พิมพ์หน้านี้ - ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END|-แจ้งข่าว 30.8.2018 p.11

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Raccool ที่ 04-05-2018 19:20:42

หัวข้อ: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END|-แจ้งข่าว 30.8.2018 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 04-05-2018 19:20:42
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐



M y N o v e l ::

๐ ▆ ▇ █ Maybe….I’ll try?-เล่นของสูง █ ▇ ▆  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41260.0)   [F i n i s h e d ]
๐   ☀ ☼ Dear Sunshine : วาดตะวัน ☼ ☀ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51550.0)    [ F i n i s h e d ]
๐   ※ MR.GREY ※  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58733.0)    [ F i n i s h e d ]
๐   ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.0)    [ F i n i s h e d ]
๐  ❄ Once upon a lie #บันทึกเด็กเลี้ยงแกะ ❄   (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64693.0)    [ F i n i s h e d ]


๐  [เรื่องสั้น] ✡ ส ม ห ม า ย ✎  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52526.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น] :: ◤| Summer Wine |⊿ ::   (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52774.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น] ♪ ♫ :: SENSORY SERIES :: HEAR ♪ ♫    (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56968.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น]░【 GROWTH 】#รีบโต    (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57556.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น] 。• ✈ Page 49 ✈ •。  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59146.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น]♡ ☽ Lucky Cat ☾ ♡  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60785.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น] ✖ Soon We'll be found ✖  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61590.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น] #อย่าปล่อยให้ความตายหลงรักคุณ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63610.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น] ▣ Don't kick the chair ▣  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65435.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น] ■ Have a ghost day #ผีของผม ■  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64808.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น]┼ In another life ┼ #หากชาติหน้า  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66337.0)   [ F i n i s h e d ]
๐   [เรื่องสั้น] ◎ #มนุษย์โอ่ง ◎  (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?board=33.0)   [ F i n i s h e d ]





สองคนผิดหวังจากรัก

และอีกสองคนไม่ศรัทธาในรัก


.


“The light from your eyes made it feel like we were dancing in the moonlight.”



#ณพระจันทร์




หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 04-05-2018 19:31:47
รอ รอ รอ  : 222222: : 222222: : 222222:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 04-05-2018 19:46:24
 :hao7: วิ่งมารอค่า
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.01 am.| 5.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 05-05-2018 01:35:01
00.01 am.




ผมมีหน้าที่จับตามองซินเดอเรลล่าที่กลับบ้านหลังเที่ยงคืน



เข้าอาทิตย์ที่สามแล้วที่ผมย้ายมาอยู่ที่นี่ หลีกหนีจากเมืองกรุงแสนวุ่นวายมาต่างจังหวัดที่เขาว่ากันเป็นเมืองสำหรับชาวศิลป์ และมีความสงบตามที่ผมต้องการ หลังจากย้ายบ้านเสร็จจนตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านรอบๆ เท่าไหร่นัก เพราะมัวแต่วุ่นอยู่กับการจัดของในบ้าน จะมีก็แต่เพื่อนบ้านที่เห็นเดินผ่านกันไปมาเท่านั้น ยังไม่เคยทักทายใครอย่างเป็นทางการเสียที ครั้นพอทุกอย่างมันเริ่มลงตัวแล้ว ผมก็เกียจคร้านเกินกว่าจะออกไปแนะนำตัวให้ใครต่อใครรู้จัก



สังคมใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่ไม่สามารถทำให้ผมรู้สึกคุ้นเคยมันได้ในระยะเวลาอันสั้น ยิ่งคนที่ไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับใครอย่างผมด้วยแล้ว การรู้จักเพื่อนใหม่จึงเป็นศูนย์



ผมนอนเอกขเนกในบ้านมาได้หลายวันแล้ว เวลาผ่านไปอย่างน่าเบื่อแต่ก็ไม่ได้แย่นัก เหตุเพราะเป็นความต้องการของตัวเองอยู่แล้วที่อยากมาเผชิญความน่าเบื่อนี้แทนความวุ่นวายในเมืองหลวง



นั่งๆ นอนๆ ทำงานตอนไหนก็ได้ตามใจชอบ เบื่อๆ ก็หาหนังดูฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ สบายสมใจอยาก แม้ภายนอกอาจเหมือนชีวิตดูขาดแหว่ง แต่ผมว่ามันกำลังสมบูรณ์แบบดี ไม่ต้องทำงานจนเหนื่อยสายตัวแทบขาดเหมือนที่ผ่านมา แม้จะเงียบเหงาไปบ้าง แต่ก็รักช่วงเวลาเช่นนี้เป็นที่สุด



ผมสูดหายใจเข้า อากาศของที่นี่ดีกว่าที่ที่ผมเคยอยู่หลายเท่านัก อากาศที่เป็นอากาศ ไม่ใช่ฝุ่นควันเหมือนที่เคยสูดดม ผมนั่งพักจากการทำงาน มองนาฬิกาที่เดินไปเรื่อยๆ บอกเวลาจนกระทั่งตีสามถึงได้ยอมผุดจากเก้าอี้ หยิบกล่องบุหรี่ยี่ห้อโปรดพร้อมไฟแช็คออกไปนอกระเบียง สูดเอาอากาศเย็นชื้นยามค่ำคืนเข้าปอดอีกครั้ง ถอนหายใจออก



ก่อนจะสูดเอามะเร็งเข้าแทนที่...



อาจดูย้อนแย้ง แต่ก็นั่นแหละ ชีวิตมันก็คือความย้อนแย้งแบบนี้



ผมปล่อยควันบุหรี่ลอยฟุ้งขึ้นท้องฟ้าสีเข้มยามค่ำคืน วันนี้ดวงจันทร์เต็มดวงส่องสว่างสวยงาม อวดตัวลอยเด่นอยู่กลางมวลเมฆครึ้ม เดาจากอากาศร้อนเหนอะหนะขนาดนี้ อีกไม่นานฝนคงตก



และผมคงไม่อยากออกมายืนตากลมฝนอาบแสงจันทร์ ถ้าหากว่าช่วงเวลานี้ไม่มีอะไรน่าสนใจ



ผมค้นพบเธอเมื่อราวๆ อาทิตย์ที่แล้ว จากเสียงหนวกหูในช่วงประมาณตีสาม ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ผมตื่นมาทำงาน การวาดรูปบนเฟรมผ้าใบในยามค่ำคืนสามารถทำสมาธิได้ดีกว่าตอนกลางวัน อยู่เป็นเพื่อนดวงจันทร์ช่วยทำให้สงบใจได้มากกว่าอยู่กับพระอาทิตย์ และนั่นแหละ หลังจากที่ค่ำคืนอันเงียบสงบของผมผ่านมาหลายวัน จนกระทั่งได้พบกับเธอ พร้อมเสียงดังรบกวนประสาททำให้ผมต้องออกมาดูต้นเหตุอย่างช่วยไม่ได้



สาวน้อยร่างบางเดินโซซัดโซเซพยายามไขกุญแจบ้านจนเสียงกุญแจะกระทบกับรั้วประตูเหล็กดังเคร้งๆ นานอยู่หลายนาทีกว่าเจ้าตัวจะเปิดประตูบ้านเข้าไปได้ และใช้เวลารวมถึงเสียงหนวกหูอีกหลายนาทีในการพยายามไขปิดประตูบ้าน



ผมเฝ้ามองสาวน้อยขี้เมามาได้สักพักแล้ว ไม่มีคืนไหนที่เจ้าหล่อนจะไม่เมากลับมา และมักจะกลับมาในช่วงเวลาดึกดื่นเช่นนี้เสมอ ผมสงสัยจริงเชียวว่าคนที่บ้านไม่ว่าอะไรหรือไงที่ลูกสาวออกไปเที่ยวเตร่จนเมากลับบ้านขนาดนี้ ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วคงอยู่ในวัยมหาลัยแน่ๆ ช่วงชีวิตวัยรุ่น ง่ายต่อความผิดพลาดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในหลายๆ อย่าง



และถ้าตัวเองมีลูกสาว ผมคงตีจนก้นลาย ไม่ก็ดุจนหูชาไปข้างหากเธอทำตัวเช่นนี้



รถกระบะคันใหญ่ติดฟิลม์ทึบได้เคลื่อนตัวออกไปแล้ว คาดว่าคงเป็นเพื่อนของเธอที่มาส่ง และไม่นานก็ปรากฏร่างของสาวขี้เมาคนหนึ่งเดินเป๋ไปมา เกาะรั้วบ้านตัวเองก่อนควานหากุญแจบ้านในกระเป๋ากางเกงยีนส์รัดรูป มือที่จับประตูรั้วเหล็กโยกเยก ส่งเสียงเคร้งน่าปวดหัวอีกครั้ง ราวกับเป็นสัญญาณเตือนภัยจากอะไรสักอย่าง เส้นผมยาวปลิวตามแรงโยกและแรงลม คลื่นเส้นผมพลิ้วไหวจนเกิดเป็นสเน่ห์บางอย่างที่ทำให้ละสายตาไปไม่ได้



คนที่หลับไปแล้วในซอยนี้คงไม่ได้ยินเสียงหนวกหูที่สาวเจ้าบรรเลงออกมานี่หรอก จะมีก็แต่ผมที่ไม่หลับในเวลาเช่นนี้ที่ได้ยิน



ผมปล่อยควันบุหรี่ให้ลอยไปในอากาศอีกครั้ง ก่อนที่ร่างเพรียวจะมุดเข้าประตูบ้านได้สำเร็จ พร้อมกับลงกลอนประตูเสร็จสรรพ ผมทิ้งก้นบุหรี่ลงในกระถางต้นไม้ หมุนตัวเข้าบ้านบ้าง เป็นอันจบภารกิจถ้ำมอง



เมืองใหม่ ที่อยู่ใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่ทำให้ผมรู้สึกเบื่อหน่ายในช่วงแรกๆ แต่เพราะผู้หญิงคนนี้ทำให้ค่ำคืนของผมมีสีสันขึ้นมา และทนรอที่จะเจอเธอในคืนต่อๆ ไปอีกแทบไม่ไหว



ไม่ใช่ทุกคืนที่สาวเจ้าจะเมากลับบ้านในเวลาตีสามตีสี่ เพราะบางทีตีหนึ่งตีสองผมก็จะได้ยินเสียงรั้วบ้านจากฝั่งตรงข้ามดังเคร้งคร้างแทนการบอกเวลา บ่งบอกถึงการมาถึงของซินเดอเรลล่าเวอร์ชั่นกลับบ้านหลังเที่ยงคืน



และในบางที เจ้าหล่อนก็กลับมาในยามรุ่งสาง



หรืออย่างแย่ที่สุด ก็ไม่กลับ



ปฏิเสธไม่ได้ว่าใบหน้าสวยที่ผมได้เห็นแม้เพียงเสี้ยว ดึงดูดให้เฝ้ามองคืนต่อคืนเช่นนี้ สเน่ห์อันน่าพิศวงหาอย่างหาตัวจับยากของหล่อนทำให้ผมละภารกิจถ้ำมองนี้ไม่ได้



ผมตื่นมาหลังเที่ยงวัน ออกหาข้าวกินตามปกติ แป๊บๆ อาทิตย์ก็ตกดิน ผมนั่งเคลียร์งานอย่างอื่น บางทีก็นั่งเล่นเน็ต ดูหนังไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งเที่ยงคืน เวลาทำงานที่แท้จริงของผมจึงได้เริ่มขึ้น ผมบิดตัวอย่างเกียจคร้าน เดินเข้าไปในห้องสตูดิโอที่เอาไว้สำหรับเพ้นท์ภาพ มีกองเฟรมกระดาษและขวดสีกระจายอยู่เต็มพื้น



ผมใช้เท้าเขี่ยพวกมันออกไปเพื่อเปิดทางให้เดินไปถึงเฟรมรูปอันล่าสุด ก่อนจะนั่งระลึกว่าเมื่อคืนทำถึงส่วนไหน ใช้เวลาอีกหลายนาทีกว่าจะบิ้วท์อารมณ์ในตอนนั้นกลับมาได้ บางทีบางคืนผมก็ไม่ทำงาน เพราะความรู้สึกมันไม่มา



เมื่อพร้อมจะเริ่มต้นได้ ผมจึงจรดแปรงหัวตัดที่ปาดสีเตรียมไว้ลงบนผืนผ้าใบ ตวัดปลายพู่กันฉวัดเฉวียนตามใจสั่ง เส้นสายและสีสันปรากฏลงบนผ้าใบที่เคยขาวสะอาดมาก่อนเป็นลวดลายตามใจนึก จนกระทั่งพอใจแล้วส่วนหนึ่ง จึงหยุดมือ ลุกขึ้นยืนและเดินจากมันออกมาลองยืนมองในระยะไกล ค้นพบว่ามีหลายจุดที่ผิดพลาดมากมายทำให้ต้องสาวเท้ากลับเข้าไปแก้ใหม่ และ…



เคร้งๆ



ถึงเวลาแล้ว



ก่อนที่ผ้าใบจะถูกสีน้ำมันแต่งแต้มอีกครั้ง เสียงหนึ่งที่ดังราวกับเป็นนาฬิกาปลุกก็ได้แจ้งเตือนถึงการมาของซินเดอเรลล่า ผมบิดตัว ลุกออกไปเปิดประตูระเบียง แอบมองสาวขี้เมาจากชั้นสองอย่างเงียบเชียบเช่นเคย



อีสาวผมยาวครานี้มวยผมไว้บนหัว เผยให้เห็นต้นคอขาวระหง และทำให้ผมเห็นรูปร่างของเธอชัดเจนมากขึ้น พลันรู้สึกสะกิดใจกับโครงร่างของหล่อน ผมพยายามเพ่งพินิจอีกครั้ง เมื่อคนสวยหันเข้ามาทางผม เสื้อยืดคอวีสีขาวโปร่งถูกแสงไฟสีขาวในโรงจอดรถส่องทะลุ เผยให้เห็นเรือนร่างข้างใน รวมถึงคอเสื้อที่กว้างจนเห็นถึงแผ่นอกเรียบเนียน



ผมเป็นศิลปิน ฝึกวาดรูปหุ่นฟิกเกอร์ไม่ต่ำกว่าร้อยครั้ง ฝึกวาดภาพเหมือนจากคนจริงมาก็มาก และจากประสบการณ์ทำให้ผมรู้ได้ไม่ยากว่าโครงร่างของคนๆ นี้ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่ผมเคยคิด



“ผู้ชาย?”



สิ้นเสียงสงสัยท่ามกลางความเงียบสงัดยามค่ำคืน ร่างมีชีวิตในตอนนี้มีเพียงผมกับเขา คั่นกลางด้วยพระจันทร์ส่องแสงลอยเด่น และเสียงผมมันคงดังจนไปสะกิดหูคนข้างล่างทำให้เป้าหมายถ้ำมองของผมเงยหน้าขึ้นมาหาต้นเสียง



ที่เป็นผมเอง…



ใบหน้าหวานเงยมองหาผมได้ไม่ยาก เพราะตำแหน่งของผมและเพื่อนบ้านคนใหม่อยู่ตรงกันพอดี และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นหน้าเต็มๆ ของเธอ...ไม่สิ ของเขา



รูปหน้าเรียวยาว ใบหน้าขาวใส จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากแดงบาง เครื่องหน้าราวกับรูปวาดที่มีศิลปินฝีมือดีบรรจงแต่งแต้มจนออกมาเป็นความงดงามอันวิจิตร พอได้จับจ้องเข้าไปในดวงตากลม ผมพลันเห็นอะไรบางอย่างที่ผิดแผกไป



ผมเห็นทะเลในดวงตาของเขา



ดวงตาสีฟ้าสะท้อนแสงไฟจับจ้องขึ้นมาสบตาของผม ในวินาทีนั้นเอง ผมรู้สึกเหมือนตัวเองถูกน้ำทะเลดูดกลืนตัวตน พัดพาตัวเองออกไปในมิติที่ไร้กาลเวลา จมดิ่งอยู่ท่ามกลางสีฟ้า ลอยล่องอยู่ในห้วงอวกาศนานหลายวินาทีจนแทบลืมหายใจ กระทั่งเปลือกตาของเขาดันลงมาปิดดวงตาสองสามที ผลักให้ผมหลุดออกมาจากห้วงเวลา



คิ้วสวยเริ่มขมวดเป็นปมเมื่อเห็นผมจ้องเขาไม่วางตา



และในไม่ช้า ความเงียบสงัดยามค่ำคืนก็ถูกตัดด้วยน้ำเสียงทุ้มเย็นของอีกฝ่าย



“โรคจิต?”








 

ผมมั่นใจแล้วว่าเขาคือผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างที่เข้าใจผิดมาตลอดหลายวัน ช่วยไม่ได้ ที่ผ่านมาไอ้หมอนั่นเอาแต่ปล่อยผมยาวสลวยจนกลางหลัง ใส่เสื้อตัวหลวมโคร่งบดบังโครงกระดูก สวมกางเกงยีนส์รัดรูปที่รูปขาเรียวยาวยังกับขาผู้หญิง ตัวก็ผอมบาง ไหนจะใบหน้าหวานนั่นอีก จะมองผิดก็ไม่แปลก แต่ละครั้งที่เจอก็มืดมาก



หาข้ออ้างให้ตัวเองจบ ก็ได้แต่นั่งทึ้งหัว หงุดหงิดที่มองผิดไปยังไม่พอ ไอ้เด็กนั่นยังกวนตีนกลับมาอย่างไม่น่าให้อภัย มีที่ไหนคนเพิ่งเจอกันใหม่ๆ แล้วเอ่ยทักกันอย่างนั้น ผมมั่นใจว่าแก่กว่าเขาเกือบสิบปีแน่นอน ไอ้เด็กขี้เมานี่ ที่บ้านไม่สั่งสอนหรือไงว่าให้เคารพผู้ใหญ่



ถึงแม้ผมอาจจะเป็นคนผิดเอง ที่เริ่มทักเขาด้วยความสงสัยก่อน แต่ขอเถอะ สภาพแบบนั้นไม่คิดหรือไงว่าคนอื่นก็ต้องคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงน่ะ ถึงการแต่งกายอาจจะไม่ใช่ แต่ถ้าดูโดยภาพรวมแล้วเขาเหมือนผู้หญิงตัวสูง ลุยๆ คนหนึ่ง



ที่ไหนได้ เสือกมีดุ้น...



ผมแทบจะหมดความสนใจต่อซินเดอเรลล่าหลังเที่ยงคืนนี่ทันที ถ้าไม่ติดว่าเขายังคงส่งเสียงเคร้งๆ ในเวลาเดิมๆ



จากที่แอบมองจึงตั้งใจเปลี่ยนภารกิจใหม่



“กลับช้านะ”



ไปกวนตีนมันก็แล้วกัน ถือว่าเป็นการผูกมิตรต่อเพื่อนบ้าน



ไอ้หนุ่มผมยาวเงยหน้ามามองผม ดวงตาสีน้ำทะเลจับจ้องมาก่อนคิ้วสวยจะขมวดเป็นปมคล้ายต่อว่าผ่านทางสายตา



ผมยกมือที่คีบบุหรี่ขึ้นโบกให้เพื่อนบ้านหนุ่มขี้เมา



และไอ้เด็กเปรตก็ตอบแทนด้วยการชูนิ้วกลางใส่ และลงกลอนล็อกรั้วบ้านหมุนตัวจากไป



ผมหงุดหงิดที่เด็กนี่ไม่ให้ความเคารพกัน แต่กลับยกยิ้มมุมปากเมื่อได้กวนประสาทเจ้าขี้เมาเสียบ้าง อย่างน้อย ก็ไม่ได้เป็นผู้หญิง คงไม่ต้องเกรงใจอะไรกันอีก



“วันนี้กลับเร็วนะ”



ผมทัก เมื่อถึงคืนถัดไป และเจอเขาปรากฏตัวยามพระจันทร์ส่องแสง เด็กหนุ่มยังคงมึนเมากลับบ้านอยู่ทุกครั้ง จนนึกเป็นห่วงในสภาพตับของหมอนี่



แน่นอน เด็กขี้เมาไม่ตอบสนองการกวนตีนของผมใดๆ นอกจากเปิดประตูเข้าบ้านไปโดยไม่คิดจะหันขึ้นมามองกันด้วยซ้ำ



วันถัดมา ผมทัก



“วันนี้กลับช้านะ”



เมื่อพระอาทิตย์เริ่มปรากฏตัว แสงสว่างเจือจางค่อยๆ เผยออกมาแทนที่เวลาค่ำคืน และปรากฏร่างของเขา เด็กดื้อที่กลับบ้านไม่เป็นเวลา



ไม่ได้รับการตอบรับอีกครั้ง มีเพียงแค่เสียงถอนหายใจหนักๆ ของเขาดังขึ้นมา ทำให้ผมพอใจมากแล้ว



“เมื่อวานไม่กลับบ้านหรือ”



“วันนี้ก็กินเหล้าอีกแล้วเหรอ”



“ใครมาส่งน่ะ”



“วันนี้กลับช้าอีกแล้วนะ”



ผมนึกสนุกที่ได้กวนประสาทเด็กขี้เมาวันต่อวัน คืนต่อคืน นอกจากคำต่อว่าเมื่อตอนนั้นแล้วก็ไม่ได้ยินเสียงใดดังออกมาจากปากของเขาอีก สงสัยว่าหมดคำเถียงหรือแค่เพราะเมามายเกินกว่าจะเถียงกลับกันแน่



แต่ละคืนของผมผ่านไปอย่างสนุกสนาน เมื่อได้แกล้งคนขี้เมาตรงหน้า และมันน่าจะไม่มีสิ่งใดมากเกินไปกว่าความสนุกที่ได้หยอกล้อเพื่อฆ่าเวลาอันแสนน่าเบื่อ



ถ้าหากว่าผมไม่ได้เปิดประตูต้อนรับซินเดอเรลล่าเข้าบ้าน










#ณพระจันทร์


หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.01 am.| 5.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-05-2018 03:23:02
น้องซินเป็นนักเที่ยวหรอเนี่ย เมาได้ทุกวัน ไม่น่าเรียกน้องซินเลย น่าจะเรียกเมรีดีกว่านะ  o18

ปอลอ   ผู้ใดเอา + เป็ด ไป รบกวนเอามาคืนด้วยจ้า   :m5:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.01 am.| 5.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 05-05-2018 05:36:23
หนูเป็นอะไร ทำไมต้องเมาทุกวันละลูกกก
คุณคนพี่นี่ก้เหลือเกินนน แหย่น้องได้ทุกวัน
ซินเดอเรลล่าขี้เมาของเราเป็นคนยังไงกันนะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.01 am.| 5.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 05-05-2018 06:35:10
 :3123: ติดตามมม พระเอกกวนทีนดีอ่ะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.01 am.| 5.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 05-05-2018 07:23:05
คนซีนกับคนมีนเจอกันๆ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.01 am.| 5.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 05-05-2018 08:03:56
น่าติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.01 am.| 5.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 05-05-2018 08:18:47
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.01 am.| 5.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: เนเน่ ที่ 05-05-2018 10:07:42
น่าติดตามมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.01 am.| 5.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 05-05-2018 10:30:49
ถ้าเทียบว่าทักทายคืนละประโยค
ก็ดูว่าทักอยู่นานหลายคืน ...

แสดงว่า น้องซินอึดมาก
เพราะนอกจากวินิจฉัยโรค "โรคจิต" และโบกมือนิ้วเดียวทักตอบแล้ว
น้องก็เงียบดีฟุ้ย
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.01 am.| 5.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 05-05-2018 12:06:48
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.01 am.| 6.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 06-05-2018 00:56:11
1.01 am.





ใครๆ ต่างบอกว่าเขาเป็นไอ้ตัว



ร่างเล็กดูบอบบางอ้อนแอ้นเกินชาย ผิวขาวราวกับไม่เคยต้องแสงแดด เส้นผมสีดำขับให้ใบหน้าขาวเด่นชัดขึ้นมา เครื่องหน้าน่ารักเหมือนตุ๊กตาญี่ปุ่น การที่ต้องกำหนดสัญชาตินั่นเป็นเพราะเปลือกตาชั้นเดียวของเขาที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ทว่ากลับเพิ่มสเน่ห์บางอย่างในตัวเขาอย่างบอกไม่ถูก ดวงตากลมโตของเขาทำให้เจ้าตัวดูแตกต่างกว่าคนที่ผมเคยเจอ



น่าสนใจ



ผมยกของเหลวสีอำพันขึ้นมาจิบ ส่งสายตามองข้ามโต๊ะไปหาเขาอย่างไม่ลังเล จับจ้องผู้ชายตัวเล็กตรงหน้าอย่างไม่วางตา และดูท่าเขาเองก็รู้สึกตัวเช่นกัน ถึงได้เหลือบตาหันมามองผมเป็นระยะ ผมเคยเห็นเขามาก่อน เขาเป็นรุ่นน้องในคณะ แต่ที่ผ่านมาเขาไม่ได้ดูน่าดึงดูดผมมากเท่าตอนนี้ จนเขาขึ้นปีสองนั่นแหละ ความน่ารักและข่าวลือแย่ๆ ของเขาถึงได้สะบัดไปทั่ว จนทำให้ผมนึกสนใจขึ้นมา



ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครปฏิเสธสายตาของผม



และเขาก็คงเป็นหนึ่งในนั้น



เมื่อเห็นคนตัวเล็กลุกออกจากที่นั่ง ผมก็ลุกตามเขาไปเพื่อไปดักรอร่างเล็กที่หน้าห้องน้ำ เขาเดินมาเจอผมในไม่ช้า ดวงตากลมโตสีดำจับจ้องมาที่ผมเพียงครู่เดียวก่อนผละออก เดินเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่คิดจะต่อบทสนทนาใดๆ นั่นทำให้ผมแปลกใจไม่น้อย



ผมสูบบุหรี่รอเขา ไม่นานเจ้าตัวก็ออกมาพร้อมกับเดินผ่านร่างผมไปอย่างไม่คิดจะหันมามองกันแม้เพียงครู่เดียว



ผมเลิกคิ้ว เดินตามเขากลับไปเพื่อพบว่าเขากลับไปนั่งที่โต๊ะเหมือนเคย เมื่อครู่ที่ผ่านมาเขาไม่ได้ต้องการจะออกไปข้างนอกกับผมอย่างที่คิด ผมยกยิ้มมุมปาก ร้ายใช่เล่น



ยิ่งน่าสนใจเข้าไปอีก



ร่างเล็กนั่งลงที่โต๊ะ ยกเครื่องดื่มต่อพร้อมพูดคุยกับเพื่อนเขา ราวกับว่าไม่มีผมในสายตา ทำให้ผมจับจ้องไปในดวงตาของเขามากขึ้น ผมรู้...เขากำลังประหม่าที่ถูกผมจ้องอยู่ เพียงแต่เขาไม่สามารถกระทำอย่างอื่นได้ จนสุดท้ายคนตัวเล็กก็ยอมเงยหน้ามาสบตาผม



ดวงตากลมสีดำฉายแววไม่พอใจที่ถูกผมจ้องมอง ผมยกยิ้มให้เขากลับไปแทนคำตอบ และนั่นทำให้เขาดูหงุดหงิดกว่าเดิม น่ารักกว่าตอนพยายามทำหน้านิ่งเสียอีก



เขากลอกตาพร้อมถอนหายใจ ราวกับการเห็นหน้าผมเป็นอะไรที่น่าเหนื่อยหน่าย และไม่หันมาใส่ใจผมอีก ผิดกับผมที่ยังคงคอยสังเกตเขาเป็นระยะ



ผมจับเหยื่อพลาดไปรอบนึงแล้ว และครั้งนี้ตั้งใจจะไม่พลาดเป็นหนที่สอง



ไม่รอช้า เมื่อเห็นจังหวะดีๆ ผมลุกขึ้นออกจากที่นั่งอีกครั้ง เดินตามเขาไปที่ห้องน้ำ ดูท่าทางคนตัวเล็กนี่มีจุดประสงค์แค่มาเข้าห้องน้ำจริงๆ ไม่ได้ต้องการหลบออกจากโต๊ะ แยกตัวจากเพื่อนเพื่อไปที่ไหนต่อตามลำพัง จนผมนึกสงสัยว่าข่าวลือที่เกี่ยวกับเขานั้นเป็นเรื่องจริงรึเปล่า ก็เล่นดูไม่สนใจใครเสียขนาดนี้



จนกระทั่งเขาเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพโซซัดโซเซจากน้ำเมา ราวกับถึงเวลาของผมให้พุ่งเข้าไปประคองเอวบาง



เขาพยายามดันตัวผมออก



“เมาแล้วนะ”



ผมกระซิบเอ่ยข้างหูเขา หมายตั้งใจจะให้เขายอมโอนอ่อนไปกับผม



“อย่ามายุ่ง”



เสียแต่น้ำเสียงแข็งกร้าวกลับทำให้ผมแปลกใจอีกครั้ง เมื่อเขาไม่คิดจะทำอะไรอย่างที่ผมคิด ผมโอบรอบเอวเขา กระชับมือแน่นไม่ปล่อยให้คนตัวเล็กดิ้นหลุดไปไหน



เขาพูดอ้อแอ้ไม่ได้ใจความ แต่พยายามใช้มือขาวๆ นั่นตีมือผมที่กอดเอวเขาอยู่อย่างไม่ลดละ ท่าทางน่าเอ็นดูของเขาทำให้ผมหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้ ชักอยากจะรู้แล้วว่าเรื่องอื่นๆ จะน่ารักแบบนี้ไหม



ใครๆ ก็ว่ากันว่าเขาน่ะร้าย



ไล่นอนกับผู้ชายไปทั่วเหมือนไอ้ตัว บ้างก็ว่าเขายอมอ้าขาให้ฟรีๆ ขอแค่ถูกใจเขาก็เอาหมด ลีลาบนเตียงเด็ดและจัดจ้าน ผมอยากลองพิสูจน์ข่าวลือพวกนั้นบ้างคืนนี้ถึงได้ตามติดเขาเป็นปลิง ทว่าดูจากท่าทีแล้วไม่เห็นว่าจะเหมือนอย่างที่ลือกันสักเท่าไหร่



ถ้าไม่ใช่เพราะข่าวลือมั่ว ก็อาจเพราะเขาแสดงเก่งเกินไป...



ผมหลุดเหม่อ จนคนตัวเล็กดิ้นหลุดจากการเกาะกุมของผมได้สำเร็จ เขาใช้ความได้เปรียบจากสภาพร่างกายเล็กๆ นั่นมุดหายไปในฝูงชน วิ่งกลับไปนั่งโต๊ะที่รายล้อมไปด้วยเพื่อนของเขา หมายจะใช้เป็นเกาะกำบังไม่ให้ผมเข้าใกล้เขาได้อีก



ผมไม่มีรสนิยมชอบบังคับใครเสียด้วย จึงได้แต่ปล่อยให้เขานั่งอยู่ในวงล้อมของเพื่อนๆ และจากหายไปในห้วงรัตติกาล



นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมพลาดเป้าหมาย










จริงๆ ตั้งใจให้ตอนนี้เป็นอีกตอนของตอนที่หนึ่ง แต่สั้นมากเหมือนเป็นตอนกาฝาก 555

เรื่อง #ณพระจันทร์ จะมีเรื่องราวของสองคู่ให้ติดตามนะคะ

เชียร์คู่ไหนอย่าลืมบอกกันน้าาา

ส่วนน้องซินขี้เมาเจอกันตอนหน้าจ้า

หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.01 am.| 6.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 06-05-2018 01:09:56
อา... เรื่องนี้เดินเรื่องแปลกไปจากทุกทีเลยค่ะ
น่าติดตามจัง
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.01 am.| 6.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-05-2018 01:47:00
แล้วจะเป็นอย่างไงต่อหว่า รออออออ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.01 am.| 6.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 06-05-2018 02:50:55
น้องงงมากกกก ฮืออออ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.01 am.| 6.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 06-05-2018 07:21:21
น้องซินนน
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.01 am.| 6.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 06-05-2018 14:13:59
คู่นี้น่าสนใจ  :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.01 am.| 6.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 08-05-2018 17:01:39
น้องซินนน เมื่อไหร่จะทิ้งรองเท้าให้เจ้าชายคะ 55555
อีกคู่หนึ่งนี่คุณพี่มีความคิดไปเองมากๆ น้องเค้าไม่เล่นด้วยสักหน่อยยยยยย
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.02 am.| 9.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 09-05-2018 22:58:51
00.02 am.



ขอโทษที ไม่เล่นแล้ว



“เห็นมองอยู่ได้ทุกวัน ไม่ใช่อยากได้หรือไง”



เสียงทุ้มเย็นเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่ผมเพิ่งประมวลสติได้ไม่ถึงนาที



“เดี๋ยว ใจเย็น”



“ไม่ชอบผู้ชาย?”



“เอ่อ...ก็...จะว่างั้นก็ได้” แต่มันใช่ประเด็นหรือไง



“แล้วเรียกหาอะไรอยู่ได้ทุกวัน”



แค่อยากจะแกล้งเฉยๆ



ผมไม่รู้ว่าเด็กสมัยนี้มีความคิดอะไรแบบนี้อยู่ด้วย ก็แค่พอรู้ว่าเป็นผู้ชายด้วยกันก็เลยอยากจะหยอกเล่นสักหน่อย กวนประสาทกลับสักนิดก็เท่านั้น ไม่คิดว่าไอ้เด็กนี่จะเห็นเป็นเรื่องอย่างว่า



โลกมันหมุนเร็วเกินไปจนผมตามไม่ทันหรือไอ้เด็กขี้เมานี่มันเป็นบ้ากันวะ



คิดดูอีกที อาจจะเพราะเมาอยู่ก็ได้ หมอนี่ถึงได้พูดอะไรแบบนี้ออกมา



หลังจากที่ผมส่งเสียงหยอกเย้าเขาเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา ครานี้เด็กหนุ่มไม่ได้เชิดหน้าหนีเข้าบ้านเหมือนเคย แต่กลับเดินมาหยุดอยู่หน้าบ้านผม เงยหน้าใช้ดวงตาสีน้ำทะเลจับจ้องมา ราวกับถูกสะกดจิต ผมละสายตาไปไม่ได้ และไม่ช้าร่างกายผอมเพรียวนั่นก็ขยับแขน ชูมือเป็นสัญลักษณ์ให้ผมลงไปหาเขา



ผมคิ้วขมวด ถามเขาว่ามีอะไร แต่เด็กแสบก็ยังชี้นิ้วให้ผมลงไปหาอยู่นั่น



สำรวจจากขนาดตัวแล้ว ผมไม่มีทางสู้แพ้เด็กผอมเก้งก้างแบบนี้แน่นอน อีกทั้งตรวจสอบมาอย่างดีแล้วว่าเจ้าขี้เมาไม่ได้พกอาวุธอะไร จึงได้ยอมลงไปเปิดประตูรั้วให้



“เข้าบ้าน”



น้ำเสียงทุ้มเย็นเอ่ยคล้ายคำสั่ง เมื่อการเปิดเพียงรั้วบ้านไม่เพียงพอต่อความพอใจของคนหน้าหวาน



“จะเข้าไปทำไม”



“ก็น่าจะรู้”



“ไม่รู้ ลืมเอากุญแจบ้านมาหรือยังไง”



“...ไม่เชิง”



“...”



“เปิดหน่อย”



ไม่ว่าเปล่า เด็กหนุ่มบุ้ยปากเป็นเชิงให้ผมเปิดประตูบ้านให้ แม้ว่าไม่ได้ลงกลอนเพราะเพิ่งเปิดออกมารับเจ้าเด็กแสบนี่ แต่เขาก็ยังมีมารยาท ไม่ยอมเข้าบ้านผมโดยพละการ



เนื่องจากความสงสัยก่อตัวเป็นก้อนใหญ่เกินกว่าจะลบออกไปจากหัวได้ ทำให้ผมเปิดประตูบ้านต้อนรับซินเดอเรลล่าเสียอย่างนั้น กว่าจะรู้ว่าไม่ควรก็สายไปเสียแล้ว



อย่างไม่ทันตั้งตัว ผมถูกเด็กหนุ่มผลักให้ติดผนังบ้านแทบจะทันที เขาประชิดตัวเข้ามาแนบสะโพกติดกับเอวของผม



และนั่น ทำให้รู้ความหมายในทันที



“โอเค พอแล้ว เลิกเล่น โทษที ฉันแค่อยากแกล้งนายเท่านั้น ไม่ได้มีจุดประสงค์อย่างอื่นเลยจริงๆ”



“คุณนอนกับผู้ชายไม่ได้เหรอ”



“ไม่น่าจะได้นะ”



“งั้นก็แค่ลอง”



“ไม่ดีกว่า กลับบ้านนายไปเลย”



ผมว่า ขยับใบหน้าตัวเองหลบลมหายใจอุ่นที่เจือกลิ่นแอลกอฮอล์จากอีกฝ่าย พลางรวบมือที่ซุกซนแอบลูบหน้าท้องของผมไว้ไม่ให้ขยับไปจับส่วนไหนได้ตามใจชอบอีก



ผมจ้องลงไปในดวงตาสีน้ำทะเลลึกแทนการดุ แม้จะตกใจกับรสนิยมของคนตรงหน้า แต่ก็ใช่ว่าจะแปลกใจ ใบหน้าของเขาไม่ยากที่จะสามารถดึงดูดได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ใครเห็นคงมองเขาจนเหลียวหลัง เสน่ห์ท่วมท้นอย่างอย่างกับนางไม้ร่ายมนต์



ถึงแม้ว่าจะรู้แล้วว่าไม่ใช่สาวน้อยอย่างที่คิด ทว่ารูปร่างหน้าตา ทั้งหมดทั้งมวลของเขามีเสน่ห์ดึงดูดอย่างน่าประหลาด ทุกอย่างของเขาล้วนน่าค้นหาอย่างหาคำอธิบายไม่ได้ ถึงจะฟังดูแปลกๆ แต่เขาเป็นผู้ชายที่สวยมากๆ คนหนึ่ง สวยทั้งรูปร่างทั้งหน้าตา โดยเฉพาะดวงตาสีฟ้าที่ตรึงผมให้อยู่กับที่ทุกทีที่ได้สบตานั่นอีก



ดวงตาของเขาผลักให้ผมหลงอยู่ในห้วงของกาลเวลาได้อย่างง่ายดาย



พอยิ่งเข้าใกล้ ยิ่งรู้ว่าสเน่ห์ของเขามากล้น กลิ่นหอมจากร่างกายยั่วยวนให้ใครต่อใครหลงใหลได้ไม่ยาก ใบหน้าสวยหวานที่ยิ่งพอได้เห็นใกล้ๆ ก็ยิ่งต้องตา ร่างกายบอบบางผิวขาวนวลละเอียดจนคิดว่าหากกอดแรงๆ คงเป็นรอย และต้องใช้ความหักห้ามใจเป็นอย่างมากในการไม่ให้ผลักเขาลงไป แล้วขย้ำเนื้อขาวให้ขึ้นสี



คนตรงหน้ารูปงามเกินกว่าจะปรากฏขึ้นบนโลกแห่งความจริง ทั้งยังวิจิตรจนน่าเสียดายเกินกว่าหากเป็นเพียงรูปวาด



ยากที่จะห้ามใจไม่ให้ครอบครองเขา



แต่เพราะเป็นเด็ก เป็นผู้ชาย เป็นคนข้างบ้าน เป็นคนไม่รู้จัก อะไรหลายๆ อย่างทำให้ผมไม่คิดจะทำอะไรเกินเลยเขาตามที่ปากแดงนั่นเพียรเอ่ยบอก



ได้แต่ฉุดให้เด็กดื้อออกไปจากบ้านของผมอย่างรวดเร็วก่อนที่ฝ่ายมารในใจจะชนะความคิด จับเขายัดเข้าบ้านตรงข้ามโดยที่ไม่ปล่อยให้เจ้าตัวขัดขืน เด็กหนุ่มร้องโวยวายแต่สู้แรงผมไม่ได้ สุดท้ายเขาก็เข้าบ้านไปได้โดยสวัสดิภาพ



หลังจากที่เล่นจนได้เรื่อง ผมก็ไม่ออกไปแซวเขายามค่ำคืนอีก ทำงานงกๆ หลบแสงจันทร์อยู่ในห้อง และหลับพักผ่อนเมื่อแสงอาทิตย์ขึ้น มีเพียงแสงไฟนีออนที่อาบตัวอยู่ทุกวัน



ผ่านไปไม่กี่วัน เมื่อทำงานจนบรรลุหน้าที่ ผมออกไปส่งภาพวาดที่เพิ่งเพ้นท์เสร็จให้กับเจ้าของแกลลอรี่แห่งหนึ่งในตอนเช้า ก่อนกลับเข้ามาหวังจะนอนให้หนำใจ ทว่าโลกกลับเหวี่ยงให้เจอเพื่อนบ้านเพียงคนเดียวอีกครั้ง เขาทำท่าจะออกไปข้างนอก เด็กหนุ่มคนนั้นกระตุกยิ้มมุมปากก่อนเอ่ย



“กลับเช้านะ”



ผมกลอกตา ไหวไหล่ เดินเข้าบ้านอย่างไม่ใคร่จะใส่ใจ นึกเข้าใจความรู้สึกของเขาที่ถูกผมแซวขึ้นมาบ้างแล้ว



ก่อนที่จะได้เข้าบ้านไปฝังตัวบนเตียง ผมหันไปบอกแนะนำเขาแทนคำทักทาย เพราะนึกขึ้นได้ว่าเจอหมอนี่แต่ละทีก็อยู่ในสภาพเมามายทุกครั้ง



“อย่าไปกินเหล้าอีกล่ะ”



เด็กหนุ่มโคลงหัวก่อนเอ่ยตอบ



“คุณห้ามผมไม่ได้หรอก”



“...”



“แต่ถ้ายอมนอนด้วยอาจจะลองเลิกเหล้าดูก็ได้”



“กินเหล้าไปจนตายเถอะงั้น”



ผมเอ่ยกลับแทบจะทันที เด็กเวรลอยหน้าลอยตาไม่สนใจคำสาปแช่งของผมเท่าไหร่นัก ผมหายตัวกลับเข้าไปนอนอย่างที่ตั้งใจ และในคืนนี้เขาก็ไปกินเหล้าอีกตามเคย



ผมคงไม่รู้และไม่ใส่ใจเด็กนิสัยแปลกๆ นี่อีก ถ้าหากว่าในคืนนี้ไม่ได้ยินเสียงเคร้งๆ ดังหนวกหูฝ่าเสียงฝนขึ้นมา



คืนนี้ฝนตกหนัก และหลังจากที่ไอ้หนุ่มผมยาวกระทำตัวแปลกๆ วันนั้น ผมก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะไปถ้ำมองเขาอีก เพราะกลัวไอ้เด็กนี่จะกลายร่างเป็นร่างคลั่ง จะมีบ้างในบางวันที่ผมออกมาสูบบุหรี่แล้วเจอเขากำลังกลับเข้าบ้านพอดี แต่ก็ไม่ได้ทักทายไปมากกว่าพยักหน้าให้



จนเสียงโลหะของรั้วบ้านถูกเขย่าอย่างรุนแรงดังขึ้นรบกวนประสาทจนต้องยอมออกไปดู เผื่อว่าคนเมาอาจจะทำอะไรไม่ได้ท่ามกลางสายฝนที่เทลงมาโครมครามราวกับฟ้ารั่ว



คิดว่าคงเห็นเด็กหนุ่มขี้เมานอนเกาะรั้วบ้านตัวเองอยู่ ทว่าผมกลับเห็นเขายืนเขย่ารั้วบ้านของผมอยู่เสียอย่างนั้น



“ทำอะไร”



ผมเอ่ยถาม ส่งเสียงแทรกเสียงฝน คนข้างล่างหยุดมือก่อกวน เงยหน้าใช้ดวงตาสีสวยจับจ้องมายังผม ใบหน้าสวยและเส้นผมยาวเปียกโชกด้วยน้ำฝน หยาดน้ำชโลมจนเสื้อผ้าบางแนบเนื้อไปกับร่างเพรียว ขับสเน่ห์ของคนตรงหน้าเพิ่มมากขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ



“เปิดให้หน่อย”



“ทำไม บ้านก็อยู่แค่นี้ กลับบ้านไปเลยไอ้หนู”



“นอนด้วย”



“บอกให้กลับบ้าน”



เคร้งๆๆ



เด็กเวรกวนประสาทผมอย่างต่อเนื่อง เมื่อผมไม่ทำตามความต้องการของเขา สองมือขาวซีดก็เขย่ารั้วบ้านผมจนเกิดเป็นเสียงน่ารำคาญ



“หยุดเลย ไอ้นี่นิ”



ผมถอนหายใจ “รอตรงนั้นแป๊บนึง แล้วก็เลิกเขย่ารั้วบ้านฉันได้แล้ว”



ครานี้เด็กดื้อยอมทำตามคำพูด ผมถึงได้กลับเข้าบ้านเพื่อลงไปเปิดประตูชั้นล่างให้เขา หน้าบ้านส่วนลานจอดรถอยู่ใต้ระเบียงชั้นสอง ทำให้มีหลังคาปกคลุม ผมจึงไม่ได้เปียกฝนเหมือนคนข้างหน้า



และทันทีที่ประตูรั้วเปิดออก คนเมาก็พุ่งเข้าใส่ผมทันที



“ไม่ต้องมาเกาะเลย เปียกหมดแล้วเห็นมั้ย”



“...”



เด็กหนุ่มไม่ตอบ และมีแต่ผมที่พยายามดันตัวเขาออกไป ใบหน้าหวานซบลงที่ไหล่ผมและหาญกล้าใช้เสื้อผมเช็ดหน้าต่างผ้าขนหนู กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวเขาลอยเจือจางตัดกับกลิ่นน้ำฝน



“ทำไมไม่เข้าบ้านตัวเอง หรือเปิดประตูบ้านไม่ได้”



“...”



“เป็นอะไร กุญแจบ้านหายหรือไง”



ผมถามอีกครั้ง เมื่อเสียงฝนเป็นเพียงเสียงเดียวที่ตอบกลับมา



เด็กหนุ่มขยับตัว ช้อนตามองผมอีกครา ใบหน้าหวานมีสีหน้าคล้ายจะเศร้าโศก ทว่าเพียงชั่วเดียวก็หายไป พร้อมกับขยับตัวยุกยิก ควักเอาอะไรบางอย่างในกางเกงยีนส์ออกมา ที่ผมคาดว่าน่าจะเป็นกุญแจบ้านของเขา



แล้วโยนออกไปในสวนหน้าบ้านของผม



“ไอ้...”



“อือ กุญแจบ้านหายแล้ว ขอนอนด้วยดิ”



“...เด็กผี” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยายามจะผลักเขาออกจากตัวเพื่อไปหากุญแจบ้านของคนขี้เมา ที่น่าจะตกอยู่ในพุ่มไม้แถวนี้



ทว่าเด็กหนุ่มกลับไม่ยอมให้ผมทำเช่นนั้น เมื่อร่างผอมขยับตัวมาเบียดตัวผมมากกว่าเดิม แขนสองข้างเกาะผมไว้แน่นไม่ให้ผมหนีหายไปไหน ใบหน้าสวยซุกลงที่อกผม กระซิบเอ่ย



“แค่นอนเฉยๆ ก็ได้”



“...”



“หนาวแล้ว...”



“...”



“ตัวก็เปียก”



“...”



“เดี๋ยวไม่สบาย”



ถ้ารู้ก็อย่ามาตากฝนตั้งแต่แรกสิ ผมดุเขาในใจ และในที่สุดก็ต้องยอมแพ้ให้กับความเอาแต่ใจของเด็กข้างบ้าน



ยอมเปิดประตูให้เขาเข้าไปอีกครั้ง



ถือว่าช่วยเหลือคนเมา



เด็กน้อยนอนคว่ำหน้าหัวเปียกซบหมอนอยู่บนเตียงผม ให้ตายสิ ไล่ให้ไปนอนอีกห้องก็ไม่ยอมไป แต่เอาเถอะ ผมเองก็ยังไม่คิดจะเข้านอนในเร็วๆ นี้ เพียงแต่สภาพของเขาทำให้ผมขัดใจไม่น้อย จึงหยิบผ้าขนหนูไปวางแปะบนหัวเขา แม้อยากจะเช็ดให้แต่ก็ไม่ได้สนิทใจด้วยขนาดนั้น จึงได้แต่หวังว่าผ้าขนหนูจะคอยซับหยาดน้ำจากเส้นผมของเขาได้เอง



ผมเข้าไปฝังตัวในห้องทำงาน ก่อนบรรเลงแปรงพู่กันบนเฟรมผืนใหญ่ จนเวลาผ่านไปสักพัก ยามเช้ายังไม่มาถึง ทว่าเมื่อมองออกไปผ่านกรอบหน้าต่าง ผมเห็นพระจันทร์ลอยตัวอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าโปร่ง ฝนหยุดตกแล้ว



จึงตัดสินใจลุกขึ้นบิดตัวยืดเส้นยืดสาย ตั้งใจจะพักสายตาเสียหน่อย ผมหยิบซองบุหรี่ออกไปสูบนอกระเบียงพร้อมกับชมจันทร์ไปพลางๆ จนหมดมวนแล้วถึงค่อยกลับเข้ามาในบ้าน ตั้งใจจะไปเข้าห้องน้ำก่อนเริ่มทำงานต่อ ทว่าเมื่อเปิดประตูออกไปก็พบกับร่างของเด็กหนุ่มที่นอนพิงผนังอยู่ข้างประตู



“ทำไมมานอนที่นี่”



เขาไม่ตอบ น่าจะหลับไปแล้ว



ผมไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มแอบตื่นมานอนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่จะให้เขานอนตรงนี้ตลอดก็คงไม่ดี จึงก้มตัวลงปลุกเด็กดื้อให้ตื่นเสีย



เขาปรือตาขึ้นมาก่อนหลับต่อ ผมถอนหายใจเมื่อภารกิจล้มเหลว จึงลุกไปหยิบผ้าห่มมาให้เขาแทน แน่นอน ผมไม่ใจดีพอจะอุ้มเขาเหมือนเจ้าหญิงแล้วพาเข้าไปนอนในห้องหรอก อย่างไรเสีย หมอนั่นก็ผู้ชาย



แต่พอเขามานอนเฝ้าอยู่หน้าห้องเช่นนี้กลับทำให้ผมไม่มีสมาธิเอาเสียเลย แม้ว่าจะปล่อยเขาไปก็ได้แต่กลับพะวงถึงคนที่นอนไม่เป็นที่เป็นทาง ก่อนที่จะเผลอตวัดพู่กันผิดสีลงบนผลงานไปมากกว่านี้ ผมตัดสินใจปิดไฟ เดินออกจากห้องสตูดิโอไป



“ลุก จะไปนอนแล้ว”



ครานี้เด็กดียอมฟังคำของผมง่ายๆ เขาตื่นตามแรงเขย่าและเสียงของผม ก่อนจะลุกเดินตามผมเข้าห้องนอน



“ห้องนอนนายน่ะทางนั้น”



ผมร้องบอกเมื่อเห็นเขาเดินตามเข้าห้องตัวเองมาด้วย ไอ้เด็กผีไม่ยอมทำตามคำสั่งของผมอีกแล้ว เขาเดินเข้ามาในห้องผมและไม่คิดจะออกไปไหน



“ฉันเป็นเจ้าของบ้านนะ ให้เกียรติกันหน่อย” ผมดุ แววตาสีฟ้าของเขาเจือความรู้สึกผิดเล็กน้อย



“ผมนอนพื้นก็ได้”



“ได้”



ผมถอนหายใจ เหนื่อยจะต่อล้อต่อเถียงกับเด็กยุคใหม่ที่ตัวเองตามไม่ค่อยจะทัน หยิบหมอนและปูฟูกนอนให้เขา ส่วนผ้าห่มเขามีอยู่แล้ว จากการที่ผมเอาไปห่มตัวเขาก่อนหน้านี้ และเขาก็นำมาห่อตัวเองจนถึงตอนนี้



เขาล้มตัวลงนอนบนฟูกที่ผมจัดเตรียม เมื่อเห็นดังนั้นแล้วผมจึงเดินไปปิดไฟ ก่อนปีนขึ้นมานอนบนเตียงตัวเองบ้าง ให้ตาย ไม่น่าเลย ไม่น่าเปิดประตูให้หมอนี่เข้ามาเลยจริงๆ



ที่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับใครไม่ใช่แค่เพราะขี้เกียจ แต่ผมตั้งใจ



ตั้งใจย้ายที่อยู่มายังที่ที่ไม่มีใครเคยรู้จักผม ตั้งใจอยู่บ้านเพราะไม่อยากพบเจอผู้คนมากมาย หลีกหนีจากผู้คน หลีกหนีจากเพื่อนฝูง หลบหน้าหายไปจากครอบครัว ตั้งใจทำงานตอนกลางคืนเพราะเงียบสงบกว่าตอนกลางวัน ตั้งใจอยู่เป็นเพื่อนพระจันทร์เพราะอยากหลีกจากทุกความสัมพันธ์ที่พระอาทิตย์พยายามนำพามา



ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะอยู่คนเดียวแท้ๆ



“นายชื่ออะไร”



“ลัล”



ผมเอ่ยถามเด็กหนุ่มในความมืด รู้ว่าเจ้าตัวยังไม่หลับจากเสียงพลิกตัวไปมา



“ผมต้องถามชื่อคุณไหม”



“ไม่ต้องหรอก”



“...ไม่อยากให้รู้จักหรือ”



“ก็...ไม่เชิง...แต่ที่นายเรียกอยู่นั่นก็ชื่อฉัน”



“...”



ไม่มีเสียงใดตอบกลับมาอีก นอกจากเงาตะคุ่มของร่างผอมที่ลุกขึ้นยืนอยู่ข้างเตียง และไม่รอช้าที่จะปีนขึ้นเตียงเดียวกับผม



“ไหนว่าจะนอนข้างล่าง”



“นอนด้วยไม่ได้เหรอ”



“ผิดคำพูดนะไอ้หนู และก็...เกรงใจเจ้าของบ้านด้วยก็ดี”



“ทีคุณแซวผมทุกวันผมยังไม่เคยบอกให้เกรงใจคนข้างบ้านบ้าง”



“...”



จบคำพูด ผมหาคำเถียงไอ้เด็กนี่ไม่ได้ และเขาก็มุดเข้ามานอนข้างผมเรียบร้อยแล้ว จนต้องถดตัวถอยเว้นระยะให้ห่างออกมา



“ถ้าอยากได้เซ็กซ์เฟรนด์ก็ไปหาที่อื่น”



“นอนเฉยๆ ก็ได้”



ผมถอนหายใจ เมื่อเขาล้มตัวนอนหันหน้ามาทางผม ใช้ดวงตาสีฟ้านั่นจับจ้องมาราวกับเป็นการสะกดจิต ผมพลิกตัวหันหลังให้เขา



เตียงคิงไซส์ใหญ่พอที่จะนอนได้สองคนโดยไม่อึดอัด แต่ไม่ใช่การนอนกับคนแปลกหน้า ที่เป็นการนอนจริงๆ และนั่นทำให้ผมอึดอัดไม่น้อย การนอนจ้องตาแข่งกับความมืดจึงเป็นทางออกให้ผม



และไม่นาน คนข้างกายก็สงบนิ่ง เหมือนว่าเขาจะหลับไปแล้ว



ก่อนที่จะบอกลาพระจันทร์ ผมบ่นพึมพำ



“วันนี้เมาหนักไปนะ ไอ้หนู”






#ณพระจันทร์

หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.02 am.| 9.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 09-05-2018 23:48:59
โอ้ยยยยยยยยยยยย น่าสนใจมาก ทำไมหนูเมาได้ทุกวันขนาดนั้นลูก
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.02 am.| 9.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-05-2018 00:24:15
อกหักหรือป่าวเนี่ย หนูลัล  :hao4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.02 am.| 9.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 10-05-2018 08:03:11
สองคู่หลัก ?
อืมมมม น่าสนใจว่าจะมาเกี่ยวกันตอนไหน

ป.ล. สเน่ห์ ... สะกด เสน่ห์  นะคะ
พอดีเห็นผิดเหมือนกันทุกประโยคที่ใช้
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.02 am.| 9.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-05-2018 09:45:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.02 am.| 9.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 10-05-2018 09:47:44
เรื่องชวนติดตามมากค่า
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.02 am.| 9.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 10-05-2018 13:34:40
เมรีขี้เหงาอยากได้คนดูแล  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.02 am.| 9.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 10-05-2018 19:10:53
น้องชอบเอาแต่ใจ แต่ก็มีคนยังตามใจแถมใจดีขนาดนี้นะ หืมม  :-[
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.02 am.| 9.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: arjinn ที่ 12-05-2018 00:54:34
สนุก
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.02 am.| 9.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 12-05-2018 17:07:05
น้องงงงง เหงาเหรอลู้กกกกก มานอนหอพี่มั้ยคะ //ตบเตียงปุๆ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.02 am.| 9.5.2018
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 12-05-2018 18:42:58
ปมในใจอะไรที่ทำให้หนูเมาได้เมาดีทุกวันนะ :mew2:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.02 am.| 13.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 13-05-2018 00:30:23
1.02 am.



เขาราคาแพงกว่าที่ผมคาด



โยธาในตอนแรกนั้นเป็นเด็กหน้าจืดที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักเท่าไหร่นัก จนกระทั่งเขาขึ้นปีสอง เขาเริ่มเป็นที่รู้จักเพราะใบหน้าน่ารักขึ้นและมาพร้อมกับข่าวลือแย่ๆ เรื่องของเขาแพร่สะบัดไปทั่ว ไม่ใช่แค่รู้จักในหมู่ผมที่เป็นพวกเที่ยวกลางคืนอยู่แล้ว แต่กลับไปถึงหูเด็กเนิร์ดบางคนด้วยซ้ำ



โดยปกติแล้ว เรื่องแบบนี้จะรู้จักกันแค่ในกลุ่มนักเที่ยว บอกเล่ากันปากต่อปาก ให้รู้กันแค่ภายใน แต่เรื่องของเขา... ข่าวของโยธาโด่งดังไปทั่วจนผมนึกแปลกใจ แม้จะสงสัยว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว แต่ที่น่าสงสัยกว่าก็คือ...เขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือไม่



ถ้าเป็นจริงก็ดี เพราะผมก็ชักจะเบื่อคนที่ผมเคยนอนด้วยแล้วเหมือนกัน



แต่ถ้าไม่จริง...ก็ไม่รู้สินะ



ถึงอย่างไร โยธาก็เป็นคนแรกที่ผมพยายามเข้าหา และเป็นคนแรกที่ผมอยากต้องการพิสูจน์ข่าวลือนั่น



“ฮึก ปล่อย...”



“เมาแล้ว”



“...ปล่อย”



ผมโอบเอวคอดนั่นให้เข้ามาชิดตัวก่อนที่เขาจะเซจนทรงตัวไม่ไหว ล้มพับลงไปเสียก่อน แต่คนเมาก็ยังพยายามดิ้นหนี



“เดี๋ยวไปส่ง”



“ไม่เอา อือ”



เด็กน้อยร้องงอแงอยู่ในอ้อมกอด ทว่าในตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรเองได้เลยด้วยซ้ำ แม้กระทั่งยืนให้ตรงยังเป็นเรื่องยากสำหรับเขาเลย



ผมจ้องมองดวงตาเฉี่ยวที่ตอนนี้ฉาบไปด้วยหยาดน้ำใส หน้าเขาแต้มสีแดง ลมหายใจมีกลิ่นของแอลกอฮอล์คละคลุ้ง บ่งบอกถึงอาการเมาน้ำสุราถึงขีดสุด



เขาปรือตาจ้องผมกลับ ตาชั้นเดียวของเขาดึงดูดให้ใครต่อใครต้องจ้องมองอย่างห้ามไม่ได้ ผมถือโอกาสนี้ยื่นหน้าเข้าใกล้ หวังฉกชิมริมฝีปากสีแดง ทว่าคนตรงหน้ากลับรีบเบนหน้าหนีสัมผัสทันทีเมื่อรู้ว่าผมต้องการอะไร



“ทำไม?”



“อือ ปล่อย”



“เดินเองก็แทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว ปล่อยไปก็ร่วงสิ”



“ปล่อย ไหว...ปล่อย”



เขาร้องงอแงอีกครั้ง พยายามใช้สองมือเล็กๆ นั่นดันตัวผมออกอย่างดื้อรั้น



“อย่าดื้อ ไม่ไหวซะขนาดนี้แล้ว เดี๋ยวพากลับ”



“ไหว”



เขายังพยายามเถียงผมทั้งๆ ที่ยืนตัวโยน จนผมต้องล้วงหากุญแจรถในกระเป๋ากางเกงเขา โยธาร้องลั่น แต่พื้นที่ตรงนี้ไม่มีใครมาเดินผ่าน รวมถึงความมืดยามค่ำคืนยิ่งช่วยพรางตัวให้พวกผมกลมกลืนไปกับพุ่มไม้ตรงนี้ ทำให้การหวีดร้องของเขาช่างไร้ความหมาย และเมื่อได้กุญแจรถมา ผมก็พยุงตัวเขาออกจากพื้นที่ลับตาคน เดินไปยังโต๊ะที่เต็มไปด้วยเพื่อนของเขาและเพื่อนของผม



“โยเมาแล้ว เดี๋ยวกูพากลับ”



คนในโต๊ะมองมาที่ผม เพื่อนของเขาพยักหน้ารับ เพราะตัวเองก็ดูท่าจะรับผิดชอบเขาไม่ไหว ไร้สติกันแทบทุกคน ส่วนผมก็ควักกุญแจรถตัวเอง ส่งให้เพื่อนผมที่นั่งอยู่ข้างๆ โดยไม่ต้องเอ่ยบอกอะไร หมอนั่นรู้อยู่แล้วถึงความต้องการของผม เสร็จสิ้นภารกิจ ผมเอ่ยลาทุกคนบนโต๊ะ พยุงคนตัวเล็กออกจากร้านไป



โยธาพยายามขืนตัวสุดฤทธิ์ แต่ผมจับเขาเข้าไปในรถ คนน่ารักก็หลับปุ๋ย



ก่อนที่จะได้ออกรถ พลันมีรุ่นน้องคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาผม เขาเป็นเพื่อนของเด็กนี่ ชื่อโฟม ผมเลิกคิ้วเป็นคำถามเมื่อเจ้าตัววิ่งมาถึง



“พี่...พี่ฮิม ผมขอนะ อย่าทำอะไรเพื่อนผมเลยนะ”



ผมกระตุกยิ้มมุมปาก ชื่อเสียงแย่ๆ ของผมคงเลื่องลือไม่แพ้กัน โฟมถึงรู้ว่าผมต้องการเพื่อนเขาไปทำอะไร



“พี่ฮิม คนนี้ผมขอนะ ไหว้เลยนะพี่” รุ่นน้องคนเดิมว่า พร้อมยกมือไหว้อย่างที่เจ้าตัวบอก ยืนโอนเอนไปมา “พวกผมขับรถกันกลับไม่ไหวก็จริง แต่พี่อย่าทำอะไรมันเลยนะ คนนี้แค่พากลับห้องเฉยๆ ได้มั้ยพี่”



ผมยิ้มรับ เอ่ยบอกรุ่นน้อง “ได้ ถ้าเพื่อนมึงไม่อยากกูก็จะไม่ทำ”



“ขอบคุณนะพี่ สัญญานะ”



“เออ”



ว่าจบ ผมก็ขึ้นรถอีกฝั่งที่เป็นส่วนของคนขับ คาดเข็มขัดนิรภัยให้เจ้าหญิงนิทรา เหลือบมองรุ่นน้องคนเดิมพร้อมพยักหน้าให้เขารับรู้ว่าผมทำตามคำสัตย์ ก่อนแล่นรถออกจากร้านสุราไปท่ามกลางพระจันทร์ที่ลอยอวดตัวเด่นอยู่บนท้องฟ้า โดยไม่ต้องถามหาที่อยู่ของเจ้าตัวเล็ก



เพราะผมรู้ดีอยู่แล้ว



 



เขาพยายามระวังตัวแล้ว แต่ไม่มากพอ...



ทันทีที่ผมรู้ว่ากลุ่มเพื่อนของเขามีนัดไปสังสรรค์กันที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง ผมตามไปอย่างไม่รอช้า หอบเพื่อนซี้คนหนึ่งไปด้วยเพราะมีแผนการในใจ และเมื่อเห็นเขานั่งล้อมวงอยู่กับเพื่อนๆ ที่เด็กกว่าผมสองปี ผมก็ทำเป็นบังเอิญเจอ และขอร่วมวงด้วยทันที



ในคณะผม เราสนิทกันแทบจะทุกคนอยู่แล้ว และนั่นกลายเป็นเรื่องปกติเมื่อผมที่เป็นรุ่นพี่พวกเขาได้มาร่วมนั่งวงกับพวกปีสอง แม้จะถูกโยธาเหลือบมองด้วยหางตา แสดงสีหน้าไม่ไว้วางใจอยู่หน่อยๆ ก็ตาม



เขาปฏิเสธแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะเป็นถูกเพื่อนหิ้วและบังคับให้เป็นสารถีของทุกคน เขาไม่โต้แย้งใดๆ ปล่อยให้เพื่อนๆ ตัวเองได้เมามายปลดปล่อยความเครียดกันตามสบาย ส่วนตัวเองก็นั่งจิบน้ำอัดลมอยู่อย่างเดียว



แต่เขาไม่รู้ว่าผมแอบผสมสุราลงไปในนั้นทีละนิดยามเจ้าตัวเผลอ โยเป็นคนคออ่อนทำให้แม้จะดื่มไปไม่กี่แก้วแต่ก็เริ่มไม่มีสติ จนผมหลอกให้เขาดื่มสุราชุดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย



สุดท้ายก็จบที่สภาพอย่างที่เห็น



เพราะเพื่อนๆ ของเขาตั้งใจมาเมา ดังนั้นคราวนี้จึงไร้ซึ่งไม้กันหมาเหมือนวันก่อน ไม้กันหมากลายเป็นไม้เมากันหมดสิ้นจนเปิดโอกาสดีๆ ให้กับผม



ยังไรเสียก็ไม่ได้ใจจืดใจดำเกินไป การที่ผมพกเพื่อนตัวเองมาด้วยก็เพราะให้มันเป็นคนพาน้องๆ ในคณะกลับไปส่งแทนโยธา





 

ผมขับรถมาถึงคอนโดเขาในไม่ช้า พยุงร่างเล็กขึ้นห้องอย่างง่ายดาย ผมรู้จักที่อยู่เขาจากที่ตามสืบมา และไม่ยากเลยที่จะบอกยามว่าเป็นรุ่นพี่เขาโดยที่ยามไร้ซึ่งความระแวงสงสัยในตัวผม



ก็เจ้าของห้องเล่นเมาไร้สติขนาดนี้



ผมรูดคีย์การ์ด เปิดประตูเข้าไป อุ้มเขาพร้อมกับเดินหาห้องนอนที่อยู่ติดกับห้องรับแขก  และทันทีที่วางเขาลงบนเตียงนุ่ม เจ้าตัวก็รู้สึกตัวแทบจะทันที



“ออกไปนะ!”



คนตัวเล็กพลิกตัวก่อนพยายามลุกขึ้นมาจ้องตาเขม็งใส่ผม ราวกับเพิ่งรู้ตัวว่ามีคนแปลกหน้าอยู่ในห้อง ไม่สิ...อันที่จริงก็ไม่ได้แปลกหน้า แค่ไม่สนิท...



“อะไร คนเขาอุตสาห์มาส่ง มาถึงก็ไล่กันเลยหรือไง”



“ออกไป”



“อย่างน้อยก็เชิญดื่มน้ำพักผ่อนหน่อยมั้ย”



“ไม่”



ผมจ้องเขา ตาชั้นเดียวของเขาแทบจะปิดดวงตากลมมิดด้วยฤทธิ์เหล้า ตาแดงๆ นั่นพยายามปรือตาขึ้นเพื่อแข่งจ้องตาสู้กับผม และเมื่อผมขยับตัวเข้าหาเขา กระต่ายน้อยก็รีบถดตัวหนีไปขอบเตียงอีกฝั่ง ระยะทางจากร้านเหล้ามาถึงคอนโดของเขา คงจะทำให้คนเมาเริ่มสร่างเมาบ้างแล้ว



ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่คิดว่าเขาจะมีสติครบ ถึงได้เอ่ยยั่วยุใส่คนเมาไป



“จะเล่นตัวไปทำไม”



ตุ้บ



จบประโยค เขาคว้าหมอนใบโตมาขว้างใส่ผม เสียแต่มันไม่โดน หมอนใหญ่เลยลอยไปหล่นอยู่บนพื้นห้อง



“ออกไป”



“จะเกินไปหน่อยมั้ย คนเขามาส่ง แล้วทำกันอย่างนี้หรือไง”



“...ขอบคุณ แล้วก็ออกไปได้แล้ว”



“แค่นี้หรือไง”



“จะเอาอะไรอีก ถ้าพี่ต้องการอะไรจากผม ผมไม่มีให้หรอก”



“แน่ใจหรือ”



“...” เขาเงียบไปพักหนึ่ง ใช้ดวงตาเฉี่ยวนั่นจ้องมาที่ผม ริมฝีปากแดงถูกฟันขบแผ่วเบา ราวกับคนไม่มั่นใจในตัวเอง “ออกไปได้แล้ว”



เขากล่าวเสียงสั่น เสียแต่ผมยังไม่ได้คำตอบอย่างที่หวัง จึงเอ่ยถาม



“เท่าไหร่”



เขาเบิกตาโพลง โยนหมอนเล็กๆ สองใบมาทางผมอย่างคนมีน้ำโห



“ผมไม่ขาย!”



“ให้ฟรี?”



“ออกไป!!” เขาตอบด้วยการตวาดเสียงดังสนั่นไล่ผม



 “ออกไปก็ได้ แต่ขอถามอะไรหน่อย”



“...”



“เคยนอนกับใครรึเปล่า”



ตุ้บ



ครานี้เป็นหมอนอีกใบที่พุ่งใส่ตัวผม ผมหลบไม่ทัน แต่คว้าทันก่อนที่มันจะพุ่งใส่หน้า



อารมณ์คุกกรุ่นของผมในตอนนี้คงสามารถจับเขาขึงลงบนเตียงแล้วกระทำอะไรๆ ตามใจอยากได้ง่ายดาย เพียงแต่ได้ให้สัญญากับเพื่อนของเขาไว้แล้ว และผมไม่มีรสนิยมบังคับขืนใจใคร



แม้ว่าจะสงสัยที่ตัวเองยอมทำตามสัญญาลมปากของเพื่อนเขาอย่างง่ายดาย คาดคิดว่าถ้าเป็นคนอื่น ผมคงไม่รอช้าที่จะทำให้เขาเคลิบเคลิ้มคล้อยตาม ทว่าอะไรหลายๆ อย่างทำให้ผมต้องปล่อยมือจากเขาไปอีกครั้งอย่างน่าเสียดาย



ถึงอย่างไร...ก็ได้คำตอบแล้ว










ขอบคุณสำหรับคำผิดนะคะ

#ณพระจันทร์
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.02 am.| 13.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-05-2018 00:46:59
ได้คำตอบแล้ว มันตอบว่าอะไรล่ะ  :m28:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.02 am.| 13.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-05-2018 02:28:23
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทั้งสองคู่เนี่ย  มีแต่คนเมาแฮะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.02 am.| 13.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 13-05-2018 04:25:12
ข่าวลือก้เป็นแค่ข่าวลือสินะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.02 am.| 13.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 13-05-2018 07:30:29
ไม่ชอบโยเลยปล่อยข่าวเรื่องไม่ดีเพื่อทำร้ายสินะ  :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.02 am.| 13.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: aha_aha ที่ 13-05-2018 08:19:35
สนุกแบบหน่วงๆ ชอบคร่า ^^
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.02 am.| 13.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 13-05-2018 14:15:53
ตาฮิมมมม ห้ามกินน้องนะ!!! //ขึ้นป้ายระวังภัย :angry2:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.02 am.| 13.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 13-05-2018 17:59:50
พี่เค้าหนีอะไรมานะะะะะะะ :katai1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.03 am.| 15.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 15-05-2018 00:33:20
00.03 am.



อย่ามาเบียด



“หยุดเลย ไหนว่านอนเฉยๆ”



“แค่กอดก็ไม่ได้เหรอ”



“มากไปละ”



“แค่กอดเอง อย่าหวงตัวหน่อยเลย”



เขายังไม่หลับ เมื่อผมพลิกตัวหันมาจ้องหน้าเขาได้ไม่ทันไร เด็กข้างบ้านก็ลืมตาโพลง ขยับตัวเข้ามากอดก่ายผมจนต้องพยายามผละตัวออก พยายามอยู่นะ แต่เสน่ห์เขาน้อยซะที่ไหน สุดท้ายที่ผมทำได้ก็แค่ขืนตัวแล้วนอนนิ่งๆ ไม่ขยับไปมากกว่านี้และทำได้แค่โต้เถียงเด็ก



“ช่วยบอกเหตุผลว่าทำไมฉันต้องอยากกอดคนแปลกหน้าด้วย”



ครานี้เจ้าของชื่อลัลเงยหน้าช้อนขึ้นมาจากอกผม ดวงตาสีฟ้าทอประกายในความมืด ใบหน้าละมุนโดนแสงจันทร์ที่แอบลักลอบผ่านเข้าผ้าม่านส่องแสงฉาบหน้าไปครึ่งหนึ่ง แสงจันทร์นวลราวกับเป็นเวทมนต์ส่งผลให้เขาดูน่าลุ่มหลงกว่าเดิม



ไม่จบแค่การจ้องมอง เสียงทุ้มเย็นเอ่ยถาม



“ผมไม่น่ากอดเหรอ”



“...”



ตอบคำถามไม่ได้ ไม่ใช่ไม่มีคำตอบ แต่ไม่อยากตอบให้คนตรงหน้าได้ใจไปมากกว่านี้ เขาดูเหมือนจะรู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์น่าดึงดูดใครต่อใครมากแค่ไหน และรู้จักบริหารเสน่ห์ตัวเองได้อย่างแยบยล



ยิ่งได้อยู่ใกล้ ทำให้มองเห็นใบหน้าสวยชัดเจนยิ่งขึ้น คนตรงหน้าน่ากอดอย่างไม่ต้องสงสัย ใบหน้าวิจิตรราวกับรูปภาพชวนให้ลุ่มหลงได้ไม่ยาก ผมไล่สำรวจใบหน้าของเขาอย่างละเอียดอีกครั้ง



ลัลเป็นคนสวย...อย่างที่เคยบอก เส้นผมยาวสีเข้มเปิดให้เห็นหน้าผากมนชัดเจน ขับให้รูปหน้าดูสมบูรณ์แบบ คิ้วโก่งรับกับจมูกรั้น ริมฝีปากน่าสัมผัส และดวงตาสีฟ้าที่น่าพิศวง ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นลูกครึ่งหรืออะไร เพียงแต่มันแปลกดีที่ได้เห็นพันธุกรรมของธรรมชาติในรูปแบบใหม่ สิ่งซึ่งผมไม่คิดว่าจะได้เจอกับตาตัวเอง ทั้งชีวิตแม้เคยรู้จักผู้คนมากมาย แต่ไม่เคยเห็นใครที่มีดวงตาสีน้ำทะเลสวยขนาดนี้มาก่อน



ยังไม่นับสัมผัสทั้งไออุ่นและกลิ่นกาย ที่ราวกับกำยานธูปหอม คอยกล่อมประสาทให้เคลิ้มมัวเมาไปกับรสกลิ่นอันหอมหวาน



ผมถอนหายใจรอบที่ร้อยของคืนนี้



“นอนนิ่งๆ ไปเลย”



ลัลตอบแทนคำพูดผมด้วยการเบียดตัวเข้ามาหาผมมากกว่าเดิม ซ้ำยังเบียดสะโพกตัวเองเข้ามาแนบชิดกับส่วนกลางลำตัวผมอย่างอาจหาญ คนสวยดื้อจนน่าถีบ แต่ครานี้ผมเลิกใช้ไม้แข็งกับเขาแล้ว ในเมื่อดุแล้วก็ยังไม่ยอมทำตาม ผมยอมอ่อนให้สักนิดก็ได้



ผมทำเป็นไม่สนใจท่าทางยั่วยวนของเขา เอื้อมมือไปลูบเส้นผมคนในอ้อมแขน



“ผมสวยนะ”



พร้อมกับยกมือลูบเส้นผมเส้นเล็กนุ่มมือ เส้นผมสีดำยาวสยายอยู่ในกำมือผม ดูหลอนในความมืด แต่เมื่อต้องแสงจันทร์กลับดูสวยงามน่าพิศวง



ครานี้เจ้าของผมยาวชะงักเมื่อผมสัมผัสเส้นผมของเขา เด็กหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ ก้มหน้าซบลงที่อกผม ซุกใบหน้าหวานละมุนหลบหนีแสงจันทร์ และยอมสงบนิ่งไปในที่สุด ผมลอบขำในท่าทีของเขา ดูท่าไม้อ่อนจะใช้ได้ผลกับเด็กเกเร เมื่อความเงียบดังขึ้น ไร้ซึ่งสุ้มเสียงใดมาขัดการบรรเลงของราตรีกาล ผมนอนจ้องขวัญบนหัวของเขาในความมืด มีกลิ่นกายหอมรัญจวนของเด็กหนุ่มโชยออกมาเป็นระยะ คล้ายเนื้อสดวางอยู่หน้าปากถ้ำสิงห์ เป็นบททดสอบให้กับสิงโตหิวกระหาย เขาน่าจะหลับไปแล้ว



และทิ้งให้ผมนอนเกร็งอย่างกลัวว่าตัวเองจะขาดสติ



อากาศยามเช้าไม่ได้เย็นสบายอย่างที่หวัง แสงตะวันจะเริ่มแผดเผาและลักลอบเข้าช่องว่างของผ้าม่าน แต่เพราะมีเครื่องปรับอากาศ ทำให้ในห้องยังคงน่านอน



 หลังตื่นนอน ผมจับจ้องแขกไม่ได้รับเชิญที่นอนคว่ำกอดหมอนอย่างไร้เกาะป้องกัน หลังจากนั้นก็พยายามขุดตัวเองออกจากเตียงเพื่อออกไปซื้อกับข้าวหน้าปากซอย ทว่าเมื่อกลับเข้ามา เจ้าของชื่อลัลก็ลอบออกบ้านผมไปอย่างไม่บอกไม่กล่าว ทิ้งให้ผมซื้อข้าวมาสองกล่องอย่างเสียดายของ เอาเถอะ ตื่นมาคงสร่างเมาแล้วล่ะมั้งถึงได้เผ่นแนบไปแบบนี้



ผมไม่เจอเด็กขี้เมานี่อีกเลยนับจากวันนั้น



เด็กหนุ่มหายตัวไปราวกับว่าเป็นซินเดอเรลล่าจริงๆ อย่างนั้นแหละ เพียงแต่ไม่มีรองเท้าแก้วให้ตามหา และไม่ได้สำคัญอะไรเลยเพราะบ้านเขาก็อยู่ตรงข้ามนี้เอง



นับจากวันนั้น ผ่านคืนนี้ไปก็วันที่สี่แล้วที่ไม่เห็นเขาเมาอ๋องแอ๋งอยู่หน้าบ้าน ไม่รู้ว่าเลิกเหล้าแล้วหรือไม่กลับบ้านกันแน่



อย่างไรก็ตาม ผมได้แต่ออกไปสูบบุหรี่เป็นเพื่อนพระจันทร์อยู่คนเดียวตลอดสี่คืนที่ผ่านมา และเมื่อเข้าสู่คืนที่ห้า ผมเห็นรถกระบะคุ้นตาขับมาจอดที่บ้านหลังตรงข้าม และไม่รอช้าที่จะชะเง้อมองหาคนที่ลอบหายไปไม่บอกกล่าว



และบิงโก เจ้าเด็กนั่นกลับมาแล้ว



พร้อมกับสภาพที่แปลกไปอย่างเห็นได้ชัด



หลักๆ เลยก็คือ...เส้นผมที่เคยยาวปรกหลัง บัดนี้สั้นลงเหลือเพียงความยาวเลยบ่าไม่ถึงฝ่ามือ...



“ตัดผมหรือ”



ผมเอ่ยทัก แอบเห็นว่าเขาชะงักตัวไปแวบหนึ่ง ก่อนหมุนตัวหันมา ดวงตาสีฟ้ายังคงส่องแสงเปล่งประกายแข่งกับแสงจันทร์เหมือนเคย เขาไม่ตอบอะไรผม ทำเพียงแค่จ้องมาและหมุนตัวกลับไปไขกุญแจรั้ว เข้าบ้านตัวเองไปอย่างคล่องแคล่ว



วันนี้ไม่เมาแฮะ



ผมพ่นควันบุหรี่ออกปาก สูดมะเร็งอีกสองสามครั้งจนหมดมวน ก็กลับเข้าบ้านตัวเองไป



พลางนึกเสียดายเส้นผมที่เคยยาวกว่านี้นิดหน่อย ไม่รู้ว่าเขาไปตัดมาเพราะผมเอ่ยทักไปเมื่อคืนนั้นรึเปล่า



คืนต่อมา บุหรี่ผมหมดซองอย่างไม่น่าให้อภัย ปกติแล้วเวลาออกไปข้างนอกผมมักจะซื้อบุหรี่ตุนไว้ แต่ตอนนี้มันกลับหมดบ้าน ไม่เหลือแม้สักมวนเดียว ผมหงุดหงิด และคงหงุดหงิดมากกว่านี้ถ้าหากว่าไม่ได้มะเร็งมาสูบสักเฮือก



เลยได้แต่คว้ากระเป๋าตังก่อนเดินออกไปยังเซเว่นหน้าหมู่บ้าน



ผมตั้งใจมาซื้อบุหรี่ แต่ไม่ได้ตั้งใจจะมาเจอเขาผู้เป็นเจ้าของดวงตาสีน้ำทะเล



เด็กหนุ่มชะงักที่เจอหน้าผม แต่ก็หันไปหยิบกระป๋องเบียร์อีกสองกระป๋องก่อนปิดตู้แช่ลง ดูท่าเขาเองก็ตกใจที่เห็นผมเช่นกัน ทว่าดูไม่ได้แปลกใจ



“ดื่มอีกแล้ว”



ผมต่อว่า คนขี้เมาไม่ได้ตอบอะไร พอจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ฝั่งข้างๆ เสร็จเขาก็สะบัดหน้าหนีไป ผมคิดว่านี่คงเป็นนิสัยปกติของเจ้าตัวเวลาไม่เมา ...หยิ่งผยอง



จนอดไม่ได้ที่จะคว้าแขนผอมๆ นั่นก่อนที่เขาจะเดินหนีไป



“กลับด้วยกันสิ”



เขามองหน้าผม แต่ก็ยอมหยุดเดิน ยืนรอจนผมจ่ายเงินเสร็จ ก้าวออกร้านสะดวกซื้อไปพร้อมกัน



“คุณพูดเหมือนอ่อยผมอยู่”



“ก็บ้าแล้ว”



ทันทีที่ปราศจากผู้คน น้ำเสียงทุ้มเย็นนั่นก็เอ่ยตอบ ต่อจากประโยคที่ผมเคยกล่าว ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องคิดไปในทางนั้นตลอด ไอ้เด็กคนนี้ คนมาอย่างเป็นมิตร มีไมตรีจิตต่อกันเฉยๆ ไม่ได้หรือไง



เราสองคนเดินกลับบ้านท่ามกลางความมืดยามราตรี และมีพระจันทร์ลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้า พลางคิดว่าผมเจอเขาแค่ช่วงเวลากลางคืน แต่ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ในเมื่อช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ทำงาน ผมมักจะไม่ออกไปไหน



กลางคืนเงียบสงบ วันนี้ไม่มีแม้แต่เสียงลมพัด เสียงความเงียบพูดคุยกันจนผมต้องเป็นฝ่ายทำลายบทสนทนาของความเงียบนี้ลง



“ทำไมถึงตัดผมล่ะ”



“...”



ลัลไม่ตอบ ไม่แม้แต่จะหันมามอง เขาใช้ดวงตาสีมหาสมุทรจ้องมองไปแต่เส้นทางข้างหน้า แววตาดูว่างเปล่ากับคำถาม



“ไม่เสียดายเหรอ”



เขาเงียบไปพักใหญ่อีกครา แต่คราวนี้คนข้างๆ ไม่ปล่อยให้ผมคุยอยู่คนเดียว



“เสียดาย”



“แล้วตัดทำไม เพราะฉันทักไปตอนนั้นหรือ”



“ไม่รู้สิ...อาจจะ”



“อา...”



“อันที่จริงอยากตัดสั้นเลยด้วยซ้ำ แต่ทำใจไม่ได้”



“ไม่ต้องตัดหรอก ไว้ยาวนี่แหละ” อันที่จริงผมนึกภาพเขาตัดผมสั้นไม่ค่อยออกเท่าไหร่ รวมถึงคิดว่าปล่อยให้เส้นผมยาวคอลเคลียใบหน้าเขาก็ดีอยู่แล้ว




“ไว้รอทำใจได้จะไปโกนหัว”



“นี่ประชดกันใช่มั้ย”



ผมร้อง หันหน้าไปมองคนขี้ประชดพลันเห็นรอยยิ้มสว่างไสวท่ามกลางแสงจันทร์ จนหัวใจเต้นผิดจังหวะไปวูบหนึ่ง ผมไม่เคยเห็นเขายิ้ม จะมีก็แต่ใบหน้าเฉื่อยชา ไม่รับรู้เรื่องราวอะไรเสียส่วนมาก แม้ว่าหากสังเกตดีๆ จะเห็นแววตาโศกของเขาเจือปนอยู่เสมอก็ตาม



รอยยิ้มแรกของเขาที่มอบมาทำให้ผมรับมือไม่ทัน



จนเผลอพูดอะไรแปลกๆ ออกไป



“เป็นแบบวาดรูปให้หน่อยสิ”



“หา”



ทันทีที่เสียงทุ้มเย็นตอบกลับมา ผมพลันได้สติ อา...เผลอตัวไปเสียแล้ว



“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร”



ระยะทางจากบ้านถึงปากซอยไม่ได้ใกล้ เราเดินมาเพียงครึ่งทางเท่านั้น และเขาไม่มีทีท่าว่าจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดก่อน ผมไม่ชินกับการใช้ความเงียบสื่อสารเมื่อมีใครอยู่ข้างๆ ถึงได้หาเรื่องคุยกับเขาไป



“อายุเท่าไหร่แล้วน่ะ”



“หือ ผมเหรอ”



“ก็ใช่น่ะสิ”



“ยี่สิบสอง”



อา...



“จริงหรือ”



“จะโกหกไปทำไม”



“หน้าตาดูเด็กกว่านั้น เหมือนเพิ่งเข้ามหาลัยได้ไม่กี่ปี”



เขายักไหล่ “ชมใช่มั้ย”



“แล้วแต่จะคิด” ผมว่า



 “แล้วคุณล่ะ” ครานี้เจ้าของชื่อลัลเป็นฝ่ายถามผมกลับบ้าง “อายุเท่าไหร่”



“ปีนี้ก็ยี่สิบเก้า”



“ไม่อยากจะเชื่อ”



“ทำไม”



“ดูแก่กว่านั้น”



ผมคิ้วกระตุก กำมือแน่นไม่ให้เผลอไปเขกหัวเจ้าเด็กเวรนี่



“เวลาคุณพูดเหมือนคนรุ่นพ่อ” เขาว่าต่ออย่างไม่คิดจะใส่ใจใบหน้าที่เคียดแค้นของผม



“...แล้วผมต้องเรียกคุณว่าพี่มั้ย หรือต้องเรียกอะไร? ลุง?”



ผมพ่นลมหายใจออก บอกกับตัวเองว่าอย่าไปเอาอะไรกับเด็กนี่มาก



“เรียกแบบเดิมนั่นแหละ”



“เรียกคุณน่ะหรือ”



“อืม”



“เอางั้นก็ดี”



ผมถอนหายใจอีกครั้ง อายุห่างกันไม่ถึงสิบปีทว่าเหมือนกับอยู่คนละโลก ความคิดผมคงแก่กว่าอายุตัวเองจริงๆ และความคิดเขาก็คงเด็กกว่าความจริง ทำให้เราดูเหมือนจะจูนกันไม่ค่อยติด



แต่เอาเถอะ



“สูบบุหรี่ได้มั้ย”



ผมถามเขาขึ้นมาเมื่อบทสนทนาเงียบอีกครั้ง เราใกล้จะถึงบ้านแล้วแต่ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่อยากเสียเวลาไปกับการสูบมะเร็งเข้าปอดไปมากกว่านี้ แค่นี้ก็หักเวลาเดินทางไปซื้อบุหรี่มากพอแล้ว งานในห้องยังดำเนินไปไม่ถึงไหนเลย



“ได้”



เขาตอบกลับมา และทันทีที่ปลายบุหรี่ติดไฟจนเกิดควัน เขาก็กระแซะตัวเข้ามา



“ทำอะไร”



“สูบด้วย”



เขาว่าด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา ทำราวกับว่าสิ่งที่เขากระทำอยู่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย



“พอเลย แค่นี้นายก็จะตับแข็งตายอยู่แล้ว อยากเป็นมะเร็งตายด้วยหรือไง”



“อือ ก็เลยมาขอสูบบุหรี่มือสองนี่ไง เผื่อจะตายช้าลง”



ให้ตาย ผมไม่เข้าใจความคิดเขาจริงๆ



“งั้นเอาเบียร์มา จะแย่งกิน”



“ไม่ให้”



ผมยุดยื้อเล่นกับเด็กข้างๆ ตัวนี่ไปโดยไม่รู้ตัวว่าเราเดินมาถึงบ้านของตัวเองแล้ว เด็กหนุ่มปล่อยมือให้ผมเป็นฝ่ายคว้าถุงที่มีเบียร์กระป๋องอยู่สามสี่กระป๋องได้สำเร็จ เขาช้อนสายตามายังผม ใช้สายตาที่ผมพ่ายแพ้นั่นออดอ้อนอีกครั้ง



“ผมนอนด้วยนะ”



ไม่ได้



ผมร้อง พยายามส่งสายตาดุจ้องเขาเพื่อปฏิเสธ ทว่าเจ้าของดวงตาสีฟ้ากลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ พิงใบหน้าสวยหวานนั่นเข้ากับอกผม ช้อนสายตาจากมุมต่ำราวกับลูกแมวเชื่องๆ



“นอนเฉยๆ ก็ได้”



ให้ตาย... เขานี่เก่งเรื่องทำให้คนอื่นตกหลุมเสียจริงๆ



ผมพยายามรวบรวมสติทั้งหมดในชีวิตเพื่อตอบกลับเขา เค้นหาประโยคปฏิเสธที่ละมุนละม่อมที่สุด



“เดี๋ยวที่บ้านก็เป็นห่วงหรอก”



“คุณเคยเห็นคนที่บ้านผมเหรอ”



“...”



“ไม่มีใครอยู่หรอก”



น้ำเสียงทุ้มเย็นเจือไปด้วยความรู้สึกหงอยเหงาจนคนฟังสัมผัสได้







อยากทอล์กแต่ไม่รู้จะทอล์กอะไร 5555
เอาเป็นว่าฝากเอ็นดูเด็กขี้เหงาคนนี้ด้วยนะคะ <3


#ณพระจันทร์

หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.03 am.| 15.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-05-2018 01:09:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.03 am.| 15.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-05-2018 01:32:12
ลัล น่าจะเหงาอยู่น่ะ ต้องการคนปลอบใจสินะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.03 am.| 15.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 15-05-2018 04:08:09
ชอบบรรยากาศในเรื่องมากเลยค่ะ อบอุ่นแบบเหงาๆดีอ่ะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.03 am.| 15.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 15-05-2018 06:50:58
เมรีขี้เหงา  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.03 am.| 15.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 15-05-2018 15:56:57
คุณเขาเล่นตัวนักมานอนบ้านเราก็ได้นะหนูลัล //ตบเตียงปุๆ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.03 am.| 16.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 16-05-2018 00:43:59
1.03 am.



โยธาเป็นคนแรกที่ผมยอมถอยให้



หลังจากที่เดินหันหลังให้กับเด็กน้อยที่มีหมอนเป็นอาวุธในคืนนั้นแล้ว ผมก็ทำได้แต่ลอบมองเขาจากที่ไกลๆ โยธายังคงเชิดหน้าเดินหลังตรง ไม่ยอมทำท่าทางอ่อนแอให้ใครเห็น แม้ว่าทุกคนจะมองเขาแต่เรื่องแย่ๆ ก็ตาม



ดวงตาชั้นเดียวนั่นยังคงเฉี่ยวคม เฉือนทุกสายตาที่มองมาได้อย่างกล้าหาญ



ผมยกน้ำขึ้นมาดื่มพลางมองรุ่นน้องที่เดินหาโต๊ะนั่งพร้อมจานอาหารในมือ เขายังคงอยู่กับเพื่อนกลุ่มเดิม เพียบพร้อมด้วยสายตาสอดรู้คนคนรอบข้าง แต่โยก็ยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย



ผมไม่รู้ว่าข่าวลืมเสียๆ หายๆ ของเขาเกิดขึ้นได้ยังไง แต่ที่รู้คือข่าวลืมนั่นน่าจะไม่ใช่ความจริง ภาพของเขาในคืนนั้นยังคงติดตาผมจนถึงวันนี้ เขาที่เหมือนลูกหนูจนมุม ทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่ร้องจี๊ดๆ ข่มขู่ศัตรู ไม่พอยังพยายามปาหมอนราวกับว่ามันเป็นอาวุธสงครามที่ดีที่สุด



ภาพหนูตัวขาวๆ ที่จนมุมจนทำอะไรไม่ได้นอกจากขึ้นเสียงนั่นไม่น่าใช่การแสดง ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องทำเป็นเหมือนขลาดกลัวขนาดนั้น แม้จะไม่แน่ใจว่าเขาเคยนอนกับใครหรือเปล่า แต่ที่รู้แน่ชัดก็คือ เขาไม่ใช่ไอ้ตัว ที่เอาแต่ร่านอ้าขาให้ใครต่อใครเหมือนที่หลายๆ คนลือกัน



ในทีแรก ผมก็คิดว่าเขาอาจจะร่านเงียบ แต่ยิ่งสังเกต ยิ่งรับรู้ถึงตัวตนของเขา ยิ่งรู้ว่าไม่ใช่ โยธาไม่ใช่คนอย่างนั้น เขาดูหยิ่งผยองมากเกินกว่าที่จะยอมให้ใครต่อใครเข้าหาด้วยซ้ำ



ผมเชื่อว่าจากข่าวลือของเขาที่แพร่ไปทั่วนี่คงนำพาคนอย่างผมให้เข้าหาเขาไม่น้อย ไม่รู้ว่าคนตัวขาวมีวิธีปฏิเสธยังไง และขอให้ผมเป็นคนแรกที่ได้เข้าไปในห้องนอนของเขา



ไม่รู้ทำไม แต่แค่คิดว่าหากมีคนอื่นย่างกรายเข้ามาในห้องของเขา ผมก็พลันหงุดหงิด



โยทานข้าวเสร็จแล้ว เขาลุกพร้อมเพื่อนๆ นำจานไปเก็บคืน และผมก็ไม่มีอะไรให้มองอีกต่อไป พลันเสียงเรียกจากคนข้างๆ ก็ดังขึ้น เหมือนรู้ว่าเป้าหมายของผมจากไปแล้ว



“ฮิม ไปเรียนกันได้แล้ว”



หลังจากนั้น ผมก็เฝ้ามองเขาเมื่อมีโอกาส คณะผมงานเยอะ เน้นส่งงานเป็นหลัก ทำให้ช่วงเวลายุ่งๆ ก็ไม่ได้สังเกตรุ่นน้องคนนั้นเหมือนเคย ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะไม่กลายเป็นคนแบบในข่าวลือ...



...อา... แล้วทำไมผมต้องคาดหวังอะไรแบบนี้ด้วย



อาจจะเป็นอาการกลัวจะเสียหน้า ถ้าเขาไม่ยอมนอนกับผมแต่กลับไปนอนกับคนอื่นผมคงขัดใจ



ผมแอบมองเขาบ่อยจนตัวเองยังรู้สึกผิดสังเกต โดยปกติแล้วผมไม่ชอบจุ้นจ้านเรื่องคนอื่น ถ้าเขาบอกไม่ก็คือไม่ ไม่มีการต่อรองนอกรอบ จบกันแค่นั้น แม้ส่วนใหญ่จะไม่มีปฏิเสธผมก็ตาม แต่โยธา...ผมไม่รู้ทำไมถึงเอาแต่มองเขามาได้สองอาทิตย์แล้ว หนูจี๊ดยังคงเดินเชิดหน้าไม่สนใจใครเหมือนเดิม และก็มีคนเข้าหาเขามากเหมือนเดิม



เขาไม่ค่อยไปร้านเหล้าแล้ว คงเพราะใกล้ส่งงานด้วย แต่อีกส่วนหนึ่งผมคิดว่าเจ้าตัวคงรู้ดีว่ามีหลายๆ คนเล็งจะงาบเขาอยู่ ถึงได้ห่างๆ จากสุรามึนเมา ซึ่งมันก็ดีแล้ว...เอาตัวเองให้ห่างจากอันตราย



แต่นั่นหมายความว่าผมเองก็ไม่มีทางเข้าหาโยธาได้อีก



ซึ่ง...ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าติดใจเขาอะไรขนาดนี้ ขนาดที่ว่าคู่ขาคนโปรดของผมก็เอาไม่อยู่ ในเมื่อผมเอาแต่ใจลอยคิดถึงเขาขณะร่วมรักกับใครอีกคน จนต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ ยอมไม่นอนกับใครอีกเพื่อปรับอารมณ์ตัวเองให้กลับมาคงที่เหมือนเดิม



และในระหว่างที่กำลังนั่งคอยเพื่อนผมเลิกเรียนอยู่นั้น สายตาผมก็พลันเหลือบไปเห็นร่างเล็กที่คุ้นเคย วิ่งดุ๊กๆ หายไปยังที่จอดรถ ตามมาด้วยผู้ชายตัวโตที่ผมไม่เคยเห็นหน้า ดูท่าคงเป็นเด็กนอกคณะ



ไม่รู้อะไรสั่งให้ผมเดินตามไปดูเขา แต่นั่นทำให้ผมพบว่าเจ้าหนูตัวเล็กกำลังตกอยู่ในอันตราย



ผมเห็นเขาพยายามเปิดรถตัวเองเพื่อเข้าไปหลบผู้ชายคนนั้น ทว่าไม่ทัน ขาสั้นๆ ของเขาวิ่งไปถึงรถช้ากว่าคนตัวโต ทำให้เขาถูกอีกฝ่ายกระชากแขนได้ทันก่อนที่ตัวเองจะมุดเข้าไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย



ผมลอบสังเกตเงียบๆ จุดบุหรี่คอยลุ้นอยู่ห่างๆ



หนูจี๊ดโดนลากออกไปจากรถคันหรู เขาพยายามขืนตัวแล้ว แต่ตัวแค่นั้นจะไปสู้แรงคนที่ตัวโตกว่าตัวเองเกือบสองเท่ายังไงไหว และท่าทางการปกป้องตัวเองก็อ่อนแอเสียจนอย่าหัวร่อ เขาใช้มือเล็กๆ นั่นตีแขนอีกฝ่ายซ้ำๆ ใช้ดวงตาเฉี่ยวคมพยายามจ้องขู่ ปากร้องบอกให้อีกฝ่ายปล่อย ไม่ต่างอะไรจากที่เคยทำกับผม รู้เลยว่านั่นนอกจากไม่เจ็บแล้วยังไม่ทำให้คันอีกต่างหาก



ลานจอดรถที่คณะไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ ช่วงนี้ฟ้าเริ่มมืด ผู้คนมักจะออกจากคณะไปแล้ว ไม่ก็ไปทานข้าวเย็น ทำให้ที่ตรงนี้แม้จะเป็นที่โล่งแต่กลับดูร้าง กลายเป็นสถานที่สำหรับผู้ไม่หวังดีได้ทันที ไม่ทันที่จะได้รู้ว่าผู้ชายคนนั้นจะพาโยธาไปไหน ผมก็โผล่เข้าไปขัดจังหวะเสียก่อน



ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นฮีโร่ แต่ถ้าหมอนั่นได้ตัวโยธาไปทั้งๆ ที่ผมไม่เคยได้แม่แต่จูบก็คงจะเจ็บใจไม่น้อย



“ปล่อยเขา” ผมบอกอีกฝ่ายที่กำแขนโยธาแน่น ไอ้นั้นทำแค่มองผมโกรธๆ ก่อนเอ่ย



“ผมแค่จะพาเขาไปคุยให้รู้เรื่อง”



“ปล่อย!”



“ดูเหมือนน้องกูไม่ได้ต้องการจะคุยกับมึงนะ”



“แค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย ไม่ต้องมายุ่ง”



ผมเลิกคิ้ว จ้องไปยังคนตัวเล็กที่ทำหน้าเหมือนหนูขู่แฟ่ๆ “ว่าไงล่ะโยธา อยากให้กูยุ่งรึเปล่า”



หนูตัวขาวที่จนมุมนิ่งไปสักพักนึงก่อนพยักหน้า ท่าทางจนใจนั่นน่ารักเสียจนผมเผลอลอบยิ้มออกมา



“งั้นมึงก็ปล่อยได้แล้ว”



“บอกว่าไม่ต้องมายุ่งไง”



“จะให้กูต่อยมึงหรือว่าให้ปล่อยคลิปที่มึงฉุดน้องกูดี”



ไอ้หน้าโง่เบิกตาโต แน่นอน ผมแอบมองอยู่แต่ไม่ได้ถ่ายคลิปอะไรหรอก แค่ขู่มันไปงั้น มีเรื่องกันในมหาลัยคงไม่ดีเท่าไหร่ แต่ถ้าข้างนอกผมคงไม่รอช้าที่จะต่อยมันให้หน้าแหก



สุดท้ายไอ้คนนอกคณะก็ยอมปล่อยแขนโยธา ท่าทางโกรธจัดแต่ผมไม่สนใจเขาอีก เดินไปโอบตัวคนตัวเล็กก่อนพาเขาไปยังรถหรู



เมื่อยัดโยธาเข้าไปในรถของเขาได้แล้ว ผมก็เปิดปาก



“ไหนคำขอบคุณ”



“...ขอบคุณ”



“เป็นงี้มานานยัง”



“อะไร”



“มีคนมาตามแบบนี้”



“...”



ไม่ตอบอีก



“อยากให้ช่วยอีกไหม”



“...ไม่เป็นไร”



“ก็เห็นๆ อยู่ว่าเอาตัวเองไม่รอด”



“...” คราวนี้เขาไม่เถียง แต่กลับก้มหน้างุดแทน



“ก็ถ้าข่าวลือเรื่องมึงมันแย่ขนาดนั้นล่ะก็ ลองเปลี่ยนมันดูไหม”



คนตัวขาวใช้ดวงตากลมที่อยู่ภายใต้เปลือกตาชั้นเดียวนั่นจ้องมองมาที่ผม ราวกับรอประโยคถัดไป...ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงคิดเช่นนั้น



“เปลี่ยนมาเป็นอ้าขาให้กูคนเดียว”










พี่ฮิมเป็นคนปากหมา

มาให้กำลังใจหนูจี๊ดกันนะคะ 5555

ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามค่ะ

#ณพระจันทร์







หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.03 am.| 16.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 16-05-2018 00:47:28
อิพี่ฮิมมมมมมม ยังไงก็กำไร :katai5:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.03 am.| 16.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-05-2018 01:29:07
 :pig4: :pig4: :pig4:


อุต้ะ   เปลี่ยนข่าวลือเป็นแบบนั้น  มันก็ไม่ต่างจากเดิมหรอก   

ใช้ความหมายเดิม ๆ ได้  แต่เปลี่ยนคำพูดเป็นแบบที่ดูดีกว่านี้จะดีกว่าเนอะ  เช่น  คบกันกับ...แล้ว  เลิกพฤติกรรมตามข่าวลือแล้ว ไรเทือกนั้น
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.03 am.| 16.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-05-2018 01:43:39
อีพี่ แกก็ไม่ต่างจากคนอื่นเลยนะ  :m16:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.03 am.| 16.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 16-05-2018 06:42:06
พี่ฮิมมมมมมมมม พูดให้ดูดีกว่านี้หน่อย  :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.03 am.| 16.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 16-05-2018 10:17:11
ว้าววว มาเปลี่ยนข่าวลือกัน :hao7:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.03 am.| 16.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: aha_aha ที่ 16-05-2018 17:02:21
แหมมมมม อิพี่ฮิม ขอแบบนี้ไม่โดนต่อยปากแตกนี่ถือว่าบุญละนะแก จะจอเค้าคบก็พูดดีๆเว้ย!!!
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.03 am.| 16.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 18-05-2018 23:53:37
อย่าไปยุ่งกับมันลู้กกกก เดี๋ยวแม่จะปกป้องหนูเองงง
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.04 am.| 19.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 19-05-2018 00:26:30
00.04 am.



เราพบเห็นสีฟ้าทุกวัน ทว่าไม่เคยได้สัมผัส



สีฟ้าสำหรับผมแล้วขึ้นชื่อว่าเป็นสีที่สวยงามและน่าพิศวงในเวลาเดียวกัน ลองสังเกตดีๆ เราจะเห็นสีฟ้าอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะจากท้องฟ้าหรือจากน้ำทะเล ทว่ากลับไม่เคยได้สัมผัส ท้องฟ้าอยู่ไกลเกินเอื้ม ส่วนน้ำทะเลเมื่อบรรจุลงในภาชนะอื่นที่ไม่ใช่มหาสมุทรแล้วก็จะไม่ใช่สีฟ้าอีกต่อไป



สีฟ้าเคยเป็นสีที่หาได้ยากมากในวงการศิลปะ จนกระทั่งสีอุลตร้ามารีนถูกผลิตขึ้นมา สีฟ้าจึงได้ถูกจับต้องได้ในที่สุด กลายเป็นที่ต้องการไปทั่วโลกและเคยมีราคาแพงมากกว่าทอง ในยุคสมัยนั้นสีฟ้าจึงไปปรากฏอยู่ในงานศิลปะชั้นสูงมากมาย



อ่า...ดวงตาของเขาใกล้เคียงกับคำว่าสีฟ้านั่นมากทีเดียว



ผมเหม่อลอย จมไปกับความคิดของสีฟ้าที่เคยได้รับรู้มาโดยมีที่มาจากเขา คนที่เหมือนแมวหง่าวนอนคว่ำตัวอยู่บนเตียงผม หันหน้าออกข้างซุกกับหมอนใบโต เป็นอีกครั้งที่เปิดประตูให้เด็กขี้เมาเข้าบ้าน แต่ดูท่าว่าคงต้องเปลี่ยนเป็นเด็กขี้เหงาเสียมากกว่า



แสงอาทิตย์ฉาบลำตัวบอบบางนั่นผ่านผ้าม่าน ลัลยังคงนอนอุตุแน่นิ่ง และแน่นอนว่าเรายังไม่ได้ทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านอนเฉยๆ เขาเข้านอนเมื่อดื่มเบียร์หมดเป็นกระป๋องที่สอง พร้อมๆ กับผมที่หมดอารมณ์ละเลงสีบนผืนผ้าใบ เราจึงได้เข้านอนพร้อมกันอีกครั้ง เป็นอีกครั้งที่ผมตื่นก่อนเขา และเรือนร่างของลัลทำให้ผมเผลอจับจ้องจมลงไปในห้วงความคิดอย่างไร้สติเช่นนี้



ผมไล่มือไปสัมผัสเอวคอดอย่างเผลอตัว เมื่อลัลไม่รู้สึกตัวจากสัมผัสของผมทำให้ตัวเองได้ใจ เลื่อนมือไปลองลูบเส้นผมนุ่มนั่นดูอีกครั้ง พลางนึกเสียดาย ผมชอบตอนมันยาวกว่านี้นิดหน่อย



ละจากการสัมผัสตัว ผมเบนสายตาไปจับจ้องใบหน้าสวยหวานยามหลับใหล แม้ยามนอนเขายังแผ่เสน่ห์น่าดึงดูดได้อย่างไม่ลดละ ราวกับดอกไม้งามที่ใช้กลิ่นหอมหลอกล่อแมลงให้เข้าใกล้ หรือไม่ก็อาจจะเป็นผีพราย ร่ายมนต์เสน่ห์ให้ทุกคนที่ได้เห็นต่างหลงใหลมัวเมาไปกับรูปร่างของเขา



เขาน่าหลงใหล ราวกับหลุดมาจากอีกโลกหนึ่ง เมื่อได้เห็นแล้วยากที่จะห้ามความต้องการไม่ให้ครอบครอง ทว่าดูเป็นของชั้นสูงเหมือนกับสีฟ้าในสมัยก่อน หายากและราคาแพง ช่างอยู่ห่างไกลจากปถุชนธรรมดาอย่างผม ยิ่งมอง ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะครอบครองสีฟ้าในดวงตาของเขาไว้ได้เลย



ก่อนที่ผมจะตกกับดักของผีพราย ผมผุดตัวลุกขึ้น ก้าวเท้าอย่างรวดเร็วไปยังห้องทำงาน คว้าเฟรมผ้าใบผืนใหม่ที่ขาวสะอาด วางตั้งลงกับขาตั้งกระดานวาดรูป บีบสีน้ำมันในหลอดผสมกันตามใจนึก ก่อนจรดพู่กันลงบนเฟรมผ้าใบ



สีขาวจึงถูกแต้มด้วยสีฟ้า



ผมจับจ้องไปยังผืนผ้าใบ ตวัดปลายพู่กันไปทีละนิด นึกถึงดวงตาของเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย อันที่จริง...เหมือนกับดวงตาของเขาต่างหากที่บงการให้ผมวาดมันออกมา



บางครั้งดวงตาสีฟ้าของเขาก็เหมือนน้ำทะเล บางครั้งก็เหมือนชิ้นส่วนที่แตกสลายของผืนท้องฟ้า ผมไม่ใช่นักกวี จึงไม่สามารถหยิบยกคำบรรยายอะไรได้มากไปกว่านี้ แต่ผมเป็นศิลปิน จึงได้แต่ตวัดพู่กันลงบนเฟรมขนาดกลาง หมายจะพยายามสื่อถึงนิยามของสีฟ้าในตัวเขาแทน



เป็นงานนอกเวลาที่ผมเพิ่งเคยทำเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี



งานศิลปะไม่ได้เป็นที่นิยมในประเทศนี้เท่าไหร่นัก ดีหน่อยที่ผมพอรู้จักคน ทำให้มีแหล่งขายงาน แต่ละชิ้นราคาไม่ได้สูงมากมาย แค่เพียงพอต่อการประทังชีวิตไปวันๆ และเพื่อจะเอาชีวิตรอดในยุคสมัยนี้ ผมที่มีความสามารถแค่การวาดรูป จึงได้แต่วาดรูป วาดรูป วาดรูป บ้างตามออร์เดอร์ บ้างตามอารมณ์ เอาให้พอขายได้ในแต่ละเดือน



พอมาคิดดูแล้ว ความหลงใหลในการวาดรูปของผมมันลดน้อยลงเรื่อยๆ จากที่ทำเพราะความรัก กลับกลายมาเป็นเพื่อประทังชีวิต มันไม่ใช่ทุกรูปที่ผมวาดด้วยใจอีกต่อไปแล้ว



เขาทำให้ผมมีประกายไฟในการวาดรูปอีกครั้ง วาดรูปที่ไม่เกี่ยวข้องกับเงิน แต่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณ



เขาทำให้ผมกลับมาหลงใหลในหลอดสีและพู่กัน



ภาพส่วนใหญ่ที่ผมวาดเป็นวิวทิวทัศน์ ที่มักจะขายได้ให้กับทางโรงแรมหรู หรือร้านอาหารราคาแพง บ้างก็เป็นรูปนามธรรม ดูผิวเผินอาจจะไม่ต่างจากการละเลงสีมั่วซั่ว ทว่าแท้จริงแล้วมันถูกผ่านการตีความมานับแสน หรืออย่างมากที่สุดก็อาจเป็นภาพสัตว์ สัตว์ในโลกแห่งความจริงหรือสัตว์ในโลกแฟนตาซี นิทานปรัมปราเองก็เป็นที่นิยมไม่น้อย หลายสิ่งอย่างถูกผมส่งต่อผ่านพู่กันและสีกลายเป็นผลงานที่มีราคา ผมวาดหลายสิ่งอย่างทว่าไม่ได้วาดรูปคนมานานมากแล้ว ผมไม่รับวาดภาพเหมือน



แต่เมื่อคืนกลับเอ่ยขอให้เขาเป็นต้นแบบรูปภาพอย่างน่าอาย



ผมแต้มสีฟ้า Cobalt blue ทับลงสีฟ้าแรกที่อยู่บนเฟรม ตวัดปาดพู่กันโดยใช้สีโทนเดิมๆ ย้ำลงไปซ้ำๆ หาจังหวะของช่วงสีที่จะสามารถบรรยายความรู้สึกยามที่ผมสบตาเขา



แสงอาทิตย์เริ่มส่งความร้อนมากขึ้นตามช่วงเวลา ห้องทำงานของผมอยู่ทางทิศตะวันออก ทำให้แสงแดดในยามเช้าแทรกตัวเข้ามาอย่างง่ายดาย และไอร้อนของมันก็ทำให้ผมเริ่มเหงื่อซึม ทว่าไม่อาจละแปรงพู่กันออกจากภาพนี้ได้... ยังไม่ใช่ตอนนี้



จนกระทั่งเสียงประตูเปิดออก ผมหันไปมองผู้มาเยือน



ซินเดอเรลล่าวันนี้ไม่หนีกลับบ้านแฮะ...



เขายืนจ้องผมอยู่หน้าห้อง ก่อนแทรกตัวเข้ามา สองขาเรียวเดินมาหาผมเรื่อยๆ จนร่างผอมเพรียวหยุดยืนอยู่ข้างตัวผม จับจ้องไปยังรูปที่ผมละเลงสีไว้



“คุณวาดท้องฟ้าหรือ...”



ผมไม่ตอบ หันไปมองรูปที่ตัวเองวาด สลับกับมองตาเขา พลันรู้สำนึกทันทีว่าภาพของผมนั้นช่างห่างไกลจากดวงตาของเขามากนัก ผมไม่มีความสามารถมากพอที่จะเก็บดวงตาของเขาไว้เป็นของตัวเอง



“นั่นสิ...”



ผมตอบกลับ ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ บอกไม่ได้ว่ากำลังพยายามลงสีให้เสมือนดวงตาของเขาอยู่ ทว่าดวงตาที่เคยจ้องมองเท่าไหร่ก็เห็นแต่ภาพน้ำทะเล แต่เจ้าของดวงตากลับคิดว่ามันคือท้องฟ้า...



อา...ผมก็อยากให้ดวงตาของเขากลายเป็นท้องฟ้าเหมือนกันนะ อยากจะเปลี่ยนดวงตาสีน้ำทะเลที่เจือความโศกเศร้านี้ให้กลายมาเป็นความสดใสของท้องฟ้าจริงๆ ไม่ใช่น้ำทะเลที่สะท้อนภาพท้องฟ้าเช่นตอนนี้



ผมปล่อยมือ วางพู่กันและจานสีลงบนโต๊ะตัวเล็ก หมุนตัวไปทางเขา



“หิวหรือยัง กินอะไรมั้ย”



นัยน์ตาสีฟ้าสะท้อนแสงอาทิตย์จ้องกลับมายังผม กระพริบตานึกคิดอยู่สองสามทีก่อนจะเผยอปากเอ่ย



“แล้วแต่คุณเถอะ”



ผมนิ่ง...นึกคิดได้สักพักก็ตอบเขา “นายจะยังอยู่ไหมเถอะ คราวที่แล้วตอนฉันออกไปซื้อข้าวก็เล่นออกไปไม่บอกกันก่อน”




“ก็ตอนนั้น...” ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงขบเม้มคล้ายกำลังนึกคิด ก่อนพูดต่อ “...คุณไม่อยู่”



“หืม?”



“ผมตื่นมาแล้วไม่เจอคุณ...ไม่รู้ว่าคุณไปไหน ผมก็กลับบ้านสิ”



อา...อย่างนี้นี่เอง เขาไม่ได้หนีหายผมไปอย่างที่คิด และผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงกับความรู้สึกยินดีอย่างน่าประหลาดนี่ดี



วันนั้นลัลอยู่ในบ้านผมทั้งวัน เจ้าตัวแค่กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่บ้านตัวเองเท่านั้น และหลังจากนั้นก็มาป่วนผมจนถึงเวลาเข้านอน เขายังคงไม่หยุดทำตัวยั่วยวนให้ผมกอด มันยากนะที่ต้องห้ามใจไม่ให้ขย้ำเรียวขาสวยนั่นให้ขึ้นสี จับเอวคอดนั่นพลิกคว่ำ ตั้งท่าทำอะไรๆ ให้สมใจอยาก ในเมื่อทั้งร่างกายทั้งกลิ่นกายของเขาดึงดูดเสียขนาดนี้



แต่เชื่อเถอะ จนถึงตอนนี้ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเด็กนี่ไปมากกว่านอนกอด



และในเช้าต่อมา เขาก็หายไป...



หายไปอย่างไม่บอกกล่าว และผมไม่เจอเขาอีกเลยสี่วันหลังจากนั้น



ซินเดอเรลล่าขี้เมาทำให้ผมปวดหัวกับการกระทำของเขา ไม่รู้ว่าการที่เขาหายไปจากอ้อมกอดผมตอนนั้นเป็นเพราะอะไร อาจเพราะผมไม่กอดเขาอย่างที่เจ้าตัวต้องการ? หรือว่ามีเรื่องอื่นที่ต้องรีบไปจัดการ ธุระสำคัญที่ไม่ได้บอกผมไว้ก่อน ยังไงเสีย...ผมก็แค่คนข้างบ้าน ไม่ได้มีสิทธิ์รับรู้ชีวิตเขามากไปกว่านี้



แต่ถึงยังไง ก็อดหงุดหงิดเล็กๆ ในใจไม่ได้



จนกระทั่งในวันที่ลมพัดแรงในกลางดึก ผมได้ยินเสียงเคร้งๆ อันคุ้นเคย ในทีแรกก็ว่าจะทำเป็นไม่ใส่ใจ ลัลคงเมากลับบ้านเหมือนที่ผ่านมา ทว่าเสียงรั้วเหล็กยังคงกระทบกันส่งเสียงดังหนวกหูจนผมต้องยอมลุกจากเก้าอี้ เดินออกไปยังระเบียงชั้นสองเพื่อส่องดูว่าเจ้าเด็กนี่ทำอะไร



ลมพัดแรงจนต้นไม้เอนตามแรงลม ใบไม้เสียดสีกันจนเกิดเสียงดังประหลาด ลมแรงวิ่งผ่านช่องลมเล็กๆ ในบ้านจนเกิดเสียงดังน่ากลัว และเขาที่ยืนเขย่ารั้วเหล็กหน้าบ้านผมแข่งกันเสียงลม...



“ทำอะไร”



ผมเอ่ยทัก คนข้างล่างเงยหน้าใช้ดวงตาสีฟ้าช้อนมองผม



“เปิดให้หน่อย”



“ทำไม”



“นอนด้วย”



“กลับบ้านไปเลย”



ผมเอ่ย คิดว่าตัวเองเหมือนสาวน้อยขี้น้อยใจกำลังประชดประชันคนรัก แต่หนึ่ง...ผมไม่ใช่สาวน้อย และสอง เขาไม่ใช่คนรัก ดังนั้นที่ผมพูดไปก็เพราะรำคาญใจเท่านั้น



“เปิดหน่อย”



ไอ้เด็กขี้เมายังคงไม่ยอมแพ้ เอ่ยร้องขอ แรงลมพัดจนเส้นผมสีดำสนิทของเขาปลิวสยาย เด็กหนุ่มหน้ามุ่ยเมื่อเส้นผมพันกันพลันวัน จนผมยุ่งปรกหน้าไปหมด



“ฝนจะตกแล้ว เข้าบ้านไป”



เขาส่ายหน้า ร้องอ้อนอีกครั้ง “ให้ผมนอนด้วยนะ”



“ไม่ต้อนรับคนเมาโว้ย”



สิ้นสุดความอดทน ผมแทบจะตะโกนบอกคนข้างล่าง หวังให้เขาหนีเข้าบ้านตัวเองไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ความสัมพันธ์แปลกๆ นี่จะได้จบเสียที



ครานี้คนเมาไม่เงยหน้ามาตอบผมอีก เขาจ้องรั้วเหล็กหน้าบ้านผมสักพัก ส่วนผมก็จ้องเขาอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งฝ่ามือเขากุมรั้วเหล็กที่บ้านของผมแน่น ก่อนเตะขาตัวเองให้ขึ้นมายืนบนรั้วเหล็กส่วนที่พาดเป็นเส้นแนวนอน



“ไอ้เด็กบ้า อย่าปีนรั้วสิวะ!” ผมร้องลั่นเมื่อเห็นว่าเขาพยายามจะทำอะไร คนหนุ่มไม่ตอบผม แต่กลับพยายามดันตัวให้ข้ามรั้วสูงนี่แทน



“ลงมาเลย เดี๋ยวไปเปิดประตูให้” จนผมจนใจ ร้องบอกเขาไปเพื่อหวังให้เด็กเปรตเลิกพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงให้เกิดอันตรายนี่



เขาแหงนหน้าขึ้นมามองผม คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน ใบหน้าหวานเริ่มนิ่วหน้า



“ลงยังไงอ่ะ”



“โว้ย รออยู่ตรงนั้นเลย” ผมร้องโวย รีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้านเพื่อลงไปเปิดประตูชั้นล่างให้เด็กเวร ยังดีที่เด็กซนเชื่อฟังคำสั่ง เขาคร่อมอยู่ระหว่างรั้วบ้านของผม สภาพเดียวกับตอนที่ผมบอกให้รอ รั้วบ้านไม่ได้สูงมาก ระดับส่วนที่สูงที่สุดน่าจะอยู่ที่เกือบสองเมตร เท่ากับความสูงประตูทั่วไป แต่ถึงอย่างนั้นการปีนขึ้นไปก็อันตรายอยู่ดี



ผมเดินเข้าไปใกล้คนเมาเอาแต่ใจ ก่อนบอกให้เขายกขาอีกข้างให้ข้ามรั้ว จะได้ไม่ต้องอยู่ในท่านั่งคร่อมรั้ว และน่าจะง่ายสุดในการลงมา เขาทำตาม ตวัดเรียวขายาวนั่นให้ผ่านรั้วก่อนจะทิ้งตัวลงมาในจังหวะเดียวกัน ผมตกใจร้องลั่น และไม่ทันตั้งตัว ตัวเองก็พุ่งเข้าไปรับร่างของเขาไว้ในอ้อมกอดแล้ว



“ไอ้...เด็ก...เปรต”



ผมเค้นคำพูดลอดไรฟัน ข่มอารมณ์ความโมโห เด็กเปรตในอ้อมกอดเกาะผมเป็นลูกลิงแน่น จนผมวางเขาลงพื้นแล้วเจ้าตัวก็ยังเกาะผมไม่ปล่อย



 “นอนด้วยนะ”



ก็เล่นบังคับกันขนาดนี้ จะให้ทำใจแข็งไล่ไปอีกก็คงไม่ไหว กลัวว่าเขาจะไปทำอะไรโง่ๆ อีกหรอกถึงได้ยอม



“เออ”








#ณพระจันทร์

 
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.04 am.| 19.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-05-2018 00:57:23
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.04 am.| 19.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 19-05-2018 03:00:31
 :katai4: ตลกน้องเมาปีนกำแพงบ้าน
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.04 am.| 19.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-05-2018 03:51:22
เดินไปเปิดประตูรั้วให้เข้าบ้านก็หมดเรื่องแล้ว  :hao3:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.04 am.| 19.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 19-05-2018 08:36:15
ลงทุนหนักมากกก  o13 ให้น้องนอนด้วยเถอะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.04 am.| 19.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 19-05-2018 14:04:50
แพ้ทางเด็กขี้เหงา  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.04 am.| 19.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 20-05-2018 15:47:14
หลงน้องแล้วชัดๆนะคุณ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.04 am.| 20.5.2018 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 20-05-2018 20:50:22
1.04 am.



เขาแทบจะตีผมให้ตาย



จบจากประโยคนั้น เจ้าหนูตัวจิ๋วก็ปฏิเสธเสียงดังลั่น ด่าทอต่อว่าผมอีกสารพัด ผมรอให้เขาโวยวายให้จบก่อนบอกเหตุผลดีๆ ใหม่ โยยังคงไม่เลิกโกรธผม เขาจ้องผมด้วยสีหน้าอาฆาตเป็นหนูผี



“ไม่ได้หมายถึงต้องมาอ้าขาให้กูจริงๆ สักหน่อย ก็แค่เปลี่ยนให้คนอื่นเข้าใจว่ามึงเป็นเด็กกูแค่คนเดียว คนอื่นจะได้ไม่ต้องมายุ่งไง”



“แล้วแบบนี้มันจะต่างจากเดิมตรงไหน”



“ตรงที่จะไม่มีใครมายุ่งกับมึงแล้วไง”



“...” เขาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “ผมไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้สักหน่อย”



และเขาก็ร้องไห้ออกมาจริงๆ



โยธารีบปาดน้ำตาให้พ้นออกจากแก้มตัวเอง เขาไม่ได้สะอึกสะอื้นฟูมฟาย แต่กลับดูบอบบางกว่าการร้องไห้สะอื้นตัวโยนเสียอีก การที่เห็นคนอย่างเขาพยายามทำตัวเข้มแข็งแบบนี้แล้วทำให้ผมรู้สึกอยากช่วยเหลือยังไงไม่รู้



ผิดวิสัยตัวเองสุดๆ



“เอาเป็นว่าผมขอบคุณพี่นะ แต่ไม่เป็นไร ผมจัดการเองได้”



“ก็เห็นอยู่ว่าไม่ได้”



“...”



“เมื่อกี้ถ้ากูมาไม่ทันจะเป็นไงนะ”



“...”



เจ้าหนูขาวเซื่องซึมกว่าเดิมอีก ดูท่าเขาก็คงจนปัญญาแล้วเหมือนกัน



“ไปคุยที่อื่นเถอะ” ผมว่า ก่อนสตาร์ทรถของเขา ขับออกไปโดยไม่สนว่าเจ้าของจะว่ายังไง



ผมปล่อยให้เขาได้คิดอะไรกับตัวเองโดยไม่ไปขัดจังหวะความเงียบ ได้แต่ขับรถวนไปเรื่อยๆ ผมก็ไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน ครั้นจะไปคอนโดเขา เดี๋ยวเขาก็ระแวงผมอีก สุดท้ายก็เป็นตัวเองที่ขี้เกียจขับต่อ เลยสุ่มเลือกร้านอาหารแถวนั้นสักร้าน ก่อนจอดรถพาเขาลงไปทานข้าวเย็น



โดยไม่ลืมตอบกลับข้อความของเพื่อนสนิทที่ผมทิ้งไว้ที่คณะ อันที่จริงก็เกือบลืมมันไปแล้ว



ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีเข้ม พระอาทิตย์ไปนอนพักแล้ว และเจ้าหนูตัวขาวนี่ก็กำลังเคี้ยวอาหารตุ้ยๆ เขาไม่พูดอะไรกับผมเลย และผมก็ไม่ไปเร่งเร้าให้เขารีบตอบ เพราะผมก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงอยากจะเสนอตัวเข้าไปช่วยเขาเสียเหลือเกิน



กระทั่งอาหารหมดโต๊ะนั่นแหละ ผมถึงได้เป็นฝ่ายเอ่ยออกมาก่อน



“ตกลงเอาไง”



เขาไม่ตอบ คงยังคิดไม่ตก



“เดี๋ยวไปส่ง” ผมถึงต้องพูดคนเดียวต่อ จากนั้นเราก็ออกจากร้านอาหาร ขึ้นรถของเขาอีกครั้ง โยธาปล่อยให้ผมนั่งที่นั่งคนขับโดยไม่ว่าอะไร และผมก็ได้ขับไปยังคอนโดของเขาอีกครั้ง



“พี่เอารถผมไปใช้ก่อนก็ได้ ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ”



เขาบอก เมื่อผมจอดรถและดับเครื่องเรียบร้อยแล้ว... คำพูดของเขาทำให้ผมไม่สบอารมณ์นิดหน่อย ทำไมต้องไล่ผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า



“หวังดีขนาดนี้แล้วยังไม่เชื่อใจกันอีกหรือไง”



ผมคล้ายจะต่อว่า จ้องหน้าเขาเพื่อเค้นเอาคำตอบ โยนิ่งเงียบไปพักนึงอ้ำอึ้งเหมือนไม่แน่ใจว่าจะพูดออกไปดีไหม แต่สุดท้ายเขาก็พูดออกมา



“เอาจริงๆ นะ...คือพี่ไม่น่าไว้ใจเลยอ่ะ”



“ยังไง”



“เรื่องแย่ๆ ของพี่ผมก็ได้ยินมาเยอะ”



“แล้วกูทำอย่างนั้นกับมึงหรือไง”



“...แต่ก็เกือบทำไม่ใช่เหรอ” จบประโยค หนูจ้อยเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม และใช่...ในตอนนั้นผมตั้งใจจะทำอะไรเขาจริงๆ



“แต่ก็ไม่ได้ทำไง”



“...”



“คงเชื่อยากใช่มั้ย ถ้ากูบอกว่าจะไม่ทำอะไรมึง”



โยพยักหน้า “เอาจริงๆ คือผมไม่ได้อยากไปยุ่งกับอะไรพวกนี้เลย แต่ยิ่งแก้เหมือนจะยิ่งแย่ ผมขอบคุณที่พี่มาช่วยนะ แต่ผมว่าผมยังรับมือไหว พี่ไปเถอะ อย่ามายุ่งกับผมอีกเลย”



“แล้วถ้ามีแบบวันนี้อีกจะทำไง”



“ผมมีเพื่อน วันนี้แค่จังหวะไม่ดีนิดหน่อย ถ้าอยู่กับเพื่อนคงไม่เกิดเรื่องอะไรหรอกมั้ง”



“แน่ใจเหรอ วันนั้นที่กูหิ้วมึงกลับคอนโดมึงก็อยู่กับเพื่อน”



“...”



“เชื่อกูเหอะ คนเหี้ยๆ อย่างกูมีอีกเยอะ”



“แล้วทำไมผมต้องไปพึ่งคนเหี้ยๆ อย่างพี่ด้วยอ่ะ”



อ้าว ไอ้เด็กนี่ แต่ที่มันพูดก็จริง...แล้วทำไมผมต้องเสนอตัวเป็นที่พึ่งให้มันด้วยล่ะ ผมไม่ชอบยุ่งกับปัญหาชาวบ้าน แต่ทำไมต้องกลัวว่าไอ้เด็กนี่จะเป็นอะไรถ้าอยู่ห่างจากมือผม



“เพราะกูจะไม่ทำอะไรมึง”



“แล้วพี่ต้องการอะไร มาทำดีกับผมทำไม”



ไอ้หนูนี่เอาแต่เถียงจี๊ดๆ ทำไมไม่เป็นเด็กดีเชื่อฟังผู้ใหญ่ให้มันจบๆ ไปนะ บอกว่าจะช่วยก็คือจะช่วยดิ จะหาข้ออ้างไปทำไม คนเขาอุตสาห์มีจิตอาสา แต่ก็นั่นแหละ เพราะผมก็หาคำตอบให้เขาไม่ได้เหมือนกัน ถึงได้หงุดหงิดอยู่คนเดียว รู้แค่อยากให้โยไม่ต้องเถียง ยอมตกลงข้อเสนอ ปล่อยให้คนอื่นคิดว่าเป็นเด็กของผม จะได้ไม่ต้องมีใครมายุ่ง...



แต่นั่นสิ เพื่ออะไรกันล่ะ



“ไม่รู้เหมือนกัน”





 

จากที่คิดว่าแผนต่อรองคงล้มเหลว แต่ผิดคาด โยธายอมรับข้อตกลงของผมเสียอย่างนั้น ข้อแม้คือห้ามให้ผมทำอะไรเขาจริงๆ อย่างที่พูด ผมพยายามหาเหตุผลให้ตัวเองว่าทำไมตัวเองถึงยอมช่วยเขาทั้งวัน สุดท้ายก็ตกลงกับความคิดที่ว่า ในตอนนี้อาจจะไม่ทำ แต่ในวันข้างหน้าก็ไม่แน่ อย่างน้อยผมก็มีโอกาสมากกว่าคนอื่นก็แล้วกัน



เมื่อได้ข้อสรุปกับตัวเอง ผมปล่อยข่าวเรื่องโยธาออกไปในกลุ่มเพื่อนเที่ยว ทุกคนเชื่ออย่างไม่กังขาว่าโยเป็นของผมแล้วและรู้จากนิสัยผมว่าไม่ชอบแชร์ของตัวเองกับใคร ทำให้ผมถือสิทธิ์เป็นเจ้าของโยธาได้เพียงคนเดียว คำบอกเล่าจากปากต่อปากแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ช่วยกลบข่าวลือของเขา มันทั้งดีขึ้นทั้งแย่ลง แต่ดูเหมือนเขาจะยอมรับกับข่าวแย่ๆ ได้เก่งแล้ว ถึงได้ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวถึงสายตาที่มองมาจากทุกสารทิศ



คนตัวเล็กเดินมานั่งข้างๆ ผมราวกับมันเป็นเรื่องปกติ เขาคงไม่ยอมสมัครใจมาอยู่ใกล้ผมด้วยตัวเองหรอก ถ้าหากผมไม่ได้สั่งเขาไว้เช่นนั้น บอกให้เขาพยายามเกาะติดผมไว้ ไม่งั้นข่าวลือก็จะไม่มีมูล แล้วก็จะไม่เป็นที่น่าเชื่อถือ วนลูปกลับมาที่เดิมอีก โยธายอมทำตาม แม้ว่าจะมีสีหน้าเหม็นเบื่อทุกครั้งที่ต้องมานั่งข้างผม



เมื่อหลายๆ คนเริ่มเห็นว่าโยและผมตัวติดกัน เป็นหลักฐานให้ทุกคนยอมรับว่าเขากับผมคบกันแล้ว ผู้คนที่ผมไม่ได้รู้จักเริ่มนินทาเรื่องของผมมากขึ้น หาว่าเป็นคู่ผีเน่ากับโลงผุ



ซึ่งผมไม่ได้ใส่ใจ และเขาก็ไม่ได้ใส่ใจเช่นกัน เพราะอย่างน้อยมันก็ทำให้คนเข้าหาเขาน้อยลงอย่างที่เขาหวังจริงๆ










พี่เริ่มดักหนูแล้ว

#ณพระจันทร์

หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.04 am.| 20.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-05-2018 21:22:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.04 am.| 20.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 20-05-2018 21:24:00
ฮิๆ เริ่มแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.04 am.| 20.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-05-2018 01:23:11
แล้วอย่างนี้ หนูโยจะหนีไปไหนรอด  :katai3:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.04 am.| 20.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 21-05-2018 09:58:09
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.04 am.| 20.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 21-05-2018 15:28:52
ชอบพาร์ทโย กับพี่หมาป่าในคราบขนแกะ
+ และเป็ดขอบคุณ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.04 am.| 20.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 21-05-2018 16:03:43
เริ่มไปได้สวยหรือเปล่าหว่า  :m28: :m28:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.04 am.| 20.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 21-05-2018 16:08:39
โธ่ หนูโยติดกับดักซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.05 am.| 23.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 22-05-2018 23:55:35
00.05 am.



ก็แค่นอนกอด



ก็แค่นอนกอดเหมือนทุกที แต่คราวนี้ผมกลับนอนไม่หลับ ทว่าตัวการกลับหลับปุ๋ย ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดผมไปแล้ว ผมลอบดมกลิ่นกายของคนข้างๆ จ้องมองเพดานมืดสนิท พยายามหาคำตอบให้ตัวเองว่าทำไมถึงยอมให้เขามาอยู่ในสภาพนี้ ทำไมถึงเปิดประตูให้เด็กขี้เมานี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำไมถึงปฏิเสธลัลไม่เคยได้เลยสักที



เจ้าแมวขี้เมาขยับตัวเล็กน้อย ส่งเสียงครางในลำคอเหมือนแมวบิดขี้เกียจ แต่ก็ไม่ได้ลืมตาตื่น ดูท่าคงหลับลึกน่าดู



ผมลูบเส้นผมสีดำสวยของเขาไปเพลินๆ ตอนนี้เกือบเช้าแล้ว เพราะกว่าผมจะเข้านอนก็ปาไปตีสี่กว่าๆ อันที่จริงมันเป็นเวลาทำงานอยู่ แต่เพราะเด็กขี้เมาเอาแต่เรียกร้องให้ผมไปนอนด้วยอยู่นั่น และนั่นแหละ...ผมปฏิเสธเขาจริงๆ จังๆ ไม่เคยได้เลย



ลัลซุกอยู่ในอ้อมกอดผม หายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ลมหายใจอุ่นๆ รดต้นคอผมอย่างน่าจั๊กจี้ และในที่สุด ผมก็ผล็อยหลับไป





เที่ยงวันเป็นเวลาตื่นของผม แสงอาทิตย์ร้อนแทรกตัวเข้ามาในห้อง แม้ว่าผมจะเปิดเครื่องปรับอากาศอยู่ก็ตาม แต่ก็สัมผัสได้ถึงไอร้อนจากข้างนอก



ลัลยังคงนอนหลับสนิท



ส่วนผมก็ค่อยๆ แกะมือเขาออกจากแขน ก่อนพยายามลุกออกจากเตียงอย่างเงียบเชียบ เพราะกลัวรบกวนแมวหลับ



ครั้นจะออกไปซื้อข้าวกินก็กลัวแมวหนีกลับไปอีก... ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงกลัวว่าลัลจะหายไป หรือไม่ก็เข้าใจแล้วนั่นแหละ...แค่ไม่อยากจะยอมรับ



ผมตัดสินใจเดินไปห้องสตูดิโอหรือห้องทำงาน นั่งจ้องเฟรมผ้าใบขนาดกลางที่มีสีฟ้าแต้มอยู่ ตั้งแต่คราวนั้นที่ผมพยายามกักเก็บดวงตาของเขาไว้ในรูปภาพ แต่มันก็ไม่สำเร็จ ผมก็ไม่ได้ไปแตะต้องมันอีก จนคราวนี้เกิดนึกครึ้มในใจ หยิบเฟรมอันนั้นมาตั้งบนขาตั้งกระดานอีกรอบ พยายามจรดพู่กันที่แต้มสีฟ้าลงไปใหม่อีกครั้ง ค่อยๆ ปาด เกลี่ย ตวัดพู่กันไปเรื่อยๆ



ไม่ได้วาดตามหลักการ แต่วาดตามความรู้สึก



คราวนี้สีฟ้าที่ปรากฏในภาพไม่ใช่ทั้งท้องฟ้าและน้ำทะเล มันกลายเป็นสีฟ้าขุ่นมัวรูปอะไรก็ไม่รู้จนผมอยากขว้างมันทิ้งอย่างไม่พอใจในผลงานชิ้นเลว



“ให้ผมช่วยอะไรมั้ย”



ผมสะดุ้งกับต้นเสียง เมื่อหันไปก็พบว่าแมวเซาตื่นแล้ว ลัลสวมเสื้อตัวหลวมโคร่งเหมือนเมื่อคืน พร้อมกับกางเกงบ็อกเซอร์ เขาถอดกางเกงยีนส์รัดรูปไว้ก่อนเข้านอน แม้จะเห็นสภาพของเขาก่อนเข้านอนแล้วก็ตาม แต่เรียวขาเปลือยเปล่าของเขาก็ทำให้ผมอดจ้องมันอีกครั้งไม่ได้



ก็แค่เด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งเท่านั้น ทำไมผมรู้สึกว่าเขาผิดแปลกจากทุกคน



“ตื่นแล้วหรือ”



“อืม คุณทำอะไร?”



“เปล่าหรอก” ผมว่า ถอนหายใจ หยิบเฟรมภาพที่ไม่ได้เรื่องนี่ไปตั้งพิงผนังห้องแทน



“งานเหรอ ผมช่วยได้นะ”



“ช่วยอะไร อยากล้างพู่กันหรือไง”



เขามุ่ยหน้า มองเหมือนว่าผมกำลังดูถูกเขาอยู่ “ผมเห็นคุณมีภาพสีน้ำอยู่บนโต๊ะ...ผมลงสีน้ำเป็นนะ”



“งั้นหรือ” ผมไม่คิดว่าเขาจะทำงานศิลปะเป็น จึงค่อนข้างตกใจในคำตอบของเจ้าตัวสักหน่อย งานสีน้ำนั่นผมทำตอนกลางวัน เป็นอีกงานที่ช่วยเพิ่มรายได้ ผมรับวาดรูปประกอบตามนิตยสาร หรือตามเว็ปไซต์ เพียงแต่ผมมันหัวโบราณ มีความคิดที่ว่างานศิลปะของผมจะทำลงบนกระดาษเท่านั้น ไม่ใช้คอมฯหรืออุปกรณ์ดิจิตอลอะไร



อันที่จริงมันก็แคข้ออ้างเท่านั้น ผมใช้อุปกรณ์สมัยนี้ไม่เป็น เมาส์ปากกา โปรแกรมวาดภาพในปัจจุบันคงสะดวกแก่การวาดมากกว่าการวาดมือ แต่ผมไม่ถนัด ครั้นจะพยายามฝึกก็คิดว่าตัวเองก็มีความสามารถในการวาดด้วยมืออยู่แล้ว เลยไม่ได้สนใจ ลูกค้าที่ติดต่อมาก็เป็นคนที่ต้องการงานฝีมือมากกว่างานดิจิตอลด้วย ผมเลยไม่ได้ลำบากมากมาย



“หรือจะให้ผมเป็นแบบ”



“หือ”



ในระหว่างที่จมอยู่กับความคิดตัวเอง ลัลก็พูดออกมาทำลายความคิด จนผมต้องนึกย้อนถึงบทสนทนาของเราเมื่อครู่ แต่ดูท่าจะไม่ทันใจเด็กวัยรุ่น



“ก็คุณเคยขอให้ผมเป็นแบบวาดรูปไม่ใช่หรือไง”



“อ่า...” นึกออกแล้ว “นั่นมัน...” ไม่ต้องหรอก



แต่ก่อนที่ผมจะได้เอ่ยปฏิเสธเขาไป อะไรบางอย่างภายในใจมันกลับพลุ่งพล่าน เรียกร้องให้ผมทำตามคำบอกของคนตรงหน้า ผมจ้องและจ้องเขาอย่างไม่ละสายตา จนสุดท้ายก็รีบลุกขึ้นยืน เดินไปเก็บของที่วางเกะกะอยู่บนโซฟาไม้ พลันเปิดตู้เก็บของ หยิบเอาผ้าคลุมโต๊ะผืนใหญ่สีขาวออกมาปูโซฟาไม้ที่เริ่มมีฝุ่นเกาะ มุมตรงนี้อยู่ใกล้หน้าต่างพอดีทำให้มีแสงพาดผ่าน แม้ว่าแสงแดดในตอนนี้ออกจะจ้าไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้เลวร้าย



ผมเพยิดหน้าให้เขาไปนั่งตรงที่ผมจัดเตรียม และเขาก็ยอมทำตามแต่โดยดี



“ต้องทำยังไงบ้าง”



“นั่งเฉยๆ ไม่ต้องเกร็ง”



ผมบอกเขาพลางหยิบสมุดสเก็ตช์อันใหญ่ขึ้นมาแทนเฟรมวาดภาพ เมื่อมองไปยังหุ่นต้นแบบ ผมเห็นเขาออกอาการเกร็งอย่างชัดเจน



“ไม่ต้องเกร็ง”



“ก็ผมไม่เคยเป็นแบบให้ใครวาดนี่”



“นั่งเฉยๆ เหมือนคุยกันทั่วไปนั่นแหละ”



“คุณก็ชวนคุยสิ”



ผมยอมแพ้ให้กับการต่อล้อต่อเถียงผู้ใหญ่ของไอ้เด็กนี่ ถอนหายใจ เริ่มลงมือร่างเส้นดินสอคร่าวๆ



“นายจบจากไหนมา” ผมจำอายุเขาได้ และคาดคะเนว่าจากอายุเท่านี้เขาน่าจะเรียนจบแล้ว



 เขาตอบ พูดชื่อมหาลัยชื่อดังประจำจังหวัด



“คณะอะไรน่ะ”



เขายักไหล่ พูดชื่อคณะที่ว่าด้วยการออกแบบบ้าน มิน่าล่ะ เจ้าตัวถึงบอกว่าลงสีน้ำได้ แต่นั่นงานผม ให้ใครยุ่งไม่ได้หรอก



“แล้วทำงานที่ไหน”



คำตอบของเขาคือชื่อร้านเหล้าแห่งหนึ่ง ผมขมวดคิ้วสงสัย ตวัดดินสอจนจบเส้น ถึงได้เอ่ยถามเขาต่อ



“ทำไมไม่ทำงานให้ตรงสายล่ะ”



เขาบอกว่าไม่ชอบ ผมยักไหล่ตอบ ผมก็มีเพื่อนๆ ที่จบคณะเดียวกันแต่ไปทำอย่างอื่นก็มาก รูปสเก็ตช์แรกใกล้เสร็จแล้ว ผมตวัดขีดดินสอเป็นเส้นเงาคร่าวๆ ก่อนเปิดกระดาษไปหน้าถัดไป เขาเริ่มผ่อนคลายลงมากแล้ว



“ทำอะไรที่ร้านเหล้า เด็กเสิร์ฟเหรอ”



“เปล่า อันนั้นงานรอง”



“แล้วงานหลักคือ?”



“...เป็นมาสคอต”



คำตอบของเขาทำให้ผมหยุดตวัดดินสอในมือ เงยหน้าขึ้นมามองเขาใหม่ ไม่แน่ใจว่าตัวเองฟังถูกไหม



“อะไรนะ”



“เป็นมาสคอต”



“ห้ะ มันคืออะไร”



“มาสคอตไง ไม่รู้จักหรือ”



“หมายถึงนายไปใส่ชุดตัวอะไรสักอย่าง นั่งอยู่ร้านเหล้าคอยเรียกแขกน่ะนะ?”



เขายักไหล่ “เกือบถูก ติดแค่ผมไม่ต้องใส่ชุดตัวอะไร แค่ไปนั่งอยู่ร้านเหล้าเฉยๆ”



“มีงานแบบนี้ด้วย?”



“จริงๆ ก็ไม่ แต่ร้านนี้เป็นของเพื่อนผม เขาให้ผมไปนั่งเรียกแขก แต่ถ้าวันไหนคนเยอะผมก็จะไปช่วยเขาเสิร์ฟ”



“เรียกแขก อย่างนายน่ะหรือ?”



ผมถามอีกครั้ง ไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะมีปฏิสัมพันธ์ให้ใครต่อใคร คนอย่างเขาดูไม่ใช่คนพูดเก่ง หรือพูดจาหว่านล้อมให้ใครต่อใครคล้อยตามได้...



รึเปล่านะ



จบความคิดตัวเอง ผมหันไปสบตากับดวงตาสีฟ้าที่สะท้อนแสงอาทิตย์ ดูสวยงามไม่แพ้ยามต้องแสงจันทร์



“ผมแค่ไปนั่งเฉยๆ คนก็เข้าร้านแล้ว...คุณเชื่อไหมล่ะ”



อา ผมเชื่อ



ถ้าผมเป็นหนึ่งในลูกค้าที่ไม่เคยรู้จักเขามาก่อน ผมคงต้องมนต์สะกดของเขาเหมือนคนอื่นๆ ว่ารุปร่างหน้าตาทั่วไปของเขาน่าดึงดูดแล้ว ยิ่งสีของดวงตาที่ไม่เหมือนคนทั่วไปทำให้เขายิ่งน่าสนใจ น่าค้นหามากกว่าขึ้นไปอีก และคงไม่แปลกถ้าใครต่อใครต้องการจะมาที่ร้านเพื่อพบเจอเขาแม้เพียงครู่เดียวก็ตาม



ไม่ต่างจากดอกไม้สวยกับแมลง



ผมยังไม่ตอบอะไรกลับ ลงมือสเก็ตช์รูปเขาอย่างใจจดใจจ่อ ก่อนพลิกไปหน้าถัดไป



“แสดงว่าที่เมากลับบ้านทุกวันนี่ก็เพราะที่ทำงาน?”



“อืม...เพื่อนผมให้กินเหล้าเบียร์ฟรี”



“แทนค่าจ้าง?”



“เปล่า ได้ค่าจ้างแยก”



“ไม่ขาดทุนแย่หรือนั่น” จ้างให้เขามานั่งกินเบียร์ฟรีๆ ในร้านเหล้า และดูท่าน่าจะเป็นปริมาณเยอะพอควร เพราะเขาเมากลับบ้านแทบทุกครั้ง



“ผมเข้าร้านเพื่อนผมทีลูกค้าก็ตามมาเต็ม” เขายกยิ้มหวาน “ฮ็อตไหมล่ะ”



จบประโยคชื่นชมตัวเองของเขาทำเอาผมหัวเราะในลำคอ ไม่รู้จะว่ายังไงกับหมอนี่ดี มันก็ถูกที่เขาดูดีมีเสน่ห์ แต่มันใช่เรื่องที่จะต้องชมตัวเองหรือไง



“ไม่เชื่อคุณก็ลองไปดู ไม่ไกลหรอก”



“ฉันไม่มีรถ”



“ไว้ไปพร้อมผมก็ได้”



ผมเห็นรถมินิคูเปอร์จอดอยู่ในโรงรถบ้านเขา แต่ไม่เคยเห็นเขาเอามันออกไปใช้ เอาเถอะ ผมจะเก็บคำเชิญของเขาไว้ก่อนแล้วกัน



พลิกหน้ากระดาษ ผมเสก็ตช์รูปเขาคร่าวๆ ได้สามสี่รูปแล้ว ก่อนจะเริ่มวาดรูปถัดไป ผมเปิดกระดาษย้อนกลับมาดูผลงานเพื่อพบว่ารูปสเก็ตช์ของผมไม่มีใบหน้าเขาด้วยซ้ำ หรือถ้ามีก็จงใจละส่วนดวงตา... ผมรู้ตัวว่าตั้งใจ แต่ถึงยังก็อดแปลกใจตัวเองไม่ได้ที่ทุกรูปมันเป็นเช่นนี้...



“วาดเสร็จแล้วเหรอ ผมดูได้มั้ย”



“เปล่า ยัง”



ผมบอกเขาก่อนที่เจ้าตัวจะลุกมาหา ใจจริงอยากจะตั้งใจวาดรูปเขามากกว่านี้ แต่ผมรู้ว่าผมในตอนนี้วาดเขาให้สมบูรณ์แบบไม่ได้ จึงทำใจปิดสมุดเสก็ตช์ลง



“ช่างเถอะ หิวหรือยัง ไปหาข้าวกันกิน”



ตัดบท เก็บของ ไม่ให้เขามาเห็นรูปที่เว้าแหว่งของตัวเอง



วันนี้เขาอยู่ที่บ้านผมทั้งวัน ทำตัวเสมือนเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวของผมได้อย่างแนบเนียน ลัลออกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านเขาตอนที่ผมออกไปซื้อข้าว และหลังจากนั้นเขาก็วนเวียนอยู่รอบๆ ตัวผมอย่างนี้



ลัลไม่ติดมือถือเหมือนวัยรุ่นทั่วไปหรือคนสมัยนี้ ผมแทบไม่เห็นเขาจับโทรศัพท์มือถือของตัวเองเลยด้วยซ้ำ ขนาดที่ผมว่าตัวเองไม่ติดโซเชี่ยลแล้ว แต่เขายิ่งกว่าผมอีก ใช้ชีวิตยังกับคนรุ่นก่อน ลัลเดินหาหนังสือในบ้านของผมเพื่อขอยืมไปอ่านแทนการฆ่าเวลา ผมไม่ค่อยอ่านหนังสือเท่าไหร่ ที่มีก็มีแต่หนังสือรวมภาพวาด อาร์ตบุ๊คของศิลปินที่ชอบ แต่ก็ยังดีที่พอมีนวนิยายติดมาอยู่สามสี่เล่ม พอให้เขายืมไปอ่านได้ระหว่างที่ผมทำงานอยู่ในห้อง



ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงไม่กล้าไล่เขากลับบ้าน



อย่างไรเสีย เขาก็ไม่ได้ทำตัววุ่นวายด้วย ผมถึงได้ปล่อยให้เขาวนเวียนอยู่ในบ้านเช่นนี้



จวบจนเวลาใกล้เย็น ผมเบื่องานแล้วจึงออกมาจากห้องสตูดิโอ เห็นเขานอนยาวอยู่บนโซฟารับแขก และยังคงอ่านหนังสือที่ผมให้ยืมไปอย่างใจจดใจจ่อ



“จะเย็นแล้ว กินไร”



ผมเป็นฝ่ายทำลายความเงียบและดึงให้เขาหลุดออกมาจากโลกของการอ่าน ลัลหันมาที่ผม แต่ไม่มีคำตอบใดออกจากปากเด็กหนุ่ม



ผมเดินไปหาเขา และเจ้าแมวหง่าวก็ชันตัวลุกให้มีพื้นที่ให้ผมนั่งลงข้างๆ



“กินอะไรก็ได้ แล้วแต่คุณ”



“มาม่าได้มั้ย ขี้เกียจออก” ผมตอบตามความต้องการของตัวเอง อดีตซินเดอเรลล่าที่ตอนนี้แปลงร่างเป็นแมวขี้เกียจพยักหน้ารับ ดูไม่มีปัญหากับการกินใดๆ



เดี๋ยวสักห้าหกโมงค่อยลุกไปต้มมาม่าแล้วกัน



ผมคิดในใจ พลางหยิบหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กรับแขกมาดู ก่อนเปิดอ่าน เป็นหนังสือที่ผมเอาให้เขายืมนั่นแหละ เพียงแต่ตัวเองก็เริ่มจำเนื้อหาในนั้นไม่ได้แล้วถึงได้หยิบมันมาปัดฝุ่นความทรงจำ



ทันทีที่ผมเปิดหนังสืออ่าน เจ้าแมวข้างๆ ก็เอนตัวมาพิงผม



“นั่งให้มันดีๆ”



“คุณอ่อยผมอ่ะ”



“ฉันไปทำอย่างนั้นตอนไหน”



“ก็เนี่ย มานั่งเบียดผม”



ไม่ว่าเปล่า เขาพลิกตัวใหม่อีกรอบ จัดท่าให้ตัวเองนอนนาบกับตัวผม สองแขนเรียวเกาะเอวผมแน่น ช้อนดวงตาอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาขึ้นมาราวออดอ้อน



“ก็บ้าแล้ว โซฟามันมีอยู่ตัวเดียวเนี่ยไม่เห็นหรือไง”



ถึงจะเรียกว่าเป็นโซฟารับแขกในห้องรับแขก แต่เพราะผมไม่มีแขกที่ไหนมาเยี่ยม ถึงได้ปล่อยให้ห้องนี้มีเพียงโซฟายาวตัวเดียวตั้งอยู่กับโต๊ะวางของเล็กๆ ไว้สำหรับนั่งพักผ่อนดูทีวีคนเดียว การที่ผมมานั่งข้างๆ เขาก็ไม่ได้แปลว่าอ่อยไอ้เด็กนี่ มันไม่มีที่นั่งอื่นและผมแค่ทำตามความคุ้นชินของตัวเอง



แต่ลัลเหมือนจะไม่สนใจคำพูดผม เมื่อเขายังคงนอนแนบตัวผม ช้อนตามองอยู่เช่นเคย



“ขยับออกไปเลย”



เด็กเวรส่ายหน้า พร้อมกับเลิกแข่งจ้องตากับผม เขาซุกหน้าลงที่หน้าอกผม จนผมต้องเป็นฝ่ายยอม ขยับตัวหันไปทางเขา ปล่อยให้เด็กขี้เมาที่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนเป็นขี้เซานอนซบดีๆ กลายเป็นว่าเราเบียดตัวนอนกันอยู่ในโซฟาแคบๆ ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงทำตัวอย่างนี้ หาคำตอบให้ไม่ได้พอๆ กับการที่ยอมเปิดประตูบ้านให้เขา



พอลัลเห็นว่าผมให้ความร่วมมือ เจ้าตัวก็คลายกล้ามเนื้อ ทิ้งน้ำหนักตัวมาที่ผมเต็มๆ สองแขนยังคงเกาะเอวผมไว้กันตก ทว่าลมหายใจเขาเริ่มสม่ำเสมอ คล้ายกับจะหลีกโลกแห่งความจริง พาตัวเองเข้าไปในห้วงของนิทรา



ผมลูบเส้นผมสีดำนุ่มมือไปพลางๆ



หลับสักตื่นก่อนค่อยต้มมาม่าก็คงไม่สาย










พี่เริ่มตกหลุมแมว

ไม่รู้ว่าเรื่งเอื่อยไปมั้ย จะเบื่อกันรึเปล่า

ยังไงติชมได้นะคะ ;-;

#ณพระจันทร์


หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.05 am.| 23.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-05-2018 00:23:42
จะได้หม่ำแน่หรือ มาม่านะ ดูท่าจะหลับยาวววววววววววว  :katai3:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.05 am.| 23.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-05-2018 01:10:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.05 am.| 23.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 23-05-2018 01:57:07
 :mew3:พี่ใจอ่อนแล้วว อ้อนต่อไปนะน้องลัล
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.05 am.| 23.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 23-05-2018 07:59:59
เริ่มชอบน้องซินละซี๊  :m12: :m12:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.05 am.| 23.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 23-05-2018 08:27:37
ขยับเข้ามาได้ไหม ขยับมาใกล้กัน :z2:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.05 am.| 23.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 23-05-2018 16:11:11
คุณเขากลายเป็นหมอนแมวขี้อ้อนไปตั้งแต่เมื่อไหร่นะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.05 am.| 24.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 24-05-2018 23:00:48
1.05 am.



เขาอยู่กับผมมาได้เดือนกว่าแล้ว




เป็นหนึ่งเดือนที่ปวดหัวเล็กๆ เพราะมีทั้งคนที่พยายามเข้าหาเขาตามข่าวลือเมื่อคราก่อน และคนที่พยายามเข้าหาเพราะต้องการพิสูจน์ว่าเขาเป็นเด็กผมจริงหรือไม่ อย่างไรเสียคนพวกนี้ก็เริ่มลดน้อยลงไปทุกวัน เมื่อพวกนั้นไม่ได้อะไรจากการพยายามพิสูจน์หลักฐาน นอกจากการไล่ตะเพิดของผม



โยธาเองก็ดูจะชอบใจกับผลลัพธ์เช่นกัน เขาใช้เวลาที่ไม่ได้อยู่กับเพื่อนมาอยู่กับผม…



มาอยู่...ที่หมายถึงมาอยู่เฉยๆ



มานั่งข้างๆ ให้คนอื่นได้ตีความกันไปเอง มาเดินตามต้อยๆ เพื่อให้ใครต่อใครได้เห็นว่าเขาตัวติดกับผม ปล่อยให้ผมไปรับไปส่งเขาทุกวัน โยธาเรียนปีสองแต่ผมอยู่ปีห้า เทอมแรกในการทำวิทยานิพนธ์มีแค่การหาข้อมูล ทำให้ผมค่อนข้างว่างไปดูแลเขา และเขาก็พยายามแสดงตัวอย่างชัดเจนว่าเป็นคนของผมอย่างที่ผมเคยบอกจริงๆ



แต่ว่านี่มันน่าหงุดหงิดเป็นบ้า



ต้องเป็นผมสิที่ควบคุมเขา ไม่ใช่ให้ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของเด็กนี่



ผมใช้เวลาว่างตัวเองไปกับการอยู่กับเขา ทำตัวราวกับเขาเป็นคนสำคัญจริงๆ คอยดูแล เอ็นดูเขาเหมือนเลี้ยงสัตว์เล็ก ซึ่งพอคิดดูแล้วก็น่าขนลุก



นับวันผมยิ่งจะลืมเป้าหมายที่แท้จริงของตัวเองไปแล้ว อยู่รับใช้เขาแบบนี้โคตรไม่ใช่ตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็พอใจที่จะเล่นตามเกมไปเรื่อยๆ จนไม่มีใครเข้าหาโยธาอีก ข่าวลือของเขาเริ่มจางลงไป เรื่องที่เขาคบกับผมก็แพร่กระจายจนทุกคนเขารู้กันทั่ว เมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติสมความต้องการของเขาแล้ว



โยจึงบอกให้ผมยกเลิกข้อตกลงนี่ซะ



และนั่นทำให้ความอดทนของผมหมดลง



ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ผมไม่เคยแตะต้องเขา ไม่ทำเกินเลยอย่างที่เคยรับปาก ไม่ใช่เพราะเป็นคนดี แต่เพราะในหัวพล่ามบอกว่าตัวเองหวังอะไรบางอย่างจากเขา และผมจะไม่คิดจะคว้าน้ำเหลวอีก ความคิดนี้ย้ำเตือนผมอยู่เสมอเวลาที่หลุดยิ้มไปกับคนตัวขาว พยายามดึงไม่ให้ผมตกลงไปในความรู้สึกที่ไม่รู้จัก



คืนนั้นผมไปส่งเขาที่คอนโดเหมือนเคย และโยธาเริ่มมีความไว้วางใจผมมากขึ้นถึงขั้นยอมให้เข้าห้อง เชื่อเถอะว่าก่อนหน้านี้ที่ผมได้เข้าห้องเขาครั้งแรก เจ้าหนูขาวร้องขู่จี๊ดๆ เขม่นผมมากมายราวกับผมจะไปบุกทำลายรังเขาอย่างนั้น แต่พอเขาเห็นว่าผมไม่ทำอะไรก็เลยได้คะแนนเพิ่ม



ครั้งนี้ผมก็ขอเขาขึ้นไปนั่งเล่นที่ห้องเขาเช่นเคย เจ้าหนูน้อยไม่ว่าอะไร ปล่อยผมนอนเล่นในห้องรับแขก ส่วนตัวเองก็หนีไปอยู่ห้องนอน เป็นปกติเวลาผมมาสิงอยู่ห้องเขา จนกระทั่งผมได้ยินเสียงน้ำ โยคงเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ ทำให้ผมแอบเปิดประตูเข้าไปห้องนอนเขา นั่งรอบนเตียงจนกว่าเขาจะทำธุระเสร็จ



“เข้ามาทำไม”



“เข้ามาไม่ได้ไง?”



“ออกไปอยู่ข้างนอก”



เขาร้อง ส่งเสียงดังขึ้นคล้ายออกคำสั่ง โยธาไม่รู้ว่าผมแอบเข้ามา เขาจึงไม่ได้ป้องกันตัวเอง สภาพตอนนี้ของคนตัวขาวมีเพียงผ้าขนหนูที่พันเอวเล็กนั่นอย่างหมิ่นเหม่



ผมปฏิเสธคำสั่ง เดินเข้าหาเขาอย่างรู้ตัวว่ากำลังคุกคาม



“พี่จะทำอะไร”



“เดือนกว่าที่กูช่วยมึง...ไม่คิดจะตอบแทนอะไรกันหน่อยหรือไง”



“จะเอาอะไร เลี้ยงข้าว? ของขวัญ?”



“มึงก็รู้ว่ากูไม่ได้ต้องการของแบบนั้น”



“...” เขาเงียบ กัดปากพร้อมกับจ้องหน้าผมเขม็ง เส้นผมสีเข้มของเขาที่เปียกน้ำช่วยขับใบหน้าใสนั่นให้มีเสน่ห์มากขึ้น ดึงดูดให้เข้าหา เขาเดินถอยหลังเมื่อผมเข้าไปใกล้ เป็นครั้งแรกที่เห็นเขาเปลือยเปล่าเช่นนี้ เจ้าหนูของผมตัวขาวมากจริงๆ



และพอเขาจนมุม ปากเล็กๆ นั่นก็ยอมเอ่ย



“พี่บอกจะไม่ทำอะไรผม”



“อืม” ผมตอบรับ ขยับตัวเดินหาเขาจนเราแทบจะชนกัน ความคิดที่หมายจะให้เขาเป็นของผมวนเวียนซ้ำๆ อยู่ในหัว พยายามบอกกับตัวเองว่าจุดประสงค์จริงๆ คืออะไร การช่วยเหลือเขาเช่นนี้มันไม่ใช่ตัวผม และผมไม่ควรทำแบบนี้ไปตลอด เขาจะทำให้ผมสูญเสียการควบคุม



เลิกใจดีกับเขาได้แล้ว



“พี่บอกจะไม่ทำอะไรผม!”



เขาส่งเสียงดังตวาด ราวกับว่าการตะโกนจะช่วยทำให้ผมกลัวคนตัวเล็กๆ อย่างเขาได้มากขึ้น ส่วนผมก็ได้แต่พยักหน้าตอบรับเขา กดความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไว้ให้ลึกที่สุด อย่ายอมเปลี่ยนใจง่ายๆ เพราะแค่คำพูดของเขา



“อืม ก็ไม่ได้ทำอะไรไง”



“พี่...”



“แค่ถึงตอนนี้”



“พี่ฮิม!!”



เขาหวีดร้อง และผมก็อุดปากเขาด้วยปากของตัวเอง เสียงเล็กๆ นั่นดังอู้อี้อยู่ในลำคอ แขนเล็กๆ พยายามทุบตีผมหวังจะหลุดจากการควบคุม ผมโอบรอบตัวเขา รัดเขาด้วยอ้อมกอดของตัวเอง โยธาดิ้นไม่หยุดจนผ้าขนหนูชิ้นน้อยร่วงลงพื้น และผมก็อุ้มเขาไปไว้ที่เตียง



โยดิ้นพล่าน หวีดร้องทันทีที่มีโอกาส เขาทั้งเตะทั้งต่อย ทำทุกอย่างเท่าที่แรงน้อยๆ ของเขาจะสู้ไหว ใช้เวลาไม่นานผมก็ขึงเขาไว้บนเตียงได้ พอล็อคตัวเขาไว้ใต้ร่างได้สำเร็จ โยก็เอ่ยเสียงสั่น



“พี่บอกจะไม่ทำอะไร...”



“มึงคิดว่ากูเป็นพ่อพระใจบุญหรือไง”



“ผมเชื่อพี่...ผมอุตสาห์ไว้ใจพี่...”



เขาบอก น้ำเสียงขาดๆ หายๆ มาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มใส



“พี่บอกจะไม่ทำอะไร...พี่บอก...จะไม่ทำอะไร...” เขาพูดวนซ้ำๆ ราวกับสะกดจิตตัวเอง กว่าจะรู้ตัวว่าให้ค่าผมผิดก็เมื่อสายไป ดวงตากลมใสที่เคลือบด้วยน้ำตายังคงจ้องผมอย่างหมดทางสู้ ผมมองคนใต้ร่างที่ไร้ซึ่งแรงขัดขืน ก่อนก้มหน้าใช้ปลายจมูกซุกไซร้ซอกคอขาว ไปจนถึงแก้มนุ่ม กลิ่นกายหลังอาบน้ำเสร็จหมาดๆ ของเขาทำให้ผมลุ่มหลงได้อย่างง่ายดาย



โยธาหลับตาแน่น ปล่อยให้น้ำตาไหลท่วมใบหน้า ร่างกายสั่นระริก เขาไม่พูดอะไรแล้ว ราวกับยอมรับความจริงที่กำลังจะเกิด



ผมจ้องคนตัวขาวใต้ร่างอีกครั้ง ใบหน้าที่เคยน่ารักบัดนี้แสดงถึงความเจ็บปวดและหวาดกลัว ผิวเนื้อใต้ร่มผ้าละเอียดนุ่มยากที่จะยั้งมือไม่ให้สัมผัส ชิ้นเนื้อวางอยู่บนปากแล้ว เหลือแค่กัดกินให้สมใจอยาก ทั้งที่เหลือเพียงอีกนิดเดียวก็จะได้ทำตามความต้องการที่ตั้งใจที่พร่ำบอกตัวเองมาตลอดเสียที



ทั้งๆ อย่างนั้น... ผมปล่อยมือเขาให้หลุดจากการควบคุม



พลันได้รู้จักกับความรู้สึกที่คิดมาตลอดว่าไม่จำเป็นสำหรับชีวิต ความรู้สึกที่ไม่เคยอยากรู้จัก



ทันทีที่โยธารับรู้ว่าผมปล่อยตัวเขาแล้ว ร่างเล็กนั่นก็ขดตัวถดไปอยู่มุมเตียง คว้าหมอนและผ้าห่มมาสุมรวมกันราวกับเป็นเกาะกำบัง ผมนั่งมองสภาพจนมุมของเขาด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้



“ออกไป...”



เสียงสั่นๆ ของเจ้าของห้องบอกผม น้ำเสียงแผ่วเบาไร้ซึ่งเรี่ยวแรงและความน่าเกรงขาม แต่ผมกลับลุกขึ้นออกจากเตียง



“ออกไป”



คำสั่งยังคงเป็นเช่นเดิม ผมจับจ้องไปยังร่างของโยธาที่ขดตัวเป็นก้อนเล็กๆ ดูเปราะบางและแตกสลายง่ายเพียงสัมผัส ผมหมุนตัว เดินออกจากห้องนอนเขา ปิดประตูขังร่างเล็กไว้ในพื้นที่ปลอดภัย ก่อนที่ตัวเองจะเดินมานั่งบนโซฟารับแขก



กว่าจะรู้ว่าทำผิดไปก็ตอนที่เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังลอดออกมาจากห้องนอน เสียงร้องไห้ที่เหมือนจะกรีดร่างผมให้แหลกสลาย…



...เขาเป็นเหมือนแก้วที่เปราะบางพร้อมจะแตกเป็นเสี่ยงๆ และเป็นผมเองที่ออกแรงกำแก้วมากเกินไปจนมันแหลกคามือ เศษแก้วที่แตกสลายจึงบาดมือผมจนเป็นแผลเหวอะหวะ












จะจับหนูมาเลี้ยง แต่ดันใช้กับดักหนูจับ น้องก็จะเจ็บนะ

พี่ต้องเริ่มใหม่แล้วล่ะ

ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ

#ณพระจันทร์


หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.05 am.| 24.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 24-05-2018 23:44:02
 :pig4: :pig4: :pig4:

แก้วที่มันแตกสลาย คงยากที่จะประสานกลับมาเป็นเหมือนเดิม

ทำได้ดีที่สุดคือต้องนำไปหลอมและขึ้นรูปใหม่
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.05 am.| 24.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-05-2018 03:14:59
ในอดีตน้องโดนอะไรมาบ้างนะ ถึงได้จำฝังใจแบบนี้  :katai1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.05 am.| 24.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 25-05-2018 09:27:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.05 am.| 24.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 25-05-2018 10:30:54
อะไรเนี๊ยะ ดีแตกหรอ  :z3:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.05 am.| 24.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 25-05-2018 15:02:18
คุณเสือกลับไปเข้ามุมสำนึกผิดซะ  :m16:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.05 am.| 24.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 25-05-2018 20:18:55
เอาไงละทีนี้ จะเข้าหาน้องยังไง  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.05 am.| 24.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 25-05-2018 23:21:44
เง้ออออ ฮิมมมม น้องใจเสียหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.05 am.| 24.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 25-05-2018 23:33:32
ทำร้ายน้องทำไมม :ling1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.05 am.| 24.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: ppseiei ที่ 26-05-2018 00:02:33
น้องลัลน่ารัก
พี่ฮิมดีแตกแล้วข่าาาา (เอ๊ะหรือไม่ดีอยู่แล้ว555)
สงสารน้องโย กอดดดดด
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.06 am.| 28.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 28-05-2018 00:05:36
00.06 am.



ซินเดอเรลล่าไม่ยอมกลับบ้าน



“คุณมีหนังยางอีกมั้ย”



“ไม่มี”



“บนหัวคุณอ่ะ”



“ฉันใช้อยู่”



ลัลทำหน้าไม่พอใจเมื่อผมไม่ยอมยกหนังยางรัดผมของตัวเองให้ ช่วยไม่ได้ ผมมีอยู่เส้นเดียว และถ้าไม่มัดผมหน้าม้าของตัวเองไว้ เส้นผมมันก็ตกมาปรกหน้าจนทำงานไม่ได้



“ที่บ้านนายไม่มีหรือไง”



“คิดว่ามี...แต่ผมขี้เกียจออกไปนี่”



เขาว่า เฉลยความจริง



ลัลมาสิงอยู่กับผมได้อาทิตย์นึงแล้ว เขากลับบ้านแค่ตอนที่จะอาบน้ำเปลี่ยนชุดเท่านั้น ช่วงเวลาที่เหลือก็มาเขย่ารั้วบ้านผม ขอมาอยู่อาศัยด้วยอย่างหน้าด้านๆ ให้ตายเหอะ ใครสั่งใครสอนให้เป็นคนแบบนี้วะ



เด็กหนุ่มออกไปทำงานช่วงหัวค่ำ และกลับมาช่วงเวลาประมาณตีสองตีสาม เด็กขี้เมาไม่ต้องให้เพื่อนตัวเองคอยไปรับไปส่งแล้ว เพราะเขาเล่นมาเมาที่บ้านผมแทน...



ใช่ เด็กเวรนี่มันหอบเบียร์จากที่ร้านเหล้ามานั่งซดในบ้านผม



ลัลไม่ดื่มเบียร์ที่ร้านเพราะผมเคยบอกว่าถ้าเมาจะไม่ให้เข้าบ้าน เขาเลยมาดื่มในบ้านผมแทน...เชื่อเลย



แม้ว่าเวลาเขาเมาจะไม่ได้ลำบากอะไร ลัลไม่เอะอะโวยวาย ไม่ทำลายข้าวของ ไม่เสียงดัง แต่ชอบมานัวเนียใส่ผมตลอด เคยคิดเหมือนกันว่าอยากจะเรียกหาเด็กขายสักคนมาช่วยระงับฮอร์โมนพลุ่งพล่านของเขา แต่ก็ไม่ทำ...เป็นตัวผมเองนี่แหละที่คอยจับเขายัดเข้าห้องนอน แต่นั่นก็ช่วยอะไรได้ไม่มากอยู่เพราะเมื่อผมเข้านอน เขาก็จะมานอนกอด เลื้อยๆ อยู่บนตัวจนน่าจับตีให้ก้นลาย



นอกเหนือจากอาการดังกล่าวแล้ว เขาก็ไม่รบกวนอะไร กระป๋องเบียร์ที่ดื่มจนหมดในแต่ละคืนเขาก็ตื่นมาเก็บกวาดให้ ไม่เคยทำบ้านรก ไม่เคยอ้วกหรือทำสกปรกอะไร



เพียงแต่เหนื่อยใจชิบหาย



ระหว่างการจับกดเขาให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวกับการข่มใจไม่ทำอะไรเนี่ย อย่างแรกดูง่ายกว่าเป็นไหนๆ ลัลดึงดูดเกินไป น่าหลงใหลเกินไป มีเสน่ห์เกินไปจนอันตราย เหมือนดอกไม้พิษล่อแมลงมาติดกับก่อนจะจับแมลงโง่กินเป็นอาหาร



ผมไม่ใช่แมลง และจะไม่ถูกดอกไม้ป่าจับกิน



แม้จะไม่รู้ว่าเขาอันตรายยังไง แต่สัญชาตญานผมมันร้องบอกว่าไม่ทำอะไรเขาจะดีที่สุด



แต่วันๆ เล่นมานอนเลื้อยๆ ยั่วๆ แบบนี้ก็ลำบากใจอยู่ไม่น้อย ผมไล่เขากลับบ้านไปไม่รู้กี่รอบ เด็กเลวก็ทำเพียงกลับไปอาบน้ำแล้วกลับมาใหม่ จนเหนื่อยใจจะไล่แล้ว เขาอยู่ในบ้านก็ไม่ทำตัววุ่นวายอยู่หรอก แต่พอเมาทีไรก็ได้เรื่องตลอด ห้ามไม่ให้ดื่มก็ไม่ได้ แอบเอาเบียร์ไปซ่อนก็ยังรู้ที่อีก



“คุณมียางรัดแกงมั้ย”



“มันไม่เจ็บเอาเหรอ” พลันหลุดจากห้วงความคิด เจ้าเด็กนี่ก็เอ่ยถาม ไม่ยอมแพ้ต่อการหาหนังยาง ผมมียางรัดแกงอยู่ เอาไว้มัดพวกอุปกรณ์หรือถุงขยะ แต่เพราะเคยเอาไปมัดผมแล้วถึงรู้ว่ามันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการนั้น



“ก็ผมรำคาญผมตัวเอง อยากมัด” เขางอแง



ผมกะความยาวของเส้นผมเขา คิดว่าน่าจะพอเกล้าได้ เลยเรียกเขามา



“เอาพู่กันแทนได้มั้ย”



“หือ”



“มานี่”



เด็กดียอมเดินเข้ามาหาผมอย่างว่าง่าย ผมหยิบพู่กันสำหรับลงสีอะคริลิกมาแท่งหนึ่ง เลือกแท่งที่ด้ามสะอาดหน่อยเขาจะได้ไม่รังเกียจ ก่อนจับเส้นผมทั้งหมดรวบไว้ในมือ ใช้ด้ามพู่กันตวัดเกี่ยวเส้นผมนุ่มไว้เป็นม้วน และเสียบลงรัดไม่ให้เส้นผมที่ถูกเกล้าแล้วร่วงหล่น



ใช่ ผมใช้พู่กันเกล้าผมเขาแทนปิ่นปักผม



“อย่างนี้ได้ไหม”



“ผมไม่เห็นรู้เลยว่าพู่กันเอาไว้ใช้เกล้าผม”



“เรียกว่าประยุกต์”



“คุณเคยทำให้ใครหรือ”



“เปล่า...เมื่อกอนฉันก็เคยไว้ผมยาว” ผมตอบส่งๆ หมุนตัวหนีเขากลับมาจดจ่อที่งานตัวเอง พอลัลเห็นว่าผมตั้งใจจะทำงานแล้ว เขาก็ผละออกไป



แล้วไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็กลับเข้ามา



“คุณ มันหลุดอ่ะ”



ผมเกล้าให้เขาใหม่ รัดให้แน่นกว่าเดิม



แต่เขาก็ยังกลับมาพร้อมเส้นผมที่หลุดลุ่ย สามครั้งแรกก็ยังยินดีจะเกล้าผมให้เขาใหม่อยู่หรอก แต่พอมันมีรอบสี่ห้าหกก็คิดว่าชักจะมากไปแล้ว



“ลัล ฉันจะทำงาน”



“รอบสุดท้ายแล้ว”



ผมถอนหายใจ รวบผมเกล้าให้เขาใหม่ และลัลก็ไม่เข้ามากวนอีก



จวบจนได้เวลาอาหารเย็น ผมเดินออกไปเห็นเด็กข้างบ้านนอกผมสยายอยู่ที่โซฟารับแขกตัวเดิม ทำหลุดอีกแล้ว



“มันไม่แน่นหรือไง”



ผมถาม มั่นใจว่าตอนเกล้าให้เขาครั้งสุดท้ายน่าจะแน่นพอที่จะไม่หลุดออกง่ายๆ



“ผมนอนพลิกไปพลิกมามันเลยหลุด” เขาตอบ และนี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้ก่อนหน้านี้มันหลุดบ่อยด้วย ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆ เขา รวบเส้นผมยาวสีดำในมือขึ้นมาอีกครั้ง



คราวนี้ มือขาวๆ ของลัลจับมือผมไว้ไม่ให้ทำต่อ



“ไม่ต้องแล้ว”



“ทำไม ไม่ร้อนแล้วหรือไง”



“อือ ไม่ร้อนแล้ว”



ว่าจบ เขาเลื่อนมือผมไปไว้บนศีรษะ จับมือผมให้อยู่ตำแหน่งกลางศีรษะตัวเองแน่น เจ้าตัวก้มหน้าไม่พูดอะไรต่อ



“ทำไม”



“...”



เขาไม่ตอบ แต่ขยับศีรษะไปมา ราวกับว่าเหมือนผมกำลังลูบหัวเขาอยู่ ท่าทางประหลาดของเขาไม่ได้มีแค่ครั้งนี้ครั้งแรก หลายต่อหลายครั้งที่เจ้าตัวแสดงอาการเหมือนคนขาดความรัก



“ถามจริงเถอะ ที่ทำทุกวันนี่ต้องการอะไร” จนผมทนไม่ไหว เป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน



“เปล่านี่”



“แล้วมาอยู่บ้านฉันทำไม”



“บ้านผมไม่มีคนอยู่ น่าเบื่อ”



“แน่หรือ”



“อือ”



“เงยหน้าสิ” ผมสั่ง เขาไม่ทำตาม ยังคงก้มหน้าอยู่อย่างนั้น ความเงียบระหว่างเราชวนให้อึดอัดจนผมต้องพูดต่อ “ต้องการอะไร รู้ไหมว่ามาอยู่กับฉันแบบนี้ตลอดไม่ได้”



“ทำไมไม่ได้ล่ะ”



“แล้วทำไมถึงคิดว่าได้ บ้านนายก็มี ไม่คิดว่ามันแปลกหรือไง”



ครานี้เขายอมเงยหน้า ยอมปล่อยมือตัวเองจากมือผม ดวงตาสีฟ้าสวยจับจ้องมา ดึงให้ผมเอาแต่มองดวงตาที่สะท้อนแสงอาทิตย์ยามเย็นจนลืมคำพูด



“ผม...ไม่อยากอยู่คนเดียว ไม่อยาก...นอนคนเดียว” และเป็นเขาที่เอ่ยเรียกสติ



“ทำไมล่ะ”



“...”



“หน้าอย่างนายไปหาใครมานอนด้วยก็น่าจะได้นี่ มาขลุกอยู่กับฉันทำไม”



“...เพราะคุณ...ไม่ทำอะไรผม”



“...” ผมสับสนในคำพูดของเขา การที่ผมไม่ทำอะไรเขาไปมากกว่าที่ควรไม่ใช่เพราะไม่อยาก ผมใช้ความอดทนอย่างมากในการไม่คล้อยตามแรงยั่วยวนของเขา แล้วถ้าเขาไม่อยากให้ผมทำอะไร ทำไมต้องมายั่วใส่กัน



“แล้วที่มาบด มาเบียดนี่ไม่ใช่ว่าอยากให้ฉันทำอะไรหรือไง”



“ก็ใช่...แต่คุณก็ไม่ทำ”



“แล้วสรุปอยากให้ทำหรือไม่ทำ”



“ทั้งสอง”



อะไรของมันวะ ผมขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ คล้ายสับสนหาทางออกไม่เจอ ผมไม่เคยเขาทำสีหน้าแบบนี้มาก่อน ปกติเขาทำหน้าเฉื่อยชา ไม่ก็ฉายแววตาที่เจือความโศกเศร้าให้เห็นเป็นพักๆ



ไม่เคยเห็นสีหน้าที่ราวกับจะแตกสลายเช่นนี้



“ผม...ผมไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่รู้”



“ไม่เป็นไร” และก่อนที่เขาจะแตกสลายจริงๆ ผมจึงรีบเอ่ยปลอบพร้อมเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าสวย ค่อยๆ ดันมันให้เข้ามาซบที่อกตัวเอง เขาทิ้งน้ำหนักตัว ซุกลงอกผมอย่างหมดแรง



“ผมไม่รู้...อยู่กับคุณ ผมคิดว่าอาจจะเป็นไปได้ก็ได้”



“เป็นไปได้อะไร”



“เป็นไปได้ที่จะเริ่มใหม่”



“...บ้าหรือไง”



“ผมไม่รู้”



ผมถอนหายใจ คาดเดาเรื่องราวจากเบาะแสที่เจ้าตัวแสดงออกมา ทำให้พอจะรับรู้ถึงเรื่องราวของเด็กขี้เมา เขาคงผิดหวังจากอะไรสักอย่างและมันคงสำคัญมากถึงขั้นต้องเสียใจเป็นบ้าเป็นหลัง ลูบหัวคนในอ้อมอก “นายแค่ผิดหวัง”



“ผมรู้”



“เดี๋ยวมันก็หาย”



“ตอนแรกผมก็คิดอย่างนั้น แต่ผ่านมาเป็นปีแล้วมันก็ยังไม่หาย”



“...”



“ผมต้องทำยังไง...” เขาร้อง น้ำเสียงแหบพร่า และไม่นานนักผมก็สัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่เสื้อตัวเอง



“...การนอนกับคนอื่นไม่ได้ช่วยให้นายดีขึ้นหรอกนะ”



“ผมรู้ แต่นอนกับคุณ เหมือนกับว่ามันอาจจะช่วยได้”



“ไม่ได้หรอก”



“จริงหรือ” เขาเงยหน้ามาสบตาผม ดวงตาสีสวยคล้ายจะสวยกว่าเดิมเมื่อเคลือบน้ำตา



ลัลเช็ดน้ำตาที่เปื้อนบนใบหน้าตัวเองออก ชันตัวลุกขึ้นมาคร่อมตัวผมไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน “สักนิดก็ไม่ได้เหรอ”



ผมไม่ตอบ ดวงตาสีฟ้าเจือแววเศร้าโศกกว่าเดิม เขาขยับตัวจากที่นั่งทับท้องผมไปนั่งทับตรงส่วนกลางลำตัว ทำเรื่องที่เขาถนัดที่สุด ...ยั่วยวน



“ไม่ได้เหรอครับ” เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า พลางไล่นิ้วเรียววนอยู่ตรงหน้าอกผม ลากไปจนถึงส่วนที่เขานั่งทับ



“ผมรู้ว่าคุณก็รู้สึก...หลายครั้งด้วย” ผมปล่อยให้เขาลงมือแกะกระดุมกางเกงตัวเอง “ทำไมถึงไม่ยอมทำอะไรผมล่ะ”



“มันไม่ควร” ผมตอบ พลางรวบฝ่ามือซนๆ ของเขาไว้ ไม่ให้เขาได้ทำอย่างใจ



“ไม่ควรอะไร”



“หลายอย่าง นายเป็นเด็กข้างบ้าน เป็นคนไม่รู้จัก ไม่สนิท”



“นั่นสำคัญด้วยเหรอ” เขาแกะมือตัวเองให้ออกจากการจับกุมของผม “การที่คุณจะนอนกับใครนั่นสำคัญด้วยเหรอว่าต้องรู้จักกัน หรือเป็นคนสนิท”



ใช่ว่าผมจะไม่เคยนอนกับใครเลย และใช่ตามที่เขาบอก ผมไม่จำเป็นต้องรู้จักคู่นอนทุกคน ดวงตาสีฟ้ายังคงพิศวงน่าหลงใหลเหมือนทุกครั้ง เขาจับจ้องด้วยแววตาออดอ้อนเหมือนทุกที แต่ที่จะเปลี่ยนไปก็คือผมเองที่ปล่อยให้ตัวเองโดนดวงตาของเขาดูดเข้าไป



“ช่วยผมหน่อยไม่ได้เหรอ”



และก่อนที่เขาจะเอ่ยประโยคถัดไป ผมก็บรรจงจุมพิตแนบลงริมฝีปากเขา



ลัลวาดแขนโอบรอบคอผม ริมฝีปากนุ่มเผยอออกก่อนเป็นฝ่ายรุกล้ำเข้ามา ผมปล่อยให้ปลายลิ้นเล็กแหย่เย้าตัวเองไปสักพักก่อนรุกเขากลับบ้าง เราโรมรันจูบกันอยู่บนโซฟาแคบ และเป็นผมที่ผลักเขาให้นอนแนบกับโซฟา ถอดกางเกงวอร์มยางยืดของคนใต้ร่างให้ลงไปกองอยู่ที่เข่าอย่างง่ายดาย



“คุณ...”



น้ำเสียงเขาหายไป เมื่อผมสัมผัสส่วนอ่อนไหวของเด็กน้อย ขยับมือรูดรั้งเบาๆ ส่วนกลางลำตัวเขาชูชันสู้มือ เนื้อขาวนวลบัดนี้พลันเปลี่ยนเป็นแดง ใบหน้าสวยเหยเก ก่อนจะเชิดหน้าขึ้นเมื่อผมก้มลงไปใช้ปากครอบครองเขา ลัลร้องเสียงหลง เมื่อผมจงใจปรนเปรอตามคำสั่ง เด็กน้อยยกแขนปิดหน้าตัวเองข้างนึง ซุกซ่อนใบหน้าเขินอายไว้ใต้เรียวแขนขาว ส่วนอีกมือขยุ้มศีรษะผมคล้ายจะระบายอารมณ์



ผมเพิ่มจังหวะละเลงลิ้นจนเขาหลุดร้องครางเสียงหวาน ขยับมือช่วยเร่งเร้า เขาแอ่นสะโพกบิดตัวเร่ากับสัมผัสที่ได้รับ ปลายเท้าจิกลงบนโซฟา ดีดดิ้นราวกับกำลังจะขาดใจ และไม่นานเขาก็กระตุกตัวเกร็งปลดปล่อยออกมา



ลัลหอบกระเส่า ใบหน้าแดงเถือก ดวงตาเคลือบไปด้วยหยาดน้ำใส ดูแล้วน่าเอ็นดู ผมยกยิ้ม เช็ดมุมปากตัวเองที่เปื้อนไปด้วยของเหลวของเขา



“คิดว่าช่วยได้ไหมล่ะ”



“...”



เขาไม่ตอบ ผมลุกขึ้นผละออกมา



“คุณ...ให้ผมช่วยไหม”



“ไม่ต้อง” ผมเอ่ยปฏิเสธ “พอใจแล้วก็กลับบ้านไป”



พลันเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเอง



ผมไม่แน่ใจว่าอะไรทำให้ผมทำแบบนั้นลงไป อาจเพราะเขายั่วยวนมากเกินไป หรือเพราะผมเสียสติ อย่างไรเสียผมก็ทำเกินเลยกับเขาไปมากกว่าที่ตั้งใจเสียแล้ว ให้ตายเถอะ ใครบ้างจะทนต่อการอ้อนวอนของเขาแบบนั้นไหว ผมทำไปไม่สุดนี่ก็คิดว่าตัวเองเก่งมากๆ แล้ว



ผมใช้เวลาสักพักในการจัดการตัวเอง พอคิดว่าออกจากห้องน้ำไปคงจะไม่เจอเขา ทว่าเด็กดื้อยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ในมือถือถ้วยอะไรบางอย่าง



“ทำไมยังไม่ไปอีก”



เขาหันมาหาต้นเสียง มองหน้าผมก่อนเอ่ย “ก็ไม่ได้บอกว่าพอใจนี่”



ผมคิ้วกระตุก อยากฟาดไอ้เด็กขี้เถียงนี่สักที



“ผมต้มมาม่าให้แล้ว อยู่ในห้องครัวนะ”



แต่สุดท้ายที่ทำได้ก็มีแค่ถอนหายใจ และเดินไปหยิบถ้วยมาม่าที่เขาตักให้มากิน



ระหว่างผมกับเขาไม่ได้มีคำพูดอะไรต่อกัน หลายสิ่งหลายอย่างวนเวียนอยู่ในหัว ความสัมพันธ์ของเรากำลังจะเปลี่ยนไปเพราะผมเริ่มล้ำขอบเขต และเขาก็ไม่ว่าอะไร ยินยอมให้คนแปลกหน้าอย่างผมรุกล้ำ ผมไม่แน่ใจในความรู้สึกตัวเองที่มีต่อเขาด้วยซ้ำ แต่ดันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทำให้ผมปวดหัวต้องเรียบเรียงความคิดตัวเองใหม่อยู่พอควร



ในระหว่างที่นั่งเล่นคิดไม่ตกอยู่นั้นมีสิ่งหนึ่งที่แปลกไป ตอนนี้สามทุ่มแล้วผมยังไม่เห็นเขาออกไปไหน ปกติเจ้าตัวจะออกไปทำงานช่วงทุ่มหรือสองทุ่ม แต่นี่อะไร ยังนอนเฉื่อยแฉะอยู่บนโซฟาอยู่เลย



“ไม่ไปทำงานหรือไง”



“วันนี้ขอลา”



“ทำไมล่ะ”



เขาหยุดอ่านหนังสือในมือ พลิกตัวหันมาจ้องผมอีกครั้ง



“อยากอยู่จนกว่าคุณจะทำให้ผมพอใจ”









พี่เริ่มติดกับน้องแล้ว  :hao6:

#ณพระจันทร์



หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.06 am.| 28.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 28-05-2018 00:36:46
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ้อยขนาดนั้นแล้ว  ยังไม่สนองให้หนำใจอีก
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.06 am.| 28.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 28-05-2018 00:37:37
เริีมสนิทกันนิดนึงแล้ว :hao6: ขอบคุณมากค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.06 am.| 28.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 28-05-2018 01:45:56
 :katai4: หุยย
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.06 am.| 28.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-05-2018 01:50:26
ตกลงใครอ่อย ใครจีบ งงวุ้ย  :ruready
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.06 am.| 28.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 28-05-2018 08:21:32
เริ่มมีความ...เล็กๆ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.06 am.| 28.5.2018 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 28-05-2018 08:56:07
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

อยากไปอยู่ใต้เตียง ใต้โซฟา ใต้ผ้าห่มมมมม ฮือออออ

ยั่วเก่ง :hao7: :z3:  ขอให้อิพี่ตบะแตกทีเถอะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.06 am.| 29.5.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 29-05-2018 23:00:34
1.06 am.



ผมเป็นคนทำให้เขาแตกสลาย



ผมเคยชินกับการมีคนเอาใจ และด้วยนิสัยเสียของผม ผมมักจะคิดเสมอว่าไม่มีใครที่จะไม่ทำตามคำสั่งผม แม้ไม่ได้ร้องขอแต่ก็มีคนเข้าหามาเอาอกเอาใจผมอยู่ตลอด ทุกคนเหมือนแข่งกันทำให้ผมพอใจ จะมีก็แต่เพื่อนสนิทผมที่ไม่ได้ตามใจขนาดนั้นและโยธา...



คนที่ผมกลายเป็นฝ่ายวิ่งไล่เขาเสียเอง



เหมือนทอมไล่จับเจอร์รี่ โยธาหนีเก่งชิบ อาจเพราะหนึ่งเดือนที่ผ่านมาทำให้เขารู้นิสัยผมมากขึ้น เจ้าหนูจิ๋วนี่ถึงหลีกเลี่ยงไปที่ที่คิดว่าจะเจอผมและที่ที่คิดว่าผมจะหาเขาเจอ ผมเจอโยแทบนับครั้งได้ แต่ละครั้งที่เจอก็แค่เจอผ่านตา ไม่มีโอกาสได้เข้าไปหาเลยสักที



หลังจากวันนั้น ผมกลับหอตัวเองด้วยสภาพดูไม่จืดจนเพื่อนผมสังเกตได้ ผมปรึกษาเขาเล็กน้อยและได้คำถามกลับมาว่า ชอบโยธาหรือ?



ในตอนนั้น ผมไม่ได้ตอบอะไรเพื่อนผมกลับไป แต่พอเวลาผ่านไปนานเข้า ความรู้สึกอยากครอบครอง อยากเป็นเจ้าของเขากลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกรักชอบเป็นคำแสลงของผม ถ้อยคำน่ารังเกียจที่ตัวเองต่อต้านมาโดยตลอด และตั้งมั่นว่าจะไม่มีความรู้สึกนี้ให้กับใคร กลับโดนหนูตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งทำลายความตั้งใจจนแตกสลาย



ผมเกลียดคำว่ารัก เพราะคนรอบตัวใช้มันเป็นข้ออ้างในการทำร้ายคนอื่น เกลียดคำว่าชอบ เพราะมันทำให้เราสูญเสียความเป็นตัวเอง ความรู้สึกที่ต้องเอาตัวเองไปผูกติดกับคนอื่น ผมไม่ชอบเลยจริงๆ



ไม่ชอบตัวเองที่นับวันยิ่งมีความรู้สึกอยากจะเอาตัวเองไปผูกติดกับโยธาด้วย



จนสุดท้ายเมื่อผมเห็นใบหน้าของโยธา ความอคติทั้งหลายได้พังทลาย ผมอยากอยู่ข้างเขาอย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน ใช้เวลาพอสมควรในการยอมรับความรู้สึกของตัวเอง และเมื่อหนีตัวเองไม่ได้ผมจึงเริ่มเป็นฝ่ายไล่ตามเขาแทน



ฮิมชอบโยธาเหรอ?



ตอนนี้...คงจะเป็นอย่างนั้น



ถ้าผมตอบเพื่อนผมไปมันคงตกใจ เพื่อนสนิทผมเราอยู่ด้วยกันมาตลอด เขารู้จักนิสัยผมดี ผมไม่เคยให้ความสำคัญกับใครมากขนาดนี้ โยเป็นคนแรก และผมไม่ต้องการให้เขาไปเป็นของใครนอกจากตัวเอง



ครั้งที่แล้วกับดักหนูอาจจะรุนแรงไปหน่อยจนเจ้าหนูตกใจ คราวนี้ผมจึงเปลี่ยนเป็นไม้อ่อนแทน



ใช้วิธีตามหาเขาเพื่อเกลี้ยกล่อมเริ่มต้นใหม่ แต่ดูท่าจะไม่เวิร์คเท่าไหร่เมื่อเจ้าหนูตัวขาวเอาแต่วิ่งหนีผม คอยหลบหน้า เอาเพื่อนมาช่วยกันให้ผมออกห่างจากเขา ผมหงุดหงิด อยากบุกเข้าไปเคาะถึงห้องแต่ก็กลัวเขาจะตกใจกลัวอีก หลายคนเริ่มสงสัยว่าผมกับเขาทะเลาะกันหรือเลิกกัน บางคนบอกว่าผมงี่เง่าที่ตามจับคนอย่างโยธา หรือไม่ก็โยธาโง่เง่าที่ไม่ยอมลงเอยกับผม แต่ผมไม่ได้สนใจพวกนั้น เขาไม่ได้มีอิทธิพลต่อชีวิตผมเลยไม่อยากเอามาใส่ใจ



ผมปล่อยให้ใครต่อใครพูดกันไป ส่วนตัวเองก็ไล่จับหนูเจอร์รี่อย่างเอาเป็นเอาตายแบบนี้



ค่อยๆ เรียนรู้กับความรู้สึกที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง



ผมลองกลับมาใช้วิถีชีวิตแบบเดิมแล้ว นอนกับคนเดิมๆ เพื่อหวังลืมเรื่องเขาออกจากหัว แต่กลับไม่ได้ผล เมื่อผมเอาแต่คิดถึงร่างเนื้อขาวๆ ที่เคยอยู่ใต้ร่างผมมาก่อน ไม่สนใจคู่นอนที่กำลังร่วมรักด้วยกันอยู่สักนิด แม้กระทั่งคู่นอนที่เป็นคนโปรดของผม ก็ยังเอาไม่อยู่...



ผมไม่คิดว่าจะมีใครดีไปกว่าคู่นอนของผมคนนี้แล้ว อย่างน้อยๆ ผมก็คิดว่าเขาคือคนสวยและวางตัวดีที่สุดเท่าที่คบมา



แต่ก็ยังไม่ช่วยอะไรเลย เมื่อในใจผมเอาแต่นึกถึงโยธา



วันเวลาดูเดินช้ากว่าปกติเมื่อไม่มีเขา ความรู้สึกอึดอัดใจจนทรมานนี้แก้ไม่หาย ถึงได้เริ่มออกตามหาตัวเขาเพื่อปรับความเข้าใจใหม่อีกครั้ง ในคราวนี้ผมตั้งใจจะลองเริ่มใหมกับเขาดีๆ เพียงแต่คงไม่ง่าย เจ้าหนูจ้อยคงไม่คิดอยากเสวนากับผมอีก



ก็สมควร เล่นทำกับเขาไปตั้งขนาดนั้น



“เห็นโยมั้ย”



“พี่...ผมว่าพี่เลิกเถอะ”



“ทำไม”



“โยมันไม่อยากยุ่งกับพี่แล้วอ่ะ ผมไม่รู้ว่าพี่ไปทำอะไรมันแต่เพื่อนผมมันดูกลัวพี่มากนะ”



“เปล่า กูจะถามว่าทำไมเสือก”



“...”



“สรุปเห็นมั้ย”



“เห็นก็ไม่บอกหรอก พี่เลิกยุ่งกับเพื่อนผมเถอะ มันไม่ชอบ ผมไปก่อนนะ”



แล้วไอ้เด็กเวรเพื่อนโยธาก็ลุกจากโต๊ะไป ผมหงุดหงิดอยากต่อยคน แต่จะต่อยมันกลางโรงอาหารไม่ได้ พยานเยอะเกินไป ถึงได้แอบเตะกำแพงให้เจ็บตีนเล่น



พอใจเย็นอีกครั้งผมถึงคิดได้ว่าไม่ควรไปต่อยเพื่อนเขา อย่างน้อยช่วงนี้ผมควรทำคะแนนเป็นคนดีสักหน่อย



หนูจี๊ดเหมือนมีรังหนูอยู่ทั่วทุกที่ราวกับบ้านของเจอร์รี่ พอผมเห็นเขาเขาก็รีบวิ่งหนีหายไปหลบตัวในรังหนูให้พ้นสายตาผม เป็นอย่างนี้บ่อยๆ ก็ชักจะอยากจับตัวเขามาเขย่าๆ ให้เลิกดื้อ แต่ที่ทำได้มีแค่ต้องใจเย็น



แล้วใจเย็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ มันจะมีโอกาสให้ผมจริงหรือ



ใจเย็นจนเริ่มจะใกล้บ้าแล้ว



พอมาคิดว่าขืนเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ มีหวังผมคงเรียนจบก่อนได้คุยกับเขาดีๆ แน่ เลยลองเอาเรื่องโยไปปรึกษาเพื่อนอีกคน มันไม่เห็นด้วยที่จะใช้ความรุนแรงจับหนู แต่ถ้ายังดึงเกมไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็มีแต่ผมที่จะเสียเปรียบจริงๆ นั่นแหละ มันเลยออกตัวอาสาเป็นคนไปคุยกับโยธาให้ก่อน ถ้าเขาโอเคถึงจะค่อยติดต่อหาผมอีกที



ผมคิดว่าเป็นวิธีนี้โง่สุดๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะตกต่ำขนาดนี้ การเข้าหาใครไม่เคยเป็นเรื่องยากสำหรับผม แต่ทำไงได้ ผมไม่มีทางเลือกอื่น จะบุกเข้าไปหาเขาก็วิ่งหนี จะรอเฉยๆ เขาก็หลบหน้า ขืนใช้กำลังมีหวังไม่ได้เจออีกตลอดกาล เลยมีแต่ต้องยอมพึ่งพาเพื่อนให้ไปช่วยไกล่เกลี่ยให้



ถึงผมจะรู้ว่าไม่ได้น่าจะได้ผลก็ตามที








ขออภัยที่อัพช้าค่ะ

ตอนนี้พี่ฮิมก็จะมึนๆ งงๆ ไม่รู้จะจับหนูใหม่ยังไงดี

เอาใจช่วยพี่ด้วยนะคะ 555555



#ณพระจันทร์
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.06 am.| 29.5.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 29-05-2018 23:30:36
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.06 am.| 29.5.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 30-05-2018 00:00:02
หนูตัวนี้เป็นอะไรมาก่อนนะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.06 am.| 29.5.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 31-05-2018 14:07:10
คุณแม่ยังไม่ไว้ใจพี่ฮิมหรอกนะคะ//ติดป้ายห้าม ไปสำนึกผิดมาใหม่ซะ  :m16:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.07 am.| 2.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 02-06-2018 23:23:54
00.07 am.



ผมไม่ได้ทำอะไรให้เขาพอใจอย่างที่เขาต้องการหรอก



ยังไงก็ไม่ ผมไม่อยากให้ความต้องการของตัวเองทำให้เกิดความผิดพลาดซ้ำๆ อีก ถึงอย่างนั้นก็เกลียดการกระทำครึ่งๆ กลางๆ ของตัวเองเหลือเกิน



ไม่รู้ทำไม กับลัลแล้ว ผมห้ามตัวเองไม่ได้เลยสักครั้ง



ลัลยังคงมานอนเบียดเหมือนทุกทีและผมก็ไม่ทำอะไรเขาเหมือนทุกที เพียงแต่พอรู้ว่าตัวเองเริ่มทำอะไรเกินเลย แทนที่ผมจะถอยห่างออกมา ผมกลับปล่อยให้ทุกอย่างให้ดำเนินไปเป็นเหมือนเดิม เด็กนี่ก็เหมือนกัน ทำตัวปกติจนนึกหมั่นไส้ ผมเคยอยากรู้ว่าเขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร เคยคิดจะถามอยู่หลายครั้งแต่สุดท้ายก็จบลงที่ลูบหัวเส้นผมเขาเบาๆ อย่างนี้



เขายังไม่หลับ ส่งเสียงพูดคุยออกมาในความมืด “ผมคิดว่าคุณไม่ชอบผู้ชาย”



“เคยพูดไว้หรือ”



“คุ้นๆ ว่าเคย”



“ตอนนั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธจริงจังเสียหน่อย”



“...แสดงว่าเคยกับผู้ชาย?”



“คิดว่าไงล่ะ”



“คิดว่าเคย...”



“ก็คงตามนั้น”



เขาไม่ตอบอะไรกลับมา ส่วนผมก็ลูบหัวเขาต่อไป ไหนๆ ก็ปล่อยเลยตามเลยมาตั้งขนาดนี้แล้ว ปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ต่อไปคงไม่เป็นไรมั้ง



ผมบอกกับตัวเองอย่างนั้น ก่อนขยับตัวลุกขึ้นมาในตอนเที่ยงวัน



เมื่อคืนก่อนจะเข้านอน ลัลชวนผมไปร้านเหล้าที่ทำงานของเขา ทีแรกผมปฏิเสธเพราะขี้คร้านจะเจอคน แต่เพราะเขารบเร้าด้วยการออดอ้อนเดิมๆ ทำให้ผมเผลอตกลงรับปากไป เหนื่อยจะเถียงเด็ก แถมงานเดือนนี้ไม่เร่ง ผมพอมีเวลาเถลไถลอยู่ อันที่จริงตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ผมก็แทบไม่ออกไปไหน ไกลสุดก็แกลอรี่ที่ต้องไปส่งงาน แถมเรียกแกร๊บอีก ไม่เคยได้ออกไปเที่ยวจริงจังเลย



ผมคิดว่ามันไม่ได้สำคัญอะไร ผมย้ายมาอยู่ที่นี่ไม่ใช่เพราะอยากเที่ยว ผมแค่...อยากมาอยู่ที่ๆ ทำให้ผมสงบจิตสงบใจได้เฉยๆ



แต่ลัลก็ทำให้สติผมกระเจิงอยูดี...



ในคืนต่อมาผมก็ยัดตัวเองไปอยู่ในรถมินิคูเปอร์สีดำของเขา และพาตัวเองไปสู่ร้านที่ลัลทำงาน ผมไม่ได้ต้องการแอลกอฮอล์ แต่ตอบตัวเองไม่ได้ว่ามาที่นี่ทำไม อาจจะแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศดูบ้างล่ะมั้ง ผมคงขดคู้อยู่ในบ้านนานไปหน่อย ผมครุ่นคิดระหว่างเดินทาง ระยะทางไม่ไกลนัก เมื่อมาถึงจุดหมาย เขาพาเข้าลานจอดรถหลังร้าน มีสุนัขสีน้ำตาลนอนเด่นเฝ้าพื้นที่ตรงนี้อยู่ พอจอดรถเสร็จสรรพก็พาผมเข้าสู่ตัวร้าน



พื้นที่ร้านค่อนข้างกว้าง เฟอร์นิเจอร์ทำจากไม้เป็นส่วนใหญ่ โต๊ะไม้ เก้าอี้ไม้ บาร์ไม้ รวมไปถึงฝาผนังและประตูบางแห่งด้วย ประดับด้วยแสงไฟสีส้มและพวกของโบราณเก่าๆ ชวนให้คิดถึงสมัยก่อน บรรยากาศดูอบอุ่นเป็นกันเองเหมือนอยู่ในบ้านสักหลัง ลัลพาผมไปหาเพื่อนของเขาที่เป็นเจ้าของร้าน ชื่อจ๊าก และผมก็ได้รู้ว่าร้านนี้แท้จริงแล้วเป็นบ้านเก่าของไอ้เด็กเจ้าของร้าน มีบ้านที่ไว้อยู่อาศัยจริงๆ หลบอยู่ข้างหลังร้าน อารมณ์เปิดร้านเหล้าหน้าบ้านตัวเอง และคงเพราะบรรยากาศที่ดูอบอุ่นและเหมือนได้ย้อนยุคแบบนี้ทำให้ลูกค้าชอบใจ



จ๊ากเล่าว่าเขาสืบทอดกิจการต่อมาจากลุงตัวเอง เดิมทีร้านนี้ค้าขายไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่พอเขาจบก็ใช้ความรู้ทางวิชาชีพออกแบบร้านช่วยเรียกลูกค้าวัยรุ่นได้มากกว่าเมื่อก่อน และที่ขาดไม่ได้เลยคือตัวเรียกลูกค้าอย่างลัล



“เมื่อก่อนสมัยเรียนผมก็พาลัลมาที่นี่บ่อยๆ จนคนจำได้ เลยได้ลูกค้าประจำเพิ่มด้วยเลย”



ผมเชื่อแล้วว่าเขาฮ็อตจริงอย่างที่เคยว่า



“ร้านสวยดี”



“ขอบคุณครับ แล้วนี่ไม่รู้จักไอ้ลัลมันได้ไงเหรอ ปกติมันเก็บตัวจะตาย” อ้อ เด็กเก็บตัวปกติแล้วมาเขย่ารั้วหน้าบ้านคนอื่นงั้นเหรอ ผมหันไปมองตัวต้นเหตุที่ทำเป็นลอยหน้าลอยตา



“บ้านอยู่ตรงข้ามกันน่ะ”



“อ้อ...” ไอ้จ๊ากตอบแค่นั้น ก่อนที่พนักงานในร้านจะเรียกตัวมันไป “ตามสบายเลยนะพี่ ผมไปดูร้านแป๊บ มีอะไรก็บอกไอ้ลัลมันนะ”



ผมมองซินเดอเรลล่าหน้าง่วง เขาเดินไปหยิบเบียร์ในเคาท์เตอร์มาสองกระป๋อง เดินไปยังที่นั่งที่นึงอย่างคุ้นเคย คิดว่าคงเป็นที่ประจำของเขา ผมนั่งลงฝั่งตรงข้าม เจ้าแมวหง่าวก็ส่งเบียร์อีกกระป๋องมาให้ผมพร้อมยักคิ้วหนึ่งทีแทนคำพูด



“ไม่กินดีกว่า เผื่อมีคนเมา” ผมบอกเขา เน้นคำว่าคนเมาท้ายประโยคให้ใครบางคนฟัง ลัลทำเพียงเลิกคิ้ว



“แน่ใจนะ”



ผมพยักหน้า มองเขากินเบียร์ไป และระหว่างนี้ก็เริ่มมีลูกค้าทยอยเข้ามาแล้ว



ผมนั่งมองบรรยากาศยามค่ำคืน มองผู้คนมากมาย มองวงดนตรีที่บรรเลงเพลงเพราะ รู้สึกประหลาดนิดหน่อยที่พาตัวเองมาอยู่ท่ามกลางฝูงชนอีกครั้ง แต่ผมก็ได้แต่นั่งมองพวกเขาเฉยๆ ไม่ได้ไปมีปฏิสัมพันธ์กับใคร โอเค...นั่งมองลัลด้วยก็ได้ พร้อมกับสั่งเครื่องดื่มแค่ไม่กี่อย่างให้พอเป็นมารยาทเท่านั้น



จนเวลาร้านปิด สุดท้ายผมก็ได้ทำหน้าที่รับคนเมากลับจริงๆ...



เขาเมาอ้อแอ้ และเวลาผมลุกไปเข้าห้องน้ำก็มักจะมีคนไม่รู้จักมาเนียนนั่งด้วยบ่อยๆ แม้กระทั่งตอนผมจะพาเขากลับก็ยังมีคนเสนอตัวมาขอช่วยอีก เสน่ห์เหลือล้นจริงๆ



“ขอบคุณพี่มากนะ ช่วยผมได้เยอะเลย”



“หืม” ผมส่งเสียงพร้อมทำหน้าไม่เข้าใจเป็นคำถามให้เจ้าของร้าน เพราะผมไม่ได้ทำอะไรเลย



“ขอบคุณที่ช่วยดูแลไอ้ลัลไง” จ๊ากเฉลย



“อ้อ...”



“ไอ้ลัลเรียกแขกก็จริง แต่ผมต้องกันไม่ให้ใครเข้าไปยุ่งมันด้วย แม่งโคตรเหนื่อยเลยพี่”



“ทำไมล่ะ”



“มันเพื่อนผม ขี้เมาแบบนี้ใครชวนไปไหนก็ไปหมดอ่ะ ผมไม่อยากเห็นเพื่อนติดเอดส์”



“แล้วให้เขาเมาทำไมล่ะ”



“ก็...ผมไม่อยากให้มันอยู่คนเดียวอ่ะ มันอกหักแล้วควบคุมตัวเองไม่ได้ อย่างน้อยมาเมาที่ๆ ผมพอดูแลได้ ดีกว่าไปเมาที่อื่น เหนื่อยใจกับมันเหมือนกัน อกหักมาเป็นปีแล้ว ทำใจไม่ได้สักที”



“...”



“ลัลมันดื้อ ถ้าจะดื่มก็คือจะดื่มให้ได้ เคยลองไม่ให้มันดื่มเหล้าเบียร์อยู่เหมือนกัน ปรากฏว่ามันก็ไปหาของมันกินได้อยู่ดี คราวนั้นเกือบถูกใครไม่รู้หิ้วไป ดีนะที่ผมมีสายเยอะ ช่วยได้ทัน”



อา เรื่องดื้อนี่ผมรู้ดีเลยล่ะ



“เนี่ย พอมีพี่มาด้วยก็ไม่ค่อยมีคนเข้าหามันเท่าไหร่ ผมก็ทำงานของผมได้ ไม่ต้องแวะมาปัดแมลงวันให้เพื่อน”



“ฉันไม่ได้ทำอะไรหรอก” ผมตอบเขาไป พลางนึกในใจว่านี่ขนาดเข้าหาไม่เยอะแล้วนะ ผมยังเห็นคนมาแวะเวียนที่โต๊ะเขาแทบทุกสิบห้านาที ปกติแล้วต้องมีตั้งกี่คนที่พยายามเข้าหาเขากัน



“แค่นั่งเฉยๆ ก็กันหมาได้แล้วพี่” เจ้าของร้านอารมณ์ดีว่า “แล้วพี่กลับได้มั้ยอ่ะ”



“ได้ๆ ไม่เป็นไร”



ผมขับรถเป็น มาอยู่ที่นี่แค่ไม่มีรถให้ขับเฉยๆ ขับมินิคูเปอร์ไม่เหนือบ่ากว่าแรงนักหรอก



ผมกับเจ้าจ๊ากพยายามยัดลัลเข้ารถ ผมบอกลาเจ้าของร้านอีกครั้งพร้อมยืนยันว่าจะมาอีก ก่อนขับรถออกไป สายตาผมจ้องมาถนนตรงหน้า สองมือจับพวงมาลัย เท้าขวาคอยเหยียบคันเร่งสลับกับเบรก ทว่าสมองผมกลับไม่ได้จดจ่ออยู่ที่ท้องถนน



แต่เป็นคำพูดของเพื่อนลัล ที่บอกว่าเขาอกหักมานานแล้ว...



วัยรุ่นอกหักมันก็ต้องดื่มเหล้าย้อมใจสินะ... แล้วไอ้การอกหักมานานแล้วเนี่ย แสดงว่าเขาดื่มเหล้าเบียร์มาเป็นปีแล้วเหรอ ตับแข็งพอดีแล้วมั้งนั่น



ผมมองคนอกหักมาเป็นปีที่นอนคอพับไม่รู้เรื่องราวอยู่ข้างๆ เรื่องราวที่เคยคาดคิดไว้มีมูลความจริงมากกว่าเดิม ลัลอกหัก เสียใจ อยากได้คนดามใจ แต่เพื่อนเขากันไว้ไม่ให้ไปเอากับใครมั่ว พอได้จังหวะที่เพื่อนไม่อยู่ก็เจอกับผม การที่เขามาทำตัวอย่างนี้ก็คงเพราะต้องการใช้ผมเป็นเครื่องมือเยียวยาจิตใจ...



ใช่มั้ยนะ



แม้จะพอเดาได้มาตั้งแต่ต้นๆ แต่พอคิดว่ามันจะเป็นจริงแล้วผมกลับรู้สึกโหวงเหวงในอก ไอ้เด็กนี่คงเห็นผมเป็นแค่เซ็กซ์เฟรนด์ ไม่ก็แค่เพื่อนคลายเหงา



ผมมองคนใจร้ายที่เริ่มขยับตัวยุกยิกลืมตาตื่น เขาร้องครางเสียงเบาเมื่อเห็นว่าตัวเองอยู่ในรถ



“เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว หลับไปเถอะ”



ลัลพยักหน้า และเอียงคอหลับไปราวกับแมวเชื่องๆ เชื่อฟังคำสั่ง



ระยะทางจากร้านนั้นถึงหมู่บ้านผมไม่ไกลมาก ดีที่ขามาผมพยายามจำเส้นทางไว้เลยไม่หลง ไม่นานนักผมก็มาจอดหน้าบ้านของลัล พร้อมกับปลุกเจ้าของรถให้ตื่น



“ลัล ถึงบ้านแล้ว”



เขาสะลึมสะลือตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นหน้าบ้านตัวเองก็หันมาทางผมที่กำลังจะดับเครื่องยนต์



“เข้าบ้านไป”



เขาขมวดคิ้ว “เข้าบ้านคุณสิ”



“บ้านนายก็มี จะไปบ้านฉันทำไม”



ผมเปิดประตู เดินลงจากรถอ้อมไปยังอีกฝั่ง เปิดประตูให้ลัลก่อนดึงเขาออกมา



“ไป เข้าบ้าน”



“ไม่เอา”



“วันนี้เมานะ ลืมแล้วหรือ”



ผมหาข้ออ้าง เขายอมออกมาจากรถดีๆ ทว่าพอยืนกลับเซโงนเงน ผมจับเขาไว้ไม่ให้ล้ม และลัลก็ฉวยโอกาสทิ้งน้ำหนักตัวใส่ผม แขนยาวเกาะรอบคอผมแน่น พันแข้งพันขา ช้อนหน้าขึ้นมาสบตา ผมรู้...เขากำลังจะอ้อนอีกแล้ว



“เข้าบ้านคุณนะ”



นั่นไง... ผมกลอกตา มองไปบนท้องฟ้าที่มีพระจันทร์ครึ่งดวงลอยอยู่



“นะ...”



ไม่รู้ทำไม นี่เป็นอีกครั้งที่ผมปฏิเสธเขาไม่ได้ ผมยอมเปิดประตูบ้านตัวเอง หนีบเขาเข้าบ้านไปด้วย พอเข้าไปยังตัวบ้าน ลัลก็ผละออกจากผม เดินโอนเอนเข้าห้องน้ำไป และผมไม่รู้จะเรียกความรู้สึกที่ตัวเองเป็นอยู่ตอนนี้ว่ายังไง



มันใกล้เคียงกับคำว่าสับสน แต่ก็มีความรู้สึกอื่นปะปนอยู่เช่นกัน ผมบรรยายไม่ถูก แต่ถ้าจะให้อธิบายเป็นภาพความรู้สึกตอนนี้ผมคงใช้สีม่วงทาเป็นวงกลมหนึ่งชั้นก่อนตามด้วยสีน้ำเงิน Prussian Blue จุ่มสีจนชุ่ม วาดเป็นวงๆ สะเปะสะปะ ปล่อยให้หยดสีไหลย้อยออกมาตามแรงโน้มถ่วง จากนั้นก็สะบัดสีขาวและเหลืองเลม่อนลงไป...คงไม่เข้าใจสินะ ช่างมันเถอะ



เพราะสุดท้ายผมก็นอนกอดเขาไว้อยู่ดี ลัลอาบน้ำแล้ว แต่ก็ยังได้กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ วันนี้ผมให้เขายืมชุดนอน คนตัวผอมสวมเสื้อยืดตัวหลวมโคร่ง คอเสื้อที่พอดีสำหรับผมพอไปอยู่บนตัวเขากลับกว้าง ขยับไม่ระวังทีก็เห็นอะไรต่อมิอะไร แม้จะเป็นผู้ชายเหมือนกัน รู้ว่ามีอะไรเหมือนกัน แต่แผ่นอกขาวๆ หน้าท้องแบนราบของเขาก็ทำให้สติเตลิดอยู่ดี



“คุณ...”



“อยู่นิ่งๆ” ผมดุ เมื่อเขาเริ่มขยับมือซุกซนไปจับอะไรที่ไม่ควรเข้า คิดว่าคงได้ใจหลังจากที่ผมยอมทำอะไรเขาไปนิดหน่อยแน่ๆ



เด็กดื้อไม่ยอมแพ้ เขาขยับตัวซุกหน้าลงซอกคอผมก่อนลงเขี้ยวกัดเบาๆ เด็กซนเงยหน้ามามองผมเพื่อดูผลงาน ผมจ้องเขาด้วยสายตาดุๆ แน่นอน ลัลไม่รู้ความหมายหรือไม่ก็ไม่ใส่ใจ เขาขยับตัวเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ผม ใช้ปลายจมูกตัวเองเขี่ยที่แก้ม ทำตัวเหมือนสัตว์เลี้ยงออดอ้อนเจ้าของ



“หยุดเลย”



“ทำไมอ่ะ”



“ถ้าอยากได้ที่ระบายอารมณ์ก็ไปทำกับคนอื่น”



“คุณก็รู้...จ๊ากไม่ยอม”



“ฉันก็ไม่ยอมเหมือนกัน”



“ทำไมล่ะ...ครั้งนั้นยังทำให้อยู่เลย...”



“...” ผมสูดลมหายใจเข้า นึกหาเหตุผลดีๆ เพื่อตอบเขา



“...ครั้งนี้ไม่ทำแล้ว” แต่หาไม่เจอ...



ผมบอกตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงรู้สึกหงุดหงิดกับเขา คงเพราะเขาคิดกับผมแค่คนช่วยคลายเหงา แต่นั่นมันแปลว่าผมไม่พอใจที่เขาอกหักแล้วตัดใจไม่ได้สักทีอย่างงั้นหรอกหรือ



ระหว่างที่คิด ผมสัมผัสได้ถึงฝ่ามือร้อนๆ ที่ล้วงเข้ามาในสาบเสื้อ



ผมจับเขาล็อคตัวไว้เมื่อรู้สึกว่าลัลกำลังคิดจะทำอะไรบางอย่างที่อันตราย คนในอ้อมกอดร้องเสียงอู้อี้ที่โดนขัดใจ ลัลโดนฝังอยู่ในอกผม เขาพยายามมุดเอาหัวตัวเองออกมา และเมื่อทำสำเร็จ เด็กดื้อที่ขยับได้แค่ใบหน้าก็ขยับมางับหัวไหล่ผม



ฟันซี่เล็กๆ ในปากของเขากดลงบนผิวเนื้อของผมเบาๆ ทำให้รู้สึกจั๊กจี้มากกว่าเจ็บ เขางับอยู่อย่างนั้นเหมือนลูกหมาคันเขี้ยวที่ฟันเพิ่งขึ้น ผมเลยก้มลงไปกัดใบหูเขาเบาๆ บ้าง



“อื๊อ”

ลัลสะดุ้ง ร้องลั่น

หลับตาเกร็งตัวแน่นไปหมด ผิดวิสัยจนน่าแปลกใจ ผมกัดใบหูเขาอีกที และลัลก็ร้องลั่นอีกครั้ง พร้อมกับมุดหน้าหนีไปในอกผม ไม่ให้ถูกโดนจุดอ่อนไหวอีก



รู้วิธีฝึกแมวให้เชื่องแล้วสิ










ฮาวทูฝึกแมว

#ณพระจันทร์
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.07 am.| 2.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 02-06-2018 23:51:57
แมวดื้อน่าเอ็นดู พีีเจอวิธีฝึกแมวน้อยขี้เหงาแล้ว ขอบคุณมากค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.07 am.| 2.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-06-2018 02:23:21
ใครนะที่เป็นคนหักอกลัลได้เนี่ย  :hao4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.07 am.| 2.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 03-06-2018 02:52:33
โถ่ น้องลัล อย่าเห็นพี่เป็นที่ระบายเลย สงพี่เค้า คิดมากแล้วว
ปล.พี่ฮิมนี่ขอให้ลงโทษหนักๆ ทำกะน้องโยได้ไงงงง
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.07 am.| 2.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 03-06-2018 08:49:17
 :pig4: :pig4: :pig4:

อกหักมาเป็นปี แต่ยังทำใจไม่ได้  แสดงว่าเขาคนนั้นคงมีอิทธิพลมากมายจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.07 am.| 2.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 03-06-2018 09:00:37
หูน้องงงงงง :-[
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.07 am.| 2.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 03-06-2018 14:45:59
หนูลัลอย่าเล่นกับหัวใจคุณเขาาา แค่นี้ก็หวั่นไหวจะแย่แล้วววว
ขอให้ได้กัน เอ้ย รักกันเร็วๆนะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.07 am.| 2.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 03-06-2018 15:06:34
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.07 am.| 3.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 03-06-2018 21:50:03
1.07 am.



โยปฏิเสธการเจรจา



ผมว่าแล้วล่ะ เพื่อนผมก็เดาไว้แล้วเหมือนกัน เขาจึงต่อรองด้วยการเป็นตัวแทนเจรจาให้ โดยการให้ผมฝากข้อความไปที่เพื่อนผม และมันจะเอาไปบอกโยต่อ แต่ขอเถอะ เรื่องบางเรื่องมันต้องพูดต่อหน้าเจ้าตัวจริงๆ ถึงจะพูดออกไม่ใช่หรือไง และอีกอย่าง...ผมไม่รู้ว่าตัวเองตั้งใจจะพูดอะไรกับเขาด้วยซ้ำ



แค่...อยากเจอหน้า



อย่างน้อยๆ ก็อยากขอโทษ... อยากให้เขากลับมาอยู่ข้างๆ อีกครั้ง



อันที่จริง...ก็มีอะไรจะบอกนี่หว่า แต่ถามจริงเถอะ คิดว่าผมจะกล้าพูดเรื่องพวกนี้ให้เพื่อนฟังหรือไง น่าอายจะตายชัก แต่สุดท้ายเมื่อทำอะไรไม่ได้ ผมเลยฝากเพื่อนผมไปบอกเขาว่าขอคุยทางไลน์แทน ให้เขาตอบผมด้วย



เราแอดไลน์ไว้ตั้งแต่เดือนก่อน เพราะเอาไว้ติดต่อตามหาตัวแต่ละคน ในตอนนั้นเขาจำเป็นต้องพึ่งผม แต่ในตอนนี้ดูท่าผมคงไม่จำเป็นแล้ว เพราะผมทักอะไรไปก็ไม่มีข้อความตอบกลับมาสักข้อความเดียว



แม้แต่เปิดเข้าไปอ่านเขาก็ยังไม่ทำเลยด้วยซ้ำ...



ต้องขอบคุณความดีความชอบของเพื่อนผม ที่ไปตามตื๊อจนโยยอมตอบตกลง และในหน้าจอไลน์ก็ขึ้นว่าเขาอ่านข้อความผมเรียบร้อย ผมทักไปหาเขาอีกครั้งในช่วงกลางดึก หวังว่าพระจันทร์จะเห็นใจ



‘โย...ขอโทษ’



‘อืม’



เขาใช้เวลากว่าหนึ่งชั่วโมงในการตอบผมว่าอืม...ถ้าไม่ติดว่าเป็นเขานะ ผมขับรถไปตีถึงที่แล้ว



‘รู้ว่าไม่หายโกรธหรอก แต่ขอโอกาสได้มั้ย’



‘ผมเคยให้ไปแล้ว และพี่ก็ทำมันพัง’



‘ขอโทษ’



‘อืม’



‘ขอครั้งสุดท้าย’



คราวนี้เวลาผ่านไปสองชั่วโมงเขาก็ยังไม่ตอบ แต่ข้อความขึ้นแจ้งว่าถูกอ่านแล้ว ผมทำได้แค่กระสับกระส่ายเป็นบ้าอยู่คนเดียว สุดท้ายผมก็ทนรอไม่ไหว เผลอหลับคาจอไปก่อนจะเห็นข้อความตอบกลับของเขา และเมื่อตื่นขึ้นมา โทรศัพท์ผมก็แจ้งเตือว่าโยทิ้งข้อความไว้



‘พี่เลิกยุ่งกับผมเถอะ ผมไม่โกรธแล้ว’



ให้ตายสิ มาบอกตัดเยื่อใยแบบนี้ได้ไงกัน



‘เลิกยุ่งไม่ได้หรอก’



‘กูอยากเจอมึง อยากเห็นหน้ามึง อยากให้มึงอยู่ข้างๆ เหมือนที่แล้วมา’



‘ขอโทษที่เคยทำเหี้ยๆ’



‘แต่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรให้มึงไม่ชอบใจอีก’



ผมส่องข้อความไปรัวๆ อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ข้อความคล้ายอ้อนวอนจนนึกสมเพชตัวเองที่มาติดกับดักหนูขาว ตลอดชีวิตที่ผ่านมาผมไม่เคยรู้สึกอยากอยู่ข้างใครเท่ากับเขามาก่อน อย่างที่คิดนั่นแหละ ความรักมักทำร้ายใครต่อใคร และความชอบก็มักทำให้คนเราไม่เป็นตัวของตัวเอง



สิ้นสติอย่างน่ากลัว



โยธาอ่านข้อความของผมแล้วทว่าไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ผมว้าวุ่นใจอีกครั้ง นั่งอ่านข้อความที่ตัวเองส่งไปให้เขาพลางกังวลว่ามันอาจจะน่ารำคาญหรือเปล่า



เขาไม่ตอบข้อความผมเลยทั้งวัน และหลบหน้าผมไปได้ตลอดแม้ว่าผมจะมาดักรอที่หน้าห้องเรียนเขาก็ตาม คนที่ช่วยกันผมออกจากโยธาก็มีแต่เพื่อนเขาทั้งนั้น ปกป้องกันจนผมหงุดหงิด แต่ถ้าตัวเองไม่ทำเรื่องเหี้ยๆ แบบนั้นก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้ นั่นแหละ ก็ได้แต่โทษตัวเอง



โยยังคงใจแข็งไม่เปลี่ยน เขาไม่แยแสผมสักนิดจนเริ่มเหนื่อยใจ แต่การใช้ชีวิตแบบไม่มีเขาต่อไปเรื่อยๆ เช่นนี้ดูน่าจะเหนื่อยใจกว่า ผมเลยตั้งใจตามรังควานเขาต่อไป



ผมเฝ้าเขาเลิกเรียนหน้าห้องเรียนทุกครั้งที่มีเวลา แต่เขามักจะไหวตัวทันและคอยให้เพื่อนๆ ที่แสนน่ารำคาญนั่นกันตัวผมให้ออกห่างทำให้ผมเจอเขาแค่เสี้ยวหน้า แล้วผู้พิทักษ์โยธาก็จะพาเขาไปซ่อนตัวในรังหนู มันมักเป็นเช่นนี้ตลอด แต่ผมยังไม่ยอมแพ้เพราะแค่ได้เห็นเสี้ยวหน้าเขาแค่เพียงนิดเดียวก็ช่วยเพิ่มพลังให้ผมสู้ง้อเขาต่อแล้ว



การเฝ้าดูเขาเป็นวิญญาณตามติดแบบนี้นานๆ เข้าผมก็เริ่มชิน คนทั่วไปก็เห็นผมตามตื๊อเขาจนเลิกนินทาไปแล้ว เหลือแต่รอให้โยใจอ่อนเนี่ย และเหมือนว่าพระเจ้าจะนึกเห็นใจผม พอเห็นเขาออกมาจากห้องเรียน ผมรีบตรงไปหาเขา ครั้งนี้โยไม่ได้รีบเดินหนีไปไหนเหมือนทุกทีแต่เขารอให้คนเดินออกไปจนซา เหลือแต่พวกเพื่อนๆ ยืนรายล้อมเขา



“พี่ช่วยเลิกยุ่งกับผมสักที”



“งั้นมึงก็เลิกหลบหน้ากูสักทีดิ”



“พี่ ผมไม่เล่นด้วยนะ พี่ทำตัวน่ารำคาญขนาดนี้พี่ไม่รู้ตัวเหรอ ผมรำคาญ ไม่อยากเห็นหน้าพี่ ผมเองก็เหนื่อยที่ต้องหนีพี่เพราะไม่อยากยุ่งด้วยเหมือนกันนะ”



“งั้นก็เลิกหนีสิ” ผมเดินเข้าหา “กูจะไม่ทำอะไรมึงอีก ขอแค่มึงเลิกหลบหน้ากู”



“พี่ไม่รู้เหรอว่าผมหลบหน้าพี่เพราอะไร เพราะผมไม่ชอบพี่”



“แต่กูไม่ได้ไม่ชอบมึงนี่”



“พี่ฮิม อย่ากวน ขอร้อง เราจากกันด้วยดีไม่ได้หรือไง ผมไม่อะไรกับพี่แล้ว พี่เลิกยุ่งกับผมไม่ได้หรือไง”



ผมนิ่งไปพักนึง อันที่จริงก็ค่อนข้างสะเทือนใจกับคำปฏิเสธอย่างแรงกล้าของเขา ไม่เคยมีใครปฏิเสธผมขนาดนี้มาก่อน โยทำตัวเหมือนผมเป็นเชื้อโรคน่ารังเกียจอย่างนั้นแหละ แต่ถ้าผมเลิกยุ่งได้ผมทำไปนานแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรให้ผมต้องตามตื๊อคนน่ารำคาญเป็นเดือน เพียงเพราะแค่หวังฟันหรอก โยต่างหากที่ทำให้ผมเลิกยุ่งไม่ได้ หนีไปไหนไม่รอด



“เลิกยุ่งไม่ได้หรอก”



“...ผมไม่รู้ว่าพี่ต้องการอะไร”



“งั้นรู้ไว้เลย” ผมจ้องหน้าเขา ตัดสินใจทำตามความคิดตัวเอง



“ว่าจะจีบดีๆ แล้ว”



ผมไม่เคยจีบใคร ไม่เคยมีใครเห็นผมต้องตามตื๊อใครมาก่อน แต่ตอนนี้ผมยอมสละสิ้นทุกความทระนง สลัดความเย่อหยิ่งยึดมั่นในศักดิ์งี่เง่านี้ออกให้หมด



ผมจะจีบเขาแล้ว เตรียมตัวไว้เลย










รีบมาอัพ

เพราะรู้ตัวว่าสั้นมาก 55555

ฮาวทูเลี้ยงหนู

#ณพระจันทร์
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.07 am.| 3.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 03-06-2018 23:24:38
จีบเลยจ้าๆๆๆๆทำตัวให้มันดีๆหน่อยฮิม ส่วนคู่ลัลนี่ลุ้นว่าเมื่อไหร่คุณเขาขะหมดความอดทนกันนนน อิอิอิอิ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.07 am.| 3.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-06-2018 00:10:50
แน่ใจนะโย ว่าเกลียดพี่เขาจริง ๆ นะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.07 am.| 3.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 04-06-2018 01:04:19
 :pig4: :pig4: :pig4:

บอกได้คำเดียว

"สมน้ำหน้า"
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.07 am.| 3.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 04-06-2018 07:56:37
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ ชอบตอนของลัลมาก มีแค่ตัวเอกสองคนในสถานที่เดียว เรื่องดูเรื่อยๆ แต่เราชอบบรรยากาศแบบนี้มาก
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.07 am.| 3.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 04-06-2018 08:15:43
จีบดีๆ ดูแลดีๆนะคะพี่ฮิม อย่าให้หนูหลุดไปนะ  :really2: ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.07 am.| 3.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 04-06-2018 09:20:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.07 am.| 3.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 04-06-2018 10:49:12
เค้าชอบคู่นี้
จะจีบดีๆ จิงนะ
ชูป้ายไฟเชียร์
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.07 am.| 3.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 04-06-2018 13:38:07
 :pig4: :pig4: :pig4:

พี่ฮิมสู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.07 am.| 3.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 05-06-2018 23:25:54
น้องโยใจแข็งไว้นะลูกกก
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.08 am.| 6.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 06-06-2018 00:12:27
00.08 am.



ทำไมถึงมีผู้หญิงยืนฉี่อยู่ในห้องน้ำ?


ผมมาอยู่ที่ร้านเหล้าที่ลัลทำงานอีกครั้งเพราะเขาชวนอีกแล้ว คราวนี้แยกกันมา ลัลให้จ๊ากมารับช่วงบ่ายๆ เพราะจะไปช่วยเจ้าของร้านซื้อของ ส่วนผมก็ยืมรถเขาไปช่วงสองทุ่ม พอมาถึงร้านก็เริ่มมีคนแล้ว ผมนึกอยากเข้าห้องน้ำเลยแวบไปก่อนจะเห็นอะไรประหลาด...



มีผู้หญิงผมสีดำยาวเลยบ่าเล็กน้อย สวมชุดเดรสสีอ่อนถกกระโปรงยืนหันหน้าให้กับโถฉี่ ผู้ชายทุกคนในห้องน้ำต่างจับจ้องสิ่งประหลาดตรงหน้านี้ แต่เจ้าตัวดูไม่ได้สนใจอะไร



อันที่จริง ผมน่าจะเดาได้แต่แรกแล้วว่าเขาคือลัล...



และเมื่อเขาทำธุระเสร็จ ใบหน้าสวยนั่นก็หันมาสบตากับผม เขาเดินไปล้างมือแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป ไม่มีการส่งเสียงทักทายใดๆ ผมถอนหายใจ คิดว่าทำไมเขาถึงไม่ใช้ห้องน้ำที่มีประตูทำธุระไปนะ ออกมายืนฉี่ทั้งๆ กระโปรงแบบนี้โคตรเป็นเป้าสายตาเลย...แต่มันก็แปลกตาดีเหมือนกัน เผลอยกยิ้มขำให้กับสภาพเด็กดื้อ ก่อนทำธุระของตัวเองให้เรียบร้อย



เสร็จแล้วก็เดินออกไปยังตัวร้าน ที่นั่งประจำของเขาถูกจับจองไว้ก่อนแล้ว โดยหญิงสาวที่นั่งเอาเท้าพาดต้นขาอีกข้างอย่างไม่นึกกลัวว่ากระโปรงจะเปิด ใช่ ผู้หญิงประหลาดนั่นคือลัลเองนั่นแหละ



“ทำไมแต่งตัวอย่างนี้ล่ะ” ผมเอ่ยถามเมื่อนั่งลงฝั่งตรงข้าม คนสวยทำหน้ามุ่ย เหมือนไม่พอใจที่โดนจับแต่งตัวเช่นนี้



“ดุ๊กดิ๊กกลับมาเยี่ยม เลยโดนจับแต่ง”



“...” ผมไม่มีคำพูด เพราะไม่เข้าใจคำตอบของเขา พอเจ้าเด็กนี่เห็นว่าผมทำหน้างง เลยช่วยอธิบายเพิ่ม



“ดุ๊กดิ๊กเป็นเพื่อนสาวที่คณะ ชอบจับผมแต่งตัวแบบนี้บ่อยๆ”



“อ้อ แล้วนายก็ยอมหรือ”



“ผมขัดใจเขาไม่ได้ แถมเอาชุดผมไปซ่อนอีก”



เขาเฉลย ทำหน้าเบ้ ยกเบียร์ตรงหน้าซดอึกๆ



“เฮ้ ถ้าเมาไม่ต้องเข้าบ้านเลยนะ”



เขาหยุดกระดกเบียร์ในมือ หันมาจ้องหน้าผม



“มาร้านเหล้าแล้วจะให้ทำอะไรล่ะ กินบิงซู?”



“อย่ากวน”



“งั้นคุณก็หาอะไรให้ผมทำหน่อยสิ”



จบประโยค ผมมองหน้าเขาที่บัดนี้โดนแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางๆ ลัลหน้าสวยอยู่แล้ว พอได้แต่งแต้มนิดๆ หน่อยๆ ก็ออกมาดูดี แถมใส่ชุดอย่างนี้อีก จะไม่แปลกใจเลยถ้าหากมีคนคิดว่าเขาเป็นผู้หญิงจริงๆ



ลัลเปลี่ยนท่านั่งเป็นไขว่ห้าง เริ่มท้าวคางมองผม



“จ้องขนาดนี้ไปหลังร้านมั้ย”



“หึ”



ผมหลุดขำ ส่ายหัวให้ความคิดเขา ในหัวหมอนี่มีแต่เรื่องแบบนี้หรือไง



“คิดว่านายแต่งแบบนี้ก็น่ารักดี”



คราวนี้คนน่ารักเบิกตาโตเล็กน้อย ก่อนเฉไฉหันไปมองทางอื่น ผมคิดว่าเขาคงเขิน พอเห็นลัลในมุมแบบนี้ก็คิดว่าน่ารักกว่าตอนเป็นเด็กขี้ยั่วตั้งเยอะ แต่ก็ไม่อยากให้เขาเขินนานๆ กลัวว่าเจ้าเด็กไม่ดีจะลุกหนีไปก่อน ผมจึงชวนเขาคุย



“แล้วไหนล่ะเพื่อนที่ว่า”



ลัลหันกลับมาสบตากับผม ชี้มือไปทางซ้าย ส่วนที่เป็นบาร์ “ตรงนั้น”



ผมหันไปเห็นเจ้าจ๊ากอยู่กับใครสักคน ผู้ชายคนนั้นไว้ผมสั้น สวมเสื้อเชิร์ตลายดอกกับกางเกงขายาวห้าส่วน การแต่งตัวดูดี ไม่มีส่วนไหนบอกว่าเขามีหัวใจเป็นสาว ทว่าท่าทางกลับเห็นได้ชัด ผมจึงเดาได้ว่าเขาคือดุ๊กดิ๊ก



“ไม่ไปอยู่กับเพื่อนล่ะ”



“ก็คุณอยู่นี่”



“...ไปคุยกับเพื่อนก็ได้ ฉันไม่ว่าหรอก”



“ไม่เอาหรอก”



“...ทำไมล่ะ ไม่คิดถึงเพื่อนหรือไง”



“เดี๋ยวมีหมามาคาบคุณไป”



ผมหลุดขำพรืด จะมีใครมาสนใจผมกัน ดูตัวเองเสียก่อนเถอะ ล่อสายตาเสียขนาดนี้



“ไม่มีใครมาหรอก ไปเถอะ”



เขาพ่นลมหายใจ “ตอนแรกผมก็คิดว่าคุณโง่นะ แต่ตอนนี้คิดว่าน่าจะซื่อบื้อมากกว่า”



“อะไร”



เขากลอกตา ส่วนผมขมวดคิ้วสงสัย และเขาก็ลุกออกจากโต๊ะเพื่อเดินไปหาเพื่อนๆ กระโปรงสั้นเหนือเข่าของเขาสะบัดพริ้วจนเห็นขาอ่อน ทำให้ผมเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อที่มีลูกสาวแล้ว อยากจะหาผ้ามาคลุมไม่ให้ใครเห็นเรียวขาขาวๆ นั่น แล้วก็นึกแปลกใจตัวเองที่จู่ๆ ก็หวงทั้งๆ ที่เป็นแค่คนข้างบ้าน ผมท่าจะเป็นเอามาก



ผมมองตามเขาไปเพราะไม่รู้จะมองอะไรในร้าน ลัลเอนตัวพิงกับเคาท์เตอร์บาร์ พูดคุยกับเพื่อนสนุกสนาน ชุดเดรสสีอ่อนขับให้เขาดูมีออร่า สว่างจ้ามากกว่าเดิม และไม่แปลกใจเลยถ้าหากเข้าจะเป็นเป้าสายตาให้ทั้งร้าน



คนมองลัลจนแทบจะไม่มีใครสนวงดนตรีอยู่แล้ว



ระหว่างนั้น มีผู้หญิงเดินมาขอชนแก้วกับผมสองสามคน ผมยินดีผูกมิตร แต่ไม่คิดจะมีปฏิสัมพันธ์มากไปกว่านี้ พวกเธอสวยดี แต่สวยได้ไม่เท่าครึ่งหนึ่งของเด็กข้างบ้าน ให้ตาย...พอเจอลัลแล้วสเปกผมก็สูงขึ้นอย่างนั้นหรือ ผมไม่ควรเอาเขาเป็นเกณฑ์วัดใครด้วยซ้ำ เพราะเขาอยู่สูงจากมาตรฐานเกินไป



ระหว่างความคิด ก็มีผู้หญิงอีกคนเดินมาขอชนแก้วด้วย ผมยกยิ้ม หยิบแก้วเบียร์ที่เป็นของลัลมาชนกับหล่อนตามมารยาท ทว่าก่อนจะได้ยกดื่มนั้นกลับมีมือขาวของใครบางคนโผล่มาจากด้านหลัง กำมือรอบมือผมแล้วพาแก้วเบียร์เข้าปากตัวเองไป



ลัลยกยิ้มมุมปากให้หญิงสาว เธอหน้าเสียเล็กน้อยก่อนเดินจากไป



ส่วนต้นเหตุก็เดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม เอ่ยขึ้นอย่างมั่นใจ



“ผมบอกแล้ว”



“ก็...ไม่คิดว่าตัวเองจะหน้าตาดี”



“มีใครบอกคุณหรือ?”



ไอ้เด็กเปรต ผมไม่ได้เข้าร้านแบบนี้นานแล้ว จำศีลเป็นฤาษีเฝ้าถ้ำอยู่เป็นปี ห่างหายแอลกอฮอล์และแสงสีไปนานจนคิดว่าสภาพตัวเองคงไม่ได้ดูดีเหมือนแต่ก่อน แต่การที่ยังคงมีคนเข้าหาผมอยู่นั่นทำให้ผมเริ่มมั่นใจในตัวเองขึ้นมาหน่อยๆ



ลัลยกคิ้วสองข้างส่งเป็นคำถามอีกรอบ ก่อนยกเบียร์ซดจนหมดแก้ว เขามองไปรอบร้านก่อนเอ่ย



“กลับกันเถอะ”



“หือ ร้านยังไม่ปิดเลย”



“วันนี้ขอเลิกงานไวแล้วกัน”



“ทำไมล่ะ”



เขาลุกขึ้นยืน ปรายตามองมาที่ผม “อยากกอดคุณ”



เชื่อว่าถ้ากำลังดื่มน้ำอยู่ผมคงสำลัก แต่เพราะนั่งเฉยๆ เลยทำได้แค่หัวเราะกับคำพูดของเขา ลัลรอให้ผมลุกขึ้นพร้อมกัน ก่อนเป็นฝ่ายเดินนำไป



“ไม่เปลี่ยนชุดหรือ”



“ดุ๊กดิ๊กไม่ยอมบอกว่าเอาชุดผมไปไว้ไหน” เขาว่าพลางจับชุดเดรสสีอ่อนบนตัว “นี่ก็ชุดดุ๊กดิ๊ก กลับไปทั้งอย่างนี้ก็ไม่เป็นไรหรอก แลกกัน” ว่าจบก็รอให้ผมเปิดรถให้ ผมทำตาใจเขาอย่างว่าง่าย



“แล้วออกมาแบบนี้ไอ้จ๊ากไม่ว่าเอาเหรอ”



“ไม่ว่าหรอก ก็หักเงินเอา”



พอเขาเข้าไปนั่งในรถเสร็จ ผมก็เข้าไปนั่งฝั่งคนขับบ้าง ก่อนสตาร์ทรถ ขับออกจากร้านไป ระหว่างทางเราไม่ได้คุยกัน จนผมมาถึงบ้านตัวเอง เปิดประตูรั้วนำรถของเขาเข้าโรงจอดรถที่บ้านผมอย่างไม่ถามความเห็นเจ้าของรถ เพราะคิดว่ายังไงเจ้าเด็กดื้อก็คงจะอ้อนขอนอนด้วยเหมือนทุกครั้ง และครั้งนี้เขาทำตามข้อตกลง คือไม่เมา



แต่ว่านะ... “แล้วคิดว่าฉันจะยอมกอดนายเหรอ”



“...ไม่กอดหรือ”



เขาช้อนตามถาม ผมยักไหล่ เดินเข้าตัวบ้าน เขาเดินตามมาพร้อมกับล็อกประตูให้ เดินมาสวมกอดผมจากข้างหลัง



“ไม่กอดจริงๆ เหรอ”



ผมหมุนตัวไปจ้องหน้าเขา โยกหัวเบาๆ “ทำไมถึงต้องอยากกอดนายล่ะ”



“ผมไม่น่ากอดหรือ”



“หาเหตุผลอื่นไม่ได้หรือไง”



ทีนี้เขานิ่งเงียบ ก้มหน้าฝังจมูกบนหน้าอกผมไปพักนึง



“ผมคิดว่า ถ้าเป็นคุณก็คงได้”



“ได้อะไร”



“เป็นโลกให้ผมได้...” ครานี้ช้อนตาขึ้นมามอง ท่าไม้ตายเขาเลยล่ะ “ได้ไหม”



ใช่ว่าไม่เข้าใจความหมายที่ลัลต้องการบอก แต่ที่ไม่ยอมตอบเป็นเพราะความสับสนอยู่ภายในใจต่างหาก ผมชอบเขา แน่ล่ะ ลัลเป็นคนที่ใครเห็นก็คงชอบ แต่ถ้าถามว่าเขาจะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตได้ไหม...ผมตอบยาก เราเจอกันแค่สองเดือนกว่าอยู่เลย แต่ไม่ปฏิเสธว่าผมอยู่กับเขาแล้วก็มีความสุขดี ถึงอย่างนั้นมันก็มีตัวแปรมากกว่าหนึ่งหรือสอง



ลัลใช้ดวงตาสีสวยจ้องผมในความเงียบ จนหมดความอดทน เขาพ่นลมหายใจพรืด ปล่อยแขนออกจากตัวผม หมุนตัวเดินไปห้องน้ำ



และก่อนที่เขาจะได้เข้าไปหลบตัวในห้องเล็ก ผมก็คว้าเขามากอด



“อย่าใจร้อนสิ” ผมกระซิบบอกเขาที่ข้างหู ลัลหดคอหนีเมื่อโดนเล่นงานจุดอ่อน



ผมเอาคางพาดไหล่เขา กระชับอ้อมกอด บอกไม่ถูกว่าอารมณ์ตัวเองตอนนี้เป็นยังไง ลัลเข้ามาในช่วงที่ไม่ทันได้ตั้งตัว แถมวิธีเข้าหาก็ประหลาด ผมไม่คิดว่าเขาจะจริงจังอะไรขนาดนี้ รวมถึงตัวเองก็ไม่กล้าจริงจังกับใครอีกเช่นกัน...



ลัลอกหักมาเป็นปี ทำใจไม่ได้สักที ผมเข้าใจ...ที่น่าเจ็บใจก็คือผมก็เป็นเหมือนเขา



เพียงแค่วิธีการหาทางออกของผมไม่ใช่การดื่มเหล้าจนเมามาย หรือการไปหาใครต่อใครมานอนกอดแทนคนเก่า



แต่ที่ผมทำคือการหลีกหนีจากสภาพแวดล้อมเดิม ย้ายตัวเองมาอยู่ที่ใหม่ หลีกหนีจากผู้คน หนีจากการมีปฏิสัมพันธ์กับใคร การอยู่คนเดียวคือทางออกของผม ทั้งที่ตั้งใจเช่นนั้น แต่ไม่เคยไล่ลัลออกไปจากชีวิตได้สักที



“กอดผม...”



“...กอดอยู่นี่ไง”



“งั้นปล่อยเลย เดี๋ยวผมกอดคุณเอง”



ผมหัวเราะขำ กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ไม่ยอมให้คนเด็กกว่าได้ทำตามใจ เขาฟึดฟัด พยายามดิ้นหนี ผมเลยช่วยทำให้เขาใจเย็นด้วยการจูบลงขมับขวา ก่อนล้วงเข้าไปในกระโปรงสีสวย



ลัลชะงัก เขาหยุดดิ้นแล้ว เปลี่ยนมาเป็นเกร็งตัวแทน ท่าทางน่ารักจนน่ามันเขี้ยว ผมกดจูบลงที่ใบหูของเขาอีกที จนคนโดนแกล้งร้องครางเสียงแผ่ว อีกมือของผมไม่หยุดนิ่ง ล้วงลูบต้นขาขาวใต้กระโปรงไล่ขึ้นไปจนถึงขอบบ็อกเซอร์ ผมใช้นิ้วเกี่ยวให้มันลงมาในระยะที่พอจะเข้าไปรุกรานส่วนกลางลำตัวของเขาได้



เขาขดตัวงอเป็นกุ้งเมื่อผมเริ่มสัมผัสส่วนนั้นที่เริ่มจะตื่นสู้มือ ลัลพยายามหันมาทว่าผมล็อกตัวเขาไว้แน่น เด็กน้อยเลยได้แต่ร้องเสียงแผ่ว ดิ้นพล่านไปมา



“คุณ...”



“หืม”



“กอดผมนะ...” เขาครางเสียงเบาจนแทบไม่เป็นภาษาเมื่อผมเริ่มขยับมือ เขาพยายามตะกายเอื้อมมือตัวเองมาแตะตัวผม ไล่ไปจนถึงส่วนนั้น เขาแตะอยู่สองสามที “ตรงนี้...เอาเข้ามานะ”



รับคำสั่ง ผมกัดไหล่เขาเบาๆ ใช้เวลาไม่นานในการปลดซิปเอาเจ้าหนูของตัวเองออกมาสัมผัสอากาศข้างนอก ผมจับสะโพกของเขามั่น บีบให้ต้นขาของเขาชิดกัน เอ่ยกระซิบข้างหู



“ยืมหน่อยนะ”



พร้อมกับแทรกตัวไประหว่างร่องขา ลัลสะดุ้งจนต้องเอื้อมมือไปจับขอบประตู ยันไว้ไม่ให้ตัวเองล้มลงไป ส่วนผมขยับมือช่วยเขาพร้อมกับเริ่มขยับสะโพกของตัวเองเบาๆ ในตอนนี้ผมไม่มีความคิดจะทำอะไรเขาจริงจัง แต่ก็ห้ามใจยากเหลือเกินที่จะไม่สัมผัสเขาในยามที่ลัลอยู่ในสภาพน่ากอดเช่นนี้



อย่างน้อยก็มาคนละครึ่งทาง



ผมถูของตัวเองกับต้นขาขาว เสียดสีกับส่วนอ่อนไหวของเขา ขยับมือรูดรั้งแก่นกลางของอีกฝ่าย ลัลส่งเสียงร้องไม่เป็นศัพท์ออกมาเป็นระยะ เขาก้มหน้าจนเส้นผมสีดำยาวไหลลงไปข้างหน้า เปิดให้เห็นต้นคอขาวราวกับเชิญชวนให้ชิม



ผมทำตามคำเชิญ ก้มลงกัดต้นคอสวยเบาๆ



และทันใดนั้น ลัลก็กรีดร้องลั่น ตัวเขาสั่น กระตุกเกร็งสองสามที สองมือที่จับขอบประตูคลายออก เขาเกือบจะทิ้งตัวลงไปนั่งบนพื้น เสียแต่ผมเกี่ยวเอวเขาไว้ และสัมผัสได้ถึงน้ำเหลวสีขุ่นที่ไหลออกมาตามระหว่างขา



ลัลหอบแรง พยายามหันหน้ามามองผมทว่าหันมาได้นิดเดียวก็รีบหันหนี ผมเห็นว่าเขากัดปากตัวเอง ใบหูแดงและคิดว่าหน้าของเขาก็คนต้องแดงจัดไม่แพ้กันแน่ๆ



“แพ้ตรงนี้เหรอ” ผมถาม ใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้กอดเอวเขาอยู่สัมผัสบนต้นคอ



“อย่าจับนะ” เขาร้อง รีบใช้สองมือตัวเองยกมาปิด ท่าทางน่ารักจนผมหลุดหัวเราะขำ ก่อนก้มลงจูบฝ่ามือที่พยายามปกปิดจุดอ่อนของตน



“อือ...”



ลัลพยายามบิดตัวหนีสัมผัส แต่ไม่สามารถหลุดจากกรงอ้อมกอดของผมได้



“เด็กน้อย งั้นวันนี้เอาเท่านี้ก่อนแล้วกันเนอะ” ผมกระซิบที่ใบหูเขา ลัลหดคอหนี และก่อนที่เขาจะได้ตอบอะไรกลับมาผมก็ปล่อยให้เขาเป็นอิสระ ลัลรีบหันมาจ้องหน้าผม สลับกับส่วนกลางลำตัวที่ผมเก็บเข้ากางเกงไปแล้ว



“แล้วคุณ...”



“ฉันจัดการตัวเองได้น่า นายไปอาบน้ำไป”



“แต่คุณ...”



“เด็กดีต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่นะรู้มั้ย” ผมบอก กระซิบใส่เขาพร้อมกับแกล้งลูบต้นคอขาวเบาๆ ลัลรีบหดคอบิดตัวหนี แล้วเขาก็ลงไปนั่งแหมะบนพื้นหน้าห้องน้ำ กุมต้นคอตัวเองไว้ จับจ้องผมด้วยใบหน้าแดงซ่าน







นิดหน่อยๆ

ขอบคุณทุกการติดตาม


#ณพระจันทร์


หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.08 am.| 6.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 06-06-2018 00:28:59
 :pig4: :pig4: :pig4:

อุต้ะ  ซอฟต์เซ็กส์เล็ก ๆ พอเป็นกระษัย
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.08 am.| 6.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 06-06-2018 00:29:22
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.08 am.| 6.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 06-06-2018 00:32:09
ค่อยเป็นค่อยไปเนอะ ฮิมก่อดใจเก่งมากกกก สู้ๆ

หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.08 am.| 6.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 06-06-2018 00:50:24
เนี่ยยยชอบคู่นี้จังมีความอบอุ่นเล็กๆซ่อนอยู่ น่ารักกก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.08 am.| 6.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 06-06-2018 01:06:48
ทำไมตอนนี้พี่คุณร้ายยยยยย สมิงเริ่มกลายร่างแล้วหรือคะ 5555
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.08 am.| 6.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-06-2018 01:25:55
พูดไม่ออก  :m25:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.08 am.| 6.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: aha_aha ที่ 06-06-2018 06:27:00
แอบเห็นหางยาวๆ กับเขี้ยวแหลมๆ ของคุณพี่ละ 555
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.08 am.| 6.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: mayyiyi ที่ 06-06-2018 06:47:07
แหมมมม เสือซ้อนเล็บดีๆนี่เอง
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.08 am.| 6.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 06-06-2018 07:52:28
คนอกหักมาเจอกันสินะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.08 am.| 6.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 06-06-2018 09:16:33
คนพี่ความอดทนสูงมากเลยยย ยอมใจ เจ้าแมวยั่วขนาดนี้แท้ๆ น้องน่ารักตอนโดนโจมตีจุดอ่อน เหมือนน้องแมวตัวเล็กๆ ฮื่ออออ หลงงง  :-[ คนความอดทนสูง ไม่อยากคิดถึงตอนได้กินจริงๆเลยเด้อออ ว่าแต่อกหักจากคนแบบไหนกันมานะ ทำไมแผลไม่หายซักที สงสารร
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.08 am.| 6.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 06-06-2018 09:20:22
 :hao7: ทำไมเขาแกล้งกันแบบอบอุ่นงี้ล่ะคะ น่ารัก งือออออ ขอบคุณมากค่ะ :o8:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.08 am.| 6.6.2018 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 06-06-2018 13:41:31
ลัลน่ารักขนาดนี้ คุณพี่อดใจได้ไงเนี่ย รักคู่นี้จัง
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.08 am.| 7.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 07-06-2018 20:30:35
1.08 am.



ดูท่าเจ้าหนูขาวคงเกลียดผมเข้าไส้



ขนาดเปิดตัวว่าจะจีบเขาอย่างจริงจัง เขายังไม่ใส่ใจเลย หนำซ้ำยังดูแขยงผมหน่อยๆ ด้วยซ้ำ ต้องให้ทำยังไงเขาถึงจะยอมเชื่อว่าผมมาดี แก้วแหวนเงินทองที่ทุ่มเงินซื้อให้ยังไม่พออีกหรือไง



ผมไม่เคยจีบใคร เพื่อนผมสองคนไม่มีใครเคยมีแฟน ดังนั้นพอปรึกษาแล้ว จึงได้คำแนะนำตลกๆ มาว่า ในเมื่อทำดีไม่ได้ผล ก็ลองซื้อของเอาใจเขา โยธาดูเป็นคุณหนูมีเงินอยู่แล้ว ผมไม่คิดว่าจะเป็นความคิดที่ดีที่จะซื้อของให้เขา



แต่ผมก็ทำ...



ซื้อดอกไม้ช่อใหญ่ฝากเพื่อนผมไปให้



และได้รับผลตอบรับคือโยเอาไปทิ้งไว้ในห้องสตูดิโอ



ซื้อขนมแสนแพงที่เขาว่าอร่อยที่สุดในจังหวัดไปให้



ผลคือเขาเอาไปแจกจ่ายให้เพื่อนกินหมดจนไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว



ซื้อของใช้สุดหรูไปให้



เขาเอาไปให้เพื่อนใช้อีกตามเคย



ผมคิดว่าถึงผมซื้อรถซื้อบ้านให้เขาก็คงเอาไปบริจาคให้เพื่อนๆ แสนดีของเขาอยู่ดี เลยเลิกล้มความคิดนี้



นี่มันน่าขำเป็นบ้า ผมตลกตัวเองจนจะขาดใจตายแล้ว



เรื่องน่าตลกที่สุดในชีวิตต่อมาก็คือผมลงมือวาดรูปให้เขา มันค่อนข้างน่าขนลุกที่ต้องทำอะไรแบบนี้ แต่ในเมื่อเขาไม่สนใจของใช้หรูหราก็เลยลองใช้วิธีนี้ดู โยธาไม่ได้ยากจน เขาดูเป็นลูกคุณหนูร่ำรวยด้วยซ้ำ คอนโดที่เขาอยู่ก็ราคาหลายล้าน ของใช้ของเขาก็แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนมีเงินขนาดไหน คงเพราะอย่างนี้ทำให้เขาไม่สนใจของที่ผมซื้อให้ เจ้าหนูคงมีปัญญาซื้อเอง



พอข้าวของราคาแพงไม่ได้ผล เลยคิดจะให้ของแฮนด์เมคเผื่อเจ้าหนูจะยอมใจอ่อน รับไว้บ้าง แต่เชื่อเถอะว่ากว่าผมจะสร้างสรรค์ผลงานโง่ๆ นี่เสร็จก็แทบบ้า คิดจะทำลายทิ้งก็หลายรอบเพราะขนลุกรับไม่ได้ที่ตัวเองมาทำอะไรแบบนี้



แต่สุดท้ายมันก็เสร็จ ปกสมุดที่ผมลงมือวาดลวดลายลงบนผิวพร้อมกับแนบจดหมายสั้นๆ ให้ฉบับหนึ่ง



อ่า...ขนลุก น่าขนลุกชะมัด ถ้าโยเอาไปทิ้งผมสาบานว่าจะไม่ว่าอะไรเขาเลย



ผมภาวนาให้เขาเอาไปทิ้งด้วยซ้ำ จะได้ทำลายหลักฐานผลงานกระจุ๋มกระจิ๋มน่าอายของผม โยยังคงไม่ยอมเจอหน้าผม ผมเลยเอาของขวัญที่ห่อใส่ในกล่องเรียบร้อยไปยัดไว้ในล็อกเกอร์ของเขาที่สตูดิโอ ล็อกเกอร์ของที่นี่มีไว้ใช้เก็บของตัดโมเดล และเขาน่าจะต้องมาเปิดเพื่อเอาของข้างในอยู่แล้ว



แม้มันจะสุ่มเสี่ยง เพราะผมจะไม่รู้ว่าเขาได้รับของจากผมจริงๆ ไหม แต่มันก็น่าอายเกินกว่าที่จะฝากให้เพื่อนผมไปยื่นให้เขากับมือ เกิดโยธาเปิดมันต่อหน้าเพื่อนๆ ไอ้เด็กพวกนั้นคงล้อเลียนผมไปจนตาย



ผมไม่ได้อยู่ดูว่าโยได้รับมันไหมแล้วทำอะไรกับมัน แต่ในจดหมายผมเขียนข้อความสั้นๆ ว่าจะรออยู่หลังคณะ ถ้าเขาเปิดอ่านก็จะรู้ แต่จะมาไหมผมก็ไม่อาจรู้



เลยได้แต่ยืนสุบบุหรี่ให้ยุงดูดเลือดเล่นๆ รอเวลาตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินจนตอนนี้ก็ปาไปทุ่มครึ่งแล้ว ผมยังไม่เห็นแม้แต่เงา



เอาเถอะ ผมคงโดนเกลียดจริงๆ ผมไล่ตื๊อเขาทุกวัน เขาก็หลบหน้าผมทุกวัน รอให้เขาเข้ามาหาเองคงไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว ถึงอย่างนั้นผมก็ยังรอ



รอให้รู้จักความผิดหวัง



เพิ่งรู้ว่าการมีความหวังมันเป็นอย่างไร และได้เรียนรู้ความผิดหวังไปพร้อมๆ กัน เมื่อสองทุ่มแล้วเขาก็ยังไม่โผล่มา ตลกเป็นบ้า ทำไมผมต้องมาจริงจังกับเรื่องพวกนี้ด้วยนะ ทำไมคนที่ผมอยากอยู่ด้วยต้องเป็นเขา ทำไมไม่เป็นคนที่ว่านอนสอนง่ายเหมือนหลายๆ คนที่เข้ามา



ทำไมผมยังรอเขาอยู่อีก



ผมทิ้งก้นบุหรี่ลงกับพื้นทราย ใช้เท้าบดขยี้มันอย่างบ้าคลั่งก่อนจะอ่อนแรงลงกลายเป็นการเขี่ยก้นบุหรี่โง่ๆ



ก่อนทรุดตัวลงนั่ง จ้องมองความมืดที่เริ่มโรยตัวลงมา แสงไฟจากเสาไฟฟ้าเบาบางแทบไม่ช่วยนำทางอะไรเลย ถึงอย่างนั้นมันก็สว่างกว่าพระจันทร์ในคืนนี้



ผมถอนหายใจ ตั้งท่าจะลุก คิดว่าวันนี้เขาคงไม่มาแล้ว ไว้ค่อยคิดหาวิธีใหม่ก็ได้ มันน่าตลกตรงที่ผมอยากจะยอมแพ้เท่าไหร่ก็ทำไม่ลง มันดูเหมือนผมเป็นพวกโรคจิตตามเขาต้อยๆ ทั้งเหนื่อยทั้งรู้สึกขนลุกไม่น้อยแต่ถ้าผมยอมแพ้ ผมจะสูญเสียเขาไปตลอดการ แค่คิดก็โหวงแล้ว



เขาอาจจะรังเกียจการกระทำของผม แหงล่ะ ถ้าผมโดนคนที่เกลียดขี้หน้าตามตื๊อแบบนี้คงไม่ไว้หน้าเหมือนกัน แตทำไงได้ ผมยังไม่อยากยอมแพ้ตอนนี้ อย่างน้อยก็ทำมันให้สุด ถ้าเจ้าหนูขาวเกลียดผมจริงๆ ผมคงต้องตัดใจสักวัน



จบความคิดพร้อมลุกขึ้นยืน หมุนตัวตั้งท่าจะบอกลาสถานที่ชุมนุมของยุง ผมกลับเจอเจ้าของความคิดถึง...



ดูท่าดวงจันทร์คงสงสารผม ถึงได้พาเขามาหา



โยธายืนนิ่ง ในมือถือกล่องที่ผมห่อกับมือ เขาแกะกล่องแล้ว และไม่น่าดีใจเท่ากับการที่เขายอมมาตามจดหมาย



“นึกว่าจะไม่มาแล้ว” ผมเอ่ยทักก่อน พยายามไม่เดินเข้าไปกอดเขาอย่างที่ต้องการ



“ตอนแรกก็ว่าจะไม่มา...”



“แล้วทำไมถึงมา”



“...ไม่รู้...อันที่จริง ผมก็อยากมาบอกพี่ให้มันจบๆ ไปเหมือนกัน”



ผมขยับตัวทีนึง แล้วเจ้าหนูจี๊ดก็ร้องลั่น “ห้ามพี่เข้ามาใกล้ผมนะ ยืนนิ่งๆ อยู่ตรงนั้นเลย ไม่งั้นผมวิ่งนะ”



กลัวอะไรนักหนา ผมแค่ขยับตัวพักขาเพราะมันเมื่อย ดูท่าเขาคงมาคนเดียว ไม่อย่างนั้นคงไม่ตื่นตระหนกขนาดนี้ พอเขาเห็นว่าผมไม่ขยับอะไรอีกก็พูดต่อ “พี่จะเอายังไงกับผมกันแน่ เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับผมสักที”



“บอกแล้วว่าจะจีบ”



“พี่เล่นอะไรอยู่ ชอบผมหรือไง”



“ถ้าบอกว่าใช่ล่ะ จะทำยังไง”



“ก็จะไม่เชื่อ” ผมยักไหล่



“แล้วแต่ แต่มึงน่าจะรู้ว่ากูไม่เคยทำแบบนี้กับใคร มึงน่าจะรู้ว่ากูไม่เคยต้องยอมใคร และน่าจะรู้ว่ากูไม่เคยวาดรูปให้ใคร”



เขาเบิกตากว้าง ตาชั้นเดียวที่หางตาชี้ขึ้นปกติมักจะฉายแววเย่อหยิ่ง ในครั้งนี้กลับเปลี่ยนเป็นตกใจ



“สมุดนี่..พี่วาดหรือ”



“ใช่”



“ลายหนูเนี่ยนะ”



“ใช่ จะทำไม”



ในความมืดจนเกือบจะมองไม่เห็นหน้าอีกฝ่าย ถ้าผมมองไม่ผิด โยธากำลังกลั้นขำ ผมวาดรูปหนูจี๊ดตัวเล็กๆ บนปกสมุดโน้ตให้เขา มันคงดูน่ารักเกินไปไม่เหมาะกับหน้าผมเท่าไหร่เขาถึงได้อยากหัวเราะขนาดนั้น แต่รู้อะไรไหม นอกจากผมจะไม่ว่าที่เขาหัวเราะแล้ว ผมกลับยกยิ้มเมื่อคิดว่าเขาน่าจะชอบใจกับลายหนูตลกๆ นี่



สุดท้ายโยธาเด็กดีก็กลั้นขำลงไป “ไม่อยากจะเชื่อ”



“เชื่อเถอะ หมดมุกจะจีบแล้ว”



“ก็เลิกจีบดิ”



“อยากให้เลิกก็ยอมคบกันดิ” ผมยอกย้อน เจ้าหนูขาวเงยหน้ามาสบตาผม กัดปากตัวเองราวกับไม่เชื่อว่าผมจะพูดอะไรแบบนั้นออกไป ผมก็แทบไม่เชื่อตัวเองเหมือนกัน แต่ผมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว



ความเงียบของแสงจันทร์ไม่ได้ให้คำตอบอะไร นอกจากใบหน้าที่ไม่เหมือนเดิมของเขา



โยธาไม่ตอบ เขาก้มหน้าที่เริ่มขึ้นสี เหมือนจะเริ่มรู้ตัวว่าพลาดท่าให้ผมแล้วเขาเลยรีบหมุนตัวหันหลัง



ไม่อยากจะเชื่อว่าหลังจากที่ก่อนหน้านี้ผมคิดว่าตัวเองคงหมดหวังแล้ว แต่ปฏิกริยาของเขาในตอนนี้นับว่าผมยังมีหวังได้มั้ยนะ



ผมยกยิ้มให้เจ้าหนูที่วิ่งดุ๊กๆ จากไป








พี่เริ่มมีหวัง...รึเปล่านะ? 5555  :hao7:

มีเรื่องแจ้งนิดหน่อยค่ะ ว่าหลังจากนี้เราจะไม่อยู่จนถึงวันที่13

อาจจะไม่ได้อัพนิยายจนถึงวันนั้นเลย

ต้องขออภัยด้วยนะคะ

ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ


#ณพระจันทร์


หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.08 am.| 7.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-06-2018 21:47:12
 :pig4: :pig4: :pig4:

ตั้งหนึ่งสัปดาห์แหนะ 

ลงแดงแน่ตรู
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.08 am.| 7.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 07-06-2018 21:49:44
นายมาถูกทางแล้ว พยายามต่อไปนะ สู้ๆ โยเริ่มใจอ่อนแล้ว
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.08 am.| 7.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 07-06-2018 22:00:43
หนูเขินๆ  :o8: พี่มาถูกทางแล้ว รับทราบค่ะ จะเป็นเด็กดีรอนะค ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.08 am.| 7.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 07-06-2018 23:42:52
น่ารัก   อิพี่ก็สู้ๆ อย่ายอมแพ้

ไม่นะ ตั้ง 1 อาทิตย์  :z3:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.08 am.| 7.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-06-2018 02:48:43
จีบเลย ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  o18
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.08 am.| 7.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 08-06-2018 09:58:42
ไล่จับวุ่นวายได้เหนื่อยตาย
หนูขาวน่ารักๆ แบบนี้ต้องวางเหยื่อล่อ เด๋วก็มาจิ๊ดๆ ใกล้เราเอง
ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก สู้ต่อไปครัช
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.08 am.| 7.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: akashita ที่ 11-06-2018 10:32:04
เหมือนหนูน้อยจะเริ่มใจอ่อนรึเปล่า?
ตื้ออีกสักหน่อย อย่าเพิ่งถอดใจนะคุณพี่ อิอิ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.08 am.| 7.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 13-06-2018 02:21:25
น้องโยยยย ชอบของทำไมก็ไม่บอก :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.09 am.| 14.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 14-06-2018 21:28:29
00.09 am.



ภาพวาดรูปลัลขายได้ราคากว่าที่คิด



ผมไม่ได้วาดภาพเหมือนหรอก... แค่เวลาว่างในช่วงกลางวัน ผมอยากลองวาดอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานดู ในเมื่อล้มเหลวกับการวาดดวงตาของเขา ผมจึงเลือกเปิดสมุดสเก็ตช์ที่มีรูปลัลเมื่อคราวนั้นออกมา บรรจงวาดมันลงบนผืนผ้าใบผืนใหญ่ ลัลไม่รู้หรอกว่าผมวาดเขา อันที่จริง ผมดัดแปลงรูปของเขาจนแทบไม่เหมือนตัวจริงด้วยซ้ำ



ในรูปภาพเป็นผู้ชายร่างผอมบาง ผมสีดำยาวถึงเอวคลอเคลียหน้าอก สวมใส่ผ้าขาวโปร่ง มีปีกสีใสอันใหญ่โผล่มาจากแผ่นหลัง ใบหูยาวผิดมนุษย์ เขานั่งอยู่ท่ามกลางป่าไม้สีเขียวขจี รายล้อมไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าสีสันแปลกตา ใช่ ผมวาดภูติในเทพนิยายที่ลอกแบบมาจากลัล ภูติหนุ่มแสนสวยนั่งอ้อยอิ่งอยู่ท่ามกลางเถาวัลย์และพงหญ้า ใบหน้างดงามหมดจดไร้ซึ่งตำหนิ ริมฝีปากแดงระเรื่อ จมูกโด่งรับโครงหน้า งดงามยิ่งขึ้นเมื่อมีแสงตกกระทบฉาบด้านข้างของใบหน้าหวาน



รูปภาพดูเกือบสมบูรณ์แบบทว่าติดตรงที่ดวงตาปิดสนิท...



ภูติน้อยน่าสงสารรูปนี้กำลังหลับตา จุดอัปลักษณ์ของรูปภาพตอกย้ำที่ผมไร้ความสามารถ ไม่ว่าอย่างไร ผมก็ไม่สามารถวาดดวงตาของลัลออกมาได้เลย...



รูปนี้ผมใช้เวลาวาดราวๆ สองอาทิตย์ ก่อนนำมันไปส่งที่แกลลอรี่พร้อมกับงานที่รับวาดของเดือนนี้ ฝากให้คนรู้จักขายให้ และมันขายออกภายในสองวันหลังจากที่ผมนำไปส่ง ด้วยราคาที่มากกว่าที่คิด



เจ้าของร้านแกลลอรี่บอกผมว่าลูกค้าที่มาซื้อให้ราคาเยอะกว่าที่ผมตั้งถึงสองเท่า เขาเลยรีบขายไปโดนที่ไม่ได้บอกผมก่อน ผมไม่ได้ต่อว่าอะไร ขายออกก็ดีใจ ได้ตังค์ แต่แล้วก็ต้องมานั่งเครียดว่าสรุปแล้วผมหลงใหลกับคนในรูปภาพมากขนาดที่ว่าวาดออกมาได้ราคาดีขนาดนี้เชียวหรือ...



เฮ้อ...



หรือว่าต้องยอมรับจริงๆ แล้ว?



“เป็นอะไรรึเปล่าคุณ”



ผมหันไปมองต้นเสียงซึ่งเป็นสาเหตุให้กับอะไรหลายๆ อย่างในตอนนี้ ผมส่ายหน้า เอ่ยปฏิเสธ ลัลมองผมที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟารับแขก ก่อนยื่นถ้วยข้าวให้ ผมเห็นเขาผัดมาม่าอยู่ในครัว ไม่คิดว่าจะทำเผื่อ แต่ผมก็รับถ้วยมาม่าผัดมาอย่างดีใจ อาหารโปรดผมเลยล่ะ



“วันนี้ไปร้านมั้ย” ลัลเปิดบทสนทนาขึ้นระหว่างมื้อเช้าในตอนบ่าย



“แล้วแต่”



“งั้นไปนะ ไปด้วยกัน”



“เอาสิ” ผมตอบ ดูดเส้นมาม่าเข้าปาก



ผลจากการทำงานเป็นประจำทุกวันทำให้ผมส่งงานก่อนกำหนด มีเวลาเที่ยวเล่นอีกหลายวันกว่าจะเริ่มงานใหม่ ผมจึงตอบรับคำเชิญจากมาสคอตประจำร้านไปโดยที่แทบไม่ต้องคิด



ลัลลงมานั่งข้างๆ ผมที่โซฟา ใช้ดวงตาสีฟ้าจ้องมองผมกินข้าว



“มีอะไร”



“เปล่า”



“จ้องทำไม” ผมถาม พร้อมกับคีบเส้นมาม่ายื่นไปให้เขา ลัลอ้าปากงับเส้นมาม่าจากตะเกียบผมไปเคี้ยวตุ้ยๆ มานั่งขออาหารหรือไง ผมป้อนเขาเสร็จก็ป้อนเข้าปากตัวเองบ้าง พอลัลเคี้ยวหมดก็นั่งจ้องผมใหม่



“คุณ”



“อะไร...หิวก็ไปผัดเพิ่ม”



“เปล่า...”



ผมหันไปมองคนกวนประสาท เขาจ้องตาผมอีกพักเดียวก็ล้มตัวลงนอน เอาหัวหนุนตักผมเรียบร้อย...ไอ้ท่าทีก่อนหน้านี่คือขออนุญาตกันก่อนหรือไง ผมขำในท่าทีของเขาจนอดลูบเส้นผมดำที่ปรกหน้าเขาไม่ได้ เกลี่ยเส้นผมให้เปิดเห็นใบหน้าละมุน เขานอนขดตัว ขยับตัวจัดท่าทางให้สบายโดยไม่สนว่าผมอยากจะลุกไปไหนหรือไม่



เป็นแมวหรือไง



ว่าแล้วก็บีบต้นคอขาวเบาๆ แทนการระบายอารมณ์มันเขี้ยว



ลัลสะดุ้ง ร้องฮื่ออย่างขัดใจ ยกมือขึ้นมาปิดต้นคอตัวเองไม่ให้ผมคุกคามอีก น่ารักจริงๆ ให้ตาย ดูท่า...ผมคงติดใจเขาเข้าแล้ว



เดี๋ยวนี้ซินเดอเรลล่าเริ่มทำตัวสมกับเป็นนางซิน ลัลช่วยผมทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า ล้างจาน ทำอาหาร โดยที่ผมไม่ได้ขอ เพียงแต่เขาทำเองโดยอ้างว่าไม่รู้จะทำอะไร ผมก็เพิ่งรู้ว่ามีคนอยากทำงานบ้านเพราะว่างด้วยเนี่ยแหละ ถึงยังไงผมก็ไม่เสียหายอะไร เลยยอมให้เขารับบทนางซินกวาดบ้านถูบ้าน



เขาเผลอหลับไปเป็นชั่วโมง และผมก็นั่งนิ่งเป็นหมอนให้เขาหนุนจนขาชา กว่าเจ้าแมวเซาจะตื่นก็สายมากแล้ว ลัลสะลึมสะลืออยู่พักนึง ส่วนผมขยับไปไหนไม่ได้เลยนั่งมองเขางัวเงีย แล้วเจ้าตัวก็เริ่มลุกขึ้นยืนอย่างเฉื่อยชา



“เดี๋ยวผมมานะ”



“ไปไหน”



“กลับบ้าน”



“หือ?” ผมส่งเสียงเป็นคำถาม ปกติไล่ให้ตายก็ไม่กลับ นึกยังไงจู่ๆ ถึงอยากจะกลับบ้านตอนนี้



“ไปเปลี่ยนเสื้อ ซักผ้า แล้วก็ว่าจะทำความสะอาดบ้านด้วย” เขาเฉลย และเดินลากขาออกจากบ้านผมไป โดยที่ไม่สนใจผมที่ยืนงงอยู่อย่างนี้



เราเจอกันอีกครั้งตอนสองทุ่ม เจ้าลัลเปลี่ยนชุดอาบน้ำจนตัวหอมฉุย เดินมาเรียกให้ผมขึ้นรถไปร้านจ๊ากด้วยกัน คราวนี้ที่ลานจอดรถหลังร้านไม่มีหมาสีน้ำตาลคอยนั่งเฝ้าเหมือนทุกที เราเข้าไปยังตัวร้าน และเมื่อไอ้จ๊ากเห็น ก็รีบเดินตามมานั่งคุยด้วยทันที



“วันนี้ว่างหรือไง” ผมถามเขา ปกติไม่เคยเห็นเจ้าของร้านมานั่งคุยกับพวกผมนานขนาดนี้เลยสักครั้ง



“ก็ทั้งว่างทั้งไม่ว่าง ไอ้ส่วนไม่ว่างก็ให้ลูกน้องจัดการไปตอนนี้ก็เลยว่าง” ไอ้หนุ่มตอบกลับมาอย่างยียวน จ๊ากเป็นคนอารมณ์ดี ผิวขาวเหลืองตามฉบับชาวเอเชียทั่วไป เขาตัวเล็กกว่าลัลแต่อวบกว่า เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง



“วันนี้ผมเลี้ยงเอง” เจ้าของชื่อจ๊ากว่าพร้อมรอยยิ้ม ส่วนผมก็ได้แต่สงสัย



“ฉลองอะไร”



“ก็...ไม่เชิงหรอก เอาเป็นว่าเลี้ยงต้อนรับคุณละกัน”



“ฉันมาตั้งหลายครั้งแล้ว มาเลี้ยงอะไรตอนนี้”



“ก็แบบว่า...” ไอ้จ๊ากยิ้มค้าง ส่งเสียงแหะๆ หันหน้าไปทางเพื่อนของเขา ลัลยังคงทำหน้าเฉื่อยชาเหมือนปกติ “แบบว่า...ฉลองที่ไอ้ลัลเลิกอกหัก”



ผมหันไปมองคนเคยอกหัก “เลิกอกหักแล้วหรือ”



“เปล่าซะหน่อย”



ผมหัวเราะ เมื่อเห็นเขารีบหันมาปฏิเสธเสียงแข็ง



“เนี่ยพี่รู้มั้ย ไอ้ลัลไม่ได้มีสภาพแบบนี้มานานแล้ว”



“จ๊าก หยุดพูด”



“สภาพแบบไหน” ผมไม่สนใจเสียงลัล



“แบบที่เป็นผู้เป็นคน ผมอยู่กับมันตลอดเวลาที่มันอกหัก มันเหมือนพี้ยา เหม่อลอยไร้วิญญาณไม่ก็เมาปลิ้นเที่ยวยั่วชาวบ้าน”



“แล้วเปลี่ยนมาเป็นแบบนี้ดีไหมล่ะ”



“ดีสิ ผมเลยจะเลี้ยงพี่ไง ขอบคุณที่พาเพื่อนผมกลับมานะ”



“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย”



ไอ้จ๊ากยิ้มรับ ส่วนคนถูกพูดถึงทำหน้าบึ้งตึง ผมจำได้ดีว่าเขาเคยพูดขออะไรในคืนนั้น ลัลขอให้ผมเป็นโลกอีกใบของเขา ประโยคฟังดูพิกล แต่เมื่อคิดดีๆ แล้วก็ไม่ต่างจากประโยคบอกรักสักเท่าไหร่



แล้วเจ้าของหัวข้อการสนทนาก็ลุกขึ้น เดินหนีออกไปจากวงโต๊ะ ไอ้จ๊ากหัวเราะขำ



“มันเขินน่ะ”



“หึ”



“พี่ไปทำยังไงให้ไอลัลมันเปิดใจอ่ะ”



“กูไม่รู้ กูอยู่เฉยๆ” ผมเริ่มเปลี่ยนสรรพนาม เมื่อคิดว่าไม่จำเป็นต้องสุภาพกับเด็กนี่มากก็ได้



“มันเป็นอย่างนี้มาเป็นปีผมไม่เคยเห็นมันติดใจใครสักคน”



“หมายถึงเที่ยวไล่นอนกับใครไปทั่วน่ะหรือ”



“ก็ใช่ แต่ก็ไม่ได้นอนจริงๆ หรอกนะ”



“เพราะมึงกันไว้?”



“ก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งคือไอ้ลัลมันก็เลือกนะพี่ ใครเข้าหามันแล้วมันไม่ชอบก็ไม่ยุ่งด้วยเลย บางคนมันเข้าหาเองพอเขาเล่นด้วยไอ้ลัลก็ชิ่ง มันเลยไม่เคยได้นอนกับใครเลย”



“อ่าว แล้วงี้มึงจะห่วงทำไม”



“ห่วงดิ เกิดเจอคนไม่ดีทำไง หน้าอย่างไอ้ลัลยิ่งน่าจับไปปล้ำอยู่ด้วย” ผมมองคนขายเพื่อนที่พูดวิจารณ์เพื่อนตัวเอง แต่ก็ดันเห็นด้วยไปกับจ๊าก



“อีกอย่าง...ผมกลัวมันทำจริง” ไอ้จ๊ากพูดต่อ “มันไปล่อใครก็เยอะ คนเล่นด้วยก็เยอะแต่มันก็ปฏิเสธทุกคน ผมกลัวว่าวันนึงมันเกิดคลั่งอะไรขึ้นมา ยอมลากใครก็ได้ขึ้นเตียงเนี่ย อันตรายโคตรๆ”



“อ่อ...” แสดงว่าผมเจอลัลตอนเป็นร่างคลั่งสินะ



“แล้วพี่...ทำอะไรไปยัง”



“...ยัง”



ไอ้จ๊ากจ้องมาที่ผมราวกับพยายามจับผิด “แน่ใจ?”



“เออ ยัง” ผมตอบ แต่ไม่บอกหรอกว่าทำอะไรเขาไปแล้วบ้าง ผมรู้ว่าไอ้จ๊ากเป็นห่วงเพื่อน แต่ผมก็ไม่อยากบอกให้รู้ทุกเรื่องเหมือนกัน มันไม่มีความจำเป็นต้องลงรายละเอียดขนาดนั้น ให้เขารู้เท่าที่ควรรู้ก็พอ



“มิน่าล่ะ...ลัลถึงติดใจพี่”



“ทำไม?”



“พี่น่าจะเป็นแรกที่ปฏิเสธมันนะ”



“รู้ได้ไง”



“ผมเห็นลัลมันยั่วใครก็ของขึ้นกันทั้งนั้น มีแต่ไอ้ลัลไม่เอาเอง ถ้าให้เดา มันต้องเคยยั่วพี่แน่ๆ”



“เอ้อ...เคย”



“แล้วพี่ก็ไม่เอา”



“กูก็ไม่ได้ชอบเอากับใครมั่ว”



“แม้กระทั่งกับไอ้ลัลอ่ะนะ”



“เออ”



“นี่ไง มิน่าล่ะ พี่แม่งไม่เหมือนใครจริงๆ ด้วย”



ผมยังไม่ทันได้ตอบอะไร ก็เห็นเงาร่างคุ้นเคยโผล่มาข้างหลังไอ้จ๊าก เขาเดินมาพร้อมแก้วและขวดเบียร์ในมือ และพอไอ้จ๊ากรู้สึกตัวว่ามีคนมาข้างหลัง ก็ช้าไปเสียแล้ว



ลัลก้มลงมาหอมแก้มเพื่อนดังจุ๊บ “จ๊ากพูดมาก”



“...”



ผมนั่งอึ้ง พูดไม่ออก ส่วนไอ้จ๊ากหลับตาแน่น สองมือยกขึ้นมาบิดเกร็งเหมือนตั้งสมาธิก่อนลืมตาหันไปหาคนซน



“กูบอกว่าอย่าเล่นอย่างนี้”



“อีกรอบมั้ย” ลัลตอบพร้อมรอยยิ้ม ไอ้จ๊ากเลยถอนหายใจแล้วลุกจากไป ผมว่านี่คือวิธีไล่ไอ้จ๊ากของลัล ร้ายเป็นบ้า แล้วคิดว่ามาหอมแก้มเพื่อนต่อหน้านี่ผมจะไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไง



“เดี๋ยวจะโดน” ผมบอกเบาๆ ให้คนที่ยกเบียร์ซดอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ลัลยกแก้วเบียร์ออกแล้วยกยิ้ม



“ผมรอโดนอยู่”



โอเค นัดนี้ยอมให้ก่อนก็ได้



“แล้วจะกินไปถึงเมื่อไหร่ เบียร์เนี่ย”



“กินไม่ได้เหรอครับ”



“ไอ้จ๊ากบอกหายอกหักแล้วนี่”



เขามองผมช้าๆ อีกครั้ง แล้วก็ยกเบียร์ซด “เปล่านี่” ไอ้เด็กนี่มันน่าตีจริงๆ



“วัวมา”



“หา”



“มานี่มา”



จู่ๆ ลัลก็พูดกับอะไรไม่รู้ข้างหลังผม ไม่เชื่อมต่อกับบทสนทนาก่อนหน้าสักนิดจนผมจับต้นชนปลายไม่ถูก และเมื่อหันไปผมก็พบแมวสีขาวแต้มสีดำ...น่าจะเป็นเจ้าของชื่อวัว



“วัว?”



“อือ วันนี้จิ้งจอกไม่อยู่วัวเลยมา”



“...”



“คุณก็เคยเจอจิ้งจอกนี่”



“ตัวอะไรอีกวะ”



“หมาสีน้ำตาลที่อยู่ลานจอดรถอ่ะ”



“อ่อ” แล้วจะช่วยตั้งชื่อให้มันเป็นปกติได้มั้ยล่ะ...



เขาไม่สนใจผม ก้มลงไปหยิบแมวลายวัวขึ้นมานั่งตัก ก่อนลูบหัวลูบหางมันอย่างรักใคร่



“แมวไอ้จ๊ากเหรอ”



“เปล่า มันหลงมา ชอบมาขอข้าวกิน ถ้าวันไหนจิ้งจอกอยู่ก็จะไม่มา” เขาบอก ก่อนอุ้มเจ้าก้อนขนส่งมาทางผม “ผมฝากหน่อย”



ผมส่ายหน้ารัว “ไม่ได้”



“ทำไมล่ะ ไม่ชอบแมว?”



“ชอบ แต่เป็นภูมิแพ้”



“อ้าว...”



“อยู่ใกล้ๆ พอไหว แต่ถ้าเล่นด้วยจะเริ่มคัน”



“งั้นผมเอาไปฝากจ๊ากดีกว่า”



ผมพยักหน้า นั่นน่าจะเป็นการดีสำหรับผมมากกว่า แม้จะไม่ได้เป็นภูมิแพ้รุนแรง แต่ก็กันไว้ดีกว่าแก้



ผมเหม่อรอลัลที่อุ้มแมวจากไป ระหว่างที่ลัลอุ้มแมวไปให้จ๊าก ก็มีใครสักคนเดินเข้ามานั่งแทนที่เขา ผมมองชายที่ไม่รู้จัก เขาส่งยิ้มมาให้ผมอย่างเป็นมิตร



คนแปลกหน้าดูแล้วน่าจะเด็กกว่าผม เขาตัวสูงใหญ่ ตัดผมสั้น คิ้วเข้ม จมูกโด่ง เครื่องหน้าหล่อเหลาคล้ายกับรูปปั้นเดวิด จนอยากลองขอเขาเป็นแบบสเก็ตช์ดู พอหลุดคิดได้เช่นนั้นก็รีบสะบัดหัว ผมไม่ควรขอคนแปลกหน้าเป็นแบบวาดรูป ยิ่งกับผู้ชายด้วยแล้ว ใครได้ยินเข้าคงขนลุกน่าดู ชายหนุ่มยังคงนั่งเงียบ แม้ผมจะสงสัยที่จู่ๆ ไอ้หมอนี่มันก็โผล่มานั่งด้วย แต่ผมเองก็ไม่คิดจะถามอะไรเขา เลยสังเกตใบหน้าเขาอย่างไร้มารยาทต่อไป



“คุณ...รู้จักกับลัลหรือครับ” เป็นเขาที่เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา



ผมนึกหาคำตอบที่พอจะตอบได้แบบไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ของผมกับลัลให้มากจนเกินไป แต่สุดท้ายเอ่ยออกมาแค่เสียงตอบรับแผ่วเบา “อ่า”



“รู้จักกันได้ยังไงเหรอ”



“ทำไมเหรอครับ” ผมเลี่ยงไม่ตอบคำถาม แต่ถามกลับเขาแทน



“ผมเป็นเพื่อนเขา...ไม่เห็นเขาอยู่กับใครมานาน”



“อ้อ...”



“ลัลสบายดีรึเปล่า”



“ก็...อย่างที่เห็น”



คนตรงหน้ายกยิ้มบาง “ถ้ายังไง ผมฝากคุณดูแลลัลด้วยนะครับ” ว่าจบ เขาตั้งท่าจะลุกขึ้น ไม่ทันที่ผมจะได้รู้จักชื่อของอีกฝ่าย น้ำเสียงทุ้มเย็นอันแสนคุ้นเคยก็ดังเฉลยชื่อชายแปลกหน้าขึ้นมา



เมื่อหันกลับไป ผมเห็นแววตาของลัลที่เคยเป็นสีน้ำทะเลฉายเป็นเศษชิ้นส่วนที่แตกสลายของท้องฟ้า



วินาทีนั้นเองผมจึงรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าคนตรงหน้าเป็นเจ้าชายเจ้าของหัวใจที่แหลกสลายของซินเดอเรลล่า



“ฮิม...”










กลับมาแล้วค่ะะ

หลังจากนี้ก็จะได้รู้ปริศนาของซินเดอเรลล่าขี้เมากันแล้วว

คิดว่าหลายๆ คนอาจจะสงสัยอยู่แล้ว 555

แต่มาลองเดาเรื่องกันก่อนก็ได้นะะ



ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ

#ณพระจันทร์
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.09 am.| 14.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 14-06-2018 22:47:33
ฮิมเดียวกับ พี่ฮิมกับน้องโยเหรอ เราคิดว่าสองเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกันซะอีก ลัลเป็นคู่นอนของฮิม แต่ฮิมชอบโย
ลัลเลยอกหัก อย่างนี้นี่เอง
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.09 am.| 14.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: mayyiyi ที่ 14-06-2018 23:11:20
เอาแล่วๆ อิพี่ฮิมใช่ไหม ต้องใช่แน่ๆ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.09 am.| 14.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-06-2018 02:13:23
เอาแล้ว ๆ ๆ ๆ  o18
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.09 am.| 14.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 15-06-2018 07:20:17
อะไรๆมันคืออัลไล  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.09 am.| 14.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 15-06-2018 07:50:59
ง่ะ ซินเดอเรลลาพึ่งหายอกหักเอ๊งงงวงง พี่ฮิมมาทำไม ฮืออออออ น้องแตกสลายอีกแล้ว ไม่ชอบเลย  :mew6:
#ชอบการตั้งชื่อของน้องงง ฮืออ น่ารักกก
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.09 am.| 14.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 15-06-2018 09:41:47
 o22 อ้าวพี่ฮิมมาไงเนี่ย ขอบคุณม่กค่ะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.09 am.| 14.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-06-2018 18:10:36
 :pig4: :pig4: :pig4:

สองเรื่องบรรจบเหรอเนี่ย?
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.09 am.| 14.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 15-06-2018 19:00:16
ฮิม :katai5:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.09 am.| 15.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 15-06-2018 22:50:43
1.09 am.



เพื่อนผมบอกว่าโยธาป่วย



ราวกับเป็นโอกาสที่ดีของผมหลังจากที่เขาพยายามหลบหน้าตลอดเวลาหลายอาทิตย์ ช่วงนี้เด็กปีสองใกล้ส่งงานแล้ว พวกเพื่อนๆ คงไม่ว่างไปเยี่ยมน้องมันแน่ ถ้าผมไม่รีบคว้าโอกาสนี้ไว้ก็คงไม่มีโอกาสไหนอีก เด็กดื้อของผมดันมาป่วยวันใกล้ส่งงานนี่โคตรซวย เขาต้องหงุดหงิดแน่ๆ และเป็นตาผมได้ออกโรงเป็นฮีโร่ ช่วยเจ้าเด็กปั่นงานและเฝ้าไข้



เขายังคงหงุดหงิดใส่ผมทุกครั้งเวลาผมเข้าหา ตอนแรกมันก็อึดอัด แต่หลังๆ ผมคิดว่าใบหน้านั่นตอนทำหน้ายุ่งๆ ก็น่ารักดี เลยช่วยคลายความเครียดไปได้เยอะ



ต่อให้เขาจะทำให้ผมไม่มีความหวัง แต่เพราะได้เห็นหน้าเขาทุกวันผมเลยมีหวัง



หนำซ้ำ แม้โยจะทำหน้ารำคาญแต่กลับไม่แข็งข้อเหมือนที่แล้วมา ยิ่งทำให้ผมได้ใจ



และเมื่อการจีบแบบเดิมๆ เริ่มไม่ได้ผล โยธาก็ป่วยพอดี ราวกับเป็นอีเว้นท์ในเกมเพื่อให้ผู้เล่นรีบทำแต้ม ทันทีที่ได้ข่าว ผมรีบรุดตรงไปคอนโดเขาตั้งแต่ยังไม่เที่ยงวัน ผมมีเรียนแค่วันพุธ เป็นการตรวจวิทยานิพนธ์  ทำให้มีเวลาว่างพอสมควร และวันนี้เป็นวันจันทร์ อย่างน้อยผมก็ทำงานไว้บ้างแล้วเลยไม่เป็นปัญหาในการดูแลหนูตัวหนึ่ง



ความโชคดีคือช่วงก่อนหน้านี้ที่เราทำตัวติดกันตลอดเวลา ทำให้ยามที่คอนโดเขาจำหน้าผมได้ และเมื่อผมอ้างกับยามและเคาท์เตอร์บริการว่าแฟนป่วยหนักอยู่บนห้อง คงไม่มีแรงลุกมาเปิดประตู ทำให้ผมได้คีย์การ์ดสำรองมาอย่างง่ายดาย



ถ้ารู้ว่าบุกรังหนูมันจะง่ายขนาดนี้ น่าจะทำมาตั้งนานแล้ว



แต่คิดดูอีกทีก็ไม่น่าได้...หนูจี๊ดคงเตลิดถ้าจู่ๆ ผมไปบุกรัง



ห้องของเขายังคงเหมือนเดิมกับวันที่ผมจากมา ห้องรับแขกเงียบสงบ เขาคงนอนอยู่ในห้องนอน ผมซื้อโจ๊กแถวหลังม.มาให้เพราะเขาว่ากันว่าอร่อย ซื้อยาจากเภสัชมาเผื่อไว้เยอะแยะไปหมด เตรียมตัวพร้อมมาดูแลหนูป่วย



ผมเห็นสมุดโน้ตที่ผมเอาให้เขาวางอยู่บนโต๊ะรับแขก พลันหัวใจก็พองโตอย่างบอกไม่ถูก ผมดีใจที่เขายังเก็บมันไว้ ไม่ได้เอาไปทิ้งหรือทำลายอย่างที่คาด เมื่อวางของไว้ที่เคาท์เตอร์ในโซนครัวเสร็จ ผมก็เปิดประตูห้องนอนอย่างเงียบๆ อย่างแรกที่สัมผัสได้คือความเย็นของเครื่องปรับอากาศ



ผมสบถ ให้ตายเถอะ เขาเปิดไว้ที่อุณหภูมิเท่าไหร่กันแน่ อย่างกับอยู่ขั้วโลกใต้ แล้วอย่างนี้มันจะหายป่วยหรือไง ผมหารีโมทเพื่อปรับอุณหภูมิให้อุ่นขึ้นอย่างรวดเร็ว



จากนั้นก็จ้องก้อนผ้าห่มที่ขดอยู่บนเตียง ข้างในผ้าห่มคงสอดไส้หนูขาวตัวหนึ่ง



ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วจึงลองแตะผิวผ้าห่มดู ไม่มีการขยับตัว ผมเดาว่าเขาน่าจะหลับ เลยค่อยๆ แง้มผ้าห่มออก โยธานอนตัวซีดอยู่ข้างใน ใบหน้าน่ารักขมวดคิ้วยุ่ง พอสัมผัสหน้าผากเขาผมก็รับรู้ได้ถึงอุณหภูมิที่สูงจัด



ไม่ดีแล้วมั้ง ถ้าหนักขนาดนี้ควรไปโรงพยาบาลมากกว่าไหม



โยธาร้องครางก่อนพลิกตัว ทำให้ผมเห็นว่าเขาสวมเสื้อที่เหงื่อชุ่มขนาดไหน ดีที่ผมเคยดูแลคนป่วยมาก่อน เพื่อนสนิทผมเป็นรูมเมทร่วมห้องเคยล้มหมอนนอนเสื่อเช่นนี้เหมือนกัน ทำให้ผมพอรู้วิธีรับมือ



แต่ถ้าถอดเสื้อเขาแล้วโยรู้ตัว ผมจะต้องโดนไล่ไปตายแน่ๆ



ถึงอย่างนั้น ต่อให้เขาไล่ให้ผมไปตายก็น่าจะดีกว่าปล่อยให้เขานอนตัวเปียกเหงื่อจนสั่นแบบนี้



ผมใช้เวลาสักพักในการเปลี่ยนชุดหนูขาว โยธาตัวซีดไปหมด ร่างกายดูอ่อนแรงปวกเปียก และเป็นโชคดีที่เขาไม่ตื่นระหว่างเปลี่ยนชุดให้ ผมเปลื้องผ้าเขาหมดก็จริง แต่ไม่ได้มีอารมณ์อะไร ผมเคยเห็นเขามาทั้งตัวแล้วและคงจะไร้ยางอายเกินไปถ้าหากผมยังคิดไม่ดีกับคนป่วยได้อีก เมื่อภารกิจแรกเสร็จ ผมนำเสื้อเขาไปทิ้งไว้ในตะกร้าเตรียมซัก หาผ้าขนหนูในตู้เสื้อผ้าเขามาหนึ่งผืน เอาไปชุบน้ำแล้วบิดให้หมาดเพื่อจะทำการเช็ดตัวคนป่วยต่อ



โยส่งเสียงร้องอีกครั้งเมื่อผมเริ่มไล่เช็ดตัวเขาไปยังส่วนต่างๆ เขาร้องเสียงแผ่ว พยายามบิดตัวหนีต่อสัมผัสแปลกๆ และในที่สุด เปลือกตาชั้นเดียวนั่นก็เปิดออก



“อือ?”



“ตื่นแล้วเหรอ”



“...ใคร?”



“เดี๋ยวเช็ดตัวเสร็จแล้วกินยานะ”



“...พี่ฮิม?”



“อืม”



“ออกไป แค่กๆ”



พอโดนเขาจับได้ว่าเป็นใคร เจ้าหนูป่วยก็พยายามตะเบ็งเสียงไล่ผมทันทีจนต้องไอออกมา



“ตอนนี้อย่าเพิ่งดื้อได้ไหม กูไม่ทำอะไรมึงหรอก”



“ออกไปนะ”



ผมไม่สนใจคำร้องขอ ไล่เช็ดตามแขนสองข้างเสร็จเรียบร้อยก็เป็นอันเสร็จอีกภารกิจ ผมลุกไปตากผ้าขนหนู เดินออกจากห้องนอนไปอุ่นโจ๊กและเอายามาให้ ใช้เวลาไม่นาน พอกลับเข้ามาโยธาก็นั่งมึนอยู่บนเตียง



“พี่เข้ามาได้ไง”



“สนใจเรื่องตัวเองก่อนเถอะ”



“ผมไม่กิน”



“อย่าดื้อ ไม่กินแล้วจะหายมั้ย ส่งโปรเจคศุกร์นี้ไม่ใช่หรือไง”



พอถูกผมจี้จุดเขาก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้



ผมยื่นถ้วยโจ๊กไปให้ “กินข้าวก่อน”



มือซีดๆ รับถ้วยจากผมไป ผมคิดว่าเขาคงไม่อยากกินข้าวที่ผมป้อน แต่พอเห็นเขาถือถ้วยมือสั่นก็อดไม่ได้ที่จะแย่งคืนมา “เดี๋ยวป้อน”



“ไม่เอา”



“บอกว่าอย่าดื้อไง แรงถือถ้วยแค่นี้ยังจะไม่มีเลย”



โยธาเบ้หน้าอีกครั้ง ครานี้ดวงตาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง หนูจี๊ดกำลังจะร้องไห้แล้ว



“ไม่ร้องสิ กินข้าวนะ”



เขาไม่ตอบ แต่อ้าปากรับช้อนที่ผมป้อนให้ แค่นี้ผมก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้ขึ้นสวรรค์ มีความสุขจนตัวแทบลอยกับอะไรเล็กๆ แบบนี้ ใจผมพองฟูเมื่อโยไม่ปฏิเสธผมอีก ให้ตาย เขาจะทำให้ผมหลงไปถึงไหน



ผมค่อยๆ ป้อนเขาทีละคำจนหมดถ้วย นึกดีใจที่เขายอมทานจนหมด เพื่อนผมเวลาป่วยแล้วชอบกินเหลือ แล้วมันก็จะไม่แข็งแรงสักที



ผมส่งน้ำตามให้เขา ลุกเอาถ้วยไปเก็บก่อนเข้ามาใหม่



“มียามั้ย” เอ่ยถามเขาก่อนเผื่อว่าเขามียาประจำอยู่ติดห้อง แบบนั้นน่าจะรักษาได้ถูกจุดกว่ายาที่ผมขอเภสัชมาแบบสุ่มๆ แต่โยกลับส่ายหน้า ยาที่ผมซื้อมาจึงไม่เป็นหมัน ผมลงมือแกะยาแต่ละซองให้เขา



“เป็นอะไรบ้างหวัด ไข้ น้ำมูก ไอ...แล้วเจ็บคอไหม” เขาพยักหน้า เป็นหมดทุกอย่าง



เพราะตอนนั้นไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรบ้างเลยซื้อมาหมดทุกอย่าง ถือว่าเป็นโชคดี โยรับยาเม็ดหลากสีจากผมไปก่อนที่ผมจะนำเจลลดไข้แปะที่หน้าผากเขา นึกขอบคุณที่เขายอมกินยาง่ายๆ ทำตัวเชื่อฟังผิดกับคนที่ผมสนิทด้วย



เขากลืนยาทุกเม็ดลงคอเสร็จก็ไหลลงเตียง ยกผ้าห่มมาคลุมโปง “ออกไปได้แล้ว”



ถึงได้รู้เหตุผลที่เขายอมเป็นเด็กดี โยคงคิดว่ายิ่งเขาทำตามคำสั่งผมให้เสร็จไวๆ ผมจะได้หมดธุระกับเขาเสียที แต่เสียใจด้วยที่ผมไม่ทำตามคำสั่ง เพราะผมเลือกที่จะออกไปนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก เปิดแล็ปท็อปทำงานของตัวเอง อยู่เฝ้าไข้เขาจนกว่าจะหาย



โยตื่นมาตอนเย็น ผมแอบเข้าไปเช็ดตัวเช็คไข้เขาอยู่เป็นพักๆ และพอเขาเห็นว่าผมยังไม่ไปไหนก็รีบแสดงสีหน้าหงุดหงิด



“ทำไมยังไม่ไปอีก”



“ยังไม่หายเลยนี่”



เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “พี่ต้องการอะไรอีก ผมเหนื่อยแล้วนะ”



“ตอนนี้แค่อยากให้มึงหายป่วย”



“เดี๋ยวผมก็หาย”



“พอหายป่วยแล้วจะช่วยทำงาน ดีไหม” เขาเงียบ ใช้ดวงตากลมจ้องมองผมอย่างไม่เข้าใจ



“พี่จะทำดีกับผมไปทำไม” เขาบอก เสียงติดแหบนิดๆ ยกมือมาถูปลายจมูกตัวเอง “รู้ไหม ถึงแม้ที่ผ่านมาจะมีช่วงหนึ่งที่ผมคิดว่าพี่เป็นคนดีผมก็ชอบที่พี่ดูแลผมนะ แต่ผมไม่เคยเชื่อว่าพี่จะชอบผมจริงๆ ได้หรอก”



ผมขมวดคิ้ว เมื่อจู่ๆ เขาก็เอ่ยความในใจที่ผมไม่เคยรู้ออกมา และยังไม่ทันได้ถามถึงเหตุผล ประโยคถัดมาของเขาก็ทำให้ผมเงียบสนิท



“พี่ไปจัดการกับคนของตัวเองก่อนเถอะ เขารู้กันทั้งคณะแล้วว่าพี่กับเพื่อนพี่เป็นมากกว่าเพื่อนกัน”



“...”



“ใครๆ เขาก็รู้ว่าคนที่พี่ชอบคือพี่ลัล”






#ณพระจันทร์


 :katai5:


หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.09 am.| 15.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 15-06-2018 23:28:27
 :hao7: ตอนนี้ชื่อลัลก็โผล่มา เหตุการณ์ฮิมโย เกิดก่อนคุณจิตรกรกับลัลสินะคะ เพราะลัลน่าจะเรียนจบแล้วเลยว่างอยู่กะลุงได้ แต่น้องลัลอกหักนานเชียวลูก  :hao5: ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.09 am.| 15.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 15-06-2018 23:39:55
 :pig4: :pig4: :pig4:

แปลกใจ  หากดูบุคลิกลักษณะ  โย ลัล ก็ไม่น่าต่างกันเท่าไร  แต่...ทำไม ฮิมจึงรู้สึกกับโย มากกว่าที่รู้สึกกับ ลัล
หรือเพราะกับลัล มันเริ่มจากการเป็นเพื่อน เลยก้าวผ่านกำแพงได้ยากลำบากกว่า?
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.09 am.| 15.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-06-2018 01:09:40
เอาล่ะซิ ทำไงดีล่ะเนี่ย   :katai1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.09 am.| 15.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 16-06-2018 02:30:22
น้องลัลอกหักจากตาเสือฮิมนี่เองงงง คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นตัวอันตราย หนูจี๊ดออกมาเร็วลู้กกก
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.09 am.| 15.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-06-2018 20:18:54
เวลาซ้อนกัน หรือมีความล้ำหน้ากันคะ
แต่คุณลัลน่าจะปัจจุบันกว่า

เป็นวังวนและวงกลมเลยนะ ฮิมลัล
แล้วแบบนี้ที่ว่าลัลอกหักน่ะ ยังไง
ดูลัลเจ็บหนักและเจ็บลึกมากเลย

คุณหนีโลกความจริงมาอยู่กับโลกที่ไร้ผู้คนรู้จัก
จนมีนางซินหลงเข้ามา และพาลจะเทใจให้อีกรอบ
ยังไม่ทันไรเลย ก็มาเจอคนเก่าที่ทำลัลช้ำใจซะละ
แบบนี้คุณจะไปต่อ หรือจะยอมปล่อยให้ลัลไป

ฮิมไม่เคยรักใคร ไม่เคยมีแฟน แล้วที่โยบอกว่าฮิมชอบลัลคือยังไง
หรือทุกคนคิดไปเอง ฮิมทำลัลชีช้ำ จนกลับมาเป็นเพื่อนกันไม่ได้
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.09 am.| 15.6.2018 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 16-06-2018 20:58:47
 :hao5: ก็ว่าอญู่ว่าทำไมมีสองคู่ที่ไม่เกี่ยวกัน ฮือออ เรื่องมันซับซ้อนขึ้นนนน
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.10 am.| 18.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 18-06-2018 23:42:04
00.10 am.



ในชั่วขณะที่สายตาของพวกเขาสอดประสานกัน ทุกอย่างพลันหยุดนิ่งเงียบสงัด



แววตาของลัลแตกต่างจากทุกที ผมไม่เคยเห็นเขามองใครเช่นนี้ สีหน้าห่วงหาอาวรณ์แต้มด้วยความเศร้าโศกถูกแสดงออกมาอย่างปิดไม่มิด เหนืออื่นใด สีฟ้าในตาเขาเต็มไปด้วยความรัก



ผมรับรู้ได้ทันทีว่าคนตรงหน้าคงเป็นคนที่หักอกซินเดอเรลล่า ทุกอย่างระหว่างเราตอนนี้มันกระอักกระอ่วนไปหมด ผมไม่รู้ว่าตัวเองต้องรู้สึกอย่างไร ผมกับลัลไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ความสัมพันธ์ยากจะอธิบาย มันเริ่มลึกซึ้งผูกพันมากขึ้น ทว่าทั้งผมทั้งเขา ไม่มีใครเคยเอ่ยปากบอกคำรัก มีแต่การกระทำอันไม่แน่นอน



ลัลยืนจ้องคนที่ชื่อฮิมแน่นิ่ง ส่วนคนโดนจ้องก็ทำอะไรไม่ถูก มองลัลกับผมสลับไปมา ส่วนผมเลือกพักสายตาตัวเองไว้ที่ลัล



คนที่ช่วยดึงพวกเราให้ออกจากบรรยากาศเลวร้ายนี้คือไอ้จ๊าก



“มึงมาทำไมเนี่ยฮิม กูบอกว่าอย่ามาไง” เสียงไอ้จ๊ากกระซิบกระซาบ ลากตัวคนต้นเหตุให้ออกไป ทิ้งให้ผมอยู่กับลัลเพียงสองคน พอฮิมจากไปลับตาแล้ว เหมือนซินเดอเรลล่าเพิ่งรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่คนเดียว เขาหันมามองผมราวกับกำลังจะแตกสลาย สีหน้าของเขาเหมือนจะร้องไห้ได้ตลอดเวลา มองอ้อนวอนราวกับผมจะช่วยอะไรเขาได้



ผมตอบแทนเป็นการเอ่ยถาม



“รักเขาใช่ไหม”



ลัลพยักหน้า เดินเข้ามาซุกที่อกผมอย่างสิ้นแรง ผมรับรู้ได้ถึงโลกที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ของคนในอ้อมกอด และสัมผัสความชื้นที่ซึมผ่านเสื้อจากบริเวณอก



คืนนั้น เรากลับบ้านมานอนกอดกันโดยที่ไม่มีเสียงใดหลุดออกมา ผมรอให้ลัลหลับก่อนจะแอบลุกออกมาทำงานที่ค้างคาไว้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ฝืนใจป้ายสีต่อไม่ออก ผมสูบบุหรี่หมดไปหลายมวน หยิบเฟรมอัปลักษณ์อันเดิมออกมาตั้ง ผืนผ้าใบโดนแต้มสีฟ้ามั่วซั่ว ชิ้นงานอัปลักษณ์จนไม่อยากจะมอง ถึงอย่างนั้ผมก็บีบหลอดสีลงถาด ก่อนใช้พู่กันป้ายทับความน่าเกลียด



ดวงตาสีฟ้าทอประกายแวววาวสวยงามทว่าเศร้าโศกในวันนี้ฝังลึกอยู่ในใจผม เมื่อลบภาพนั้นออกไปไม่ได้เลยทำการระบายออกมาเป็นภาพวาด จากภาพที่เคยเป็นสีฟ้าขมุกขมัวในตอนนี้เริ่มดูดีขึ้น แต่พอระบายไปได้สักพักผมก็รู้ตัวว่าไปต่อไม่ได้ ผมไม่สามารถทำให้ภาพนี้สวยกว่านี้ได้แล้ว อย่างน้อยก็ในตอนนี้



ผมยอมแพ้ เอนหลังพิงพนักอย่างหมดแรง



ในคืนนี้ ผมนอนไม่หลับ



ผมออกมาสูดอากาศยามเช้า จู่ๆ ก็ตกใจเสียงดังตึงๆ ที่คิดว่าน่าจะดังมาจากคนร่วมบ้านวิ่งวนและพอเขาเจอผมอยู่ที่ระเบียงก็หยุดพฤติกรรมประหลาด ลัลตื่นมาด้วยสภาพที่ตาบวมเป่ง เขาคงนอนร้องไห้ทั้งคืน พอเจ้าตัวเสียงดังเห็นผมเขาก็ชะงัก ก่อนโถมตัวกอดผมเต็มแรง



“ทำไมตื่นเช้า”



“ผมตื่นมาไม่เจอคุณ”



“...ไม่ได้ไปไหนสักหน่อย”



“อือ รู้แล้ว”



ลัลพูดงุบงิบซุกอยู่ในหน้าอกผม กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นราวกับว่าถ้าไม่ล็อคตัวผมไว้แล้วผมจะลอยหายไปอย่างนั้นแหละ



“ร้อนแล้ว เข้าบ้านกัน” ผมบอกเขา ลูกโคอาล่าที่ซุกอกผมอยู่พยักหน้า แต่ไม่ยอมขยับตัว



“ปล่อยก่อน” เขาส่ายหน้า



“ไม่ปล่อยจะอุ้มนะ” เขาไม่ตอบ ผมถือว่าเป็นคำตกลง จึงช้อนตัวเขาขึ้น ลัลตวัดขาเกี่ยวเอวผมทันที เขาตัวหนักใช่เล่น แต่ก็ไม่มากถึงขนาดที่จะอุ้มไม่ไหว



ผมพาเขาเข้าบ้าน ตรงไปยังห้องนอนเพื่อวางเขาลง พออุ้มนานๆ แล้วปวดหลังหน่อยๆ ผมคงแก่ตัวแล้ว ไม่หนุ่มแน่นเหมือนเมื่อก่อน



“คุณ”



“หืม”



หลังจากที่วางตัวดีลงบนเตียงแล้วผมก็นั่งพักที่ขอบเตียง มีตัวขี้เกียจนอนอยู่ข้างๆ จนลัลร้องทักทำให้ผมหันไปสบตากับเขา



“โกรธผมไหม...”



“โกรธเรื่องอะไรล่ะ”



“เมื่อคืน...”



“...แล้วคิดว่ายังไง”



ผมตอบเป็นคำถาม จ้องลงไปในแววตาสีฟ้าที่เปลี่ยนมาสะท้อนภาพของน้ำทะเลอีกครั้ง ลัลขยับตัวเข้ามาหาผม เอาคางเกยไหล่ กระซิบข้างหู



“ถ้าโกรธจะง้อ”



“หึ”



ผมหลุดหัวเราะขำ คนบอกจะง้อเลยงับเข้าที่ใบหูผมเบาๆ แต่เสียใจด้วย ผมไม่ได้อ่อนไหวเหมือนเขาเลยไม่รู้สึกอะไรนอกจากจั๊กจี้เบาๆ



“สรุปโกรธมั้ย”



“เปล่า แต่ก็ผิดหวังเหมือนกัน” พูดจบ ลัลก็ทำหน้าจ๋อย ดูเซื่องซึมลงไปถนัดตา ผมรู้สึกอย่างที่พูด ไม่ถึงกับโกรธ แต่คิดว่าถ้าลัลยังรักหมอนั่นอยู่ก็อยากให้ตัดใจให้จบก่อนที่จะมายุ่งกับผม เขาทำเหมือนผมเป็นของตาย จะมาหาเมื่อไหร่ก็ได้ ออดอ้อนได้ นอนกกกอดได้ แต่ไม่ได้จริงใจ



“ฮิมมีแฟนอยู่แล้ว”



“อืม”



“เขาเป็นเพื่อนคนแรก เป็นคนสำคัญในชีวิตผม เป็นโลกทั้งใบ”



“แต่เขาไม่ได้คิดกับนายอย่างนั้นใช่ไหม”



“อือ...ผมเลยอกหัก แต่เพราะเขาสำคัญมากเลยลืมไม่ได้”



“ถ้าเขายังสำคัญอยู่ก็อย่ามาอยู่ที่นี่เลย”



ลัลส่ายหน้า “เขาสำคัญอยู่ก็จริง แต่เขาไม่ใช่โลกของผมแล้ว”



“...”



“โลกของผมคือคุณ”



“สารภาพรักหรือ”



“คิดว่าไงล่ะ” เจ้าเด็กอกหักยอกย้อน จนผมอกไม่ได้ที่จะยื่นหน้าเข้าไปงับหูเขาเบาๆ ลัลสะดุ้ง หดคอหนี ขยับตัวไปไกลๆ ราวกับผมเป็นตัวเชื้อโรค ผมยกยิ้ม เอ่ยถามเขา



“กลางวันจะกินอะไร”



เขาส่ายหน้า “ไม่รู้ แต่เบื่อมาม่า”



ผมหัวเราะขำ “เดี๋ยวออกไปซื้อให้ ง่วงก็นอนไป”



เจ้าเด็กง่วงครางตอบรับก่อนซุกตัวลงไปในหมอน ใช้ขาเรียวตวัดเอาผ้าห่มมาคลุมร่าง ทำตามอย่างว่าง่าย



ผมตัดบทใส่เขาอย่างง่ายดาย และลัลก็เป็นเด็กดีเชื่อฟังผม ไม่งอแงอะไรต่อ แต่เอาเข้าจริงคือผมขลาดเขลาเกินไป ที่จะเริ่มใหม่กับคนที่เอาหัวใจตัวเองไปผูกกับคนอื่น



และมันยากมากที่จะเชื่อว่าลัลทำใจได้แล้ว ดวงตาของเขาที่ทอประกายภาพท้องฟ้าในตอนนั้นผมยังจำมันได้ดี



สีฟ้าเปล่งประกาย สดใสสวยงาม ไม่เหมือนยามเขามองผมหรือมองสิ่งอื่น ที่มักจะเหมือนมีทะเลอยู่ในดวงตา  ทว่าทะเลที่เป็นแค่ผืนน้ำสะท้อนสีของท้องฟ้า ยังไงก็สวยสู้ท้องฟ้าจริงๆ ไม่ได้





ผมนั่งเหม่อมองผู้ร่วมบ้านทานข้าว ลัลเองก็เหมือนรู้ตัวว่าถูกจ้อง เขาหันมามองผมบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จนกระทั่งข้าวหมดจาน คนถูกจ้องเลยลุกขึ้นทำหน้าที่เอาจานไปล้างให้อย่างขัดเขิน



ทำไมคนอย่างเขาถึงโดนหักอกได้ ลัลแทบจะไม่มีตำหนิตรงไหน ใบหน้าสวย รูปร่างงดงาม อาจจะกวนประสาทไปบ้างแต่โดยรวมแล้วเขาก็นิสัยน่ารัก น่าเอ็นดู น่าทะนุถนอม ผมเชื่อว่าไม่มีใครที่เห็นลัลแล้วจะไม่ตกหลุมรัก เขาดูเป็นคนประเภทที่น่าเข้าหา มีสเน่ห์ล้นจัด ใครเห็นก็ต้องชอบ มีแต่ชอบมากหรือน้อยก็เท่านั้น สิ่งเหล่านี้ติดอยู่ในหัวผมตลอดตั้งแต่ลัลตื่น



คำถามที่หาคำตอบไม่ได้เพราะไม่กล้าถามเอาจากเขา ผมไม่อยากให้เขามีสีหน้าเหมือนโลกกำลังจะถล่มแบบนั้นอีก



“ลัล”



“หืม”



“...เปล่า ไม่มีอะไร”



ในเมื่อหาความจริงไม่ได้ ผมเลยคิดเอาเองว่าไอ้คนที่ชื่อฮิมคงไม่ได้ชอบผู้ชาย เป็นเหตุผลเดียวที่พอจะนึกออกในตอนนี้



ผมปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินต่อตามธรรมชาติ คืนนี้เราไม่ได้ไปร้านเหล้าของจ๊ากอีก ลัลโดดงาน ส่วนผมไม่มีอารมณ์ออกไปไหน ไม่มีอารมณ์ทำอะไรด้วยซ้ำ ขนาดจะจับพู่กันยังแขยงเลย สุดท้ายก็มานอนดูทีวีโง่ๆ บนเตียง ในห้องที่เปิดแอร์เย็นๆ



ในระหว่างที่กำลังนอนผึ่งพุงอยู่นั้น คนเด็กกว่าก็เข้ามา ทำการจู่โจมใส่ผม ลัลพุ่งเข้ามาคร่อมตัวผมไว้ก่อนก้มลงจูบ บดเบียดสะโพกตัวเองเข้ามาให้แนบกาย



“อะไรเนี่ย”



เจ้าเด็กก่อเหตุไม่ตอบ มุดลงเข้ากับไหล่ผม กัดเข้าที่หัวไหล่เบาๆ



“เป็นหมารึไง” ผมบ่นในพฤติกรรมประหลาด



“เมื่อไหร่จะกอดผมสักที”



“...”



“ผมไม่เคยเจอใครทนผมได้นานเท่าคุณเลย”



“แล้วไง ไม่อยากเก็บสถิติแล้วหรือ”



“ไม่อยากแล้ว อยากให้คุณกอด”



“ทำไมต้องอยากให้ฉันกอด”



“...”



“หืม”



ผมเอ่ยเสียงย้ำคำถามอีกครั้ง ลัลนอนนิ่งทับตัวผม เขามุดหน้าไปมาราวกับพยายามหาคำตอบให้ตัวเองอยู่



“จะใช้ฉันเป็นตัวทดลอง หวังว่าจะทำให้ลืมหมอนั่นได้หรือไง”



“...คุณ”



“ฉันพูดถูกใช่ไหม”



“ผม...” เขาเงยหน้ามาสบตาผม ทิ้งคำพูดไร้เสียงไว้เนิ่นนาน “ผมไม่รู้”



“งั้นก็ปล่อย”



“ไม่เอา คุณ...ผมไม่รู้ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร ผมเลยคิดว่าถ้าเป็นคุณคงได้”



“ได้อะไร”



“ช่วยผมได้”



“...” ผมเงียบ จ้องมองดวงตาเขาอีกครั้ง ลัลมีสีหน้าสับสนอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่รู้ว่าเขาได้รับการสั่งสอนมายังไง เพียงแต่ผมเองก็ไม่ใช่เครื่องจักรหรือที่ระบายอารมณ์ให้ใคร



“แล้วคิดว่าฉันอยากช่วยนายหรือไง” จบประโยคคำถาม แววตาสีฟ้าพลันเปลี่ยนเป็นสีน้ำทะเลตอนกลางคืน มันดำมืดและมีคลื่นรุนแรง



ลัลไม่ตอบ ค่อยๆ ผละออกจากตัวผมช้าๆ



“ผมขอโทษ...” จบประโยค น้ำทะเลก็ล้นทะลักออกมา หยดลงใบหน้าเขา “ผมขอโทษ ผมขอโทษ...”



เขาเอ่ยคำขอโทษซ้ำๆ ก่อนค่อยๆ ลุกออกจากตัวผม ลุกออกจากเตียง เดินโซเซเหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรงตรงไปที่ประตูห้อง ผมนั่งขยี้หัวอย่างจนใจ และก่อนที่เขาจะออกไปจากห้องนอนได้ ผมก็คว้าตัวเขาไว้ พาไปยังบนเตียงที่เพิ่งจากมา ผลักเขาลงไปนอนพร้อมกับกอดขังเขาไว้



“กอดแล้วนี่ไง” ผมบอกเขา รู้ทั้งรู้ว่าคนละความหมายกับกอดที่เขาต้องการ “ไม่ร้อง”



แต่การเห็นน้ำตาเขาก็ไม่สามารถทำให้ผมอยู่เฉยๆ ได้



ลัลสะอื้นมากขึ้น ก้มตัวซุกลงในอ้อมกอดของผม พรั่งพรูคำพูดที่หลุดออกมาโดยไม่ทันได้กลั่นกรอง ร่วมกับเสียงสะอื้นไห้ ทำให้จับใจความไม่ได้ ฟังไม่ออก



“ผมขอโทษ ผมไม่รู้... ไม่เคยเป็น”



“ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง คุณดี ผมเลย...ผมขอโทษ”



“เขา ฮิม ผมรัก..แต่คุณ มีคุณผมเลย...ผมไม่รู้”



“ผมไม่รู้ ไม่รู้ว่าต้องทำไงแล้ว”



จบคำพูด ลัลกรีดร้อง ร้องไห้หนักราวกับเด็กทารกแรกเกิด ขดตัวอยู่ในอ้อมกอดผม เขาในตอนนี้เปราะบางยิ่งกว่าแก้วที่ร้าว



“ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่เป็นไร” ผมปลอบใจเด็กขี้แง ลูบหลังเขาหวังให้เด็กน้อยหยุดร้อง “ไม่ร้อง”



ลัลทำให้อารมณ์ผมเหวี่ยงขึ้นลงได้ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง และผมคิดว่าเขาเองก็คงสับสนมากไม่แพ้กัน  จนกระทั่งเวลาผ่านไป ลัลหยุดร้องแล้วแต่ยังไม่ขยับตัวออกไปไหน ฝังตัวเองอยู่ในอ้อมกอดผมแน่น คราวนี้ผมไม่ว่าอะไรแล้ว ผมไม่ได้อยากใจร้าย เพียงแค่ระวังตัวไม่ให้มีคนมาใจร้ายใส่ เพราะถ้าเขาคิดใช้ผมเป็นเครื่องมือลืมใครสักคน พอได้ตามต้องการแล้วเขาอาจจะเขี่ยผมทิ้งไป



ตอนนั้นแหละที่คนแหลกสลายจะเป็นผมเอง



“คุณ...”



“หืม”



 “ผม...มีเรื่องอยากจะเล่าให้ฟัง...”



“อืม”



“สนใจฟังไหม”



ผมมองหน้าเขา รับรู้ทันทีว่าลัลต้องการจะพูดถึงเรื่องอะไร และไม่มีความจำเป็นอะไรให้ผมเลือกปฏิเสธ อย่างน้อย การได้รู้จักเขามากขึ้นก็เป็นเรื่องดี



“เอาสิ”



ผมว่า รอฟังนิทานของซินเดอเรลล่าผู้อกหัก

 












สับสนทั้งพี่ทั้งน้อง ให้เวลาพวกเขาหน่อยนะ555

อีกนิดนึงก็จะเฉลยแล้วว

#ณพระจันทร์

หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.10 am.| 18.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 19-06-2018 00:13:30
 :mew4: นี่น้ำตาคลอตามน้องไปแล้วค่ะ เข้าใจว่าคงสับสนกับตัวเองมาก กอดลุงไว้แน่ๆนะ ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.10 am.| 18.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-06-2018 01:26:20
ปวดตับกับความรักของหนูลัลจริง ๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.10 am.| 18.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 19-06-2018 02:57:08
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.10 am.| 18.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 19-06-2018 07:15:37
ลัลเอ้ย  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.10 am.| 18.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-06-2018 09:03:46
 :pig4: :pig4: :pig4:

ถ้าลัลยังไม่แน่ใจในความรู้สึกขณะนี้ ก็อย่าหวังว่าคุณจะยอมดามอกให้
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.10 am.| 18.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 19-06-2018 13:56:52
เฮ้อ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.10 am.| 19.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 19-06-2018 22:34:06
1.10am.



หลังจบประโยค ผมสบตากับเขา



ยกยิ้มมุมปากเมื่อคำพูดของเขาช่วยยืนยันอะไรบางอย่างให้กับผม



“หึงหรือ?”



“ไม่ใช่!”



“ถ้างั้นจะห่วงเรื่องลัลทำไม”



“พี่เป็นบ้าเหรอ ใครๆ ก็รู้ว่าพี่กับพี่ลัลคบกัน แล้วอย่างนี้พี่จะมายุ่งกับผมทำไม”



“กูคบกับลัลก็จริง แต่คบกันเป็นเพื่อน”



“เพื่อนกันเขาไม่นอนด้วยกันหรอก!”



ครานี้ผมเงียบอีกครั้ง ที่โยพูดมามันเป็นความจริง และไม่แปลกเลยที่ใครต่อใครจะรู้ว่าลัลเป็นของผม เป็นทั้งเพื่อนสนิท ทั้งคู่นอนที่ดีที่สุด เพราะผมไม่ได้ปิดบังอะไร เพียงแต่



“กับลัล เป็นแค่เพื่อนจริงๆ”



เขาหัวเราะขำ เย้ยหยันในคำพูดของผม “อืม มันก็พูดให้เชื่อยาก...แต่กูไม่เคยคิดกับลัลเกินกว่าเพื่อน”



“แต่ก็นอนด้วยกัน”



“อืม เซ็กซ์เฟรนด์ก็ว่าได้”



“...งั้นผมก็คงจะเป็นเพื่อนของพี่ด้วยเหมือนกัน”



“ไม่เหมือน”



“ยังไง สุดท้ายพี่ก็แค่หวังฟันผมอยู่ดีไม่ใช่เหรออ”



“ตอนแรกนะใช่ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว กูไม่อยากจะอธิบายเยอะนะโย แต่กูรู้สึกกับมึง...ไม่เหมือนที่รู้สึกกับลัล”



“...พี่ก็พูดได้ดิ”



“อยากให้ทำให้ดูด้วยไหม”



“...”



“ถ้าไม่เชื่อใจ จากนี้กูจะไม่ยุ่งกับลัล โอเคมั้ย”



“ไม่ยุ่ง...ยังไง? พี่เป็นเพื่อนกัน ตัวติดกันตลอด”



“ถ้ามึงให้โอกาส...จากนี้จะทำให้เห็นเอง”



“พี่ทำไม่ได้หรอก”



“ไม่อยากลองหรือ”



เขาเงียบ ไม่ตอบอะไรอีก ผมโล่งใจที่เขากังวลแค่เรื่องลัล เพราะเรื่องนั้น...ผมบริสุทธิ์ใจจริงๆ



ผมเป็นเพื่อนกับลัล แต่ก็หลับนอนกับลัล ฟังดูอาจจะแปลกๆ แต่ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่มันเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ผมนอนกับลัล นอนกับคนอื่น แต่สุดท้ายก็จะกลับมาอยู่กับเขา เพราะลัลเป็นคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่เรื่องมาก ไม่โวยวาย ไม่ทำตัวน่ารำคาญ อีกทั้งเขาเป็นคนมีสเน่ห์ มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ และที่สำคัญที่สุดคือ เซ็กซ์ของเราเข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ



โดยที่เขาเองก็ยินยอมที่จะเป็นแค่เพื่อนกับผม



ผมรู้จักกับลัลตั้งแต่ม.หนึ่ง เพราะเรียนที่เดียวกัน พื้นฐานทางด้านครอบครัวของเรามีอะไรหลายๆ อย่างคล้ายกันทำให้อยู่ด้วยกันได้อย่างไม่อึดอัด เขาอยู่ติดกับผมตลอด และผมก็ตัวติดกับเขาตลอดเช่นกัน จนกระทั่งจากเด็กชายกลายเป็นชายหนุ่ม ทั้งผมและเขาก็เริ่มมีเซ็กซ์ด้วยกัน



ผมเคยลองกับผู้หญิงมาก่อน ทว่าไม่เคยกับผู้ชาย พอลองถามลัลดูเขาก็ยินยอมร่วมรักกับผม และหลังจากนั้นมันก็เป็นแค่การมีเซ็กซ์ ระบายความใคร่ ไม่ได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งมากมาย ผมกับลัลอาจจะสนิทกันมากขึ้น เพราะนอกจากนิสัยแล้วเรื่องบนเตียงเราก็เข้ากันได้ดี แต่ไม่ใช่กับเรื่องหัวใจ



ผมยืนยันว่าลัลไม่ใช่คนที่ทำให้ผมเป็นบ้าได้เหมือนกับโย



และคิดว่าเขาก็คงคิดกับผมเช่นกัน เราต่างคบกันเพราะเข้ากันได้ดีในหลายๆ อย่างก็เท่านั้น เพราะฉะนั้นผมถึงโล่งใจที่โยติดขัดเพียงกับเรื่องแค่นี้ การตีตัวออกห่างลัลไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผม ยังไงผมและเขาต่างก็ไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้ง หากอธิบายให้ลัลฟัง หมอนั่นคงเข้าใจ อีกอย่างคือผมไม่ได้คิดจะเลิกคบกับลัล ยังไงผมก็ยังเป็นเพื่อนเขาเสมอ



“งั้นเดี๋ยวต่อจากนี้จะไม่ยุ่งกับลัลแล้ว โอเคมั้ย”



“จะไม่ยุ่งได้ยังไง”



“กูจะมาอยู่กับมึงแทน”



หนูจี๊ดไม่มีปฏิกิริยาตอบรับหรือปฏิเสธ นั่นทำให้ผมคิดว่ามันคือการตอบตกลง



ผมช่วยดูแลคนป่วยอีกสักพัก พุดดิ้งหวานๆ สำหรับหนูป่วยดูจะได้ผลเกินคาด เมื่อเจ้าตัวเริ่มกลับมามีเรี่ยวแรงลุกขึ้นมาปั่นงาน ส่วนผมเป็นลูกมือคอยช่วยเขาอยู่ข้างๆ คอยช่วยเหลือเขาตลอดหนึ่งอาทิตย์ โยไม่ได้ว่าอะไรที่ผมเข้าออกห้องเขา เพราะผมไม่ได้ทำอะไรเกินเลย



แม้ว่าจะต้องข่มใจไม่ให้แอบลอบมองต้นขาขาวๆ ลอบดมกลิ่นกายยามเขาเดินผ่าน แต่แค่ตัวเขาผมยังแทบไม่ได้แตะเลยด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้ทำให้หนูน้อยไว้ใจผมมากขึ้น พอผมทำให้เขามีงานไปส่งได้ทันเวลา ก็ดูเหมือนจะได้รับคะแนนความไว้ใจเพิ่มขึ้นสองเท่า



ตลอดช่วงเวลานี้ผมเองก็ไม่ได้เจอลัลเท่าไหร่ อ.ที่ปรึกษาตัวจบของเราไม่ใช่คนเดียวกัน ทำให้เวลาไปเรียนไม่ได้ไปด้วยกัน แม้ว่าผมจะอยู่หอเดียว ห้องเดียวกับเขา แต่ผมก็เข้าไปเอาของแป๊บเดียวก็ออกมา ไม่ได้อยู่คุยอะไรนาน เลยไม่ได้มีเวลาอธิบายเรื่องโยให้ฟังสักที



และลัลก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรมากมายนอกจากสารทุกข์สุกดิบ นิสัยเพื่อนผมก็เป็นอย่างนี้แหละ ผมถึงได้ชอบที่จะอยู่กับเขา ไม่ยุ่ง ไม่วุ่นวาย แต่คอยเป็นห่วงอยู่เสมอ ส่วนไอ้จ๊ากที่คอยช่วยเหลือเรื่องผมกับโยก็เริ่มไม่มีบทบาท เพราะผมรุกได้คืบหน้าจนแทบไม่ต้องพึ่งมันแล้ว



“สรุป มึงกับน้องเขานี่...คบกันแล้ว”



“ยัง” ผมบอกไอ้จ๊าก เล่าความคืบหน้าหลังจากที่ทนมันพะเน้าพะนอไม่ได้



“แต่น้องมันก็ดูยอมมึงนี่ คงใกล้แล้วป่ะวะ”



“เออ งั้นมั้ง”



“เสือฮิมไม่เคยทำให้ผิดหวัง กูล่ะเบื่อที่มึงเล็งใครก็ได้ไปหมด”



“หึ”



“แล้วพอได้คบน้องเขาแล้วจะเอาไงต่อ...”



“...เอาจริง กูก็ไม่รู้ว่ะ”



“อ้าว ไอ้เหี้ย ไหนว่าคนนี้จริงจัง”



“ก็เพราะจริงจังน่ะสิ กูถึงได้ไม่รู้ว่าจะทำไง ปกติกูได้แล้วก็เลิก แต่โยธาไม่ใช่ เข้าใจมั้ย”



“โถ เสือฮิมถอดเล็บจริงจังว่ะ มึงก็ต้องดูแลน้องเขาให้ดีนะเว้ย”



“กูรู้...แต่กูไม่เคยต้องดูแลใครนี่หว่า”



“เห็นมึงพูดงี้แล้วกูรู้สึกเหมือนเห็นของแปลก”



“ยุ่งน่า เอาเป็นว่าให้เด็กมันยอมคบกับกูก่อนเถอะ”



“เออ มึงอย่าลืมไปจัดการเรื่องลัลด้วย”



“เรื่องลัล ทำไม?”



“เอ๊า ก็มึงกับลัล...”



“ลัลมันทำไม”



“เปล่า...” ไอ้จ๊ากเว้นจังหวะ ครุ่นคิดเนิ่นนาน สีหน้าเริ่มเคร่งเครียด ทีแรกผมไม่เข้าใจว่ามันจะเครียดทำไม ผมคิดมาตลอดว่าลัลกับผมเป็นแค่เพื่อนกัน และจะเป็นแค่นั้นตลอดไป ทว่าจากคำพูดไอ้จ๊าก ทำให้ผมรู้ว่ามีแค่ผมคนเดียวที่คิดเช่นนั้น...



“กูนึกว่ามึงรู้อยู่แล้วว่าลัลชอบมึง...”








#ณพระจันทร์

หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.10 am.| 19.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 19-06-2018 23:05:57
ฮิมนี่มันฮิมจริงๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.10 am.| 19.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 19-06-2018 23:13:26
อ้อ มันเป็นแบบนี้นี่เอง ถ้ารู้จักตั้งแต่ม.หนึ่งก็ไม่แปลกที่ลัลจะเป็นแบบนี้  :กอด1: ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.10 am.| 19.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-06-2018 00:14:33
 :pig4: :pig4: :pig4:

สาเหตุต่าง ๆ เริ่มปรากฏ  อีกสักพักคงจะกระจ่างมากขึ้น

หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.10 am.| 19.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-06-2018 01:35:28
ลัลเอยลัล ตัดใจยังไม่ขาดซินะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.10 am.| 19.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 20-06-2018 04:10:58
00.10 am.| ชอบที่คุณบรรยายถึงความแหลกสลายของลัลมาก เหมือนได้นั่งมองทะเลตอนกลางคืนจริงๆ เสียงคลื่นอึง สีดำลึกๆ อยากโอ๋ๆ กอดปลอบน้อง งืออ

1.10 am.| ยังไม่ไว้ใจฮิมหรอกหนา ตอนนี้เธอยังไม่ได้หนูจี๊ดนี่นา เสือพร่ำพูดว่าถอดเขี้ยวเล็บจะเชื่อได้แค่ไหน เฝ้าดูพฤติกรรมต่อไป
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.10 am.| 19.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 20-06-2018 04:32:54
รู้สึกว่าฮิมจะเห็นแก่ตัว!!
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.10 am.| 19.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: aha_aha ที่ 20-06-2018 10:10:23
ระเบิดเป็นโกโกครั้นช์....
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.10 am.| 19.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 21-06-2018 02:08:00
อยากให้น้องลัลมั่นใจมากกว่านี่ แอบสงสารคุณอยู่นะ555555555555555555
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |23.59 pm.| 22.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 22-06-2018 01:57:33
23.59 pm.



Moon says



กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กชายนามว่าลลัล เขามีน้องสาวเพศหญิงชื่อว่าลิลลา มีคุณพ่อเป็นคนไทยและคุณแม่เป็นคนสเปน พ่อแม่ของเขาพบรักกันที่ไทยและแต่งงานกัน ตั้งรกรากถิ่นฐานอยู่ที่จังหวัดทางตอนเหนือของประเทศไทย พวกเขามีฐานะร่ำรวยพอสมควร การใช้ชีวิตแต่ละวันไม่เคยยากลำบาก เด็กชายมีบ้าน มีครอบครัวที่อบอุ่น เติบโตมาอย่างเพียบพร้อมจนกระทั่งเขาอายุได้เก้าขวบ คุณพ่อกับคุณแม่ก็แยกทางกัน



คุณแม่นำลิลลากลับไปอยูด้วยกันที่ประเทศบ้านเกิด ส่วนเขาและคุณพ่ออยู่บ้านหลังเดิม เด็กชายที่ไม่มีน้องสาวเป็นเพื่อนเล่นอีกต่อไป และน่าเสียดายที่เขาไม่ใช่คนพูดเก่ง เด็กน้อยจึงเริ่มไร้เพื่อนเข้าหา จากเด็กที่ร่าเริงสดใสเปลี่ยนเป็นเก็บตัวเงียบไม่พูดจากับใคร



ดวงตาสีฟ้าสวยงามบัดนี้กลายเป็นเพียงของแปลกตา



ไม่มีใครกล้าเข้าหาลัลเพียงเพราะเขาไม่เหมือนคนอื่น เด็กชายไม่ได้ถูกรังแกเพราะมีสีตาที่ผิดแผลก แย่กว่านั้น...เขาไม่ได้รับความสนใจใดๆ เลย ทุกคนทำเหมือนเขาไร้ตัวตน ทำเหมือนว่าการพูดคุยกับคนที่แตกต่างอาจทำให้พวกเขามีปัญหา ไม่ใช่ว่าลัลไม่เคยพยายาม เขาลองเข้าหาเพื่อนใหม่แล้ว แต่ปฏิกิริยาของแต่ละคนที่แสดงออกมาก็ตอกย้ำความคิดเด็กน้อยว่าเขายอมถอยออกมาอยู่คนเดียวจะดีกว่า



ลัลไม่สุงสิงกับใคร กลายเป็นคนพูดน้อย พูดเท่าที่จำเป็น เขาแทบไม่ได้คุยกับเพื่อนหรือครูคนไหน รวมไปถึงกับพ่อตัวเอง



คุณพ่อของเด็กชายทำงานหามรุ่งหามค่ำจนไม่มีเวลาใส่ใจลูกชายตัวเองเหมือนแต่ก่อน เด็กชายลัลจึงได้แต่อยู่เฝ้าบ้านคนเดียวเงียบๆ เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า คืนแล้วคืนเล่า เขาสังเกตว่าพ่อของตนเริ่มไม่ค่อยกลับบ้านบ่อยขึ้น



และเขาก็อยู่คนเดียวมากขึ้น



จนกลายเป็นความเคยชิน ท้ายสุดแล้วเขาก็รู้จักคุณพ่อของเขาที่เป็นเพียงตัวเลขในบัญชี



จนกระทั่งลัลเข้าม.หนึ่ง โรงเรียนใหม่และสังคมใหม่ทำให้เขาต้องเริ่มปรับตัวใหม่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ยากเท่าครั้งแรก เด็กชายลัลพอจะรู้แล้วว่าต้องทำตัวเช่นไร



เขานั่งเงียบเหมือนไร้ตัวตน



แต่อย่างไรเสีย ดวงตาสีฟ้าของเขาก็เป็นที่น่าสนใจและแปลกใหม่ต่อเพื่อนร่วมห้องหลายๆ คน



โรงเรียนใหม่ไม่ได้ดีกว่าเดิม เพื่อนร่วมห้องไม่ให้ความร่วมมือกับการเป็นมนุษย์ล่องหนของเขา เด็กผู้หญิงมักเข้ามาพูดคุยส่งเสียงหนวกหู ส่วนเด็กผู้ชายก็เข้ามาหยอกเย้ากลั่นแกล้ง เพียงเพราะเขาแตกต่าง ลัลไม่เคยโต้ตอบอะไรกลับไป แต่นั่นทำให้เพื่อนร่วมห้องของเขาไม่พอใจมากขึ้นเมื่อเด็กชายไม่มีปฏิกิริยาอย่างที่พวกเขาต้องการ เขาเริ่มถูกใช้ความรุนแรงจากกลุ่มเด็กผู้ชายวัยซุกซน



เขาไม่เคยโต้ตอบใคร แต่ใช่ว่าจะไร้จิตใจ ความรู้สึกเกลียดชังโลกใบนี้ของเขามีมากขึ้นเรื่อยๆ ความดำมืดในใจค่อยๆ กัดกินตัวตนเขาทีละนิด และก่อนที่จะหมดความอดทน เขาก็พบกับฮิม



เด็กชายฮิมเป็นเสมือนฮีโร่ของเขาในยามนั้น ขณะที่ลัลโดนลากตัวออกมาจากห้องเรียน ถูกกลั่นแกล้งสารพัดในที่ลับตา ไม่เคยมีใครเข้ามาช่วยเหลือเขาไม่ว่าจะทางไหน มีแค่ฮิมที่เข้ามาเปลี่ยนโลกของเขา



ฮิมไม่เคยรังเกียจในสิ่งที่เขาเป็น คอยเป็นห่วงดูแลไม่ให้คนที่คิดร้ายเขาเข้าใกล้ นอกจากคอยให้ความช่วยเหลือหลายอย่างแล้ว ฮิมยังเป็นคนแรกที่ออกตัวว่าเขาเป็นเพื่อน เด็กชายลัลไม่เคยได้รับสิทธิ์นี้กับใครมาก่อน เขาถือให้ฮิมกลายเป็นเทพเจ้าในใจ ลัลยับถือฮิมในหลายๆ อย่าง ฮิมเข้มแข็งและเป็นตัวของตัวเอง ไม่ยอมให้ใครเข้ามารังแก แต่ไม่ได้เป็นคนจิตใจโหดร้าย



ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นไปได้ด้วยดี เมื่อทั้งเขาและฮิมต่างเปิดใจเล่าเรื่องราวให้กันและกันฟัง



เพื่อนคนนี้มีอะไรหลายๆ อย่างคล้ายลัล คุณพ่อคุณแม่ของฮิมเองก็แยกทางกัน แต่ฮิมไม่ได้อยู่ร่วมอาศัยกับใคร เด็กชายเลือกที่จะออกมาอยู่หอเพียงคนเดียวตั้งแต่ม.หนึ่ง ไม่มีใครขัดใจเขา และทุกคนในบ้านคิดว่าดีเสียอีกที่เขาออกมาใช้ชีวิตเอง จะได้ไม่ต้องเป็นอยู่เป็นที่รังเกียจหรือเป็นภาระของใคร



ฮิมรู้จักพ่อกับแม่ในนามของบัตรเครดิตและเงินสด



เขาไม่คิดจะร้องขอความรักจากทั้งคู่อีก และคิดว่าชีวิตตัวเองสมบูรณ์แบบแล้ว ฮิมเข้มแข็งพอจะอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียว ต่างจากลัลที่แม้จะไม่พูด แต่มักจะกรีดร้องในใจเงียบๆ การที่ได้พบกับฮิมเหมือนเป็นการเติมเต็มชีวิตที่ขาดหายให้กับเด็กน้อย



ฮิมคอยดูแลเขาอย่างดี สอนการใช้ชีวิตหลายๆ อย่างให้ แม้บางอย่างอาจโดนมองว่าเป็นเด็กเกเร แต่ลัลก็ยังคงนับถือฮิมจากใจ ช่วงเวลาไหลผ่าน เด็กชายลัลมีเพื่อนใหม่และโลกใบใหม่ พรั่งพร้อมด้วยความสุขอีกครั้ง



จากเด็กชายสู่ชายหนุ่ม



ฮิมก็ได้สอนให้ลัลได้รู้จักเซ็กซ์ ตอนนั้นเองที่เขารู้ว่าตนไม่ได้รู้สึกรักชอบผู้หญิง ลัลปฏิเสธที่จะร่วมรักกับพี่สาววัยมหาลัยที่ฮิมหามาให้ เขาไม่ได้มีอารมณ์หรือรู้สึกตื่นเต้นกับเรือนร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาว กลับกัน เขาใจเต้นกับร่างกายสมชายชาตรีของเพื่อนสนิท ลัลไม่เคยเปิดเผยเรื่องนี้



วัยหนุ่มของพวกเขาเต็มไปด้วยกามารมณ์ ฮิมหลับนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็เกิดเบื่อหน่ายขึ้นมา เชิญชวนให้ซี้สหายลองหลับนอนกับเขาดูสักครั้ง



ลัลมีทีท่าลังเลในตอนแรก แต่ในวัยอยากรู้อยากลอง รวมถึงหัวใจที่เริ่มเต้นผิดจังหวะทำให้เขาไม่ปฏิเสธ



“มึงโอเคมั้ย ไม่ว่าจะยังไงมึงก็จะเป็นเพื่อนกูนะ”



 “อืม สัญญา”



คำมั่นสัญญาก่อนร่วมรักกันเขาจำมันได้ขึ้นใจ ไม่ว่าอย่างไรตนจะเป็นได้แค่เพื่อนของอีกฝ่ายเท่านั้น ถึงอย่างนั้นเขาก็เต็มใจ มอบตัวเองให้เพื่อนสนิทคนแรก ที่เป็นทั้งจูบแรก เซ็กซ์ครั้งแรก และรักแรก...



บทเพลงรักของฮิมราวกับล่องลอยอยู่ในความฝัน เขาอิ่มเอม สุขสม คนตรงหน้าช่วยเติมเต็มเขาได้ในทุกๆ อย่าง จนหนีไปไหนไม่รอด เซ็กซ์ของฮิมบางทีก็ร้อนแรง รุ่มร้อน บางทีก็อ่อนหวาน นุ่มนวล ไม่ว่าจะทางไหนเขาก็รักสัมผัสของฮิม รักรสจูบของฮิม รักตัวตนของฮิมจนไม่สามารถให้ใครอื่นมาแตะต้องร่างกายได้อีก แม้ว่าฮิมจะยังคงเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ แต่สุดท้ายพวกเขาก็จะกลับมาร่วมรักกันอยู่ดี



ลัลพยายามแล้ว เขารู้ตัวว่าไม่มีทางได้ครอบครองหัวใจเพื่อนสนิท จึงพยายามที่จะตัดใจ หาใครคนใหม่มาดูแลหัวใจ ทว่าไม่เคยได้ผล เขารักฮิมมากเกินกว่าจะยินยอมให้ใครแตะเนื้อต้องตัวได้ เพียงแค่คิดว่าตนจะต้องร่วมรักกับคนอื่นที่ไม่ใช่ฮิม เขาก็แทบจะอาเจียน ดังนั้น...นอกจากฮิมแล้ว เขาไม่เคยร่วมรักกับใครอีก



รวมถึงไม่เคยรักใครอีก



ลัลคิดจะตัดใจอยู่หลายครั้ง ทว่าความใกล้ชิดทำให้ความพยายามของเขาล้มเหลวเสมอ เขาไม่เคยตัดใจได้ ซ้ำร้าย เมื่อพวกเขาย้ายมาอยู่บ้านลัลด้วยกันตั้งแต่ม.สี่ ลัลก็ไม่สามารถหนีจากฮิมไปไหนได้อีก ความผูกพันที่ลัลมีต่อเพื่อนคนแรกมีแต่มากขึ้นจนไม่สามารถตัดให้ขาดได้อีกต่อไป



พวกเขาเลือกเรียนคณะเดียวกันและมหาลัยเดียวกัน ครานี้พวกเขาย้ายจากบ้านไปสู่หอพักเพื่อความสะดวกในการเดินทาง ลัลยังคงอยู่กับฮิม ตัวติดกันเหมือนเดิม หลังเข้ามหาลัย ทุกคนต่างรู้ว่าพวกเขาสนิทกันมากแค่ไหน และเมื่อเวลาผ่านไป ทุกคนก็รู้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับฮิมลึกซึ้งกว่าเพื่อนทั่วไป ทว่าไม่มีใครเคยเอ่ยออกมา เพราะฮิมยังคงเปลี่ยนหญิงไปทั่ว จะมีก็แต่ลัลที่ไม่เคยเห็นว่าไปมีสีมพันธ์สวาทกับใครที่ไหน



ถึงอย่างนั้น ลัลก็มีความสุขกับชีวิตดี เขาเคยชินกับการที่ฮิมออกเที่ยวล่าเหยื่อ เปลี่ยนคนควงเดือนละครั้ง เพราะอย่างไรเสีย สุดท้ายแล้วฮิมก็จะกลับมาหาเขา ลัลรู้ว่าเขาเป็นได้แค่เพื่อน แต่ฮิมก็ไม่เคยมีใครที่ทำให้เขารู้สึกด้อยค่ากว่า ใคร ฮิมปฏิบัติกับเขาเป็นคนพิเศษเสมอไม่ว่าจะตอนไหน



จนเข้าสู่ปีที่ห้า



ฮิมเปลี่ยนไป



เขารู้ว่าฮิมไล่ตามตื๊อเด็กปีสองคนหนึ่งอยู่ แต่ก็เป็นปกติของฮิมอยู่แล้วจึงไม่ได้สนใจ ไม่เคยคิดว่าเด็กคนนี้จะมาพรากโลกของเขาไป ลัลไม่เคยคิดฝันถึงวันที่โลกของตนจะถูกทำลาย



จนกระทั่งฮิมเลิกยุ่งกับเขาอย่างสิ้นเชิง เขาพลันรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิด



ฮิมชอบโย



ชื่อของคนที่ฮิมบอกว่าชอบไม่ใช่ชื่อของเขาที่อยู่ด้วยกันมานับสิบปี แต่กลับเป็นใครที่ไหนไม่รู้



โลกของเขาสั่นคลอน ฮิมไม่สนใจเขา แต่ใช่ว่าเขาจะเลิกสนใจฮิม ลัลแอบตามเพื่อนสนิทตัวเองไปเพื่อพบว่าฮิมไปอาศัยอยู่กับโยธา ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกัน และฮิมดูมีความสุข



รอยยิ้มที่เปื้อนหน้าของฮิมไม่เคยปรากฏขึ้นกับเขา



ในตอนนั้นเองที่โลกอันแสนสุขของลัลได้พังทลาย



ฮิมสร้างโลกใบใหม่ให้เขา แต่คนที่ทำลายมันคือโย



จ๊ากเป็นคนที่เข้ามาอธิบายทุกอย่าง แต่นั่นจะสำคัญอะไรอีก ฮิมเจอหัวใจของตัวเองแล้ว คนที่ฮิมต้องการจะอยู่ด้วยไม่ใช่เขา คนที่ฮิมมอบรอยยิ้มให้ไม่ใช่เขา คนที่ทำให้ฮิมมีความสุขได้...ไม่ใช่เขาอีกต่อไป



ฮิมเข้ามาพูดคุยกับลัลก่อนจะย้ายไปอยู่กับโยอย่างถาวร เขาขอโทษสำหรับทุกอย่าง พลางตอกย้ำถึงคำมั่นสัญญาว่าเขาจะเป็นแค่เพื่อนของลัลตลอดไป คำสัญญาที่ลัลไม่เคยอยากทำตาม แต่เข้าใจทุกอย่างแล้วว่าต่อจากนี้ไปจะไม่มีฮิมอยู่เคียงข้างเหมือนเคย จะไม่มีฮิมที่คอยมอบอ้อมกอดให้เขาอีก จะไม่มีฮิม...ให้ลัลหลงรักอีก



เมื่อโลกทั้งใบแตกสลายลง ลัลไร้ซึ่งผืนแผ่นดินจะยืน เขาดำดิ่งลงไปในห้วงอวกาศสีดำมืด ไร้ทั้งแสงเสียงใด ทำเพียงล่องลอยเคว้งคว้างไปอย่างไร้จุดหมาย ยิ่งฮิมมั่นคงกับโยมากเท่าไหร่ เขายิ่งจมลึกลงไปมากขึ้นเท่านั้น



ฮิมที่เป็นคนแรกให้ทุกอย่างของเขาไม่มีอีกต่อไป



ทุกอย่างของเขาดับสูญ เขาหลงทาง สับสน หาทางออกไม่เจอ วิ่งวนอยู่ในเส้นทางมืดมิด ปล่อยให้ความเศร้ากัดกินหัวใจ จนเกือบจะเรียนไม่จบภาคการศึกษา โชคดีที่เขามีเพื่อนอย่างจ๊ากคอยให้ความช่วยเหลือ ฉุดกระชากลากถูจนเรียนจบมาได้ด้วยสภาพพังยับเยิน เขาไม่รู้อีกแล้วว่าจะหาความหมายของชีวิตได้จากที่ไหนอีก



จ๊ากคอยช่วยเหลือเขาหลายอย่าง แต่มันไม่ได้ดีขึ้น โลกที่ไม่มีฮิม สำหรับเขาแล้วทุกอย่างดูหม่นหมองไปหมด ซ้ำยังน่าเศร้าตรงที่เมื่อเรียนจบ ลัลต้องย้ายกลับมาอยู่ในบ้านหลังเดิม บ้านที่เคยมีแค่เขากับฮิม ห้องนอนของเขาที่เคยมีฮิม เตียงของเขาที่เคยนอนกอดกับฮิม และฮิมที่ไม่เคยเป็นของเขาตลอดมา ทุกอย่างพุ่งเข้าโจมตีใส่เด็กหนุ่มจนหัวใจพังพินาศ ยับเยิน และเหวอะหวะ เขาไม่สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ไม่มีฮิมไปได้เลย



เขาดื่มจนเมาหัวราน้ำ ต้องการลบความทรงจำที่เคยมีกับฮิมให้หมดสิ้นอย่างถาวร เพียงแต่ต่อใหเขาเมามากเท่าไหร่ รุ่งเช้าวันถัดมาเขาก็ยิ่งระลึกได้ว่าตนรักฮิมมากเท่านั้น มันไร้ประโยชน์ เขารู้ เพียงแต่ขอแค่สักพัก ขอแค่ช่วงเวลาหนึ่งที่ทำให้เขาลืมฮิมได้ เขาก็ยินยอม แม้จะรู้ตัวว่าตนเป็นภาระให้จ๊ากบ่อยๆ แต่ก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลง



พยายามหาใครหลายคนมาดามหัวใจ คนเพิ่งเคยอกหักไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไรถึงจะลืมรักครั้งแรกได้ เขาสุ่มผู้ชายจากร้านเหล้าได้คนหนึ่ง ทว่าพออีกฝ่ายเริ่มแตะเนื้อต้องตัวเขา ลัลก็รีบผลักออกทันทีราวกับต้องของแสลง เขาไม่สามารถนอนกับใครก็ได้เหมือนฮิม เขาไม่สามารถให้ใครสัมผัสได้เหมือนฮิม



จะให้ทำอย่างไร ในเมื่อโลกทั้งใบของเขาคือฮิม



หลังจากจบจากการศึกษา เขาได้กลับมาพบกับฮิมอีกครั้งเมื่อมีกินเลี้ยงส่งว่าที่บัณฑิต ลัลนั่งติดกับจ๊าก โดยที่ฮิมนั่งห่างออกไป แม้จะอยู่ไกลสายตา แต่ลัลยังคงมีดวงตาคู่สวยนี้ไว้มองแค่ฮิมเสมอ เขาจับจ้องหัวใจที่ตอนนี้เป็นของคนอื่นไปแล้ว ฮิมร่าเริง ยิ้มแย้มอย่างที่เขาไม่เคยทำให้ฮิมได้ เจ้าของหัวใจหัวเราะมีความสุขไปกับคนที่ชื่อโยธาอย่างที่เขาไม่สามารถเข้าไปแทรกแซง



ตั้งแต่ฮิมหลงรักโย ทุกอย่างของฮิมเหมือนจะดีขึ้น ฮิมสุภาพมากขึ้น ใจเย็นลง ใช้เหตุผลมากกว่าเดิม ไม่ขี้หงุดหงิด ไม่เย็นชา ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เที่ยวควงใครอีก ซื่อสัตย์ต่อคนรักของตน เขาดูน่าเข้าหามากขึ้น มีเพื่อนฝูงเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ลัลยังคงตัวคนเดียว และมีแต่จะดำดิ่งลงเรื่อยๆ



ยิ่งคิด เขายิ่งเจ็บใจที่ตนไม่สามารถเป็นคนนั้นให้ฮิมได้ เขารู้ว่าเขาไม่สามารถบังคับให้ฮิมมารักเขาได้ เหมือนที่ฮิมเองก็ไม่สามารถบังคับให้เขาเลิกรักฮิมได้เช่นกัน



ยิ่งฮิมมีความสุข เขายิ่งเจ็บปวด



ยิ่งฮิมรักโยมากเท่าไหร่ ยิ่งตอกย้ำให้เขารู้ว่าตนเองไม่มีใคร



อาจผิดที่เขาเองเผลอไปหลงรักฮิม แต่ถ้าความรักมันห้ามกันได้ นั่นคงไม่ใช่ความรัก เขารู้ว่าเขาพลาดที่ตกหลุมรัก ถึงอย่างไรก็กลับไปแก้ไขไม่ได้ หรือต่อให้กลับไปแก้อดีตได้ เขาก็คงตกหลุมรักฮิมอยู่ดี



ลัลถอนหายใจใส่แก้วใสที่บรรจุเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เต็มแก้ว ในระหว่างที่กำลังครุ่นคิด ใบหน้าอันคุ้นเคยมายืนตรงหน้า



ไม่ใช่ฮิม แต่เป็นคนที่เขาลอบมองอย่างริษยามาตลอดระยะเวลาที่ฮิมจากเขาไป



โยธา



ลัลไม่เคยพูดกับโยธา แทบจะไม่เคยรับรู้ว่ามีคนนี้อยู่ร่วมคณะ เขาไม่เคยสนใจใครนอกจากฮิม จนกระทั่งฮิมฝากหัวใจไว้ที่เด็กคนนี้ ทำให้เขาจำหน้าได้ทันที



คนที่แย่งโลกทั้งใบของเขาไป



โยอ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง ก่อนเอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกัก



จับเนื้อความได้ว่าโยมาแสดงความยินดีที่จบการศึกษา ซ้ำยังบอกอีกด้วยว่าเขาเป็นคนที่โยปลื้มมาโดยตลอดตั้งแต่ปีหนึ่ง เมื่อลัลไม่ได้เอ่ยอะไรกลับไป คนเด็กกว่าจะเริ่มพูดถึงฮิม เขาบอกว่าฮิมยังคงเห็นลัลเป็นคนพิเศษเสมอ และคงจะดีถ้าลัลกับฮิมกลับมาเป็นเพื่อนกันดังเดิม



ไร้เสียงตอบรับ โยเอ่ยปิดท้ายด้วยการขอชนแก้ว



ลัลตอบแทนด้วยการสาดน้ำเหล้าในแก้วใส่หน้าคนเด็กกว่าจนเปียกชุ่ม



พร้อมกับเดินออกจากร้านไปในเวลาเที่ยงคืน



อนิจจา...ซินเดอเรลล่าผู้น่าสงสารทำหัวใจหล่นไว้ ทว่าไม่มีเจ้าชายคนไหนออกตามหา










คิดว่าหลายๆ คนคงเดาออกแล้ว

แต่มายืนยันอีกทีว่าเรื่องของฮิมกับโยเกิดก่อนเรื่องของลัลกับคุณไปปีนึงค่ะ

ตอนนี้ก็เฉลยเรื่องของลัลกับฮิมแล้วนะะะ

ฮิมอาจจะไม่ผิดเพราะลัลไม่ใช่คนที่รัก ส่วนลัลอาจจะผิดที่ไปหลงรักคนที่ไม่สมควรรัก

หรือจริงๆ ก็ไม่มีใครผิดถุกทั้งนั้น

ชีวิตมันซับซ้อนแบบนี้เสมอเลย

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

#ณพระจันทร์
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |23.59 pm.| 22.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 22-06-2018 06:19:05
ความรักไม่มีถูกผิด.. :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |23.59 pm.| 22.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-06-2018 07:58:06
 :pig4: :pig4: :pig4:

เรื่องของหัวใจ ความรู้สึก มันห้ามกันไม่ได้

สำหรับฮิม ลัลเป็นได้แค่เพื่อน  อาจจะเพราะฮิมติดเซ็กส์และได้จากลัลแบบง่าย ๆ ในขณะที่กับโยนั้นเรื่องเซ็กส์ไม่ได้มาอย่างง่าย ๆ จึงยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกอยากได้ อยากเอาชนะ จนเกิดอีกความรู้สึกตามมา
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |23.59 pm.| 22.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 22-06-2018 08:30:32
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |23.59 pm.| 22.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 22-06-2018 11:20:10
ดีใจที่ลัลแง้มใจกับพี่คุณ
สิบปีที่ผ่าน ก็ทิ้งมันไปเหมือนน้ำที่สาดจากแก้วซะ
มีความสุขได้แล้ว
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |23.59 pm.| 22.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-06-2018 18:47:11
ชีวิตของหนูลัล  :sad4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |23.59 pm.| 22.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 22-06-2018 19:14:39
ความรักมันก็เป็นแบบนี้แหละ  :o10: :o10: :o10:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |23.59 pm.| 22.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: aha_aha ที่ 22-06-2018 21:23:56
น้ำตามาเต็ม สงสารหนูลัล สงสารน้องโยด้วยทั้งที่ไม้ได้ผิดอะไร

จริงๆก็ไม่มีใครผิด ทั้งลัล ทั้งฮิม หรือถ้าจะผิดก็ผิดด้วยกันทั้งคู่ เซกซ์เฟรนด์เนี่ยมันควรมั้ย!!!

แต่เอาจริงๆนะ แอบเคืองฮิมนะ ตัวเองมีแต่ได้กับได้ทั้งนั้นเลย เกลียดได้มั้ยผู้ชายแบบนี้  :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |23.59 pm.| 22.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 22-06-2018 22:45:08
ก็เข้าใจว่าความรักไม่มีใครถูกหรือผิด แต่เราไม่ชอบคนแบบฮิมเลย เห็นแก่ตัว ทั้งที่คบมาตั้งหลายปีแต่กลับไม่รับรู้ความรู้สึกของลัลเลย ถ้าใส่ใจกันบ้างมันน่าดูออก
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |23.59 pm.| 22.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 23-06-2018 07:55:09
ลัลต้องก้าวต่อไปนะ มีคนที่พร้อมจะเป็นโลกทั้งใบให้ลัลอยู่ ขอเพียงก้าวเดินต่อ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |23.59 pm.| 22.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 23-06-2018 09:09:59
ขอบคุณค่ะ กอดเด็กน้อยไว้แน่ๆเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |23.59 pm.| 22.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 24-06-2018 00:26:33
น้องงงง  :sad4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |23.59 pm.| 22.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 24-06-2018 14:33:20
ไม่ชอบผู้ชายแบบฮิม แบดบอย นอนกับใครไปทั่ว คือแบบวันไนท์แสตนด์หรือคู่ขาที่เกี่ยวกันแค่เซ็กส์ ก็เข้าใจอยู่ แต่นี่กับเพื่อนที่สนิทกันมากๆ กลับทำเรื่องแบบนี้ได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจเลย ต้องหยาบขนาดไหนกัน หรือเป็นเราเองที่ไม่สามารถเข้าใจความสัมพันธ์แบบนี้ได้ แล้วจากการอธิบายของฮิม เรามีความรู้สึกว่าสำหรับฮิม ลัลก็เป็นแค่ที่ระบายออกชั้นดีที่ไม่เคยสร้างปัญหา ไม่มีปากมีเสียง ไม่ต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องดูแลเอาใจใส่ ของฟรีระดับพรีเมี่ยมว่างั้น แถมฮิมยังสมหวังในความรักอีก หมั่นไส้!! :beat:
ตรงข้าม ลัลกลับน่าสงสารมาก ขอให้ผ่านไปได้ไวๆนะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |23.59 pm.| 22.6.2018 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 25-06-2018 06:07:59
เจ็บปวดนะ คนที่เป็นโลกทั้งใบให้เรา
แต่สุดท้ายแล้วเค้าเห็นเราเป็นแค่จุดเล็กๆ จุดหนึ่ง
ลัลใช้ชีวิตยากมาแต่เด็ก น่าสงสารมากเลย
ความบอบบางนี้ ไม่แปลกที่แตกแล้วจะต่อยาก

คุณก็คงเจ็บไม่แพ้กัน แต่เชื่อว่าคุณจะเข้าใจ

ฮิมคือตัวร้ายที่ไม่เข้าใจอะไร แต่เข้าใจตัวเอง
โยไม่ผิดหรอกที่ฮิมรัก อย่างน้อยก็ช่วยให้ฮิมลัลชัดเจน
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.11 am.| 26.6.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 26-06-2018 00:10:43
00.11 am.



จบเรื่องเล่าของซินเดอเรลล่า พระจันทร์ก็ไม่เหมือนเดิม



เรื่องราวของเขาเรียบง่าย ทว่าลึกซึ้ง มองจากมุมทั่วไปไม่ต่างจากคนอกหักที่แอบหลงรักเพื่อนสนิท เสียแต่ลัลผูกตัวเองติดกับคนที่ชื่อฮิมไว้นานเกินไปจนไม่สามารถถอนตัวออกมาได้ โดยที่ฮิมเองก็ไม่ได้ปฏิเสธลัล และเมื่อถึงเวลาต้องแยกจาก ฮิมดันใช้วิธีการที่รุนแรงที่สุด ไม่ต่างจากการใช้มีดผ่าเลือดเนื้อของลัลที่ติดอยู่กับเขา สภาพเจ้าเด็กนี่ถึงได้โซซัดโซเซราวกับคนไม่มีแรงเช่นนี้



ผมเข้าใจความรู้สึกของการโดนผ่าออก



จากที่คิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ แต่กลับถูกอีกฝ่ายเฉือนทิ้งราวกับตนเป็นเนื้อร้ายนี่ทำให้เจ็บปวดมากพอสมควร ผมเอื้อมไปลูบหัวคนเด็กกว่า ที่ตอนนี้ดูเซื่องซึม เขาเอนหัวรับสัมผัส ไถหัวไปมาราวกับลูกแมวออดอ้อน



“ผมน่าสงสารนะว่ามั้ย”



“อืม...”



“เมื่อไหร่คุณจะกอดปลอบผมสักที”



ผมหลุดขำ เมื่อลัลวกไปประเด็นอย่างว่าอีกแล้ว



“แล้วเมื่อไหร่นายจะเลิกคิดเรื่องใต้สะดือสักที แค่กอดเฉยๆ ไม่พอหรือไง”



เขาถอนหายใจพรืด เอนหน้าหนีมือผมที่บูบหัวเขาอยู่ “ทำไมคุณยังเอาแต่คิดเรื่องใสซื่อบริสุทธิ์อยู่นั่นแหละ ผมทำให้คุณมีอารมณ์ตั้งหลายครั้งแล้วแต่คุณก็ไม่ยอมทำอะไรสักที หรือว่าจริงๆ แล้วไม่เคย? ยังซิงหรือ ผมช่วยได้นะ”



“พอเลย” ผมว่า รีบเบรกก่อนที่ความคิดเขาจะไปไกลกว่านี้ “ฉันแค่ยังไม่แน่ใจตัวเอง...”



“ไม่แน่ใจอะไร”



“ไม่รู้สิ ฉันไม่อยากกอดนายทั้งๆ ที่ฉันยังไม่มั่นใจในความรู้สึกตัวเอง”



“มันก็แค่กอด”



“ฉันกลัวจะทำให้นายเสียใจ”



“ผมเลือกแล้ว ไม่เสียใจหรอก”



ครานี้ตาผมถอนหายใจ “ใครจะรู้”



“อย่ารีบนักเลย ฉันอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนหรอก” ว่าจบพร้อมลูบหัวคนหน้าหงอ ลัลไม่ได้ตอบอะไรกลับมา



สองวันถัดมาลัลถึงยอมแกะตัวออกจากเตียง สลัดความเกียจคร้าน ลุกไปทำหน้าที่มาสคอตหลังจากที่อู้มานาน วันนี้ผมยอมเป็นสารถี ขับรถไปส่งไอ้เด็กตัวดีถึงที่ ลัลไม่ได้พูดถึงเรื่องคนที่ชื่อฮิมอีก ทว่าแค่การไม่ได้พูดถึง หรือการที่สารภาพความจริงออกมา ไม่ได้ทำให้ซินเดอเรลล่าหายจากความเศร้าทันที ถึงอย่างนั้น...ผมก็เห็นว่ามันค่อยๆ ดีขึ้น ลัลเหม่อน้อยลง และป่วนผมหนักขึ้น...



“มดเป็นสัตว์กินเนื้อเหรอ?”



“หา”



ระหว่างที่นั่งคิดอะไรเพลินๆ อยู่ในร้านไอ้จ๊าก ไอ้เด็กมาสคอตก็เอ่ยถามประโยคแปลกๆ



“ผมตบยุงแล้วเอาซากยุงวางไว้ข้างโต๊ะ ตอนนี้โดนมดแทะเหลือแต่ปีก”



“...”



“ผมเพิ่งรู้ว่ามดกินเนื้อ”



ผมไม่ได้มีคำตอบอะไรให้มัน คิดว่าถ้าไปจริงจังกับคำถามของคนบ้า น่าจะเครียดกว่าเดิม เลยได้แต่ลุกขึ้นออกจากโต๊ะ



“คุณจะไปไหน”



“ไปเอายากันยุง”



ผมได้ยาจุดกันยุงจากไอ้จ๊ากมาหนึ่งอัน ไอ้จ๊ากจุดไฟให้ควันไล่ยุงทำงานก่อนนำมันมาวางไว้ใต้โต๊ะของลัลพร้อมกับผมที่เดินตามเขามา



ลัลนั่งเอานิ้วจุ่มแก้วเบียร์ ใช้นิ้วคนน้ำแอลกอฮอล์เล่นจนน่าตีมือ เขาดื่มน้อยลงมากๆ เหมือนวันนี้มาเพื่อนนั่งประดับร้านเฉยๆ เวลาเขาเมาแล้วดูยั่วยวนก็จริง แต่ผมชอบตอนที่เขามีสติครบมากกว่า และถ้ามองไม่ผิดไป ดวงตาสีฟ้าของเขามีประกายสวยงามกว่าเดิม



ผมนั่งจ้องเขาได้ไม่นาน ไอ้จ๊ากก็เริ่มขัดจังหวะ ชวนไอ้ลัลคุยโน่นนี่ตามประสาคนคุยเก่ง จนกระทั่งวกไปเรื่องคืนก่อน



“ลัล...เรื่องฮิม...” เจ้าของชื่อลัลเหลือบตาไปมองคนพูด “กู...ขอโทษว่ะ”



“ขอโทษทำไม”



“คือ...กูขอให้ไอ้ฮิมอย่ามาที่ร้านในวันที่มึงอยู่ แต่เมื่อวันก่อนมันจู่ๆ ก็โผล่มา...”



“ไม่เป็นไรหรอก ร้านจ๊ากไม่ใช่ที่ส่วนตัวนี่ ใครจะเข้าก็ได้ไม่เห็นแปลกเลย”



“เพราะกูเล่าเรื่องพี่คุณให้มันฟัง...”



คราวนี้มีชื่อผมอยู่ในบทสนทนา เลยหันไปมองหน้าเจ้าของร้านอีกคนอย่างต้องการคำอธิบาย



“คือ...ไอ้ฮิมมันเป็นห่วงมึงนะ พอกูบอกว่ามึงมีพี่คุณมันเลยอยากมาเจอ...”



“อืม”



ลัลส่งเสียงตอบรับ ผมอ่านสายตาเขาไม่ออก เหมือนเขากำลังท่องไปยังสถานที่นึงที่ไกลแสนไกล ไกลเกินขอบจักรวาล ไร้ซึ่งแรงโน้มถ่วง ลอยเคว้งคว้างหาที่ยึดจับไม่ได้



“กูรู้ว่ามึงยังไม่พร้อมจะเจอมัน...ขอโทษนะ”



“ไม่เป็นไร” เขาตอบแทบจะทันที น้ำเสียงเปล่าเปลี่ยว เดียวดายจนผมต้องจับไหล่เขาเพื่อหวังให้คนข้างตัวรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว



คืนนี้เรากลับเร็วกว่าเดิมเล็กน้อย ปกติแล้วลัลจะช่วยจ๊ากเก็บร้านก่อนกลับ แต่ครั้งนี้เรารอแค่ร้านปิดแล้วกลับเลย ไม่ได้ช่วยจ๊ากเหมือนทุกที เหตุเพราะไอ้จ๊ากไล่กลับเนื่องจากลัลมีสีหน้าไม่สู้ดี คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับฮิมอีกเช่นเคย ลัลจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดตัวเองอีกแล้ว เขาเหม่อลอย นิ่งเงียบ จนผมอยากดึงให้เขาหลุดออกมาจากห้วงอวกาศ



ทว่าไม่รู้ต้องใช้วิธีไหน



“ยังคิดถึงเขาอยู่อีก”



ผมเอ่ยถามตัดความเงียบ ท่ามกลางแสงจันทร์และท้องถนนตรงไปยังเส้นทางกลับบ้าน



“คุณไม่เข้าใจ เขาเคยเป็นโลกทั้งใบ”



“ไหนว่าตอนนี้จะให้ฉันเป็นโลกให้ไง”



“ก็คุณไม่ตอบตกลงเสียที...”



“ฉันอยากให้นายลืมเขาได้ด้วยตัวนายเอง ไม่ใช่การใช้ฉัน”



“ผมก็พยายามทำอย่างนั้นอยู่ แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นนี่”



“ก็เลยยังอยู่ในโลกพังๆ นั้นน่ะเหรอ”



“แล้วจะให้ผมทำไง...คุณไม่ยืนยันให้ผม ผมก็ไม่กล้าเสี่ยง”



“ไหนว่าตัดสินใจแล้วไง”



“...ผมแค่อยากมั่นใจ”



“มั่นใจว่าชอบฉันจริงๆ หรือยังชอบเขาอยู่...”



“...”



“ลองไปเรียบเรียงสติให้ดีๆ ก่อนไหม”



เขาไม่ตอบ แต่คล้ายจะผงกหน้าเห็นด้วยกับผม เมื่อมาถึงจุดหมาย ผมจอดรถไว้ที่บ้านเขา บอกให้เขาลองอยู่ตัวคนเดียวดูอีกทีเพื่อหาคำตอบในความรู้สึกให้ได้ บอกตามตรงว่าผมไม่สามารถเชื่อเขาได้ทั้งใจ เขาอาจจะแค่หวั่นไหวกับผม ถ้าแค่นั้นเราทั้งคู่ยังพอถอยกลับได้ แต่ถ้าเขายังรักคนเก่า แล้วมาหาผม ผมก็คงเสียใจ หรือถ้าผมรีบตอบรับเขาไปทั้งๆ ที่ตัวเองก็ยังไม่แน่ใจ ผมก็กลัวว่าเขาจะเสียใจ



คืนนี้ เราไม่ได้นอนด้วยกัน



ห้องนอนดูเงียบเหงากว่าปกติ



และอาจจะเป็นผมเองที่ค้นพบความรู้สึกในใจตัวเอง



เป็นอาทิตย์แล้วที่ซินเดอเรลล่าไม่ยอมมาทำความสะอาดบ้านให้ผมเหมือนที่แล้วมา ผมไม่ได้ต้องการคนทำความสะอาดอะไรหรอก เพียงแต่ผมเริ่มอยากเห็นหน้าเขาแล้ว การที่ผมไล่เขาให้ไปขบคิดดีๆ ไม่ได้คิดว่าเขาจะหายไปนานขนาดนี้ ถึงแม้การมีอยู่ของเขาจะไม่ได้ส่งเสียงดังอะไร แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าบ้านมันเงียบกว่าเดิม



ผมพังเฟรมวาดรูปเฟรมแล้วเฟรมเล่าเพราะไม่สามารถวาดงานออกมาได้ดั่งใจ ผมบังคับพู่กันไม่ได้ ไม่มีสมาธิเลยสักนิด ทว่าพอลองวาดรูปเขาจากสมุดสเก็ตช์ครั้งนั้นแล้วผมกลับวาดออกมาได้อย่างง่ายดาย รูปภาพนางฟ้ายามหลับใหลที่มีลัลเป็นต้นแบบถูกวาดออกมาได้สำเร็จ รวดเร็วกว่ารูปภาพไหนๆ



รูปภาพที่สะท้อนคนคุ้นเคย จะเป็นใครไม่ได้นอกจากลัล ผมรู้ตัวตั้งแต่แรกแล้วว่าเด็กคนนี้มีสเน่ห์ ถึงได้ยอมเปิดประตูบ้านให้เขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหตุเพราะต้องการอยากเชยชมเขาสักนิด ผมเชื่อว่าถ้าเป็นคนอื่นมาเขย่ารั้วหน้าบ้านผมอย่างนั้น วิธีที่ผมทำคือแจ้งตำรวจ แต่กับลัลมันไม่ใช่...ผมยอมให้เขาเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวอย่างง่ายดาย ยินยอมให้เขาอยู่ข้างๆ ไม่ไล่ไปไหน พึงพอใจที่เขาอยู่รอบตัวผม เสมือนว่าได้ครอบครองเพชรเม็ดงามอยู่คนเดียว เพชรล้ำค่าที่พอรู้ว่าเคยมีเจ้าของมาก่อนผมก็หงุดหงิด



ผมควรรู้ใจตัวเองได้แล้ว



หลังจากที่แต้มสีสุดท้ายในเฟรมภาพ ผมนั่งเหม่อมองรูปภาพที่ไม่มีใครจ้างให้วาด นางฟ้าเพศชายผิวขาวผ่องนอนราบไปกับรากไม้ หลับตาพริ้มท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ ในป่าใหญ่ ปีกสีขาวกลางหลังของเขาหุบลงปกป้องตัวเองไม่ให้มีอะไรมารบกวนการหลับใหล ผีเสื้อตัวน้อยปีกสีสดสวยบินรอบกายเขา ดอมดมราวกับเจอดอกไม้หอมหวาน



ผมไม่รู้ว่าตัวเองวาดอะไรลงไปด้วยซ้ำ แต่ภาพที่ออกมาทำให้ผมละสายตาไม่ได้ โดยไม่รู้ว่าผมหลงใหลในภาพวาดของตัวเองหรือหลงใหลคนในภาพวาดกันแน่



แสงอาทิตย์ยามเย็นกำลังจะหมดไป ผมกำลังจะหมดวันโง่ๆ ด้วยการนั่งจ้องรูปภาพ และจะเป็นอีกวันที่ไม่ได้เจอหน้าเขา



จวบจนพระจันทร์ออกมาทำงาน ผมก็หมดความอดทน



ครั้นจะไปยืนเขย่ารั้วหน้าบ้านเขาก็ดูจะตลกเกินไป เด็กนั่นคงไม่ลงมาเปิดให้ผมหรอก เพราะถ้าอย่างนั้นเขาคงมาที่บ้านผมแล้ว ที่ผมทำก็คือถามไอ้จ๊าก จ๊ากเคยขอช่องทางติดต่อผมเผื่อลัลมันเป็นอะไร นิสัยแบบนั้นยิ่งเอาใจยากอยู่ ถ้าจู่ๆ ติดต่อลัลไม่ได้จะได้ตามจากผมแทน ผมไม่คิดว่าหลังจากที่ให้ช่องทางติดต่อจ๊ากไปจะเป็นตัวเองที่ติดต่อไปหาก่อน



จ๊ากบอกว่าเขาเอากุญแจสำรองของลัลใส่ไว้ในกล่องไปรษณีย์ตรงรั้วบ้าน...



ใจหนึ่งก็อยากจะต่อยไอ้เด็กร้านเหล้าให้ตาย อย่างน้อยก็น่าจะซ่อนกุญแจให้ดีกว่านี้จะได้ไหมล่ะ แต่อีกใจก็นึกขอบคุณที่มันอยู่ในที่ๆ หาง่าย ทำให้ผมเปิดประตูเข้าบ้านเขาไปได้อย่างง่ายดาย



ถ้าลัลแจ้งตำรวจขึ้นมาผมคงโดนซิวอย่างไม่ต้องสงสัย...



ข้างในบ้านชั้นแรกเป็นห้องรับแขกที่โล่งกว้าง มีเพียงเก้าอี้โซฟาและทีวีเก่าๆ ตั้งอยู่ หลังบ้านคงเป็นห้องทานข้าวและห้องครัว บันไดอยู่ทางซ้ายมือ ผมเดินขึ้นไปช้าๆ บ้านของลัลมีสามชั้น เพราะอยู่คนละฝั่งกับบ้านผมทำให้รูปแบบของบ้านแตกต่างกัน ทาวน์โฮมสามชั้นไม่ได้มีแปลนซับซ้อนอะไร ชั้นสองมีเพียงสองห้องที่ปิดประตูไว้อยู่ ส่วนผมก็เดินขึ้นชั้นสามตามที่จ๊ากบอกมา



ห้องติดบันไดทางขวามือคือห้องนอนของลัล



เมื่อผมค่อยๆ เปิดประตูออกอย่างแผ่วเบา สิ่งแรกที่โจมตีผมคืออากาศเย็นในห้อง ดูเหมือนเจ้าตัวขี้เกียจจะเปิดแอร์นอนตลอดทั้งวัน ในห้องมืดสนิท มีแสงไฟจากถนนพยายามเล็ดลอดผ่านผ้าม่านผืนหนา แต่ไม่ได้ช่วยให้ห้องสว่างขึ้น



ผมเดินเข้าไปใกล้ก้อนผ้าห่ม พร้อมกับยกมือแตะ



ลัลไม่ได้ตอบรับอะไร เขายังคงนอนนิ่ง ผมเดาว่าเขาอาจจะหลับไปแล้ว...แต่ตอนนี้เพิ่งจะสี่ทุ่มอยู่เลย ปกติเขาแทบจะเข้านอนพร้อมผมด้วยซ้ำ เมื่อนึกอย่างนั้น ผมจึงทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงข้างๆ ก้อนผ้าห่มที่ขยับขึ้นลงตามแรงหายใจ



“ลัล...”



เขาขยับตัวตอบรับ คงรู้ว่าผมมาตั้งแต่เปิดประตูเข้าห้องแล้วล่ะมั้ง



“ไม่โผล่หน้ามาคุยกันหน่อยล่ะ”



“...ผม...” เขางึมงำตอบกลับแค่นั้นก่อนเสียงจะเงียบไป ผมจ้องก้อนผ้าห่มที่เขาห่อตัวแน่นจนกลมดิ๊ก ความเงียบส่งเสียงดังอยู่สักพัก ก้อนกลมเริ่มขยับตัว เขาโผล่หน้าออกมา



ลัลยังคงเป็นลัล สภาพบู้บี้งัวเงียแค่ไหนเขาก็ยังงดงาม สะกดให้ต้องจ้องมองได้ทุกครา



พอเขาลุกขึ้นมานั่งชันตัว ผ้าห่มที่เคยคลุมร่างผอมก็ร่วงลงไปกองอยู่บนเอวสอบ เผยให้เห็นผิวเนื้อขาวนวลเปลือยเปล่า นี่คงเป็นสาเหตุที่เขาเอาห้าห่มมาห่อตัวเช่นนี้



“ทำไมแก้ผ้า”



“คุณมาทำไม” เขาตอบกลับมาป็นคำถาม



“มาเจอนาย”



“เพิ่งไล่ให้ผมไปคิดใหม่ไม่ใช่เหรอ”



“อืม นายคิดนานไป ฉันเลยมาหา”



ครานี้ลัลไม่ตอบอะไรกลับมา เขาใช้ดวงตาคู่สวยจับจ้องมาที่ผมราวกับค้นหาอะไรบางอย่าง น้ำทะเลลึกดึงดูดให้ผมจมลงไป แน่นิ่ง ไม่กล้าขยับตัวราวกับโดนมนต์คำสาปให้กลายเป็นหิน



ขณะที่ตัวเองกำลังโดนสายตาเขาแช่แข็ง เขาขยับเข้ามาใกล้ผม โน้มใบหน้าหวานลงมาคลอเคลียที่ซอกคอ จูบเบาๆ ที่ไหปลาร้า ซุกไซร้ออดอ้อนเหมือนแมวต้องการความรัก แม้ไม่ได้เจอกันสักพัก แต่ลัลยังคงยั่วยวนน่าตีไม่เปลี่ยน



“คิดถึง” เขาเอ่ย



“แล้วทำไมไม่มาหา” ผมตอบเขากลับไปทันทีที่หาเสียงตัวเองเจอ



“ก็คุณใจร้าย...” แมวน้อยเอ่ยด้วยท่าทีอ้อยอิ่ง “ผมแสดงออกขนาดนี้แล้วคุณยังปฏิเสธ...ผมก็เสียใจสิ”



ผมยกมือไปลูบหัวเขาแทนคำตอบ ชีเปลือยขยับตัวเข้ามาเบียดอย่างที่เขาชอบทำ เขาเอื้อมตัวมากระซิบข้างหูผมด้วยน้ำเสียงทุ้มเย็น “ผมจะเป็นบ้าอยู่แล้วตอนไม่มีคุณ”



“ก็มาหาสิ”



“...ผมอยากกอดคุณแทบตาย แต่คุณก็ปฏิเสธทุกครั้ง...ถ้าผมไปหาอีกก็คงเหมือนเดิม คุณไม่เคยยืนยันอะไรให้ผมเลย” ลัลเฉลยด้วยน้ำเสียงหงอยเหงา เขามุดหน้าซุกซอกคอผมอีกครั้ง “ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน...”



“แล้วจะให้ฉันทำยังไง นายทำเหมือนตัดใจจากเขาไม่ได้สักที”



“ก็จริง...ผมพยายามกับหลายคนแล้ว ไม่มีใครทำให้ผมรู้สึกอยากตัดใจจากฮิมได้เท่าคุณเลย”



“...”



“ตอนนั้นผมแค่คิดเรื่องฮิมนิดหน่อยเอง คุณก็ไล่ผมเสียแล้ว”



“ฉันไม่ได้ไล่”



“คุณอาจจะคิดว่าระยะเวลาที่ผมเจอคุณมันน้อย แต่คุณไม่รู้หรอกว่าก่อนหน้านี้ผมพยายามแค่ไหนกับการลืมเขาให้ได้ และสุดท้ายคนที่ผมทำให้อยากลืมฮิมได้ก็คือคุณ”



“ฉันแค่...”



“ผมก็เหนื่อยเป็นนะ...”



เด็กขี้เหงาเอ่ยเสียงเศร้า ผมไม่พยายามเถียงเขาอีกเมื่อรู้ความในใจ จึงขยับมือลูบหัวเขาแทนคำขอโทษ เล่นเส้นผมยาวไล่ลงไปจนถึงปลายผม ก่อนลากมือไล่กระดูกสันหลังทีละข้อลงไปจนถึงเอวเล็ก ผมถึงค้นพบว่าแม้แต่ช่วงล่างของเขาก็ล่อนจ้อน ไม่มีขอบกางเกงใดๆ มาเกะกะ



“ทำไมแก้ผ้า”



“แก้ผ้านอนสบายออก” เขาเฉลยคำสงสัย และผมก็ตอบแทนด้วยการล้วงเข้าไปในผ้าห่มนุ่มที่ปกคลุมช่วงเอวของเขาลงไป ลูบสะโพกมน ไล่ลงไปบีบเฟ้นเนื้อนุ่ม ก่อนใช้นิ้วลากผ่านไปยังรอยแยกตรงกลางของก้อนเนื้อสองข้าง



“คุณ...”



ดวงตาสีสวยจับจ้องมาที่ผมอย่างไม่เข้าใจ ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน แต่ที่แน่ๆ คือแน่ใจแล้วว่าผมเองก็ต้องการเขา ที่ได้ถ่อมาหาถึงที่ขนาดนี้ และจะยินดีไม่น้อยถ้าหากว่าเขายังคงอยากให้ผมกอดอยู่



“รู้อะไรไหม...ครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งที่แล้วมาหรอกนะ”



ว่าจบ ผมค่อยๆ ผลักเขาให้นอนราบลงกับเตียง ซินเดอเรลล่าผู้งดงามนอนเปลือยกายปรากฏอยู่ตรงหน้า แสงอ่อนๆ จากข้างนอกฉาบลงมาบนเนื้อขาวเนียนเบาบาง ทันใดนั้นเองผมถึงได้เข้าใจว่าตัวเองเข้าใจผิดมาโดยตลอด



เขาไม่ได้สวยเพราะแสงจันทร์



เขางดงามกว่ามัน









น้องลัลไม่ได้โลเลแค่คนเดียวนะ

ที่ผ่านมาพี่คุณเองก็ไม่ยอมทำอะไรให้ชัดเจนเหมือนกัน   :ling3:

ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ

#ณพระจันทร์


หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.11 am.| 26.6.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 26-06-2018 01:11:16
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.11 am.| 26.6.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-06-2018 01:47:00
 :pig4: :pig4: :pig4:

จะฟีเชอริ่งกันแล้วสินะ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.11 am.| 26.6.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-06-2018 03:01:30
จะมีการ  :oo1: เกิดขึ้นในตอนหน้าใช่ป่ะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.11 am.| 26.6.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 26-06-2018 10:59:53
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.11 am.| 26.6.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 26-06-2018 14:30:13
ในที่สุดดดดดดดด  :hao7:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.11 am.| 26.6.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 26-06-2018 21:48:48
ในที่สุด :กอด1: ลัลชคมั่นใจในความรู้สึกแล้ว จะได้เริ่มต้นใหม่กับคนใหม่เสียที
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.11 am.| 27.6.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 27-06-2018 00:01:36
1.11 am.



โยน่ารักขึ้นทุกวัน



ผมนั่งมองเขาแทะพุดดิ้งในมือขณะที่นั่งดูหนังไปด้วย ท่าทางน่าหยิกจนอยากจับฟัดให้จมโซฟา แต่ที่ทำได้ก็แค่ข่มใจ นั่งจ้องเขามีความสุขกับของกินในมือ



ความสัมพันธ์ของผมกับโยเริ่มดีขึ้นหลังจากที่ผมเฝ้าไข้เขาวันนั้น ค่าความไว้ใจของโยที่มีต่อผมเพิมขึ้นพรวดๆ จะจีบเจ้าหนูต้องใช้ไม้อ่อนจริงๆ ถึงแม้ว่าโยจะไม่ได้แสดงออกว่าชอบผมเท่าไหร แต่การที่เขายอมให้ผมอยู่ใกล้ๆ ด้วยนี่ก็ถือว่าคืบหน้ามากๆ แล้ว



หลังจากวันนั้น ผมก็มาอยู่กับโยที่คอนโดเขาจริงจัง ผมนอนบนโซฟาในห้องรับแขก ไม่เข้าไปในห้องนอนของเขาอีกยกเว้นตอนจะอาบน้ำ ถึงแม้โยจะยอมให้อยู่ด้วยกัน แต่เขาก็ยังดูไม่ไว้วางใจผมอยู่ดี ถ้าผมเข้าใกล้เขามากๆ เขาจะรีบวิ่งหนีไปไกลๆ ราวกับเป็นการป้องกันตัว



ผมจึงต้องเว้นระยะกับเขาอย่างน้อยหนึ่งช่วงแขน



ลำบากอยู่เหมือนกัน เพราะผมอยากจับเขากอดตลอดเวลา แต่ถ้าทำอีก คราวนี้คงไม่มีโอกาสที่สาม ผมจึงได้แต่อดทน ทำได้เพียงลอบมองต้นขาขาวๆ ที่โผล่ออกมาจากกางเกงขาสั้น เวลาเขาเผลอชันเข่าขึ้นมาเท่านั้น



ผมเก็บคำพูดของจ๊ากมาคิด ลัลชอบผมมากกว่าเพื่อน... ผมคิดว่าตัวเองรู้ตัวมานานแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ใส่ใจ ผมไม่ได้ชอบลัลแบบนั้น ถึงอย่างนั้นก็ยังหลับนอนกับเขา อาจจะมีบ้างที่เคยหวั่นไหว เคยคิดเหมือนกันว่าชอบลัล ผมไปนอนกับใครต่อใครไปทั่วแต่สุดท้ายก็กลับมาตายรังที่เขา แต่พอผมเจอโยผมถึงรู้ว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อลัลไม่ใช่ความรักชอบ และคิดเอาเองมาตลอดว่าลัลคงเข้าใจความรู้สึกผม ทว่าความเป็นจริงมันไม่มีทางอยู่แล้ว



แม้เขาจะไม่ค่อยแสดงออก แต่การที่ลัลชอบผมเหมือนที่ผมชอบโย ผมที่เริ่มจะเข้าใจคำว่าชอบขึ้นมาบ้าง จึงคิดว่าลัลคงทรมานกับผมไม่น้อย



จ๊ากบอกว่ามันอยากให้ผมเริ่มจริงจังกับใครสักคน เพื่อที่จะได้ปล่อยลัลไป มันคิดว่าผมจงใจกั๊กลัลเอาไว้ ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย หากลัลจะมีใครคนใหม่ผมก็ยินดี ไม่คิดจะขัดขวางอะไรด้วย แต่ลัลไม่เคยทำเช่นนั้น เมื่อนึกย้อนกลับไป สายตาของเขาบอกมาตลอดว่าเขามีแค่ผม



ผมเสียใจที่ทำให้เพื่อนตัวเองเจ็บปวด



ความสัมพันธ์ของผมกับลัลมันผิดแปลกตั้งแต่เริ่มแล้ว ลึกซึ้งมากกว่าเพื่อนทั่วไปและมีสัมพันธ์มากกว่าแค่เซ็กซ์เฟรนด์ เรานอนด้วยกัน แค่นั้นก็ไม่ควรเป็นเพื่อนแล้ว ทว่าผมยังยืนยันที่จะคบเขาแค่เพื่อนต่อไป คิดว่ามันคงมีความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้ เราแค่เข้าใจซึ่งกันและกัน กอดกันเพื่อระบายความเหงา ช่วยเหลือกันในฐานะเพื่อน แต่ดูเหมือนมีแค่ผมที่คิดไปเอง ลัลไม่เคยคิดเหมือนผม เขาแค่ยอมหลับนอน ยอมอยู่กับผมเพราะเขาชอบผม



ความชอบทำให้ลัลยอมเลือกความเจ็บปวด



“พี่ฮิม เมื่อไหร่จะกลับห้องพี่ไปสักที”



“หือ ลืมแล้วหรือไง กูกำลังทำตามที่มึงขอไง”



“ผมไม่ได้ขอ ผมแค่...ช่างมันเถอะ...ผมไม่อยากให้พี่กับพี่ลัลทะเลาะกันนะ”



“แล้วใครบอกว่ากูกับลัลทะเลาะกัน”



“ไม่ต้องมีใครบอกก็รู้ พวกพี่ไม่เหมือนเมื่อก่อน พี่ลัลเองก็ดูไม่มีความสุขเลยด้วย”



“...นั่นก็เพราะกูมีมึงไง”



“...”



“พี่ไม่ได้ชอบพี่ลัลเลยเหรอ”



“ไม่ได้ชอบแบบนั้น”



“ไม่เลยสักนิด?”



“ถ้ากูชอบลัล กูคงไม่มาตามตื๊อมึงเป็นเดือนๆ แบบนี้หรอก”



“ผม...” หนูจี๊ดของผมไม่พูดอะไรต่อ เปลี่ยนมานั่งมองพุดดิ้งในมือ ปล่อยให้มีเสียงจากหนังดังต่อไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีใครคิดจะดูมัน



เอาจริง ผมรู้สึกผิดไม่น้อยที่ทำตัวแบบนี้ ลัลสำคัญกับผม เขาเป็นคนพิเศษ เราคล้ายกันและต่างผ่านอะไรมาด้วยกันมากมาย แต่ผมไม่เคยคิดกับเขาในแง่นั้น ถึงแม้ผมจะรู้ตัวว่าทำผิดที่ไปนอนกับเพื่อนตัวเอง แต่ผมต้องการทำให้โยรู้จริงๆ ว่าผมชอบเขา เลยเลือกวิธีโหดร้าย หักดับแบบไร้เยื่อใย ผมไม่อยากทำให้ลัลเสียใจ แต่คิดว่าถ้าประนีประนอมต่อไปเขาก็คงจะตัดใจไม่ได้เสียที และผมก็ไม่อยากทำให้โยไม่เชื่อใจผมจนหนีไปอีกครั้ง



ผมหวังว่าลัลจะเข้าใจ เพราะแต่ไหนแต่ไรมา เราก็เข้าใจกันมาโดยตลอด



“พี่...กลับไปคุยกับพี่ลัลให้รู้เรื่องดีกว่าไหม”



“ทำไมติดใจกับเรื่องลัลขนาดนั้นล่ะ”



“ผมรู้สึกไม่ดี ผมไม่อยากให้พี่ทะเลาะกัน”



“แต่มึงก็อยากให้กูทำให้มึงมั่นใจไม่ใช่เหรอ”



“ก็ใช่...แต่มันไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอ”



ผมถอนหายใจใส่เจ้าหนูเอาใจยาก เขาคิดว่าผมกับลัลมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันเลยไม่ไว้ใจผม พอผมแยกตัวออกจากลัลมาหาเขาเพราะอยากทำให้เขาแน่ใจ โยก็ดันรู้สึกไม่ดีอีก



“หรือว่ามึงกังวลเรื่องที่คนอื่นพูดกัน” ผมถามถึงสาเหตุ ช่วงนี้ผมตัวติดกับโย ทิ้งลัลไวกับไอ้จ๊าก ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับลัลเหมือนแต่ก่อน จนทุกคนลือกันว่าหนูขาวฉกแย่งผมมาจากลัล เป็นข่าวไร้สาระที่ทำให้โยดูเป็นคนไม่ดีอีกแล้ว



“ไม่ใช่หรอก ผมไม่ได้สนใจเรื่องกลายเป็นขี้ปากชาวบ้านหรอก”



“แล้วกังวลเรื่องอะไร”



“เรื่องพี่ลัล...ผมรู้สึกไม่ดี ผมชอบให้พวกพี่อยู่ด้วยกันมากกว่า แต่มันก็...ไม่รู้ดิ”



“เอาแต่ใจจัง” ผมบอกเขา เจ้าหนูหันมาทำหน้าดุใส่ผม ก่อนดวงตาจะฉายแววอ่อนลง



“ก็จริง...”



“งั้นเดี๋ยววันนี้จะกลับไปคุยกับลัล ดีไหม” แต่ทำไงได้ ผมอยากตามใจเขา



โยธาไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ใช้ดวงตากลมใสนั่นจ้องมาที่ผมเพียงอย่างเดียว



ในคืนนั้น ผมกลับไปนอนที่หอตามที่บอกโย ลัลนั่งอยู่บนเตียงราวกับรอการมาของผม ผมไม่รอช้าที่จะคุยกับเขา เล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เขาฟังในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง กล่าวถึงโย คนที่ผมอยากจะอยู่ดูแลเขาด้วย กล่าวถึงความรู้สึกที่ผมมีต่อเด็กคนนั้นอย่างจริงใจ ใช่ว่าผมไม่แคร์ลัล แต่เพราะแคร์เลยคิดว่าการจริงใจต่อเขาเป็นพฤติกรรมที่ควรทำที่สุด ผมไม่อยากทำตัวครึ่งๆ กลางๆ ผมชอบโยและไม่มีทางชอบลัล ผมไม่อยากให้เขาจมกับผมไปมากกว่านี้อีก



ลัลรับฟัง เขาเป็นผู้ฟังที่ดีอยู่แล้ว เลยไม่ได้มีปัญหาทะเลาะอะไรกันเลย เขาแค่ตอบรับ พยักหน้าทุกคำที่ผมเล่าออกไป สุดท้าย ผมคิดว่าเขาจะเข้าใจและยอมรับความรักที่ผมมีให้โย



คืนนั้นผมค้างกับลัล ไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่าแค่นอนเตียงเดียวกัน



ทว่าวันต่อมา เมื่อผมไปหาโยที่คอนโด ผมกลับโดนเจ้าหนูขาวไล่ตะเพิดออกมาเสียอย่างนั้น สายตาของโยมีทั้งความเจ็บปวดและโกรธแค้น เขาพูดกับผมเสียงดัง โวยวายราวกับว่าผมไปทำผิดอะไรมา แต่ผมไม่เข้าใจ



“พี่บอกจะไปคุยกับพี่ลัล แล้วนี่คือการคุยของพี่งั้นเหรอ”



“โย กูไม่เข้าใจ”



“รอยจูบที่หลังคอพี่อ่ะ คิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ”



เป็นเขาที่เฉลยออกมา










#ณพระจันทร์

หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.11 am.| 27.6.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 27-06-2018 00:45:32
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.11 am.| 27.6.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-06-2018 02:04:10
 :pig4: :pig4: :pig4:

หนูขาวโกรธ  แสดงว่ามีใจให้นาจา
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.11 am.| 27.6.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-06-2018 02:53:41
ลัลทำหรอ  :o10:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.11 am.| 27.6.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 27-06-2018 06:53:40
โดนโกรธบ้างก็ดี ไม่อยากให้สมหวังง่ายๆ คนอะไรคิดแต่เรื่องบนเตียง เห็นแก่ตัว ไม่คิดถึงความรู้สึกของลัลบ้าง
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.11 am.| 27.6.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 27-06-2018 18:07:06
ตอนที่แยกคนละคู่มันก็ดีนะ เห็นฮิมพยายามเอาชนะน้องหนูโย ก็พลอยลุ้นไปด้วย
และยังคอยลุ้นว่าเมื่อไหร่คุณจะจับลัลหม่ำลงท้องเสียที ยั่วเยเหลือเกิน
แต่พอรู้ว่าที่ลัลเจ็บปวดทุกข์ทรมานเพราะฮิมนี่สิ คนอ่านไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว
เป็นเรื่องที่สนุก น่าลุ้น เจ็บ ๆ คัน ๆ ก็เพราะความรักมีทั้งสมหวังและผิดหวังปนเปกันไปนี่นะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.11 am.| 27.6.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 27-06-2018 19:25:54
 :ruready :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.11 am.| 27.6.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 27-06-2018 20:00:41
เห็นแต่คนด่าฮิม จริงๆก็ไม่ได้ชอบที่ฮิมทำแบบนี้ แต่ลองคิดดูดีๆ ว่าลัลเองไม่ใช่หรอที่ยอมรับข้อตกลง  แล้วจะไปโทษโยหรอ ถ้าเป็นเราโดนสาดน้ำใส่บอกเลยว่าไม่ยอมแน่ คนเราห้ามความรักไม่ได้อยู่แล้ว แต่เมื่อเรารู้ทุกอย่าง ว่าเป็นไปไม่ได้ ถามจริงๆว่าฮิมกับโยผิดจริงๆหรอ ถ้าเป็นเรา เราจะโทษตัวเองนี่ล่ะ ที่โง่เอาทุกสิ่งทุกอย่างไปฝากไว้กับคนที่เราก็รู้ว่าเป็นมากกว่าเพื่อนไม่ได้จริงๆ  :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.11 am.| 27.6.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 27-06-2018 21:32:12
โอ้ย แค้นแทนลัล
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.11 am.| 27.6.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-06-2018 10:29:46
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.12 am.| 1.7.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 01-07-2018 21:44:44
00.12 am.



เขางดงามกว่าพระจันทร์ดวงไหนๆ



ผมมองคนตัวขาวที่เปลือยกายนอนแผ่อยู่บนเตียงจากฝีมือของผม เนื้อขาวละเอียด นวลเนียนน่าสัมผัสไปหมดทุกช่องตาราง อดไม่ได้ที่จะลูบคลำผิวเนื้อก่อนบีบเค้นให้มันขึ้นสี ลัลบิดตัวเร่า ทรวดทรงสับส่ายราวกับผีเสื้อเริงระบำ เส้นผมสีดำยาวกระจายทั่วหมอน ใบหน้าละมุนเริ่มขึ้นสีระเรื่อ อุณหภูมิในตัวเขาร้อนขึ้น เช่นเดียวกับผม



ก้มลงไปจุมพิตริมฝีปากแดงของเจ้าหญิง คนใต้ร่างยินดีรับสัมผัส เขาแอ่นสะโพก ตะหวัดขาเรียวขึ้นมาเกี่ยวกระหวัดรัดเอวผมแน่น บดเบียดส่วนร้อนกลางลำตัวให้แนบแน่นกับผิวกางเกงของผม ลิ้นร้อนชอนไชในโพรงปาก เชยชิมน้ำหวานอย่างตะกละตะกลาม



“คุณ...”



น้ำเสียงเว้าวอนออดอ้อนจนอยากได้ยินเสียงของเขายามกรีดร้อง เมื่อผละจากจุมพิตแสนหวาน จึงค่อยๆ ลากริมฝีปากตัวเองผ่านแก้มนิ่ม กดจูบเบาๆ ที่สันกราม ซุกไซร้ที่ซอกคอขาว ประทับรอยจูบตีตราหมายเป็นเจ้าของคนใหม่ ก่อนจะไล่ลงไปที่แผ่นอกขาวนวลที่กำลังกระเพื่อมอย่างหนัก ติ่งไตสองเม็ดถูกนิ้วมือบดคลึงจนเขาเริ่มเปล่งเสียงร้องออกมา เมื่อถึงจุดหมาย ผมครอบปากลงไปละเลงกับเม็ดสีเชอร์รี่



ลัลกระตุกเกร็ง แอ่นหน้าอกรับสัมผัสที่ผมปรนเปรอให้ นิ้วมือจิกลงบนศีรษะของผม ดึงทึ้งเส้นผมหมายระบายอารมณ์ สองขายังคงเกี่ยวรัดเอวแน่น บดเบียดสะโพกอย่างช่ำชองจนนึกหมั่นไส้



ผมผละออกจากเขา ลุกขึ้นเปลื้องผ้าก่อนพาสองนิ้วตัวเองเข้าปากเขา คนมากประสบการณ์ไม่รอช้า ตวัดลิ้นร้อนโลมเลียนิ้วมือผมจนชุ่ม ปลายลิ้นซุกซนไล่เลียตั้งแต่โคนนิ้วจนถึงปลาย ใบหน้าสวยแดงก่ำ ดวงตาคู่โปรดของผมฉ่ำน้ำตา ลมหายใจหอบกระชั้น ริมฝีปากแดงบวมเจ่อเพราะรสจูบร้อนแรงที่ผ่านมา เขายั่วยวนกว่าใครที่ผมเคยเห็น



ถอนนิ้วออกจากโพรงปาก ผมพาสองนิ้วที่ชุ่มแฉะสอดเข้าช่องทางข้างหลัง ลัลหลุดร้องเสียงหลงเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในตัวเขา นวดคลึง ค่อยๆ ขยับสอดในเข้าลึกขึ้นเรื่อยๆ จนคนน่ารักยอมปล่อยเรียวขาที่เกาะเอวผม เปลี่ยนเป็นชันขาอ้ากว้าง ขยับสะโพกตอบรับกับสัมผัสที่กำลังถูกกระทำ



เขาเป็นงานจนผมอยากแกล้งแรงๆ สักที



“มีเจลไหม”



ผมเอ่ยถาม เมื่อช่องทางสอดใส่รักเริ่มฝืดเคือง เพียงแค่น้ำหวานจากโพรงปากไม่ช่วยให้ผมสามารถสวมใส่ของตัวเองเข้าไปได้ และไม่หวังว่าเขาจะมีถุงยางอนามัยที่ขนาดพอดีกับของผมในตอนนี้ คนเชี่ยวชาญพยักหน้า หันตัวเอื้อมไปควานหาสิ่งที่ต้องการแถวๆ โต๊ะข้างเตียง เขานำมันออกมา เปิดขวดราดน้ำหล่อลื่นจนชุ่มมือ ก่อนนำไปกอบกุมส่วนอ่อนไหวของร่างกาย



ท่าทางยั่วเย้าจนน่าขย้ำให้แหลกคามือ



ผมเทเจลหล่อลื่นลงบนมือตัวเองบ้าง และส่งมันเข้าไปในช่องทางนุ่มอีกครั้ง ลัลร้องครางเสียงแผ่ว ขยับมือปรนเปรอตัวเองไม่หยุดจนผมต้องจับมือเขาขึงไว้กับเตียง



“คุณ...”



คนถูกขัดใจร้องเสียงเว้าวอน เสียแต่ผมไม่ใจดี จัดการเพิ่มนิ้วที่สามกับช่องทางข้างหลังอย่างไม่ปราณี ลัลบิดตัวเร่า แอ่นสะโพก ตวัดขาสองข้างขึ้นมาโอบรอบเอวผมอีกครั้ง เสียงทุ้มครางไม่ได้ศัพท์ เมื่อผมสะกิดเข้ากับจุดกระสันเสียว



ผมถอนนิ้วออกหลังจากที่คิดว่าเบิกช่องทางได้พอประมาณแล้ว จึงจับแก่นกายของตัวเองจ่อเข้ากับช่องทางนุ่ม ก่อนค่อยๆ สอดมันเข้าไป ลัลร้องครางเสียงแผ่ว ขยับสะโพกบดเบียด ส่ายเอวร่อนจนผมต้องจับให้มันหยุดอยู่กับที่ ก่อนที่ตัวเองจะทนอ่อนโยนต่อไปไม่ไหว เขาเลยตวัดแขนสองข้างกอดหลังผมไว้ กรีดเล็บยาวขูดกับเนื้อของแผ่นหลังจนผมนึกแสบคัน ทว่ากามารมณ์ในตอนนี้ไม่ทำให้ผมใส่ใจรอยขูดของเขา



พอกดเข้าไปได้จนสุด ผมค่อยๆ ขยับออก ก่อนสอดเข้าไปใหม่อย่างเชื่องช้า และดูท่าคงไม่ทันใจวัยรุ่นเมื่อลัลเริ่มออกอาการต่อต้าน และยั่วให้ผมตบะแตกด้วยการขมิบรัดแก่นกายของผม



ผมก้มลงไปงับซอกคอขาว ไล่ชิมใบหูที่เขาอ่อนไหว ก่อนเริ่มกระแทกตัวเร็วขึ้น และแรงขึ้น เสียงเนื้อกระทบกันดังเป็นจังหวะ ฟังดูน่าเกลียดทว่าจุดความร้อนในตัวให้แทบระเบิดออกมา ลัลร้องเสียงหวานข้างหู สองมือปัดป่ายไปทั่วแผ่นหลังของผม เด็กซ่าหมดฤทธิ์เมื่อเขาระเบิดอารมณ์ออกมาก่อนผมหนึ่งจังหวะ



ผมถอนตัวออกมามองผลงานตรงหน้า ลัลหอบกระเส่า หน้าอกขาวๆ มีรอยฟันจางๆ จากน้ำมือผมกระเพื่อมขึ้นลง ปลายยอดตุ่มไตเต่งตึงชูชัน จนอดไม่ได้ที่จะลงมือเล่นกับมันอีกครั้ง เมื่อเชยชิมเม็ดสีเชอร์รี่จนได้ใจผมก็พลิกตัวคนสวยให้หันหลัง จับสะโพกของเขาให้สูงขึ้น กดไหล่ขาวแนบกับเตียงก่อนจะเริ่มสอดใส่อีกครั้ง



ช่องทางรักครั้งนี้นุ่มขึ้นทำให้ไม่ยากเท่าครั้งแรก ลัลร้องอู้อี้เพราะใบหน้าสวยจมอยู่ในหมอนใหญ่ เขาหันข้างเพื่อหาอากาศหายใจ ใบหน้าสีขาวแต้มสีแดงระเรื่อ เม็ดเหงื่อผุดพรายไม่ทำให้เขาดูงดงามน้อยลง



ผมหยุดเชยชมคนงามสักพักเพื่อให้เขาตั้งตัว และหลังจากนั้นก็เริ่มบรรเลงเพลงรักรอบใหม่ เมื่อสัญญาณเริ่มต้นได้ดังขึ้น สัญญาณที่เป็นเสียงหวีดร้องอันไพเราะของลัลยามที่ผมก้มกัดลงที่ต้นคอเขา



เราร่วมรักกันไปกี่รอบผมเองก็จำไม่ได้ ผมปลดปล่อยหลายต่อหลายครั้งพอๆ กับเขา พอเราปลดปล่อยครั้งนึงก็แทบจะเริ่มยกใหม่ทันที ลัลอยู่ใต้ร่างผม ผมอยู่บนตัวเขา ลัลอยู่บนตัวผม ผมอยู่ใต้ร่างเขา ผลัดกันฟัดอีกฝ่ายจนมั่วซั่วไปหมด เพียงแต่ใบหน้าของเขาที่เชิดขึ้นยามปลดปล่อยนั้นตอกลงไปในหัวใจผมอย่างจังจนสลัดไม่ได้แม้ยามฝัน



รุ่งเช้ามาถึง สิ่งที่ผมทำหลังจากตั้งสติได้แล้วคือเดินหากรรไกรตัดเล็บ ลัลจัดข้าวของเป็นระเบียบ ทำให้ผมเจอสิ่งที่ต้องการง่ายๆ และเมื่อได้กรรไกรตัดเล็บมาแล้ว ผมก็ทำการจับมือของคนที่หลับสนิทบนเตียงมาตัดเล็บให้ โดยไม่สนใจว่าเจ้าของเล็บจะยินยอมหรือไม่



ลัลตื่นขึ้นในขณะที่ผมเริ่มตัดเล็บอีกข้างของเขา



“คุณ? ทำอะไรน่ะ”



“ตัดเล็บให้”



เขาไม่ตอบจ้องเล็บมือตัวเองที่ถูกผมบรรจงตัดให้ ผมจึงขยายความ “ข่วนแล้วเจ็บ”



ลัลหันขึ้นมามองหน้าอกผมที่ขึ้นรอยแดงลากเป็นเส้น ยังไม่นับที่แผ่นหลังที่เจ้าแมวนี่กรีดลงไปอีก เขาหัวเราะออกมาเบาๆ ปล่อยให้ผมตัดเล็บยาวๆ นั่นต่อไป เมื่อครบสิบนิ้วผมก็ใช้ตะไบเล็บฝนให้เล็บสวยมน เกลี้ยงเกลา เจ้าแมวเซาดูชอบใจสปาเล็บที่ไม่ได้ขอนี่พอควร เมื่อเขาเอาแต่นอนอมยิ้ม



เสร็จสิ้นภารกิจ ผมตั้งท่าจะลุกไปเก็บเครื่องมือ ทว่าเจ้าของห้องกลับรั้งมือผมไว้ ดึงให้เข้าใกล้ตัวเองก่อนผลักให้นอนลงข้างๆ



“จะไปเก็บกรรไกรตัดเล็บ”



“ไว้ก่อน”



เขาว่า ซุกไซร้ซบลงที่หน้าอกผม บดเบียดสะโพกที่มีเพียงผ้าห่มผืนบางคั่นผิวเนื้อของเรา ผมตะปบลงเข้ากับเอวสอบ ไล่ลงไปบีบเฟ้นก้อนเนื้อนุ่ม



“เจ็บ...”



“...ก็อย่ายั่ว”



ผมแย้งคนขี้ยั่ว เอ่ยกระซิบข้างใบหูเขา ลัลยอมแพ้ เขาละสะโพกออกเปลี่ยนมามุดซบอกผมแทน



“คุณ...”



“อืม?”



“เป็นโลกให้ผมได้หรือยัง”



“ทำไมถึงยึดติดกับการหาคนเป็นโลกให้นักล่ะ”



“ไม่ได้เหรอ”



“...นายไม่ควรเอาตัวเองไปผูกติดกับใคร เรื่องที่ผ่านมาไม่ได้สอนเหรอ”



“...” เขาเงียบ ก้มหน้าอยู่ทำให้ผมไม่เห็นว่าลัลแสดงสีหน้าอะไร แต่กลัวว่าเด็กนี่จะคิดมากอีกเลยรีบบอก



“เปลี่ยนจากหาโลกใบใหม่เป็นมาอยู่โลกใบเดียวกันเถอะ”



ครานี้ ผู้ฟังยอมเงยหน้ามาสบตากับผม



“นายอยู่ในโลกของนาย ฉันอยู่ในโลกของฉัน บางเวลาฉันจะไปอยู่กับนาย และนายก็มาอยู่กับฉัน แบบนี้ดีกว่าไหม”



“มันต่างจากเดิมยังไง”



“ต่างสิ เพราะนายไม่จำเป็นต้องหาโลกใบใหม่ให้วุ่นวาย มีโลกของตัวเองเถอะ แล้วหลังจากนั้นเราจะไปหากัน”



เขาไม่ตอบ มุดหน้าลงไปซบอกผมดังเดิม ทำให้ผมคิดเอาเองว่าเจ้าเด็กดื้อคงตอบตกลงแล้ว



“ฉันไม่อยากให้นายกลัวการอยู่คนเดียว”



ผมกระซิบบอกเขาอีกครั้งก่อนที่เราจะหลับใหลไปในยามเช้า



คราวนี้เป็นลัลที่ตื่นก่อนผม เขาสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแต่ไม่เรียบร้อย...หมายถึง บนตัวเขามีเสื้อผ้าครบชุด ทว่าเสื้อยืดสีขาวตัวบางยาวปิดกางเกงขาสั้นไม่ทำให้เขาดูเหมือนสวมใส่อะไรเท่าไหร่ เขายื่นแก้วน้ำที่บรรจุกาแฟมาให้ผม



“รู้ด้วยหรือ”



ผมหมายถึงเขารู้ว่าผมชอบดื่มกาแฟดำเพียวๆ ด้วยหรือ



“ผมสังเกตคุณตลอดนั่นแหละ” คือคำตอบของเขา



“แล้วเป็นไง” ผมเอ่ยถาม หลังจากดื่มกาแฟได้จิบนึง คนถูกถามหันมาทำหน้าสงสัย “เอวนาย”



“ก็ดี” เขายักไหล่ คงหมายตามอย่างที่เขาว่า ท่าทางยียวนจนผมแอบนึกว่าครั้งหน้าน่าจะลองเล่นงานจนเขาลุกขึ้นมากวนประสาทแบบนี้ไม่ได้สักที ลัลง่วนกับการเก็บเสื้อผ้าไม่ใช้แล้วลงตะกร้า พอเขาทำมันเสร็จแล้วก็เดินไปจัดของแถวๆ ชั้นวางอย่างไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อ



“ลัล” ผมทัก “มานี่”



เขาส่ายหน้า “ผมรู้สึกแปลกๆ”



“ยังไง”



“ที่เราตื่นขึ้นมาที่ห้องนอนผม”



“ไม่ดีหรือ”



“จู่ๆ ผมก็คิด...คุณนอนทับที่ฮิมและผมก็กลัวว่า...”



คราวนี้เป็นผมที่ลุกไปหาเขา “เด็กโง่”



“ผมพยายามทำตามที่คุณบอกแล้วนะ...ยากจริง”



ผมหัวเราะขำ คิดว่าเขาต้องใช้เวลากับการปรับตัวนี้อยู่พอควร เขาโดดเดี่ยวมานานเกินไป และยึดติดกับใครสักคนมานานเกินไป พอผมเข้ามา...ไม่รู้สิ ผมคิดว่าผมเข้ามาทำให้เขาไม่รู้สึกโดดเดี่ยวแต่ก็ไม่ได้เป็นที่ยึดติดให้เขาจนเขาลืมตัวเอง เขาคงสับสนที่เจอเหตุการณ์ใหม่ๆ ในชีวิต



“เอาตามตรงผมก็ยังคิดถึงฮิมนะ แต่มันไม่เท่าเมื่อก่อนแล้วตั้งแต่ผมเจอคุณ...”



“งั้นหรือ”



“ตอนนั้นที่ผมเจอเขาผมตกใจจริงๆ จะให้ไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงไม่ได้ในเมื่อเขาเคยเป็นโลกทั้งใบให้ผม”



ผมทำท่าจะพูดตอบแต่เขาก็แทรกขึ้นมาก่อน “แต่พอหันไปแล้วเจอคุณ ผมก็รู้แล้วว่าที่จริงผมต้องการอะไร”



“ถ้าเราตื่นมาที่บ้านฉันนายจะกังวลน้อยกว่านี้ไหม” ผมเอ่ยถาม ยกยิ้มเมื่อลัลพูดความในใจจนจบประโยค เขาดูฟุ้งซ่านกว่าที่เป็นจริงๆ



“น้อยลงมาก” เขาตอบ หันมาสบตากับผม “ผมอยากไปบ้านคุณเดี๋ยวนี้เลย”



และก็ตามบัญชาเจ้าหญิง



ลัลดูสงบขึ้นเมื่อย้ายมาอยู่ที่บ้านของผม เขานอนกลิ้งอ่านหนังสือที่ค้างไว้บนเตียงผมอย่างเป็นธรรมชาติ ผิดกับเมื่อครู่ลิบลับ ได้กลิ่นคุณแล้วผมสงบ เขาว่าหลังจากที่ผมเอ่ยคำถามว่ามันแตกต่างอย่างไร



ให้ตายสิ ไอ้เด็กคนนี้ คนเพิ่งบอกอยู่หยกๆ ว่าอย่ายึดติดกันให้มากนัก



ผมนั่งลงข้างเขา วันนี้ตั้งใจโดดงานงานเต็มที่ ยกมือเกลี่ยปลายเส้นผมของเขาเบาๆ ลูบไล้เส้นผมนิ่มอย่างเพลินมือ



“คุณว่าผมตัดผมสั้นดีไหม”



“ทำไมล่ะ”



“คุณรู้ไหม...ในตอนนั้นผมตัดผมก็เพราะคุณ”



“หืม...จริงหรือ เพราะฉันทักไปตอนนั้นน่ะหรือ”



“อืม ฮิมเป็นคนบอกให้ผมลองไว้ผมยาว เขาคิดว่ามันน่าจะเหมาะ ผมเลยลอง แล้วพอคุณทักตอนนั้นมันทำให้ผมคิดถึงฮิม”



“ก็เลยคิดว่าตัดผมแล้วจะช่วยได้”



“อือ นอกจากจะช่วยไม่ได้แล้วยังไม่กล้าขอให้ช่างตัดให้สั้นกว่านี้อีกต่างหาก”



ผมหัวเราะเบาๆ “ดีแล้วนี่ นายเหมาะกับผมยาวออก” ก่อนลูบเส้นผมนิ่มเพลินมือต่อ “แต่ถ้าอยากตัดก็ไม่ว่ากัน”



“...ตอนนี้คงไม่อยากแล้ว” ผมเงียบ รอเขาพูดต่อ “ผมชอบให้คุณลูบหัวอย่างนี้”



และผมก็ก้มลงไปจูบเส้นผมสวยของเขาแทนการตอบรับ เรานิ่งเงียบกันไปพักนึง น่าแปลกที่คราวนี้ความเงียบที่มีเขาอยู่ด้วยไม่ทำให้ผมกระสับกระส่ายเหมือนที่แล้วมา



“คุณ” เป็นเขาที่ทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน



“หืม”



“...ผมถามได้ไหม” เขาว่า ปิดหนังสือในมือ พลิกตัวมาสบตากับผม



“ว่ามาสิ”



“ตอนนี้คุณรู้สึกยังไงกับผม”



ผมนิ่ง...นึกสักพักก่อนเอ่ย



“เหมือนสีฟ้า เยือกเย็นและสงบ ลุ่มหลงเมื่อได้มองเห็น ย้อมโลกที่เคยมีแต่สีขาวดำให้มีสีสัน และมันกลายเป็นสีที่น่ามองที่สุดในตอนนี้” ผมตอบ จ้องเข้าไปในดวงตาของเขา



ลัลเบะปากไม่เข้าใจ ผมเดาไว้แล้วจึงหัวเราะขำ ก่อนบอกให้เขาลุกตามมา



ลัลตามมาที่ห้องสตูดิโอของผม เดินมายังรูปภาพสองรูปที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง มันไม่ใช่รูปขนาดใหญ่ แต่จับใจทุกครั้งที่ผมได้เห็นหรือได้ลงมือแต่งแต้มให้มันสมบูรณ์



 “นายทำให้ฉันเป็นบ้า...” ผมว่า “ฉันไม่วาดรูปคนมานานแล้ว แต่จู่ๆ รูปแรกที่วาดคือนาย” ผมชี้ไปที่รูปที่ตั้งอยู่บนขาตั้งกระดานวาดภาพ



“และบ้ายิ่งกว่านั้นคือฉันพยายามเก็บดวงตานายลงในภาพวาดตั้งแต่เจอกันครั้งแรกๆ แต่มันไม่เคยสำเร็จสักที”



ผมชี้ไปยังรูปข้างๆ ที่วางอิงขาตั้งอยู่ รูปภาพที่เต็มไปด้วยสีฟ้าดาดๆ หลายเฉดทาทับกันมั่วๆ



เขายืนมองรูปของตัวเอง นิ่ง ไม่ขยับ



“นี่เป็นภาพที่สองแล้ว ภาพแรกขายได้ราคาดีเกินคาด” ผมจึงกล่าวต่อไม่ให้บทสนทนาเงียบ และเอ่ยติดตลกตอนท้าย



“สวย”



เป็นเขาที่ทำให้ความตั้งใจของผมล้มเหลว ทั้งห้องเงียบสงัด และเมื่อเขาหันมาสบตาผม โลกทั้งใบของผมก็ถูกเขาดูดลงไป ราวกับต้องมนต์สะกด ผมก้มลงมอบจุมพิตให้ซินเดอเรลล่าแสนรัก










 :hao6: :hao7: ////



ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ

#ณพระจันทร์

หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.12 am.| 1.7.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-07-2018 23:19:20
ดีใจที่ลัลเปิดใจได้เสียที  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.12 am.| 1.7.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 02-07-2018 00:20:05
 :pig4: :pig4: :pig4:

คบกันแล้ว....หรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.12 am.| 1.7.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 02-07-2018 06:37:48
ชอบที่คุณบอกเราต่างมีโลกของตัวเอง ไม่ต้องยึดติด คุณดีมาก ลัลโชคดีมากทีได้เจอคุณ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.12 am.| 2.7.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 02-07-2018 21:42:15
1.12 am.



ผมจับโยไว้ไม่ให้เขาหนีผมออกไป



เจ้าหนูเก่งเสมอยามหลบหนี และถ้าเขาหนีไปได้ก็จะหนีไปพร้อมกับความเข้าใจผิดๆ ผมพุ่งเข้าไปในห้องน้ำโดยที่ลากเขาเข้ามาด้วย หยิบโทรศัพท์เปิดกล้องหน้ามาส่องสะท้อนกับกระจกห้องน้ำ ขยับกล้องไปแถวแถวหลังคออย่างที่ได้ยินมา และผมก็เห็นรอยจูบสามสี่รอยอยู่แถวท้ายทอยผม



ผมถอนหายใจ ข่มความโกรธที่มีต่อลัล ผมคิดว่าเขาจะเข้าใจแล้วเสียอีก ทำไมถึงทำอย่างนี้



ผมหันกลับมามองโยที่ตอนนี้ตาแดงก่ำ เจ้าหนูของผมกำลังเข้าใจผิด และคงผิดหวังในตัวผมมาก



“โย กูไม่ได้นอนกับลัล”



“แล้วนั่นอะไร รอยยุงกัดหรือไง พี่ทำก็บอกว่าทำดิ”



“แล้วมึงคิดว่าต้องทำกันท่าไหนลัลถึงจะหันมาดูดคอกูได้อย่างนี้ หา!”



จากที่เห็นรอยนั้นผมก็หงุดหงิดอยู่แล้ว พอเขาประชดแบบนี้ทำให้ผมโมโหกว่าเดิมจนเผลอตวาดเสียงดังออกไป ในใจนึกอยากจะกระชากเขาเข้ามาในอ้อมกอด ส่งเสียงดังตั้งคำถามให้เขาอีกครั้ง ลองทำให้ดูหน่อยสิว่าต้องทำยังไง! ผมอยากจะพลิกให้เขาหันหลัง กอดเขาแน่นไม่ปล่อย ขบกัดต้นคอขาวจนเกิดรอยเดียวกันบ้าง



แต่ถ้าผมทำลงไป โยต้องร้องไห้โฮแน่ๆ แค่ตอนนี้เขาก็ตกใจเสียงของผมจนตาแดงแล้ว



ผมเลยทำก็ได้แค่ถอนหายใจ ข่มความโมโหไว้ เอ่ยอธิบายด้วยเหตุผล



“กูไม่ได้นอนกับลัล รอยที่หลังคอนี่แค่เห็นก็รู้แล้วไม่ใช่หรือไงว่าจงใจทำให้กูไม่เห็น”



“...”



“กูไม่ได้ยอมให้ลัลทำ เชื่อกูสิ ลัลคงแอบทำตอนกูนอนอยู่”



ผมพยายามอธิบาย โยไม่ตอบ น้ำตาเอ่อขึ้นคลอเบ้าตา



“...ไม่ร้อง”



“พี่ทำให้ผมกลัว”



“ขอโทษ”



“พูดดีๆ ไม่ได้หรือไง”



“กูโมโห มึงว่ากูเหมือนกูผิด กูรู้สึกเหมือนโดนดูถูก”



“ใครเห็นอย่างนั้นก็ต้องคิดแบบผมไม่ใช่หรือไงเล่า”



ผมยังคงหงุดหงิดนิดหน่อย แต่พอเห็นเขาร้องไห้งอแงแบบนี้แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจอีกครั้ง คว้าเขาเข้ามากอดปลอบ



“กูทำตามใจมึงขนาดนี้แล้วกูจะกลับไปมีลัลอีกทำไม”



“ผมไม่รู้หรอก พวกพี่ดูสนิทกันจนเหมือนคู่รักด้วยซ้ำ ให้ผมเชื่อว่าพวกพี่เป็นแฟนกันยังจะดีกว่าเชื่อว่าพี่ชอบผม”



“ที่มึงกังวลเพราะมึงหึงเหรอ”



“ไม่ใช่แล้ว! พี่ฮิม...ผมไม่รู้...ไม่รู้จริงๆ ผมสับสนนะ พี่สนิทกับพี่ลัลมาหลายปีใครๆ ก็รู้ แล้วจู่ๆ พี่ก็เข้าหาผม ทีแรกเหมือนจะเล่นๆ แต่หลังๆ พี่ดูจริงจัง ผมไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วพี่ต้องการอะไรกันแน่”



“กูชอบมึง”



ความในใจถูกเผยออกไป ทั้งห้องพลันเงียบสงัด ไม่มีเสียงจากโยและผมก็ไม่ได้ต้องการจะคุยอะไรต่อ จึงได้แต่ลูบหลังเขาเบาๆ ปลอบขวัญหนูตัวน้อยที่ผมเผลอตวาดรุนแรงใส่



“พี่รู้ไหม...มันโคตรตลกเลย”



“อะไร”



“ที่ผมกลัวพี่แทบตายแต่ผมกลับชอบที่พี่กอดแบบนี้...”



“ชอบกูเลยก็ดี”



“ไม่เอาหรอก”



“ยังไม่ไว้ใจกูอีก”



“ก็ดูพี่ทำดิ”



ผมหัวเราะ คิดว่าการจะชอบเขาคงต้องฝึกใจเย็นลงกว่านี้ให้มากๆ



“ปล่อยได้แล้ว”



“โถ่ นึกว่าจะได้กอดนานกว่านี้” ผมบอก วางคางตัวเองลงกับไหล่เขา เริ่มปล่อยให้อ้อมกอดตัวเองหลวมขึ้น



“แค่นี้ก็นานแล้ว” เจ้าหนูว่าพร้อมกับลงมีตีที่แขนผมดังเพี๊ยะ ผมเลยจำเป็นต้องปล่อยเขาไป พอโยหลุดพ้นจากอ้อมกอดผมแล้วก็เขาขยับตัวเว้นระยะห่างไว้หนึ่งช่วงแขน เดินไปนั่งยังเก้าอี้โซฟในห้องรับแขก การกระทำน่ารักของเขาอยู่ในสายตาผมทุกท่วงท่า ผมเดินตามเขา



“คราวนี้ตากูถามได้ไหม” ก่อนลงไปนั่งข้างๆ เจ้าหนูโดยเว้นระยะไว้พอควร



“ถามอะไร”



“ที่เคยบอกว่าชอบกู...พูดจริงหรือ”



โยทำท่านึกย้อนไป เมื่อตอนเขาไม่สบายเขาหลุดพูดออกมาประโยคหนึ่งว่าชอบที่ผมดูแลเขา ในตอนนั้นประเด็นของลัลมันหนักหนากว่า ทำให้ไม่ได้เจาะจงเรื่องนี้ ตอนนี้มีโอกาสแล้วผมจึงลองถามดู



“พูดไปงั้นแหละ ตอนนั้นผมป่วย” เขาอ้าง



“จะจริงเร้อ” ผมยิ้ม “เขาว่ากันว่าคนป่วยน่ะมักพูดความจริงนะ”



โยเบะปากเป็นคำตอบ ผมอยากกอดเขาให้จมอกอีกครั้งจริงๆ



“ชอบกูเถอะ เดี๋ยวพาไปเลี้ยงข้าว”



“ไม่ได้ชอบก็พาไปเลี้ยงอยู่ทุกวันนี่”



“งั้นถ้าชอบ จะยอมให้ทำตามใจเลย”



“ตอนนี้พี่ก็ทำอยู่” เด็กมันเถียง ซึ่งก็จริง ตอนนี้ผมแทบจะประเคนทุกอย่างมาให้เขา ครั้นจะให้มากลับตัวก็ไม่ทันแล้ว ผมถอนหายใจ ยอมแพ้คนไม่เล่นด้วย



“แล้วไง อยากให้ติวสอบด้วยมั้ย” โยหันมามองแบบไม่ไว้ใจ ผมจึงต้องรีบเสริม “กูมีสรุปเทพวิชาสตรัคเจอร์นะ”



สรุปเทพที่ว่านั่นเป็นของลัล เจ้าตัวทำสรุปไว้แทบทุกวิชา และชีทสรุปของเขาครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมด อ่านเข้าใจง่าย รวมถึงเก็งข้อสอบได้แม่นมากจนกลายเป็นตำนาน ทีแรกลัลจดเอาไว้อ่านเองกับแบ่งให้ผมกับจ๊ากอ่าน แต่พอไอ้จ๊ากมันเอาไปเผยแพร่ ชีทของลัลเลยได้รับการขนามนามว่าเป็นสรุปเทพ



และไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ครอบครอง ลัลไม่ชอบยุ่งกับใครรวมถึงไม่ชอบให้ใครมายุ่ง สรุปเทพที่ว่าเลยกลายเป็นของแรร์ คนที่มีก็ไม่กล้าเอาไปซีร็อกแจกเพราะเกรงใจลัล แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้ว่าอะไรก็เถอะ จริงๆ แล้วเขาก็เป็นคนที่มีอิทธิพลคนนึงอยู่เหมือนกัน...แต่เจ้าตัวคงไม่รู้ตัว



ครานี้เจ้าหนูขาวเบิกตาเล็กๆ นั่นโพลง ตอนนั้นเองผมถึงรู้ว่ากับดักหนูเริ่มใช้ได้ผลแล้ว



“อยากได้มั้ย” คนน่ารักพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนรีบเอ่ยค้าน



“แต่ไม่แลกกับการต้องชอบพี่นะ” คราวนี้ผมหัวเราะลั่น เจ้าหนูนี่มันน่ารักจริงๆ ให้ตายเถอะ



“ยังไม่ต้องชอบก็ได้ แค่อย่าหนีไปไหนอีกก็พอ”



“...ตอนนี้ผมยอมให้พี่อยู่ในห้องด้วยนี่ยังไม่มากพออีกเหรอ”



“อืม มากพอเลยแหละ แต่อยากขออีกอย่าง”



“ผมไม่ให้ไว้ก่อนได้มั้ย”



“ใจร้ายจริง”



“...จะขออะไรล่ะ”



“ขอลดระยะ จากหนึ่งช่วงแขนเป็นครึ่งช่วงแขนได้ไหม”



“...”



โยไม่ตอบ แต่เขากระเถิบมานั่งใกล้ผมมากขึ้นครึ่งช่วงแขน










#ณพระจันทร์

(มาeditนิดหน่อยค่ะ)
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.12 am.| 2.7.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 04-07-2018 18:23:55
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.12 am.| 2.7.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 04-07-2018 19:17:28
โยก็เห็นแก่ตัวพอๆกับฮิมนั่นแหละ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.12 am.| 2.7.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 04-07-2018 19:22:24
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.12 am.| 2.7.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 04-07-2018 22:46:53
ก็ยังไม่ชอบฮิมอยู่ดี ไม่รู้ทำไม
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.12 am.| 2.7.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: makok_num ที่ 05-07-2018 03:40:55
หนูโยขี้ตื่นร้องไห้ง่ายจังลูก ตอนนี้ฮิมยังเป็นฝ่ายไล่ตามขายโปรโมชั่นวางกับดักให้หนูมารัก แต่ความสัมพันธ์มันคงต้องก้าวไปด้วยกัน หวังว่าน้องโยจะค่อยๆ ปรับตัว เปิดใจเนอะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.12 am.| 2.7.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-07-2018 08:48:33
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.12 am.| 2.7.2018 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 05-07-2018 17:45:35
คนเราพอเสียใจมาก ๆ ก็หาวิธีเยียวยาตัวเอง ซึ่งลัลเก่งมากที่ผ่านจุดนั้นมาได้ ความรักครั้งเก่าจบไปแล้วความรักครั้งใหม่ก็กิดขึ้นอย่างสวยงาม
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.13 am.| 7.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 06-07-2018 23:56:34
00.13 am.



“ลัล เป็นแบบให้หน่อย”



“ไม่เอาอ่ะ”



“ทำไมล่ะ ครั้งที่แล้วยังเสนอตัวอยู่เลย”



“ผมเมื่อย”



“นอนเฉยๆ ก็ได้”



เจ้าของดวงตาสีฟ้าจับจ้องมาที่ผมเมื่อจบคำชักชวน สุดท้ายคนคร้านก็บิดขี้เกียจ โก่งโค้งเห็นเส้นสันหลังเป็นลูกคลื่น จนน่าจับตีก้นให้ลาย ลีลาเยอะจริง หลังจากรอเขาบิดตัวเสร็จ ผมก็เดินนำไปที่ห้องทำงาน ผมจัดที่นั่งให้ลัลแล้วเรียบร้อย แสงวันนี้ดีจนอดไม่ได้จริงๆ ที่จะวาดเก็บไว้สักรูปสอรูป แสงสวยสว่างไม่จ้าไม่อ่อนเกินไป



เขานั่งลงบนที่นั่งที่ผมจัดเตรียม ก่อนเอนตัวนอนลงไป หลับตาพริ้ม นอนตามที่ผมบอกก่อนหน้านี้ไม่ผิดเพี้ยน เด็กนี่ชักจะเอาใหญ่แล้ว



แต่ทำไงได้ ผมก็ได้แต่วาดรูปเขาต่อไป ครานี้ลัลนอนยาว ทำให้ผมมีเวลาเก็บรายละเอียด เลยไม่ได้วาดเป็นรูปสเก็ตช์เหมือนครั้งก่อน เป็นรูปเหมือนในรอบหลายปีที่ได้วาดต่อหน้าเจ้าตัว เป็นรูปที่วาดแล้วมีความสุขในรอบหลายปีเช่นกัน



ลัลตื่นขึ้นในขณะที่ผมเก็บรายละเอียดแสงเงาใกล้จะเสร็จ เขาลุกขึ้นมานั่งสะลึมสะลืออยู่พักหนึ่ง ก่อนหันมาทางผม ท่าทางและองค์ประกอบดีจนผมบอกให้เขาอยู่นิ่งๆ แล้วรีบสเก็ตช์รูปเก็บไว้



พอเขาเห็นผมหยุดลากดินสอ ก็เลิกทำตัวนิ่งเป็นรูปปั้น เขาขยับตัวบิดขี้เกียจ



“ขออีกสักสองท่าสิ” ผมรีบบอกเขา ก่อนที่รูปปั้นจะเดินหนีไปเสียก่อน



“คุณอยากได้ท่าไหน”



“อะไรก็ได้”



ลัลนิ่งนึก จ้องหน้าผมก่อนลุกขึ้นยืน ปลายเสื้อสีขาวบางตกลงมาคลุมต้นขาขาวเนียน แสงแดดส่องผ่านจนเสื้อบางทะลุเห็นเนื้อผิว เขาเดินมาที่ผม เชื่องช้าทว่ามั่นใจในทุกย่างก้าว ราวกับแมวป่าล่าเหยื่อ



ก่อนที่ผมจะได้ถามว่าเขาเดินเข้ามาทำไม เด็กดื้อก็เข้ามาถึงตัวผมพอดี ทิ้งน้ำหนักตัวนั่งคร่อมตักผม



และผมก็ถูกช่วงชิงเสียงด้วยจุมพิตของซินเดอเรลล่า



“ทำอะไรน่ะ”



“คุณบอกทำท่าไหนก็ได้”



“หึ” ผมหลุดหัวเราะ เด็กดื้อขี้เล่นแถมยังช่างยั่วอีกแล้ว ผมวางดินสอเก็บไว้ที่ขอบกระดานวาดภาพ รู้ตัวว่าหมดเวลาวาดเล่นแล้ว ยกตัวเขาขึ้นอุ้ม เดินพาเขาไปวางลงบนที่นั่งที่เขาเพิ่งจากมาเมื่อครู่ มือล้วงเข้าไปในสาบเสื้อ บีบขยำเนื้อนวล ก่อนเริ่มบรรเลงบทเพลงแสนหวานท่ามกลางแสงอาทิตย์



“เหม่ออะไร” หลังจากจบกิจกรรม ลัลไม่ได้หลับเหมือนทุกที แต่เขานั่งเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง จ้องแสงอาทิตย์ภายนอกเนิ่นนาน



“เปล่า” เขาหันมา



“ฉันถามได้ไหม...”



“ว่าอะไรล่ะ”



“ยังรักฮิมอยู่ไหม”



“...” ลัลเงียบ ใช้ดวงตาสีฟ้าที่ผมหลงสเน่ห์ จับจ้องมาที่ผมทำให้ขยับไปไหนไม่ได้



“ถ้าบอกว่าไม่แล้วก็คงโกหก” เขาเริ่มเอ่ย “ผมอยู่กับฮิมมานานเกินไป เคยชินกับการมีเขามากเกินไป ให้มาเลิกรู้สึกในวันสองวันคงทำไม่ได้”



ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป



“แต่...” เขาพูดขัดความเงียบ “ตอนนี้ผมรู้สึกอยากอยู่กับคุณมากกว่าอยู่กับเขา ใบหน้าที่ผมฝันถึงทุกคืนกลายมาเป็นคุณแทนที่เขา อยากทำอะไรหลายๆ อย่างกับคุณมากกว่าเขา”



ลัลขยับตัวมาใกล้ผมมากขึ้น “ความรู้สึกที่ผมมีต่อฮิมอาจจะยังไม่หายไป แต่ว่าตอนนี้ผมรู้สึกกับคุณมากกว่าเขาแล้ว...”



และผมก็คว้าเขามาประกบจูบ เก็บเสียงทุ้มเย็นไม่ให้เล็ดรอดออกมาอีก เมื่อผละจากรสจูบแสนหวาน เราประสานตากัน เป็นลัลที่เอ่ยขึ้นมาก่อน



“แล้วคุณล่ะ...?” เขาเอียงหัว ไม่ละสายตา “คิดอย่างไรกับผมบ้างแล้ว”



ผมยกยิ้ม “คงเหมือนกัน”



“แน่หรือ มั่นใจในความรู้สึกตัวเองแล้วหรือ?” เขายิ้ม เอียงหัวอีกครั้ง ถามอย่างสงสัย น่ารักน่าชังนัก



“คิดว่า” ผมตอบกลับเขาไป ไล่มือตามกรอบใบหน้าละมุน



“ขี้โกงจัง ผมหลงคุณตั้งขนาดนี้”



“แล้วรู้ได้ไงว่าฉันไม่หลงนาย หืม”



“คุณพูดเหมือนยังโลเลอ่ะ” เขางอแง เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเขาทำหน้าบึ้งงอเหมือนเด็กเล็กๆ ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูจนหลุดขำ



“ถ้ายังโลเลอยู่คงไม่ทำอะไรกับนายหรอก”



“คุณนี่ซีเรียสกับเรื่องพวกนี้จังนะ”



“ก็ไม่เชิงหรอก”



“มีอะไรไม่ได้บอกผมรึเปล่า”



“...”



“ผมเล่าเรื่องของผมตั้งเยอะแล้ว คุณลองเล่าเรื่องของคุณบ้างสิ”



“ไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก”



“ไม่จริงหรอก เล่าเถอะนะ อยากฟัง” คนอยากฟังว่าพร้อมเอียงหัว ปล่อยให้เส้นผมยาวคลอเคลียอยู่ที่เนินไหล่



“ฉันไม่รู้จะเล่าอะไร”



“งั้นเริ่มจาก...ทำไมถึงย้ายมาอยู่ที่นี่”



“เบื่อกรุงเทพฯ”



“จริงหรือ”



“อืม อยู่ที่นี่แล้วสงบจิตสงบใจได้มากกว่า”



“ไม่ใช่ว่าหนีใครมาหรอกนะ”



“คิดมากแล้ว”



“คุณรู้ไหม ตอนแรกผมคิดว่าบ้านนี้เป็นบ้านร้างมีอาถรรพ์ด้วยแหละ ผมอยู่มาเป็นสิบๆ ปี เจ้าของเปลี่ยนบ่อยมาก ไม่มีใครอยู่นานเกินห้าปีเลย”



“งั้นหรือ”



“ผมเลยคิดว่าบ้านนี้อาจจะมีผี”



“ไร้สาระ”



“อืม มองเห็นอยู่ฝั่งตรงข้ามทุกวัน พอได้เข้ามาอยู่จริงๆ ก็คิดว่าคงไม่ได้มีผี”



“แน่สิ บ้านนี้เป็นของคนรู้จักเพื่อนฉัน เขาแนะนำให้ เลยได้ราคาถูกมาเฉยๆ ฉันมาอยู่ได้หลายเดือนแล้ว ถ้าจะมีอะไรนายก็คงเจอพร้อมกันไปแล้ว”



“อืม...ผมรู้ว่ามันไม่มีอะไรหรอก” เขาวรรค น้ำเสียงฟังดูเบาบางเลื่อนลอย “แต่ว่าคุณจะไม่ย้ายออกไปไหนใช่ไหม”



“...”



“อ่า...ผมว่าแล้ว มีอาถรรพ์จริงๆ ด้วย”



“ฉันไม่รู้ว่าจะอยู่ที่นี่ได้นานแค่ไหน บ้านฉันอยู่กรุงเทพฯ”



“ผมก็คิดว่าอย่างนั้น” เขาตอบ น้ำเสียงหงอยเหงาจนน่าสงสารจับใจ ผมไม่เคยคิดถึงข้อนี้มาก่อน อย่างที่บอก ผมย้ายมาอยู่ที่นี่เพื่อหลบหนีความวุ่นวาย ไม่ได้คิดว่าจะอยู่ลงรากปักฐานจริงจัง และก็ไม่ได้วางแผนว่าจะอยู่ถึงกี่ปี หวังจ่ายค่าเช่ารายเดือนไปเรื่อยๆ ในตอนแรกมันก็ไม่จำเป็นต้องคิดมากหรอก แต่พอมีลัลเข้ามาแล้วทำให้ผมเริ่มต้องวางแผนชีวิตใหม่



ผมไม่รู้จะอยู่ที่นี่ได้นานแค่ไหน แต่ผมไม่อยากทิ้งให้ลัลอยู่คนเดียว



ลัลเองก็เหมือนจะรู้ว่าผมคิดอะไร เขาขยับตัวมาออดอ้อน ซบใบหน้าละมุนเข้ากับไหล่ผม คลอเคลียเหมือนแมวขาดความรัก ให้ตาย ก็เขาเป็นซะอย่างนี้แล้วผมจะทิ้งเขาลงได้ยังไง



“ไปอยู่ด้วยกันไหม”



“หืม”



“ถ้าวันหนึ่งฉันต้องย้ายออกจริงๆ ไปอยู่ด้วยกันไหม”



เขาไม่ตอบ ไม่หันมาสบตา ไม่ขยับตัว ผมกอดเขา สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทิ้งเขาไปไหน ลัลขยับเพียงสองแขนเพื่อเอื้อมมากอดรอบเอวผมไว้ ราวกับพยายามเชื่อมั่นในคำสัญญา



ก่อนที่เราจะไปร้านจ๊าก ผมเก็บงานวาดภาพอีกระยะหนึ่ง เจ้าลัลมาป้วนเปี้ยนคอยก่อกวนอยู่เรื่อยๆ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ปกติเวลาผมทำงานเขาจะไม่ค่อยเข้ามายุ่ง แต่ตอนนี้กลับนอนกลิ้งอยู่ในห้องที่มีแต่คราบสี วนเวียนอยู่ในห้องสตูดิโอของผมไม่ไปไหน



“ลัล ขอพู่กันหน่อย”



เจ้าตัวป่วนยังป่วนไม่พอ เมื่อเขาเอาพู่กันของผมไปเสียบที่ขอบกางเกง พอผมจะเรียกใช้เขาก็จะเดินมาใกล้ๆ ปล่อยให้ผมหยิบเลือกพู่กันที่ขอบกางเกงเขา งานของผมไม่ได้ต้องการความจริงจังอะไรในเรื่องของอารมณ์ แค่วาดภาพเหมือนของร้านอาหารแห่งหนึ่งตามรูปถ่าย ทำให้ผมไม่ต้องใส่ความรู้สึกลงไปมากมาย และทำให้ผมไม่หงุดหงิดที่เขามาป่วนแบบนี้ ถึงจะเสียสมาธิอยู่หน่อยๆ ก็ตาม



แน่นอนว่าถ้าผมกำลังทำงานที่เป็นภาพนามธรรมที่ต้องใช้อารมณ์ความรู้สึกเยอะๆ ล่ะก็ ผมคงไล่ตะเพิดเขาไปแล้ว แต่อันที่จริงถ้าลัลรู้ว่าผมซีเรียส เขาก็จะไม่มากวนอย่างนี้หรอก



จนสุดท้าย ผมก็ยอมแพ้ในเวลาสองทุ่มครึ่ง บอกลัลให้ไปเตรียมตัวไปร้านจ๊าก ตัวป่วนมีสีหน้ายินดีอย่างเห็นได้ชัด และไม่รอช้าที่จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมออกบ้าน



ไม่นานเราก็มาถึงที่หมาย แม้ช่วงนี้ลัลจะโดดงานบ่อยแต่เจ้าของร้านดูจะไม่ว่าอะไร อันที่จริงผมว่าจ๊ากแค่อยากช่วยเพื่อนเฉยๆ มากกว่า เขาไม่ได้สนว่าลัลจะทำงานรึเปล่าด้วยซ้ำ แค่ตำแหน่งของลัลก็พอจะรู้แล้ว ใครที่ไหนจะจ้างให้เพื่อนตัวเองมานั่งเฉยๆ บ้าง



ลัลเล่นกับเจ้าจิ้งจอกตรงลานจอดรถสักพักก่อนเราจะเข้าไปในตัวร้าน ไอ้จ๊ากออกมาต้อนรับเหมือนเคย



จ๊ากอวดว่าวันนี้จะมีวงดนตรีของรุ่นน้องที่คณะมาเล่นด้วย จ๊ากบอกว่านานๆ ทีวงดนตรีที่คณะจะได้มาสักครั้ง เหตุเพราะไม่ค่อยมีเวลาซ้อม เนื่องจากโปรเจคทับถม พอตอนนี้มีโอกาสซ้อมแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้แสดง จ๊ากเลยจ้างมาเล่นที่ร้านแทน วันนี้จึงมีเด็กคณะนี้มากันที่ร้านเยอะหน่อย



ผมพยักหน้ารับรู้ ลัลเองก็เช่นกัน แต่เราก็ไม่ได้ไปสนใจใครต่อ นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเดิมด้วยกันเหมือนปกติ



ลัลดูไม่ได้สนใจกับคนในคณะขนาดนั้น ผิดกับจ๊ากที่ดูเป็นเด็กกิจกรรม และตื่นเต้นที่จะได้เจอคนรู้จักที่คณะอีก เรานั่งมองบรรยากาศไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงวงดนตรีของรุ่นน้องเขาขึ้นเล่น ลัลไม่ได้มีท่าทีสนใจอะไรเป็นพิเศษ อันที่จริง ผมไม่เคยเห็นเขารู้สึกสนใจอะไรเป็นพิเศษเลยด้วยซ้ำ



ดวงตาสีฟ้าเฉื่อยชากับสิ่งแวดล้อมรอบข้างจนน่าเสียดาย



คิดว่าถ้าเขาตื่นตัวกับสิ่งรอบข้างมากกว่านี้ดวงตาของเขาคงเปล่งประกายสวยกว่าเดิมน่าดู แต่ไม่เป็นไร ให้มันเปล่งประกายเฉพาะตอนที่อยู่กับผมแค่คนเดียวก็พอแล้ว



เพลงแรกเล่นจบ เพลงต่อไปก็ตามมาทันที ผมหันไปมองรอบๆ ร้านเห็นผู้คนเยอะกว่าปกติ คงเพราะมีเด็กที่คณะสถาปัตย์มาเยอะอย่างที่จ๊ากบอก เลยไม่ได้ตกใจอะไร เพียงแต่ชั่ววินาทีที่สายตาของผมปะทะเข้ากับร่างของอีกคน หัวใจผมที่เต้นอย่างสงบนิ่งมาโดยตลอดพลันสั่นสะท้าน



ดูเหมือนพระจันทร์จะเล่นตลก เมื่อคนที่ถูกผมจับจ้องหันมาสบตากับผมเข้าราวกับถูกผีบอก และเขาก็นิ่งค้างไปเช่นกัน



ผมหนีความวุ่นวายมาอยู่ต่างจังหวัด ใช่ มันเป็นเหตุผลแค่ส่วนเดียว แต่ผมรู้อยู่แก่ใจว่าที่ผมย้ายมาเพราะหวังว่าจะได้เจอกับคนๆ หนึ่งอย่างบังเอิญเข้าสักวันแค่นั้นเอง ผมแค่อยากรู้ว่าเขายังสบายดี แม้ว่าเขาอาจจะไม่อยากเจอหน้าผมแล้วก็ตาม



จบความคิด ร่างเล็กที่ถูกผมจับจ้องก็เดินเข้ามาเรื่อยๆ



ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องอย่างอ่อนแรง ผมพบอดีตครึ่งของหัวใจที่เคยหายไป



โยธา...



“คุณ?”



ผมสะดุ้งเมื่อน้ำเสียงของลัลปลุกให้ตื่นจากภวังค์



“มีอะไรรึเปล่า”



“อ้อ...เปล่า” ผมตอบเขา น้ำเสียงเบาและแห้งเหือด หายใจไม่ทั่วท้อง สายตาสลับไปมาระหว่างลัลและโยที่กำลังเดินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ



ไม่อาจควบคุมกาลเวลาให้หยุดหรือย้อนกลับไปได้ โยธามาถึงตัวผมในที่สุด



“พี่คุณ...พี่ลัล...”



ฉับพลันที่สิ้นสุดเสียงเรียกของโย สีหน้าของลัลบึ้งตึง แววตาแข็งทื่อ บ่งบอกถึงการไม่ต้อนรับการมาของเขาอย่างเห็นได้ชัด ผมไม่ได้ถามถึงสาเหตุ เขาก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน



“มาทำไม ฮิมไม่มาด้วยหรือไง”



“พี่ฮิมติดงานครับ...”



จบการพูดคุยของสองคน เสมือนมีฟ้าผ่าลงมาทำให้ทุกอย่างกระจ่าง



ผมรู้ว่าทั้งสองฝ่ายรู้จักกันแทบจะทันที จากเรื่องเล่าของลัล เขาเคยเอ่ยถึงชื่อของคนที่พรากฮิมจากไปว่าชื่อโย ในตอนแรกผมไม่คิดว่าจะเป็นโยธาคนเดียวกับที่ผมรู้จัก แต่พอได้เห็นแววตาของเขาที่มองมาที่โยแล้วผมถึงรับรู้ได้โดยแทบไม่ต้องเดา เชื่อมโยงที่มาที่ไปสรุปในใจได้อย่างง่ายดาย โยคือคนที่ฮิมรัก คนที่พรากฮิมไปจากเขา



หัวใจผมสั่นสะท้าน เต้นรัวอย่างบ้าคลั่งรุนแรง ไม่คิดว่าโลกจะกลมถึงเพียงนี้ ไม่คิดว่าพระจันทร์จะเล่นตลกให้เรื่องราวของเราอยู่บนเส้นเดียวกัน ผมตกใจที่ทุกอย่างมาเชื่อมโยงกันเช่นนี้จนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ



“พี่ลัล...กับพี่คุณ รู้จักกันเหรอครับ”



“...” ไม่มีคำตอบจากลัล



เมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าสู่สภาวะเงียบ ผมจึงเอ่ยถามเขา “โยสบายดีนะ”



“...ครับ โยตกใจหมดเลยที่เจอพี่คุณ”



“...พี่ก็ตกใจที่เจอเรา”



“ไม่เจอกันมาหลายปีแล้วเนอะ พี่คุณมาเที่ยวเหรอครับ”



“เปล่าหรอก...”



“งั้น...เอ่อ...มาหาใครรึเปล่าครับ” เขาถาม ฝืนยิ้มสบตาคนข้างๆ ตัวผม



“พี่เพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่เมื่อไม่กี่เดือนก่อนน่ะ”



“อ้อ ดีจังเลย”



“ว่างๆ ก็มาหาได้นะ”



“ได้สิครับ พี่อยู่แถวไหนล่ะ”



“หมู่บ้านOOน่ะ”



“ครับ ไว้ผมไปหานะ” ผมยิ้มรับ ก่อนเอ่ยถามคำถามที่ค้างคาในใจนับปี



“โย...ตอนนี้...เป็นยังไงบ้าง โอเคไหม”



“...ก็ดีครับ พี่ล่ะ”



“ดี”



ผมยกยิ้มตอบให้เขา สบตากับดวงตากลมที่อยู่ภายใต้เปลือกตาชั้นเดียวอันเป็นเสน่ห์ของเขา เมื่อได้ยินเสียงได้เห็นภาพคนตรงหน้า ห้วงความทรงจำถาโถมเข้ามาใส่ผมไม่ยั้งเมื่อได้จ้องหน้าเด็กคนนี้ ทุกวินาทีที่ผมเคยอยู่กับเขา ทุกความรู้สึกเข้าโจมตีโดยไม่ทันได้รับมือ ความคิดถึง คะนึง ห่วงหาที่มีให้เขามาตลอดหลายปี ในวันนี้เหมือนมันกำลังล้นพรั่งพรูออกมา ใบหน้าของโยเปลี่ยนไปจากเมื่อครั้งก่อนเล็กน้อย เขาเติบโตขึ้น และผมดีใจที่เขายังแข็งแรงดี



พายุหมุนในหัวผมเกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่วินาที แต่ก็ทำให้บรรยากาศรอบตัวเงียบเป็นป่าช้าในระยะเวลาสั้นๆ



ยังไม่ทันได้สานต่อบทสนทนา จู่ๆ ลัลก็เป็นฝ่ายลุกขึ้นแล้วเดินจากไป



ทิ้งผมให้อยู่กับโยสองคน ผมหันซ้ายหันขวาตัดสินใจ ภายในใจสับสนปั่นป่วน แม้ในตอนนี้อยากจะคุยกับโยมากกว่านี้ เพราะไม่ได้เจอเขามานาน แต่ว่าในใจกลับว้าวุ่นคิดถึงคนที่รีบเดินจากไป จึงได้แต่อ้ำอึ้ง บอกลาโยธาอย่างรวดเร็วแล้วรีบวิ่งไปหาลัลทันก่อนที่เขาจะสตาร์ทรถหนี



จริงๆ เลย



ผมรีบจับตัวเขาไว้ พิงกับรถมินิคูปเปอร์สีดำ รีบเอ่ยถามถึงอาการปึงปังของเขา



“ลัลเป็นอะไร”



“คุณรู้จักกับโยหรือ” เขาถามเข้าประเด็นทันที



“...อืม นานแล้ว”



“เขาเป็นคนที่ทำให้คุณมาอยู่ที่นี่ด้วยใช่ไหม”



“...”

เขาเป็นคนที่พรากหัวใจผมไปด้วยเช่นกัน



ผมคิดในใจ ผมไม่รู้ว่าลัลรู้หรือมองออกได้ยังไง ผมอาจจะแสดงท่าทางชัดเจนเกินไปแต่ถึงอย่างนั้น ดวงตาสีฟ้าที่ผมชื่นชอบเริ่มหม่นแสง ไม่ต่างจากดวงจันทร์ที่หายตัวเข้ากลีบเมฆครึ้ม ริมฝีปากเล็กค่อยๆ เผยออกกล่าวคำ



“ผมเกลียดเขา”



ฉับพลันที่ได้สบตากับเขา ผมเห็นอุทกภัยครั้งใหญ่อยู่ในนั้น










อีกหนึ่งโค้ง...

#ณพระจันทร์

หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.13 am.| 7.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-07-2018 03:34:38
สรุป ต่างคนต่างได้เจอแฟนเก่าของแฟนใหม่ตัวเอง  o8
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.13 am.| 7.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 07-07-2018 07:18:24
ตายละ โยเป็นยาขมของลัลอย่างแท้จริง
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.13 am.| 7.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-07-2018 08:08:56
โลกกลมกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.13 am.| 7.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 07-07-2018 09:50:31
เป็นเราก็คงเกลียดโยเหมือนกัน ถึงโยจะไม่ผิดอะไร เพราะเราอิจฉาที่โยเป็นที่รักของฮิมและคุณ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.13 am.| 7.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Siriya146 ที่ 07-07-2018 16:40:52
รู้ว่าเรื่องนี้ไม่มีใครผิดแต่คือเกลียดโยอะ ทำไมโลกถึงกลมขนาดนี้ สรสารน้องลัลจัง :hao5:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.13 am.| 7.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-07-2018 17:28:11
 :pig4: :pig4: :pig4:

อ่าว   กลายเป็นรักกี่เศร้าเนี่ย? 

อดีตของคนสองคน  ไปเป็นปัจจุบันของกันและกัน ส่วนคนสองคนนั้นก็มารักกัน

แต่ก็ให้แอบคิดว่า...คนอย่างคุณดูจากสภาพก็ดีนิมิได้เลวร้าย  ส่วนลัลก็มิได้เลวร้ายอะไร  แต่ทำไมสองคนนี้ถึงต้องผิดหวัง?
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.13 am.| 7.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: mayyiyi ที่ 07-07-2018 23:22:07
เฮ้ออ สงสารหนูลัล  :ling3:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.13 am.| 8.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 08-07-2018 00:23:19
1.13 am.



กลิ่นของโยทำให้ผมแทบคลั่ง



ระยะห่างที่เขาอนุญาตให้เข้าใกล้มากขึ้นทำให้ผมได้กลิ่นแชมพูหอมๆ ออกมาจากตัวเขา กลิ่นหอมที่ผสมกลิ่นกายของเขาเข้มข้นเย้ายวนจนแทบอดใจไม่ไหว อยากเข้าไปสูดดมให้ชื่นใจ แต่ความเป็นจริงคือผมทำได้แค่นั่งดมอยู่ใกล้ๆ ขืนเข้าไปหามากกว่านี้เจ้าหนูคงวิ่งหนีอีก



เมื่อไหร่โยจะไว้ใจผมกันนะ



ผมนึกสงสัย ระยะเวลาที่ผมอยู่กับเขาก็นานพอที่เขาน่าจะเริ่มไว้ใจผมได้บ้างแล้วรึเปล่า หลายเดือนมานี้ผมแทบไม่แตะตัวเขาเลย นึกว่าตัวเองบวชเป็นพระแล้วด้วยซ้ำ ความต้องการของผมที่มีต่อโยมันมากขึ้นจนแทบทนไม่ไหว แต่โยไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย เขาก็แค่ใช้ชีวิตตามปกติ



มีแต่ผมที่ต้องการเขามากผิดปกติ



ไม่เคยเข้าใจคำว่าชอบมาก่อนจนกระทั่งโยธาเข้ามาสอนมัน ความรู้สึกที่เป็นทั้งความทุกข์และสุขไปพร้อมกัน



เห็นเขาแล้วมีความสุข แต่ไม่ได้สัมผัสก็เลยอึดอัดจนเป็นความทุกข์



ผมไม่โทษเขาหรอก คงต้องโทษตัวเองที่มีความต้องการสูงไปหน่อย



“พี่ฮิม องศาตรงนี้ตัดยังไง”



ผมถอนหายใจ เอนตัวไปมองโมเดลของคนข้างๆ



“ไหน เอาสเกลมาหน่อย”



ผมสอนเขาตัดองศาหลังคาปั้นหยา มันก็ดีอยู่หรอกที่มีความสัมพันธ์เรียบง่าย เรื่อยๆ เช่นนี้ เพียงแต่ผมยังไม่คุ้นชิน ถึงแม้การอยู่กับเขามาร่วมเดือนจะช่วยให้ผมเริ่มเปลี่ยนไป แต่ที่ผ่านมาผมไม่เคยห่างจากเซ็กซ์นานถึงขนาดนี้เลย จริงๆ มันไม่ได้แย่อย่างที่คิด เพราะการที่เขาอยู่ข้างๆ มันก็โอเคแล้ว แต่ลึกๆ ยังไงความต้องการภายในของผมมันก็เรียกร้องอยู่ดี



“โมนี้ส่งวันไหน”



“ศุกร์นี้”



ผมเอ่ยถามเขาเพื่อเบี่ยงประเด็นในหัว ผมช่วยเขาทำงานหลายโปรเจคแล้ว มันช่วยทำให้ผมรวบรวมสมาธิได้ดี ไม่ฟุ้งซ่านเรื่องเขามากเกินไปนัก อย่างตอนนี้ผมก็เริ่มคิดว่าต้องทำงานของตัวเองตอนไหน ยังไง วางแผนชีวิตเพื่อที่จะได้มีเวลามาช่วยเขาทำโปรเจคให้ทัน



“พี่ฮิมไม่ต้องช่วยผมทุกงานก็ได้นะ”



“ทำไม? ไม่ดีหรือไง”



“เปล่า...ผมแค่เกรงใจ พี่ก็ปีห้าแล้ว ทำธีสิสคงเหนื่อยแย่”



“อืม ก็เหนื่อย เลยมาช่วยมึงดีกว่า”



“มาช่วยผมแล้วหายเหน่อยหรือไง”



“อย่างน้อยก็ไม่ต้องคิดอะไร ทำตามที่มึงสั่งง่ายกว่างานรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล พวกบ้านี้ทำเอากูปวดหัวจะชิบหาย”



“...ผมว่าจะบอกพี่หลายครั้งแล้ว”



“อะไร”



“พูดเพราะๆ ไม่ได้หรือ”



“ทำไม กูก็พูดแบบนี้มาตั้งนานแล้ว”



“ก็เปล่า ผมว่าพูดคำหยาบมันดูไม่ดี เถื่อนถ่อยไปไม่เห็นจะเท่เลย”



“ก็ไม่ได้อยากเท่...แค่แบบนี้มันเป็นตัวกูมากกว่า”



“ผมว่าถ้าพี่พูดเพราะๆ คงจะน่าเข้าหากว่านี้นะ”



“...”



“คงจะน่าฟังกว่าเดิมด้วย”



ผมไม่ได้คิดว่าการพูดคำหยาบมันเสียหายตรงไหน และไม่ได้คิดว่ามันเท่ แต่เอาเถอะ ถ้าเขาขอมาผมก็คงต้องยอม



“โอเค...ครับ”



จบคำพูด โยหันมาสบตาผมแล้วฉีกยิ้มกว้าง



ฉับพลัน ผมเสมือนตกอยู่ในห้วงอวกาศ



เป็นครั้งแรกที่เขาหันมาแล้วยิ้มให้ผม เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นรอยยิ้มเจิดจ้าของเขาใกล้ขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่หัวใจแทบจะหยุดเต้น หายใจไม่ออก หัวสมองตื้อคิดอะไรไม่อกไปชั่วขณะ เหมือนโดนเขาฉุดให้ล่องลอยไปในแสงจันทร์ ถ้าการยอมเปลี่ยนแปลงอะไรนิดๆ หน่อยๆ แล้วมันทำให้เขายิ้มให้ผมแบบนี้ ผมว่าคุ้มค่าแล้ว



จากที่คิดว่าตัวเองคงอดทนไปได้ตลอด แต่เขามาทำให้ผมเตลิด สุดท้ายมันก็ถึงขีดจำกัด



“โย...จูบได้ไหม”



“...”

ไม่รอให้เขาตอบ ผมขยับเข้าไปประชิดตัว ค่อยๆ ก้มลงไปเชยชิมริมฝีปากนิ่ม มอบจุมพิตที่อ่อนโยนทว่าลึกซึ้งให้เขา ไม่มีการรุกล้ำใดๆ แค่ผิวปากสัมผัสกันเท่านั้น กดเน้นย้ำแค่ภายนอก จูบแบบเด็กๆ ที่น่าหัวร่อกลับทำให้ผมใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง



โยเป็นฝ่ายผลักผมออกช้าๆ



“ทำงานต่อดีกว่า...”



เขาว่า เปลี่ยนประเด็น ซึ่งผมก็ไม่ได้ตามตอแย แค่นี้ก็พอแล้ว



ผมอมยิ้มให้กับคนข้างกายที่ตอนนี้กำลังหน้าขึ้นสีชมพูอย่างน่ารัก เขาก้มหน้าตัดกระดาษตามที่ร่างไว้ ไม่พูดอะไรออกมา ในห้องเงียบสงัดทว่าไม่อึดอัดในเสียงเงียบ ผมปล่อยให้ทุกๆ อย่างค่อยๆ เป็นไป



“พี่ฮิม...”



“อืม?”



“เลิกจ้องผมสักที”



“เขิน?”



“มันไม่มีสมาธิต่างหาก”



เขาร้องแหวว ผมตอบแทนเขาด้วยการจับจ้องไปที่ริมฝีปากนิ่มที่ได้สัมผัสเมื่อครู่อย่างติดใจ ลอบลิ้นเลียคิดถึงรสชาติที่เพิ่งได้ฉกชิมมา โยธาเกร็งอย่างเห็นได้ชัด เขาดูทำอะไรไม่ถูกเมื่อถูกผมจ้องเช่นนี้ อย่างกับหนูขาวจนมุม สุดท้ายคนยึกยักก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน



“พี่ฮิม...อย่าแกล้ง”



“ก็อย่าน่ารัก”



“ผมไม่ได้น่ารัก”



“ไม่จริงหรอก”



“ผมพูดจริง พี่ฮิม...” เขาเอ่ยเสียงเบา ใช้ดวงตากลมช้อนขึ้นมามองผมอย่างกล้าๆ กลัวๆ เปลือกตาชั้นเดียวไม่ได้ทำให้ตาเขาดูเล็กแต่อย่างใด กลับกัน มันกลมโตเหมือนดวงตาของลูกกวาง ทำให้ใบหน้าหวานดูอ่อนเยาว์ ราวกับเด็กน้อย



“ที่จริง...ผมมีเรื่องอยากบอก”



“หืม”



“แต่ถ้าพี่รู้...พี่อาจจะเกลียดผมก็ได้”



“ยังไม่รู้เลย...และถึงยังไงกูก็ชอบมึงไปแล้ว มึงจะเป็นยังไงกูก็ชอบนั่นแหละ”



ผมตอบเขา คิ้วเริ่มขมวดเมื่อเจ้าหนูมีสีหน้าไม่สบายใจ



“ต่อให้ผมไม่ได้บริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างที่พี่คิดน่ะเหรอ”



“...”



“ต่อให้จริงๆ แล้วผมเป็นไอ้ตัวอย่างที่เขาว่ากันน่ะเหรอ”



“...ต่อให้จะเป็นอะไรก็ช่าง”



“ถ้างั้น...พี่ช่วยฟังเรื่องของผมได้ไหม”



“ได้สิ”



โยธาเริ่มเล่าเรื่องของเขาทีละนิด ผมตั้งใจฟังเรื่องราวของคนตรงหน้ายิ่งกว่าการบรรยายวิชาไหน จดจ่อกับเรื่องราวไปพร้อมๆ กับทำความเข้าใจ ถ้อยคำพรั่งพรูออกมาราวกับอัดอั้นมานาน เปลือกตาชั้นเดียวกระพริบไล่น้ำตาเป็นบางครั้ง และสุดท้ายมันก็ไม่สามารถทำตัวเป็นเขื่อนกั้นน้ำตาที่ดีได้อีก โยเล่าไปสะอื้นไปในบางช่วงจนผมต้องจับมือเขาไว้ ปลอบโยนจนเขากลับมาเล่าต่อจนจบ



เมื่อจบเรื่องราว ผมคว้าเขามาไว้ในอ้อมกอด








จริงๆ มีหลายคนเดาออกเรื่องคุณกับโยนะ

และมีหลายคนไม่ค่อยชอบคู่ฮิมกับโยเท่าไหร่ 55555

แต่จริงๆ หนูโยไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แค่เข้ามาไม่ถูกเวลาเท่านั้นเอง TT^TT

ถ้าเกิดยังมีคนเอ็นดูเด็กคนนี้อยู่จะดีใจมากๆ เลยค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ



#ณพระจันทร์
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.13 am.| 8.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 08-07-2018 00:34:39
เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นระหว่างพี่คุณกับน้องโยล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.13 am.| 8.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 08-07-2018 00:47:15
เหตุการณ์อะไรน้อ น้องถึงได้มาเรียนซะที่นี่ ให้พี่คุณตามมาและคาดหวังว่าจะเจอ ต้องรอฟังพี่คุณเล่าเรื่องสินะคะ หวังว่าเจ้าแมวตาฟ้าจะเข้าใจนะ ขอบคุณมากค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.13 am.| 8.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 08-07-2018 00:53:57
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไม่เข้าใจโย  ที่ทำ...กับคุณ

ไม่เข้าใจฮิม  ที่ทำ...กับลัล

แล้วคนที่ทำคนอื่นเจ็บก็มา...กัน  ช่างสมกันราวผีเน่ากับโลงผุเลย
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.13 am.| 8.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 08-07-2018 03:19:51
:pig4: :pig4: :pig4:

ไม่เข้าใจโย  ที่ทำ...กับคุณ

ไม่เข้าใจฮิม  ที่ทำ...กับลัล

แล้วคนที่ทำคนอื่นเจ็บก็มา...กัน  ช่างสมกันราวผีเน่ากับโลงผุเลย
/มองหาบวกเป็ดอย่างบ้าคลั่ง
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.13 am.| 8.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-07-2018 03:24:48
เล่าอย่างไงฟ่ะ ไม่เห็นได้ยินเลย  :m7: :m22:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.13 am.| 8.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 08-07-2018 03:42:30
เหมือนเดิม...ยังไงก็เกลียดโยและฮิม
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.13 am.| 8.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 08-07-2018 18:04:55
สุดท้ายก็เป็นงูกินหาง :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.13 am.| 8.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 08-07-2018 19:04:30
ทุกคนต่างก็เคยมีอดีต
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.13 am.| 8.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: akashita ที่ 10-07-2018 02:21:30
โยนี่เหมือนเป็นเจ้ากรรมนายเวรน้องลัลอะ แบบ คนก่อนก็ไปชอบโย คนใหม่ก็เคยมีอดีต่อกัน
และพี่คุณก็ยังให้ใจเขาไป แบบนี้ น้องลัลที่ดูจะดีขึ้น มาเจอเรื่องราวแบบนี้น้องจะไม่แย่ลงใช่มั้ยอะ?
สงสารน้องลัลลลล
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.13 am.| 8.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 10-07-2018 08:17:56
อยากรู้เรื่องคุณโยขึ้นมาทันทีค่ะ
เริ่มแบบไหน แล้วจบยังไง เพราะดูแล้ว อาการทั้งคู่ก็ปกติ
คุณยังคิดถึง และโยยังเหมือนรู้สึกไม่ดี มันคืออะไร

ฮิมเอ้ยย อยากจะรักเด็กตาแป๋วก็ต้องคอยนะ
แล้วคนมีแผล ก็ต้องให้เวลาบ้าง จะเว้นมานาน ก็ต้องอดทน
ก็จริงค่ะ ที่โยเข้ามาไม่ถูกจังหวะ แต่ยังไง คนเริ่มก็เป็นฮิม

สงสารลัลนะ ยึดติด ฝังใจ และคิดว่าเพื่อนจะเข้าใจ แต่ไม่เลย
คุณก็เป็นคนมีแผลอีกคน ที่มาตามดูรักเก่า
แล้วจะเรียกว่าหนีความวุ่นวายมา ก็ไม่ทั้งหมด

พันกันให้ยุ่งเลยค่ะ มาถูกคู่กันไปอีก โลกกลมมาก
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.13 am.| 8.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 10-07-2018 13:59:17
คนที่เราให้ความสำคัญ ดันมีคนสำคัญเป็นคนที่เราเกลียด ให้ความรู้สึกเหมือนอากาศมันมีไม่พอให้หายใจเลย
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.00| 12.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 12-07-2018 22:14:52
00.00



Many moons ago:



กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กชายชื่อว่าโยธา เขาอยู่ในครอบครัวที่พรั่งพร้อมด้วยความสุข โตบนกองเงินกองทอง มีคุณพ่อคุณแม่มอบความรักให้เด็กชายตัวน้อยตั้งเต่เล็กจนโต เป็นครอบครัวสุขสันต์ในอุดมคติของใครหลายๆ คน เด็กน้อยเติบโตมาด้วยความรักของคุณพ่อคุณแม่ ชีวิตทุกอย่างราบรื่น ทางเดินปูไปด้วยกลีบกุหลาบ เด็กน้อยมีบ้านหลังใหญ่ มีครอบครัวที่รักและสนับสนุนในตัวเขา อยู่ในสภาพแวดล้อมสังคมที่ดี



โยธาชอบวาดรูป แม้คุณพ่อคุณแม่จะอยากให้ลูกน้อยเรียนวิศวะหรือสถาปัตย์มากกว่า แต่ในเมื่อเขาตั้งใจจะเรียนศิลปกรรม คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้เอ่ยห้าม แต่พร้อมสนับสนุนแทน ค่าอุปกรณ์วาดรูปแสนแพงและค่าจ้างครูสอนศิลปะไม่เป็นปัญหาสำหรับครอบครัวของเขา



ชีวิตของโยธาควรจะเป็นชีวิตที่มีความสุขต่อไปจวบจนบั้นปลายสุดท้าย ถ้าหากว่าเด็กน้อยไม่ได้ชอบผู้ชาย...



สิ่งเดียวที่คุณพ่อคุณแม่รับในความเป็นตัวเขาไม่ได้คือการที่ลูกชายเป็นพวกรักร่วมเพศ คุณพ่อคุณแม่เป็นทั้งเพื่อนและที่ปรึกษาให้กับเด็กน้อยมาโดยตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งโยธาได้ตัดสินใจบอกพวกเขาออกไปว่าตนชอบผู้ชาย



วินาทีนั้นเองที่ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป



จากบ้านที่เคยน่าอยู่เปลี่ยนเป็นสถานที่ที่มีแต่ความอึดอัดใจ จากพ่อแม่ที่เคยรักใคร่กลายเป็นคนแปลกหน้า คุณพ่อไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา ส่วนคุณแม่ก็พูดกับเขาน้อยลง เด็กชายไม่เข้าใจว่าตนทำผิดตรงไหน แต่เพราะพ่อแม่รังเกียจที่เขาเป็นเช่นนี้ เขาจึงคิดว่าตนเองผิด



ถึงอย่างนั้นการคบกับผู้หญิงก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทนทำได้



โยธาเคยลองแล้ว เขาคิดว่าการที่เขาชอบผู้ชายนั้นอาจเปลี่ยนกันได้ แต่ก็ไม่ เด็กสาวหน้าตาน่ารักในชั้นเดียวกันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความชอบของเขาได้ เมื่อสุดท้ายความพยายามของเขาล้มเหลว เขาจึงเลิกล้มที่จะฝืนใจตัวเอง



ในวันที่โยธาทุกข์ใจที่สุด คนที่เข้าใจเขามากยิ่งกว่าพ่อแม่คือคุณ คนที่สอนพิเศษศิลปะให้เขาตัวต่อตัว



คุณกับโยธารู้จักกันมาหลายปี โยธาชอบศิลปะตั้งแต่เด็ก พ่อกับแม่เลยว่าจ้างให้คุณมาช่วยสอนศิลปะให้ตั้งแต่โยอายุเพียงสิบสองปี พี่ชายที่อายุห่างจากเขาแปดปีไม่ได้ทำแค่ช่วยมอบความรู้ให้อย่างเดียว เขาคอยอยู่เคียงข้างเขาในยามที่เจ้าตัวหมดหวัง คอยปลอบใจ คอยให้คำปรึกษา จนกระทั่งความสัมพันธ์จากลูกศิษย์อาจารย์เปลี่ยนมาเป็นพี่ชายน้องชาย สนิทชิดเชื้อมากขึ้น คุณเป็นคนที่คอยให้กำลังใจเด็กน้อยเสมอ พวกเขาร่วมผ่านเรื่องราวด้วยกันมามามากมาย



คุณเองก็เคยมีแฟนสาว เขาคบกับพวกเธอได้ไม่นานก็จบที่การเลิกรา แต่คุณกลับไม่ได้รู้สึกเศร้าเสียใจอย่างที่คิด เหตุเพราะเขามีกำลังใจเล็กๆ จากโยธา เด็กน้อยที่คอยมอบรอยยิ้มให้เขาเสมอ ทำให้เรื่องราวในชีวิตของคุณแม้จะหนักหนาแค่ไหนเขาก็ผ่านมาได้เช่นกัน



จนกระทั่งวันหนึ่ง เด็กน้อยเริ่มมีความรัก



ความรักที่เกิดขึ้นกับเพื่อนสนิทคุณ...ไม่ใช่กับเขา



ทิมเป็นเพื่อนของคุณ ทั้งคู่สนิทสนมกันมายาวนาน ทิมเองก็รู้จักโยธาเช่นกัน ทั้งคู่เคยมาพบเจอกันจากคำแนะนำของคุณ บางครั้งทิมก็มาสอนพิเศษให้โยแทนคุณในวันที่เขาไม่ว่าง แม้จะไม่ได้เจอกันทุกวัน ทว่าพอโยเติบโตขึ้น พวกเขาได้รู้จักกันมากขึ้นก็พลันอยากเปลี่ยนรูปแบบความสัมพันธ์ อายุไม่ใช่เรื่องหลัก ในเมื่อโยธาน่ารักน่าเอ็นดูเช่นนี้ ใครๆ ก็อยากดูแล จนสุดท้าย ทิมก็เป็นฝ่ายขอคบกับโยธา



เด็กน้อยตอบตกลง



พวกเขารักกันหวานชื่นในสายตาของคุณ แม้พ่อแม่โยไม่อาจยอมรับ แต่เจ้าตัวมีความสุขกับความรักครั้งนี้มากเสียจนยอมเพิกเฉยต่อบิดาและมารดา คุณยังคงสอนพิเศษให้โยอยู่ แต่ที่เปลี่ยนแปลงไปคือช่วงนี้จะมีทิมมานั่งคอยรอเวลาเด็กน้อยเลิกเรียน



คุณรู้ว่าตัวเองก็รู้สึกพิเศษกับเด็กคนนี้มานานแล้ว...เพียงแต่ทำอะไรไม่ได้ เขาหลงใหลโยธาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่อาจรู้ตัว เด็กน้อยร่าเริงสดใส รอยยิ้มของโยที่ยิ้มแล้วตาหยีอย่างน่ารักคว้าใจเขาไปได้อย่างง่ายดาย โยน่ารักน่าชังจนอยากดูแลอยู่เคียงข้างตลอดไป คุณไม่แน่ใจว่าโยจะรู้สึกแบบเดียวกันเพราะที่ผ่านมาพวกเขาอยู่ในความสัมพันธ์พี่น้องมาโดยตลอด และสุดท้ายแล้วคำตอบก็ปรากฏ เมื่อโยเลือกเพื่อนของเขา



เมื่อรู้ข่าว หัวใจของเขาพังยับเยิน ได้แต่ยินดีกับความรักของโยธากับเพื่อนซี้ ในส่วนของความรู้สึกของเขานั้น คุณตั้งใจจะซ่อนมันไว้ในด้านหลังของพระจันทร์ตลอดไป และเปิดเผยตนเองเหมือนกับด้านที่แสงจันทร์ส่องสว่าง



หลังจากนั้น เขาจึงได้แต่จำยอมมองภาพของสองคนนี้มอบความรักให้กันอย่างจำใจ ไม่คิดจะเข้าไปทำลายความรักของทั้งคู่ โยธาที่ยิ้มแย้มแจ่มใสยามทิมคอยอยู่เคียงข้างนั้น เขาไม่อยากทำลายมันลง



คุณปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกาลเวลา เขาคอยช่วยเหลือโยธาในเรื่องการเรียน รับปรึกษาปัญหาความรักและเรื่องอื่นๆ ของเด็กน้อย จนกระทั่งโยสอบติดรับตรงคณะศิลปกรรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เจ้าตัวดีใจ คนรอบข้างก็ดีใจ แม้แต่พ่อแม่ของเด็กน้อยที่ไม่ค่อยพูดคุยกันยังมีสีหน้ายินดีอย่างเห็นได้ชัด



โยธามีความสุข ที่ทุกอย่างเหมือนจะเริ่มเป็นไปได้ดี



จนกระทั่งจบการศึกษาระดับมัธยม พวกเขาพากันไปเที่ยวที่ทะเลทางใต้แห่งหนึ่งในประเทศไทย ฉลองให้กับความสำเร็จของโยธา ในกลุ่มมีทั้งเพื่อนของโยเป็นส่วนใหญ่และเพื่อนของคุณอีกสองสามคน คุณเป็นต้นคิดทริปนี้ เพราะเขามีกิจการของที่บ้านเป็นรีสอร์ทติดทะเล จึงชวนให้น้องชายที่รักมาเที่ยวก่อนเปิดเรียนมหาลัย เมื่อพวกเด็กนักเรียนปิดเทอม พวกเขาก็ออกเดินทางทันที



พวกเขาสนุกไปด้วยกัน เสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่ปรากฏในครั้งนี้สดใสและงดงาม ทริปเที่ยวทะเลของพวกเขาเต็มไปด้วยความสนุกสนาน และบรรยากาศรื่นเริงและคึกคักตามประสาผู้ชายทั้งกลุ่ม



จนกระทั่งคืนสุดท้ายของทริป พวกคุณซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาดื่มกันริมทะเล จัดปาร์ตี้เล็กๆ ตรงชายหาด เขาไม่ได้ตั้งใจจะให้พวกเด็กๆ มาดื่มด้วย แต่อย่างไรเสียวัยรุ่นย่อมอยากรู้อยากลอง พวกคุณก็ไม่เห็นว่าเป็นเรื่องเสียหาย เพราะอย่างน้อยก็ไม่ได้ไปดื่มที่ไหนไกลตา สุดท้ายทุกคนก็จบคืนด้วยฤทธิ์สุราและความมึนเมา



โยธาเพิ่งเคยลิ้มลองรสชาติของแอลกอฮอล์เป็นครั้งแรก เจ้าตัวสิ้นสติในไม่กี่แก้วเท่านั้น คุณเป็นคนอาสาพาโยเข้าไปนอนพักในห้อง ปล่อยให้ทิมและคนอื่นๆ สนุกกันต่อให้เต็มที่



พวกเขาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง โดยไม่ทันคาดคิดว่าคนตรงหน้าคือคนที่ตัวเองมอบให้หมดทั้งใจ



ทันทีที่วางโยธาลงบนเตียง เด็กน้อยมีสภาพมึนเมา ใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาหวานเยิ้ม ยั่วยวนโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว คุณพยายามจัดการให้คนเมานอนดีๆ พลันรีบผละตัวออกก่อนที่จะห้ามใจไม่ได้จนทำอะไรไม่ดีลงไป ทว่ากลับโดนคนเด็กกว่าดึงให้ล้มมานอนด้วยกัน อ้อมแขนเล็กๆ ของโยโอบรัดตัวคุณ กลิ่นกายหอมจากเด็กน้อยลอยแตะจมูกจนใจเขาสั่นสะท้าน



“โย ปล่อยก่อน”



“พี่คุณ...อย่าไปนะ...”



“...พี่อยู่แถวนี้แหละ ไม่ไปไหนหรอก”



“อย่าทิ้งโย...”



“ใครจะทิ้งได้ลง”



“พี่คุณ...”



“ครับ”



“โยชอบพี่คุณ”



“...”



“โยน่าจะบอกนานแล้ว...แต่โยรู้ว่าพี่คงไม่ได้ชอบโย”



“...”



สิ้นคำสารภาพ คุณกอดคนตรงหน้าแนบแน่น หัวใจเต้นระรัว ความรู้สึกดีชั่วตีกันในหัวมั่วไปหมด และความอดทนสุดท้ายก็หมดลงเมื่อเขาถูกถ้อยคำอ่อนหวานและฤทธิ์แอลกอฮอล์เข้าครอบงำ



“พี่คุณ...ถึงแม้จะเป็นไปไม่ได้ แต่โยก็อยากบอกให้พี่คุณรู้ไว้ อื้อ”



อนิจจา เงามืดของพระจันทร์ไม่อาจถูกซ่อนไว้อีกต่อไป



มือใหญ่ผลักให้โยธาจมลงไปกับเตียง ประกบจูบแน่นไม่ปล่อย มอบจูบที่ร้อนแรงให้อีกฝ่ายอย่างจาบจ้วง ตะกละตะกรามไม่ต่างจากหมาป่าหิวโซ ปลุกปล้ำคนตัวเล็กกว่าอย่างขาดสติ ด้วยคำสารภาพเพียงคำเดียว



คุณชอบโยมานาน แม้ตอนแรกจะเป็นเพียงแค่ความสัมพันธ์พี่น้องที่สนิทกัน แต่โยน่ารักเกินไป เกินกว่าจะห้ามใจ เขาอิจฉาเพื่อนตัวเองมาโดยตลอดที่ได้อยู่เคียงข้างโยธา ได้ดูแลโยธา และนึกเจ็บใจมาโดยตลอดที่ที่ข้างกายเด็กน้อยไม่ใช่เขา การที่เขาต้องเก็บความรู้สึกไว้ตลอดมาเช่นนี้ทำให้ในที่สุดก็ทนไม่ไหวต่อคำสารภาพ ความรักที่เขาต้องการแสดงให้โยรับรู้ล้นทะลักออกมาจนทำเกินเลย หักหลังความตั้งใจของตัวเองอย่างง่ายดาย



“พี่คุณ หยุดก่อน...”



คำร้องห้ามของโยไม่ได้ทำให้คุณหยุดการกระทำ ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เขาดื่มไปค่อนข้างมากทำให้ควบคุมสติตัวเองไม่ได้หลังจากที่เริ่มกระทำลงไป เขาทำตามใจ ด้วยคิดว่าอีกฝ่ายเองก็ยินยอมพร้อมใจเหมือนกัน



สุดท้ายเขาก็ได้ทำเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตลงไปอย่างมิอาจย้อนเวลาคืนกลับ



ด้านมืดของพระจันทร์ ไม่ควรถูกเปิดเผยออกมา



คุณปลุกปล้ำเด็กน้อยที่ไม่รู้ประสีประสาอะไรเพราะฤทธิ์น้ำเมา แต่จะโทษแอลกอฮอล์อย่างเดียวก็ไม่ได้ ผิดที่เขาเองไม่รู้จักควบคุมตนเอง ทั้งๆ ที่เป็นผู้ใหญ่กว่าแท้ๆ โยธาไม่รู้เรื่องอะไร ครั้นจะร้องห้ามก็ถูกคนตรงหน้าปลุกปั่นเล้าโลมจนเตลิดตามกันไป โยพยายามดันตัวคนตัวโตไปทว่าแรงกายเขาเหลือน้อยเต็มที แต่เดิมโยเองก็ชอบคุณ แต่เด็กน้อยคิดว่าครูสอนพิเศษคนนี้คงไม่มีใจ จึงผันตัวไปรักกับเพื่อนของเขาแทน



ทิมเป็นคนที่ดี คอยดูแลเอาใจใส่โยมาโดยตลอดจนโยเริ่มมีใจให้ในเวลาไม่นาน แม้จะเสียดายความรักที่เคยมีให้กับคุณ แต่เพราะเขาตัดสินใจคบกับทิมแล้ว จึงตั้งใจประคองความรักครั้งนี้อย่างเต็มที่



และไม่คิดว่ามันจะพังลงเอาง่ายๆ เช่นนี้



ค่ำคืนที่คนอื่นๆ เฮฮาปาร์ตี้กันนอกบ้าน ร่างของสองคนพันกันนัวเนียอยู่บนเตียงใหญ่อย่างไม่มีใครคิดจะห้ามใครหรือยับยั้งชั่งใจใจตัวเองอีกต่อไป



ทว่าพระจันทร์ไม่อนุญาตให้คนกระทำผิดมากไปกว่านี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะเตลิดจนถึงจุดที่แก้ไขไม่ได้ ทิมที่นึกสงสัยว่าเพื่อนของเขาหายไปเป็นเวลานาน จึงได้ไปตามตัว และได้เปิดประตูเข้ามา



พวกเขาที่นัวเนียกันอยู่บนเตียงพลันสะดุ้งแยกออกจากกันทันทีที่ประตูถูกเปิดออก



เมื่อทิมเห็นสภาพของเพื่อนรักและคนรักอยู่ร่วมเตียงเดียวกัน อิงแอบแนบชิด เสื้อผ้าหลุดรุ่ย สมองประมวลผลรับรู้เรื่องราวในไม่ช้า จิตใจของทิมแตกสลาย



“ทำอะไร!”



ทั้งคู่สบตาผู้มาเยือนใหม่ที่จ้องมองมา แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ ณ วินาทีนั้น พวกเขารู้รับรู้ทันทีว่าจากความสัมพันธ์พี่น้องที่ทั้งคู่พยายามรักษาไว้อย่างดีได้พังทลายลงแล้ว



“พี่ทิม...โย...”



“ทิม กูผิดเอง น้องไม่เกี่ยว”



“ไม่ โยก็ผิด พี่ทิมฟังโยก่อนนะ”



“พวกมึงทั้งคู่...”



“...”



“ออกไปจากชีวิตกูเดี๋ยวนี้”



สิ้นคำประกาศ โลกของทั้งสามแตกสลาย พังทลายลงไม่ต่างจากแก้วบอบบางกระทบผืนดิน สายตาของทิมทั้งผิดหวังและเสียใจ คนรักและเพื่อนซี้ที่ตนไว้ใจกลับมาแทงข้างหลังกันอย่างไม่น่าให้อภัย แม้ว่าจะเป็นความผิดพลาดจากฤทธิ์แอลกอฮอล์หรืออะไรก็ตาม แต่ใช่ว่ามันควรจะเกิดและใช่ว่าจะมีคนยอมรับมันได้ ทิมทะนุถนอม ดูแลเด็กคนนี้มาอย่างดีตลอด เขาไม่เคยแม้แต่จะทำเกินเลยกับเด็กคนนี้ด้วยซ้ำ แต่ทำไม...



ทำไมคนที่ชื่อว่าเป็นคนรักกลับทำเช่นนี้ต่อหัวใจที่บริสุทธ์ของเขาได้ลง



ทำไมคนที่ชื่อว่าเป็นเพื่อนรักของตนถึงได้ลอบกัดกันลับหลังอย่างโหดเหี้ยม



ทุกอย่างพังทลายไปต่อหน้าต่อตา ทั้งความสัมพันธ์ ความผูกพัน ความรัก และมิตรภาพ



ทิมหันหลังออกไป ทิ้งสองคนที่ทำร้ายเขาไว้ในห้องด้วยกันอย่างไม่คิดจะฟังคำแก้ตัว เมื่อหลักฐานทุกอย่างมันคาตาเสียจนไม่ต้องการคำอธิบาย



“โย...พี่ขอโทษ...”



“...ไม่เป็นไรหรอก...โยก็ผิด”



“ไม่ โยไม่ผิด พี่ผิดเอง”



“โยก็ผิดที่ไม่ได้ห้ามพี่...”



“เพราะพี่ไม่เปิดโอกาส พี่ขอโทษ แต่พี่ชอบเราจริงๆ”



“...ผมก็ชอบพี่”



“พี่ก็ชอบ...”



“แต่ตอนนี้ผมคบกับพี่ทิม ความรักที่ผมมีให้พี่มันไม่ใช่ปัจจุบันแล้ว...”



เด็กน้อยพูดทั้งน้ำตา เวลาไม่อาจย้อนกลับ และที่คนแก่กว่าทำได้มีเพียงคำขอโทษโง่ๆ



“พี่ขอโทษ”



หลังจากเรื่องราวในวันนั้นผ่านไป ทิมหายไปจากชีวิตทั้งคู่ แม้โยจะพยายามติดต่อแค่ไหนก็ไม่ได้ ทิมโกรธและเกลียดโยกับคุณเกินกว่าจะให้อภัย ส่วนโยกับคุณก็ไม่ได้เจอกันอีก พวกเขาไม่ได้คบกันแม้ว่าโยจะเลิกรากับทิมไปแล้วก็ตาม ทั้งสองได้แต่เก็บเรื่องราวครั้งนี้ไว้เป็นความทรงจำที่เลวร้าย และคาดหวังว่าเรื่องราวคงจบลงแบบเงียบๆ



แต่ทิมไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนั้น



เมื่อโยเริ่มเข้าเรียนปีแรก เขาถูกครรหาจากทุกสารทิศทาง



ทิมปลุกปั่นสร้างกระแสเรื่องราวต่างๆ เกินจริง ทั้งเรื่องที่ว่าโยเป็นเด็กขายน้ำ ทั้งกุเรื่องว่าเด็กน้อยยอมอ้าขาให้ใครฟรีๆ สารพัดเรื่องเลวร้ายไม่มีมูลความจริงถูกกุสร้างขึ้นจนเป็นข่าวไปทั่ว เขาไม่มีใครคบหา รวมถึงมีแต่คนแปลกหน้าเข้ามาเพราะต้องการร่างกายเขา เด็กน้อยในตอนนั้นไม่สามารถรับมือกับเรื่องเท็จที่ทำร้ายจิตใจนี้ได้



เมื่อเรื่องเข้าถึงหูคุณพ่อคุณแม่ของเด็กน้อย สายตาของทั้งคู่ที่ส่งมาทำให้โยธาไม่สามารถทนรับไหวอีกต่อไป เจ้าตัวตัดสินใจล้มเลิกการเรียนมหาลัยที่กรุงเทพ เลิกไปมหาลัยแบบถาวรเพราะกลัวผู้คนที่เข้ามาหาเขาตามข่าวลือที่กุขึ้น เขาลาออกจากมหาลัย ตั้งหน้าตั้งตาสอบเข้าใหม่ โชคดีทีโยเรียนสายวิทย์มาก่อนรวมถึงพื้นฐานด้านการวาดรูปของเขาก็ดีอยู่แล้ว เขาเพียงเรียนรู้เกี่ยวกับความถนัดทางด้านสถาปัตย์เพิ่มเติม จนในที่สุดก็สอบติดคณะสถาปัตย์ต่างจังหวัดแห่งหนึ่งอย่างที่พ่อกับแม่เขาต้องการ



เขาหนีมาโดยที่ไม่ได้บอกใคร มีเพียงพ่อแม่เท่านั้นที่รับรู้ออกค่าที่อยู่และยังคอยส่งเงินให้เขาใช้จ่ายเป็นระยะ แม้โยธาจะทำให้พ่อแม่ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่พ่อแม่ของเขาก็ไม่อาจทอดทิ้งลูกชายคนเดียวได้อยู่ดี



โยได้แต่โทษตัวเองซ้ำซาก ผิดที่ตัวเขาทั้งหมด เขาทำให้พ่อแม่ผิดหวัง ทำให้เพื่อนรักอย่างคุณและทิมแตกหักกัน เขาเกลียดตัวเอง แต่ก็หนีตัวเองไม่ได้ จึงเลือกที่จะจากสถานที่ที่มีแต่ความทรงจำเลวร้ายแทน



โยธามีชีวิตที่ดีในต่างจังหวัด แม้คณะที่เรียนจะไม่ตรงกับความต้องการแต่เขาก็พอรับได้ถ้าเทียบกับสภาพแวดล้อมที่จากมาแล้ว เขามีเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ที่ดี นับว่าเริ่มต้นใหม่ที่นี่ได้อย่างมีความสุข



ทว่าพอเขาขึ้นปีสอง ทิมรับรู้ว่าโยหนีมาเรียนที่นี่ คนมีความแค้นไม่รอช้าที่จะปล่อยข่าวลือเสียหายๆ กับเขาอีกครั้ง สารพัดข่าวเน่าเฟะถูกพัดโหมกระหน่ำจนเรื่องดังขึ้นมาเป็นครั้งที่สอง ข้างในใจลึกๆ ของโยธารู้ตัวดีเสมอว่าทำเขาผิดพลาดไปกับแฟนคนแรก แต่เขาไม่คิดเคยคิดเลยว่าทำไมทิมที่เคยแสนดีถึงจองล้างจองผลาญเขาเสียขนาดนี้



เด็กน้อยแม้จะเสียใจแต่ก็ได้แต่บอกว่าเป็นเพราะตัวเองที่ทำให้ทิมเป็นเช่นนี้ เขายอมรับว่าตัวเองทำร้ายจิตใจของคนๆ นี้มากไปจริงๆ



คราวนี้เรื่องราวเสียหายไม่ได้ทำให้เขาไปไม่เป็นเหมือนครั้งแรก เพราะครั้งนี้เขามีเพื่อนใหม่ที่ดี พร้อมที่จะคอยรับฟังปัญหาเรื่องราว ไม่ฟังความข้างเดียวเหมือนที่ที่เขาจากมา คงเพราะพวกเขาสนิทสนมกันมาก่อนเป็นระยะเวลาหนึ่งปีด้วย ทำให้มิตรภาพนี้ไม่อาจทำลายได้ด้วยข่าวลือไร้ที่มาที่ไป



แต่ทิมก็ทำให้เขาหวาดกลัวในความรัก แม้จะมีคนเข้าหาเขามากมายแต่ไม่มีคนไหนที่โยสามารถเปิดใจรับได้เลย



เขาไม่สามารถเชื่อในความรักของใครที่พยายามมอบให้อีกแล้ว



ในระหว่างนี้เอง ฮิมก็เข้ามา...



ฮิมเป็นคนที่เข้ามาหาเพราะข่าวลือบ้าบอนั่นเหมือนคนอื่นๆ ในทีแรก โยคิดว่าฮิมก็เหมือนคนทั่วไปที่เข้าหาเขาเพราะต้องการเพียงร่างกาย แต่จู่ๆ ฮิมก็ทำให้เด็กน้อยประทับใจ ด้วยความช่วยเหลือของฮิมที่ยอมมาอยู่เคียงข้าง ขับไล่คนไม่ประสงค์ดีออกไปทั้งๆ ที่ไม่มีความจำเป็นอะไรเลย



วินาทีนั้นเองที่หัวใจแหลกสลายของเขาพลันเต้นผิดจังหวะขึ้นมา



โดยไม่ทันได้ตกหลุมรัก



ฮิมก็ได้ทำเรื่องที่เขาหวาดกลัวที่สุดในชีวิต



เป็นอีกครั้งที่โยธาใจสลาย เขาร้องไห้อย่างหนัก ปริมาณน้ำตาทั้งคืนไม่อาจเปรียบเป็นคำบรรยายความเจ็บปวดนี้ได้ เขาหวาดกลัวการสัมผัสจากความทรงจำที่เลวร้าย เขากลัวการถูกสัมผัส การกระทำของทิมกับคุณทำให้เขาขยาดกับความรัก ครั้นพอคิดว่าฮิมอาจจะเป็นไปได้ กลับเป็นว่าฮิมได้ทำเรื่องที่เขาหวาดกลัวที่สุดในชีวิต



จากที่จิตใจของโยธาเคยแหลกสลายไปเมื่อสองปีก่อน ในตอนนี้มันป่นปี้ไม่ต่างจากเศษแก้วที่โดนบดจนละเอียด



และก่อนที่เขาจะจมลงไปในห้วงอวกาศมืดมิดไร้ทางออก ก็เป็นฮิมที่เข้ามาฉุดเขาอีกครั้ง



เด็กน้อยหวาดกลัวและหวาดระแวงผู้คนมากขึ้น มีเพียงเพื่อนๆ ที่คอยอยู่เคียงข้างเพียงแต่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ตลอดเวลา ช่วงเวลาของมหาลัยย่อมมีบางเวลาที่พวกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะธุระส่วนตัวของแต่ละคนและงานเดี่ยวที่ทับโถม เป็นฮิมที่ใช้โอกาสนี้เข้ามาแก้ตัวใหม่อีกครั้ง



แม้ว่าความเชื่อใจที่มีต่อฮิมจะไม่เหมือนเดิม แต่เพราะการกระทำของฮิมในคราวนี้แตกต่างออกไป โยธาห่างบ้านมาไกล แม้จะมีเพื่อนๆ อยู่เคียงข้างแต่ก็ไม่ได้คอยอยู่ดูแลตลอดเวลาเหมือนฮิม เด็กน้อยที่เคยติดหรู เคยมีคนเอาใจเสมอมาในตอนนี้เลยอ่อนไหวกับการดูแลของฮิม แม้ว่าฮิมจะเคยทำร้ายกันมาก่อนก็ตาม



แต่ฮิมก็เป็นคนที่ทำร้ายเขาและช่วยเหลือเขาไปพร้อมๆ กัน



เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า พวกเขาสนิทใกล้ชิดกันมากขึ้น ความใกล้ชิดที่ฮิมมอบให้เขาทุกวันทำให้จิตใจเด็กน้อยเริ่มหวั่นไหวอีกครั้ง เขายังไม่คิดจะตกหลุมรัก คราวนี้เขาพยายามรักษาความรู้สึกตัวเองเพื่อไม่ให้ใครมาทำร้ายมันได้อีก โยได้แต่หวังว่าเขาจะเริ่มกลับมาเชื่อใจคนนี้ได้ใหม่อีกครั้ง หลังจากที่ไม่มีความรู้สึกนี้กับใครมานาน



เด็กน้อยหวังว่าพระจันทร์จะไม่ทำให้หัวใจเขาแหลกสลายอีก












เป็นตอนที่ไม่มั่นใจที่สุดเลย

ไม่ต้องชอบน้องโยก็ได้ แต่อยากให้เข้าใจน้องหน่อยนะแง

#ณพระจันทร์


หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.00| 12.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-07-2018 23:04:11
นึกว่าทิมน่าสงสารกว่าลัล ที่ไหนได้ เจ้าคิดเจ้าแค้นน่าดู
ถึงเรื่องที่โยและคุณทำมันจะน่ารังเกียจและรับไม่ได้ก็ตาม
ควรจะจบ ๆ ไป ทางใครทางมันได้แล้ว
ห่วงแต่ใจคุณ จะมีให้ลัลแค่ไหน ถ้ายังมีโยวนเวียนอยู่
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.00| 12.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: ppreaww ที่ 12-07-2018 23:10:10
ไม่เข้าใจโยเรื่องที่ชอบคุณแต่เลือกไปคบเพื่อนสนิทคุณ เหตุผลเพราะคิดว่าคุณไม่ได้ชอบตัวเอง แล้วคบกับทิมนี่ไม่ได้รักทิมหรอ? เราคิดว่าโยใจร้ายกับทิมเกินไปสงสารไม่ลง ยิ่งรู้เรื่องของโยแล้วยิ่งสงสารลัล
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.00| 12.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-07-2018 00:17:11
 :pig4: :pig4: :pig4:

ไม่เข้าใจโยอยู่ดีอ่ะ

ชอบคุณตั้งแต่แรก ก็บอกไปตามความจริง ก็จะไม่มีปัญหาหรอก  นี่อะไร ชอบคนนึงแต่ไปคบกับอีกคนนึง  แล้วพอเมาก็ดันไปสารภาพว่าชอบกับคนนั้น  บ้าหรือเปล่า?
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.00| 12.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-07-2018 02:11:51
เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ที่มันน่าปวดหัวจริง ๆ เอาใจช่วยทั้ง 4 คนให้หลุดพ้นจากเรื่องปวดหัวให้ได้แล้วกัน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.00| 12.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 13-07-2018 03:21:32
ไม่ได้เกลียดโยนะ แต่ตัวนังก็เป็นปัญหาจริงๆอ่ะแหละ หรือเพราะตอนนั้นเด็กหรืออะไรยังไง ตัดสินใจเละเทะไปหมด นิสัยตัดสินใจแปลกๆควรหายนะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.00| 12.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: magic-moon ที่ 13-07-2018 12:39:40
โย เธอเป็นตัวปัญหา โลเล แล้วทำตัวเป็นนางเอกอีก
ไม่ชอบตั้งแต่บังคับให้ฮิมกลับไปนอนหอเดียวกับลัลละ ทำให้ฮิมตัดขาดกับลัลเเบบหักดิบ อย่ามาพูดนะว่าหล่อนไม่พอใจ เพราะหล่อนพอใจมาก แล้วทำเป็นรู้สึกผิดทำเป็นอยากให้ลัลมีความสุข บังคับให้ฮิมไปทำให้ลัลเสียใจอีก เป็นคนที่ได้ทุกอย่างมันก็พูดง่ายไง กรุณาเฟดตัวเองไปให้ไกลจากคุณเลย อย่ามาทำเป็นมีความสัมพันธ์เก่าแก่ เห็นใจเขาบ้าง รู้ว่าตัวเองคบกับฮิมแล้วลัลเสียใจ ยังมีหน้าไปคุยกะลัลแบบนั้นในงานอีก ดวกมาก แค่คำพูดแบบอยากให้มีความสุขมันไม่ได้ทำให้คนมีความสุขได้ รู้ตัวว่าถูกรัก เป็นคนที่ได้ใจฮิมไป ก็หัดอยู่เฉยซะบ้าง ไม่ใช่เจตนาหวังดีการกระทำซ้ำเติม ///อินสุด555 สงสารลัล
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.00| 12.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 13-07-2018 14:42:20
ฮิม-โย
เออ สมกัน ราวผีเน่ากับโรงผุ
ลัลต้องเจ็บอีกแค่ไหนนี่
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.00| 12.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 13-07-2018 17:02:04
โหโคตรจุกเลย
รู้สึกว่าโยโชคดีกว่าลัลยังไงไม่รู้ 55555555
ส่วนพี่คุณก็เหมือนจะดีนะ แต่ก็ไม่รู้ดิ
ทุกคนก็มีส่วนที่พังแต่ใครจะพังมากสุดก็แค่นั้น

น้องลัลลลลล TT
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.00| 12.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 14-07-2018 07:56:20
เอาใจช่วยทุกคนผ่านไปด้วยดี :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.00| 12.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 14-07-2018 10:50:15
 ::เอาใจช่วยให้ทุกคนก้าวผ่านเรื่องราวต่างๆไปได้ด้วยดีนะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.00| 12.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 15-07-2018 11:25:17
ยิ่งอ่านก็ยิ่งสงสารลัล
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.00| 12.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 15-07-2018 17:54:42
จริงๆโยก็ๆม่ได้ผอดหรอกแต่ก็นะ เหมือนเป็นคนที่ทำให้คนอื่นรวมถึงตัวเองเดือดร้อนไปหมด เห็นใจหนูลัลแต่ลัลเองก็ทำตัวเองเหมือนกัน ตอนนี้ไม่อยากเชียร์คู่ฮิมโยเลย55555พี่ขอโทษนะน้องโย
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.00| 12.7.2018 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 15-07-2018 23:54:28
 :monkeysad: เรื่องมันเศร้า ...งืออออ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.14 am.| 16.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 16-07-2018 21:25:22
00.14 am.



จบเรื่องราว ลัลทำเพียงมองผมนิ่ง ดวงตาสีฟ้าไม่สะท้อนภาพอันใด



“กับโย...มันเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้ว ฉันเป็นฝ่ายผิดที่ไม่ห้ามใจจนทำไม่ดีใส่เขา ตั้งแต่วันนั้นเราก็ยังไม่ได้คุยทำความเข้าใจกันดีๆ เลย”



“...”



“โยหลบหน้าทุกคน หนีทุกอย่างมาที่นี่”



“คุณก็เลยมาตามเขา?”



“...”



“สุดท้าย คุณยังก็ยังรักเขาใช่ไหม”



“...”



“ที่ไม่ยอมมีอะไรกับผมสักทีก็เพราะเขาใช่ไหม”



“...”



“ที่ไม่ยอมทำอะไรให้มันชัดเจนสักทีก็เพราะเขาใช่ไหม”



“ลัล...”



“ผมพอแล้วล่ะ”



“ลัล ฟังก่อน”



“ผมจะกลับบ้าน”



เขาว่า ผมถอนหายใจ เปิดประตูให้เขาเข้าไปนั่งในรถก่อนที่ตัวเองจะเข้าไปนั่งฝั่งคนขับ ออกรถไปสู่จุดหมายปลายทาง ระหว่างทางไม่มีใครพูดอะไร ลัลร้องไห้เงียบๆ จนผมใจเสีย ทว่าพอเอื้อมมือจะเช็ดน้ำตาให้เขาก็เอียงหน้าหนี



ไม่ใช่ อย่างที่เขาคิด



แต่ก็ใช่ว่าไม่ใช่เลย



ผมหนีมาอยู่ที่นี่เพราะตัวเองขี้ขลาดเกินกว่าจะเผชิญหน้าต่อเพื่อนฝูง แม้ในตอนนั้นผมมักจะหมกตัวอยู่แต่ในบ้านก็จริง นานๆ ทีออกไปข้างนอกบ้างและนั่นทำให้ผมบังเอิญเจอคนรู้จักเป็นครั้งคราว ผมสู้หน้าพวกเขาไม่ติด ด้วยความอ่อนแอและน่าสมเพช สุดท้ายผมจึงย้ายตัวเองมาอยู่ที่นี่



เหตุผลที่ผมเลือกที่นี่คือโยธา



ผมอาจจะไม่ได้หนีความจริงมาหรอก ผมมาเพื่อเผชิญหน้ากับมัน



คิดว่าอย่างน้อยได้มาหายใจใกล้เขาคงจะดีขึ้น ห่างไกลจากคนรู้จักคงจะดีขึ้น ความผิดของผมแม้ไม่อาจได้รับการให้อภัย แต่ถึงอย่างนั้นการหนีจากสถานที่ที่มีแต่ความทรงจำเก่าๆ ก็ช่วยทำให้ผมไม่เป็นบ้า



และการหลอกตัวเองว่าสักวันอาจจะได้เจอกับโยเข้าโดยบังเอิญก็ทำให้ผมมีชีวิตอย่างมีความหวังมาจนถึงทุกวันนี้



จนกระทั่งได้เจอลัล



ทั้งผมทั้งเขาต่างเป็นคนที่ผิดหวังในรักทั้งคู่ ลัลเป็นประเภทที่พยายามหารักครั้งใหม่เพื่อกลบกลืนลืมความทรงจำเก่า ผิดกับผมที่เก็บความทรงจำเก่าๆ ไว้ และหลีกเลี่ยงการมีรักครั้งใหม่



ความตั้งใจที่จะหนีความรักทุกอย่างมันล้มเหลวเมื่อได้เจอเขา แววตาสีน้ำทะเลจับใจผมได้อย่างจัง แม้ว่าจะพยายามห้ามใจไม่ให้หวั่นไหวกับคนแปลกหน้าที่เป็นแค่เด็กข้างบ้าน แต่ลึกๆ แล้วยังไงผมก็รู้ตัวอยู่ดีว่าห้ามไม่ได้ ลำพังแค่หน้าตาของเขาก็ยั่วยวนมีเสน่ห์มากพออยู่แล้ว ยิ่งเขามานัวเนียชิดใกล้มากขนาดนี้ มีหรือที่ผมจะไม่หวั่นไหว



เพียงแต่ผมเองก็ยึดติดกับโยมากเกินไป ความทรงจำของโยกับผมมีมากเกินไป ผมกับเขารู้จักมานาน แม้สุดท้ายจะเป็นได้แค่พี่น้อง แต่เหตุการณ์ต่างๆ ที่ผมได้ใช้ร่วมกับเขาไม่ใช่แค่ปีสองปี มันฝังรากลึกและยากที่จะลืม



โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับเรื่องคืนนั้น เรื่องที่ผมได้ทำความผิดร้ายแรงที่สุดในชีวิต มันฝังอยู่ในใจตลอดมา



โยชอบผม การที่เขาไม่ได้บอกผมตั้งแต่แรกคงเป็นเพราะผมเองก็ทำตัวไม่ชัดเจน ไม่ผิดที่โยจะเลือกเพื่อนผม และเก็บผมไว้เป็นพี่ชายของเขาต่อไป และนั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะแตะต้องหรือรุกล้ำเขาได้ เขาเป็นคนรักของเพื่อน ทั้งๆ ที่ผมควรจะรู้กฎข้อนี้ แต่ก็ยังฝ่าข้อห้าม ลงมือกระทำตามความต้องการที่อยู่ในส่วนลึกของใจ ผมอยากอธิบายให้ลัลเข้าใจ เสียแต่ตอนนี้สภาพของลัลคงไม่พร้อมที่จะฟัง



ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับการอยู่ในความรู้สึกผิดเลวทรามที่ตัวเองกระทำมาเป็นปี



“ผมจะกลับบ้าน”



ลัลบอกหลังจากที่เรามาถึงหน้าบ้านของผม เขาพูดจบก็ลงจากรถไปโดยที่ไม่ได้สนใจว่าผมจะทำยังไง เจ้าตัวรีบไขกุญแจเข้าบ้านตัวเองไป ทิ้งผมไว้ให้อยู่กับพระจันทร์ตามลำพัง



ผมเก็บรถเขาเข้าบ้านตัวเอง



และเมื่อเดินเข้าไปในบ้าน ผมก็ทิ้งตัวลงบนโซฟารับแขก หัวสมองพยายามเรียบเรียงความทรงจำใหม่ ตอนนี้ผมมีลัลแล้ว โยเป็นแค่อดีต ผมไม่ควรคิดถึงเขาอีก ถึงอย่างนั้นผมก็อยากจะกลับไปหาเพื่อเอ่ยคำขอโทษเหลือเกิน อยากขอโทษที่ทำให้ชีวิตเขาต้องมาเป็นเช่นนี้ ขอโทษที่ทำให้รอยยิ้มสดใสหายไป ขอโทษที่อยู่ดูแลไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว



ท่ามกลางความเงียบ เสียงความคิดผมดังขึ้น ผมยกมือมาปิดหน้าตัวเอง ถอนหายใจ ลุกขึ้นไปอาบน้ำเพื่อให้หัวเย็นลง



คำตอบของผมคือปัจจุบัน มันต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว จมอยู่กับอดีตไปไม่ช่วยให้ชีวิตผมก้าวต่อ



จนกระทั่งหาคำตอบได้แล้ว ผมเดินไปยังบ้านตรงข้าม



หลังจากที่รู้ที่ซ่อนกุญแจของลัล ผมก็ขอเขาปั๊มกุญแจสำรองเผื่อมีเหตุฉุกเฉิน เจ้าตัวไม่ได้ว่าอะไรและมันก็ช่วยผมได้ในตอนนี้ ผมไขกุญแจเข้าไป เดินขึ้นไปยังห้องเขาท่ามกลางความมืด จนมาถึงห้องนอนของเขา



คราวนี้ลัลล็อคห้องไว้...



ผมไม่มีกุญแจห้องเขา แต่จำได้ว่าห้องอีกฝั่งหนึ่งมีห้องน้ำที่เชื่อมกับห้องของเขา ผมหวังว่ามันจะไม่ได้ล็อค



และขอบคุณที่มันเป็นอย่างที่หวัง



ผมเข้ามาหาลัลได้จากห้องน้ำที่เชื่อมกับอีกห้องหนึ่ง ซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นห้องของพ่อเขา ทว่าไม่มีร่องรอยของการใช้งาน แสงไฟจากถนนฉายให้เห็นข้าวของในห้องให้พอสังเกตเห็นได้ว่ามีเพียงเตียงเดี่ยวที่ถูกผ้าคลุมกันฝุ่นและข้าวของระเกะระกะวางชิดขอบผนัง สภาพของห้องไร้การมีอยู่ของมนุษย์จนน่าใจหาย แค่คิดว่าตลอดมาเขาต้องทนอยู่ในบ้านหลังนี้คนเดียวความเหงาและความเศร้าก็เข้าโจมตีผมราวกับผมเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้



เดินผ่านห้องน้ำมาอีกฝั่ง เปิดประตูห้องนอนออกมา ลัลนั่งตัวอยู่บนเตียง หันหน้าออกไปทางหน้าต่าง ปล่อยให้แสงไฟจาถนนเคลือบใบหน้าจางๆ ผมเดินเข้าไปหาเขา นั่งลงข้างๆ เขารับรู้การมาถึงของผม และคงรับรู้ตั้งแต่วินาทีแรกที่ผมเปิดประตูรั้วบ้านเขาแล้ว



ระหว่างเรายังคงมีเพียงความเงียบ ผมพยายามหาถ้อยคำที่ดีที่สุดเพื่ออธิบายความรู้สึกตัวเองให้เขา



“คุณรู้อะไรไหม...” แต่จู่ๆ ก็เป็นเขาที่พูดขึ้นมาก่อน



“หืม”



“...ต่อให้ผมอยากหนีมากแค่ไหนผมก็หนีไปไกลได้มากสุดเท่านี้”



“...”



“แค่ตรงข้ามบ้านของคุณ”



“ดีแล้วนี่...ฉันจะได้มาหาได้ง่ายๆ”



“ไม่ดี...ไม่ดีเลย”



เขาว่า น้ำเสียงสั่นสะอื้นจนผมต้องเอื้อมมือไปปัดเส้นผมสีดำที่ปกปิดใบหน้าละมุน แก้มใสของเขาเปรอะด้วยน้ำตา เขาหันหน้าหนีเมื่อถูกผมสัมผัส



“ผมนึกอยากให้โลกแบน...จะได้วิ่งไปที่ปลายขอบโลกแล้วกระโจนออกไป พาตัวเองให้หลุดพ้นจากโลกใบนี้”



“ลัล...อย่าร้อง”



“ผมเกลียดเขา...”



“...เรื่องมันผ่านไปนานแล้ว”



“ผมเกลียดที่เขาเอาฮิมไป”



“ลัล”



“แล้วตอนนี้...เขาก็เหมือนจะเอาคุณไปด้วย”



“ฉันไม่ได้ไปไหน”



“ไม่จริงหรอก...ตอนที่คุณมองเขา...มันเหมือนกับ...คุณพร้อมจะไปกับเขาทุกเวลา”



“...”



“ขอแค่เขาเอ่ยปาก”



“...ตอนนี้ฉันมีแค่นาย”



“...เขาดีกว่าผมตรงไหน”



“มันคนละเรื่องกัน ลัล...อย่าร้อง”



“ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณถึงไม่ลืมเขา”



“เรื่องโยมันเป็นเรื่องที่ฉันลืมไม่ได้ มันฝังอยู่ในใจ ลึกเกินกว่าจะเอาออกได้ง่ายๆ ไม่ต่างจากเรื่องของนายกับฮิมหรอก”



“มันไม่เหมือนกัน!” เขาร้องเสียงดัง หันหน้ามาทางผม จ้องหน้าผมด้วยใบหน้าที่เลอะน้ำตา “ผมรักฮิม แต่เขาไม่ ส่วนคุณรักโย...และโยก็เคยรักคุณใช่ไหม”



“มันไม่ใช่อย่างนั้น” ผมว่า และก่อนที่เขาจะเถียง ผมก็รีบคว้าเขาเข้ามาในอ้อมกอด “มันก็จริงที่ฉันเคยรักเขา แต่เราไม่เคยรักกัน”



“แต่คุณก็รักเขา”



“ฉัน ‘เคย’” ผมย้ำ



“...”



“ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว...ฉันพยายามตัดใจจากเขาเพื่อมาหานาย รู้ตัวได้แล้วเด็กดื้อ” ผมอธิบาย “ทุกวันที่นายพยายามเข้าหาฉัน เรื่องราวของโยก็เริ่มหายไปทีละนิด อาจจะมีบ้างที่หวั่นไหวเรื่องโย แต่ตอนนี้ฉันรู้ใจตัวเองแล้ว”



“ผม...ฮึก...กลัวว่าเขาจะพาคุณไปอีก” เขาสะอื้นสั่น จนผมต้องกระชับอ้อมกอดแน่น



“ฉันไม่ไปไหนแล้ว...ขอโทษ ที่มาหาช้า”



“ผมคิดว่าคุณจะไม่มาแล้วด้วยซ้ำ”



“มาสิ...”



“ตลอดมาก็ไม่มีใครเคยมาหาผมอยู่แล้ว”



“ลัล...ต่อจากนี้ ห้ามพูดคำนั้นอีก”



“...ผมไม่รู้จะเชื่อใครได้ยังไงอีก”



“มันอาจจะยาก แต่ฉันอยากให้นายเชื่อฉัน”



“คุณจะไม่ไปหาเขาใช่ไหม”



“ไม่ไป ฉันจะไม่ทิ้งนายให้อยู่คนเดียว หรือต่อให้นายหนีไปไหน ฉันก็จะไปหานาย”



ลัลหยุดร้องไห้แล้ว เขาทำเพียงซบหน้าลงกับไหล่ผม พูดเสียงอู้อี้



“ผมเกือบให้น้องผมจองตั๋วไปสเปนให้แล้วด้วยซ้ำ”



“งั้นดีแล้วที่ฉันมาทัน”



“ถ้าผมไปไกลขนาดนั้น...คุณจะยังตามไปไหม”



“ไปสิ”



จบคำ ลัลซุกหน้าลงกับไหล่ผมมากกว่าเดิม ไถใบหน้าหวานคลอเคลียกับตัวผมราวกับลูกแมวขาดความรัก จนอดไม่ได้ที่จะลูบหัวเขา



“แน่ใจนะ” เขาถามย้ำ



“อืม ไม่ทิ้งไปไหนหรอก”



“เลือกแล้วนะ”



“เลือกแล้วสิ ไม่งั้นไม่มาหาหรอก”



“ถ้างั้น...อยู่กับผมนะ”



“อืม ฉันจะอยู่กับนาย” ผมพูดพร้อมกับลูบหัวคนออดอ้อน ลัลในตอนนี้ดูเปราะบางราวกับจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ ผมพยายามกอดปลอบเขาและเอ่ยคำมั่นสัญญา เพื่อไม่ให้เขาต้องตกลงไปในห้วงอวกาศจนแหลกสลายเหมือนที่ผ่านมา รวมถึงครานี้ ผมจะเป็นกาวเชื่อมหัวใจของเขาให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง



มันไม่ใช่แค่ระยะเวลาสั้นๆ ที่ผมตัดใจจากโยได้ อันที่จริงมันกินเวลาเป็นปี เรื่องของโยติดอยู่ในใจเป็นตราบาปตลอดมา โยมีอิทธิพลต่อผมมากให้ผมย้ายมาอยู่ที่นี่ เพื่อต้องการจะได้เจอเขาอีกสักวัน เพื่อจะได้ดูแลเขาแทนเวลาที่หายไป แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่ความหวังลมๆ แล้งๆ ของผม เมื่อโยมีคนรักคนใหม่ที่พร้อมอยู่ดูแลแล้ว



ระหว่างที่ผมยังผูกติดอยู่กับโย ลัลก็เข้ามา ผมไม่ต้องการจะสานความสัมพันธ์ใดๆ อีก ถึงแม้ว่าจะเป็นความสัมพันธ์เพียงข้ามคืนก็ตาม ภาพที่ผมเคยทำร้ายโยธามักจะลอบผ่านเข้ามาในหัวเสมอ ทว่าลัลแตกต่าง เขาไม่เพียงทำให้ภาพโยหายไป เขายังค่อยๆ เปลี่ยนความรู้สึกผมที่มีต่อโยธาให้น้อยลงทุกที และรู้สึกกับเขามากขึ้นทุกที



เพราะฉะนั้นแล้วมันจึงไม่ใช่แค่ระยะเวลาสั้นๆ ตลอดช่วงเวลาหลายเดือนที่ผมอยู่กับลัลคือช่วงที่ผมกำลังตัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อดี ผมรู้ว่าผมจมอยู่กับโยตลอดไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นใหม่กับใครดี



สุดท้ายลัลก็ทำให้ผมเชื่อในตัวเขา ลัลเป็นคนนั้น คนที่พาผมออกจากบ่วงอดีต



ลัลไถหน้าซุกกับหัวไหล่ผม



“เช็ดน้ำมูกหน่อย”



และคำพูดของเขาทำให้ผมหมดอารมณ์อยากทำตัวเป็นกาวเชื่อมประสาน อยากจะยกมือมาดีดเหม่งหมอนี่จริงๆ ให้ตาย



ผมพาเขาไปล้างหน้าล้างตาก่อนพากันเข้านอนที่ห้องของเขา ตอนนี้ดึกแล้ว แม้ว่าบ้านของผมจะอยู่แค่ฝั่งตรงข้าม แต่พวกเราก็ขี้เกียจเกินกว่าจะเดินออกจากห้องนี้



เตียงของลัลแคบกว่าเตียงของผม ทำให้เรานอนก่ายกัน เบียดเสียดมอบไออุ่นให้แก่กัน รวมถึงพูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกันมากขึ้น



ยิ่งฟังเรื่องของลัล ผมยิ่งรับรู้ถึงความรู้สึกโดดเดี่ยวของเขา ลัลไม่เปิดใจให้ใครเลยนอกจากฮิม เขาแทบไม่รับฟังคำแนะนำของใครเลยด้วยซ้ำ จนกระทั่งฮิมได้ทิ้งเขาไป ถึงได้ยอมฟังคนอื่นบ้าง... แต่จะว่าทิ้งก็ไม่เชิงเพราะพวกเขาไม่ได้คบกันแบบนั้นตั้งแต่แรก ถึงอย่างไรผมก็อยากจะกระทืบคนที่ชื่อฮิมให้จมดินสักครั้งเหมือนกัน โทษฐานที่ทำให้ลัลของผมเสียใจ



แต่ทำไงได้ ถ้าเขารักลัล ผมคงไม่ได้กอดกับซินเดอเรลล่าเช่นนี้



และผมคิดว่าถ้าฮิมรู้เรื่องโย เขาก็คงอยากกระทืบผมให้ตายไม่ต่างกัน



ผมเล่าเรื่องราวของตัวเองให้เขาฟังใหม่ ทั้งเรื่องครอบครัวที่ไม่เคยพูด เรื่องเพื่อนที่ตอนนี้แทบไม่มีใครอยากคบกับคนที่หักหลังเพื่อนตัวเอง เรื่องศิลปะที่แต่เดิมผมเคยรักมันมาก แต่ตอนนี้กลับไร้แรงบันดาลใจที่จะสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ มีเพียงรับวาดงานทั่วไป ให้เสร็จไปวันๆ เท่านั้น



รวมถึงการที่มีลัลเข้ามาทำให้อะไรหลายๆ อย่างในชีวิตผมเปลี่ยนไป จากที่เคยกวนตีนเขาเล่นๆ ไม่คิดว่าจะได้มานอนกอดเขาเช่นนี้ จากที่คิดว่าคงสานสัมพันธ์ใหม่กับใครยากแต่ลัลเข้ามาทำลายมัน จากที่คิดว่าคงหมดไฟเรื่องศิลปะแล้ว แต่รูปแรกที่ผมวาดโดยที่ไม่ใช่งานก็เป็นตัวเขา ผมพันเส้นผมยาวของเขาในมือเล่นอย่างเพลินมือระหว่างการพูดคุย



“ผมน่าจะคุยกับคุณให้เร็วกว่านี้”



“นั่นสินะ เราน่าจะเปิดใจกันให้เร็วกว่านี้ นายจะได้ไม่ต้องร้องไห้”



“เพราะคุณเลย”



“ยอมรับผิดแล้ว ขอโทษครับ”



“ผมก็...ขอโทษนะ” เขาเงียบไปสักพัก “ที่เอาแต่ใจ”



“ไม่หรอก”



“...ผมชอบเวลาคุณทำตามใจผม”



“ปล่อยวางบ้างก็ได้ ให้ฉันได้เอาใจนายบ้าง”



ผมรู้ข้อนี้ดี เขาไม่มีคนมาตามใจให้นานแล้ว พอผมยอมเข้าหน่อยเจ้าตัวดีจะชอบก็ไม่แปลก ที่ผ่านมาเขาจมอยู่กับตัวเองมานานเกินไปแล้ว จนผมอยากให้เขานึกงี่เง่าใส่บ้างจะได้ไม่ต้องเก็บทุกอย่างไว้คนเดียวอีก



เรื่องราวต่างๆ ของผู้คนมีมากมายหลายเรื่อง ผ่านมาผ่านไปให้พระจันทร์ได้รับรู้ ทุกคนมักจะแสดงออกเฉพาะด้านที่ตนต้องการ ไม่ต่างกับพระจันทร์ที่มักจะส่องสว่างแค่ด้านเดียวมายังโลกเสมอ





แต่จงอย่าลืมว่าพระจันทร์ไม่ได้แค่ด้านเดียว











เรื่องราวของทุกคนเป็นเพียงด้านหนึ่งของพระจันทร์

#ณพระจันทร์

หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.14 am.| 16.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-07-2018 23:32:07
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทุกคนมี "ปม" ไม่สิ  เหมือนว่าฮิมจะไม่ค่อยมีปมเท่าไร
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.14 am.| 16.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-07-2018 23:39:42
หันหน้าคุยกัน มันดีมากเลย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.14 am.| 16.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 17-07-2018 08:16:11
เข้าใจกันก็ดีแล้ว  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.14 am.| 16.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: mayyiyi ที่ 17-07-2018 10:27:34
ไม่ร้องนะคะน้องลัล โอ๋ๆเข้าใจกันแล้วเน้อะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.14 am.| 16.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 17-07-2018 11:44:48
ดีที่มันออกมาแบบนี้
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.14 am.| 17.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 17-07-2018 20:17:04
1.14 am.



โยเพียงแค่ปล่อยให้น้ำตาไหลเป็นเพื่อนยามเล่าเรื่อง



พอจบเรื่องเล่า เขาก็แค่เช็ดน้ำตา นั่งตาแดงนิ่งๆ ส่วนผมก็ทำเพียงกอดเขาไว้หลวมๆ ลูบหัวเขาเบาๆ



“ผม...ทำผิดต่อพี่ทิม”



ไม่หรอก หมอนั่นต่างหากที่ผิด ผมอย่างจะบอกแบบนี้แต่เขาก็พูดขึ้นมาก่อน



“ผมทำให้พวกเขาแตกหักกัน...ทั้งๆ ที่ผมควรจะห้ามทั้งตัวเองและพี่คุณได้แท้ๆ”



“ไม่จริงหรอก นายเมา หมอก็ด้วย แต่มันต่างหากที่ไม่ควรทำแบบนี้”



“แต่ถ้าไม่มีผมสักคน...พวกเขาก็คงไม่ต้องมาทะเลาะกัน”



“ถ้ามันไม่ทำอย่างนั้น พวกนั้นก็ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว เลิกโทษตัวเองได้แล้วโยธา”



“ผม...”



“เรื่องมันผ่านไปแล้ว ปล่อยมันไปเถอะนะ” ผมว่า ขยับตัวกอดเขาแน่นขึ้น จากระยะครึ่งช่วงแขนเปลี่ยนเป็นหนึ่งฝ่ามือ ครึ่งฝ่ามือ จนสุดท้ายก็ไม่เหลือระยะที่อากาศสามารถผ่านไปได้



“ผม..มันแย่”



“บอกว่าอย่าโทษตัวเองไง”



“ผมมันเป็นไอ้ตัวอย่างที่เขาว่าจริงๆ นั่นแหละ”



“โยธา” ผมกดเสียงเข้ม บอกเป็นเชิงว่าให้เขาหยุดพูดดูถูกตัวเอง



“ตอนที่ถูกจูบ...ผมไม่ได้ผลักพี่คุณออกไป”



“...นายก็แค่ไม่รู้ตัวว่าถูกทำอะไร”



“ผมรู้ตัว พี่เลิกแก้ตัวให้ผมได้แล้ว ผมมันโคตรแย่”



“งั้นโยก็เลิกโทษตัวเองได้แล้ว”



“พี่จะให้ผมทำไง...ทุกอย่างมันแย่ลงเพราะผมหมด...”



“...” ผมถอนหายใจ



“ถ้าผมบอกรักพี่คุณแต่แรกก็คงไม่เป็นอย่างนี้ หรือถ้าผมไม่บอกรักเขาไป ก็คงไม่เป็นแบบนี้ จะยังไงมันก็เกิดขึ้นเพราะผม เพราะผมพวกพี่คุณเลยแตกหักกัน เพราะผมชีวิตพี่คุณเลยพังไม่เป็นท่า ถ้าผมไม่ชอบผู้ชายตั้งแต่แรกพ่อกับแม่ก็คงไม่ผิดหวัง เพราะผมเป็นอย่างนี้...”



“โยธา!”



ผมร้องเสียงดังให้เขาหยุดโวยวาย โยธาใช้ตาแดงที่เคลือบไปด้วยหยาดน้ำตาที่พร้อมทะลักออกมาทุกเมื่อจ้องมองผม ผมไม่ปล่อยให้เขาพูดต่อ



“แล้วโยล่ะ...” ผมถาม “แล้วความรู้สึกของโยล่ะ”



“ผม...”



“โยห่วงทุกคน ห่วงทุกอย่าง โทษตัวเองซ้ำๆ ซากๆ แต่ไม่เคยมองความรู้สึกตัวเองเลย”



“ผมแค่...” หยดน้ำตาของเขาไหลออกมา “ผมก็พยายามปกป้องตัวเองแล้วไง...”



“แต่ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกตัวเองเลยใช่ไหม”



“...”



“พอได้แล้ว เลิกโทษตัวเองได้แล้ว อยู่ตรงนี้...คิดถึงแค่ความรู้สึกตัวเองก็พอ”



ผมกอดเขาอีกครั้ง แนบแน่นและเนิ่นนาน ปล่อยให้เขื่อนน้ำตาของคนตัวเล็กไหลทะลักออกมาจนกว่าหยาดฝนในดวงตาจะหยุดตก



เขาหลับไปพร้อมๆ กับคราบน้ำตา



ผมพาเขาไปนอนในห้อง พร้อมกับล้มตัวนอนข้างๆ อย่างถือวิสาสะ ครุ่นคิดถึงเรื่องเล่าของเด็กน้อย...พลันคิดว่าตอนนั้นผมไม่ควรทำเรื่องบ้าๆ ลงไปเลย คิดเอาเองว่ามันคงไม่เป็นไร ใครๆ ก็ทำกัน แต่ทุกคนย่อมมีด้านมืดที่ไม่ต้องการให้ใครเห็น และผมเป็นคนเปิดแผลเหวอะหวะของโยออก



ผมควรจะดูแลเขาให้ดีกว่านี้



ไม่แปลกเลยที่โยจะเกลียดและกลัวผมขนาดนี้



อยู่กับเด็กคนนี้แล้วผมได้เรียนรู้อะไรมากมายจริงๆ เรียนรู้ในความรู้สึกที่ไม่ศรัทธา พยายามเข้าใจความรู้สึกที่ไม่เคยรู้จัก ได้ลองทำอะไรให้คนอื่นบ้าง ได้มองเห็นอะไรมากมายนอกจากแค่ตัวเอง โลกของผมกว้างขึ้นเมื่ออยู่กับเขา รวมถึงสงบขึ้นด้วย ผมไม่ได้พบปะผู้คนมากมายเหมือนแต่ก่อนเพราะเอาแต่อยู่กับเขา แต่เป็นเพราะเขา ผมถึงอยากอยู่ใกล้ๆ



ผมอยากเป็นคนดูแลเด็กคนนี้ให้มากเท่าที่เขามอบสิ่งเหล่านี้ให้ผม



โยตื่นมากลางดึก เพราะเผลอหลับไปช่วงหัวค่ำ ผมบอกให้เขาพักผ่อนต่อแต่เจ้าตัวรั้นจะทำงาน ผมเลยขัดใจเขาไม่ได้ เข้าใจว่างานของพวกเราเยอะระดับนรกแค่ไหน เพราะตอนนี้ผมเองก็ปั่นธีสิสในแล็ปท็อปเช่นกัน โยพาตัวเองไปล้างหน้าล้างตาก่อนออกไปนั่งทำงานต่อที่ห้องรับแขก ผมตามเขาไปนั่งข้างๆ



และเพิ่งนึกได้ว่าโยไม่ได้ว่าอะไรที่ตื่นมาแล้วเจอผมนอนอยู่ข้างๆ บนเตียงเดียวกับเขา



แบบนี้พอจะมีหวังมากขึ้นทุกที



“โย มีอะไรให้ช่วยไหม” พอคิดได้อย่างนั้นก็อยากทำคะแนนเพิ่มขึ้นอีกหน่อย



“ไม่มีแล้ว พี่ทำงานของตัวเองไปเถอะ”



“อืม ถ้าอยากให้ช่วยตรงไหนก็บอก”



“พี่ฮิม”



“หืม...”



“ช่วยคุยกับผมได้ไหม”



“คุยอะไรล่ะ”



“อะไรก็ได้ ให้ผมไม่หลับ”



“ง่วงก็ไปนอน บอกมาให้ทำไร”



“ได้ที่ไหน งานผม ผมก็ต้องทำเองสิ”



“กูช่วยนิดๆ หน่อยๆ ไม่เห็นเป็นไร”



“มันจะไม่นิดหน่อยน่ะสิ แล้วก็นะพี่...พูดไม่เพราะ”



“โทษที” มันยังไม่ชิน...



“พี่ฮิม...เรื่องที่ผมเล่าให้ฟังอ่ะ...”



“อืม ทำไม”



“ผมไม่เคยเล่าให้ใครเลย..กับเพื่อนก็ไม่เคย พ่อแม่ก็ไม่เคย”



“...อ่า จะไม่ให้กูบอกใครใช่ไหม”



“ไม่ใช่อย่างนั้น...ผมแค่อยากบอกว่า พอผมเล่าให้พี่ฟังแล้วมันโล่งมากๆ เลย”



“อืม ดีแล้วล่ะ” ผมลูบหัวเขา โยธาไม่ขัดขืนแต่อย่างใด



“บางปัญหาเราก็จัดการคนเดียวไม่ได้หรอก” ผมกล่าว



“ผมก็ว่างั้น...แต่บางปัญหา เราก็ไม่อยากให้ใครรู้นักหรอก”เขาขัด



“ถ้างั้น...ให้พี่เป็นคนรับฟังปัญหาของโยได้ไหม”



“...”



“ให้พี่เป็นคนดูแลเราต่อจากนี้ได้ไหม”



“...พี่ยังไม่รู้จักผมดีสักหน่อย เรา...พบกันแค่ไม่กี่เดือนเอง”



“ถ้างั้นก็ให้โอกาสพี่อยู่ทำความรู้จักกับโยนานๆ สิ”



“...”



“ความสัมพันธ์บางอย่าง บางทีไม่จำเป็นต้องผูกพันเนิ่นนานถึงจะเริ่มรักกันได้ก็ได้นะ...” ผมกล่าว คิดถึงความสัมพันธ์ของโยกับคุณ ผูกพันกันมายาวนาน แต่ก็ไม่ได้จบลงที่รัก ผมกับลัลก็เช่นกันที่แม้จะรู้จักกันยาวนานแต่ผมไม่คิดจะเป็นมากกว่านั้น ผิดกับคนตัวเล็กนี้ ที่เพียงพานพบไม่นานแต่อยากมอบทั้งชีวิตให้



“คบกันนะ”



ผมเอ่ยถามเขา น้ำเสียงอ่อนลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน



โยธานิ่งเงียบไปเนิ่นนาน ฟันเล็กๆ งับปากล่างตัวเองอย่างครุ่นคิด ความเงียบรัวเป็นกลอง จนผมพลอยลุ้นไปด้วย ไม่เคยเครียดหรือลุ้นกับอะไรมากขนาดนี้มาก่อน



กระทั่งเขายอมพยักหน้าหนึ่งที








คลี่คลายแล้ววว

 คิดว่าคงใกล้จบแล้วนะคะ

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามค่ะ

#ณพระจันทร์
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.14 am.| 17.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: mayyiyi ที่ 17-07-2018 20:27:02
เคลียร์กันทง2คู่แล้ว จากนนี้ขอให้แฮปปี้ๆนะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.14 am.| 17.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-07-2018 21:53:22
 :pig4: :pig4: :pig4:

ถึงเรื่องราวจะเคลียร์  แต่บอกได้เลยว่า  พออ่านบทล่าสุดนี้

ไม่ชอบ "ฮิม" อย่างแรง

ฮิม ไม่เคยสำนึกว่าตัวเองทำผิดกับลัล  ในขณะที่คนอื่น ๆ ยังรู้สึก ตระหนัก สำนึก ว่าเขาเหล่านั้น ทำไม่ถูกในอดีต การกระทำของพวกเขาส่งผลกระทบต่อคนอื่น 

แต่  สำหรับฮิม ไม่เห็นจะรู้สึก ตระหนัก สำนึก ว่าตัวฮิมนั้น ทำให้ลัลต้องเจ็บปวดกับความเห็นแก่ตัวของเขา ที่ทั้งรู้ว่าลัลคิดอย่างไรกับตัวเขา แต่ก็ยังทำให้ลัลถลำลึกไปเรื่อย ๆ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.14 am.| 17.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 17-07-2018 22:01:07
ฮิมนี่มันตาอยู่ชัด ๆ ทั้งคุณทั้งเพื่อนแตกหักกันเพื่อ????
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.14 am.| 17.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-07-2018 02:50:05
ชัดเจนกับเรื่องที่ผ่านมาทั้ง 2 คู่ แต่ดู ๆ แล้ว อยากรู้มุมมองของทิมมากกว่า ทำไมถึงว่าร้ายให้โย แล้วคุณล่ะโดนอะไรบ้าง  :m16:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.14 am.| 17.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 18-07-2018 13:57:29
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.14 am.| 17.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 19-07-2018 00:26:28
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.15 am.| 21.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 21-07-2018 22:16:06
00.15 am.



“ลัล คุยกับใครน่ะ”



“น้องสาว” เขาตอบ หลังจากที่ผมเห็นเข้าพิมพ์แชทยิกๆ ไม่ยอมเงยหน้าออกมาจากจอโทรศัพท์อย่างแปลกตา ปกติลัลแทบไม่แตะต้องเจ้าเครื่องสี่เหลี่ยมนี่เลยด้วยซ้ำ



“เมื่อวานบอกลิลไปว่าอยากไปอยู่ด้วยที่สเปน”



“...”



“วันนี้ลิลเลยทักมาชวนคุยรัวๆ เลย”



“อย่าไปเชียวนะ” ผมร้องค้าน ส่วนเขายิ้มรับ ไม่พูดอะไรต่อ ผมเลยลงมานั่งข้างๆ เขาที่โซฟา



“อยู่ที่นี่แหละดีแล้ว”



“ดียังไง ผมอยู่มาสิบๆ ปีแล้ว น่าเบื่อ อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง”



“โถ่ อยู่กับฉันไง ไม่ดีตรงไหน”



“...” เขาเงียบ “อยู่กับคุณ ยังไงก็ดี...”



“เห็นไหมล่ะ”



“งั้นไปสเปนกับผมนะ”



“ลัล...” ผมร้อง ไม่มีเงินมากขนาดนั้นเพื่อจะไปต่างประเทศ แต่ก็ไม่อยากขัดใจเขา เอาเป็นว่าถ้าเขาคิดจะไปจริงๆ ผมคงต้องไปหาเงินมาให้ได้ก่อน ลำพังแค่จ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟก็แทบไม่เหลือใช้แล้ว เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน



ผมปล่อยให้เจ้าตัวดีนั่งเล่นอยู่ตรงนั้นสักพัก ส่วนตัวเองขึ้นไปทำงานข้างบน ไม่ช้าลัลก็ตามมานั่งข้างๆ กดมือถือเงียบๆ ผมปาดสีบนเฟรมภาพวาดสลับกับมองลัล จนสุดท้ายก็วางตาไว้ที่ต้นคอสวยขอเขา เส้นผมยาวสีดำของลัลถูกรวบให้ไปอยู่ฝั่งขวาของลาดไหล่ เผยให้เห็นต้นคอขาวและไหปลาร้าอีกฝั่งชัดเขน ผมจ้องข้อกระดูกที่นูนขึ้นมา



พลางเอื้อมไปแตะอย่างไม่อาจยั้งใจ



“หืม”



ลัลส่งเสียงด้วยความสงสัย



“ถอดเสื้อหน่อย”

“หืม” ลัลส่งเสียงอีกครั้ง ก่อนลุกยืนขึ้น เอียงหัว “อยาก?”





“ไม่ใช่!” ผมปฏิเสธทันควัน พยายามหาเหตุผลมาบอกต่อ แต่คนเด็กกว่าทำเพียงหัวเราะขำๆ ใช้สองมือเกี่ยวปลายเสื้อ ดึงให้หลุดออกไปทางหัว



เผยเนื้อตัวเปลือยเปล่า ผิวขาวเนียนน่าสัมผัส



“นั่งลง”



ลัลทำตามอย่างว่าง่าย คุกเข่านั่งลงข้างๆ ผม เมื่อได้ระยะพอดี ผมเอื้อมมือใช้นิ้วที่เปื้อนสีไปปาดบนพื้นผิวบนหลังของเขา ละเลงสีที่ติดมากับนิ้วมือไปมา



“คุณใช้ผมเป็นที่เช็ดมือหรือ”



“บ้าเหรอ” ผมเอ่ย บีบหลอดสีใส่นิ้วมือ โป้ง ชี้ กลาง ก่อนป้ายมันลงบนตัวลัล ใช้ปลายนิ้วแทนพู่กับ ขยับตวัดไปมา สีแต่ละสีถูกปาดเป็นเส้นสายตามแต่ละนิ้วสั่งการ สิบนิ้วปาด บ้างใช้นิ้วชี้ไล่ บ้างใช้นิ้วโป้งเกลี่ย เนื้อสีเลอะไปโดนเส้นผมเขาทว่าลัลไม่แม้แต่จะสนใจ เขานั่งนิ่ง ทำตัวเป็นเฟรมภาพชั้นยอดให้ผม



จนกระทั่งพอใจ ผมถอยออกมาดูผลงาน



ปีกนกสีฟ้าถูดวาดลงบนแผ่นหลังขาวเนียน ปีกเล็กๆ กำลังหุบอยู่เหมือนลูกนกไม่กล้าบิน ท้องฟ้าอยู่ใกล้แค่เอื้อม ทว่าลูกนกขลาดเขลาเกินกว่าจะบินไปถึง มันหุบปีกสีฟ้าอยู่เช่นนั้นคล้ายนกพิการ ปีกงามไม่ถูกกางออก ลูกนกดินเล่นอยู่ผืนดิน และปรากฏตัวให้ผมเป็นเจ้าของ



“เสร็จแล้วหรือ” เจ้าลูกนกถาม



ผมร้องตอบในลำคอ ยกยิ้มกับผลงานที่ตัวเองสร้างพร้อมๆ กับขบขันในจินตนาการของตัวเอง ลัลลุกขึ้นยืน พยายามหันหน้ามาดูแผ่นหลังตัวเองที่ผมสรรค์สร้าง



“ถ่ายรูปไว้ดีกว่า” ผมบอก เดินออกจากห้องไปหากล้องถ่ายรูปที่เคยมีเมื่อนานมาแล้ว



พอกลับมา ลัลยังคงยืนท่าเดิม ร่างโปร่งกำลังเอี้ยวตัวมองแผ่นหลังของตัวเองอย่างต้องการจะรู้ว่ามีภาพอะไรที่ถูกละเลงอยู่เต็มหลังของเขา ผมบอกให้ลัลยืนตัวตรง จะเก็บภาพให้ดู



เขาทำตาม ผมเลยบอกให้เขาขยับท่าตามต้องการอีกเล็กน้อย ลูกนกเชื่อฟังอย่างไม่มีข้อกังขา



จนพอใจ ผมบอกให้ลัลมาดูภาพที่ตัวเองเป็นนายแบบ



“ปีก?”



“อืม” เขาเดาถูกว่าที่ผมวาดคืออะไร ปีกนกสีฟ้าที่หุบอยู่ไม่ได้ถูกวาดด้วยความสมจริงตามอนาโตมี่นก ไม่ได้สมจริงตามแสงและเงา เป็นเพียงรอยเปรอะเลอะเทอะที่มีรูปร่างคล้ายปีกนกเท่านั้น ผมดีใจที่ลัลมองมันออก



“เห็นแล้วอยากบินเลย” เขาว่า ผมนึกภาพเขามีปีกจริงๆ ขึ้นมา ปีกเล็กๆ คงพยายามสยายออก กระพือพัดลมอย่างช้าๆ ทว่าไม่ได้พาให้ตัวเขาลอยออกจากผืนดิน



“ฉันก็อยากให้นายบินได้เหมือนกัน” ผมบอกเขา



“จะดีหรือ เดี๋ยวผมบินหนีคุณไปนะ”



“ไม่เป็นไรหรอก นายจะไม่ไปไหน” ผมบอก อมยิ้มให้กับลูกนกตัวน้อย



“ป่ะ ไปล้างตัวได้แล้ว”



“ไม่เอา” เขาเถียง “ขออยู่ต่ออีกสักพัก”



 “สีมันเป็นสารเคมี มันจะไม่ดีเอา”



“แล้วคุณก็เอามาวาดตัวผมน่ะนะ?”



“แป๊บเดียวน่า”



“งั้นผมก็ขออยู่อย่างนี้อีกแป๊บเดียวเหมือนกัน”



ผมถอนหายใจให้นกดื้อ “คุณต้องอาบน้ำให้ผมด้วยล่ะ”



และอดทนไม่ให้จับเขาอาบน้ำเสียตั้งแต่ตอนนี้



ผมนั่งวาดรูปต่อ ส่วนลัลก็นั่งเปลือยท่อนบนอยู่ข้างๆ เขานั่งบนพื้น และหลังๆ เริ่มจะเปลี่ยนเป็นนอน ผมลอบมองทุกกิริยาของลูกนกสีฟ้า จากที่นั่งชันเข่าเริ่มเปลี่ยนเป็นนอนคว่ำหน้าเล่นมือถือ จากนั้นก็นอนตะแคง แล้วก็นอนหงาย สักพักก็ลุกมานั่งพิงกำแพงห้อง



ให้ตาย...ผมมองเขาได้ทั้งวันเลยมั้งเนี่ย



ลัลหันมาจ้องตาผม ราวกับรู้ตัวว่าถูกมอง ดวงตาสีฟ้าสวยสะกดให้ผมนิ่งอยู่กับที่ ไม่สามารถมองไปที่อื่นได้อีก เขาเผยอปากกล่าว



“อาบน้ำกันไหม”



ผมยกยิ้ม



เสียดายที่ห้องน้ำไม่มีอ่างอาบน้ำ บ้านทาวน์โฮมถูกออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอยสะดวกและใช้งานได้ง่าย อ่างอาบน้ำที่ใหญ่เทอะทะเกินความจำเป็นจึงไม่ถูกออกแบบให้มี



ผมยืนอยู่ใตฝักบัวกับลูกนกตัวน้อย ลัลยืนหันหลังให้ผมถูสบู่บนตัวเขา ขัดเอาคราบสีที่เป็นปีกนกออกให้ช้าๆ แผ่นสีหลุดลอกออกมาทีละน้อย เผยให้เห็นแผ่นหลังเนียนอีกครั้ง ลูกนกตัวน้อยบัดนี้กลายเป็นมนุษย์เดินดินธรรมดาเสียแล้ว เมื่อคราบสีถูกขัดออกจนหมด ผมก้มจูบที่แผ่นหลังของเขา



ลัลสะดุ้งเล็กน้อยแต่ไม่ได้ว่าอะไร เขาปล่อยให้ผมโอบเอวเขาไว้หลวมๆ ยืนซ้อนอยู่ข้างหลังเขาอย่างนั้น มีเพียงสายน้ำและอากาศที่แทรกกลางระหว่างเรา



สุดท้าย ลัลก็ถอนหายใจ หมุนตัวเข้ามาประจันหน้ากับผม ใช้สองแขนโอบรอบคอผมให้เข้ามาใกล้



และมอบจุมพิตภายใต้สายน้ำที่อาบไปทั่วร่าง



ผมจับท้ายทอยเขาให้เชิดขึ้น ก่อนสอดลิ้นเข้าไปอย่างจาบจ้วง มอบจุมพิตที่ร้อนแรงให้นกน้อยไร้ปีก มืออีกข้างลูบเอวสอบ ไล่ลงไปจนถึงสะโพก และก้อนเนื้อนุ่มสองข้าง อุณหภูมิของสองร่างเริ่มร้อนรุ่ม สายน้ำไม่ช่วยดับความร้อนภายในร่างกายได้



ในห้องน้ำไม่มีถุงยาง เราเลยไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าช่วยปลดปล่อยซึ่งกันและกัน  ผมพาลัลไปนอนที่เตียง ก่อนจะออกไปซื้ออะไรมาให้เขากิน



หลังทานข้าวเย็นเสร็จ ลัลก็เอ่ยออกมา



“ผมว่าจะหางานทำ”



“หืม?”



“งาน...ที่เป็นงานจริงๆ” เขาอธิบาย



“จะทำอะไรล่ะ”



“มีรุ่นพี่มาชวนให้เข้าบริษัทอยู่”



“ไหนว่าไม่ชอบงานด้านนี้ไม่ใช่หรือ”



“อือ ไม่ชอบ แต่จะให้อยู่เกาะจ๊ากตลอดก็ไม่ได้”



“จ๊ากมันก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”



“ผมรู้ ที่จ๊ากให้ผมทำอย่างนี้ก็เพราะรู้สึกผิดที่เขาเข้าข้างฮิมตอนจีบโย...” ลัลเว้นวรรค หายใจเข้า ถอนหายใจออก “จ๊ากก็ไม่ได้ผิดหรอก เขารู้ว่าฮิมไม่ชอบผม แต่คิดว่าฮิมกั๊กไว้ เลยอยากให้ฮิมมีคนอื่น ผมจะได้หลุดพ้นจากเขา”



“แต่พอผมขาดฮิมผมก็เป๋ไม่มีชิ้นดี”



“อืม” ผมครางรับ พอจะนึกออกที่จ๊ากคอยเป็นห่วงลัลขนาดนี้ สภาพตอนเขาเป๋น่าเป็นห่วงน้อยที่ไหน



“แล้ว...จะเริ่มวันไหนล่ะ”



“เดือนหน้าเลยมั้ง” เขาตอบ เดือนหน้าที่กำลังจะมาถึงนั้นเหลืออีกเพียงหนึ่งอาทิตย์ ผมพยักหน้ารับ



“แล้วร้านจ๊ากล่ะ”



“ขาดผมคนเดียวไม่เป็นไรหรอก”



“ไม่บอกมันหน่อยหรือ”



“ว่าจะบอกคืนนี้แหละ”



“อืม” ผมรับคำ นั่นแปลว่าคืนนี้ผมต้องไปร้านจ๊ากอีก จากครั้งที่แล้วที่ผมเจอโย ก็ผ่านมาสองสามวันได้แล้วที่ไม่ได้ไปเยือนร้านเหล้าประจำ



และอย่างที่คิด ในคืนนี้เราไปร้านเหล้าไอ้จ๊ากกัน เจ้าของร้านถามไถ่เรื่องราวเล็กน้อย แต่ไม่ได้จาบจ้วง เรานั่งลงตรงที่ประจำเหมือนเคยและไอ้จ๊ากก็เอาเบียร์มาเสิร์ฟให้เหมือนเคย วันนี้ไม่เห็นจิ้งจอก วัวเลยมา ผมปล่อยให้ลัลเล่นกับแมวลายวัวไป ส่วนตัวเองขอนั่งดูห่างๆ



ใบหน้าละมุนยามมีรอยยิ้มประดับนี่ช่างงดงามจริงๆ ผมอยากให้ลัลยิ้มบ่อยๆ



หมดเบียร์ตรงหน้า ผมยกบุหรี่ขึ้นมาสูบ มองไปทั่วร้านแทน วันนี้คนไม่มากไม่น้อย เมื่อหันกลับมา ลัลก็ปล่อยเจ้าวัวลงไปแล้ว แมวลายวัวเดินส่ายหางอาดๆ ไปทางไอ้จ๊าก คงรู้ว่าจะหาอาหารได้จากไหน



“ไปล้างมือด้วย” ผมสั่ง ไม่อยากให้เขาเปื้อนขนแมว เพราะผมจะกอดเขาไม่ได้ เขาพยักหน้ารับ เดินไปห้องน้ำ ผมเห็นมีคนเดินตามลัลไปทันทีที่เขาลุกขึ้น ไม่ไว้ใจผู้ชายคนนั้นเท่าไหร่เลยลุกตามไปห้องน้ำด้วยอีกคน



และอย่างที่คาด ลัลกำลังถูกจีบ



ซินเดอเรลล่าคนงามไม่หือไม่อือกับคนเข้ามาพูดคุยด้วย เขาแค่ทำธุระของตัวเองไป ล้างมือเสร็จก็เช็ดมือ แล้วก็หันมาเจอผม ริมฝีปากสวยยกยิ้มมุมปาก ผมรับรู้ได้ทันทีว่าเจ้าเด็กนี่คิดอะไรพิเรนท์อยู่แน่ๆ



เขาเดินเข้ามา จับผมไปจูบต่อหน้าคนไม่รู้จัก



ผมไม่ได้หลับตา จึงเห็นอีกฝ่ายทำหน้าตาตกใจเล็กน้อยก่อนออกจากห้องน้ำไป ผมรู้ว่าลัลรับรู้ แต่เขาก็ไม่หยุดจู่โจมผม ในห้องน้ำตอนนี้ไม่มีใครทำให้เราครอบครองพื้นที่นี้ได้อย่างเป็นส่วนตัว ลัลจูบผมอย่างตะกละตะกราม ดูดดึงริมฝีปากซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเกิดเสียงดังจ๊วบจ๊าบ ผมคิดว่ามันคงบวมเจ่อ ทั้งปากของผมและของเขา



ลัลเลื่อนลงมาประทับรอยจูบที่ต้นคอผม ขบเม้มจนเกิดรอยจูบสีกุหลาบเต็มคอ คล้ายกับเป็นสร้อยที่สลักลงไปแสดงความมีเจ้าของ พอเจ้าตัวพอใจ เขาก็ปล่อยผม



ที่โต๊ะเรามีไอ้จ๊ากนั่งรอ พอมันเห็นพวกผมเดินมาก็ร้องแซวเสียงดัง หาว่าลัลหวงผมอะไรขนาดนี้



“จ๊ากเอาด้วยไหมล่ะ” แต่พอลัลถามบ้าง เจ้าของร้านเหล้าก็ได้แต่ถลึงตาใส่เงียบๆ พร้อมกับกระถดไปหนึ่งช่วงตัว



พวกเขาเริ่มคุยกันถึงเรื่องงานที่ลัลจะไปทำ ไอ้จ๊ากยิ่งยินดีใหญ่เพราะที่บริษัทนั้นให้เงินเดือนดี เป็นบริษัทของรุ่นพี่ที่คณะที่จบไป แต่ติดตรงที่อาจจะใช้งานหนักหน่อย ถึงอย่างนั้นก็ไม่ค่อยน่าเป็นห่วง จ๊ากบอกว่าลัลเก่งมาก เป็นตัวท็อปของรุ่น มาเหลวแหลกแค่ช่วงธีสิส ...ช่วงที่ฮิมไปมีโย



แน่นอนว่าประโยคนั้นไม่มีใครพูดถึง แต่ทุกคนรับรู้ได้



คุยไปคุยมาลัลก็ขอไปห้องน้ำอีกครั้ง จึงเหลือแค่ผมกับจ๊ากนั่งด้วยกัน



“ผมรู้สึกผิดหน่อยๆ น่ะพี่ ที่ทำกับลัลอย่างนี้”



“อย่างไหน?”



“ก็ทั้งเรื่องที่เชียร์โย...อันนั้นถือว่าจบไป แต่เรื่องที่ให้เขามานั่งประดับร้านอย่างนี้ มันเหมือนว่าผมให้เขามานั่งประดับเป็นของแปลก”



“ลัลไม่คิดอย่างนั้นหรอก มึงเองก็ไม่ได้คิดไม่ดีไม่ใช่เหรอ”



“ก็ใช่ ผมอยากช่วยมันนะ แต่ไม่รู้ว่าทำแบบนี้มันดีหรือเปล่า พอลัลบอกจะหางานทำผมดีใจมากๆ เลย อ่ะ ไม่ได้แปลว่าผมไม่อยากให้เขาไปจากร้านผมนะ ผมแค่ดีใจที่ลัลยอมก้าวไปข้างหน้าบ้างแล้ว”



“อืม...เข้าใจ”



“มันมานั่งอย่างนี้ลูกค้าเข้าร้านผมเยอะขึ้นก็จริง แต่นานๆ ไปก็คงเบื่อกันไปเอง ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับผมหรอกถ้าจะจ้างเขาไว้นานๆ อ่ะ พี่เข้าใจป่ะ แต่มันแบบ...ผมไม่ชอบเห็นมันมานั่งเศร้าๆ แบบนี้เลย”



“อืม”



“แต่ถ้าไม่คอยดูมันไว้ก็กลัวมันไปทำอะไรอีก เดาใจยากจะตาย เกิดจู่ๆ ไปขายกัญชาผมคงเป็นบ้า”



ผมหัวเราะขำ



“ขอบคุณพี่นะ ที่ช่วยดูแลลัล”



“กูเต็มใจ”



“ดูแลเพื่อนผมนานๆ นะพี่ อย่าให้มันเสียใจ”



“กูรู้หน่า” ผมบอกไอ้จ๊าก และลัลก็เสร็จธุระพอดี เขาเดินมาที่โต๊ะ ใบหน้าบึ้งตึง ผมสงสัยว่าทำไมเขามีท่าทางไม่พอใจขนาดนั้นจนกระทั่งเห็นคนที่เดินตามเขามาด้วย เป็นคนเดียวกับที่ผมเจอในห้องน้ำ



อ่า...ตื๊อไม่เลิกเลยแฮะ



ลัลมีสีหน้างุดเงี้ยว เดินปึงปังมาที่ผม และนั่งคร่อมลงที่ตักผมแบบไม่รอให้ผมอนุญาตใดๆ



แต่ผมก็โอบเอวเขาไว้ อมยิ้มขำ



“ผมอยากกลับแล้ว” เขาบอก เอื้อมแขนมากอดคอผมไว้



“ได้สิ”



ผมบอกเขา ลุกขึ้นพาเจ้าหญิงออกจากร้าน หลบหนีคนขี้ตื๊อ ปล่อยให้จ๊ากรับมือไป








บางทีเราก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากมายนอกจากชีวิตประจำวันสงบสุข

น้องลัลใกล้จะจบแล้วนะคะ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ

:)

#ณพระจันทร์
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.15 am.| 21.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: aha_aha ที่ 21-07-2018 22:40:01
เหมือนว่าคู่นี้จะสลัดอดีตทิ้งได้ละ ดีๆ ดีใจที่จะได้เริ่มใหม่สักที แต่อีกคู่... ขอตบฮิมส่งท้ายสักที่เถอะนะ เกลียด!!
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.15 am.| 21.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 21-07-2018 23:10:26
 :pig4: :pig4: :pig4:

คุณลัล  พัฒนาไปอีกขั้น  หลังจากจมอยู่ในวังวนอดีตที่ยาวนานนับปี
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.15 am.| 21.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: mkianit ที่ 22-07-2018 02:42:17
น้องลัลไม่ต้องไล่ตามอีกแล้วนะรุ้กกกกก มีคุณคอยอยู่ข้างๆไม่ไปไหนแล้ววเอ็นดูวววว ส่วนฮิมกับโยไม่ขอเอ่ยถึง ขอโทษที่สองมาตราฐานค่ะ55555555555555
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.15 am.| 21.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-07-2018 03:48:52
เปิดใจแล้วมาคุยกัน มันก็ดีอย่างนี้แหล่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.15 am.| 21.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 22-07-2018 07:46:34
น้องซิลมีความสุขจริงๆสักทีเนอะ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.15 am.| 21.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-07-2018 20:52:52
ทุกอย่างตอนนี้เป็นอดีตไปหมด
เริ่มต้นด้วยความสับสน และจบลงที่ไม่เข้าใจ
เจ็บปวดกันหลายคนเลย ทิมนี่ยังไง แค้นหรือแค่อยากแกล้ง

ทุกคนอยากให้ลัลมีความสุขจริงๆ สักที
ลัลก็ทำได้ดีแล้วนะ ค่อยๆ ไปเนาะ ไม่ต้องรีบ

คุณติดลัลแล้ว แถมไปรับปากน้องอีก
ไม่มีทิ้งแน่นอน ตอนนี้ก็เคลียร์ใจบ้างแล้ว
เป็นไปได้ ก็ไปเคลียร์กันด้วยนะ จะได้ไม่ค้างคา

สงสารโยนะ น้องพลาดไป แถมยังต้องถูกกดดันจากที่บ้านด้วย
อย่างน้อยน้องก็ยังไม่ถูกลืมถาวร และเจอเพื่อนใหม่ที่ดี
ฮิมก็พยายามเข้าล่ะ จะรักทั้งที ทำให้ดีนะ น้องเจ็บมาเยอะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.15 am.| 22.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 22-07-2018 21:36:25
1.15 am.



ผมคบกับโยมาได้ปีกว่าแล้ว



มันมีทั้งเรื่องที่ทำให้หัวใจพองโตและเรื่องที่น่าหงุดหงิดไปพร้อมๆ กัน ผมต้องปรับตัวเข้าหาโยอีกมาก โยเองก็เช่นกัน นิสัยของเราตอนแรกไม่ได้เข้ากันได้ง่ายๆ เพียงแต่เราตัดสินใจกันแล้วว่าจะมีกันและกัน มันก็เลยต้องปรับเข้าหากัน ผมโอเคกับการที่ได้นอนร่วมเตียงเดียวกับเขา แต่ไม่โอเคที่จนตอนนี้โยก็ไม่ยอมให้ผมทำมากไปกว่าจูบ



มันน่าอึดอัดมากให้ตาย



แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน



ผมเคยลองเนียนเล้าโลมเขาดูแล้ว ผลที่ได้คือหนูจี๊ดเตลิดไปเลย จนถอดใจ ยอมมานอนจับมือใสๆ ก็ได้ เหมือนโยธาเองก็รู้ว่าผมต้องอดทน เขาเลยขอโทษผมบ่อยครั้ง



เราก็ทะเลาะเรื่องนี้บ่อยกว่าเรื่องอื่นๆ และเป็นผมเสมอที่ยอมให้เขา



ผมบอกโยว่าไม่เป็นไร ผมทนได้ เขาก็ได้แต่ขอโทษซ้ำๆ เขาไม่พร้อม ผมก็ไม่อยากเร่งเร้า แต่ปีนึงแล้วก็ยังไม่พร้อมเนี่ย ผมพยายามเข้าใจ ผมแยกเซ็กซ์ออกจากจากรักไม่ได้ แต่โยไม่ได้เป็นเหมือนผม เขาแยกสองสิ่งนี้ขาดออกจากกันโดยสิ้นเชิง ผมก็เลยได้แต่แทะเล็มเล็กๆ น้อยๆ แค่นั้น เรียกได้ว่ายอมจนไม่รู้จะยอมยังไงแล้ว



แต่นอกเหนือจากนี้ผมมีความสุขดี



การมีโยธาอยู่ข้างๆ ทำให้ผมไม่ต้องการอะไรมากมาย แค่อยู่ช่วยเหลือเขา เป็นกำลังให้เขา เป็นที่พึ่งให้เขา เป็นที่ปรึกษาให้เขา เป็นอะไรก็ได้ที่เขาให้ความสำคัญ ผมพอใจมากแล้ว



โยยังคงกังวลเรื่องลัล



อันที่จริงโยปลื้มลัลเลยล่ะ เขาบอกว่าลัลเป็นไอดอล เพราะรู้มาว่าลัลไม่ได้อยากเรียนคณะนี้เท่าไหร่ แต่กลับทำทุกวิชาออกมาได้ดี โยเลยอยากทำได้บ้าง



ลัลเก่งจริงๆ นั่นแหละ เขาเลือกเรียนตามผม แต่ดันทำได้ดีกว่าผมเสียอีก



ผมพยายามเข้าไปพูดคุยกับลัลในบางครั้ง แต่มันก็แย่ลงทุกครั้ง ลัลดื้อเงียบและเป็นคนที่เก็บทุกอย่างไว้ที่ตัวเอง การที่เขาไม่หือไม่อือกับผมไม่ได้แปลว่าเขาโอเค ลับหลังจากนั้นลัลแทบเป็นบ้าเสมอ ผมไม่เคยเห็นน้ำตาของลัลเลยสักครั้ง เขาไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าผม แต่ใช่จะหมายความว่าเขาร้องไห้ไม่เป็น จนจ๊ากขอให้ผมอยู่ห่างเขา ผมถึงได้ยอมถอย



ผมนึกเสียใจอยู่เช่นกันทำที่เพื่อนที่วิเศษที่สุดหลุดมือไป



แต่เพราะยิ่งเข้าใกล้ยิ่งแย่ จึงเลือกถอยออกมา โยเองก็ไม่สบายใจที่ผมไม่ได้สนิทกับลัลเช่นเดิม ผมก็ได้แต่บอกโยว่ามันไม่ใช่ความผิดของเขา การที่ผมเลือกมาอยู่กับเขา เป็นเพราะผมเลือกเอง เจ้าหนูนี่ก็พยายามอยากให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี ผมเข้าใจ แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้น



ผมนั่งลงข้างๆ โยธา ที่ตอนนี้กำลังดูหนังอย่างบ้าคลั่ง



เราปิดเทอมแล้ว และผมก็เรียนจบแล้ว ได้งานอยู่ที่ออฟฟิศหนึ่งไม่ไกลจากตัวเมือง ส่วนโยธาก็มีเวลาพักเต็มที่ ก่อนเริ่มเทอมต่อไป



ผมติดต่อลัลไม่ได้เลยหลังเรียนจบ และหลังจากที่เขาสาดเหล้า...ใส่โยของผม



อันที่จริงมันก็น่าหงุดหงิดที่เขาทำตัวแบบนี้ แต่คิดดูอีกทีมันเป็นเพราะผมที่ทำให้เขากลายเป็นคนรั้นเช่นนี้ จะโทษใครก็ไม่ได้ โยเองก็ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไร เราจบวันนั้นกันด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย



ผมคิดว่าผมคงเข้าหน้าลัลไม่ติดแล้ว และโยก็คงรู้ว่าแผนการที่จะทำให้ผมกับเขากลับเป็นเพื่อนกันก็คงจบลงแล้ว



สำหรับลัล ผมให้เขาเป็นคนพิเศษตลอดไป จะรอจนกว่าจะมีวันที่เขายอมให้อภัยผมได้ และกลับมาพูดคุยกันได้ดังเดิมอีกครั้ง



ผมรู้ว่าลัลไปอยู่กับจ๊าก ก็ได้แต่ฝากให้จ๊ากช่วยดูแล ไอ้จ๊ากเป็นอีกคนที่ห่วงลัลอย่างสุดใจ ผมเชื่อว่ามันจะทำให้ลัลไม่แย่ลงได้ และได้แต่ติดตามความเป็นไปของลัลอย่างห่างๆ



เวลาผ่านไป จนกระทั่งผมรู้ว่าลัลมีคนคอยดูแล



จ๊ากเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวของคนๆ นั้น บอกว่าลัลดูเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น ไม่เหม่อและดูจมดิ่งเหมือนเมื่อก่อน ในใจผมยินดีกับเรื่องที่เกิด ตั้งใจจะแอบไปดูเพราะอยากรู้ว่าคนๆ นั้นไว้ใจได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ได้อยากเข้าหาหรือรบกวน แต่พอเห็นหน้าเขา ผมกลับห้ามสองขาของตัวเองไม่ได้



และมันก็แย่เอามากๆ เมื่อลัลทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เมื่อเห็นหน้าผม



จ๊ากเป็นคนพาตัวผมให้ออกห่างลัล ผมเห็นเพื่อนของผมซบลงกับบ่าคนข้างๆ และเขาเป็นคนพาเขาออกไป แม้จะเสียดายที่ไม่ใช่ตัวเองที่ได้อยู่ข้างเขาเหมือนเมื่อก่อน เสียใจที่ทำให้เขาเสียใจอีกแล้ว แต่อีกใจก็ดีใจที่ลัลคอยมีใครสักคนคอยอยู่ดูแลเขาจริงๆ



วันนั้นผมกลับมาพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ นั่งนิ่งอยู่บนโซฟา จนหนูจี๊ดสังเกตในพฤติกรรมประหลาดของผม เขาลงมานั่งข้างๆ ถามไถ่เรื่องราว



ผมไม่อยากปิดบังเขา จึงบอกความจริงไปว่าไปเจอลัลมา พร้อมกับเล่าทุกอย่างให้ฟัง



โยไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แต่เขาขยับมือมาจับมือผมไว้ สัมผัสอุ่นๆ ในมือของเขาทำให้ผมคลายกังวลอย่างง่ายดาย



“ผมว่าคงมีสักวันที่พวกเราสามารถคุยกันได้อย่างสนิทใจเนอะ”



เขาเอ่ย



ผมเอี้ยวตัวไปหอมแก้มนิ่มๆ นั่น และหวังว่าจะมีสักวันที่เป็นเช่นนั้นได้จริงๆ



ทว่าโยธาทำให้ผมแปลกใจ เมื่อเขาไม่หดคอหนีเหมือนทุกที แต่กลับหันหน้าเข้ามาประกบปากกับผม เป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มก่อนทำให้ผมแปลกใจ โยทำเพียงเอาริมฝีปากมาแตะกับปากผม กดย้ำๆ เหมือนต้องการให้ผมรับรู้ว่าเขาคอยอยู่ข้างๆ



ผมชะงักไปสักพักแต่เพียงเสี้ยววินาทีผมก็จูบเขากลับ ยกมือจับท้ายทอยคนตัวเล็กให้ป้อนรสจูบได้ง่ายขึ้น ค่อยๆ ไล่เล็มริมฝีปากเล็กไปจนถึงลิ้นร้อนในโพรงปาก ละเลียดละเลงความรู้สึกขอบคุณที่มีเขาอยู่ตรงนี้



“อือ”



โยธาร้องเบาๆ พยายามใช้มือจับหน้าอกของผม นั่นหมายความว่าเขาบอกให้พอ



ผมถอนจูบ ยกยิ้มให้หนูตัวน้อย โยยิ้มให้ผมเบาบางจนอดไม่ได้ที่จะจูบลงที่ปลายจมูกรั้นอีกครั้ง ก่อนคว้าเขาเข้ามากอดแนบอก



ดีใจจริงๆ ที่ผมไม่ยอมแพ้ไปเสียก่อน และมีเขาในอ้อมแขนจนถึงทุกวันนี้



 






#ณพระจันทร์
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.15 am.| 22.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 22-07-2018 23:04:50
ฮิมลงเอยกับโยก็เหมาะแล้ว ลัลสมควรอยู่กับคนที่เห็นค่าเขามากกว่าแค่คำพูดลอย ๆ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.15 am.| 22.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-07-2018 23:52:12
 :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.15 am.| 22.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-07-2018 02:54:59
อยู่ในช่วยปรับตัวกันทุกคน ขอให้ผ่านมันไปได้ด้วยดีนะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.16 am.| 25.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 25-07-2018 22:51:37
00.16 am.


     ลัลยังคงป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวผม


     เขากลิ้งตัวอยู่บนพื้นห้องสตูดิโอ ไม่ได้เกะกะการทำงานแต่ก็ทำให้หลุดโฟกัสจากภาพวาดอยู่บ่อยๆ ทำไงได้ ก็เขาเย้ายวนเสียขนาดนี้ แต่ครั้งนี้ลัลไม่ได้นอนเล่นเหมือนทุกที แล็ปท็อบของเขาถูกยกขึ้นมาใช้งาน


     ลัลเข้าทำงานที่บริษัทนั้นแล้ว


     ทำงานจันทร์ถึงเสาร์ แต่วันนี้วันอาทิตย์ เขายังคงต้องการนั่งแก้แบบที่ได้รับมา เพื่อที่วันต่อไปจะได้ทำงานต่อได้อย่างราบรื่น ส่วนผมทำงานทุกวันไม่มีวันพัก


     ผมพักสายตาโดยการจ้องไปที่ลัล นั่งมองเขาใช้โปรแกรมที่ผมไม่รู้จัก คลิกนั่นคลิกนู่นไปมา ผมอมยิ้ม เห็นเขาเริ่มทำอะไรสักอย่างแล้วรู้สึกดี ดีที่เขาไม่ต้องนั่งเหม่อ จมลงไปในโลกแห่งความอ้างว้าง


     คนขยันทำงานรู้ตัวว่ามีคนจ้อง เขาหันมาสบตาผม


     และเผยรอยยิ้ม ที่อบอุ่นวาบไปทั้งใจ


     “คุณ...หน้าเปื้อนสี” พลันผมก็รับรู้ได้ทันทีว่าเขายิ้มเพราะอะไร


     ผมยิ้มกลับ ไม่ได้ใส่ใจกับใบหน้าตัวเอง และก่อนที่จะได้หันกลับไปปาดภาพวาดตรงหน้าต่อ ลัลก็ลุกขึ้นมาช้อนใบหน้าของผมไว้ แล้วประกบจูบแผ่วเบา เป็นแค่การนำริมฝีปากมาแตะกันเฉยๆ ทว่าอุ่นวาบไปทั้งใจ


     “...อะไรเนี่ย” พอเขาถอนจูบไป ผมเอ่ยถามพร้อมหัวเราะขำ


     “ผมแค่อยากจูบคุณ”


     เขาเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม สดใสและเจิดจ้ายิ่งกว่าแสงของพระอาทิตย์ อบอุ่นและสงบกว่าแสงของพระจันทร์


     ผมคว้าเขามานั่งที่ตัก ระดมจูบคนน่ารัก ละทิ้งพู่กันในมือ ลงจากเก้าอี้ ผลักเขาลงบนพื้นไม้ ก่อนเริ่มละเลงบทเพลงรักในห้องสตูดิโอที่เปื้อนสีอีกครั้ง


     ล้วงมือเข้าไปในสาบเสื้อ กดหน้าท้องแบนราบให้เป็นแนวเดียวกับพื้นไม้ อีกมือล้วงเข้ากางเกงขาสั้นของเขา บีบเค้นต้นขา ไล่ขึ้นไปจนถึงบั้นท้ายกลม ผมเกี่ยวกางเกงของเขาให้หลุดออกจากสะโพก ลัลให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขายกเอวขึ้นปล่อยให้ผมกระชากกางเกงไปกองไว้ที่ข้อขา


     ลัลนอนอยู่บนพื้น ผมยาวสยาย ดวงตาคู่สวยจับจ้องมายังผมที่อยู่บนตัวเขา ผมเลิกเสื้อยืดของเขาให้เปิดขึ้นไปถึงเนินอก ลากมือลูบแผ่นท้องนวลไล่ไปหาเม็ดสีชมพูบนหน้าอกเขา สะกิดเขี่ยเล่นกับมันให้คนใต้ร่างบิดดิ้น ก่อนลงไปป้อนจูบให้เขา โดยที่มือยังคงไม่ละหน้าที่กับการเล่นยอดติ่งไตที่ชูชันของเขา


     ผมบดจูบ กดริมฝีปากเน้นย้ำกับริมฝีปากล่างของเขา ลัลอ้าปากงับริมฝีปากผม สอดลิ้นอุ่นเข้ามา สองมือของเขายกมือจับหน้าผมแน่น ไม่ให้ผมพลาดรสจูบร้อนแรงครั้งนี้ ผมวางแขนลงข้างๆ ตัวเขา ยันตัวไม่ให้ลงน้ำหนักทับคนตัวเล็กกว่า พร้อมใช้มืออีกข้างไล่จากหน้าท้องขาวไปสู่ส่วนกลางของลำตัว ขยับจับลัลน้อยไว้ในกำมือ


     “อืม...” เขาร้องเสียงแผ่วเมื่อโดนสัมผัส


     ลัลปล่อยมือเขาออกจากใบหน้าผม ขบริมฝีปากล่างระบายความเสียวซ่าน ผมขยับมือเล่นแก่นกายของเขาจนมันสู้มือ ก่อนปล่อยออก


     ลัลผุดลุกขึ้นมานั่งคร่อมแทน


     เขาจับหน้าท้องผมยึดไว้บนพื้นแข็ง ปลดเชือกที่กางเกงวอร์มผมออก ล้วงมือเข้าไปอย่างไม่รอช้า นิ้วเรียวละเลงพรมลงส่วนกลางลำตัวของผมบ้างอย่างไม่ยอมแพ้ ผมยกยิ้มขำเมื่อเห็นเจ้าแมวตาฟ้าพยายามสู้กลับ


     ลัลเบ้ปากไม่พอใจที่ผมหัวเราะเขา


     คนขี้ยั่วเลยจัดการถลกกางเกงผมลง ก่อนก้มลงไปเชยชิมแก่นกายอย่างไม่รอให้ผมร้องห้าม ลิ้นเล็กชโลมตั้งแต่ปลายจรดโคน เขาตวัดลิ้นร้อนเลียไปทั่ว ไล่ขึ้นมาละเลงส่วนปลายจนผมแทบทนไม่ไหว จนพอใจแล้วถึงห่อปากแล้วกลืนมันเข้าไป


     ผมจิกหัวของเขาอย่างหมายระบายอารมณ์ เจ้าลัลที่โดนผมทึ้งหัวเอียงหัวช้อนตามองทั้งๆ ที่ของยังเต็มปาก ผมกัดฟันแน่น เพลิงความต้องการร้อนระอุ และก่อนที่มันจะมากกว่านั้น ผมดึงหัวลัลให้เขาเลิกเล่นกับน้องชายตัวเอง


     ปากของลัลที่หลุดจากแก่นกายของผมส่งเป็นเสียงดังป็อบ


     ผมรีบพาเขาย้ายมานั่งบนตัก ถลกเสื้อเขาออกไป กดใบหน้าตัวเองเข้ากับซอกคอหวาน กัดชิมมันจนเกิดรอยแดง ไล่ชิมเนื้อเขาไปจนถึงแผ่นอก ลัลร้องอืออาในลำคอ มือสวยจิกครูดที่หลังผมอย่างแรง


     ผมโอบตัวเขาไว้ ฝ่ามือจากที่ประคองเอวเขาเริ่มเลื่อนลงต่ำ ขยำก้อนเนื้อนุ่มสองข้างก่อนชำแรกนิ้วของตัวเองเข้าไปในตัวเขา ลัลแอ่นตัวขึ้นเพื่อให้ผมสอดนิ้วเข้าไปง่ายกว่าเดิม และตอนนั้นเองผมถึงได้รู้ว่าห้องนี้ไม่มีถุงยาง


     “...ถุงยางอยู่ในห้องนอน”


     “ช่างมัน...” เขาบอก


     ผมเองก็ไม่อยากลุกไปให้เสียจังหวะ เลยค่อยๆ ใช้นิ้วคลึงช่องทางของเขาให้ขยายออก ลัลโอบแขนข้างหนึ่งรอบคอผม ส่วนอีกข้างกุมแก่นกลางลำตัวของตัวเอง ขยับรูดรั้งขึ้นลงช้าๆ


     ผมถอนนิ้วออกมาก่อนแตะไปยังส่วนปลายของลัลเมื่อคิดว่าช่องทางเริ่มฝืดเคือง ละเลงเอาน้ำรักออกมาจนชุ่มมือ ลัลร้องเสียงหลงบิดตัวและจิกมือลงที่แขนผมขูดเป็นทางยาว


     สองนิ้วถูกส่งเข้าไปสำรวจในตัวลัลอีกครั้ง สะกิดหาจุดกระสัน ก่อนเขาจะกระตุกเกร็ง ปลดปล่อยน้ำขุ่นออกมา


     หยาดน้ำตาเคลือบดวงตาสีฟ้าของเขาไว้ สะท้อนแสงพระอาทิตย์ที่ลักลอบสาดส่องเข้ามาในห้อง ประกายในดวงตาของเขางดงามกว่าเดิม ลัลหอบหายใจเบาๆ ไอความร้อนจากร่างกายเขาเข้าปะทะกับร่างผม ลัลขยับปากแดงเจ่อ ร้องบอก


     “เอาเข้ามาได้แล้ว”


     ไม่ว่าเปล่า มือซนของเขาเอื้อมไปจับส่วนกลางลำตัวของผม ขยับทักทายมันสองสามที และเคลื่อนสะโพกตัวเองให้มันจ่อกับช่องทางของเขา


     ผมยึดสะโพกมนของเขาไว้มั่น จับแก่นกายตัวเองก่อนจะพามันเข้าสู่ร่างของอีกฝ่าย


     ลัลค่อยๆ กดตัวมาจนมิด เขาหอบหั่ก กอดคอผมไว้ ส่วนผมก็ลูบไปทั่วหลังเขา


     “แน่น” เขาเอ่ย ผมยกยิ้มให้กับคำอธิบาย ขยับตัวไปปิดปากแดง พร้อมกับจับสะโพกของเขาให้ขยับขึ้นลงช้าๆ


     ลัลให้ความร่วมมืออย่างดี เมื่อเขาเองก็ค่อยๆ ขยับเอวตัวเองให้เข้ากัน สอดรับกับจังหวะที่ผมมอบให้ จากค่อยๆ เนิบช้าเริ่มเร่งเร็วขึ้น ร้อนแรงขึ้น จนเสียงเนื้อกระทบกันดังลั่นห้อง ลัลครางเสียงหวาน ขยับสะโพกไม่หยุด


     จนผมผลักให้เขานอนลงกับพื้น จับขาของเขาพาดบ่า สอดใส่แก่นกายให้ลึกกว่าเดิม ขยับเร่งเร้าตามอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้น คนใต้ร่างร้องเสียงหลง กัดริมฝีปากตัวเองคล้ายต้องการกลั้นความกระสันเสียว ผมก้มลงไปชิมกกหูของเขา ไล้ลิ้นเลียไปจนถึงต้นคอ ขบกัดมันอย่างมันเขี้ยว จนสุดท้ายลัลก็ปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง


     ผมถอนตัวออกจากร่างเขา ขยับมือรูดรั้งส่วนอ่อนไหว และในไม่ช้ามันก็พ่นหยาดน้ำขุ่นเปรอะเต็มหน้าท้องขาวของคนใต้ร่าง กระเซ็นทับรอยเดิมที่เคยมีของเหลวของเขาก่อนหน้านี้


     เขานอนหอบอยู่ใต้ร่างของผม ร่างเปลือยเปล่าผิมขาวนวลขึ้นสีแดงระเรื่อ แผ่นอกขยับเคลื่อนขึ้นและลง รอยจูบสีกุหลาบที่กระจายอยู่เต็มตัวของเขา เส้นผมดำแผ่สยายพันกันยุ่งเหยิง และแววตาสีฟ้าฉ่ำน้ำ องค์ประกอบทุกอย่างราวกับเขาเป็นคนในภาพวาดที่หลุดออกมา ไม่ก็อยากจับเขาวาดมันเสียตอนนี้ งดงามไปหมดทุกสัดส่วน


     ผมเอื้อมไปหยิบเสื้อตัวเองมาเช็ดน้ำขุ่นที่เปรอะหน้าท้องเขาให้สะอาด เสร็จสิ้นก็โยนมันทิ้ง ล้มตัวนอนข้างกาย นอนพักเอาแรง


     จบบทเพลง ผมและเขาต่างกอดก่ายกันบนพื้นห้อง ไม่มีใครมีทีท่าว่าจะลุกไปไหนก่อน ผมเกลี่ยเส้นผมยาวนุ่มของเขาไปมา นอนจ้องเพดานเพลินๆ ลัลปล่อยให้ผมเล่นเส้นผมตัวเอง ขยับมานอนหนุนแขนผม


     ผมมองความเงียบในอากาศ ห้องสตูดิโอในมุมต่ำก็แปลกตาไปอีกแบบดี แสงที่เข้ามาทางหน้าต่างตรงนั้นสาดเป็นเส้นจนเห็นไรฝุ่นลอยจางๆ


     “คืนนี้ไปร้านจ๊ากกันไหม” ลัลเอ่ยถามพร้อมดวงตาคู่สวยที่ช้อนมอง ขณะอยู่ในอ้อมกอดของผม


     “เอาสิ”


     “งั้นเดี๋ยวขอเคลียร์งานก่อน แปลนยังไม่เสร็จเลย” เขาว่า ขยับตัวยุกยิก ยันตัวลุกขึ้นนั่ง และก็เริ่มทำงานทั้งๆ ที่ยังเปลือย


     ผมมองรอยจูบที่เลอะเต็มหลังของเขาด้วยฝีมือตัวเอง รอยสีกุหลาบแต้มไปทั่วทุกพื้นผิวคนตัวขาว พอเขามานั่งเปลือยให้ดูอย่างนี้เห็นแล้วนึกอยากขย้ำอีกรอบ


     ลัลนั่งคลิกเมาส์สลับกับกดคำสั่งที่แป้นพิมพ์ในโปรแกรมที่ผมไม่รู้จัก ผมลุกขึ้น เก็บเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนทั้งของตัวเองและของเขาทีละชิ้น ก่อนนำมันไปใส่ในตะกร้าเตรียมซัก เดินโทงๆ ไปมาอยู่ในบ้าน หยิบกางเกงขาสั้นมาใส่ก่อนหากางเกงไปให้ลัลด้วย เมื่อเดินเข้ามาในห้อง ผมก็นำกางเกงยื่นให้เขาสวม


     ผมเดินร่อนไปทั่วห้องสตูดิโอ เนื่องจากหมดอารมณ์จะวาดรูปต่อ พลันเห็นเฟรมภาพวาดที่เปื้อนสีฟ้าไปทั้งผืนวางพิงอยู่ที่ผนังมุมหนึ่งในห้องสตูดิโอ


     ภาพสีฟ้าที่ผมพยายามนำดวงตาของเขามาเก็บไว้


     ผมอมยิ้ม หยิบมันมาพิจารณา ขนาดของมันไม่ได้ใหญ่ แต่ทรงพลังมากสำหรับผม ผ้าใบทั้งผืนไม่ได้มีรูปอื่นใดนอกจากสีฟ้าที่ละเลงไปทั่ว อืม...ยังใช้ไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายเหมือนแต่ก่อน สีฟ้าในภาพดูสดใสขึ้น มีจิตวิญญาณมากขึ้น แต่เหมือนยังขาดอะไรบางอย่าง


     ผมวางมันลง คิดว่ามีเวลาอีกทั้งชีวิตในการค่อยๆ แต่งแต้มมัน มันอาจจะไม่มีวันเสร็จสมบูรณ์ก็ได้ แต่อย่างไรเสีย อย่างน้อยมันก็เป็นภาพที่ทำให้ผมมีลัลในวันนี้


     เจ้าของดวงตาสีฟ้าเดินมากอดผมจากข้างหลัง เอาคางมาเกยบ่าผม


     “กลายมาเป็นท้องฟ้าแล้วหรือ” เขาถาม ผมหัวเราะ ครั้งแรกที่เขาเห็นก็บอกว่ามันคือรูปท้องฟ้า แต่ครั้งนั้นผมกลับไม่แน่ใจในรูปวาดของตัวเอง


     ผมหันไปสบตาเขา


     อา...คงเป็นท้องฟ้าจริงๆ นั่นแหละ






ใกล้จะจบแล้วนะ

ขอบคุณทุกคนที่ร่วมเดินทางมาจนถึงตอนนี้จริงๆ ค่ะ



#ณพระจันทร์


หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.16 am.| 25.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-07-2018 23:10:36
ท่าทางจะดีกว่าคู่โน้นเยอะเลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.16 am.| 25.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 25-07-2018 23:24:15
ลัลเหมาะกับรอยยิ้มและความสุข
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.16 am.| 25.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-07-2018 01:00:55
 :pig4: :pig4: :pig4:

ตัลล้ากกกก
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.16 am.| 25.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Patsz ที่ 26-07-2018 01:05:10
ดีใจที่ลัลกลับมาสดใสอีกครั้ง โชคดีที่ได้เจอคุณ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.16 am.| 25.7.2018 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 26-07-2018 08:08:28
ทั้งสองคู่มีความสุขมีรอยยิ้มก็ดีแล้ว  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.16 am.| 26.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 26-07-2018 21:41:39
1.16 am.



โยนอนอยู่ในอ้อมแขนของผม



เพียงแค่นอนหลับเฉยๆ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น หนูน้อยของผมไปร้านเหล้าของไอ้จ๊ากมาเมื่อคืน แล้วจู่ๆ ดันเจอลัลกับคุณโดยไม่คาดคิด... โยธาเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ เขารู้สึกไม่ดีที่เห็นลัลปั้นปึงออกไป และไม่ได้พูดคุยกับคุณดีๆ



ไอ้คุณ...คนที่เคยทำร้ายโยของผม



คิดว่าถ้าตัวเองอยู่ในเหตุการณ์คงกระทืบมันให้จมดิน แต่พอคิดไปคิดมา ผมก็ทำให้ลัลของเขาเจ็บช้ำมากพอควร และเขาก็เป็นคนทำให้ผมได้เจอกับโยด้วย... คิดเช่นนั้นจึงหันมาห่วงความรู้สึกเจ้าหนูขาวดีกว่าคิดเรื่องอดีต



โยเพียงแค่ตาแดงๆ ตอนเล่าเรื่อง และสุดท้ายผมก็กล่อมให้เขาหลับไปในอ้อมแขน ได้แต่หวังว่าคงจะมีสักวันที่เราทั้งสี่คนจะสามารถกลับมาดีกันได้ พูดคุยกันได้เช่นเดิม



ช่วงเวลาเกือบเก้าโมง โยธาเริ่มขยับตุวยุกยิก ก่อนลืมตาตื่น ใบหน้ายามตื่นของเขาน่าเอ็นดูเสมอ โยธามักจะตาบวมหลังตื่นนอน ไม่รู้เพราะอะไร ต่อให้เข้านอนไวหรือยังไงก็ตามเขาก็จะตื่นมาตาบวมอย่างโคตรน่าหยิก



“พี่ฮิม...”



“อืม”



“หิว”



เขาบ่น พร้อมกับมุดหน้าซุกหน้าอกผม เจ้าหนูตัวจิ๋วบ่นหิวแต่ก็ไม่ยอมลุกจากเตียง ผมยกยิ้มขำ ลูบหัวเขา วันนี้วันเสาร์ทำให้ผมไม่ได้ต้องรีบตื่นไปทำงาน ถึงแม้จะมีงานค้างอยู่ก็ตาม แต่ไว้ค่อยทำก็ไม่เสียหาย ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าได้กอดเจ้าหนูโยตอนนี้



“อยากกินอะไร เดี๋ยวลงไปซื้อให้”



“ไม่รู้” เจ้าหนูพูดเสียงงุบงิบ “โจ๊กร้านป้าดาก็ได้”



“อืม” ผมรับคำ ตั้งท่าจะลุก แต่โยจับแขนผมไว้เสียก่อน “มีอะไรรึเปล่า”



“อยู่อย่างนี้ก่อน”



“หึ หิวไม่ใช่หรือไง”



“อือ แต่ค่อยกินก็ได้”



โยธาเป็นเด็กย้อนแย้งมาแต่ไหนแต่ไร ความคิดของเขาชอบโยงกันไปมา อยากให้เป็นอย่างนู้น แต่ดันมีข้อแม้อย่างนี้ ทีแรกมันก็เข้าใจยาก แต่อยู่กันไปกันมาก็เข้าใจได้ ผมทิ้งตัวนอนอีกครั้ง คว้าเขามากอดแนบแน่น



“อือ” เจ้าหนูบ่นเสียงยาน สงสัยอึดอัดที่โดนรัดแน่นไป



ผมหอมหัวเขาทีนึงก่อนคลายอ้อมกอด โยธาตอนงัวเงียว่านอนสอนง่ายที่สุดแล้ว ผมลูบหัวเขาเล่นเส้นผมนุ่มไปเพลินๆ ไม่นานโยก็หลับ คนตัวเล็กนอนหลับตาพริ้มหายใจเข้าออกเป็นจังหวะช้าๆ เขาเลื่อนมือที่จับแขนผมเป็นจับนิ้วชี้ผมไว้หลวมๆ ผมถอนหายใจให้กับความน่ารักของเขารอบที่ล้าน



โยตื่นอีกทีตอนสิบโมงครึ่ง ผมลงไปซื้อโจ๊กที่เขาอยากไว้ก่อนแล้วถึงค่อยมานอนเบียดกับเขาต่อ พอเห็นโยเริ่มสะลึมสะลือผมก็ปลุกให้เขาไปล้างหน้าล้างตา นอนเยอะมากไปเดี๋ยวเสียสุขภาพ เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะด้วย กินอาหารไม่ตรงเวลาเนี่ย



กิจวัตรประจำวันเรียบง่ายอย่างที่ผมไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองได้เกิดขึ้นแล้ว เมื่อก่อนผมเคยตื่นขึ้นมาเพื่อพบกับคนแปลกหน้าที่นอนด้วยกัน แต่ละคืนไม่ซ้ำหน้า ไม่ซ้ำที่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ผมตื่นมาเจอเขาทุกวัน และตื่นมาที่เดิม ห้องเดิม แทนที่จะรู้สึกเบื่อแต่ผมดันชอบเสียอย่างนั้น และหวังว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ



วันเวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆ ผมอยู่กับโยอย่างสงบ และมีความสุขทุกวันที่ได้ตื่นมาเจอเขา กลับจากที่ทำงานก็มาเจอเขา รวมถึงก่อนนอนก็ได้เห็นหน้าเขาเป็นภาพสุดท้าย



แม้บางวันโยต้องออกไปคณะก็ตามที แต่ไม่บ่อยเท่ากับการที่เขาอยู่กับผมหรอก



“พี่ฮิม”



“หืม”



โยเอ่ยขึ้นในขณะที่เรากำลังกินข้าวเย็น



“วันนี้ไปร้านพี่จ๊ากกันไหม” เขาเอ่ยชวน “เบื่องาน”



“...เอาสิ” ผมว่า ไม่ได้ไปหาไอ้จ๊ากนานแล้วเหมือนกัน



ผมนั่งเล่นกับโยอีกสักพัก ระหว่างรอเวลาร้านเปิด กะจะไปดึกๆ หน่อยจะได้ได้ฟังดนตรีสดเลยทันทีที่ไปถึง ครั้งก่อนไอ้จ๊ากก็เคยจ้างวงรุ่นน้องมาเล่นดนตรีที่ร้าน โยก็ไปกับเขาด้วย และวันนั้นเองที่เขาก็เจอลัล เจ้าหนูเล่าให้ผมฟังทุกอย่างแล้ว เขามีสีหน้าไม่ค่อยดีเมื่อลัลยังคงเกลียดเขาและไม่ได้คุยดันดีๆ กับไอ้คุณนั่น



ถึงแม้โยจะให้ผมพูดเพราะๆ แต่ไม่ได้ห้ามให้หยาบคายในใจนี่ ผมด่าแม่งใส่ไอ้คนที่ทำร้ายโยเป็นร้อยๆ ครั้งแล้ว และประเด็นคือมันดันเป็นคนที่ลัลเลือก ผมนึกห่วงลัล กลัวมันทำร้ายอะไรเพื่อนผมอีก แต่ฟังจากจ๊ากแล้วคงไม่ต้องห่วงอะไร ก็ได้แต่หวังว่ามันจะเป็นจริง



ไอ้คุณนั่นถึงมันจะเคยทำเลวกับโย แต่ใช่ว่ามันจะทำแบบนี้กับทุกคนก็ได้... ผมก็ได้แต่หวังว่ามันจะดูแลลัลให้ดี ผมไม่อยากให้เขาเจ็บปวดอีก แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้เลย



ก็ได้แต่หวังว่าจะมีสักวันที่เรากลับมาเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิม อย่างที่โยว่านั่นแหละ



“พี่ฮิม”



“หืม”



“คิดอะไรอยู่” ผมยกยิ้ม ไม่ตอบคำถาม สงสัยผมคิดนานเกินไปจนทำให้เขาเป็นห่วง หนูจี๊ดมุ่นคิ้ว ขยับมาใกล้ผมจนแทบจะคร่อมตัก ผมจ้องใบหน้าน่ารักนั่น ดวงตากลมชั้นเดียวจ้องมาที่ดวงตาผมราวกับพยายามอ่านใจ เขายกนิ้วขึ้นมาจิ้มที่กลางหน้าผากผม



“บอกโยได้นะ รู้ใช่ไหม” ผมหลับตา ยิ้มกว้างกว่าเดิมให้กับความน่ารักนี้



โยธาเริ่มเปลี่ยนมาใช้สรรพนามเรียกชื่อตัวเองแทนคำว่าผมมาสักพักแล้ว แต่ความใกล้ชิดนี่นานๆ ทีถึงจะมี



“รู้ แต่ไม่มีอะไร” ผมตอบเขาเมื่อเจ้าหนูยังคงทำหน้ายุ่ง



ผมเอื้อมมือไปเกาหัวทุยของเขาเบาๆ ยิ้มกว้างขึ้นอีกเมื่อเขาทำหน้ามุ่ย “เป็นห่วงพี่เหรอ”



“รู้แล้วยังจะถาม” เจ้าหนูเถียงทันควัน “โยไม่อยากให้พี่ฮิมเก็บทุกอย่างมาคิดเหมือนโยนี่” เขาพูดเสียงเบา



“โยก็รู้ พี่ไม่เป็นแบบนั้นหรอก”



“อือ ก็รู้...แต่บอกเผื่อไว้ก่อน” เขาวรรค ขยับตัวมานั่งทับตักผมเต็มๆ พร้อมซุกเข้ามากอด “เผื่อวันไหนพี่ฮิมลืม โยอยากเป็นที่ปรึกษาให้พี่บ้าง”



ผมกอดเขากลับ ก็แม่งน่ารักขนาดนี้



แล้วจะให้ไปไหนรอดได้ยังไง








ขอบคุณทุกคนที่ติดตามาจนถึงตอนนี้ค่ะ

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ ทุกแท็ก ทุกกำลังใจ มีผลกับเรามากจริงๆ

ตอนหน้าเป็นบทส่งท้ายแล้วน้าาา

#ณพระจันทร์



หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.16 am.| 26.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 26-07-2018 22:21:49
 :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.16 am.| 26.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-07-2018 23:55:39
ฮิมจะมาห่วงอะไรกับลัล
ต่างคนต่างอยู่เถอะ
ยืนคนละจุด รู้สึกคนละอย่าง ไม่มีทางจะเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.16 am.| 26.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 27-07-2018 01:18:13
ตอนหน้าเจอหน้ากันสีีคนเลย คงเคลียร์กันลงตัว และมีความสุขกันจริงๆสักที หนูจี๊ดน่ารัก ขอบคุณคุณแรคคูลค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.16 am.| 26.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 27-07-2018 02:10:59
เบะปากใส่ฮิม บนจักรวาลนี้ยังมีคนแย่กว่าหล่อนอีกเหรอ สำคัญตัวเองเก่งมาก ห่วงลัลอย่างงั้นอย่างงี้ อ้วกกกกก
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.16 am.| 26.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-07-2018 02:29:06
จับมานั่งเคลียร์ปมแต่ละคนต่อหน้ากันไปเลยดีกว่า ปัญหาจะได้จบ ๆ ไปเสียที  :katai3:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.16 am.| 26.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: aha_aha ที่ 27-07-2018 08:45:27
อ่านไปก็มานั่งคิด เรืองทั้งหมดมันเริ่มจากอะไร...

จากโยกับพี่คุณ จากลัลกับ(ไอ้)ฮิม จาก(ไอ้)ฮิมกับโย หรือจากลัลกับพี่คุณ

เหมือนทุกตัวละคร มันผูกเงื่อนทับซ้อนกันไปหมด เลยยุ่งเหยิงวุ่นวายแบบนี้ แต่จริงๆจะไม่อะไรเลยถ้าทุกคนปล่อยวางได้ แต่ก็คงไม่ใช้ง่ายๆ เอาใจช่วยทุกคน แต่ก็อยากให้ฮิมโดนอะไรสะบ้างคือแกจะได้ทุกอย่างที่อยากได้ไม่ได้นะ แกต้องพลาดบ้าง ต้องเจ็บบ้างเว้ย!!!

สุดท้ายมาคิดได้ว่าที่มันวุ่นวายได้สนุกแบบนี้เราต้องขอบคุณคนแต่ง
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.16 am.| 26.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 27-07-2018 17:59:41
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 31-07-2018 00:01:19
Into the moonlight



Moon says



ลัลกับคุณพากันไปยังร้านประจำยามค่ำคืน คนแก่กว่าเป็นสารถีขับรถให้ตามเคย ยางล้อหมุนตามเส้นทางเดิมๆ ที่จดจำได้ขึ้นใจ ไม่นานก็พากันมาถึงปลายทาง



วันนี้เจ้าจิ้งจอกอยู่ เจ้าวัวคงไม่มา



พวกเขาพากันไปยังที่นั่งประจำ โต๊ะเล็กที่บรรจุคนได้มากสุดสองคนถูกตั้งอยู่ทางขวาของร้าน ห่างจากเวทีแต่ก็ไม่ได้ไกลเกินไป เจ้าของร้านเมื่อเห็นขาประจำมาถึงก็รีบมาต้อนรับทันที เบียร์สองแก้วใหญ่ถูกวางลงบนโต๊ะเพื่อต้อนรับ ก่อนที่จ๊ากจะขอตัวไปทำงานต่อ



คุณเห็นลูกค้าคนเดิมกับที่เคยตื๊อลัลเมื่อคราวก่อนเดินวนเวียนอยู่ข้างจ๊าก เขายกยิ้ม หมอนั่นคงเปลี่ยนเป้าหมายแล้ว ในใจลึกๆ เขาสงสารจ๊ากอยู่ไม่น้อยที่ต้องรับมือกับคนแบบนี้ แต่อีกใจก็คิดว่าดีแล้วที่หมอนั่นจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับลัลอีก



ส่วนลัล...เขาจำหน้าคนๆ นั้นไม่ได้ด้วยซ้ำ



ร้านของจ๊ากยังคงเหมือนเดิม ที่เปลี่ยนไปคงมีแต่มาสคอตร้านที่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ถึงอย่างนั้นผู้คนก็ยังคงเข้าร้านหมุนเวียนไหลเปลี่ยนกันเหมือนเคย



ลัลซัดเบียร์จนหมดแก้วแล้ว และทำท่าจะแย่งอีกแก้วในมือคุณ คนแก่กว่าตีมือคนซนดังเพี๊ยะ



“ไม่ต้องกินแล้ว”



คนถูกดุเบ้หน้า ยอมหดมือกลับมานั่งนิ่งๆ เช่นเคย



วงดนตรีสดของร้านขึ้นเล่น ทำให้ค่ำคืนมีเพลงบรรเลงเป็นเพื่อนคลายเหงา หนุ่มสาวในร้านต่างพากันจับกลุ่มพากันมาทิ้งความวุ่นวายไว้เบื้องหลัง ผ่อนคลายดื่มด่ำไปกับค่ำคืนใต้แสงจันทร์ หวังให้ฤทธิ์สุราและเพลงบรรเลงช่วยขับกล่อมให้ลืมความเจ็บปวด



น่าแปลกที่วันนี้ดันเห็นเจ้าวัว



ลัลมองแมวสีขาวแต้มสีดำที่เดินนวยนาดมาหาเขา เขาแปลกใจ วันนี้มีจิ้งจอกเฝ้าอยู่ ไม่คิดว่าวัวจะมาได้ ลัลอุ้มแมวลายวัวขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน จนคุณเอ่ยเตือน



“เล่นเสร็จแล้วไปล้างมือด้วย”



คนรักแมวพยักหน้า จับอุ้มแมวอ้วนไปมา เกาคางเจ้าวัวจนพอใจก็ปล่อยมันไป เจ้าวัวออกเดินเล่นเพ่นพ่านส่วนลัลเดินออกไปล้างมือตามคำสั่งคนแพ้ขนสัตว์ ระหว่างทางไปห้องน้ำ ลัลเห็นจ๊ากยืนเถียงกับชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่ง เขาคือคนเดียวกับที่เข้าหาลัลเมื่อวันก่อน เสียแต่เจ้าตัวไม่ได้คิดว่าคนๆ นั้นสำคัญมากพอจะจดจำใบหน้าได้



เขาเพียงหันหน้าไปมองเพื่อนของตนที่มีท่าทีหงุดหงิดอย่างผิดปกติ จ๊ากเป็นคนอารมณ์ดี โมโหยาก แต่คนแปลกหน้าคนนี้กลับทำให้เพื่อนของเขาหลุดอารมณ์ออกมาได้เสียอย่างนั้น



เขาเพียงแปลกใจ ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้สนใจ สองขาเรียวเดินเข้าห้องน้ำไปล้างมือ และกลับมานั่งที่โต๊ะตัวเดิม



เบียร์ในแก้วของคุณหมดลงแล้ว และเจ้าตัวไม่คิดจะสั่งเพิ่ม พวกเขาไม่ได้มาเพื่อร่ำสุรา แค่จิบเพื่อบรรยากาศเท่านั้น



ลัลเหม่อมองออกไปท่ามกลางผู้คน น่าแปลกที่ท่ามกลางฝูงคนมากมาย เขากลับสะดุดตากับสองร่างที่นั่งไม่ไกลโต๊ะเขามากนัก ลัลจำได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือใคร



ร่างคุ้นตาร่างหนึ่งปรากฏเป็นเพื่อนสนิท และอีกร่างเป็นหัวใจของคนข้างๆ



คุณเองก็สังเกตเห็นฮิมและโยเหมือนกัน เขาแม้ในใจอยากจะไปคุยกับโยให้หายกังวลใจ แต่เขาก็ไม่ได้ทำ คุณเพียงจับจ้องไปยังคนข้างกาย เพื่อเฝ้ามองอารมณ์ของอีกฝ่าย ห่วงความรู้สึกของลัลมากกว่าเรื่องของตนเอง ลัลไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าจ้องมอง ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา



กระทั่งทั้งสองคนรับรู้ว่ามีคนจ้องมอง พวกเขาหันไปหาที่มา และก็พบกับสายตาสองคู่ที่จ้องมาอยู่ก่อนแล้ว



หัวใจของโยเต้นระรัวเมื่อเห็นสองคนตรงหน้า ในใจมีคำพูดมากมายที่อยากจะบอกออกไป ทั้งกับคุณและกับลัล สมองพยายามเรียบเรียงคำพูด จนกระทั่งมีมือหนึ่งจับมือเขาไปกุม ความอุ่นจากผิวเนื้ออีกฝ่ายส่งมา ทำให้โยได้สติอีกครั้ง บางที ตอนนี้อาจจะยังไม่ใช่โอกาสที่ดี



พวกเขาได้แต่จ้องกันไปมา ภายใต้แสงจันทร์



ดวงตากลมใต้เปลือกตาชั้นเดียวหันไปมองคนข้างตัว ฮิมยกยิ้มบาง จับมือเขาไว้ใต้โต๊ะ หันหน้ามองออกไปยังทิศทางที่คุณกับลัลจ้องมา เขารู้จากจ๊ากว่าวันนี้ลัลจะมา แม้จ๊ากจะบอกเป็นนัยว่าวันนี้อาจจะไม่เหมาะนัก แต่ก็ไม่ได้หลบเลี่ยงเหมือนทุกทีและตัดสินใจมานั่งตรงนี้อยู่ดี เขาสัญญากับจ๊ากว่าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวให้ลัลสับสนอีก



แต่ว่าดูท่าจะไม่ต้องเป็นห่วงอย่างที่คิด ลัลไม่ได้มีสีหน้าสับสนหรือเจ็บปวดเหมือนครั้งนั้นอีกแล้ว ดวงตาสีฟ้าที่จ้องมาไม่ได้หม่นแสงอีกต่อไป ทว่าฮิมกลับไม่อาจรู้ความคิดของเพื่อนตนได้อยู่ดี



ลัลยกยิ้มมุมปาก แทบดูไม่แตกต่างจากตอนที่ไม่ยิ้ม แต่มีหรือที่ฮิมจะไม่สังเกตเห็น



ฮิมยกยิ้มตอบ และตอนนั้นเองที่ลัลโยกหัวฉีกยิ้มกว้างคล้ายจะหัวเราะ



“มีอะไรรึเปล่า” จนคุณที่นั่งข้างๆ เอ่ยถาม



คนยิ้มร่าถอนหายใจก่อนเอ่ย “ดีใจน่ะ...” เขาหันมาทางคุณ ยกยิ้มให้ “ผมไม่ได้รู้สึกเหมือนเดิมกับฮิมแล้ว”



ลัลเอ่ยตามความในใจ เขาไม่ได้อึดอัดหรือเจ็บปวดยามที่เห็นฮิมอยู่ข้างกายโยอีกแล้ว ในเมื่อเขามีคนข้างๆ นั่งอยู่ตรงนี้ด้วยกัน เป็นหัวใจอีกดวงที่เต้นคู่กัน เป็นโลกใบข้างๆ ที่ลอยอยู่ข้างกัน



จบประโยค คุณเองก็ยกยิ้มให้เช่นกัน



เขาหันไปจับจ้องโต๊ะที่มีฮิมอยู่ ขยับหัวผงกให้ทีนึงเป็นการทักทาย



ฮิมพยักหน้ากลับ ส่วนโยได้แต่แย้มยิ้มบางเบา



ทุกคนล้วนมีเรื่องราวของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น



หลายเรื่องราวถูกส่งผ่านมายังดวงจันทร์จากหลายมุมหลายด้าน



เรื่องราวทั้งดีและร้าย สุขและทุกข์ วุ่นวายสับสน เรียบง่ายและเรื่อยเปื่อย ความรักและความลับ มีเพียงพระจันทร์เท่านั้นที่รับรู้



และหากว่าเมื่อใดที่ท้อแท้หมดหวัง เวลาในช่วงกลางคืนเปลี่ยวเหงาและเดียวดาย จงอย่าลืมแหงนหน้ามองหาแสงสว่างเดียวในท้องฟ้าที่มืดมิด



ความสุขไม่ได้หายากเสมอไป ที่ตรงนี้...



...ณ พระจันทร์





จบ






ขอบคุณทุกคนที่ร่วมเดินทางมาจนถึงตอนสุดท้ายนะคะ

เป็นอีกเรื่องที่เขียนตอนอารมณ์ไม่คงที่เท่าไหร่ ถ้าออกมาไม่ถูกใจยังไงก็ขออภัยด้วยจริงๆ



ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ที่ทำให้เราได้เห็นหลายๆ มุมมองนะคะ ดีใจที่ได้อ่านทุกเม้นท์เลยย



เรื่องนี้เริ่มจากช่วงที่เราทำงานกลางคืนแล้วตื่นตอนเย็น เวลาทำงานเลยมีพระจันทร์เป็นเพื่อน

ระหว่างทางขับรถกลับบ้านเหนื่อยๆ พอมองพระจันทร์แล้วมันสบายใจแปลกๆ 5555

เลยกำเนิดมาเป็นน้องลัลแบบงงๆ

เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่อยากลองลำดับเหตุการณ์การเล่าเรื่องให้แปลกใหม่แตกต่างจากที่เคยเขียนดูบ้าง

อยากนำเสนอเรื่องราวผ่านคนละมุมมอง ที่ท้ายสุดแล้วก็ไม่มีใครดีใครเลวไปกว่ากัน

อยากนำเสนอเรื่องราวที่เป็นอีกด้านของคนๆ หนึ่ง ที่พยายามไม่แสดงให้ใครเห็น



สุดท้ายลัลก็หลุดพ้นจากบ่วงอดีตที่ตัวเองผูกมัดไว้ คุณที่ยอมรับเรื่องราวที่แล้วมาพร้อมกับเดินหน้าก้าวต่อไป

โยที่กลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง และฮิมที่ได้รู้จักความรัก

(พี่ฮิมอาจจะดูไม่ผ่านอะไรมามากมายเท่าไหร่ แต่เราคิดว่าชีวิตคนมันก็ไม่เท่าเทียวกันอย่างนี้ล่ะ5555

และถึงพี่จะดูลอยตัว แต่ก็โดนลงโทษอยู่เหมือนกันเพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้กินหนูน้อยสักทีนะ >.<)



ทีแรกอยากเขียนเรื่องราวเรื่อยๆ สบายๆ ไหงออกมาเป็นปมโยงกันไปทั่วแบบนี้ก็ไม่รู้555

ถึงอย่างนั้นก็อยากขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องราวเรื่องนี้มากจริงๆ ค่ะ

ขอบคุณที่ให้เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำ



#ณพระจันทร์

หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: mayyiyi ที่ 31-07-2018 00:15:30
แฮปปี้ :impress2: ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้นะคะ ขอบคุณที่ทำให้รู้ทั้ง4คน จะติดตามผลงานต่อๆไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-07-2018 00:25:02
สบายกันถ้วนหน้า ทั้งกายและใจ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 31-07-2018 00:33:32
ขอบคุณแรคคูลตัวโตๆค่ะ  :กอด1: :กอด1:
จบไปอีกเรื่องแล้ว ใจหายเหมือนกันไม่มีหนูจี๊ดแมวเจ้าชู้แมวขี้อ้อนและลุงจิตรกรให้อ่านดึกๆแล้ว รอเรื่องใหม่นะคะ จะได้ไม่เหงามากยามดึกๆ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 31-07-2018 00:56:16
 :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 31-07-2018 01:21:10
 :pig4: ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆคร่าาา
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 31-07-2018 02:59:16
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Sesesoe ที่ 31-07-2018 10:45:37
เรื่องนี้คนที่เห็นแก่ตัวที่สุดคือโยกับฮิม ฮิมจะมาโกรธคุณไม่ได้ที่ว่าทำเลวในเมื่อเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่่างคุณกับโย คือความเห็นแก่ตัวของโยอย่าเอาเรื่องอื่นมาอ้างถ้าชอบคุณจริงมึงไม่ไปคบกับทิมหรอก คนที่น่าสงสารคือลัลกับคุณ ที่ต้องมารับผลการกระทำของพวกมึงสองคน ก็เหมาะกันแล้ว ฮิมกับโย ผีเน่ากับโรงพุ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 31-07-2018 15:33:11
มีความสุขกันดีแล้วๆ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 31-07-2018 17:35:47
เดาถูกเรื่องที่ว่าคนในอดีตของลัลนี่ฮิมรึเปล่านะ ตอนรู้นี่ตบเข่าฉาดเลยว่าอุบ๊ะ แต่ไม่นึกถึงเรื่องของคุณโยเลย ผิดคาดมากๆ แบบพี่เขาก็ดูไม่มีอะไรในใจขนาดนั้น แต่การย้ายถิ่นฐานของพี่เขามีที่มาแล้วก็ถูกลืมเลือนไป อันนี้นักเขียนสื่อดีนะ ทำให้เรารู้สึกแบบหงิดๆใจกับการมาของเขาแต่ก็ไม่ได้ไปต่ออะไรเพราะเหมือนตัวเขาก็ลืมๆเป้าหมายตัวเองไปเหมือนกันเพราะเขาก็คิดถึงแต่ปัจจุบันอยู่ เราก็เลยช่างมันไม่ได้สนใจ

ฮิมลัลนี่เอาจริงมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้อะ เป็นความสัมพันธ์แบบ friend with benefit แต่อีกคนดันถลำลึกไปเอง อีกคนผีบ้าเซ็กส์อีกคนก็สมยอม เราจะไม่เบลมฮิมเรื่องนี้นะ เราว่านังไม่ได้ผิดอะไร พอนังเริ่มมีใจให้ใครก็เลยมาเลิกตรงนี้ทิ้ง อันนี้ก็ถูกละ เห็นใจโยนะที่ถูกลัลเกลียด น่าสงสารที่ต้องมาโดนสาดน้ำใส่หน้า :hao4:  แต่เรื่องในอดีตของโยคุณนี่มันก็จะอิหยังวะนิดหน่อยที่โยไปคบกับทิม เป็นไงมันเลยจองเวรจองกรรมเลย ส่วนลัลนี่ก็ยึดติดไป ก็คงรู้จุดนี้แล้ว เอฟเฟครุนแรง เราแอบเห็นใจพี่คุณนะตอนที่ลัลวอแวจมอยู่กับความคิดเรื่องฮิมทั้งๆที่พี่เขาก็อยู่ข้างๆตัวเป็นๆจับต้องได้ แต่ก็นั่นแหละ ต้องใช้เวลา ดีที่คนพี่เข้าใจ
สุดท้ายแล้วก็ทุกคนควรได้เจอความรักดีๆคนรักดีๆนั่นแหละทุกคนเลย ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ  :pig4: :L1:

ปล.อย่าเห็นฮิมโยเป็นสนามอารมณ์ ขอบคุณค่ะ

หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 01-08-2018 23:43:55
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 02-08-2018 15:17:15
ระหว่างทางมันก็ต้องมีบาดเจ็บกันบ้าง ทิ้งแผลเล็กแผลใหญ่เอาไว้ แต่บางแผลต่อให้ไม่เจ็บแล้วแต่มองกี่ทีก็ยังรู้สึกว่า มันน่าเกลียดจนทนมองไม่ไหว
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 06-08-2018 04:03:19
ดีใจที่ลัลมีความสุขซะที...แต่มาถึงตอนจบก็ยังเห็นความเห็นแก่ตัวของฮิมและโยเหมือนเดิม #กระทืบๆ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 06-08-2018 14:20:27
เป็นนิยายที่ดีมาก  ดีมากๆๆอีกเรื่อง ไม่รู้จะบอกยังไง ชอลที่ใฟ้เห็นว่าจันทร์มีหลายด้านเหมือนคนมีหลายเรื่องราวๆอสู่ที่ ชอบที่เทียบจิ้งจอกกะวัว ว่าบางทีมันก็อยู่ร่วมกันได้ ชอบที่พระจันทร์เป็นแสงสุดท้ายที่อยู่ปลายทางออกของปัญหา ชอบความเปรียบเทียบมากๆๆ  อ่านแล้วเพลินนน เพลินมากๆๆๆ มันน่ารักกกมากๆๆๆ ชอบคาแล็คเตอร์ของทุกคน มีหลายมุมมองดี ชอบลัลมากๆๆๆๆๆๆ ชแบที่เป็นเหมือนคนหลางคืนเหมือนพระจันทร์ ชอบความนิสัยความบุคลิก ชอบบมากกกกฏก  ขอบคุณนิยายดีๆๆแบบนี้นะคะไรท์ เขียนเยอะๆๆนะคะเป็นกำลังใจให้ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: hnonnoiSK ที่ 07-08-2018 21:17:05
ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆ แบบนี้ให้อ่านค่ะ
ชอบการบรรยาย การเล่าเรื่องที่มาบรรจบกับ อ่านเพลินมากๆ
และเป็นการอ่านที่ไม่ได้เดาเนื้อเรื่องไว้ล่วงหน้าเลย
ชอบที่ต้องการจะสื่อว่า คนเรามีทั้งด้านสว่างที่อยากให้คนอื่นเห็น กับด้านมืดที่ต้องการจะเก็บไว้ในความทรงจำ
ให้แง่คิดในการมองโลกดีค่ o13 o13
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: duckka ที่ 07-08-2018 22:43:08
เรืีองนี้สงสารลัลที่สุด ฮิมกับโย ยังไงก็มองว่าเป็นคนที่กระทำคนอื่น ก็คงเหมาะที่คู่กันไม่ได้โทษคุณ แต่จุดเริ่มต้นทั้งหมดมาจากโย
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 09-08-2018 15:39:50
 :pig4: :pig4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 13-08-2018 13:52:34
ความไม่ลงตัวที่ลงตัว สุดท้ายก็ไม่ติดค้าง
ถึงจะไม่ได้เอ่ยปากกันชัดเจน เดินต่อไปได้อย่างสดใสแล้ว

คุณเข้ามาและวอแวในช่วงเวลาที่พอดี
ลัลก็พยายามได้ดี และเปิดใจมากขึ้น
จนสุดท้ายตกหลุม ปีนไม่ขึ้น
ดีที่คุณไปตามหาที่บ้านนะ ไม่งั้นก็คงต้องตามที่สเปนละ


โยก็ทำใจได้บ้าง ฮิมก็ปรับตัวและเข้าใจ
คอยอยู่เคียงข้างกันตลอด

ทุกคนมีบาดแผล ทั้งทำตัวเอง ทั้งโดนกระทำ
และโชคดีที่มีคนเข้าใจและพร้อมเดินไปด้วยกัน

ณ พระจันทร์ สดใส และสุกสกาวค่ะ

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ ทุกตัวละคร
สุดท้ายก็ดีขึ้นและมีความสุขกับสิ่งที่ทำ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 13-08-2018 17:46:20
บางครั้ง ต่างคนต่างอยู่ ก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับหลาย ๆ เหตุการณ์ ...
ลัล มีความน้อง มีความน้วยย   :mew1:
สำหรับฮิมกับโย .......... :angry2:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 16-08-2018 01:32:04
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ น้ำตาแตกหลายตอนมาก สงสารน้องลัลสุดๆ ฮือออ แต่สนุกมากเลยค่ะ อ่านเพลินมากๆ ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆมาให้อ่านนะคะ :)
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 17-08-2018 15:51:37
อ่านจบแล้ว สนุกดีค่ะ แต่เนื้อเรื่องดูมืดหม่นไปหน่อยค่ะ ตอนแรกก็งงหน่อยๆ แต่ดีที่ไรท์เตอร์มาเฉลย ว่าทั้งสองเรื่องทับซ้อนกันอยู่ 55555  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 17-08-2018 21:06:21
อ่านจบแล้ว สนุกดีค่ะ แต่เนื้อเรื่องดูมืดหม่นไปหน่อยค่ะ ตอนแรกก็งงหน่อยๆ แต่ดีที่ไรท์เตอร์มาเฉลย ว่าทั้งสองเรื่องทับซ้อนกันอยู่ 55555  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 18-08-2018 16:43:12
สนุกค่ะ อ่านตอนแรกเหมือนจะไม่มีอะไร ดูเบาๆ
ไปๆมาๆ เทาเชียว แต่ก็วางไม่ลงอยู่ดี
 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 19-08-2018 21:39:50
ปกติเราไม่ค่อยชอบอ่านแนวเรื่อยๆ ช้าๆ เท่าไหร่นัก ยกเว้นเรื่องที่อ่านแล้วสำนวนดี การเรียบเรียงน่าประทับใจ อ่านแล้วรู้สึกอยากอ่านต่อให้จบ เช่นเรื่องนี้เป็นต้น ชอบค่ะ ไม่หวือหวาแต่น่าประทับใจ ชอบที่การเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ของเนื้อเรื่อง ไม่ซ้ำดี ขอบคุณมากนะคะสำหรับนิยายดีๆแบบนี้  :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END|-แจ้งข่าวรวมเล่ม 30.8.2018 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 30-08-2018 19:20:59
สวัสดีค่ะ มีข่าวดีมาแจ้ง


เรื่อง Into the moonlight #ณพระจันทร์ ได้รวมเล่มกับสนพ. Rose

ราคา 235 บาท

และจะมีหนังสือวางขายที่งาน นายอินทร์ สนามอ่านเล่น เป็นที่แรก

(งานมีวันที่ 29 สิงหาคม – 2 กันยายน 2561) จัดที่ Airport Rail Link มักกะสัน

โดยจะมีวางขายหน้าร้านหลังจากงานนี้ค่ะ  ^^


ใครรอน้องลัลอยู่สามารถไปสอยกันได้น้า ในงานมีส่วนลดเยอะแยะเลย

หรือสั่งออนไลน์ได้ทางเว็ปนายอินทร์เลยค่า



ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ




:L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:


หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END|-แจ้งข่าวรวมเล่ม 30.8.2018 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 31-08-2018 00:14:32
อยากไปงานเหมือนกันค่ะ แต่อยู่ต่างจังหวัดเลยพลาดโอกาส  วางแผนว่าจะซื้อทางเว็บนายอินทร์ค่ะ พร้อมกับเรื่องอื่นๆ ของโรสที่เพิ่งออก ตอนที่เห็นข่าวว่าออกกับโรสนี่แปลกใจมาก 55+ (และดีใจมากเช่นกันค่ะ เพราะชอบการจัดหน้าและฟอนต์ต่างๆ ของสำนักพิมพ์นี้) ซื้อแน่นอนค่ะ ^____^
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END|-แจ้งข่าวรวมเล่ม 30.8.2018 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: P_Methayot ที่ 02-09-2018 12:50:35
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END|-แจ้งข่าวรวมเล่ม 30.8.2018 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: FeRnChOi ที่ 03-09-2018 21:24:49
สนุกมากกกกก อ่านรวดเดียวจบเรื่องเลย
ด้วยความที่เป็นทีมลัล สารภาพเลยว่ากดข้ามตอนฮิมโยตลอด
รู้สึกโกรธแทนลัล5555 ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้นะคะ ❤️❤️❤️

หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END|-แจ้งข่าว 30.8.2018 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 12-09-2018 03:09:16
เอาล่ะค่ะ อัดอั้นมานาน ไม่ได้อ่านแบบเรียลไทม์แบบคนอื่นเขา รวดเดียวเลยแล้วกันค่ะ เราชอบบรรยากาศของเรื่องและโลเคชั่นที่ไม่เยอะมาก คอนเซ็ปต์พระจันทร์ และคำว่า many moon ago เราเข้าใจตรงที่บอกว่าพระจันทร์ไม่ได้มีด้านเดียว ซึ่งคุณแรคคูนก็สื่อทุกอย่างออกมาผ่านตัวละครหลักสี่ตัวได้อย่างยอดเยี่ยมมาก

สำหรับเราคาแร็กเตอร์ตัวลัล จะว่าน่าสงสารก็ใช่ แต่ตอนที่ตกลงกันว่าจะเป็นเซ็กส์เฟรนด์ ก็ดีลด้วยกันทั้งคู่ ทำไมพอลัลรู้สึกมากกว่าเพื่อนมันกลายเป็นฮืลิมที่ผิดเพราะไม่ตอบรับและไปรักคนอื่นล่ะ แต่พอเรามามองอีกมุม ฮิมก็เป็นโลกทั้งใบของลัล แต่ไม่ได้หมายความว่าลัลจะเป็นทั้งหมดของฮิม ทุกคนต่างมีทางของตัวเองค่ะ อันนี้จะว่าฮิมผิดคนเดียวก็ไม่ได้

ส่วนลัล ลัลไม่ผิดที่เกลียดโยค่ะ เป็นเราก็เกลียดเหมือนกัน แต่ความรักมันก็ห้ามกันไม่ได้ ถามว่าถ้าไม่มีโย ฮิมจะรักลัลไหม มันก็ไม่มีอะไรมาการันตีตรงนี้ ลัลเป็นคนที่คิดไกลกว่าเพื่อนเอง ก็ต้องทำใจกับตรงนี้ด้วย

พี่คุณเป็นตัวละครที่คิดว่าเขาน่าจะเจ็บกับความรักมาหรือหนีรัก พอเจอเฉลยก็เข้าใจเลยว่าทำไมถึงไม่ยอมทำอะไรลัลสักที มันเป็นความรู้สึกผิดของการไม่หักห้ามใจ ถึงจะรู้สึกตรงกันก็ไม่มีสิทธิ์ป่ะ นั่นคนรักของเพื่อน อันนี้ก็ผิด ไม่มีไรซับซ้อน

ส่วนตัวโย อันนี้เรางงๆว่าน้องผิดอะไรขนาดนั้น เรื่องเผลอใจกับพี่คุณในอดีตอันนี้เข้าใจ คนมันกลัวจะผิดหวัง ทั้งพี่คุณก็ไม่ชัดเจน พ่อกับแม่ที่คอยอยู่ข้างๆก็ไม่มี ให้มองในมุมน้องมันก็เด็กๆอ่ะ แต่น้องก็ยังคิดว่าทิมคือปัจจุบัน ตอนเลิกก็ไม่ได้คิดจะไปคบกับพี่คุณถึงจะรักก็เถอะ กลายเป็นว่าเป็นสนามอารมณ์ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไร ก็พี่ฮิมมาชอบเอง ที่มหาลัยฯก็โดนบุลลี่อีก กรณีที่อยากให้พี่ฮิมเลิกกับลัลก็ถูกป่ะ คนจะเป็นแฟนกันดูๆ กันที่ไหนจะอยากให้คนของเราตัดอดีตไม่ขาด ผิดตรงที่ว่าฮิมดันหักดิบทำลัลเจ็บ กลายเป็นสองคนนี้เป็นสนามอารมณ์ทั้งนั้น เราอ่านด้วยมุมมองของแต่ล่ะตัว ซึ่งเราคิดว่าเรื่องนี้ทุกคนล้วนผิดด้วยกันหมด ไม่มีใครทำถูกร้อยเปอร์เซ็นต์เลย

ขอบคุณคุณแรคคูลสำหรับนิยายคุณภาพอีกเรื่องค่ะ ตามหาน้องเป็นงานแบบน้องลัลมานานแล้ว กรี๊ดดด  :hao7:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END|-แจ้งข่าว 30.8.2018 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 16-09-2018 04:49:10
อ่านรวดเดียวจบเลย
จะตี 5 ละ  o22

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ นะคะ  :call:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END|-แจ้งข่าว 30.8.2018 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 18-09-2018 09:08:28
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ คุณภาพมากกกกก

รักทุกคน เห็นด้วยกับเม้นบนที่2ค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END|-แจ้งข่าว 30.8.2018 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 19-09-2018 00:42:06
เรื่องนี้เก๋ตรงที่เล่าบรรยายออกมาในเวลาที่เหลื่อมกันหลอกนักอ่าน แต่มันสมูทมาเลยในความรู้สึกเรา ชอบประโยคนึงที่ว่าไม่ต้องมาเป็นโลกมห้กัน แต่ขอมีโลกของตัวเองแล้วเราค่อยมาหากัน ตามมาตั้งกะมิสเตอร์เกรย์ จะรอเรื่องถัดไปค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END|-แจ้งข่าว 30.8.2018 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: zaturday ที่ 19-09-2018 08:20:00
 :mew6:ชอบคาแรกเตอร์ของลัลสุดดด แต่แอบขัดใจนิดนึงตรงที่เป็นเรื่องของ 2 คู่และใช้การเล่าเรื่องแบบสลับคนละตอน คู่นึงอารมณ์กำลังดาวน์เลย และอีกคู่นึงมาหวานทำให้อารมณ์ร่วมกับคู่หวานเราหายไปเยอะ โดยรวมคือดีมากค่าาา ภาษาดีมาก อ่านลื่นชอบความหวานที่กำลังพอดี ชอบบบบมาก!!
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END|-แจ้งข่าว 30.8.2018 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 20-09-2018 16:24:49
อ่านค้างไว้นานมากแล้วพึ่งได้มาอ่านใหม่แบบรวดเดียวจบ ชอบลัลมาก ยิ่งตอนที่คุณลูบกระดูกสันหลังลัลคือใจมันบางมาก ชอบที่คุณบอกว่าไม่ยอมเป็นโลกให้ลัลแต่จะให้ลัลมาอยู่ในโลกเดียวกัน คุณเป็นผช.ที่ดูอบอุ่นมาก ส่วนฮิมก็ยังงๆกับตัวเองอยู่ น้องโยของให้เธอรักกับพี่ฮิมนานๆนะ ลืมเรื่องเก่าๆได้แล้ว ขอให้พี่ฮิมโอบกอดความแตกสลายของเธอไว้ให้ได้ สงสารจ๊าก มาช่วยไล่ลูกค้าออกจากลัลดันโดนตามเองซะได้ เจ้าจิ้งจอกกะเจ้าวัวนี่เข้ากันได้แล้วใช่มั้ยเนี่ย เจ้าวัวถึงมาร้านได้ในวันที่เจ้าจิ้งจอกอยู่ด้วย
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END|-แจ้งข่าว 30.8.2018 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Deuan ที่ 22-09-2018 12:03:15
ชอบการดำเนินเรื่องแบบนี้จัง  ดูเหมือนจะเป็นคนละเรื่องราวในตอนแรก
แต่มีจุดที่เชื่อมโยงกัน  จนมาเชื่อมเป็นเรื่องเดียวกัน สนุกดีค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END|-แจ้งข่าว 30.8.2018 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: MaTazz ที่ 27-11-2018 00:36:07
ตกหลุมรักพี่คุณ พอๆกับลัลเลย
ดีใจที่ลัลมีคุณอยู่ข้างๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END|-แจ้งข่าว 30.8.2018 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 10-07-2019 20:23:06
ขอบคุณคนเขียนมาก ถึงแม้อ่านจบแล้วก็ไม่รู้จะรู้สึกยังไงกับตัวละครในเรื่องดี คือทุกคนมีทั้งแง่ดีและร้ายในตัว พี่คุณก็จะดีหน่อยเพราะมีแค่ความรู้สึกชั่ววูบนั่นแหละที่ผิดแต่มันเป็นความผิดที่มากเกินเลยจมไปกับมัน ในขณะที่เราก็เห็นความเห็นแก่ตัวของทุกตัวละครนะทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัวแต่มันก็ปกติเพราะทุกตัวละครเป็นคนปกติ ขอบคุณคนเขียนที่เล่าเรื่องราวของพระจันทร์ที่มีหลายด้านให้แก่คนอ่าน สุดท้ายนี้จ๊ากมีคู่แล้วจ๊ากเป็นตัวละครที่เราชอบนะเพราะไม่ได้เห็นความลึกไปทุกด้านไงโผล่มาเล็กๆน่ารักดี ส่วนเจ้าจิ้งจอกกับวัวตอนสุดท้ายมาทั้งสองตัวเลย
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END| 31.7.2018 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 08-01-2020 00:28:29
เรื่องนี้คนที่เห็นแก่ตัวที่สุดคือโยกับฮิม ฮิมจะมาโกรธคุณไม่ได้ที่ว่าทำเลวในเมื่อเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่่างคุณกับโย คือความเห็นแก่ตัวของโยอย่าเอาเรื่องอื่นมาอ้างถ้าชอบคุณจริงมึงไม่ไปคบกับทิมหรอก คนที่น่าสงสารคือลัลกับคุณ ที่ต้องมารับผลการกระทำของพวกมึงสองคน ก็เหมาะกันแล้ว ฮิมกับโย ผีเน่ากับโรงพุ

เห็นด้วยค่ะ
เรื่องนี้คนที่น่าสงสารที่สุดคือลัลและคนที่เหี้ยที่สุดคือฮิมอ่ะ โคตรเกลียดเลย
โยก็เห็นแก่ตัว เหมาะสมกันแล้วกับฮิม ผีเน่ากับโรงผุ อยู่ด้วยกันได้
เอาตรงๆนะตอนหลังๆเราไม่อ่านคู่ฮิมกับโยเลย แบบมันเกลียดทำใจอ่านต่อไม่ลง
อ่านแต่คู่ของคุณกับลัล
ยังไงก็ขอบคุณคนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END|-แจ้งข่าว 30.8.2018 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 14:35:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END|-แจ้งข่าว 30.8.2018 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: politesseone ที่ 27-07-2020 02:32:01
ทั้งเรื่องคนที่เราชอบที่สุดคือ ลัล ค่ะ เพราะถึงแม้จะทำผิดพลาดไปเหมือนตัวละครอื่นๆ แต่ก็ไม่เคยทำร้ายความรู้สึกใคร
#นิยายสนุกมาก ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END|-แจ้งข่าว 30.8.2018 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: ปาลี ที่ 27-07-2020 15:05:45
ฮึบไว้ตั้งแต่ตอนแรก ๆ แต่ก็ไม่ไหวจริง ๆ ฮิมแย่มาก รู้ว่าตกลงกันไว้ว่าจะเป็นแค่เพื่อนกัน แต่สนิทแล้วอยู่กันมากตั้งนาน ทำไมไม่หาวิธีดีดี ที่จะไปจากกัน อย่างน้อยก็น่าจะเห็นแก่ความสัมพันธ์ที่มีกันมาเป็นสิบปี แต่นี้ใจคอโหดร้ายมาก โยเองก็นะ รักคุณแต่กลัวคุณไม่รักก็เลยไปคว้าเอาเพื่อนคุณเนี่ยนะ เป็นใคร ๆ ก็แค้นอ่ะ ผีเน่าโลงผุที่แท้ คนเขียนเก่งนะทำเราเกลียดสองคนนี้ ได้มาก ๆ ขนาดว่าเลื่อนผ่านไม่อ่านเลย คุณลัล ดีแล้วที่หลุดมาจากคนแบบนี้น