออดอ้อนเหมือนทุกที แต่ที่จะเปลี่ยนไปก็คือผมเองที่ปล่อยให้ตัวเองโดนดวงตาของเขาดูดเข้าไป



“ช่วยผมหน่อยไม่ได้เหรอ”



และก่อนที่เขาจะเอ่ยประโยคถัดไป ผมก็บรรจงจุมพิตแนบลงริมฝีปากเขา



ลัลวาดแขนโอบรอบคอผม ริมฝีปากนุ่มเผยอออกก่อนเป็นฝ่ายรุกล้ำเข้ามา ผมปล่อยให้ปลายลิ้นเล็กแหย่เย้าตัวเองไปสักพักก่อนรุกเขากลับบ้าง เราโรมรันจูบกันอยู่บนโซฟาแคบ และเป็นผมที่ผลักเขาให้นอนแนบกับโซฟา ถอดกางเกงวอร์มยางยืดของคนใต้ร่างให้ลงไปกองอยู่ที่เข่าอย่างง่ายดาย



“คุณ...”



น้ำเสียงเขาหายไป เมื่อผมสัมผัสส่วนอ่อนไหวของเด็กน้อย ขยับมือรูดรั้งเบาๆ ส่วนกลางลำตัวเขาชูชันสู้มือ เนื้อขาวนวลบัดนี้พลันเปลี่ยนเป็นแดง ใบหน้าสวยเหยเก ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นเมื่อผมก้มลงไปใช้ปากครอบครองเขา ลัลร้องเสียงหลง เมื่อผมจงใจปรนเปรอตามคำสั่ง เด็กน้อยยกแขนปิดหน้าตัวเองข้างนึง ซุกซ่อนใบหน้าเขินอายไว้ใต้เรียวแขนขาว ส่วนอีกมือขยุ้มศีรษะผมคล้ายจะระบายอารมณ์



ผมเพิ่มจังหวะละเลงลิ้นจนเขาหลุดร้องครางเสียงหวาน ขยับมือช่วยเร่งเร้า เขาแอ่นสะโพกบิดตัวเร่ากับสัมผัสที่ได้รับ ปลายเท้าจิกลงบนโซฟา ดีดดิ้นราวกับกำลังจะขาดใจ และไม่นานเขาก็กระตุกตัวเกร็งปลดปล่อยออกมา



ลัลหอบกระเส่า ใบหน้าแดงเถือก ดวงตาเคลือบไปด้วยหยาดน้ำใส ดูแล้วน่าเอ็นดู ผมยกยิ้ม เช็ดมุมปากตัวเองที่เปื้อนไปด้วยของเหลวของเขา



“คิดว่าช่วยได้ไหมล่ะ”



“...”



เขาไม่ตอบ ผมลุกขึ้นผละออกมา



“คุณ...ให้ผมช่วยไหม”



“ไม่ต้อง” ผมเอ่ยปฏิเสธ “พอใจแล้วก็กลับบ้านไป”



พลันเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเอง



ผมไม่แน่ใจว่าอะไรทำให้ผมทำแบบนั้นลงไป อาจเพราะเขายั่วยวนมากเกินไป หรือเพราะผมเสียสติ อย่างไรเสียผมก็ทำเกินเลยกับเขาไปมากกว่าที่ตั้งใจเสียแล้ว ให้ตายเถอะ ใครบ้างจะทนต่อการอ้อนวอนของเขาแบบนั้นไหว ผมทำไปไม่สุดนี่ก็คิดว่าตัวเองเก่งมากๆ แล้ว



ผมใช้เวลาสักพักในการจัดการตัวเอง พอคิดว่าออกจากห้องน้ำไปคงจะไม่เจอเขา ทว่าเด็กดื้อยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ในมือถือถ้วยอะไรบางอย่าง



“ทำไมยังไม่ไปอีก”



เขาหันมาหาต้นเสียง มองหน้าผมก่อนเอ่ย “ก็ไม่ได้บอกว่าพอใจนี่”



ผมคิ้วกระตุก อยากฟาดไอ้เด็กขี้เถียงนี่สักที



“ผมต้มมาม่าให้แล้ว อยู่ในห้องครัวนะ”



แต่สุดท้ายที่ทำได้ก็มีแค่ถอนหายใจ และเดินไปหยิบถ้วยมาม่าที่เขาตักให้มากิน



ระหว่างผมกับเขาไม่ได้มีคำพูดอะไรต่อกัน หลายสิ่งหลายอย่างวนเวียนอยู่ในหัว ความสัมพันธ์ของเรากำลังจะเปลี่ยนไปเพราะผมเริ่มล้ำขอบเขต และเขาก็ไม่ว่าอะไร ยินยอมให้คนแปลกหน้าอย่างผมรุกล้ำ ผมไม่แน่ใจในความรู้สึกตัวเองที่มีต่อเขาด้วยซ้ำ แต่ดันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทำให้ผมปวดหัวต้องเรียบเรียงความคิดตัวเองใหม่อยู่พอควร



ในระหว่างที่นั่งเล่นคิดไม่ตกอยู่นั้นมีสิ่งหนึ่งที่แปลกไป ตอนนี้สามทุ่มแล้วผมยังไม่เห็นเขาออกไปไหน ปกติเจ้าตัวจะออกไปทำงานช่วงทุ่มหรือสองทุ่ม แต่นี่อะไร ยังนอนเฉื่อยแฉะอยู่บนโซฟาอยู่เลย



“ไม่ไปทำงานหรือไง”



“วันนี้ขอลา”



“ทำไมล่ะ”



เขาหยุดอ่านหนังสือในมือ พลิกตัวหันมาจ้องผมอีกครั้ง



“อยากอยู่จนกว่าคุณจะทำให้ผมพอใจ”









พี่เริ่มติดกับน้องแล้ว  :hao6:

#ณพระจันทร์




ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.06 am.| 28.5.2018 p.3
«ตอบ #86 เมื่อ28-05-2018 00:36:46 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

อ้อยขนาดนั้นแล้ว  ยังไม่สนองให้หนำใจอีก

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.06 am.| 28.5.2018 p.3
«ตอบ #87 เมื่อ28-05-2018 00:37:37 »

เริีมสนิทกันนิดนึงแล้ว :hao6: ขอบคุณมากค่ะ :กอด1:

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.06 am.| 28.5.2018 p.3
«ตอบ #88 เมื่อ28-05-2018 01:45:56 »

 :katai4: หุยย

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.06 am.| 28.5.2018 p.3
«ตอบ #89 เมื่อ28-05-2018 01:50:26 »

ตกลงใครอ่อย ใครจีบ งงวุ้ย  :ruready

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด