กระสุนนัดที่ 2
ร.เร่ง
[เรือใบ] เยี่ยมมาก ปีนี้เอาไปเลยสองขั้น ถ้าผมยังเป็นตำรวจอยู่ผู้บังคับบัญชาอาจจะพูดอะไรทำนองนั้น แต่ก็โง่มากนะที่พุ่งไปวัดดวงกับลูกปืนแบบนั้น หรือว่าคุณมีพระดีอะไร
แต่ชีวิตส่วนนั้นจบไปแล้ว
ในหัวผมเลยมีฉากบ้านๆ แวบผ่านเข้ามาแทน อย่างเช่น ฉลองด้วยไอศกรีมสักถ้วยและชื่นชมตัวเองเงียบๆ งานหมูๆ ก็แค่กระโดดใส่ลูกปืนช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่ง แถมยังวิ่งตามไปจะเล่นป๊อกเด้งกับไอ้หมอนั่นด้วย เท่โคตร! เสียดายที่มันหนีไปได้
แต่เนื้อแท้ของผมไม่ใช่คนขี้อวด ผมเลยไม่คิดจะไปหาไอศกรีมมากินฉลองอะไร
สิ่งที่ผมทำจริงๆ ตอนนี้ก็มีแค่ นั่งเอนหลังอยู่ในรถสักพัก แล้วกดโทรออก
“เฮีย”
[เป็นไงมั่ง]
“ปกติดี หายใจสะดวก หิวนิดๆ ปวดฉี่นิดหน่อย”
[เล่นไม่รู้เวล่ำเวลา เอาดีๆ]
“ปกติดี หายใจสะดวก หิวนิดๆ ปวดฉี่นิดหน่อย ส่งพยานถึงที่พักเรียบร้อย”
[ที่พักแบบไหน]
“หอพักนักศึกษา ห้าชั้น...ไม่มีลิฟต์...อืม ดูโทรมๆ”
[ดูไม่ปลอดภัยเท่าไหร่นะ ถ้าพวกนั้นจะตามล้างตามเช็ดจริงๆ]
“ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก พวกมันต้องข้ามศพยามแก่ๆ กับหมาผอมๆ ตัวนึงก่อน” ผมหัวเราะหึในลำคอ “ทางนั้นล่ะเป็นไงบ้าง”
[พยายามปิดข่าวอยู่ ยังไม่มีอะไรคืบหน้า] เฮียยอช์ตถอนหายใจ [นายดูแลเด็กนั่นไปสักระยะก่อนได้มั้ย นี่พูดจริงๆ นะ]
“ผมจะโทรมาเรื่องนี้แหละ เผื่อเฮียลืมนะ ผมลาออกแล้ว”
[รู้น่า]
“ผมทำงานตามใจ ไม่ได้ตามสั่ง”
[ก็ไม่ได้สั่ง นี่ขอร้องอยู่]
“เด็กนี่มันกวนตีนนะ”
[เมื่อกี้นายก็เพิ่งกวนตีนเฮียไม่ใช่เหรอ เรื่องกวนๆ นายเอาอยู่อยู่แล้ว น่า ช่วยหน่อย เฮียงัดข้อกับพวกมันมานาน ถ้าสอยมือปืนที่เก็บเสี่ยได้น่าจะสาวไปถึง...]
“ทำไมไม่งัดกระบวนการคุ้มครองพยานมาใช้ล่ะ” ผมพูดขัดเพราะขี้เกียจจะฟังเหตุผลยาวเฟื้อย “เอาไปดูแลในเซฟเฮาส์ให้เป็นเรื่องเป็นราว”
[แบบนั้นก็เท่ากับชี้โพรงให้กระรอก อย่าลืมว่าฝ่ายเรามีหนอนเน่าๆ อยู่เยอะ อีกอย่างช่วงนี้นายก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว หรือว่าเปลี่ยนใจจะไปช่วยกิจการป๊า]
“ผมช่วยเฮีย เฮียได้ผลงาน แล้วผมได้อะไร”
[เฮียไม่สนผลงานหรอก นี่คิดมาสักพักแล้ว ถ้าโค่นตัวการของมันได้เฮียจะวางมือออกตามที่ป๊าต้องการ]
“จริงดิ” นี่เป็นเรื่องใหม่สำหรับผมเลย
[นายเคยมีเรื่องคาใจที่สลัดออกจากหัวไม่ได้มั้ย เรื่องที่ทนไม่ไหวถ้าไม่ได้ทำให้มันจบๆ ไป พวกมันกับเฮียก็แบบนั้นแหละ]
“อืม”
เรื่องที่สลัดออกจากหัวไม่ได้
เรื่องที่ทนไม่ไหวจนกว่าจะได้ทำให้มันจบๆ ไป...
[ฟังอยู่รึเปล่า]
“ช่วงนี้ผมอยากอยู่สงบๆ”
[เพราะเรื่องนั้นอีกรึเปล่า มันนานเป็นปีๆ แล้วนะ ลืมไปได้แล้ว]
“ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้น”
[เรือ]
“ขอคิดดูก่อนละกันเฮีย แค่นี้นะ”
ตึ๊ด
ผมกดวางสาย พ่นลมหายใจออกแรงๆ พร้อมกับเอนหลังพิงเบาะอีก อากาศภายในรถนิ่งงัน ตรงข้ามกับความคิดที่ฟุ้งกระจาย
พูดถึงเรื่องนั้น...
ผมสอดมือเข้าใต้เบาะ ผิวโลหะเย็นเฉียบของปืนลูกโม่สัมผัสปลายนิ้วราวกับว่ามันฉกเอา ปืนกระบอกนี้ยังอยู่ดี อยู่ดีพอๆ กับเศษความทรงจำคมๆ ที่มักจะทิ่มแทงในบางคืน
เหตุการณ์นั้นทำให้ผมเหมือนเรือใบที่ถูกคลื่นซัดออกจากฝั่ง ถูกหินโสโครกข่วนครูด ลอยลำโดดเดี่ยวกลางทะเล คลื่นลมไม่ได้เกรี้ยวกราดเหมือนช่วงแรกๆ แล้ว บางวันเข้าขั้นสงบด้วยซ้ำ
แต่คืนนี้บางอย่างบอกผมว่าพายุใหญ่กำลังจะมา
ไม่สิ พายุมาอยู่แล้ว มันซ่อนอยู่ในแววตาของเด็กนั่น และผมดันเป็นเรือใบที่ลอยคว้างไปเจอมันเข้า
ซวยจริงๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“...”
สงสัยหลับอยู่
ก๊อกๆ
หรือไม่ก็ขี้
ก๊อกๆๆ
“...”
หรือตายห่าไปแล้ววะ
ปึงๆๆๆ
ผมทุบประตูรัวๆ พร้อมกับห้ามตัวเองไม่ให้ตะโกนว่า ไฟไหม้
แกร๊ก
แต่ประตูบานที่อยู่ด้านหลังผมกลับเปิดออกแทน ชายคนหนึ่งโผล่หัวออกมา “แม่งใครวะ”
น้ำเสียงแตกพร่า หน้าตางัวเงีย ดูเข้ากับองค์ประกอบอื่นๆ บนร่างกาย เช่น ทรงผมยุ่งๆ เจาะหูทั้งสองข้าง ไม่สวมเสื้อ บริเวณราวนมด้านขวามีรอยสักลายแพนด้าเคี้ยวต้นไผ่ นี่คือบุคคลประเภทที่จะกลายเป็นเน็ตไอดอลของยุคนี้ได้ง่ายๆ เลย
“กูเอง” ผมตอบเรียบๆ อย่างกับว่าเป็นคนรู้จักกัน
เจ้าตัวมองผมตั้งแต่หัวจดเท้า
“นี่เสพหรือค้า” ผมยืมสำนวนที่ชอบพูดกันในโลกโซเชียลมาใช้
“ฮะ?”
“เป็นนักศึกษารึเปล่า”
“ก็เป็นดิ นี่หอพักนักศึกษา”
“ดีใจด้วยที่ยังเป็นอยู่”
“แม่ง ใครวะ” อีกฝ่ายพูดกับตัวเองเบาๆ ด้วยคำเดิม เหมือนกับว่าในหัวเขามีถ้อยคำจำกัดอยู่ไม่กี่คำ
“เล่นแม่งเลยดีเปล่าวะ” ผมพูดเสียงเบาบ้าง แต่ก็จงใจให้อีกฝ่ายได้ยินด้วย
“...”
“...”
เรามองหน้ากันอยู่ราวๆ สามวินาที และเป็นผมเองที่พูดต่อ เพราะดูเหมือนสมองของอีกฝ่ายหยุดทำงานไปแล้ว นี่อาจเป็นผลจากการเมาค้าง หรืออาจจะเกี่ยวกับยาสักตัวที่เขาตีสนิทอยู่
“ว่าไง มีไร”
“ก็...อย่าเคาะดังดิ นี่นอนอยู่”
“เคาะเบาเจ้าของห้องมันไม่ได้ยิน”
“ไงก็เบาหน่อยละกัน” เขาว่า แล้วปิดประตูเบาๆ ดูจงใจทำเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผม
ปึง ปึง ปึง!
ผมหันไปทุบประตูต่อ
แกร๊ก
คราวนี้บานประตูตรงหน้าเปิดออก สายธารออกมารับแขกในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น ผมไม่เป็นทรง แก้มเป็นรอยแดงจากการนอนคว่ำ เขายังสวมชุดนักศึกษาตัวเดิม แถมกระดุมสองเม็ดบนก็หลุดลุ่ย
เขาขยี้ตา “เรือ...ใบ”
“เออ กูเอง” ผมใช้น้ำเสียงเหมือนคนรู้จักกันมานาน “เปิดสุ่มสี่สุ่มห้า เดี๋ยวก็โดนยิงไส้แตกหรอก ทำไมไม่ถามก่อน”
“บ่นอะไรแต่เช้าเนี่ย”
“ประตูก็ไม่มีตาแมวอีก”
“แล้วนี่คุณ...เดี๋ยวๆ เข้ามาทำไม”
“กูหิว” ผมเบียดผ่านเจ้าของห้องเข้าไปวางถุงข้าวของที่ซื้อมาลงบนโต๊ะด้านใน “ไปแปรงฟันดิ จะได้กินข้าว” ผมหยิบจานชามออกมาวางบนโต๊ะญี่ปุ่น นั่งลงแกะถุงกับข้าวที่ซื้อมา
“ไม่หิว อยากนอน”
“กูซื้อมาเยอะ”
“ไม่ได้บอกให้ซื้อ”
ผมเงยหน้าขึ้น “ทำไมดื้อวะ”
“...”
สายธารเงียบไปอึดใจ ก่อนจะพ่นลมหายใจแรงๆ แล้วยอมเดินไปเข้าห้องน้ำ
และเป็นอย่างที่คาด เด็กนี่ทำอะไรชักช้าเอื่อยเฉื่อยไปหมด ผมแกะกับข้าวเสร็จหมดแล้วเจ้าตัวยังไม่ออกมา
“เฮ้ย! เร็วๆ หน่อย”
“...”
“ข้าวจะบูดแล้ว”
“...”
“หิวโว้ย!”
เอาเถอะ จะทำอะไรก็ทำ จะนอนหลับในนั้นก็ตามสบาย
ระหว่างที่รอผมเลยเปิดทีวีดู ช่วงเช้าอย่างนี้ช่องหลักเป็นรายการคุยข่าวเหมือนๆ กันหมด แถมมีแต่ข่าวไร้สาระอีกต่างหาก
ในที่สุดเจ้าของห้องก็เปิดประตูออกมา “หิวทำไมไม่กินล่ะ”
“เป็นคนมีมารยาทไง พ่อแม่กูสอนมาดี”
“ปิดทีวีได้มั้ย”
“ทำไม”
“ไม่ชอบ”
“ปิดก็ค้างดิ กูดูหนังโป๊อยู่ กำลังอินเลย”
เขาเหลือบมองทีวี “ข่าว ทำไมไม่ดูในมือถือล่ะ”
“จอใหญ่เต็มตากว่ามั้ยวะ” ผมหยิบรีโมตมากดเพิ่งระดับเสียงอีกสองขีด ตะแคงศีรษะบอกใบ้ให้เขามานั่งลง คงขี้เกียจต่อปากต่อคำแล้ว ถึงได้ยอมมานั่งแต่โดยดี “เอ้า” ผมเลื่อนจานเข้าไปตรงหน้าอีกฝ่าย “ไม่รู้กินได้รึเปล่านะ เลือกมามั่วๆ”
อันที่จริงก็ไม่มั่วเท่าไหร่ ผมเดาเอาว่าเด็กนี่น่าจะกินเผ็ดไม่เก่ง เลยเลือกผัดผักรวมกับหมูทอดมากันเหนียวไว้ นอกนั้นก็มีแกงจืดมะระหมูยัดไส้กับไข่เจียวที่ผมสั่งมาให้ตัวเอง อ้อ แล้วก็มีน้ำพริกผักลวกที่แม่ค้าเชียร์สุดๆ ด้วย
“ซื้อที่ไหน” ธารถาม
“หน้าปากซอย”
“คนขายป้าอ้วนๆ ใช่มั้ย ร้านนั้นคั่วกลิ้งอร่อย”
อ่าว ดันเป็นพวกกินเผ็ดซะงั้น
“หรือว่าคุณกินเผ็ดไม่ได้ เห็นซื้อมาแต่ละอย่าง...”
“ใคร กูเนี่ยนะกินเผ็ดไม่ได้”
ดูเป็นเรื่องงี่เง่ามากถ้าจะตักน้ำพริกราดข้าวตอนนี้ มีแต่เด็กประถมเท่านั้นที่จะข่มกันแบบนั้น
แต่ผมก็ทำ
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแม่ค้าเชียร์นักหนา จนผมปักใจไปแล้วว่าจะลองกินเป็นอย่างแรก ว่าแล้วก็จัดไปเลยครึ่งช้อน...
แม่ง อย่างกับมีกระทะทองแดงเดือดอยู่ในปาก แต่ผมไม่แสดงอาการอะไร เรื่องเก็บอาการนี่ผมเซียนอยู่แล้ว วิธีแก้เท่าที่นึกออกตอนนี้คือซัดผักลวกกับหมูทอดเข้าปากรัวๆ ไป
“คุณรีบ?” เขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“มึงอ่ะรีบกิน จะได้เก็บของ”
“หือ? เก็บของอะไร”
“พวกเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว”
“เก็บทำไม”
“ไปอยู่กับกู”
“ฮะ? อะไร ไปทำไม ไม่ไป”
“อยู่นี่ไม่ปลอดภัย” ผมตั้งใจพูดสบายๆ นะ แต่ไม่รู้ทำไมน้ำเสียงถึงดูจริงจังจนทำเอาอีกฝ่ายหน้ามุ่ย ช่างมัน “รีบกินแล้วก็ไปเก็บของซะ ไปกันตอนนี้เลย”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ ขืนพูดอีกคำเดียวเดี๋ยวกูเตะแม่งไส้แตกเลย” _________________
ขอบคุณคอมเม้นต์จากทุกคนมากนะคะ
areenart1984 / diltosscap / cavalli / snowboxs / blanchard / papapajimin
อ่านแล้วมีกำลังใจมากๆ เลยค่ะ :D
คิดว่าจะลงอาทิตย์ละ 2 ตอน อังคารกับศุกร์ ไม่แน่ใจว่าโอเคมั้ยคะ
อยากบอกว่าไม่ต้องกังวลเรื่องดองหรือลงไม่จบนะคะ
เพราะว่าเรื่องนี้แต่งใกล้จบแล้วล่ะค่ะ อีกนิดนึง จะฮึ้บๆ เต็มที่เลยค่ะ :D
ไปคุยกันได้ที่ #รรรเรือ เลยฮับป๋ม :)
หวังว่าจะรักเรือใบกันเยอะๆ นะคะ <3
นางร้าย 24.04.18