❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END|-แจ้งข่าว 30.8.2018 p.11
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |END|-แจ้งข่าว 30.8.2018 p.11  (อ่าน 70173 ครั้ง)

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.02 am.| 9.5.2018
«ตอบ #30 เมื่อ12-05-2018 18:42:58 »

ปมในใจอะไรที่ทำให้หนูเมาได้เมาดีทุกวันนะ :mew2:

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.02 am.| 13.5.2018 p.2
«ตอบ #31 เมื่อ13-05-2018 00:30:23 »

1.02 am.



เขาราคาแพงกว่าที่ผมคาด



โยธาในตอนแรกนั้นเป็นเด็กหน้าจืดที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักเท่าไหร่นัก จนกระทั่งเขาขึ้นปีสอง เขาเริ่มเป็นที่รู้จักเพราะใบหน้าน่ารักขึ้นและมาพร้อมกับข่าวลือแย่ๆ เรื่องของเขาแพร่สะบัดไปทั่ว ไม่ใช่แค่รู้จักในหมู่ผมที่เป็นพวกเที่ยวกลางคืนอยู่แล้ว แต่กลับไปถึงหูเด็กเนิร์ดบางคนด้วยซ้ำ



โดยปกติแล้ว เรื่องแบบนี้จะรู้จักกันแค่ในกลุ่มนักเที่ยว บอกเล่ากันปากต่อปาก ให้รู้กันแค่ภายใน แต่เรื่องของเขา... ข่าวของโยธาโด่งดังไปทั่วจนผมนึกแปลกใจ แม้จะสงสัยว่าใครเป็นคนปล่อยข่าว แต่ที่น่าสงสัยกว่าก็คือ...เขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือไม่



ถ้าเป็นจริงก็ดี เพราะผมก็ชักจะเบื่อคนที่ผมเคยนอนด้วยแล้วเหมือนกัน



แต่ถ้าไม่จริง...ก็ไม่รู้สินะ



ถึงอย่างไร โยธาก็เป็นคนแรกที่ผมพยายามเข้าหา และเป็นคนแรกที่ผมอยากต้องการพิสูจน์ข่าวลือนั่น



“ฮึก ปล่อย...”



“เมาแล้ว”



“...ปล่อย”



ผมโอบเอวคอดนั่นให้เข้ามาชิดตัวก่อนที่เขาจะเซจนทรงตัวไม่ไหว ล้มพับลงไปเสียก่อน แต่คนเมาก็ยังพยายามดิ้นหนี



“เดี๋ยวไปส่ง”



“ไม่เอา อือ”



เด็กน้อยร้องงอแงอยู่ในอ้อมกอด ทว่าในตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรเองได้เลยด้วยซ้ำ แม้กระทั่งยืนให้ตรงยังเป็นเรื่องยากสำหรับเขาเลย



ผมจ้องมองดวงตาเฉี่ยวที่ตอนนี้ฉาบไปด้วยหยาดน้ำใส หน้าเขาแต้มสีแดง ลมหายใจมีกลิ่นของแอลกอฮอล์คละคลุ้ง บ่งบอกถึงอาการเมาน้ำสุราถึงขีดสุด



เขาปรือตาจ้องผมกลับ ตาชั้นเดียวของเขาดึงดูดให้ใครต่อใครต้องจ้องมองอย่างห้ามไม่ได้ ผมถือโอกาสนี้ยื่นหน้าเข้าใกล้ หวังฉกชิมริมฝีปากสีแดง ทว่าคนตรงหน้ากลับรีบเบนหน้าหนีสัมผัสทันทีเมื่อรู้ว่าผมต้องการอะไร



“ทำไม?”



“อือ ปล่อย”



“เดินเองก็แทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว ปล่อยไปก็ร่วงสิ”



“ปล่อย ไหว...ปล่อย”



เขาร้องงอแงอีกครั้ง พยายามใช้สองมือเล็กๆ นั่นดันตัวผมออกอย่างดื้อรั้น



“อย่าดื้อ ไม่ไหวซะขนาดนี้แล้ว เดี๋ยวพากลับ”



“ไหว”



เขายังพยายามเถียงผมทั้งๆ ที่ยืนตัวโยน จนผมต้องล้วงหากุญแจรถในกระเป๋ากางเกงเขา โยธาร้องลั่น แต่พื้นที่ตรงนี้ไม่มีใครมาเดินผ่าน รวมถึงความมืดยามค่ำคืนยิ่งช่วยพรางตัวให้พวกผมกลมกลืนไปกับพุ่มไม้ตรงนี้ ทำให้การหวีดร้องของเขาช่างไร้ความหมาย และเมื่อได้กุญแจรถมา ผมก็พยุงตัวเขาออกจากพื้นที่ลับตาคน เดินไปยังโต๊ะที่เต็มไปด้วยเพื่อนของเขาและเพื่อนของผม



“โยเมาแล้ว เดี๋ยวกูพากลับ”



คนในโต๊ะมองมาที่ผม เพื่อนของเขาพยักหน้ารับ เพราะตัวเองก็ดูท่าจะรับผิดชอบเขาไม่ไหว ไร้สติกันแทบทุกคน ส่วนผมก็ควักกุญแจรถตัวเอง ส่งให้เพื่อนผมที่นั่งอยู่ข้างๆ โดยไม่ต้องเอ่ยบอกอะไร หมอนั่นรู้อยู่แล้วถึงความต้องการของผม เสร็จสิ้นภารกิจ ผมเอ่ยลาทุกคนบนโต๊ะ พยุงคนตัวเล็กออกจากร้านไป



โยธาพยายามขืนตัวสุดฤทธิ์ แต่ผมจับเขาเข้าไปในรถ คนน่ารักก็หลับปุ๋ย



ก่อนที่จะได้ออกรถ พลันมีรุ่นน้องคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาผม เขาเป็นเพื่อนของเด็กนี่ ชื่อโฟม ผมเลิกคิ้วเป็นคำถามเมื่อเจ้าตัววิ่งมาถึง



“พี่...พี่ฮิม ผมขอนะ อย่าทำอะไรเพื่อนผมเลยนะ”



ผมกระตุกยิ้มมุมปาก ชื่อเสียงแย่ๆ ของผมคงเลื่องลือไม่แพ้กัน โฟมถึงรู้ว่าผมต้องการเพื่อนเขาไปทำอะไร



“พี่ฮิม คนนี้ผมขอนะ ไหว้เลยนะพี่” รุ่นน้องคนเดิมว่า พร้อมยกมือไหว้อย่างที่เจ้าตัวบอก ยืนโอนเอนไปมา “พวกผมขับรถกันกลับไม่ไหวก็จริง แต่พี่อย่าทำอะไรมันเลยนะ คนนี้แค่พากลับห้องเฉยๆ ได้มั้ยพี่”



ผมยิ้มรับ เอ่ยบอกรุ่นน้อง “ได้ ถ้าเพื่อนมึงไม่อยากกูก็จะไม่ทำ”



“ขอบคุณนะพี่ สัญญานะ”



“เออ”



ว่าจบ ผมก็ขึ้นรถอีกฝั่งที่เป็นส่วนของคนขับ คาดเข็มขัดนิรภัยให้เจ้าหญิงนิทรา เหลือบมองรุ่นน้องคนเดิมพร้อมพยักหน้าให้เขารับรู้ว่าผมทำตามคำสัตย์ ก่อนแล่นรถออกจากร้านสุราไปท่ามกลางพระจันทร์ที่ลอยอวดตัวเด่นอยู่บนท้องฟ้า โดยไม่ต้องถามหาที่อยู่ของเจ้าตัวเล็ก



เพราะผมรู้ดีอยู่แล้ว



 



เขาพยายามระวังตัวแล้ว แต่ไม่มากพอ...



ทันทีที่ผมรู้ว่ากลุ่มเพื่อนของเขามีนัดไปสังสรรค์กันที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง ผมตามไปอย่างไม่รอช้า หอบเพื่อนซี้คนหนึ่งไปด้วยเพราะมีแผนการในใจ และเมื่อเห็นเขานั่งล้อมวงอยู่กับเพื่อนๆ ที่เด็กกว่าผมสองปี ผมก็ทำเป็นบังเอิญเจอ และขอร่วมวงด้วยทันที



ในคณะผม เราสนิทกันแทบจะทุกคนอยู่แล้ว และนั่นกลายเป็นเรื่องปกติเมื่อผมที่เป็นรุ่นพี่พวกเขาได้มาร่วมนั่งวงกับพวกปีสอง แม้จะถูกโยธาเหลือบมองด้วยหางตา แสดงสีหน้าไม่ไว้วางใจอยู่หน่อยๆ ก็ตาม



เขาปฏิเสธแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะเป็นถูกเพื่อนหิ้วและบังคับให้เป็นสารถีของทุกคน เขาไม่โต้แย้งใดๆ ปล่อยให้เพื่อนๆ ตัวเองได้เมามายปลดปล่อยความเครียดกันตามสบาย ส่วนตัวเองก็นั่งจิบน้ำอัดลมอยู่อย่างเดียว



แต่เขาไม่รู้ว่าผมแอบผสมสุราลงไปในนั้นทีละนิดยามเจ้าตัวเผลอ โยเป็นคนคออ่อนทำให้แม้จะดื่มไปไม่กี่แก้วแต่ก็เริ่มไม่มีสติ จนผมหลอกให้เขาดื่มสุราชุดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย



สุดท้ายก็จบที่สภาพอย่างที่เห็น



เพราะเพื่อนๆ ของเขาตั้งใจมาเมา ดังนั้นคราวนี้จึงไร้ซึ่งไม้กันหมาเหมือนวันก่อน ไม้กันหมากลายเป็นไม้เมากันหมดสิ้นจนเปิดโอกาสดีๆ ให้กับผม



ยังไรเสียก็ไม่ได้ใจจืดใจดำเกินไป การที่ผมพกเพื่อนตัวเองมาด้วยก็เพราะให้มันเป็นคนพาน้องๆ ในคณะกลับไปส่งแทนโยธา





 

ผมขับรถมาถึงคอนโดเขาในไม่ช้า พยุงร่างเล็กขึ้นห้องอย่างง่ายดาย ผมรู้จักที่อยู่เขาจากที่ตามสืบมา และไม่ยากเลยที่จะบอกยามว่าเป็นรุ่นพี่เขาโดยที่ยามไร้ซึ่งความระแวงสงสัยในตัวผม



ก็เจ้าของห้องเล่นเมาไร้สติขนาดนี้



ผมรูดคีย์การ์ด เปิดประตูเข้าไป อุ้มเขาพร้อมกับเดินหาห้องนอนที่อยู่ติดกับห้องรับแขก  และทันทีที่วางเขาลงบนเตียงนุ่ม เจ้าตัวก็รู้สึกตัวแทบจะทันที



“ออกไปนะ!”



คนตัวเล็กพลิกตัวก่อนพยายามลุกขึ้นมาจ้องตาเขม็งใส่ผม ราวกับเพิ่งรู้ตัวว่ามีคนแปลกหน้าอยู่ในห้อง ไม่สิ...อันที่จริงก็ไม่ได้แปลกหน้า แค่ไม่สนิท...



“อะไร คนเขาอุตสาห์มาส่ง มาถึงก็ไล่กันเลยหรือไง”



“ออกไป”



“อย่างน้อยก็เชิญดื่มน้ำพักผ่อนหน่อยมั้ย”



“ไม่”



ผมจ้องเขา ตาชั้นเดียวของเขาแทบจะปิดดวงตากลมมิดด้วยฤทธิ์เหล้า ตาแดงๆ นั่นพยายามปรือตาขึ้นเพื่อแข่งจ้องตาสู้กับผม และเมื่อผมขยับตัวเข้าหาเขา กระต่ายน้อยก็รีบถดตัวหนีไปขอบเตียงอีกฝั่ง ระยะทางจากร้านเหล้ามาถึงคอนโดของเขา คงจะทำให้คนเมาเริ่มสร่างเมาบ้างแล้ว



ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่คิดว่าเขาจะมีสติครบ ถึงได้เอ่ยยั่วยุใส่คนเมาไป



“จะเล่นตัวไปทำไม”



ตุ้บ



จบประโยค เขาคว้าหมอนใบโตมาขว้างใส่ผม เสียแต่มันไม่โดน หมอนใหญ่เลยลอยไปหล่นอยู่บนพื้นห้อง



“ออกไป”



“จะเกินไปหน่อยมั้ย คนเขามาส่ง แล้วทำกันอย่างนี้หรือไง”



“...ขอบคุณ แล้วก็ออกไปได้แล้ว”



“แค่นี้หรือไง”



“จะเอาอะไรอีก ถ้าพี่ต้องการอะไรจากผม ผมไม่มีให้หรอก”



“แน่ใจหรือ”



“...” เขาเงียบไปพักหนึ่ง ใช้ดวงตาเฉี่ยวนั่นจ้องมาที่ผม ริมฝีปากแดงถูกฟันขบแผ่วเบา ราวกับคนไม่มั่นใจในตัวเอง “ออกไปได้แล้ว”



เขากล่าวเสียงสั่น เสียแต่ผมยังไม่ได้คำตอบอย่างที่หวัง จึงเอ่ยถาม



“เท่าไหร่”



เขาเบิกตาโพลง โยนหมอนเล็กๆ สองใบมาทางผมอย่างคนมีน้ำโห



“ผมไม่ขาย!”



“ให้ฟรี?”



“ออกไป!!” เขาตอบด้วยการตวาดเสียงดังสนั่นไล่ผม



 “ออกไปก็ได้ แต่ขอถามอะไรหน่อย”



“...”



“เคยนอนกับใครรึเปล่า”



ตุ้บ



ครานี้เป็นหมอนอีกใบที่พุ่งใส่ตัวผม ผมหลบไม่ทัน แต่คว้าทันก่อนที่มันจะพุ่งใส่หน้า



อารมณ์คุกกรุ่นของผมในตอนนี้คงสามารถจับเขาขึงลงบนเตียงแล้วกระทำอะไรๆ ตามใจอยากได้ง่ายดาย เพียงแต่ได้ให้สัญญากับเพื่อนของเขาไว้แล้ว และผมไม่มีรสนิยมบังคับขืนใจใคร



แม้ว่าจะสงสัยที่ตัวเองยอมทำตามสัญญาลมปากของเพื่อนเขาอย่างง่ายดาย คาดคิดว่าถ้าเป็นคนอื่น ผมคงไม่รอช้าที่จะทำให้เขาเคลิบเคลิ้มคล้อยตาม ทว่าอะไรหลายๆ อย่างทำให้ผมต้องปล่อยมือจากเขาไปอีกครั้งอย่างน่าเสียดาย



ถึงอย่างไร...ก็ได้คำตอบแล้ว










ขอบคุณสำหรับคำผิดนะคะ

#ณพระจันทร์

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.02 am.| 13.5.2018 p.2
«ตอบ #32 เมื่อ13-05-2018 00:46:59 »

ได้คำตอบแล้ว มันตอบว่าอะไรล่ะ  :m28:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.02 am.| 13.5.2018 p.2
«ตอบ #33 เมื่อ13-05-2018 02:28:23 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ทั้งสองคู่เนี่ย  มีแต่คนเมาแฮะ

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.02 am.| 13.5.2018 p.2
«ตอบ #34 เมื่อ13-05-2018 04:25:12 »

ข่าวลือก้เป็นแค่ข่าวลือสินะ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.02 am.| 13.5.2018 p.2
«ตอบ #35 เมื่อ13-05-2018 07:30:29 »

ไม่ชอบโยเลยปล่อยข่าวเรื่องไม่ดีเพื่อทำร้ายสินะ  :hao4: :hao4:

ออฟไลน์ aha_aha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.02 am.| 13.5.2018 p.2
«ตอบ #36 เมื่อ13-05-2018 08:19:35 »

สนุกแบบหน่วงๆ ชอบคร่า ^^

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.02 am.| 13.5.2018 p.2
«ตอบ #37 เมื่อ13-05-2018 14:15:53 »

ตาฮิมมมม ห้ามกินน้องนะ!!! //ขึ้นป้ายระวังภัย :angry2:

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.02 am.| 13.5.2018 p.2
«ตอบ #38 เมื่อ13-05-2018 17:59:50 »

พี่เค้าหนีอะไรมานะะะะะะะ :katai1:

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.03 am.| 15.5.2018 p.2
«ตอบ #39 เมื่อ15-05-2018 00:33:20 »

00.03 am.



อย่ามาเบียด



“หยุดเลย ไหนว่านอนเฉยๆ”



“แค่กอดก็ไม่ได้เหรอ”



“มากไปละ”



“แค่กอดเอง อย่าหวงตัวหน่อยเลย”



เขายังไม่หลับ เมื่อผมพลิกตัวหันมาจ้องหน้าเขาได้ไม่ทันไร เด็กข้างบ้านก็ลืมตาโพลง ขยับตัวเข้ามากอดก่ายผมจนต้องพยายามผละตัวออก พยายามอยู่นะ แต่เสน่ห์เขาน้อยซะที่ไหน สุดท้ายที่ผมทำได้ก็แค่ขืนตัวแล้วนอนนิ่งๆ ไม่ขยับไปมากกว่านี้และทำได้แค่โต้เถียงเด็ก



“ช่วยบอกเหตุผลว่าทำไมฉันต้องอยากกอดคนแปลกหน้าด้วย”



ครานี้เจ้าของชื่อลัลเงยหน้าช้อนขึ้นมาจากอกผม ดวงตาสีฟ้าทอประกายในความมืด ใบหน้าละมุนโดนแสงจันทร์ที่แอบลักลอบผ่านเข้าผ้าม่านส่องแสงฉาบหน้าไปครึ่งหนึ่ง แสงจันทร์นวลราวกับเป็นเวทมนต์ส่งผลให้เขาดูน่าลุ่มหลงกว่าเดิม



ไม่จบแค่การจ้องมอง เสียงทุ้มเย็นเอ่ยถาม



“ผมไม่น่ากอดเหรอ”



“...”



ตอบคำถามไม่ได้ ไม่ใช่ไม่มีคำตอบ แต่ไม่อยากตอบให้คนตรงหน้าได้ใจไปมากกว่านี้ เขาดูเหมือนจะรู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์น่าดึงดูดใครต่อใครมากแค่ไหน และรู้จักบริหารเสน่ห์ตัวเองได้อย่างแยบยล



ยิ่งได้อยู่ใกล้ ทำให้มองเห็นใบหน้าสวยชัดเจนยิ่งขึ้น คนตรงหน้าน่ากอดอย่างไม่ต้องสงสัย ใบหน้าวิจิตรราวกับรูปภาพชวนให้ลุ่มหลงได้ไม่ยาก ผมไล่สำรวจใบหน้าของเขาอย่างละเอียดอีกครั้ง



ลัลเป็นคนสวย...อย่างที่เคยบอก เส้นผมยาวสีเข้มเปิดให้เห็นหน้าผากมนชัดเจน ขับให้รูปหน้าดูสมบูรณ์แบบ คิ้วโก่งรับกับจมูกรั้น ริมฝีปากน่าสัมผัส และดวงตาสีฟ้าที่น่าพิศวง ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นลูกครึ่งหรืออะไร เพียงแต่มันแปลกดีที่ได้เห็นพันธุกรรมของธรรมชาติในรูปแบบใหม่ สิ่งซึ่งผมไม่คิดว่าจะได้เจอกับตาตัวเอง ทั้งชีวิตแม้เคยรู้จักผู้คนมากมาย แต่ไม่เคยเห็นใครที่มีดวงตาสีน้ำทะเลสวยขนาดนี้มาก่อน



ยังไม่นับสัมผัสทั้งไออุ่นและกลิ่นกาย ที่ราวกับกำยานธูปหอม คอยกล่อมประสาทให้เคลิ้มมัวเมาไปกับรสกลิ่นอันหอมหวาน



ผมถอนหายใจรอบที่ร้อยของคืนนี้



“นอนนิ่งๆ ไปเลย”



ลัลตอบแทนคำพูดผมด้วยการเบียดตัวเข้ามาหาผมมากกว่าเดิม ซ้ำยังเบียดสะโพกตัวเองเข้ามาแนบชิดกับส่วนกลางลำตัวผมอย่างอาจหาญ คนสวยดื้อจนน่าถีบ แต่ครานี้ผมเลิกใช้ไม้แข็งกับเขาแล้ว ในเมื่อดุแล้วก็ยังไม่ยอมทำตาม ผมยอมอ่อนให้สักนิดก็ได้



ผมทำเป็นไม่สนใจท่าทางยั่วยวนของเขา เอื้อมมือไปลูบเส้นผมคนในอ้อมแขน



“ผมสวยนะ”



พร้อมกับยกมือลูบเส้นผมเส้นเล็กนุ่มมือ เส้นผมสีดำยาวสยายอยู่ในกำมือผม ดูหลอนในความมืด แต่เมื่อต้องแสงจันทร์กลับดูสวยงามน่าพิศวง



ครานี้เจ้าของผมยาวชะงักเมื่อผมสัมผัสเส้นผมของเขา เด็กหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ ก้มหน้าซบลงที่อกผม ซุกใบหน้าหวานละมุนหลบหนีแสงจันทร์ และยอมสงบนิ่งไปในที่สุด ผมลอบขำในท่าทีของเขา ดูท่าไม้อ่อนจะใช้ได้ผลกับเด็กเกเร เมื่อความเงียบดังขึ้น ไร้ซึ่งสุ้มเสียงใดมาขัดการบรรเลงของราตรีกาล ผมนอนจ้องขวัญบนหัวของเขาในความมืด มีกลิ่นกายหอมรัญจวนของเด็กหนุ่มโชยออกมาเป็นระยะ คล้ายเนื้อสดวางอยู่หน้าปากถ้ำสิงห์ เป็นบททดสอบให้กับสิงโตหิวกระหาย เขาน่าจะหลับไปแล้ว



และทิ้งให้ผมนอนเกร็งอย่างกลัวว่าตัวเองจะขาดสติ



อากาศยามเช้าไม่ได้เย็นสบายอย่างที่หวัง แสงตะวันจะเริ่มแผดเผาและลักลอบเข้าช่องว่างของผ้าม่าน แต่เพราะมีเครื่องปรับอากาศ ทำให้ในห้องยังคงน่านอน



 หลังตื่นนอน ผมจับจ้องแขกไม่ได้รับเชิญที่นอนคว่ำกอดหมอนอย่างไร้เกาะป้องกัน หลังจากนั้นก็พยายามขุดตัวเองออกจากเตียงเพื่อออกไปซื้อกับข้าวหน้าปากซอย ทว่าเมื่อกลับเข้ามา เจ้าของชื่อลัลก็ลอบออกบ้านผมไปอย่างไม่บอกไม่กล่าว ทิ้งให้ผมซื้อข้าวมาสองกล่องอย่างเสียดายของ เอาเถอะ ตื่นมาคงสร่างเมาแล้วล่ะมั้งถึงได้เผ่นแนบไปแบบนี้



ผมไม่เจอเด็กขี้เมานี่อีกเลยนับจากวันนั้น



เด็กหนุ่มหายตัวไปราวกับว่าเป็นซินเดอเรลล่าจริงๆ อย่างนั้นแหละ เพียงแต่ไม่มีรองเท้าแก้วให้ตามหา และไม่ได้สำคัญอะไรเลยเพราะบ้านเขาก็อยู่ตรงข้ามนี้เอง



นับจากวันนั้น ผ่านคืนนี้ไปก็วันที่สี่แล้วที่ไม่เห็นเขาเมาอ๋องแอ๋งอยู่หน้าบ้าน ไม่รู้ว่าเลิกเหล้าแล้วหรือไม่กลับบ้านกันแน่



อย่างไรก็ตาม ผมได้แต่ออกไปสูบบุหรี่เป็นเพื่อนพระจันทร์อยู่คนเดียวตลอดสี่คืนที่ผ่านมา และเมื่อเข้าสู่คืนที่ห้า ผมเห็นรถกระบะคุ้นตาขับมาจอดที่บ้านหลังตรงข้าม และไม่รอช้าที่จะชะเง้อมองหาคนที่ลอบหายไปไม่บอกกล่าว



และบิงโก เจ้าเด็กนั่นกลับมาแล้ว



พร้อมกับสภาพที่แปลกไปอย่างเห็นได้ชัด



หลักๆ เลยก็คือ...เส้นผมที่เคยยาวปรกหลัง บัดนี้สั้นลงเหลือเพียงความยาวเลยบ่าไม่ถึงฝ่ามือ...



“ตัดผมหรือ”



ผมเอ่ยทัก แอบเห็นว่าเขาชะงักตัวไปแวบหนึ่ง ก่อนหมุนตัวหันมา ดวงตาสีฟ้ายังคงส่องแสงเปล่งประกายแข่งกับแสงจันทร์เหมือนเคย เขาไม่ตอบอะไรผม ทำเพียงแค่จ้องมาและหมุนตัวกลับไปไขกุญแจรั้ว เข้าบ้านตัวเองไปอย่างคล่องแคล่ว



วันนี้ไม่เมาแฮะ



ผมพ่นควันบุหรี่ออกปาก สูดมะเร็งอีกสองสามครั้งจนหมดมวน ก็กลับเข้าบ้านตัวเองไป



พลางนึกเสียดายเส้นผมที่เคยยาวกว่านี้นิดหน่อย ไม่รู้ว่าเขาไปตัดมาเพราะผมเอ่ยทักไปเมื่อคืนนั้นรึเปล่า



คืนต่อมา บุหรี่ผมหมดซองอย่างไม่น่าให้อภัย ปกติแล้วเวลาออกไปข้างนอกผมมักจะซื้อบุหรี่ตุนไว้ แต่ตอนนี้มันกลับหมดบ้าน ไม่เหลือแม้สักมวนเดียว ผมหงุดหงิด และคงหงุดหงิดมากกว่านี้ถ้าหากว่าไม่ได้มะเร็งมาสูบสักเฮือก



เลยได้แต่คว้ากระเป๋าตังก่อนเดินออกไปยังเซเว่นหน้าหมู่บ้าน



ผมตั้งใจมาซื้อบุหรี่ แต่ไม่ได้ตั้งใจจะมาเจอเขาผู้เป็นเจ้าของดวงตาสีน้ำทะเล



เด็กหนุ่มชะงักที่เจอหน้าผม แต่ก็หันไปหยิบกระป๋องเบียร์อีกสองกระป๋องก่อนปิดตู้แช่ลง ดูท่าเขาเองก็ตกใจที่เห็นผมเช่นกัน ทว่าดูไม่ได้แปลกใจ



“ดื่มอีกแล้ว”



ผมต่อว่า คนขี้เมาไม่ได้ตอบอะไร พอจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ฝั่งข้างๆ เสร็จเขาก็สะบัดหน้าหนีไป ผมคิดว่านี่คงเป็นนิสัยปกติของเจ้าตัวเวลาไม่เมา ...หยิ่งผยอง



จนอดไม่ได้ที่จะคว้าแขนผอมๆ นั่นก่อนที่เขาจะเดินหนีไป



“กลับด้วยกันสิ”



เขามองหน้าผม แต่ก็ยอมหยุดเดิน ยืนรอจนผมจ่ายเงินเสร็จ ก้าวออกร้านสะดวกซื้อไปพร้อมกัน



“คุณพูดเหมือนอ่อยผมอยู่”



“ก็บ้าแล้ว”



ทันทีที่ปราศจากผู้คน น้ำเสียงทุ้มเย็นนั่นก็เอ่ยตอบ ต่อจากประโยคที่ผมเคยกล่าว ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องคิดไปในทางนั้นตลอด ไอ้เด็กคนนี้ คนมาอย่างเป็นมิตร มีไมตรีจิตต่อกันเฉยๆ ไม่ได้หรือไง



เราสองคนเดินกลับบ้านท่ามกลางความมืดยามราตรี และมีพระจันทร์ลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้า พลางคิดว่าผมเจอเขาแค่ช่วงเวลากลางคืน แต่ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ในเมื่อช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ทำงาน ผมมักจะไม่ออกไปไหน



กลางคืนเงียบสงบ วันนี้ไม่มีแม้แต่เสียงลมพัด เสียงความเงียบพูดคุยกันจนผมต้องเป็นฝ่ายทำลายบทสนทนาของความเงียบนี้ลง



“ทำไมถึงตัดผมล่ะ”



“...”



ลัลไม่ตอบ ไม่แม้แต่จะหันมามอง เขาใช้ดวงตาสีมหาสมุทรจ้องมองไปแต่เส้นทางข้างหน้า แววตาดูว่างเปล่ากับคำถาม



“ไม่เสียดายเหรอ”



เขาเงียบไปพักใหญ่อีกครา แต่คราวนี้คนข้างๆ ไม่ปล่อยให้ผมคุยอยู่คนเดียว



“เสียดาย”



“แล้วตัดทำไม เพราะฉันทักไปตอนนั้นหรือ”



“ไม่รู้สิ...อาจจะ”



“อา...”



“อันที่จริงอยากตัดสั้นเลยด้วยซ้ำ แต่ทำใจไม่ได้”



“ไม่ต้องตัดหรอก ไว้ยาวนี่แหละ” อันที่จริงผมนึกภาพเขาตัดผมสั้นไม่ค่อยออกเท่าไหร่ รวมถึงคิดว่าปล่อยให้เส้นผมยาวคอลเคลียใบหน้าเขาก็ดีอยู่แล้ว




“ไว้รอทำใจได้จะไปโกนหัว”



“นี่ประชดกันใช่มั้ย”



ผมร้อง หันหน้าไปมองคนขี้ประชดพลันเห็นรอยยิ้มสว่างไสวท่ามกลางแสงจันทร์ จนหัวใจเต้นผิดจังหวะไปวูบหนึ่ง ผมไม่เคยเห็นเขายิ้ม จะมีก็แต่ใบหน้าเฉื่อยชา ไม่รับรู้เรื่องราวอะไรเสียส่วนมาก แม้ว่าหากสังเกตดีๆ จะเห็นแววตาโศกของเขาเจือปนอยู่เสมอก็ตาม



รอยยิ้มแรกของเขาที่มอบมาทำให้ผมรับมือไม่ทัน



จนเผลอพูดอะไรแปลกๆ ออกไป



“เป็นแบบวาดรูปให้หน่อยสิ”



“หา”



ทันทีที่เสียงทุ้มเย็นตอบกลับมา ผมพลันได้สติ อา...เผลอตัวไปเสียแล้ว



“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร”



ระยะทางจากบ้านถึงปากซอยไม่ได้ใกล้ เราเดินมาเพียงครึ่งทางเท่านั้น และเขาไม่มีทีท่าว่าจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดก่อน ผมไม่ชินกับการใช้ความเงียบสื่อสารเมื่อมีใครอยู่ข้างๆ ถึงได้หาเรื่องคุยกับเขาไป



“อายุเท่าไหร่แล้วน่ะ”



“หือ ผมเหรอ”



“ก็ใช่น่ะสิ”



“ยี่สิบสอง”



อา...



“จริงหรือ”



“จะโกหกไปทำไม”



“หน้าตาดูเด็กกว่านั้น เหมือนเพิ่งเข้ามหาลัยได้ไม่กี่ปี”



เขายักไหล่ “ชมใช่มั้ย”



“แล้วแต่จะคิด” ผมว่า



 “แล้วคุณล่ะ” ครานี้เจ้าของชื่อลัลเป็นฝ่ายถามผมกลับบ้าง “อายุเท่าไหร่”



“ปีนี้ก็ยี่สิบเก้า”



“ไม่อยากจะเชื่อ”



“ทำไม”



“ดูแก่กว่านั้น”



ผมคิ้วกระตุก กำมือแน่นไม่ให้เผลอไปเขกหัวเจ้าเด็กเวรนี่



“เวลาคุณพูดเหมือนคนรุ่นพ่อ” เขาว่าต่ออย่างไม่คิดจะใส่ใจใบหน้าที่เคียดแค้นของผม



“...แล้วผมต้องเรียกคุณว่าพี่มั้ย หรือต้องเรียกอะไร? ลุง?”



ผมพ่นลมหายใจออก บอกกับตัวเองว่าอย่าไปเอาอะไรกับเด็กนี่มาก



“เรียกแบบเดิมนั่นแหละ”



“เรียกคุณน่ะหรือ”



“อืม”



“เอางั้นก็ดี”



ผมถอนหายใจอีกครั้ง อายุห่างกันไม่ถึงสิบปีทว่าเหมือนกับอยู่คนละโลก ความคิดผมคงแก่กว่าอายุตัวเองจริงๆ และความคิดเขาก็คงเด็กกว่าความจริง ทำให้เราดูเหมือนจะจูนกันไม่ค่อยติด



แต่เอาเถอะ



“สูบบุหรี่ได้มั้ย”



ผมถามเขาขึ้นมาเมื่อบทสนทนาเงียบอีกครั้ง เราใกล้จะถึงบ้านแล้วแต่ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่อยากเสียเวลาไปกับการสูบมะเร็งเข้าปอดไปมากกว่านี้ แค่นี้ก็หักเวลาเดินทางไปซื้อบุหรี่มากพอแล้ว งานในห้องยังดำเนินไปไม่ถึงไหนเลย



“ได้”



เขาตอบกลับมา และทันทีที่ปลายบุหรี่ติดไฟจนเกิดควัน เขาก็กระแซะตัวเข้ามา



“ทำอะไร”



“สูบด้วย”



เขาว่าด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา ทำราวกับว่าสิ่งที่เขากระทำอยู่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย



“พอเลย แค่นี้นายก็จะตับแข็งตายอยู่แล้ว อยากเป็นมะเร็งตายด้วยหรือไง”



“อือ ก็เลยมาขอสูบบุหรี่มือสองนี่ไง เผื่อจะตายช้าลง”



ให้ตาย ผมไม่เข้าใจความคิดเขาจริงๆ



“งั้นเอาเบียร์มา จะแย่งกิน”



“ไม่ให้”



ผมยุดยื้อเล่นกับเด็กข้างๆ ตัวนี่ไปโดยไม่รู้ตัวว่าเราเดินมาถึงบ้านของตัวเองแล้ว เด็กหนุ่มปล่อยมือให้ผมเป็นฝ่ายคว้าถุงที่มีเบียร์กระป๋องอยู่สามสี่กระป๋องได้สำเร็จ เขาช้อนสายตามายังผม ใช้สายตาที่ผมพ่ายแพ้นั่นออดอ้อนอีกครั้ง



“ผมนอนด้วยนะ”



ไม่ได้



ผมร้อง พยายามส่งสายตาดุจ้องเขาเพื่อปฏิเสธ ทว่าเจ้าของดวงตาสีฟ้ากลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ พิงใบหน้าสวยหวานนั่นเข้ากับอกผม ช้อนสายตาจากมุมต่ำราวกับลูกแมวเชื่องๆ



“นอนเฉยๆ ก็ได้”



ให้ตาย... เขานี่เก่งเรื่องทำให้คนอื่นตกหลุมเสียจริงๆ



ผมพยายามรวบรวมสติทั้งหมดในชีวิตเพื่อตอบกลับเขา เค้นหาประโยคปฏิเสธที่ละมุนละม่อมที่สุด



“เดี๋ยวที่บ้านก็เป็นห่วงหรอก”



“คุณเคยเห็นคนที่บ้านผมเหรอ”



“...”



“ไม่มีใครอยู่หรอก”



น้ำเสียงทุ้มเย็นเจือไปด้วยความรู้สึกหงอยเหงาจนคนฟังสัมผัสได้







อยากทอล์กแต่ไม่รู้จะทอล์กอะไร 5555
เอาเป็นว่าฝากเอ็นดูเด็กขี้เหงาคนนี้ด้วยนะคะ <3


#ณพระจันทร์

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-05-2018 15:43:24 โดย Raccool »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.03 am.| 15.5.2018 p.2
« ตอบ #39 เมื่อ: 15-05-2018 00:33:20 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.03 am.| 15.5.2018 p.2
«ตอบ #40 เมื่อ15-05-2018 01:09:30 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.03 am.| 15.5.2018 p.2
«ตอบ #41 เมื่อ15-05-2018 01:32:12 »

ลัล น่าจะเหงาอยู่น่ะ ต้องการคนปลอบใจสินะ  :hao3:

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.03 am.| 15.5.2018 p.2
«ตอบ #42 เมื่อ15-05-2018 04:08:09 »

ชอบบรรยากาศในเรื่องมากเลยค่ะ อบอุ่นแบบเหงาๆดีอ่ะ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.03 am.| 15.5.2018 p.2
«ตอบ #43 เมื่อ15-05-2018 06:50:58 »

เมรีขี้เหงา  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.03 am.| 15.5.2018 p.2
«ตอบ #44 เมื่อ15-05-2018 15:56:57 »

คุณเขาเล่นตัวนักมานอนบ้านเราก็ได้นะหนูลัล //ตบเตียงปุๆ  :katai5:

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.03 am.| 16.5.2018 p.2
«ตอบ #45 เมื่อ16-05-2018 00:43:59 »

1.03 am.



โยธาเป็นคนแรกที่ผมยอมถอยให้



หลังจากที่เดินหันหลังให้กับเด็กน้อยที่มีหมอนเป็นอาวุธในคืนนั้นแล้ว ผมก็ทำได้แต่ลอบมองเขาจากที่ไกลๆ โยธายังคงเชิดหน้าเดินหลังตรง ไม่ยอมทำท่าทางอ่อนแอให้ใครเห็น แม้ว่าทุกคนจะมองเขาแต่เรื่องแย่ๆ ก็ตาม



ดวงตาชั้นเดียวนั่นยังคงเฉี่ยวคม เฉือนทุกสายตาที่มองมาได้อย่างกล้าหาญ



ผมยกน้ำขึ้นมาดื่มพลางมองรุ่นน้องที่เดินหาโต๊ะนั่งพร้อมจานอาหารในมือ เขายังคงอยู่กับเพื่อนกลุ่มเดิม เพียบพร้อมด้วยสายตาสอดรู้คนคนรอบข้าง แต่โยก็ยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย



ผมไม่รู้ว่าข่าวลืมเสียๆ หายๆ ของเขาเกิดขึ้นได้ยังไง แต่ที่รู้คือข่าวลืมนั่นน่าจะไม่ใช่ความจริง ภาพของเขาในคืนนั้นยังคงติดตาผมจนถึงวันนี้ เขาที่เหมือนลูกหนูจนมุม ทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่ร้องจี๊ดๆ ข่มขู่ศัตรู ไม่พอยังพยายามปาหมอนราวกับว่ามันเป็นอาวุธสงครามที่ดีที่สุด



ภาพหนูตัวขาวๆ ที่จนมุมจนทำอะไรไม่ได้นอกจากขึ้นเสียงนั่นไม่น่าใช่การแสดง ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องทำเป็นเหมือนขลาดกลัวขนาดนั้น แม้จะไม่แน่ใจว่าเขาเคยนอนกับใครหรือเปล่า แต่ที่รู้แน่ชัดก็คือ เขาไม่ใช่ไอ้ตัว ที่เอาแต่ร่านอ้าขาให้ใครต่อใครเหมือนที่หลายๆ คนลือกัน



ในทีแรก ผมก็คิดว่าเขาอาจจะร่านเงียบ แต่ยิ่งสังเกต ยิ่งรับรู้ถึงตัวตนของเขา ยิ่งรู้ว่าไม่ใช่ โยธาไม่ใช่คนอย่างนั้น เขาดูหยิ่งผยองมากเกินกว่าที่จะยอมให้ใครต่อใครเข้าหาด้วยซ้ำ



ผมเชื่อว่าจากข่าวลือของเขาที่แพร่ไปทั่วนี่คงนำพาคนอย่างผมให้เข้าหาเขาไม่น้อย ไม่รู้ว่าคนตัวขาวมีวิธีปฏิเสธยังไง และขอให้ผมเป็นคนแรกที่ได้เข้าไปในห้องนอนของเขา



ไม่รู้ทำไม แต่แค่คิดว่าหากมีคนอื่นย่างกรายเข้ามาในห้องของเขา ผมก็พลันหงุดหงิด



โยทานข้าวเสร็จแล้ว เขาลุกพร้อมเพื่อนๆ นำจานไปเก็บคืน และผมก็ไม่มีอะไรให้มองอีกต่อไป พลันเสียงเรียกจากคนข้างๆ ก็ดังขึ้น เหมือนรู้ว่าเป้าหมายของผมจากไปแล้ว



“ฮิม ไปเรียนกันได้แล้ว”



หลังจากนั้น ผมก็เฝ้ามองเขาเมื่อมีโอกาส คณะผมงานเยอะ เน้นส่งงานเป็นหลัก ทำให้ช่วงเวลายุ่งๆ ก็ไม่ได้สังเกตรุ่นน้องคนนั้นเหมือนเคย ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะไม่กลายเป็นคนแบบในข่าวลือ...



...อา... แล้วทำไมผมต้องคาดหวังอะไรแบบนี้ด้วย



อาจจะเป็นอาการกลัวจะเสียหน้า ถ้าเขาไม่ยอมนอนกับผมแต่กลับไปนอนกับคนอื่นผมคงขัดใจ



ผมแอบมองเขาบ่อยจนตัวเองยังรู้สึกผิดสังเกต โดยปกติแล้วผมไม่ชอบจุ้นจ้านเรื่องคนอื่น ถ้าเขาบอกไม่ก็คือไม่ ไม่มีการต่อรองนอกรอบ จบกันแค่นั้น แม้ส่วนใหญ่จะไม่มีปฏิเสธผมก็ตาม แต่โยธา...ผมไม่รู้ทำไมถึงเอาแต่มองเขามาได้สองอาทิตย์แล้ว หนูจี๊ดยังคงเดินเชิดหน้าไม่สนใจใครเหมือนเดิม และก็มีคนเข้าหาเขามากเหมือนเดิม



เขาไม่ค่อยไปร้านเหล้าแล้ว คงเพราะใกล้ส่งงานด้วย แต่อีกส่วนหนึ่งผมคิดว่าเจ้าตัวคงรู้ดีว่ามีหลายๆ คนเล็งจะงาบเขาอยู่ ถึงได้ห่างๆ จากสุรามึนเมา ซึ่งมันก็ดีแล้ว...เอาตัวเองให้ห่างจากอันตราย



แต่นั่นหมายความว่าผมเองก็ไม่มีทางเข้าหาโยธาได้อีก



ซึ่ง...ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าติดใจเขาอะไรขนาดนี้ ขนาดที่ว่าคู่ขาคนโปรดของผมก็เอาไม่อยู่ ในเมื่อผมเอาแต่ใจลอยคิดถึงเขาขณะร่วมรักกับใครอีกคน จนต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ ยอมไม่นอนกับใครอีกเพื่อปรับอารมณ์ตัวเองให้กลับมาคงที่เหมือนเดิม



และในระหว่างที่กำลังนั่งคอยเพื่อนผมเลิกเรียนอยู่นั้น สายตาผมก็พลันเหลือบไปเห็นร่างเล็กที่คุ้นเคย วิ่งดุ๊กๆ หายไปยังที่จอดรถ ตามมาด้วยผู้ชายตัวโตที่ผมไม่เคยเห็นหน้า ดูท่าคงเป็นเด็กนอกคณะ



ไม่รู้อะไรสั่งให้ผมเดินตามไปดูเขา แต่นั่นทำให้ผมพบว่าเจ้าหนูตัวเล็กกำลังตกอยู่ในอันตราย



ผมเห็นเขาพยายามเปิดรถตัวเองเพื่อเข้าไปหลบผู้ชายคนนั้น ทว่าไม่ทัน ขาสั้นๆ ของเขาวิ่งไปถึงรถช้ากว่าคนตัวโต ทำให้เขาถูกอีกฝ่ายกระชากแขนได้ทันก่อนที่ตัวเองจะมุดเข้าไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย



ผมลอบสังเกตเงียบๆ จุดบุหรี่คอยลุ้นอยู่ห่างๆ



หนูจี๊ดโดนลากออกไปจากรถคันหรู เขาพยายามขืนตัวแล้ว แต่ตัวแค่นั้นจะไปสู้แรงคนที่ตัวโตกว่าตัวเองเกือบสองเท่ายังไงไหว และท่าทางการปกป้องตัวเองก็อ่อนแอเสียจนอย่าหัวร่อ เขาใช้มือเล็กๆ นั่นตีแขนอีกฝ่ายซ้ำๆ ใช้ดวงตาเฉี่ยวคมพยายามจ้องขู่ ปากร้องบอกให้อีกฝ่ายปล่อย ไม่ต่างอะไรจากที่เคยทำกับผม รู้เลยว่านั่นนอกจากไม่เจ็บแล้วยังไม่ทำให้คันอีกต่างหาก



ลานจอดรถที่คณะไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ ช่วงนี้ฟ้าเริ่มมืด ผู้คนมักจะออกจากคณะไปแล้ว ไม่ก็ไปทานข้าวเย็น ทำให้ที่ตรงนี้แม้จะเป็นที่โล่งแต่กลับดูร้าง กลายเป็นสถานที่สำหรับผู้ไม่หวังดีได้ทันที ไม่ทันที่จะได้รู้ว่าผู้ชายคนนั้นจะพาโยธาไปไหน ผมก็โผล่เข้าไปขัดจังหวะเสียก่อน



ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นฮีโร่ แต่ถ้าหมอนั่นได้ตัวโยธาไปทั้งๆ ที่ผมไม่เคยได้แม่แต่จูบก็คงจะเจ็บใจไม่น้อย



“ปล่อยเขา” ผมบอกอีกฝ่ายที่กำแขนโยธาแน่น ไอ้นั้นทำแค่มองผมโกรธๆ ก่อนเอ่ย



“ผมแค่จะพาเขาไปคุยให้รู้เรื่อง”



“ปล่อย!”



“ดูเหมือนน้องกูไม่ได้ต้องการจะคุยกับมึงนะ”



“แค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย ไม่ต้องมายุ่ง”



ผมเลิกคิ้ว จ้องไปยังคนตัวเล็กที่ทำหน้าเหมือนหนูขู่แฟ่ๆ “ว่าไงล่ะโยธา อยากให้กูยุ่งรึเปล่า”



หนูตัวขาวที่จนมุมนิ่งไปสักพักนึงก่อนพยักหน้า ท่าทางจนใจนั่นน่ารักเสียจนผมเผลอลอบยิ้มออกมา



“งั้นมึงก็ปล่อยได้แล้ว”



“บอกว่าไม่ต้องมายุ่งไง”



“จะให้กูต่อยมึงหรือว่าให้ปล่อยคลิปที่มึงฉุดน้องกูดี”



ไอ้หน้าโง่เบิกตาโต แน่นอน ผมแอบมองอยู่แต่ไม่ได้ถ่ายคลิปอะไรหรอก แค่ขู่มันไปงั้น มีเรื่องกันในมหาลัยคงไม่ดีเท่าไหร่ แต่ถ้าข้างนอกผมคงไม่รอช้าที่จะต่อยมันให้หน้าแหก



สุดท้ายไอ้คนนอกคณะก็ยอมปล่อยแขนโยธา ท่าทางโกรธจัดแต่ผมไม่สนใจเขาอีก เดินไปโอบตัวคนตัวเล็กก่อนพาเขาไปยังรถหรู



เมื่อยัดโยธาเข้าไปในรถของเขาได้แล้ว ผมก็เปิดปาก



“ไหนคำขอบคุณ”



“...ขอบคุณ”



“เป็นงี้มานานยัง”



“อะไร”



“มีคนมาตามแบบนี้”



“...”



ไม่ตอบอีก



“อยากให้ช่วยอีกไหม”



“...ไม่เป็นไร”



“ก็เห็นๆ อยู่ว่าเอาตัวเองไม่รอด”



“...” คราวนี้เขาไม่เถียง แต่กลับก้มหน้างุดแทน



“ก็ถ้าข่าวลือเรื่องมึงมันแย่ขนาดนั้นล่ะก็ ลองเปลี่ยนมันดูไหม”



คนตัวขาวใช้ดวงตากลมที่อยู่ภายใต้เปลือกตาชั้นเดียวนั่นจ้องมองมาที่ผม ราวกับรอประโยคถัดไป...ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงคิดเช่นนั้น



“เปลี่ยนมาเป็นอ้าขาให้กูคนเดียว”










พี่ฮิมเป็นคนปากหมา

มาให้กำลังใจหนูจี๊ดกันนะคะ 5555

ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามค่ะ

#ณพระจันทร์








ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.03 am.| 16.5.2018 p.2
«ตอบ #46 เมื่อ16-05-2018 00:47:28 »

อิพี่ฮิมมมมมมม ยังไงก็กำไร :katai5:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.03 am.| 16.5.2018 p.2
«ตอบ #47 เมื่อ16-05-2018 01:29:07 »

 :pig4: :pig4: :pig4:


อุต้ะ   เปลี่ยนข่าวลือเป็นแบบนั้น  มันก็ไม่ต่างจากเดิมหรอก   

ใช้ความหมายเดิม ๆ ได้  แต่เปลี่ยนคำพูดเป็นแบบที่ดูดีกว่านี้จะดีกว่าเนอะ  เช่น  คบกันกับ...แล้ว  เลิกพฤติกรรมตามข่าวลือแล้ว ไรเทือกนั้น

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.03 am.| 16.5.2018 p.2
«ตอบ #48 เมื่อ16-05-2018 01:43:39 »

อีพี่ แกก็ไม่ต่างจากคนอื่นเลยนะ  :m16:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.03 am.| 16.5.2018 p.2
«ตอบ #49 เมื่อ16-05-2018 06:42:06 »

พี่ฮิมมมมมมมมม พูดให้ดูดีกว่านี้หน่อย  :angry2: :angry2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.03 am.| 16.5.2018 p.2
« ตอบ #49 เมื่อ: 16-05-2018 06:42:06 »





ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.03 am.| 16.5.2018 p.2
«ตอบ #50 เมื่อ16-05-2018 10:17:11 »

ว้าววว มาเปลี่ยนข่าวลือกัน :hao7:

ออฟไลน์ aha_aha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-5
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.03 am.| 16.5.2018 p.2
«ตอบ #51 เมื่อ16-05-2018 17:02:21 »

แหมมมมม อิพี่ฮิม ขอแบบนี้ไม่โดนต่อยปากแตกนี่ถือว่าบุญละนะแก จะจอเค้าคบก็พูดดีๆเว้ย!!!

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |1.03 am.| 16.5.2018 p.2
«ตอบ #52 เมื่อ18-05-2018 23:53:37 »

อย่าไปยุ่งกับมันลู้กกกก เดี๋ยวแม่จะปกป้องหนูเองงง

ออฟไลน์ Raccool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +237/-2
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.04 am.| 19.5.2018 p.2
«ตอบ #53 เมื่อ19-05-2018 00:26:30 »

00.04 am.



เราพบเห็นสีฟ้าทุกวัน ทว่าไม่เคยได้สัมผัส



สีฟ้าสำหรับผมแล้วขึ้นชื่อว่าเป็นสีที่สวยงามและน่าพิศวงในเวลาเดียวกัน ลองสังเกตดีๆ เราจะเห็นสีฟ้าอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะจากท้องฟ้าหรือจากน้ำทะเล ทว่ากลับไม่เคยได้สัมผัส ท้องฟ้าอยู่ไกลเกินเอื้ม ส่วนน้ำทะเลเมื่อบรรจุลงในภาชนะอื่นที่ไม่ใช่มหาสมุทรแล้วก็จะไม่ใช่สีฟ้าอีกต่อไป



สีฟ้าเคยเป็นสีที่หาได้ยากมากในวงการศิลปะ จนกระทั่งสีอุลตร้ามารีนถูกผลิตขึ้นมา สีฟ้าจึงได้ถูกจับต้องได้ในที่สุด กลายเป็นที่ต้องการไปทั่วโลกและเคยมีราคาแพงมากกว่าทอง ในยุคสมัยนั้นสีฟ้าจึงไปปรากฏอยู่ในงานศิลปะชั้นสูงมากมาย



อ่า...ดวงตาของเขาใกล้เคียงกับคำว่าสีฟ้านั่นมากทีเดียว



ผมเหม่อลอย จมไปกับความคิดของสีฟ้าที่เคยได้รับรู้มาโดยมีที่มาจากเขา คนที่เหมือนแมวหง่าวนอนคว่ำตัวอยู่บนเตียงผม หันหน้าออกข้างซุกกับหมอนใบโต เป็นอีกครั้งที่เปิดประตูให้เด็กขี้เมาเข้าบ้าน แต่ดูท่าว่าคงต้องเปลี่ยนเป็นเด็กขี้เหงาเสียมากกว่า



แสงอาทิตย์ฉาบลำตัวบอบบางนั่นผ่านผ้าม่าน ลัลยังคงนอนอุตุแน่นิ่ง และแน่นอนว่าเรายังไม่ได้ทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านอนเฉยๆ เขาเข้านอนเมื่อดื่มเบียร์หมดเป็นกระป๋องที่สอง พร้อมๆ กับผมที่หมดอารมณ์ละเลงสีบนผืนผ้าใบ เราจึงได้เข้านอนพร้อมกันอีกครั้ง เป็นอีกครั้งที่ผมตื่นก่อนเขา และเรือนร่างของลัลทำให้ผมเผลอจับจ้องจมลงไปในห้วงความคิดอย่างไร้สติเช่นนี้



ผมไล่มือไปสัมผัสเอวคอดอย่างเผลอตัว เมื่อลัลไม่รู้สึกตัวจากสัมผัสของผมทำให้ตัวเองได้ใจ เลื่อนมือไปลองลูบเส้นผมนุ่มนั่นดูอีกครั้ง พลางนึกเสียดาย ผมชอบตอนมันยาวกว่านี้นิดหน่อย



ละจากการสัมผัสตัว ผมเบนสายตาไปจับจ้องใบหน้าสวยหวานยามหลับใหล แม้ยามนอนเขายังแผ่เสน่ห์น่าดึงดูดได้อย่างไม่ลดละ ราวกับดอกไม้งามที่ใช้กลิ่นหอมหลอกล่อแมลงให้เข้าใกล้ หรือไม่ก็อาจจะเป็นผีพราย ร่ายมนต์เสน่ห์ให้ทุกคนที่ได้เห็นต่างหลงใหลมัวเมาไปกับรูปร่างของเขา



เขาน่าหลงใหล ราวกับหลุดมาจากอีกโลกหนึ่ง เมื่อได้เห็นแล้วยากที่จะห้ามความต้องการไม่ให้ครอบครอง ทว่าดูเป็นของชั้นสูงเหมือนกับสีฟ้าในสมัยก่อน หายากและราคาแพง ช่างอยู่ห่างไกลจากปถุชนธรรมดาอย่างผม ยิ่งมอง ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะครอบครองสีฟ้าในดวงตาของเขาไว้ได้เลย



ก่อนที่ผมจะตกกับดักของผีพราย ผมผุดตัวลุกขึ้น ก้าวเท้าอย่างรวดเร็วไปยังห้องทำงาน คว้าเฟรมผ้าใบผืนใหม่ที่ขาวสะอาด วางตั้งลงกับขาตั้งกระดานวาดรูป บีบสีน้ำมันในหลอดผสมกันตามใจนึก ก่อนจรดพู่กันลงบนเฟรมผ้าใบ



สีขาวจึงถูกแต้มด้วยสีฟ้า



ผมจับจ้องไปยังผืนผ้าใบ ตวัดปลายพู่กันไปทีละนิด นึกถึงดวงตาของเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย อันที่จริง...เหมือนกับดวงตาของเขาต่างหากที่บงการให้ผมวาดมันออกมา



บางครั้งดวงตาสีฟ้าของเขาก็เหมือนน้ำทะเล บางครั้งก็เหมือนชิ้นส่วนที่แตกสลายของผืนท้องฟ้า ผมไม่ใช่นักกวี จึงไม่สามารถหยิบยกคำบรรยายอะไรได้มากไปกว่านี้ แต่ผมเป็นศิลปิน จึงได้แต่ตวัดพู่กันลงบนเฟรมขนาดกลาง หมายจะพยายามสื่อถึงนิยามของสีฟ้าในตัวเขาแทน



เป็นงานนอกเวลาที่ผมเพิ่งเคยทำเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี



งานศิลปะไม่ได้เป็นที่นิยมในประเทศนี้เท่าไหร่นัก ดีหน่อยที่ผมพอรู้จักคน ทำให้มีแหล่งขายงาน แต่ละชิ้นราคาไม่ได้สูงมากมาย แค่เพียงพอต่อการประทังชีวิตไปวันๆ และเพื่อจะเอาชีวิตรอดในยุคสมัยนี้ ผมที่มีความสามารถแค่การวาดรูป จึงได้แต่วาดรูป วาดรูป วาดรูป บ้างตามออร์เดอร์ บ้างตามอารมณ์ เอาให้พอขายได้ในแต่ละเดือน



พอมาคิดดูแล้ว ความหลงใหลในการวาดรูปของผมมันลดน้อยลงเรื่อยๆ จากที่ทำเพราะความรัก กลับกลายมาเป็นเพื่อประทังชีวิต มันไม่ใช่ทุกรูปที่ผมวาดด้วยใจอีกต่อไปแล้ว



เขาทำให้ผมมีประกายไฟในการวาดรูปอีกครั้ง วาดรูปที่ไม่เกี่ยวข้องกับเงิน แต่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณ



เขาทำให้ผมกลับมาหลงใหลในหลอดสีและพู่กัน



ภาพส่วนใหญ่ที่ผมวาดเป็นวิวทิวทัศน์ ที่มักจะขายได้ให้กับทางโรงแรมหรู หรือร้านอาหารราคาแพง บ้างก็เป็นรูปนามธรรม ดูผิวเผินอาจจะไม่ต่างจากการละเลงสีมั่วซั่ว ทว่าแท้จริงแล้วมันถูกผ่านการตีความมานับแสน หรืออย่างมากที่สุดก็อาจเป็นภาพสัตว์ สัตว์ในโลกแห่งความจริงหรือสัตว์ในโลกแฟนตาซี นิทานปรัมปราเองก็เป็นที่นิยมไม่น้อย หลายสิ่งอย่างถูกผมส่งต่อผ่านพู่กันและสีกลายเป็นผลงานที่มีราคา ผมวาดหลายสิ่งอย่างทว่าไม่ได้วาดรูปคนมานานมากแล้ว ผมไม่รับวาดภาพเหมือน



แต่เมื่อคืนกลับเอ่ยขอให้เขาเป็นต้นแบบรูปภาพอย่างน่าอาย



ผมแต้มสีฟ้า Cobalt blue ทับลงสีฟ้าแรกที่อยู่บนเฟรม ตวัดปาดพู่กันโดยใช้สีโทนเดิมๆ ย้ำลงไปซ้ำๆ หาจังหวะของช่วงสีที่จะสามารถบรรยายความรู้สึกยามที่ผมสบตาเขา



แสงอาทิตย์เริ่มส่งความร้อนมากขึ้นตามช่วงเวลา ห้องทำงานของผมอยู่ทางทิศตะวันออก ทำให้แสงแดดในยามเช้าแทรกตัวเข้ามาอย่างง่ายดาย และไอร้อนของมันก็ทำให้ผมเริ่มเหงื่อซึม ทว่าไม่อาจละแปรงพู่กันออกจากภาพนี้ได้... ยังไม่ใช่ตอนนี้



จนกระทั่งเสียงประตูเปิดออก ผมหันไปมองผู้มาเยือน



ซินเดอเรลล่าวันนี้ไม่หนีกลับบ้านแฮะ...



เขายืนจ้องผมอยู่หน้าห้อง ก่อนแทรกตัวเข้ามา สองขาเรียวเดินมาหาผมเรื่อยๆ จนร่างผอมเพรียวหยุดยืนอยู่ข้างตัวผม จับจ้องไปยังรูปที่ผมละเลงสีไว้



“คุณวาดท้องฟ้าหรือ...”



ผมไม่ตอบ หันไปมองรูปที่ตัวเองวาด สลับกับมองตาเขา พลันรู้สำนึกทันทีว่าภาพของผมนั้นช่างห่างไกลจากดวงตาของเขามากนัก ผมไม่มีความสามารถมากพอที่จะเก็บดวงตาของเขาไว้เป็นของตัวเอง



“นั่นสิ...”



ผมตอบกลับ ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ บอกไม่ได้ว่ากำลังพยายามลงสีให้เสมือนดวงตาของเขาอยู่ ทว่าดวงตาที่เคยจ้องมองเท่าไหร่ก็เห็นแต่ภาพน้ำทะเล แต่เจ้าของดวงตากลับคิดว่ามันคือท้องฟ้า...



อา...ผมก็อยากให้ดวงตาของเขากลายเป็นท้องฟ้าเหมือนกันนะ อยากจะเปลี่ยนดวงตาสีน้ำทะเลที่เจือความโศกเศร้านี้ให้กลายมาเป็นความสดใสของท้องฟ้าจริงๆ ไม่ใช่น้ำทะเลที่สะท้อนภาพท้องฟ้าเช่นตอนนี้



ผมปล่อยมือ วางพู่กันและจานสีลงบนโต๊ะตัวเล็ก หมุนตัวไปทางเขา



“หิวหรือยัง กินอะไรมั้ย”



นัยน์ตาสีฟ้าสะท้อนแสงอาทิตย์จ้องกลับมายังผม กระพริบตานึกคิดอยู่สองสามทีก่อนจะเผยอปากเอ่ย



“แล้วแต่คุณเถอะ”



ผมนิ่ง...นึกคิดได้สักพักก็ตอบเขา “นายจะยังอยู่ไหมเถอะ คราวที่แล้วตอนฉันออกไปซื้อข้าวก็เล่นออกไปไม่บอกกันก่อน”




“ก็ตอนนั้น...” ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงขบเม้มคล้ายกำลังนึกคิด ก่อนพูดต่อ “...คุณไม่อยู่”



“หืม?”



“ผมตื่นมาแล้วไม่เจอคุณ...ไม่รู้ว่าคุณไปไหน ผมก็กลับบ้านสิ”



อา...อย่างนี้นี่เอง เขาไม่ได้หนีหายผมไปอย่างที่คิด และผมก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงกับความรู้สึกยินดีอย่างน่าประหลาดนี่ดี



วันนั้นลัลอยู่ในบ้านผมทั้งวัน เจ้าตัวแค่กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่บ้านตัวเองเท่านั้น และหลังจากนั้นก็มาป่วนผมจนถึงเวลาเข้านอน เขายังคงไม่หยุดทำตัวยั่วยวนให้ผมกอด มันยากนะที่ต้องห้ามใจไม่ให้ขย้ำเรียวขาสวยนั่นให้ขึ้นสี จับเอวคอดนั่นพลิกคว่ำ ตั้งท่าทำอะไรๆ ให้สมใจอยาก ในเมื่อทั้งร่างกายทั้งกลิ่นกายของเขาดึงดูดเสียขนาดนี้



แต่เชื่อเถอะ จนถึงตอนนี้ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเด็กนี่ไปมากกว่านอนกอด



และในเช้าต่อมา เขาก็หายไป...



หายไปอย่างไม่บอกกล่าว และผมไม่เจอเขาอีกเลยสี่วันหลังจากนั้น



ซินเดอเรลล่าขี้เมาทำให้ผมปวดหัวกับการกระทำของเขา ไม่รู้ว่าการที่เขาหายไปจากอ้อมกอดผมตอนนั้นเป็นเพราะอะไร อาจเพราะผมไม่กอดเขาอย่างที่เจ้าตัวต้องการ? หรือว่ามีเรื่องอื่นที่ต้องรีบไปจัดการ ธุระสำคัญที่ไม่ได้บอกผมไว้ก่อน ยังไงเสีย...ผมก็แค่คนข้างบ้าน ไม่ได้มีสิทธิ์รับรู้ชีวิตเขามากไปกว่านี้



แต่ถึงยังไง ก็อดหงุดหงิดเล็กๆ ในใจไม่ได้



จนกระทั่งในวันที่ลมพัดแรงในกลางดึก ผมได้ยินเสียงเคร้งๆ อันคุ้นเคย ในทีแรกก็ว่าจะทำเป็นไม่ใส่ใจ ลัลคงเมากลับบ้านเหมือนที่ผ่านมา ทว่าเสียงรั้วเหล็กยังคงกระทบกันส่งเสียงดังหนวกหูจนผมต้องยอมลุกจากเก้าอี้ เดินออกไปยังระเบียงชั้นสองเพื่อส่องดูว่าเจ้าเด็กนี่ทำอะไร



ลมพัดแรงจนต้นไม้เอนตามแรงลม ใบไม้เสียดสีกันจนเกิดเสียงดังประหลาด ลมแรงวิ่งผ่านช่องลมเล็กๆ ในบ้านจนเกิดเสียงดังน่ากลัว และเขาที่ยืนเขย่ารั้วเหล็กหน้าบ้านผมแข่งกันเสียงลม...



“ทำอะไร”



ผมเอ่ยทัก คนข้างล่างเงยหน้าใช้ดวงตาสีฟ้าช้อนมองผม



“เปิดให้หน่อย”



“ทำไม”



“นอนด้วย”



“กลับบ้านไปเลย”



ผมเอ่ย คิดว่าตัวเองเหมือนสาวน้อยขี้น้อยใจกำลังประชดประชันคนรัก แต่หนึ่ง...ผมไม่ใช่สาวน้อย และสอง เขาไม่ใช่คนรัก ดังนั้นที่ผมพูดไปก็เพราะรำคาญใจเท่านั้น



“เปิดหน่อย”



ไอ้เด็กขี้เมายังคงไม่ยอมแพ้ เอ่ยร้องขอ แรงลมพัดจนเส้นผมสีดำสนิทของเขาปลิวสยาย เด็กหนุ่มหน้ามุ่ยเมื่อเส้นผมพันกันพลันวัน จนผมยุ่งปรกหน้าไปหมด



“ฝนจะตกแล้ว เข้าบ้านไป”



เขาส่ายหน้า ร้องอ้อนอีกครั้ง “ให้ผมนอนด้วยนะ”



“ไม่ต้อนรับคนเมาโว้ย”



สิ้นสุดความอดทน ผมแทบจะตะโกนบอกคนข้างล่าง หวังให้เขาหนีเข้าบ้านตัวเองไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ความสัมพันธ์แปลกๆ นี่จะได้จบเสียที



ครานี้คนเมาไม่เงยหน้ามาตอบผมอีก เขาจ้องรั้วเหล็กหน้าบ้านผมสักพัก ส่วนผมก็จ้องเขาอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งฝ่ามือเขากุมรั้วเหล็กที่บ้านของผมแน่น ก่อนเตะขาตัวเองให้ขึ้นมายืนบนรั้วเหล็กส่วนที่พาดเป็นเส้นแนวนอน



“ไอ้เด็กบ้า อย่าปีนรั้วสิวะ!” ผมร้องลั่นเมื่อเห็นว่าเขาพยายามจะทำอะไร คนหนุ่มไม่ตอบผม แต่กลับพยายามดันตัวให้ข้ามรั้วสูงนี่แทน



“ลงมาเลย เดี๋ยวไปเปิดประตูให้” จนผมจนใจ ร้องบอกเขาไปเพื่อหวังให้เด็กเปรตเลิกพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงให้เกิดอันตรายนี่



เขาแหงนหน้าขึ้นมามองผม คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน ใบหน้าหวานเริ่มนิ่วหน้า



“ลงยังไงอ่ะ”



“โว้ย รออยู่ตรงนั้นเลย” ผมร้องโวย รีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้านเพื่อลงไปเปิดประตูชั้นล่างให้เด็กเวร ยังดีที่เด็กซนเชื่อฟังคำสั่ง เขาคร่อมอยู่ระหว่างรั้วบ้านของผม สภาพเดียวกับตอนที่ผมบอกให้รอ รั้วบ้านไม่ได้สูงมาก ระดับส่วนที่สูงที่สุดน่าจะอยู่ที่เกือบสองเมตร เท่ากับความสูงประตูทั่วไป แต่ถึงอย่างนั้นการปีนขึ้นไปก็อันตรายอยู่ดี



ผมเดินเข้าไปใกล้คนเมาเอาแต่ใจ ก่อนบอกให้เขายกขาอีกข้างให้ข้ามรั้ว จะได้ไม่ต้องอยู่ในท่านั่งคร่อมรั้ว และน่าจะง่ายสุดในการลงมา เขาทำตาม ตวัดเรียวขายาวนั่นให้ผ่านรั้วก่อนจะทิ้งตัวลงมาในจังหวะเดียวกัน ผมตกใจร้องลั่น และไม่ทันตั้งตัว ตัวเองก็พุ่งเข้าไปรับร่างของเขาไว้ในอ้อมกอดแล้ว



“ไอ้...เด็ก...เปรต”



ผมเค้นคำพูดลอดไรฟัน ข่มอารมณ์ความโมโห เด็กเปรตในอ้อมกอดเกาะผมเป็นลูกลิงแน่น จนผมวางเขาลงพื้นแล้วเจ้าตัวก็ยังเกาะผมไม่ปล่อย



 “นอนด้วยนะ”



ก็เล่นบังคับกันขนาดนี้ จะให้ทำใจแข็งไล่ไปอีกก็คงไม่ไหว กลัวว่าเขาจะไปทำอะไรโง่ๆ อีกหรอกถึงได้ยอม



“เออ”








#ณพระจันทร์

 

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.04 am.| 19.5.2018 p.2
«ตอบ #54 เมื่อ19-05-2018 00:57:23 »

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.04 am.| 19.5.2018 p.2
«ตอบ #55 เมื่อ19-05-2018 03:00:31 »

 :katai4: ตลกน้องเมาปีนกำแพงบ้าน

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.04 am.| 19.5.2018 p.2
«ตอบ #56 เมื่อ19-05-2018 03:51:22 »

เดินไปเปิดประตูรั้วให้เข้าบ้านก็หมดเรื่องแล้ว  :hao3:

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.04 am.| 19.5.2018 p.2
«ตอบ #57 เมื่อ19-05-2018 08:36:15 »

ลงทุนหนักมากกก  o13 ให้น้องนอนด้วยเถอะ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.04 am.| 19.5.2018 p.2
«ตอบ #58 เมื่อ19-05-2018 14:04:50 »

แพ้ทางเด็กขี้เหงา  :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
Re: ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์ |00.04 am.| 19.5.2018 p.2
«ตอบ #59 เมื่อ20-05-2018 15:47:14 »

หลงน้องแล้วชัดๆนะคุณ  :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด