⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพตอนพิเศษ 2] ร.รุก ร.รับ ร.รูม 06.05.19| P.9
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพตอนพิเศษ 2] ร.รุก ร.รับ ร.รูม 06.05.19| P.9  (อ่าน 71392 ครั้ง)

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
พี่เรือเอาใจใส่ธารให้มากๆ หน่ิอยนะ
อยากให้ธารหายจากอาการซึมเศร้า
จะได้บรรเทาโทษที่พี่เรือเป็นตำรวจเหี้ยเมื่อครั้งก่อน

 :angry2:

ออฟไลน์ Pin_12442

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ Carrot_t

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่เรือกอดปลอบธารเดี๋ยวนี้เลย

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ชะตาชีวิตแต่ละคนสุดๆจริงๆ เรือทำให้ธารหันกลับมามองเห็นอีกครั้งอยากนะให้นางมีความสุขไม่อยากให้จมอยู่ในโลกของตัวเองอีก สู้ๆ

ออฟไลน์ BloodyBlue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สงสารทุกคนเลย แอบชอบแบบเวอร์เก่ามากกว่าไม่รู้สึกว่าร้ายแรงหรือเราชิน555555 รอต่อนะคะ

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1

ออฟไลน์ นางร้าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
กระสุนนัดที่ 41
ร.รั้น



[สายธาร]

“นี่วันนี้มีคั่วกลิ้งอีกแล้ว” แม่พูดพร้อมกับวางคั่วกลิ้งลงบนโต๊ะ กับข้าวทุกอย่างพร้อมแล้ว ผมกับแม่ก็นั่งลงเรียบร้อย เหลือแต่พ่อที่ยังดูข่าวอยู่หน้าจอทีวี

“ผมไม่ค่อยชอบแล้ว”

“อ้าว ทำไมล่ะ วันก่อนยังกินอยู่เลย”

“เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยกินเผ็ดครับ”

“งั้นแม่กินเอง...เดี๋ยวแม่ไปเรียกพ่อก่อน ถ้าหิวก็กินเลยนะ”

พ่อก็อยู่แค่นี้แหละ เรียกเสียงดังหน่อยก็ได้ยิน แต่พ่อไม่ชอบให้ใครใช้เสียงที่เกินระดับเสียงพูดปกติในบ้าน เขาเป็นผู้ชายหัวเก่าประเภทที่ไว้หนวด เข้มงวด และสวมความเงียบขรึมไว้บนหน้า เพราะอย่างนั้นผมเลยรอจนกว่าพ่อกับแม่มานั่งที่โต๊ะ แล้วค่อยลงมือกิน

ตั้งแต่พี่ภาณจากไป ผมคิดมาตลอดว่าชีวิตเป็นของเปราะบางและแสนสั้น แต่นั่นเป็นแค่ความคิด มาเข้าใจเอาจริงๆ ก็ตอนที่กระสุนถากขมับไปนั่นแหละ ตอนนั้นผมไม่ได้นึกถึงความตายอย่างที่ชอบนึกเลย ไม่ได้คิดว่าถ้าได้อยู่กับพี่ภาณอีกครั้งไม่ว่าในโลกนี้หรือโลกไหนมันจะเป็นยังไง สิ่งที่วาบผ่านความคิดไปกลับเป็นใบหน้าพ่อกับแม่ และเรื่องง่ายๆ อย่างเช่น กลับมานั่งกินข้าวกับพร้อมหน้าแบบนี้ ซึ่งผมควรจะกลับมาตั้งนานแล้ว

วันนี้เรานั่งกินกันไปเงียบๆ เหมือนเคย

แต่แล้วสักพักหนึ่งพ่อก็พูดขึ้น “หางานเป็นไงมั่ง”

“ก็ดีครับ”

“ดียังไง”

“สมัครไว้หลายที่ รอเรียกสัมภาษณ์อยู่”

“ถ้ามันยากนัก เดี๋ยวกูฝากให้เพื่อนที่ทำงานอยู่ศาลากลางดูให้”

“ไม่เป็นไร ผมขอหาเองดีกว่า”

“หาเองเมื่อไหร่จะได้”

“เร็วๆ นี้”

“พ่อ ใจเย็นๆ” แม่พูดเสียงเบา “อย่ากดดันสายธารมากเลย เดี๋ยวก็หาได้”

“เพราะมีคนให้ท้ายมันไง ชีวิตเลยเป็นแบบนี้”

ผมยกแก้วน้ำมาจิบเพราะกลืนข้าวไม่ลง และเห็นว่าแม่ลอบส่งยิ้มแห้งๆ มาให้ ถ้าพ่อเป็นผู้ชายหัวเก่า แม่ก็คงเป็นผู้หญิงสมัยโบราณเดินทางข้ามเวลามา คือเรียบร้อย ไม่มีปากเสียง และเป็นแม่บ้านแม่เรือน

ความเงียบแสดงตัวขึ้นมาอีกครั้ง

แต่ก็ไม่นานพอ

“เลิกเป็นตุ๊ดรึยัง” คำถามขวานผ่าซาก ฟังดูงี่เง่าเหมือนกับถามว่าส้มยังเป็นมะนาวอยู่หรือเปล่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงลุกหนีไปเลย อาจจะเก็บตัวอยู่ในห้องเงียบๆ หรือไม่ก็ออกไปหาที่โล่งๆ ปลอดผู้คนแล้วตะโกนดังๆ

แต่ตอนนี้ผมยังนั่งอยู่ที่เดิม

“ผมไม่ได้เป็นตุ๊ดครับ” 

“มึงชอบผู้ชาย”

“ครับ แต่ไม่ใช่ตุ๊ด”

น้ำเสียงเรียบๆ ของผมไปจี้ต่อมโมโหของพ่อเข้าเต็มๆ เขาเลยนิ่งเงียบ ซึ่งมันน่ากลัวกว่าบ่นหรือด่าซะอีก ผมหวังให้ตัวเองไม่รู้สึกอะไรเลยกับเรื่องนี้ แต่มันยังยากเกินไป ความรู้สึกหลากหลายค่อยๆ ผุดขึ้นตรงกลางอกผม ทั้งโดดเดี่ยว เว้าแหว่ง และขุ่นเคือง

ผมหยิบแก้วน้ำมาดื่ม แล้วพูดกับแม่โดยตรง “อิ่มแล้วครับ เดี๋ยวอีกแป๊บผมลงมาช่วยล้างจานนะ”

“ไม่ต้องๆ แม่จัดการได้”

“ครับ” ว่าแล้วก็ลุกขึ้น

“เดี๋ยว กูยังพูดไม่จบ”

“...”

“จะเป็นอะไรก็เป็น เลี้ยงตัวเองให้รอดละกัน กูจะได้หมดห่วง”

หือ?

เกิดไรขึ้น

นี่พ่อตัวจริงหรือเปล่า หรือว่าเป็นพ่อจากอีกมิติ

หรือว่าเวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยนอย่างที่คนพูดกัน แต่พ่ออาจจะยังไม่เข้าใจสิ่งที่เพิ่งพูดออกมาก็ได้ เหมือนกับผมในตอนนี้ที่รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลย ชีวิตโหดเกินไป มันทุบตีผมซ้ำๆ จนตัวตนบุบบี้ไปหมด

บางครั้งความคิดผมขัดแย้งกันอย่างหนัก

บางครั้งไม่คิดอะไร

และบางครั้งเหมือนเป็นความคิดของคนอื่น...เหมือนตอนนี้ที่จู่ๆ เสียงของเรือใบก็ผุดขึ้นมา

พ่อมึงเป็นคนเหล็กเหรอ เสียงนิ่งโคตรๆ

ใช่ ถ้าเขายืนอยู่ตรงนี้ด้วยก็อาจจะเอียงหน้ามากระซิบกับผมแบบนี้

ผมควรพูดยังไงกับพ่อดี

“พ่อไม่ต้องห่วงครับ พี่ภาณเขาตายแล้ว” ในที่สุดผมก็พูดแค่นั้น ก่อนจะเดินออกมา

นึกว่าพ่อจะรั้งไว้อีก แต่ข้างหลังผมเหลือเพียงแค่ความเงียบ ผมเดินกลับขึ้นมาจนถึงห้องตัวเอง แล้วทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียง

เฮ้ย พูดจริงนะ พ่อมึงเป็นหุ่นยนต์แน่ๆ

เสียงเรือใบดังอยู่ในหัวผม

ขณะเดียวกัน ภาพใบหน้าพี่ภาณก็ลอยอยู่บนเพดาน

ผมคิดว่า...พี่ภาณไม่อยากให้ผมตาย เขาไม่ได้อยากให้ผมไปอยู่ในโลกของวิญญาณด้วย ไม่อย่างนั้น ผมคงตายตั้งแต่ที่หลังผับคืนนั้นแล้ว ไม่น่าจะรอดมาได้ตั้งหลายครั้งขนาดนี้ บางทีพี่ภาณอาจจะเดินไปข้างหน้าไกลแล้ว 

ส่วนเรือใบ เขาอยากให้ผมอยู่ด้วยหรือเปล่า...เขาไม่ได้พูดออกมา แต่ถึงอย่างไรผมก็ไม่ใช่พยานที่เขาต้องปกป้องดูแลอีกต่อไปแล้ว นั่นก็เหตุผลหนึ่ง แต่เหตุผลที่แท้จริงก็คือ...

เขามีแรงดึงดูดมากเกินไป

หลายครั้งที่ผมเผลอตัววิ่งเข้าหาเขา แต่ก็ถูกโซ่ตรวนขาที่ชื่อว่าความรู้สึกผิดต่อพี่ภาณฉุดกระชากอย่างแรง และมันทำให้ผมเจ็บจนแทบทนไม่ไหว

ผมรู้ ถ้ายังปลดโซ่ตรวนจากข้างหลังไม่ได้ ก็ไม่ควรเอื้อมคว้าสายป่านข้างหน้า

หลบหน้าเขาคือวิธีที่ง่ายที่สุด

มึงมันบ้า เขาช่วยชีวิตมึงนะ แทบจะรับกระสุนแทนด้วยซ้ำ หนีมาแบบนี้มันถูกเหรอวะ ความคิดขั้วหนึ่งมักจะเป็นทำนองนี้ และอีกขั้วก็จะคอยแย้งตลอด

ไม่ได้หนี แค่กลับบ้านมาหาพ่อแม่

แล้วเปลี่ยนเบอร์ทำไม

เปลี่ยนไปงั้น

ไม่โทรหาเขาล่ะ

เออ เดี๋ยวโทร ขอเวลาหน่อย

โว้ย แม่งจะงี่เง่าไปถึงไหน

โอเค ฟังนะ เขาเป็นสายตำรวจ ถ้าจู่ๆ วันหนึ่งเขาถูกฆ่าตายไปอีกคน มึงไหวเหรอวะ...


ผมปล่อยให้ความคิดเถียงกันไปเรื่อยๆ ปล่อยให้มันล่องลอยไปไหนก็ได้เท่าที่มันอยาก จนไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหน มาตื่นอีกทีก็ตอนเสียงโทรศัพท์ดังในเช้าอีกวันแล้ว ถือว่าเป็นเสียงเรียกเข้าในรอบสองอาทิตย์เลยเพราะผมเปลี่ยนเบอร์ใหม่แล้ว

“ฮัลโหล” ผมกดรับสาย

[สวัสดีค่ะ คุณสายธารหรือเปล่าคะ]

“ใช่ครับ นี่ใครเหรอครับ”

[อ๋อ จากฝ่าย HR ค่ะ พอดีว่าอยากนัดสัมภาษณ์งาน ไม่ทราบว่าตอนนี้สะดวกคุยมั้ยคะ]

“สะดวกครับ”

[ตอนนี้คุณสายธารอยู่ที่ภูเก็ตหรือเปล่าคะ เห็นในเรซูมเม่กรอกไว้ว่าอยู่ภูเก็ต]

“ใช่ครับ”

[อ้อ ค่ะ งั้นถ้าจะนัดให้เข้ามาคุยบ่ายนี้เลยได้มั้ยคะ]

“บ่ายนี้เลยเหรอครับ”

[พอดีว่าผู้จัดการว่างเข้ามาพอดีน่ะ แต่ถ้าไม่สะดวก เลื่อนเป็นวันอื่นก็ได้ค่ะ]

“แล้วสถานที่คือที่ไหนครับ”

เธอบอกชื่อสถานที่มา เป็นโรงแรมใหญ่ที่อยู่ในตัวเมืองนี่เอง

ไหนว่าจะหางานในกรุงเทพฯ ไม่ใช่เหรอ แถวๆ คอนโดเรือใบด้วยยิ่งดี...

แต่ปากผมก็ตอบไปแล้ว “ได้ครับ เดี๋ยวผมไป”

ผมยกข้อมือดูนาฬิกา ถ้าไม่มัวโอ้เอ้ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร

[โอเคค่ะ เอาเป็นบ่ายโมงตรงนะคะ แล้วเจอกันค่ะคุณสายธาร]

ผมนอนเล่นต่ออีกสักพัก พอเริ่มจะเคลิ้มหลับเลยขุดตัวเองขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว ทีแรกกะว่าจะไปหาข้าวกินแถวนั้น แต่รู้สึกหิวมากจนขอหาอะไรที่บ้านรองท้องก่อนดีกว่า

“มีไรกินมั้ยแม่”

“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ แม่ทำไว้เยอะ มากินสิ...นี่จะไปไหน แต่งตัวหล่อเลย”

“สัมภาษณ์งานครับ”

“จริงเหรอ ที่ไหน”

“ในเมืองน่ะ นัดไว้บ่าย”

“เอ้าเหรอ งั้นก็รีบกินเลย เที่ยงกว่าแล้ว”

หือ?

ผมยกแขนขึ้นดูนาฬิกา เข็มสั้นยังชี้อยู่ที่เลขสิบเองนี่...เดี๋ยวนะ เข็มวินาทีก็ยังชี้อยู่ที่เดิมเหมือนกัน คงถ่านหมด หรือไม่ฟันเฟืองข้างในคงเหนื่อยล้าเต็มทีจนเดินต่อไม่ไหวแล้ว ผมควักโทรศัพท์ออกมาดูเวลา ซึ่งก็เป็นอย่างที่แม่ว่า

“งั้นผมออกไปเลยดีกว่า”

“เอางั้นเหรอ กินสักหน่อยก็น่าจะทันนะ เดี๋ยวแม่ขับไปส่ง”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเอามอไซค์ไป”

ผมกำลังจะตรงไปยังประตู แต่เปลี่ยนใจกะทันหันกลับขึ้นไปที่ห้องนอนก่อน ถึงจะรีบยังไงก็ควรสละเวลาสักนิดสำหรับเรื่องนี้

คราวนี้ผมมองนาฬิกาข้อมือใกล้ๆ ขอบหน้าปัดเป็นรอยถลอกเหมือนแผล และเข็มวินาทียังนิ่งสนิท

นี่คือของขวัญ

นี่คือตัวแทนของพี่ภาณ

ตลอดเวลาที่สวมไว้ผมรู้สึกเหมือนมีพี่ภาณคอยดูแลปกป้องผมอยู่ใกล้ๆ ซึ่งหลังจากเขาไม่อยู่แล้ว มันก็ทำหน้าที่แทนเขาได้อย่างดีมาตลอดสองปี แต่ตอนนี้เข็มของมันไม่ต้องมาเดินวนลูปซ้ำๆ อีกแล้ว

ผมถอดของขวัญชิ้นนี้ออกจากแขน พลันรู้สึกราวกับได้ปลดพันธนาการให้กับทั้งพี่ภาณและตัวเอง “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ” นิ้วโป้งลูบแผลถลอกบนหน้าปัดเบาๆ แต่คำพูดนั้นสื่อถึงพี่ภาณโดยตรง “พักผ่อนให้สบายนะพี่...”

รักนะครับ

อยากจบประโยคด้วยคำนั้น แต่ริมฝีปากกลับเม้มแน่นไม่ยอมพูด

สุดท้าย ผมแค่วางมันลงอย่างเบามือบนหัวเตียง แล้วกลับลงมาข้างล่าง

“นี่ แม่ทำแซนวิชเสร็จพอดี เอาไปกินรองท้องนะ”

“ไม่เป็นไรครับแม่ ไม่ค่อยหิวแล้ว ไว้กลับมากินมื้อเย็นหนักๆ เลยละกัน...ขนมปังยังเหลือใช่มั้ยครับ เดี๋ยวผมจะสอนแม่ทำท่อนแยมทอดนะ พ่อน่าจะชอบ”

“ท่อนอะไรนะ”

“ท่อนแยมทอดครับ ผมทำให้เพื่อนกิน เขาบอกว่าอร่อยกว่าแซนวิชเยอะเลย ไปละแม่”

“จ้ะ ขับรถดีๆ นะ”

“ครับ”

ผมเปิดประตูบ้าน แล้วก้าวออกไปสู่แสงเจิดจ้าของเดือนตุลาคม ท้องฟ้าสว่างมากจนต้องหยีตา ข้อมือซ้ายเบาโหวงเหมือนอวัยวะบางส่วนหายไป 

แต่เป็นความรู้สึกที่ดี

ดีตรงที่ ในที่สุดผมก็สามารถก้าวออกไปเผชิญโลกด้วยกำลังขาของตัวเอง







_____________________

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ
Appreciate ทุกช่วงเวลาที่ได้อยู่กับนิยายเรื่องนี้เลยค่ะ
ขอบคุณทุกคอมเมนต์เลยนะคะ T T
#รรรเรือ

นางร้าย
22.09.18

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-09-2018 23:36:07 โดย นางร้าย »

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หนีมาตั้งหลักหรอธาร  :hao4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Carrot_t

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รีบกลับไปหาพี่เรือน้าา ป่านนี้คิดถึงแย่แล้ววว

ออฟไลน์ aisen

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
จะมีอะไรเกิดขึ้นไหมนะ พี่เรือจะรู้ไหม

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
โรงแรมพี่เรือรึเปล่า แฮร่ !!!!!!
นี่ก็มโนได้ตล๊อด  :z10:

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
จะได้เจอกันอีกใช่ไหม เนิ่มต้นใหม่นะธาร :กอด1:

ออฟไลน์ brapair

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ชอบมากกกกกกกเลยค่ะะะ อ่านรวดเดียวจนตอนล่าสุดเลยยย555555
เราดีใจมากที่ตอนนี้ธารปล่อยวางพี่ภาณได้แล้ว เริ่มต้นกับชีวิตใหม่นะลูกกกก
แล้วนี่ก็แอบคิดว่าคนที่เรียกธารไปสัมน่าจะเป็นเรือป้ะ ใช่มะ พูด55555
กลับมาทำธุรกิจครอบครัวตามที่เฮียบอกไรงี้

ปล.ชอบตัวละครเรือใบมากก แบบชอบพูดไรกากๆแต่ว่าก็เลี้ยงดูนุ้งธารอย่างดีมาตลอด โอ้ยย ซึนเก่งงง

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
ขอให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีนะ

ออฟไลน์ dekying kukkig

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-1
สายธารนี่ให้อารมณ์เหมือนชื่อเลยอ่ะ ค่อยๆไหลค่อยๆไปเรื่อยๆช้าๆ จริงๆจะมองว่าเหมือนเป็นเกาะป้องกันตัวเองอย่างหนึ่งหรือเปล่า แต่มันก็ดูเหมือนเส้นบาง ๆ ทีเหมือนจะไม่สนใจคนอื่นนอกจากตัวเองเหมือนกัน
เอาเป็นว่ามาลุ้นกันว่างานที่ไปสมัครจะใช่อย่างที่เราคิดหรือเปล่า  o13

ออฟไลน์ นางร้าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
กระสุนนัดที่ 42
ร.ระอุ



[เรือใบ]

“สรุปเฮียจะไม่ลาออก?” ผมถามหลังจากเฮียยอช์ตแถลงจุดยืนเสียงอ้อมแอ้ม เรานั่งกันอยู่ในร้านกาแฟใกล้คอนโดผม นี่ถือเป็นการประชุมครั้งแรกนับตั้งแต่เหตุการณ์บ้านร้างวันนั้น

“เปล่า ยังไม่ลาออกต่างหาก”

นึกแล้ว ว่าต้องมามุกนี้

“เฮีย” ผมถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะพูดจริงจัง “นี่เฮียเบ่งลูกปืนออกจากหัวได้แบบวูฟเวอรีนรึเปล่า ทำให้ดูหน่อยดิ”

“อะไรนะ”

“คนเราจะแกล้งตายได้กี่ครั้งวะ”

“นี่เป็นห่วงเหรอ” เฮียยอช์ตจิบกาแฟพลางมองหน้าผม “เฮียโอเคน่า...”

“ผมขี้เกียจทำงานให้ป๊าต่างหาก” ผมยักไหล่ แล้วก็จิบกาแฟบ้าง ถึงไม่ได้มองหน้าเฮียตรงๆ แต่ก็เห็นอยู่ว่ามุมปากเขายิ้ม “อีกอย่าง เฮียพูดเองนะ ป๊าเพิ่งเป็นไข้หวัดไป ไม่รู้จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน”

“อย่างที่บอก เฮียยังไม่จบเรื่องกับพวกมัน ยังสาวไม่ถึงตัวการใหญ่เลย ไอ้มือปืนนั่นผูกคอตายในคุกซะงั้น ยังไม่ทันได้เค้นอะไรเท่าไหร่เลย”

ไอ้หมาป่าตายแล้ว

รู้งี้ผมกระทืบมันจนตายตั้งแต่ตอนนั้นก็ดี

“คนอย่างมันไม่ฆ่าตัวตายหรอก”

“เฮียก็ว่างั้น น่าจะถูกสั่งเก็บมากกว่า”

“สรุปเลยนะ ที่พูดมาทั้งหมดนี่คือ ผมต้องเป็นคนช่วยงานป๊า”

“ก็ตามที่คุยกันไง ‘เอาไว้จบเรื่องสายธารก่อน’ นี่คำพูดนายเป๊ะๆ เลยนะ”

“ผมยังไม่จบเรื่องกับสายธาร”

“อ่าว ยังไง”

“ยังติดต่อไม่ได้”

“ไม่ต้องกันตัวเป็นพยานแล้วนะ” เฮียยอช์ตมองหน้าผม เหมือนผู้ใหญ่จะจับผิดเด็ก “อย่าว่างั้นว่างี้เลยนะ เรือเป็นเกย์ใช่ป่ะ”

เฮีย!

ชัดเจน ไม่อ้อมค้อม

ตอนนั้นสายธารรู้สึกกระอักกระอ่วนแบบนี้สินะ ไม่ดิ คงหนักกว่านี้ เพราะหนังหน้าผมหนากว่า

“...” ผมกอดอกและมองหน้าเฮียกลับ

“อย่าลืมว่าเฮียก็อยู่ที่บ้านร้างด้วย เห็นหมดนั่นแหละ นั่นไม่ใช่แค่คุ้มครองพยานแล้ว”

“เออ ผมเป็นเกย์ เป็นโรคจิตชอบความรุนแรงด้วย ไม่เหมาะจะบริหารธุรกิจป๊าหรอก”

“เป็นอะไรป๊าก็ไม่ว่า แค่ทำให้ธุรกิจรอดก็พอ”

“ตอนนี้ผมสมองเสื่อมแล้วด้วย ถูกต่อยเยอะเกินไป” ผมทำปากขมุบขมิบและกลอกตาเร็วๆ “นี่แค่เบาๆ นะ บางทีนี่ลงไปชักเลย”

“ตลกมั้ยเนี่ย”

“ถ้าธุรกิจป๊าเกี่ยวกับเรื่องกระทืบคน ผมไปช่วยวันนี้เลย” ผมเปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจัง “เข้าเรื่องดีกว่าเฮีย ไหนล่ะ เคสที่คุยกัน”

“ไม่ได้เอามา”

“อันนี้แหละ ตลกแล้ว”

“เฮียว่าปล่อยผ่านดีกว่ามั้ยเรื่องนี้ มันแบบ...”

“เฮีย ถ้าไม่ใช่พี่น้องกันนี่ปากแตกไปแล้วนะ อยากเป็นตำรวจเหี้ยๆ เหรอ”

พูดแล้วขึ้น!

อารมณ์พุ่งปรี๊ดจนหัวร้อนเลย

เฮียยอช์ตถอนหายใจ แล้วหยิบซองเอกสารขนาดเอสี่ขึ้นมาวางบนโต๊ะ ผมหยิบมาเปิดดึงปึกกระดาษบางๆ ออกมาคลี่ดูคร่าวๆ

“ทำไมยังปล่อยมันไว้อีก”

“คิดว่าไงล่ะ”

“ลูกน้องเฮียขี้เกียจ”

“ต้องแกล้งขี้เกียจมากกว่า”

“เด็กเส้นว่างั้น?”

“นามสกุลทหารชั้นผู้ใหญ่น่ะ”

“ผมจัดการเอง”

“ยังไง”

“แบบที่ตำรวจทำไม่ได้ดิ ไปละเฮีย” ผมสอดเอกสารกลับเข้าซองพร้อมกับลุกขึ้น

“อ้าว กาแฟยังเต็มแก้วอยู่เลย”

“ไม่อร่อย ขม”

“แล้วเรื่องช่วยป๊าว่าไง”

“ก็อย่างที่บอก ผมยังไม่จบเรื่องกับสายธาร” ผมหันหลังกลับ แต่ก่อนจะเดินออกมาก็เสริมต่ออีกหน่อย “แล้วก็บอกไว้ตรงนี้เลยนะเฮีย ผมกับไอ้เด็กนี่ไม่จบกันง่ายๆ หรอก”




เวลา 1.45 น.

ผมขับ BMW คันใหม่มาจอดหน้าหอพักโทรมๆ หลังเดิม ใจผมอยากขับรถเก่าๆ มาที่นี่มากกว่า แต่คัมรี่โดนระเบิดไปแล้ว ฮอนด้าซีวิคคันนั้นเฮียก็เอาไปคืนบริษัทเช่าเรียบร้อย ผมเลยต้องขับคันนี้มา และตอนนี้มันดูผิดที่ผิดทางชอบกล

ผมดับเครื่องแล้วนั่งนิ่งๆ ใจพุ่งขึ้นไปชั้นสี่ห้องรองสุดท้าย นึกเห็นภาพสายธารนอนอุดอู้อยู่ในห้องคนเดียว ผ้าห่มพับเกือบจะเรียบร้อย และมีหนังสือสองสามเล่มวางซ้อนกันลวกๆ บนหัวเตียง...

ผมไม่ได้เก็บปืนลูกโม่ไว้ใต้เบาะอีกแล้ว

ปืน Glock ก็ไม่ได้พก

สิ่งที่พกมาก็มีแค่ ความหวังกับคำพูดที่เหมือนจะดิ้นขลุกขลักอยู่ในลำคอมาตลอดทาง

ผมเปิดประตูก้าวลงจากรถ ลมยามดึกของเดือนตุลาคมพลิ้วมาและซอกซอนเสื้อแจ็กเก็ตราวกับจะค้นตัวผม ผมยืนนิ่งจนสายลมผ่านไป แล้วก้าวเข้าใต้อาคาร

ลุงยามคนเดิม ฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะเหมือนเดิม

แต่โชคดี หนุ่มสาวคู่หนึ่งควงกันออกมาจากข้างใน ผมเลยแทรกผ่านประตูที่กำลังดีดกลับเข้าไปทันที

ภาพรวมในหอพักไม่ได้เงียบเท่าครั้งก่อนที่ผมมา มีเสียงทีวีและเสียงพูดคุยเบาๆ แว่วจากห้องนั้นห้องนี้ ห้องหนึ่งที่ชั้นสอง ฟังแวบเดียวรู้เลยว่ามีแก๊งจับกลุ่มเล่นเกมวินนิ่งกัน

แต่ห้องสายธารยังปิดเงียบ

ผมยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องเขาอึดใจหนึ่ง แล้วหันมาเคาะประตูฝั่งตรงข้าม

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เงียบ

ปึง ปึง ปึง!

ผมใช้ฝ่ามือทุบประตู เสียงดังพอๆ กับที่ทุบประตูห้องสายธารวันแรก คราวนี้ประตูเปิดผลัวะออก และเด็กหนุ่มหน้าตาเหวี่ยงๆ คนเดิมก็โผล่หัวออกมา

“แม่งเอ๊ย! ใครวะ”

เขาไม่สวมเสื้อ ลายสักแพนด้าเคี้ยวต้นไผ่ยังเด่นชัดและดูไม่เข้ากับหนังหน้า

“กูเอง” ผมใช้น้ำเสียงเรียบๆ เหมือนคนรู้จักกันมานาน แล้วกระตุกตีนถีบโครมสวนเข้าไป ร่างผอมๆ กระเด็นย้อนหลังไปชนกับขอบเตียงข้างใน ผมรีบตามเข้าไป กดเปิดสวิตช์ไฟตรงข้างประตูและเตรียมพร้อมจะจัดการใครอีกก็ตามที่จะพุ่งเข้ามา

ปรากฏว่ามีไอ้หนูแพนด้าอยู่คนเดียว

ผมกดล็อกประตู กวาดตามองห้องพักที่อาจจะมีหนูท่อนอนแผ่สบายใจอยู่ตรงไหนสักที่ มีแต่ขี้ยาหรือไม่ก็คนเป็นอัมพาตเท่านั้นที่อยู่ห้องแบบนี้

“มึงเป็นใครวะ”

“ไปหมดแล้วสมงสมอง”

“สัด กูถามว่ามึงเป็นใคร” เขาพูดพลางค้ำตัวลุกขึ้นยืน

“กูเคยถามตอนนั้น มึงเสพหรือค้า”

ผมเหลือบมองโต๊ะทางขวาซึ่งอุดมไปด้วยของไม่น่ามอง ไม่ว่าจะเป็นบรรดาถุงขนมขบเคี้ยว จานข้าวไม่ได้ล้าง แก้ว แปรงสีฟัน และอุปกรณ์เสพยา

“ตำรวจ?”

“เปล่า”

เจ้าตัวขมวดคิ้ว ก่อนจะเบิกตาขึ้น “มึง...จำได้แล้ว” จากนั้นท่าทีก็เปลี่ยนเป็นอ่อนน้อมลงนิดหน่อย “พี่ พี่เป็นตำรวจใช่มั้ย แต่ผมรู้กฎหมายนะ มีหมายค้นรึเปล่า”

“กูไม่ใช่ตำรวจ แล้วก็ไม่ได้มาคุยกับมึงเรื่องยา”

“...”

“สองปีก่อน เวลาดึกประมาณนี้แหละ มึงแทงคนตาย”

“ฮะ?”

หน้าตาเหลอหลาของมันทำให้หัวใจผมกระตุกวูบ อาจไม่ใช่ไอ้เด็กนี่ก็ได้ ไม่มีภาพกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุ มีแค่กล้องจากสถานที่ใกล้เคียงจับภาพท่าทางลนๆ ของหมอนี่ได้ หรืออาจจะเป็นคนอื่นที่ลักษณะคล้ายกันด้วยซ้ำ พยานแวดล้อมสองสามคนที่ให้ปากคำก็ดูไม่มีน้ำหนักอะไร ตำรวจที่รับช่วงจากผมเหมือนจะทำงานห่วยๆ ก่อนจะล็อกหวยให้ไปออกที่ขี้ยาสักคน

“มึงใช้มีดพกใบมีดยาวสี่นิ้ว”

“พูดอะไรวะ กูไม่รู้เรื่อง”

“แล้วมึงก็ได้ไปแค่ไอโฟนกับเงินไม่กี่ร้อย”

“เชี่ย มึงรู้มั้ยกูลูกใคร”

“คิดว่านามสกุลใหญ่แล้วมึงจะทำอะไรก็ได้งั้นดิ แต่ดูจากสภาพ มึงถูกตัดหางปล่อยวัดแล้วซะละมั้ง ใช่มะ”

“สัด”

“เอามีดเล่มนั้นออกมาให้กูดูซิ”

“แม่งเป็นใครเนี่ย”

“งั้นก็ได้” ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายทั้งที่ร่างกายตื่นตัวเต็มที่ “กูเอามาด้วย”

ไอ้หนูแพนด้าจับตามองขณะผมหยิบอาวุธออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตด้านใน มันคือมีดพกอย่างดีสำหรับใช้เดินป่า ผมชักมันออกจากฝักที่เป็นซองหนังและพลิกเล่นช้าๆ ใต้แสงไฟ

“ใบมีดยาวสี่นิ้ว ทำจากเหล็กกล้าแล้วก็คมจนมีดโกนเรียกป๋าได้เลย...สวยใช่มะ”

“...”

เจ้าของห้องดูอึ้งๆ

ผมส่งยิ้มให้ ใช้เท้ากวาดขยะบนโต๊ะทางขวาทิ้งบางส่วน แล้ววางมีดลงบนโต๊ะโดยหันด้ามไปทางอีกฝ่าย

“แทงกูดิ”

“...”

“เอาเลย แทงแบบที่มึงแทงวันนั้น”

ความเครียดกำลังเผาสมองมัน ลมหายใจถี่ขึ้น ตาล่อกแล่กไปมา จากนั้นก็ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้มีดอย่างกล้าๆ กลัวๆ ในที่สุดก็มันคว้ามีดไปถือไว้จนได้

ผมยังยิ้มอยู่ และต้องห้ามไม่ให้ตัวเองพุ่งเข้าไปจัดการมันในทันที ถ้าเป็นสถานการณ์อื่นผมคงไม่ยื่นอาวุธใส่มือศัตรูแบบนี้ แต่ตอนนี้ค่อนข้างจำเป็น ต้องให้มันรู้ว่าใครคือคนคุมเกมกันแน่

“โง่ชิบหาย” ไอ้หนูแพนด้าพึมพำกับตัวเอง ฉีกยิ้มอย่างกับลิงได้ครอบครองดาบเจได

ไม่มั้ง

เรื่องนี้อาจจะไม่มีงานวิจัยรองรับ แต่โดยธรรมชาติแล้ว คนเราถ้าได้ถือดาบจะฟันมากกว่าแทง ถ้าถือมีดจะแทงมากกว่าฟัน ทีนี้ก็มีแค่ว่าจะแทงล่างหรือบน

จุดสำคัญอยู่ที่การโจมตีจังหวะแรก

มันถือมีดด้วยมือขวา ถ้าผมเอี้ยวตัวไปทางซ้ายของตัวเองพร้อมกับปัดมือมันไปทางขวาเรียกว่า ‘หลบนอก’ ถ้าขยับไปทางขวาและปัดมือมันไปซ้ายคือ ‘หลบใน’ ไม่ว่าจะหลบแบบไหน ในหัวผมตอนนี้ก็มีท่าจัดการต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าสิบวิธี แต่วิธีที่ง่ายกว่านั้นคือ ล่อให้มันแทงล่างแล้วบล็อกตรงๆ ด้วยการก้าวถอยหนึ่งก้าว โก่งตัวให้พ้นระยะมีดพร้อมกับเหยียดแขนทั้งสองข้างเฉียงลงจับที่แขนมัน ต่อจากนั้นก็ไม่มีอะไรยากแล้ว

กรณีนี้ภาษากายนิดๆ หน่อยๆ จะชี้นำมันได้ ไม่ต่างจากนักมายากลที่แอบตวัดนิ้วเพื่อชี้นำให้คุณเลือกไพ่ใบที่เขาต้องการ

ผมมองลงต่ำแวบหนึ่ง ตวัดชายเสื้อแจ็กเก็ตออกด้านข้าง แล้วก็ชูมือไว้ข้างศีรษะพร้อมกับยืดตัวขึ้น

แทงท้องเลย เป้าใหญ่ขนาดนี้ไม่มีพลาดแน่นอน

แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่งับเหยื่อ มันมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วเริ่มตวัดมีดหลอกล่อไปมา ถ้าไม่ใช่เพราะโง่เกินไปจนไม่รู้เรื่อง ก็เป็นเพราะมันเจนสนามพอตัว

ผมเปลี่ยนไปใช้แผนสำรอง คือเคลียร์สมองให้โล่งและให้ร่างกายตอบสนองเอง

“นี่อะไร กังฟูแพนด้าเหรอ หรือ...”

“สัด!”

สุดท้ายแล้วขี้ยาก็คือขี้ยา ผมอ่านการเคลื่อนไหวมันออกก่อนมีดจะพุ่งสูงมาที่หน้า ผมหลบไปทางซ้ายหรือที่เรียกว่าหลบนอก พร้อมกับใช้มือขวาตะปบข้อมือมัน

หมับ!

ท่าต่อเนื่องจากนั้นคือ ฉุดแขนให้มันคะมำมาข้างหน้า แทงเข่าสวนอก รวบแขนจับบิดส่งมันลงไปนอนหงายกับพื้น ย่อตัวทิ้งเข่าลงหนักๆ ตรงกระบังลมรีดอากาศออกจากปอด และสุดท้ายก็แย่งมีดมาจ่อคอมันไว้

ไอ้หนูแพนด้าหลุดเสียงครางเอื๊อก ดวงตาเหลือกลนเหมือนยังไม่เข้าใจสถานการณ์

โทสะเข้าครอบงำผมในชั่วพริบตา อยากจะอัดหน้ามันให้เละเทะเหมือนกับไอ้หมาป่า แต่จะทำแบบนั้นไม่ได้ ต้องให้มันบอบช้ำน้อยที่สุด เพื่อไม่ให้มันอ้างได้ว่าถูกชายลึกลับเล่นงานมา

“กูจะเตือนความจำมึงให้ มึงแทงเขาตรงนี้...” ผมพูดช้าๆ พลางจิ้มปลายมีดไปตามลำตัวมัน ตามตำแหน่งแผลในรายงานชันสูตรศพ “...ตรงนี้...ตรงนี้...นี่ด้วย แล้วสุดท้ายเขาก็ตายด้วยแผลนี้” ผมเลื่อนมีดกลับมาที่ข้างลำคอมันเหมือนเดิม คราวนี้กดปลายมีดให้จมลงจนเลือดไหล “จำได้รึยัง”

“...”

มันไม่พูด ยังทำหน้าโง่ๆ ตาเหลือกอยู่เหมือนเดิม

“งั้นมึงก็เอาแผลนี้ไปให้เขาดูในนรกละกัน” ผมใช้สันมือดันคางมันให้หน้าแนบกับพื้น เงื้อมีดขึ้นให้มันเห็นชัดๆ เตรียมจะปักลงที่คอ

“ดะ...ได้ๆ”

“ได้อะไร”

“จำได้ อย่า...อย่าทำอะไรผม” ไอ้หนูแพนด้าแทบจะสะอื้นแล้วตอนนี้

“จำได้ก็ดี” ผมมองลึกเข้าไปในตามัน “มึงทำเขาทำไม”

“ไม่ได้ตั้งใจฆ่า...จริงๆ นะ เขาสู้ ผมก็เลย...โอ๊ย เจ็บ ผมขอโทษ”

“ขอโทษแล้วคนที่มึงฆ่าจะฟื้นเหรอวะ แม่ง!” ผมเงื้อมีดขึ้นอีก

“อย่า! ยอมแล้วๆ ให้ผมทำอะไรก็ได้”

สรุปว่าไม่ผิดตัว เป็นมันจริงๆ

เรื่องตลกร้ายที่ขำไม่ออกก็คือ สายธารไม่รู้เลยว่าฆาตกรมาเช่าอยู่ห้องตรงข้ามนี่เอง ส่วนไอ้หมอนี่จะรู้หรือเปล่าว่าสายธารคือคนรักของคนที่มันฆ่า...มันจะแอบยิ้มเสียดเย้ยทุกครั้งที่เห็นสายธารเดินหงอยๆ เข้าห้องหรือเปล่า ผมหวังว่าโชคชะตาคงจะแค่เล่นตลก แต่ไม่โหดร้ายขนาดนั้น

ไอ้เด็กแพนด้านี่อาจจะคิดเอาเหมือนในหนังว่า อยู่ในที่อันตรายที่สุดคือปลอดภัยที่สุด

และผมจะไม่บอกมันแน่นอนว่าคนห้องตรงข้ามเจ็บปวดแค่ไหนกับเรื่องที่มันทำ

ผมจ่อคมมีดที่คอมัน ใบหน้าแตกสลายของสายธารตอนที่ผมบอกว่าเป็นคนรับผิดชอบคดีผุดแวบขึ้นมา และมันทำให้ผมเกือบสติหลุด หัวใจเต้นรัวส่งเลือดฉีดขึ้นใบหน้า ลมหายใจถี่แรง มือกำด้ามมีดแน่น...กำๆ คลายๆ จนปวดข้อนิ้ว

ไอ้หนูแพนด้าน้ำตาไหลอาบแก้ม

ในที่สุดผมก็ฉุดลุกมันขึ้นยืน มือซ้ายกำรวบคอเสื้อ มือขวายังจ่อมีดไว้ที่ลำคอมัน “กูจะให้โอกาสมึง ไปบอกตำรวจท้องที่แบบที่บอกกูเมื่อกี้ หรือไม่ก็ให้กูเชือดแม่งตรงนี้เลย จะเอาไง”

“ได้ๆ”

“ได้อะไร”

“ผมจะบอกตำรวจ”

ผมมองสบตามัน ปล่อยให้ความเงียบกัดกินมันชั่วขณะก่อนจะพูดต่อ “ถ้าตุกติกกูตามล่ามึงแน่ กูจะกระทืบจนหน้ามึงเละ แล้วใช้มีดเล่มนี้แทงให้ยับ...เข้าใจมั้ย”

“...”

“กูถามว่าเข้าใจมั้ย!”

“ครับๆ เข้าใจ”

“งั้นก็รีบไป ก่อนที่กูจะเปลี่ยนใจ”

ผมดันตัวมันออกแรงๆ เหมือนสลัดขยะให้พ้นตัว เก็บมีดกลับเข้าซอง แล้วออกจากห้องรังหนูของมัน ที่โถงทางเดินไม่มีคนอย่างที่คาด ไม่มีแม้แต่ใครจะโผล่หัวออกมาดู ผมเลยให้เวลาตัวเองอีกหน่อยด้วยการหยุดอยู่ห้องสายธาร ยกมือทาบประตูที่ยังปิดเงียบเชียบ

นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง...

แล้วกลับลงมาที่รถ

ผมเลื่อนรถไปจอดตรงมุมมืด บริเวณเดียวกับที่ไอ้พวกแก๊งหมาป่ามาจอดดักรอผม ประมาณสิบนาทีต่อมาก็มีแท็กซี่มาจอดหน้าหอพัก ไอ้แพนด้าเดินออกมาจากใต้ตัวตึกเข้าไปนั่งในรถ ซึ่งเดาว่ามันใช้แอพฯ กดเรียกให้มารับ

ผมหรี่ตามองทะเบียน

รอจนรถเคลื่อนไปเกือบจะพ้นหัวมุม แล้วค่อยสตาร์ทเครื่องขับตามออกไป
   






________________

ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้นะคะ T T
ทุกคอมเมนต์ ทุกคนที่เข้ามาอ่าน
ทุกคนที่พูดคุยในทวิตเตอร์ที่แท็ก #รรรเรือ
T_________T
ขอบคุณนะคะ ดีใจมากจริงๆ ค่ะ

นางร้าย
26.09.18
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-09-2018 19:14:16 โดย นางร้าย »

ออฟไลน์ brapair

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
พิเรือออ ตามจับตัวคนร้ายให้ธารด้วยอะะ ฮือออออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
พี่เรือจับมันเลยยยยย  :hao5:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
พี่เรืออย่าลืมไปตามง้อธารด้วยนะ.... :L2: :L2:

แต่...ไอ้ฆาตกรมันจะยอมไปมอบตัวจริงๆ เหรอ
พี่เรืออย่าชะล่าใจไปนะ เป็นห่วง

ออฟไลน์ Nung66669

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 422
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
เป็นวิธีจับคนร้ายที่โหดมาก ว่าแต่มันจะไปเหรอ

รีบไปง้อธารไวๆนะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คิดว่าไอ้แพนด้าจะไปมอบตัวจริงไหมเนี่ย  :ruready

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ ลูกกุญแจ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
อยากให้เจอกัน รีบไปง้อน้าาาา

ออฟไลน์ apisaraa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 88
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อ่านรวดเดียวเลยค่ะ สนุกมากๆๆ ดีใจจังที่ได้มาอ่านเรื่องนี้ :กอด1:
รออ่านตอนเขาตกลงปลงใจกัน  :katai5:

ออฟไลน์ นางร้าย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
กระสุนนัดที่ 43
ร.รัดกุม



[สายธาร]

สายแล้ว!

สายไปเกือบสิบนาที

ทั้งที่เป็นการสัมภาษณ์งานครั้งแรกแท้ๆ

แต่กระวนกระวายไปก็ไม่มีประโยชน์ มีแต่จะทำให้มันแย่มากขึ้น ผมแอบยกแขนเสื้อซับเหงื่อบนหน้าผากพลางก้าวยาวๆ เข้าไปที่เคาน์เตอร์โรงแรมระดับห้าดาว

พนักงานต้อนรับเดินนำผมไปที่ออฟฟิศด้านใน และให้นั่งรอในห้องสัมภาษณ์งานที่เป็นห้องเล็กๆ โล่งๆ

ความใหญ่โตหรูหราของที่นี่ข่มให้ผมตัวเล็กลีบลง ยิ่งนานไปยิ่งรู้สึกว่าที่นี่ไม่เหมาะกับผม ลองมองหางานในออฟฟิศเล็กๆ ที่กรุงเทพฯ น่าจะดีกว่า...

ประตูเบื้องหลังผมเปิดออก คนที่ก้าวเข้ามาไม่ใช่คนรุ่นป้าอย่างที่คาดไว้ แต่เป็นสาวสวยวัยกลางคน บุคลิกดี ท่าทางคล่องแคล่ว และดูเป็นมืออาชีพสุดๆ

ผมรีบลุกขึ้นยกมือไหว้ “สวัสดีครับ”

“สวัสดีค่ะ น้องสายธาร ขอโทษด้วยนะคะที่ปล่อยให้รอนาน...เชิญนั่งค่ะ นั่งเลยๆ”

ผมรอให้อีกฝ่ายอ้อมไปอีกฝั่งของโต๊ะและนั่งลงเรียบร้อยแล้ว ผมค่อยนั่งทีหลัง “ผมมากกว่าครับที่ต้องขอโทษ ผมมาสาย”

“ไม่เป็นไร พี่อยู่ HR นะ เรียกพี่ตุ๊กตาก็ได้”

“ครับ ขอบคุณครับ”

“น้องไม่ได้สมัครตำแหน่งไหนไว้เนาะ ทางเราเห็นโปรไฟล์ในเว็บสมัครงานแล้วติดต่อไปเอง”

“ครับ”

“แล้วตอนนี้มีใครจีบอยู่รึเปล่า”

ผมชะงักนิดหนึ่ง ก่อนจะเข้าใจความหมายที่แท้จริง “ไม่ครับ”

“ขอโทษที่ถามเรื่องนี้ตรงๆ นะ พี่จะได้รู้ว่าต้องทุ่มเท่าไหร่ถ้าจะชิงตัวน้องมาทำงานด้วย” เธอพูดขำๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอยากให้ผ่อนคลาย หรือต้องการกดดันกันแน่ “โอเค งั้นเริ่มกันเลยเนอะ มีเอกสารมาให้พี่ดูใช่มั้ย”

“มีครับ”

ผมดึงเอกสารออกจากซองกระดาษ ในนั้นก็ไม่มีอะไรมาก แค่ทรานสคริปต์ของคณะมนุษย์ศาสตร์ และใบประกาศนียบัตรเกี่ยวกับเรื่องขีดๆ เขียนๆ กับการออกค่ายอาสาอีกนิดหน่อย

“เรียนดีนะเนี่ย” เธอพูดโดยไม่เงยหน้าจากเอกสาร

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”

“อยากได้เงินเดือนเท่าไหร่”

เข้าประเด็นเลยกันเลยทีเดียว

“ให้ทางพี่พิจารณาตามโครงสร้างบริษัทดีกว่าครับ ผมไม่มีประสบการณ์”

“อืม...” เธอทำเสียงในลำคอ พลางไล่สายตามองทรานสคริปต์อีก “แล้วอยากทำตำแหน่งอะไรคะ”

“ก็...”

“ตอนนี้มีว่างหลายตำแหน่งเลยนะ พอดีทางผู้บริหารกำลังถ่ายเลือดใหม่คนก็เลยขาดเยอะ...อยากอยู่ Front Office มั้ย หรืออยากอยู่ HR กับพี่ก็ได้นะ กำลังอยากได้คนช่วยเพิ่มอยู่”

“HR ก็น่าสนใจนะครับ”

พี่ตุ๊กตาตะแคงศีรษะมองผม “หน้าตาดีขนาดนี้ น่าจะเป็นหน้าเป็นตารับแขกดีกว่ามั้ย...ภาษาอังกฤษเราเป็นไง”

“สื่อสารได้ครับ”

“แต่ไม่ชอบเจอคนเยอะๆ?”

ผมไม่ควรจะเรื่องมาก แต่ตัวตนส่วนที่ชอบขังตัวเองไว้ในโลกเงียบสั่งให้ตอบว่า “ครับ”

“โอเค” อีกฝ่ายยิ้ม “เอาไว้ค่อยคิดอีกทีก็ได้นะ ทั้งเรื่องเงินเดือนแล้วก็ตำแหน่ง จริงๆ พี่แค่สัมภาษณ์เบื้องต้นน่ะ เอาไว้คุยกับ GM เสร็จแล้วค่อยว่ากันอีกทีเนอะ ป่ะ รีบคุย เดี๋ยวเขาจะออกไปซะก่อน”

“ครับ?”

“ทางนี้เลย”

พี่ตุ๊กตาลุกขึ้นและใช้ขาเรียวยาวก้าวฉับๆ นำออกไป

ตัดสินใจละ ไปหางานทำที่กรุงเทพฯ ดีกว่า แต่ตอนนี้ผมยังทำอะไรไม่ได้นอกจากรีบลุกตามไป เรามาหยุดที่หน้าห้องหนึ่งไม่ไกลกันนัก

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เธอเคาะประตู รออยู่สองสามวินาที แล้วค่อยเปิดแง้มออก ซึ่งน่าจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เปิดได้โดยคนข้างในไม่ต้องเอ่ยคำเชิญ

“ขอโทษค่ะ พาน้องที่สัมภาษณ์งานมาส่งค่ะ...เข้าไปเลยๆ โชคดีนะ”

ผมก้าวเข้าไปในห้องด้วยแรงผลักดันจากพี่ตุ๊กตามากกว่าจากขาตัวเอง ห้องนี้ไม่ถึงกับกว้าง แต่ตกแต่งสวยงาม ดูเป็นห้องทำงานที่เหมาะจะนั่งใช้ความคิดเงียบๆ ผนังด้านหนึ่งแทบจะเป็นกระจกทั้งหมด มองออกไปเห็นสวนหย่อมด้านนอกได้เต็มตา โต๊ะไม้เนื้อแข็งตัวใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านใน เจ้าของห้องนั่งหันหลังอยู่เหมือนกำลังตั้งใจชมสวน ที่หน้าโต๊ะนั้นมีเก้าอี้ว่างตัวหนึ่ง

ผมเดินเข้าไป แล้วเอ่ยทักทายเบาๆ

“สวัสดีครับ”

เจ้าตัวหมุนเก้าอี้หันมา “บ้าชิบ...โทษที ผมไม่รู้ว่าคุณมาแล้ว” เขายิ้มขรึมและผายมือ “สวัสดีครับคุณสายธาร เชิญนั่งครับ”

ผมทำตัวไม่ถูก

แต่พลันตระหนักว่า ที่ผ่านมาตัวเองคิดถึงเรือใบและการใช้ชีวิตไปวันๆ ในคอนโดฯ ของเขาแค่ไหน แล้วก็รู้ชัดด้วยว่า ชีวิตที่สับสนวุ่นวายในแบบผู้ใหญ่จริงๆ ของผมได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว








_____________________

ตอนหน้าจบส่วนของเนื้อหาหลักแล้วคับบบ T T ใจหายจังเลย ฮ่าๆ
แต่ แต่ แต่...

มีบทพิเศษอีก 4 ตอนนะคะ รออ่านกันนะ :D
ดีใจที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ

ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ รักกกกกก

นางร้าย
6.10.18

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ใครอ่ะ ใครอ่ะ พี่เรือเหรอ ????  :ruready

ออฟไลน์ ●GreenTEA●

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด