พิมพ์หน้านี้ - ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพตอนพิเศษ 2] ร.รุก ร.รับ ร.รูม 06.05.19| P.9

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: นางร้าย ที่ 16-04-2018 11:19:22

หัวข้อ: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพตอนพิเศษ 2] ร.รุก ร.รับ ร.รูม 06.05.19| P.9
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 16-04-2018 11:19:22
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17


เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁☁

⛵__ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์__⛵

_________________

ปัง!

เพราะกระสุนนัดเดียวแท้ๆ
ทุกอย่างเลยกลายเป็นแบบนี้

_________________

ผม ‘สายธาร’ เรียนจบแล้ว ไม่มีงานทำ ใช้ชีวิตไปวันๆ
ตั้งแต่เหตุการณ์ในวันนั้นผมก็เหมือนคนตายทั้งเป็นและกำลังหาโอกาสเหมาะๆ ที่จะตายจริงๆ
คืนหนึ่งผมบังเอิญไปเห็นเรื่องที่ไม่ควรมีใครเห็นเข้า คนแปลกหน้าถูกยิงจนร่วงลงไปกองกับพื้น
แล้วมือสังหารก็เล็งปืนตรงมาที่ผม
ชั่วขณะนั้นผมรู้สึกถึงความยินดีที่จะจบชีวิตลง เอาเลย...กระสุนนัดเดียวให้มันจบลงตรงนี้!
หัวใจผมเต้นกระตุกและได้ยินเสียงดังก้องอยู่ในหัวอย่างที่ควรเป็น
ปัง!


ผม ‘เรือใบ’ ลาออกจากงานนานแล้ว ไม่มีอะไรทำ ใช้ชีวิตไปวันๆ
แต่ยังช่วยงานพี่ชายที่เป็นตำรวจอยู่บ้างแก้เซ็ง อยู่ดีๆ คืนหนึ่งก็ดันไปเจอแจ็กพ็อตเข้า
เวร! ผมพุ่งเข้าไปชาร์จตัวไอ้เด็กนั่นจังหวะที่มือปืนลั่นไกพอดี มันแค่เสี้ยววินาทีจริงๆ โชคดีไม่ตาย แต่คนร้ายก็หนีไปได้
พอเรียกพี่ชายมาเคลียร์ สถานการณ์ก็เป็นอย่างที่นึกไว้เป๊ะ
เดือดร้อนคนว่างงานอย่างผมต้องอัญเชิญตัวไปดูแลต่อที่บ้านอีก
ไหน ขอดูหน้าตัวปัญหาชัดๆ ซิ…
ยาว! บอกเลย หน้าตางี้เคลียร์กันยาว


_________________


แฮชแท็กเรื่องนี้ใช้ตัวย่อว่า #รรรเรือ นะฮะ
อ่านแล้วเป็นยังไงแนะนำกันได้ตลอดนะคะ
ไม่ต้องเกรงใจเลย :D

_________________

ถ้าพร้อมแล้วก็...
เตรียมชักปืน
ขึ้นลำ
แล้วยิงรัวกันค่ะ

_________________


ฝากเนื้อ ฝากตัว ฝากกาย ฝากใจ
ได้โปรดอ่อนโยนกับคนเขียนด้วยนะกั๊บ : ))

ติดตามการอัพเดทได้ทาง Twitter นะคะ
จิ้มที่ชื่อได้เลย :D

นางร้าย (https://twitter.com/nangraii)

_________________
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [สารบัญ]
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 16-04-2018 11:20:20
สารบัญ

โหลดกระสุน  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3818305#msg3818305)

กระสุนนัดที่ 1: ร.เร้า

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3819900;topicseen#msg3819900)
กระสุนนัดที่ 2: ร.เร่ง

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3822148;topicseen#msg3822148)
กระสุนนัดที่ 3: ร.รื้น

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3823406;topicseen#msg3823406)
กระสุนนัดที่ 4: ร.รอ

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3823409;topicseen#msg3823409)
กระสุนนัดที่ 5: ร.รื้อ

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3825391;topicseen#msg3825391)
กระสุนนัดที่ 6: ร.รวม

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3825394;topicseen#msg3825394)
กระสุนนัดที่ 7: ร.ระอา

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3825400;topicseen#msg3825400)
กระสุนนัดที่ 8: ร.รำคาญ

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3826722;topicseen#msg3826722)
กระสุนนัดที่ 9: ร.รำพึง

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3827314;topicseen#msg3827314)
กระสุนนัดที่ 10: ร.รุนแรง

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3827324;topicseen#msg3827324)
กระสุนนัดที่ 11: ร.รั่ว

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3833082;topicseen#msg3833082)
กระสุนนัดที่ 12: ร.รอย

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3833093;topicseen#msg3833093)
กระสุนนัดที่ 13: ร.ระยะ

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3833096;topicseen#msg3833096)
กระสุนนัดที่ 14: ร.รวด

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3833099;topicseen#msg3833099)
กระสุนนัดที่ 15: ร.รั้ง

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3833104;topicseen#msg3833104)
กระสุนนัดที่ 16: ร.เริ่ม

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3833108;topicseen#msg3833108)
กระสุนนัดที่ 17: ร.ร่ม

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3857064;topicseen#msg3857064)
กระสุนนัดที่ 18: ร.รับปาก

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3857071;topicseen#msg3857071)
กระสุนนัดที่ 19: ร.รู้

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3857072;topicseen#msg3857072)
กระสุนนัดที่ 20: ร.ราวกับ

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3857072;topicseen#msg3857072)
กระสุนนัดที่ 21: ร.รัด

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3861496;topicseen#msg3861496)
กระสุนนัดที่ 22: ร.ร้อน

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3861499;topicseen#msg3861499)
กระสุนนัดที่ 23: ร.ร้อนๆ หนาวๆ

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3864410#msg3864410)
กระสุนนัดที่ 24: ร.ราง

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3864413#msg3864413)
กระสุนนัดที่ 25: ร.ระลอก

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3868294;topicseen#msg3868294)
กระสุนนัดที่ 26: ร.รน

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3868295;topicseen#msg3868295)
กระสุนนัดที่ 27: ร.ระเบิด

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3869193;topicseen#msg3869193)
กระสุนนัดที่ 28: ร.ร่วม

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3869196;topicseen#msg3869196)
กระสุนนัดที่ 29: ร.รสชาติ

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3869197;topicseen#msg3869197)
กระสุนนัดที่ 30: ร.ร่าเริง

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3869634;topicseen#msg3869634)
กระสุนนัดที่ 31: ร.รู

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3872536;topicseen#msg3872536)
กระสุนนัดที่ 32: ร.รีบ

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3872539;topicseen#msg3872539)
กระสุนนัดที่ 33: ร.รอคอย

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3873438;topicseen#msg3873438)
กระสุนนัดที่ 34: ร.ร่องรอย

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3873817;topicseen#msg3873817)
กระสุนนัดที่ 35: ร.รอน

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3874947#msg3874947)
กระสุนนัดที่ 36: ร.ระยะเวลา

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3876043;topicseen#msg3876043)
กระสุนนัดที่ 37: ร.ริบหรี่

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3876044;topicseen#msg3876044)
กระสุนนัดที่ 38.1: ร.รัว

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3879038#msg3879038)
กระสุนนัดที่ 38.2: ร.รัว

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3881097#msg3881097)
กระสุนนัดที่ 39: ร.ระริก

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3881929#msg3881929)
กระสุนนัดที่ 40: ร.ร้าว

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3884356#msg3884356)
กระสุนนัดที่ 40: ร.ร้าว Part สองปีก่อน

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3886951#msg3886951)
กระสุนนัดที่ 41: ร.รั้น

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3890674;topicseen#msg3890674)
กระสุนนัดที่ 42: ร.ระอุ

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3892576#msg3892576)
กระสุนนัดที่ 43: ร.รัดกุม

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3896724;topicseen#msg3896724)
กระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3899229#msg3899229)
[ตอนพิเศษ] กระสุนนัดพิเศษ 1: ร.รุก ร.รับ ร.เรือ

 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66925.msg3923283#msg3923283)
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [บทนำ: โหลดกระสุน] 16.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 16-04-2018 11:25:52
โหลดกระสุน



ผู้ชายคนนั้นล้มหงายหลังด้วยแรงกระสุน

มันเกิดขึ้นเร็วจนผมมึนงง สองขาตรึงอยู่กับที่ สมองเอื่อยชาคล้ายเครื่องจักรตกรุ่น ทั้งที่คอยแต่จะคิดเรื่องความเป็นความตายมาเป็นปีๆ แต่พอมันเกิดขึ้นตรงหน้าผมกลับรู้สึกเหมือนไม่เข้าใจอะไรเลย

ไม่กี่นาทีก่อนผมยังนั่งอยู่ข้างในร้าน PupPup ซึ่งชวนให้หลายคนหันขวับถ้าอ่านออกเสียงแบบไทย รอบตัวอัดแน่นด้วยความวุ่นวาย ทั้งเสียงเพลง เสียงพูดคุยฟังไม่ได้ศัพท์ และแสงไฟวูบวาบ เงาของผู้คนที่บ้างก็ขยับโยกตามเพลง บ้างก็จับกลุ่มพูดคุยกัน กลิ่นบุหรี่ลอยคลุ้ง ผสานกับกลิ่นอายเปลี่ยวเหงาของผู้คน

เสียงเพลงเริ่มกลบเสียงที่ดังสะท้อนจากอดีต

ภาพในความคิดพร่ามัว

รอยยิ้มขี้เล่นของเขาคล้ายจะถอยห่างไปในโลกสีเทาหม่น

ผมเพิ่งดื่มไปแค่สองแก้ว แต่ในอกผมมีหลุมดำกลวงโบ๋ฝังอยู่ และมันจะกำเริบทุกทีที่เหล้าเข้าปาก หลุมดำที่ว่าจะดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างไปสู่ความเงียบสงัดอันว่างเปล่า

ภาพของเขา เสียงของเขา หรือแม้แต่ตัวตนของผมเองกำลังจะจมหายไป... 

ในหลายๆ ครั้งมันก็ดี แต่วันนี้ผมกลับอยากนึกถึงมันให้นานกว่านี้

ผมวางแก้วลง เดินเซออกประตู หนีความวุ่นวายไปตามทางเดินแคบๆ จนถึงบริเวณหลังร้าน กลิ่นขยะอบอวลผสมกลิ่นไอฝนที่เพิ่งตกไปตอนหัวค่ำ แต่ยังไงก็ดีกว่าข้างใน 

ผมยืดตัวสูดหายใจเข้าเต็มปอด ตอนนั้นเองที่สังเกตเห็นผู้ชายสองคนยืนคุยกันอยู่ภายใต้แสงไฟสีหม่น ห่างออกไปราวๆ สักห้าหกเมตร คนหนึ่งอ้วนท่าทางภูมิฐาน อีกคนผอมสูงและหนุ่มกว่า ทั้งคู่หันมามองผมอย่างไม่สบอารมณ์

“เอ่อ...ข้างในมันอับน่ะ หายใจไม่ออก” ผมอธิบายเหตุผลการมาของตัวเอง ซึ่งก็รู้สึกงี่เง่าทันทีเพราะทั้งคู่ไม่พูดตอบ

คนตัวอ้วนชักสีหน้าใส่ซะอีก

ส่วนคนผอมนอกจากไม่อธิบายอะไรแล้ว ยังชักปืนออกมา มันเกิดขึ้นเร็วมาก เขาฉวยโอกาสนั้นจ่อปลายกระบอกตรงหน้าผากคนข้างๆ แล้ว...

ปุ๊!

เสียงคล้ายปะทัดลูกเล็กระเบิดในที่แคบ ไม่ได้ดังไปกว่าเสียงปิดประตูสักเท่าไหร่เลย ชายร่างอ้วนร่วงไปกองกับพื้น จากนั้นปลายกระบอกปืนก็เบนมาที่ผม หัวใจผมเต้นกระตุก และดูราวกับเวลาจะหมุนช้าลง มีเวลามากมายพอให้มองเห็นว่าปลายกระบอกปืนติดท่อเก็บเสียงไว้ มีเวลาให้ความคิดผุดขึ้นมา

ในที่สุด...

เอาเลย ให้มันจบๆ ไป


“เวร!”

ปุ๊!

ผมล้มหงายด้วยแรงปะทะ

แล้วก็กลิ้งอีกสองสามตลบ

สีสันของโลกคล้ายกับจะเลือนหายไป...

แต่เสียงถังขยะใบใหญ่ที่ล้มโครมลงข้างตัวดึงสติผมกลับมา ผมอยู่ในท่านอนหงาย โดยมีใครอีกคนนอนทับร่างอยู่ ท่อนแขนของเขาซ้ายกดหน้าอกผมไว้ มือขวาชักปืนอย่างรวดเร็ว

“อะ...เอ่อ...”

แกร๊ก

เขาดึงสไลด์ปืนอย่างใจเย็น กระบอกปืนเกือบจะแนบกับแก้มผม ถ้าปลายกระบอกปืนไม่หันออกไปด้านข้างผมคงคิดว่าเขากำลังจ่อปืนข่มขู่ผมอยู่

“เงียบ” เขาพูดเสียงเบา แต่เฉียบขาด

ถึงยังไงผมก็พูดอะไรไม่ออกอยู่แล้ว เขานี่เองที่พุ่งใส่ผมในจังหวะที่หมอนั่นลั่นไกจนล้มกลิ้งมาด้วยกัน และเป็นเขาอีกที่กระชากถังขยะล้มลงมาเป็นที่กำบัง เมื่อกี้ผมรู้สึกได้เลยว่านาฬิกาข้อมือครูดกับพื้น หน้าปัดมันอาจจะแตกก็ได้ ยังไงสภาพมันก็จะไม่เหมือนเดิมอีกแน่ๆ

ขณะนี้ใบหน้าเราอยู่ใกล้กันมากจนแก้มเขาเกือบจะแตะจมูกผม หัวใจสองดวงเต้นแรง ไอร้อนพรูออกมาพร้อมกับลมหายใจ ไม่ว่ามือปืนคนนั้นจะเป็นใคร เขาน่าจะยิงซ้ำ

แต่ไม่มีกระสุนลั่นทะลวงถังพลาสติกอย่างที่คาด

ผมไม่อยากพูดอะไรหรอก แต่...

“อะไร...เป้าคุณ ทิ่มขาผมอยู่”

“กูปวดฉี่อยู่ เงียบๆ”

“ศอกด้วย หน้าอกผม...”

“แม่ง” เขาลุกพรวดขึ้นด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง จับปืนด้วยสองมือชี้ปลายกระบอกลงพื้น “นอนนิ่งๆ อยู่นั่นแหละ” 

ผมลุกขึ้นมองตามเขาพุ่งตัวออกไป เห็นเจ้าตัววิ่งไปจนถึงทางแยกท้ายตรอก ไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็ก้าวยาวๆ กลับมาก้มมองชายร่างอ้วนที่นอนนิ่งอยู่ แต่แวบเดียวเขาก็เข้าประชิดตัวผมอีกครั้ง คนคนนี้เคลื่อนไหวไม่ต่างจากแมวเลยจริงๆ

“มึงเห็นหน้ามันใช่มั้ย” เขาถาม

ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู แสงพรายน้ำสีเขียวสว่างเรืองอยู่ท่ามกลางความมืดสลัว หน้าปัดมีรอยถลอก แต่ก็บอกไม่ได้อีกว่าเสียหายมากกว่านั้นมั้ย

“กูถามมึงอยู่”

“อืม”

“พูดให้มันดังหน่อย เห็นหรือไม่เห็น”

“เห็น”

“ดี กูนึกว่ามึงแม่งโดนแล้ว” เขามองสำรวจผม

“โดนยิงอ่ะนะ เปล่า” ผมเอียงตัวชะเง้อมองร่างชายคนนั้น “แล้วเขา...”

“หลับฝันดีไปแล้ว”

“...” 

“ไป” เขาพูดพร้อมกับล็อกคอผม

“ปะ...ไปไหน”

“ไปจากตรงนี้สิวะ เดี๋ยวพ่อมึงก็มาแล้ว”

“พ่อผม? พ่อมาเกี่ยวอะไรด้วย คุณเป็นใคร”

“กูหมายถึงตำรวจเว้ย เดินไป ทำตัวเฉยๆ ไว้ อย่าให้มีพิรุธ”

พ่อมึง...หมายถึงตำรวจ เขาต้องดูหนังแอ๊คชั่นมากไปแน่ๆ แล้วก็นั่นแหละ ตำรวจมักมาตอนท้ายเสมอ แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่หนัง มีคนตายจริงๆ ตายต่อหน้าต่อตาผมเลย แล้วคนที่ลากตัวผมออกไปนี่เป็นคนดีหรือคนร้ายล่ะ

อาจจะเป็นคนบ้าก็ได้

แต่ผมมีทางเลือกอะไรบ้าง ในเมื่อเขามีปืน แถมยังกอดคอผมด้วยท่อนแขนที่แข็งแรงขนาดนี้



ปืนเก็บเสียงกระบอกนั้นทำงานได้ดี

ดูเหมือนว่ายังไม่มีใครรู้ว่ามีคนนอนหลับฝันดีอยู่หลังร้าน เราเดินออกมาถึงด้านหน้า เขากอดคอผมไว้แทบจะเหมือนคนขี้หวงบุกมาลากคอแฟนกลับบ้าน หลังจากออกมาถึงทางเท้าของถนนเส้นหลักเขาก็ถอดเสื้อแจ็กเก็ตออก พลิกกลับเอาด้านในซึ่งเป็นสีแดงเข้มออกมา แล้วส่งให้ผม

“อะไร”

“เสื้อไง ใส่ไว้ เอาด้านสีแดงออก”

“แค่นี้หลอกตาใครไม่ได้หรอก”

“ใส่ๆ ไปเหอะ” เขาคลุมไหล่ให้ผมแบบเถื่อนๆ จนเสื้อเกือบร่วง ผมคว้ามันไว้ได้ทันแล้วจัดการสวมอย่างไม่เต็มใจ “ต้องเปลี่ยนทรงผมใหม่ด้วย”

“เฮ้ยๆ อะไรล่ะ” ผมเอียงหัวหลบ แต่แขนแข็งแรงล็อกไว้และขยี้หัวผมแรงๆ จนได้

“ไม่หล่อสักวันไม่ตายหรอกน่า...ไป เดิน”

อะไรกันวะ

เขาเป็นใครกันแน่ และจะพาผมไปไหน

หลังจากเดินมาได้ระยะหนึ่ง เขาก็ควักมือถือออกมาแนบหู

“เฮีย...ออกมาเจอกันหน่อย...ใช่ เสี่ยยุทธ์กลับบ้านเก่าแล้ว...แน่ใจสิ หนึ่งเม็ดเน้นๆ ตรงกลางหน้าผากเลย...มาเจอผมที่ปั๊มเอสโซ่ละกัน...ใช่ โอเค เลิกกัน”

“ปล่อยผมได้ยัง” ผมพูดหลังจากเรามาถึงหน้าปั๊มน้ำมัน “อึดอัด”

เขาคลายแขนออกราวกับเพิ่งนึกได้ว่ากอดคอผมอยู่ กวาดตามองรอบตัว ก่อนหันมาสนใจผม “ยังอยู่ครบสามสิบสองนี่”

“อือฮึ”

“อย่าหยุดตรงนี้ เดินไปที่หลังปั๊ม เดินไปคุยไป”

“อะไรของคุณ ไปทำไม”

“ก่อนอื่นเลย กูรอฟังอยู่นะ”

“หือ?”

“รอดตายมาก็เพราะกูไม่ใช่รึไง ตอนเด็กๆ ครูไม่สอนพูดคำว่าขอบคุณเหรอ”

“อ่อ” ผมพูดเรียบๆ “ขอบคุณละกัน”

“ดูไม่ดีใจเลยนะที่รอดมาได้ แถมยังไม่หลบกระสุนอีก อยากตายรึไง”

ผมไม่ตอบ

ผมไม่รู้ว่าตัวเองอยากตายมั้ย แต่ก็สงสัยอยู่บ่อยๆ ว่ามันเป็นยังไง

“หรือกลัวจนขยับขาไม่ได้”

“มั้ง ว่าแต่นั่นปืนปลอมรึเปล่า ถึงไม่ยิงสวน” ผมเหลือบมองเอวของเขา แต่ไม่เห็นปืนอย่างที่คิด มันอาจจะเหน็บอยู่ที่เอวอีกฝั่งถ้าเขาถนัดซ้าย

“กูแกล้งบาดเจ็บรอจังหวะให้มันเข้ามาซ้ำต่างหาก แต่แม่งดันตัดสินใจหนี” เขาเหลือบมองหน้าผม “มึงชื่อไร”

“ธาร”

“ทาน? ที่แปลว่ากินอ่ะนะ หรือว่าสังฆทาน”

“สายธาร แต่เรียกแค่ธารก็พอ” 

“อ่อ กูเรือใบ เพื่อนๆ เรียกไอ้เรือ สาวๆ เรียกพี่เรือสำราญ ส่วนมึง...จะเรียกกูแบบสาวๆ เรียกก็ได้”

“เรือสำราญเนี่ยนะ”

“หึ”

“...”

“ใส่ชุดนักศึกษางี้ปีไหนล่ะ”

“เรียนจบแล้ว รอรับปริญญา แต่ใส่ชุดนี้เพราะ...” คิดถึงคนที่จากไป “...อยากใส่เฉยๆ” ผมตัดจบประโยคห้วนๆ 

“หึ ยังไม่อยากทำมาหากินใช่มะ...แป๊บนึง เยี่ยวจะแตก เยี่ยวกัน”

“ไม่เป็นไร”

“งั้นมึงรอนี่แหละ” เขาตบบ่าผมให้นั่งที่ม้าหินอ่อนหน้าห้องน้ำ ปล่อยให้ผมมองตามแผ่นหลังกว้างๆ ขณะเขาเดินอ้อมไปด้านหลังห้องน้ำชาย ผมเห็นปืนแล้ว มันเหน็บอยู่ในซองปืนที่ติดกับเข็มขัดด้านหลัง วิธีการเหน็บตะแคงนิดๆ แต่ดูมั่นคงและพร้อมใช้งาน

ผมจะวิ่งหนีไปตอนนี้ก็ได้ วิ่งไปหน้าปั๊ม กระโดดขึ้นแท็กซี่ ทำเหมือนว่าเรื่องทั้งหมดนี้ไม่เคยเกิดขึ้น

แต่สองขายังไม่ยอมขยับไปไหน

ผมเรียนรู้มาสักพักแล้วว่าความจริงบางอย่างนั้นไม่ต่างจากหมาบ้าที่กัดไม่ปล่อย ยิ่งวิ่งหนีมันยิ่งไล่ฟัด ภาพที่ชายคนนั้นล้มผลึ่งแวบเข้ามาฉายซ้ำในหัว รู้สึกมวนท้องจนนั่งไม่ติด ผมเลยลุกเดินไปที่อ่างล้างมือ

ห้องน้ำที่นี่ก็เหมือนในปั๊มทั่วไปที่ไฟสว่างแต่พอเพียง น้ำไหลเหมือนไม่เต็มใจ อ่างล้างมือเต็มไปด้วยซากแมลง กระจกเงาเก่าและมัวจนดูหลอนๆ ผมวักน้ำจากก๊อกล้างหน้าเบาๆ แล้วยกนาฬิกาขึ้นมาดูอีก เข็มวินาทียังเดินปกติดี ความเสียหายเท่าที่เห็นมีแค่รอยถลอกเล็กๆ บนหน้าปัด

ผู้ชายที่แนะนำตัวว่าชื่อเรือใบเดินอ้อมมาจากด้านหลัง เข้ามาล้างมือที่อ่างมือข้างๆ ตามด้วยล้างหน้าแรงๆ เหมือนพวกนักกีฬาชอบทำกัน

“ทำไม มือเป็นไร”

“เปล่า นาฬิกาน่ะ...ช่างเถอะ”

ผมลอบมองเงาสะท้อนของเขาในกระจก

เป็นครั้งแรกที่ผมได้ตั้งใจพิจารณาเขา หน้าตาดีเลยละ สูงไม่ต่ำกว่าร้อยแปดสิบห้าเซ็นแน่นอน ทรงผมรากไทรเซ็ตนิดๆ คิ้วหนา ตาคม จมูกโด่งรับกับริมฝีปากที่ดูไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ดูจากสีผิวชวนให้คิดว่ามีเชื้อจีนปนอยู่ในสายเลือดเล็กน้อย เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดคอกลม และกางเกงยีนเข้ารูป

ดูไม่เหมือนคนบ้าเท่าไหร่ ไม่มีลักษณะแบบคนร้ายที่มักจะเห็นในหนังด้วย เขาดูเหมือน...พนักงานออฟฟิศที่ออกมาเที่ยวเต๊าะสาวเล่นมากกว่า แต่ปืนนั่นก็ชวนให้คิดว่าเขาเป็นอะไรมากกว่านั้น

“มองอะไร” เขาถามขึ้นเรียบๆ พลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้กระจกคล้ายตั้งใจสำรวจสิว ทั้งที่ไม่เห็นมีสิวสักเม็ด

“เปล่านี่”

“เหรอ”

“...” ผมมองกระจกอยู่ตลอด สาบานได้ว่าสายตาเขาไม่ได้เหลือบมาทางผมสักนิด แต่เหมือนกับว่าเขารู้ตัวทันทีที่ผมมองตั้งแต่แรกแล้ว แบบนี้มันน่าขนลุกนะ

“มึงใช้โฟมล้างหน้าอะไร หน้าโคตรเนียน”

มันน่าขนลุกจริงๆ

“คุณเป็นตำรวจเหรอ” ผมถามไปอีกเรื่อง

“ไม่เชิง”

“งั้นก็เป็นโจร”

“ดูใหม่” คราวนี้เขาหันมาเผชิญหน้ากับผมเต็มๆ หยดน้ำยังเกาะพราวทั่วใบหน้า “กูดูเหมือนโจรเหรอ”

อาจจะเป็นออร่า หรือรังสีความหน้าตาดีอะไรก็ตาม แต่ผมมองหน้าเขาตรงๆ ไม่ได้

ผมทำเป็นไม่สนใจ หันไปล้างมือต่อ “คนดีๆ คงไม่พกปืนมาเที่ยวหรอก”

“กูอาจจะพกเอาเท่ก็ได้...”

“เรือ” เสียงใครคนหนึ่งแทรกขึ้น

เราทั้งคู่หันไปมอง ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก้าวยาวๆ เข้ามา ดูน่าจะเตี้ยกว่าผมเล็กน้อย ตัดผมรองทรง อยู่ในชุดเสื้อยืดสีหมองและกางเกงยีนเก่าๆ

“ช้าว่ะเฮีย”

“นี่ก็เร็วสุดแล้ว เรื่องเป็นไง”

“ร้านผับผับกลางซอยสิบ เสี่ยหลับฝันดีอยู่หลังร้านนั่นแหละ”

“เวลาเคลื่อนจากข้อมูลที่ได้มาไปเยอะ สถานที่ตามที่สายเราแจ้งบอกว่าอยู่อีกซอยด้วย เบื่อไอ้หนอนพวกนี้จริงๆ” คนมาใหม่ส่ายหัว “แล้วมันเก็บเสี่ยทำไม ช่วงนี้พวกมันกำลังคุยธุรกิจล็อตใหญ่กันไม่ใช่เหรอ...”

“หลังหักไงเฮีย”

“หักหลัง” อีกฝ่ายแก้ “อืม ทำไมไม่บอกก่อนล่ะว่าจะมา เฮียจะได้ส่งคนมาช่วย อีกอย่าง ไหนบอกว่างานนี้จะไม่ยุ่งไม่ใช่เหรอ แล้วคืนนี้ออกมาทำไม แถมยังรู้สถานที่อีก”

“ผมแค่มาเที่ยว โชคดีที่ผับแม่งเหม็นชิบหาย เลยเดินออกไปเจอของดีเข้า” เรือใบยักไหล่ พออีกฝ่ายหรี่ตาลงเขาก็พูดต่อ “หรือต่อให้ผมรู้แล้วบอกเฮียก่อน คนที่เฮียจะส่งมาช่วยอาจเป็นหนอนก็ได้ จริงมั้ย”

“ช่างเถอะ แล้วไงต่อ”

“เกือบได้ดวลปืนกัน แต่มันหนีไปได้ นี่คนเห็นเหตุการณ์” เขาตะแคงศีรษะมาทางผม

สายตาคมกริบมองผมตั้งแต่หัวจดเท้า “น้องชื่ออะไร”

“ธาร”

“ผมยอช์ตนะ” เขาควักกระเป๋าสตางค์ออกมา ควักบัตรยื่นมาค้างไว้ตรงหน้าผม

“ตำรวจ...” นี่เหรอตำรวจ ถ้าบอกว่าขับวินมอเตอร์ไซค์จะดูน่าเชื่อกว่านะ

โดยมารยาทแล้วผมควรจะยกมือไหว้เขา แต่ผมก็ไม่ทำ

“นอกเครื่องแบบน่ะ” เขาอธิบายราวกับอ่านความคิดผมได้ “น้องเห็นหน้าคนร้ายชัดรึเปล่า”

ผมพยักหน้า

“ไม่ได้เมาใช่มั้ย”

ฟึ่บ!

เรือใบยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมผงะ แต่เขาก็จับต้นคอผมไว้ไม่ให้หลบ “มึงกินไปเยอะมั้ย”

ผมสะบัดศีรษะจนหลุดจากมือเขา “ผมไม่ได้เมา ดื่มไปแค่สองแก้ว”

“แล้วมึงไปทำอะไรที่หลังร้าน”

“แค่ไปสูดอากาศ”

เรือใบมองหน้าผมนิ่งๆ จากนั้นก็ฉีกยิ้ม “ตามนั้นเฮีย”

เฮียยอช์ตมองผมอีก บอกตามตรงผมยังไม่แน่ใจว่าเขาเป็นตำรวจจริงๆ รึเปล่า ทำไมผมสลัดภาพวินมอเตอร์ไซค์ออกจากหัวไม่ได้สักที แม้ว่าจะเห็นยศบนบัตรเขาแล้วก็เถอะ “งานนี้ท่าจะยาว” เขาว่า

“ครับ?” ผมเลิกคิ้ว

“คนที่โดนยิงน่ะ เสี่ยยุทธ์ ตัวบิ๊กในวงการเลย ส่วนไอ้มือปืนก็น่าจะไม่ธรรมดา ต้องเป็นมือขวาของไอ้ตัวการใหญ่คู่ค้าเสี่ยแน่ มันถึงเข้าใกล้เสี่ยได้ขนาดนี้ มันเห็นหน้าน้องแล้ว ตอนนี้พวกมันคงอยากเล่นป๊อกเด้งกับน้องเร็วๆ นี้แหละ”

“...”

“ไอ้ตัวการใหญ่ฝ่ายมือปืนที่ว่า เฮียเคยบอกใกล้สาวถึงตัวมันแล้วไม่ใช่เหรอ” เรือใบพูด

“ไม่เชิง นายก็รู้ถ้ามันเกี่ยวกับการเมืองไม่มีอะไรง่ายหรอก แถมฝ่ายเรายังมีหนอนไต่ยั้วเยี้ยถึงระดับบริหารเลย...เอางี้ เฮียจะแวบไปดูที่เกิดเหตุหน่อย ส่วนนายก็พาพยานไปสเกตช์หน้ามือปืนไว้ก่อน เดี๋ยวเฮียกลับไปดู จากนั้น...”

“จากนั้นอะไร”

“คงต้องให้นายช่วยดูแลพยานสักระยะ”

“เอาจริงดิ”

“จริง ต้องดูแลใกล้ชิดเลยละ รบกวนหน่อยละกัน เฮียไม่ไว้ใจคนข้างใน” 

“แต่...”

เฮียยอช์ตหันมาตบบ่าผม “ลำบากหน่อยนะ” ว่าแล้วเขาก็หันหลังก้าวยาวๆ ไปที่มอเตอร์ไซค์ เป็นมอเตอร์ไซค์แบบแม่บ้านยังไม่พอ แถมยังสภาพยังโทรมสุดๆ

เขาถีบคันสตาร์ทซึ่งไม่น่าจะติดง่ายๆ แก๊ก แก๊ก...

ระหว่างนี้เรือใบก็พูดไปเรื่อย “เฮีย ผมไม่ใช่ลูกน้องเฮียนะ”

แก๊ก แก๊ก

“เฮียจะสั่งตามใจตัวเองแบบนี้ไม่ได้”

แก๊ก

“ผมจะไม่ยุ่งเรื่องนี้ตามที่เคยบอก โอเคนะ เฮีย...”

ในที่สุดเครื่องก็ติดจนได้ “ขอบใจเรือ ไว้คุยกัน” เฮียยอช์ตตัดบท แล้วขับออกไป

ผมเอียงศีรษะมองตามหลังเขา พยายามไม่นึกถึงวินมอเตอร์ไซค์หรือคนขายลูกชิ้นปิ้งหรืออาหารข้างทางอะไรก็ตาม

“ถามหน่อย” ผมพูด

“ว่า”

“พวกหนอนที่ว่าหมายถึงอะไร”

“ไม่รู้จักสำนวนสุภาษิตไทยเหรอวะ เกลือเป็นหนอนไง ไอ้พวกตำรวจเลวที่ทำงานเป็นหูเป็นตาให้โจรอ่ะ”

“แล้วเล่นป๊อกเด้งล่ะ”

“ก็แบบเสี่ยนั่น” เรือใบทำมือเป็นรูปปืนชี้มาที่ผม “ป๊อก...แล้วก็เด้งไปนอนบนพื้น”

“อ่อ ช่างเถอะ ผมจะกลับแล้ว บาย”

“จะไปไหน” เขาตวัดแขนรอบคอผมอีก “ไม่ได้ยินเหรอ เฮียสั่งให้กูดูแลมึงอย่างใกล้ชิด มานี่เลย”





_________________

หวังว่าจะชอบกันนะคะ :)

นางร้าย 16.04.18
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [บทนำ: โหลดกระสุน] 16.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวแม่ ที่ 16-04-2018 15:29:37
มาเจิมมมมมมม

ภาษายังงดงามและทำให้ติดได้เหมือนกัน

เป็นกำลังใจให้เด้ออออออออ คิดจะอู้ให้คิดถึงนักอ่านคนนี้ด้วยนะคะ 55555555555555
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [บทนำ: โหลดกระสุน] 16.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: Hamzholic ที่ 16-04-2018 15:52:37
พี่เรือมีเงื่อนง่ำ ไรง้าาาาา สรุปเป็นอะไร ตำรวจก็ไม่น่าใช่
ต้องรออ่านบท 1 / อยากรู้ว่านายเอกมีปมไรง่ะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [บทนำ: โหลดกระสุน] 16.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 17-04-2018 01:07:40
 :katai5:  ตาม ๆ อ่านในตอนต่อไป  :katai5:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [บทนำ: โหลดกระสุน] 16.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-04-2018 02:51:13
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [บทนำ: โหลดกระสุน] 16.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: krayfanxing ที่ 17-04-2018 05:49:52
ธารดูมึนๆ กับชีวิตอ่ะ แต่ภาษาสวย เรื่องแปลกดีค่ะ เดาเรื่องที่เกิดขึ้นไปทางไหนไม่ค่อยออก น่าสนุกดี
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [บทนำ: โหลดกระสุน] 16.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-04-2018 06:10:47
ติดตามจ้ะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [บทนำ: โหลดกระสุน] 16.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 17-04-2018 06:12:18
รอติดตามค่า
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [บทนำ: โหลดกระสุน] 16.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 17-04-2018 06:48:17

สนุ๊กสนุก…


รอตอนต่อ….    :katai4:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [บทนำ: โหลดกระสุน] 16.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 17-04-2018 09:06:37
น่าสนใจดี รอติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [บทนำ: โหลดกระสุน] 16.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 18-04-2018 03:29:55
ธารมาระลึกถึงแฟนเก่าเหรอ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 1: ร.เร้า] 19.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 19-04-2018 20:32:02
กระสุนนัดที่ 1
ร.เร้า


[สายธาร]

“ตกลงคุณเป็นตำรวจหรือไม่ได้เป็น”

“เรียกคุณมันทางการไปรึเปล่าวะ เรียกพี่ก็ได้”

“คุณเป็นตำรวจรึเปล่า” ผมถามซ้ำ

“เคยเป็น สรุปจะเรียกงี้ใช่มะ ตามใจ”

“งั้นตอนนี้เป็นอะไร...ทำงานให้ตำรวจ” ผมพยายามนึกหาคำ “สายตำรวจ?”

“ก็แล้วแต่จะเรียก”

“ออกมาเป็นสายทำไมล่ะ เป็นตำรวจก็ดีแล้วนี่ กินส่วยกินภาษีประชาชนไปวันๆ”

“ระวังปากหน่อยนะมึงอ่ะ แล้วนั่นก็พี่ชายกู”

“อ่อ เรือยอช์ต เรือใบ”

“เออ”

ผมรอให้เขาพูดต่อ แต่ก็ไม่มีคำพูดใดตามมาอีก

หลังจากเฮียยอช์ตขอตัวไป เรือใบก็ลากผมไปที่สถานีตำรวจด้วยรถของเขา รถโตโยต้าคัมรี่สีดำที่เขาจอดทิ้งไว้ที่ปั๊มนั่นแหละ ใช้เวลาชั่วโมงกว่าเพื่อตอบคำถามจ่านักสเกตช์ภาพ หลังจากนั้นเราก็มาอยู่ในรถอีกครั้ง เขาขับ ส่วนผมนั่งมองแสงไฟข้างทางที่พุ่งฉิวผ่านไป ดูแสงสีที่พลิ้วเป็นเส้นสายราวกับอยู่ในโลกความฝัน

“ฟังเพลงมะ” เรือใบถาม

“ไม่ ผมชอบอยู่เงียบๆ มากกว่า”

พูดไม่ทันขาดคำเสียงเพลงก็ดังขึ้น เพลงแนวร็อกชวนปวดหัวที่ผมอาจจะเคยได้ยินมาบ้าง แต่ไม่เคยคิดจะฟังให้รู้เรื่อง

แล้วจะถามทำไมวะ แบบนี้มันกวนกันชัดๆ

“นี่เพิ่งมีคนตายไปนะ”

“ว่าไงนะ!”

ผมเอื้อมมือไปหรี่เสียงเพลงลง “เพิ่งมีคนตาย”

“แล้วไง”

“ก็...ไม่ควรจะร่าเริงขนาดนี้รึเปล่า”

“ในรถกูไม่มีเพลงธรณีกันแสง”

“อย่างน้อยก็ควรจะเงียบให้เกียรติคนตายหน่อยมั้ย”

“คนตายน่ะ พ่อค้ายารายใหญ่และทำธุรกิจมืดสารพัด กูควรให้เกียรติมั้ย”

“...”

น้ำเสียงของเขาไม่มีนัยเสียดสี เป็นเสียงเรียบๆ ที่ชวนถกปัญหาเชิงศีลธรรมมากกว่า

ผมไม่มีสิทธิ์ตัดสินว่าใครควรอยู่หรือตายอยู่แล้ว อีกอย่างนี่มันรถของเขา เขาอยากเปิดเพลง ขยับโยกหัว หรือตีลังกาเขาก็มีสิทธิ์ทำได้ทั้งนั้น

ผมเลยนั่งเงียบๆ แล้วปล่อยใจให้ล่องลอยไป

“เลี้ยวซ้ายนี้หรือเปล่า” เขาถามขึ้น

“อยากเลี้ยวก็เลี้ยว รถของคุณ พวงมาลัยของคุณ”

“อย่ากวนตีน บอกมาเร็วๆ”

ผมรับมือกับคนประเภทนี้ไม่เก่ง แต่ก็พอจะเดาได้ว่า เขาจะหาเรื่องมาก่อกวนยั่วโมโหคนฟังได้ไม่สิ้นสุด ยิ่งพูดจายอกย้อนเขายิ่งชอบสินะ โอเค ตั้งสติ

“เลยไปก่อน เลี้ยวซอยที่มีเซเว่นน่ะ”

“ก็แค่เนี้ย”

ไม่กี่นาทีต่อมารถก็มาจอดที่หน้าหอพักผม

วันนรกแตกจบลงซะที

ผมจะนอนยาวให้ถึงเย็นพรุ่งนี้เลย

“ขอบคุณ” ผมเปิดประตูก้าวลงจากรถ

อีกฝ่ายก้าวตามลงมาทันที “ลืมอะไรรึเปล่า”

“ก็บอกขอบคุณแล้วไง จะเอาอะไรอีก”

“เสื้อ”

อ่อ เพิ่งนึกได้ว่าสวมแจ็กเก็ตเขาอยู่ ผมถอดมันออกและเปิดประตูโยนกลับเข้าไปในรถ “ขอบคุณอีกครั้ง”

“มึงพักอยู่กับใคร”

“คนเดียว ไปละ ง่วง”

“จะไม่ชวนคนที่เพิ่งช่วยชีวิตขึ้นห้องหน่อยรึไง”

ผมชะงัก “จะขึ้นไปทำไม”

คนตัวสูงมองตัวตึกตรงหน้าโดยแขนข้างหนึ่งยังพาดประตูรถที่เปิดค้างอยู่ แล้วเขาก็ดับเครื่อง ปิดประตู กดรีโมตล็อกรถเรียบร้อย “กูจะขึ้นไปดูหน่อย”

“จะดูทำไม ไม่ต้อง”

“เดินนำไป”

“บอกว่าไม่...”

“บอกว่าเดินนำไป”

ถ้าเสียงจะเข้มขนาดนี้ ไปรับจ๊อบพากษ์หนังเลยดีกว่ามั้ย และดูเหมือนว่าเถียงไปก็คงไม่มีประโยชน์ ผมเลยเดินนำเขาเข้าไปใต้ตึก 

ที่นี่เป็นหอพักรวมชายหญิงนอกรั้วมหา’ลัย สภาพก็คล้ายกับหอพักระดับกลางๆ ทั่วไป มีทั้งหมดห้าชั้น ไม่มีลิฟต์ มีแม่บ้านทำความสะอาดโถงทางเดินวันเว้นวัน ระบบรักษาความปลอดภัยประกอบไปด้วยประตูคีย์การ์ด กล้องวงจรปิดหนึ่งตัว ลุงยามแก่ๆ และผู้ช่วยสายพันธุ์ไทยหลังอานที่ชาวหอช่วยกันเลี้ยงไว้ เราเรียกมันตามสีตัวเข้มๆ ของมันว่าชาเย็น

เวลานี้หอพักค่อนข้างเงียบ ม้านั่งหินอ่อนตรงหน้าตึกไม่มีหนอนหนังสือหรือแม้แต่แก๊งเด็กขี้เมา ลุงยามนั่งหลับอยู่ที่เก้าอี้ คอพับไปด้านหลัง อ้าปากหวอเล็กน้อย ส่วนเจ้าชาเย็นผงกหัวขึ้นแล้ววิ่งกระดิกหางเข้ามาทันที แต่มันก็ชะงักทันทีเช่นกันที่เห็นคนแปลกหน้ามากับผม

“โฮ่ง!”

“ชาเย็น อย่า” ผมรีบปรามมัน แต่นึกอีกทีก็เลยพูดใหม่ “แต่จะกัดก็ได้ เอาเลย”

เรือใบดูไม่สะทกสะท้าน เหลือบตามองมันด้วยสีหน้านิ่งๆ ชาเย็นที่เจอสายตาเย็นชาเข้าไปถึงกับหยุดชะงัก ชั่วขณะหนึ่งเหมือนทั้งคู่จะสื่อสารกันด้วยพลังจิต แล้วในที่สุดมันก็ทำเสียงหงิง กระดิกหางน้อยๆ กลับไปนอนหมอบอยู่ตามเดิม

ลุงยามงัวเงียตื่นขึ้น

“ลุงไม่ได้หลับนะ เมื่อกี้ฝึกทำสมาธิเฉยๆ”

“ครับ”

“เพื่อนเหรอ”

“ครับ ลุงทำสมาธิต่อเถอะ ผมไม่กวน” ผมยิ้มให้ลุง ก่อนจะควักคีย์การ์ดมาแตะเปิดประตูพาเรือใบเข้าไป

“กล้องวงจรปิดเสีย” เขาพูดขึ้นเรียบๆ หลังจากเราก้าวผ่านประตู

“หือ?”

“ไม่เห็นไฟสีแดง น่าจะใช้การไม่ได้ ยามก็แก่ หมาก็ไม่ได้เรื่อง”

“ขี้บ่น” ผมพูดพึมพำ

“บ่นเพราะชีวิตมึงไม่ปลอดภัยไงล่ะ” ได้ยินด้วย นอกจากตาไวแล้วยังหูดีอีกนะ “ห้องอยู่ชั้นไหน”

“สี่”

“ไม่มีลิฟต์...”

“ที่นี่ใช้ระบบขนส่งมวลกายด้วยขา” ผมว่าแล้วก้าวนำเขาขึ้นบันไดไป เขาไม่พูดอะไร ไม่หันมองโน่นนี่ แต่เดาว่าสายตาเบื่อๆ คู่นั้นกำลังเก็บรายละเอียดรอบตัวอยู่

เราขึ้นมาถึงชั้นสี่ เดินไปจนถึงห้องรองสุดท้ายซึ่งเป็นที่ซุกหัวนอนของผมมาตลอดสี่ปี

แกร๊ก

ผมไขกุญแจ เปิดประตูออก

“กรี๊ด!”

“เฮ้ย! เชี่ยไรวะ!”

โคมไฟที่โต๊ะหนังสือเปิดอยู่ทำให้ภายในห้องมืดสลัว สายตาผมปะทะเข้ากับแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเด็กสาวขณะที่เจ้าตัวหอบผ้าห่มวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ผู้ชายอีกคนเด้งตัวขึ้นนั่งบนเตียงราวกับถูกไฟชอร์ต ผมเห็นแค่นั้น เพราะถูกเรือใบกระชากตัวไปด้านข้างซะก่อน

เขาเร็วมาก มือซ้ายตะปบสวิตช์ไฟ มือขวาตะปบปืน

“เฮ้ยๆ เดี๋ยว” ผมรีบกดแขนเขาไว้ ซึ่งถ้าเขาตั้งใจจะชักออกมายิงจริงๆ ก็ไม่มีทางเลยที่ผมจะห้ามทัน ยังดีที่เขาแค่ตะปบปืนค้างไว้ จากนั้นผมก็ยื่นหน้าเข้าไปมองในห้องที่ตอนนี้สว่างด้วยแสงไฟเพดาน “มิกกี้”

“ไอ้เชี่ยธาร แม่ง ตกใจหมด”

“โทษที กูไม่นึกว่ามึง...”

“กูไลน์บอกมึงแล้ว” มิกกี้คว้ามือถือจากหัวเตียงมากดดู “เนี่ย แล้วมึงก็ไม่อ่าน”

“ขอโทษว่ะ วันนี้กู...เจอเรื่องหนักไปหน่อย”

“แม่ง” สภาพมิกกี้หนุ่มฮอตตอนนี้ดูไม่จืดเลยจริงๆ สวมแค่บ็อกเซอร์ตัวเดียว ผมเผ้ากระเซิง หน้าตาหื่นปนโกรธ มันหันมองประตูห้องน้ำเหมือนไม่รู้จะจัดการยังไง น้องผู้หญิงคนนั้นยังขังตัวเองอยู่ข้างในโดยมีผ้าห่มห่อตัว และมีแปรงขัดพื้นเก่าๆ ที่ผมกะจะทิ้งนานแล้วอยู่เป็นเพื่อน เสื้อกับกระโปรงกองขยุ้มอยู่บนพื้นตรงนี้ ส่วนเสื้อในแผ่หลาอยู่ที่ปลายเตียง ชวนให้คิดว่าคืนนี้มิกกี้คึกคักสุดๆ

“ไหนบอกอยู่คนเดียว” เรือใบหันมาพูดกับผม เขาละมือจากปืนแล้ว

“ก็เช่าอยู่คนเดียว แต่นี่มิกกี้เพื่อนกัน ไปๆ มาๆ เป็นบางวัน”

“แล้วนี่ใครวะ ธาร” มิกกี้พูด “อย่าบอกนะว่าคู่ขาคนใหม่”

“ใช่” เรือใบตอบ

เฮ้ย! พูดงั้นได้ไง

“จริงดิ! นี่มึงอาการหนักจนต้องหิ้วใครก็ไม่รู้กลับห้องเลยเหรอวะ”

“ไม่ใช่แบบนั้นเว้ย เขาเป็น...”

เรือใบมองหน้าผมอีก “เป็นอะไร” น้ำเสียงเรียบเฉยเหมือนท้าทายให้ตอบ

“เอ่อ...” เป็นสายตำรวจหรืออะไรก็ช่างเถอะ แต่นี่ไม่ใช่เวลาอธิบาย “ไว้กูเล่าทีหลังละกัน เรื่องมันยาว แล้วนี่มึง...” ผมตวัดนิ้วสลับไปมาระหว่างมิกกี้กับคนในห้องน้ำ “งั้นกูรอข้างล่างนะ”

“รอนี่แหละ” เรือใบพูดแทรก

“อะไรของพี่วะ”

“เรียกพี่แล้วเหรอ” มุมปากเขากระตุกยกขึ้น

“อะไรของคุณ...”

“เฉยเหอะ กูจัดการเอง” เขาผลักตัวผมไปยืนข้างกรอบประตู แถมเอามือกดหน้าอกไว้ไม่ให้ผมโผล่หน้าไปมอง “ชื่อมิกกี้ใช่มั้ย เจ้าของห้องกลับมาแล้ว จะใช้ห้อง กลับไปได้ละ ให้เวลาแต่งตัวสองนาที”

ปึง!

พูดจบก็ปิดประตูทันที

เฮ้ย ประเทศนี้เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนขนาดนี้แล้วเหรอ เขาเป็นใครน่ะ ผู้นำเผด็จการสมัยสงครามโลกกลับชาติมาเกิดรึไง

“นี่...ห้องผม นั่นก็เพื่อนผม คุณมีสิทธิ์อะไร”

“มึงบอกง่วงไม่ใช่เหรอ จะได้รีบนอน”

“นอนตอนไหนมันก็เรื่องของผม”

ปึง! ปึง!

เขาตบประตูแรงๆ โดยที่สายตายังจ้องหน้าผมนิ่ง “เฮ้ย! เสร็จยัง เร็วหน่อย”

“...”

“ทำไม จะพูดอะไรก็ว่ามา”

“คุณนี่มัน...สุดๆ เลย”

“หลายคนก็บอกงั้นนะ”

“นี่คุณเป็นใครกันแน่วะ”

“กูชื่อเรือใบ”

“...”

แกร๊ก

ก่อนจะได้พูดอะไรกันต่อประตูก็เปิดออก มิกกี้ในเวอร์ชั่นหัวเสียขั้นสุดก้าวออกมา ตามด้วยน้องผู้หญิงที่ห่อไหล่และก้มต่ำจนเส้นผมคลี่ปกใบหน้า สภาพการแต่งตัวทั้งคู่คือลวกๆ อย่างกับเด็กห้าขวบที่ยังสวมเสื้อผ้าเองไม่คล่อง มิกกี้ยกมือโอบไหล่เธอไว้ แต่เจ้าตัวสะบัดออก ก้าวยาวๆ นำหน้าออกไป

“มิกกี้” ผมร้องตามหลัง

“อะไร!” เขากระแทกเสียงกลับ

“มึงใส่เสื้อกลับด้าน”

เขาหันกลับยกนิ้วโป้งชูขึ้นเหมือนจะบอกว่า เออ ชีวิตกูป่นปี้หมดแล้ว

และสิ่งที่ผมไม่คาดคิดคือ เรือใบชูนิ้วกลางตอบด้วยสีหน้านิ่งๆ

โคตรถ่อย!

“ไว้กูโทรหานะมิก” ผมพูดตามหลังเพื่อน

“ทีนี้ก็เข้าห้องได้ละ”

“ก็หลบดิ” ผมใช้ไหล่กระแทกเขาก่อนจะเบียดตัวผ่านไป อีกฝ่ายก้าวตามเข้ามาและล็อกประตูตามหลัง “เข้ามาทำไม ส่งถึงห้องก็กลับไปได้แล้ว”

“บอกแล้วไงว่าจะเข้ามาดูหน่อย”

“ให้เวลาสองนาที ดูเสร็จก็กลับไปได้แล้ว”

“ต่อปากต่อคำดีจริงๆ” เขายิ้มพลางมองกวาดรอบตัว “นี่อะไร แค่ขี้เกียจหรือว่าคิดจะเลี้ยงแมลงไว้เป็นเพื่อน”

“คุณจะไปรู้อะไร”

“อืม” 

สายตาสอดรู้สอดเห็นของเขาทำให้ผมอยู่ไม่สุข จนต้องแอบใช้เท้าเขี่ยตะกร้าผ้าเข้ามุม จัดกองหนังสือบนโต๊ะลวกๆ ให้ขอบเสมอกัน นึกอยากจะหยิบผ้าห่มบนเตียงมาพับต่อ แต่ก็รู้สึกงี่เง่าทันทีที่คิดแบบนั้น ผมเลยหันมาจ้องหน้าเขาแทน “คุณไม่มีสิทธิ์อะไรมาตัดสินผม”

“กูไม่ได้ตัดสินอะไร แค่พูดตามที่เห็น”

“แล้วเมื่อกี้พูดแบบนั้นทำไม”

“แบบไหน”

“ก็...ที่บอกเป็นคู่ขาอ่ะ คู่ขาบ้าบออะไร”

“จิตวิทยาง่ายๆ พูดในสิ่งที่คนฟังอยากฟัง ตัดปัญหาไป จะได้ไม่ต้องอธิบายอะไร”

“แต่ตอนนี้คุณทำให้ผมมีปัญหากับเพื่อนแล้ว”

“แบบนั้นแหละดี จะได้เลิกติดต่อกันสักพัก”

“ดียังไงวะ”

เขามองหน้าผม น้ำเสียงจริงจัง “ถ้าไม่อยากให้คนรอบข้างเดือดร้อน ก็อย่าเพิ่งติดต่อใครช่วงนี้ แล้วก็อย่าเล่าเรื่องคืนนี้ด้วย”

“ถ้าผมเล่า คุณจะทำอะไรล่ะ จับผมกับเพื่อนไปเผานั่งยางงั้นเหรอ หรือจับขังห้องใต้ดินไว้เล่นเกมจิตวิทยาโรคจิตของคุณ”

“กูไม่ทำหรอก คนพวกนั้นต่างหากที่จะทำ”

“ผมไม่กลัวหรอก”

“มึงไม่รู้หรอกว่าพวกมันมีอิทธิพลขนาดไหน”

เขายื่นหน้ามาใกล้ แววตาท้าทายราวกับรอดูว่าผมจะพูดโต้ตอบยังไงอีก มันเป็นเกมที่เขากำลังสนุก

“ช่างเถอะ” ผมชักเท้าถอยเพื่อเพิ่มระยะห่าง “หมดเวลาสองนาที กลับไปได้แล้ว อย่าบอกนะว่าจะนอนนี่”

“ถ้ากูนอนนี่ มึงจะทำอะไร”

“...”

“...”

“กลับไปเลย”

“ก็ถามอยู่นี่ไง ถ้าไม่กลับมึงจะทำอะไรกู”

“ผมก็จะ...จะไปนอนที่อื่น”

“หึ” เขากวาดตามองอีก “เอาเบอร์มึงมา”

“แล้วจะกลับ?”

“เออ”

ผมเลยยอมให้ไป และไม่ใช่แค่เบอร์ผม เขาขอปนขู่เอาเบอร์มิกกี้ด้วย “ก็แค่เนี้ย ทำเป็นลีลา แล้วก็เลิกคิดได้ละว่ากูจะนอนด้วย ห้องรกขนาดนี้” จากนั้นเขาก็กดโทรออก ยกโทรศัพท์แนบหู “มิกกี้ ระวังข้อหาพรากผู้เยาว์หน่อยละกัน เด็กนั่นอายุอาจจะไม่ถึงสิบแปด”

พูดรวดเดียว แล้วกดตัดสาย สีหน้ายังราบเรียบเหมือนเดิม “อะไร”

“จะยุ่งให้ได้ทุกเรื่องเลยใช่มั้ย”

ผมคิดว่าอีกฝ่ายจะตีหน้ามึนต่อปากต่อคำกลับ แต่เขากลับถอนหายใจเฮือกใหญ่ “กูไม่ได้อยากจะยุ่งเลยจริงๆ...นอนซะ” 

แกร๊ก

เสียงปิดประตูแผ่วเบาหลังจากเขาเดินออกไป ตามด้วยเสียงฝีเท้าที่เงียบกริบจนดูราวกับว่าทันทีที่ก้าวเดินตัวเขาก็กลืนหายไปกับอากาศ

แล้วนี่เขาไล่มิกกี้กลับเพื่อช่วยน้องผู้หญิงคนนั้นเหรอ หรือเพื่อกันคนรอบข้างผมออกจากเรื่องวุ่นวายที่จะตามมา หรือเขาแค่กวนเฉยๆ 

“...”

ผมยืนนิ่งอยู่ร่วมนาที

อะไรวะ

บทจะยุ่งก็ยุ่งโคตรๆ บทจะไปก็ไปงี้เลย




______________________

ขอบคุณทุกคนที่มาคอมเม้นต์ให้นะคะ มีค่าทางใจมากๆ
ขอบคุณ ตัวแม่ / Hamzholic / areenart1984 / cavalli / krayfanxing / B52 / วายซ่า / blanchard / diltosscap / snowboxs

เราอ่านคอมเม้นต์หลายรอบมากค่ะ ดีใจ :D
อ่านแล้วอยากพูดคุยได้ที่แท็ก #รรรเรือ นะคะ

นางร้าย 19.04.18
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 1: ร.เร้า] 19.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-04-2018 20:45:32
มาไว ไปไว เหลือเกิน  o18
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 1: ร.เร้า] 19.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 19-04-2018 22:57:02
ชอบเรือใบแล้ว ดูกวนๆ ฉลาด เก่ง ดูเป็นผู้นำ เท่มาก
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 1: ร.เร้า] 19.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-04-2018 23:08:19
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 1: ร.เร้า] 19.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 20-04-2018 00:31:51
อึนๆมึนๆแบบธาร ต้องเจอเฮียบๆแบบเรือใบนี่แหล่ะ เพิ่มสีสันในชีวิต
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 1: ร.เร้า] 19.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 20-04-2018 08:46:43

ชอบเฮียใบอะ… กวนทรีนดี    :m4:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 1: ร.เร้า] 19.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 21-04-2018 08:04:57
เราชอบเรือใบอ่ะ
เหมือนต่างคนต่างมีอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 2: ร.เร่ง] 24.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 24-04-2018 19:30:04
กระสุนนัดที่ 2
ร.เร่ง


[เรือใบ]

เยี่ยมมาก ปีนี้เอาไปเลยสองขั้น ถ้าผมยังเป็นตำรวจอยู่ผู้บังคับบัญชาอาจจะพูดอะไรทำนองนั้น แต่ก็โง่มากนะที่พุ่งไปวัดดวงกับลูกปืนแบบนั้น หรือว่าคุณมีพระดีอะไร

แต่ชีวิตส่วนนั้นจบไปแล้ว

ในหัวผมเลยมีฉากบ้านๆ แวบผ่านเข้ามาแทน อย่างเช่น ฉลองด้วยไอศกรีมสักถ้วยและชื่นชมตัวเองเงียบๆ งานหมูๆ ก็แค่กระโดดใส่ลูกปืนช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่ง แถมยังวิ่งตามไปจะเล่นป๊อกเด้งกับไอ้หมอนั่นด้วย เท่โคตร! เสียดายที่มันหนีไปได้

แต่เนื้อแท้ของผมไม่ใช่คนขี้อวด ผมเลยไม่คิดจะไปหาไอศกรีมมากินฉลองอะไร

สิ่งที่ผมทำจริงๆ ตอนนี้ก็มีแค่ นั่งเอนหลังอยู่ในรถสักพัก แล้วกดโทรออก

“เฮีย”

[เป็นไงมั่ง]

“ปกติดี หายใจสะดวก หิวนิดๆ ปวดฉี่นิดหน่อย”

[เล่นไม่รู้เวล่ำเวลา เอาดีๆ]

“ปกติดี หายใจสะดวก หิวนิดๆ ปวดฉี่นิดหน่อย ส่งพยานถึงที่พักเรียบร้อย”

[ที่พักแบบไหน]

“หอพักนักศึกษา ห้าชั้น...ไม่มีลิฟต์...อืม ดูโทรมๆ”

[ดูไม่ปลอดภัยเท่าไหร่นะ ถ้าพวกนั้นจะตามล้างตามเช็ดจริงๆ]

“ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก พวกมันต้องข้ามศพยามแก่ๆ กับหมาผอมๆ ตัวนึงก่อน” ผมหัวเราะหึในลำคอ “ทางนั้นล่ะเป็นไงบ้าง”

[พยายามปิดข่าวอยู่ ยังไม่มีอะไรคืบหน้า] เฮียยอช์ตถอนหายใจ [นายดูแลเด็กนั่นไปสักระยะก่อนได้มั้ย นี่พูดจริงๆ นะ]

“ผมจะโทรมาเรื่องนี้แหละ เผื่อเฮียลืมนะ ผมลาออกแล้ว”

[รู้น่า]

“ผมทำงานตามใจ ไม่ได้ตามสั่ง”

[ก็ไม่ได้สั่ง นี่ขอร้องอยู่]

“เด็กนี่มันกวนตีนนะ”

[เมื่อกี้นายก็เพิ่งกวนตีนเฮียไม่ใช่เหรอ เรื่องกวนๆ นายเอาอยู่อยู่แล้ว น่า ช่วยหน่อย เฮียงัดข้อกับพวกมันมานาน ถ้าสอยมือปืนที่เก็บเสี่ยได้น่าจะสาวไปถึง...]

“ทำไมไม่งัดกระบวนการคุ้มครองพยานมาใช้ล่ะ” ผมพูดขัดเพราะขี้เกียจจะฟังเหตุผลยาวเฟื้อย “เอาไปดูแลในเซฟเฮาส์ให้เป็นเรื่องเป็นราว”

[แบบนั้นก็เท่ากับชี้โพรงให้กระรอก อย่าลืมว่าฝ่ายเรามีหนอนเน่าๆ อยู่เยอะ อีกอย่างช่วงนี้นายก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว หรือว่าเปลี่ยนใจจะไปช่วยกิจการป๊า]

“ผมช่วยเฮีย เฮียได้ผลงาน แล้วผมได้อะไร”

[เฮียไม่สนผลงานหรอก นี่คิดมาสักพักแล้ว ถ้าโค่นตัวการของมันได้เฮียจะวางมือออกตามที่ป๊าต้องการ]

“จริงดิ” นี่เป็นเรื่องใหม่สำหรับผมเลย

[นายเคยมีเรื่องคาใจที่สลัดออกจากหัวไม่ได้มั้ย เรื่องที่ทนไม่ไหวถ้าไม่ได้ทำให้มันจบๆ ไป พวกมันกับเฮียก็แบบนั้นแหละ]

“อืม”

เรื่องที่สลัดออกจากหัวไม่ได้

เรื่องที่ทนไม่ไหวจนกว่าจะได้ทำให้มันจบๆ ไป...

[ฟังอยู่รึเปล่า]

“ช่วงนี้ผมอยากอยู่สงบๆ”

[เพราะเรื่องนั้นอีกรึเปล่า มันนานเป็นปีๆ แล้วนะ ลืมไปได้แล้ว]

“ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้น”

[เรือ]

“ขอคิดดูก่อนละกันเฮีย แค่นี้นะ”

ตึ๊ด

ผมกดวางสาย พ่นลมหายใจออกแรงๆ พร้อมกับเอนหลังพิงเบาะอีก อากาศภายในรถนิ่งงัน ตรงข้ามกับความคิดที่ฟุ้งกระจาย

พูดถึงเรื่องนั้น...

ผมสอดมือเข้าใต้เบาะ ผิวโลหะเย็นเฉียบของปืนลูกโม่สัมผัสปลายนิ้วราวกับว่ามันฉกเอา ปืนกระบอกนี้ยังอยู่ดี อยู่ดีพอๆ กับเศษความทรงจำคมๆ ที่มักจะทิ่มแทงในบางคืน

เหตุการณ์นั้นทำให้ผมเหมือนเรือใบที่ถูกคลื่นซัดออกจากฝั่ง ถูกหินโสโครกข่วนครูด ลอยลำโดดเดี่ยวกลางทะเล คลื่นลมไม่ได้เกรี้ยวกราดเหมือนช่วงแรกๆ แล้ว บางวันเข้าขั้นสงบด้วยซ้ำ

แต่คืนนี้บางอย่างบอกผมว่าพายุใหญ่กำลังจะมา

ไม่สิ พายุมาอยู่แล้ว มันซ่อนอยู่ในแววตาของเด็กนั่น และผมดันเป็นเรือใบที่ลอยคว้างไปเจอมันเข้า

ซวยจริงๆ



ก๊อก ก๊อก ก๊อก 

“...”

สงสัยหลับอยู่

ก๊อกๆ

หรือไม่ก็ขี้

ก๊อกๆๆ

“...”

หรือตายห่าไปแล้ววะ

ปึงๆๆๆ

ผมทุบประตูรัวๆ พร้อมกับห้ามตัวเองไม่ให้ตะโกนว่า ไฟไหม้

แกร๊ก

แต่ประตูบานที่อยู่ด้านหลังผมกลับเปิดออกแทน ชายคนหนึ่งโผล่หัวออกมา “แม่งใครวะ”

น้ำเสียงแตกพร่า หน้าตางัวเงีย ดูเข้ากับองค์ประกอบอื่นๆ บนร่างกาย เช่น ทรงผมยุ่งๆ เจาะหูทั้งสองข้าง ไม่สวมเสื้อ บริเวณราวนมด้านขวามีรอยสักลายแพนด้าเคี้ยวต้นไผ่ นี่คือบุคคลประเภทที่จะกลายเป็นเน็ตไอดอลของยุคนี้ได้ง่ายๆ เลย

“กูเอง” ผมตอบเรียบๆ อย่างกับว่าเป็นคนรู้จักกัน

เจ้าตัวมองผมตั้งแต่หัวจดเท้า

“นี่เสพหรือค้า” ผมยืมสำนวนที่ชอบพูดกันในโลกโซเชียลมาใช้

“ฮะ?”

“เป็นนักศึกษารึเปล่า”

“ก็เป็นดิ นี่หอพักนักศึกษา”

“ดีใจด้วยที่ยังเป็นอยู่”

“แม่ง ใครวะ” อีกฝ่ายพูดกับตัวเองเบาๆ ด้วยคำเดิม เหมือนกับว่าในหัวเขามีถ้อยคำจำกัดอยู่ไม่กี่คำ

“เล่นแม่งเลยดีเปล่าวะ” ผมพูดเสียงเบาบ้าง แต่ก็จงใจให้อีกฝ่ายได้ยินด้วย

“...”

“...”

เรามองหน้ากันอยู่ราวๆ สามวินาที และเป็นผมเองที่พูดต่อ เพราะดูเหมือนสมองของอีกฝ่ายหยุดทำงานไปแล้ว นี่อาจเป็นผลจากการเมาค้าง หรืออาจจะเกี่ยวกับยาสักตัวที่เขาตีสนิทอยู่

“ว่าไง มีไร”

“ก็...อย่าเคาะดังดิ นี่นอนอยู่”

“เคาะเบาเจ้าของห้องมันไม่ได้ยิน”

“ไงก็เบาหน่อยละกัน” เขาว่า แล้วปิดประตูเบาๆ ดูจงใจทำเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผม

ปึง ปึง ปึง!

ผมหันไปทุบประตูต่อ

แกร๊ก

คราวนี้บานประตูตรงหน้าเปิดออก สายธารออกมารับแขกในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น ผมไม่เป็นทรง แก้มเป็นรอยแดงจากการนอนคว่ำ เขายังสวมชุดนักศึกษาตัวเดิม แถมกระดุมสองเม็ดบนก็หลุดลุ่ย

เขาขยี้ตา “เรือ...ใบ”

“เออ กูเอง” ผมใช้น้ำเสียงเหมือนคนรู้จักกันมานาน “เปิดสุ่มสี่สุ่มห้า เดี๋ยวก็โดนยิงไส้แตกหรอก ทำไมไม่ถามก่อน”

“บ่นอะไรแต่เช้าเนี่ย”

“ประตูก็ไม่มีตาแมวอีก”

“แล้วนี่คุณ...เดี๋ยวๆ เข้ามาทำไม”

“กูหิว” ผมเบียดผ่านเจ้าของห้องเข้าไปวางถุงข้าวของที่ซื้อมาลงบนโต๊ะด้านใน “ไปแปรงฟันดิ จะได้กินข้าว” ผมหยิบจานชามออกมาวางบนโต๊ะญี่ปุ่น นั่งลงแกะถุงกับข้าวที่ซื้อมา

“ไม่หิว อยากนอน”

“กูซื้อมาเยอะ”

“ไม่ได้บอกให้ซื้อ”

ผมเงยหน้าขึ้น “ทำไมดื้อวะ”

“...”

สายธารเงียบไปอึดใจ ก่อนจะพ่นลมหายใจแรงๆ แล้วยอมเดินไปเข้าห้องน้ำ

และเป็นอย่างที่คาด เด็กนี่ทำอะไรชักช้าเอื่อยเฉื่อยไปหมด ผมแกะกับข้าวเสร็จหมดแล้วเจ้าตัวยังไม่ออกมา

“เฮ้ย! เร็วๆ หน่อย”

“...”

“ข้าวจะบูดแล้ว”

“...”

“หิวโว้ย!”

เอาเถอะ จะทำอะไรก็ทำ จะนอนหลับในนั้นก็ตามสบาย

ระหว่างที่รอผมเลยเปิดทีวีดู ช่วงเช้าอย่างนี้ช่องหลักเป็นรายการคุยข่าวเหมือนๆ กันหมด แถมมีแต่ข่าวไร้สาระอีกต่างหาก 

ในที่สุดเจ้าของห้องก็เปิดประตูออกมา “หิวทำไมไม่กินล่ะ”

“เป็นคนมีมารยาทไง พ่อแม่กูสอนมาดี”

“ปิดทีวีได้มั้ย”

“ทำไม”

“ไม่ชอบ”

“ปิดก็ค้างดิ กูดูหนังโป๊อยู่ กำลังอินเลย”

เขาเหลือบมองทีวี “ข่าว ทำไมไม่ดูในมือถือล่ะ”

“จอใหญ่เต็มตากว่ามั้ยวะ” ผมหยิบรีโมตมากดเพิ่งระดับเสียงอีกสองขีด ตะแคงศีรษะบอกใบ้ให้เขามานั่งลง คงขี้เกียจต่อปากต่อคำแล้ว ถึงได้ยอมมานั่งแต่โดยดี “เอ้า” ผมเลื่อนจานเข้าไปตรงหน้าอีกฝ่าย “ไม่รู้กินได้รึเปล่านะ เลือกมามั่วๆ”

อันที่จริงก็ไม่มั่วเท่าไหร่ ผมเดาเอาว่าเด็กนี่น่าจะกินเผ็ดไม่เก่ง เลยเลือกผัดผักรวมกับหมูทอดมากันเหนียวไว้ นอกนั้นก็มีแกงจืดมะระหมูยัดไส้กับไข่เจียวที่ผมสั่งมาให้ตัวเอง อ้อ แล้วก็มีน้ำพริกผักลวกที่แม่ค้าเชียร์สุดๆ ด้วย

“ซื้อที่ไหน” ธารถาม

“หน้าปากซอย”

“คนขายป้าอ้วนๆ ใช่มั้ย ร้านนั้นคั่วกลิ้งอร่อย”

อ่าว ดันเป็นพวกกินเผ็ดซะงั้น

“หรือว่าคุณกินเผ็ดไม่ได้ เห็นซื้อมาแต่ละอย่าง...”

“ใคร กูเนี่ยนะกินเผ็ดไม่ได้”

ดูเป็นเรื่องงี่เง่ามากถ้าจะตักน้ำพริกราดข้าวตอนนี้ มีแต่เด็กประถมเท่านั้นที่จะข่มกันแบบนั้น

แต่ผมก็ทำ

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแม่ค้าเชียร์นักหนา จนผมปักใจไปแล้วว่าจะลองกินเป็นอย่างแรก ว่าแล้วก็จัดไปเลยครึ่งช้อน...

แม่ง อย่างกับมีกระทะทองแดงเดือดอยู่ในปาก แต่ผมไม่แสดงอาการอะไร เรื่องเก็บอาการนี่ผมเซียนอยู่แล้ว วิธีแก้เท่าที่นึกออกตอนนี้คือซัดผักลวกกับหมูทอดเข้าปากรัวๆ ไป

“คุณรีบ?” เขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“มึงอ่ะรีบกิน จะได้เก็บของ”

“หือ? เก็บของอะไร”

“พวกเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว”

“เก็บทำไม”

“ไปอยู่กับกู”

“ฮะ? อะไร ไปทำไม ไม่ไป”

“อยู่นี่ไม่ปลอดภัย” ผมตั้งใจพูดสบายๆ นะ แต่ไม่รู้ทำไมน้ำเสียงถึงดูจริงจังจนทำเอาอีกฝ่ายหน้ามุ่ย ช่างมัน “รีบกินแล้วก็ไปเก็บของซะ ไปกันตอนนี้เลย”

“แต่...”

“ไม่มีแต่ ขืนพูดอีกคำเดียวเดี๋ยวกูเตะแม่งไส้แตกเลย”




_________________

ขอบคุณคอมเม้นต์จากทุกคนมากนะคะ
areenart1984 / diltosscap / cavalli / snowboxs / blanchard / papapajimin

อ่านแล้วมีกำลังใจมากๆ เลยค่ะ :D
คิดว่าจะลงอาทิตย์ละ 2 ตอน อังคารกับศุกร์ ไม่แน่ใจว่าโอเคมั้ยคะ

อยากบอกว่าไม่ต้องกังวลเรื่องดองหรือลงไม่จบนะคะ
เพราะว่าเรื่องนี้แต่งใกล้จบแล้วล่ะค่ะ อีกนิดนึง จะฮึ้บๆ เต็มที่เลยค่ะ :D

ไปคุยกันได้ที่ #รรรเรือ เลยฮับป๋ม :)
หวังว่าจะรักเรือใบกันเยอะๆ นะคะ <3

นางร้าย 24.04.18
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 2: ร.เร่ง] 24.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-04-2018 23:05:35
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 2: ร.เร่ง] 24.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-04-2018 00:59:41
เรือบังคับแบบนี้ ธารไม่ชอบ ธานไม่ปายยยยย  :dont2:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 2: ร.เร่ง] 24.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 25-04-2018 05:39:52
พี่เรือเหมือนมีปมเรื่องคนในใจ นีองธารก็มี ปมทั้งสองเป็นปมเดียวกันไหมนะ

เรือใบสายธาร
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 2: ร.เร่ง] 24.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: 양아치 ที่ 25-04-2018 14:58:36
ชอบความกวนตีนในสายเลือดของเรือใบมาก 55555
อยู่กับนางบ่อยๆ คงปวดหัวตาย

ตอนนึงสั้นมากอ่ะ อัพบ่อยๆ แหละดี อิอิ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 2: ร.เร่ง] 24.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 25-04-2018 17:34:55
ชอบตอนเรือใบพูดว่า ทำไมดื้อวะ
โอยยยยย มันกร๊าวใจ ยังไงไม่รู้ ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 2: ร.เร่ง] 24.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 25-04-2018 19:24:41
พี่เรือเหมือนมีปมเรื่องคนในใจ นีองธารก็มี ปมทั้งสองเป็นปมเดียวกันไหมนะ

เรือใบสายธาร
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 3: ร.รื้น] 27.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 27-04-2018 20:26:37
กระสุนนัดที่ 3
ร.รื้น


   
[สายธาร]

พี่ภาณไม่ชอบดื่มแอลกอฮอล์

ผมก็ไม่ชอบ แต่หลังจากเขาไม่อยู่แล้วผมกลับต้องพึ่งพามันนิดๆ หน่อยๆ เพื่อช่วยให้หลับในบางคืน

อย่างคืนนี้เป็นต้น

“เบียร์” เรือใบพูดหลังจากเดินออกมาจากห้องนอนตัวเอง เขาหยุดมองกระป๋องเบียร์ในมือผมและอีกสองกระป๋องที่ตั้งอยู่ตรงหน้า “ไปซื้อมาตอนไหนวะ แล้วนี่ก็ดึกแล้ว”

ผมไม่พูดอะไร แถมยังยกซดต่อหน้าเขา

“ตอนอยู่หอก็เป็นงี้ใช่มะ”

ผมมองหน้าเขาพร้อมกับซดอีก เอาสิ พูดอีกก็จะซดอีก 

“นี่กูพูดกับมึงอยู่นะ”

ซด

“ธาร...”

ยก-ซด

เหมือนว่าจะจับทางผมได้แล้ว เขาเลยเงียบและมองหน้าผมนิ่งๆ ผมดื่มต่อทำเป็นไม่สนใจ แต่เขาจ้องนานจนสุดท้ายก็ทนไม่ไหว

“อะไร”

“...” คราวนี้เป็นเขาบ้างที่ไม่ตอบคำถาม

“จะบ่นอะไรก็ว่ามา”

“แม่งกินไม่ชวน” เขาพูดพึมพำ แล้วหยิบกระป๋องเบียร์ไปเปิดและยกกระดกด้วย ชั่วแวบนั้นผมรู้สึกเหมือนเราเป็นพวกเดียวกัน คนประเภทที่ไม่กินยาก็กินเหล้าถึงจะนอนหลับ แต่ไม่ใช่หรอก แวบต่อมาเขาก็เป็นแค่คนขวางโลกที่อยากจะกินเบียร์แค่นั้นเอง

“อย่าไปไหนคนเดียวอีก” เขาพูดต่อ

“แค่เซเว่นตรงนี้”

“แค่ตรงนี้ก็ไม่ได้ แล้วก็ห้ามแอบหยิบคีย์การ์ดกูอีก”

“...”

“ไปคนเดียว เกิดไรขึ้นกูช่วยไม่ได้ เข้าใจมั้ย”

“เออๆ”

“ดี” เขาฉวยเอาเบียร์อีกกระป๋องไปหน้าตาเฉย “กินแค่นั้นก็พอ แล้วก็นอนได้ละ”

“ผมซื้อมา คุณอยากกินก็ไปซื้อเอง...นี่ เดี๋ยว...”

“อ้อ แล้วก็อย่านอนทั้งอย่างนั้นล่ะ แปรงฟันด้วย”

เขาเข้าห้องไปแล้ว...

ปล่อยให้ผมอยู่กับความเงียบและเบียร์อีกไม่ถึงครึ่งกระป๋อง ความคิดพลันฟุ้งกระจายเหมือนหมอก ผมยกเบียร์ซดรวดเดียวจนหมด แล้วเอนหลังนอนมันทั้งอย่างนั้นเลย

ครับ คุณพ่อ ถ้าจะสั่งขนาดนี้ มาอ่านนิทานก่อนนอนให้ผมฟังด้วยเลยมั้ย 



ทุกเช้า หรือส่วนใหญ่คือเวลาสายเกือบเที่ยง

ผมจะตื่นด้วยฝันร้ายสักอย่าง ส่วนมากจะเป็นของมีคมทิ่มแทงตามตัว ก่อนจะรู้สึกตัวตื่นแบบมึนๆ เหมือนชีวิตหล่นหายไปครึ่งหนึ่ง

แต่ไม่ใช่เช้านี้

กลิ่นหอมค่อยๆ ฉุดผมออกจากความมืดที่หนาวเย็นเพื่อพบกับ...

เรือใบ

ใบหน้าเขาอยู่ใกล้จนได้กลิ่นอาฟเตอร์เชฟบนแก้ม

“ทะ...ทำอะไร”

เขาดึงศีรษะกลับไป “ดูว่านอนหรือตาย”

“สบายดี” ผมดันตัวลุกขึ้นนั่ง โซฟาของเขานุ่มและนอนสบายมากจนแทบจะเหมือนถูกสร้างมาเพื่อปลอบประโลมกล้ามเนื้อของมนุษย์ ผมกินนอนที่คอนโดของเขามาห้าวันแล้ว ชีวิตก่อนหน้านี้ราวกับฝันไป แต่ชีวิตตอนนี้ก็เหมือนกับไม่ใช่ความจริงด้วย

“มึงละเมอ”

“หือ? ว่าไง”

ผมมองหน้าเขา

เขาจ้องตอบด้วยสีหน้านิ่งๆ

“ละเมอว่าไง”

“เบค่อน”

“...”

“หมูย่างเกาหลี”

“...”

“บิงซู”

“ไม่จริง”

“ทำไมต้องจริงจัง ไม่ต้องอายหรอก แค่ฝันถึงของกิน”

เพราะมันไม่จริงไง ผมไม่ได้ฝันถึงของกิน หรือถ้าฝันก็คงจะนึกถึงเหล้าเบียร์มากกว่า

“ตกลงละเมอว่าอะไร”

เขาลุกไปที่มุมชงกาแฟ หันหลังให้ผมและคนแก้วไปด้วย “อ้อ มีปูนึ่งด้วย”

“นี่ตลกเหรอ มุกอะไรของคุณ”

เขาหันมายิ้ม ยกกาแฟขึ้นจิบ “ไว้พาไปกิน”

ผมข่มอารมณ์หงุดหงิดที่เอ่อขึ้นมา สุดท้ายก็ถอนหายใจ แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัว

พูดถึงของกิน ที่นี่เป็นคอนโดหรูหรา อยู่ชั้นยี่สิบ เครื่องอำนวยความสะดวกครบครันทุกอย่าง แต่ครัวของเขาดูแทบจะไม่เคยใช้งานเลย เสบียงในตู้เย็นส่วนใหญ่เป็นข้าวกล่องจากเซเว่น หรือบางทีก็โทรสั่งเอา สมกับเป็นห้องชายโสด

เขาไม่กินมื้อเช้าด้วย แค่รองท้องด้วยกาแฟกับแซนวิชง่ายๆ

ผมไม่เดือดร้อนอะไรหรอก เพราะผมนอนมากกว่ากินอยู่แล้ว สิ่งที่ผมแทบจะกินแทนข้าวมาตลอดห้าวันนี้ก็คือความเบื่อ ความเบื่อเต็มท้องจนกลืนอะไรไม่ลงแล้ว

บางทีซอกมุมหนึ่งในสมองผมอาจจะฝันถึงของกินจริงๆ ก็ได้

ตอนออกจากห้องน้ำ ผมเห็นเรือใบกำลังอ่านปกหลังหนังสือแนว Young Adults เล่มสีฟ้าขาวที่ผมอ่านค้างอยู่ ‘Young Adults เล่มสีฟ้าขาว’ ผมเรียกมันอย่างนี้เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะจดจำชื่อหนังสือหรือชื่อผู้เขียน หนังสือแต่ละเล่ม ถ้าไม่โอบกอดคุณด้วยเรื่องราวอุ่นๆ ก็จะกรีดเฉือนด้วยตลกร้ายสักอย่าง แต่ส่วนใหญ่ก็ทั้งสองอย่างปนกัน ยกเว้นหนังสือวิชาการ ของพวกนั้นมีแต่จะทุบหัวเราอย่างเดียว

ผมไม่อยากจำมันในแบบที่ว่านายคนนั้น (ชื่อคนเขียน) หรือเจ้านั่น (ชื่อหนังสือ) โอบกอดหรือเฉือนผมเป็นชิ้นๆ

การเรียกแทนมันด้วยคำกว้างๆ เหมือนจะช่วยให้ผูกพันและเจ็บปวดน้อยลง

“มารยาท” ผมพูดขึ้น

เรือใบมองผม พลิกหนังสือเหมือนพลิกดูหินสักก้อน “รักวัยมัธยมเนี่ยนะ”

“ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอก” 

เขาเลิกคิ้วขึ้น

“ไม่ใช่แค่รัก แต่เป็นการตีแผ่คำถาม ก้าวข้ามปมปัญหา แล้วก็เติบโตเป็นผู้ใหญ่”

“มีฆ่าตัวตายด้วย”

“นะ...นี่คุณเคยอ่านแล้ว?”

“เปล่า เปิดสุ่มๆ ดู นี่ไง ตรงนี้ แล้วตอนจบก็...”

“หยุด หยุดเลย อย่าสปอยล์” ผมเข้าไปแย่งหนังสือจากมือเขา แต่ไม่สำเร็จ เขาชูขึ้นสูงจนถ้าผมจะแย่งจริงๆ ก็ต้องพาตัวไปแนบชิดกับเขาและกระโดด

“ก็แค่นิยายรักวัยรุ่น”

“คุณไม่อ่านหนังสือคุณจะไปรู้อะไร” นี่ประโยคเด็ดเลย ผมจำไม่ได้ว่าคนดังคนไหนกล่าวไว้ แต่เหมาะมากที่จะยกมาเหน็บเขา

“เพราะกูรู้ต่างหาก เลยไม่อ่าน” เขาโยนหนังสือกลับไว้บนโซฟา ไม่ต่างจากโยนท่อนไม้สักท่อน “แซนวิชมั้ย”

“ไม่”

“ทำไม”

“ไม่หิว”

“มึงอ่านหนังสือ ไม่รู้เหรอว่าอาหารเช้าสำคัญ ถ้าไม่กินนานๆ ไปจะทำให้สมองเสื่อม”

ตื่นมาก็ซดกาแฟเลยอย่างนี้ ยังจะมาสั่งสอนคนอื่นอีก

“ไม่รู้” ผมพูด “เคยอ่านเจอแต่ ไม่ควรกินกาแฟตอนท้องว่าง โดยเฉพาะตอนเช้า จะทำให้ไม่หิวข้าวและนานๆ ไปจะเป็นโรคกรดไหลย้อน”

“กาแฟช่วยบำรุงต่อมลูกหมากต่างหาก”

“...”

“ทำหน้าปวดขี้อีก ทำไม นี่กูกะจะทำเผื่อมึงด้วย” เขาโบกก้อนยุ่ยๆ ในมือ “หรือกูทำไม่น่ากิน”

“นั่นเรียกว่าแซนวิชเหรอ”

“งั้นมึงมาทำ”

“ช่างเถอะ ผมไม่หิว”

“ก็กูหิวไง มาทำให้กูกินซิ”

ถ้าเรือใบเป็นหนังสือ ก็น่าจะเป็นหนังสือที่ใช้ชื่อประมาณว่า ‘โคตรคนจอมเผด็จการ’ แม้จะรู้จักกันไม่นาน แต่ผมก็เรียนรู้แล้วว่าถ้าอยากมีชีวิตสงบสุขก็ตามใจเขาไปเถอะ

ผมเลยไปสำรวจตู้เย็นซึ่งสภาพเหมือนสุสานอาหารขยะ สิ่งที่พอจะเป็นประโยชน์กับแซนวิชอยู่บ้างก็มี ไข่ที่เหลือสามใบ, กล้วยช้ำๆ ครึ่งหวี, กีวี่เกือบเน่า, ทูน่าค่อนกระป๋อง, เฮือกสุดท้ายของมายองเนส, แยมสตรอว์เบอร์รี่, แล้วก็แผ่นขนมปังโฮลวีตที่เขาเปิดถุงอ้าซ่าทิ้งไว้บนโต๊ะนั่น

ทำเท่าที่ทำได้ละกัน

“ทำไมนานวะ” นี่คือคำถามหลังจากผ่านไปห้านาที

“ถ้ารอไม่ไหวก็กินขนมปังเปล่าๆ ไป”

เขาเงียบไป

สักพักก็ถามอีก

“แซนวิชต้องใช้กระทะด้วยเหรอ”

“ไม่ต้อง”

“อ่าว แล้วที่มึงถืออยู่นั่นเรียกว่าอะไร เครื่องบินรึไง หรือว่าหรือดำน้ำ”

คราวนี้ผมไม่ต่อปากต่อคำ แค่ก้มหน้าก้มตาทำไป

ประมาณสิบนาทีต่อมาก็ทำออกมาได้เรียบร้อยสองเมนู

อย่างแรกคือ แซนวิชโง่ๆ ที่ส่วนประกอบมีแค่ทูน่า มายองเนส แล้วก็ไข่ต้มหั่นเป็นแว่น

ส่วนอีกอย่าง ผมเอาแผ่นขนมปังมาตัดขอบ ทาแยมสตรอว์เบอร์รี่ หั่นกล้วยกับกีวี่ลงไป พับม้วน ชุบไข่ แล้วเอาไปทอดให้เหลือง สุดท้ายควรจะซับน้ำมันก่อนหั่นเป็นชิ้นเหมือนเค้กโรลและเสิร์ฟคู่กับแยมสตรอเบอร์รี่ แต่ผมทนเสียงบ่นจากอีกคนไม่ไหว ก็เลยไม่ห่งไม่หั่นมันแล้ว เสิร์ฟมันทั้งที่ยังฉ่ำน้ำมันนั่นแหละ

เรานั่งกินที่โต๊ะเล็กๆ ตรงมุมครัว โดยที่ผมเองก็ชงโอวัลตินให้ตัวเองแก้วนึงตามที่เขาสั่ง

“จะพูดอะไรก็ว่ามา” ผมพูดเพราะทนสายตาที่เอาแต่จ้องหน้าอยู่ไม่ไหว

“อืม พอกินได้”

“ถ้ามีผักกับซอสมะเขือเทศจะดีกว่านี้”

“ถ้ามีผักดิ จะแย่กว่านี้”

“ไม่ชอบกินผัก?” ผมเลิกคิ้ว แล้วก็อดที่จะเหน็บสักดอกไม่ได้ “คุณอายุเท่าไหร่ ห้าขวบเหรอ”

“ปากดี แล้วนี่เรียกว่าอะไร แซนวิชทอด?”

“ค่อยๆ กินก็ได้ เดี๋ยวติดคอตายคาห้องขึ้นมา ลำบากผมอีก”

“มึงนี่ปากดีขึ้นทุกวันจริงๆ กูถามว่ามันเรียกว่าอะไร”

“ไม่รู้”

“อย่าบอกว่าคิดเองสดๆ เมื่อกี้”

“เคยเห็นคนทำในยูทูป”

“งั้นก็ต้องมีชื่อเรียก”

“แยมโรลทอดมั้ง สูตรต่างกันไปเยอะแยะ จริงๆ ตอนชุบไข่ต้องคลุกเกล็ดขนมปังด้วย แล้วก็ต้องหั่นเป็นชิ้นๆ ก่อนเสิร์ฟ แต่ขี้เกียจหั่น”

“เลยมาเป็นท่อนงี้เลย”

“อือ”

“งั้นก็เรียกว่าท่อนแยมทอด” ว่าแล้วเขาก็หยิบอีกชิ้นจิ้มแยมจนล้นส่งเข้าปาก

“...”

ยังไม่ทันได้พูดอะไรอีก มือถือของผมที่นอนอยู่บนโซฟาก็สั่นครืดๆ ขัดจังหวะ ปกติมันจะดังหรือสั่นสั้นๆ เตือนข้อความแชตมากกว่า ไม่ค่อยสั่นต่อเนื่องแบบนี้เท่าไหร่

ผมลุกไปรับสาย

“มิกกี้”

“เปิดสปีกเกอร์ด้วย” เรือใบบอก

“ยุ่ง” ผมหันหลังให้เขา คุยต่อด้วยเสียงเบาๆ “ว่าไง”

[ตายรึยังวะ]

“สบายดี ยังหายใจอยู่” ผมตอบ “โทษที ไม่ได้โทรหามึงเลย”

[แล้วคู่ขามึงอ่ะ ตายห่าไปรึยัง]

“อ๋อ ยังอยู่ดี”

ไม่ใช่แค่อยู่ดี ตอนนี้เขาลุกมาอยู่ข้างๆ แล้วด้วย แถมยังยื่นหน้ามาใกล้เพื่อฟังเสียงจากปลายสายอีก

[งั้นก็บอกให้เขาไปตายซะนะ]

“ไว้เดี๋ยวจะบอกให้”

“ไม่ต้อง กูได้ยินแล้ว” เรือใบพูดแทรก

มิกกี้จิ๊ปาก แต่ก่อนมันจะพ่นคำหยาบๆ คายๆ ออกมาผมก็ชิงถามซะก่อน “นี่มึงหายโกรธกูแล้วเหรอ”

[ไม่หาย]

“อ่าว” ก็สมควรอยู่หรอก จนป่านนี้ผมก็ยังไม่ได้อธิบายเรื่องทั้งหมดให้มิกกี้ฟัง ยอมรับว่าคำขู่เรื่องความปลอดภัยของคนรอบข้างทำให้ผมกังวลเหมือนกัน

[แต่กูขี้เกียจใส่ใจละ ยังไงวันนี้ก็เป็นวันของมึง คืนนี้เจอกันโอเมก้าละกัน แต่ไม่รู้นะว่าเดอะแก๊งจะมากันได้กี่คน]

“เดี๋ยวๆ วันของกูอะไร”

[นี่มึงจำวันเกิดตัวเองไม่ได้เหรอวะ]

วันเกิด...

นั่นสินะ ผมกล่อมให้ตัวเองลืมวันนี้ แต่ถึงยังไงก็จำได้อยู่ดี

“เอ่อ...”

[ปีที่แล้วมึงก็ไม่ได้ฉลองนี่ ยังไม่ดีขึ้นอีกเหรอวะ ชีวิตต้องเดินต่อไปนะโว้ย]

“กูโอเค”

[งั้นก็ดีแล้ว สามทุ่มนะ ห้ามสาย]

“แต่...”

[อย่าบอกว่ามาไม่ได้]

“ที่ไหน” เรือใบถาม

“โอเมก้า ร้านออกแนวผับๆ หน่อย คุณคงไม่รู้...”

“แนวผับๆ เนี่ยกูรู้ดี” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ “ไปได้”

แล้วก็เอียงหูรอฟังเสียงมิกกี้ต่อจนแก้มของเขาแทบชิดจมูกผม ผมเลยตัดบทบอกมิกกี้ว่าไปได้ แล้วกดวางสาย

“นี่คุณจะมาไม้ไหน”

ในที่สุดเขาก็เอาหน้าออกไปห่างๆ ผมสักที “อะไร”

“ไม่ขังผมไว้แล้วรึไง”

“ใครขังมึง”

“ที่ผ่านมานี่ก็ไม่ต่างจากขังเท่าไหร่หรอก”

“เรียกว่าปลอดภัยไว้ก่อนต่างหาก”

“สรุป คุณจะปล่อยให้ผมไปจริงๆ ใช่มั้ย”

“จริง”

“โอเค ขอบ...”

“กูไปด้วย”

“คุณไปด้วย?” ผมถอยออกมามองหน้าเขา “นี่มันวันเกิดผมนะ มีแต่เพื่อนผมทั้งนั้น คุณจะไปในฐานะอะไร”

“ฐานะคู่ขาของมึงไง แบบที่มิกกี้ว่า”

อะไรของเขาวะ

ใช้ไม้แข็งคงไม่ได้ผล งั้นลองไม้อ่อนดู

“ผมไม่หนีหรอก จะกลับมาที่นี่เอง สัญญา”

“ถึงไงก็เถอะ วันเกิดมึงทั้งที กูจะพลาดได้ไง”

ทันใดนั้นเอง โชคชะตาหรือความลึกลับสักอย่างของจักรวาลก็เล่นตลกกับผม มันไม่ใช่ภาวะเดจาวู เพราะคนตรงหน้าผมคือคนละคนกัน เขาไม่ใช่พี่ภาณ แต่ทั้งคู่ก็พูดแบบเดียวกันเป๊ะ

‘วันเกิดเราทั้งที พี่จะพลาดได้ไง’

ภาพในอดีตทะลักทลายออกมาเต็มไปหมด

ผมฝืนแล้ว

แต่น้ำตาก็เอ่อขึ้นมาจนได้







หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 4: ร.รอ] 27.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 27-04-2018 20:30:40
กระสุนนัดที่ 4
ร.รอ

[เรือใบ]

เป็นห่าไรวะ บอกจะไปด้วยแค่นี้ดีใจจนน้ำตาไหลเลย?














_____________________

อัพให้ทีเดียว 2 ตอนนะคะ เพราะอีกตอนนึงสั้นมาก
ไม่ได้ผิดพลาดอะไรนะคะ ตอนที่ 4 มีแค่บรรทัดเดียวจริงๆ ค่ะ ;)

ขอบคุณทุกคอมเม้นต์มากเลยนะคะ เราตามอ่านคอมเม้นต์ตลอดเลย
ดีกับใจและมีค่ากับเรามากๆ ค่ะ :)

ขอบคุณจากใจนะคะ

นางร้าย 27.04.18
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 3: ร.รื้น / นัดที่ 4: ร.รอ] 27.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: 양아치 ที่ 27-04-2018 22:07:33
ไรต์หลอกหรอออออออ
ตอนที่ 4 ไม่มีเนื้อหา มีบรรทัดเดียวเอง  :hao5: มาแก้ที กำลังค้างเลย
สายธารมีความหลังอะไรกับคนคนนั้น
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 3: ร.รื้น / นัดที่ 4: ร.รอ] 27.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-04-2018 22:19:08
 :z13:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 3: ร.รื้น / นัดที่ 4: ร.รอ] 27.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-04-2018 03:54:49
มีอะไรเกิดขึ้นในอดีตนะ อยากรู้ อยากเผือก  :katai1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 5: ร.รื้อ] 27.04.18
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 01-05-2018 20:04:07
กระสุนนัดที่ 5
ร.รื้อ


[สายธาร]

วันเดียวกันนี้เมื่อสองปีก่อน

พี่ภาณลืมวันเกิดผม ผมเริ่มคิดแบบนั้นตั้งแต่ช่วงเย็น แล้วค่อยเชื่อมั่นเต็มที่ตอนเขาเข้าไปอาบน้ำเพื่อเตรียมเข้านอน ผมไม่ได้หวังว่าเขาจะเป็นคนแรกที่บอกสุขสันต์วันเกิด ไม่ใช่พอเที่ยงคืนเป๊ะก็จะควักของขวัญออกมาเซอร์ไพรส์

แต่แบบนี้มันเกินไปหน่อยมั้ย เลยเที่ยงคืนมาจนจะถึงเที่ยงคืนอีกวันแล้ว เขาไม่แสดงอาการอะไรเลยว่าจำได้

ไม่มีเค้ก

ไม่มีของขวัญ

ไม่มีข้อความสั้นๆ หรือแม้แต่กดไลก์ข้อความอวยพรจากเพื่อนๆ ของผมในเฟซบุ๊ก พี่ภาณไม่ใช่คนเสพติดโซเชียล นานๆ จะเข้าไปดูสักที เขาไม่ถึงกับเป็นพวกอนุรักษ์นิยม แต่ยังชอบจดบันทึกด้วยปากกา ชอบอ่านหนังสือเป็นเล่มๆ ที่ยืมจากห้องสมุด ถ้ากระแสต่างๆ ในโซเชียลเป็นเหมือนสายน้ำ พี่ภาณก็เปรียบเหมือนเรือที่ทอดสมออยู่ เขาไม่ไหลตามน้ำ แต่ก็ไม่ถึงต่อต้าน

ผมเลยโทษเขาไม่ได้ที่เขาไม่เห็นแจ้งเตือนวันเกิดจากทางเฟซบุ๊ก

แถมช่วงนี้เขายังคลุกอยู่แต่กับไฟนอลโปรเจกต์ของปีสี่อีก เรื่องนั้นสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด สำคัญกับชีวิตนักศึกษาทุกคนอยู่แล้ว

แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...

“ทำโปรเจกต์ถึงไหนแล้วครับ” ผมถามตอนเรานั่งกินข้าวที่ร้านข้าวตามสั่งหน้าหอพัก แค่ข้าวมื้อเย็นทั่วๆ ไป ไม่มีอะไรพิเศษ

“ก็โอเคนะ แต่ยังต้องแก้อีกเยอะ”

“อ้อ”

“แล้วเราล่ะ เป็นไงวันนี้”

“ก็โอเคนะ” ผมลอกคำตอบเขา

“แต่หน้าตาไม่ค่อยโอเคเลยนะ เป็นไรรึเปล่า”

“...”

“ใครแกล้งอะไร บอกพี่”

“บอกพี่แล้วพี่จะทำยังไง”

“อัดมันสักตุ้บสองตุ้บให้ไตอักเสบ แล้วจับแก้ผ้าประจานดีมั้ย”

พี่ภาณเนี่ยนะจะมีเรื่องกับใคร หิมะคงตกประเทศไทยแน่ และถ้าจะทำแบบนั้นจริง เขาก็ต้องต่อยตัวเอง และแก้ผ้าออกมาวิ่งรอบหอพักแล้ว

ภาพที่เกิดในหัวทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้ นี่แหละพี่ภาณ เขาทำให้ผมยิ้มได้เสมอ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเล้าโลมทางสายตาด้วย ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมหน้าร้อนผ่าวอยู่บ่อยๆ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้ทำแบบนั้น ในแววตามีแค่ความสงสัยแบบไม่จริงจัง

“ไม่มีใครทำอะไร แค่เหนื่อยครับ”

“เสียดาย อดต่อยคนเลย” เขาพูดยิ้มๆ พลางตักหมูกระเทียมใส่จานผม “อะ งั้นตุนไขมันไว้เยอะๆ พอขึ้นปีสี่ได้ใช้พลังงานจนผอมแน่”

แล้วข้าวมื้อนี้ก็ผ่านไป

เหมือนวันปกติธรรมดาทั่วไป

พี่ภาณขลุกอยู่ที่โต๊ะหนังสือตั้งแต่กินข้าวเสร็จ ไฟนอลโปรเจกต์หรืออะไรก็ตามบนหน้ากระดาษดึงความสนใจของเขาไปหมด

จนตอนนี้เวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว อีกไม่กี่นาทีวันเกิดผมก็จะผ่านพ้นไป เขาลุกไปอาบน้ำ เสร็จแล้วก็มาทิ้งตัวบนเตียง ยกกำปั้นจ่อปากกลั้นหาวยืดยาว

“จะนอนยังครับ พี่ไม่ไหวละ”

“พี่ลืมอะไรรึเปล่า”

“เอ้อ ขวดนม พี่เอาออกมากินแล้วลืม เอาเข้าตู้เย็นให้หน่อยนะ”

“ครับ”

“แล้วก็ปิดไฟให้ด้วย”

“ครับ ได้”

“กู๊ดไนท์ครับ”

ผมเดินไปปิดไฟเพดานห้องแล้วเปิดโคมไฟบนโต๊ะแทน แอบถอนหายใจยาวๆ ในความมืด จากนั้นก็นั่งลงที่เก้าอี้ ขวดนมที่พี่ภาณหยิบออกมากินยังตั้งอยู่บนโต๊ะ หยดน้ำเกาะพราว บางส่วนหยดลงบนผิวไม้ ขืนปล่อยไว้นานกว่านี้ผิวไม้คงจะเป็นรอยบวมเพราะความชื้น และผมจะหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็น ส่วนพี่ภาณคงจะพูดว่า โอ้ ดูดิ มันกลายเป็นโต๊ะตัวเดียวในโลกไปแล้ว

ผมยกขวดนมขึ้น ปาดน้ำบนโต๊ะทิ้ง พอจะเอาไปเก็บที่ตู้เย็น จู่ๆ พี่ภาณก็ดีดตัวขึ้นมานั่ง “วู้ว!”

ไม่ใช่แค่ลุกนั่ง เขายังเอาหมวกปลายแหลมจากไหนก็ไม่รู้มาสวม ตามด้วยดึงพลุสายรุ้งให้พุ่งเป็นสาย

“อะ...อะไรของพี่เนี่ย”

“แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ทูยู แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ทู้ยู...” ร้องเองตบมือเอง ตบคร่อมจังหวะอีกต่างหาก

ผมยิ้มแก้มปริ อดทนรอจนเขาร้องจบ

“พี่แกล้งผม!”

“ไม่เชิงนะ แต่ก็ใช่”

“พี่อัดตัวเองเลย แล้วก็แก้ผ้าออกไปวิ่งรอบหอซะ”

“หา”

“ก็พี่พูดเอง ใครแกล้งผม พี่จะทำกับไอ้คนนั้นแบบนั้น”

เขาหัวเราะเสียงดัง เสียงสดใสไร้สิ่งเจือปน เป็นเสียงหัวเราะที่มีแค่พี่ภาณเท่านั้นจะทำได้ และมันก็ทำให้ผมยิ้มตามไปด้วยทุกครั้ง ทั้งที่ยังโกรธที่เขาอำผมสนิทขนาดนี้

“มานั่งนี่มา”

“ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะโกรธดีมั้ย”

“โกรธลงเหรอ” เขาฉีกยิ้มพร้อมกับโพสต์ท่าเหมือนนายแบบ คราวนี้เป็นผมที่หัวเราะเสียงดังบ้าง ก่อนจะเข้าไปนั่งบนเตียงข้างเขา

“หลับตาก่อน” เขาบอก

“จะลักหลับเหรอ”

“อันนั้นเอาไว้พี่จะทำทีหลัง หลับตาสิ”

ผมหลับตา

“อะ ลืมตาได้” เสียงพี่ภาณจริงจังขึ้น พอลืมตา สิ่งที่อยู่ตรงหน้าผมคือกล่องสีน้ำเงินเข้มใบเล็กขนาดที่วางบนฝ่ามือได้ “สุขสันต์วันเกิดครับ”

“พี่...”

“แกะดูสิ”

ผมบรรจงเปิดกล่อง เพื่อพบกับ...

อากาศ

ผมมองหน้าเขาที่ยิ้มอยู่ แล้วเทกล่องเปล่าให้ดูต่อหน้าจะจะ

“อ้าว พี่ลืมเอาใส่เหรอ เดี๋ยวนะ มันน่าจะอยู่แถวนี้” พี่ภาณคลำเปะปะไปรอบตัว ล้วงไปตามขอบเตียงและใต้หมอน “อ๊ะ อยู่นี่เอง”

“...”

“มา พี่ใส่ให้”

เสียงเขานุ่มนวล พอๆ กับแรงจับที่ข้อมือผม พอเขาจัดการเรียบร้อย ผมก็ยกข้อมือขึ้นดูใกล้ๆ พรายน้ำสีเขียวสว่างเรืองในความมืดสลัวดูราวกับตัวหิ่งห้อย

“นาฬิกา”

“ลักษณะแบบนี้ไม่ใช่เครื่องบินแน่นอน”

“แกล้งซ้ำแกล้งซ้อนจริงๆ”

เขาหัวเราะอีก

“แต่ยังไงก็...ขอบคุณครับ”

“ยินดีครับ”

“ผมนึกว่าพี่ลืมซะแล้ว”

“วันเกิดเราทั้งที พี่จะพลาดได้ไง” เขาโน้มมาจุ๊บหน้าผากผมเบาๆ “ทีนี้ก็ไปแต่งตัวได้แล้ว”

“หือ? ไปไหน”

“ฉลอง”

“นี่มันดึกแล้วนะครับ”

“เพราะดึกไงเราถึงต้องรีบไป พี่นัดเพื่อนๆ เราไว้แล้ว ที่โอเมก้า เร็วเข้า ไปแต่งตัว ให้เวลาห้านาที”

ผมก้มดูของขวัญอีกครั้ง ก่อนจะรีบลุกไปแต่งตัว

ช่วงแรกๆ ยังรู้สึกไม่ชินกับน้ำหนักบนข้อมือ แต่ไม่ถึงสองอาทิตย์มันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายไปเรียบร้อย ผมใส่มันไว้ตลอดเวลายกเว้นแค่ตอนอาบน้ำ เกือบสองปีมานี้มันอยู่ดีบนข้อมือผมมาตลอด ไม่เคยหักบิ่นเสียหายแม้แต่น้อย

จนกระทั่งเรือใบโถมเข้าใส่ในคืนนั้น

หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 6: ร.รวม] 1.05.18
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 01-05-2018 20:08:05
กระสุนนัดที่ 6
ร.รวม

[เรือใบ]

ขาว

เนียน

ไม่มีสิวสักเม็ด

เกิดมาแม่งเคยโดนแดดรึเปล่าวะ หรือว่าตอนเด็กแม่เอาผงซักฟอกผสมนมให้กิน

หน้าตาดีไม่พอ ท่านอนยังต้องผู้ดีขนาดนี้ด้วย เปลือกตาและริมฝีปากปิดสนิทไม่มีเผยอสักนิด เสียงลมหายใจก็แผ่วเบาสม่ำเสมอ มันต้องมีคอร์สสอนนอนหลับอย่างไรให้ดูน่าสนใจ ใช่มั้ย ยิ่งยุคนี้ยิ่งมีคอร์สมีโค้ชบ้าๆ บอๆ สารพัด

หรือว่าแกล้งหลับอยู่

ไม่หรอกมั้ง ถูกจ้องหน้าใกล้ขนาดนี้ใครจะแกล้งนอนนิ่งได้

สองปีก่อนชีวิตผมยังเคว้งๆ เหมือนเรือเป็ดไม่มีคนถีบ ผมมีเวลาเยอะ เลยทั้งลุยดูหนังและอ่านหนังสือแก้เซ็งอยู่พักใหญ่ จำได้ว่าหนังสือเล่มหนึ่งบอกว่าเราทุกคนมีกำแพงที่มองไม่เห็นล้อมรอบตัวอยู่ เป็นกำแพงส่วนตัวที่เราค่อยๆ สร้างขึ้นนับตั้งแต่เกิด และกำแพงที่ว่านี้จะสลายไปในบางสถานการณ์ เช่น ตกใจ เซอร์ไพรส์ เจอคนที่ไว้ใจ...รวมถึงขณะนอนหลับ

ขณะนี้สีหน้าสายธารดูผ่อนคลาย คิ้วที่มักขมวดบ่อยๆ ก็คลายออก เหมือนกำแพงส่วนตัวของเขาสลายกลืนไปกับอากาศแล้ว ไม่เหลือเกราะป้องกันตัว ไม่มีการกลบเกลื่อนใดๆ ราวกับว่าเขากำลังเปลือยเปล่าทางจิตวิญญาณอยู่

แล้วนี่เขากำลังละเมอรึเปล่า ผมตะแคงหูฟัง น่าจะเป็นชื่อคน แต่ก็ได้ยินไม่ชัด

“ทะ...ทำอะไร”

อ่าว ตื่นแล้ว

ผมรีบเก็บหน้านิ่ง “ดูว่านอนหรือตาย”

จากนั้นเราก็คุยกัน

ผมรู้แต่แรกแล้วว่าเด็กนี่เป็นพวกเนิร์ด คนประเภทที่จะนั่งเรียนแถวหน้า ชอบขลุกในห้องสมุด บูชาหนังอะนิเมชั่น และอาจจะเป็นสมาชิกแก๊งคนนิยมผลไม้ปั่น ผมเลยไม่แปลกใจที่เขาหยิบหนังสือติดมือมาหลายเล่ม

เช้านี้ผมหยิบหนังสือที่เขาอ่านค้างอยู่ขึ้นมาพลิกดู

แม่ง ดูแค่นี้เหน็บผมจนหน้าหงาย แค่นั้นไม่พอยังมองแซนวิชของผมแบบสังเวชสุดๆ ผมเลยสั่งให้เขามาทำเอง ทีแรกเหมือนเจ้าตัวจะไม่ยอม แต่หลังจากโต้คารมกันสักพักเขาลุกมาทำโดยหยุดต่อปากต่อคำไปเฉยๆ ไม่แสดงอาการหงุดหงิดด้วย ทำราวกับผมเป็นอากาศธาตุ หรือไม่ก็ก้อนเนื้อที่ใช้ตูดหายใจ

แต่ต้องยอมรับว่าไอ้เด็กนี่ทำแซนวิชได้ดีกว่าผมจริงๆ และที่อร่อยกว่านั้นคือสิ่งที่มีชื่อว่า ‘ท่อนแยมทอด’ ก็ไม่น่าแปลกหรอก เด็กเนิร์ดต้องทำอาหารให้ดีกว่าอดีตตำรวจที่ใช้ชีวิตไปวันๆ อยู่แล้ว

ระหว่างที่กินอยู่นั่นเองมิกกี้ก็โทรเข้าเครื่องสายธาร ผมแส่เข้าไปยื่นหน้าฟังบทสนทนาด้วย พอจับความได้ว่ามิกกี้ชวนออกไปปาร์ตี้

วันนี้คือวันเกิดสายธาร...

เป็นเรื่องใหญ่ของวัยรุ่นเลย แต่เจ้าเด็กนี่ดูท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาว เหมือนลมวันเกิดตัวเองไปแล้ว

พอมาคิดดู ทำไมเด็กเนิร์ดถึงมีเพื่อนอย่างมิกกี้วะ รายนั้นดูเหมือนจะมีผับบาร์เป็นบ้านหลังที่สองด้วยซ้ำ แถมน่าจะเป็นนักพรากผู้เยาว์มืออาชีพอีกต่างหาก

เอาเถอะ วันเกิดทั้งทีจะให้นอนอุดอู้อยู่แต่ในห้องก็ใช่เรื่อง คงไม่มีปัญหาอะไรเพราะผมไปด้วย แต่ไม่รู้ว่าผมพูดอะไรผิด จู่ๆ สายธารก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ท่าทางดราม่าอยู่สักพักก่อนจะควบคุมตัวเองไว้ได้ แต่หลังจากนั้นกำแพงส่วนตัวเขาก็หนาทึบกว่าเดิมหลายเท่าจนผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อและกลับเข้าห้องนอนตัวเองไป

บางที ผมคงด่วนสรุปเร็วไปหน่อยว่าอ่านเด็กนี่ออกง่ายๆ

ตอนค่ำๆ มีอีกสายโทรเข้าเครื่องสายธารระหว่างที่เรากำลังเตรียมตัวจะออกไป

“แม่...ไว้ว่างๆ จะกลับ...ยุ่งๆ หางานอยู่...อือ กำลังจะออกไปกินไรกับเพื่อนหน่อย...ไม่เมาหรอก...แม่นอนเถอะ แค่นี้นะแม่ ไว้คุยกัน”

“พูดกับแม่ให้มันดีๆ หน่อย” ผมพูดหลังจากเจ้าตัววางสาย

“นี่ไม่ดียังไง”

“ไม่มีหางเสียง” 

“เออๆ ช่างผมเหอะ จะไปยังรึยังล่ะ”

“จะไปรึยังครับ พูดซิ”

“จะไปรึยังครับ คุณเรือใบ”

“เห็นมั้ย ไม่เห็นจะตาย”

“อย่างกับคุณพูดเพราะตายล่ะ”

“หึ” ผมยิ้ม “ไม่ลืมอะไรนะ”

“ไม่”

“นึกว่าเด็กเนิร์ดต้องสะพายเป้อะไรงี้ซะอีก”

สายตาว่างเปล่าของเขาเหลือบมองผม ซึ่งอาจหมายความว่าผมไม่มีค่าพอให้เหยียดหยาม “แค่เดินตัวเปล่าก็หนักเกินพอแล้ว”

“นี่มึงเป็นใครกันแน่ นักบวชลัทธิเต๋าเหรอ”

“อีกอย่าง ผมไม่ใช่พวกเนิร์ด” เขาพูดต่อโดยไม่สนใจคำพูดผม “แล้วก็เรียนจบแล้ว ถ้าคุณคิดจะเอากระเป๋าอะไรไปก็อย่ามาฝากไว้ที่ผม เชิญสะพายเอง”

ผมยักไหล่ “กูไม่ใช่เนิร์ด กูเรียนจบแล้ว อีกอย่าง...แค่พกความว่างเปล่าไว้ก็หนักเกินไปแล้ว” ผมย้อนบ้าง

“ไอ้ที่พกอยู่หลังเข็มขัดนั่นไม่เรียกว่าความว่างเปล่าหรอกมั้ง”

“มันไม่ใช่ความว่างเปล่า แต่ถ้าได้หยิบออกมาใช้มันจะทำให้โลกนี้ว่างเปล่าขึ้นอีกหน่อย” เจ๋งว่ะ คิดได้ไงวะ เจ๋งจนต้องขยายความอีก “เก้าอี้จะว่างขึ้นอีกตัว ข้าวจะเหลืออีกจาน คิวเข้าส้วมจะสั้นลงอีก...”

“พอเหอะ”

“ทำหน้าเป็นตูดอีกละ”

“ไปยัง”

“กูพร้อมนานแล้ว มึงนี่แหละมัวแต่โม้”

สายธารก้าวนำหน้าออกประตูออกประตูไป ผมก้าวตามและปิดประตูซึ่งมันจะล็อกเองอัตโนมัติ จากนั้นก็จัดซองปืนด้านหลังเข็มขัดให้เข้าที่ การพกปืนแบบนี้มีศัพท์เรียกอยู่ว่าพกแบบรีเวิร์ส ตำรวจจะถูกฝึกให้พกปืนที่เอวข้างถนัด เพื่อแขนจะได้สัมผัสปืนตลอดเวลา แถมยังหยิบใช้งานสะดวกและถูกแย่งปืนได้ยาก แล้วไง? ตอนนี้ผมไม่ได้เป็นตำรวจแล้ว ผมจะพกแบบเด๊ดพูล, แบบจอห์น วิค, แบบเอเจนต์ 47 จากเรื่องฮิตแมน หรือจะพกเอาที่สบายใจเรือใบยังไงก็ได้ จะใช้ซอกตูดหนีบไว้ก็ไม่มีใครว่า

ทีแรกผมคิดจะพกแม็กกาซีนสำรองไปด้วย แต่คงจะเวอร์ไป แค่ไปปาร์ตี้ ไม่ได้ไปรบ บรรจุเต็มแม็กเหน็บหลังไปแบบนี้ก็พอแล้ว

คืนนี้คงไม่เจอแจ็กพ็อตอะไรจนต้องใช้ปืนหรอก

แค่เผื่อไว้เฉยๆ


หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 7: ร.ระอา] 1.05.18
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 01-05-2018 20:12:02
กระสุนนัดที่ 7
ร.ระอา

[สายธาร]

จะมาด้วยทำไมวะ ถ้าจะเกาะเป็นปลิงขนาดนี้ไม่สูบเลือดซะเลยล่ะ

คอยดูนะ เดี๋ยวก็ไปพูดจิตวิทยาอะไรกามๆ กับไอ้พวกนั้นอีก


















______________________

อัพทีเดียว 3 ตอนนะคะ เพราะแต่ละตอนสั้นๆ :)

ศุกร์นี้มาอัพต่อ เราจะได้ไปวันเกิดสายธารกันแล้วนะคะ :D
อ่านแล้วเป็นยังไงคอมเมนต์บอกกันได้เลยนะคะ
ขอบคุณมากนะคะที่ทำให้เรามีกำลังใจ

อ่านซ้ำๆ วนไปวนมา <3

นางร้าย
1.05.18
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 5-7: ร.รื้อ/ร.รวม/ร.ระอา] 1.05.18
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-05-2018 21:06:31
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 5-7: ร.รื้อ/ร.รวม/ร.ระอา] 1.05.18
เริ่มหัวข้อโดย: 양아치 ที่ 01-05-2018 22:02:41
จ่ะ พ่อคุณ คิดเอง ชมตัวเอง 555555
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 5-7: ร.รื้อ/ร.รวม/ร.ระอา] 1.05.18
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 01-05-2018 23:09:28
พี่เรือ ยั่วอารมณ์น้องเก่งนัก ระวังโดนน้องเอาคืนนะคะ
รอไปงานวันเกิดสายธารค่ะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 5-7: ร.รื้อ/ร.รวม/ร.ระอา] 1.05.18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-05-2018 02:47:11
เรื่องในอดีต ยังไม่หนำใจเลย อยากรู้อีก ๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 8 ร.รำคาญ] 4.05.18
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 04-05-2018 20:29:33
กระสุนนัดที่ 8
ร.รำคาญ

 [เรือใบ]

เรามาถึงหน้าโอเมก้าเวลาสามทุ่มครึ่ง 

“เรามาสาย” สายธารว่า

“จิตวิทยา มาช้าหน่อย เราจะได้ดูเป็นคนสำคัญ”

“เราดูเหมือนคนไม่รักษาเวลาและไม่ให้เกียรติคนอื่นมากกว่า”

“รถติด”

“คุณขับอ้อมน่ะสิ ไม่รู้ทางทำไมไม่เปิดแผน...”

“รู้”

“แต่จงใจขับอ้อม?”

“ใช่ แกล้งมึง สนุกดี”

ที่จริงผมไม่มั่นใจว่ามาสด้าสีดำคันนั้นขับตามหรือเปล่า พอข้ามแยกแล้วมันไปคนละทางเลยเบาใจหน่อย

“เลวจริงๆ”

ผมฉีกยิ้ม “บ่นจังเว้ย ป้าเป็นนกขุนทองเหรอ”

เจ้าตัวชักสีหน้าใส่ ก่อนจะได้บ่นอะไรต่อเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขัดจังหวะ “มิก...ถึงแล้วๆ กำลังจะเข้าไปเดี๋ยวนี้แหละ...เจอกัน”

ผมปล่อยให้สายธารเดินนำไปก่อน ทิ้งระยะห่างประมาณสองก้าว กล้ามเนื้อทุกส่วนตื่นตัวขณะหันมองรอบตัวอย่างเนียนๆ

ดูไม่มีอันตราย

หรือถ้ามีก็ไม่รู้หรอก เพราะผมไม่ใช่ซูเปอร์แมนหรือโทนี่ สตาร์กที่จะมีจาร์วิสคอยช่วยสแกนรายละเอียดทุกอย่างนับตั้งแต่ก้อนขี้หมายันความชื้นในชั้นบรรยากาศ ที่ผมมีอยู่ก็แค่ดวงตาของมนุษย์ธรรมดาๆ

พวกการ์ดของร้านขอค้นตัวเราก่อนเข้าประตู สายธารถูกค้นจนละเอียดยิบ ส่วนผมเอาตัวรอดการลูบคลำมาได้ด้วยการเอ่ยชื่อคนที่พวกนั้นต้องเกรงใจบวกกับวาทศิลป์อีกนิดหน่อย

“ไม่ยุติธรรม” เขาพูดหลังจากเราเข้ามาข้างในแล้ว

“อะไรนะ ไม่ได้ยิน” จริงๆ ก็ได้ยินแหละ เพราะตอนนี้ยังถือว่าเป็นช่วงอุ่นเครื่องอยู่สำหรับบรรยากาศภายในผับ รออีกสักพักคนถึงจะเยอะกว่านี้ เสียงดังกว่านี้

“ทำไมผมโดนค้นตัวอยู่คนเดียว” สายธารยื่นหน้าเข้ามาพูด “ถ้าคุณมีเส้นหรืออะไรก็ช่าง ทำไมไม่บอกพวกนั้นว่าเรามาด้วยกัน”

“โลกมันก็โหดร้ายแบบนี้แหละ”

“ไอ้ธาร” มิกกี้ก้าวยาวๆ เข้ามาขัดจังหวะพอดี “มาซะที พวกนั้นแม่งเริ่มเมากันแล้ว”

“มากันครบแล้วเหรอ”

“ขาดไอ้เฟิร์ส คนติดเมียก็งี้แหละ แล้วนี่...”

“ไง” ผมทัก

“เอาจริงดิ” มิกกี้ทำหน้าเหมือนว่าผมเพิ่งหายตัวแวบมาโผล่ตรงนี้

“กูคนจริงก็ต้องเอาจริงอยู่แล้ว”

“เอ่อ...” สายธารกระแอม “ขอแนะนำอีกทีละกัน นี่มิกกี้เพื่อนสนิทผม” รู้เลยว่าเน้นเสียงคำว่าเพื่อนสนิทเพื่อให้ผมเกรงใจ ไม่ทำอะไรรุนแรงเหมือนวันนั้น “ส่วนนี่ก็เรือใบ...”

“คู่ขา” ผมรีบเสริม ก่อนสายธารจะขยายความด้วยคำอื่นและตกที่นั่งลำบากจนต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนฟัง

“...”

“...”

อ่าว อึ้งกันไป หรือว่าคำนี้มันถึงพริกถึงขิงเกินไป แต่ผมก็ยืมคำของมิกกี้ที่พูดวันนั้นมาใช้นะ คุยด้วยภาษาเดียวกันย่อมเป็นเรื่องดีไม่ใช่รึไง

“แล้วเราก็เข้าขากันได้ดี” ผมเสริมไปอีก พร้อมกับตบบ่าสายธารเบาๆ แต่เจ้าตัวไม่รับมุก ทำเป็นสะบัดหลบมือ

“ไม่รู้ว่าจะมา ไม่ได้หาเกาอี้ไว้เผื่อ” มิกกี้ว่า

“งั้นก็หาสิ”

“โต๊ะนั่งพอดีคนแล้วด้วย”

“ต่อโต๊ะ” ผมยิ้ม วางมือบนบ่าสายธารอีกพร้อมกับพูดเสียงนุ่ม “ไปนั่งกับเพื่อนก่อนนะ อีกสักพักเดี๋ยวตามไป” จากนั้นก็ปลีกตัวออกมา ผมเห็นมิกกี้ลากตัวสายธารไปจากหางตา และเดาว่าเจ้าตัวคงจะพูดประมาณว่า ‘มึงมานี่เลย ต้องคุยกันหน่อย’ แล้วผมก็ตกเป็นขี้ปากของเด็กพวกนี้อย่างเป็นทางการ

ตรงหน้าเคาน์เตอร์บาร์มีเก้าอี้ว่างอยู่ บาร์เทนเดอร์เพื่อนเก่าผมก็ดูจะว่างอยู่พอดี

“โว้ว ดูดิ๊ใครมา” เขาเห็นผมก่อน หูตายังไวเหมือนเดิม

“ก่อนอื่นนะโอม ที่ขอให้การ์ดค้นตัวตรงทางเข้าละเอียดหน่อยเป็นไงมั่ง” ก่อนหน้านี้ผมโทรหาโอม ขอให้เขาสั่งการ์ดให้เข้มงวดหน่อย โอมไม่ใช่แค่บาร์เทนเดอร์ธรรมดา เขาเป็นหัวหน้าการ์ดด้วย

“พวกนั้นขอแหกตูดมึงดูมั้ยล่ะ”

“ก็เกือบๆ”

“งั้นก็คงตรวจละเอียดกว่านี้ไม่ได้แล้ว”

“เออ ขอบใจว่ะ”

“ทีนี้ก็ทักทายอย่างเป็นทางการได้แล้วดิ” โอมยกมือขึ้น “โว้วๆ ดูดิใครมา คุณชายเรือสำราญใช่มั้ยน่ะ แม่งยังหล่อน่าดักตีหัวเหมือนเดิมเลยเว้ย”

“กวนตีน”

เขายื่นกำปั้นมาให้ชน ผมก็เอากำปั้นชนด้วย จากนั้นเขาก็หยิบแก้วรินวิสกี้ให้อย่างรู้ใจ

“ขอบใจ” ผมนั่งบนเก้าอี้สูงหน้าเคาน์เตอร์ หมุนตัวมามองไปที่โต๊ะกลุ่มสายธาร มองผู้คนรอบๆ บริเวณนั้น

“ไงมึง พาลูกนายกมาเที่ยวรึไง ต้องละเอียดขนาดนี้”

“แค่เด็กน่ะ”

“เด็กคนนี้แซ่บเลยอะดิ ดูแลขนาดนี้ โต๊ะนั้นเหรอ...มีแต่ผู้ชายนี่หว่า”

“ไม่ใช่แบบนั้น เด็กมันเดินไปเจอตอเข้า กูเลยต้องดูแลมัน”

“สะดุดตอมึงเหรอ”

“ไอ้นี่”

“ฮ่าๆๆ งั้นทำไมต้องดูแล”

“เรื่องมันยาว”

“เฮ้ย ไม่ต้องอาย เดี๋ยวนี้โลกมันไปถึงไหนแล้ว กูก็คบเด็กมหา’ลัยอยู่เหมือนกัน...ผู้ชายทั้งแท่งเลย อันนี้ตอกูไปสะดุดมันเข้า”

ผมหันขวับ “จริงดิ”

“เมื่อกี้กูพูดให้ทุเรศขำๆ ไปงั้น แต่กูคบเด็กจริง”

“ทำไมวะ เมื่อก่อนมึงก็ชอบผู้หญิงนี่”

โอมตะแคงศีรษะเหมือนครุ่นคิด “อืม...จะว่าไงดีล่ะ ถ้าความรู้สึกนั้นไม่ได้เกิดกับมึง อธิบายไปก็ไม่เข้าใจ”

“คงงั้น”

“เฮ้ย ดูลูกค้าไปก่อน พี่คุยกับเพื่อนแป๊บ” โอมหันไปบอกบาร์เทนเดอร์รุ่นน้อง แล้วขยับตัวมาชิดมุมเคาน์เตอร์ ยื่นหน้ามาพูดพอให้ได้ยินกันสองคน “หรือตอที่ว่าเกี่ยวกับเสี่ยที่ถูกเป่าหลังร้านผับผับ”

ผมกะมาหยั่งๆ โอมเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน กลายเป็นว่ามันเดาออกก่อนแล้วว่าผมเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย

“มึงรู้อะไรบ้าง” ผมลดเสียงต่ำลง

“นั่นไง ทำงานให้ตำรวจอีกดิมึง เซนส์กูนี่แม่งสุดยอดจริงๆ ตอนซื้อหวยไม่เห็นถูกสักทีวะ”

“กูซีเรียสนะ มึงรู้อะไรบ้าง”

“ไม่มาก”

“งั้น...มึงช่วยเป็นหูเป็นตาให้หน่อยดิ ช่วยสืบๆ ดูหน่อย”

“เดือดร้อนกูอีก”

“ถ้าได้เรื่องยังไงกูไม่ให้มึงเหนื่อยฟรีหรอก”

“เออๆ ไม่เป็นไร เรื่องดำๆ เทาๆ แถวนี้กูควรต้องรู้ไว้อยู่แล้ว แต่มึงอย่าหวังไรมากละกัน”

“เออ ขอบใจ”

“ว่าแต่ ถ้าเด็กของมึงสะดุดตอที่ผับ ทำไมยังพามาเที่ยวผับอีกวะ ร้านนั่นก็ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่ด้วย หรือเป็นแผนใช้ลูกแกะล่อหมาป่าออกจากถ้ำ”

“ยังไม่มีแผนอะไร กูไม่ได้อยากออกมาข้างนอกด้วย แต่วันเกิดเด็กมัน”

“อ่อ”

“คุยแต่เรื่องกู แล้วมึงล่ะ เป็นไงมั่งช่วงนี้”

“เรื่อยๆ” โอมยืดตัวขึ้นสบายๆ “รักรุ่ง งานพุ่ง ระวังสุขภาพเกี่ยวกับขา ผู้ชายผิวดำแดงให้โชค”

“ดวงตามนิตยสารเหรอวะ”

“เปล่า กูดูในเพจเฟซบุ๊ก แต่งานท่วมจริง เฮียกำลังจะเปิดอีกร้านอยู่ฝั่งตรงข้าม ชื่อร้าน ‘โอ มายแอส’ ต่อไปกูต้องดูสองที่”

“ชื่อไรนะ”

“Oh my ass” โอมเดาะลิ้นสำเนียงอังกฤษ

“ฟังดูเหมือนผับเกย์”

“ชื่อมันขึ้นต้นด้วย ‘โอ’ เหมือนร้านนี้ แต่จะออกแนวให้เต้นๆ มากกว่า ประมาณว่าเต้นจนเมื่อยตูด แต่กูว่า ต่อไปมันคงจะพัฒนาไปเป็นผับแนว ชาย-ชาย จริงๆ แหละ ชื่อมันดึงดูด”

“อืม”

“เฮ้ย เด็กมึงคนนั้นใช่ปะ...หน้าตาดีนี่หว่า แน่ใจนะว่าไม่คิดไร”

“คิดไรวะ ไม่อยู่แล้ว!”

“แซวแค่นี้ต้องเสียงดังด้วย” 

“มึงทำงานไป คนเริ่มเยอะ กูจะไปฉี่ละ” ผมยกแก้วกระดกจนหมด แล้ววางบนเคาน์เตอร์แรงๆ เหมือนที่พวกผู้ชายในหนังคาวบอยชอบทำกัน “โต๊ะนั้นกูจ่ายนะ ให้เด็กมันกินกันเต็มที่ไป” ว่าแล้วก็หันหลังเดินไป

ไอ้โอมแม่งยังไม่วายกวนตีนส่งท้าย ส่งเสียงตามหลังจนคนแถวนั้นได้ยินกันทั่ว “ได้ครับ ป๋าเรือสำราญ”



หลังจากสายธารแนะนำตัวผม และพูดคุยกันอยู่สักพัก ผมก็ตกผลึกทางความคิดได้แจ่มชัดว่าเพื่อนๆ ของสายธารแต่ละคนน่าจะเป็นสมาชิกสโมสรคนขี้โม้แน่นอน 

โต๊ะเรารวมทั้งหมดแล้วก็มีอยู่หกคน มีผม สายธาร มิกกี้ กันดั้ม (อ่ะ หุ่นยนต์ก็มา) โตโตโร่ (การ์ตูนก็มี) และคนที่มาทีหลังชื่อเฟิร์ส ซึ่งไม่ต้องแนะนำตัวให้ยุ่งยากเพราะมิกกี้ทักทันทีที่เจอหน้าว่า

“เชี่ยเฟิร์ส มึงไม่มาตอนตีสองเลยล่ะ”

“กูซ้อมเมียอยู่ นี่ยังโมโหไม่หาย กูต้องจัดชุดใหญ่จนหลับคามือเลย แล้วค่อยออกมา” เฟิร์สโม้

“มึงวางยานอนหลับเมียมากกว่ามั้ง” กันดั้มพูด

“หรือไม่ก็กราบเมียครบร้อยแปดจบมากกว่า” โตโตโร่เสริมเข้าไปอีก

“ไม่หรอก” สายธารผสมโรง “จัดชุดใหญ่คือนวดแผนไทยต่างหาก”

“พวกมึงนี่แม่งรู้ดีกันจริงๆ”

ทุกคนหัวเราะครืน

ผมรอจังหวะให้เสียงหัวเราะขาดช่วง แล้วตัดสินใจถาม

“น้องชื่อโตโตโร่จริงดิ”

“ชื่อโตโต้ครับ แต่ไอ้พวกนี้เรียกโตโตโร่เพราะหุ่นผมมันให้”

“โตโต้ที่มาจากแบรนด์ผ้าห่มน่ะนะ”

“ช่าย”

ผมเลือกไม่ถูกเลยว่าชื่อไหนดีหรือแย่กว่ากัน สุดท้ายก็ได้แต่ทำเสียงขรึมๆ กลับไป “อืม”

ทุกคนหันกลับไปพูดคุยกันต่อ

สักพักแต่ละคนก็เริ่มดูมึนๆ กันแล้ว ยกเว้นผมที่ยังรักษาสติไว้ได้ครบถ้วน พลางสังเกตผู้คนที่อยู่รอบตัวไปด้วย

หัวข้อที่พวกเขาจริงจังกันสุดๆ คือเรื่องหน้าที่การงาน เพราะแต่ละคนเรียนจบแล้ว บทสนทนาเลยเป็นไปในทำนองนี้

“ตอนนี้มีบริษัทติดต่อมาสามที่ กูยังเลือกไม่ได้ ต่อไปกูไม่ต้องใช้น้ำหอมแล้ว”

“ทำไมวะ”

“ก็เนื้อหอมขนาดนี้”

“สัด แต่กูอ่ะ ปฏิเสธไปเลยสองที่ บริษัทก็ใหญ่โตนะมึง แต่ให้เงินเดือนเท่าหรรมหมา มันดูถูกสมองกูมากเกินไปแล้ว เลยไม่เอาแม่ง มึงล่ะมิกกี้”

“กูว่าจะต่อโทก่อน ขี้เกียจทำงาน”

“ป.โทคณะกามศาสตร์เหรอวะ อย่างมึงนี่ได้เกียรตินิยมแน่ ฮ่าๆๆ ที่กูปฏิเสธงานไปก็ว่าจะต่อโทเหมือนกันแหละ แล้วเฟิร์สอ่ะ”

“มันติดเมียขนาดนี้จะทำอะไรได้วะ”

“กูช่วยที่บ้านทำงานเว้ย เลิกแขวะกูเรื่องเมียสักที นี่ พวกมึงเปิดกะลาออกจากหัวแล้วถามคนที่เริ่มโกนหนวดมาก่อนดีกว่า เผื่อจะได้เจริญรอยตาม พี่ทำงานอะไรครับ”

“หืม? กูเหรอ” จู่ๆ หัวข้อนี้ก็วกมาที่ผม

“ครับ ถ้าบอกว่าเป็นนายแบบก็ไม่แปลกใจนะ”

“ไม่ได้ทำนะ ที่บ้านรวย ก็เลยใช้เงินไปวันๆ” ขอโม้บ้างดิ คุยภาษาเดียวกันไง

“โอ้”

“อ้อ”

“อ่า”

“โว้ว” โตโตโร่หันขวับ ราวกับสมองเพิ่งแปลความได้ “สุดยอด วันๆ ไม่ต้องทำอะไรนอกจากกินกับนอน ไอดอลเลย ผมอยากมีชีวิตแบบนี้”

โดน! นี่ผมโดนเด็กถอนหงอกไปแล้วใช่มั้ย

สายธารมองผมแล้วส่ายหน้า “เขาทำงานให้ตะ...”

“เคยทำ” ผมรีบพูดแทรก “เคยทำหลายอย่าง แต่เบื่อๆ เลยลาออกมาพักสักระยะ” ผมสอดมือไปบีบต้นขาเขาแรงๆ ส่งสายตาไม่ให้พูดอะไรต่อ

เขาไม่พูดอะไร สอดมือมาแกะมือผมออกแต่ผมแกล้งขืนไว้ นิ้วเราเลยทำสงครามกันนัวเนียอยู่ใต้โต๊ะ

“อ๋อ แล้วมึงอะธาร...เฮ้ย ไอ้ธาร ฟังอยู่ปะเนี่ย” เฟิร์สถามต่อ

“ว่าไง” สายธารเงยหน้าขึ้น ส่วนผมก็ปล่อยมือจากต้นขาเขาเพื่อไม่ให้เจ้าตัวแสดงสีหน้าพิรุธ

“เรื่องงานเป็นไง”

“ยังไม่ได้หา”

“อ้าว ตอนนั้นบอกจะหาไม่ใช่เหรอ แล้วช่วงนี้ทำไรวะ”

“ไม่ทำไร

“หรือจะต่อโทแบบไอ้สองตัวนี้”

“คิดอยู่”

บทสนทนาเริ่มสะดุด เหมือนกับว่าความหม่นหมองแผ่ออกมาจากตัวสายธาร และเริ่มโอบล้อมทุกคนไว้

“ช่วงนี้ธารกับพี่กำลังสนุกกัน” ผมพูดขึ้น ซึ่งก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน

ทุกคนหันมองผม

“พี่กับไอ้ธารแบบว่า...มาต๊ะแหน่วกันได้ไงครับ” โตโตโร่/โตโต้ถาม (ผมยังเลือกไม่ได้ว่าจะแทนเขาด้วยชื่อไหนดี)

“อะไรนะ”

“ก็แบบ...พาม ผ่าม พ้าม อ่ะ” 

“พอเลยพวกมึง” สายธารพูดขัด “ไม่ได้เป็นอะไรกันเว้ย ไม่ใช่อย่างที่พวกมึงคิด”

“แค่นี้ทำเขินไปได้” ผมบีบไหล่สายธารเบาๆ แวบนึงผมเห็นตัวเองจัดปอยผมแถวๆ ข้างใบหูให้เขาด้วย มันบ้ามาก เราไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ อย่างที่เขาว่า แถมเขายังเป็นผู้ชายด้วย “แต่ก็เข้าใจนะ หรือให้พี่เล่า”

“นี่คุณ...”

“ครับ” ผมยิ้มแบบที่นึกเอาว่าคนรักจะยิ้มให้กัน

“หุบปากไปเลย” เขาว่าแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นกระดก

“เฮ้ย ได้ไง จั่วหัวมาขนาดนี้แล้ว” เฟิร์สโวย “เล่าเลยพี่”

“ใช่ เจอกันได้ไง” โตโตโร่/โตโต้สนับสนุน “แล้วก็บ๊ะละฮึ่มกันตั้งแต่เมื่อไหร่”

ผมเลยต้องด้นสด “ไม่มีอะไรมาก เจอกันแถวๆ ผับ เจอปุ๊บถูกชะตาปั๊บ ก็กระโดดเข้าไปกอดฟัดกันเลย”

“ตลกแล้ว” กันดั้มที่เงียบอยู่นานถึงกับสำลัก

“ผ่าม” โตโตโร่ทำเสียงเหมือนไม่เชื่อ (เอาเป็นว่า เรียกเขาแบบที่เพื่อนๆ เรียกละกัน)

“เอาดีๆ ดิ” เฟิร์สจี้

“พอดีว่าเมากันด้วย จากนั้นก็ไปต่อกันที่ห้อง”

มิกกี้มองสายธารที่เอาแต่ส่ายหน้าและจิบเหล้า “กูว่าแล้ว คืนนั้นมึงต้องเมาแน่ๆ ช่างมันเถอะ เฮ้ยเฟิร์ส ปิ๊ดๆ มั้ย”

“ไปดิ”

หลังจากสองคนนั้นเดินไปแล้ว ผมหันไปถามโตโตโร่ เพราะดูเหมือนเขาจะเชี่ยวชาญเรื่องศัพท์พิลึกๆ มากกว่าใคร “ปิ๊ดๆ นี่คืออะไร”

“ฉี่ไงพี่ ตอนสุดท้ายพี่ไม่เป็นเหรอ แบบตัวสั่นๆ อะปิ๊ดๆ อ่ะ”

“อ่อ”

ปรากฏว่าพวกเขาไม่ได้แค่ไปปิ๊ดๆ แต่กลับมาพร้อมกับเค้กเซอร์ไพรส์วันเกิด ว่าแล้วเชียว แต่คงไม่ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์กันในนี้หรอกมั้ง

“อะแฮ่ม แฮปปี้เบิร์ธ เดย์ ทูยู...” โตโตโร่เปิดก่อนเพื่อนเลย ร้องเต็มเสียงด้วยเสียงต่ำๆ สูงๆ เหมือนหาคีย์ที่เหมาะไม่เจอ

คนอื่นๆ ร้องตามทันที แถมยังตบมือให้จังหวะด้วย

เอากับมันสิ

ผมไม่ตบมือด้วย แต่ก็ไม่ใช่เย็นชาขนาดที่จะเมินเฉย สุดท้ายเลยขยับปากงึมงำและดีดนิ้วแบบคูลๆ ตามน้ำไป เสียงเพลงในผับยังดังต่อเนื่องตามปกติ ผู้คนรอบข้างมองมาที่เรา บางคนยิ้มขำ บางคนทำหน้าขัดใจบอกให้รู้ว่าเสียงตบมือของเรากำลังคร่อมจังหวะเพลงของดีเจอยู่

ในที่สุดเพลงวันเกิดก็จบลงจนได้

“กูไปขอดีเจดีให้เปิดเพลงแล้ว แต่เขาไม่เล่นด้วยว่ะ” มิกกี้พูด

“ใครแคร์ ร้องเองก็ได้” โตโตโร่ว่า

“พวกมึงไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย กูอายคน”

เห็นด้วย อย่าทำอะไรให้เป็นจุดเด่นดีกว่า

“เอาเถอะ” มิกกี้ตบไหล่เพื่อน “มึงอธิษฐานแล้วเป่าเทียนดิ”

สายธารนิ่งไป

เหมือนว่าจิตใจหลุดลอยไปช่วงสั้นๆ ก่อนเขาจะยอมเป่าเทียน แต่หลังจากนั้นก็ก้มหน้า ไหล่ลู่ลง มือลูบนาฬิกาข้อมือที่สวมอยู่ ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า ม่านอากาศกลับมาห่อคลุมตัวเขาอีกแล้ว เสียงเพลง เสียงผู้คน หรือแม้แต่อากาศบริสุทธิ์ก็อาจจะผ่านเข้าไปไม่ได้ 

ไม่ใช่แค่ผมที่สัมผัสได้ ทุกคนรอบโต๊ะก็เหมือนจะทำตัวไม่ถูก

“ดิ่งเหรอวะ” มิกกี้ถามเสียงเบา

‘ดิ่ง’ คำนี้แหละ ใช่เลย เขาดิ่งไปอยู่ในโลกส่วนตัวที่มีแต่ความหดหู่ซึมเซา

แรงบีบไหล่เบาๆ ของมิกกี้ดึงเขากลับมา แต่ความหดหู่ก็ติดตัวออกมาด้วย สายธารยกเหล้าซดรวดเดียวหมดแก้ว แล้วชงแบบเข้มๆ ให้ตัวเองต่อ คนอื่นๆ ได้แต่มองหน้ากัน พยายามทำตัวให้เป็นปกติ

ตอนนั้นเองที่ไอ้โอมเดินเข้ามา

“ไงป๋า เมายัง”

“ว่าไง”

“ขอยืมตัวป๋าแป๊บนะน้องๆ”

ไอ้โอมผงกหัวให้ผมตามไป พอผมตามมันไปถึงเคาน์เตอร์บาร์มันก็เอียงหน้ามาพูดให้ได้ยินกันแค่สองคน

“เผื่อมึงอยากรู้ มีวัวตัวนึงไม่ยอมให้ค้นตัว อ้างเส้นก๋วยจั๊บ”

“ไหน”

“ถัดจากโต๊ะมึงไปทางซ้ายสองโต๊ะ” ผมเป็นมืออาชีพพอที่จะไม่หันไปมอง “ผอม สูงไม่เกินร้อยเจ็ดสิบ ฮิปฮอป เสื้อตัวนอกสีน้ำตาลเข้ม”

“ฟังดูเหมือนมืออาชีพ”

“ดูเหมือนเด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอนมากกว่ามั้ง อายุยังไม่เยอะนะ”

“อืม เส้นที่มันอ้างใหญ่จริงมั้ย”

“ไม่รู้หรอก เด็กกูปล่อยผ่านเพราะไม่อยากมีปัญหา”

“โอเค ขอบใจนะ”

“ยังไงก็อย่ามีเรื่องในนี้ละกัน”

“ไม่มีหรอก”

ผมหันหลัง เดินกลับมาที่โต๊ะพลางเหลือบตาสำรวจ เห็นแล้ว เด็กฮิปฮอป หน้าตามู่ทู่เหมือนหมาชิสุ เสื้อแจ็กเก็ตสีน้ำตาลตัวโคร่ง เสื้อที่อาจซ่อนมีดหรือปืนพกได้สบาย ยังบอกอะไรไม่ได้จริงๆ ทำได้แค่พยายามจดจำลักษณะหน้าตาเอาไว้

แก๊งของสายธารเมากันได้ที่แล้ว โตโตโร่กำลังโชว์สเต็ปโยกพุง ส่วนคนอื่นๆ กำลังหัวเราะตบมือเชียร์ ยกเว้นสายธารคนเดียวที่ตั้งหน้าตั้งตากรอกเหล้าเข้าปากแก้วต่อแก้ว

“เบาหน่อย” ผมปราม

“ยุ่ง”

“เดี๋ยวก็อ้วกใส่รถกูหรอก”

“ไม่ได้เมา” เขาชักสีหน้าทั้งที่ตาปรือ ศีรษะขยับโงนเงน “กลับไปเลย กลับเองได้”

“ช้าๆ เดี๋ยวสำลัก” ผมกดแขนเจ้าตัวที่กำลังจะยกแก้วเหล้าจ่อปาก

เขาปัดมือผมออก ยกดื่มเกือบหมดแก้ว แล้วชงต่อ

“ธาร”

“...”

“สายธาร”

“...”

“สังฆทาน”

“...”

เขาไม่ได้ยินผมแล้ว คงไม่ได้ยินกระทั่งเสียงรอบข้าง ความห่วงใยของผมแทรกซึมเข้าไปในโลกของเขาไม่ได้ ห่วงใยงั้นเหรอ? น่าแปลก ผมควรจะหงุดหงิดสิ มันน่าหงุดหงิดมั้ยที่ปล่อยให้เราพูดอยู่ฝ่ายเดียว แถมยังทำหน้าบูดเป็นตูดแบบนี้

แต่ผมก็ไม่รู้สึกแบบนั้น

และคำว่า ‘ห่วงใย’ ก็อาจเป็นคำสำเร็จรูปที่ด่วนสรุปเกินไป

มันเป็นความรู้สึกที่...อธิบายไม่ได้

ผมหันมาชงเหล้าให้ตัวเองบ้าง แต่ไม่หนักเกินไป ผมต้องขับรถ ที่สำคัญกว่านั้นคือต้องตื่นตัวเตรียมพร้อมเข้าไว้

เด็กฮิปมองมาทางนี้สามครั้งแล้ว แต่ก็พูดยาก เพราะมันก็มองทั่วไปหมดเหมือนมนุษย์ถ้ำที่กำลังตัดสินใจว่าจะใช้กระบองฟาดหัวมนุษย์เพศเมียคนไหนดี

มันหลุกหลิก

ล่อกแล่ก

และลื่นไหลในหมู่เพื่อนฝูง

จะนับเป็นข้อพิรุธก็ได้ จะบอกว่าเป็นลักษณะทั่วไปของวัยรุ่นฮอร์โมนพลุ่งพล่านก็ไม่ผิด

โตโตโร่หยุดโชว์สเต็ปแล้ว ทุกคนนั่งลงและชงเหล้าแจกจ่ายกัน ผมละสายตาจากเด็กฮิปเพื่อไม่ให้ตัวเองแสดงพิรุธบ้าง ส่วนสายธารทำท่าจะนั่งหลับไปแล้ว แต่จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นทำเอาเซเกือบล้ม ผมรีบคว้าแขนเขาไว้

คนอื่นๆ หันมาแซวเราสองคนทันที

แซวสายธารว่าคออ่อน

และแซวผมว่าหวงเมีย แรงนะเนี่ย แต่ผมไม่ถือสาเด็กปากมอมที่กำลังเมาหรอก

“ปล่อย จะฉี่” สายธารสะบัดมือผมออก

“ไหวปะวะ ไอ้ธาร” มิกกี้พูด “ไป เดี๋ยวกูพาไป”

“ไม่ต้อง” ผมบอก แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่พูดสวนเร็วขนาดนั้น ผมก็เลยฉีกยิ้มกลบเกลื่อน ปั้นเสียงนุ่มๆ พูดต่อ “เรื่องแค่นี้ คู่ขาจัดการได้ มึงสนุกต่อเถอะ”

“อย่าบอกว่าจะไปทำอะไรทุเรศๆ ในนั้น”

“หึ”

ผมฉีกยิ้มให้มิกกี้ พยุงกึ่งฉุดสายธารตรงไปยังห้องน้ำ เสร็จจากนี้ก็ต้องกลับกันแล้ว แน่นอนว่า เหตุผลคือไม่ใช่เพื่อกลับไปทำอะไรทุเรศๆ แต่เป็นเพราะในผับนี้มีคนไม่ยอมให้ค้นตัวปะปนอยู่

ในห้องน้ำมีหนุ่มที่ดูท่าทางเมากรึ่มๆ อยู่คนเดียว เขาล้างมืออยู่ตอนเราเปิดประตูเข้าไป แล้วพอหมุนตัวเดินออกไปผมก็เห็นว่าเขาไม่ได้รูดซิปด้วย แต่นั่นไม่ใช่ธุระกงการอะไรของผม

ธุระสำคัญตอนนี้คือ ช่วยให้สายธารฉี่ได้ตลอดรอดฝั่ง

ซึ่งดูไม่น่าจะง่าย

ผมดันตัวเขาเข้าไปยืนชิดโถฉี่ “จัดการซะ เร็วด้วย ในนี้กลิ่นไม่ได้เหมือนทุ่งลาเวนเดอร์นะเว้ย” สายธารยืนโงนเงน ทำท่าจะหลับ ผมเลยตบไหล่เขาแรงๆ “บอกให้เร็วๆ ไง”

“อะไร”

“ฉี่ไง ปิ๊ดๆ อ่ะ ต้องให้กูช่วยควักไอ้นั่นของมึงออกมาเลยมั้ย”

“อือ ช่วย...”

“ฝันไปเถอะ” ผมบอกทันที

“ช่วย...ออกไป ห่างๆ”

“กูปล่อย เดี๋ยวแม่งก็ล้มหัวฟาด นั่นไง จะหลับอีก” คราวนี้ผมเขย่าตัว ตามด้วยขยี้หัวเขาแรงๆ “สายธาร-ฉี่-ได้-แล้ว! เดี๋ยวนี้!”

“อืม”

ในที่สุดเขาก็จดจำวิธีรูดซิปจนได้ ผมเบือนหน้าไปทางอื่นแต่ยังจับไหล่เขาไว้ ฟังจากเสียงสายน้ำที่กระทบโถฉี่แล้วไม่น่าจะราบรื่นเท่าไหร่ “ยืนนิ่งๆ สิ อย่าส่ายเอว” ผมใช้มืออีกข้างจับเอวเขาไว้ บังคับให้ตัวเขานิ่งที่สุด ถ้าใครมาเห็นสภาพของเราเข้าตอนนี้ คงคิดเลยเถิดไปไหนต่อไหนแน่ๆ “ทีนี้ก็ฉี่ไป เร็วๆ”

“ฉี่”

“เออ...เสร็จยัง” ผมรอ เสียงน้ำเบาลงแล้ว “ปิ๊ดๆ ด้วย”

ร่างกายเขาปิ๊ดๆ โดยอัตโนมัติ

“รูดซิปด้วย...เรียบร้อยยัง”

“อืม”

“ไปล้างมือ”

ผมดันตัวเขามาที่อ่างล้างมือ ดูสภาพแล้วคงต้องใช้สบู่ด้วย แต่สายธารดูเหมือนจะกลับเข้าโหมดสัปหงกอีกแล้ว ผมเลยกดสบู่เหลวมาจับมือเขาล้างให้ซะเลย เหมือนเลี้ยงเด็กอนุบาลเลยนะเนี่ย

ยังไม่ทันฟอกสบู่เสร็จ ตอนนั้นเองเด็กฮิปฮอปผู้ที่อาจจะเป็นนักฆ่าหรือคนสอดแนมหาข่าวก็เปิดประตูเข้ามา

สองมือซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อตัวนอก สายตาเรียบนิ่งเหลือบมองมาที่เรา

ผมรีบดันตัวสายธารติดผนัง สวมบทหื่นทำท่าประคองหน้าจูบเหมือนละครหลังข่าว โดยเว้นระยะริมฝีปากไว้นิดๆ และเบี่ยงศีรษะเพื่อบังใบหน้าสายธารไว้

“พี่พาล” สายธารเพ้อ

“ชู่วว” ผมเป่าลมผ่านปาก ก้มหน้าลงนิดๆ ทำให้ลมหายใจร้อนๆ ที่เกิดจากความตื่นเต้นรดต้นคอเขา

“พี่...”

“อื้อ”

เด็กฮิปทำเสียงสำลักในลำคอ และขยับตัว

ความรู้สึกเสียววาบแล่นผ่านไขสันหลังผม พลาดแล้ว! มุกแกล้งนัวเนียนี่เป็นไอเดียที่ห่วยโคตรๆ เพราะตอนนี้ผมหันหลังให้ศัตรูอยู่ ไอ้หมอนี่สามารถยิงหรือแทงผมได้สบายๆ เลย

พลาด! พลาด! พลาด!





___________________________

วันนี้มีสำนักพิมพ์ติดต่อมาด้วยค่ะว่าสนใจเรื่องนี้ ตื่นเต้นดีใจ ^ ^
แอบตกใจอยู่เหมือนกันค่ะ เพราะว่าคนอ่านไม่เยอะมาก ไม่คิดว่าจะมีสำนักพิมพ์มาสนใจ
มีกำลังใจมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณนะคะ

ขอบคุณทุกคนที่คอมเม้นต์มากๆ นะคะ T__T
เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เราอยากลงให้อ่านทุกวันเลยค่ะ

ไม่ว่าจะอ่านกันกี่คนก็ตาม เราก็จะลงให้จนจบนะคะ ไม่ต้องกลัวเทครับป๋ม ^ ^
หวังว่าจะรักพี่เรือใบกันเยอะๆ เยย

ตอนนี้เจอแต่คนเรียกอิพี่เรือ หรือเราควรจะตั้งแท็ก #อิพี่เรือ ขึ้นมากันดี #ขำแห้ง 5 5 5

แอบอยากรู้เหมือนกันว่ามีคนที่อ่านอยู่แล้วไม่เคยแสดงตัวเลยมั้ยคะ
ถ้ามีคอมเม้นต์บอกกันได้นะฮะ ขอบคุณมากๆ เยย ^ ^

เจอกันวันพรุ่งนี้นะฮับ ไม่รอวันอังคารละค่ะ อยากให้อ่านบทต่อไปกันไวๆ ฮ่าๆ

นางร้าย 4.05.18
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 8: ร.รำคาญ] 4.05.18
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 04-05-2018 20:45:44
เป็นกำลังใจให้ค่ะ ติดตามพี่เรือนะค๊ะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 8: ร.รำคาญ] 04.05.18 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-05-2018 00:10:16
 :laugh:

ตาเรือ. อออ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 8: ร.รำคาญ] 04.05.18 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-05-2018 02:13:14
คนนั้นจะมาดี หรือมาร้ายนะ แถมธารก็เมาอีกด้วย  :katai1:

ปอลอ   ผู้ใดเอา + เป็ด ไป รบกวนเอามาคืนด้วยจ้า   :m5:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 8: ร.รำคาญ] 04.05.18 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 05-05-2018 06:58:50
เป็นกำลังใจให้นะคะ อยากให้สารธารหลุดจากความเศร้าจัง  พี่เรือฝากน้องด้วยนะ สายธารน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 9: ร.รำพึง] 05.05.18 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 05-05-2018 22:13:51
กระสุนนัดที่ 9
ร.รำพึง

[สายธาร]

เดอะแก๊งยังเหมือนเดิม ทั้งมิกกี้ โตโตโร่ กันดั้ม แล้วก็เฟิร์ส ทุกคนอยู่พร้อมหน้ากันที่นี่และผลัดกันยิงมุกห้าบาทสิบบาทเหมือนวันเก่าๆ คงดีกว่านี้ถ้าพี่ภาณอยู่ด้วย ผมอดจินตนาการไม่ได้ว่าเขาอยู่ที่นี้กับพวกเราด้วย

จังหวะที่เรือใบลุกไปคุยกับเพื่อนบาร์เทนเดอร์ของเขา ผมถึงกับนึกเห็นภาพพี่ภาณนั่งลงแทนตำแหน่งเขา รอยยิ้มเปื้อนหน้าขณะเล่าว่าได้พบเจออะไรสนุกๆ บ้างในวันนี้ ผมรู้ว่าเขาจะเล่าอย่างออกรสแน่นอน

“คิดถึงพี่นะครับ” ผมก้มหน้าลงพูดพึมพำและลูบนาฬิกาไปด้วย “ไม่รู้พี่เป็นไงบ้าง”

น้ำตาเอ่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ และถัดจากนั้นเหมือนกับว่ายิ่งซดเหล้าถี่เท่าไหร่ภาพพี่ภาณก็ชัดขึ้นเท่านั้น งานวันเกิดปีโน้นกับปีนี้เริ่มซ้อนทับกัน เรื่องราวที่ย้อนไปไกลกว่านั้นก็ไหลผ่านหน้าไปเป็นฉากๆ แล้วอีกสักพัก ผับก็ไม่ใช่ผับอีกต่อไป มันกลายเป็นเหมือนถ้ำขนาดใหญ่ที่กำลังดูดกลืนสีสันของโลกอย่างช้าๆ

ตัวตนของผมไถลเลื่อน

จมดิ่ง...

ไปสู่ความดำมืดและว่างเปล่า

แล้วในที่สุดผมก็หลุดไปสู่ภาวะที่รู้สึกได้ว่าพี่ภาณอยู่ตรงนี้ด้วยจริงๆ ที่นี่คือผับที่เรามาฉลองวันเกิด แต่เสียงเพลงเบากว่า และทุกอย่างเป็นสีเทา พี่ภาณในในตอนนี้ไม่ค่อยยิ้มหัวเราะอย่างที่ผมคิด ออกจะขรึมๆ เกือบจะขี้เก๊กด้วยซ้ำ

พี่ ทำไมไม่คุยกับผม

ไม่กอดผม

ไม่คิดถึงผมเหรอ

งอนแล้วนะ...


ยังไม่รู้เรื่องอีก เอาแต่มองไปทางโน้นทางนี้อยู่นั่น เขาดูไม่เหมือนพี่ภาณของผมอีกต่อไปแล้ว ผมเลยไม่คุยกับเขาและก้มหน้าก้มตาซดเหล้าต่อไป ถึงจุดหนึ่งกระเพาะปัสสาวะผมก็รับไม่ไหวจนต้องลุกขึ้น

คราวนี้พี่ภาณรวบตัวผมไว้ และบ่นไม่ขาดปากขณะลากตัวผมไปห้องน้ำ เป็นจังหวะดี ในห้องน้ำมีเราอยู่แค่สองคน ในที่ลับตาคนแบบนี้เขาเลยสลัดมาดขรึมๆ ทิ้งแล้วดันตัวผมติดผนัง มือกอดรวบเอวพร้อมกับโน้มใบหน้าเข้ามา

ลมหายใจอุ่นเป่ารดต้นคอผม

“พี่ภาณ...”

ผมเผยอปากเตรียมรับสัมผัสที่รอมานาน มันสมจริงเกินกว่าจะเป็นความฝัน เขาอยู่ตรงนี้จริงๆ และกำลังจะบดริมฝีปากลงมา

แต่ไม่รู้ว่าผมทำอะไรผิด จู่ๆ เขาก็สบถและผลักผมออกจากเต็มแรง

“แม่ง!”

หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 10: ร.รุนแรง] 05.05.18 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 05-05-2018 22:19:39
กระสุนนัดที่ 10
ร.รุนแรง

[เรือใบ]

“แม่ง!” ผมเปลี่ยนแผนฉับพลัน หันขวับกลับหลังพร้อมกับชักปืน ขณะที่ใช้มือซ้ายยันตัวสายธารไว้ มือขวาก็ขึ้นลำโดยใช้ศูนย์หลังปืนครูดกับเข็มขัดดังแกร๊ก!

“หยุด!” พริบตาเดียวปืนก็จ่อเป้าหมายเรียบร้อย ถ้าจับเวลาอาจจะทำลายสถิติแชมป์ที่ผมทำไว้สมัยฝึกตำรวจ แม้แต่ครูฝึกก็คงต้องทึ่งถ้าได้เห็น ไอ้เด็กฮิปยืนชิดอยู่ที่โถฉี่โดยไม่มีอาวุธปืนหรือมีดอยู่ในมือ เจ้าตัวผงะไปด้านข้าง เผยให้เห็นอาวุธประจำตัวที่โผล่ออกมานอกซิปกางเกง 

“ยกมือขึ้น!”

เขายกมือขึ้นเก้ๆ กังๆ พยายามเบี่ยงสะโพกไปชิดโถฉี่ แต่ไม่มีใครมองตรงนั้นอยู่แล้ว ผมจ้องหน้าอีกฝ่ายที่ตอนนี้ทั้งซีดเผือดทั้งเด๋อด๋า

“ใครส่งมึงมา”

“แท็ก...แท็กซี่มาส่งผม นี่มันเรื่องอะไรกัน”

สายธารพูดอะไรงึมงำและเหมือนจะทรงตัวได้ด้วยตัวเอง ผมเลยปล่อยมือจากเขา เดินปรี่เข้าหาเด็กฮิป กระชากคอเสื้อดันตัวมันเข้าไปในห้องส้วม ล็อกประตู “หันไป” พออีกฝ่ายหัน ผมก็เอาปืนจ่อท้ายทอยไว้ “เส้นใหญ่เหรอมึง”

“เปล่าครับพี่ พี่ อย่าทำอะไรผม”

“มึงไม่ยอมให้ค้นตัว”

“ผม...ผม...”

“นี่มึงฉี่ราดกางเกงเหรอ”

“ผะ...ผมกลัว”

“อั้นไว้!”

“ครับๆ ผมขอโทษ พี่เป็นการ์ดเหรอ”

“นิ่งๆ”

ผมตบมือลวกๆ ไปตามกระเป๋าเสื้อผ้าอีกฝ่าย แต่ไม่พบอะไรที่เป็นอาวุธร้ายแรง

“ทำไมมึงไม่ยอมให้ค้นตัวที่ประตู”

“ผมมีของอยู่”

“ไหน...อย่าขยับ เดี๋ยวกูล้วงเอง”

“กระเป๋าเสื้อนอกครับ”

ผมล้วงหยิบ ของ ที่ว่าออกมา เป็นผลึกสีขาวอยู่ในถุงซิปล็อกเล็กๆ “ยาไอซ์”

“ครับ”

“เล่นมานานยัง”

“ไม่นานครับ แค่สองสามครั้ง”

เชื่อตายละ

ผมคิดอยู่อึดใจ ก่อนจะเปิดซองซิปล็อกเทของลงโถชักโครก “กดชักโครกเองนะ” 

“...” เด็กฮิปไม่พูดอะไร

“ทีนี้ก็นั่งทบทวนชีวิตอยู่ในนี้ห้านาที กูดูนาฬิกาอยู่ ถ้าเห็นมึงออกมาก่อนเวลา...ก็ไม่รู้นะว่าจะเกิดไรขึ้น กูบอกได้แค่ว่า กูเกลียดคนอยู่สองประเภท หนึ่ง แม่ค้าส้มตำที่แยกไม่ออกว่าเผ็ดน้อยกับไม่เผ็ดต่างกันยังไง สอง คนที่แม่งไม่รักษาเวลา เข้าใจมั้ย”

“เข้าใจครับ”

“ดี”

ผมออกห้องส้วม แต่สายธารไม่อยู่ในนี้ซะแล้ว ใจผมหล่นวูบคิดว่าเขาฉวยโอกาสหนีผมไป หรือถ้าร้ายแรงกว่านั้นก็คือเด็กฮิปเป็นแค่นกต่อเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ผมเก็บปืนและรีบกลับไปที่โต๊ะ

ปรากฏว่าทุกคนอยู่ครบหน้า สายธารกำลังกระดกเหล้าอยู่

“พอแล้ว กลับบ้าน” ผมแกะแก้วเหล้าออกจากมือเขา เจ้าตัวทำเสียงฮึดฮัดเมื่อถูกฉุดให้ลุกขึ้น แต่ก็เมาจนขัดขืนอะไรไม่ได้ เพื่อนๆ ทุกคนต่างโวยวายกันใหญ่

“พวกมึงจะอยู่กันต่อก็ได้ กูจ่ายเอง บอกทางร้านไว้แล้ว”

“แต่นี่วันเกิดไอ้ธารมันนะ จะรีบกลับไปไหน” มิกกี้ท้วง

“เมาได้ที่แล้ว จะกลับไปต๊ะแหน่วกัน” ผมบอก แล้วลากตัวสายธารออกจากร้าน

ทำไงได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ดีที่สุดแล้วในการพาคู่ขาปลีกตัวออกมา



“สรุปมึงเป็นเกย์จริงๆ สินะ” 

“...”

“เพื่อนๆ มึงก็ดูจะเห็นเป็นเรื่องปกติเลย”

“...”

“อกหักใช่มะ พี่พาลอะไรนั่น ชื่อสะกดไง มาจากอันธพาล หรือพานบนหิ้งพระ หรือภารโรง ตลกว่ะ คนอะไรชื่อภารโรง...ว่าแต่ทำไมชอบผู้ชายวะ มึงไม่แบบว่า...จั๊กกะดึ๋ยเหรอ น่าเสียดาย หน้าเกาหลีอย่างมึงนี่ยุคนี้กำลังมาเลยนะ สาวชอบ”

“...”

“เสียของจริงๆ” ผมหันมองคนข้างๆ แล้วส่ายหัว

สายธารไม่พูดอะไร ก็แน่ละ เพราะตั้งแต่ผมรัดเข็มขัดให้เขาก็หลับไปเลย ถ้าไม่หลับ ใครจะกล้าขุดเรื่องส่วนตัวมาพูดเล่นขนาดนี้

พี่พาล 

ชื่อคล้องจองกันดีนี่ พาล ธาร

ช่างเถอะ ผมขับต่อไปเงียบๆ จนถึงคอนโด หลังจากนั้นก็ต้องหิ้วปีกกันขึ้นห้องอย่างทุลักทุเล จะรวบสองขาอุ้มไปเลยก็ไม่ยากหรอก แต่เกรงใจสายตาพนักงานต้อนรับกับพี่รปภ.

พอเข้ามาในห้อง ผมก็หิ้วเขาไปทิ้งตัวลงบนโซฟาที่ประจำ นี่แหละที่เรียกว่าเมาหลับเป็นตาย ตัวอ่อนยวบเหมือนตุ๊กตายางไม่มีผิด เดือดร้อนผมต้องถอดรองเท้า จัดท่าทางให้เหยียดขา และเอาหมอนหนุนหัวให้ นอนแบบนี้จะสบายรึเปล่า คงไม่ต้องถึงขั้นเปลี่ยนเสื้อกับกางเกงหรอกนะ

งั้นปลดกระดุมสักสองเม็ดละกัน

ผมถอยออกมาดูผลงานตัวเอง แล้วเข้าไปจัดท่ามือให้ ทีแรกเอาทาบอก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นห้อยข้างตัว ยกทาบอกใหม่ แล้วก็ปล่อยให้แขนห้อยพ้นโซฟา ยิ่งทำให้รู้สึกว่าเขาเป็นตุ๊กตาที่ผมจะจัดท่าทางยังไงก็ได้ สุดท้ายก็เลยเอามือข้างหนึ่งทาบอก และมืออีกข้างปล่อยไว้ข้างตัว

รู้สึกได้เลยว่าโรคเพอร์เฟ็กชันนิสต์กำลังเล่นงานผมอยู่ ผมไม่ได้เป็นคนเจ้าระเบียบอะไร แต่นานๆ ทีโรคนี้จะกำเริบขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ อาการของมันก็คือ เห็นอะไรที่ไม่เข้าที่เข้าทางแล้วจะหงุดหงิด จัดวางของมุมไหนก็ไม่พอใจสักที เหมือนกับที่จัดท่าทางการวางมือของเขาเมื่อกี้นี้ ไหนจะทรงผมยุ่งๆ นั่นอีก

ผมลองขยี้หัวเขาสองสามที...มันดูยุ่งเหยิงกว่าเดิม เจ้าตัวขยับตัวนิดๆ ปากขยับงึมงำ

ขยี้อีก

อีกที...

เฮ้อ ในที่สุดก็ต้องโน้มตัวเข้าไปใกล้ ค่อยๆ จัดระเบียบปอยผมให้เรียบร้อยทีละปอย ซึ่งก็คือบริเวณตรงกลางชี้เด่นิดๆ ส่วนตรงขมับทำให้เรียบลู่ลง แบบนี้เข้ากับใบหน้าเด็กนี่ที่สุดแล้ว

ผมเพิ่งรู้ตัวว่ายื่นหน้ามามองเขาใกล้เกินไป ใกล้จนเหมือนว่าได้ล่วงล้ำเขตแดนส่วนตัว โดยเฉพาะเวลาหลับซึ่งผมมักจะรู้สึกว่ากำแพงส่วนตัวของคนเราจะสลายไป จนทำให้เหมือนกับว่ากำลังเปลือยเปล่าทางจิตใจอยู่ 

สายธารกำลังเปลือยเปล่าทางจิต

ความคิดนี้มันควรจะชวนให้กระอักกระอ่วน

แต่อะไรบางอย่างก็สะกดผมให้มองเขานิ่งๆ ในระยะห่างแค่คืบเดียว อะไรบางอย่างที่ว่าผลักดันให้ผมพูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลที่สุด 

“สุขสันต์วันเกิดนะ”

“อือ”

เขาขยับตัว ตาปรือ แล้วก็ค้ำตัวลุกขึ้นนั่ง

“อึก...”

“อย่าเพิ่ง เดี๋ยวๆ พาไปห้องน้ำ”

“อึก...อะ...” เขาไออีกสองสามที จากนั้นก็...

อ้วกซะเละเทะ

“เวรเอ๊ย ให้มันได้อย่างนี้สิ”
 




____________________________

บวกเป็ดหายไปไหนนี่ 5555555 #ปริศนาธรรม >__<
อัพให้ทีเดียวสองตอนนะคะวันนี้

หวังว่าจะชอบกันนะคะ รักอิพี่เรือกันเยอะๆ นะฮะ

ขอบคุณจากใจสำหรับคอมเม้นต์นะคะ มีค่ากับเรามากจริงๆ ^ ^

นางร้าย 05.05.18
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 9-10: ร.รำพึง/ร.รุนแรง] 05.05.18 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-05-2018 23:06:13
 :m20:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 9-10: ร.รำพึง/ร.รุนแรง] 05.05.18 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-05-2018 02:33:19
สงสารเด็กหืดหอบในห้องน้ำจัง ขวัญผวาไปแล้ว  :jul3:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 9-10: ร.รำพึง/ร.รุนแรง] 05.05.18 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 07-05-2018 08:59:42

หยักได้แบบเฮียใบหนึ่งที่อะ… ห่อให้ด้วย อ๊ะ ห่อให้ด้วย….   :a11:


รออุดหนุนแบบรูปเล่มนะ     :m4:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 9-10: ร.รำพึง/ร.รุนแรง] 05.05.18 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 07-05-2018 11:24:02
ติดตามจ้า :L2:

 :L2: :pig4: :L2: :pig4: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 11-16] 18.05.18 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 18-05-2018 21:15:21
กระสุนนัดที่ 11
ร.รั่ว

[สายธาร]

‘สรุปมึงเป็นเกย์จริงๆ สินะ’ เสียงปริศนาดังขึ้นจากตรงไหนสักที่

อือ ผมตอบในความคิด

‘อกหักใช่มะ พี่พาลอะไรนั่น ชื่อสะกดไงวะ...หรือภารโรง’

ภาณ เขาชื่อภาณ ภ.สำเภา สระอา ณ.เณร

‘ตลกว่ะ คนอะไรชื่อภารโรง’

ไม่ใช่ภารโรง ภาณต่างหาก

‘ไม่จั๊กกะดึ๋ยเหรอ’

จั๊กกะดึ๋ยอะไร

ผมไม่เข้าใจว่าจั๊กกะดึ๋ยในที่นี้หมายถึงอะไร แต่ตอนนี้รู้สึกจั๊กกะจี้บริเวณแก้ม เหมือนมีอะไรบางอย่างสัมผัสอยู่แผ่วเบา และมันค่อยๆ ฉุดผมจากห้วงหลับจนเปิดเปลือกตาขึ้น

สถานการณ์แบบนี้ ถ้าเป็นละครหลังข่าวผมคงต้องรวบผ้าห่มมากอด ลงมือทุบตีหน้าอกเขารัวๆ เพราะสภาพเราตอนนี้เป็นอะไรที่...ชวนให้ใจเต้น น่าตื่นตระหนก และสมควรร้องโวยวายสุดๆ

แต่ผมยังนิ่ง

ปอยผมเขานั่นเองที่สัมผัสแก้มผมเมื่อกี้

ผมหายใจเข้าลึก รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นรัวอยู่ในอก พอเริ่มตั้งสติได้ก็หันมองคนข้างๆ อีกที

เขาอยู่ในท่านอนคว่ำ ใบหน้าหันมาทางนี้ เสียงลมหายใจแผ่วเบาสม่ำเสมอ เปลือกตาปิดสนิท คิ้วไม่ขมวด ริมฝีปากก็ไม่เหยียดเย้ยตามปกติด้วย ตอนตื่นนี่หน้าดุเป็นเสือตลอด แต่พอหลับกลับกลายเป็นลูกแมวไปเลย

ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้น

ทำไมถึง...

อ๊ะ ตื่นแล้ว

“อือ...”

“...” ผมลุกขึ้นนั่งตัวตรง รวบผ้าห่มมากอดโดยอัตโนมัติ

“อย่าดิ้น...”

ผมกอดผ้าห่มแน่นกว่าเดิม

 เขาลุกขึ้นมาขยี้ตา

“นี่มึง...”

“นี่คุณ...”

เราพูดออกมาพร้อมกัน แล้วต่างก็ชะงักไป ผมพยายามนึกย้อนหลังแต่หัวปวดตุบๆ เพราะอาการเมาค้าง

“คุณทำอะไรผม”

“ทำอะไร”

“ทำไมผมมาอยู่เตียงคุณ แถมผมยัง...สวมแค่บ็อกเซอร์ตัวเดียว”

“ก็แหงสิ กูถอดเสื้อผ้ามึงกับมือเอง”

“ถะ...ถอด ทำไม”

เขาเบือนหน้าหนีและถอนหายใจยืดยาว “นี่มึงจำอะไรไม่ได้เลยใช่ป่ะ”

“เมื่อคืน ผม...”

“มึงเมาเป็นหมาไง”

ผมนวดขมับแรงๆ ภาพพี่ภาณยืนแนบชิดผมอยู่ในห้องน้ำผุดขึ้นมาอีก แต่นั่นเป็นไปไม่ได้ “ในห้องน้ำ คุณอยู่กับผม...”

“นั่นดิ ทำไมไม่อ้วกในห้องน้ำผับให้มันเสร็จๆ ไป ดันมาอ้วกที่นี่ โซฟาเละหมด”

“คุณก็เลยพาผมมานอนในห้อง”

“เออ กูช่วยยังจะโวยวายอีก” เขาเกาหัวพลางก้มสำรวจแผงหน้าอกเปลือยเปล่าของตัวเอง “ที่น่าสงสัยคือมึงทำอะไรกูต่างหาก เพราะมึงชอบผู้ชายนี่”

“...” น้ำเสียงทีเล่นทีจริง แต่ผมรู้สึกเหมือนถูกต่อยเข้าที่ท้อง ทำไมมันฟังดูอย่างกับผมเป็นตัวประหลาดยังไงยังงั้น

เขามันก็แค่พวกเต่าล้านปีเหยียดเพศดีๆ นี่เอง 

“ชอบผู้ชายแล้วมันทำไม”

เขายักไหล่ “ก็ผู้ชายอย่างกูนี่คงจะโคตรแซ่บในสายตาเกย์...ใช่มะ เพื่อนมึงยังบอกเป็นนายแบบได้สบาย”

“หลงตัวเองไปแล้ว” ผมพูดพึมพำและเบือนหน้าไปทางอื่น ยอมรับว่ารูปร่างหน้าตาอย่างเขาก็แซ่บในสายตาเกย์จริงๆ เขาออกกำลังกายสม่ำเสมอด้วย หลายครั้งแล้วที่ผมเห็นเขาเดินถอดเสื้อเหงื่อซ่กออกมาจากห้อง ไม่รู้ว่าออกกำลังอีท่าไหน ถึงได้เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องอย่างนั้น

“เมื่อกี้ว่าไงนะ”

“ช่างมันเถอะ”

“เอาดีๆ นี่แอบคิดไรกับกูรึเปล่า”

“...”

“ตอนกูหลับต้องมีแอบตอดนิดตอดหน่อยบ้างแหละ ใช่มั้ย ถ้าคิดอะไรกับกูก็บอกมาตรงๆ ได้...”

“ขอบคุณที่ช่วยนะ” ผมเหวี่ยงผ้าห่มให้พ้นตัว ก้าวพรวดลงจากเตียง “แต่น่าจะปล่อยให้ผมนอนจมอ้วกตัวเองอยู่ที่โซฟามากกว่า”

“อ่าว เดี๋ยวดิ จะไปไหน...แซวนิดแซวหน่อย แม่ง”

ปึง

ผมปิดประตูไล่เลี่ยกับจังหวะที่เขาสบถด่าพอดี จากนั้นก็เอาหลังดันประตูไว้ รู้สึกสั่นเทาไปทั้งตัว น้ำตาทำท่าจะเอ่อคลอขึ้นมา แต่ผมเงยหน้ากลั้นไว้จนมันไหลกลับคืน หรือไม่ความขุ่นเคืองก็แผดเผามันจนระเหยไปหมด

ไม่...

ผมจะไม่เสียน้ำตาให้กับคนหยาบคายและหลงตัวเองแบบเขาเด็ดขาด
 


หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 11-16] 18.05.18 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 18-05-2018 21:27:42
กระสุนนัดที่ 12
ร.รอย

                 

[เรือใบ]

ผมจะไม่เล่าถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ เว้นแต่จะมีใครเอาปืนจ่อหัวบังคับ และต่อให้มีปืนจ่อหัวอยู่ผมก็จะเล่าโดยข้ามตอนที่ถอดเสื้อผ้าสายธารไป ผมไม่เล่าตรงนั้นหรอก ตั้งแต่จำความได้ นี่คือครั้งแรกที่ผมถอดเสื้อผ้าให้คนเพศเดียวกัน 

โอเค เล่าหน่อยก็ได้ ถ้าไม่พูดถึงเลยมันจะยิ่งดูว่าเป็นเรื่องใหญ่โตเกินเหตุไปอีก อันที่จริงก็ไม่มีอะไรมากมาย หลังจากใช้ผ้าเช็ดอ้วกออกจากตัวเขา ผมก็หิ้วร่างกายที่อ่อนปวกเปียกอย่างกับตุ๊กตายางมาทิ้งลงบนเตียง ไม่สิ สถานการณ์นี้อย่าเปรียบเทียบกับตุ๊กตายางดีกว่า เอาเป็นว่า เหมือนหุ่นยนต์ที่ถ่านหมด

จากนั้นผมก็มองเขา ถอนหายใจ ถูมือไปมา แล้วจัดการปลดกระดุมถอดเสื้อออก ตามด้วยถอดกางเกง

จบแล้ว

แค่นั้นแหละ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ

ทีแรกผมจัดให้สายธารนอนริมขอบเตียง แบบว่าขอบสุดๆ เพื่อจะได้เหลือพื้นที่สำหรับตัวผมเองเยอะๆ เพราะผมเป็นพวกชอบนอนหลากหลายท่า แต่ถ้าเด็กนี่ตกเตียงหน้าคว่ำลงไปก็คงลำบากผมอีก ผมเลยดึงตัวเขาให้พ้นจากขอบเตียงมรณะ ลากเข้ามานอนเบียดกันตรงกลาง

โคตรจะอึดอัด

แบบนี้ใครจะหลับลง

ปรากฏว่าสายธารนอนอย่างผู้ดีสุดๆ ประสานมือไว้บนอกอย่างไรก็อยู่อย่างนั้น ไม่ดิ้น ไม่กรน เข้าตำราหลับเป็นตายเป๊ะ ผมเลยแอบเอาศอกดันตัวเขาออกไปอีกนิด แล้วพลิกตะแคงหันหลัง คิดว่าคืนนี้คงไม่มีทางข่มตาหลับได้ แต่ผมก็หลับไปตอนไหนไม่รู้ น่าจะเป็นช่วงใกล้เช้า

มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่คนข้างๆ ขยับตัว และรู้สึกเหมือนถูกแย่งผ้าห่มไป

ผมจะหงุดหงิดถ้านอนไม่เต็มอิ่ม

พอลุกขึ้นมา เห็นสีหน้าตื่นๆ กับท่ากอดผ้าห่มของสายธารผมกลับอยากจะยิ้มแทน แต่ผมกลั้นไว้ นึกอยากแกล้งเขาตะหงิดๆ เขาโวยวายทันทีว่าผมทำอะไรเขา ทำไมเขามาอยู่ที่เตียงผมในสภาพสวมบ็อกเซอร์ตัวเดียว ผมพยายามสุดชีวิตที่จะไม่ขำ ทำเสียงขรึมอธิบายเหตุการณ์

แต่ไม่รู้อีท่าไหน หมาก็หลุดจากปากผมออกมาเห่าเรื่องที่เขาชอบผู้ชาย

ผมควรจะหยุดตั้งแต่คำแรกแล้ว แต่ปากยังพล่ามต่อเนื่องหลายประโยคเหมือนขึ้นหลังเสือแล้วหาทางลงไม่ได้ แล้วก็ไม่รู้ทำไมในสถานการณ์นี้มันถึงฟังดูรุนแรงราวกับเหยียดสีผิว

สุดท้ายสายธารเลยเหวี่ยงผ้าห่มทิ้งและพรวดพราดออกจากห้องไป

เออ

ผมผิด

แล้วไงวะ

แม่ง! แม่ง! แม่ง!

ทำไมผมต้องแคร์ไอ้เด็กนี่ด้วย ผมช่วยชีวิตมันนะ ถ้าแซวแค่นี้ไม่ได้ก็เชิญโกรธไปเลย ผมจะไม่ง้อด้วย

ช่างมัน

นอนต่อดีกว่า ก่อนที่จะหงุดหงิดมากไปกว่านี้ แต่ข่มตานอนยังไงก็ไม่หลับ ผมเลยตัดสินใจลุกขึ้นมาทำตัวให้คึกคักและรีดเหงื่อทิ้งซะให้มันรู้แล้วรู้รอด






หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 11-16] 18.05.18 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 18-05-2018 21:31:28
กระสุนนัดที่ 13
ร.ระยะ


[สายธาร]

เราไม่คุยกันมาสองคืนกับอีกสามวันแล้ว มีบ้างที่เขาถามห้วนๆ ว่า “กินไร” ซึ่งผมก็ตอบสั้นๆ ว่า “อะไรก็ได้” หรือไม่ก็ “ไม่หิว” แต่นั่นไม่นับเป็นการพูดคุยหรอก เขาเลยใช้วิธีโทรสั่งอาหารตามใจตัวเอง ซึ่งได้แก่ไก่ทอดกับพิซซ่า

เราไม่ได้กินพร้อมกัน เขากินก่อน หลังจากนั้นอีกนานผมค่อยกินส่วนที่เขาแบ่งไว้ (หรืออาจจะเป็นของเหลือๆ ที่หน้าตามันยังดูดีเพราะเขาไม่อยากกินก็ได้)

เขาขลุกอยู่ในห้องตัวเองเป็นส่วนใหญ่ คงจะนอนสลับกับเล่นวีดีโอเกม ฟังจากเสียงที่เล็ดลอดออกมาคงเป็นเกมผจญภัยต่อสู้

ส่วนผม เรียกได้ว่าใช้ชีวิตอยู่บนบนโซฟาเลยก็ได้ เขาให้แม่บ้านจากไหนไม่รู้มาทำความสะอาดแล้ว ขัดด้วยน้ำยาซักแห้งหรืออะไรก็ตามจนร่องรอยอ้วกหายไปหมด ผมจะนอนอยู่บนนี้ ถ้าไม่อ่านหนังสือก็จ้องมองเพดานเงียบๆ ปล่อยให้เขี้ยวเล็บของอดีตขย้ำฉีกทึ้งตามใจ

อย่างตอนนี้ก็เหมือนกัน เล็บคมกริบจากคำสัญญาลวงๆ ของพี่ภาณกำลังกรีดข่วนตรงกลางอกผมอยู่

“พ่อผมรับไม่ได้แน่ๆ”

“เดี๋ยววันนึงเขาก็รับได้”

“พี่ไม่เข้าใจ พ่อหัวโบราณมากนะ”

“ไม่ต้องกลัว พี่อยู่นี่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพี่ก็อยู่นี่”


แต่สุดท้ายเขาก็ไป

ผมสูดหายใจยาวๆ สลัดตัวเองออกจากโลกสีเทา แล้วกดโทรออกหาแม่ ซึ่งแม่เป็นฝ่ายชวนคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้เป็นส่วนใหญ่ ส่วนผมก็ถามคำตอบคำเหมือนเดิม

เรือใบเปิดประตูห้องออกมาระหว่างนี้พอดี ออกมาพร้อมกับสีหน้าที่ทำให้ห้องแคบลงจนชวนอึดอัด เขาไม่สวมเสื้อ เหงื่อชโลมตัว เขาเหลือบมองมาทางผมก่อนจะเดินไปหยิบขวดน้ำจากตู้เย็น

ผมหันหน้าหนีมาคุยกับแม่ต่อ “พ่อเป็นไงบ้างครับ”

[พ่อเหรอ สบายดี บ้างานเหมือนเดิม]

“ดีแล้ว”

[ถามถึงพ่อนี่มีอะไรรึเปล่า]

“ไม่มีอะไร ผมว่าจะกลับบ้านสักพัก”

[จริงเหรอ] เสียงแม่ตื่นเต้น เพราะรู้ดีว่าผมกับพ่อไม่ค่อยลงรอยกันตั้งแต่ที่พ่อรู้ว่าผมชอบผู้ชาย ครั้งล่าสุดที่ผมกลับบ้านก็นานแล้วด้วย [จะกลับวันไหน]

“บอกแล้วไง อยู่ห่างคนในครอบครัวไว้ดีกว่า” เรือใบพูดแทรก

[ธาร ฮัลโหล]

“ยังไม่แน่ใจน่ะแม่ว่าจะกลับวันไหน ไว้บอกอีกทีนะ”

[กลับมาบ้างก็ดี แม่คิดถึงจะแย่]

“ครับ งั้นแค่นี้ก่อนนะ พอดีมีสายซ้อน”

ดีที่มีสายซ้อนเข้ามาจริงๆ ผมเลยตัดบทแม่ได้อย่างสบายใจ

“ว่าไงมิก” ผมรับสาย

[เฮ้ย อยู่ไหน อยู่ห้องรึเปล่า]

มิกกี้ยังไม่รู้ว่าผมมากินนอนอยู่ที่นี่หลายวันแล้ว “ตอนนี้อยู่...” ผมมองรอบตัว และก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นเรือใบเข้ามายืนกดดันใกล้ๆ

มาตั้งแต่ตอนไหนวะ

[อยู่ไหนวะ ทำไมเงียบ]

“อยู่ข้างนอก”

[แล้วช่วงค่ำๆ ล่ะ]

“ทำไม มึงจะยืมห้องเหรอ”

[เออ]

“ได้ ตามสบายเลย”

[กลับดึกมะ]

“อือ”

[อยู่กับพี่เรือคู่ขาใช่ป่ะ]

“...”

[แสดงว่าใช่ ทำไรวะ ปฏิบัติภารกิจลับเหรอ]

“ภารกิจไรของมึง”

[ภารกิจลับ-ล้วง-ครางไง ในที่ลับหูลับตาอ่ะ]

“มึงนี่มัน...”

[งั้นมึงอยู่กับพี่เขาทั้งคืนไปเลยดิ กูก็จะได้ลับล้วงครางกับเด็กกูทั้งคืนด้วย มึงมีความสุข กูมีความสุข วินวินทั้งคู่ โอเคนะ]

“แต่...”

[ตามนั้นเลย ขอบใจเพื่อน]

“เฮ้ย เดี๋ยว ไอ้มิก...มิกกี้”

สายตัดไปแล้ว

ผมลดมือถือลงและถอนหายใจเบาๆ สายตาเจ้าของห้องมองผมราวกับเครื่องสแกน

“เหม็นเหงื่อ” ผมพูดห้วนๆ

“กินไร” เขาถามไปอีกเรื่อง

ในเมื่อเขายังยืนที่เดิมผมก็เลยขยับไปนั่งที่ปลายโซฟาแทน “ไม่หิว”

“กูหิว” เขาว่า แล้วไปหยิบโทรศัพท์กดโทรออก “สวัสดีครับ สั่งอาหารหน่อย ...กินไร บอกมา” เขาหันมาพูดกับผม

“บอกว่าไม่หิว”

“...งั้นเอาคั่วกลิ้งครับ แกงส้มกุ้ง แล้วก็...”

แล้วก็อาหารอีกหลายอย่างจนผมจำไม่ไหว แต่ผมสะดุดหูตั้งแต่คำว่าคั่วกลิ้งแล้ว

“ไม่สั่งพิซซ่า?” ผมเลิกคิ้วถามหลังจากเขาวางสาย

“อยากกินเผ็ด”

นี่เขาจะมาไม้ไหน กินเผ็ดไม่เก่งยังจะแอ๊บอีก

“ตามใจ” ผมยักไหล่ “พรุ่งนี้ผมจะกลับห้องนะ บอกไว้ก่อน”

“กลับทำไม”

“ก็อยากกลับ เบื่อ อยู่นี่ก็ไม่มีอะไรทำ”

“ไม่ให้กลับ เบื่อก็ทน”

“นี่ เดี๋ยวสิ”

ปึง

เขากลับเข้าห้องไปแล้ว

แล้วไง ถ้าผมจะไปซะอย่าง เขามีสิทธิ์อะไรมาห้ามล่ะ



หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 11-16] 18.05.18 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 18-05-2018 21:37:18
กระสุนนัดที่ 14
ร.รวด


[เรือใบ]

มันเหมือนก้อนบอลหิมะที่กลิ้งลงจากภูเขา เริ่มจากลูกเล็กๆ ก่อนจะขยายขึ้น ใหญ่ขึ้น กลิ้งเร็วขึ้น จนกระทั่งกลายเป็นลูกบอลยักษ์ที่สามารถถล่มทุกอย่างที่ขวางหน้า ผมไม่เคยเห็นเหตุการณ์นั้นจริงๆ แต่การ์ตูนเช้าวันเสาร์สมัยผมเป็นเด็กก็แสดงให้เห็นว่ามันเป็นอย่างนั้น

ปัญหาหลายๆ อย่างก็เริ่มจากจุดเล็กๆ แบบนี้ ไม้ขีดก้านเดียวเผาได้ทั้งป่า ปืนนัดเดียวอาจก่อสงครามได้เป็นร้อยปี เช่นเดียวกับคำพูดที่พลั้งปากไปคำเดียว แต่ทำให้เกิดความบาดหมางใหญ่โตได้

สามวันแล้วเราแทบไม่ได้คุยอะไรกันเลย ไม่ได้นั่งกินข้าวด้วยกัน ผมสั่งแต่อาหารขยะให้มาส่งที่ห้อง กะว่าเผื่อเขาจะได้บ่นอยากกินโน่นกินนี่บ้าง แต่เจ้าตัวก็เงียบ เขาอยู่ในโลกส่วนตัวที่ความหยาบคายของผมเข้าไม่ถึง หรือแม้แต่ความขี้เล่นระดับเทพที่นานๆ จะฉายแสงสักทีก็คงทำอะไรไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สมองผมไม่ผลิตมุกตลกแบบนี้ ตรงกันข้าม ข้างในตัวผมอัดแน่นไปด้วยความขุ่นมัว สับสน และอัดอั้น

ผมขุดเกมเก่าๆ มาเล่น แต่เหมือนไม่ช่วยอะไร

จะนอนยาวก็นอนไม่หลับ

ผมเลยลุกมาออกกำลังให้ถี่ขึ้นอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้ จะไปที่ยิมก็พอได้ แต่ผมชอบทำคนเดียวเงียบๆ ในห้องมากกว่า ขั้นแรกผมจะทบทวนเทคนิคการต่อสู้ประชิดตัวแบบต่างๆ ทั้งรุกและรับ วันไหนที่คึกจริงๆ ก็จะฝึกใช้ปืนล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็นท่าชัก เสียบกลับ สลับมือ ดึงสไลด์ขึ้นลำ รวมไปถึงแก้ขัดลำกล้อง ขั้นตอนเหล่านี้ผมจะพยายามทำให้รวดเร็ว เด็ดขาด และเงียบที่สุดโดยไม่มีการวอร์อัพร่างกายก่อน เพราะในสถานการณ์จริงคุณคงไม่มีโอกาสได้พูดว่า เดี๋ยวนะ ขอลองชักปืนสักสองสามทีก่อนมั้ย แล้วค่อยยิงกันจริง

หลังจากทบทวนท่าต่อสู้จนพอใจ ต่อไปก็จะเป็นการเสริมสร้างร่างกาย เช่น วิดพื้น เล่นกล้ามท้อง

และสุดท้าย ผมจะชกลมแบบยาวๆ ผมทำตามสเต็ปนี้จนเกือบจะเป็นพิธีกรรมประจำตัวไปแล้ว

เอาไงดีวะ ผมคิดขณะที่ยังเล่นกล้ามท้องอยู่ หยาบให้สุดแล้วไปหยุดที่ความชิบหายเลยดีมั้ย นี่คือวิธีที่ผมใช้แก้ปัญหามาตลอด ผมโคตรเกลียดอะไรที่คาราคาซัง พังๆ ให้มันจบไปแล้วเริ่มต้นใหม่ยังดีกว่า

ผมตัดสินใจยกเลิกพิธีกรรมกลางคัน แล้วเปิดประตูพรวดออกจากห้อง

ไม่ได้วางแผนว่าจะพูดอะไร แค่อยากทำให้ความอัดอั้นหายไปสักที

ปรากฏว่าสายธารกำลังคุยโทรศัพท์อยู่พอดี น่าจะคุยกับแม่ เหมือนว่าเขาจะอยากกลับไปเยี่ยมบ้าน อะไรบางอย่างขยับวูบในอกผม เป็นความรู้สึกอัดแน่นแบบที่อธิบายไม่ถูก

ผมเกือบจะเผลอปล่อยหมาออกจากปากอีกแล้ว แต่โชคดีมีสายซ้อนเข้ามาก่อน

คราวนี้เป็นมิกกี้ เพื่อนตัวดีมาขอยืมห้องสนองกาม

ผมจ้องเขาอยู่นาน มองเข้าไปในดวงตาที่ปิดความหม่นมองไว้ไม่มิด ความโมโหที่กรุ่นๆ อยู่ลดฮวบฮาบลง นี่คือเด็กวัยรุ่นที่กำลังหลงทาง ไม่โฟกัสเรื่องการงานทั้งที่เป็นวัยไฟแรง อยู่ตัวคนเดียวในหอพักโทรมๆ มีเพื่อนก็ดูไม่เอาไหน แถมยังเหมือนจะมีปัญหาสักอย่างกับคนในครอบครัว ยังไม่พอดันมาเดินสะดุดตอของผู้มีอิทธิพลเข้าอีก

ที่สำคัญกว่านั้น ราวกับว่ามีเรื่องเศร้าคอยกัดกินใจอยู่ตลอดเวลา

หลังจากสายตัดไปผมยังคงจ้องเขาไม่วางตา 

ที่กูพูดจาปากหมาไปน่ะ ขอโทษละกัน

เออ ขอโทษ กูปากไม่ดีเอง...


แต่ปากผมพูดไปแค่ว่า “กินไร” เขาไม่สนใจอาหารการกินตามเคย ผมเลยกดโทรสั่งอาหารใต้สารพัดเมนูให้มาส่ง “คนขายป้าอ้วนๆ ใช่มั้ย ร้านนั้นคั่วกลิ้งอร่อย” เขาเคยพูดอย่างนั้น

หลังจากนั้นเขาบอกว่าจะกลับหอพัก อยู่กับผมมันน่าเบื่อ อึดอัด ไม่มีอะไรให้ทำ

ใช่ จริงทุกอย่างตามนั้น

“ไม่ให้กลับ เบื่อก็ทน” ผมบอกห้วนๆ แล้วกลับเข้าไปสงบสติอารมณ์ในห้อง

หลังจากออกมาจ่ายเงินค่าอาหารให้พนักงานที่เอามาส่ง ผมก็กลับเข้าห้องไปอีก หมกตัวอยู่ในนั้น ในโลกของตัวเอง ไม่หิว ไม่อยากทำอะไร เผลองีบไปพักนึง พอตื่นอีกทีก็มืดแล้ว

ตอนผมออกจากห้องสายธารยังจมอยู่ในโลกของเขาที่โซฟา กับข้าวที่สั่งมายังไม่ถูกแตะต้อง จู่ๆ ผมก็รู้สึกแปลกที่แปลกทางขึ้นมา ราวกับผมเป็นคนอื่น แล้วมองผ่านม่านมัวๆ เข้ามาดูชีวิตตัวเอง

มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตผมวะ

เด็กคนนี้มานอนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง

ทำไมเราสองคนถึงเหมือนถูกขังคุกแบบนี้

ความรู้สึกนี้ผลักดันให้ผมอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเปิดปากพูดกับเขา “นอนไปเลยนะ กูกลับดึก ไม่ต้องรอ...แล้วก็นี่คีย์การ์ด เผื่ออยากออกไปสูดอากาศ ที่ชั้นสิบหกเป็นคลับเฮาส์ไปนั่งเล่นได้ แต่อย่าลงไปข้างล่างล่ะมันอันตราย...มึงเก็บการ์ดติดตัวไว้เลยละกัน กูมีอีกอันอยู่แล้ว”

ผมวางคีย์การ์ดลงบนโต๊ะ

รอให้เขาพูดอะไรสักอย่าง

แต่สายธารแค่ผงกหัวขึ้นมามอง ก่อนจะกลับไปนอนเหม่อตามเดิม 

“อย่าลืมกินข้าว” ผมบอกส่งท้าย แล้วออกจากห้องไป

เราไม่ถูกขังแล้ว

ถ้าเขาต้องการจะไปจริงๆ ใครจะรั้งได้ ทันทีที่เขาตัดสินใจก้าวออกจากประตูชีวิตเราสองคนก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ผมจะเป็นเรือใบที่ลอยเคว้งคว้างบ้าง ถูกพายุซัดไปติดหินโสโครกบ้าง ส่วนเขาก็จะเป็นสายธารที่ไหลเอื่อยไปบรรจบกับแม่น้ำสักสาย...ในสักวัน 

ผมขับรถเรื่อยเปื่อยไปจอดที่ผับโอเมก้า หลังจากดับเครื่องผมก็นั่งเงียบๆ อยู่สักพักก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดโทรออก

[ว่าไงเรือ] เฮียยอช์ตพูด [เรียบร้อยดีรึเปล่า]

“มั้ง”

[มั้งนี่หมายความว่าไง พยานโอเครึเปล่า]

“ไม่ตายง่ายๆ หรอก แต่ผมว่าจะพอแล้ว”

[เกิดอะไรขึ้น]

“ไม่มีไร แค่เบื่อ เฮียก็หาคนอื่นมาดูแลต่อละกัน”

[อ้าว ทำไมล่ะ ไหนอธิ...]

“บายเฮีย”

ผมกดวางสายแล้วเข้าไปในผับ วันนี้เป็นช่วงกลางสัปดาห์แถมยังหัวค่ำอยู่ บรรยากาศเลยดูไม่ค่อยคึกคักเท่าไหร่ มีลูกค้าไม่กี่โต๊ะขณะที่ดีเจเปิดเพลงช้าๆ เป็นการอุ่นเครื่อง โอมยังทำหน้าที่บาร์เทนเดอร์ควบตำแหน่งหัวหน้าการ์ดอยู่เหมือนเดิม

“ป๋าเรือสำราญ มาไงเนี่ย” โอมทักจากหลังเคาน์เตอร์

“เหาะมามั้ง” ผมกวน

“อ้อเหรอ นึกว่าลมตดของใครหอบมา ทำหน้าเป็นตูดเชียว” มันกวนกลับอย่างเหนือชั้นกว่า “หรือท้องผูก”

“หน้ากูก็งี้แหละ รินเหล้ามา”

“ได้ครับป๋า” โอมรินออนเดอะร็อกมาให้โดยไม่ต้องให้บอก ผมหยิบมากระดกรวดเดียว “อาการแบบนี้ ถ้าไม่อกหักมาก็ต้องจะไปฆ่าคน” โอมเก๊กเสียงเข้ม

“อะไรของมึง”

“กูจำมาจากหนังสักเรื่องนี่แหละ” โอมรินเหล้าให้ผมอีกแก้ว แล้วก็รินให้ตัวเองด้วย “เด็กในความดูแลมึงไปไหนล่ะ”

“ไม่มา”

“เด็กไม่มา หรือมึงไม่พามา”

“กูไม่พามา...อะไร ยิ้มอะไรของมึง”

“แหม่ น้ำสงน้ำเสียงนี่เหมือนงอนกัน”

“งอนเชี่ยไร ไม่ต้องเลย ไม่ใช่อย่างที่มึงคิดเว้ย”

“รู้ด้วยว่ากูคิดอะไร”

“อย่ากวนตีน”

“เออๆ” โอมจิบเหล้า เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นจริงจังขึ้น “ไม่มาด้วย แสดงว่าอยู่ในที่ปลอดภัย”

ผมนึกเห็นภาพสายธารเดินออกจากคอนโดพร้อมกระเป๋าใบเล็ก เตร็ดเตร่อยู่ตามถนนมืดๆ คนเดียว คงไม่แย่ขนาดนั้นหรอกมั้ง “ทางมึงล่ะ ได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับตอบ้าง”

“วันนั้นหลังจากมึงกลับไปไม่นาน ไอ้หนุ่มคนที่ไม่ยอมให้ค้นตัวก็หิ้วหญิงออกไป กูให้เด็กตามไปดูระยะนึง”

ผมหูผึ่งทันที “เป็นไงมั่ง”

“ก็ไม่เห็นมีพิรุธอะไร แต่มึงก็ต้องเข้าใจ มันไม่ใช่หน้าที่พวกกูนี่หว่า ถ้าจะให้ตามดูถึงที่สุดก็ต้องมีค่าใช้จ่ายกันบ้าง”

“อืม” เรื่องนี้ผมพลาดเอง มัวแต่วุ่นวายกับสายธารที่เมาเป็นหมาจนไม่ได้โทรหาโอมให้ตามดูหมอนั่น แต่จะว่าไป เท่าที่เห็นในห้องน้ำมันก็ดูเหมือนจะเป็นแค่วัยรุ่นหัดพี้ยาเท่านั้นเอง “ไม่เป็นไร แต่วันหลังถ้ามึงเจอมันอีกก็โทรหากูละกัน”

“ได้” โอมรินเหล้าให้ทั้งตัวเองและผมอีก น้ำเสียงร่าเริงขึ้น “ถ้างั้นที่หน้าเป็นตูดนี่ก็ไม่ใช่เรื่องความเป็นความตาย แต่เป็นเรื่องสาวๆ”

ผมไม่พูดอะไร

“แต่กูไม่เห็นมึงควงสาวที่ไหนนานแล้วนี่หว่า หรือว่า...”

“กูไม่ได้ควงมาผับ” ผมพูดสวน ซึ่งก็ไม่จริงหรอก โอมพูดถูกแล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่องนั้นผมก็แทบไม่สนใจผู้หญิงที่ไหนอีก

“อ้อเหรอ แน่ใจนะ”

“กูจะโกหกทำไมวะ”

“เปล๊า ก็แค่ถาม”

“ถ้าคุยเรื่องนี้ คุยเรื่องมึงดีกว่า เมื่อก่อนมึงชอบผู้หญิง แล้วทำไมอยู่ดีๆ มาเป็นกะ...” ผมหยุดคำนั้นไว้ได้ทัน

“เกย์” แต่โอมกลับพูดมันออกมาสบายๆ

“เออ เอาจริงๆ คำนี้มันรุนแรงมั้ยวะ”

“ยังไง”

“ก็แบบ ถ้ากูบอกว่ามึงเป็น ‘เกย์’ งี้มันแรงมั้ย เหมือนการเหยียดรึเปล่า”

“เอางี้ มึงไม่ชอบกินอะไร ลองยกมาสักอย่าง”

“ของกินเผ็ดๆ”

“เออ มึงไม่ชอบกินของเผ็ด แต่ก็มีคนเยอะแยะที่ชอบ มึงคิดว่าคนพวกนั้นเป็นคนยังไงล่ะ”

“ก็...” คนกินของเผ็ดเป็นคนยังไงวะ “ก็คนปกติ คนที่ชอบกินเผ็ด”

“ถ้าของหวานเป็นผู้หญิง ของเผ็ดเป็นผู้ชาย”

“...”

“มึงชอบกินผู้หญิงหวานๆ กูชอบกินผู้ชายเผ็ดๆ แล้วไงล่ะ มึงกับกูก็คนปกติมั้ย”

“อือ” ผมยกนิ้วถูขมับแรงๆ พยายามกระตุ้นสมองให้เชื่อมโยงคำว่า ‘เกย์’ กับ ‘ของเผ็ดๆ’ เข้าด้วยกัน

“แต่ถ้ามึงไปพูดคำนี้มั่วซั่ว คนก็อาจจะแปลว่าเหยียดเพศได้ เหมือนกับพูดว่า ‘เฮ้ย นี่มึงกินส้มตำปลาร้าเหรอวะ’ หรือพูดว่า ‘แม่ง โตขนาดนี้ยังกินตำไทยไม่ใส่พริกเหรอวะ’ ก็พอๆ กัน”

“อืม...ช่างเถอะ ที่กูอยากรู้คือ เมื่อก่อนมึงก็ชอบผู้หญิง แล้วทำไมเปลี่ยนแนว”

“คนเรามันเปลี่ยนกันได้ มึงก็ด้วย ต่อไปอาจจะชอบกินอะไรเผ็ดๆ ก็ได้นะ”

“ไม่อ่ะ”

“มึงไม่รู้หรอก จนกว่าจะได้ลอง”

“กูลองกินของเผ็ดทีไรก็ไม่เห็นจะชอบ เหงื่อออก แสบปากตลอด”

“เปรียบเทียบเว้ย นี่มึงแกล้งโง่หรือเล่นมุก”

“เออๆ ช่างมัน” คงเป็นทั้งสองอย่างนั่นแหละ คงเพราะกระดกเหล้าถี่เกินไปเลยเริ่มมึนๆ แล้ว “สรุปมึงเปลี่ยนแนวตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมถึงเปลี่ยน แล้วเปลี่ยนได้ยังไง”

“ถามรัวขนาดนี้ มึงจะทำวิทยานิพนธ์เหรอ”

“กวนตีน ตอบมา”

“เรื่องมันยาว”

“กูไม่รีบ”

“อืม...” โอมจิบเหล้า แล้วนิ่งเงียบราวกับจมลงไปในเรื่องราวส่วนตัวช้าๆ

เงียบไปนาน

นานมาก

จนผมอดทนต่อไม่ไหว “โอม...เฮ้ย”

“โทษที กูเผลอคิดเรื่องลูกหนี้เพลินไปหน่อย”

“มันใช่เวลาตลกมั้ย”

“คิดเรื่องลูกหนี้จริงๆ คงไม่ได้เงินคืนว่ะ”

“กูรอฟังเรื่องมึงอยู่”

“เออๆ” โอมกระแอมแรงๆ แล้วจิบเหล้าตาม “กูรู้จักน้องตั้งแต่สมัยมัธยม เรียนที่เดียวกันน่ะ ไม่สนิทหรอก ไม่กินเส้นกับพี่ชายมันด้วย พอจบมัธยมก็ไม่คิดว่าจะได้เจอมันอีกเลย แต่จู่ๆ มันก็เดินเข้ามาเมาในผับนี่แหละ ปัญหาชีวิตวัยรุ่น”

ผมพยักหน้าตาม พอมันเว้นจังหวะเหมือนจะเผลอคิดถึงลูกหนี้อีกผมก็ถามต่อ “ไงอีก”

“มันเมาหนัก กูเลยหิ้วมันกลับห้อง จากนั้นก็...”

ผมวนนิ้วเป็นเชิงให้เล่าต่อ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าอยากฟังต่อมั้ย

“นัวเนียกันเบาๆ...”

“พอๆ ไม่ต้องเล่าละ”

“ฮ่าๆ แค่นัวเนียเว้ย พอสร่างเมาแล้วกูก็เป็นที่ปรึกษาปัญหาชีวิตให้น้องไป เลยได้คุยกันมากขึ้น พอมันแก้ปัญหาชีวิตได้ ก็ได้เจอกันอีกสองสามครั้งนี่แหละมั้ง”

“แล้วไง”

“ก็ฟันดาบกันเลยดิ รอไร ที่ห้องกู”

ฟันดาบ!???

 “ปล่อยซิงเกิลใหม่ด้วยกันทั้งคู่ หมายถึงแบบชายกับชายน่ะ” โอมพูดต่อ “เลยยังไม่ค่อยเป็นงานเท่าไหร่ มีดำน้ำดูปะการังกันนิดๆ หน่อยๆ แบบว่า...”

ดำน้ำดูปะการังอะไร มึงพากันไปเที่ยวสเม็ดกันเหรอ

“หยุด! พอแล้ว ไม่ต้องขยายความ”

“ฮ่าๆๆ” โอมหัวเราะอีก ดูมีความสุขที่ได้แกล้งผม

ผมปัดภาพพวกนั้นออกจากหัว และกลับมาตั้งสติให้มั่น “สรุปมึงแอบชอบน้องตั้งแต่มัธยม”

“มั้ง พอมาเจอกันอีกมันเลยสปาร์ค”

“อืม แล้ว...”

“ว่าไง...”

“ตอนจะต๊ะแหน่วกันอ่ะ” ผมยืมคำของโตโตโร่มาใช้ “มึงแบบว่า...”

“ต๊ะแหน่วอะไร พูดให้ชัดๆ ดิวะ หมายถึงขั้นตอนไหน รายละเอียดมันเยอะ”

“ที่มึงดำน้ำดูปะการัง...ไม่สิ ฟันดาบแบบที่มึงว่า...หรือไม่ใช่อีก แม่ง เอาเป็นว่ามีเพศสัมพันธ์อ่ะ มึงก้าวข้ามเส้นนั้นได้ไง”

“ฮ่าๆๆ เส้นไรวะ”

“ก็เส้นนั้นอะ ความจั๊กกะดึ๋ย แบบ...”

โอมนิ่งรอให้ผมขยายความ แต่ผมก็เดินทางมาจนถึงซอยตันในโลกแห่งถ้อยคำแล้ว ไม่มีคำไหนผุดขึ้นมาให้หยิบใช้ ผมยกเหล้าขึ้นซดอึกใหญ่หวังกระตุ้นให้สมองทำงาน แต่กลับรู้สึกหัวหมุนติ้วยิ่งกว่าเดิม

“ถ้ามึงชอบใครสักคนจริงๆ มันไม่มีเส้นบ้าบออะไรนั่นหรอก” โอมพูดในจังหวะที่ผมวางแก้วลง น้ำเสียงเข้มและสีหน้าจริงจัง “แต่ถ้าสำหรับมึงมันมีเส้นนั้นอยู่ อยากจะข้ามใช่มะ ให้กูแนะนำก็ใช้ไอ้นี่แหละ กินเข้าไปเยอะๆ เดี๋ยวก็ดีเอง”

โอมเติมเหล้าให้ผมอย่างหนักมือ

ผมเหล่มองแก้วเหล้าก่อนจะพูดเสียงหนักแน่น “เส้นบ้าเส้นบออะไร กูแค่เบื่อเลยออกมาหาเหล้าแดก” ว่าแล้วก็โชว์พาวแบบแมนๆ กระดกรวดเดียวหมดแก้วไปเลย




หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 11-16] 18.05.18 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 18-05-2018 21:43:47
กระสุนนัดที่ 15
ร.รั้ง

[สายธาร]

เขาไปแล้ว

จู่ๆ ก็อาบน้ำแต่งตัวออกไปโดยไม่บอกว่าไปไหน บอกแค่ว่าจะกลับดึก ให้นอนไปเลย ไม่ต้องรอ ใครจะรอล่ะ พูดอย่างกับปกติผมเป็นห่วงเป็นใยเขางั้นแหละ

แต่น้ำเสียงเขาฟังดูหม่นๆ ชอบกล กับข้าวที่สั่งมาเยอะแยะก็ไม่อยู่กิน

ญาติป่วยกะทันหันมั้ง

ช่างเถอะ สิ่งที่ผมคิดจริงๆ จังๆ อยู่ตอนนี้คือ เห็นภาพตัวเองแกล้งนอนนิ่งอยู่สักพักจนแน่ใจว่าเขาจะไม่ย้อนกลับมา จากนั้นก็ลุกมาเก็บข้าวของลวกๆ คว้าเอาคีย์การ์ดที่เขาทิ้งไว้ให้ แล้วก้าวพรวดออกจากห้อง

ซึ่งผมก็ทำตามนั้นเกือบจะเป๊ะๆ

ควรทิ้งโน้ตสั้นๆ ไว้รึเปล่านะ

ไปละ หวังว่าจะไม่เจอกันอีก หรือ

ขอบคุณละกันที่ช่วยชีวิต หรือ

กินเผ็ดไม่เป็นจะฝืนทำไม สั่งพิซซ่าสิ

คิดอีกที ไม่เขียนอะไรดีกว่า คนหลงตัวเองอย่างเขาสามารถคิดอะไรเข้าข้างตัวเองก็ได้ทั้งนั้น ผมเลยทำแค่หมุนตัวกลับและยืนนิ่งๆ มองถุงกับข้าวเย็นชืดที่ยังไม่ได้แกะ มองโต๊ะ โคมไฟ ผ้าม่าน และโซฟานุ่มๆ ที่รองรับร่างกายผมมาตั้งหลายคืน

มองทุกอย่างเป็นครั้งสุดท้าย

จากนั้นก็หยิบคีย์การ์ดแล้วเปิดประตูออกไป

มันง่ายเหลือเกิน ทำไมก่อนหน้านี้ผมไม่ก้าวออกจากประตูนี้ไปนะ แค่รอจังหวะที่เขาเข้าห้องน้ำหรือนอนหลับก็หลบออกไปได้แล้ว

ลิฟต์พาผมลงมาถึงชั้นล่างโดยไม่มีติดขัด พนักงานสาวที่เคาน์เตอร์ล็อบบี้ส่งยิ้มมาและกดปุ่มปลดล็อกประตูกระจกด้านหน้าให้ ตอนนี้เวลาสามทุ่มกว่าๆ มิกกี้คงกำลังปฏิบัติภารกิจลับล้วงครางอยู่ที่ห้องผม ถ้าโทรไปมันคงด่าแน่ ไม่เป็นไร หาโรงแรมนอนสักคืนก็ได้ ออกไปจากตรงนี้ก่อนละกัน

จังหวะนั้นเอง สายตาผมก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งอยู่ที่มุมสูบบุหรี่ด้านนอก เป็นผู้ชายวัยกลางคน หน้าตาธรรมดาๆ แต่งตัวเรียบๆ ด้วยเสื้อสีเทาเข้มและกางเกงสีดำ เป็นคนประเภทที่ดูกลมกลืนไปกับผู้คนและฉากหลังทุกแบบ ต่อให้เดินสวนกันคุณก็จะไม่สังเกตเห็นคนประเภทนี้ด้วยซ้ำ

แต่...

ดวงตาเขาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยทันทีที่เห็นผมก่อนจะรีบเบือนหน้าไปทางอื่น แล้วก็ทำเป็นสูบบุหรี่กลบเกลื่อน ควักโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเลื่อนหน้าจอเล่น

ผมรอ

ผ่านไปประมาณสิบกว่าวินาที เขาก็ยกมือถือขึ้นแนบหู ดูดบุหรี่หนึ่งเฮือกใหญ่แล้วขยับตัวหมุนมองมาทางนี้

ซวยแล้วสิ เสียงเรือใบดังขึ้น ราวกับเขาแอบเอาตัวตนบางส่วนมายัดไว้ในหัวผม ร่างกายผมหันกลับโดยอัตโนมัติ รู้สึกได้เลยว่าหัวใจเต้นแรงขึ้น พนักงานสาวสังเกตเห็นดังนั้นเลยส่งยิ้มและกดปลดล็อกประตูอีกครั้ง

ผมเดินกลับเข้าข้างในอย่างไม่แน่ใจ “ลืมของน่ะครับ” ผมพูดพึมพำเหมือนกับอธิบายกับตัวเองมากกว่าพูดกับเธอ แล้วเดินต่อไปที่ลิฟต์

แบบนั้นแหละ พูดในสิ่งที่คนฟังอยากฟัง เป็นความคิดผมเอง แต่ยังฟังดูเหมือนเสียงเรือใบอยู่ดี ไม่น่าเชื่อ แค่อยู่ด้วยกันช่วงสั้นๆ น้ำเสียงของเขาจะซึมเข้ามาฝังอยู่ในสมองผมขนาดนี้

ลิฟต์เลื่อนขึ้นช้าๆ จนถึงชั้นยี่สิบ พอประตูลิฟต์เปิดก็ก้าวยาวๆ ไปใช้คีย์การ์ดเปิดประตูห้องเข้าไป แล้วล็อกกลอนตามหลังทันที

ผมอาจคิดมากไป ผู้ชายคนนั้นอาจเป็นแค่คนธรรมดาก็ได้ เป็นคนที่อาศัยอยู่คอนโดนี้ หรืออาจจะเป็นพนักงานร้านอาหาร คนทำงานฟรีแลนซ์ นักเที่ยว หรือ...เป็นใครก็ได้ที่นึกอยากสูบบุหรี่

ว่าแต่...

ความเงียบภายในห้องโอบล้อมเข้ามาคล้ายกับจะเงี่ยฟังความคิดผมด้วย

ที่หลังผับวันนั้น ทั้งที่เห็นปืนเล็งมาตรงหน้าผมก็ไม่รู้สึกกลัวตายเลย แต่ตอนนี้ผมกลับวิ่งหนีคนสูบบุหรี่

ทำไมล่ะ



ก๊อก ก๊อก ก๊อก 

เสียงเคาะประตูฉุดผมจากหลุมดำที่กำลังจะผลิตฝันร้าย ไฟยังเปิดสว่างทั้งห้องทำเอาตาพร่าไปชั่วครู่ ดูเวลาที่หน้าจอมือถือก็เที่ยงคืนกว่าแล้ว

หลังจากเข้าห้องมาผมก็อุ่นกับข้าวที่เรือใบสั่งมาไว้กิน กลับมานอนเล่นที่โซฟาแล้วผล็อยหลับไป จนกระทั่งตอนนี้

ก๊อก ก๊อก

เรือใบกลับมาแล้ว

ผมเดินไปที่ประตูจะปลดล็อกกลอน แต่แล้วก็ชะงัก เขาบอกว่ามีคีย์การ์ดอีกอันนี่ ทำไมไม่เปิดเข้ามาเองล่ะ เปิดสุ่มสี่สุ่มห้า เดี๋ยวก็โดนยิงไส้แตก เขาเคยบอกอย่างนั้น

ผมขยับเข้าไปแนบหน้ากับช่องตาแมว ระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียง

เป็นเรือใบจริงๆ ถูกใครคนหนึ่งหิ้วปีกอยู่ในสภาพคอตกร่อแร่ แต่ใช่เขาแน่ๆ ผมจำทรงผมกับไหล่กว้างๆ ของเขาได้ คนแปลกหน้าที่ว่าบ่นงึมงำกับตัวเอง พลางล้วงกระเป๋าเรือใบเพื่อหาคีย์การ์ด

เพราะเห็นว่าเป็นคอนโดหรูหรือไงประตูถึงมีแค่กลอนลูกบิดกับโซ่เส้นเล็กๆ ผมรีบจับโซ่เข้าล็อกของมัน แล้วรีบผละออกมาฉวยของมีคมจากชั้นวางจานชามมาถือไว้

แกร๊ก

“อ้าว มีคนอยู่นี่”

ผมพุ่งตัวกลับไปที่หน้าประตู ใช้ไหล่ดันประตูปิดกลับ “นั่นใคร”

“เปิดประตูหน่อย”

“ถามว่าใคร”

“เพื่อนไอ้เรือ นั่นสายธารใช่มั้ย เปิดเร็วเข้า หนักชิบหาย”

“คุณทำอะไรเรือใบ”

“แม่งทำตัวเองล่ะไม่ว่า จะเปิดมั้ยเนี่ย”

ผมชั่งใจชั่วครู่ก่อนจะยอมปลดโซ่ออก แต่ก็รีบถอยหลังออกมาพร้อมกับยกอาวุธไว้ตรงหน้า เตรียมรับอะไรก็ตามที่จะพุ่งเข้าใส่หน้าหรือลำตัว

“แดกเป็นน้ำขนาดนี้ก็น็อกสิวะ...เอาส้อมมาทำไม” 

นั่นสิ ทำไมไม่หยิบมีดวะ

ผมลดส้อมลง “เพื่อนเรือใบจริงเหรอ”

“พี่ชื่อโอม จำได้มั้ย” เขาพูดพลางหิ้วเรือใบเข้ามา “บาร์เทนเดอร์ที่โอเมก้าน่ะ”

“อ้อ” ถึงว่าคุ้นๆ “เดี๋ยวๆ อย่าทิ้งไว้บนโซฟา...”

แต่เรือใบก็ถูกปล่อยให้ลงไปนอนเหยียดยาวบนที่ประจำของผมแล้ว

“ย้ายเขาไปไว้ในห้องนอนดีกว่าครับ”

“ไม่ไหวแล้ว” เขาดัดหลัง “แดกควายมารึไงวะ หนักชิบ”

“แต่...”

“พี่ไปละ ต้องไปดูความเรียบร้อยที่ร้านต่อ”

ผมตามเขาไปที่ประตู “ทำไมเขาถึงเมาขนาดนี้ครับ”

อีกฝ่ายหันมาขณะเปิดประตูค้างอยู่ “ไม่รู้เหรอ”

“...” ผมส่ายหน้า

“ไอ้นี่มันปากหมาแต่ใจมันไม่มีอะไรหรอก จัดให้มันสักดอกสองดอกเดี๋ยวก็หาย”

ปึง

เขาไปแล้ว ปล่อยให้ผมงงเป็นไก่ตาแตกอยู่คนเดียว ผมจัดการล็อกประตูแล้วเดินกลับมาเอาส้อมเก็บเข้าที่

เมาเหมือนหมา ผมอยากจะใช้คำนั้นบ้าง แต่เขาดูไม่ใกล้เคียงสภาพนั้นเอาซะเลย เหมือนในละครหลังข่าวนั่นแหละ ไม่ว่าจะเวลาเมาหรือตื่นนอนทั้งหน้าตาและทรงผมของดาราก็ยังดูเป๊ะทุกองศา

“นี่” ผมลองจิ้มไหล่เขา “คุณ ตื่น”

“...”

“นอนตรงนี้ไม่ได้นะ”

“...”

“คุณ ตื่นๆๆๆ ตื่นได้แล้วววว”

“...”

พูดกรอกหูขนาดนี้ยังเฉยได้อีก เฮ้อ งั้นช่วยไม่ได้ละนะ

ผมโน้มตัวลงไปสอดแขนรวบตัวเขาเพื่อจะหิ้วปีกแบบที่พี่โอมทำ “ไม่ไหว นี่กินควายมาจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย...ฮึบ”

“อือ...”

“ตื่นแล้วเหรอ งั้นก็ช่วยลุกขึ้นหน่อยเหอะ”

เขาดิ้นหนี เสียงสะลึมสะลือ “อย่า...ยุ่ง...”

“ไม่ยุ่งได้ไงล่ะ นี่มันที่นอนผม ลุก นี่คุณ”

“...”

เขาหลับไปอีกแล้ว

ผมรวบตัวเขาอีกครั้ง คราวนี้จับแขนเขาพาดคอไว้พร้อมกับออกแรงฉุด แต่เรือใบกลับทำเสียงไอเบาๆ ในลำคอ “เดี๋ยวๆ อย่าอ้วกนะ”

ผมขืนตัวออก แต่แขนที่พาดคอผมอยู่กลับรั้งไว้ “เอ้า ปล่อยสิ”

“...”

“อย่าเพิ่งอ้วกนะ”

“ข้าม...” เหมือนจะไม่อ้วกแล้ว แต่ละเมอบ้าบอมากกว่า

“ปล่อยได้แล้ว”

วงแขนของเขารั้งคอผมลงต่ำ พร้อมกับมืออีกข้างก็รวบเอวผมไว้

“ข้ามอะไร คุณเพ้อเจ้อใหญ่แล้ว ลุกไปนอนห้องคุ...”

ตัวผมชาวาบ มันเกิดขึ้นเร็วจนสมองผมตามไม่ทัน นี่เขารั้งคอผมลงไป...จูบงั้นเหรอ ตัวเราแนบชิดกัน แขนของเขายังรวบรอบคอและเอวผมไว้ แขนข้างหนึ่งของผมก็ยังสอดอยู่ใต้แผ่นหลังเขา รสเหล้าแผ่ซ่านเข้ามาในปากผม ปลายลิ้นร้อนผ่าวขยับดุนดันช้าๆ

ผมควรจะขืนตัวออก แต่ไม่รู้ทำไมยังปล่อยให้มันเกิดขึ้นอยู่ไม่ต่ำกว่าห้าวินาที

“อื้อ...” ผมถอนริมฝีปากออก “ปล่อย”

แต่แขนแข็งแรงก็รั้งลงมาอีกจนผมต้องเบือนหน้าหนี ทำให้จมูกของเขาคลอเคลียอยู่ตรงแก้มผม

“นี่คุณเป็นบ้าอะไร”

“อยาก...”

“ปล่อย!”

“...กอด”

คราวนี้ผมย่นคอลอดอ้อมแขนเขาและขืนตัวขึ้นมายืนจนได้ มือกำรวบเป็นกำปั้นแล้วด้วย โชคดีที่ยั้งไว้ได้ทัน ไม่งั้นปากซนๆ เมื่อกี้ได้คงต้องมีแตกกันบ้าง

แล้วดูดิ ยังหลับต่อหน้าตาเฉยอีก

ผมไปหยิบขวดน้ำจากตู้เย็นออกมารินดื่มเต็มแก้ว แล้วก็เม้มริมฝีปากล่างไว้แน่น ไม่เข้าใจ กินน้ำแล้วทำไมยังรู้สึกถึงรสเหล้าในปากอีกวะ




หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 11-16] 18.05.18 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 18-05-2018 21:49:18
กระสุนนัดที่ 16
ร.เริ่ม


[เรือใบ]

กระเพาะปัสสาวะกำลังจะฆ่าผม มันบีบตัวจนผมตื่นจากฝันตื่นเต้นสักอย่าง พอตื่นแล้วผมก็รู้ว่า ปัสสาวะไม่ได้จะฆ่าผมหรอก แต่เป็นอาการปวดหัวต่างหาก อย่างกับระเบิดลูกย่อมๆ ปะทุอยู่ในกะโหลกเลย

ผมลุกขึ้นนั่งบนโซฟาและเอามือกดขมับไว้

ใช่ โซฟา

มานอนอยู่นี่ได้ไง

“ธาร!” ผมเรียก “สายธาร!”

มีแค่ความเงียบ กับเสียงลมอื้อเบาๆ ในหู ใช่สิ เขาคงหนีไปแล้วตอนผมซดเหล้าเป็นน้ำอยู่ที่ผับ ผมกัดฟันลุกขึ้นเดินตัวเอียงๆ ไปที่ห้องน้ำ

กึก

อ้าว ล็อก

“เฮ้ย ใครล็อกประตู”

“อ๋มอยู่”

“ธาร? สายธารเหรอ”

“จะใครล่ะ”

“ทำไรวะ เปิดประตูซิ”

“แปรงฟันอยู่ คุณก็ไปใช้ห้องน้ำในห้องนอนคุณสิ”

“แต่กูปวด...”

เออๆ ช่างมัน ผมรีบกลับไปที่ห้องตัวเอง แล้วฉี่มาราธอนเกือบสองนาที พอกลับออกมาก็เห็นว่าสายธารยังอยู่ในห้องน้ำเหมือนเดิม

ลองไปเงี่ยหูฟังก็ไม่ถึงกับเงียบ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังทำอะไร

“...”

“หลับรึเปล่าเฮ้ย เอาหมอนมั้ย”

“...”

“หรือจะเอาผ้าห่ม”

ผมเงี่ยฟังอีก ได้ยินเสียงน้ำไหลจากก๊อกอยู่สักพัก ในที่สุดประตูก็เปิดออก

นึกว่ามึงไปแล้วซะอีก ในหัวคิดอย่างนั้น แต่ปากถามไปอีกเรื่อง “ทำไรวะ”

“แปรงฟัน”

“นานขนาดนั้นเลย”

“ปากไปโดนของสก...”

“อะไร”

“ช่างเถอะ” เขาเดินเบียดไหล่ผมไป “ว่าแต่คนอื่น คุณแปรงรึยังล่ะ”

เรากลับมาพูดคุยกันเป็นปกติแล้วแฮะ ราวกับว่าที่เงียบใส่กันก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น สายธารเดินออกไปทำอะไรก๊อกแก๊กอยู่ที่ระเบียง ส่วนผมไปทรุดตัวลงเอนหลังบนโซฟา “ปวดหัว”

“ก็เมาเป็นหมาขนาดนั้น”

“ทำไมฟังคุ้นๆ วะ”

ผมปวดหัวจนต้องหลับตาและเอนหลังอยู่นิ่งๆ

“เอ้า นี่” เขาพูดขึ้นหลังจากผ่านไปสักพัก

ผมลืมตาก็เห็นแก้วกาแฟควันกรุ่นยื่นมาตรงหน้า “รู้ใจ...อึก” จิบปุ๊บอยากจะพ่นใส่หน้าแม่ง “ลืมใส่น้ำตาลรึเปล่าวะ เข้มขนาดนี้”

“เข้มๆ นั่นแหละ แก้แฮงค์”

ตั้งใจแกล้งกันมากกว่า แต่คงดูไม่ดีเท่าไหร่ถ้าผู้ชายทั้งแท่งจะอิดออดเรื่องกาแฟขม

“แล้วก็นี่ กล้วย” เขายื่นกล้วยหอมมาให้อีกลูก “ช่วยได้เหมือนกัน”

“อยากกินท่อนแยมทอด”

“ไม่มี”

“ไปทำให้กินหน่อย”

“ก็มันไม่มีของให้ทำไง ขนมปังหมดแล้ว มีพวกแกงใต้ที่คุณสั่งมาอยู่ในตู้เย็น จะกินมั้ยล่ะ”

กาแฟช่วยให้หูตาสว่างขึ้นบ้าง ผมมองไปรอบห้องแล้วจู่ๆ ก็รู้สึกว่าห้องตัวเองดูว่างเปล่าชอบกล มีแค่เฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ๆ ของจุกจิกแทบไม่มี ห้องครัวก็ใช้งานนับครั้งได้ ถ้าตอนนี้สายธารไม่อยู่ด้วยคงยิ่งดูว่างเปล่าเงียบเชียบยิ่งกว่านี้

“นี่กี่โมงแล้ว” ผมถาม

“สิบ”

“ไปอาบน้ำแต่งตัว”

“ไปไหน”

“ไปช้อป”

“ไม่ห่วงเรื่องความปลอดภัยแล้ว?”

ผมยิ้มให้เขา เก๊กเสียงขรึมนิดๆ “ไปกับป๋าเรือกลัวไร”





_________________________

กลับมาแล้วค่า อัพให้แบบร.รวดเลย
ขอโทษทีนะคะ พอดีอาทิตย์ที่แล้วไปต่างประเทศมา
ตั้งใจจะไปอัพที่นั่น แต่ไม่ค่อยมีจังหวะที่สะดวกเลยค่ะ
พอดีอัพในเล้าต้องใช้สมาธิสูงเหมือนกัน ต้องคอยเช็กพวกโค้ดต่างๆ ไม่ให้หน้ากระทู้เพี้ยน T^T
พอไม่มีเวลานานๆ เลยคิดว่ากลับมาอัพบ้านทีเดียวคงดีกว่า

ทำให้ต้องรอนานเลย T_____T

ขอบคุณมากๆ นะคะสำหรับคนที่รออ่าน

มีข่าวดีคืออออ เขียนจบแล้วค่า >_____<
ตอนนี้กำลังเขียนตอนพิเศษอยู่ <3

ขอบคุณจากใจนะคะที่อ่านมาถึงตรงนี้

ยักมั่ก

นางร้าย 18.05.18


หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 11-16] 18.05.18 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-05-2018 22:48:57
 :laugh:


ป๋าาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 11-16] 18.05.18 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-05-2018 02:41:20
เส้นที่ว่า ข้ามพ้นหรือยังนะเรือใบ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 11-16] 18.05.18 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 19-05-2018 17:46:02
ว๊าว ป๋าเรือสุดยอดไปเลย มารอดูว่าเมื่อไหร่จะหวานแหววกัน
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 11-16] 18.05.18 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 19-05-2018 17:49:40
เอาใจช่วยพี่เรือใบแล่นเรือข้ามไปให้ได้นะคะะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 11-16] 18.05.18 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 19-05-2018 20:23:52
พี่เรือใบก้แค่คนซึนๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 11-16] 18.05.18 | P.2
เริ่มหัวข้อโดย: tungz ที่ 01-07-2018 21:33:02
คิดถึงจังงง
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 17-20] 07.07.18 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 07-07-2018 17:05:24
กระสุนนัดที่ 17
ร.ร่ม



[สายธาร]

ถึงจะแปรงฟันดีแค่ไหนก็ยังรู้สึกถึงรสเหล้าบ้าๆ นั่นอยู่ มันน่าจะเป็นรสแบบหลอนๆ มากกว่า คิดถึงทีไรกลิ่นและรสของมันก็เหมือนจะย้อนเข้ามาเอ่ออยู่ในปากทุกที

ที่น่าหงุดหงิดกว่านั้นคือ ผมห้ามความคิดไม่ได้

ตอนเช้าเขาดูจะสงสัยว่าทำไมผมแปรงฟันนาน เกือบจะหลุดปากไปแล้ว โชคดีที่เขาไม่เซ้าซี้ต่อ หวังว่าเขาจะเมาจนจำห้าวินาทีนั้นไม่ได้นะ ขอให้เขาเข้าใจว่าเป็นแค่ความฝันทีเถอะ

“มีลูกชิ้นปิ้งขายด้วยแถวนี้ด้วยแฮะ อยากกินมั้ย” เรือใบถามตอนจะเลี้ยวรถตรงหน้าคอนโด

“ไม่”

“โอเค” เขาหยุดมองซ้ายขวาอยู่อึดใจ ก่อนจะขับออกถนนเส้นหลัก

หลังจากนั้นเราก็นั่งเงียบกันอยู่นาน ไม่ใช่ความเงียบน่าอึดอัด ดูเขาออกจะอารมณ์ดีด้วยซ้ำ ส่วนผมก็กำลังวุ่นวายอยู่แต่กับความคิดตัวเอง

เล่าเรื่องผู้ชายที่มุมสูบบุหรี่เมื่อคืนนี้ให้เขาฟังดีมั้ยนะ 

ผมไม่ชอบความคิดที่ว่าเขาต้องคอยมาดูแลปกป้องเอาซะเลย มันทำให้รู้สึกเหมือนผมยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่ดูแลตัวเองไม่ได้

แต่ถ้าเล่าแล้วเขาไม่ใส่ใจ มันก็จะเป็นความรู้สึกแย่อีกแบบ กลายเป็นว่าจะดูเหมือนผมขอร้องให้เขามาปกป้อง

“คิดอะไรอยู่”

“เปล่า”

“เห็นๆ อยู่ว่าคิด หน้าเหม่อขนาดนี้”

“ยุ่งไรด้วย”

“ก็เผื่อคิดไรเกี่ยวกับกู”

“ไม่เกี่ยวกับคุณ”

“แน่เหรอ”

“เลิกเซ้าซี้ได้มั้ย”

“ทำไม”

“ขี้เกียจตอบ”

“ปากเป็นไร เดี๋ยวแกะเดี๋ยวลูบอยู่ได้”

“ยุ่งจริงๆ ปากผม ผมจะทำอะไรก็ได้”

เขาหันมายิ้ม ยิ้มเหมือนว่ากำลังนึกสนุกกับความคิดสักอย่าง “หึ”

เราเงียบกันไป

สักพักเขาก็พูดขึ้น “เมื่อคืนนี้น่ะ...”

ไม่นะ! ขอทีเหอะ อย่าพูดถึงมัน แค่คิดรสเหล้าก็เอ่อล้นขึ้นมาในปากอีกแล้ว

“ไอ้โอมแบกกูมาส่งใช่มั้ย”

“อื้ม”

“แล้วไงอีก”

“แล้วเขาก็กลับไป”

“ไงอีก”

“เลิกถามสักทีได้ป่ะ”

“ตอบจนกูเลิกสงสัย กูก็เลิกถามเองแหละ”

“คุณจำอะไรไม่ได้เลยงั้นสิ”

“จำได้บางอย่าง”

“...”

“กูมานอนบนโซฟาได้ไง”

“ก็พี่โอมทิ้งคุณไว้ตรงนั้น”

“แล้วมึงนอนไหน”

นี่คือปัญหา ผมไม่นอนบนเตียงเขาแน่ๆ ถ้าเกิดเขาดันตื่นก่อนและมาเห็นคงเซ้าซี้จนผมหูชาแน่ ไหนจะต้องทนฟังคำทับถมต่างๆ นานาอีก

“ผมก็ถีบคุณลงไปนอนที่พื้น แล้วผมก็นอนบนโซฟาแทน พอผมตื่นตอนเช้าคุณก็งัวเงียคลานกลับขึ้นไปบนโซฟาเอง” ความจริงคือผมเอาผ้าห่มมาปูนอนบนพื้น ส่วนเขาก็นอนอยู่บนโซฟานั่นแหละ โชคดีที่ผมตื่นก่อน

“ทำไมมึงไม่ไปนอนในห้อง”

หือ? ไม่ด่าเหรอ ไม่ประชดด้วย

“คุณจะได้ไม่ต้องถูกถีบไปนอนบนพื้นอ่ะนะ”

“มึงจะได้นอนสบายๆ” น้ำเสียงเขาเรียบและนุ่ม “วันหลังไปนอนในห้องด้วยกันก็ได้ หรือจะให้กูนอนโซฟาแทนก็ได้ มึงเลือก”

“ไม่อ่ะ แบบเดิมดีอยู่แล้ว”

“โซฟาไม่เหี้ยเหรอวะ กูนอนแป๊บเดียวยังปวดหลังชิบหาย”

“ผมชอบแบบนี้”

“จริงดิ มึงชอบงั้นเหรอ”

นี่เขาจะมาไม้ไหนวะ

“ถึงยังไง ผมก็ไม่ได้อยู่นี่ตลอดไปอยู่แล้ว”

เขาเหลือบมองผมแวบนึง “กูรู้”

ผมเงียบ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร

“กูขอโทษละกัน เรื่องนั้นน่ะ”

เอาละไง!

“อะ...อะไร ช่างมันเถอะ คุณไม่รู้สึกตัว”

“กูรู้ตัวสิ”

“...”

“ก็แกล้งล้อมึงขนาดนั้น ไหนจะพูดเหยียดพวกเกย์อีก”

อ้อ ไม่ใช่เรื่องจูบ โล่งไปที

“ช่างมันเถอะ”

“ดีกันแล้วนะ”

“อืม”

“เอาดีๆ ชัวร์เปล่า”

“อือ ดี เลิกพูดสักทีเหอะ ขี้เกียจฟัง”

เขายิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เหมือนจะทำให้อุณหภูมิภายในรถอุ่นขึ้นได้ “งั้นฟังเพลงมั้ย”

“ไม่”

“ให้มึงเลือก ฟังแนวไหน”

“คุณอยากฟังอะไรก็เปิดๆ ไปเหอะ ไม่ต้องถามผม”

“ถ้ามึงไม่อยาก กูก็ไม่ฟัง”

“...”

“อยู่เงียบๆ ก็ดีเหมือนกัน”

เราเลยอยู่กันเงียบๆ ไปจนถึงห้างฯ ที่จะช้อปปิ้ง เรือใบดูแปลกไป ไม่ถึงกับเปลี่ยนเป็นคนละคน แต่เป็นเวอร์ชั่นที่...เหมือนถูกลบคำหยาบบางส่วนออกจากสมอง เขาไม่แซะ ไม่บ่น ไม่รำคาญสิ่งรอบข้าง สีหน้าค่อนข้างเรียบเฉยเหมือนครุ่นคิด บางครั้งก็เผลอยิ้มด้วย

เป็นครั้งแรกที่เรากินข้าวนอกบ้านกัน เขาสั่งกับข้าวเยอะแยะจนแทบล้นโต๊ะ และไม่ต้องสังเกตก็เห็นว่าเขาไม่ค่อยแตะเมนูเผ็ดๆ สักเท่าไหร่

“ดูหนังมั้ย” เขาถามหลังจากกินข้าวเสร็จ

“ไม่ดีกว่า”

“ทำไม”

กินข้าวดูหนัง มันฟังดูเหมือนคนมาเดตกันไปมั้ย

“ขี้เกียจนั่งนาน”

“งั้นไปเดินช้อป”

เขาลากผมเข้าไปแผนกเสื้อผ้า หยิบชุดโน้นชุดนี้มาทาบตัวผมก่อนหย่อนลงตะกร้า ผมไม่ขัดอะไร ได้แต่นึกในใจว่าเรือใบเวอร์ชั่นนี้ตลกดี ถ้าจะเอาชุดมาทาบแค่เสี้ยววินาทีแบบนี้สุ่มหยิบเอาเลยก็ได้มั้ง ที่น่าตลกกว่านั้นคือเขาเลือกเองไปสิบกว่าชุดแล้วค่อยหันมาถามผมว่า

“มึงชอบตัวไหนอีก” 

“ไม่มี” ผมบอก

“เลือกเลย”

“ซื้ออะไรเยอะแยะ”

“กูจ่าย” เขาว่า “ไอ้พวกนี้กูเลือกเพราะอยากเห็นมึงใส่ ทีนี้มึงก็เลือกที่อยากใส่เอง เอาสิ”

“พะ...พอแล้ว ผมไม่ได้จะอยู่กับคุณนานอะไร แล้วก็ไม่ต้องจ่ายให้ผมด้วย”

“กูจะจ่าย เพราะกูเลือก”

“เออๆ ตามใจ แต่เอาแค่นี้ก็พอแล้วจริงๆ”

ผมหลุบสายตาลง ทำไมเมื่อกี้ต้องพูดตะกุกตะกักด้วยนะ

“โอเค ทีนี้ก็ของกิน มึงอย่าลืมของที่ใช้จะทำท่อนแยมล่ะ”

หลังจ่ายเงินค่าเสื้อผ้าเสร็จเราก็มากันที่ซูเปอร์ฯ ด้านล่าง

ระหว่างที่ดูผลไม้อยู่ไม่รู้ว่าเขาหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมเดินย้อนกลับไปตามหากะจะถามว่าอยากได้แอปเปิลรึเปล่า ก็เห็นว่าเขายืนหันหลังหลบมุมอยู่แถวๆ ชั้นกาแฟ กำลังคุยโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบ แต่ก็ดังพอให้ได้ยินประโยคที่เขาพูด

“...ถ้ามันยังอยู่ต่อ เดี๋ยวจะล่อให้ยับเลย...”

ผมรีบหันหลังเดินหลบไปอีกทาง สัญชาตญาณบอกว่าเขาพูดถึงผมแน่ๆ

อยู่ที่ว่าคำว่า ‘ล่อ’ ในที่นี้หมายถึงอะไรแค่นั้นเอง


หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 17-20] 07.07.18 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 07-07-2018 17:13:25
กระสุนนัดที่ 18
ร.รับปาก



[เรือใบ]

[ฮัลโหล เรือ เป็นไงมั่ง]

“ก็ดี กินอิ่ม นอนหลับ ฉี่สะดวก”

[พยานล่ะ สายธารน่ะ โอเคมั้ย]

“นอนหลับกินอิ่ม แต่ฉี่ปกติมั้ยไม่รู้ ไม่ได้ตามไปดู”

[ฟังดูอารมณ์ดีนะ]

“อยากอารมณ์ดีบ้างก็ลาออกดิเฮีย”

[ยังไม่ได้น่ะสิ เออ เรื่องที่จะให้หาคนมาดูแล...]

“ไม่ต้องละ ผมดูต่อ”

[ให้มันได้งี้สิ! เฮียจะบอกว่าหาคนไม่ได้อยู่พอดี เรืออยู่กับน้องแหละดีแล้ว ว่าแต่ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นล่ะ ติดขัดอะไรหรือเปล่า”

“ติดเรื่องเดียว ที่เฮียส่งลูกน้องมาเฝ้านี่แหละ”

[อ่าว...โดนจับได้ซะแล้ว]

“ขายลูกชิ้นปิ้งตอนสิบโมงเนี่ยนะ ไม่เนียนเอาซะเลย แถมยังควักมือถือขึ้นมาถ่ายทะเบียนรถผมอีก”

[เฮียไม่ได้กำกับถึงขนาดให้มันปลอมตัวเป็นอะไร แค่ให้ไปเฝ้าเฉยๆ อาจจะช่วยเมียขายอะไรจุกจิกแถวนั้นละมั้ง]

“ไม่ต้องแล้ว แค่เด็กคนเดียว ผมเอาอยู่”

“เอาเด็กอยู่...อะไรนะ พูดดังหน่อยเถอะ ทำไมต้องกระซิบ นี่อยู่ไหน”

“เอาอยู่น่ะ! เอาอยู่ หมายถึงจัดการได้ ไม่มีปัญหา”

[อ๋อ แต่เผื่อไว้หน่อยดีกว่ามั้ย]

“ไม่เอา”

[แต่...]

“ถ้ามันยังอยู่ต่อ เดี๋ยวจะล่อให้ยับเลย”

[ขนาดนั้นเลย]

“ผมไม่ชอบให้ใครมาตามดูวุ่นวาย เข้าใจมั้ย”

[เข้าใจๆ]

“ไม่ต้องห่วงหรอก ใครเสนอหน้าแปลกๆ เข้ามาใกล้เดี๋ยวยิงไส้แตก จำไม่ได้รึไง คะแนนยิงปืนของผมที่หนึ่งของรุ่น มีไรอีกมั้ย เดี๋ยวไปช้อปต่อแล้ว”

[งั้นถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลต้องรายงานเฮียตลอดนะ แล้วก็เอารถคันใหม่ไปใช้ เดี๋ยวว่างๆ เฮียเอาไปเปลี่ยนให้ แต่ทางที่ดีระหว่างนี้อย่าออกไปไหนมาไหนดีกว่า]

“ได้ครับท่าน”

หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 17-20] 07.07.18 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 07-07-2018 17:17:59
กระสุนนัดที่ 19
ร.รู้



[สายธาร]

“ทำไรวะ หอมว่ะ” เรือใบขยับเข้ามาชะเง้อจากด้านหลังผม

“แกงเขียวหวาน”

“ทำเป็นเหรอ แม่ศรีเรือนเว้ยเฮ้ย”

“เดี๋ยวนี้เขามีเครื่องปรุงเป็นซองขาย นี่ซื้อมาลองดู”

“แล้วไอ้พวกนั้นล่ะ”

“เดี๋ยวทำไข่เจียว ผักบุ้งไฟแดง แล้วก็จะเอาแกงจืดเต้าหูด้วยมั้ยล่ะ”

“เอา ใส่แม่งเยอะๆ เลยเต้าหู้เนี่ย”

“ไม่มีของเผ็ดๆ แบบที่คุณชอบนะ” ผมแกล้งตีหน้าซื่อ

“ไม่เป็นไร กินไรที่มันอ่อนโยนกับลิ้นบ้าง ว่าแต่ทำเป็นแน่เหรอวะ”

“อาหารง่ายๆ ทั้งนั้น เด็กหอที่ไหนก็ทำได้”

“ทำท่อนแยมด้วยได้มะ”

“นี่เยอะแล้ว ไว้เป็นของว่างตอนกลางวันละกัน”

“ก็ได้” เสียงเขาดูผิดหวังเหมือนเด็กๆ “ส่วนตอนเย็นไปหาของกินที่อะเวนิวกัน อยู่แค่ตรงนี้ เดินไปได้”

“ไม่เป็นไร ตอนเย็นผม...” ผมไม่ได้ตั้งใจจะเว้นจังหวะ แต่น้ำเสียงมันก็ขาดห้วงไปเอง “จะกลับหอแล้ว”

“กลับหออะไรของมึง”

“ก็กลับหอไง ผมอยู่กับคุณตลอดไปไม่ได้หรอก จริงมั้ย” ผมก้มลงคนแกงเขียวหวานในหม้อ ก่อนจะเด็ดผักบุ้งเพิ่มอีกทั้งที่เด็ดไว้ในจานก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ทำไมถึงอยากทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้

“มึงอยู่กับกูมานานแค่ไหนละ” เรือใบขยับเข้ามาจนเกือบชิดข้างหลังผม

“เกือบๆ เดือน...มั้ง”

“แค่เกือบเดือน”

“ป่านนี้ไอ้มิกยึดห้องผมเป็นโรงแรมม่านรูดไปแล้ว คุณไปนั่งรอดีกว่า เกะกะ”

“กูไม่ให้มึงไป”

“นึกว่าคุณไม่อยากให้ผมอยู่ที่นี่ซะอีก”

“ใครบอกล่ะ”

ที่คุณพูดในโทรศัพท์นั่นไง ถ้ามันยังอยู่ เดี๋ยวจะล่อให้ยับเลย พูดเหมือนท้าทายอวดเพื่อนว่า ถ้าผมยังอยู่จะเล่นงานผมให้หนัก พูดเหมือนอยากให้ผมไป

“ก็จริงมั้ยล่ะ”

“กูต้องดูแลมึงระหว่างที่ยังจับคนร้ายไม่ได้ แล้วก็ไม่มีกำหนดด้วย” เขาพูดเสียงหนักแน่นราวกับย้ำเตือนหน้าที่ตัวเอง

“อีกกี่ปีจะจับได้ ตำรวจอ่ะ”

“มึงนี่ท่าจะเกลียดตำรวจจังนะ”

ผมถอนหายใจแล้วตัดบทง่ายๆ “ผมโตแล้ว ดูแลตัวเองได้”

“แต่กูจะดูแลมึงไง จบนะ” เขาผละออกไปนั่งที่โซฟา ผมหันไปมองและเห็นว่าเขากำลังยกมือถือขึ้นแนบหู “มิกกี้...เออ สบายดี กูจะบอกว่าธารจะอยู่กับกูอีกพักใหญ่ๆ อีกนานเลยแหละ มึงไปนอนห้องธารได้ หรือจะเอาทำโรงแรมม่านรูดอะไรก็ได้...เออ ธารไม่กล้าบอกเอง คงเขินมั้ง แค่นี้แหละ”

ผมชักสีหน้าใส่เขา “คุณไปพูดอย่างนั้นได้ไง”

“ก็พูดไปแล้ว”

“เผด็จการ”

“ทำกับข้าวไป กูหิวแล้ว”

ผมส่ายหน้าเบาๆ แล้วรีบหันกลับมาเด็ดผักต่อ ต้องรีบหันหน้าหนีเพราะรู้สึกมุมปากของผมทำท่าจะยกยิ้มเองโดยที่ห้ามยังไงก็ไม่อยู่



สัญญาณอันตรายส่วนใหญ่มักจะเตือนเราด้วยเสียงหวีดดังลั่น

แต่บางครั้ง มันเตือนอย่างแผ่วเบาราวกับไม่เต็มใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ผมยังอยู่ที่นี่ เรื่องอยากลุกขึ้นมาทำอาหารให้เขา รวมถึงรอยยิ้มเล็กๆ ที่กลั้นไม่อยู่จนผมต้องรีบหันหน้าหลบไปทางอื่น แต่ละอย่างเป็นเหมือนเข็มหมุดที่ปักลงบนแผนที่ความสัมพันธ์ประหลาดๆ ของเรา

พอรู้ตัวอีกทีเข็มหมุดพวกนั้นก็รุกคืบเข้ามาใกล้ใจกลางแผนที่แล้ว

อันตราย

อันตรายมากด้วย

พี่อยู่นี่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพี่ก็อยู่นี่ เสียงพี่ภาณในหัวผมฟังดูแปลกไป น้ำเสียงดูเคลือบแคลงหวั่นไหวแต่ยังฝืนยิ้ม

น้ำเสียงที่ดึงดูดผมเข้าหาหลุมดำ

ตอนที่ผมอยู่กับพี่ภาณ เสียงและรอยยิ้มของเขาแทบจะเหมือนแสงอาทิตย์ในชีวิตผม มันทั้งเจิดจ้า อบอุ่น และมีชีวิตชีวา เขาหัวเราะได้กับทุกเรื่อง และทำให้ผมหัวเราะได้โดยแทบไม่ต้องทำอะไร แต่หลังจากเขาไปแล้ว สมองของผมมักจะบิดเบือนเสียงของเขาไปในแบบที่น่าหดหู่เสมอ

แต่ในวันนี้เสียงพี่ภาณฟังดูเหมือนน้อยใจโดยที่สมองของผมไม่ได้ดัดแปลงมัน

“เฮ้ย”

“...”

“ธาร สายธาร...”

ผมเงยขึ้น “อะไร” ขณะนี้เราอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นที่อะเวนิวใกล้คอนโด และพนักงานกำลังทยอยนำอาหารมาเสิร์ฟ

“เมื่อกี้สาวโต๊ะทางซ้ายยิ้มให้มึง ตาเยิ้มเชียว”

ที่โต๊ะทางซ้ายมีผู้หญิงหน้าตาน่ารักสองคนนั่งกินซูชิกันอยู่จริง คนนึงยกถ้วยซุปมิโซะขึ้นซดเบาๆ อีกคนจีบปากจีบคอค่อยๆ คีบซูชิเข้าปาก

“ไม่มั้ง”

“เออ ไม่หรอก ที่จริงยิ้มให้กูต่างหาก”

“ก็ดีนี่”

เขายักไหล่ “กูไม่สนใจ”

“ทำไมล่ะ ไม่ใช่สเป๊ก?”

“เพราะตอนนี้มีเรื่องที่กูสนใจมากกว่า”

“...”

“ข้าวหน้าหมูซีอิ๊วนี่ก็อย่างนึงละ”

“...”

“อีกอย่าง” เขายกศอกขึ้นค้ำโต๊ะพร้อมกับมองหน้าผม ตะเกียบในมือจ่ออยู่เหนือถ้วยแบบสบายๆ วิธีจับตะเกียบของเขาก็ดูปกติธรรมดา แต่ไม่รู้ทำไมนิ้วเรียวยาวกับองศาตะเกียบนั้นดูลงตัวราวกับงานศิลปะจนดึงสายตาผมให้มองนิ่ง “กูอยากรู้ว่า ทำไมมึงชอบทำหน้าเศร้า”

“อะไร”

“มึงชอบเหม่อ แล้วก็เศร้า เป็นห่าไรมากป่ะชีวิตอ่ะ”

“ผมเปล่า”

เรือใบนิ่ง แล้วก็ถอนหายใจ “มึงเป็น มีอะไรเล่าได้นะ” น้ำเสียงเขาเปลี่ยนเป็นทุ้มลึก ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาอย่างประหลาด เขาทำลายงานศิลปะที่ผมจ้องอยู่ด้วยการวางตะเกียบลงแล้วหันไปยกชาเขียวขึ้นจิบ จากนั้นท่าทางก็กลับไปกวนๆ เหมือนเดิม “แต่ถ้าไม่อยากเล่า ก็แล้วแต่”

“คุณเคยเสียคนรักไปมั้ย”

“อ้อ เรื่องนี้เอง”

“ถ้าคุณไม่เคย เล่าไปก็ไม่เข้าใจหรอก”

“กูว่ากูเข้าใจไปถึงทรวงเลยต่างหาก”

“แสดงว่าเคย...” ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“หึ”

“งั้นคุณเล่าเรื่องของคุณก่อนสิ แล้วผมจะเล่า”

ใบหน้าเขาพลันเรียบเฉยราวกับรูปปั้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคล้ายจะมองลึกเข้าไปในมิติที่ผมไม่รู้จัก แต่ก็ชั่วครู่เดียวเท่านั้นก่อนเขาจะพูดชัดถ้อยชัดคำ “ไม่”

“งั้นผมก็ไม่เล่า”

“ได้”

“งั้นก็อย่าถามอีก”

“ได้เลย”

กลายเป็นว่าเราสลับบทบาทกันซะงั้น เขาไม่อยากเล่า ส่วนผมดันอยากรู้ ก็เล่นเปิดมาแบบนี้ใครจะไม่อยากรู้ต่อล่ะ แต่อย่างผมคงไม่มีปัญญาสรรหาอะไรมาง้างปากเขาได้

ผมก้มลงกินข้าวของตัวเอง

ผ่านไปสักพักก็อดถามอีกไม่ได้ “ถ้าคุณเคยเสียคนรักไปจริง ทำไมดูไม่เศร้าล่ะ”

เรือใบยิ้ม แล้วคีบหมูซีอิ๊วของเขาวางลงบนชามผม

“แดกไป แล้วก็อย่าถามอีก”
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 17-20] 07.07.18 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 07-07-2018 17:33:56
กระสุนนัดที่ 20
ร.ราวกับ



[เรือใบ]

[ไงป๋า] โอมรับสายรวดเร็ว

“เออ”

[ว่าไง มีไร]

“คืนนี้แมนยูจะชนะป่ะ”

[มึงดูบอลด้วยเหรอ]

“กูไม่ได้ตาบอด”

[ถ้ามึงดูคงไม่ถามงี้หรอก]

“ทำไม”

[คืนนี้แมนยูเตะซะที่ไหน]

“อ่อ งั้นก็แล้วไป”

[ไม่แล้วไปหรอกมั้ง ไม่ต้องฟอร์ม มีอะไรก็ว่ามา...เฮ้ย มาชงแทนดิ๊ พี่คุยกับเพื่อนแป๊บ]

“...”

[ต่อๆ]

“นี่มึงสะดวกคุยเปล่า”

[คุยได้ เรื่องเด็กนั่นใช่มะ]

“เด็กไร กูแค่เบื่อๆ แล้วก็อยากกลับมาดูบอล”

[มึงข้ามเส้นบ้าบอนั่นยัง]

“...”

[ขนาดนี้ยังจะแอ๊บอีก ถ้าอยากดูบอลแม่งก็ถามอากู๋ง่ายกว่ามะ...]

“ยัง”

[ยังอะไร]

“ยังไม่ได้ข้ามเส้น กู...”

[นั่นไง! ไม่ฟันดาบให้มันรู้แล้วรู้รอดวะ]

“มึงนี่มัน...ช่างเถอะ แค่นี้นะ”

[อ้าว เดี๋ยวสิ...]

 

คุณเคยเสียคนรักไปมั้ยบ[/i]

คำถามนี้แทงเข้าไปอกผมเหมือนมีคมๆ แผลที่คิดว่าหายดีแล้วปริแยกอีกครั้ง ความร่าเริง ความกวนตีน และไม่แคร์โลก เหล่านี้คงจะเป็นเนื้อเยื่อที่ตัวตนผมสร้างขึ้นมาพอกแผลเอาไว้ จนมันกลายเป็นแผลเป็นนูนเด่นเห็นได้ชัด

แต่ลึกลงไปใต้แผลนั้นยังอักเสบอยู่

ถ้าคุณเคยเสียคนรักไปจริง ทำไมดูไม่เศร้าล่ะ

ถูกต้อง มันไม่ใช่ความเศร้าหรอก เป็นความเจ็บปวดที่น่าอับอายมากกว่า ซึ่งก็แน่นอนว่าผมไม่อยากพูดถึงมัน ต่อให้อยากรู้เรื่องสายธารสักแค่ไหนก็เถอะ

โอเค ประเด็นคือทำไมผมถึงอยากรู้เรื่องสายธารกับคนรักขนาดนั้น

มันเหมือนฉากหลงป่าในหนังงี่เง่าทั้งหลาย คุณเดินเข้าไปในป่าด้วยเหตุผลโง่ๆ สักอย่าง ตั้งใจจดจำลักษณะก้อนหินหรือแม้แต่หักกิ่งไม้ไว้เป็นสัญลักษณ์ คุณมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นว่าเดินเป็นเส้นตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆ ถึงกับจับตาดูเข็มทิศไว้ไม่ให้คลาดสายตาด้วยซ้ำ แต่สักพักคุณก็จะอุทาน อ๊ะ เราผ่านหินก้อนนั้นสามรอบแล้วนี่ หรือถ้าเป็นหนังเกรดบีคุณก็อาจจะสบถ ห่าจะแดก นี่คือก้อนหินสามพี่น้องเหรอวะ ทำไมเหมือนกันขนาดนี้

แล้วอีกไม่กี่นาทีต่อจากนั้น มนุษย์หมาป่าหรือโคตรแวมไพร์ก็จะโผล่มา

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากลัวจริงๆ คือการหลงทางต่างหาก

ผมหลงทางอยู่รึเปล่า

หลงทาง โดยที่ไม่ได้ตั้งใจจะออกเดินทางไปไหนด้วยซ้ำ...



“กูว่ากูสับสนว่ะ”

[อะไร แมนยูเหรอ คืนนี้ก็ยังไม่เตะ]

“ไม่ใช่บอล”

[อ่อ เรื่องเด็ก สับสนเป็นเด็กมัธยมเลยนะป๋า]

“อย่ากวนตีนได้ป่ะ ซีเรียสนะเว้ย”

[ครับๆ ใจเย็นครับป๋า ก็ผมแนะนำไปแล้วไง คืนนั้นทำไมป๋าไม่รวบหัวรวบหางล่ะ]

“กูเมา”

[ก็แม่งแดกซะขนาดนั้น...เฮ้ยๆ สองโต๊ะนั้นแม่งจะล่อกันแต่หัวค่ำเลย มึง มานี่ซิ...]

“เฮ้ย โอม คุยกับกูก่อน”

[...]

“ไอ้โอม ฮัลโหล...”

[มาต่อ ถึงไหนละ อ่อ มึงเมาจนหมดสภาพ แต่คืนนั้นกูก็ไกด์ให้น้องไปนิดๆ นะว่า ให้จัดให้มึงสักดอกสองดอก]

“สมองมึงนี่มีแต่เรื่องทุเรศๆ เหรอวะ กูยังไม่ได้คิดถึงขั้นนั้น”

[แล้วคิดขั้นไหน]

“ไม่รู้เว้ย บอกแล้วไง กูสับสน”

[เฮ้ยๆ มึงลากคอมันออกไปข้างนอกเลยดีกว่า เดี๋ยวมีเรื่องกันจนได้...เดี๋ยวนะ...]

“โอม...ไอ้โอม งั้นกูวาง...”

[มึงชอบน้องมันมั้ยล่ะ]

“มึงไปทำงานเถอะ ไว้ค่อยคุย”

[กูให้เด็กจัดการแล้วเรียบร้อย สรุปมึงชอบน้องมันรึเปล่า]

“...”

[ถามตัวเองดีๆ]

“กูชอบมองตอนมันนอน”

[ไงอีก]

“ชอบตอนมันอ่านหนังสือเงียบๆ ไม่วุ่นวายดี...แต่บางทีกูก็อยากให้มันวุ่นวายนะ”

[อะฮะ]

“ตอนอยู่ใกล้กันกูทำตัวไม่ค่อยถูก”

[เข้าใจ]

“แล้วกูก็ชอบท่อนแยมของมันด้วย”

[เดี๋ยวๆ ไหนบอกยังไม่รวบหัวรวบหางไงป๋า ยังไง เอาดีๆ]

“ก็...เดี๋ยวๆ นี่แม่งคิดไปไหนวะ ไม่ใช่ท่อน...แบบนั้นเว้ย ท่อนแยมทอด ขนมกินเล่นอะ มันทำให้กูกิน อร่อย”

[ฮ่าๆๆ]

“นั่นแหละ แต่กูไม่ได้ชอบมัน เข้าใจป่ะ”

[เอ้าเหรอ ที่พูดมานั่นคือชอบแบบอาการหนักละนะ]

“ใช่เหรอวะ...ไม่รู้เว้ย”

[แล้วน้องชอบมึงมั้ย]

“ไม่รู้”

[สังเกตดิวะ ตำรวจเก่ามองอะไรไม่ออกเลยรึไง]

“มันเป็นคนที่...มีกำแพงอะ เข้าถึงยาก”

[งั้นก็จีบดิ คิดไรให้ซับซ้อน]

“กูไม่เคยจีบผู้ชาย ยังไงวะ”

[สารภาพไปเลย แมนๆ]

“แม่ง น่าปวดหัวว่ะ ถ้ามันไม่เล่นด้วยกับกูล่ะ เดี๋ยวไปกันใหญ่อีก”

[ต้องดูจังหวะดิ ไม่ใช่เข้าไปบอกสุ่มสี่สุ่มห้า]

“จังหวะ อืม...”

[เออ ดูฤกษ์ยามดีๆ พอได้จังหวะก็บอกแบบแมนๆ ไปเลย]

“กูเปลี่ยนใจแล้วว่ะ กูไม่ได้ชอบมันหรอก แค่นี้นะ”

[เอ้า ไอ้นี่]



_____________________________________

สวัสดีค่ะทุกคน T___T

กลับมาแล้วค่ะหลังจากหายไปนานมาก จริงๆ ก็ไม่เชิงหายไปไหน
แต่ว่าไปรอผลนิยายอย่างใจจดใจจ่อมาค่ะ

ซึ่งผลก็มาแล้วค่ะ :D

เป็นเรื่องดีๆ ที่อยากมาบอกทุกคนในนี้ค่ะ คือ...

เรื่องร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์ ผ่านการพิจารณากับทางสนพ. EverY แล้วนะคะ

TT____________TT


ตื้นตัน อัดอั้น แล้วก็มีอะไรอยากบอกเยอะมาก
ความในใจเต็มไปหมดเลยค่ะ พยายามจะเรียบเรียงออกมาให้ดีๆ


อยากแชร์เกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้นิดนึงค่ะ เพราะที่มาที่ไปสตอรี่มันแปลกๆ ดี
คือตอนที่เริ่มมีไอเดียเรื่องนี้ เกิดจากตอนนั้นไปเจอ Facebook แอคนึง เป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที
เขามาคอมเมนต์ในหน้าเฟซของเพื่อนเราอีกทีค่ะ ชื่อเฟซเขาคือ Ruabai เรารู้สึกว่าคนอะไรชื่อเท่จัง (ฮา)
ชื่อเรือใบก็ติดในหัวเรามาเลยตั้งแต่นั้น แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกว่าอยากเล่นกับอักษร ร.เรือ แฮะ
ชื่อ ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์ ก็แวบเข้ามาในหัว เอาชื่อเรื่องนี้แล้วกัน ง่ายๆ แบบนี้เลย
เป็นนิยายที่ได้ชื่อนิยายมาก่อนพล็อตอีกค่ะ
เป็นจุดเริ่มต้นที่แปลกมากๆ ไม่เคยมีนิยายเรื่องไหนของเราที่เริ่มจากการได้ชื่อเรื่องมาก่อน

ด้วยความที่ตอนนั้นไม่มีพล็อตอะไรเลย
เลยคิดแค่ว่าจะให้พระเอกชื่อเรือใบ นิยายชื่อ ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์
พยายามแต่งให้เข้ากับชื่อเรื่องอย่างเดียว
เปิดไฟล์เวิร์ดแล้วเขียนๆๆๆๆ ออกมาแบบไม่ได้ร่างอะไรไว้เลย #กำปั้นทุบดินมาก ฮา
คิดไปเขียนไป ทุกอย่างมันมาเองแบบงงๆ สะเปะสะปะไปเรื่อยเลยค่ะ 555555

 
ส่วนตัวเราได้อ่านนิยายวายมาเรื่อยๆ ทั้งชอบ แล้วก็หลงรักค่ะ
ส่วนตัวรู้สึกว่านิยายวายมีความยากในแบบของมัน คงเขียนไม่ไหว ฝีมือเรากากเกินไป
แต่ช่วงนึงเราเกิดอาการ writer’s block อาการเขียนนิยายชาย-หญิงไม่ออกขึ้นมา
รู้สึกต้องทำอะไรสักอย่าง เลยลองเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะรู้สึกว่าลองดูก็ไม่เสียหาย
หาอะไรใหม่ๆ ให้จิตใจตัวเองได้ลองเผชิญดูบ้าง
เขียนไปเรื่อยๆ แล้วก็อินอยู่คนเดียวหลังคอม
เพราะหลงรักผู้ชายที่ชื่อเรือใบมากๆ


พอเขียนมาได้เยอะพอสมควร ตอนนั้นก็มีเรื่องตลกๆ เกิดขึ้น คือมีรุ่นน้องเป็นหมอดู แล้วแกดูแม่น
เลยให้แกช่วยดูดวงนิยายเรื่องนี้
(ชีวิตมาถึงจุดดูดวงให้นิยายกันแล้วนะคะ 555555 ร.ฤกษ์มั้ยล่ะ 5555555)
น้องแม่หมอบอกว่าเรื่องนี้จะไปได้ดี จะผ่านพิจารณาด้วยค่ะ
เราก็แบบ จริงเรอะ O_o เลยลองเอาลงเน็ตดูค่ะ อยากดูว่าคนอื่นจะคิดยังไงบ้าง
ลงด้วยใจที่สั่นไหวไปหมด กลัวทุกอย่าง กลัวมันไม่ดี กลัวคนเกลียด กลัวคนไม่ชอบ
กลัวนักอ่านผิดหวังในตัวเรา ความกลัวทำให้เราไม่ค่อยได้โปรโมตนิยายเรื่องนี้เลย มันรู้สึกกระดากกับความกากตัวเองมากไป

แต่พอเอามาลง ก็มีคนมาคอมเมนต์ให้เรื่อยๆ ทุกคอมเมนต์มันมีค่ากับใจเรามากเลยค่ะ (พิมพ์ไปจุกอกไป)
ขอบคุณเล้าเป็ดและทุกคนในเล้าเป็นที่ให้โอกาสเรานะคะ เพราะเราใหม่สำหรับที่นี่มากๆ
เราคอยเข้ามาดูว่ามีคนเมนต์ให้เรือใบบ้างหรือเปล่านะ
บางวันเข้าทีเป็นสิบรอบได้ เวลาตัวเลขคอมเมนต์ขึ้นมา 1 คอมเมนต์
มันมีความหมายกับเราอย่างถึงที่สุดเลยค่ะ

ทุกคอมเมนต์ของทุกคนมีค่ากับเรามากจริงๆ
และทุกๆ View ของทุกคนก็เติมเต็มจิตใจเราถึงที่สุด
การที่ทุกคนสละเวลาส่วนตัวเข้ามาอ่าน ถึงเมนต์หรือไม่เมนต์เราก็ดีใจมากๆ เลยค่ะ
ทำให้เรามีแรงเขียนๆๆๆ เขียนจนจบ จนได้ส่ง แล้วก็จนผ่านการพิจารณา (ลุ้นสุดตัวเลยค่ะ)


อยากบอกว่านิยายเรื่องนี้ไม่ใช่นิยายของเรานะคะ แต่เป็นนิยายของทุกคน เพราะทุกคนช่วยกันสร้างขึ้นมา ^ ^
ขอบคุณจากใจเลยค่ะ เรารักนักอ่านเรามากจริงๆ คุณคือเหตุผลที่เราเขียนนิยายค่ะ


ป.ล. รายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับตัวนิยายไว้จะทยอยมาแจ้งเรื่อยๆ นะคะ ^ ^

แต่เรื่องนี้ลงให้อ่านจนจบแน่นอน จนถึงตอนพิเศษเลยค่ะ <3
หลังจากตอนนี้ก็จะกลับมาลงต่อเนื่องให้อ่านกันแบบเดิมแล้วนะคะ <3

ถ้าอ่านแล้วอยากพูดถึงเรือใบใน Social ช่วยติด #รรรเรือ ให้หน่อยนะคะ (ใช้แฮชแท็กอันนี้ไม่เปลี่ยนแล้วค่ะ ^ ^)

 

รักจริงๆ

นางร้าย

07.07.2018

หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 17-20] 07.07.18 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-07-2018 18:13:06
ท่อนแยม อร่อยไหม มันคืออะไร  :hao4:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 21-22 ร.รัด/ร.ร้อน] 17.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 17-07-2018 19:05:09
กระสุนนัดที่ 21
ร.รัด



[สายธาร]

“ลุกขึ้น”
 

เสียงเผด็จการดังขึ้นขณะที่ผมนอนอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา

“อะไร”

“มายืดเส้นยืดสายหน่อย นอนไรเยอะแยะ”

“ไม่เอา”

เขาฉกหนังสือไปจากมือผมไปวางบนโต๊ะ

“นี่คุณ...” ผมเด้งตัวเตรียมจะโวยวาย แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเขาชักปืนออกมา ปืนพกสั้นสีดำล้วน เดาว่าเป็นกระบอกเดียวกับที่ใช้หลังผับคืนนั้น “เอามาทำไร จะยิงผม?”

“ยิงห่าไร กูจะฝึกให้มึงยิง”

“ไม่ละ ไม่ชอบ”

“ไม่ชอบก็ต้องฝึกไว้บ้าง อะไรก็เกิดขึ้นได้ มึงไม่ใช่เด๊ดพูลนะที่จะ...ธาร”

ผมนอนแล้ว หลับตาด้วย

“สายธาร”

เรียกไปดิ

“สังฆทาน รับประทาน โรงทาน...ไอ้เด็กขี้เซา...นี่...”

ผมลืมตาขึ้น ไม่ใช่เพราะชื่อแปลกๆ ที่เขาสรรหามาเรียก แต่เพราะผมรู้สึกว่าเขาโน้มใบหน้าลงมาใกล้เกินไป

“เออๆๆ” ผมเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง “จะทำอะไรก็ทำ รีบๆ ว่ามา”

เรือใบฉีกยิ้ม “ต้องงี้ดิ” เขายืดตัวขึ้นและเหมือนจะนึกหาถ้อยคำอยู่ชั่วอึดใจ “จริงๆ แล้วกูมีปืนสะสมเยอะนะ รุ่นคลาสสิกสวยๆ เพียบ แต่เก็บไว้ที่บ้าน...”

“ตัดส่วนที่โม้ออกแล้วเข้าเรื่องเลยได้มั้ย”

“มึงนี่นะ” เขายังยิ้มอยู่ แล้วก็ยกปืนขึ้นมาเหมือนพรีเซนเตอร์ตั้งใจจะโฆษณาสินค้า “โอเค เข้าเรื่อง...ที่มึงเห็นอยู่นี่เรียกว่าปืน”

“นึกว่าสากกระเบือซะอีก”

“นี่ปากหรือตูด ขัดแม่งทุกประโยค”

ผมกลอกตาแล้วผายมือให้เขาพรีเซนส์ต่อ

“นี่เรียกว่าปืนเซมิออโต้หรือภาษาบ้านๆ เรียกว่าปืนแม็กกาซีน กระบอกนี้คือปืน Glock 19 กระสุนขนาด 9 มม. เป็นปืนสำหรับใช้งานเลย คุณภาพก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร ข้อดีของมันคือ น้ำหนักเบาเพราะโครงปืนทำจากพอลิเมอร์ พกง่าย ขัดลำกล้องยาก แรงรีคอยล์ต่ำ”

“พูดภาษาคนได้มั้ย”

“กูว่า...ช่างแม่งเหอะ เอาเป็นว่าใช้งานเลยดีกว่า” อีกครั้งที่เหมือนเขานึกหาถ้อยคำ “เริ่มจากบรรจุกระสุน มึงต้องกดปุ่มปลดแม็กแบบนี้” เขาอธิบายพร้อมกับทำให้ดู พอกดปุ่มข้างปืนแม็กกาซีนก็หลุดออกมา “กูจะใส่เข้าไปหนึ่งนัดนะ แล้วก็ตบแม็กกลับเข้าไป ทีนี้พอจะยิงมึงต้องดึงสไลด์ขึ้นลำแบบนี้”

แกร๊ก

ท่าดึงสไลด์ของดูคล่องแคล่วและเหมือนทำง่ายๆ “เอาละมึงทีนี้ นี่คืออันตรายแล้ว กระสุนเข้าไปอยู่ในรังเพลิงเรียบร้อย...ดู” เรือใบดึงสไลด์ค้างไว้และตะแคงปืนให้ดู ซึ่งผมก็อดที่จะชะเง้อมองไม่ได้ เขาปล่อยให้สไลด์ดีดกลับแล้วยกปืนชี้ไปด้านข้าง “พอจะยิงก็ยกขึ้น เล็ง สอดนิ้วเข้าโกร่งไก แล้วก็...ป๊อก ใครก็ตามที่แม่งอยู่ในวิถีกระสุนก็จะเด้งไปนอนที่พื้น ง่ายๆ แค่นี้ เข้าใจมั้ย”

“มั้ง”

“เอาดีๆ”

“เข้าใจ”

“ยังไม่จบ นี่คือกระสุนอยู่ในรังเพลิงแล้วใช่มะ ถ้าเราไม่ยิงแล้วจะเก็บปืนต้องทำยังไง ก็ง่ายๆ ปลดแม็ก แล้วคัดกระสุนออก วิธีคือคว่ำมือดึงสไลด์แบบนี้กระสุนจะดีดออกมาเข้ามือ...เห็นมั้ย จะดึงอีกสองสามทีก็ได้ ดูให้แน่ใจ แล้วก็ดันกลับ ลั่นไกทิ้งหนึ่งที”

แชะ

“โอเคนะ”

“อืม”

“อะ ลองจับดู” เขาส่งปืนให้ผมด้วยท่าทางสบายๆ น้ำหนักมันเบากว่าที่ผมคิดไว้ แต่ก็ไม่รู้จะใช้คำว่าเหมาะมือได้มั้ย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้จับปืนจริงๆ “กฎข้อแรก สอดนิ้วเข้าโกร่งไกเฉพาะตอนที่จะยิงเท่านั้น”

เขาพูดดักทันทีที่ผมกำลังจะทำแบบนั้น

“อย่าหันปลายกระบอกมาทางกู”

“ก็ไม่มีลูกแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ทุกครั้งที่จับปืน มึงต้องคิดไว้ก่อนว่ามันมีลูกอยู่ในรังเพลิง เข้าใจมั้ย...นั่นคือสไลด์ ดึงแรงกว่านั้นหน่อย เออ แบบนั้น ดันกลับแล้วลั่นไกยิงแห้งทิ้งไป...เวร แล้วหันเข้าหน้าตัวเองทำไม”

“ก็แค่จะดูว่าในรูมันเป็นยังไง”

“เรียกว่าลำกล้อง”

ผมหรี่ตามองรูดำมืดที่ปลายกระบอก “ก็รูนั่นแหละ”

“บอกว่าอย่าหันปืนแบบนั้น มึงนี่ สอนลิงแสมยังจะง่ายกว่าอีกมั้งเนี่ย”

“งั้นก็ไปสอนลิงดิ”

เรือใบส่ายหน้า “ลุกขึ้นยืนแล้วยกปืนเล็งซิ” ผมทำตามแบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ “อย่าหันหากู! หันไปทางประตูโน่น...จับปืนแบบนี้ยิงควายยังไม่ถูกเลย มานี่ สอนให้”

ว่าแล้วเขาก็อ้อมมาอยู่ด้านหลังผม ยืนใกล้จนลมหายใจอุ่นรดต้นคอ แขนทั้งสองข้างโอบรอบไหล่ผมมาจัดมือผมที่ถือปืนอยู่ “จับแบบนี้...อย่าเพิ่งสอดนิ้วเข้าโกร่งไกดิวะ เอาทาบโครงปืนไว้ มือขวากำรอบด้ามปืน ใช้อุ้งมือซ้ายมาประกบ แล้วก็ให้นิ้วโป้งทั้งสองข้างชี้ไปข้างหน้า...อย่าวางนิ้วแบบนั้น เดี๋ยวมันติดสไลด์ตอนยิง ให้นิ้วโป้งขวาแนบโคนนิ้วโป้งซ้ายไว้ เออ เกยกันไว้เหมือนคนจะเอากันอ่ะ...”

“ฮะ?” นี่คือคำเปรียบเทียบเหรอ

“แนบๆ กันไว้ไง ถือปืนชิดอกไว้แบบนี้ เรียกว่าท่าพักปืน...” เขากุมมือผมไว้ครู่หนึ่ง ก่อนจะปล่อยให้ผมจับปืนเอง “ทีนี้พอจะยิงก็เหยียดแขนทั้งสองข้างให้ตึง บีบมือให้แน่น ล็อกข้อมือ...ล็อกคือเกร็งไว้อ่ะ ไม่งั้นปืนจะกระดกเยอะ แขนไม่ต้องตึงจนแอ่นขนาดนั้น ศอกงอนิดๆ จะรับแรงรีคอยล์ได้ดี”

“แรงไรนะ”

“ภาษาบ้านๆ ก็แรงถีบอ่ะ ปืนไม่มีตีน แต่แม่งถีบได้...เออ ศอกแบบนี้ ทีนี้ก็ยืนให้มั่นคง ย่อเข่าลงนิดๆ...ทีนี้เล็ง มองศูนย์หน้าให้ชัด จัดศูนย์หน้าให้ตรงกับร่องบากศูนย์หลัง...ทำไมแขนแม่งแอ่นอีกแล้ววะ นิ้วโป้งก็ไม่ถูก”

“ยุ่งยาก” ผมลดแขนลง ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่ารำคาญคำสอนที่ยุ่บยั่บ หรือว่าไม่โอเคกับลมหายใจของเขาที่เป่ารดอยู่แถวๆ ใบหู “จับมือเดียวไม่ได้เหรอ แบบในหนังอะ เท่ๆ”

“อยากเท่ใช่มะ ได้ อ่ะมึงยืนห่างจากกูก้าวนึง ถือมือเดียวเล็งมาที่กู”

ไม่มีเขายืนแนบชิดข้างหลังแล้ว ค่อยหายใจหายคอคล่องขึ้นหน่อย ผมถอยไปหนึ่งก้าว จับปืนมือเดียวและยก...

ฟึ่บ!

“โอ๊ย!”

ไม่ทันได้เล็งด้วยซ้ำ แล้วก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พริบตาเดียวผมก็มาอยู่ในท่าถูกจับบิดแขนและกดคอให้มองเท้าตัวเอง แถมปืนยังถูกแย่งไปจากมือเรียบร้อย

“ปะ...ปล่อย เจ็บ”

เขายอมปล่อย แต่โคตรเกลียดรอยยิ้มได้ใจแบบนี้จริงๆ

“ยังไม่ได้ตั้งตัวแค่นั้นแหละ”

“งั้นลองอีกที” เรือใบส่งปืนกลับมาให้

“แน่จริงก็หันหลังดิ”

“ได้”

เรือใบหมุนตัวหันหลังแล้วยืนนิ่ง ผมมองแผ่นหลังกว้างๆ ของเขาแล้วรู้สึกใจสั่นๆ ชอบกล มันทั้งน่าเกรงขามข่มให้ถอยห่างและขณะเดียวกันก็ดึงดูดให้อยากเข้าใกล้ด้วย โอเค ตั้งสติ คราวนี้ต้องลั่นไกใส่เขาให้ได้ เล็งที่กลางลำตัวไม่มีพลาดแน่นอน

“ยกมือขึ้น” ผมสั่ง

เขาชูสองมือขึ้นข้างศีรษะในท่ายอมแพ้ ทันใดนั้นผมก็ดึงสไลด์แล้วก็ยกปืนขึ้น

แกร๊ก!

ฟึ่บ!

เสี้ยววินาทีปืนในมือผมก็ถูกปัดเฉไปทางซ้าย พร้อมกับตัวเขาหมุนมาด้านขวา ในจังหวะที่ต่อเนื่องกันสุดๆ แขนผมก็ถูกจับบิดขึ้นสูงและคอถูกกดจนเข่าทรุด ปืนที่ควรจะลั่นดังแชะก็ไม่ลั่น เพราะผมยังไม่ทันได้สอดนิ้วเข้าโกร่งไกด้วยซ้ำ

“เจ็บๆๆ โอ๊ย...”

“สงสัยต้องจัดคอร์สต่อสู้ประชิดตัวให้มึงหนักๆ ซะแล้ว” เขายอมปล่อยให้ผมลุกขึ้นยืน

ไอ้เถื่อน! บิดอีกนิดเดียวก็แขนหักแล้วมั้งเนี่ย

แต่ปืนยังอยู่ในมือผม แถมขึ้นลำไว้แล้วเรียบร้อย จังหวะที่เขาไม่ทันตั้งตัวเพราะมัวแต่โม้ผมก็ขยับพรวดถอยไปสามก้าว และยกปืนขึ้นด้วยมือเดียว

แชะ!

กระสุนอาจจะเข้าเป้าหรือไม่ก็ได้ เพราะในจังหวะลั่นไกผมเห็นเขากระตุกตัวก้มหลบทันที และอีกครั้งที่ผมมองการเคลื่อนไหวของเขาแทบไม่ทัน ปืนในมือผมถูกตะปบยกสูงข้ามไหล่เขา ลำตัวเบียดแนบชิด ใบหน้าก้มนิดๆ อยู่ข้างหูผม “กูว่าไม่โดน แม่งโคตรช้าเลย”

เดี๋ยวนะ นี่พี่แกเป็นนินจาเหรอ...

หัวใจผมเต้นโครมคราม ทำไมเสียงต้องทุ้มๆ กรุ้มกริ่มแบบนี้ด้วยวะ

ผมชักเท้าถอย “ไม่เล่นแล้ว เอาคืนไป” ว่าแล้วยัดปืนใส่ตัวเขาซึ่งเขาก็ตะปบรับไว้ก่อนมันจะเลื่อนตกลงพื้น

“เดี๋ยวดิ ยังไม่จบ”

“เชิญคุณเล่นไปคน...เฮ้ย อะไรเนี่ย”

เขารวบตัวผมจากด้านหลังและรัดไว้แน่น “การบ้าน” คางเกยบนไหล่ผม น้ำเสียงต่ำและเบาลงอีกระดับ “ถูกกอดจากข้างหลัง แก้ยังไง”

“ปล่อย...ปล่อยสิวะ!”

“พูดไม่เพราะ ต้องรัดให้แน่นกว่าเดิม”

ทั้งดิ้น สะบัด เขย่ง แต่ก็เหมือนไม่มีทีท่าว่าจะหลุดเลย จะใช้ศอกกระทุ้งก็ไม่ได้ เขารัดตรงข้อศอกพอดีและกดแนบกับลำตัวจนแทบกระดิกไม่ได้ ลมหายใจของเขาร้อนผ่าวยิ่งกว่าเดิม

“ตัวคุณร้อน”

“เหรอ อืม...”

“ปล่อยดิ”

“ก็ทำให้กูปล่อยดิ”

“อึดอัด หายใจไม่ออก”

“คิดสิ ว่าต้องทำยังไง”

ผมหยุดดิ้นรน แล้วใช้น้ำเสียงแบบผู้ใหญ่ที่มีเหตุผลคุยกัน “ปล่อย”

“ถ้าไม่หาทางแก้ก็แล้วแต่นะ” แต่น้ำเสียงที่เขาพูดกลับมา ดูไม่ต่างจากเด็กที่กำลังเห่อของเล่นชิ้นใหม่ “แรงกูยังเหลืออีกเยอะ...จะให้กอดมึงทั้งคืนเลยก็ยังได้”

หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 21-22 ร.รัด/ร.ร้อน] 17.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 17-07-2018 19:08:50
กระสุนนัดที่ 22
ร.ร้อน



[เรือใบ]


ก๊อก ก๊อก ก๊อก 

เสียงเคาะประตูฉุดผมจากภวังค์ ความคิดที่กำลังไหลเรื่อยเปื่อยฟุ้งกระจายเหมือนฝูงแมลงตื่น

“ไม่ได้ล็อก” ผมเก๊กเสียงเข้ม ดึงสติกลับสู่ปัจจุบัน

ประตูเปิดออก สายธารเดินเข้ามาด้วยท่าทีปกติธรรมดา หมายถึงธรรมดาจริงๆ เขาไม่เกร็ง หรือว่าลอบมองสำรวจโน่นนี่ เก็บความรู้สึกเก่งแบบนี้ครูฝึกด้านสายข่าวชอบเลย

หรือว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไร

ตอนเย็นที่ฝึกต่อสู้ประชิดตัวกัน ผมกอดเขาไว้ร่วมๆ ห้านาที หลังจากที่ดิ้นรนทุกวิถีทางแล้วสุดท้ายสายธารก็แก้ด้วยการบิดเนื้อตรงต้นขาผมไปเรื่อยๆ ผมทนไหวนะ ต่อให้เขาบิดแรงๆ ก็คิดว่าคงทนได้อีกนาน แต่สักพักหนึ่งเหมือนเขาจะบิดเบาลงและทิ้งช่วงนานขึ้น

เขาไม่พูดอะไร

ผมก็ไม่พูด

ขณะที่ผมโอบรอบตัวเขาอยู่ ความเงียบก็โอบล้อมเราไว้อีกชั้น พอถึงจุดหนึ่งผมก็ไม่อยากแกล้งเขาต่อ แต่อยากเห็นหน้าเขามากกว่า

ผมเลยคลายอ้อมแขนออก โดยเตือนตัวเองไม่ให้หลุดยิ้มตอนเขาหันกลับมา

แต่สายธารไม่หัน เขาเดินไปทิ้งตัวนอนที่โซฟาเลย

ผมยืนเคว้งอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดทิ้งท้าย “ไอ้บิดขานี่คงไม่ทำให้โจรปล่อยหรอก มึงนอนคิดให้ดีๆ ว่าจะแก้ท่านี้ยังไง” พูดจบก็กลับเข้าห้องตัวเองทันที

ตอนนี้เริ่มดึกแล้ว ผมนั่งอยู่บนเตียงโดยมีผ้าขนหนูปูแผ่อยู่ตรงหน้า บนผ้ามีชิ้นส่วนปืนลูกโม่ที่ถูกถอดเป็นชิ้นๆ

“ว่าไง” ผมยังใช้น้ำเสียงเข้มขรึมทักทายเขา แล้วก็หยิบด้ามปืนขึ้นมาขัดใหม่ทั้งที่เพิ่งขัดเสร็จไปแล้ว

“เห็นคุณตัวร้อน เลยเอายาเข้ามาให้”

“มึงลงไปเซเว่นมาเหรอ”

“เปล่า ก็ซื้อมาจากตอนที่ไปห้างกัน”

“อ้อ ขอบใจ”

สายตาเนือยๆ ของเขามองชิ้นส่วนปืน

“ปืน” ผมอธิบาย ซึ่งค่อนข้างจะงี่เง่า “ปืนลูกโม่ Smith & Wesson 686 กระสุน .357 แม็กนั่ม ลำกล้อง 2.5 นิ้ว ด้ามจับแฮนด์เมด ใช้งานง่าย ไม่มีขัดลำกล้อง ไม่คายปลอกไว้เป็นหลักฐาน...” ยิ่งอธิบายแม่งยิ่งไปกันใหญ่ เปลี่ยนเรื่องดีกว่า “นั่งดิ”

เขายอมนั่งลงที่เตียง “ทำไมคุณถึงเอาปืนมาทำความสะอาด เห็นอะไรไม่ชอบมาพากลเหรอ”

“ก็เตรียมพร้อมไว้” ผมตอบไปกลางๆ แต่เหตุผลที่แท้จริงน่าจะเป็นเพราะคำถามตอนนั้นของเขามากกว่า  ถ้าคุณเคยเสียคนรักไปจริง ทำไมดูไม่เศร้าล่ะ พูดถึงเรื่องนั้นทีไรเป็นต้องอยากหยิบปืนกระบอกนี้มาทำความสะอาดทุกที

“โอเค”

“หรือมึงเห็นอะไรล่ะ ไม่ชอบมาพากลที่ว่า”

สายธารนิ่งอยู่ชั่วครู่ “ผมไม่ได้ถูกฝึกมาให้สังเกตสิ่งผิดปกติแบบคุณ ต่อให้คนร้ายมายืนอยู่ต่อหน้าผมก็ไม่รู้หรอก”

“นั่นน่ะสิ เดี๋ยวเอาไว้กูพามึงไปฝึกยิงให้เป็นเรื่องเป็นราวที่สนามซ้อม”

“ไม่เป็นไร”

“เออน่า”

“ผมไม่ชอบเสียงดัง”

“ฝึกไว้ดีกว่า เผื่อมีอะไร...”

“ผมก็มีคุณอยู่แล้วนี่ คุณบอกจะดูแลผม” ถ้ายิ้มตอนนี้หน้าผมต้องดูงี่เง่าแน่ๆ เหมือนเด็กที่เอาปืนของเล่นออกมาโชว์และถูกชมว่าโตขึ้นอาจจะได้เป็นซูเปอร์แมนนั่นแหละ

“ไปละ อ่ะ นี่ยา” เขาทำท่าจะลุกขึ้น คล้ายกับไม่ชอบใจตัวเองอยู่เหมือนกันที่พูดอย่างนั้นออกมา

“ต้องกินยังไง” ผมเก๊กเสียงขรึม

“กินทางปาก”

“อ๋อ ต้องกินทางปากนี่เอง เพิ่งรู้นะเนี่ย” แล้วผมก็ยิ้มจนได้ “กินกี่เม็ด”

“นี่คุณไม่เคยกินยาพาราเลยเหรอ”

“ไม่รู้”

“ยังตัวร้อนมั้ยล่ะ”

“กูจะรู้ได้ไงว่าตัวร้อน” ผมยกหลังมือแตะหน้าผากตัวเอง กลอกตามองบนไปมา “ถ้ากูตัวร้อน แล้วเอามือร้อนๆ แตะตัวเอง กูจะรู้ได้ไงล่ะว่านี่คือร้อนแล้ว”

“โวะ มันจะยากอะไรขนาดนั้น”

ว่าแล้วสายธารก็โน้มตัวเข้ามา เอื้อมมือมาแตะหน้าผากผมค้างไว้ นี่ใช่ฤกษ์งามยามดีที่จะพูดอะไรหรือเปล่า

“...”

“...”

ตาสบตาในระยะประชิด เงาสะท้อนของผมสั่นไหวอยู่ในดวงตาฉ่ำเยิ้ม แต่ยังห่างไป ผมอยากเห็นว่าเงาตัวเองยิ้มอยู่มั้ย

“ระ...” ทันทีที่ผมขยับใบหน้าเข้าไป สายธารก็รีบดึงศีรษะกลับไป “ร้อน คงเป็นไข้แหละ”

จังหวะนี้...

บอกแบบแมนๆ ไปเลย

“ตะ...ต้องกินกี่เม็ด!”

“คุณจะเสียงดังทำไม”

“เออน่า กินกี่เม็ด”

“ไม่รู้”

“อ่าว”

“จะกินเป็นกำก็แล้วแต่ ผมไปละ”

“เดี๋ยว”

สายธารที่ลุกขึ้นเดินไปแล้วหันกลับมา เป็นภาษาร่างกายที่ทั้งสนใจและไม่สนใจ ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันรวมอยู่ในขณะเดียวกันได้ยังไง

“อะไร” เขาถาม

“กู...”

“...”

“กูจะถามว่า มึงเบื่อรึเปล่า อยากออกไปไหนมั้ย”

เขานิ่ง ก่อนจะยักไหล่

“กูบอกตั้งนานแล้ว ที่ชั้นสิบหกเป็นคลับเฮาส์ มีสระว่ายน้ำกับฟิตเนส”

“ผมไม่ใช่สายออกกำลัง”

“งั้นก็โน้ตบุ๊กอยู่นั่น เอาไปเล่นได้ จะดูหนังก็ได้ กูสมัคร Eflix ไว้แต่ไม่ค่อยได้ดูเท่าไหร่ แล้วก็ถ้าเจอหนังแนวหลงทางก็บอกกูด้วย”

“ได้” เขาไปหยิบโน้ตบุ๊กบนโต๊ะเดินไปที่ประตู

จังหวะนั้นมันผ่านไปแล้ว

คำที่ควรจะพูดไม่พูด คำที่ไม่น่าพูดกลับพยายามดันผ่านลำคอขึ้นมา ผมแอบเม้มปากไว้ แต่ก็ทนไม่ไหวจนได้

“เอ้อ ถ้าเจอคลิปชื่อคืนนรกแตกอย่าไปมือลั่นแชร์ลงโซเชียลล่ะ”

“คืนนรกแตก?”

“คลิปกูนัวเนียกับสาวๆ น่ะ”

สายธารกลอกตามองบน “ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่ใช่พวกติดโซเชียล”

“คลิปขี่ม้าส่งเมืองด้วย อันนี้อ่ะสุดๆ แล้ว”

ปึง

ผมพยายามจะไม่พูดแล้ว แต่มันอดไม่ได้จริงๆ




_______________________________

สงสารสายธารที่สุดในโลกละค่ะที่มาเจอคนแบบเรือใบ น้องงงงงงง 555555555
ฮือออออ วันนี้ลงให้ทีเดียวในนี้สองตอนนะคะ <3
ใครอ่านแล้วฝากเมนต์กันโหน่ยน้า ชอบอ่านเมนต์มากๆ เลยค่ะ


รักน้าาา <3

นางร้าย 17.07.18


หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 21-22 ร.รัด/ร.ร้อน] 17.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-07-2018 02:45:41
จับปืน ยิงปืน ประกอบปืน นัวเนียกันซะ  :heaven
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 21-22 ร.รัด/ร.ร้อน] 17.07.18
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 20-07-2018 16:38:54
ใกล้ชิดกันมากขึ้นๆทุกที


ปล.เย่ ตามทันแล้ว
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่23-24 ร.ร้อนๆหนาวๆ/ร.ราง] 23.7.18
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 23-07-2018 19:21:35
กระสุนนัดที่ 23
ร.ร้อนๆ หนาวๆ



[สายธาร]

ผมเข้าเว็บไซต์ Eflix แหล่งรวมหนังและซีรี่ส์ยอดฮิตของยุคนี้ ผมเลื่อนดูผ่านๆ อยู่สักพัก ก่อนจะสุ่มเลือกเปิดหนังเรื่องหนึ่งจากหมวดหนังคอมเมดี้

ดูไม่รู้เรื่อง

ไม่รู้ว่าหนังห่วยหรือว่าเพราะไม่มีสมาธิมากพอ

ผมเลยกดปิดเว็บไซต์ไป นั่งมองหน้าจอเปล่าๆ ที่วอลเปเปอร์น่าจะเป็นตัวละครหลักจากเกมแนวยิงโหดระห่ำสักเกม แล้วก็ตัดสินใจกดเข้าเฟซบุ๊ก หวังว่าจะได้เห็นหน้าโปรไฟล์ของเขาที่ล็อกอินค้างไว้

แต่เปล่า มันเด้งไปที่หน้าแรกให้กรอกอีเมลและรหัสผ่านเลย เขาอาจจะไม่มีเฟซบุ๊กเลยก็ได้

ช่างเถอะ นอนดีกว่า

แต่...

มือผมยังไม่ยอมกดปิดเครื่อง ใจคันยิบๆ อยากรู้ให้ได้ทั้งที่ผมคิดอยู่แล้วว่ามันไม่มีอะไรหรอก

เอาวะ ให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

ผมคลิกเปิดช่องค้นหาไฟล์ขึ้นมา พิมพ์ลงไปทีละตัวช้าๆ ว่า ขี่ม้าส่งเมือง แล้วเลื่อนนิ้วมาที่ปุ่มเอนเทอร์

ไม่ดีกว่า มันอาจจะโหดไป เปลี่ยนเป็นอีกอันละกัน

คืนนรกแตก

ผมสูดหายใจเข้า หันมองไปทางประตูห้องนอนเขาที่ยังปิดสนิทดี จากนั้นก็กดปุ่มเอนเทอร์เบาๆ


หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่23-24 ร.ร้อนๆหนาวๆ/ร.ราง] 23.7.18
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 23-07-2018 19:29:47
กระสุนนัดที่ 24
ร.ราง



[เรือใบ]

พอสายธารออกจากห้องไป  รอยยิ้มของผมก็ค่อยๆ หายตามไปด้วย ความเงียบแผ่คลุมมาจากตรงไหนสักที่จนเข้าถึงตัวผม เหมือนที่วาทะเซ็นกล่าวไว้ เสียงของความเงียบคือเสียงที่ดังที่สุด นี่เรื่องจริงเลยละ เมื่อทุกอย่างเงียบลง เสียงความคิดเราจะดังขึ้น โดยเฉพาะความคิดลบๆ จากความผิดพลาดในอดีต

ผมเรียนรู้ที่จะไม่ฟังเสียงพวกนั้นแล้ว เลิกขยี้ตัวเอง และลาขาดจากวงการดราม่า แต่ตอนนี้ปืนลูกโม่ที่ประกอบเรียบร้อยแล้วหนักอึ้งอยู่ในมือผม ปืนที่ผมใช้ก่อเหตุในคืนนั้น...

เวร

ความคิดพวกนี้เหมือนกับเห็บไม่มีผิด เผลอไม่ได้ กระโดดเกาะมาสูบเลือดสูบเนื้อทันที

ผมพลิกปืนไปมา ก่อนจะถอดชิ้นส่วนมันอีกรอบเพื่อจะได้โฟกัสอยู่กับปัจจุบัน ทำช้าๆ ฆ่าเวลาไปเรื่อย จนประกอบเสร็จ

เวลาเกือบเที่ยงคืน สายธารหลับไปแล้วมั้ง

ผมเปิดประตูห้องนอนออกมาเพื่อมาดื่มน้ำ ปรากฏว่าสายธารดูหนังอยู่ เขาเลื่อนโต๊ะมาตั้งตรงหน้าโซฟาและวางโน้ตบุ๊กไว้บนนั้น ทำให้มันอยู่ในระดับสายตาพอดี

“เรื่องอะไร” ผมเดินไปค้ำตัวด้านหลังโซฟา “คืนนรกแตกเหรอ”

“คืนนรกแตกบ้าบออะไร ไม่เห็นจะมี”

“เอ้า มีนะ เป็นหนังผีเก่าๆ เกือบยี่สิบปีได้แล้วมั้ง...เอ๊ะ ที่ไม่เจอ หรือเพราะมึงค้นหาไฟล์ในเครื่อง”

“...”

“นี่มึงอยากดูกูเล่นหนัง AV จริงๆ ดิ”

“ขี้โม้”

“โม้ไร กูย้ายไฟล์ไปไว้ในแฟลชไดร์แล้วต่างหาก แล้วตอนนี้ก็เก็บไว้ในตู้เซฟที่ธนาคารโน่น”

“เหอะ”

ผมซ่อนรอยยิ้มไว้ แล้วเดินอ้อมโซฟาไปนั่งลงข้างๆ เขา

“มาใกล้อะไรขนาดนี้ เถิบไปหน่อย”

“ก็จอมันเล็ก มองไม่เห็น” ผมพูดพร้อมกับตวัดแขนพาดคอเขาไว้ “แบบนี้ค่อยถนัดหน่อย”

“นี่คุณ เอาแขนออก”

“นี่เรื่องอะไรนะ...Home Alone ใช่มะ”

“เอาแขนออกไป”

“เด็กนรกสู้กับโจรขึ้นบ้าน หนังเก่าโคตร” ผมหันมองเขา ด้วยระยะที่ใกล้มากเลยทำให้ปลายจมูกเราเกือบชนกัน สายธารที่พยายามแกะแขนผมออกอยู่ถึงกับชะงัก “ทำไมดูเรื่องนี้”

“...”

“...”

เขาเงียบ ผมก็เงียบ เหมือนกับว่ากำลังเล่นเกมจ้องตากันอยู่

เอาสิ เกมนี้ผมไม่แพ้แน่นอน

นั่นไง ไม่ถึงนาทีก็หันไปมองจอละ

“ร้อน” เขาพูดเสียงขรึมและกอดอก “อึดอัด”

โชคดีรีโมตแอร์อยู่แถวนี้ ผมเลยหยิบมากดเร่งแอร์ให้เย็นขึ้น “กูถามว่าทำไมดูเรื่องนี้”

“เข้ากับชีวิตมั้ง” เขาหันมาแกะแขนผมอีก คราวนี้ผมยอมยกแขนขึ้นและพาดไว้บนพนักพิงด้านหลังเขาแทน

“ยังไง”

“อยู่บ้านกับคนเลวๆ ไง”

“เจ็บนะเนี่ย” ผมหัวเราะ “เวลากูหลับจะได้แอบเอากระทะตีหัวงั้นเหรอ หรือว่ามัดติดกับเตียงแล้ว...”

“อะไร”

“นั่นสิ คิดอยู่ ถ้ากูโดนมัดติดกับเตียงแล้วมึงจะทำอะไร”

“...”

“พูดมา”

“ปล่อยรังมดใส่มั้ง”

“เหรอ นึกว่าอย่างอื่นซะอีก”

“เงียบไปเลย จะดูหนัง”

“แถวนี้ไม่มีรังมดนะ”

“ถ้าไม่เงียบก็ปิด แยกย้ายไปนอน”

“โอเค ดู”

ผมหันไปดูหน้าจอด้วย ขณะที่สมองคิดสะเปะสะปะไม่เป็นเรื่อง แขนที่พาดอยู่บนพนักพิงทำท่าจะเลื่อนตกลงมาเอง แต่ผมก็ฝืนไว้ให้มันอยู่นิ่งๆ

หนังมาถึงช่วงท้ายแล้ว ดูอีกสักพักเด็กแสบเควินก็จัดการคนร้ายขั้นเด็ดขาด

“มีหนังหลงทางมั้ย หรือแนวสายลับก็ได้” ผมเอียงศีรษะไปหาสายธาร “ดูกัน”

“ง่วงแล้ว”

“ทีกูยังดูเป็นเพื่อนมึงเลย มึงก็ต้องดูเป็นเพื่อนกูบ้าง” ผมโน้มตัวไปกดเลื่อนดูที่หน้าแรกของเว็บไซต์ อ่านเรื่องย่อของหนังแต่ละเรื่องผ่านๆ ก่อนจะกดเปิดหนังเรื่องหนึ่ง

“โอเค เริ่ม”

สายธารถอนหายใจ “เรื่องอะไร”

“ที่วิ่งในเขาวงกตอะ”

“เมซรันเนอร์”

“เออ”

“ทำไมเจาะจงว่าต้องหลงทางอะไรงี้” 

เพราะมันเข้ากับชีวิตกูตอนนี้มั้ง ผมคิด แต่พูดไปอีกอย่าง “ตลกดี ตื่นมาจำอะไรไม่ได้แล้วก็วิ่งแม่งทั้งเรื่อง”

“ถ้าเคยดูแล้วจะดูทำไมอีก”

“เออน่ะ ดูๆ ไป”

เราเงียบกันไปอีก

ไม่พูดอะไรกันเลย จนกระทั่งหนังเล่นไปเกือบครึ่งเรื่องผมก็สังเกตเห็นว่าสายธารเริ่มสัปหงกนิดๆ คอตกตาปรือ สองมือวางแปะบนตัก ผมเอื้อมไปกดลดเสียงโน้ตบุ๊กเพื่อไม่ให้รบกวนเขา ก่อนจะกลับมานั่งพาดแขนเหมือนเดิม

ไม่ถึงห้านาทีศีรษะของสายธารก็ซบลงมาบนไหล่ผม

แขนที่พาดอยู่บนพนักพิงเลื่อนลงมาโอบไหล่เขาไว้โดยอัตโนมัติ มุมปากก็ขยับเป็นรอยยิ้มได้เองราวกับไม่ผ่านการสั่งของสมอง

ผลักหัวมันออกดิวะ

โวยวายดังๆ แล้วเข้าไปนอน

แต่ร่างกายผมกลับนั่งนิ่ง สายตายังคงมองหน้าจอดูโทมัสตัวเอกของเรื่องกับเพื่อนๆ วิ่งอยู่ในเขาวงกต ซึ่งกำแพงก็บีบตัวเข้ามาเพื่อปิดทางหนีไว้ แต่ใจผมจดอยู่อยู่บริเวณหัวไหล่ของตัวเอง จุดที่ไออุ่นของสายธารค่อยๆ ซึมผ่านเนื้อผ้าเข้ามา

แม่ง เกิดอะไรขึ้นกับผมวะ

ไอ้เด็กนี่แอบป้ายน้ำมันพรายผมรึไง



ตอนเช้าผมลุกมาชงกาแฟเอง สายธารยังนอนอยู่บนโซฟา เขาตื่นงัวเงียตอนที่ผมใช้ช้อนคนแก้วเบาๆ เจ้าตัวยกมือขยี้ตาอย่างกับเด็กห้าขวบ หัวก็ฟูไม่เป็นทรงอีก โรคเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ของผมพลันกำเริบตะหงิดๆ อยากจะจัดปอยผมของเขาให้เป๋ไปด้านข้างอีกนิด

“กี่โมงแล้ว” เขาถาม

“โทษที กูทำมึงตื่น”

“ทะ...ทำอะไร”

ผมคนแก้วให้เสียงดังขึ้น

“คุณทำอะไรผม”

“ก็นี่ไง ชงกาแฟ เสียงดังมึงเลยตื่น””

เขาถอนหายใจเหมือนโล่งอก ยกมือนวดบริเวณกรามเบาๆ

“แต่เมื่อคืนนี้น่ะ...” ผมผ่อนน้ำเสียงลง “ทำยังไงก็ไม่ตื่น”

เขาเงยหน้าทันที “ทำอะไร แล้วทำไมต้องยิ้มแบบนั้นด้วย”

ในที่สุดผมก็ทนไม่ไหว ต้องเดินเข้าไปและลงมือจัดปอยผมให้เขา เจ้าตัวเอียงหัวหลบพร้อมกับชักสีหน้ากลับมาให้

“ปัดไปทางนี้ดูดีกว่า ไม่รู้ตัวรึไง”

“ไม่ต้องยุ่ง” เขาปัดมันกลับทางเดิม แถมยังขยี้หัวให้ยุ่งฟูไปหมด “ถามว่าเมื่อคืนทำไม เล่ามา”

“เปล๊า ก็แค่เปิดหนังเสียงดังแต่มึงก็ยังหลับไม่รู้เรื่อง ขี้เซาจริงๆ ทำไม คิดว่ากูจะลักหลับมึงเหรอ ฝันไปเหอะ คิด
อะไรเสื่อมๆ นะมึงอ่ะ”

“...”

“...”

เอาอีกละ ปากกู เริ่มจะปล่อยหมาอีกแล้ว

รอยยิ้มผุดตรงมุมปากเขานิดๆ เป็นรอยยิ้มที่ดูเคร่งขรึมและห่างเหิน

“ดีแล้วละ” เขาลุกขึ้นเดินห้องน้ำ

“ดีอะไรวะ เฮ้ย! เดี๋ยวดิ พูดให้เคลียร์ก่อน อย่ามาเดินหนีกูแบบนี้นะเว้ย...”

สายธารหยุดตรงหน้าห้องน้ำ และหันมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ดีแล้วที่คุณไม่คิดอะไร แล้วก็ดีแล้วที่ยังด่าว่าผมแบบนี้”

ปึง

เขาเข้าห้องน้ำไปแล้ว

จุก

ทำไมจุกวะ

เหมือนคำพูดมันต่อยเข้าที่ท้องเลย ไม่ได้ด่าว่าอะไรสักหน่อย แค่แกล้งแซวเล่น ทำเป็นจริงจังไปได้

ผมเขย่งตัวนั่งบนโต๊ะกินข้าว หย่อนขาสบายๆ จิบกาแฟรอโดยยังมองประตูห้องน้ำอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งเจ้าตัวกลับออกมานั่งที่โซฟา ที่คอของเขามีผ้าขนหนูผืนเล็กพาดอยู่ ใบหน้าดูสะอาดสะอ้าน ปอยผมข้างหน้าเปียกชื้นนิดๆ โดยแต่ละเส้นอยู่องศาที่ดี ถึงจะไม่เป๊ะตามที่ผมอยากให้เป็นก็เถอะ

เขายกมือนวดกรามอีก

“เป็นอะไร” ผมถาม

“เปล่า”

“บอกมาเหอะน่า อย่าลีลา ทำหน้าเหมือนขี้ไม่ออกแบบนี้”

“ปวดฟันนิดหน่อย”

“ขี้เกียจแปรงฟันล่ะสิมึง” ผมลงจากโต๊ะมาโน้มตัวมองหน้าเขา “ไหนดู”

“แปรงตลอด นี่ฟันคุดต่างหาก”

“ดูซิ”

“ไม่เอา”

ผมมองหน้าเขา แล้วตัดสินใจอย่างรวดเร็ว “ไปแต่งตัว”

“ไปไหน”

“ไปหาหมอสิวะ”

“ไม่เป็นไร ไม่ได้ปวดอะไรมาก แค่เคืองๆ”

“มึงกลัวหมอฟันเหรอ”

“มะ...ไม่ใช่ซะหน่อย”

“งั้นก็ไปแต่งตัว”

หลังจากแถลงนโยบายโต้กันอยู่พักหนึ่ง ผมก็ลากเขามาขึ้นรถจนได้ เราเงียบกันอยู่นานตั้งแต่ขับรถออกมาจากคอนโด สายธารเหมือนจมอยู่ในโลกสีเทาของตัวเองอีกแล้ว

“เศร้าอีกแล้วนะ” ผมพูดลอยๆ

“เปล่า”

“ทำหน้างี้ คงมีความสุขหรอก”

“หน้าปกติผมก็เป็นงี้”

“มึงเศร้า”

“เอาเถอะ แล้วแต่จะคิด”

“อย่างกับคนอกหัก คิดถึงแฟนเก่ารึไง”

“คุณจะไปรู้อะไร”

“ใช่ กูจะไปรู้อะไรล่ะ ก็มึงไม่เล่า”

“เลิกคุยกันดีกว่า เงียบๆ ไป”

ผมยอมเงียบไปชั่วอึดใจ “ยิ้มซิ แล้วกูจะเงียบ”

เขาเหลือบมองผมด้วยหางตา “อยู่กับคนอย่างคุณใครจะยิ้มออก”

“เหรอ งั้นแบบนี้ล่ะ”

“เฮ้ย! อะ...อะไร อย่าจี้เอว...”

สายธารหลุดขำพรืด

“อะ เก่งจริงก็อย่ายิ้ม นี่ๆๆๆ” ผมโจมตีเอวเขาซ้ำๆ “อยู่กับคนอย่างกู อย่ายิ้ม อย่าหัวเราะ”

“อย่า! โอ๊ย ฮ่าๆ หยะ...หยุด” เขาดิ้นหลบพลางกลั้นขำ “เดี๋ยวรถก็ชนหรอก”

ผมหันมองถนน กุมพวงมาลัยด้วยมือขวา ส่วนมือซ้ายยังยกค้างไว้เป็นเชิงขู่ขณะที่เขาก็มองอย่างหวาดๆ พอผมแกล้งจะแหย่อีกเขาก็สะดุ้ง

“ขี้โกง”

“หึ”

เขายิ้ม ก่อนจะเบือนหน้าหลบไปมองข้างทาง

ผมยิ้ม แล้วหันไปขับรถเงียบๆ

ไม่นานเราก็ไปถึงคลินิกทำฟันที่ประจำของผม เวลาสายๆ วันธรรมดาแบบนี้แทบไม่มีลูกค้าและผมก็โทรมานัดก่อนแล้ว พนักงานสาวที่เคาน์เตอร์ต้อนรับเราอย่างกระตือรือร้นปานจะกลืนกิน มองแวบเดียวก็รู้ว่าสายธารรับมือกับสาวๆ ไม่เก่ง ผมเลยกระโดดเข้าไปรับหน้าแทน พิฆาตเธอด้วยรอยยิ้มน้อยๆ นำร่องไปก่อน แล้วค่อยบอกข้อมูล

“นี่ครับ คนไข้ ปวดฟันเพราะไม่ค่อยแปรงฟัน คงจะผุไปถึงรากฟันละมั้ง ถ้าถอนได้ก็ถอน ผ่าได้ก็ผ่าเลย ฝากบอกคุณหมอด้วยนะครับว่ามือหนักได้เต็มที่”

สายธารอ้าปากจะเถียง แต่ผมรีบตัดบท “เดี๋ยวกูออกไปหาไรกินหน่อย มึงอยู่นี่แหละ เดี๋ยวหมอก็เรียกขึ้นเขียงแล้ว”

จากนั้นผมก็ปล่อยให้เขาเผชิญโชคชะตาตามลำพัง

ฝั่งตรงข้ามมีเซเว่นอยู่ ผมเดินข้ามถนนไปและได้แซนวิชกับนมติดมือออกมา ผมเห็นแต่แรกแล้วว่ามีหมอดูไพ่ตั้งโต๊ะรอฮุบเหยื่ออยู่ข้างๆ เซเว่น ผมไม่เคยสนใจเรื่องโชคลาง ออกจะเอนไปทางดูหมิ่นดูแคลนด้วยซ้ำ แต่จังหวะจะเดินผ่านเสียงไอ้โอมก็ผุดขึ้นมาจนผมหยุดชะงัก เออ ดูฤกษ์ยามดีๆ พอได้จังหวะก็บอกแบบแมนๆ ไปเลย

“ดูดวงมั้ยจ๊ะ แม่นๆ เลย”

“ไม่อ่ะ”

“เดี๋ยวๆ ช่วงนี้มีโปรนะ ดูให้ฟรีเลยหนึ่งเรื่อง การงาน การเงิน ความรัก ถามได้หมดเลย ถ้าแม่นเราค่อยคบหาดูไพ่กันต่อ”

รอยยิ้มแม่หมอกว้างซะจนเหมือนว่าผมเป็นหมอฟันขอตรวจคราบหินปูน อายุเธอน่าจะไม่ต่ำกว่าสี่สิบ อยู่ในชุดกระโปรงยาวลายพร้อย ดูเข้ากับพวงลูกปัดและสร้อยข้อมือ ของพวกนี้สวมใส่มาเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ แทบจะเหมือนกับเอาป้ายมาแขวนคอว่า เฮ้ย ดูดิ เจ้สืบเชื้อสายมาจากชาวยิปซีแท้ๆ เลยนะ

ยิปซีเสินเจิ้นล่ะไม่ว่า

แต่ผมก็ตัดสินใจนั่งลง ไม่ใช่เพราะสนใจอยากดูดวง แต่กำลังหาที่นั่งกินแซนวิชพอดี

“โอเค วางมือบนไพ่จ้ะ...”

“กินไปด้วยได้มั้ย”

“ได้ๆ ถ้าหิวขนาดนั้น...ทีนี้ก็วางมือบนไพ่นะ ตั้งจิตตั้งใจให้ดี แล้วอธิษฐานว่าอยากรู้เรื่องอะไร ป้าจะดูให้ฟรีก่อนเลยหนึ่งเรื่อง”

“ป้ามีเชื้อจีนรึเปล่า”

“ใช่ รู้ได้ไงเนี่ย ถือว่ามีเซนส์นะคุณอ่ะ”

เซนส์ไร ดูหนังตาเจ้ก็รู้แล้วมั้ง

ผมวางมือบนไพ่ที่ดูจากสภาพแล้วน่าจะผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ อีกมือก็ส่งแซนวิชเข้าปากไปด้วย

“อธิษฐานยัง”

“ขอให้แม่น”

“โอเค อยากรู้เรื่องอะไร”

“ความรัก”

“นึกว่าจะเลือกเรื่องงานซะอีกนะเนี่ย โอเคๆ แป๊บนะ” ป้าคลี่ไพ่เป็นแนวครึ่งวงกลม สุ่มหยิบมาสามใบ แล้วเปิดแต่ละใบช้าๆ ราวกับกลัวว่ามันจะแตกหัก

แล้วก็นิ่งไป

“ว่าไงป้า”

“อืม...ความรัก มีทั้งคนเก่าและคนใหม่เข้ามาเกี่ยวข้อง คนปัจจุบันนี้มีอิทธิพลกับคุณมากนะ แต่มันจะดูแปลกๆ หน่อย”

“แปลกยังไง”

“เหมือนว่าเป็นความรักที่คุณไม่เคยเจอ น่าตื่นเต้นอะไรแบบนี้ แต่เป็นช่วงเริ่มต้นรึเปล่า เหมือนว่ามันจะคลุมเครืออยู่ ยังไม่ค่อยชัดว่าความสัมพันธ์จะไปทางไหน แต่ไม่น่าจะนานนะ มีไพ่ผู้ตัดสินขึ้นมา แสดงว่าอีกไม่นานก็จะรู้ผล”

ผมส่งแซนวิชคำสุดท้ายเข้าปาก ตามด้วยยกขวดนมขึ้นดื่ม

“แล้วผลก็...มันเป็นได้ทั้งสองทาง ถ้าดีก็จะดีไปเลย แต่ถ้าแย่ก็อาจจะถึงขั้นขาดกัน”

“พอละ” 

“แต่...”

“ไม่แม่น” ผมลุกขึ้นควักกระเป๋าสตางค์ หยิบแบงก์ร้อยวางลงบนโต๊ะ “ไม่แม่นตั้งแต่มันมีอิทธิพลกับผมละ บายป้า”


_____________________________

ทำไมเป็นบุคคลที่ซึนที่สุดในโลกขนาดนี้นะพี่เรือนะ <3
รักนักอ่านมากๆ เลยนะคะ ^ ^
รออ่านคอมเมนต์น่ารักๆ ของทุกคนอยู่นะคะ
ขอบคุณมากๆ เลยที่ส่งพลังดีๆ มาให้แบบนี้ <3

ใครอ่านมาถึงตรงไหน
ถ้าเกิดไปคุยกันในโซเชียลติด #รรรเรือ ได้เลยนะคะ >___<
ขอบคุณมากๆ เลยยยย


นางร้าย

23.07.18
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่23-24 ร.ร้อนๆหนาวๆ/ร.ราง] 23.7.18
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 23-07-2018 22:52:57
อยากเอามือตีหน้าผากพระเอกดังเพี้ยะซักที
หมั่นไส้555
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่23-24 ร.ร้อนๆหนาวๆ/ร.ราง] 23.7.18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-07-2018 02:33:13
 :fire: เรือใบนิสัยไม่ดี ทำร้ายจิตใจสาว สว. ได้ไง  :katai1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่25-26 ร.ระลอก/ร.ราง] 23.7.18
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 31-07-2018 17:55:31
กระสุนนัดที่ 25
ร.ระลอก



[สายธาร]

หมอบอกว่าสุขภาพปากโดยรวมโอเคดี ส่วนฟันคุดมันโผล่พ้นเหงือกแล้ว เหงือกบวมนิดหน่อย ถ้าจะถอนเลยก็ได้ หรือจะกินยาให้หายบวมก่อนค่อยมาถอนก็ได้ ผมเลยตัดสินใจให้หมอจัดการให้มันจบๆ ไป

“ร้องไห้มะ” นั่นคือคำแรกที่เขาทัก

“...” ผมส่ายหน้าตอบ เพราะปากยังต้องกัดผ้าก๊อซเพื่อห้ามเลือดอยู่

“หน้าขี้แงงี้ร้องชัวร์ นั่นไง ตาแดงๆ”

หลังจากนั้นเขาก็ทับถมผมต่างๆ นานา ยังไม่พอ ยังพยายามทำให้ผมหัวเราะด้วยวิธีต่างๆ เพื่อให้เลือดจากแผลที่ถอนฟันไหลออกมาอีก ไม่ว่าจะเป็นปล่อยมุกฝืดๆ ทำหน้าตาประหลาดๆ รวมถึงพุ่งเข้ามาล็อกตัวและจั๊กจี้เอว วิธีอื่นผมเอาตัวรอดได้หมด แต่จั๊กจี้นี่ไม่ไหวจริงๆ

โชคดีที่คุณหมอมือเบา แผลเลยไม่แย่มาก ใช้เวลาแค่สามวันก็แทบจะรู้สึกหายเป็นปกติ

จะว่าไป ถ้าไม่นับเรื่องแกล้งพูดทับถมกับจั๊กจี้แล้ว เรือใบก็ดูแลผมดีทุกอย่าง ดีเกินไปสำหรับคนหยาบๆ อย่างเขา มีมานั่งป้อนโจ๊กให้ด้วย

ผมบอกเขาว่ากินเองได้ แค่ถอนฟัน ไม่ได้เป็นง่อย แต่เขาก็อ้างว่าถ้าปล่อยให้จัดการตัวเอง เด็กดื้ออย่างผมคงไม่กินข้าวไม่กินยา เผลอๆ จะเอาไปเททิ้งด้วย

เรือใบดูแปลกไป

ดูไม่เป็นตัวของตัวเอง

บางครั้งทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่พูด...

พฤติกรรมของเขาทำให้ผมคิดถึงพี่ภาณบ่อยขึ้น พี่ภาณจะไม่พยายามทำให้ผมหัวเราะด้วยวิธีเถื่อนๆ แบบนี้หรอก แต่พี่ภาณไปแล้ว สิ่งที่ยังเหลืออยู่ก็มีแค่ความทรงจำ กับน้ำเสียง ของเขาที่ผมคิดขึ้นมาเองเพื่อทำให้ภาพอดีตพวกนั้นมีชีวิตชีวา

การปลอบตัวเองว่าเรื่องราวแสนดีเหล่านั้นยังไม่ได้หายไปไหน ช่วยให้ผมอยากใช้ชีวิตต่อไป

แต่ความจริงที่ว่าเขาไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว ก็ทำให้ผมอยากกระโดดลงจากตึกหรือไม่ก็กินยานอนหลับสักกำ

ความรู้สึกสองขั้วนี้ฉีกทึ้งผมไปคนละทิศละทางไม่ต่างจากถูกชักคะเย่อ ปมเชือกที่อยู่ตรงกลางถูกดึงแน่นเข้าเรื่อยๆ และสักวันหนึ่งมันคงขาด...

ถ้าไม่ใช่เพราะเรือใบรวบตัวผมหมอบลงกับพื้นในคืนนั้น ทุกอย่างก็คงจบไปแล้ว

จบโดยที่ผมไม่ได้มีส่วนในการตัดสินใจและต้องรับผิดชอบใดๆ ด้วย

เวลาเกือบเที่ยงคืน เป็นอีกคืนที่ผมนึกอยากจะอาศัยเบียร์ช่วยกล่อมให้หลับ เรือใบเปิดประตูออกมาจังหวะนี้พอดี ราวกับความคิดผมดังทะลุเข้าไปในห้อง

เขาเข้ามานั่งข้างๆ ผมบนโซฟา ยกแขนพาดพนักพิงด้านหลังผมอย่างอัตโนมัติ พักหลังมานี้เขาชอบนั่งแบบนี้ตลอด

“กูมีไรจะบอก” เขาพูดเสียงหนักแน่น

“ว่า...”

เขานิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจนิดๆ “อยากกินท่อนแยมทอด ไปทำให้หน่อย”

“กินไรตอนนี้ ดึกแล้ว”

“ก็ได้ งั้นดูหนังกัน”

“ไม่อ่ะ ผมก็มีเรื่องจะบอกเหมือนกัน”

เรือใบหันขวับมองหน้าผม “อะไร”

“อยากกินเบียร์”

“อืม...ก็ดีเหมือนกัน”

“หือ? จริงดิ”

“มึงทำท่อนแยม กูลงไปซื้อเบียร์ แล้วมาดูหนังกัน”

“ผมแค่อยากกินเบียร์แล้วก็นอน...”

“เออ ไงก็ได้ กูไปซื้อเบียร์ก่อนละกัน”

ไม่ค่อยเผด็จการแล้วแฮะ

คิดอะไรของเขาอยู่นะ

หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่25-26 ร.ระลอก/ร.รน] 31.7.18
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 31-07-2018 17:58:54
กระสุนนัดที่ 26

ร.รน



[เรือใบ]

ผมนั่งอยู่หน้ากระจก พยายามยิ้มหลายๆ แบบเพื่อให้ตัวเองดูงี่เง่าน้อยที่สุด แต่ดูแล้วก็ไม่ต่างกันเลยสักแบบ เคยเห็นแต่ในหนัง ไม่คิดว่าตัวเองต้องมาทำอะไรแบบนี้

เฮ้ย มึงว่ากูดูเป็นไงในสายตาคนที่ชอบผู้ชายด้วยกัน ไม่ดี ดูไม่มีความมั่นใจเลย

โอเค ฟังนะ กูไม่รู้ว่ามึงคิดยังไงกับกู แต่กูคิดว่า...  งี่เง่าจริงๆ

กูรู้ว่ามันแค่เวลาสั้นๆ แต่ในเวลาสั้นๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้จริงมั้ย กูคิดว่ามันเกิดขึ้นกับกูแล้วล่ะ คือว่า... พอเถอะ จะยาวไปไหน

เอาเป็นว่าพูดคำนั้นสั้นๆ ละกัน อย่างที่ไอ้โอมบอก แมนๆ กันไปเลย

ผมซ้อมอยู่อีกสองสามรอบ แล้วตัดสินใจเปิดประตูออกไป

สายธารนั่งอยู่บนโซฟาที่ประจำของเขา สวมเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นที่ผมซื้อให้ ดูจ่อมจมอยู่กับความคิดน่าหดหู่สักอย่าง จังหวะนี้เหมาะหรือเปล่านะ แต่จะว่าไปเขาก็เป็นอย่างนี้ตลอดอยู่แล้ว

ผมเข้าไปนั่งลงข้างเขา คำพูดเกริ่นนำโพล่งจากปากทันที “กูมีไรจะบอก”

แต่หลังจากนั้นผมก็ปอดแหกขึ้นมา เลยเฉไฉไปว่าอยากกินท่อนแยมทอดซะงั้น ซึ่งก็แน่นอนว่าเขาปฏิเสธ ที่น่าแปลกใจคือ จู่ๆ เขาก็มีเรื่องจะบอกผมเหมือนกัน

ผมหันขวับ กลั้นใจรอฟัง “อยากกินเบียร์” นั่นคือสิ่งที่เขาบอก ใจที่เพิ่งพองฟูขึ้นพลันเหี่ยวแฟบลง ทำไมถึงคิดว่าเขาจะพูดอะไรเกี่ยวกับผมนะ เพราะเขาสวมเสื้อผ้าที่ผมตั้งใจเลือกให้งั้นเหรอ แต่นี่มันก็เป็นชุดอยู่กับบ้านตามปกติอยู่แล้ว

เขาอยากกินเบียร์ตอนนี้

ดีเหมือนกัน

ผมเลยอาสาลงไปเซเว่น ซื้อเบียร์กระป๋องยกมาทั้งแพ็กพร้อมกับขนมขบเคี้ยวเป็นของแกล้ม พอกลับขึ้นมาก็เห็นว่าเขาทำท่อนแยมทอดอยู่เกือบจะเสร็จแล้ว

“ไหนว่าไม่ทำ” ผมกลั้นยิ้ม

“เปลี่ยนใจ”

“ทำไมเปลี่ยนใจ”

“ก็คุณอุตส่าห์ไปซื้อเบียร์ให้”

“กูไม่ได้อุตส่าห์ เต็มใจต่างหาก แล้วกูก็จะกินด้วย”

“เออๆ” เขาเก็บเครื่องครัว แล้วหยิบจานที่มีท่อนแยมทอดแค่ไม่กี่ชิ้นมาตรงหน้าผม “ดึกแล้ว กินแค่นี้พอ”

“ไม่ต้องห่วง ระบบเผาผลาญกูดี”

“ใครเขาห่วงคุณ” เขาพูดพึมพำ

รอยยิ้มคลี่บานบนใบหน้าผมจนได้ เมื่อกี้ผมพอฟังออกว่าเขาพูดอะไร แต่ก็ยังอยากได้ยินอีก “ว่าไงนะ”

“ช่างเถอะ กินๆ ไปแค่นั้นแหละ ขี้เกียจทำแล้ว”

“ได้ยินว่าห่วงๆ อะไรสักอย่าง”

“จะดูมั้ยหนังอ่ะ”

“ดูสิ อยากดูเรื่องไร”

“แล้วแต่”

“หนังโป๊มะ”

“ไม่เอา”

“ไหนบอกแล้วแต่กู”

“ถ้าอยากดูอะไรทุเรศๆ ก็ไปดูคนเดียวในห้อง...ยกโน้ตบุ๊กไปเลย ผมจะนอนแล้วถ้างั้น”

ผมลุกไปปิดไฟเพดานบางดวงทำให้ทั้งห้องสลัวลง จากนั้นกลับมาเลือกหนังแบบสุ่มๆ จากหมวดแฟนตาซี

“โป๊ไม่มีว่ะ มีแต่แบบนี้พอได้มั้ย”

“อืม”

“โอเค”

เราดื่มเบียร์พร้อมกับดูไปเงียบๆ สายธารดื่มไปกระป๋องกว่าๆ พอหนังถึงครึ่งเรื่องเขาก็ผล็อยหลับ

ก็เหมือนกับคืนก่อนๆ ผมหรี่เสียงโน้ตบุ๊กลงจนเกือบสุด ดึงศีรษะเขามาซบบนไหล่ ปล่อยให้แสงวูบวาบของฉากแอ๊คชั่นจากหน้าจออาบร่างเราทั้งคู่ เมื่อประกอบกับอาการมึนนิดๆ จากฤทธิ์เบียร์ ก็ชวนให้รู้สึกราวกับว่าเราหลุดเข้าไปอยู่ในโลกอื่น

โลกที่มีแค่เราสองคน

และรอบตัวนั้นก็เต็มไปด้วยความปั่นป่วนคลุ้มคลั่ง แต่เงียบงัน



ฤกษ์งามยามดี

คืนนี้ละ...

ถ้ายึดตามปฏิทินจีนคือวันธงชัยเชียวนะ วันที่ดีที่สุด ยามที่ดีที่สุด เหมาะแก่การมงคลทั้งหลาย ซึ่งจะบันดาลให้ประสบความสำเร็จโดยง่าย ผมไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ไม่เคยชื่อ แต่ต่อให้มันไม่มีเค้าความจริงเลยก็ตาม ตอนนี้มันก็ยังเป็นแรงสนับสนุนที่ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ

ที่สำคัญผมอยากทำตอนที่สติสัมปชัญญะยังสมบูรณ์ดี เห็นชัดๆ แล้วว่าแอลกอฮอล์ไม่ได้ช่วยอะไร เผลอๆ จะทำให้แย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะปากพาซวยของผมอาจเผลอพูดจาพล่อยๆ ออกไปได้ทุกนาที

เฮ้ย เอาตรงๆ เลยละกัน มึงรู้ใช่มะว่ากูไม่ได้ทำตามหน้าที่ที่เฮียยอช์ตสั่ง เพราะกูไม่ใช่ตำรวจแล้ว ไม่มีหน้าที่ต้องมาดูแลมึงแบบนี้...

สายธาร เอาแบบผู้ชายเลยนะ กูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกู แต่มันก็เกิดขึ้นไปแล้ว...

มึงรู้ใช่มั้ยว่าทำไมกูชอบวางแขนพาดตรงนี้...มึงต้องรู้อยู่แล้ว อย่ามาแกล้งโง่...

ช่างมันเถอะ พูดยังไงก็เหมือนกันแหละ

ลุยๆๆๆ

ผมสูดหายใจ แล้วเปิดประตูออกไป

สายธารนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟา ดูท่าทางผ่อนคลาย อาจจะมีมุมยิ้มตรงมุมปากด้วยซ้ำ บอกแล้วว่านี่คือวันธงชัย

ผมเข้าไปนั่งข้างเขา พาดแขนบนพนักพิงด้านหลังเขาโดยอัตโนมัติ พักหลังมานี้ผมนั่งท่านี้ตลอด ต้องตัวชิดกันเพื่อจะได้ดูหนังจากหน้าจอโน้ตบุ๊กถนัดๆ จากเดิมที่เลือกดูหนังเป็นเรื่องๆ สองสามวันมานี้เราพัฒนามาดูซีรีส์กันแล้ว เขาเคยถามว่ามีวิธีทำให้ภาพขึ้นจอทีวีได้มั้ย ผมตอบทันทีว่าไม่ โดยไม่คิดจะศึกษาด้วยซ้ำ

ตอนนี้เรายังไม่ได้เริ่มดูหนัง แต่ผมก็ยังพาดแขนบนพนักพิงอยู่ดี

“ไง” ผมทัก

“อือ” เขาเหลือบมองผมด้วยหางตา ก่อนจะกลับไปอ่านต่อ

“ทำไรอยู่”

“ขับเครื่องบินอยู่มั้ง”

“เออ เห็นแล้ว สนุกมะ”

“ก็ดี”

“อืม”

ท่าทางมีสมาธิของเขาทำให้หมาในปากผมนอนสงบ ไม่อยากพูดอะไร แค่อยากนั่งตรงนี้ ดูเขาจมลงไปในเรื่องราวบนหน้าหนังสือ แล้วผมก็จมลงไปในท่าทีของเขาอีกที

สักพักหนึ่ง คิ้วของเขาก็เริ่มขมวดเข้าหากัน

แล้วในที่สุดก็ลดหนังสือลง “นี่คุณมานั่งจ้องผมทำไม”

“จ้องที่ไหน กูแค่นั่งตรงนี้เฉยๆ”

“แล้วคุณมานั่งตรงนี้ทำไม นั่งใกล้ขนาดนี้อีก อึดอัด”

“อ่าว นั่งไม่ได้รึไง ทีตอนดูหนังยังนั่งได้”

“ก็นั่นตอนดูหนัง ตอนนี้นั่งทำไมล่ะ”

“ก็...” ผมยักไหล่ “ทำไมต้องมีเหตุผลไรเยอะแยะ อยากนั่งก็นั่ง”

สายธารถอนหายใจ เอียงตัวออกไปเพื่อมองหน้าผมให้ชัดๆ “คุณนี่ทำตัวแปลกๆ นะ มีอะไรรึเปล่า”

ผมขยับตัวถอยไปอีกนิด ชักแขนที่พาดบนพนักพิงมาอยู่ในท่ากอดอก “มีไร ไม่มี้” ทำไมผมต้องเสียงสูงด้วยวะ แถมยังกอดอกด้วย ในวงการตำรวจรู้กันดี ท่ากอดอกนี่เป็นภาษากายง่ายๆ ที่แสดงว่าคนทำกำลังปกป้องตัวเองหรือปิดกั้นบางสิ่งบางอย่างอยู่

ผมเลยลดมือลง เปลี่ยนไปเคาะนิ้วกับหัวเข่าเล่น

“มีอะไรก็ว่ามา”

“ไม่-มี ได้ยินชัดป่ะ”

“เด็กประถมยังดูออกเลย” สายธารโน้มตัวไปข้างหน้าและเอียงศีรษะมามองหน้าผม “ว่าไง จะกินท่อนแยม?”

“เปล่า”

“งั้นอะไร”

มึงนี่ก็จี้จัง จะรู้ให้ได้เลยใช่ป่ะ

ได้!

“เออ มีก็มี”

“นั่นไง”

“กู...”

“ว่า...”

“ขอยืมหนังสือมึงได้ปะ”

“...”

“เล่มนั้นน่ะ สีฟ้าขาวที่มีคนฆ่าตัวตาย”

“คุณเนี่ยนะ อ่านหนังสือ”

“ทำไม หน้าตาอย่างกูเหมือนอ่านหนังสือไม่ออกรึไง”

“รู้ว่าอ่านออก แต่เหมือนไม่ชอบอ่าน”

“ดูหนังเยอะแล้ว อ่านบ้าง”

“แต่เล่มนั้นมันเป็นรักวัยรุ่นนะ แบบที่คุณว่า”

“ไหนมึงบอกเกี่ยวกับตีแผ่คำถาม ก้าวข้ามปมปัญหา เติบโตเป็นผู้ใหญ่”

“ฮ่าๆ” สายธารหัวเราะเบาๆ “งั้นก็ตามใจ”

เขาลุกไปค้นข้าวของส่วนตัว แล้วกลับมาพร้อมกับหนังสือเล่มนั้น “อ่ะ นี่”

“ขอบใจ” ผมรับมันมาพลิกดู เคาะมันกับสันมือเบาๆ เหมือนครุ่นคิดทั้งที่ในสมองว่างเปล่า “งั้นกูไปละ”

ผมลุกขึ้นเดินกลับไปยังที่ชอบที่ชอบของตัวเอง

“นี่คุณ”

ราวกับมีเชือกล่องหนผูกรอบตัวผมและถูกกระตุกเบาๆ ผมหันกลับไป หัวใจเต้นแรงขึ้นฉับพลัน “อะไร”

“อ่านให้สนุก”

“เออ หวังว่างั้น”

แล้วผมก็กลับเข้าห้อง

ฮู่ว...

ไอ้โอมพูดผิด ผมรู้สึกแล้ว แต่มันก็ยังมีเส้นนั้นอยู่จริงๆ เส้นล่องหนบางเบาที่ผมก้าวข้ามไม่ได้ทั้งตอนเมาและขณะที่ตื่นเต็มตา

อีกอย่าง ที่สายธารพูดน่ะถูกแล้ว เด็กประถมยังดูออกเลย แล้วทำไมคนจบปริญญาตรีอย่างเขาจะดูไม่ออก

ที่เขาถามจี้หลายครั้งนี่เพื่อให้ผมพูดสิ่งที่คิดอยู่ออกมารึเปล่า

หรือว่าเขาจะไม่รู้จริงๆ ว่าผมคิดอะไรอยู่...



________________________


อิพี่เรือ แงงงงงงงงงง <3
เวลาคนผีบ้า ซึนๆ กระวนกระวายนี่แบบ แง น่ายักดีเนอะ <3
ฮืออออออ คิดถึงทุกคนมากเลย
รออ่านคอมเมนต์น่ารักๆ อยู่นะคะ T///T

ถ้าอ่านแล้วอยากพูดคุย ติดแท็ก #รรรเรือ ในโซเชียลได้นะคะ
ชอบเข้าไปอ่านมากๆ เลย <3


นางร้าย

31.07.18
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่25-26 ร.ระลอก/ร.รน] 31.7.18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-07-2018 19:36:19
จงซึนต่อไป  :laugh:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่25-26 ร.ระลอก/ร.รน] 31.7.18
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 01-08-2018 00:20:24
ยึกยักอยู่นั่นแหละ แหมมมมมมมมมม
พ่อคุณ คนน่าตีปาก5555
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 27-29] 02.08.18 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 02-08-2018 18:54:21
กระสุนนัดที่ 27
ร.ระเบิด



[สายธาร]

บางครั้งจิตใจคนเราก็ช่างเหมือนลูกตุ้มซะเหลือเกิน พอแกว่งไปที่ขั้วหนึ่ง ไม่นานมันก็จะเหวี่ยงไปอีกขั้ว เมื่อวานผมยังเป็นผู้เป็นคน นิยายเรื่องใหม่ที่เริ่มอ่านน่ารักชวนให้ยิ้มได้ แต่ผ่านมาอีกวันอารมณ์กลับดิ่งลงเหว

ช่วงนี้เรือใบทำตัวเผด็จการน้อยลง ยิ้มมากขึ้น แถมยังยืมหนังสือไปอ่านด้วย จิตใจเขาอาจจะคล้ายลูกตุ้มเหมือนกันมั้ง

ในบางครั้งเขาก็ดูเกือบจะคล้ายพี่ภาณ ผมอธิบายไม่ได้ว่าคล้ายยังไง อาจจะเป็นน้ำเสียงอยากรู้อยากเห็น การหัวเราะแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ท่าทีลุกลี้ลุกลนเหมือนเด็กที่พยายามเก็บความลับสักอย่างไว้กับตัว อาจเป็นแววตา หรือแม้แต่ช่วงไหล่กว้างๆ ตอนหมุนตัว...

อาจเป็นอะไรหลายๆ อย่างที่ผสมปนเปกัน จนทำให้อณูอากาศภายในห้องเกิดกลิ่นอายคล้ายตอนที่พี่ภาณยังอยู่

คืนนี้ผมเลยต้องใช้เบียร์เป็นตัวช่วยให้หลับอีก เรือใบลงไปซื้อให้เหมือนเคย แถมยังปล่อยให้ผมนั่งกินคนเดียวเงียบๆ อย่างที่ขออีก

ทำไมเขาถึงตามใจนะ

ผมอยากให้เขาด่าว่าผมมากกว่า

แล้วระหว่างนั้นผมก็นึกขึ้นได้ว่า คืนนี้ไม่ใช่แค่มีกลิ่นอายคล้ายตอนที่พี่ภาณยังอยู่ แต่บรรยากาศก็ดูคล้ายวันที่เขาไปด้วย อารมณ์ผมไม่ได้แกว่งเหมือนลูกตุ้มแล้ว แต่มันตึงเขม็งคล้ายเชือกชักคะเย่อมากกว่า ความรู้สึกสองขั้วกำลังจะฉีกทึ้งผมออกเป็นชิ้นๆ

อบอุ่น...ว้าเหว่

เข้าใจ...แต่ก็โกรธ

ข้างนอกเงียบ...แต่ข้างในเสียงดัง

“พอแล้วมั้ง” เสียงเรือใบดังขึ้น ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเปิดประตูออกมาจากห้องนอนตอนไหน

ผมไม่พูดตอบ ก้อนอะไรบางอย่างจุกอยู่ในลำคอจนพูดไม่ออก มือกำกระป๋องเบียร์แน่นเกินไปจนเกิดรอยบุบ ผมเลยยกซดอึกใหญ่ แล้วหายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้ตัวเองผ่อนคลาย

เรือใบนั่งลงบนโซฟา ค่อยๆ แกะกระป๋องเบียร์ออกจากมือผม

“พอ”

“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว” ปากผมขยับพูดไปเอง คล้ายแรงดันในหม้อต้มที่ถึงจุดต้องระบายออก “โชคชะตาได้นำพานักศึกษาหนุ่มสองคนมาพบกัน”

“อะไร นิทาน?”

“คนหนึ่งเป็นรุ่นพี่ชื่อภาณุ อีกคนเป็นรุ่นน้องชื่อสายธาร ทั้งคู่เจอกันอย่างเรียบง่ายในห้องสมุด แทบจะตกหลุมรักกันในทันที ภาณุเป็นคนสบายๆ พูดเก่ง รวยอารมณ์ขัน ชอบทำอะไรแหกกรอบ ส่วนสายธารเติบโตมาในครอบครัวที่เคร่งครัด เป็นคนเงียบๆ ชอบฟังมากกว่าพูด พวกเขาเลยเข้ากันได้ในทุกแง่ทุกมุมเหมือน...”

“...”

ผมหยิบเบียร์มาซดอีกพร้อมกับกลืนก้อนสะอื้นกลับลงไป “เหมือนจิ๊กซอว์ที่ต่อกันได้สนิท”

เรือใบเปิดเบียร์กระป๋องใหม่แล้วจิบบ้าง “อืม”

“ภานุทำให้สายธารมองโลกในแง่ดีและหัวเราะเก่งขึ้น สายธารก็ช่วยให้ภาณุจริงจังกับชีวิตมีเป้าหมายชัดเจน พวกเขา...เข้าอกเข้าใจกันดี”

“...”

“รักกันมาก”

“...”

“เลยตัดสินใจย้ายมาอยู่ด้วยกัน วาดฝันสวยงาม จับมือกันเดินไปข้างหน้า และทั้งคู่ก็จะได้ครองรักกันอย่างมีความสุขตลอดไป เหมือนตอนจบของนิทานทุกๆ เรื่อง แต่...”

“อะไร”

“แต่คืนหนึ่ง ไอ้สายธารแม่งดันอยากกินขนมกลางดึก ภานุเลยอาสาลงไปซื้อให้ เขาไม่บ่นสักคำ แถมยังจูบหน้าผากอีกฝ่ายก่อนไปด้วย ตอนขากลับนั้นเอง เขาไม่รู้เลยว่ามี...”

“อะไร”

“มีมนุษย์หมาป่าหิวโซป่าดักรออยู่ มันกระโดดออกจากมุมมืดมาขย้ำเขาจนจมเขี้ยว แล้ว...แล้ว...” มาถึงตรงนี้ผมก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้อีก ผมใช้หลังมือปาดมันออกจากแก้มแรงๆ แล้วค่อยยกเบียร์ซดอึกใหญ่

“...”

“...”

แรงสะอื้นพาให้ตัวผมสั่นเยือก เรือใบวางมือบนไหล่ผมและบีบเบาๆ สัมผัสของเขาราวกับเปิดสวิตช์คำพูดในตัวผมขึ้นมาอีก

“สายธารดูทีวีรออยู่นานก็ไม่เห็นคนรักกลับมาสักที ลองโทรไปก็ไม่ติด...”

“ไม่ต้องเล่าแล้ว”

“เขาเลยลงไปตาม ก็เห็นผู้คนมุงดูและส่งเสียงกันโหวกเหวก เขาเร่งฝีเท้าเข้าไป แล้วก็เห็นภาณุ...นอนจมกองเลือดอยู่ริมถนน ถุงขนมกระจายเกลื่อน ปาปริก้าที่สายธารชอบกินถูกเหยียบจนถุงแตก แต่ภาณุก็ยังกำมันไว้แน่น ผม...”

“พอ”

“ผมเข้าไปกอดเขา ทั้งเขย่าทั้งทุบตี แต่เขาก็ไม่ตื่น เขา...”

“สายธาร” เรือใบบีบไหล่ผมอีก

คราวนี้ผมโผเข้ากอดรวบเอวเรือใบไว้ ไม่ใช่ต้องการความเห็นใจ แต่เป็นวินาทีที่ผมต้องเกาะกุมใครสักคนไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองแตกสลาย ความรู้สึกที่เก็บกดมาตลอดสองปีปะทุขึ้นมาเป็นระลอก ทั้งความโกรธ น้อยใจ เศร้า และสิ้นหวัง

“เขาเคยสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกัน”

“กูอยู่นี่”

เรือใบโอบรอบตัวผม

เหมือนกอดของพี่ภาณไม่มีผิด มือข้างหนึ่งจะโอบที่เอว และมืออีกข้างจะกดท้ายทอยไว้เบาๆ แบบนี้ แต่แทนที่จะช่วยให้ดีขึ้น แรงกอดนี้กลับทำให้เหลี่ยมแก้วแตกๆ ที่แทรกเจืออยู่ในตัวตนของผมบดเบียดกันจนเจ็บไปหมด ผมจิกแผ่นหลังเขาไว้ พลางเม้มปากสะกดกลั้นความรู้สึก

“...”

“...”

แล้วผมก็คลายอ้อมแขนออก ใช้หัวไหล่ปาดน้ำตาจากแก้ม ซดเบียร์อีกหลายอึกเพื่อดับความร้อนข้างในที่คล้ายกับมีเตาหลอมซ่อนอยู่

หลังจากเงียบกันไปพักใหญ่ เรือใบก็พูดขึ้นเบาๆ “มนุษย์หมาป่านั่น...”

“พี่ภาณถูกแทง มันได้ไอโฟนกับเงินแค่ไม่กี่ร้อยไป”

“แม่ง อย่างกับในละคร”

“อืม”

“แล้วตำรวจ...”

“จับคนทำไม่ได้ ตำรวจแม่งเหี้ย!”

“ส่วนใหญ่ก็เหี้ยจริง” เรือใบนิ่งไป แล้วถอนหายใจ “เพราะงี้มึงเลยไม่ค่อยชอบตำรวจ”

“...”

“ไม่ชอบดูทีวี”

“...”

“แล้วก็ไม่กินปาปริก้าที่กูซื้อมา”

“พอเหอะ ไม่อยากพูดถึงแล้ว”

“ทีแรกกูนึกว่ามึงอกหัก” 

“บอกให้พอไง!”

“พี่ภาณของมึงหน้าตายังไง”

ผัวะ!

รู้ตัวอีกทีผมก็ฟาดปากเขาไปแล้ว โดนหมัดขวาเข้าไปเต็มๆ จนหน้าสะบัดและตัวเอียงซบกับพนักพิง

เรือใบกลับมานั่งตัวตรง กดริมฝีปากไว้กับหลังมือ “ต่อยเบาเป็นเด็กเลยว่ะ”

แล้วห้องก็กลับมาเงียบอีกครั้ง...


หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 27-29] 02.08.18 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 02-08-2018 18:55:39
กระสุนนัดที่ 28
ร.ร่วม



[เรือใบ]

เขาไม่ได้อกหัก ไม่ได้ถูกบอกเลิกด้วยเหตุผลงี่เง่าตามประสาวัยรุ่น

สิ่งที่เขาเจอมันหนักกว่านั้น ทั้งที่คดีฉกชิงวิ่งราวควรจะเป็นเรื่องขี้หมูขี้หมาแท้ๆ สมัยยังเป็นตำรวจผมคงคลุกอยู่กับเรื่องพวกนี้จนชิน มองดูเลือดและความตายโดยไม่สะทกสะเทือนเลย ไม่เคยนึกถึงคนที่อยู่ข้างหลังผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้นด้วยซ้ำ

จนกระทั่งตอนนี้...

แต่ไม่ว่าผมจะมีมุมมองกับเรื่องนี้ยังไงมันก็คงไม่สำคัญ ที่สำคัญคือสายธารระบายมันออกมาแล้ว กำแพงส่วนตัวพังทลายไม่มีชิ้นดี น้ำตาอาบแก้ม เนื้อตัวสั่นเทาอยู่ในอ้อมแขนของผม

หลังจากนั้นเขาก็ผละอ้อมกอดออก เช็ดน้ำตา พยายามก่อกำแพงเพื่อขังตัวเองไว้ในโลกส่วนตัวอีกครั้ง และไม่รู้ว่าผมพูดอะไรผิด จู่ๆ เขาก็เหวี่ยงกำปั้นฟาดปากผมเต็มๆ

เล่นเอาหมาในปากหงอยไปเลย

หรืออาจจะไม่ได้พูดอะไรผิด แต่พูดมากเกินไป

โอเค เงียบ

แต่มันก็อดพูดไม่ได้

“ต่อยเบาเป็นเด็กเลยว่ะ” รสเลือดเอ่ออยู่ในปาก กระพุ้งแก้มคงจะแตกนิดๆ ผมเลยหยิบเบียร์เย็นๆ กระดก ค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย

“...” สายธารยังไม่พูดอะไร

“เสียใจด้วยนะ เรื่องแฟนมึง”

“...”

“จากกันแบบนี้ ยังดี นึกย้อนหลังไปก็มีแต่เรื่องดีๆ”

“...”

“แต่ที่กูเจอสิ แม่ง”

“...” สายธารหันมามองผม แต่แววตาดูเหม่อลอยและห่างไกล คล้ายกับว่ามีแค่เศษเสี้ยวของตัวตนเท่านั้นที่สนใจสิ่งที่ผมพูด

ไม่

ผมพูดมากไปแล้ว อย่าพูดต่อ ไม่นะ ไม่...

“ลิน”

“...”

ชื่อเธอหลุดออกมาแล้ว คำพูดอื่นๆ ดันขึ้นมาจนริมฝีปากสั่น ราวกับถ้อยคำเหล่านี้โหยหาคนที่จะรับฟังพวกมันมานาน คนที่นั่งฟังเงียบๆ ไม่สนใจเกินไปแต่ก็ไม่ถึงกับเมินเฉย แบบที่สายธารกำลังเป็นอยู่ตอนนี้

“คู่หมั้นกูน่ะ” ในที่สุดผมก็ทนไม่ไหว “จะแต่งกันอยู่แล้ว แต่แม่งดันมีชู้ จับได้คาหนังคาเขาเลย”

“...”

“คนแบบนี้ที่สมควรตาย ไม่ใช่คนแบบแฟนมึง”

สายธารเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ อาจเป็นเพราะคำว่า ‘ตาย’ หรือไม่ก็ ‘แฟนมึง’ ที่ดึงเขากลับมาจากโลกส่วนตัวอันห่างไกลให้เข้าใกล้ผมมากขึ้น

“ปืนลูกโม่ที่มึงเห็น...นั่นแหละ...”

ผมเม้มปาก สะกดถ้อยคำไว้

เราเงียบกันไปอึดใจใหญ่

“คุณยิง...” เสียงสายธารแผ่วเบา เหมือนลอยแว่วจากที่ไกล

“เออ ยิงแม่งทั้งคู่เลย”

“...”

ผมพูดออกไปแล้ว

กำแพงส่วนตัวแตกสลายและเปลือยเปล่าทางจิตวิญญาณไม่ต่างจากเขา

ความรู้สึกมันเป็นอย่างนี้เอง...

แววตาของสายธารดูซับซ้อน แวบแรกเป็นความตกใจราวกับถูกผมต่อย แต่วินาทีต่อมา แววตาเขาเฉื่อยเนือยลงและมีรอยยิ้มเล็กๆ ตรงมุมปาก ซึ่งมันอาจสะท้อนมาจากความเข้าอกเข้าใจหรือนึกเสียดเย้ยกับความเป็นไปของโลกก็ได้

มันเป็นช่วงเวลาที่แปลกประหลาด เราสองคนต่างถูกโลกฉีกทึ้งจนยับเยิน จนไม่ต่างจากก้อนเนื้อเหวอะหวะที่ยังหายใจได้ และตอนนี้เราก็นั่งอยู่ด้วยกัน ต่างคนต่างเสแสร้งว่าไม่เป็นไร ทั้งที่มองเห็นรอยแผลอักเสบของกันและกันได้ชัดเจน

ความเงียบปกคลุมลงมา

ผมซดเบียร์จนหมด แล้วเปิดกระป๋องใหม่ สายธารเห็นแบบนั้นก็ทำตามด้วย พอผมกระดกหนักๆ เขาก็ทำตามอีกเหมือนเป็นการล้อเลียน

ผมหัวเราะในลำคอ พร้อมกับชูกระป๋องเบียร์ไปทางเขา

เขาเอากระป๋องของตัวเองมาชนด้วย และพยายามหัวเราะให้คล้ายผม

จากนั้นเราก็ตั้งหน้าตั้งตาซดเบียร์กระป๋องต่อกระป๋อง ปริมาณแอลกอฮอล์ที่ซึมเข้าสู่กระแสเลือดเร็วเกินไปทำให้หัวหมุนติ้ว รู้สึกยินดีที่ตัวตนจมดิ่งลงไปในโลกที่เลอะเลือน

ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่สายธารดูหมดสภาพไปแล้ว เขาบ่นอะไรกับตัวเองงึมงำ ศีรษะเอียงโงนเงน ในที่สุดก็เอียงซบลงมาบนไหล่ผม

“พี่...”

“หืม”

ผมโอบตัวเขาไว้

ส่วนเขาก็สอดแขนกอดตอบ

“อะไร ธาร...”

“พี่ภาณ”

อ้อ เขากำลังเพ้อ

สำหรับเขา คนที่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เรือใบอีกต่อไปแล้ว นั่นทำให้ผมรู้สึกขัดแย้งในตัวเอง ทั้งอยากกอดเขาไว้และผลักตัวออก ระหว่างนั้นเองเขาก็แนบตัวชิดเข้ามา

ลมหายใจร้อนผ่าวพ่นรดต้นคอผม ปลายจมูกเกลี่ยไล้สันกรามก่อนจะเลื่อนมาที่คาง

“ธาร กูไม่ใช่...”

ริมฝีปากเขาสกัดถ้อยคำจากปากผม ลิ้นอ่อนนุ่มแทรกเข้ามาคล้ายจะควานคว้ารสสัมผัสที่โหยหามานาน ผมบิดลิ้นหนี แต่ในปากแคบๆ มันก็กลายเป็นการดุนดันตอบรับเขา และทันใดนั้นผมก็รู้สึกคล้ายกับตีลังกาคว้างในอากาศจนต้องกอดเขาไว้แน่นๆ ฤทธิ์แอลกอฮอล์ยิ่งช่วยทำให้มันเป็นเรื่องเหนือจริงขึ้นไปอีก

กระดูกทุกท่อนในตัวผมสั่นระรัว

เลือดทุกหยดไหลพลุ่งพล่าน

เซลล์ทุกเซลล์ต่างกรีดร้องแตกตื่น...

หลังจากนั้นอารมณ์หลากหลายก็ปะทุขึ้นมา ถ้ามีเส้นบางๆ ที่ผมก้าวข้ามไม่ได้อยู่จริง สายธารก็กระชากมันจนขาดสะบั้นไปแล้ว ในภาวะนี้ ดูเหมือนเขาจะฉุดพาให้ผมล่องลอยไป ขณะที่ตัวผมเองพยายามไขว่คว้าหาที่ยึดเหนี่ยวและยืนบนผิวโลก

พอรู้ตัวอีกที ก็พบว่ามือผมประคองใบหน้าเขาอยู่ ริมฝีปากของเรายังบดเบียดกัน และบนแก้มผมมีน้ำตาของเขาเปรอะเปื้อน

ทุกอย่างดีหมดเลย ติดแค่ว่า...

ผมคือเรือใบ

ไม่ใช่พี่ภาณของเขา

หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 27-29] 02.08.18 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 02-08-2018 18:57:00
กระสุนนัดที่ 29
ร.รสชาติ



[สายธาร]

เขาอยู่นี่แล้ว

เขากลับมาหาผม หรือไม่ผมก็เดินเลยขอบของสติสัมปชัญญะไปไกลจนทุกอย่างเลอะเลือน มีแค่อ้อมกอดกับรสจูบอุ่นซ่านที่สมจริง

เขามีตัวตน

เขาสัมผัสจับต้องได้

ทุกอย่างดีหมด เพียงแค่ว่า...

เขาไม่ใช่พี่ภาณของผม








________________________

(T___________T)

นางร้าย
02.08.18

หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 27-29] 02.08.18 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 02-08-2018 23:32:41
ฮืออออ เศร้าเลย
สงสารธาร
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 27-29] 02.08.18 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-08-2018 01:31:57
เป็นเรื่องแล้ว.  :ruready
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 27-29] 02.08.18 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 03-08-2018 11:01:47
รอเปิดใจรักกัน
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 30 ร.ร่าเริง] 03.08.18 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 03-08-2018 21:17:09
กระสุนนัดที่ 30
ร.ร่าเริง


[เรือใบ]

ผมตื่นก่อนเวลาปกติ 

ปวดหัวนิดๆ ซึ่งคงเป็นเพราะความสับสนที่ยังตกค้างตั้งแต่เมื่อคืน มากกว่าจะเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ หลายสิ่งหลายอย่างดูขัดแย้งกันไปหมด

มันดูราวกับความฝัน แต่ผมก็รู้ว่ามันเกิดขึ้นจริง

ผมอยากเห็นหน้าเขา แต่ก็ไม่กล้าเปิดประตูออกไป

เส้นบางๆ นั่น เขาทำลายทิ้งไปแล้ว แต่ระหว่างเรากลับจะมีกำแพงล่องหนเกิดขึ้นแทน

แบบนี้ควรจะยิ้ม หรือกุมขมับดี

ผมลุกจากเตียงไปฉี่ แล้วกลับมาทิ้งตัวนอนคว่ำหน้าลงกับเตียง กลิ้งไป กลิ้งมา ห้อยหัว เอาขาไขว่ห้าง ถ้าเอาตีนก่ายหน้าผากได้ก็คงทำไปแล้ว 

เวลาผ่านไปจนเกือบจะสิบโมง เหล่าพยาธิเริ่มก่อม็อบอยู่แถวๆ ลำไส้เล็กตรงขดที่สองจนผมทนไม่ไหว ต้องยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรสั่งอาหาร ผมพยายามสรรหาอะไรก็ได้มาสังหารอารมณ์ขุ่นมัวของตัวเองอยู่ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล

ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง พนักงานส่งอาหารก็โทรบอกว่ามาถึงที่ล็อบบี้แล้ว

ผมเปิดประตูห้องนอนออกไปเบาๆ สายธารยังนอนนิ่งอยู่ที่โซฟา ผมเลยย่องเงียบออกจากห้องลงไปรับอาหาร ก็ร้านอาหารใต้นั่นแหละ สั่งแบบจัดหนักมาเอาใจสายธารโดยเฉพาะ

ตอนเปิดประตูกลับเข้ามาผมหวังว่าเขายังหลับอยู่ แต่ปรากฏว่าเขาตื่นแล้ว อยู่ในท่านั่งก้มหน้าพลางกดคลึงขมับ

“หิวมั้ย นี่ กับข้าวเยอะแยะ”

“ไม่ค่อย”

“ค้างอ่ะดิ” ชิบ พูดผิดชีวิตเปลี่ยน ผมรีบปรับน้ำเสียงเป็นปกติและพูดเสริมให้ชัดเจนขึ้น “บอกแล้วอย่ากินเยอะ ก็เมาค้างงี้แหละ”

ทีแรกเสียงผมก็ปกติดีอยู่แล้ว พอตั้งใจดัดให้ปกติมันเลยกลายเป็นฟังดูแปร่งๆ ไปซะงั้น “อะฮึ่ม” ผมกระแอม “เอากาแฟมั้ย แก้แฮงค์”

“ผมไม่กินกาแฟ”

“งั้นก็กล้วย แก้แฮงค์ได้เหมือนกัน”

สายธารยิ้ม ตอบด้วยเสียงอืมลึกๆ ในลำคอ

ผมขอตัวไปอาบน้ำ หลังจากนั้นเราก็กินข้าวด้วยกัน ระหว่างมื้ออาหารไม่มีใครพูดถึงเรื่องเมื่อคืน ไม่มีคำถามว่า คุณทำอะไรผม ไม่มีแม้แต่คำเกริ่นลอยๆ อย่าง เมื่อคืนนี้น่ะ...

ดีแล้วที่มันเป็นแค่การจูบสั้นๆ ไม่อย่างนั้นเขาต้องจำรายละเอียดได้และยกขึ้นมาพูดคุยกันแน่ๆ

แต่อีกใจนึง ผมก็อยากให้เขาถามหรือพูดถึงมันสักนิด นี่เองคือความขัดแย้งที่เล่นงานผมอยู่ตอนนี้ เขาเข้าใจว่าตัวเองฝันถึงพี่ภาณหรือเปล่า หรือรับรู้อยู่ว่าคนคนนั้นคือผม หรือเขาจำอะไรไม่ได้เลย

ผมอยากรู้ว่าเขารู้สึกยังไง

อยากรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในหัวเขา

แต่ช่างมันเถอะ ความอยากรู้อยากเห็นนี่แหละฆ่าคนมาเยอะแล้ว ผมเองก็มีเรื่องที่ไม่อยากให้เขารู้หรือนึกสงสัยเหมือนกัน

สายธารยังบ่นปวดหัวอยู่ ผมเลยอาสาล้างจานเอง เสร็จแล้วเราก็แยกกันไปนอนต่อเพื่อให้หายแฮงค์ กิจกรรมในครึ่งวันแรกไม่มีอะไรมากกว่านี้

จนกระทั่งช่วงบ่ายแก่ๆ ผมก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความคิดบางอย่าง 

“เฮ้ย ตื่นได้ละ” ผมดึงแขนสายธารที่ยังหลับอยู่

“อะไร”

“ไปว่ายน้ำกัน”

“หืม”

“ว่ายน้ำ”

“ไม่”

“นอนอะไรเยอะแยะ อากาศดีขนาดนี้ ตื่นๆๆๆ” คราวนี้ผมช้อนตัวเขาให้ลุกขึ้นนั่ง พอเขาทำท่าจะล้มตัวลงอีกผมก็จับไหล่ไว้อีก ล้มอีกก็จับอีก

“อะไรของคุณเนี่ย” ในที่สุดสายธารก็นั่งทรงตัวด้วยกล้ามเนื้อก้นของตัวเอง พลางเกาหัวจนผมยุ่งไปหมด

“นอนเยอะเดี๋ยวแม่งก็เป็นง่อยหรอก ไปว่ายน้ำกัน” 

“ว่ายไม่เป็น”

“เดี๋ยวกูสอน”

“ไม่มีกางเกงว่ายน้ำ”

“กูมีเยอะ ของใหม่ด้วย นี่ ยกให้เลย”

เขาทำท่าจะเถียงอีก แต่ผมก็ยัดกางเกงว่ายน้ำที่เตรียมไว้ใส่มือเขา จากนั้นก็ลากตัวออกจากห้องไปยังคลับเฮาส์ชั้นสิบหก

วันนี้อากาศแจ่มใส แดดส่องกระทบผิวน้ำเป็นประกาย ลมอ่อนๆ พลิ้วผ่านยอดต้นลีลาวดีและไม้กระถางที่ปลูกอยู่ทั้งสองฟากของสระ ที่สำคัญกว่านั้นคือเวลานี้ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากเราสองคน

เห็นบอกไม่อยากออกมา แต่แอบสูดอากาศเลยนะ

“เห็นมะ บอกแล้วว่าดีกว่านอน” ผมยิ้มให้เขา “ไปเปลี่ยนกางเกงว่ายน้ำดิ”

“ไม่เป็นไร”

“จะเปลี่ยนเอง หรือให้กูเปลี่ยนให้”

เดี๋ยวๆๆ ปากจะพาซวยอีกแล้ว

“ไม่ต้อง! ทำเองได้” เขาว่าแล้วก็เดินงุดๆ เข้าห้องน้ำไป

ทำไมเดี๋ยวนี้พูดอะไรคอยแต่จะฟังดูสองแง่สองง่ามตลอดวะ

ระหว่างนั้นผมก็เดินไปที่ริมสระ เอาโทรศัพท์มือถือ คีย์การ์ด รวมถึงผ้าขนหนูวางไว้บนเก้าอี้หวาย ลมเย็นสบายจนเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ยืดตัวสูดอากาศเข้าปอด ดวงอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลงหลังเหลี่ยมตึก อีกไม่นานท้องฟ้าก็จะเป็นสีส้มจัด หลังจากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะตกอยู่ภายใต้ร่มเงาของสงครามแห่งสีสัน

สมัยลาออกจากตำรวจใหม่ๆ ผมชอบมาว่ายน้ำตอนเย็นเกือบค่ำ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น่าพิศวง สีของกลางวันและกลางคืนจะห้ำหั่นกันอยู่เงียบๆ บางครั้งท้องฟ้าดูเหมือนจะมีแผลปริฉีกเป็นแนวยาว บางคราวก้อนเมฆก็ดูคล้ายกลุ่มควันของระเบิด และบ่อยครั้งที่ผมรู้สึกเจ็บปวดไปด้วย

ผมชอบลอยคอในสระมองสีสันของสงครามนี้ มองจนพอใจแล้วจะดำลงใต้น้ำ กลั้นลมหายใจให้นานที่สุดจนความตายเริ่มกวักมือเรียกแล้วค่อยโผล่ศีรษะพ้นเหนือน้ำ มีครั้งหนึ่ง ความตายไม่ใช่แค่กวักมือ แต่มันเข้ามากอดผมด้วยมือที่เย็นเฉียบ อาจจะด้วยความบังเอิญหรือโชคชะตา ผมพาร่างที่ใกล้จะแตกเป็นเสี่ยงโผล่ขึ้นเหนือน้ำในจังหวะที่แสงสุดท้ายของวันลับตาไปพอดี และลมหายใจเฮือกนั้นให้ความรู้สึกราวกับเกิดใหม่

นับแต่นั้นผมก็เลิกว่ายน้ำตอนเย็นอีก

ผมบอกตัวเอง เรือใบคนเดิมตายไปแล้ว ตอนนี้คือเรือใบคนใหม่ที่เจ๋งกว่า คนที่เป็นอิสระ เปี่ยมด้วยพลังชีวิต และยิ้มเยาะโลกได้ทุกสถานการณ์

แต่นั่นเป็นความจริงหรือเปล่า...

เสียงเคลื่อนไหวจากข้างหลังดึงผมกลับสู่ปัจจุบัน

สายธารที่สวมเพียงกางเกงว่ายน้ำตัวเดียวเดินเข้ามา ท่าทางเงอะงะนิดๆ ปกติผมไม่เคยใส่ใจร่างกายผู้ชายเลย แต่ตอนนี้กลับอดที่จะมองและวิจารณ์ไม่ได้

หุ่นแบบนี้...โครงสร้างแม่งก็ดี แต่ไม่ได้ออกกำลังกายมาเป็นชาติละมั้ง ผิวเคยโดนแดดบ้างรึเปล่า ลอนกล้ามที่ท้องนี่ก็จางจนแทบไม่เห็น หรือว่าเป็นแค่แสงหลอกตาวะ...

“เลิกทำหน้าโรคจิตแบบนั้นสักทีเถอะ”

“โรคจิตยังไง นี่กูกำลังสงสารมึงอยู่ มึงเหงื่อออกครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”

“ตอนนอนกลางวันเมื่อวาน ร้อน”

“กูหมายถึงออกกำลังกาย”

“จำไม่ได้”

“แบบนี้อายุไม่เกินสี่สิบหรอกมึงอ่ะ เดี๋ยวแม่งก็ตายห่า”

“ก็ดี” เขานั่งลงที่ขอบสระและหย่อนขาลงในน้ำ

“ฝักบัวล้างตัวอยู่ตรงนั้น”

“ผมแค่จะนั่งเล่น ไม่ได้ลงสระ”

“ตามใจ”

ผมบอกเรียบๆ เดินเลาะขอบสระอ้อมหลังเขาไปทำท่าว่าจะไปห้องน้ำ แต่...

ตูม!

จะพลาดโอกาสนี้ได้ไง เผลอปุ๊บก็ผลักดิ

“ฮ่าๆ มาถึงสระแล้วคิดจะนั่งเล่นเหรอวะ ว่ายไป ว่ายน้ำนี่แหละทำให้หุ่นดี...ไม่ว่ายวะ”

“...”

ไม่ใช่แค่ไม่ว่าย แต่ยังสำลักและตะเกียกตะกายด้วย

“ธาร เฮ้ย! อย่าบอกนะว่ามึงว่ายน้ำไม่เป็นจริงๆ”

“...”

“ไม่ตลกนะเว้ย!”

“...”

สองมือเขาหมดแรงตะกาย แล้วศีรษะก็จมลงใต้น้ำ

ผมรอ

แต่เขายังไม่โผล่ขึ้นมาสักที

“แม่ง”

ผมพุ่งลงสระโดยไม่ต้องคิดอะไรอีก ก็เหมือนกับโศกนาฏกรรมทั้งหลายที่มักจะเกิดขึ้นในวันที่อากาศแจ่มใสและเรายังมีความสุขดีๆ อยู่ เจ้ากรรมนายเวรคงจะเป็นโรคจิต ถึงได้แสวงหาความบันเทิงด้วยตลกร้ายแบบนี้ นี่มันงี่เง่ามาก ถ้าเขาเป็นอะไรขึ้นมาผมจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเลย

อะดรีนาลีนผลักดันผมราวกับลูกกระสุน ก่อนผมจะช้อนตัวเขาได้และลากขึ้นมาบนขอบสระ

สายธารหมดสติไปแล้ว

ผมแตะนิ้วที่ต้นคอของเขาเพื่อตรวจชีพจร แต่ดูเหมือนชีพจรผมจะเต้นแรงกว่าหลายเท่า โน้มหน้าลงไปใกล้ก็ได้ยินแต่เสียงหายใจฟืดฟาดของตัวเอง ในหัวคือนึกเห็นภาพตัวเองผายปอดและปั๊มหัวใจเขาไปแล้ว

และผมก็กำลังจะทำตามนั้น

“คึ...”

แม่งลืมตาแป๋วเลย

“ธาร นี่มึงแกล้งกูเหรอ”

“ทีคุณยังแกล้งผมล่ะ”

“แม่ง”

เขาค้ำตัวลุกขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มท้าทาย ปลายจมูกเกือบจะทิ่มหน้าผม จนผมต้องเป็นฝ่ายผงะหลบเกือบจะล้มหงายหลัง ซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะจากเขาได้อีก

“ฝักบัวล้างตัวอยู่ตรงนั้น” เขาเลียนเสียงเข้มๆ ของผม จากนั้นก็พุ่งตัวลงสระ ดำผุดดำว่ายอย่างคล่องแคล่วเหมือนลูกหมาขี้อวด

“มึงมานี่เลย”

ผมพุ่งตัวตามลงไปทันที แล้วไล่กวดเขาด้วยท่าฟรีสไตล์ที่เกือบจะสมบูรณ์แบบ สายธารตะกายหนีได้แค่ช่วงสั้นๆ สุดท้ายก็จนมุมที่ขอบสระ

“เดี๋ยวๆ คุณจะทำอะไร”

“มานี่” ผมรวบเอวเขาไว้

“เดี๋ยว! คุณไปเปลี่ยนชุดก่อน ลงมาทั้งเสื้อยืดงี้ได้ไง”

“ไม่ทันแล้ว” ผมถอดเสื้อยืดออกเร็วๆ และเหวี่ยงขึ้นบนขอบสระ ตอนนี้เลยเหลือแค่กางเกงขาสั้นตัวเดียว แต่พอจะรวบตัวเขาใหม่ สายธารก็อาศัยจังหวะนั้นวิดน้ำใส่หน้าผม และพุ่งตัวออกไป

ช้ามาก ไล่ตามไม่เท่าไหร่ก็จนมุมอีกแล้ว

ผมล็อกตัวเขาไว้อีกครั้ง สอดแขนรวบเอวและจับไหล่ให้หันมาเผชิญหน้ากัน จากนั้น...

แล้วยังไงต่อล่ะ

ท่ามกลางแสงแดดยามนี้ ใบหน้าสายธารใสกระจ่าง เส้นผมเปียกลู่ดูเรียบร้อย นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มคล้ายกับมีหลุมดำลึกลับ และมันก็ดึงดูดให้ผมยื่นหน้าเข้าไป...

“โอ๊ย!”

“สม”

“แสบนะเว้ย”

“ไม่เอานิ้วจิ้มตาก็ดีแค่ไหนแล้ว”

ใช่ เขาแค่วิดน้ำใส่หน้าผม แต่ในจังหวะที่เผลอๆ แบบนี้ก็โดนเข้าไปเต็มๆ ไม่ต่างจากใช้นิ้วจิ้มหรอก ผมวักน้ำล้างหน้าแรงๆ แล้วมองหาเขาที่ฉวยโอกาสว่ายหนีออกไป

สายธารอยู่ห่างสองสามช่วงตัว หันหน้ามายิ้มร่าอย่างลืมตัว และเพราะหยาดน้ำที่เกาะเปลือกตาผมอยู่ทำให้เห็นเขาในแบบพร่าเลือนนิดๆ จนดูไม่สมจริง เป็นสายธารในเวอร์ชั่นที่น่าจะมีอยู่แค่ในความฝัน

“มึงโดนแน่ มานี่เลย” ผมทำเสียงดุ แต่ก็ยังฟังดูร่าเริงอย่างช่วยไม่ได้

จากนั้นผมก็ไล่กวดเขาอย่างไม่จริงจังนัก พอเข้าประชิดตัวได้เราก็ทำสงครามวิดน้ำใส่หน้ากัน

จังหวะหนึ่ง ผมเข้าล็อกตัวเขาหลวมๆ และจับหัวกดลงใต้น้ำเหมือนทรมานนักโทษ นี่คือการแสดงความเอ็นดูสไตล์เรือใบ สายธารแก้เผ็ดด้วยการรัวหมัดใส่ท้องผม ซึ่งไม่เป็นปัญหา ซิกซ์แพ็กของผมรับไหว แถมการต่อยใต้น้ำยังช่วยผ่อนแรงไปได้เยอะ

เอ๊ะ แต่กดหัวมันนานไปรึเปล่าวะ ทำไมต่อยเบาลง

ผมฉุดสายธารให้โผล่พ้นน้ำอีกครั้ง เขาหายใจเฮือกใหญ่และสำลักนิดๆ

“นี่จะฆ่ากันรึไง”

“แค่นี้ทำใจเสาะ”

“งั้นลองโดนบ้างสิ!”

เขาโถมเข้ามาล็อกคอผมและกดหัวผมลง จะขัดขืนก็คงไม่ยาก แต่ร่างกายผมกลับดิ้นรนพอเป็นพิธี แล้วยอมโอนอ่อนจมลงใต้น้ำพร้อมกับรอยยิ้ม

หน้าท้องสายธารไม่ได้น่าต่อย ดูน่าตบเล่นเบาๆ ตอนเราปล่อยใจคิดเรื่อยเปื่อยมากกว่า รวมถึงน่าจั๊กจี้แรงๆ เวลาเรามันเขี้ยวด้วย

นั่นไงล่ะ

สายธารหัวเราะพรืด แล้วดิ้นหนีวิชานิ้วดัชนีของผม ผมใช้แขนซ้ายล็อกตัวเขาไว้ แล้วค่อยโผล่หัวพ้นผิวน้ำเพื่อหายใจ มือขวาก็ยังจิ้มๆ ที่เอวเขาไม่เลิก

“ดะ...เดี๋ยวๆ โอ๊ย แค่กๆๆ”

“ยิ้มยากนักใช่มั้ยมึง ต้องเจองี้”

“อย่า...ฟังสิ ฟัง โทรศัพท์คุณ”

มีเสียงเรียกเข้าจริงๆ ด้วย

“แม่ง ใครโทรมาตอนนี้วะ”

“ไปรับดิ”

“มือเปียกอยู่”

“ก็เช็ดดิ ผ้าขนหนูอยู่นั่น”

“ช่างมัน ค่อยโทรกลับ”

“อาจจะสำคัญก็ได้ ไปรับเลย”

สายธารฉวยโอกาสผลักอกผมแรงๆ และว่ายออกไปอีก

ถ้ายังตามไปวอแวเขาอีกผมจะดูงี่เง่าหรือเปล่า เหมือนเด็กวัยรุ่นหัวรั้นที่พูดจาไม่รู้เรื่องอะไรงี้ เขาจะมองออกมั้ยว่า การเล่นเกมจั๊กจี้เป็นแค่ฉากบังหน้าเพื่อให้ตัวเราได้แนบชิดกัน

รับสายก็ได้วะ

ผมขึ้นจากสระมาที่เก้าอี้หวาย กดรับสายทั้งที่มือยังเปียก

“ไงเฮีย”

[เรือ รับสายช้านะ โอเครึเปล่า]

“ยุ่งอยู่นิดหน่อย” ผมหันไปมองสายธารตีกรรเชียงเล่น จู่ๆ แขกไม่ได้รับเชิญโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ ฝรั่งหน้าคมเข้มรูปร่างกำยำกระโดดพุ่งหลาวลงสระใกล้ๆ ตำแหน่งสายธาร หยาดน้ำแตกกระเซ็นสวยงาม

[คุยได้มั้ยตอนนี้]

“รีบๆ ว่ามาเลยเฮีย ผมงานเข้าละ”

[งานอะไร]

“เออน่ะ งานส่วนตัว”

[อย่างแรก พยานเป็นไงมั่ง]

“สบายดี กระดี๊กระด๊า”

คนมาใหม่โผล่ขึ้นจากน้ำ สะบัดเส้นผมสีทองที่ยาวระต้นคอแรงๆ ทำให้ผมนึกถึงโฆษณาแชมพูหมาตะหงิดๆ ที่มีนายแบบเป็นโกลเด้นรีทรีฟเวอร์สะบัดขนไล่น้ำออกจากตัว เขาหันไปยิ้มให้สายธาร สายธารพยักหน้ารับ

แล้วทั้งคู่ก็คุยกัน

[งั้นก็ดีแล้ว] เฮียยอช์ตพูดต่อ [เฮียจะบอกว่า เรืออาจจะไม่ต้องดูแลพยานนานนักหรอก ทนหน่อยละกัน]

“จริงดิ จะจับคนร้ายได้แล้วเหรอ”

[ยังหรอก แต่ได้เบาะแสเพิ่มมาบ้าง]

“อ้อ เซอร์ไพรส์นะเนี่ย เดี๋ยวนี้ทำงานมีประสิทธิภาพกันขนาดนี้”

[ประชดใช่มั้ย]

“ให้ทาย”

[เอาเถอะ อีกเรื่อง เฮียหารถมาเปลี่ยนให้ได้แล้ว ว่างวันไหนก็นัดได้]

“ไว้เดี๋ยวบอก”

[โอเค ก็มีแค่นี้แหละ งั้น...]

“เดี๋ยว” ผมโพล่งออกไปขณะที่สายตายังจ้องมองสายธารกับเพื่อนใหม่ของเขา “เฮียบอกเด็กที่มาเฝ้าผมให้กลับไปแล้วใช่มั้ย”

[จ่าวิชัยน่ะเหรอ กลับมาแล้ว หลังออกเวรก็มาขายยำแหนมช่วยเมียอยู่หลังโรงพักนี่แหละ]

“ไม่ส่งใครมาอีกแล้วแน่นะ”

[ไม่มี]

“แล้วทางฝั่งคนร้ายล่ะ เบาะแสที่เฮียรู้ มีพวกต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้องมั้ย”

[คิดว่าไม่มีนะ ทำไมเหรอ หรือนายรู้อะไรมา]

ผมอาจระแวงมากไป ดูจากลักษณะก็แค่ฝรั่งเงินหนาที่นิยมคนเพศเดียวกันแค่นั้นแหละ ตอนนี้ท่าทางเหมือนจะอยากงาบสายธารเข้าไปทั้งตัวแล้ว ตางี้เยิ้มเป็นน้ำเชื่อมเชียว

[เรือ...]

“ไม่มีไรเฮีย”

[ถ้ารู้อะไรก็บอกมา]

“ถ้ามีเดี๋ยวบอก”

[โอเค งั้นก็...]

“มีอีกเรื่องเฮีย”

[ว่า...]

ข้างหลังผมมีเสียงคนก้าวขึ้นจากสระ ผมหันไปมองและเห็นว่าสายธารกำลังก้าวตรงเข้ามา ผมเลยรีบตัดบท

“ไว้ผมถามเฮียทีหลัง แค่นี้ก่อน” ผมกดตัดสายแล้วหันไปทักสายธาร “ไง”

“เฮียยอช์ตโทรมาเหรอ”

“ใช่”

“ผมได้ยินแว่วๆ ว่าจับคนร้ายได้แล้วเหรอ”

“แอบฟังคนอื่นคุยกันมันเสียมารยาทนะเฮ้ย เรียนก็สูง ครูไม่สอนเหรอ”

เขานั่งลงที่เก้าอี้หวายอีกตัวที่อยู่ถัดไป “แอบฟังที่ไหน บอกว่าได้ยินแว่วๆ”

“ถ้าจับคนร้ายได้แล้วทำไม”

“ผมก็ไม่มีเหตุผลที่ผมต้องอยู่กับคุณต่อ” เขามองหน้าผม เว้นจังหวะนิดนึงก่อนจะพูด “ผมจะได้กลับไปใช้ชีวิตต่อตามปกติ อย่างที่เคยเป็น”

“ยังจับไม่ได้” ผมพูดสวนทันที ซึ่งดูเหมือนจะตกอกตกใจมากไปหน่อย แต่หัวใจผมก็เต้นแรงขึ้นจริงๆ

“มีอะไรที่ผมควรรู้รึเปล่าล่ะ ถ้ามีก็บอกมา”

“ไม่มี” ผมตอบเสียงเฉียบ “แต่มีที่กูอยากรู้ ไอ้ที่ลอยคอเป็นลูกหมาอยู่นั่นน่ะ มึงคุยอะไรกับมัน”

“คุณนี่ ไปเรียกเขาเป็นหมาได้ไง”

“ก็กูสะดวกแบบนี้ คุยไรกัน ตอบมา”

สายธารยักไหล่ “ก็คุยทั่วไป ไม่มีอะไรสำคัญ”

“กูจะตัดสินเองว่าสำคัญรึเปล่า”

“คุณจะอยากรู้ไปทำไม”

“ถ้าเกิดแม่งเป็นพวกคนร้ายล่ะ มึงไม่รู้หรอก แต่กูรู้ รีบเล่ามา”

“จะเสียงดังทำไม นี่เขาก็ยังอยู่ตรงนี้นะ” สายธารพูดเสียงเบา

“เล่า” ผมกดเสียงต่ำ

“เขาชื่อโจเซฟ มาจากแคนาดา”

“ไงอีก”

“เขาบอกวันนี้อากาศดี เหมาะที่จะว่ายน้ำ”

“ต่อ”

“แล้วก็บอกร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่อีกสองซอยถัดไปอร่อย แนะนำให้ไปลอง”

“ไอ้เรื่องแค่นี้กูก็แนะนำได้ เดี๋ยวพาไป ไงอีก”

“หมดแล้ว”

“กูเห็นมึงคุยเยอะกว่านี้”

“ก็สาระสำคัญมันมีแค่นี้ไง”

“เห็นสปีกอิงลิชปร๋อเลยนี่”

“พอสื่อสารได้”

“หมดเวลาสื่อสารแล้ว” ผมพูดพร้อมกับเหวี่ยงผ้าขนหนูไปที่ตัวเขา “ขึ้นห้อง”

“อ้าว ทำไมรีบขึ้น”

“กูหิวแล้ว”

“งั้นคุณก็หาอะไรในตู้เย็นรองท้องไปก่อน เดี๋ยวผมขอ...”

“ไม่ได้”

“...”

“กูไม่ปล่อยให้มึงคลาดสายตาหรอก มันไม่ปลอดภัย”

“เหอะ”

“ขำไร”

“ยังไงคุณก็เป็นพวกเผด็จการอยู่ดี”

สายธารเช็ดผมลวกๆ และลุกขึ้นเดินออกไปเลย แถมยังยกมือเป็นเชิงบอกลาไอ้โจเซฟรีทรีฟเวอร์ไรนั่นด้วย ผมรวบเก็บข้าวของที่เหลือรวมถึงเสื้อยืดที่ถอดทิ้งไว้บนขอบสระ จากนั้นก็ก้าวยาวๆ ตามไป 

พอแล้วกับการว่ายน้ำ

พอแล้วกับคลับเฮาส์

ต่อไปนี้ผมจะขังเขาไว้ในห้องไม่ให้ออกไปไหนเลย





_______________________


เมื่อวานอัพเองอึนเองค่ะ วันนี้เลยต้องเยียวยาตัวเองด้วยการรีบอัพบทนี้
ฮ่าๆ หวังว่าจะช่วยให้ยิ้มๆ กันได้นะคะ :D

รออ่านคอมเมนต์น่ารักๆ ของทุกคนอยู่เสมอเลย <3
ขอบคุณจากใจนะคะ :D


นางร้าย
03.08.18
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 30 ร.ร่าเริง] 03.08.18 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 04-08-2018 00:09:15
ชอบฟีลกอดกันในน้ำ
จูบกันสักทีเถอะนะ555
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 30 ร.ร่าเริง] 03.08.18 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-08-2018 02:19:28
นึกว่าจะมีการผายปอดแบบดูดดื่มซะอีก  :katai1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 30 ร.ร่าเริง] 03.08.18 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 08-08-2018 20:16:22
ชอบเขามากแต่ทำเป็นเกรี้ยวกราดใส่ 555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 30 ร.ร่าเริง] 03.08.18 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 09-08-2018 22:36:56
จ้าาาา พ่อคุณคนซึน ไม่หึงเล้ยยยยน
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 30 ร.ร่าเริง] 03.08.18 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 10-08-2018 13:27:23
สนุกจังค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 30 ร.ร่าเริง] 03.08.18 | P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Cloudnine ที่ 10-08-2018 13:36:09
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 31-32 ร.รู/ร.รีบ] 10.08.18
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 10-08-2018 18:48:28
กระสุนนัดที่ 31
ร.รู



[สายธาร]

เขาเคยฆ่าคน

ฆ่าคู่หมั้นสาวที่ชื่อลินกับชู้ของเธอ ยิงแม่งทั้งคู่! และเขาไม่ได้พูดเล่นเหมือนทุกครั้ง ผมรู้จักน้ำเสียงแบบนี้ดี เสียงทุ้มต่ำและแหบแห้ง คล้ายกับดังผ่านแผลเหวอะหวะจากข้างใน

ถ้าเขาพูดเรื่องนี้ในเวลาอื่นผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรู้สึกอย่างไร แต่ตอนนั้นทั้งฤทธิ์แอลกอฮอล์ ทั้งบาดแผลของตัวผมเองที่เปิดกว้างเต็มที่ ผมเลยรู้สึกว่าเราเป็นพวกเดียวกัน...เป็นคนที่ถูกความไม่ยุติธรรมขยี้จนไม่มีชิ้นดี

เรือใบมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อทวงความยุติธรรมของเขา ซึ่งการยิงทั้งคู่มันร้ายแรงเกินไปมั้ย ผมบอกไม่ได้ บอกได้แค่ว่าถ้าผมเห็นไอ้หมอนั่นเอามีดเสียบพี่ภาณต่อหน้าต่อตา ผมก็คงฮึดสู้สุดใจเหมือนกัน และสุดท้ายอาจจะลงเอยโดยไม่ใช่แค่พี่ภาณที่ต้องจากไปเพียงลำพัง

ผมไม่รู้ว่ามองเขาเปลี่ยนไปหรือเปล่า ไม่อยากคิดให้ปวดหัวด้วย

การใช้ชีวิตให้เป็นปกติน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด และผมพบว่ามันไม่ได้ยากอย่างที่คิด

เขาลากผมไปสระว่ายน้ำที่ชั้นสิบหก เขาเล่นทีเผลอผลักผมลงสระ ผมเลยเอาคืนด้วยการแกล้งจมน้ำ ซึ่งเขาก็กระโดดลงมาช่วยทันที ไม่รู้เพราะอะไรผมเกือบจะปล่อยให้เขาประกบปากลงมาผายปอดแล้ว แต่ถ้าเขาไปรู้เอาตอนนั้นว่าผมแกล้ง...ก็ไม่รู้จะเป็นยังไง อย่างน้อยผมคงโดนบ่นจนหูชาแน่ ผมเลยลืมตาเต็มที่ในจังหวะที่เขาโน้มหน้าลงมา จากนั้นเราก็เล่นน้ำกันต่อ เสร็จแล้วกลับมาทำอาหารง่ายๆ กินกัน ตามด้วยตะลุยดูซีรี่ส์จนเกือบเช้า

สามวันหลังจากนั้นทุกอย่างยังดูปกติ ตื่นสาย สั่งอาหารบางมื้อ บางมื้อทำกินเอง แยกกันไปงีบ แล้วกลับมานั่งตัวติดกันดูซีรี่ส์

นี่คือชีวิตปกติหรือเปล่า...

ก็ใช่ คือชีวิตปกติของคนตกงานและขาดเป้าหมายไงล่ะ

แต่มันไม่เหมือนเดิมซะทีเดียว แทนที่จะอ่านหนังสือหรือนอนข้ามวันแบบไม่แคร์โลก ทำไมผมต้องลุกขึ้นมาทำท่อนแยมทอดให้เขาด้วย แถมริมฝีปากยังคอยแต่จะยิ้มเองอยู่ตลอด

มันอะไรกัน

“ทำไรวะ” เสียงเรือใบฉุดผมจากภวังค์ ผมไม่ต้องตอบ เพราะเขาเข้ามาประชิดข้างหลังแล้วและยื่นหน้าข้ามไหล่ผมมามองด้วยตัวเอง “หอม”

หมายถึงสิ่งที่อยู่ในกระทะใช่มั้ย แต่ปากเขาอยู่ใกล้เกินไปจนผมต้องเบือนหน้าหลบ

“เกะกะ”

“กูไม่ได้บอกให้ทำนี่”

ผมเอียงหน้ากลับมา แล้วแก้มก็เกือบชนกับจมูกเขาอีก นี่จะใกล้ไปไหนวะ ตอนเด็กขาดความอบอุ่นเหรอ “ไม่กินก็เททิ้ง”

“รีบตักใส่จานเลย”

ผมทำตามนั้น ไม่ใช่เชื่อฟังคำสั่ง แต่เพราะถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้มันก็จะไหม้แล้ว

เรือใบใช้มือหยิบไปชิ้นหนึ่งส่งเข้าปาก “ร้อนๆๆ” ทำเขาหน้าเหยเก ขยับกระพุ้งแก้มซ้ายทีขวาที

“เอ้า ก็ค่อยๆ กินสิ จะรีบเพื่อ”

“กูต้องไปข้างนอก”

“ไปไหน” ผมเพิ่งสังเกตว่าเขาแต่งตัวพร้อมออกไปเรียบร้อยแล้ว

“เฮียยอช์ตน่ะ แกนัดเอารถไปเปลี่ยน” เขางับส่วนที่เหลือเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ ก่อนจะหยิบอีกชิ้นและเดินไปที่ประตู

“ไม่กินให้เรียบร้อยก่อนล่ะ ถ้าชืดแล้วไม่อร่อยนะ”

“เฮียแม่งเร่ง ถ้ามึงหิวก็หาไรกินไปก่อนเลยนะ กูอาจจะกินกับเฮีย”

“อืม”

“อยากได้ไรมั้ย เดี๋ยวตอนกลับกูแวะซื้อ”

“ไม่”

“ถ้าเหงาก็โทรมาได้ตะ...”

“ไม่เหงา” ผมพูดแทรก “ผมจะเหงาอะไร ไปนานๆ เลยยิ่งดี คืนนี้ไม่ต้องกลับก็ได้”

เขายิ้ม “ไม่กลับได้ไง ซีรี่ส์กำลังมัน ให้นึกอีกทีไม่อยากได้อะไรแน่นะ”

“ไม่”

“มึงยังไม่นึกเลย”

“ไหนบอกรีบไง ลีลาอยู่นั่นแหละ”

“ฮ่าๆ โอเค” เขาหัวเราะ ก่อนจะหันกลับมาและเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นจริงจัง “อย่าออกไปไหนนะ”

“ไปได้แล้ว”

“รับปากก่อน”

“อือ”

“ให้รับปาก ไม่ใช่ให้ทำเสียงครางเป็นกบ”

“เออๆ จะไม่ไปไหน แล้วก็จะล็อกห้องอย่างดีครับท่าน”

“ดีมาก เหลือท่อนแยมไว้ให้ด้วย”

เขายิ้มส่งท้าย แล้วก็เปิดประตูออกไป

ผมถอนหายใจพลางเอาจานท่อนแยมทอดไปเก็บ หรือทิ้งไปเลยจะดีกว่า แล้วถ้ามาอ้อนขอให้ทำอีกก็อย่าฝันเลย อยากกินก็ทำเองละกัน

เหงาก็โทรไปได้ตลอดงั้นเหรอ ใครเหงา นี่แหละชีวิตที่ต้องการ จะมีอะไรดีกว่าการได้อยู่คนเดียวเงียบๆ แบบนี้...เหมือนที่เป็นมาตลอด

ถ้าเปิดซีรี่ส์ดูต่อคนเดียว ก็คงโดนด่าอีกใช่มั้ย แล้วผมก็ต้องทนนั่งดูตอนเดิมๆ กับเขาใหม่

ทีแรกคิดว่าจะอ่านหนังสืออย่างที่เคยเป็นมา แต่ในเมื่อได้อยู่คนเดียวหน้าคอมแล้ว ลองดูๆ หน่อยก็ไม่เสียหาย ผมกดเข้าเว็บกูเกิล พิมพ์ในช่องค้นหาว่า หางาน แล้วไล่ดูรายการที่เด้งขึ้นมาช้าๆ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ดูได้แค่สองสามเว็บก็มีเสียงขัดจังหวะ ผมกดปิดหน้าจอทันทีแล้วหันมองประตู เขาคงลืมของมั้ง หรือไม่ก็ยกเลิกนัดกับเฮียยอช์ต

ผมลุกก้าวยาวๆ ไปที่ประตู แต่ความคิดวาบผ่านทำให้ต้องหยุดชะงัก

ก๊อก ก๊อก

แต่เขามีคีย์การ์ดอยู่แล้ว หรือต่อให้ลืม คนอย่างเรือใบไม่เคาะอย่างเดียวหรอก เค้าต้องด่าหรืออย่างน้อยก็ต้องปล่อยความหยาบคายสักอย่างออกมา

ผมลงฝีเท้าเบาๆ เข้าหาประตูโดยหวังว่าอีกฝ่ายจะไม่รู้ตัว จากนั้นก็แนบใบหน้าเข้ากับช่องตาแมว

เป็นคนแปลกหน้าจริงๆ ด้วย

หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 31-32 ร.รู/ร.รีบ] 10.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 10-08-2018 18:58:20
กระสุนนัดที่ 32
ร.รีบ



[เรือใบ]

ผมขู่เด็กฮิปในห้องน้ำผับไปว่าโคตรเกลียดคนที่ไม่ตรงต่อเวลา แต่ความจริง ผมเป็นคนยืดหยุ่นกับเรื่องนี้สุดๆ แล้ว จะกิน จะนอน จะขี้ ขึ้นอยู่กับอารมณ์เป็นหลัก ยิ่งไม่ได้ทำงานทำการประจำแบบนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ผมมาถึงร้านอาหารที่นัดไว้ช้าไปสิบกว่านาที แต่เฮียยอช์ตวิวัฒนาการไปไกลกว่านั้น ผมรออยู่เป็นชั่วโมงเฮียยังไม่โผล่มา พอโทรไปตามก็บอกรถติด

เบื่อว่ะ

สายธารทำอะไรอยู่นะ

โทรหาดีมั้ย แต่อยากให้เขาเป็นฝ่ายโทรมามากกว่า ไกด์ไว้ให้แล้วว่าถ้าเหงาก็โทรมาได้ตลอด

หรือแชตไลน์ไปดี ผมยังไม่ได้ขอเพิ่มเขาเป็นเพื่อนในลิสต์ แต่เห็นแล้วว่าสามารถกดเพิ่มเพื่อนจากหมายเลขโทรศัพท์ได้ ผมเป็นพวกไม่ชอบสิงในโซเชียลซะด้วย ไม่รู้ว่าตัวเองตกยุคตกสมัยไปไกลแค่ไหนแล้ว ตอนนี้สติกเกอร์อะไรฮิตบ้างวะ สวัสดีวันจันทร์ ไรงี้เหรอ

“รอนานมั้ยเรือ” จู่ๆ เฮียยอช์ตก็โผล่มาและนั่งลงตรงข้ามผม

ผมเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า “ไม่มาตอนผมอายุเจ็ดสิบเลยล่ะเฮีย”

“รถติด แล้วกว่าจะเรียกแท็กซี่ได้อีก”

“อ่าว ไหนบอกจะเอารถมาเปลี่ยน”

“รถเฮียเสียพอดี เลยว่าจะเอารถเรือไปใช้นี่แหละ ส่วนที่จะเอามาเปลี่ยนลูกน้องมันกำลังขับตามมา...”

“จะเอารถผมไปใช้ แล้วก็เช่ารถเก่าๆ มาให้ผมใช้แทนใช่มั้ย นี่คือมาตรการความปลอดภัยของพยานเหรอ”

“ตามนั้นเลย สั่งอะไรบ้างรึยัง หิว...น้องครับ น้อง ขอเมนูหน่อย”

เฮียยอช์ตสั่งอาหารตามใจตัวเอง ผมก็สั่งตามสไตล์ผม ทีแรกเรานั่งกินกันเงียบๆ ในแบบที่ไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ ถ้าเฮียยอช์ตกินเร็วกว่านี้อีกนิดก็จะเข้าขั้นมูมมามแล้ว

“ซ้อมแข่งกินวิบากเหรอเฮีย ใจเย็น”

“เออๆ หิวว่ะ” เฮียยอช์ตจิบน้ำ ลดสปีดขากรรไกรลงมาอีกสองระดับ พลางเหลือบมองอาหารจานหลักของผม “นายนี่ยังชอบกินเหมือนตอนเด็กๆ เลยนะ ไม่เผ็ด ไม่เอาถั่วงอก”

“ที่เรียกมานี่ เพื่อมาวิจารณ์รสนิยมการกินของผมเหรอ”

“เปล่า”
“ไม่ใช่แค่เปลี่ยนรถแน่ๆ มีไรก็ว่ามา”

“นี่เซนส์ตำรวจเก่าเหรอ”

“จับคนร้ายได้แล้ว?”

“เป็นงั้นก็ดีสิ”

“งั้นอะไร”

เฮียยอช์ตถอนหายใจ “ได้คุยกับป๊าบ้างมั้ย”

“ไม่ค่อย”

“ป๊าถามว่าเมื่อไหร่เราจะไปช่วยกิจการสักที โดยเฉพาะนาย”

“เรื่องนี้คุยกันหลายทีแล้วนะ ผมขอเวลา...”

“อาจจะไม่มีเวลาแล้วนะเรือ”

ผมหยุดชะงัก “ทำไม...ป๊าเป็นไร”

“...”

“มะเร็งเหรอ หรือว่าอุบัติเหตุอะไร...เฮีย”

“ไข้หวัดใหญ่”

“โห เฮีย นึกว่าเป็นอะไร ปูมาซะน่ากลัว”

“นายไม่เห็นหน้าป๊านานแค่ไหนแล้ว” เสียงเฮียยังดูขรึมเศร้า “ป๊าแก่ไปเยอะแล้วนะ วันนี้เป็นไข้หวัด วันต่อไปไม่รู้จะเป็นอะไรร้ายแรงบ้าง ร่างกายแกคงโทรมเร็วเพราะโหมงานหนัก แล้วก็ทุกข์ใจที่มีลูกอย่างเรา”

“พูดซะเว่อร์”

“เรือ”

“ผู้จัดการลูกน้องป๊าเก่งๆ เยอะแยะ”

“ยังไงก็ไม่ดีกับใจเท่าลูกชายเต็มใจรับช่วงมั้ง”

“เออๆ ขอเวลาอีกหน่อยละกัน”

“พูดแบบนี้กี่รอบแล้วล่ะ”

“เอาไว้จบเรื่องสายธารก่อน”

“ดี เฮียจะเร่งให้จบเร็วๆ นี้แหละ” เฮียยอช์ตยิ้มออก ราวกับว่าก่อนหน้านี้เล่นบทดราม่าเพื่อบีบคั้นผม แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้โวยวายอะไรต่อ โทรศัพท์เฮียก็ดังขึ้น

“ไงจ่า” เฮียกดรับสาย “เออ...อยู่ในร้าน เข้ามาเลย”

ไม่ถึงอึดใจ ผู้ชายรูปร่างสันทัดหน้าตาพื้นๆ ก็เดินเข้ามาที่โต๊ะ เขายื่นกุญแจให้เฮียยอช์ตด้วยท่าทีนอบน้อม แทบจะเหมือนกับทาสปฏิบัติกับเจ้าขุนมูลนายสมัยเก่า

“นั่งก่อนจ่า กินไรยัง”

“ก็...กินมานิดๆ ครับ”

“งั้นก็กินอีก นี่กับข้าวเยอะแยะ เออ นี่เรือใบ แต่จ่าก็เคยเห็นแล้วนี่นะ” จ่ายกมือไหว้ ผมรีบรับไหว้แทบไม่ทัน “นี่ จ่าวิชัย เรือก็เคยเห็นแล้วเหมือนกัน”

ผมมองหน้าเขาแล้วขมวดคิ้ว ไม่คุ้นหน้าเลย นึกยังไงก็นึกไม่ออก “จ่าเพิ่งย้ายมาหลังจากผมลาออกรึเปล่า”

“น่าจะใช่ครับ”

“แต่เรือก็เห็นตอนที่จับได้ว่าจ่าไปเฝ้าที่คอนโดไง”

หืม คนนี้คือคนไปเฝ้าเหรอ ไม่ใช่คนขายลูกชิ้นปิ้งนั่นแน่ๆ

หัวใจผมหล่นวูบไปถึงตาตุ่ม แต่ยังคงเก็บอาการไว้ “จ่าไปเฝ้าคนเดียวใช่มั้ย”

“ครับ เห็นคุณเรือกับพยานเดินไปเซเว่นหลายครั้ง อ้อ แล้วก็เห็นพยานลงมาครั้งหนึ่ง เห็นหิ้วกระเป๋าเหมือนจะไปไหน แต่พอหันมาเห็นผมสูบบุหรี่อยู่เขาก็กลับขึ้นไป นึกว่าจะโดนจับได้ซะแล้ว”

หูได้ยิน แต่สมองคล้ายกับจับใจความไม่ได้ ขาข้างหนึ่งเริ่มอยู่ไม่สุขจนต้องเขย่าเบาๆ

ผมหยิบแก้วน้ำมาจิบ ในที่สุดก็พูดขึ้น “ผมไปดีกว่า”

“อ้าว อิ่มแล้วเหรอ”

ผมเอื้อมไปคว้ากุญแจรถคันใหม่ “รถจอดอยู่ตรงไหน”

“หน้าร้านเลยครับ ฮอนด้าซีวิคสีขาว”

“รีบไปไหนน่ะ เรือ เดี๋ยวสิ”

“คิดถึงพยาน ไปละเฮีย ไว้โทรคุยกัน จ่ามากับผมหน่อย ผมขอหยิบของในรถแป๊บนึง”

ว่าแล้วผมก็พุ่งตัวออกจากร้าน เปิดประตูรถคันเดิมเพื่อหยิบปืนลูกโม่ที่ผมซ่อนไว้ใต้เบาะ จ่าก้าวตามมาทันพอดี ผมเลยโยนกุญแจให้เขา แล้วกระโดดขึ้นฮอนด้าซีวิคที่จ่านำมาเปลี่ยนและขับออกไป

จ่าวิชัยไม่ใช่คนขายลูกชิ้นปิ้ง

ผมพลาดได้ยังไง มือตกมาก สนิมเกาะกลีบสมองขนาดนี้เลยเหรอวะ ไม่ว่าไอ้หมอนั่นจะเป็นใครมันก็รู้ที่อยู่ผมกับสายธารแล้ว แถมยังได้รูปทะเบียนรถไปเรียบร้อย เผลอๆ อาจจะเคยเดินสวนกันแถวนั้นด้วยซ้ำ

กลางอกผมจุกแน่นขึ้นมาเมื่อนึกเห็นภาพสายธารเปิดประตูให้คนแปลกหน้า หรือไม่ก็อาจโดนเล่นงานริมถนน หลายครั้งแล้วที่เขาแอบลงมาซื้อของในเซเว่นคนเดียว จ่าวิชัยยังบอกว่าสายธารเคยจ๊ะเอ๋กับเขาจังๆ ที่ข้างล่างด้วย

ใจเย็น

นี่อยู่ใจกลางกรุง พวกมันคงไม่ลงมือหรอก

ที่สำคัญ ไอ้หนุ่มนั่นอาจจะเป็นแค่คนขายลูกชิ้นจริงๆ ก็ได้ พ่อค้ามือใหม่ที่ขายไม่รู้เวล่ำเวลา และเป็นแฟนคลับโตโยต้าคัมรี่จนต้องยกมือถือถ่ายไว้เป็นที่ระลึก

เย็นไว้ ตอนนี้เราเปลี่ยนรถเรียบร้อยแล้ว

ตั้งใจขับรถไป ไม่มีอะไรหรอก

แต่...

แม่ง ยังไงไอ้หมอนั่นก็ดูท่าทางแปลกๆ อยู่ดี

การจราจรนรกทำให้ผมกลับถึงคอนโดช้าไปราวๆ ห้าสิบปี ถ้าส่องกระจกตอนนี้เส้นผมอาจจะหงอกเต็มหัวแล้ว ลิฟต์ก็ไม่รู้เป็นอะไร ดูเหมือนจะช้ากว่าปกติ ทุกอย่างช้าไปหมด

ยิ่งลิฟต์เลื่อนสูงขึ้นหัวใจผมก็ยิ่งเต้นแรง

ปืน Glock 19 ซึ่งเปรียบเหมือนลูกน้องที่ซื่อสัตย์อยู่ในห้องนอน ผมจะพกกระบอกนั้นแค่ตอนกลางคืนในสถานการณ์เสี่ยง ส่วนปืนลูกโม่ที่ปกติจะเก็บไว้ใต้เบาะรถ ตอนนี้เหน็บมันติดตัวขึ้นมาด้วย

ติ๊ง

ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นยี่สิบ ผมก้าวออกไปสบายๆ รู้สึกล่อนจ้อนอย่างบอกไม่ เมื่อนึกว่าตอนนี้ผมมีแค่ปืนลูกโม่ กับความหวังที่คล้ายจะหล่นเรี่ยราดตามโถงทางเดิน

ประตูห้องปิดสนิท มีเสียงทีวีดังแว่วๆ จากข้างใน

สายธารไม่ชอบทีวี

ผมหยิบคีย์การ์ดออกมาปลดล็อกประตู จับก้านเหล็กบิดเปิดเบาๆ ซึ่งให้ความรู้สึกไม่ต่างจากปลดชนวนระเบิด โซ่ประตูไม่ได้คล้องอยู่กับตัวล็อก อากาศเย็นฉ่ำภายในห้องเล็ดลอดออกมาทักทาย ผมแทรกตัวผ่านประตูเข้าไปอย่างเงียบกริบ โชคดีที่เสียงทีวีช่วยกลบอีกแรง

คนที่นั่งอยู่บนโซฟายังไม่รู้ตัว จนกระทั่งผมเซถอยหลังและเผลอหลุดเสียงพูดออกมา

“ลิน...”






___________________

หลังจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ขอให้อยู่ข้างๆ เรือใบนะคะ รักเขาเยอะๆ
ขอให้อยู่เคียงข้างเขา จนเขาล่องไปถึงสุดทางนะคะ <3

ขอบคุณมากๆ เลยค่ะที่อ่านมาถึงตรงนี้
เราอ่านคอมเมนต์วนซ้ำไปซ้ำมา ทั้งยิ้ม ทั้งหัวเราะกับตัวเอง ชอบอ่านมากๆ เลย
มันมีค่ากับใจเรามากจริงๆ ค่ะ

ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ^ ^


นางร้าย

10.08.18
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 31-32 ร.รู/ร.รีบ] 10.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-08-2018 19:44:00
เอ้า ลินยังไม่ตายเหรอ แล้วน้องไปไหนคะะะ พี่เขากลับมากินท่อนแยมแล้วววว  :hao5:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 31-32 ร.รู/ร.รีบ] 10.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Carrot_t ที่ 11-08-2018 00:43:14
หื้มมมม อะไรยังไงนะะ ไม่นะะอิพี่อย่าทำให้น้องเสียใจ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 31-32 ร.รู/ร.รีบ] 10.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-08-2018 02:10:51
แล้วธารไปไหน  :o
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 31-32 ร.รู/ร.รีบ] 10.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: piiya ที่ 11-08-2018 21:43:48
กรี๊ดดดดด อ่านทันแล้วแล้ว แต่ดันมาถึงตอนนี้ซะได้ :ling3:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 31-32 ร.รู/ร.รีบ] 10.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 11-08-2018 22:59:08
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 33: ร.รอคอย] 12.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 12-08-2018 20:05:47
กระสุนนัดที่ 33
ร.รอคอย



[สายธาร]

ก๊อก ก๊อก ก๊อก   

“เรือคะ อยู่หรือเปล่า” เสียงคนแปลกหน้าดังแว่วผ่านประตูพอให้จับความได้

ก๊อก ก๊อก

ผมจะทำเฉยเหมือนไม่มีคนอยู่ซะก็ได้ แต่ความอยากรู้อยากเห็นสั่งให้ผมเปิดประตูแง้มออก โดยที่โซ่ยังคล้องอยู่ คนที่รออยู่หน้าประตูเป็นผู้หญิง หน้าตาสะสวย แต่งตัวดี กระเป๋าที่คล้องอยู่กับแขนนั่นราคาอาจจะห้าหรือหกหลัก

“เรือใบไม่อยู่ครับ”

“อ๊ะ คุณเป็นใคร”

จะตอบยังไงดี คู่ขา งั้นเหรอ นั่นไม่ใช่จิตวิทยาพื้นฐานที่เธออยากฟังหรอกมั้ง

“เพื่อนเรือใบครับ แล้วคุณเป็น...”

“คู่หมั้นเขา”

คู่หมั้นงั้นเหรอ...

“แล้วนี่ทำไมเพิ่งมาเปิด ฉันเคาะตั้งนาน...คุณ”

“ผม เอ่อ...หลับอยู่ โทษที”

“เรือเขาไปไหนล่ะ”

“ไปข้างนอก เดี๋ยวก็มา”

“เปิดประตูสิ ฉันจะได้เข้าไปรอข้างใน”

ผมชั่งใจว่าควรเปิดมั้ย แต่ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว อีกอย่างเธอก็เป็นผู้หญิงตัวผอมๆ ไม่น่าจะบุกเข้ามากอดปล้ำรำแม่ไม้มวยไทยใส่ผม หรือถ้าจะชักปืนมายิงก็คงต้องคิดหนักหน่อย เพราะที่ล็อบบี้มีกล้องวงจรปิดอยู่

“เอ้า รออะไรล่ะ เปิดสิ ฉันเมื่อย”

“ครับ”

ผมงับประตู ปลดโซ่ออก แล้วเปิดให้เธอเข้ามา

ท่าเดินของผู้หญิงคนนี้ดูเริ่ดเชิดราวกับนางแบบ แถมยังสวมเสื้อเปิดไหล่และกระโปรงสั้นแนบเนื้อเปรี้ยวจี๊ดอีก แม้แต่ผมที่ไม่ได้สนใจผู้หญิงมาแต่ไหนแต่ไรยังอดมองตามไม่ได้

เธอมาหยุดอยู่ที่กลางห้อง พอยต์เท้าข้างหนึ่งขณะมองรอบตัว “ยังเหมือนเดิม แต่รกขึ้น” เธอเยื้องย่างต่อ เอากระเป๋าถือวางบนโซฟาที่นอนประจำของผม จากนั้นก็เดินไปรินน้ำที่ตู้เย็นดื่มเอง

ผมรีบไปเก็บหนังสือและของจุกจิกแถวๆ โซฟาให้เป็นระเบียบเท่าที่จะทำได้ ทำให้เธอมีแก่ใจพอจะมานั่งลงข้างกระเป๋าตัวเองพร้อมกับน้ำดื่ม เธอเอนหลังและไขว่ห้างทันที ส่วนผมเลี่ยงไปนั่งที่เก้าอี้โต๊ะกินข้าว

“ปกติเรือโลกส่วนตัวสูงนะ ไม่ค่อยให้เพื่อนมาค้าง”

“พอดีผมเดือดร้อนเรื่องที่อยู่น่ะ”

ดวงตากลมโตภายใต้ขนตาปลอมมองสำรวจผม “ดูอายุน้อยกว่าเรือกับฉันนะ เป็นเพื่อนเรือมานานแล้วเหรอ”

“ไม่นาน”

“ฉันชื่อลิน นายชื่ออะไร”

ลิน คู่หมั้นเรือใบ

แล้วที่เขาบอกว่า ยิงแม่งทั้งคู่ หมายความว่ายังไงล่ะ

“สายธาร” ผมตอบเสียงเบาหวิว

“นี่จงใจตั้งชื่อให้คล้องจองกันรึเปล่า”

“...” ผมไม่รู้จะพูดอะไร

“ตกลงว่าเขาออกไปไหน ได้บอกไว้รึเปล่า”

“ทำไมคุณไม่โทรหาเขาล่ะ”

“ขอเบอร์เขาหน่อยสิ”

“คุณไม่มีเบอร์เขา?”

“เอามาเถอะน่ะ”

ถ้าไม่ให้เธอก็คงเซ้าซี้อยู่ดี ผมหยิบมือถือตัวเองมาเลื่อนหาเบอร์แล้วส่งให้เธอดู เธอกดบันทึกชื่อเขาอย่างรวดเร็วและส่งกลับ

“ไม่โทรเหรอ”

“คิดอีกที รอเขากลับมาดีกว่า จะได้เซอร์ไพรส์” ว่าแล้วเธอก็หยิบรีโมตมากดเปิดทีวี “นายจะทำอะไรก็ไปทำเถอะ”

ผมเกลียดเสียงทีวี

จะให้ทำอะไรล่ะ ในเมื่อโซฟาที่ประจำของผมถูกเธอยึดครองไปแล้ว แถมรัศมีที่เธอแผ่ออกมายังชวนให้ถอยห่างด้วย สุดท้ายผมเลยหยิบโน้ตบุ๊กเดินเข้าห้องเรือใบไป ก่อนจะปิดประตูยังเห็นว่าเธอเหลือบมองมาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่

ปกติแล้วผมไม่อยากเข้ามายุ่มย่ามในห้องเขาหรอก แต่ตอนนี้มันจำเป็น เหมือนกับว่าความร้อนแรงของผู้หญิงคนนั้นเผาออกซิเจนในห้องโถงไปจนไม่พอให้หายใจ

ผมทิ้งตัวนั่งลงบนขอบเตียงพร้อมกับหายใจเข้าเฮือกใหญ่

คู่หมั้นของเรือใบ

ลิน...

บางทีอาจไม่ใช่เพราะความเซ็กซี่หรือการปรากฏตัวของเธอที่ทำให้ผมหายใจไม่ออก แต่เป็นคำโกหกต่างหาก คำโกหกเล่นงานผมเหมือนหมัดหนักๆ จนจุก

ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาอาจจะเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งสิ้น

รวมถึงจูบนั่นด้วย

ผมนึกไม่ออกว่าหลังจากนี้จะพูดหรือวางตัวกับเขายังไง และเขาจะพูดอะไรยังไงกับผม คืนนั้นกูเมาก็พูดไปเรื่อยเปื่อย นี่มึงคิดว่ากูจะยิงคู่หมั้นที่แซ่บขนาดนี้จริงๆ เหรอ ผมได้ยินเสียงขำๆ กึ่งเหนื่อยหน่ายของเขาในหัว ใช่ มันอาจจะง่ายๆ อย่างนั้นเลย

แต่อย่าคิดถึงมันดีกว่า

ผมหยิบโน้ตบุ๊กมาวางที่โต๊ะข้างหัวเตียงและกดเปิดเครื่อง ตาจ้องภาพพื้นหลังอยู่สักพัก ก่อนจะกดเข้าไปดูซีรี่ส์เรื่องที่ดูค้างกับเขาอยู่ต่อ ต้องตั้งใจอ่านซับกว่าปกติเพราะเสียงมันตีกับเสียงทีวีที่ดังแว่วๆ จากข้างนอก

เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้

จนกระทั่งมีเสียงเคลื่อนไหวและเสียงพูดคุยอยู่ในห้องโถง

ผมกดปุ่มหยุดชั่วคราว แล้วเงี่ยหูฟัง...

“สายธารไปไหน”

ช่วยไม่ได้

มีคนเรียกชื่อผม ผมก็ต้องเปิดประตูโผล่หน้าออกไป







______________________



เดี๋ยวพรุ่งนี้มาอัพอีกตอนต่อนะคะ
จะพาอิพี่เรือไปล่องในชามมาม่า ^ ^
ขอบคุณทุกคนมากๆ เลยนะคะที่อ่านมาถึงตรงนี้

เราอ่านทุกคอมเมนต์ แต่ละเมนต์ไม่ต่ำกว่า 3 รอบ
ชอบมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณจริงๆ นะคะที่คอยคอมเมนต์ให้ตลอดๆ เลย T___T

ใครที่อ่านแล้วไม่เคยแสดงตัว มาพูดคุยกันได้นะคะ ^ ^
หรือไปคุยในโซเชียลติดแท็ก #รรรเรือ ก็ได้ค่ะ
อยากทำความรู้จักเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เพิ่มอีกเยอะๆ เลยค่ะ ^ ^

ขอบคุณอีกครั้งนะคะ


นางร้าย
12.08.18
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 33: ร.รอคอย] 12.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Rungsai ที่ 13-08-2018 00:12:28
ทำไมรู้สึกโล่งอกที่คู่มั่นคุณเรือใบยังไม่ตาย
แบบมันก็สะท้อนให้เห็นเเหละว่าถึงจะโกรธเเค้นว่าที่ภรรยาแค่ไหน
แต่คุณเขาก็ไม่ใจร้ายขนาดฆ่าใครตาย
เราคิดว่าบางทีวันนั้นคุณเรือใบแค่พูดออกมาจากส่วนลึก
ที่แบบอยากให้เขาตายไปจากใจอะไรแบบนี้ปะ ฮือ

แต่ที่บอกว่าเตรียมรับดราม่านี่  :hao5:
เกียมทิชชู่ด่วนนนนนนน  :z3:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 33: ร.รอคอย] 12.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 13-08-2018 01:00:20
โอเอ็มจี! อ่านทันแล้วและค้างมากว่าแล้วว่าจะต้องค้างแต่ไม่คิดว่าจะแบบนี้ :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 33: ร.รอคอย] 12.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-08-2018 02:59:18
ใช้อะไรยิง ทำไมชะนีไม่ตาย  :hao4:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 33: ร.รอคอย] 12.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 13-08-2018 16:55:13
เดี๋ยววววว เรือใบหลอกน้องเหรอ โดนโกรธแน่ๆ สายธารโกรธให้หนักๆเลยนะ จนมันยอมบอกความในใจไปเลย
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 33: ร.รอคอย] 12.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: PoLAxNwdYB ที่ 13-08-2018 17:18:48
คุณเรือใบจะบอกน้องสายธารยังไงดีคะเนี่ย โอ้ยยย ตื่นเต้นๆ ติดตามต่อไปนะคะ  :mew1:
คุณไรท์ก็สู้ ๆ นะคะ ขอบคุณที่เขียนเรื่องสนุก ๆ ให้ได้อ่านเช่นกันค่ะ จะติดตามต่อไปน้า ~♡  :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 33: ร.รอคอย] 12.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 13-08-2018 17:54:14
รออยู่น้าาาา
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 33: ร.รอคอย] 12.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 13-08-2018 19:02:52
อะไรกันนี่ มานิดเดียว มาต่อเร็วๆ เลยนะ
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 34: ร.ร่องรอย] 13.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 13-08-2018 20:12:54
กระสุนนัดที่ 34
ร.ร่องรอย



[เรือใบ]

“ลิน” ผมพูดซ้ำอีกครั้ง และยังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

เจ้าของชื่อผุดลุกขึ้นยืน “เรือ”

“นี่...มาอยู่นี่ได้ยังไง”

“ลินมารอเรือ ออกไปไหนมาเหรอ นานมากเลย”

“เราถาม...” ไม่ แบบนี้มันเหมือนวันเก่าๆ เกินไป ผมเลยเปลี่ยนสรรพนามให้ฟังดูเป็นทางการและห่างเหิน “ผมถามว่าคุณมาอยู่นี่ได้ยังไง”

เธอก้าวเข้าหาผมพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อน “เพิ่งกลับจากอเมริกาเมื่อวานน่ะ ลินโทรหาเรือแต่เรือเปลี่ยนเบอร์แล้ว ก็เลยมาหาที่นี่ คิดว่าเรือยังอยู่ที่เดิม และก็ใช่จริงๆ...เรือ”

รอยยิ้มของเธออยู่ใกล้เกินไป และสัมผัสเบาๆ ที่ต้นแขนนั้นก็เตือนให้ผมรู้ว่าเธอเข้าถึงตัวผมแล้ว

“สายธารไปไหน” ผมสะบัดมือเธอออก ก้าวเข้าไปมองรอบห้องโถง

“เดี๋ยวสิ”

“บอกมา สายธารไปไหน!”

ยังไม่ทันที่ลินจะได้ตอบประตูห้องนอนก็เปิดออก สายธารโผล่หน้าออกมา สีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาง่วงซึมหรืออาจจะเหนื่อยหน่าย เขากะพริบตาใส่ผม ก่อนจะเดินเนิบๆ มาที่ตู้เย็น

“ธาร”

“เรือ” ลินเข้ามาเกาะแขนผมอีก ทำตัวอย่างกับนางร้ายในละครหลังข่าว “กำลังจะบอกว่าเพื่อนเรือก็อยู่ในห้องแหละ แต่เรือดูไม่เปลี่ยนเลยนะ นี่ถ้าลินไม่ได้มาเห็นกับตาก็คง...”

“ลิน” ผมแกะมือเธอออก หันมาเผชิญหน้ากับเธอ “อย่าเพิ่ง ไปนั่งรอก่อนไป ไว้ค่อยคุย” พอหันมาอีกทีสายธารก็กลับเข้าห้องไปแล้ว ผมรีบตามเข้าไปและล็อกประตูตามหลัง ลินเคาะประตูเรียกอย่างที่คิด ต้องรอสักพักเธอถึงยอมล่าถอยออกไป

สายธารดูซีรี่ส์อยู่ราวกับผมไม่ได้อยู่ในห้องด้วย

“ธาร”

“...”

“สายธาร”

เขากดหยุดซีรี่ส์ไว้ แล้วหันมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“เราต้องคุยกัน”

“ท่อนแยมอยู่บนโต๊ะ แต่มันคงชืดแล้วล่ะ”

“กูไม่สนใจหรอก”

“อ้อ”

“กูหมายถึงไม่ได้สนใจของกินตอนนี้ แต่เรื่องผู้หญิงข้างนอกนั่นต่างหาก”

“อ้อ”

“นั่นลิน อดีตคู่หมั้นกู”

“อือฮึ”

สีหน้าเขายังเรียบเฉย ดูไม่ทุกข์ร้อน ไม่สงสัยใคร่รู้อะไร ราวกับเขาขังจิตใจไว้ในโลกส่วนตัวที่มีกำแพงแน่นหนากว่าทุกครั้ง หรือไม่ก็ใจเขาอยู่ตรงนี้แหละ แต่เรื่องนี้ไม่ได้ส่งผลใดๆ กับเขา

“มึงต้องฟังกูอธิบาย”

“อะฮะ”

“เรื่องมันตั้งนานมาแล้ว มันควรจบๆ ไปแล้วด้วยซ้ำ กูไม่คิดว่าลินจะ...”

“...”

“มึงไม่ได้ฟังกูพูดเลย”

เขาเบิกตาขึ้นเล็กน้อยทำเป็นสนใจ “แล้ว...”

แล้วผมก็พูดอะไรไม่ออก มันยากเกินไป พอนึกว่าผู้หญิงคนนี้นั่งอยู่ในคอนโดผมมันก็จุกจนไม่มีคำพูดอะไรเกี่ยวกับเธอเล็ดลอดออกมาอีก

“แม่ง”

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมจะดูต่อละ” สายธารยิ้มขำ เป็นรอยยิ้มที่เกือบจะเข้าขั้นสังเวช แล้วเขาก็หันไปกดปุ่มดูหนังต่อ

“มึงรอนี่แหละ เดี๋ยวกูจัดการกับลินแล้วจะมาคุย”

ผมพูดเสียงดัง แต่เขาก็คงไม่ได้ยินแล้วเพราะมีหูฟังอุดหูอยู่




_____________________


รุงรังกว่าพี่เรือ ก็ร.ลินนี่ละค่ะ

ช่วงหลังๆ ต่อจากนี้ตัดจบแนวนี้ทุกตอนเลยค่ะ #อย่าตีเก๊า
จะพยายามมาอัพให้ถี่ๆ นะคะ
อยู่ด้วยกันกับพี่เรือแบบนี้ไปเรื่อยๆ เลยนะคะ
ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ^ ^

ขอบคุณทุกคอมเมนต์อีกครั้งนะคะ
ขอบคุณบ่อยมากเลย อย่าเพิ่งเบื่อกัน เพราะซาบซึ้งใจจริงๆ ค่ะ T T

นางร้าย
13.08.18
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 34: ร.ร่องรอย] 13.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 13-08-2018 22:28:27
คิดว่าแล้วคงไม่ได้ยิง ไม่งั้นคงเข้าคุกไม่ได้มาดูแลน้องสารธารหรอก

แต่มันเกือบจะทำให้สายธารเปิดใจแล้วเชียว ฮืออออ จะปิดใจมากกว่าเก่าไหมลูก  :hao5:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 34: ร.ร่องรอย] 13.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 13-08-2018 23:13:17
  :z3: :ling3: :ling1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 34: ร.ร่องรอย] 13.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 13-08-2018 23:43:31
ม่ายยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 34: ร.ร่องรอย] 13.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: PoLAxNwdYB ที่ 16-08-2018 02:47:26
 :z13: :z13:
จิ้มๆ รอคุณไรท์  :mew1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 34: ร.ร่องรอย] 13.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 16-08-2018 06:31:38
รออยู่นะคะ
อุตสาทำลายกำแพงได้
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 34: ร.ร่องรอย] 13.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 16-08-2018 15:38:24
 :z13:มาสะกิดๆ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 35: ร.รอน] 16.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 16-08-2018 18:13:05
กระสุนนัดที่ 35

ร.รอน



[สายธาร]

ผมไม่ได้เดินหนี ไม่ได้ปิดประตูใส่หน้าเขา หรือแกล้งหลับ ผมให้โอกาสเขาอธิบายแล้ว แถมยังหันหน้าไปตั้งใจฟังด้วย

แต่ไหนล่ะ คำอธิบาย

นั่นลิน อดีตคู่หมั้นกู

เรื่องมันนานมาแล้ว มันควรจบๆ ไปแล้ว กูไม่คิดว่าลินจะ...

หลังจากเขาเดินออกประตูไปก็มีเสียงพูดคุยอยู่ข้างนอก ผมเดินตามไปหยุดตรงประตูและเงี่ยหูฟัง แต่จับใจความได้ยาก เสียงเรือใบเหมือนหัวเสีย เสียงผู้หญิงดูจะพยายามออดอ้อนออเซาะ

มีเสียงเปิดและปิดประตู จากนั้นก็เหลือแค่ความเงียบ

ผมรออยู่สักพัก แล้วค่อยเปิดประตูออกมาที่ห้องโถง พวกเขาไปกันแล้ว ท่อนแยมทอดยังวางอยู่บนโต๊ะ มันดูเย็นชืดซังกะตายจนหมาก็อาจจะเมิน ผมมานั่งที่โซฟาที่ประจำของตัวเอง ทว่ากลับไม่รู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้อีกแล้ว กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงคนนั้นยังฝังอยู่ในพนักพิง กลิ่นคำโกหกของเรือใบลอยฟุ้งในอากาศ

ยิ่งหายใจเข้ายิ่งรู้สึกแย่

ผมอยากโทรหาแม่ คุยกันไว้แล้วว่าจะกลับบ้าน แต่ผมก็ยังไม่ได้ยืนยันว่าจะเป็นวันไหน แต่พอคิดอย่างนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้นราวกับนัดกันไว้ แต่คนที่โทรมาไม่ใช่แม่

“ว่าไงมิก”

[ทำไรอยู่วะ]

“ไม่ได้ทำไร”

[อยู่กับพี่เรือใช่ปะ แล้วตอนนี้เขาทำอะไรอยู่]

“กูอยู่คนเดียว ส่วนเขาจะไปทำอะไรก็ช่างเขาเถอะ ทำไม มึงมีไร”

[ทำไมเสียงมึงเป็นงั้นวะ เป็นไรเปล่า]

“เปล่านิ กูปกติดี คนที่เสียงแปลกๆ คือมึงต่างหาก”

[อืม]

“ตกลงว่าไง”

[ตกลงว่าพี่เรือไม่อยู่?]

“เออ มึงนี่ยังไงวะ”

[...]

มิกกี้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผมรอฟัง แต่เจ้าตัวก็เงียบ

“มิกกี้ เฮ้ย”

[กูมีปัญหานิดหน่อยว่ะ ออกมาเจอกันหน่อยได้ป่ะวะ]

“เกิดไรขึ้น เป็นไร”

[เล่าทางโทรศัพท์ไม่ได้]

“โอเค”

[แต่ถ้าพี่เรือว่า...]

“เขาไม่มีสิทธิ์อะไรมาว่ากูหรอก กูกำลังเบื่อๆ อยากออกข้างนอกอยู่พอดี แล้วให้ไปเจอที่ไหน”

[ที่หอมึง]

น้ำเสียงของมิกกี้ทำให้ผมขมวดคิ้ว “นี่เรื่องใหญ่ใช่มั้ย”

[มาแล้วค่อยคุยกัน]

หลังจากวางสาย ความคิดแรกที่แวบเข้ามาคือมิกกี้คงจะทำผู้หญิงท้อง หรือไม่ก็พ่อแม่ของผู้หญิงตามมาจับโป๊ะแตกเข้าให้ จะเป็นเรื่องอะไรได้ล่ะ ผมคงช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ก็อย่างที่บอก กลิ่นคำโกหกอวลอยู่ทั่วห้องจนผมแทบทนไม่ไหวแล้ว จะว่าไปผมไม่ควรใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มานานขนาดนี้ด้วยซ้ำ

ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ผมไม่ควรอยู่ที่นี่ต่อ

ผมลุกไปอาบน้ำแต่งตัว เก็บเสื้อผ้า เขียนโน้ตสั้นๆ ทิ้งไว้บนโต๊ะ แล้วออกจากห้องลงมาข้างล่าง คราวนี้ไม่เห็นมีใครท่าทางน่าสงสัยอยู่ที่ไหนอีก แท็กซี่ก็บริการในระดับอุดมคติ เรียกคันเดียวได้เลย แถมคนขับยังไม่เปิดวิทยุรายการฟุตบอลหรือชวนคุยอะไรบ้าบอด้วย

ภายในห้องโดยสารมีแค่ความเงียบกับแรงสั่นสะเทือนจากใต้ท้องรถ ไม่มีเสียงเพลงจังหวะหนักๆ ไม่มีเสียงพูดจากวนประสาทจากเรือใบ ซึ่งผมควรจะชอบ แต่กลับรู้สึกหวิวโหวงคล้ายกับขาดบางอย่างไปชอบกล

ผมทำถูกหรือเปล่า

เขาช่วยชีวิตผม ให้ที่กินที่นอนอย่างสบาย แต่ผมกลับหนีมาโดยทิ้งไว้แค่โน้ตสั้นๆ

เขาปากหมาอย่างกับพวกกุ๊ย แต่มาถึงตอนนี้ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองชอบฟังถ้อยคำแบบนั้นไปแล้วรึเปล่า

เขาทำให้ผมลุกขึ้นมาทำอาหาร ทั้งที่สองปีมานี้ แค่ต้มมาม่าให้ตัวเองยังไม่อยากจะทำ

เขาทำให้ผมลุกมามองหางาน โดยไม่ต้องพูดหรือถามเรื่องงานสักคำ

เขาทำให้ผมหัวเราะในเวลาที่ไม่อยากหัวเราะ แต่จะว่าไป สองปีมานี้ก็ไม่มีเวลาไหนที่ผมอยากหัวเราะอยู่แล้ว

เขาทำให้ผมเหม็นขี้หน้า แต่ทำไมตอนนี้ถึงนึกเห็นใบหน้าแบบต่างๆ ของเขาได้ง่ายนัก ทั้งสีหน้าตอนดุ อารมณ์เสีย กวนประสาท ยิ้ม หัวเราะ หรือแม้แต่ใบหน้าสงบนิ่งในตอนหลับ

นี่เขาทำอะไรผม

ผมทำถูกหรือเปล่า...

“น้อง...ใช่มั้ย น้อง”

“ครับ อะไรนะ”

“ใช่ซอยหน้านี้มั้ย”

“ใช่ครับ เลี้ยวเข้าซอยเลย”

แท็กซี่มาจอดที่หน้าหอพัก พอจ่ายเงินผมก็ลงมายืนมองรอบตัวอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งตัวตึกและสภาพแวดล้อมยังเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ผมกลับรู้สึกไม่คุ้นเคยแปลกๆ

ลุงยามฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะเหมือนเคย เจ้าชาเย็นกระดิกหางเดินเหยาะๆ เข้ามาหาผม ดูท่ามันจะหิว เล่นเอารู้สึกผิดที่ไม่ได้แวะซื้อขนมติดตัวมาสักอย่าง โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ตึกไม่มีคนนั่ง สภาพโดยรวมทั้งตึกก็เงียบเชียบ คงเพราะเป็นช่วงปิดเทอม นักศึกษาส่วนใหญ่เลยถือโอกาสกลับบ้านกัน

“นี่ก็หิวเหมือนกัน ใจเย็นๆ รอก่อนนะ ไว้เดี๋ยวหาของกินให้” ผมขยี้หัวเจ้าชาเย็น แล้วขึ้นไปชั้นบน

หลายห้องประตูปิดเงียบ แต่ห้องผมมีเสียงทีวีแว่วๆ จากข้างใน ผมใช้วิธีเคาะประตูแทนที่จะใช้กุญแจไขเหมือนวันแรกที่เรือใบมาที่นี่ ตอนที่มิกกี้กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่พอดี มิกกี้เปิดประตูออกช้าๆ หลังเสียงเคาะ ภายในห้องปิดไฟมืด มีแค่แสงวูบวาบจากหน้าจอทีวี

“ทำไมไม่เปิดไฟวะ” ผมก้าวเข้าไปในห้อง

“กูขอโทษ”

“หืม?”

“มึงไม่น่ามาเลยว่ะ”

“อะ...”

ประตูเหวี่ยงปิดดังปัง เงาของใครคนหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่ข้างหลังผมราวกับภูตผี ท่อนแขนหรืออะไรก็ตามตวัดหมับรัดรอบคอผม แรงกดบีบหนักๆ บริเวณใต้กกหูแน่นจนดิ้นไม่หลุด

สายตาพร่าเลือนลงอย่างรวดเร็ว

จากนั้นไม่กี่วินาที...

ห้องที่มืดอยู่แล้วก็พลันมืดยิ่งกว่าเดิม








______________________

น้องธารรอพี่เรืออยู่นะ </3


ขอบคุณมากๆ เลยที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ
ขอบคุณจริงๆ ค่ะ จากใจเลย
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์มากเลยนะคะ
รู้สึกดีมากจริงๆ ค่ะ


นางร้าย
16.08.18
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 35: ร.รอน] 16.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 16-08-2018 18:56:26
 :a5:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 35: ร.รอน] 16.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 16-08-2018 18:58:51
อ้าว
ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ
ไม่นะ
ช่วยธารด้วย
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 35: ร.รอน] 16.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 16-08-2018 20:02:41
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
(ท่อนแยม คืออะไร หน้าตาเป็นอย่างไร)
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 35: ร.รอน] 16.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 16-08-2018 20:03:07
อ้าว ทำไมมิกทำงี้อ่ะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 35: ร.รอน] 16.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 16-08-2018 22:57:03
ม่ายยยบยยยย
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 35: ร.รอน] 16.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-08-2018 22:58:12
มิกเป็นสายหรอ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 35: ร.รอน] 16.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 17-08-2018 00:04:37
 พี่เรืออออ รีบมาช่วยน้องเร็ว
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 35: ร.รอน] 16.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Carrot_t ที่ 17-08-2018 00:13:56
 :katai1: ทำไมมิกทำงี้อ่ะ ธารอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ พี่เรือกำลังมาาาาา
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 35: ร.รอน] 16.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 17-08-2018 01:45:12
พี่เรือไปไหนคะ น้องแย่แล้ววว พี่คะมาเร็วว มิกกี้นี่น่าตีจังเลยอ่ะ ทำไมทำกับเพือนได้
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 35: ร.รอน] 16.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 17-08-2018 08:02:21
นั่นไงว่าแล้วเชียวว่าต้องเป็นแผน พอพี่ไม่อยู่แถมตำรวจไม่มาเฝ้าก็โดนจับเลย :hao5: พี่เรือมาช่วยน้องเร็ว ๆ นะพี่
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 35: ร.รอน] 16.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 17-08-2018 21:51:58
 :katai1: ด่วนๆๆๆๆเลย เรือใบ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 35: ร.รอน] 16.08.18 | P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 17-08-2018 22:57:42
ลุ้นๆๆๆ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 36-37 ร.ระยะเวลา/ร.ริบหรี่] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 19-08-2018 16:13:04
กระสุนนัดที่ 36
ร.ระยะเวลา



[เรือใบ]

“เรือ”

“จะมาทำไมไม่บอกก่อน”

“ก็เรือเปลี่ยนเบอร์นี่ จะให้ติดต่อยังไง ลินก็ต้องมาที่...”

“แล้วจะมาทำไม เรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว”

“ก็...”

“คุณกลับไปดีกว่า”

“ฟังลินอธิบายก่อน นะ”

“ได้!” ผมสูดหายในเข้าลึกพร้อมกับกอดอก “ให้หนึ่งนาที ว่ามา”

ดูเหมือนลินจะตั้งตัวไม่ทัน เธอผลาญเวลาไปเปล่าๆ โดยไม่ทำอะไรประมาณห้าวินาที จากนั้นค่อยฉีกยิ้ม ขยับเข้ามาเกาะแขนผมเหมือนเด็กจะอ้อนเอาของเล่น

“เรือยังเหมือนเดิมเลยนะ”

“ไม่ ผมไม่ใช่คนเดิมแล้ว”

“ทำไมพูดจาห่างเหินจัง”

“อืม”

“แต่เรือยังชอบทำหน้าดุแบบเดิม”

“ลิน ระหว่างเรามันจบไปแล้ว จะให้พูดอีกกี่ครั้ง”

“ทุกอย่างในห้องนี้ก็ยังเหมือนเดิม” เธอมองรอบตัวราวกับไม่ได้ยินเสียงผม

มันไม่มีอะไรเหมือนเดิมหรอก ความรู้สึกนั้นตายไปพร้อมกับเรือใบคนเก่าแล้ว ลินคนนั้นก็ตายไปแล้ว โดยเฉพาะตอนนี้ ทั้งสีหน้าท่าทางและการแต่งเนื้อแต่งตัวของเธอ ไม่มีอะไรเหมือนลินที่ผมรู้จักสักอย่าง

“หมดเวลาหนึ่งนาทีแล้ว”

“อย่าใจร้ายกับลินสิ มานั่งคุยกันก่อนนะ”

ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดูท่าทางจะไม่จบง่ายๆ “ไปคุยที่อื่นดีกว่า” ผมบอกแค่นั้นแล้วเดินนำออกจากห้องไป ซึ่งก็แน่นอน ลินก้าวตามออกมาพร้อมกับพูดอะไรไปเรื่อยที่ผมไม่ใส่ใจฟัง

จะหาที่คุยกันแถวๆ คอนโดก็ได้ แต่ผมรู้สึกอย่างบ้าๆ ว่ามันยังใกล้สายธารเกินไป ราวกับมีลูกระเบิดนับสิบติดอยู่กับตัวผม และถ้ามันระเบิดตูมตามขึ้นมาผมก็กลัวว่าแรงสะเทือนนั้นจะส่งทอดไปถึงสายธารด้วย ผมเลยขับรถพาลินออกห่างจากคอนโดมา

รอจนหัวใจตัวเองเต้นช้าลง แล้วค่อยชะลอรถจอดข้างทาง

“เรือจอดทำไม”

“มีอะไรก็ว่ามา”

“จะคุยกันตรงนี้เหรอ”

“ตรงนี้แหละ ถึงยังไงก็คุยไม่นานอยู่แล้ว”

“ไปหาอะไรกินกันมั้ย ลินหิว”

“ถ้างั้นก็ไม่มีอะไรต้องคุย เดี๋ยวผมขับไปส่งบ้าน”

“แต่ว่า...”

“กลับบ้าน” ผมพูดเสียงต่ำ

“ก็ได้” เธอวางมือทาบบนหลังมือผมที่กำลังจะเข้าเกียร์ “คุยในนี้ก็ในนี้”

“อืม”

ผมละมือจากคันเกียร์มากอดอก มองแสงสียามค่ำคืนผ่านกระจกหน้ารถ ความเงียบน่าอึดอัดก่อตัวขึ้นในห้องโดยสาร แต่เราก็ต่างรู้กันว่าบทดราม่ากำลังจะเริ่ม

“ลินเลิกกับเบสท์แล้วนะ” นั่นไง เสียงสั่นเครือมาแล้ว

“ไอ้ชู้นั่นน่ะเหรอ” ผมไม่ควรใช้คำนี้เลย อย่างกับว่าผมยังให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อยู่อีก

“เลิกสักพักแล้ว เขาไม่ได้เป็นอย่างที่ลินคิด”

“...”

“ตอนนี้ลินรู้แล้ว ไม่มีใครดีเท่าเรือจริงๆ”

“...”

“เรือยังโกรธอยู่มั้ย”

“...”

“ลิน...ขอโทษนะ ขอโทษ” สะอื้นสองสามที บิ๊วจนได้ที่แล้วน้ำตาก็ไหลมาตามบท

ผมเกลียดน้ำตาผู้หญิง

เกลียดหัวใจตัวเองที่มันยังไหวสะเทือนเหมือนวันเก่า

“ลินรู้ว่าลินทำผิดต่อเรือมาก ผิดมากจริงๆ ให้โอกาสลินแก้ตัวดะ...”

“ไม่”

“เรือมีใครอื่นแล้วเหรอ”

“มีคนที่ผมสนใจอยู่”

“งี้นี่เอง ใครเหรอ ลินรู้จักรึเปล่า”

“เราคุยกันจบแล้ว” ผมวางมือบนคันเกียร์อีกครั้ง และเธอก็วางมือทาบลงอย่างรวดเร็วอีกเช่นกัน

“ก็ได้” เสียงเธอเปลี่ยนเป็นสุขุมขึ้น “แต่กินข้าวด้วยกันสักมื้อได้มั้ย”

ตอนนี้ผมควรจะนั่งกินข้าวอยู่กับสายธารมากกว่า สั่งอาหารมากิน หรืออาจจะทำเมนูง่ายๆ กันเอง แล้วตบท้ายด้วยท่อนแยมชืดๆ ที่เขาทอดไว้ให้

“อย่าดีกว่า”

“เรือเปลี่ยนไปนะ” เธอพูดขึ้นแผ่วเบา ราวกับจู่ๆ ก็ตระหนักได้

ผมหันไปมองเธอ มองสบตากันตรงๆ ท่ามกลางความมืดสลัว อาจเป็นแสงและเงา หรืออะไรก็ตามที่ทำให้ช่วงเวลานี้ดูแปลกประหลาดแทบจะเหมือนถูกเสกด้วยเวทมนตร์ ผมเห็นหน้าเธอไม่ชัด แต่กลับสัมผัสได้ถึงตัวตนของผู้หญิงคนที่ผมเคยสวมแหวนหมั้น ผมรับรู้ถึงช่องว่าง และขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงสายใยเก่าๆ ที่พยายามถักทอโอบล้อมเราเข้ามา

ผมไม่รู้เธอสังเกตเห็นอะไรถึงได้พูดอย่างนั้น แต่ตอนนี้เรือใบคนเก่าเริ่มจะครอบงำผมแล้ว

“ลินถามจริงๆ นะ” เธอพูดอีก “เรือยังรู้สึกกับลินอยู่มั้ย”

ช่วงเวลาแห่งเวทมนตร์ผ่านไปแล้ว

มือเธอยังวางทาบหลังมือผมอยู่

“เดี๋ยวผมไปส่ง” ผมดึงคันเกียร์มาที่ตำแหน่งตัว D ก่อนจะละมือจากคันเกียร์และมือเธอมากุมพวงมาลัยสบายๆ แล้วก็รู้สึกว่ามุมปากตัวเองกระตุกยิ้ม

อาจเป็นรอยยิ้มจากความเข้าอกเข้าใจ ปล่อยวาง หรือแม้แต่สังเวช

ต่อให้ลินเห็นรอยยิ้มนี้ชัดๆ เธอก็คงแปลความหมายไม่ออก

เพราะมันเป็นรอยยิ้มของเรือใบคนใหม่...ซึ่งเธอไม่รู้จัก

หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 36-37 ร.ระยะเวลา/ร.ริบหรี่] P.5
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 19-08-2018 16:15:56
กระสุนนัดที่ 37
ร.ริบหรี่



[สายธาร]

ความตาย...

ผมสงสัยมาตลอดว่ามันเป็นยังไง หลังจากเราหยุดหายใจ หัวใจหยุดเต้น ก้านสมองตาย หรือวิญญาณออกจากร่าง หลังจากนั้นเราจะตื่นขึ้นในโลกใบอื่นที่เต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวน หรือว่าจะเงียบกริบว่างเปล่า

จะได้เจอพี่ภาณมั้ย

แต่แล้วผมก็ตื่นอีกครั้ง มีถุงผ้าสีดำคลุมหน้าผมอยู่ทำให้มองอะไรไม่เห็น มือทั้งสองข้างถูกมัดไพล่หลัง แรงสะเทือนจากใต้ฝ่าเท้าบอกให้รู้ว่าผมอยู่ในรถที่กำลังแล่น สมองมึนตื้อเหมือนมีก้อนหินกดทับ ความเครียดขมวดเป็นเกลียวอยู่ในท้อง

และผมไม่ทำอะไรนอกจากนั่งนิ่งๆ

ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนรถก็มาถึงปลายทางจนได้ ผมถูกคุมตัวให้เดิน ถูกกดไหล่ให้นั่ง แล้วก็ถูกมัดมือไพล่หลังติดกับเสา

“ธาร”

“มิก...” คนข้างๆ ผมก็คือมิกกี้นั่นเอง คงอยู่ในสภาพถูกจับมัดแบบเดียวกัน “นี่ที่ไหน”

“ไม่รู้แม่ง”

“กูนึกว่ากูตายแล้ว”

“มึงถูกรัดคอ แป๊บเดียวหลับเลย แม่งอย่างกับในหนัง” มิกกี้ใช้เสียงเบา และผมก็ได้ยินเสียงถอนหายใจ “มันบังคับให้กูโทรหามึง ขอโทษนะ กูไม่เข้าใจ...พวกนี้แม่งใครวะ”

มึงไม่รู้หรอกว่าพวกมันมีอิทธิพลขนาดไหน

เรือใบเคยบอกอย่างนั้น ใช่ ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจแล้ว

“กูผิดเองที่ไม่ได้บอกให้มึงระวังตะ...”

จู่ๆ ถุงที่คลุมศีรษะผมอยู่ก็ถูกดึกออก มิกกี้ก็ด้วย

ผมไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน สภาพรอบตัวดูเก่าโทรมรกร้าง มีสิ่งของกองสุมอยู่ตามมุม โคมไฟสปอร์ตไลต์ซึ่งน่าจะเป็นแบบพกพาสาดแสงมาจากด้านข้าง

“สั่งเสียอะไรกัน” ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเรารูปร่างผอมสูง ท่าทางคนนี้จะเป็นหัวหน้า และถัดไปข้างหลังมีลูกน้องสองคนยืนคุมเชิงอยู่ คนหนึ่งหุ่นล่ำบึ้กเหมือนนักกล้าม อีกคนรูปร่างเตี้ยตัน

คนตรงหน้าจ้องหน้าผม และพูดขึ้น “ไง จำกูได้มั้ย”

ผมเขม้นมอง แล้วปากก็พูดออกไปเอง “ที่หลังผับ...”

ใช่ คนนี้แหละ รูปร่างผอมสูง แววตาคมกริบ

“แสดงว่าหัวดี แบบนี้ค่อยน่าคุยหน่อย”

“พวกมึงเป็นใครวะ” มิกกี้แทรก

ทั้งสามหันมองหน้ากัน แล้วหัวเราะ “เป็นคนที่จะส่งพวกมึงกลับบ้านเก่าไง” เขาฉีกยิ้มอีก “แต่ก่อนอื่น ฟังให้ดี กูจะถาม...”

“ต้องการอะไร” ผมพูดสวนขึ้น

เขาหลับตาลง ท่าทางเหนื่อยหน่ายปนโมโห “ให้กูถามก่อนค่อยพูด มึงรู้อะไรบ้าง เล่ามา”

“พูดถึงอะไร”

“จะคุยกันดีๆ หรือต้องเจ็บตัวก่อน”

“ก็ไม่รู้ว่าพูดถึงอะไร”

“งั้นก็ได้ เฮ้ย แอ๊ด” เขาขยับไปยืนด้านข้าง

คนถูกเรียกชื่อเข้ามายืนตรงหน้าเรา คนนี้เตี้ยสุดในกลุ่ม หน้าตาดูโหดเอาเรื่อง แถมไม่พูดอะไรสักคำ มีแค่รอยยิ้มโรคจิตผุดขึ้นแวบเดียว แล้วก็...

ผัวะ!

หลังมือตบข้างแก้มผมเต็มๆ โดยไม่ทันตั้งตัว

“ธาร! เป็นไรปะวะ...ไอ้พวกเหี้ย”

ผัวะ!

มิกกี้โดนด้วย ดูเหมือนจะแรงกว่าผมซะอีก

“กูไม่ได้บอกให้พูด” คนเป็นหัวหน้าอธิบายเนิบๆ

เราสองคนถึงกับคอตก ใบหน้าผมชาไปทั้งแถบ รสเลือดเอ่อซ่านอยู่ในปาก

“เอาละ ทีนี้ก็มาคุยกันดีๆ กูจะถามอีกที มึงรู้อะไรบ้าง”

“รู้ว่ามึงฆ่าคนที่หลังผับไง”

ผัวะ!

คนชื่อแอ๊ดลงมืออีกโดยไม่ต้องให้สั่ง หน้าผมสะบัดไปอีกทางทำให้แก้มทั้งสองข้างชาเท่าๆ กัน “เรื่องนั้นกูรู้แล้ว” คนเป็นหัวหน้าพูดต่อ ดูเหมือนเขากับลูกน้องชื่อแอ๊ดจะรู้จังหวะกันดี ราวกับพวกเขาทำแบบนี้ด้วยกันมาเป็นร้อยๆ ครั้งแล้ว “กูกำลังถามเรื่องที่ตำรวจกำลังสืบอยู่”

“ไม่รู้ แล้วก็ไม่สนใจด้วย”

“มึงกินนอนอยู่กับหมาตำรวจนี่ มันต้องหลุดพูดอะไรมาบ้าง”

“เขาไม่ใช่หมา” แค่ปากหมาเท่านั้นแหละ พอความคิดนี้ผุดขึ้น ผมก็อดขำไม่ได้

“หึ เหมือนจะนึกอะไรดีๆ ได้แล้วสินะ เล่ามา”

“รู้แต่ว่า สุดท้ายไอ้พวกเลวๆ ก็จะถูกจับกันหมดนั่นแหละ”

ผัวะ!

คราวนี้แอ๊ดมือหนักกว่าทุกครั้ง ผมถึงกับตัวเอียงตามแรงและเห็นแสงวาบใต้เปลือกตา มิกกี้ขยับตัวฮึดฮัด แต่ก็ไม่พูดอะไร

ชั่วแวบหนึ่งผมเห็นใบหน้าพี่ภาณส่งยิ้มมาให้ และนั่นทำให้ใจผมสงบลงอย่างประหลาด

ผมถ่มเลือดทิ้งแล้วเงยหน้าขึ้น “ถ้าจะฆ่าก็เอาเลย”

“เอางั้นเหรอ ได้...แอ๊ด”

แอ๊ดชักปืนออกมา

“ไม่รอไอ้หมาตำรวจก่อนเหรอพี่” นักกล้ามทัก

ผมกัดฟัน และรอฟัง

“เหยื่อจะเป็นจะตาย ยังไงมันก็มาอยู่ดี”

“เขาไม่มาหรอก” ผมพูดสวน “เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”

“มันเป็นหมาตำรวจ ส่วนมึงก็เป็นเนื้อ โยนเนื้อไว้ที่ไหนหมามันก็วิ่งไปงับที่นั่นแหละ”

ผมหัวเราะในลำคอ นึกเห็นสีหน้าระรื่นของเรือใบที่ตอนนี้คงกำลังรื้อฟื้นความหลังกับคู่หมั้นอยู่ในโรงแรมสักแห่ง ภาพนั้นทำให้สมองผมมึนตื้อจนยกหัวไม่ขึ้น

“รอไปก็เสียเวลาเปล่า ยังไงเขาก็ไม่มาหรอก”

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ มิกกี้หันขวับทันที “มือถือกู”

ลูกน้องนักกล้ามหยิบโทรศัพท์จากโต๊ะมาดู แล้วเดินมายื่นให้หัวหน้า “คนโทรมาชื่อ เรือใบขี้เก๊ก ครับพี่”

คนเป็นหัวหน้าเหลือบมอง “ปล่อยให้มันดังไป” จากนั้นก็หันมาฉีกยิ้มให้เราสองคน “เห็นมั้ย หมามันเริ่มดมกลิ่นแล้ว เอาละ ทีนี้ก็กลับมาที่เกมยี่สิบคำถามต่อ โอกาสสุดท้าย จะตอบคำถามกูหรือตอบคำถามยมบาล เริ่มจากคำถามง่ายๆ ไอ้หมาตำรวจมันรู้ได้ไงว่าเราจะเก็บเสี่ยยุทธ์ที่ผับนั่น”

“เพราะกลิ่นตัวคนเลวมันแรงมั้ง” ผมพูดเสียงเบา

“เลิกกวนตีน แล้วก็ตอบมาดีๆ...ขอร้องละ” เสียงเขาเบาพอกัน เป็นเสียงเบาแบบที่ข่มกลั้นอารมณ์โมโหสุดๆ

“นี่แปรงฟันบ้างรึเปล่า”

“โอเค ถือว่ากูให้โอกาสมึงแล้ว”

มิกกี้ใช้ศอกสะกิดผม “ธาร เชี่ยไรวะ อย่าไปกวนมันดิ”

แต่เหมือนจะสายเกินไปแล้ว

“แอ๊ด”

แอ๊ดยกปืนจ่อหน้าผากผมพร้อมกับรอยยิ้มโรคจิตนั่นอีก

ผมกัดฟันเชิดหน้าขึ้น มองลึกเข้าไปในรูของปลายกระบอกเหมือนวันที่เรือใบสอนผมใช้ปืน พยายามนึกถึงใบหน้าพี่ภาณที่กำลังอ้าแขนรอรับอยู่อีกโลก แต่ก็เห็นแค่เพียงความดำมืดและว่างเปล่า “เอาเลย”

แอ๊ดดึงสไลด์ปืนขึ้นลำดัง แกร๊ก

แล้วผมก็หลับตาลง







______________________________

ขอบคุณมากๆ นะคะที่อยู่เป็นเพื่อนกันจนมาถึงตรงนี้
ขอบคุณจริงๆ ค่ะ

นางร้าย

19.08.18
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 36-37] 19.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 19-08-2018 20:01:35
 :a5:
เรือใบขี้เก๊ก รีบมาด่วนเลยนะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 36-37] 19.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-08-2018 20:10:42
เรือ ถีบนังลินให้ตกรถไปซะแล้วรีบไปช่วยธารด่วน  :angry2:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 36-37] 19.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 19-08-2018 20:16:41
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 36-37] 19.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 19-08-2018 22:52:24
พี่เรือจะมาทันไหมคะนี่ ฮื่อ ทำไมสั้นจัง  :hao5:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 36-37] 19.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Carrot_t ที่ 20-08-2018 00:31:05
พี่เรือรีบมาด่วนนน มัวแต่ไปส่งอดีตคู่หมั้นอยู่นั่นแหละะะ :fire:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 36-37] 19.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 20-08-2018 10:39:52
โว้ยยยยย ใจเย๊นนน เย็นน เป็นคนเลวไม่จำเป็นต้องใจร้อนเสมอไปค่าา ฮืออ น้องธารของแม่ หนูจะรอดปลอดภัยได้ยังไงคะ นี่อยากให้พี่เรือใบวาร์ปได้ชะมัดด รีบมาช่วยน้องเร้วววว  :z3:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 36-37] 19.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 20-08-2018 14:41:02
โอ๊ยยยยย :z3: :z10: :fire: เสียใจแทนน้องอะ เรือนะเรือ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 36-37] 19.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 20-08-2018 16:45:02
มาต่อเร็วๆน้า   :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 36-37] 19.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 21-08-2018 23:33:04
ใจเด็ดมาก
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 36-37] 19.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: PoLAxNwdYB ที่ 24-08-2018 10:15:44
 :z13: :z13: :z13:
จิ้ม ๆ คุณไรท์มาต่อเร็ว ๆ น้า  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 36-37] 19.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: oki ที่ 25-08-2018 02:38:50
 :hao5: ลุ้นนน
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 36-37] 19.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: singalone ที่ 25-08-2018 10:31:49
โน่ววววว น้องธาร อย่าเพิ่งรีบตายยย อิพระเอกมันยังไม่ได้ทำตัวเป็นพระเอกเลยนะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 38.1: ร.รัว] 26.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 26-08-2018 19:11:00
กระสุนนัดที่ 38.1
ร.รัว



[เรือใบ]

อยากอยู่คนเดียวเงียบๆ

ไม่ต้องตามหา

- สายธาร
   

ผมอ่านโน้ตแผ่นนี้ซ้ำๆ พลางกินท่อนแยมเย็นชืดไปด้วย เขาไปแล้ว อย่างที่ผมคิดไว้และเชื่อมาตลอดว่ามันจะเกิดขึ้น ทุกครั้งที่เปิดประตูออกมาและไม่เห็นเขาอยู่ที่โซฟา ผมไม่เคยคิดว่าเขาอยู่ในห้องน้ำทั้งที่เขาอยู่ในนั้น บางวันที่ไม่เห็นเขาในห้องโถง ผมก็ไม่เชื่อว่าเขาจะแค่แวบลงไปซื้อของในเซเว่น

ผมคิดว่า สักวันฟางเส้นสุดท้ายจะขาด และสมองส่วนที่เป็นเหตุเป็นผลของเขาก็จะกลับมาทำงานได้ดีจนต้องลุกพรวดขึ้นมาเก็บของ เขียนโน้ตสั้นๆ หรือไม่เขียนอะไรเลย แล้วพุ่งตัวผ่านประตูไป

แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ

เขาไปแล้ว

คำถามคือ เขาตัดสินใจเด็ดขาดไปแล้วไปลับเลย หรือว่าแค่หลบไปสูดอากาศคิดอะไรนิดหน่อยแล้วจะกลับมายึดโซฟาผมเป็นโลกทั้งใบเหมือนเดิม

ไม่สิ...ไม่มีอะไรเหมือนเดิมหรอก

คนเรา ถ้าได้ก้าวไปบนเส้นทางหนึ่งสักก้าวแล้ว เท่ากับว่าได้หันหลังให้เส้นทางอื่นๆ ไปด้วย และผลลัพธ์ที่อยู่ปลายทางนั้นย่อมจะแตกต่างกันแน่นอน เหมือนกับเด็ก ม.6 ที่เลือกเรียนคณะหนึ่ง แม้จะด้วยความสับสนลังเลก็ตาม ถ้าเลือกไปแล้ว เป็นอันว่าหมดสิทธิ์เรียนคณะอื่น

จริงอยู่ เราอาจจะลองเรียนสักปีสองปี เดินบนเส้นทางนั้นสักสองสามก้าว แล้วย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้นเพื่อเลือกใหม่อีกครั้ง แต่เราก็จะไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว เส้นทางนั้นจะซัดเราอย่างหนักจนแทบยืนไม่ขึ้น และตามประสบการณ์ของผม เส้นทางที่เลือกด้วยความลังเลนี่แหละหมัดหนักที่สุดแล้ว

แต่สายธารคงไม่ลังเล

เขาไม่ได้อยากอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เขาแค่ทนไหลตามน้ำไป และพอถึงจุดที่ทนกระแสน้ำหรือความหนาวเย็นไม่ไหว...เขาก็ว่ายขึ้นฝั่งของตัวเอง มันก็แค่นั้น ไม่มีอะไรซับซ้อน 

ความคิดนี้ทำให้ผมรู้สึกตัวเล็กลง แต่ก็โล่งใจอย่างไม่น่าเชื่อ ท่อนแยมทอดและความจริงที่ว่าสายธารไม่อยู่แล้วทำให้ผมไม่อยากกลืนอะไรลงท้องอีก ผมวางกระดาษโน้ตแผ่นนั้นลงตำแหน่งเดิมเป๊ะๆ ทำราวกับว่ายังไม่เคยหยิบมันขึ้นมาอ่าน จากนั้นก็ไปอาบน้ำ สวมชุดนอน ทิ้งตัวบนเตียง

ในฐานะผู้คุ้มกันพยานผมควรโทรหาเขาและตามตัวเขากลับมาให้เร็วที่สุด แต่ในฐานะ...จะใช้คำว่าอะไรก็ตามในความสัมพันธ์ประหลาดๆ ของเรา ผมกลับปอดแหก ถ้าเขารับสาย ผมจะพูดอะไร เขาจะพูดอะไร...

อย่างน้อยต้องรู้ก่อนว่าเขาอยู่ที่ไหน

ผมเข้าเฟซบุ๊กและค้นหาโปรไฟล์ด้วยชื่อ สายธาร ผมอาจจะเป็นพวกหัวเก่าก็ได้ ตั้งแต่อยู่กันมาก็ไม่เคยรู้เลยว่าเขาใช้เฟซบุ๊กชื่ออะไร และในเรื่องนี้เขาก็หัวเก่าด้วยเหมือนกัน หรือไม่ก็เพราะเป็นคนต่อต้านสังคม เลยไม่เห็นโปรไฟล์ของเขาในบรรดารายการค้นหาเลย 

ผ่านไปเป็นชั่วโมงยังไม่มีวี่แววว่าสายธารจะกลับมา ผมตัดสินใจโทรหามิกกี้ เพื่อนคนเดียวของเขาที่ผมมีเบอร์โทรอยู่ในเครื่อง ปรากฏว่ามีสัญญาณ แต่ไม่มีคนกดรับจนสายตัดไปเอง

รออีกสักพักค่อยโทรละกัน

แต่...

ถ้ารอต่อไปอีกผมอาจจะหมดความกล้าแล้ว ต้องเป็นคืนนี้แหละ ไม่ว่ายังไง ผมก็ต้องบอกเขาคืนนี้

ผมลุกพรวดขึ้นมาแต่งตัว ทำทุกอย่างให้เร็วเพราะกลัวตัวเองจะเปลี่ยนใจ คว้ากุญแจรถได้ก็ออกจากห้องทันที

เวลาดึกรถไม่ติด ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงหน้าหอพักของเขา

ลุงยามนั่งหลับอ้าปากหวออยู่บนเก้าอี้ตามเดิม หมาพันธุ์ไทยหมอบอยู่แทบเท้าเขา มันผงกหัวขึ้นตอนผมเดินเข้าไปใกล้

“ไง ชาเย็น” ผมจำชื่อมันได้ เพราะเสียงสายธารที่เรียกชื่อมันวันนั้นดังขึ้นในหัวผมนี้ เจ้าหมากระดิกหางลุกขึ้นมาดมขาผม ก็อยากเล่นด้วยอยู่หรอกถ้าไม่มีเรื่องสำคัญ “ลุง...ลุง”

ลุงยามสะดุ้งตื่น หน้าตาเหลอหลา

“พอดีผมแวะมาหาน้อง เปิดประตูให้หน่อยได้มั้ย”

“อะ...เอ้อ คุณนั่นเอง”

“จำผมได้เหรอ”

“คุ้นๆ กี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย”

“ดึกมากแล้ว”

“มาหาน้องใช่มั้ย ได้ๆ แป๊บนะ”

ลุงลุกจากเก้าอี้พลางควักคีย์การ์ด ระหว่างนั้นผมก็ชวนคุย

“ทำไมเงียบจัง”

“ปิดเทอมน่ะสิ ปกติไม่เงียบหรอก ตรงม้าหินอ่อนหน้าหอนี่นั่งกินเบียร์กันยันเช้าก็มี” ลุงแตะคีย์การ์ดเปิดประตู “เด็กสมัยนี้กินเหล้าเก่งจริงๆ ตอนหัวค่ำก็มีเดินเซออกไปสี่ห้าคน คนนึงนี่ต้องขี่หลังเพื่อนเลย ยังจะไปต่อข้างนอกกันอีก”

“วัยห้าวก็งี้แหละลุง”

ผมก้าวเข้าในอาคาร แล้วใช้ระบบขนส่งมวลกายด้วยสองขาพาตัวเองขึ้นไปที่ชั้นสี่ ประตูทุกบานปิดเงียบอย่างกับหอพักผีสิง ห้องสายธารก็ด้วย

อะไรบางอย่างสะกิดใจผม แต่ก็นึกไม่ออกว่าคืออะไร

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

หลังจากหายใจลึกๆ ผมก็เคาะประตู

“สายธาร”

ก๊อก ก๊อก

“มิกกี้”

ไม่มีคนเปิด ไม่มีเสียงเคลื่อนไหวอยู่ในห้อง

ผมลองเคาะประตูห้องตรงข้าม ซึ่งเป็นที่พำนักเจ้าของลายสักรูปหมีแพนด้านเคี้ยวต้นไผ่ แต่ห้องนี้ก็ดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่เหมือนกัน

ผมหันกลับมาที่ห้องสายธาร “มิกกี้ อยู่รึเปล่า เปิดหน่อย”

ผมเงี่ยหูฟัง จากนั้นก็ลองหมุนลูกบิดประตู ปรากฏว่าห้องไม่ได้ล็อก

นี่ก็ผิดปกติอีกเรื่อง

ปืนแม็กกาซีนอยู่ที่คอนโด ผมมัวแต่คิดว่าจะพูดกับสายธารยังไงดี แล้วก็พรวดพราดออกมาจนลืมไปซะสนิท ส่วนปืนลูกโม่อยู่ใต้เบาะฝังคนขับ แต่คงไม่ทันแล้ว ผมผลักประตูให้เปิดเบาๆ และรีบแนบแผ่นหลังกับผนังข้างประตู

ยังไม่มีการเคลื่อนไหว

ในที่สุดผมก็ตัดสินใจก้าวเข้าไปในห้อง พร้อมกับมือตะปบเปิดสวิตช์ไฟ เตรียมรับการจู่โจมทุกรูปแบบ

แต่กลับไม่มีอะไร ไม่มีใครเลยด้วย เห็นแต่ข้าวของที่กระจัดกระจายเกลื่อนห้อง ถ้าไม่ใช่เพราะปาร์ตี้สุดเหวี่ยง ก็คงเป็น...

เรื่องที่สะกิดใจผมแจ่มแจ้งขึ้นมาทันที

ตอนหัวค่ำก็มีเดินเซออกไปสี่ห้าคน คนนึงนี่ต้องขี่หลังเพื่อนเลย

คนนั้นต้องเป็นสายธารแน่นอน

ผมหันหลังกลับ วิ่งลงบันไดทีละสองขั้นกะว่าจะมาถามรายละเอียดลุง แต่ลุงไม่อยู่ที่โต๊ะแล้ว ซึ่งอาจจะไปเข้าห้องน้ำที่น่าจะอยู่ด้านหลังตึกก็ได้ ผมกดปุ่มปลดล็อกประตูจากด้านใน พุ่งตัวไปที่รถ เปิดประตูเพื่อล้วงหยิบปืนลูกโม่ใต้เบาะคนขับ

“หยุด!” ใครคนหนึ่งปราดเข้ามาประชิดตัวผมพร้อมกับจ่อปืนเข้าที่ท้ายทอย อีกคนหนึ่งก้าวออกจากมุมมืดข้างหน้า

เวรเอ๊ย มันดักอยู่ตรงนี้เอง

หมดลายตำรวจเก่าแล้ว ทำอะไรบุ่มบ่ามแถมยังประมาทสุดๆ อย่างกับคนหูหนวกตาบอด ผมตั้งสติ แล้วรีบเคาะสนิมในหัว นึกถึงสำนวนง่ายๆ ในหมู่คนพกปืนว่า คนจี้ไม่ยิง คนยิงไม่จี้ แต่...ปืนก็คือปืน

ไอ้คนข้างหน้าผมก้าวเข้ามา ยิ้มยิงฟันซึ่งถ้าไฟตรงนี้สว่างพอก็คงจะเห็นคราบบุหรี่เต็มเหงือก มันเหน็บปืนเข้ากับเอวเพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว ดี แบบนั้นดีแล้ว

ส่วนไอ้คนข้างหลังจ่อปืนชิดท้ายทอยผม แถมดูจากเงาแล้วมันยังเหยียดแขนเป็นแนวตรงด้วย

นักเลงข้างถนนชัดๆ

“ยกมือขึ้น”

ผมวางปืนลูกโม่ไว้บนเบาะ ยืดตัวขึ้น ชูสองมือไว้ข้างศีรษะด้วยความเต็มใจ

โง่มาก ไม่รู้เหรอว่าให้ยกมือขึ้น มือผมยิ่งอยู่ใกล้ข้อมือของมัน

“ต้องการอะไร”

“เดี๋ยวมึงก็รู้ แม่ง ปล่อยให้รอจนตูดกูเป็นเหน็บ” ไอ้คนข้างหน้าพูด

“เออ นึกว่าจะไม่มาแล้ว” คนข้างหลังว่าตาม น้ำเสียงผ่อนคลาย “รู้สึกไงวะที่มีปืนจ่อหัวแบบนี้ หา! ไอ้ชิบ...”

ฟึ่บ!

ถึงสนิมจะเกาะบ้างแต่ผมก็ยังไวพอ การเคลื่อนไหวไหลลื่นจนพวกมันอึ้ง ถ้าไอ้คนข้างหน้าสามารถหน่วงเวลาให้ช้าลงได้ก็คงเห็นขั้นตอนทั้งหมดว่า...ผมเอียงศีรษะให้พ้นวิธีกระสุน ในจังหวะเดียวกันก็หมุนตัวไปทางขวาพร้อมกับสับศอกกลับเข้าที่แขนมันเพื่อให้ปืนเฉไปด้านข้าง มือซ้ายของผมตะปบข้อมือที่ถือปืนทันที มือขวารีบตะปบช่วย แล้วบิดอย่างแรงกลับไปทางซ้าย ทำให้ตัวมันเสียศูนย์ก่อนจะลงไปนอนกับพื้น ปืนถูกแย่งจากมือเรียบร้อย และแขนที่ถูกจับบิดยังเหยียดตึงแบบฝืนธรรมชาติ ผมจะหยุดแค่นี้ก็ได้ แต่โทสะสั่งให้ทิ้งเข่าลงไปบนแขนข้างนั้นซ้ำอีกจนเกิดเสียงดังเป๊าะ

“โอ๊ย!” เจ้าของปืนร้อง

“เฮ้ย!” คนข้างหน้าจะชักอาวุธ แต่ช้าเกินไป

แกร๊ก

ปืนที่แย่งมาได้เป็นปืนแม็กกาซีนรุ่นดึกดำบรรพ์ ผมขึ้นลำมือเดียวโดยกระตุกมือแรงๆ ก่อนปลายปืนจะชี้ที่กลางลำตัวอีกฝ่าย ซึ่งทำให้มันหยุดชะงักโดยไม่ต้องสั่ง

ผมปล่อยมือซ้ายจากแขนหักๆ ของไอ้คนแรก เปลี่ยนเป็นกุมปืนสองมือตามที่ฝึกมา เรือใบคนเก่ากลับมาครอบงำผมเต็มที่ นิ้วชี้โหยหาการลั่นไกจนต้องเกร็งไหล่ฝืนไว้

“ชักปืน ปลดแม็กออก ช้าๆ นะ คัดอีกเม็ดออกด้วย...แล้วก็วางลง”

มันทำตาม สีหน้าเหมือนท้องผูก

“ใจเย็น คุยกันได้น่า” มันพูดหลังจากยืดตัวขึ้นอีกครั้ง ส่วนไอ้คนแขนหักกำลังร้องครวญครางไม่เป็นภาษา

“เออ ได้คุยแน่” ผมสืบเท้าเข้าไปเตะปืนที่ตอนนี้ไม่ต่างจากท่อนไม้ไปทางซ้าย เตะแม็กกาซีนไปทางขวา “เอาไว้ขอเงินแม่ซื้อใหม่ละกันนะ ทีนี้ก็เข้าไปนั่งเบาะคนขับ” ผมขยับถอยมาคว้าปืนลูกโม่ตัวเอง ปล่อยให้มันค่อยๆ สอดตัวเข้าไปนั่ง “ส่วนมึง ลุกขึ้น ไปนั่งอีกฝั่ง...เร็วสิวะ! หรือจะให้หักแขนอีกข้าง”

“จะ...เจ็บ”

ผัวะ!

ผมเตะท้องมันเน้นๆ ไปหนึ่งที ต้องกินตีนก่อนถึงจะยอมลุกได้ ดูจากแขนที่ห้อยผิดรูปแล้วน่าจะต้องเข้าเฝือกนานกว่าจะหายดี ในเมื่อมากันสองคน คนนึงก็ต้องโดนเล่นให้เดี้ยงแบบนี้แหละ

ผมรีบเข้าไปนั่งเบาะหลัง เอาปืนที่แย่งมาจ่อหัวคนขับไว้และโยนกุญแจให้มัน

“ขับไป”

“ขับไม่เป็น”

“กูไม่คิดงั้นนะ นั่นไงรถพวกมึง จอดอยู่หน้าบ้านหลังถัดไปนั่น” ยอมรับว่าผมเพิ่งมาสังเกตเอาตอนนี้เอง “ติดฟิล์มดำซะขนาดนั้น แม่ง พวกมึงดูหนังเยอะไปแน่ๆ”

“แต่คนขับดันแขนหักอยู่...”

“กูบอกให้ขับไป!” เอาปืนจิ้มหัวมันแรงๆ อีกที “รถเกียร์ออโต้เด็กประถมก็ขับได้โว้ย”

“โอเค”

ปรากฏว่าหมอนี่ขับคล่องเชียว จะถอยจะเลี้ยวจะแซงไม่มีพลาด จนเราออกจากซอยมาถึงถนนเส้นหลัก ล้อก็ยังหมุนไปพร้อมๆ กับสมองของผม

“ให้ไปไหนล่ะ” คนขับถาม

“ปะ...ไปโรง’บาล กูปวด โอ๊ย”

“มึงหุบตูดไป”

“แวะซะ...เซเว่นก็ยังดี แม่ง ขอพารา โอ๊ย”

“กูบอกให้เงียบ!”

นี่กูถือปืนอยู่นะโว้ย ไม่ใช่สากกะเบือ

ไอ้คนขับเหลือบมองกระจกหลัง ผมรีบเบนปืนมาจ่อหัวมันเหมือนเดิม เนื่องจากผมไม่รู้จักชื่อพวกมัน และขี้เกียจจะถาม แต่ดูจากลักษณะแล้วพอจะแยกแยะได้ คนขับรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาแหลมๆ ดูเจ้าเล่ห์เหมือนหมาจิ้งจอก ส่วนไอ้คนแขนหักตัวผอมแห้ง แต่หน้ามู่ทู่คล้ายหมาชิสุ...เดี๋ยวนะ หน้าคุ้นๆ นี่มันไอ้เด็กฮิปฮอปที่ผมเจอที่ผับโอเมก้าใช่มั้ย ใช่ ใช่เลย เพียงแต่ตอนนี้มันดูแก่ขึ้นนิดหน่อยเพราะไม่ได้แต่งตัวแนวนั้น

“จะให้ขับไปโรงพักล่ะสิ” จิ้งจอกว่า

โรงพักงั้นเหรอ ใช่ พวกมึงจะถูกจับ แล้วเจ้านายของมึงก็จะใช้เส้นสีกากีช่วยพวกมึงออกมาอยู่ดี

“ขับไปที่ที่พวกมึงจับสายธารไว้”

“รู้ได้ไงว่าจับไว้ มันอาจจะตายแล้วก็ได้”

ผัวะ!

เจอด้ามปืนตีหัวไปเต็มแรง เล่นเอารถสะบัด “เรียกใครมัน หา?”

“โอเคๆ เด็กนั่นน่ะ รู้ได้ไงว่าเราจับไว้”

ถ้าพวกมึงจะฆ่าทันที สายธารก็คงนอนเป็นศพอยู่ในห้องแล้ว แต่ผมไม่อยากต่อปากต่อคำ ปัญหาคือไม่รู้ว่ามีพวกมันอีกเท่าไหร่ที่รอต้อนรับอยู่ แบบนี้เท่ากับวิ่งไปให้พวกมันเชือดนิ่มๆ เลยใช่มั้ย

ผมมีทางเลือกอะไรบ้างล่ะ

อย่างน้อยพวกมันก็ต้องเซอร์ไพรส์บ้าง ที่เห็นผมเป็นคนถือปืนแทนที่จะเป็นสองหน่อนี่ และผมก็ยังมีกำลังเสริมอยู่

ผมควักโทรศัพท์ออกมา กดโทรหาเฮียยอช์ต

ฝากข้อความซะงั้น เฮียมาปิดเครื่องอะไรตอนนี้วะ ผมเลยเปลี่ยนไปเข้าแอพฯ ไลน์และใช้วิธีบันทึกเสียงส่งไป “เฮีย ผมกำลังบุกไปที่รังของพวกมัน โทรกลับด้วย เร็วๆ”

“ตำรวจเหรอ” จิ้งจอกถามและเร่งความเร็วขึ้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเรากำลังเล่นเกมแข่งขับเวลา รถจะถึงที่หมายก่อนหรือว่าเฮียยอช์ตจะติดต่อกลับมาก่อน ผมไม่ได้บอกให้มันขับช้าลง ความกังวลเผาหัวใจผมจนดำเกรียมไปหมดแล้ว ถ้าสายธารเป็นอะไรไปผมจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเลย

ไอ้เรือ ไอ้โง่! โง่! โง่! แม่ง!

“พวกมึงรู้ได้ไงว่ากูจะมาที่หอตอนไหน” ผมพูดเสียงเรียบ ตรงข้ามกับอารมณ์ที่ปะทุอยู่ข้างใน

“ยามไง”

“มึงขู่ลุงหรือจ่ายไปเท่าไหร่”

“ง่ายกว่านั้น แค่โชว์บัตรตำรวจนอกเครื่องแบบ แล้วก็บอกว่ามึงเป็นพวกค้ายา...”

“บัตรปลอม”

“แต่เหมือนจริงโคตรๆ สายจากวงในของเราทำให้”

“ในรถมียามั้ย” ไอ้เด็กฮิปฮอปพูดแทรก ซึ่งตอนนี้ผมคิดว่าจะเรียกมันว่าชิสุจะเหมาะกว่า “บุหรี่ก็ได้”

“ถ้าไม่เงียบกูจะให้มึงกินพาราเซตายแม่ง เอามั้ย รับรองหายปวดแน่” ผมใช้ปลายกระบอกปืนจิ้มหัวมัน และเบนกลับมาที่คนขับ “แล้วไงต่อ”

“ถ้ามึงโผล่หน้ามาลุงก็โทรบอกพวกกู แค่นั้น”

“มึงมีรูปกู...นึกออกแล้ว มึงนี่เองที่ขายลูกชิ้นปิ้งอยู่หน้าคอนโด เอามือถือถ่ายทะเบียนรถโต้งๆ เลยนี่” อีกฝ่ายเหลือบมองข้างหลัง ดูประหลาดใจ “แต่ไปถ่ายกูตอนไหน”

“รู้จักกล้องที่ติ่งเกาหลีใช้มั้ยล่ะ จะซูมเห็นสิวก็ยังได้”

พลาดจริงๆ

แต่น่าคิด ในเมื่อรู้หน้าและที่อยู่ขนาดนี้ ทำไมพวกมันไม่ใช้วิธีบ้านๆ ยิงผมกับสายธารให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป

“พวกมึงมีกี่คน” ผมถามเปลี่ยนเรื่อง ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าคงไม่ได้ความจริง

“ลูกปืนมึงไม่พอหรอก”

“ไม่ต้องห่วง มึงสองคนจะได้กินคนละเม็ดเน้นๆ แน่...เอาละ ได้เวลาแสดงละครแล้ว เอามือถือออกมา โทรหาลูกพี่มึงบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ส่วนมึงถ้าไม่อยากให้กูหักกระดูกอีกสักท่อนก็หุบปากเงียบๆ”

จิ้งจอกหยิบมือถือออกมา

“เปิดสปีกเกอร์ด้วย” ผมบอกพร้อมกับกดปลายกระบอกปืนแนบกับต้นคอมัน

“ถ้ายิงกูตอนนี้รถก็คว่ำ เราก็ตายกันหมด”

“กูไม่สน! โทรไป”

มันทำตามที่บอก หลังจากเสียงสัญญาณดังอยู่สองสามทีก็มีคนกดรับสาย แต่ไม่ทักทายก่อน

“...”

“ไอ้แอ๊ด” จิ้งจอกพูด น้ำเสียงปกติใช้ได้ “เรียกลูกพี่มาคุยหน่อย”

“ไง”

“เรียบร้อยดีครับพี่ กำลังไปครับ”

“ไอ้หมาตำรวจ มันเป็นไงมั่ง”

“น่วมครับ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต”

“ดี อย่าลืมเบียร์กับบุหรี่ล่ะ เอามาดับกลิ่นคาวเลือดหน่อย”

“ครับ”

แล้วมันก็กดตัดสาย

มือผมสั่นระริก อยากเหนี่ยวไกเป่ามันทั้งสองคนตอนนี้เลย แต่ต้องอดทนไว้ พยายามผ่อนคลายโดยเอนหลังพิงเบาะ ลดปืนลงบนหน้าตักแต่ยังชี้ปลายกระบอกไปข้างหน้า ปืนลูกโม่เหน็บอยู่ที่เอว โทรศัพท์อยู่ในมือซ้ายพร้อมที่จะกดรับสาย แต่เฮียยอช์ตยังไม่โทรกลับ แชตไลน์ก็ยังไม่อ่าน ซึ่งก็พอเข้าใจได้เพราะตอนนี้ยังตีสี่กว่า

จิ้งจอกขับออกมานอกเมืองได้สักพักแล้ว ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มแล้ว และกำลังจางลงเรื่อยๆ

โทรหาสายธารหรือมิกกี้ไม่ได้ เพราะตอนนี้ผมควรจะต้องถูกไอ้สองตัวนี้เล่นงานจนน่วมและถูกจับยัดใส่ท้ายรถ ผมลองโทรหาเฮียยอช์ตอีก แต่ยังปิดเครื่องอยู่เหมือนเดิม

ให้มันได้อย่างนี้สิ

รถแล่นช้าลง แล้วเลี้ยวเข้าซอย พอมันหักเลี้ยวเข้าซอยเล็กอีกทีผมก็เลิกสนใจเรื่องขอความช่วยเหลือ แล้วมาด้นสดอยู่กับปัจจุบันแทน

“จะถึงยัง”

“ใกล้แล้ว”

“อีกกี่โล หรือกี่เมตร”

“ไม่รู้ ใกล้ก็แล้วกัน”

สองข้างทางมีบ้านเรือนห่างๆ และมีป่าละเมาะขึ้นสลับ ยิ่งลึกยิ่งเปลี่ยว เหมือนจะเป็นเส้นทางที่ไปได้เที่ยวเดียวไม่มีกลับ

“ดับไฟหน้าซะ”

“ยังไม่สว่างเลย มองไม่เห็น”

“กูบอกให้ดับก็ดับสิวะ” ไฟหน้าดับลงตามคำสั่ง รถยังเคลื่อนไปช้าๆ “แล้วก็จอดห่างจากจุดนัดพบห้าสิบเมตร ห้ามตีไฟกะพริบ ห้ามกดแตร เข้าใจมั้ย” 

“ถึงแล้ว”

“กูบอกให้จอดก่อนถึงไง!”

“บอกช้าไป”

“แม่ง”

ผมรีบลงจากรถ เปิดประตูฝั่งคนขับกระชากคอไอ้จิ้งจอกลงมา แล้วสับด้ามปืนเข้าที่ก้านคอส่งมันร่วงลงไปกองกับพื้น ไม่รู้ว่าหนักมือไปรึเปล่า แต่ชีวิตก็เป็นแบบนี้ เราไม่เล่นมัน มันก็เล่นเรา ขณะเดียวกันชิสุก็กำลังตะกายลงจากรถอีกฝั่ง ผมเลยรีบวิ่งอ้อมไปรวบตัวมันไว้

“โอ๊ย! ขะ...แขนกู”

“เงียบ!”

ปืนที่จ่อขมับแรงๆ ช่วยให้มันหุบปากได้ ข้อเสียของชิสุคือมันตัวบางผอมแห้งไม่เหมาะจะใช้บังกระสุน แต่ก็ช่วยไม่ได้ มีแค่ไหนก็แค่นั้น ตอนนี้ท้องฟ้าใกล้สว่างแล้ว ต้นไม้ใบหญ้ารอบตัวหลับอยู่ภายใต้เงามืดเฮือกสุดท้ายของยามราตรี ห่างออกไปราวสิบเมตรมีบ้านเดี่ยวหลังเล็กตั้งเป็นเงาตะคุ่มอยู่ ดูทรุดโทรม ถูกทิ้งร้าง และน่าขนลุก ใกล้กันนั้นมีรถตู้สีขาวคันหนึ่ง ซึ่งในยามนี้ชวนให้คิดถึงซากสัตว์ดึกดำบรรพ์สักอย่าง แถมตอนนี้ทั่วบริเวณก็เงียบอย่างกับป่าช้า

ไม่ดี

ไม่ดีเลย สุดท้ายแล้วยังไงมันก็เป็นกับดักอยู่ดี กับดักที่ผมเต็มใจกระโดดเข้าใส่เพราะพวกมันใช้สายธารเป็นเหยื่อล่อ

เหยื่อล่อ...

ใช่ แต่ทำไมพวกมันไม่ใช้โทรศัพท์สายธารโทรหาผม ให้เสียงร้องเจ็บปวดของสายธารล่อผมออกจากถ้ำ

ผมคิดหวังไปเองรึเปล่าว่าสายธารยังมีชีวิตอยู่

ผมฉุดชิสุให้ยืดตัวขึ้น ก้าวถอยจนแผ่นหลังแนบกับรถโดยที่ยังยกปืนจ่อขมับมันไว้ “ถ้าจะเสียงดังขนาดนี้ อย่าซ่อนดีกว่าว่ะ ออกมาได้แล้ว”

ทันใดนั้นไฟฉายก็สาดเข้ามา จากทางซ้าย ทางขวา และจากข้างหน้า

สองคนด้านข้างขยับเข้ามาหยุดห่างจากผมสองสามก้าวพร้อมกับปืน ส่วนคนตรงหน้าก้าวช้าๆ วางมาดให้รู้ว่าเป็นหัวหน้า

“เฮ้ย นี่ก็เงียบสุดๆ แล้วนะ” ไอ้คนข้างหน้ายกไฟส่องหน้าผม มันเป็นคนเดียวที่ยังไม่ชักปืน “เซอร์ไพรส์เลยนะเนี่ย นึกว่ามึงจะอยู่ที่ท้ายรถซะอีก”

“หน้ากูเหมือนยางอะไหล่เหรอ”

“ฮ่าๆ ชอบว่ะ ปากงี้คุยกันได้”

“คุยอยู่แล้ว ไปเอาตัวเขามา แลกกัน”

“อ่าว งี้ก็ต้องไปขุดมันขึ้นมาสิ”

หัวใจผมหล่นวูบ ทั้งที่เก็บอาการได้ดีมาตลอด ทั้งที่สร้างเปลือกตัวตนไม่แคร์โลกมาได้เป็นปีๆ แต่ตอนนี้ยอมรับว่ามือไม้อ่อนจนแทบถือปืนไม่ไหว

“ถึงกับหน้าซีดเลยเว้ยเฮ้ย”

“กูบอกให้ไปเอาตัวเขามา ไม่งั้นไอ้นี่...”

ปัง!

พูดไม่ทันขาดคำ มันชักปืนยิงสมาชิกในแก๊งทันทีหนึ่งนัดเน้นๆ ชิสุสะดุ้งเฮือกเข่าทรุด ผมโอบรวบตัวเขาไว้กึ่งประคอง นึกไม่ถึงว่าคนตรงหน้าจะโหดปานนี้

“พะ...พี่ ทำไม” ชิสุยังไม่ตาย กระสุนอาจจะโดนท้องหรือไม่ก็โคนขา ลูกน้องอีกสองคนหันมองหัวหน้าด้วยความสงสัย แต่ปืนทั้งสองกระบอกยังเล็งมาที่ผม

“กูสงสัยมาสักพักแล้วว่ามีสายตำรวจอยู่ใกล้ๆ ตัว”

สายตำรวจ?

ไอ้เด็กฮิปหน้าเหมือนชิสุนี่น่ะนะ... 

“ยังอยากแลกตัวอยู่มั้ย”

“...” ผมพยุงร่างชิสุไว้ ลักษณะประคองมากกว่าจะใช้เป็นโล่กันกระสุน

“เอาไง จะให้กูยิงมันซ้ำ แล้วยิงมึง หรือมึงจะโยนปืนมาตรงนี้แล้วต่ออายุไปอีกหน่อย”

คนโดนยิงหายใจขาดเป็นห้วง ขาอ่อนแรงจนทรงตัวไม่ไหว ในที่สุดผมก็ยอมปล่อยให้เขารูดตัวลงกองกับพื้น ผมถึงกับประคองให้เค้านอนลาดสบายๆ จากนั้นก็ยืดตัวขึ้น ปลดแม็กกาซีนทิ้ง ดึงสไลด์ให้กระสุนอีกหนึ่งนัดดีดออก แล้วโยนปืนทิ้ง

“ไอ้ที่เหน็บอยู่ที่เอวด้วยสิวะ”

ผมชักปืนลูกโม่ และย่อตัววางมันลงกับพื้นเบาๆ แทบจะเหมือนกับปล่อยสัตว์เลี้ยงตัวเล็กให้เป็นอิสระ

“ทีนี้ก็ยกมือขึ้นสูงๆ”

ผมไม่ยก

แถมยังถามกลับราวกับตัวเองคือคนที่ถือปืน

“เด็กกูอยู่ไหน”









____________________________



ขอบคุณที่อยู่กับพี่เรือมาจนถึงตรงนี้นะคะ
เอาใจช่วยคนกากๆ คนนี้ ที่เริ่มจะกากน้อยลงด้วยนะคะ
บทนี้ยาวนิดนึง เลยแบ่งเป็นสองพาร์ท
เจอกันพาร์ทสองนะคะ


รักมากๆ ^-^
นางร้าย

26.08.18
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 38.1: ร.รัว] 26.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 26-08-2018 20:19:12
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 38.1: ร.รัว] 26.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 26-08-2018 20:29:23
มาช่วยแล้วววว
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 38.1: ร.รัว] 26.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 26-08-2018 20:36:33
อยากเข้าไปปลุกพี่ยอร์ชเลยค่ะ ขอกำลังเสริมหน่อยเร้ววว  :hao5:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 38.1: ร.รัว] 26.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: diltosscap ที่ 26-08-2018 20:45:16
พี่เรือ อัดมันให้น่วมค่ะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 38.1: ร.รัว] 26.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 26-08-2018 21:04:46
ตำรวจจจจจจจจจจจ
ช่วยด้วย
อย่ามาแค่ตอนจบสิ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 38.1: ร.รัว] 26.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Carrot_t ที่ 27-08-2018 01:01:32
แหม๊ มีความเด็กกงเด็กกู :hao3:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 38.1: ร.รัว] 26.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-08-2018 01:08:01
ตำรวจเมื่อไหร่จะมาฟะ ช้าชะมัด  :katai1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 38.1: ร.รัว] 26.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 27-08-2018 17:46:04
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 38.1: ร.รัว] 26.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 28-08-2018 04:40:26
มีความเด็กกู  :o8:
ช่วยน้องให้ได้นา
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 38.1: ร.รัว] 26.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 28-08-2018 16:54:35
โอ้ววว ได้แล้วพระเอกได้บู้คนเดียว ว่าแต่นี่เกิดไรกับพี่ชายป่าวอ่า ปกติน่าจะต้องแสตนบายเรืองร้ายๆป่ะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 38.1: ร.รัว] 26.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Wendy ที่ 29-08-2018 07:47:17
ลุ้นมากกกกกกก
น้องธารของป้าจะเป็นไงบ้างงงงง

นี่ยังโกรธเรือใบอยู่นะ ทั้งที่ควรจะห่วงน้องดันพาผญ.ไปส่งบ้านเฉย รีบมาช่วยน้องเลยนะ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ
มาต่อไวไวน้าาาาาา
 :L2:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 38.1: ร.รัว] 26.08.18 | P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 30-08-2018 14:16:38
ลุ้นมากเลยตอนนี้ :sad4:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 38.2: ร.รัว] 31.08.18 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 31-08-2018 18:59:07
กระสุนนัดที่ 38.2
ร.รัว


ระหว่างที่ความประหลาดใจปรากฏบนใบหน้ามัน ผมก็พลันนึกออก   

“มึงนั่นเองที่ยิงเสี่ยยุทธ์ที่หลังผับ”

ปืนตรงหน้าผมลดต่ำลง มันก้าวมาหยิบปืนจากพื้นแล้วฉีกยิ้มกว้าง ดูกลับมาเป็นผู้คุมเกมอีกครั้ง “แหม นึกว่าจะจำกันไม่ได้ซะแล้ว”

“หน้าเลวๆ งี้กูไม่ลืมหรอก”

“ต้องงี้ดิ ค่อยสนุกหน่อย...จับมัน”

คนที่อยู่ทางซ้ายซึ่งตัวใหญ่อย่างกับหมีเข้ามาล็อกตัวผม หลังจากนั้นไม่ถึงสองนาทีต่อมาผมก็รู้สึกราวกับตายแล้วเกิดใหม่

สายธารอยู่นี่

เขาอยู่นี่! มิกกี้ก็ด้วย ทั้งคู่ถูกจับมัดมือไพล่หลังติดกับเสา สภาพเหมือนโดนซ้อมไปยกนึง แต่ก็ยังดูดีกว่านอนอยู่ในหลุมเป็นไหนๆ

“พี่เรือ” มิกกี้เป็นคนเห็นผมก่อน

“สายธาร” แต่ผมทักอีกคนอย่างกับมิกกี้ไม่อยู่ตรงนั้นด้วย

เจ้าตัวเงยหน้าขึ้น แต่ยังไม่พูดอะไร ผมถูกจับมัดมือไพล่หลังรวมกับพวกเขา จนไอ้ตีนโตผละออกไปแล้วสายธารค่อยหันมาพูด

“คุณมานี่ได้ไง”

“ขับรถมา” นี่ค่อนข้างจะเป็นคำตอบที่โง่ แต่ผมไม่อยากโกหกอะไรเขาอีกแล้ว “ไม่ได้ขับเองหรอก กูเอาปืนจี้ให้พวกมันขับ แล้วก็โดนพวกมันจี้ให้ทิ้งปืนเมื่อกี้...กูมาตามหามึง”

“ก็เขียนบอกไว้แล้วว่า ไม่ต้องตาม”

“ไม่ตามแล้วนอนไม่หลับ”

สายธารส่ายหน้า “แล้วยิ้มอะไร”

“มึงยังไม่ตาย”

“ทีแรกผมก็ว่ามันตายแล้ว” มิกกี้เอียงหน้ามาร่วมวงด้วย “ก่อนพามานี่มันรัดคอไอ้ธารแป๊บเดียวหลับเลย อย่างกับในหนัง”

รัดคอแล้วหลับ

ผมรู้จักท่านี้ เรียกว่าท่า Rear Naked Choke คือการใช้ท่อนแขนรัดบริเวณด้านข้างลำคอเพื่อไม่ให้เลือดไหลไปเลี้ยงสมอง ทำแป๊บเดียวจะทำให้สลบ ถ้านานกว่านั้นก็ถึงตายได้ แสดงว่าพวกนี้ก็ไม่ใช่กุ๊ยข้างถนนซะทีเดียว

“แล้วไงอีก” ผมถามมิกกี้

“มันก็ซ้อมเราอ่ะดิ... หน้าแม่งอย่างเถื่อน”

ผมหันมามองสายธารตั้งแต่มิกกี้ยังพูดไม่จบแล้ว “หิวมั้ย ได้กินอะไรหรือยัง”

เขาสั่นหัว ไม่รู้จะสื่อว่าไม่หิวหรือยังไม่ได้กิน

“ว่าจะกลับมากินข้าวด้วย แต่ไม่เห็นมึง กูเลยกินท่อนแยมทอดไป...มึงปากแตกเหรอ เจ็บมากมั้ย”

“...”

“จมูกเป็นไงมั่ง”

“...”

“สายธาร”

“ไม่เป็นไร”

แก้มเขาแดงเป็นปื้น มุมปากมีเหลือซิบ ราวกับว่าความเจ็บปวดของเขายังลอยฟุ้งในอากาศจนผมรู้สึกได้ เมื่อสูดลมหายใจเข้าไปมันก็ทิ่มแทงปอดผมด้วย

“คนไหนทำ” ผมถาม รอยยิ้มในตอนแรกหายไปแล้ว

“ช่างมันเถอะ”

“คนไหน”

“ใครทำอะไรเหรอ” ไอ้ตัวหัวหน้าพูดแทรกขึ้น มันก้าวมายืนกอดอกตรงหน้าเรา ส่วนลูกน้องอีกสองคนกำลังยกโต๊ะเก่าๆ ออกมาตั้ง จัดแจงวางข้าวของไม่กี่ชิ้นบนนั้น “รู้มั้ย ที่นี่ที่ไหน”

เราสามคนเงียบ

“บ้านผีสิง” มันตอบให้แทน “ก็พวกมึงนี่แหละที่จะได้สิงอยู่นี่”

“ใครเป็นคนต่อยสายธาร”

อีกฝ่ายเอียงคอมองเหมือนไม่เข้าใจคำถาม แต่แล้วก็หัวเราะลั่น โบกมือเหมือนขอเวลานอกและถอยกลับไปนั่งเก้าอี้ที่ลูกน้องเลื่อนมารองรับก้นให้พอดี

ตอนนี้สว่างแล้ว แต่บริเวณรอบๆ ยังมืดทึมอยู่บ้าง

จากการมองสำรวจเร็วๆ ตั้งแต่ถูกคุมตัวเข้ามา นี่คือสถานที่ที่รายการตามล่าท้าผีคงจะจัดให้ติดท็อปเท็นบ้านสุดหลอน ผนังด้านหนึ่งถูกทุบแตกหายไปทั้งแถบ ผนังด้านที่เหลือมีลายกราฟฟิตี้ของแก๊งมือบอน บานประตูไม่อยู่แล้ว เหลือแค่กรอบเอียงๆ ตรงมุมด้านในมีของถูกทิ้งกองสุมอยู่นิดหน่อย เฟอร์นิเจอร์ใหญ่ๆ เหลือไม่กี่ชิ้น ซึ่งก็คือโต๊ะพังๆ กับเก้าอี้ไม้ที่ไอ้ตัวหัวหน้านั่งอยู่

ส่วนสมาชิกในแก๊งพวกมันมีอยู่ห้าคน

จิ้งจอกฟื้นแล้ว แต่ยังทรงตัวไม่ค่อยได้ เลยนั่งบ่นงึมงำนวดต้นคออยู่

เด็กฮิปฮอปซึ่งก็คือสายตำรวจ ตอนนี้อาการร่อแร่ นอกจากแขนหักแล้วยังถูกยิงหนึ่งนัดบริเวณโคนขาหรือไม่ก็ท้องน้อย ไอ้พวกนั้นหามเขามาทิ้งไว้ที่มุมบ้านอย่างกับถุงขยะ ตอนนี้เขานอนตะแคงหันหลังนิ่งอยู่ หวังว่ายังหายใจนะ

คนต่อมา ตัวล่ำใหญ่เหมือนหมี ดูไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่

อีกคน ตัวเตี้ยตัน ท่าทางเคร่งขรึม หน้าตาทำให้ผมนึกถึงหมูป่า

และคนสุดท้าย ไอ้ตัวหัวหน้ามัน ซึ่งถ้าให้เปรียบเทียบกับสัตว์ก็คือหมาป่าดีๆ นี่เอง

“ปืนสวยนี่หว่า” หมาป่าหยิบปืนลูกโม่ของผมมาโยนชั่งน้ำหนักไปมาระหว่างสองมือ แล้วก็วางส่งๆ ไว้บนโต๊ะ “แต่กูชอบรัวเป็นแม็กมากกว่า” มันหยิบปืนสั้นแม็กกาซีนของตัวเอง ตอนนี้เห็นชัดแล้วว่าคือปืนยี่ห้อ Colt โมเดล 1911A1 ซึ่งมีประวัติการพัฒนามาตั้งแต่สมัยสงครามโลกโน่น

“ชอบรัว ไม่ลองหา Glock มาใช้ล่ะ ลูกดก กดสบายนิ้ว”

“เรื่องปืนไม่ต้องให้หมาตำรวจมาสอนหรอกว่ะ” มันขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้ ถือปืนห้อยไว้ระหว่างขา “เอาละ มาเล่นเกมยี่สิบคำถามกัน”

“ปล่อยเด็กสองคนนี้ไป พวกเขาไม่เกี่ยวอะไร แล้วมึงอยากเล่นอะไรก็มาเล่นกับกู” ผมบอก ระหว่างนี้ก็พยายามบิดข้อมือไปมาเผื่อว่าปมเชือกจะหลุด ดูเหมือนไม่แน่นเท่าไหร่ น่าจะพอมีหวัง...ยังไงก็ต้องหวังไว้ก่อน

“ง่ายไปมั้ง”

“งั้นมึงก็จะไม่รู้อะไรหรอก”

ไอ้หมาป่าฉีกยิ้ม “เอางี้นะ กูจะบอกความลับให้ก่อน เห็นรถตู้นั่นมั้ย ที่ท้ายรถมียาซุกอยู่ ล็อตใหญ่ใช้ได้เลย นัดส่งของแถวๆ นี้แหละหลังจากกูเสร็จธุระกับพวกมึงแล้ว อีกหน่อยจะมีล็อตใหญ่กว่านี้ ของแม่งดี ธุรกิจกำลังโต โอเค ทีนี้มาแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน...พี่ชายมึงรู้อะไรบ้าง”

ผมขบฟันแน่น “พวกมึงมีสายข้างในกรมไม่ใช่รึไง ถามพวกมันดิ”

“ถูก แต่ช่วงหลังๆ ไอ้พี่ชายมึงระวังตัวมาก...มันรู้รึเปล่าว่ายาล็อตต่อไปจะส่งที่ไหน”

“ส่งที่ดาวอังคารไง”

“มันรู้รึยังว่านายใหญ่เราเป็นใคร”

“ไอร่อนแมนน่ะเหรอ หรือว่าทานอส”

“ที่กูต้องเก็บเสี่ยยุทธ์เพราะนายกูบอกแม่งทำตัวโคตรแปลก ถามอะไรซอกแซก ตำรวจแบล็กเมล์อะไรมันให้มาสืบเรื่องนายกูรึเปล่า หรือมันคิดอะไรเหี้ยๆ อยู่ เรื่องควบบ่อนใช่มั้ย”

“เดี๋ยวกูถามจาร์วิสให้ละกัน”

“ใคร จ่าวิทย์”

ผมหัวเราะ “นี่มึงแกล้งโง่หรือโง่จริงๆ วะ”

หมาป่าหยุดมองประเมินผม “กูจะบอกให้อีกเรื่องว่าพวกมึงมานี่ได้ไง ไอ้นี่...ชื่อไรนะ มิกกี้ กูบังคับให้มันเป็นนกต่อล่อไอ้เด็กนี่ออกมา ตอนที่เมียเก่ามึงล่อมึงออกไป”

“ลิน...” ไม่ ไม่หรอก “ลินเป็นพวกมึงเหรอ”

“แหม ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่นายกูเงินหนาพอจะซื้อคนได้ แต่ก็ไม่แน่นะ อาจจะแค่ใช้เส้นสายเป่าหูนิดหน่อยก็ได้ อันนี้ไม่รู้จริงๆ ว่ะ แต่ทำให้มึงสองคนออกจากถ้ำไปคนละทิศละทางได้ก็แล้วกัน ทีนี้ก็ไม่ยาก แค่รอให้มึงไปตามหาเด็กของมึงที่หอพัก แต่ก็ปล่อยให้รอซะนานเลยนี่กว่าจะมา”

“ไม่โทรมาขอร้องกูล่ะ จะได้ไปเร็วๆ”

“หมาตำรวจอย่างมึงพอจะดมกลิ่นเองได้น่า...โอเค ทีนี้ เล่ามาว่ารู้อะไรเกี่ยวกับนายกูบ้าง”

ผมทำหน้านิ่งระหว่างที่แอบบิดข้อมืออยู่ มันยังติดแน่น ใช่ แต่ปมเชือกคลายบ้างแล้ว...รึเปล่านะ

“กูพูดกับมึงอยู่”

“อ้อ เหรอ ไม่ได้ฟังว่ะ เล่าใหม่อีกทีซิ เอาตั้งแต่แม่มึงคลอดมึงออกมาที่ข้างถังขยะเลย”

ในที่สุดหมาป่าก็ถอนหายใจ “รู้สึกกูจะคุยกับมึงไม่รู้เรื่องว่ะ เดี๋ยวให้อีกคนคุย...”

“ผมขออัดมันคืนสักป๊าบได้มั้ยพี่” จิ้งจอกเดินนวดต้นคอเข้ามาสมทบกับหัวหน้า

“มึงไม่ต้องยุ่ง งานง่ายๆ แค่นี้ก็ยังพลาด...แอ๊ด”

ได้เวลาซ้อมแล้วสินะ

ผมนึกว่าเจ้าของชื่อนี้คือไอ้หมีตีนโต รูปร่างมันเหมาะกับงานนี้ที่สุดแล้ว ปรากฏว่าคนที่ก้าวมาตรงหน้าผมคือหมูป่าตัวเตี้ย มันไม่พูดไม่จา แต่เกริ่นฉากแอ๊คชั่นบนใบหน้าผมทันที

ผัวะ!






____________________



พี่เรือของนุ้ง ;-;
ขอบคุณมากๆ เลยนะคะที่อ่านกันและคอยคอมเมนต์หากันตลอดๆ
ดีใจมากจริงๆ ค่ะ *ก้มหัวติดพื้น*


นางร้าย
31.08.18

หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 38.2: ร.รัว] 31.08.18 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 31-08-2018 20:10:39
จัดการมันเลยค่ะพี่เรือออ บังอาจมาทำน้องสายธาร  :angry2:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 38.2: ร.รัว] 31.08.18 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 31-08-2018 20:32:53
อัดมันเลยพี่เรือ  :z6:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 38.2: ร.รัว] 31.08.18 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 31-08-2018 23:16:01
หูย นกต่อหลายขั้นตอนกว่าจะทำให้แยกกันได้ เอาใจช่วยนะขอให้มีคนมาช่วยเร็วๆ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 38.2: ร.รัว] 31.08.18 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 01-09-2018 14:18:56
คนเคยหักหลังก็ยังหักหลังเหมือนเดิมเนาะทำให้นางงูเห่าสิ้นฤทธิ์หน่อยสิทำให้คนอื่นผิดใจกันไม่พอยังจะเป็นตัวมารอีก อินจัด
มากต่อไว้ๆนะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 38.2: ร.รัว] 31.08.18 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-09-2018 04:27:52
อ้าวววววว ผู้ช่วยพระเอกอยู่ไหนฟ่ะ รีบ ๆ มาช่วยเร็ว ๆ เข้า  :katai1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 39: ร.ระริก] 02.09.18 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 02-09-2018 18:24:12
กระสุนนัดที่ 39
ร.ระริก



[สายธาร]

ผมยังไม่ตาย 

โชคชะตายังไม่ยอมให้ผมไปอยู่กับพี่ภาณ...หรือล่องลอยอยู่ในความเงียบที่ว่างเปล่าและหนาวเย็น คนชื่อแอ๊ดจ่อปืนตรงหน้าผมแล้ว แต่อาจจะเพราะสีหน้าไม่สะทกสะท้านของผมเลยทำให้หัวหน้าเปลี่ยนใจ สั่งให้รอไปก่อน หรืออาจจะเป็นเพราะมันตั้งใจขู่แบบนั้นตั้งแต่แรกก็ได้

ไม่ว่าอย่างไรผมก็ปลงตกยอมตายไปแล้ว

แต่พอเรือใบเดินเข้ามาหัวใจผมก็เต้นกระตุก ราวกับว่าผมตายไปแล้วจริงๆ และหัวใจเต้นอีกครั้งเพราะถูกความหวังปั๊มมันขึ้นมา

เขาอยู่นี่แล้ว

เขาตามผมมา

เขามาปกป้องคุ้มครองผม ตามที่เขาบอกตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน

ความรู้สึกเต็มใจตายเมื่อสักครู่สลายไปเหมือนไอหมอก กลายเป็นความรู้สึกอยากมีชีวิตต่อ อยากทำท่อนแยมให้เขากิน อยากนอนที่โซฟาของเขา อยากนอนอ่านหนังสือและดูซีรี่ส์ที่นั่น

อยากให้ทุกอย่างกลับเป็นเหมือนเดิม

รอยยิ้มของเขาดูจะทำให้มันเป็นไปได้ด้วย แต่พอผมตระหนักว่าตอนนี้สถานการณ์ของเราแย่แค่ไหน สิ่งที่คิดก็เป็นแค่ความฝันลมๆ แล้งๆ เท่านั้น

พวกมันเล่นเกมยี่สิบคำถามกับเรือใบด้วย ไม่น่าเชื่อว่าเขายังจะพูดจากวนตีนได้อีก ซึ่งแน่นอนว่าเหตุการณ์ก็เป็นอย่างที่ผมคิด

แอ๊ด

พอหัวหน้าเอ่ยแค่ชื่อเท่านั้น ขาโหดก็ก้าวเข้ามาต่อยหน้าเรือใบเต็มแรง แต่หน้าเขาสะบัดแค่นิดเดียว สงสัยจะเกร็งไว้

“ไอ้แอ๊ด! กูยังไม่ได้บอกให้มึงเล่นมัน” 

แอ๊ดยั้งหมัดที่สองไว้ หันไปยักไหล่เป็นเชิงถาม

“มึงนี่แม่งมือไวจริงๆ กูกำลังจะบอกให้มึงแก้มัด...ไม่ใช่ไอ้หมาตำรวจ เด็กนั่นน่ะ แก้มัดมัน”

แก้มัดผม?

ทำไมล่ะ มันจะทำอะไร

แอ๊ดทำตามที่สั่ง แม้จะเป็นอิสระแล้วแต่ผมจะทำอะไรได้นอกจากนั่งอยู่ที่เดิมและลูบข้อมือที่เป็นรอยแดง

“มึง มึงเป็นคนถาม”

“หือ?”

“ถามไอ้หมาตำรวจนี่แบบที่กูถาม และถ้ามันโกหกก็อัดมันแรงๆ”

เรือใบหัวเราะพรืด รอยยิ้มยียวนของเขาปรากฏขึ้น และต้องยอมรับว่ามันช่วยให้ผมใจสงบลงได้บ้าง แต่จากนั้นหัวใจผมก็เต้นกระตุกอีกเพราะเสียงปืนลั่นดังสนั่น

ปัง!

ไม่รู้กระสุนพุ่งไปทิศไหน ทุกคนเงียบกริบ

“ถ้ายังลีลา คงมีสักนัดที่โดนพวกมึง”

ปัง!

มันสะบัดมือทำปืนลั่นอีก คราวนี้มิกกี้ถึงกับร้องเสียงหลงและหดขากลับ

“ก็ได้ๆ” ผมลุกพรวดขึ้นยืน หันกลับมามองเรือใบ ซึ่งตอนนี้สีหน้าเรียบเฉยแต่ไม่ถึงกับเคร่งขรึม “ก็ได้ ผมจะถาม”

“ถ้ามันโกหกก็อัดมัน” ไอ้ตัวหัวหน้าย้ำ

“เอาเลย ทำตามที่มันบอก” เรือใบพูดเหมือนให้กำลังใจ

“เอ่อ...ผมจะถาม คุณไม่ชอบกินเผ็ดใช่มั้ย”

รอยยิ้มของเขากลับมาอีกครั้ง “ใครบอก กูนี่ตัวกินพริกเลย”

“โกหก”

แล้วผมก็เอากำปั้นชนแก้มเขาเบาๆ ซึ่งแทบไม่ต่างจากเช็ดรอยเปื้อนออกให้

“โอ๊ย” เขาร้องเสียงดัง “ก็ได้ๆ ยอมแล้ว ใช่ กูไม่ชอบกินเผ็ด”

“ไม่ชอบกินผักด้วย”

“เออ ใช่”

“ซีรี่ส์แนวหลอนๆ หลงป่าอะไรนั่นด้วย ผมว่าคุณก็ไม่ชอบ ใช่รึเปล่า”

“จริงๆ ก็พอดูได้ ถ้าเลือดไม่สาดเกินไป”

“เดี๋ยวๆ” หัวหน้าพูดขัด “เล่นเชี่ยไรของพวกมึงเนี่ย คำถามอะไร”

“ถามเกี่ยวกับตัวเขา” ผมตอบเสียงเบา ไม่แน่ใจว่ายิ่งเป็นการยั่วโมโหเขาหรือเปล่า เลยเสริมไปอีก “และคิดว่าเขาไม่ได้โกหก”

อีกฝ่ายริมฝีปากกระตุก ยกปืนขึ้นด้วยมือสั่นๆ

“โอเคๆ จะถามเรื่องตำรวจ” ผมรีบหันไปหาเรือใบ “คุณรู้อะไรบ้าง...เรื่องตำรวจ”

เรือใบยิ้มให้ผม ก่อนจะหันไปมองหัวหน้าแก๊งด้วยสีหน้าขรึม “รู้ว่ามีเกลือเป็นหนอนเต็มไปหมด พี่กูเลยทำอะไรไม่ถนัด พวกมึงเลยลอยนวลมานานขนาดนี้ไง”

“พี่ชายมึงรู้แล้วใช่มะ ว่านายใหญ่กูเป็นใคร”

“ไม่รู้”

“แม่งอมขี้มาพูดชัดๆ...ไอ้หน้าอ่อนนี่ก็อีกคน กูบอกแล้วใช่มั้ย ถ้ามันโกหกให้ทำไง”

“...”

ปัง!

เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ผมหลุดเข้าไปในโลกส่วนตัว โลกที่เงียบเหงาหม่นเทาแต่ก็ยังดีกว่าตรงนี้ แต่เสียงปืนกระชากผมกลับออกมา

“มิกกี้!” ผมปราดเข้าไปหาเพื่อน

“ไอ้ธาร กู...ตาย ตายแน่ๆ”

“ไม่ๆๆ แค่โดนตรงน่อง”

“กูตายแน่”

ผมถอดเสื้อออกมาผูกขาให้มิกกี้ หวังว่ามันจะช่วยห้ามเลือดได้ แล้วหันมองพวกมัน สีหน้าแต่ละคนดูเหมือนเป็นเรื่องตลก โดยเฉพาะไอ้ตัวหัวหน้า มันหัวเราะพลางโบกปืนเล่นอย่างกับโบกพัด

“ยังช้าอยู่อีก”

ผมก้าวมายืนตรงหน้าเรือใบอีกครั้ง คราวนี้เขาพยักหน้าให้ขรึมๆ

ผมก็เลยต่อยที่ท้องเขาไปหมัดนึง

“ต่อยอย่างกับผู้หญิง” คนที่นวดต้นคออยู่วิจารณ์

“เออ แรงๆ หน่อยสิวะ” หัวหน้าเสริม

ผมต่อยเขาอีกหมัดแถวๆ หัวไหล่

“ให้ผมจัดการดีกว่ามั้ยพี่” คนตัวล่ำอาสา

“ช่างแม่ง กูเบื่อละ ฆ่าแม่งให้หมด...”

“เดี๋ยว” เรือใบแทรก “กูมีเรื่องจะบอก”

“ว่าไป”

เรือใบมองหน้าผมราวกับจะสื่อสารแค่กับผมเท่านั้น

“กู...” เขาถอนหายใจก่อนจะพูด “คดีพี่ภาณของมึง...”

“...”

“กูเป็นคนรับผิดชอบเอง สมัยที่ยังเป็นตำรวจ”

ตัวผมชาวูบ “ไม่...”

“สองปีก่อน เฮียยอช์ตโยนเคสนี้มาให้กูทำ นักศึกษาถูกแทงชิงไอโฟน ผู้ตายชื่อนายภาณุ นามสกุลอะไรกูจำไม่ได้แล้ว เพราะกูไม่สนใจ...”

เขาพูดไม่ทันจบ ระเบิดเวลาที่อัดแน่นอยู่ในตัวผมก็ระเบิดตูมตามซะก่อน

ผัวะ!







____________________________

ขอบคุณมากๆ ที่อยู่ด้วยกันจนมาถึงตรงนี้นะคะ
ขอบคุณที่คอมเมนต์หากันนะคะ ;-; ขอบคุณจริงๆ ค่ะ

นางร้าย
02.09.18
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 39: ร.ระริก] 02.09.18 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: chompoo1997 ที่ 02-09-2018 19:08:59
ตัดจบได้ทำร้ายจิตใจเรามาก :sad4:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 39: ร.ระริก] 02.09.18 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 02-09-2018 19:50:05
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 39: ร.ระริก] 02.09.18 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 02-09-2018 21:32:33
จะรอดกันยังไง จะรอดกันยังไง  :z10: :z10: :z10:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 39: ร.ระริก] 02.09.18 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-09-2018 23:05:01
โดนอัดแรงๆเลยอิพี่เรือนี่  :hao7:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 39: ร.ระริก] 02.09.18 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Carrot_t ที่ 03-09-2018 00:12:34
ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานอย่างงี้แต่ยังคุยกันงุ้งงิ้งๆ ยอมมมม :hao3:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 39: ร.ระริก] 02.09.18 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 03-09-2018 01:52:11
แล้วสายธารก็เกลียดตำรวจยิ่งกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 39: ร.ระริก] 02.09.18 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-09-2018 03:40:02
ฉิบบบบบบ อย่างนี้ธารต่อยเรือใบจนลืมตายไปแล้วมัง  :katai1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 39: ร.ระริก] 02.09.18 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 03-09-2018 23:27:19
อะไรวะเนี่ยะ หรือพี่มันแกล้งโกหกเพื่อให้น้องรอด :a5:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 39: ร.ระริก] 02.09.18 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 03-09-2018 23:51:20
โอ้ยยยยย ฮืออออ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 39: ร.ระริก] 02.09.18 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Al2iskiren ที่ 04-09-2018 02:30:35
อ้าวๆ อะไรยังไงล่ะพี่เรือ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 40: ร.ร้าว] 08.09.18 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 08-09-2018 18:55:08
กระสุนนัดที่ 40
ร.ร้าว



[เรือใบ]

ใจผมพองฟูเมื่อหมาป่าสั่งให้แก้มัดสายธาร แม้ว่าต่อมาจะถูกสั่งให้เล่นบทเค้นความลับจากผมก็เถอะ อย่างน้อยเขาก็เป็นอิสระในระดับหนึ่ง และแต่ละคำถามของเขาก็ทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้ นี่ถ้าเขาถามว่า คืนนั้นที่ไอ้โอมมาส่งผมแกล้งละเมอดึงเขาเข้ามาจูบหรือเปล่า ผมก็จะตอบตามความจริงว่า ใช่

แต่ไอ้โหดไม่ยอมปล่อยให้สายธารเล่นเกมยี่สิบคำถามกับผมนาน

มันยิงมิกกี้

ยิงที่ขาด้วยท่าโบกปืนส่งๆ แบบพวกกุ๊ย ซึ่งไม่รู้ว่าเพราะมันแม่นหรือมั่ว มันดูแปลกใจด้วยซ้ำที่มิกกี้ยังไม่ตาย แต่ขณะเดียวกันก็ดูสนุกที่ได้ทรมานพวกเรา แต่ก็อีกนั่นแหละ ไม่ถึงอึดใจมันก็เบื่อที่จะฟังอะไรอีก

เพื่อซื้อเวลา ต้องหาแรงกระตุ้นให้สายธารหน่อย

ไม่สิ...

เป็นเพราะผมทนเก็บมันไว้กับตัวไม่ไหวแล้วต่างหาก และเวลานี้ก็เป็นฤกษ์บัดซบอัปมงคลเพียงฤกษ์เดียวที่จะบอกเขาได้ มันไม่มีเวลาอื่นเหลือให้เลือกแล้ว

“เดี๋ยวก่อน กูมีเรื่องจะบอก”

เกริ่นนำโคตรเห่ย แต่อย่างน้อยก็ทำให้ไอ้หมาป่าลดปืนลง

“กู...”

ไม่

ผมพูดไม่ได้ ตราบใดที่ยังไม่ได้บอกเรื่องนั้นกับเขา

ผมไม่ได้คาดคิดไว้ก่อนว่าเขาจะเป็นอย่างไรเมื่อรู้เรื่องนี้ จะด่าว่าผมรวมถึงตำรวจทุกคน หรือซึมหงอยขังตัวเองอยู่ในโลกที่ไม่มีใครเอื้อมถึง ไม่ใช่เลย เขาดู...แตกสลาย

หมัดแรกฟาดเต็มแรงจนใบหน้าผมสะบัด

หมัดต่อๆ มารัวใส่ไม่เลือกที่

ผมได้แต่กัดฟันและเกร็งตัวรับ รู้สึกเหมือนตกอยู่ท่ามกลางพายุเกรี้ยวกราด ในโลกของเขา โลกจินตนาการที่เขาสร้างขึ้นและหลบเข้าไปพักอยู่ในนั้นบ่อยๆ ตอนนี้คงจะเต็มไปด้วยระเบิด ภูเขาไฟพ่นลาวาไปทั่ว แผ่นดินถล่ม ลมหมุนฉีกทึ้งกระท่อมแสนสุขรวมถึงรูปภาพความหลังที่ตั้งเรียงรายบนชั้นวาง

และที่สำคัญคือ มีผมยืนเด่นเป็นสง่าร่ายเวทมนตร์แห่งหายนะอยู่ในนั้น

ท่ามกลางพายุ มีเสียงไอ้พวกตัวร้ายสอดแทรกเข้ามาเป็นระยะ แม่งบ้าไปแล้ว ดราม่าว่ะเฮ้ย เอาไปสร้างหนังได้นะเนี่ย...

แต่แล้วทุกอย่างก็ค่อยๆ สงบลง หมัดของสายธารอ่อนปวกเปียก จากการชกเปลี่ยนเป็นทุบ แล้วก็เปลี่ยนเป็นวางแปะ ตอนนี้เขาอยู่ในท่าคุกเข่า ทรงตัวโงนเงนทำท่าจะทิ้งตัวซบลงมากับไหล่ผม ผมยกศีรษะขึ้น และเราก็ได้เห็นความยับเยินของอีกฝ่ายในระยะประชิด

เขาเจ็บปวดข้างใน ดวงตามีน้ำใสเอ่อกลบ

ส่วนผมดูระบมภายนอก ในปากมีรสเลือด และบริเวณหางคิ้วคงจะแตก

นัยน์ตาของเขาสั่นระริกเช่นเดียวกับริมฝีปาก จากทีแรกที่จะทิ้งตัวลงมา เขากลับเบือนหน้าหนีก่อนจะเบี่ยงไปด้านข้าง นั่งก้มหน้าวางศอกไว้บนเข่า

ไอ้พวกตัวร้ายปรบมือและหัวเราะ อย่างกับว่าเพิ่งดูละครลิงจบ

ทำให้ผมตระหนักว่าร่างกายเจ็บปวดน้อยกว่าที่คิด สายธารคงต่อยผมไม่เกินยี่สิบหมัด และส่วนใหญ่ก็ลงกับลำตัวผมมากกว่าใบหน้า อาการเจ็บปวดเมื่อกี้คงจะเป็นเรื่องของความรู้สึกที่มีร่วมไปกับเขามากกว่า

ผมเงยขึ้นมองพวกมันด้วยสีหน้านิ่งๆ มือที่ถูกมัดอยู่เจ็บแปลบ แต่เกือบจะหลุดจากปมเชือกแล้ว ผมรู้สึกได้

หมูป่าพูดกระซิบกับจ่าฝูง ยื่นโทรศัพท์มือถือที่น่าจะมีข้อมูลบางอย่างให้ดู ความร่าเริงหายไปจากใบหน้ามัน และถ้าดวงตาพร่าๆ ของผมมองไม่ผิด มันกำลังสะใจอยู่

ไอ้หมาป่าลุกจากเก้าอี้มานั่งยองตรงหน้าผม “ไง พร้อมจะตายยัง”

“ไม่...” ปวดแก้มจนพูดลำบาก แต่ผมก็ฝืนพูดต่อ “ไม่เคยตาย ตายให้ดูก่อนดิ ถ้ามันเข้าท่าก็จะตามไป”

“งั้นมึงก็โชคดีแล้ว มีคนตายให้ดูว่ะ”

มันพลิกหน้าจอมือถือมาตรงหน้าผม วีดีโอคลิปที่เหมือนได้จากกล้องติดหน้ารถหรือกล้องแอบถ่ายกำลังเล่นแบบเต็มหน้าจอ น่าจะเป็นช่วงเวลาเช้ามืด รถเก๋งสีดำซึ่งดูคุ้นตามากจอดนิ่งสนิทอยู่ที่ริมทางเท้า ผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วเปิดประตูสอดตัวเข้าไปนั่ง ต่อให้เห็นแค่ด้านข้างผมก็จำได้แม่นว่าใคร

รถเฮียเสียพอดี เลยว่าจะเอารถเรือไปใช้นี่แหละ

ไม่มีอะไรเคลื่อนไหวอยู่สองหรือสามวินาที แล้วจู่ๆ รถก็ระเบิดตูมไฟลุกท่วม

ไม่...

“กูรู้ มึงกำลังยื้อเวลารอให้พี่ชายมาช่วย” หมาป่าพูด “กูก็รอเวลาอยู่เหมือนกัน เลยยอมเล่นเกมบ้าๆ บอๆ กับพวกมึง แต่ที่กูรอนี่คือ รอให้พี่มึงตาย มันจะได้ไม่มาแส่ตอนพวกกูส่งยา”

“ไม่...” ลำคอผมแห้งผาก

“ข่าวจากวงในว่ะ พี่ชายมึงกะมาเล่นกูที่จุดนัดส่งของวันนี้เลย แต่กูเล่นมันก่อน เล่นแม่งทั้งพี่ทั้งน้องเลยวันนี้ หึ”

“ไม่จริง”

“เอาไว้ไปถามพี่มึงในนรกละกัน...เฮ้ย พวกเราเก็บของ เตรียมตัวไปกัน”

“เอาไงกับไอ้จ๊อดครับพี่ มันยังไม่ตาย” น่าจะเป็นหมีตีนโตที่ถาม

ปัง!

เสียงปืนลั่นหนึ่งนัด ตามด้วยเสียงพูด “ทีนี้มันตายรึยัง”

จ๊อดหรือเด็กฮิปฮอปคนนั้นซึ่งพวกมันคาดว่าเป็นสายตำรวจถูกยิงซ้ำ ผมไม่ได้สนใจเลยว่าเขาจะเป็นหรือตาย ตอนนี้มีความจริงเรื่องเดียวที่ดังก้องอยู่ในหัวผม เฮียยอช์ต...

เฮียยอช์ต!

พวกมันพูดคุยกันต่อ แต่ผมแทบไม่ได้ยินเสียงรอบตัว ได้ยินแค่เสียงครางต่ำๆ ของตัวเอง รับรู้ว่าร่างกายดิ้นรนเหมือนกับสัตว์ติดบ่วง สายธารเข้าเกาะกุมผมไว้ ขณะที่มิกกี้ทั้งดิ้นทั้งโวยวายไปด้วย เป็นคราวของผมบ้างที่โลกภายในระเบิดจนย่อยยับ โลกของผมไม่มีลมพายุหมุน มีแค่ภูเขาไฟนับร้อยๆ ลูกแตกปะทุพร้อมกัน

การแตกปะทุกินเวลาสั้นๆ ไม่ถึงนาที แต่ลาวาแผดเผานานกว่านั้น หน้าอกผมสะเทือนขึ้นลง ลมหายใจถี่กระชั้น ไอร้อนแผ่ไปทั้งตัว ผมเก็บกู้สติไว้ได้เสี้ยวหนึ่ง และมันสั่งให้ผมหยุดดิ้นรน   

มือหลุดจากปมเชือกแล้ว!

หลุดทั้งสองข้าง

แต่พวกมันยังอยู่ไกลเกินไป ต้องนิ่งไว้ก่อน ตั้งสติ และนิ่งไว้

ผมจ้องหน้าไอ้หมาป่าเขม็ง “กูจะฆ่ามึง” น้ำเสียงที่หลุดจากปากเหมือนไม่ใช่เสียงตัวเอง

ไอ้หมาป่าดูอึ้งๆ ก่อนจะส่ายหัว “แม่งบ้าว่ะ...แอ๊ด ส่งมันไปหาพี่มันดิ๊”

แอ๊ดก้าวมายืนตรงหน้าผม ชักปืนออกมาช้าๆ ช้ามากจนสัญชาตญาณสั่นกระดิ่งติ๊งๆ อยู่ในหัว บางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น บางอย่างที่ผมพลาดไป...

แต่อีกฝ่ายก็ถือปืนอยู่ใกล้แค่นี้เอง

สายธารตัวสั่น

ผมเอียงหน้าไปบอกเขา “ไม่ต้องกลัว”

“เรื่องฆ่าคนกูไม่เคยขอให้ใครทำแทน...” หมาป่าพูดขึ้น ผมเกือบจะพุ่งตัวออกไปแล้วถ้าไม่ใช่เพราะน้ำเสียงราบเรียบผิดปกติของมัน

แอ๊ดกระชับปืนในมือ สูดหายใจเข้าช้าๆ และในพริบตานั้นเขาก็สะบัดปืนไปข้างหลัง

ปัง!

ช้าเกินไป ไอ้หมาป่าจ้องอยู่ก่อนแล้ว กระสุนเลยพุ่งเจาะเข้าที่หัวไหล่ขวาของแอ๊ดส่งเจ้าตัวหมุนคว้างล้มลงกับพื้น เขาเปลี่ยนมาถือปืนด้วยมือซ้าย ซึ่งดูคล่องแคล่วในฐานะคนที่โดนยิง แต่ไอ้หมาป่าก็กระโจนพรวดเข้ามาเตะเปรี้ยงจนปืนกระเด็นไป แล้วจ่อปืนทันที

“เรื่องฆ่าคนกูไม่เคยขอให้ใครทำแทน มึงมัวแต่คิดเรื่องอื่นจนลืมสินะ” หมาป่าพยายามข่มกลั้นอารมณ์ “ไอ้ชิบหาย มึงนี่เองสายตำรวจตัวจริง มึงชื่อไรวะ จ่าวิทย์งั้นเหรอ”

อะไรกัน

ผมแค่พูดกวนตีนไอ้หมาป่าว่าให้ถามจาร์วิสที่เป็นผู้ช่วยไอรอนแมน แต่มันดันฟังผิดเป็นจ่าวิทย์...

แล้วก็มีสายตำรวจชื่อจ่าวิทย์จริงๆ งั้นเหรอ?

แอ๊ดหรือในอีกชื่อหนึ่งตอนนี้คือจ่าวิทย์นอนนิ่ง มองปลายกระบอกปืนตรงหน้า หมีกับจิ้งจอกดูเหมือนจะยังงงๆ แต่ก็ชักปืนออกมาเตรียมพร้อม

มิกกี้ทำเสียงในลำคอเหมือนกลั้นเสียงสะอื้น

ส่วนสายธารเบียดตัวกับเสา บีบแขนผมแน่น ผมเอียงหน้ากระซิบบอกให้เขาปล่อย แต่เหมือนเจ้าตัวไม่รับรู้ สงสัยยังช็อกจนไม่ได้ยิน ผมเลยพูดต่อไปอีก “กูชอบกินท่อนแยมของมึง” เป็นคำพูดโง่ๆ และไม่ถูกกาลเทศะ แต่มันช่วยย้ำเตือนว่าเราต้องมีชีวิตรอดกลับไปให้ได้ 

“กูไม่อยากจะเชื่อ แม่ง” หมาป่าถุยน้ำลายลงพื้น “เตี้ยๆ อย่างมึงเขาให้เป็นตำรวจด้วยเหรอวะ”

“พูดมาก จะยิงก็ยิง”

จิตใจทำด้วยอะไร นิ่งโคตรๆ น้ำเสียงเหมือนตายไม่เป็น

“เออ...”

“ยิงกูดิ” ผมรีบพูดขัดจังหวะ เสียงอาจจะไม่นิ่งเท่าพี่จ่า แต่ก็ช่วยซื้อเวลาได้ ปลายกระบอกปืนเบนมาทางผมแทนพร้อมกับรอยยิ้มโรคจิตบนหน้าของมัน

ผมเคยสงสัยมาตลอดว่า ทำไมไอ้พวกตัวร้ายในหนังหรือละครถึงชอบโอ้เอ้ เอาแต่พูดจาวกวน ไม่ลงมือฆ่าเหยื่อสักที ตอนนี้ผมคิดว่าเข้าใจแล้ว เพราะมันชอบช่วงเวลานี้ ชอบที่ได้ถือปืนจ่อหน้าคน ชอบที่ได้เป็นผู้กุมอำนาจซึ่งมันไขว่คว้าไม่ได้ในสังคม และมันก็จะเล่นสงครามประสาทเพื่อยื้อเวลานี้ไปเรื่อยๆ จนถึงที่สุด

“ไหนบอกจะรีบส่งกูไปเจอพี่ไม่ใช่เหรอ” ผมแหย่ไปอีก มือที่ขัดไพล่หลังกำเชือกไว้เหมือนว่ายังถูกมัด ดวงตายังพร่า คอแห้งเป็นผง กล้ามเนื้อก็น่วมไปหมด ไม่แน่ใจเลยว่าจะพุ่งตัวได้เร็วพอมั้ย แต่ก็ต้องเสี่ยง

“มึงอยากตายก่อนสินะ”

“ไกลขนาดนั้นจะยิงโดนรึเปล่า กูไม่เคยเห็นใครยิงปืนห่วยเท่ามึงเลย”

ขยับเข้ามาอีกหน่อยสิวะ

เข้ามาอีก...

ปรากฏว่ามันถอยหลังไปอีกก้าว

เวรแล้วมั้ยล่ะ!

“งั้นดูซิระยะนี้จะโดนมั้ย”

ปัง! ปัง!

ผมเปลี่ยนแผนฉับพลัน พลิกตัวไปด้านข้างและฉุดสายธารล้มกลิ้งไปด้วยกัน แทบจะเหมือนวันแรกที่เราเจอกันหลังผับ ในหัวนึกเห็นภาพกระสุนเจาะเข้าที่เสาสองนัด หรืออาจจะโดนมิกกี้ก็ได้ เพราะไอ้หมอนี่ก็ยิงปืนห่วยจริงๆ

แต่ความจริงอาจจะโดนสายธารไปแล้วก็ได้

“หยุด!” เสียงลึกลับดังขึ้น

ผมหันขวับไปมองโดยที่ยังนอนราบทับตัวสายธารและกดหน้าอกเขาไว้ หมีตีนโตกับจิ้งจอกร่วงไปแล้ว แสดงว่ากระสุนสองนัดนั้นไม่ใช่จากปืนไอ้หมาป่า แต่มาจากชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างกรอบประตู

“วางปืนลง!”

ไอ้หมาป่าหันรีหันขวางพร้อมกับวาดปืนไปซ้ายทีขวาที ต้องใช้เวลาอึดใจหนึ่งกว่ามันจะเข้าใจว่าแขกลึกลับมีแค่คนเดียว ไม่ได้ขนมาเป็นกองทัพ ปืนของมันจึงเล็งสวนไปที่เป้าหมาย

ผัวะ!

ปัง!

แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ นั้นผมก็เตรียมพร้อมอยู่แล้ว ผมพุ่งตัวไปเตะปืนในมือมันจนหลุดกระเด็น และทำให้กระสุนลั่นในจังหวะนั้น แต่พลาดเป้า หมัดซ้ายของมันเล่นงานที่ท้องผมทันทีจนต้องผละถอย ร่างกายผมแย่มาก ทั้งอ่อนล้า ขาดน้ำ และระบมจนหายใจไม่ถนัด

ไอ้หมาป่าตามเข้ามาปล่อยหมัดขวาอย่างที่คาด ผมก้มหลบได้และตวัดหมัดเข้าหน้ามัน แต่มันก็สวนกลับแบบเดียวกันทันควัน เล่นเอาเห็นแสงวาบใต้เปลือกตาและโลกเอียงวูบ

มีเสียงแว่วๆ แทรกเข้ามาในโลกที่เลอะเลือนและเดือดดาลของผม

“เรือ!”

“สายธาร อย่าเข้าไป!...ปล่อยมัน ไอ้เรือก็งี้แหละ”

แม้ไม่ได้มองแต่ผมก็บอกได้ ปืนของผู้มาเยือนที่จ่ออยู่ลดต่ำลง เสียงรอบตัวหยุดนิ่ง เหลือแค่ผมกับไอ้หมาป่ายืนประจันหน้ากันโดยที่ผมยังโงนเงนเล็กน้อย ดูเหมือนอีกฝ่ายจะได้เปรียบสุดๆ มันตัวใหญ่กว่าผม เรี่ยวแรงยังเหลือเฟือ มีทุกอย่างที่จะคว่ำผมได้ในเวลาอันสั้น

แต่สิ่งหนึ่งที่มันไม่มีคือ ภูเขาไฟนับร้อยๆ ลูกระเบิดอยู่ในตัว

ผมเงยหน้าขึ้น สูดลมเข้าเต็มปอด อะดรีนาลีนฉีดพล่านจนโลกสว่างจ้า สายตาเราประสานกันอยู่สองสามวินาทีก่อนผมจะพุ่งตัวออกไป ร่างกายทำงานไปเอง ซึ่งเหมือนไม่ได้ใช้ทักษะการต่อสู้อะไรเลย เกือบจะเป็นการยืนปักหลักแลกหมัดกัน มันซัดมา ผมซัดกลับ ราวกับอาวุธไม่ใช่มือหรือเท้า แต่เป็นเศษดินเศษหินจากแรงระเบิดจากข้างใน

ตอนนี้ภูเขาไฟในโลกของผมไม่ได้มีแค่ลาวา แต่มันระเบิดสิ่งเหล่านี้ออกมาด้วย...

ไอ้เด็กฮิปไม่ใช่สายตำรวจ

จ่าวิทย์ต่างหาก หมูป่าที่ชื่อพ้องกับจาร์วิส

ลินเป็นพวกมัน

เฮียยอช์ตอยู่นี่ใช่มั้ย หรือภาพหลอน

สายธาร...กูขอโทษ กูไม่สนใจคดีพี่ภาณของมึง

แต่ที่กูอยากบอกจริงๆ ก็คือ

กู...


หมัดของไอ้หมาป่าเล่นเอาผมผงะ กระแสความคิดดับเหมือนเปลวเทียนถูกเป่า สติพุ่งกลับเข้าร่าง และเห็นว่าสภาพไอ้หมาป่าก็แย่พอกัน มันเลิกเล่นเกมชกต่อยแล้วถลาไปหยิบปืนที่ผมเตะจากมือมันทีแรก ผมถลาตามทันที มันยกปืนขึ้นเล็ง เป็นจังหวะเดียวกับที่ผมคว้าหมับที่ข้อมือมันชูสูงขึ้น

ปัง!

กระสุนลั่นข้ามไหล่ผม

“ไอ้ธาร! เฮ้ย เป็นไรเปล่าวะ...ธาร!”

เสียงมิกกี้ดังลั่นหลังเสียงปืน ตัวผมชาวาบ ราวกับหัวใจหล่นหายไปในธารน้ำแข็งทั้งที่โลกยังเดือดพล่านด้วยลาวาและสะเก็ดไฟ แต่ร่างกายยังอุตส่าห์ทำงานต่อ คือบิดแขนไอ้หมาป่า กระชากปืนเหวี่ยงทิ้งไปเหมือนสัตว์มีพิษ กระแทกเข่าตามอีกสองทีจนมันตัวงอ และสุดท้ายทิ้งหมัดขวาทั้งไหล่เข้าเต็มกรามส่งมันลงไปนอนกับพื้น

ภูเขาไฟปะทุอีกรอบ จนร่างกายแทบลุกไหม้

ผมเตะไอ้หมาป่าที่หน้า ไหล่ ท้อง แล้วก็เตะไม่เลือกที่หนึ่งครั้ง สองครั้ง สาม สี่ ห้า...เหมือนกับว่าไม่ใช่ซ้ำเติมให้จมดิน แต่เพื่อกระตุ้นให้มันลุกขึ้นมาสู้กันอีกจนกว่าจะตายกันไปข้าง

แต่มันไม่ลุก

มันส่งเสียงครางต่ำขณะตัวพลิกไปชนกับขาโต๊ะ วัตถุแวววาวที่วางอยู่บนนั้นเปล่งประกายวาบดึงดูดสายตาผม ปืนลูกโม่นั่นเอง ผมคว้ามันมาจ่อใบหน้าไอ้หมาป่าด้วยมือเดียวแบบพวกกุ๊ย

“เรือ! อย่า!”

เสียงร้องห้ามดังชัดเต็มสองหู

แต่ผมเลือกที่จะเหนี่ยวไกซ้ำๆ ซ้ำๆ

หลังจากนั้นทุกเสียงก็เงียบลง เงียบเหมือนเวลาที่คุณหมอปั๊มหัวใจคนไข้ไม่สำเร็จ เหมือนตอนที่คุณคว้าชายเสื้อของใครสักคนที่โดดลงจากตึกไว้ไม่ทัน

สายธาร ส่งเสียงหน่อยได้มั้ย

มิกกี้ พูดอะไรสักอย่างก็ยังดี

สักอย่าง...


ไม่ว่าข้างหลังผมจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ผมไม่กล้าหันไปมอง

มันเงียบเหลือเกิน

















_________________

ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่อยู่กับพี่เรือใบมาจนถึงตอนนี้ T T

นางร้าย
08.09.18
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 40: ร.ร้าว] 08.09.18 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 08-09-2018 19:15:20
 :katai1: :katai1:
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 40: ร.ร้าว] 08.09.18 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 08-09-2018 19:29:39
  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 40: ร.ร้าว] 08.09.18 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 08-09-2018 19:56:25
เกิดอะไรขึ้น
อย่าเป็นอะไรนะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 40: ร.ร้าว] 08.09.18 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-09-2018 20:24:53
เอาแร้วๆ เกิดไรขึ้นกับธาร   :katai1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 40: ร.ร้าว] 08.09.18 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Carrot_t ที่ 08-09-2018 21:47:18
อะไรยังไงเนี่ย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 40: ร.ร้าว] 08.09.18 | P.6
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 10-09-2018 18:14:11
ภาพมโนของเรือเหรอ :ruready
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 40: ร.ร้าว|สองปีก่อน] P.6
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 14-09-2018 20:12:13
หมายเหตุ
**เวอร์ชั่นนี้เป็นเวอร์ชั่นดั้งเดิมนะคะ เนื้อหาพาร์ทนี้จะมีบางส่วนไม่เหมือนกับในหนังสือค่ะ
เนื่องจากบ.ก.มีความเห็นว่าเวอร์ชั่นนี้เนื้อหาค่อนข้างรุนแรงนิดนึง
เลยทำการปรับใหม่ให้เบาลง ซึ่งปรับเรียบร้อยและไม่มีปัญหาอะไรแล้วค่ะ ^ ^
แต่เราเอาเวอร์ชั่นที่ยังไม่ปรับมาให้อ่านกันเฉพาะในนี้นะคะ มีแค่ในนี้เท่านั้น
ในหนังสือจะเป็นเวอร์ชั่นซอฟท์ค่ะ
แจ้งเผื่อบางคนเปิดเทียบในหนังสือแล้วพบว่าไม่เหมือนกัน

อยากให้ Special for ทุกคน ❤
ขอบคุณมากๆ นะคะ**


กระสุนนัดที่ 40
ร.ร้าว

สองปีก่อน

ผมจอดรถหน้าโรงแรมขนาดกลางๆ ตามที่สายข่าวบอก ปิดแอร์ บิดกุญแจดับเครื่อง และไม่ลดกระจกลง ผมต้องการความเงียบ แต่เสียงในใจยังตะโกนไม่หยุด

ผมหยิบปืนลูกโม่ขึ้นมา กระบอกนี้เป็นของแบรนด์ Smith & Wesson โมเดล 686 ลำกล้อง 4.125 นิ้ว บรรจุ 6 นัด ด้ามจับสีดำเข้ามือ งานชั้นดีเลย จะเรียกว่าศิลปะร่วมสมัยก็ยังได้ ข้อดีของมันคือเชื่อใจได้ ไม่ขัดลำกล้อง ไม่คายปลอกไว้เป็นหลักฐาน 


ผมปลดลูกโม่ออก แล้วหยิบกระสุนขนาด .357 แม็กนั่ม จากกล่องบรรจุเร็วๆ เสียงในหัวผมยังดังอื้ออึง มือไม้สั่นจนทำกระสุนหล่น

แม่ง!

ปึก! ปึก! ปึก!

ต้องทุบคอนโซลรถไปหลายทีมือถึงนิ่งขึ้น กระสุนเต็มลูกโม่แล้ว แค่หกนัดก็เหลือเฟือ เอาให้ตายสามรอบก็ยังได้ ผมดันลูกโม่กลับเข้าที่ แล้ววางปืนที่จู่ๆ ก็หนักอึ้งราวกับค้อนไว้บนคอนโซลหน้ารถ อากาศภายในรถสงบนิ่งและเริ่มอบอ้าว ผมนั่งโดยไม่ขยับตัวอยู่เป็นนาที หวังจะให้ความคิดหยุดพลุ่งพล่านไปด้วย แต่ไม่ได้ผล

สุดท้าย ผมคว้าปืนและเปิดประตูลงจากรถ เหน็บปืนไว้ข้างเอว แล้วปล่อยให้อารมณ์ผลักดันขาก้าวอาดๆ ตรงเข้าไปในโรงแรม

ถ้าจะเลือกโรงแรมเล็กๆ โทรมๆ งี้ ไม่ใช้ป่าละเมาะข้างทางไปเลยวะ

ที่เคาน์เตอร์ต้อนรับมีเด็กสาวหน้าตาง่วงๆ นั่งเล่นมือถืออยู่ อาจจะเป็นแค่เด็กฝึกงานด้วยซ้ำ ผมจะลักไก่ขอค้นโดยไม่มีหมายค้นก็คงพอได้ แต่ผมเลือกที่จะเดินตีเนียนไปที่ลิฟต์เลย ทำตัวเหมือนเป็นแขกคนหนึ่งที่เช็กอินไว้เรียบร้อยแล้ว ระบบป้องกันห่วยแตกอย่างที่สายข่าวบอกไว้ คนนอกสามารถกดเรียกลิฟต์ไปชั้นไหนก็ได้

ผมกดลิฟต์ไปชั้นสาม หลังประตูเปิดออกมาก็ยืนนิ่ง ตลอดโถงทางเดินไม่มีผู้คน เวลาสี่ทุ่มกว่าๆ เริ่มดึกแล้วสำหรับคนทำงานจากต่างถิ่น และยังหัวค่ำเกินไปสำหรับนักเที่ยวที่จะกลับมาพักผ่อน

มีเส้นบางๆ ที่เมื่อคนเราก้าวข้ามไปแล้วชีวิตจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีก

เส้นทางบางสาย แค่เดินไปก้าวเดียวตัวตนของเราก็จะเปลี่ยนไปตลอดกาล

แต่บางครั้งคนเราก็เลือกไม่ได้

ตอนนี้ผมรู้สึกไม่ต่างจากคนขาขาดที่กำลังกลิ้งไถลไปตามทางลาดชัน ปลายทางอาจเป็นนรก แต่มันอาจดีกว่าตอนนี้ก็ได้

ผมชักปืนออกมาปลดลูกโม่ดูอีกครั้ง กระสุนทั้งหกนัดเปล่งประกายวาวราวกับพวกมันกำลังยิ้มอยู่

ความลังเลพัดวูบมาเหมือนกับลม...

ไม่กี่วินาทีต่อมาผมก็เดินหน้าต่อ

ห้องเป้าหมายอยู่เกือบสุดทางเดิน ข้างในเงียบเหมือนไม่มีคนอยู่ หรือไม่ก็กำลังทำเรื่องชั่วๆ กัน

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ใคร” เสียงผู้ชายดังลอดออกมา

มุกตื้นๆ อย่างเอาอาหารมาส่งหรือเอาผ้าขนหนูมาเพิ่มคงใช้กับคนเจ้าเล่ห์แบบนี้ไม่ได้ วิธีที่ง่ายกว่านั้นคือ เคาะแล้วเบี่ยงตัวหลบตาแมว เคาะไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เปิดเอง

ก๊อก ก๊อก

“แป๊บนึง”

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ในที่สุดประตูก็เปิดออก “ใครวะ...”

ผมใช้ไหล่กระแทกสวนเข้าไปทันที ไอ้หน้าตัวเมียล้มหงายผลึ่ง ผมรีบปิดประตูและล็อกกลอน

“เฮ้ย อะไรวะ มึงเป็นใคร...” คำพูดขาดห้วง ก่อนมันจะเอ่ยชื่อผม “เรือ”

ผมหันมาช้าๆ โดยที่ยังไม่ยกปืนขึ้นเล็ง ตั้งใจยิ้มทักทายแบบคนรู้จัก แต่มุมปากผมกระตุกจนทำให้ดูเหมือนรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมมากกว่า “ไงเบสท์”

“นะ...นายมานี่ได้ไง” เบสท์ไม่สวมเสื้อ ท่อนล่างสวมแค่กางเกงขาสั้น

“กลิ่นชั่วมันแรงไง”

ประตูห้องน้ำเปิดออก แล้วลินก็ก้าวออกมา...โดยมีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวห่อตัว

“เรือ...มาอยู่นี่ได้ไง”

ถามเหมือนกันเป๊ะ

“อ้าว ลิน” ผมทำเสียงแปลกใจ “แล้วมาอยู่นี่ได้ไงล่ะ...นี่กำลังจะเอากันเหรอ หรือว่าเพิ่งเอาเสร็จ”

“ไม่ใช่อย่างที่เรือคิดนะ”

“ใช่ นายเข้าใจผิดแล้ว” เบสท์ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ขณะที่ลินก็ขยับอย่างกล้าๆ กลัวๆ มายืนข้างมัน “ใจเย็นนะ เพื่อน”

“มึงไม่ใช่เพื่อนกู!”

“...”

“...”

ทั้งคู่เงียบกริบ หน้าตาซีดเผือด มองปลายกระบอกปืนที่ผมยกขึ้นเล็งเหมือนถูกมนต์สะกด หลังจากนั้นเบสท์ก็ค่อยทำใจดีสู้เสือ “เฮ้ย เราเพื่อนกันนะเว้ย เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ประถม”

“หุบปาก” ผมพูดเสียงเย็นพลางมองหน้าลิน ปล่อยให้ตัวเองมองใบหน้าชั่วๆ จนเต็มตา ก่อนจะถอดแหวนหมั้นโยนไปทางเธอ “เอาไปทิ้งชักโครก”

“เรือ...”

“กูบอกให้เอาไปทิ้งชักโครก แล้วก็กลับมานี่”

ลินทำตามอย่างลนลาน พอเธอเข้าไปในห้องน้ำผมก็เงี่ยหูฟังพลางกะจังหวะ ดูว่าเธอจะชะงักบ้างมั้ย ปรากฏว่าเสียงชักโครกดังทันที แล้วเธอก็กลับออกมาพร้อมน้ำตา

“เรือ ฟังลินก่อนนะ”

ผมไม่ฟัง

“ทีนี้ถอดผ้าออก ทั้งคู่เลย...เร็วสิวะ!”

ต้องให้ตะคอกถึงจะยอม ไอ้เบสท์ถอดกางเกงออกทำให้เห็นว่ามันไม่ได้ใส่กางเกงใน ส่วนลินแค่ปลดปมผ้านิดเดียวผ้าขนหนูก็ร่วงกองกับพื้น

ทั้งคู่เปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้าผม ต่างคนต่างใช้มือปิดส่วนสงวนไว้

“เอามือออก แล้วยืนดีๆ” พอทั้งคู่ละมือไว้ข้างตัว ผมก็หัวเราะทั้งที่ไม่รู้สึกขำ ปลายกระบอกปืนชี้ส่ายไปมาระหว่างที่พูด “ชอบกล้วยไข่เหรอวะลิน ฮะ? ชอบเล็กๆ แบบนี้ใช่มั้ย”

“ไม่...ไม่ใช่อย่างที่เรือคิด” เธอพูดอ้อมแอ้ม ยกมือขึ้นกอดรวบตัวเองอีก

“เอามือลง!” เจ้าตัวสะดุ้งและลดมืออย่างเก้ๆ กังๆ ให้ตายเหอะ ผมชอบผู้หญิงคนนี้เหรอ ทำไมดูไม่มีส่วนไหนน่าพิศวาสเลยวะ “มึงสองคนไม่รู้หรอกว่ากูคิดอะไร ก็เหมือนที่กูไม่รู้มาตลอดว่าพวกมึงคิดเหี้ยอะไรกันอยู่”

“เรือบ้างาน” ลินเชิดหน้าขึ้น เหมือนจะเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย “เบสท์เลยดูแลลิน”
   
“เออ ไปดูแลกันในนรกต่อดีมั้ย”

“เรือ คุยกันก่อนได้มั้ย ใจเย็นๆ”

“เออ เพื่อน วางปืนแล้วคุยกันดีๆ ก็ได้นะ” เบสท์พูดบ้าง

ความอวดดีของทั้งคู่ทำให้สติของผมกระเจิง ผมเริ่มเดินกลับไปกลับมาในระยะสั้นๆ เดี๋ยวยกปืนขึ้นเล็ง เดี๋ยวลดปืนลง เล่นเอาทั้งคู่ผวาเป็นระยะ

“เอากันซิ” ผมพูดในที่สุด

“อะไรนะ” ลินถาม

“ไม่ต้องเอากันลับหลังกูแล้ว เอากันต่อหน้ากูตอนนี้เลย” ทั้งคู่นิ่งอึ้ง ผมเลยปราดเข้าไปจ่อปืนใกล้ๆ “เดี๋ยวนี้!”

ลินเริ่มร้องไห้อีก เบสท์เลยดึงตัวเธอมาโอบเชิงปลอบมากกว่าจะดูหื่นกาม อึดใจหนึ่ง ความเงียบและปืนของผมก็กดดันให้เบสท์เริ่มจูบที่แก้มลิน โดยที่ตามันยังเหลือบมองปืนตลอดเวลา

“พวกมึงไม่ใช่คนแล้ว เอากันท่าหมาสิวะ”

“...”

“...”

พลั่ก!

ผมถีบเบสท์จนล้มไปนอนแผ่ ลินร้องกรี๊ดและถูกฉุดล้มลงไปด้วย

“นอนลงไป แล้วเอาท่าหมาให้กูดู!”

ลินเริ่มสะอื้นเบาๆ เบสท์ประคองเธอให้ลุกขึ้นนั่ง แล้วพอหันมาเห็นปืนหรืออาจจะเห็นสายตาของผม มันก็กดไหล่ลิน ค่อยๆ จัดให้เธออยู่ในท่าคลานสี่ขา ส่วนตัวเองอ้อมมาคุกเข่าอยู่ด้านหลัง มือจับสะโพกเธอไว้

แต่มันก็แค่นั้น...

“เอาดิ รอเหี้ยไร”

เบสท์ซบหน้าลงกับแผ่นหลังบอบบาง สันกรามนูนเด่นจากการกัดฟันแน่น เนื้อตัวสั่นระริก

“กล้วยไข่ไม่สู้เหรอวะ แดกไวอากร้าสักกำเป็นไง”

“เรือ” เบสท์เงยหน้าขึ้นมา “ขอล่ะ เราว่าพอเหอะ คุยกันดีๆ”

“คุยกับตีนกูนี่”

ปึก!

ตีนผมถีบหน้าเบสท์เต็มๆ ส่งมันล้มหงาย ลินร้องตกใจและหดขาเข้ามากอดรวบไว้ ผมรีบก้าวถอยหนึ่งก้าวเพราะกลัวจะเตะเธอด้วยอีกคน และถ้าไม่ใช่เพราะน้ำตาที่ไหลอาบแก้มกับเสียงสะอื้นฮักๆ นั่นมือหรือเท้าผมก็อาจเหวี่ยงออกไปแล้ว

ผมเกลียดน้ำตาผู้หญิง

ตอนนี้สภาพของทั้งคู่แย่มาก เหมือนหมาจนตรอกที่ไม่มีทางสู้ ได้แต่ขดตัวร้องครางหงิงๆ

“ช่างแม่ง”

ผมเริ่มเดินกลับไปกลับมาอีก แล้วก็ตัดสินใจได้ “วันนี้ต้องมีคนตาย มึงกับกูมาตัดสินกันแบบลูกผู้ชาย” ผมวางปืนลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง “ใครเร็วกว่าก็รอด”

เบสท์เหลือบมองคล้ายกับไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วในที่สุดก็ลุกขึ้นขยับเข้ามาใกล้ ผมอยู่ห่างจากปืนเกือบสองก้าว ขณะที่เบสท์ห่างแค่ก้าวเดียว

“นับสาม” ผมบอก

เบสท์ไม่พูดอะไร แววตามองล่อกแล่กเหมือนมีความหวัง ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นการยอมรับเงื่อนไข ผมเลยเริ่มนับช้าๆ

“หนึ่ง”

“สอง...”

หมับ!

เบสท์คว้าปืนทันทีที่นับสอง กะไว้อยู่แล้วว่าหน้าตัวเมียอย่างมันต้องทำแบบนี้ ผมตะปบมืออีกฝ่ายและจับบิดแขนทันทีเช่นกัน เบสท์ลงไปนอนกับพื้นอีกครั้ง ตาเบิกกว้างเหมือนไม่เข้าใจว่าปืนที่คว้าไว้ได้แล้ว ตอนนี้กลับมาจ่อหน้าตัวเองได้ยังไง

ผมง้างนกปืน

“สาม” ออกเสียงนับดังๆ แล้วลั่นไก

“กรี๊ดดด!”

จากนั้นก็หันปลายกระบอกปืนไปทางลิน ผมไถลไปตามเส้นทางลาดชันนั้นไกลเกินกว่าจะห้ามปลายนิ้วตัวเองได้แล้ว และรู้ชัดแก่ใจว่า ที่ปลายทางนั้นคือนรกแน่นอน

   

   



“เรือ”

มือข้างหนึ่งวางลงบนบ่าผมในที่สุด แค่แตะเบาๆ ผมยังสะดุ้ง พูดอะไรไม่ออก

“โทษที เฮียมาช้า กว่าจะสลัดไอ้พวกหนอนได้ ขนาดทำคลิปจัดฉากก็ยัง...”

“รถระเบิด” ผมพูดเสียงเบา

“ใช่ ยังดีที่มาทัน...เรือ โอเครึเปล่า”

“จ่าวิทย์เป็นไงบ้าง” ใจผมอยากถามถึงสายธาร แต่ไม่กล้า

“จ่าวิทย์ไหน”

แสดงว่าพี่จ่าแกไม่ได้ชื่อจ่าวิทย์ ไอ้หมาป่ามันมั่วไปเอง

“สายของเราน่ะ”

“จ่าแอ๊ด ยังไหวอยู่”

“แล้วสายธารล่ะ เขา...” ผมไม่กล้าพูดต่อ เฮียยอช์ตหันกลับและเงียบไปอึดใจ

“น่าจะยังช็อกอยู่นะ”

ผมหันกลับเร็วจนเซเกือบล้ม อาการหน้ามืดจู่โจมผมชั่วครู่ จากนั้นภาพก็ชัด...

สายธารอยู่นั่น อยู่ในท่านั่งชันขาพาดศอกกับเข่า ศีรษะก้มนิดๆ สองมือกุมกันหลวมๆ ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าเพราะเขาถอดเสื้อไปรัดแผลห้ามเลือดให้มิกกี้ สีข้างด้านขวาเปื้อนฝุ่นมอมแมม แต่ยังดูครบสามสิบสองและยังหายใจ

ผมขยับอย่างเก้ๆ กังๆ ไปอยู่ตรงหน้าเขา

สายธาร

ชื่อของเขาดังอยู่ในหัวผม ดังก้องอยู่ในโลกที่ธารลาวาหลอมเหลวยังไหลเอื่อย ผมพูดไม่ออก ลำคอตีบตันเหมือนกินขี้เถ้าเข้าไป

แล้วผมก็ทรุดลง ดึงตัวเขาเข้ามากอด

เขาไม่ขัดขืนในทีแรก เกือบจะกอดตอบด้วยซ้ำ แต่แล้วเขาก็ค่อยๆ ผละออก ราวกับว่าเศษเหลี่ยมคมจากชีวิตที่ยับเยินของเราบดเบียดกันจนเขารู้สึกเจ็บ

ผมปล่อยตัวเขา เบี่ยงตัวนั่งข้างเขาในท่าเดียวกัน

“ใครก็ได้ แก้มัดให้หน่อยได้มั้ย” มิกกี้พูด ผมเพิ่งตระหนักว่ามีเขานั่งพิงเสาอยู่ตรงนี้ด้วย “โอย ขากู...”

ผมกลืนน้ำลาย แล้วหันไปถามสายธาร “เจ็บมั้ย”

“...” เขาเงียบ

“กูนึกว่ามึง...โดนลูกหลง”

“เออ นั่นดิ” มิกกี้เอี้ยวตัวมาพูดแทรก “เห็นแม่งล้ม นึกว่าโดนแล้ว เขาแย่งปืนกันอยู่จะเข้าไปทำไมวะไอ้เชี่ยธาร”

เขาวิ่งเข้ามางั้นเหรอ

เข้ามาช่วยผม?

ลาวาในอกผมสงบลงอย่างรวดเร็ว และถ้าไม่เห็นเลือดไหลซิบตรงข้างขมับเขาผมก็คงจะยิ้มไปแล้ว ผมใช้นิ้วเกลี่ยปอยผมตรงนั้นดูและเห็นรอยถากเล็กๆ

“มึงตั้งใจหลบใช่มั้ย” ผมถาม

เขาส่ายหน้านิดๆ ใช้หัวไหล่ปาดตรงหางตาและก้มลงตามเดิม คล้ายกับว่าเขาจะจมลึกเข้าไปในโลกส่วนตัวอีกแล้ว

ผมเงียบไปเหมือนกัน จากนั้นก็ปลดลูกโม่เทปลอกกระสุนเปล่าลงบนฝ่ามือ

“ปลอกเปล่า” ผมยังติดค้างคำอธิบายกับเขา แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ฟังก็เถอะ “ลินนอกใจกู กับเพื่อนกูเองที่คบกันมาตั้งแต่ประถม วันนั้นกูพกปืนบุกไปที่โรงแรม...แต่ไม่รู้คิดเหี้ยไร ถึงเอากระสุนออกก่อนจะเข้าไปในห้อง กูเลยแค่ยิงแห้งๆ ใส่หน้ามันสองคน หลังจากนั้นกูก็ไปยิงกระสุนจริงที่สนามซ้อม คิดเอาว่าเป้าคือลินกับไอ้เพื่อนเวรนั่น กูไม่ได้ทิ้งปลอกกระสุน ใส่ไว้ในปืนงี้แหละมาสองปีแล้ว วันไหนเซ็งๆ ก็เทออกมาดู”

ผมสูดหายใจเข้า พลางใช้นิ้วเกลี่ยปลอกกระสุนเล่น “สำหรับกูลินตายไปแล้ว ไอ้หมาป่านั่นก็เหมือนกัน...ไอ้หัวหน้าแก๊งน่ะ”

ตอนที่ไอ้หมาป่าหยิบปืนลูกโม่มาพลิกดูเล่น ถ้ามันสังเกตสักหน่อยก็คงเห็นว่าปลอกกระสุนในลูกโม่มีรอยบุ๋มที่ก้นแล้ว และมันก็จะไม่ต้องตาเหลือกตอนที่ผมลั่นไกซ้ำๆ ใส่หน้ามัน

มันตายไปแล้วสำหรับผม แม้ว่าตอนนี้เฮียยอช์ตจะใส่กุญแจมือไพล่หลังจับมันนั่งพิงฝาอย่างดีก็ตาม

“ตั้งแต่นั้นกูก็อยากยิงคนอยู่ตลอด เหมือนมันยังไม่จบ” ผมพูดต่อ “หลอกตัวเองยังไงก็ไม่ได้ กูเลยลาออกจากตำรวจ ไม่อย่างนั้นคงได้ยิงใครสักคนที่แค่จอดรถในที่ห้ามจอด...คดีพี่ภาณของมึง เป็นคดีสุดท้ายที่กูต้องทำ แต่ตอนนั้นกูก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น”

สายธารยังเงียบอยู่ 

“สายธาร...” ผมตะแคงศีรษะเพื่อมองหน้าเขา แต่ก็เห็นไม่ถนัดเพราะเขาก้มต่ำมาก

“...”

“กูขอโทษ”

“ตำรวจเหี้ย” ในที่สุดเขาก็พูดมาคำนึง

ผมกลับมานั่งตัวตรงตามเดิม สายลมยามสายพลิ้วผ่านช่องผนังแตกๆ เข้ามา กลิ่นคาวเลือดคลุ้งผสานกลิ่นอับเก่าของสถานที่รกร้าง จนตอนนี้ผมยังนึกฉงนว่าเราทุกคนมาลงเอยอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ไม่ได้หมายถึงแค่มาอยู่ในบ้านร้าง แต่รวมถึงจุดที่เรายืนอยู่บนเส้นทางแห่งชีวิตด้วย

เฮียยอช์ต ทายาทนักธุรกิจรุ่นใหญ่ แต่กลับอยู่ในโหมดตำรวจนอกเครื่องแบบเดินสำรวจศพ

มิกกี้ น่าจะนอนกกสาวอยู่ที่ห้อง กลับต้องมาติดร่างแหจนถูกยิง และตอนนี้ก็กำลังบ่นเรื่องตะคริว หิวน้ำ และขอให้คนแก้มัด

สายธาร น่าจะได้มีความสุขกับแฟนอย่างที่วาดฝัน กลับถูกโชคชะตาบดขยี้จนแตกสลาย

และตัวผมเอง

ตัวผมที่...

ความกลวงเปล่าขยายกว้างในตัวผมก่อนรอยยิ้มเสียดเย้ยจะผุดที่มุมปาก ไม่มีคำไหนเหมาะที่จะอธิบายเส้นทางที่ผมเดินมาได้ทั้งหมด แต่ก็มีคำหนึ่งที่อาจใกล้เคียงอยู่บ้าง

“ชีวิตเหี้ย” ผมพูดเบาๆ แล้วหันไปแก้มัดให้มิกกี้










_________________



ฮื่อ พี่เรือสมัยก่อน T T
ก่อนจะเป็นคนที่ดีขึ้นแบบทุกวันนี้
ก็เจ็บปวดมาเยอะเลย

ขอบคุณที่อยู่กับพี่เรือใบมาจนถึงตอนนี้นะคะ
อีกไม่กี่ตอนก็จบแล้วค่ะ ล่องเรือกันมาไกลมากเลย
ดีใจมากจริงๆ ค่ะ
ดีใจที่เรื่องนี้ทำให้ได้มาเจอนักอ่านที่น่ารักอย่างทุกคน T T


นางร้าย
14.09.18




หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 40: ร.ร้าว|สองปีก่อน] 14.09.18| P.6
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-09-2018 04:42:45
น่าเห็นใจธารนะ เสียคนรักไป แถมตำรวจที่ทำคดีอย่างเรือใบก็ไม่ใส่ใจอีกด้วย  :sad4:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 40: ร.ร้าว|สองปีก่อน] 14.09.18| P.6
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 15-09-2018 21:10:54
พี่เรือเอาใจใส่ธารให้มากๆ หน่ิอยนะ
อยากให้ธารหายจากอาการซึมเศร้า
จะได้บรรเทาโทษที่พี่เรือเป็นตำรวจเหี้ยเมื่อครั้งก่อน

 :angry2:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 40: ร.ร้าว|สองปีก่อน] 14.09.18| P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Pin_12442 ที่ 15-09-2018 23:55:49
สงสารธารอ่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 40: ร.ร้าว|สองปีก่อน] 14.09.18| P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Carrot_t ที่ 17-09-2018 23:01:15
พี่เรือกอดปลอบธารเดี๋ยวนี้เลย
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 40: ร.ร้าว|สองปีก่อน] 14.09.18| P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 18-09-2018 21:56:05
ชะตาชีวิตแต่ละคนสุดๆจริงๆ เรือทำให้ธารหันกลับมามองเห็นอีกครั้งอยากนะให้นางมีความสุขไม่อยากให้จมอยู่ในโลกของตัวเองอีก สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 40: ร.ร้าว|สองปีก่อน] 14.09.18| P.6
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 18-09-2018 22:32:35
สงสารทุกคนเลย แอบชอบแบบเวอร์เก่ามากกว่าไม่รู้สึกว่าร้ายแรงหรือเราชิน555555 รอต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 40: ร.ร้าว|สองปีก่อน] 14.09.18| P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 20-09-2018 00:02:50
เศร้าเลยยยยย
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [กระสุนนัดที่ 40: ร.ร้าว|สองปีก่อน] 14.09.18| P.6
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 20-09-2018 09:36:45
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 41: ร.รั้น] 22.09.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 22-09-2018 22:49:01
กระสุนนัดที่ 41
ร.รั้น



[สายธาร]

“นี่วันนี้มีคั่วกลิ้งอีกแล้ว” แม่พูดพร้อมกับวางคั่วกลิ้งลงบนโต๊ะ กับข้าวทุกอย่างพร้อมแล้ว ผมกับแม่ก็นั่งลงเรียบร้อย เหลือแต่พ่อที่ยังดูข่าวอยู่หน้าจอทีวี

“ผมไม่ค่อยชอบแล้ว”

“อ้าว ทำไมล่ะ วันก่อนยังกินอยู่เลย”

“เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยกินเผ็ดครับ”

“งั้นแม่กินเอง...เดี๋ยวแม่ไปเรียกพ่อก่อน ถ้าหิวก็กินเลยนะ”

พ่อก็อยู่แค่นี้แหละ เรียกเสียงดังหน่อยก็ได้ยิน แต่พ่อไม่ชอบให้ใครใช้เสียงที่เกินระดับเสียงพูดปกติในบ้าน เขาเป็นผู้ชายหัวเก่าประเภทที่ไว้หนวด เข้มงวด และสวมความเงียบขรึมไว้บนหน้า เพราะอย่างนั้นผมเลยรอจนกว่าพ่อกับแม่มานั่งที่โต๊ะ แล้วค่อยลงมือกิน

ตั้งแต่พี่ภาณจากไป ผมคิดมาตลอดว่าชีวิตเป็นของเปราะบางและแสนสั้น แต่นั่นเป็นแค่ความคิด มาเข้าใจเอาจริงๆ ก็ตอนที่กระสุนถากขมับไปนั่นแหละ ตอนนั้นผมไม่ได้นึกถึงความตายอย่างที่ชอบนึกเลย ไม่ได้คิดว่าถ้าได้อยู่กับพี่ภาณอีกครั้งไม่ว่าในโลกนี้หรือโลกไหนมันจะเป็นยังไง สิ่งที่วาบผ่านความคิดไปกลับเป็นใบหน้าพ่อกับแม่ และเรื่องง่ายๆ อย่างเช่น กลับมานั่งกินข้าวกับพร้อมหน้าแบบนี้ ซึ่งผมควรจะกลับมาตั้งนานแล้ว

วันนี้เรานั่งกินกันไปเงียบๆ เหมือนเคย

แต่แล้วสักพักหนึ่งพ่อก็พูดขึ้น “หางานเป็นไงมั่ง”

“ก็ดีครับ”

“ดียังไง”

“สมัครไว้หลายที่ รอเรียกสัมภาษณ์อยู่”

“ถ้ามันยากนัก เดี๋ยวกูฝากให้เพื่อนที่ทำงานอยู่ศาลากลางดูให้”

“ไม่เป็นไร ผมขอหาเองดีกว่า”

“หาเองเมื่อไหร่จะได้”

“เร็วๆ นี้”

“พ่อ ใจเย็นๆ” แม่พูดเสียงเบา “อย่ากดดันสายธารมากเลย เดี๋ยวก็หาได้”

“เพราะมีคนให้ท้ายมันไง ชีวิตเลยเป็นแบบนี้”

ผมยกแก้วน้ำมาจิบเพราะกลืนข้าวไม่ลง และเห็นว่าแม่ลอบส่งยิ้มแห้งๆ มาให้ ถ้าพ่อเป็นผู้ชายหัวเก่า แม่ก็คงเป็นผู้หญิงสมัยโบราณเดินทางข้ามเวลามา คือเรียบร้อย ไม่มีปากเสียง และเป็นแม่บ้านแม่เรือน

ความเงียบแสดงตัวขึ้นมาอีกครั้ง

แต่ก็ไม่นานพอ

“เลิกเป็นตุ๊ดรึยัง” คำถามขวานผ่าซาก ฟังดูงี่เง่าเหมือนกับถามว่าส้มยังเป็นมะนาวอยู่หรือเปล่า ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงลุกหนีไปเลย อาจจะเก็บตัวอยู่ในห้องเงียบๆ หรือไม่ก็ออกไปหาที่โล่งๆ ปลอดผู้คนแล้วตะโกนดังๆ

แต่ตอนนี้ผมยังนั่งอยู่ที่เดิม

“ผมไม่ได้เป็นตุ๊ดครับ” 

“มึงชอบผู้ชาย”

“ครับ แต่ไม่ใช่ตุ๊ด”

น้ำเสียงเรียบๆ ของผมไปจี้ต่อมโมโหของพ่อเข้าเต็มๆ เขาเลยนิ่งเงียบ ซึ่งมันน่ากลัวกว่าบ่นหรือด่าซะอีก ผมหวังให้ตัวเองไม่รู้สึกอะไรเลยกับเรื่องนี้ แต่มันยังยากเกินไป ความรู้สึกหลากหลายค่อยๆ ผุดขึ้นตรงกลางอกผม ทั้งโดดเดี่ยว เว้าแหว่ง และขุ่นเคือง

ผมหยิบแก้วน้ำมาดื่ม แล้วพูดกับแม่โดยตรง “อิ่มแล้วครับ เดี๋ยวอีกแป๊บผมลงมาช่วยล้างจานนะ”

“ไม่ต้องๆ แม่จัดการได้”

“ครับ” ว่าแล้วก็ลุกขึ้น

“เดี๋ยว กูยังพูดไม่จบ”

“...”

“จะเป็นอะไรก็เป็น เลี้ยงตัวเองให้รอดละกัน กูจะได้หมดห่วง”

หือ?

เกิดไรขึ้น

นี่พ่อตัวจริงหรือเปล่า หรือว่าเป็นพ่อจากอีกมิติ

หรือว่าเวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยนอย่างที่คนพูดกัน แต่พ่ออาจจะยังไม่เข้าใจสิ่งที่เพิ่งพูดออกมาก็ได้ เหมือนกับผมในตอนนี้ที่รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเลย ชีวิตโหดเกินไป มันทุบตีผมซ้ำๆ จนตัวตนบุบบี้ไปหมด

บางครั้งความคิดผมขัดแย้งกันอย่างหนัก

บางครั้งไม่คิดอะไร

และบางครั้งเหมือนเป็นความคิดของคนอื่น...เหมือนตอนนี้ที่จู่ๆ เสียงของเรือใบก็ผุดขึ้นมา

พ่อมึงเป็นคนเหล็กเหรอ เสียงนิ่งโคตรๆ

ใช่ ถ้าเขายืนอยู่ตรงนี้ด้วยก็อาจจะเอียงหน้ามากระซิบกับผมแบบนี้

ผมควรพูดยังไงกับพ่อดี

“พ่อไม่ต้องห่วงครับ พี่ภาณเขาตายแล้ว” ในที่สุดผมก็พูดแค่นั้น ก่อนจะเดินออกมา

นึกว่าพ่อจะรั้งไว้อีก แต่ข้างหลังผมเหลือเพียงแค่ความเงียบ ผมเดินกลับขึ้นมาจนถึงห้องตัวเอง แล้วทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียง

เฮ้ย พูดจริงนะ พ่อมึงเป็นหุ่นยนต์แน่ๆ

เสียงเรือใบดังอยู่ในหัวผม

ขณะเดียวกัน ภาพใบหน้าพี่ภาณก็ลอยอยู่บนเพดาน

ผมคิดว่า...พี่ภาณไม่อยากให้ผมตาย เขาไม่ได้อยากให้ผมไปอยู่ในโลกของวิญญาณด้วย ไม่อย่างนั้น ผมคงตายตั้งแต่ที่หลังผับคืนนั้นแล้ว ไม่น่าจะรอดมาได้ตั้งหลายครั้งขนาดนี้ บางทีพี่ภาณอาจจะเดินไปข้างหน้าไกลแล้ว 

ส่วนเรือใบ เขาอยากให้ผมอยู่ด้วยหรือเปล่า...เขาไม่ได้พูดออกมา แต่ถึงอย่างไรผมก็ไม่ใช่พยานที่เขาต้องปกป้องดูแลอีกต่อไปแล้ว นั่นก็เหตุผลหนึ่ง แต่เหตุผลที่แท้จริงก็คือ...

เขามีแรงดึงดูดมากเกินไป

หลายครั้งที่ผมเผลอตัววิ่งเข้าหาเขา แต่ก็ถูกโซ่ตรวนขาที่ชื่อว่าความรู้สึกผิดต่อพี่ภาณฉุดกระชากอย่างแรง และมันทำให้ผมเจ็บจนแทบทนไม่ไหว

ผมรู้ ถ้ายังปลดโซ่ตรวนจากข้างหลังไม่ได้ ก็ไม่ควรเอื้อมคว้าสายป่านข้างหน้า

หลบหน้าเขาคือวิธีที่ง่ายที่สุด

มึงมันบ้า เขาช่วยชีวิตมึงนะ แทบจะรับกระสุนแทนด้วยซ้ำ หนีมาแบบนี้มันถูกเหรอวะ ความคิดขั้วหนึ่งมักจะเป็นทำนองนี้ และอีกขั้วก็จะคอยแย้งตลอด

ไม่ได้หนี แค่กลับบ้านมาหาพ่อแม่

แล้วเปลี่ยนเบอร์ทำไม

เปลี่ยนไปงั้น

ไม่โทรหาเขาล่ะ

เออ เดี๋ยวโทร ขอเวลาหน่อย

โว้ย แม่งจะงี่เง่าไปถึงไหน

โอเค ฟังนะ เขาเป็นสายตำรวจ ถ้าจู่ๆ วันหนึ่งเขาถูกฆ่าตายไปอีกคน มึงไหวเหรอวะ...


ผมปล่อยให้ความคิดเถียงกันไปเรื่อยๆ ปล่อยให้มันล่องลอยไปไหนก็ได้เท่าที่มันอยาก จนไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหน มาตื่นอีกทีก็ตอนเสียงโทรศัพท์ดังในเช้าอีกวันแล้ว ถือว่าเป็นเสียงเรียกเข้าในรอบสองอาทิตย์เลยเพราะผมเปลี่ยนเบอร์ใหม่แล้ว

“ฮัลโหล” ผมกดรับสาย

[สวัสดีค่ะ คุณสายธารหรือเปล่าคะ]

“ใช่ครับ นี่ใครเหรอครับ”

[อ๋อ จากฝ่าย HR ค่ะ พอดีว่าอยากนัดสัมภาษณ์งาน ไม่ทราบว่าตอนนี้สะดวกคุยมั้ยคะ]

“สะดวกครับ”

[ตอนนี้คุณสายธารอยู่ที่ภูเก็ตหรือเปล่าคะ เห็นในเรซูมเม่กรอกไว้ว่าอยู่ภูเก็ต]

“ใช่ครับ”

[อ้อ ค่ะ งั้นถ้าจะนัดให้เข้ามาคุยบ่ายนี้เลยได้มั้ยคะ]

“บ่ายนี้เลยเหรอครับ”

[พอดีว่าผู้จัดการว่างเข้ามาพอดีน่ะ แต่ถ้าไม่สะดวก เลื่อนเป็นวันอื่นก็ได้ค่ะ]

“แล้วสถานที่คือที่ไหนครับ”

เธอบอกชื่อสถานที่มา เป็นโรงแรมใหญ่ที่อยู่ในตัวเมืองนี่เอง

ไหนว่าจะหางานในกรุงเทพฯ ไม่ใช่เหรอ แถวๆ คอนโดเรือใบด้วยยิ่งดี...

แต่ปากผมก็ตอบไปแล้ว “ได้ครับ เดี๋ยวผมไป”

ผมยกข้อมือดูนาฬิกา ถ้าไม่มัวโอ้เอ้ก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร

[โอเคค่ะ เอาเป็นบ่ายโมงตรงนะคะ แล้วเจอกันค่ะคุณสายธาร]

ผมนอนเล่นต่ออีกสักพัก พอเริ่มจะเคลิ้มหลับเลยขุดตัวเองขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว ทีแรกกะว่าจะไปหาข้าวกินแถวนั้น แต่รู้สึกหิวมากจนขอหาอะไรที่บ้านรองท้องก่อนดีกว่า

“มีไรกินมั้ยแม่”

“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ แม่ทำไว้เยอะ มากินสิ...นี่จะไปไหน แต่งตัวหล่อเลย”

“สัมภาษณ์งานครับ”

“จริงเหรอ ที่ไหน”

“ในเมืองน่ะ นัดไว้บ่าย”

“เอ้าเหรอ งั้นก็รีบกินเลย เที่ยงกว่าแล้ว”

หือ?

ผมยกแขนขึ้นดูนาฬิกา เข็มสั้นยังชี้อยู่ที่เลขสิบเองนี่...เดี๋ยวนะ เข็มวินาทีก็ยังชี้อยู่ที่เดิมเหมือนกัน คงถ่านหมด หรือไม่ฟันเฟืองข้างในคงเหนื่อยล้าเต็มทีจนเดินต่อไม่ไหวแล้ว ผมควักโทรศัพท์ออกมาดูเวลา ซึ่งก็เป็นอย่างที่แม่ว่า

“งั้นผมออกไปเลยดีกว่า”

“เอางั้นเหรอ กินสักหน่อยก็น่าจะทันนะ เดี๋ยวแม่ขับไปส่ง”

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเอามอไซค์ไป”

ผมกำลังจะตรงไปยังประตู แต่เปลี่ยนใจกะทันหันกลับขึ้นไปที่ห้องนอนก่อน ถึงจะรีบยังไงก็ควรสละเวลาสักนิดสำหรับเรื่องนี้

คราวนี้ผมมองนาฬิกาข้อมือใกล้ๆ ขอบหน้าปัดเป็นรอยถลอกเหมือนแผล และเข็มวินาทียังนิ่งสนิท

นี่คือของขวัญ

นี่คือตัวแทนของพี่ภาณ

ตลอดเวลาที่สวมไว้ผมรู้สึกเหมือนมีพี่ภาณคอยดูแลปกป้องผมอยู่ใกล้ๆ ซึ่งหลังจากเขาไม่อยู่แล้ว มันก็ทำหน้าที่แทนเขาได้อย่างดีมาตลอดสองปี แต่ตอนนี้เข็มของมันไม่ต้องมาเดินวนลูปซ้ำๆ อีกแล้ว

ผมถอดของขวัญชิ้นนี้ออกจากแขน พลันรู้สึกราวกับได้ปลดพันธนาการให้กับทั้งพี่ภาณและตัวเอง “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ” นิ้วโป้งลูบแผลถลอกบนหน้าปัดเบาๆ แต่คำพูดนั้นสื่อถึงพี่ภาณโดยตรง “พักผ่อนให้สบายนะพี่...”

รักนะครับ

อยากจบประโยคด้วยคำนั้น แต่ริมฝีปากกลับเม้มแน่นไม่ยอมพูด

สุดท้าย ผมแค่วางมันลงอย่างเบามือบนหัวเตียง แล้วกลับลงมาข้างล่าง

“นี่ แม่ทำแซนวิชเสร็จพอดี เอาไปกินรองท้องนะ”

“ไม่เป็นไรครับแม่ ไม่ค่อยหิวแล้ว ไว้กลับมากินมื้อเย็นหนักๆ เลยละกัน...ขนมปังยังเหลือใช่มั้ยครับ เดี๋ยวผมจะสอนแม่ทำท่อนแยมทอดนะ พ่อน่าจะชอบ”

“ท่อนอะไรนะ”

“ท่อนแยมทอดครับ ผมทำให้เพื่อนกิน เขาบอกว่าอร่อยกว่าแซนวิชเยอะเลย ไปละแม่”

“จ้ะ ขับรถดีๆ นะ”

“ครับ”

ผมเปิดประตูบ้าน แล้วก้าวออกไปสู่แสงเจิดจ้าของเดือนตุลาคม ท้องฟ้าสว่างมากจนต้องหยีตา ข้อมือซ้ายเบาโหวงเหมือนอวัยวะบางส่วนหายไป 

แต่เป็นความรู้สึกที่ดี

ดีตรงที่ ในที่สุดผมก็สามารถก้าวออกไปเผชิญโลกด้วยกำลังขาของตัวเอง







_____________________

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ
Appreciate ทุกช่วงเวลาที่ได้อยู่กับนิยายเรื่องนี้เลยค่ะ
ขอบคุณทุกคอมเมนต์เลยนะคะ T T
#รรรเรือ

นางร้าย
22.09.18

หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 41: ร.รั้น] 22.09.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 22-09-2018 23:17:18
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 41: ร.รั้น] 22.09.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-09-2018 01:59:17
หนีมาตั้งหลักหรอธาร  :hao4:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 41: ร.รั้น] 22.09.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Carrot_t ที่ 23-09-2018 02:35:06
รีบกลับไปหาพี่เรือน้าา ป่านนี้คิดถึงแย่แล้ววว
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 41: ร.รั้น] 22.09.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 23-09-2018 08:58:20
จะมีอะไรเกิดขึ้นไหมนะ พี่เรือจะรู้ไหม
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 41: ร.รั้น] 22.09.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-09-2018 09:48:23
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 41: ร.รั้น] 22.09.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 23-09-2018 16:46:10
โรงแรมพี่เรือรึเปล่า แฮร่ !!!!!!
นี่ก็มโนได้ตล๊อด  :z10:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 41: ร.รั้น] 22.09.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 23-09-2018 17:33:16
จะได้เจอกันอีกใช่ไหม เนิ่มต้นใหม่นะธาร :กอด1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 41: ร.รั้น] 22.09.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: brapair ที่ 23-09-2018 19:47:39
ชอบมากกกกกกกเลยค่ะะะ อ่านรวดเดียวจนตอนล่าสุดเลยยย555555
เราดีใจมากที่ตอนนี้ธารปล่อยวางพี่ภาณได้แล้ว เริ่มต้นกับชีวิตใหม่นะลูกกกก
แล้วนี่ก็แอบคิดว่าคนที่เรียกธารไปสัมน่าจะเป็นเรือป้ะ ใช่มะ พูด55555
กลับมาทำธุรกิจครอบครัวตามที่เฮียบอกไรงี้

ปล.ชอบตัวละครเรือใบมากก แบบชอบพูดไรกากๆแต่ว่าก็เลี้ยงดูนุ้งธารอย่างดีมาตลอด โอ้ยย ซึนเก่งงง
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 41: ร.รั้น] 22.09.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 24-09-2018 00:18:36
ขอให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีนะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 41: ร.รั้น] 22.09.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 24-09-2018 09:23:30
สายธารนี่ให้อารมณ์เหมือนชื่อเลยอ่ะ ค่อยๆไหลค่อยๆไปเรื่อยๆช้าๆ จริงๆจะมองว่าเหมือนเป็นเกาะป้องกันตัวเองอย่างหนึ่งหรือเปล่า แต่มันก็ดูเหมือนเส้นบาง ๆ ทีเหมือนจะไม่สนใจคนอื่นนอกจากตัวเองเหมือนกัน
เอาเป็นว่ามาลุ้นกันว่างานที่ไปสมัครจะใช่อย่างที่เราคิดหรือเปล่า  o13
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 42: ร.ระอุ] 26.09.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 26-09-2018 19:06:15
กระสุนนัดที่ 42
ร.ระอุ



[เรือใบ]

“สรุปเฮียจะไม่ลาออก?” ผมถามหลังจากเฮียยอช์ตแถลงจุดยืนเสียงอ้อมแอ้ม เรานั่งกันอยู่ในร้านกาแฟใกล้คอนโดผม นี่ถือเป็นการประชุมครั้งแรกนับตั้งแต่เหตุการณ์บ้านร้างวันนั้น

“เปล่า ยังไม่ลาออกต่างหาก”

นึกแล้ว ว่าต้องมามุกนี้

“เฮีย” ผมถอนหายใจยาวๆ ก่อนจะพูดจริงจัง “นี่เฮียเบ่งลูกปืนออกจากหัวได้แบบวูฟเวอรีนรึเปล่า ทำให้ดูหน่อยดิ”

“อะไรนะ”

“คนเราจะแกล้งตายได้กี่ครั้งวะ”

“นี่เป็นห่วงเหรอ” เฮียยอช์ตจิบกาแฟพลางมองหน้าผม “เฮียโอเคน่า...”

“ผมขี้เกียจทำงานให้ป๊าต่างหาก” ผมยักไหล่ แล้วก็จิบกาแฟบ้าง ถึงไม่ได้มองหน้าเฮียตรงๆ แต่ก็เห็นอยู่ว่ามุมปากเขายิ้ม “อีกอย่าง เฮียพูดเองนะ ป๊าเพิ่งเป็นไข้หวัดไป ไม่รู้จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน”

“อย่างที่บอก เฮียยังไม่จบเรื่องกับพวกมัน ยังสาวไม่ถึงตัวการใหญ่เลย ไอ้มือปืนนั่นผูกคอตายในคุกซะงั้น ยังไม่ทันได้เค้นอะไรเท่าไหร่เลย”

ไอ้หมาป่าตายแล้ว

รู้งี้ผมกระทืบมันจนตายตั้งแต่ตอนนั้นก็ดี

“คนอย่างมันไม่ฆ่าตัวตายหรอก”

“เฮียก็ว่างั้น น่าจะถูกสั่งเก็บมากกว่า”

“สรุปเลยนะ ที่พูดมาทั้งหมดนี่คือ ผมต้องเป็นคนช่วยงานป๊า”

“ก็ตามที่คุยกันไง ‘เอาไว้จบเรื่องสายธารก่อน’ นี่คำพูดนายเป๊ะๆ เลยนะ”

“ผมยังไม่จบเรื่องกับสายธาร”

“อ่าว ยังไง”

“ยังติดต่อไม่ได้”

“ไม่ต้องกันตัวเป็นพยานแล้วนะ” เฮียยอช์ตมองหน้าผม เหมือนผู้ใหญ่จะจับผิดเด็ก “อย่าว่างั้นว่างี้เลยนะ เรือเป็นเกย์ใช่ป่ะ”

เฮีย!

ชัดเจน ไม่อ้อมค้อม

ตอนนั้นสายธารรู้สึกกระอักกระอ่วนแบบนี้สินะ ไม่ดิ คงหนักกว่านี้ เพราะหนังหน้าผมหนากว่า

“...” ผมกอดอกและมองหน้าเฮียกลับ

“อย่าลืมว่าเฮียก็อยู่ที่บ้านร้างด้วย เห็นหมดนั่นแหละ นั่นไม่ใช่แค่คุ้มครองพยานแล้ว”

“เออ ผมเป็นเกย์ เป็นโรคจิตชอบความรุนแรงด้วย ไม่เหมาะจะบริหารธุรกิจป๊าหรอก”

“เป็นอะไรป๊าก็ไม่ว่า แค่ทำให้ธุรกิจรอดก็พอ”

“ตอนนี้ผมสมองเสื่อมแล้วด้วย ถูกต่อยเยอะเกินไป” ผมทำปากขมุบขมิบและกลอกตาเร็วๆ “นี่แค่เบาๆ นะ บางทีนี่ลงไปชักเลย”

“ตลกมั้ยเนี่ย”

“ถ้าธุรกิจป๊าเกี่ยวกับเรื่องกระทืบคน ผมไปช่วยวันนี้เลย” ผมเปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจัง “เข้าเรื่องดีกว่าเฮีย ไหนล่ะ เคสที่คุยกัน”

“ไม่ได้เอามา”

“อันนี้แหละ ตลกแล้ว”

“เฮียว่าปล่อยผ่านดีกว่ามั้ยเรื่องนี้ มันแบบ...”

“เฮีย ถ้าไม่ใช่พี่น้องกันนี่ปากแตกไปแล้วนะ อยากเป็นตำรวจเหี้ยๆ เหรอ”

พูดแล้วขึ้น!

อารมณ์พุ่งปรี๊ดจนหัวร้อนเลย

เฮียยอช์ตถอนหายใจ แล้วหยิบซองเอกสารขนาดเอสี่ขึ้นมาวางบนโต๊ะ ผมหยิบมาเปิดดึงปึกกระดาษบางๆ ออกมาคลี่ดูคร่าวๆ

“ทำไมยังปล่อยมันไว้อีก”

“คิดว่าไงล่ะ”

“ลูกน้องเฮียขี้เกียจ”

“ต้องแกล้งขี้เกียจมากกว่า”

“เด็กเส้นว่างั้น?”

“นามสกุลทหารชั้นผู้ใหญ่น่ะ”

“ผมจัดการเอง”

“ยังไง”

“แบบที่ตำรวจทำไม่ได้ดิ ไปละเฮีย” ผมสอดเอกสารกลับเข้าซองพร้อมกับลุกขึ้น

“อ้าว กาแฟยังเต็มแก้วอยู่เลย”

“ไม่อร่อย ขม”

“แล้วเรื่องช่วยป๊าว่าไง”

“ก็อย่างที่บอก ผมยังไม่จบเรื่องกับสายธาร” ผมหันหลังกลับ แต่ก่อนจะเดินออกมาก็เสริมต่ออีกหน่อย “แล้วก็บอกไว้ตรงนี้เลยนะเฮีย ผมกับไอ้เด็กนี่ไม่จบกันง่ายๆ หรอก”




เวลา 1.45 น.

ผมขับ BMW คันใหม่มาจอดหน้าหอพักโทรมๆ หลังเดิม ใจผมอยากขับรถเก่าๆ มาที่นี่มากกว่า แต่คัมรี่โดนระเบิดไปแล้ว ฮอนด้าซีวิคคันนั้นเฮียก็เอาไปคืนบริษัทเช่าเรียบร้อย ผมเลยต้องขับคันนี้มา และตอนนี้มันดูผิดที่ผิดทางชอบกล

ผมดับเครื่องแล้วนั่งนิ่งๆ ใจพุ่งขึ้นไปชั้นสี่ห้องรองสุดท้าย นึกเห็นภาพสายธารนอนอุดอู้อยู่ในห้องคนเดียว ผ้าห่มพับเกือบจะเรียบร้อย และมีหนังสือสองสามเล่มวางซ้อนกันลวกๆ บนหัวเตียง...

ผมไม่ได้เก็บปืนลูกโม่ไว้ใต้เบาะอีกแล้ว

ปืน Glock ก็ไม่ได้พก

สิ่งที่พกมาก็มีแค่ ความหวังกับคำพูดที่เหมือนจะดิ้นขลุกขลักอยู่ในลำคอมาตลอดทาง

ผมเปิดประตูก้าวลงจากรถ ลมยามดึกของเดือนตุลาคมพลิ้วมาและซอกซอนเสื้อแจ็กเก็ตราวกับจะค้นตัวผม ผมยืนนิ่งจนสายลมผ่านไป แล้วก้าวเข้าใต้อาคาร

ลุงยามคนเดิม ฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะเหมือนเดิม

แต่โชคดี หนุ่มสาวคู่หนึ่งควงกันออกมาจากข้างใน ผมเลยแทรกผ่านประตูที่กำลังดีดกลับเข้าไปทันที

ภาพรวมในหอพักไม่ได้เงียบเท่าครั้งก่อนที่ผมมา มีเสียงทีวีและเสียงพูดคุยเบาๆ แว่วจากห้องนั้นห้องนี้ ห้องหนึ่งที่ชั้นสอง ฟังแวบเดียวรู้เลยว่ามีแก๊งจับกลุ่มเล่นเกมวินนิ่งกัน

แต่ห้องสายธารยังปิดเงียบ

ผมยืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องเขาอึดใจหนึ่ง แล้วหันมาเคาะประตูฝั่งตรงข้าม

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เงียบ

ปึง ปึง ปึง!

ผมใช้ฝ่ามือทุบประตู เสียงดังพอๆ กับที่ทุบประตูห้องสายธารวันแรก คราวนี้ประตูเปิดผลัวะออก และเด็กหนุ่มหน้าตาเหวี่ยงๆ คนเดิมก็โผล่หัวออกมา

“แม่งเอ๊ย! ใครวะ”

เขาไม่สวมเสื้อ ลายสักแพนด้าเคี้ยวต้นไผ่ยังเด่นชัดและดูไม่เข้ากับหนังหน้า

“กูเอง” ผมใช้น้ำเสียงเรียบๆ เหมือนคนรู้จักกันมานาน แล้วกระตุกตีนถีบโครมสวนเข้าไป ร่างผอมๆ กระเด็นย้อนหลังไปชนกับขอบเตียงข้างใน ผมรีบตามเข้าไป กดเปิดสวิตช์ไฟตรงข้างประตูและเตรียมพร้อมจะจัดการใครอีกก็ตามที่จะพุ่งเข้ามา

ปรากฏว่ามีไอ้หนูแพนด้าอยู่คนเดียว

ผมกดล็อกประตู กวาดตามองห้องพักที่อาจจะมีหนูท่อนอนแผ่สบายใจอยู่ตรงไหนสักที่ มีแต่ขี้ยาหรือไม่ก็คนเป็นอัมพาตเท่านั้นที่อยู่ห้องแบบนี้

“มึงเป็นใครวะ”

“ไปหมดแล้วสมงสมอง”

“สัด กูถามว่ามึงเป็นใคร” เขาพูดพลางค้ำตัวลุกขึ้นยืน

“กูเคยถามตอนนั้น มึงเสพหรือค้า”

ผมเหลือบมองโต๊ะทางขวาซึ่งอุดมไปด้วยของไม่น่ามอง ไม่ว่าจะเป็นบรรดาถุงขนมขบเคี้ยว จานข้าวไม่ได้ล้าง แก้ว แปรงสีฟัน และอุปกรณ์เสพยา

“ตำรวจ?”

“เปล่า”

เจ้าตัวขมวดคิ้ว ก่อนจะเบิกตาขึ้น “มึง...จำได้แล้ว” จากนั้นท่าทีก็เปลี่ยนเป็นอ่อนน้อมลงนิดหน่อย “พี่ พี่เป็นตำรวจใช่มั้ย แต่ผมรู้กฎหมายนะ มีหมายค้นรึเปล่า”

“กูไม่ใช่ตำรวจ แล้วก็ไม่ได้มาคุยกับมึงเรื่องยา”

“...”

“สองปีก่อน เวลาดึกประมาณนี้แหละ มึงแทงคนตาย”

“ฮะ?”

หน้าตาเหลอหลาของมันทำให้หัวใจผมกระตุกวูบ อาจไม่ใช่ไอ้เด็กนี่ก็ได้ ไม่มีภาพกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุ มีแค่กล้องจากสถานที่ใกล้เคียงจับภาพท่าทางลนๆ ของหมอนี่ได้ หรืออาจจะเป็นคนอื่นที่ลักษณะคล้ายกันด้วยซ้ำ พยานแวดล้อมสองสามคนที่ให้ปากคำก็ดูไม่มีน้ำหนักอะไร ตำรวจที่รับช่วงจากผมเหมือนจะทำงานห่วยๆ ก่อนจะล็อกหวยให้ไปออกที่ขี้ยาสักคน

“มึงใช้มีดพกใบมีดยาวสี่นิ้ว”

“พูดอะไรวะ กูไม่รู้เรื่อง”

“แล้วมึงก็ได้ไปแค่ไอโฟนกับเงินไม่กี่ร้อย”

“เชี่ย มึงรู้มั้ยกูลูกใคร”

“คิดว่านามสกุลใหญ่แล้วมึงจะทำอะไรก็ได้งั้นดิ แต่ดูจากสภาพ มึงถูกตัดหางปล่อยวัดแล้วซะละมั้ง ใช่มะ”

“สัด”

“เอามีดเล่มนั้นออกมาให้กูดูซิ”

“แม่งเป็นใครเนี่ย”

“งั้นก็ได้” ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายทั้งที่ร่างกายตื่นตัวเต็มที่ “กูเอามาด้วย”

ไอ้หนูแพนด้าจับตามองขณะผมหยิบอาวุธออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตด้านใน มันคือมีดพกอย่างดีสำหรับใช้เดินป่า ผมชักมันออกจากฝักที่เป็นซองหนังและพลิกเล่นช้าๆ ใต้แสงไฟ

“ใบมีดยาวสี่นิ้ว ทำจากเหล็กกล้าแล้วก็คมจนมีดโกนเรียกป๋าได้เลย...สวยใช่มะ”

“...”

เจ้าของห้องดูอึ้งๆ

ผมส่งยิ้มให้ ใช้เท้ากวาดขยะบนโต๊ะทางขวาทิ้งบางส่วน แล้ววางมีดลงบนโต๊ะโดยหันด้ามไปทางอีกฝ่าย

“แทงกูดิ”

“...”

“เอาเลย แทงแบบที่มึงแทงวันนั้น”

ความเครียดกำลังเผาสมองมัน ลมหายใจถี่ขึ้น ตาล่อกแล่กไปมา จากนั้นก็ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้มีดอย่างกล้าๆ กลัวๆ ในที่สุดก็มันคว้ามีดไปถือไว้จนได้

ผมยังยิ้มอยู่ และต้องห้ามไม่ให้ตัวเองพุ่งเข้าไปจัดการมันในทันที ถ้าเป็นสถานการณ์อื่นผมคงไม่ยื่นอาวุธใส่มือศัตรูแบบนี้ แต่ตอนนี้ค่อนข้างจำเป็น ต้องให้มันรู้ว่าใครคือคนคุมเกมกันแน่

“โง่ชิบหาย” ไอ้หนูแพนด้าพึมพำกับตัวเอง ฉีกยิ้มอย่างกับลิงได้ครอบครองดาบเจได

ไม่มั้ง

เรื่องนี้อาจจะไม่มีงานวิจัยรองรับ แต่โดยธรรมชาติแล้ว คนเราถ้าได้ถือดาบจะฟันมากกว่าแทง ถ้าถือมีดจะแทงมากกว่าฟัน ทีนี้ก็มีแค่ว่าจะแทงล่างหรือบน

จุดสำคัญอยู่ที่การโจมตีจังหวะแรก

มันถือมีดด้วยมือขวา ถ้าผมเอี้ยวตัวไปทางซ้ายของตัวเองพร้อมกับปัดมือมันไปทางขวาเรียกว่า ‘หลบนอก’ ถ้าขยับไปทางขวาและปัดมือมันไปซ้ายคือ ‘หลบใน’ ไม่ว่าจะหลบแบบไหน ในหัวผมตอนนี้ก็มีท่าจัดการต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าสิบวิธี แต่วิธีที่ง่ายกว่านั้นคือ ล่อให้มันแทงล่างแล้วบล็อกตรงๆ ด้วยการก้าวถอยหนึ่งก้าว โก่งตัวให้พ้นระยะมีดพร้อมกับเหยียดแขนทั้งสองข้างเฉียงลงจับที่แขนมัน ต่อจากนั้นก็ไม่มีอะไรยากแล้ว

กรณีนี้ภาษากายนิดๆ หน่อยๆ จะชี้นำมันได้ ไม่ต่างจากนักมายากลที่แอบตวัดนิ้วเพื่อชี้นำให้คุณเลือกไพ่ใบที่เขาต้องการ

ผมมองลงต่ำแวบหนึ่ง ตวัดชายเสื้อแจ็กเก็ตออกด้านข้าง แล้วก็ชูมือไว้ข้างศีรษะพร้อมกับยืดตัวขึ้น

แทงท้องเลย เป้าใหญ่ขนาดนี้ไม่มีพลาดแน่นอน

แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่งับเหยื่อ มันมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วเริ่มตวัดมีดหลอกล่อไปมา ถ้าไม่ใช่เพราะโง่เกินไปจนไม่รู้เรื่อง ก็เป็นเพราะมันเจนสนามพอตัว

ผมเปลี่ยนไปใช้แผนสำรอง คือเคลียร์สมองให้โล่งและให้ร่างกายตอบสนองเอง

“นี่อะไร กังฟูแพนด้าเหรอ หรือ...”

“สัด!”

สุดท้ายแล้วขี้ยาก็คือขี้ยา ผมอ่านการเคลื่อนไหวมันออกก่อนมีดจะพุ่งสูงมาที่หน้า ผมหลบไปทางซ้ายหรือที่เรียกว่าหลบนอก พร้อมกับใช้มือขวาตะปบข้อมือมัน

หมับ!

ท่าต่อเนื่องจากนั้นคือ ฉุดแขนให้มันคะมำมาข้างหน้า แทงเข่าสวนอก รวบแขนจับบิดส่งมันลงไปนอนหงายกับพื้น ย่อตัวทิ้งเข่าลงหนักๆ ตรงกระบังลมรีดอากาศออกจากปอด และสุดท้ายก็แย่งมีดมาจ่อคอมันไว้

ไอ้หนูแพนด้าหลุดเสียงครางเอื๊อก ดวงตาเหลือกลนเหมือนยังไม่เข้าใจสถานการณ์

โทสะเข้าครอบงำผมในชั่วพริบตา อยากจะอัดหน้ามันให้เละเทะเหมือนกับไอ้หมาป่า แต่จะทำแบบนั้นไม่ได้ ต้องให้มันบอบช้ำน้อยที่สุด เพื่อไม่ให้มันอ้างได้ว่าถูกชายลึกลับเล่นงานมา

“กูจะเตือนความจำมึงให้ มึงแทงเขาตรงนี้...” ผมพูดช้าๆ พลางจิ้มปลายมีดไปตามลำตัวมัน ตามตำแหน่งแผลในรายงานชันสูตรศพ “...ตรงนี้...ตรงนี้...นี่ด้วย แล้วสุดท้ายเขาก็ตายด้วยแผลนี้” ผมเลื่อนมีดกลับมาที่ข้างลำคอมันเหมือนเดิม คราวนี้กดปลายมีดให้จมลงจนเลือดไหล “จำได้รึยัง”

“...”

มันไม่พูด ยังทำหน้าโง่ๆ ตาเหลือกอยู่เหมือนเดิม

“งั้นมึงก็เอาแผลนี้ไปให้เขาดูในนรกละกัน” ผมใช้สันมือดันคางมันให้หน้าแนบกับพื้น เงื้อมีดขึ้นให้มันเห็นชัดๆ เตรียมจะปักลงที่คอ

“ดะ...ได้ๆ”

“ได้อะไร”

“จำได้ อย่า...อย่าทำอะไรผม” ไอ้หนูแพนด้าแทบจะสะอื้นแล้วตอนนี้

“จำได้ก็ดี” ผมมองลึกเข้าไปในตามัน “มึงทำเขาทำไม”

“ไม่ได้ตั้งใจฆ่า...จริงๆ นะ เขาสู้ ผมก็เลย...โอ๊ย เจ็บ ผมขอโทษ”

“ขอโทษแล้วคนที่มึงฆ่าจะฟื้นเหรอวะ แม่ง!” ผมเงื้อมีดขึ้นอีก

“อย่า! ยอมแล้วๆ ให้ผมทำอะไรก็ได้”

สรุปว่าไม่ผิดตัว เป็นมันจริงๆ

เรื่องตลกร้ายที่ขำไม่ออกก็คือ สายธารไม่รู้เลยว่าฆาตกรมาเช่าอยู่ห้องตรงข้ามนี่เอง ส่วนไอ้หมอนี่จะรู้หรือเปล่าว่าสายธารคือคนรักของคนที่มันฆ่า...มันจะแอบยิ้มเสียดเย้ยทุกครั้งที่เห็นสายธารเดินหงอยๆ เข้าห้องหรือเปล่า ผมหวังว่าโชคชะตาคงจะแค่เล่นตลก แต่ไม่โหดร้ายขนาดนั้น

ไอ้เด็กแพนด้านี่อาจจะคิดเอาเหมือนในหนังว่า อยู่ในที่อันตรายที่สุดคือปลอดภัยที่สุด

และผมจะไม่บอกมันแน่นอนว่าคนห้องตรงข้ามเจ็บปวดแค่ไหนกับเรื่องที่มันทำ

ผมจ่อคมมีดที่คอมัน ใบหน้าแตกสลายของสายธารตอนที่ผมบอกว่าเป็นคนรับผิดชอบคดีผุดแวบขึ้นมา และมันทำให้ผมเกือบสติหลุด หัวใจเต้นรัวส่งเลือดฉีดขึ้นใบหน้า ลมหายใจถี่แรง มือกำด้ามมีดแน่น...กำๆ คลายๆ จนปวดข้อนิ้ว

ไอ้หนูแพนด้าน้ำตาไหลอาบแก้ม

ในที่สุดผมก็ฉุดลุกมันขึ้นยืน มือซ้ายกำรวบคอเสื้อ มือขวายังจ่อมีดไว้ที่ลำคอมัน “กูจะให้โอกาสมึง ไปบอกตำรวจท้องที่แบบที่บอกกูเมื่อกี้ หรือไม่ก็ให้กูเชือดแม่งตรงนี้เลย จะเอาไง”

“ได้ๆ”

“ได้อะไร”

“ผมจะบอกตำรวจ”

ผมมองสบตามัน ปล่อยให้ความเงียบกัดกินมันชั่วขณะก่อนจะพูดต่อ “ถ้าตุกติกกูตามล่ามึงแน่ กูจะกระทืบจนหน้ามึงเละ แล้วใช้มีดเล่มนี้แทงให้ยับ...เข้าใจมั้ย”

“...”

“กูถามว่าเข้าใจมั้ย!”

“ครับๆ เข้าใจ”

“งั้นก็รีบไป ก่อนที่กูจะเปลี่ยนใจ”

ผมดันตัวมันออกแรงๆ เหมือนสลัดขยะให้พ้นตัว เก็บมีดกลับเข้าซอง แล้วออกจากห้องรังหนูของมัน ที่โถงทางเดินไม่มีคนอย่างที่คาด ไม่มีแม้แต่ใครจะโผล่หัวออกมาดู ผมเลยให้เวลาตัวเองอีกหน่อยด้วยการหยุดอยู่ห้องสายธาร ยกมือทาบประตูที่ยังปิดเงียบเชียบ

นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง...

แล้วกลับลงมาที่รถ

ผมเลื่อนรถไปจอดตรงมุมมืด บริเวณเดียวกับที่ไอ้พวกแก๊งหมาป่ามาจอดดักรอผม ประมาณสิบนาทีต่อมาก็มีแท็กซี่มาจอดหน้าหอพัก ไอ้แพนด้าเดินออกมาจากใต้ตัวตึกเข้าไปนั่งในรถ ซึ่งเดาว่ามันใช้แอพฯ กดเรียกให้มารับ

ผมหรี่ตามองทะเบียน

รอจนรถเคลื่อนไปเกือบจะพ้นหัวมุม แล้วค่อยสตาร์ทเครื่องขับตามออกไป
   






________________

ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้นะคะ T T
ทุกคอมเมนต์ ทุกคนที่เข้ามาอ่าน
ทุกคนที่พูดคุยในทวิตเตอร์ที่แท็ก #รรรเรือ
T_________T
ขอบคุณนะคะ ดีใจมากจริงๆ ค่ะ

นางร้าย
26.09.18
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 42: ร.ระอุ] 26.09.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: brapair ที่ 26-09-2018 21:10:17
พิเรือออ ตามจับตัวคนร้ายให้ธารด้วยอะะ ฮือออออ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 42: ร.ระอุ] 26.09.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 26-09-2018 21:28:06
พี่เรือจับมันเลยยยยย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 42: ร.ระอุ] 26.09.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 26-09-2018 21:36:39
พี่เรืออย่าลืมไปตามง้อธารด้วยนะ.... :L2: :L2:

แต่...ไอ้ฆาตกรมันจะยอมไปมอบตัวจริงๆ เหรอ
พี่เรืออย่าชะล่าใจไปนะ เป็นห่วง
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 42: ร.ระอุ] 26.09.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 26-09-2018 22:39:16
เป็นวิธีจับคนร้ายที่โหดมาก ว่าแต่มันจะไปเหรอ

รีบไปง้อธารไวๆนะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 42: ร.ระอุ] 26.09.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-09-2018 02:49:18
คิดว่าไอ้แพนด้าจะไปมอบตัวจริงไหมเนี่ย  :ruready
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 42: ร.ระอุ] 26.09.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 27-09-2018 15:15:39
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 42: ร.ระอุ] 26.09.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 28-09-2018 12:52:28
อยากให้เจอกัน รีบไปง้อน้าาาา
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 42: ร.ระอุ] 26.09.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: apisaraa ที่ 29-09-2018 00:02:53
อ่านรวดเดียวเลยค่ะ สนุกมากๆๆ ดีใจจังที่ได้มาอ่านเรื่องนี้ :กอด1:
รออ่านตอนเขาตกลงปลงใจกัน  :katai5:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 43: ร.รัดกุม] 6.10.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 06-10-2018 16:45:21
กระสุนนัดที่ 43
ร.รัดกุม



[สายธาร]

สายแล้ว!

สายไปเกือบสิบนาที

ทั้งที่เป็นการสัมภาษณ์งานครั้งแรกแท้ๆ

แต่กระวนกระวายไปก็ไม่มีประโยชน์ มีแต่จะทำให้มันแย่มากขึ้น ผมแอบยกแขนเสื้อซับเหงื่อบนหน้าผากพลางก้าวยาวๆ เข้าไปที่เคาน์เตอร์โรงแรมระดับห้าดาว

พนักงานต้อนรับเดินนำผมไปที่ออฟฟิศด้านใน และให้นั่งรอในห้องสัมภาษณ์งานที่เป็นห้องเล็กๆ โล่งๆ

ความใหญ่โตหรูหราของที่นี่ข่มให้ผมตัวเล็กลีบลง ยิ่งนานไปยิ่งรู้สึกว่าที่นี่ไม่เหมาะกับผม ลองมองหางานในออฟฟิศเล็กๆ ที่กรุงเทพฯ น่าจะดีกว่า...

ประตูเบื้องหลังผมเปิดออก คนที่ก้าวเข้ามาไม่ใช่คนรุ่นป้าอย่างที่คาดไว้ แต่เป็นสาวสวยวัยกลางคน บุคลิกดี ท่าทางคล่องแคล่ว และดูเป็นมืออาชีพสุดๆ

ผมรีบลุกขึ้นยกมือไหว้ “สวัสดีครับ”

“สวัสดีค่ะ น้องสายธาร ขอโทษด้วยนะคะที่ปล่อยให้รอนาน...เชิญนั่งค่ะ นั่งเลยๆ”

ผมรอให้อีกฝ่ายอ้อมไปอีกฝั่งของโต๊ะและนั่งลงเรียบร้อยแล้ว ผมค่อยนั่งทีหลัง “ผมมากกว่าครับที่ต้องขอโทษ ผมมาสาย”

“ไม่เป็นไร พี่อยู่ HR นะ เรียกพี่ตุ๊กตาก็ได้”

“ครับ ขอบคุณครับ”

“น้องไม่ได้สมัครตำแหน่งไหนไว้เนาะ ทางเราเห็นโปรไฟล์ในเว็บสมัครงานแล้วติดต่อไปเอง”

“ครับ”

“แล้วตอนนี้มีใครจีบอยู่รึเปล่า”

ผมชะงักนิดหนึ่ง ก่อนจะเข้าใจความหมายที่แท้จริง “ไม่ครับ”

“ขอโทษที่ถามเรื่องนี้ตรงๆ นะ พี่จะได้รู้ว่าต้องทุ่มเท่าไหร่ถ้าจะชิงตัวน้องมาทำงานด้วย” เธอพูดขำๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอยากให้ผ่อนคลาย หรือต้องการกดดันกันแน่ “โอเค งั้นเริ่มกันเลยเนอะ มีเอกสารมาให้พี่ดูใช่มั้ย”

“มีครับ”

ผมดึงเอกสารออกจากซองกระดาษ ในนั้นก็ไม่มีอะไรมาก แค่ทรานสคริปต์ของคณะมนุษย์ศาสตร์ และใบประกาศนียบัตรเกี่ยวกับเรื่องขีดๆ เขียนๆ กับการออกค่ายอาสาอีกนิดหน่อย

“เรียนดีนะเนี่ย” เธอพูดโดยไม่เงยหน้าจากเอกสาร

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”

“อยากได้เงินเดือนเท่าไหร่”

เข้าประเด็นเลยกันเลยทีเดียว

“ให้ทางพี่พิจารณาตามโครงสร้างบริษัทดีกว่าครับ ผมไม่มีประสบการณ์”

“อืม...” เธอทำเสียงในลำคอ พลางไล่สายตามองทรานสคริปต์อีก “แล้วอยากทำตำแหน่งอะไรคะ”

“ก็...”

“ตอนนี้มีว่างหลายตำแหน่งเลยนะ พอดีทางผู้บริหารกำลังถ่ายเลือดใหม่คนก็เลยขาดเยอะ...อยากอยู่ Front Office มั้ย หรืออยากอยู่ HR กับพี่ก็ได้นะ กำลังอยากได้คนช่วยเพิ่มอยู่”

“HR ก็น่าสนใจนะครับ”

พี่ตุ๊กตาตะแคงศีรษะมองผม “หน้าตาดีขนาดนี้ น่าจะเป็นหน้าเป็นตารับแขกดีกว่ามั้ย...ภาษาอังกฤษเราเป็นไง”

“สื่อสารได้ครับ”

“แต่ไม่ชอบเจอคนเยอะๆ?”

ผมไม่ควรจะเรื่องมาก แต่ตัวตนส่วนที่ชอบขังตัวเองไว้ในโลกเงียบสั่งให้ตอบว่า “ครับ”

“โอเค” อีกฝ่ายยิ้ม “เอาไว้ค่อยคิดอีกทีก็ได้นะ ทั้งเรื่องเงินเดือนแล้วก็ตำแหน่ง จริงๆ พี่แค่สัมภาษณ์เบื้องต้นน่ะ เอาไว้คุยกับ GM เสร็จแล้วค่อยว่ากันอีกทีเนอะ ป่ะ รีบคุย เดี๋ยวเขาจะออกไปซะก่อน”

“ครับ?”

“ทางนี้เลย”

พี่ตุ๊กตาลุกขึ้นและใช้ขาเรียวยาวก้าวฉับๆ นำออกไป

ตัดสินใจละ ไปหางานทำที่กรุงเทพฯ ดีกว่า แต่ตอนนี้ผมยังทำอะไรไม่ได้นอกจากรีบลุกตามไป เรามาหยุดที่หน้าห้องหนึ่งไม่ไกลกันนัก

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เธอเคาะประตู รออยู่สองสามวินาที แล้วค่อยเปิดแง้มออก ซึ่งน่าจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เปิดได้โดยคนข้างในไม่ต้องเอ่ยคำเชิญ

“ขอโทษค่ะ พาน้องที่สัมภาษณ์งานมาส่งค่ะ...เข้าไปเลยๆ โชคดีนะ”

ผมก้าวเข้าไปในห้องด้วยแรงผลักดันจากพี่ตุ๊กตามากกว่าจากขาตัวเอง ห้องนี้ไม่ถึงกับกว้าง แต่ตกแต่งสวยงาม ดูเป็นห้องทำงานที่เหมาะจะนั่งใช้ความคิดเงียบๆ ผนังด้านหนึ่งแทบจะเป็นกระจกทั้งหมด มองออกไปเห็นสวนหย่อมด้านนอกได้เต็มตา โต๊ะไม้เนื้อแข็งตัวใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านใน เจ้าของห้องนั่งหันหลังอยู่เหมือนกำลังตั้งใจชมสวน ที่หน้าโต๊ะนั้นมีเก้าอี้ว่างตัวหนึ่ง

ผมเดินเข้าไป แล้วเอ่ยทักทายเบาๆ

“สวัสดีครับ”

เจ้าตัวหมุนเก้าอี้หันมา “บ้าชิบ...โทษที ผมไม่รู้ว่าคุณมาแล้ว” เขายิ้มขรึมและผายมือ “สวัสดีครับคุณสายธาร เชิญนั่งครับ”

ผมทำตัวไม่ถูก

แต่พลันตระหนักว่า ที่ผ่านมาตัวเองคิดถึงเรือใบและการใช้ชีวิตไปวันๆ ในคอนโดฯ ของเขาแค่ไหน แล้วก็รู้ชัดด้วยว่า ชีวิตที่สับสนวุ่นวายในแบบผู้ใหญ่จริงๆ ของผมได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว








_____________________

ตอนหน้าจบส่วนของเนื้อหาหลักแล้วคับบบ T T ใจหายจังเลย ฮ่าๆ
แต่ แต่ แต่...

มีบทพิเศษอีก 4 ตอนนะคะ รออ่านกันนะ :D
ดีใจที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ

ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ รักกกกกก

นางร้าย
6.10.18
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 43: ร.รัดกุม] 6.10.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 06-10-2018 17:02:04
ใครอ่ะ ใครอ่ะ พี่เรือเหรอ ????  :ruready
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 43: ร.รัดกุม] 6.10.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ●GreenTEA● ที่ 06-10-2018 17:42:28
ใครเอ่ย?
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 43: ร.รัดกุม] 6.10.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 06-10-2018 18:00:09
 :hao3: :hao3: :hao4:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 43: ร.รัดกุม] 6.10.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 06-10-2018 19:20:48
ตามจ้า  :impress2:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 43: ร.รัดกุม] 6.10.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-10-2018 19:43:26
เฮียเรือแม่นก้อ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 43: ร.รัดกุม] 6.10.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 06-10-2018 22:01:44
ใช่เรือไหม?
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 43: ร.รัดกุม] 6.10.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 07-10-2018 01:30:24
ค้างมากกกกกกกก5555
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 43: ร.รัดกุม] 6.10.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Carrot_t ที่ 07-10-2018 02:02:36
ต้องใช่พี่เรือแน่ๆๆๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 43: ร.รัดกุม] 6.10.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: brapair ที่ 07-10-2018 10:44:12
ใครรรรร
ใครกันนนน แงงงง อยากรู้คร้าบบบ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 43: ร.รัดกุม] 6.10.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 07-10-2018 12:42:33
ค้างค่ะ!!! ใครพี่เรือแน่ๆขอเดานะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 43: ร.รัดกุม] 6.10.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 07-10-2018 15:08:19
รอ ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 43: ร.รัดกุม] 6.10.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 09-10-2018 11:11:29
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.7
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 12-10-2018 21:22:25
กระสุนนัดที่ 44
ร.ร้ายกาจ



[เรือใบ]

ผมทำตัวไม่ค่อยถูก รู้สึกแปลกที่แปลกทาง ก็เลยทำตัวยังไงก็ได้ตามที่อยากจะทำ อย่างเช่น ยกเท้าขึ้นมาเกยบนเข่าอีกข้างเพื่อผูกเชือกรองเท้า ต่อยหมอน วิดพื้น ลองชักปืนจากลิ้นชัก และอื่นๆ

สักพักก็กลายเป็นว่า คนที่มาติดต่อสื่อสารกับผมทำตัวไม่ถูกซะเอง

ดูไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

ผมปรับตัวได้เร็วอยู่แล้ว

แต่เสียงเคาะประตูวันนี้กลับทำให้อาการแปลกที่แปลกทางกลับมาครอบงำผมอีก ผมยังเถียงกับตัวเองไม่เสร็จเลยว่าจะทำสีหน้ายังไงดี ผู้หญิงนี่ช่างจุกจิกไม่รู้เวล่ำเวลาจริงๆ ชอบชักใบให้เรือเสียอยู่เรื่อย

“สวัสดีครับ” แขกของผมเอ่ยทัก

ผมหมุนเก้าอี้ไปเผชิญหน้ากับเขา “บ้าชิบ...” เหล่าคำสบถที่จับกลุ่มกันอยู่ในหัวเผลอถีบเพื่อนผ่านปากออกมาคำนึง ผมรีบตั้งสติแล้วพูดต่อ “โทษที ผมไม่รู้ว่าคุณมาแล้ว สวัสดีครับคุณสายธาร เชิญนั่งครับ”

“...”

“รู้สึกกระแดะปากไงไม่รู้นะ พวกทำงานออฟฟิศทนพูดกันอย่างนี้ทั้งปีทั้งชาติได้ไงวะ”

“...”

“อ่ะ ยังอึ้งแดก”

“เรือใบ”

“เออ ก็ลองจำกูไม่ได้ดิ”

หมาหลุดจากปากไปแล้ว เป็นลูกหมาตัวเล็กๆ และตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเหมือนอย่างที่คิดไว้สักอย่าง

งั้นก็ช่างแม่งเถอะ

“คุณมาอยู่นี่ได้ไง”

“นั่งดิ...” ผมประสานมือไว้ระหว่างต้นขาและเอานิ้วโป้งเคาะกันเล่น จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นนั่งกอดอก แต่สายธารก็ยังยืนหัวโด่อยู่เหมือนเดิม ทีแรกผมคิดว่าเขาหลุดเข้าไปในโลกส่วนตัว แต่ไม่ใช่ ตายังจ้องผมอยู่ เหมือนกับท้าทายให้ผมไขปริศนาชนเผ่ามายัน ไม่ใช่แค่ตอบคำถามว่าผมมานี่ได้ไง “...กูก็เดินเข้ามาเหมือนมึงนั่นแหละ คิดว่ากูวาร์ปเหรอ”

ถ้าจะจ้องขนาดนี้ ไม่ขอกูแต่งงานเลยล่ะ

“โอเค งั้นยืนคุย” ผมลุกขึ้น

แล้วเขาก็เลื่อนเก้าอี้นั่งลง

“กวนตีน” ผมนั่งลงอีกครั้ง

“กระดากปาก” สายธารพูด

“ฮะ?”

“เมื่อกี้น่ะ คุณต้องพูดว่ากระดากปาก ไม่ใช่กระแดะปาก”

ผมห้ามรอยยิ้มไม่ได้อีกต่อไป ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะห้ามทำไมตั้งแต่แรก “กระแดะปากคืออาการหนักกว่ากระดาก มึงไม่รู้เหรอ กูว่ามึงต้องกลับไปเรียนภาษาไทยใหม่แล้ว”

สายธารถอนหายใจ แต่ผมสาบานได้ว่าเห็นมุมปากเขากระตุกไปข้างหลังแวบนึง

ความเงียบย่องเข้ามาคั่นกลางระหว่างเรา

ผมยังยิ้มอยู่

ส่วนเขาก็ยังมองผมด้วยสายตาตั้งคำถาม

“ไม่เจอแค่สองอาทิตย์มึงดูเจริญอาหารขึ้นนะ”

“ส่วนคุณดูผอมลง”

“แหงดิ ไม่มีใครทำท่อนแยมทอดให้กิน”

“ไม่ทำเองล่ะ”

“ลองแล้ว ครัวแทบระเบิด”

คราวนี้ไม่ใช่แค่ยิ้มมุมปาก แต่สายธารเกือบจะหัวเราะพรืดออกมา “คุณต้องใช้ไฟอ่อนๆ ค่อยๆ ทอด”

“ไงอีก”

“ก็ไม่ไงอีก แค่นี้ ค่อยๆ ทอด”

“ทำไมมันบานออก แม่ง อย่างกับไข่ดาว”

“คุณม้วนไม่ดีน่ะสิ”

“มึงทำให้กินง่ายกว่า”

“ก็ผมไม่ได้อยู่กับคุณแล้ว”

“ก็ไปอยู่ดิ”

“...”

“...”

ความเงียบย่องเข้ามาอีก แต่สายธารไม่ปล่อยมันไว้นาน

“สรุปยังไง ทำไมคุณมาอยู่นี่”

“มึงนี่มันตัวทำลายบรรยากาศจริงๆ” ผมถอนหายใจ ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ “โรงแรมป๊ากู เฮียยอช์ตไม่ยอมลาออกจากตำรวจ กูก็เลยต้องมา กำลังเป็น GM ฝึกงานอยู่”

“อ้อ” สายธารมองหน้าผม แล้วมองไปรอบๆ “ดีแล้ว งานสบาย”

“สบายห่าไร มีแต่เรื่องน่าปวดหัว ให้กระทืบคนยี่สิบต่อหนึ่งยังง่ายกว่า”

“ก็ดีกว่าออกไปเสี่ยงตาย แล้วทำไมคุณแต่งตัวแบบนี้ อย่าบอกว่าคุณยังเป็นสายตำรวจอยู่แล้วก็จะออกไปป่วนหาเรื่องตามผับอีก”

ใส่สูทผูกไทไม่ใช่แนวผมอยู่แล้ว

แต่พอก้มมองตัวเอง ผมก็ต้องยอมรับว่าคิดถึงไอ้เด็กนี่มากแค่ไหน เพราะเสื้อผ้าที่สวมมาวันนี้คือชุดเดียวกับวันที่เจอเขาหลังผับคืนนั้นเป๊ะเลย

“ก็ยังเป็นอยู่ นี่งานถนัดกู” ผมมองหน้าเขา “ทำไม เป็นห่วงกูเหรอ”

“สำคัญตัวเองไปแล้ว ใครเป็นห่วงคุณ”

“ก็มึงไง เมื่อกี้ได้ยินเต็มหูเลย ไม่อยากให้กูทำงานเสี่ยงตาย”

“ผมแค่พูดตามเนื้อผ้า ก็งานนี้มันสบายกว่าจริงๆ ถึงมันจะ...” เขามองสภาพผม “ดูไม่ค่อยเข้ากับคุณเท่าไหร่ก็เถอะ”

“งานสบายใช่มะ ได้ งั้นลองทำ” ผมยิ้มและเปลี่ยนท่าที “งั้นเรามาเริ่มสัมภาษณ์กันเลยดีกว่านะครับคุณสายธาร คำถามแรก มึงหนีกูมาทำไม”

“ผมไม่ได้หนี”

“มึงหนี”

“ผมแค่กลับบ้าน คิดถึงพ่อแม่”

“แล้วทำไมต้องเปลี่ยนเบอร์ เพื่อนฝูงก็ไม่ติดต่อ”

“แถวบ้านไม่มีสัญญาณ”

“นี่คิดว่าตลกแล้วเหรอ”

สายธารขยับตัวอย่างอึดอัด “เดี๋ยวผมก็จะติดต่อพวกมัน แค่หลบมาพักคิดอะไรนิดหน่อย”

“นั่นไง มึงหลบ ตอบงี้แต่แรกก็สิ้นเรื่อง คำถามต่อไป...มึงคิดถึงกูมั้ย”

“ฮะ?”

พูดออกไปแล้ว!

เอาเข้าจริงก็ไม่ยากเท่าไหร่

วันนี้ฤกษ์ดีจริงๆ คำพูดคำจาคล่องปากผิดปกติ อย่างนี้ต้องรุกให้หนัก

“คิดถึงกูมั้ย”

“อะไร นี่คำถามสัมภาษณ์งานเหรอ”

“ใช่ นี่แหละสัมภาษณ์ จะเปลี่ยนคำให้แม่งสวยๆ ก็ได้” ผมโน้มตัวไปข้างหน้า มองเข้าไปในนัยน์ตาเขาและพูดชัดถ้อยชัดคำ “ผมถามว่า คุณคิดถึงผมมั้ยครับ คุณสายธาร”

“...”

อึ้งแดกไปอีกรอบ

“กรุณาตอบคำถามด้วยครับ”

“ก็...”

“ก็อะไร เอ้า มัวโอ้เอ้ เวลาแม่งมีค่านะคุณ”

“ก็คิด...มั้ง”

“ดูคุณไม่ค่อยแน่ใจนะ”

“อือ คิด” สายธารตอบ พร้อมกับเบือนหน้าไปทางอื่น

ผมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อีก ยกมือขึ้นมาลูบคางเบาๆ เหมือนทำท่าครุ่นคิด แต่จริงๆ คือพยายามบังรอยยิ้มที่ห้ามไม่อยู่

“โอเค ผมรับคุณเข้าทำงาน”

“ใครบอกผมจะทำกับคุณ ผมกลับไปหางานที่กรุงเทพฯ ดีกว่า”

“เวร หนีกูจากกรุงเทพฯ มานี่ กูตามมาถึงนี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ทำไมวะ มีปมเหรอ ตอนเด็กเพื่อนไม่ให้เล่นซ่อนหาด้วยงี้เหรอ”

“อย่าบอกนะว่า ที่เรียกมาสัมภาษณ์นี่ก็คือคุณเป็นคนจัดการ เพราะผมไม่ได้สมัครตำแหน่งอะไรที่นี่เลย”

“ถูก”

“...”

“ทำไม กูไม่บุกไปบ้านมึงก็ดีแค่ไหนละ”

“คุณรู้จักบ้านผมงั้นเหรอ”

“อย่าว่าแต่บ้าน ชื่อพ่อแม่ตายายมึงกูก็รู้”

“อะไรของคุณเนี่ย”

“สรุปเลยละกัน ทำงานกับกูนี่แหละ ตำแหน่งผู้ช่วยกู อยากได้เงินเดือนเท่าไหร่”

“...”

“เจ็ดแปดหมื่น?”

“ฮะ?”

“งั้นก็แสนนึง โบนัสอีกสิบเดือน”

“คุณจะบ้าเหรอ ผมไม่มีประสบการณ์”

“กูก็ไม่มีประสบการณ์  ทำไม ก็กูจะจ้างเรทนี้”

“เพื่อนร่วมงานได้เขม่นผมตายดิ ตามโครงสร้างบริษัททั่วไปผมได้ไม่ถึงสองหมื่นแน่นอน”

“เป็นผู้ช่วยกู จะเจอเพื่อนร่วมงานไหนวะ”

“คิดว่าทั้งโรงแรมมีแค่คุณกับผมสองคนเหรอ”

“มึงนี่เรื่องมากชิบหาย งั้นก็ตามโครงสร้างบริษัท ที่เหลือกูเอาเงินส่วนตัวจ่ายให้ครบแสน”

“นี่คุณคิดจะใช้เงินซื้อผมเหรอ”

“ไม่ใช่แค่เงิน กูจะใช้ทุกอย่าง”

“...”

“...”

ผมพูดอะไรของผมวะ

เหมือนตอนปากหมา พอหมาหลุดไปได้สักตัว เพื่อนๆ มันเป็นฝูงก็จะตามออกมาจนห้ามไม่อยู่ ไอ้คำพูดชวนจั๊กกะดึ๋ยพวกนี้ก็เหมือนกัน

เห็นสายธารยังเงียบ ผมเลยเสริมแบบขำๆ ไปอีก

“หรือกูอาจจะเอาปืนจ่อหัวคนในครอบครัวมึงก็ได้ กูทำได้หมดแหละถ้าอยากจะทำ”

“คุณมันบ้า”

“เออ ตกลงตามนั้น” ผมยิ้มอย่างครึ้มอกครึ้มใจ แต่มองเผินๆ อาจจะดูสะใจด้วยก็ได้ “มึงเริ่มงานตอนนี้เลย งานแรก เข้าครัวไปทำท่อนแยมทอดมาให้กูกิน”

“ผมยังไม่ได้ตกลงอะไร”

“ใส่ไส้แยมเยอะๆ แล้วก็ขอกรอบ...”

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะ

คำสบถเต้นอยู่ในหัวผมก่อนที่ประตูจะเปิดออก เจ้ตุ๊กตาผู้จัดการฝ่ายบุคคลโผล่หน้าเข้ามา ผมเอือมหน้าสวยๆ ของเจ้แกจริงๆ แต่ก็อย่างว่า ตามสายงานแล้วผู้จัดการทุกแผนกขึ้นตรงกับผม ติดต่องานกับผม จุกจิกจู้จี้อย่างกับว่าแต่ละคนมีป้าเป็นไก่

“ขออนุญาตค่ะ”

“ทำไมไม่โทรเบอร์ภายในล่ะเจ้ ไม่เห็นต้องเดินมาเคาะ”

สายธารชักสีหน้าใส่ผมตั้งแต่พูดยังไม่จบประโยค แต่ผมทำเป็นไม่สนใจ

“โทรแล้วค่ะ แต่ไม่ติด คุณเรืออาจจะวางหูไม่สนิทน่ะค่ะ”

อ้อ ไม่สนิทอยู่แล้ว เพราะผมยกหูมันออกวางไว้ข้างตัวเครื่องเลย แต่ลืมไปแล้วว่าทำอย่างนั้น

“แล้วมีไร”

“ไม่ทราบว่าคุณเรือสัมภาษณ์น้องเสร็จรึยังคะ พอดีว่า คุณวิชิตมารอแล้วค่ะ”

“วิชิตไหน”

“ที่จะโค้ชเรื่อง GM ไงคะ”

“ผมยังสัมภาษณ์ไม่เสร็จ บอกให้เฮียแกรอก่อนละกัน ขอเวลาอีกสามชั่วโมง”

“สามชั่วโมง” เจ้ตุ๊กตาเลิกคิ้วโก่งๆ ขึ้น “เกรงว่าไม่น่าจะได้นะคะ อีกสักยี่สิบนาทีก็น่าจะเต็มที่แล้วค่ะ”

“เออน่ะ เสร็จแล้วผมจะบอก ยิ่งเจ้มาขัดจังหวะก็ยิ่งเสียเวลา”

“ค่ะ ยังไงรบกวนรีบนิดนึงนะคะ”

พอเจ้แกเปิดประตูออกไป สายธารก็หันมาทำหน้าไม่สบอารมณ์ใส่ผม

“นี่คุณ ไปพูดกับพี่เขาอย่างนั้นได้ไง”

ผมยิ้มตอบ “กูกำลังคิดอยู่ว่าจะหาเรื่องทำให้ที่นี่เจ๊ง กูจะได้กลับไปทำงานเป็นสายเต็มๆ เหมือนเดิม”

“คุณจะบ้าเหรอ โรงแรมระดับนี้จะให้เจ๊งได้ไง แล้วก็เลิกคิดได้ละ เรื่องสายเสยอะไรนั่นน่ะ”

“ถ้าอยากให้กูเลิกงานสายตำรวจ มึงก็มาทำงานที่นี่กับกู”

“เกี่ยวอะไรกับผม”

“ตามนั้น นี่เริ่มงานแล้วนะ ไหนล่ะท่อนแยม กูหิวแล้ว”

“คุณนี่มัน...” เหมือนจะนึกหาคำไม่ออก สุดท้ายสายธารก็ถอนหายใจ “ผมกลับละ ไว้จะคิดดู คุณไปพบคุณวิชิตเถอะ อย่าให้เขารอนาน”

ว่าแล้วเขาก็ลุกขึ้นหันหลังจะเดินไป

“เดี๋ยว” ผมรีบลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะออกมา และคว้าแขนเขาไว้

หมับ

สายธารหันกลับมา ขณะที่ผมจับข้อมือเขาพลิกดู

“ทำไมมึงไม่ใส่นาฬิกาเรือนนั้นแล้ว”

“ถ่านหมด แล้วก็...มันคงอยากพักผ่อนแล้ว”

“อยู่ก่อน กูมีเรื่องสำคัญจะบอกมึง” น้ำเสียงและท่าทีของผมเปลี่ยนเป็นจริงจังโดยไม่ตั้งใจ แค่นึกถึงว่าจะบอกเขาเรื่องนี้ผมก็เหมือนจะกลืนน้ำลายไม่ลงแล้ว

“อะไร”

“เรื่องพี่ภาณ”

สายธารตัวเกร็ง แต่ก็แค่ชั่วครู่เดียว จากนั้นเขาก็ลดแขนข้างที่ผมจับอยู่ลง และผมก็รู้สึกไม่มีแรงพอที่จะแค่กำรวบแขนเขาไว้ต่อไปได้ เขาก้มหน้าลง แล้วเดินเบี่ยงออกไปยืนตรงผนังกระจก ปล่อยให้ม่านอากาศห่อคลุมตัว ทอดสายตามองเลยสวนหย่อมออกไปไกล

ผมไปยืนข้างเขาเงียบๆ คำพูดที่เตรียมไว้ไม่รู้หายไปไหนหมด

“เรื่องพี่ภาณทำไมครับ” เขาเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน น้ำเสียงราบเรียบจนน่าแปลกใจ

“ก็...”

“ก็อะไร เวลามีค่านะ”

หืม? นี่เขากำลังเล่นมุกย้อนศรอยู่เหรอ

เวลานี้เนี่ยนะ

“จับคนร้ายได้แล้ว”

“ใครจับ คุณ?”

“มันไปสารภาพกับตำรวจเอง”

“หลังจากผ่านมาสองปีเนี่ยนะ”

“กูไปเตือนความจำมันนิดหน่อย” บอกแค่นี้พอ ไม่จำเป็นต้องบอกว่าไปเตือนความจำมันที่ไหน “ญาติๆ มันก็ตัดหางปล่อยวัดแล้ว มึงไปเยี่ยมมันในคุกได้นะ กูพาไป”

สายธารเงียบ

แล้วมุมปากเขาก็คลี่ออกเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

“ช่างมันเถอะ มันผ่านไปแล้ว รู้แค่ว่าคนร้ายถูกจับได้ พี่ภาณก็คงพักผ่อนได้อย่างสบายใจแล้ว”

ไม่เสียงสั่นเครือ

ไม่ดูแตกสลาย

เขาดูมั่นคงและเป็นผู้ใหญ่เกินวัย ชั่วแวบนึงผมรู้สึกว่าเขาอายุหกสิบบวกด้วยซ้ำ และที่สำคัญ บรรยากาศผ่อนคลายกว่าที่คิดไว้เยอะ

“ผิดคาดแฮะ” ผมพึมพำกับตัวเอง แต่เขาก็ได้ยิน

“ยังไง”

“มึงเป็นใคร แล้วทำอะไรสายธาร” ผมทำท่าตกใจ

“ไม่ตลก”

ผมมองเขาตั้งแต่หัวจดเท้า “ไหนเรียกชื่อกูอีกชื่อนึงดิ๊”

“พี่เรือ?”

“อีกชื่อ แบบที่สาวๆ ชอบเรียกอ่ะ”

“ก็อะไรล่ะ...ป๋าเรือสำราญ งี้เหรอ”

“เฮ้ย นี่มึงจริงๆ เหรอวะ เมื่อกี้กูนึกว่าวิญญาณคนอายุหกสิบมาสิง”

สายธารถอนหายใจและส่ายหัว แต่มุมปากแอบมีรอยยิ้ม จากนั้นท่าทีเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจังอีก “ผมมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณเหมือนกัน”

“หือ?”

คราวนี้เป็นเขาที่หันมองหน้าผมตรงๆ มองสบตาจนผมอดที่จะเบี่ยงสายตาไปด้านข้างไม่ได้

“ว่ามาดิ กูฟังอยู่”

“อืม...ขอบคุณ”

“เรื่องไร เงินเดือนกับโบนัส?”

“ที่ช่วยชีวิตผมไว้ตั้งสองครั้ง”

“อ้อ” ทำตัวไม่ถูกเลยเว้ย “ไม่ต้องคิดมาก กูแค่ช่วยเฮียยอช์ตทำงาน ต่อให้ไอ้หมอนั่นจะยิงหมาแมวกูก็จะโดดไปช่วยเหมือนกัน”

“ถือว่าผมพูดแล้วนะ ผมกลับละ คุณไปพบคุณวิชิตเถอะ”

เขาหมุนตัวตั้งท่าจะไปอีก

และแน่นอน มือผมกลับมามีเรี่ยวแรงแล้ว

หมับ!

“กูยังสัมภาษณ์ไม่เสร็จ”

“อะไรอีกล่ะ”

“มีเทสให้มึงทำนิดหน่อย...จะเป็นผู้ช่วยกู ต้องแก้ท่านี้ให้ได้ก่อน”

ฟึ่บ!

แล้วผมก็รวบตัวกอดเขาจากข้างหลัง ท่าเดียวกับตอนสอนต่อสู้ประชิดตัวให้เขาที่คอนโด ที่แตกต่างก็มีแค่ ผมเกือบจะหอมแก้มเขาแล้ว

“อะไรของคุณเนี่ย”

“จำการบ้านได้มั้ย แก้ให้ได้สิ”

“ปล่อย”

“ก็รู้อยู่ ดิ้นแบบเดิมยังไงก็ไม่หลุด”

“เดี๋ยวใครเข้ามาเห็นหรอก”

“งั้นต้องรีบหาทางแก้”

“คุณนี่มันไอ้...”

“ไอ้อะไร พูดให้ดี”

“ไอ้คุณพี่เรือ ปล่อยผม”

“เกือบเพราะแล้ว”

“พี่เรือ ป๋าเรือสำราญ พอใจยัง ปล่อยผม”

“น้องสังฆทาน นอกจากพี่จะไม่ปล่อยแล้วนะ โจทย์มันจะยากขึ้นอีกนิดด้วย”

ผมใช้แขนข้างหนึ่งล็อกตัวเขาไว้แน่น และใช้มืออีกข้างจิ้มๆ ไปที่จุดอ่อนไหวตามร่างกาย

“ฮ่าๆๆ โอ๊ย...เดี๋ยว นี่คุณ หยุด”

“แก้ดิ”

“ฮ่าๆๆ ขอหะ...หายใจก่อน”

ผมกลับมารวบกอดเขาสองแขนเหมือนเดิม ไอ้เด็กนี่บ้าจี้สุดๆ ถ้าไม่เว้นจังหวะให้หายใจคงขาดใจตายจริงๆ ระหว่างที่เขาหายใจอย่างกับคนเป็นโรคหอบกำเริบอยู่นั้น ความเงียบก็แอบย่องเข้ามาอีก

“...”

“...”

อะไรบางทำให้ผมไม่อยากเล่นจิ้มเอวเขาต่อ

แค่อยากกอดเขา และเกยคางไว้บนไหล่เฉยๆ แบบนี้

สายธารก็นิ่งไปเหมือนกัน เขาก้มหน้าลงคล้ายกับทุ่มความสนใจทั้งหมดไปที่มือผมที่รวบเอวเขาอยู่ แล้วเขาก็ยกมือตัวเองขึ้น...ไม่ใช่พยายามแกะออก แต่วางมือตัวเองทาบลง แล้วนิ้วโป้งก็เริ่มวนบนหลังมือผมเบาๆ

ชิบหาย ชักไม่ดีแล้ว

หรือดีวะ...

ระหว่างที่ผมกำลังมึนงงอยู่นั้น สายธารก็เงยหน้าขึ้นและเอี้ยวมาเล็กน้อย ปลายจมูกของเขาสัมผัสใต้คางผม อ้อมแขนผมคลายออกเล็กน้อยขณะเขาหมุนตัวกลับมา ตาสบตาในระยะประชิด แววตาเขาดูแปลกประหลาดแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันดูเหมือนมีอะไรบางอย่างเผาไหม้อยู่ในส่วนลึก ขณะที่ความฉ่ำเยิ้มฉาบเคลือบอยู่ภายนอก

ทุกอย่างดูเบลอๆ ไปเมื่อเขาตะแคงศีรษะและเขย่งตัวขึ้น

นี่เป็นภาษากายที่ยากจะปฏิเสธราวกับถูกมนต์สะกด และผมก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากตะแคงศีรษะไปอีกด้าน

จากนั้นก็...

ปึก!

เขาผลักตัวผมออกอย่างแรง

“แก้ได้แล้ว”

“ฮะ? อย่างนี้ก็ได้เหรอวะ”

“ก็แก้ได้ละกัน จบนะ การบ้านบ้าๆ ของคุณ ผมกลับละ”

หมับ!

คราวนี้ผมดึงตัวเขากอดจากด้านหน้า กดเอวแน่นจนตัวแนบชิดกัน “แก้ได้ที่ไหน แบบนี้มึงผูกปมให้มันแน่นขึ้นกว่าเดิมอีก” ผมฉีกยิ้มเหี้ยมเกรียม “อีกอย่าง มึงนี่ขาดความรับผิดชอบสุดๆ เริ่มอะไรไว้ ต้องทำให้มันจบรู้มั้ย แบบนี้...”

สายธารสะดุ้งทันทีที่ริมฝีปากผมบดลงไปหนักๆ ที่ริมฝีปากเรียวบางของเขา แต่อย่าฝันว่าจะผละออกได้ มือผมกดต้นคอไว้เรียบร้อยแล้ว เขาขัดขืนแค่ช่วงแรก ก่อนจะโอนอ่อนตาม เพราะนี่เป็นภาษากายที่ยากจะต้านทานยิ่งกว่ามนต์สะกดซะอีก

ความรู้สึกของผมเอ่อล้น ทะลักทลาย ทำให้มันกลายเป็นจูบที่ดุดัน หนักหน่วง และร้อนแรงที่สุดในชีวิต...

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ขอโทษนะคะคุณเรือใบ คือคุณวิชิตเขา...อุ๊ย”

ไม่แน่ใจว่าผมสามารถบุกรุกเข้าไปถึงใจกลางโลกที่เงียบเหงาของเขา

หรือเป็นเขาที่หลุดเข้ามาในโลกที่มักจะเดือดดาลของผม

ไม่สิ มันคือการพบกันครึ่งทางมากกว่า เปรียบเหมือนดาวสองดวงที่ดวงหนึ่งเต็มไปด้วยน้ำแข็งและอีกดวงไม่มีอะไรนอกจากภูเขาไฟพุ่งเข้าชนกัน และตอนนี้เราก็กำลังพลิกตีลังกาลอยเคว้งคว้างไปด้วยกัน ท่ามกลางเกล็ดน้ำแข็งเย็นฉ่ำ ละลองร้อนแรงของลาวา และเศษซากตัวตนเก่าๆ ของเราเอง

เสียงที่แทรกเข้ามาทำให้สายธารทำท่าจะหลุดไปจากวงโคจรที่ไร้รูปแบบของเรา ผมฉวยโอกาสนั้นรุกเขาต่อ ปลุกภูเขาไฟลูกเล็กๆ ให้ระเบิดด้วยลิ้นร้อนผ่าวของผมจนตัวเขาอ่อนยวบ แล้วค่อยผละริมฝีปากออกช้าๆ

จากนั้นค่อยหันไปมองเจ้ตุ๊กตาที่กำลังทำหน้าอย่างกับเห็นผีกลางวันแสกๆ

“บอกเขาให้รอก่อน อีกชั่วโมงนึง” สายธารแอบหยิกแขนผม ผมเลยแก้คำพูดใหม่ “เอาเป็นอีกยี่สิบนาทีละกัน...ไปบอกเขาสิครับเจ้ รออะไร”

“ค่ะๆ ไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”

หลังจากเจ้ตุ๊กตาออกไปผมก็หันกลับมาสนใจเขาต่อ

สายธารก้มหน้าอยู่และเบือนสายตาไปด้านข้าง หน้าผากเขาจดอยู่กับหน้าอกผมนิ่งๆ

“วันหลังล็อกประตูดีกว่า ติดตั้งระบบเปิดล็อกด้วยการสแกนม่านตาแม่งเลย”

“คุณมันบ้า”

“เออ รู้งี้กูน่าจะบ้าใส่มึงตั้งนานแล้ว”

“แล้วงี้ผมจะมองหน้าพี่ตุ๊กตายังไง คนอื่นๆ ที่พี่เค้าจะเอาไปเล่าต่อด้วย”

“ไม่อยากมองหน้า กูไล่ออกได้”

“ถ้าบริหารแบบนี้ โรงแรมพ่อคุณได้เจ๊งสมใจแน่ ปล่อยผมได้แล้ว ผมจะกลับ”

“อยู่นี่แหละ เดี๋ยวกูคุยกับไอ้วิชิตอะไรนี่แป๊บนึง แล้วเดี๋ยวกูขับไปส่งบ้าน จะได้เจอพ่อแม่มึงด้วย”

“เจอพ่อผม?” สายธารเงยหน้าขึ้นมาอย่างลืมตัว แล้วก้มลงอีก “เจอทำไม ไม่ต้อง”

“ทำไมไม่ต้อง”

“คุณไม่รู้จักพ่อผม”

“เออดิ พ่อมึงก็ยังไม่รู้จักกู”

“ไม่ใช่แบบนั้น พ่อผมหัวโบราณ เดี๋ยวเขาก็โวยวายอีก”

“พ่อมึงมีปืนมั้ย”

“มี ลูกซองยาว”

“เดี๋ยวกูเอาไปฝากสักสองสามกระบอก รับรอง คุยกันรู้เรื่อง”

“เขาจะใช้ไอ้กระบอกที่เอาไปฝากนั่นแหละยิงแสกหน้าคุณ”

“ก็เอาไปฝากแต่ปืนดิวะ อย่าเอาลูกปืนไป”

“คุณนี่...” เผลอเงยหน้า แล้วก็หลบไปอีก

ผมตะแคงศีรษะตามพยายามสบตาเขา “งั้นกูไปในฐานะเจ้านายมึงที่เพิ่งร่วมงานกัน ไปเจอพ่อแม่มึงหน่อย แล้วค่อยพามึงออกไปแรดกับเพื่อนเดอะแก๊งของมึงที่ผับ”

“เดอะแก๊ง?”

“เออ กูแจกแพ็กเกจทัวร์ฟรีให้ครบทุกคน ตอนนี้ก็นอนตีพุงอยู่บนห้องในโรงแรมนี่แหละ”

“...”

“เอ๊ะ หรือปล่อยให้เดอะแก๊งไปเมา แล้วมึงอยู่กับกูแค่สองคนดี”

“จะบ้าเหรอ ลากพวกมันมา แล้วแยกตัวได้ไง”

“งั้นก็ตามนั้น”

“เออๆ รีบไปหาคุณวิชิตได้ละ ผมจะไปหาอะไรรองท้อง ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง”

“อยากกินอะไรไปสั่งที่ห้องอาหารเลย แต่เดี๋ยวก่อน” ผมรั้งตัวเขาไว้ต่อ “วันนี้ฤกษ์ดี เงยหน้าขึ้นซิ”

“อะไรอีก”

“เงย”

“...”

“นี่มึงเขินเหรอ”

ผมได้ยินเสียงเขาแอบสูดหายใจคล้ายกับรวบรวมความกล้า ก่อนจะยกศีรษะขึ้น “อ่ะ เงยแล้ว อะไรอีก”

อะไรบางอย่างที่ลุกไหม้อยู่ในดวงตาเขาก่อนหน้านี้ดูไม่ร้อนแรงแล้ว แต่มันคล้ายกับจะคุกรุ่น หลอมละลาย และสั่นไหว

ผมแอบสูดหายใจเข้าเพื่อรวบรวมความกล้าเหมือนกัน “เรื่องสำคัญ กูจะบอกว่ากู...”

นิ้วเรียวยาวของเขาแตะริมฝีปากผมไว้ได้ทันท่วงที

“ไม่ต้องบอกหรอก ผมรู้”

คำพูดของเขาเป็นราวกับกุญแจที่ไขเปิดลิ้นชักลึกลับในตัวผม ซึ่งในนั้นบรรจุความรู้สึกที่แท้จริงของผมเอาไว้

“ไม่...” เสียงแผ่วๆ หลุดจากปากผม “มึงไม่รู้หรอก ต่อให้กูบอกมึงก็ไม่รู้ กูเพิ่งเข้าใจเมื่อกี้เองว่าความรู้สึกกูแม่งไม่มีคำพูด ถ้าจะให้มึงรู้ก็มีแต่ต้องแบบนี้เท่านั้น...”

ผมประคองใบหน้าเขาไว้ จูบเบาๆ ที่มุมปากแล้วขยับเลื่อนมาประกบริมฝีปากเต็มๆ คราวนี้เป็นจูบที่นุ่มนวล อ่อนโยน และชวนผ่อนคลาย ความรู้สึกจากลิ้นชักลึกลับของผมเอ่อท้นซึมซ่านผ่านปลายลิ้นไปสู่ตัวเขา ขณะเดียวกันผมก็รับรู้ถึงความรู้สึกของเขาที่ส่งทอดกลับมาด้วยวิธีเดียวกัน

โดยไม่ต้องเอ่ยคำพูดต่อกันสักคำ แต่สัมผัสนี้ก็ทำให้ผมรู้ชัดว่า...

ผมคือเรือใบของเขา

และเขาคือสายธารของผม








________________________

TALK

จบเนื้อหาหลักแล้วค่ะทุกคนนนน \(T___T)/ ใจหายแวบๆ แฮ่
จากวันแรกที่ลงนิยายเรื่องนี้ มาถึงตอนนี้ล่องเรือมากันไกลมากๆ เลยค่ะ > <
ดีใจมากเลยที่นิยายเรื่องนี้ทำให้ได้มาเจอทุกคนนะคะ
แต่ละวันที่ได้อ่านคอมเมนต์มีความสุขมากๆ เลยค่ะ T T
รวมทั้งเวลาเข้าไปอ่านแท็ก #รรรเรือ ในทวิต ยิ้มแก้มบานเลยค่ะ > <
ดีใจมากจริงๆ นะคะ ขอบคุณจากใจอีกครั้ง
ขอบคุณที่ให้โอกาสกันนะคะ T_________T
อ่านจบแล้วเป็นยังไงแชร์ให้ฟังได้ตลอดเลยนะคะ
รักที่สุด /กอดซบบบบ

________________________

แจ้งเกี่ยวกับตอนพิเศษ
เนื้อหาพารท์หลักจบแล้ว แต่ว่าจะมีส่วนของตอนพิเศษอีก 4 ตอนนะคะ
ซึ่งจะมีสองตอนที่มีในเล่ม และอีกสองตอนที่ไม่มีในเล่มนะคะ ดังนี้

1. ร.เรือ ร.รัก ร.เรา [1] [พาร์ทสายธารเล่า มีเฉพาะในเล่ม]
2. ร.เรือ ร.รัก ร.เรา [2] [พาร์ทเรือใบเล่า มีเฉพาะในเล่ม]

3. ร.รุก ร.รับ ร.เรือ [NC สายธารเล่า]
4. ร.รุก ร.รับ ร.รูม [NC เรือใบเล่า]

ทีแรกสุดตั้งใจว่าจะนำส่วนของตอนพิเศษที่มีเฉพาะในเล่มมาลงให้อ่านกันด้วย แต่ทางสนพ. ไม่อยากให้นำมาลงเว็บน่ะค่ะ เพราะจะกระทบกับเรื่องลิขสิทธิ์ (อดเลย แง) T__________T ขอโทษมากๆ เลยนะคะและขอบคุณที่เข้าใจนะคะ (T/\T)

แต่เพื่อแทนคำขอโทษที่ไม่สามารถทำความตั้งใจได้ และเพื่อขอบคุณที่ทุกคนตามเอาใจช่วยเรือใบสายธารมาจนถึงปลายทาง เราเลยเขียนตอนพิเศษเพิ่มอีกสองตอน ซึ่งจะไม่มีในเล่มนะคะ เพราะเขียนขึ้นภายหลังจากที่ต้นฉบับผ่านการพิจารณาแล้ว และจะเอาลงให้อ่านกันในนี้ยาวๆ เลยคับผม ที่สำคัญคือเป็น NC ค่ะ บทแรกสายธารเล่า บทที่สองเรือใบเล่า แง /ปิดหน้า

เพื่อความต่อเนื่องไม่มีสะดุดและฟินเต็มที่ แนะนำให้อ่าน NC หลังจากอ่านบทพิเศษทั้ง 2 ตอนในเล่มนะคะ > <

เลยจะนำบทพิเศษ NC มาลงให้อ่านกันหลังจากหนังสือวางแผงนะคะ (หลังวันที่ 17 ต.ค.) ถ้าใครที่ชอบอ่าน รออ่านกันนะคะ (เป็นเรื่องแรกในชีวิตที่เขียน NC เลยค่ะ จริงๆ คืออยากฝึกเขียนด้วย ฮ่ะๆ /เขิน) ส่วนถ้าใครไม่สันทัด nc ไม่เป็นไรเลยนะคะ ไม่อ่านก็ได้ค่า เพราะเนื้อหาฉากไม่กระทบกับเนื้อเรื่องหลักและตอนพิเศษที่มีในเล่มเลย เป็นแค่ฉากฟินๆ ร้อนๆ เกี่ยวกับชีวิตหลังจากที่จบในเล่มแล้วค่า สองตอนนี้จะอัพทิ้งไว้นะคะ เข้ามาอ่านได้ตลอดเลย ^ ^

ถ้าอ่านเรื่องนี้แล้วชอบ อยากเก็บพี่เรือใบแบบเล่มๆ ไว้ สามารถรับพี่เรือใบมาไว้ที่บ้านได้ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศนะคะ เดี๋ยวมาแจ้งรายละเอียดรูปเล่มอีกทีนะคะ ขอบคุณมากเลยค่า Appreciate มากจริงๆ ค่ะ T__T (รายได้ส่วนนึงจากหนังสือเล่มนี้ จะนำไปบริจาคเข้าโครงการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ เพื่อสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ จะได้ทำบุญร่วมกันกับพี่เรือและน้องธารกันนะคะ > <)

ขอบคุณทุกคนมากๆ นะคะ ถ้ามีอะไรอยากแชร์อยากเสนอแนะบอกได้เลยค่า

รักมากๆ เลย

สุดท้ายนี้ มีเซอร์ไพรส์ค่า! แจกโปสการ์ดพี่เรือใบกับน้องสายธารฟรีๆ ค่า กดเข้าไปรับในนี้ได้เลยนะคะ <3
http://bit.ly/Postcard_Ruabai (ปิดฟอร์มล็อตที่ 1 วันที่ 17 ต.ค. นะคะ)

หรือใครสะดวกมารับโปสการ์ดที่งานหนังสือก็ได้นะคะ
มีไปแจกลายเซ็น
วันที่ 28 ต.ค. 2561 เวลา 14.00 - 15.00
ที่งานหนังสือ ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์
ที่บูธ everY HallA Y05 ค่า
มาหากันได้นะคะ อยากเจอออ > <

ถ้าอ่านเรื่องนี้แล้วเป็นยังไง ฝากแชร์ความคิดเห็นด้วยนะคะ > <
ชอบอ่านมากๆ เลยค่ะ มีความสุขมากๆ ทุกครั้งที่ได้อ่านเลย ❤❤❤

แล้วก็ฝากติดตามนิยายเรื่องใหม่ด้วยนะคะ ชื่อว่า
ขอ Touch ที (แปะลิงค์เรื่องไว้ให้นะคะ)
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68642.0
เป็นแนวเฮฮา สาระไม่ค่อยมีค่า > <

ขอบคุณนะคะ เจอกันตอน NC นะคะ ❤


หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 12-10-2018 22:11:17
กรี๊ดดดดดดด มี NC ตอนพิเศษเหรอคะ
รออ่านค่ะ เพราะเราสายหื่น 555555

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ นะคะ :mew1:

 /me รักพี่เรือค่ะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Nung66669 ที่ 12-10-2018 22:33:59
แง! จบแล้วอ่าอิพีเรือก็ยังเป็นพีเรือ

ตั้งตารอเลยค่ะ :hao6:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 12-10-2018 23:19:28
พี่เรือ เป็นการบอกรักที่ไม่มีคำว่ารัก ฮือออ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: iasgnur ที่ 12-10-2018 23:43:17
ชอบพี่เรือมาก ๆ
ชอบคนแบบนี้ ไทป์นี้เลย
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-10-2018 04:21:57
สุขี ๆ กันไปแล้ว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 13-10-2018 10:19:09
นึกภาพเอ็นซีมุมพี่เรือแล้วเราจะขำกับความบ้าๆบอๆไหมคะ 555555555555555
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 13-10-2018 15:16:50
อิพี่เรือห่ามจริงๆ สายเปย์มาก
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 13-10-2018 22:53:18
อีพี่เรือทำฮาทั้งเรื่องมากเอาจริง 5555555555 แบบจะเศร้าละนะจะร้องละนะน้ำตาไหลย้อนกลับทุกครั้ง
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 14-10-2018 23:50:38
อีตาพระเอก บ้าาาาาา555
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Meen2495 ที่ 15-10-2018 02:22:01
อ่านรวดเดียวจบตอนเห็นคำว่า "นัดสุดท้าย"
ชอบสำนวนนะคะ ราบรื่น ลื่นไหล
บรรยายได้ดีเลย หน่วงอึนไปกับเรือใบและสายธาร
มีคำสะกดผิดบ้าง มีคำพิมพ์พลาดบ้าง แต่พอจะมองผ่านได้
สำหรับเวอร์ชั่นลงให้อ่านฟรี
สำหรับความสนุกที่ต่อเนื่อง และลุ้น (รวมถึงงงการบรรยายในบางจุด)
...
แต่ตอนจบที่ happy ending ... ชอบค่ะ
อ่านแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอกได้
... แม้จะไม่ตรึงให้อ่านทุกตัวเท่าที่คิดหวังไว้ว่า สำนวนดี ๆ แบบนี้จะทำได้
แต่โดยรวม โอเคเลยค่ะ

ขอบคุณนะคะ :bye2:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: dekying kukkig ที่ 15-10-2018 15:15:36
:katai2-1:  :katai2-1:  จริงๆ อ่านไปแล้วก็อมยิ้มไป 55555 ความพี่เรือนี่มันช่างพี่เรือซะจริง
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: seaNON ที่ 15-10-2018 21:58:31
 พี่เรือทำให้สายธารไหล หรือสายธารทำให้พี่เรือไหลo18
เรื่องนี้แต่งเนื้อเรื่องน่าติดตาม อ่านวันเดียวจบเลย
งานหนังสือ สู้ๆนะถ้าไปได้จะแวะไปหานะ
เรื่องใหม่จะติตามนะ :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: tangtey59 ที่ 15-10-2018 22:53:11
เรืองนี้สนุกมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: MyLavenderLand ที่ 15-10-2018 23:22:56
โหหหหห เรื่องนี้มันว้าวมากกก ตามมาจากกูรูในทวิตแนะนำต่อๆกันมา  เขียนดีมากเลยค่ะ เก่งมากเลย ภาษาสำนวน รูปแบบประโยค การใช้คำ จังหวะการยิงมุข ดีมาก อ่านแล้วไหลลื่น ทุกอย่างลงตัว ไม่มากไม่น้อย ชอบจริงๆค่ะ  :katai2-1:   เสียดายที่ไม่ได้ติดตามตั้งแต่ออนแอร์ แต่คิดอีกที ถ้าอ่านตอนโน้นคงขาดใจแน่ คนเขียน “คุณนางร้าย” ใจร้ายมาก ตัดฉับแต่ละตอนไม่มีอ่อนโยนกับคนอ่านเลย ต้องมีลงแดงแน่ๆ 5555

พี่เรือหล่อมาก ชอบมากเลย ผู้ชายคนนี้ นางมีอัตลักษณ์ที่มีเสน่ห์มาก เป็นผู้ชายปากหมา ซึน ที่แอบอ่อนโยน/ชอบทัดปอยผมให้น้อง น้องธารก็เป็นผู้ดีดูผิดวรรณะกับพี่เรือมาก จนรู้สึกชักสงสารน้องธารเลย ไม่น่ามาฤกษ์ไม่ดีมาได้กับพี่เรือเลย 555555

ขอบคุณนะคะ สำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้ เดี๋ยวจะตามไปสกรีมที่ทวิตด้วย เผื่อจะได้นิยายคุณนางร้ายมาอ่านเพิ่ม ขอบคุณอีกครั้งนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: tutatoomtam ที่ 16-10-2018 09:51:43
เป็นนิยายภาษาาดีอีกเรื่องที่ประทับใจ อ่านแล้วไม่ขัดใจอ่านลื่นไหลไปได้เรื่อยๆเนื้อหาสนุก รักพี่เรือมากกกกกกก  พี่เรือใจร้อนแต่มีความรอบคอบ หยาบด้วย 55555. ขอบคุณคุณคนเขียนนะคะที่เอางานดีๆมาให้อ่าน :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: mizzmizz ที่ 16-10-2018 21:31:25
ชอบมากเลย พี่เรือใบกะน้องสายธาร
ทำไมน่ารักแบบนี้ ขี้เก็กมากเว่อ 555+
เป็นกำลังใจให้คนเขียนเสมอนะคะ
รอติดตามผลงานต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 18-10-2018 01:54:30
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: brapair ที่ 18-10-2018 10:05:24
แงงงงงง จบแล้ววว รักเรื่องนี้มากก ชอบความพี่เรือ ฮือออ
จุ๊บน้องเบาๆตรงมุมปากนี่เราระทวยมากกก  :hao5:

หลุดขำออกมาตอนอิพี่เรือบอก
 ชิบหาย ชักไม่ดีแล้ว
หรือดีวะ...
555555555 เอ็นดูพี่แกอ้ะะะะ

ปล.เอ็นซีไม่มีในเล่มหรอคะะ  :o12:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: PUN ที่ 18-10-2018 22:39:36
ขอบอสแบบคุณเรือสำราญสักคนค่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: miwmiwzaa ที่ 18-10-2018 23:21:12
อ่านรวดเดียวจบ ขอบคุณ​มาก​นะ​คะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: sackyjung ที่ 19-10-2018 03:52:00
 :z3: :z3:ติดตามอย่างต่อเนื่องเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 19-10-2018 20:53:15
ตาม
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: junlifelove ที่ 26-10-2018 20:06:35
พี่เรือห่ามเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ สนุกมากๆเลยค่ะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 28-10-2018 05:17:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 28-10-2018 16:29:11
อ่านไปลุ้นไป พี่เรือเอ้ย
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: nijikii ที่ 02-11-2018 20:10:32
อ่านจบแล้ว
ต้องยอมรับว่าวิธีการบรรยาย
ให้ความรู้สึกแปลกใหม่มากค่ะ
แม้จะเป็นเหตุการณ์เดียวกัน
แต่พอมาจากมุมมองของพี่เรือกับน้องธาร
มันเห็นความต่างได้ชัด สัมผัสได้ว่าความรู้สึกมันต่างกันจริงๆ
ไม่เหมือนเรื่องอื่นที่แม้จะเล่าแบบสลับกันแบบนี้ แต่เราว่ามันน่าเบื่อ เหมือนอ่านซ้ำไปซ้ำมา
แต่เรื่องนี้อ่านแล้วสนุก ครบรส ครบเครื่อง
ชอบมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: sira_nann ที่ 03-11-2018 10:40:06
 :pig4: :pig4: :pig4:

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 04-11-2018 19:18:21
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: tong_pub ที่ 07-11-2018 10:55:41
จบแล้ว

นิยายเรื่องนี้ภาษาดีมากค่ะ เหมือนอ่านนิยายแปลเลย
การเดินเรื่องเข้าใจได้ ตัวละครมีไม่กี่ตัวแต่อ่านไหลลื่นมาก ไม่ขัดอะไรเลย และที่ทำให้แปลกใจสุดๆคือ 1 ตอนมี1บรรทัด
เราไม่เคยอ่านนิยายแบบตอนสั้นที่สุดแบบนี้มาก่อน ทำเอาอึ้งไปเหมือนกัน
แต่ขอบคุณมากที่สร้างสรรค์นิยายดีๆมาให้อ่านกันค่ะ

ปล.เห็นบอกว่ามีสนพ.ติดต่อมา ขอบอกเลยว่าเรื่องนี้สมควรตีพิมพ์จริงๆ และคิดไปถึงการทำซีรีส์เลยยค่ะ มันดีมากจริงๆ และแม้ยอดเมนต์ไม่ได้ถล่มทลาย แต่นิยายนี้คุณภาพมากๆ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าอ้วงงง ที่ 18-11-2018 08:03:29
อุ่ย ตอน4มาเฟี้ยวจริงๆค่ะ 555555  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพกระสุนนัดที่ 44: ร.ร้ายกาจ] 12.10.18| P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 07-12-2018 12:48:15
ชอบบบ เรื่องนี้มากค่ะ พระเอกผีบ้ามากกก  :hao7: เขียนได้สนุกไหลลื่น อ่านง่าย
ชอบการเปรียบเปรยที่ทำให้เห็นภาพ ในทุกๆซีนอารมณ์
จนเราอินคอยลุ้นตามตลอด เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนนะคะ
ปล. รอสเปฯ พี่เรือสำราญทอดสมออยู่น้าา  :impress2:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [ตอนพิเศษ 1] ร.รุก ร.รับ ร.เรือ 14.12.18| P.9
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 14-12-2018 21:50:12
หมายเหตุ: แนะนำว่าเพื่อความฟินที่ต่อเนื่อง
ควรอ่านตอนพิเศษ 2 ตอนจากในเล่มก่อนนะคะ > <
เพราะว่าจะมีเนื้อหาบางส่วนที่คาบเกี่ยวมายังตอน NC นี้ค่า
เพื่อที่จะได้เข้าใจทุกอย่างอย่างคอมพลีตที่สุดเลยค่ะ :D

ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ


กระสุนนัดพิเศษ
ร.รุก ร.รับ ร.เรือ



[สายธาร]

ตอนอยู่ท่าเรือยังดูอากาศแจ่มใสดี แต่หลังจากเราล่องเรือกันออกมาสักพักคลื่นลมกลับแรงขึ้นอย่างน่าประหลาด แสงแดดหายไป เมฆฝนก่อตัวทะมึน ลมพัดแรงคล้ายจะผลักไสเราให้ล่องลอยไปไกลจนกู่ไม่กลับ

“นี่เราออกมาไกลแค่ไหนเหรอ” ผมถาม

“ไม่รู้ดิ” เรือใบตอบสบายๆ

“กลับกันดีมั้ย”

“ผมมึงปลิวขนาดนี้ กูจัดทรงให้ไม่ถูกเลยว่ะ” เขาพูดพลางใช้มือเสยเส้นผมของผมไปมา ซึ่งผมก็ไม่ว่าอะไร “เหม่งเปิดเลยมึง”

“ผมพี่ก็ปลิว” ผมมองหน้าเขา แล้วเอี้ยวตัวไปมองใบเรือที่หุบอยู่ “พี่ได้ทอดสมอรึเปล่า”

“ไม่ นี่มันเขตน้ำลึก”

“เอ้า แล้วเรากำลังจะไปไหนอะ”

“กูไม่รู้”

“พี่ เอาดีๆ…”

เรือใบหยุดใช้มือแทนหวีอย่างที่ชอบทำ เปลี่ยนมาเป็นพาดแขนไว้ที่ไหล่ผม และทอดสายตามองออกไปไกลๆ “ปล่อยให้มันลอยไป”

นี่ฟังดูน่ากลัวรึเปล่า

เรือลำนี้คือเรือใบติดเครื่องยนตร์หรือเรือคาตามารันขนาดรองรับผู้โดยสารได้สิบห้าคน ลำเดียวกับที่เขาขับพาผมกับเดอะแก๊งไปทัวร์เกาะไม้ท่อน แต่วันนี้มีแค่เราสองคน อ้อ แล้วก็สปีดโบ๊ตที่ตอนนี้ตัวสั่นเทาอยู่ในอ้อมแขนผมด้วย เรือกำลังล่องไปอย่างไร้จุดหมาย และกำลังเริ่มโคลงเคลงขึ้นทีละน้อยเพราะคลื่นที่กระเพื่อมมากระแทกตัวเรือ

จากที่แค่จะขับเรือออกมากินลมเล่น แต่ตอนนี้ราวกับว่าเราหลุดเข้ามาอยู่ในอีกโลกหนึ่งที่มีแค่เรา เมฆสีเทา และความกว้างใหญ่ไพศาล

สายฟ้าแลบแปล๊บ ตามด้วยเสียงร้องครืนอยู่ไกลๆ สปีดโบ๊ตถึงกับครางหงิงๆ

“พี่ กลับเหอะ”

“มึงลองตะโกนดิ๊”

“ตะโกนทำไม”

“เออ ลอง หันไปทางฝั่งแล้วตะโกน”

“ตะโกนว่าไร”

“สักอย่าง”

ผมทอดสายตาไปที่ฝั่งซึ่งดูเหมือนจะอยู่ไกลเกินไป แล้วก็ตะโกนดังๆ “พี่เรือใบคนกาก!”

“กูกากเหรอ”

“ก็บางเรื่องอะ”

“เช่น?”

“กินเผ็ดไม่ได้”

“แต่มีหลายเรื่องที่กูไม่กากนะ”

“เช่น?”

“เดี๋ยวมึงก็จะรู้”

ยิ้มเจ้าเล่ห์ คือไรวะ

“อยากกินท่อนแยม!” จู่ๆ เขาก็ตะโกนบ้าง “คิดว่ามีคนได้ยินมั้ย”

“ไกลขนาดนี้ คงไม่อะ”

“ดี”

ดี?

ดีอะไร

ทำไมเริ่มน่ากลัวแล้ว

“สปีดโบ๊ตมันกลัวเสียงพี่อะ ฝนจะตกแล้วด้วย กลับๆ”

“ไอ้ปีด ถ้ามีปัญหามาก เดี๋ยวกูโยนให้ฉลามแดกนะ”

“มันนิ่งด้วย...นี่พี่พูดภาษาหมาได้เหรอ”

“นี่หลอกด่ากูใช่มั้ย”

“ก็มันนิ่งจริง ดูดิ”

“เดี๋ยวกูโยนให้ฉลามแดกทั้งคู่”

ผมเชิดหน้าขึ้น “กล้าเหรอ”

“ให้ฉลามแดกขามึงสักข้างแล้วค่อยช่วยขึ้นมา มึงจะได้นั่งรถเข็นไปตลอดชีวิตและยืนเยี่ยวไม่ได้”

“ฟังดูโรคจิต”

“มึงจะได้ไม่มีขาเดินหนีกูไปไหนอีก”

“...” อันนี้ฟังดูยังไงไม่รู้สิ “ทำไมคิดว่าผมจะเดินหนีพี่ไปไหนอีกล่ะ”

“วันดีคืนดีเกิดอารมณ์ติสแตกขึ้นมา เดี๋ยวก็อยากเล่นซ่อนหากับกูอีก”

“ไม่หรอก”

“ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า”

ฟึ่บ!

“เฮ้ยๆๆ” เขาผลักไหล่ผมจนหัวคะมำ หัวใจผมหล่นวูบลงไปในทะเลตรงหน้าแต่แล้วเขาก็กระชากตัวผมกลับ “พี่เล่นไรเนี่ย สปีดโบ๊ตเกือบร่วงเลย”

“หึๆ”

“โรคจิต”

“เออ”

เขากลับมาพาดแขนบนต้นคอผมอีก สายตาก็กลับไปมองที่ขอบฟ้าอีกแล้ว ท่าทีนิ่งๆ คล้ายกับว่าเมฆสีเทาพวกนั้นดึงดูดเขาให้จมดิ่งลงไปในหลุมบ่อความคิดสักอย่าง

ผมหันมองเมฆทะมึนนั้นด้วย และนึกถึงหลุมดำกลวงเปล่าที่เคยขยายกว้างอยู่ในอกผม ตอนนี้มันหายไปแล้ว หายไปเพราะ...เรือใบคนนี้ เมฆสีเทาเลยไม่ดึงดูดผม

นี่เราสลับบทบาทกันแล้วเหรอ

ผมกลายเป็นคนที่เลิกจมดิ่งกับแง่มุมความคิดแล้ว

ส่วนเขาก็เปลี่ยนเป็นคนซึมลึกชอบครุ่นคิดเหมือนผมเมื่อก่อน

“คิดอะไรอยู่” ผมถาม

“มึงไม่อยากรู้หรอก”

“ผมอยากรู้ดิ ถึงได้ถาม”

“คิดว่า จะปล้ำมึงท่าไหนก่อนดี”

“ไม่ใช่แล้ว”

“จะเริ่มจากขี่ม้าส่งเมีย หรือเรือสำราญโต้คลื่นดี”

“พี่! พอเลย ทุเรศ”

“ไหนบอกอยากรู้”

“ไม่อยากรู้ละ ลงไปห้องเคบินดีกว่า เดี๋ยวสปีดโบ๊ตไม่สบาย…” ผมหันหลังก้าวออกจากกราบเรือ แต่เรือใบยังยืนอยู่ที่เดิม “พี่ไม่ไปเหรอ ฝนจะตกแล้ว”

เขาหันมาฉีกยิ้ม “ท่าเรือเข้าอู่ก็ดีนะ”

เขาเอาคำบ้าๆ บอๆ พวกนี้มากลบเกลื่อนความคิดซึมลึกสักอย่างแค่นั้นแหละ ผมไม่พูดอะไรอีก แค่ยู่จมูกใส่เขา แล้วพาสปีดโบ๊ตเข้าไปในห้องเคบิน เคบินเรือลำนี้ทั้งกว้างขวางและหรูหรา ส่วนรับรองผู้โดยสารมีโซฟาแบบ Built In พร้อมกับโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ที่ปรับความสูงได้ ถัดไปอีกหน่อยเป็นห้องนอนขนาดใหญ่ที่มีฟูกหนานุ่ม สองคนนอนเหยียดตัวได้สบายๆ

ผมเข้ามาในห้องนอน นั่งลงบนเตียงและลูบหัวสปีดโบ๊ตเล่น ปกติมันจะออกแนวป่วนๆ แต่พออยู่ในเรือมันกลายเป็นหมาหงอยไปเลย ครั้งก่อนยิ่งอาการหนักกว่านี้อีก ผมลองปล่อยมันลงกับพื้น คงเพราะพื้นที่โคลงเคลงนิดๆ เลยทำให้มันร้องหงิงและเข้ามาคลอเคลียขาผมทันที

“งั้นก็ขึ้นมา นอนบนนี้เลย”

ผมอุ้มมันไว้ในอ้อมแขนพาทิ้งตัวลงนอน แต่ศีรษะโดนอะไรสักอย่างที่วางอยู่ข้างหมอน ทำให้ต้องลุกขึ้นนั่งอีก

นี่มัน…

อารมณ์หลากหลายค่อยๆ ก่อตัวขึ้นบริเวณท้องน้อย ทั้งตื่นเต้น สั่นไหว และอาจจะมีเศษเสี้ยวความหวาดกลัวเล็กๆ แทรกเจืออยู่

เขาไม่ได้เปลี่ยนเป็นคนคิดซึมลึกอะไรหรอก แต่คิดทุเรศอย่างที่ปากพูดนั่นแหละ

สปีดโบ๊ตเข้ามาดมๆ จะทำท่าจะแทะของที่ว่า ผมเลยอุ้มมันลงไปที่พื้น ส่วนตัวเองก็ทิ้งตัวนอนกดหน้ากับหมอนพลางหายใจ

เรือโคลงเคลงมากขึ้น

เสียงเปาะแปะบ่งบอกว่าฝนลงเม็ดแล้ว หรืออาจจะเป็นเสียงความคิดฟุ้งซ่านที่ระเบิดต่อเนื่องอยู่ในหัวก็ได้

เมาเรือแน่ๆ

“ทำไร” เสียงเรือใบดังแทรกเม็ดฝน ผมสะดุ้งลุกขึ้นมาเอาหมอนปิดไอ้ของพวกนั้นไว้โดยอัตโนมัติ หายใจลึกๆ ทีนึงก่อนจะหันไปมองเขา เรือใบอยู่ที่ประตู อยู่ในท่ากอดอกและเอาไหล่พิงกรอบประตูไว้ เส้นผมเขาเปียกชื้นเล็กน้อย หยดน้ำเกาะพราวบริเวณไรผม รวมถึงเสื้อยืดสีเทาเข้มที่สวมอยู่ก็เปียกจนบริเวณไหล่แนบติดกับผิว

ขนาดตัวผมไม่ได้เปียกฝนยังรู้สึกหนาวๆ แต่ดูเขาสบายมาก ปากคอไม่สั่นสักนิด แถมยังยิ้มมุมปากอีก

“ฝนตกแล้วเหรอ”

“ใช่” ดวงตาเป็นประกายวูบ แล้วเขาก็ผละจากประตูเข้ามานั่งบนเตียง

“เอ่อ...ฝนตกแล้ว งั้นเรารีบกลับเหอะ”

เรือใบไม่ตอบ เขาหยิบหมอนที่วางปกปิดของพวกนั้นอยู่ขึ้น รอยยิ้มที่อยู่แค่มุมปากคลี่กางออกราวกับว่าไม่ใช่ตัวเขาเองที่เอามันมาวางไว้ที่นี่ “กูไม่รู้มึงชอบแบบไหน เลยเหมาแม่งมาหมด”

“ไม่หนาวเหรอ” ผมพูดไปอีกเรื่อง

“มึงชอบแบบไหน”

“สปีด เป็นไรรึเปล่า”

“สายธาร” เรือใบวางมือข้างแก้มผมและออกแรงเบาๆ ให้ใบหน้าผมหันไปมองสิ่งที่อยู่บนเตียง “มึงชอบถุงยางแบบไหน”

ต้องพูดตรงขนาดนี้เลยเหรอ!

ใช่ มันคือถุงยางสารพัดแบบ กับเจลหลอดใหญ่

“ทำไมเยอะขนาดนี้”

“เหลือดีกว่าขาด เลือกดิ”

“ไม่ชอบสักแบบ”

“งั้นเดี๋ยวกูสุ่ม”

เขาว่าพลางควานมือละเลงถุงยางให้คละกัน ขณะที่สายตาคมกริบมองหน้าผมอยู่ นี่ถุงยางหรือสอยดาวงานกาชาดกันแน่!

“กะ...กลับกันดีกว่า คลื่นแรงเดี๋ยวเรือก็ล่มหรอก กลับฝั่งไม่ได้ทำไง”

“เรือกลับฝั่งได้แล้วตั้งแต่เจอมึง แล้วก็ไม่ต้องห่วง เรือไม่ล่มง่ายๆ หรอก” นี่ไม่ใช่น้ำเสียงเรือใบที่ผมเคยได้ยิน ไม่ใช่แววตาแบบที่เคยเห็น ขณะที่ผมยังงๆ อยู่นั้น น้ำเสียงเขาก็อ่อนนุ่มแผ่วเบาลงอีกระดับ “มานี่มา”

ตัวผมถูกดึงเข้าไป พร้อมกับตัวเขาที่โน้มเข้ามา

แล้วเรือใบก็นิ่งครู่หนึ่ง…

ไม่ใช่ด้วยความลังเล แต่คล้ายทอดเวลาอีกนิดเพื่อให้ผมเตรียมใจ ใบหน้าคมคายของเขาอยู่ใกล้มากจนดูเลือนราง และนั่นก็ทำให้ผมทำตัวไม่ถูกเหมือนเพิ่งตระหนักว่าเผลอเข้าใกล้งานศิลปะชิ้นเอกมากเกินไป สายตาผมโฟกัสจุดไหนชัดๆ ไม่ได้เลย แต่ก็ยังพอบอกได้ว่า ปอยผมเปียกชื้นปรกลงมาอยู่ที่หางคิ้ว ผิวหน้าดูใสสว่าง ลมหายใจแผ่วเบาบ่งบอกว่าอารมณ์เขามั่นคง อาจจะไม่ต่างจากตอนเหนี่ยวไกปืนเลยก็ได้

และเมื่อมองเข้าไปในดวงตาคม ผมก็เห็นตัวเองฝังลึกอยู่ในนั้น

ภาพตรงหน้าเลือนรางลงกว่าเดิมเมื่อใบหน้าเขาขยับเข้ามาอีก ปลายจมูกคมสันเกลี่ยไล้ร่องแก้มผม เปลือกตาผมปิดลงโดยอัตโนมัติ จากนั้นริมฝีปากเย็นๆ เพราะน้ำฝนก็ประกบกับริมฝีปากสั่นๆ ของผม แต่ลิ้นของเขาไม่ได้เย็นด้วย มันร้อน ราวกับว่ามีถ่านแดงคุกรุ่นอยู่ภายในร่างกาย

จูบของเรือใบ…

นี่คือสัมผัสที่ผมหลีกเลี่ยงมาตลอด

ไม่สิ

คือสัมผัสที่ผมโหยหามาตลอดมากกว่า

เรือโคลงเพราะคลื่นลูกใหญ่ซัดมา ตัวผมถึงกับเอนไปข้างหลัง ริมฝีปากเราผละจากกันชั่วครู่ ร่างกายผมอาศัยจังหวะนั้นสูดลมเข้าปอดได้เฮือกสั้นๆ และเป็นจังหวะเดียวกันที่มือเขากดหน้าอกผมให้ตัวนอนราบลง ก่อนที่ริมฝีปากจะโน้มตามมาประกบต่อ

เขาดูช่ำชองมาก ริมฝีปากผมตอบรับอย่างเก้ๆ กังๆ และคล้ายกับกว่าตัวเองลืมวิธีหายใจไปแล้ว เหมือนกำลังจมน้ำ ผมสั่งให้ตัวเองสูดหายใจเข้าถี่ๆ ซึ่งร่างกายก็ยอมตาม แต่ก็ยังรู้สึกหายใจไม่ออกอยู่ดี จูบของเขากำลังจะฆ่าผม มันทั้งดุดัน ตรงไปตรงมา และราวกับดูดกลืนชีวิตผมไปด้วย

ผมกำลังจะตาย

แต่เขาก็ยังไม่ผ่อนปรนลง…

“อื้อ”

“อือ”

เรือใบทำเสียงในลำคอตอบ เขาทรมานผมต่อช่วงสั้นๆ ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากไปด้านข้าง ผมหันหน้าไปอีกทางพร้อมกับสูดหายใจ รู้สึกเหมือนเพิ่งโผล่พ้นจากน้ำมาได้ แต่แล้วก็รู้สึกเบาโหวงเหวงไม่ต่างจากถูกฉุดให้ล่องลอยไปในอากาศ เมื่อริมฝีปากที่ร้ายกาจของเขาเริ่มขยับจากมุมปากไล่ลงมาบริเวณต้นคอ

“พี่…”

“อือฮึ”

“หยุดก่อน อายสปีดโบ๊ต”

“มันเป็นหมา ไม่รู้เรื่องหรอก”

“มันรู้…”

เรือใบผละตัวออกไปอยู่ในท่านั่ง ใจผมสั่นหวิว ไม่แน่ใจว่าเป็นความโล่งอกหรือกลัวเขาจะหยุดไปจริงๆ “ไอ้ปีด” เขาหันไปพูดกับมันที่ยืนเอียงคอมองมาที่เราอยู่ “ไปคอยที่มุมห้อง เข้าใจมั้ย ไป” แทนที่จะทำตาม มันกลับกระดิกหางขยับมาข่วนข้างเตียงทำท่าอยากขึ้นมาหาเรา

“เห็นมั้ย มันไม่รู้เรื่อง” เขาใช้มือจับคอเสื้อยืดด้านหลังและดึงออกทางศีรษะรวดเดียว ขยำมันลวกๆ เป็นก้อนปาส่งๆ ไปทางสปีดโบ๊ต ซึ่งมันก็งับไปฟัดเล่นทันที ผมหันกลับมาอีกทีก็ได้เห็นร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า แผงอกเขาดูกว้าง หน้าท้องมีซิกซ์แพ็กส์ รวมถึงร่องวีเชฟที่โค้งหายลงไปใต้ขอบกางเกง

แล้วเขาก็โน้มตัวลงมาอีก

“เดี๋ยว พี่…”

แต่ริมฝีปากประกบปิดกั้นเสียงผมไว้ คราวนี้จูบของเขาซับซ้อนกว่าเดิม บางจังหวะอ้อยอิ่งเนิ่นนาน บางจังหวะรุกเร้าหยอกเย้าแรงๆ

คลื่นซัดมาอีกลูกจนผมต้องกอดรวบลำตัวเปลือยเปล่าของเขาไว้แน่น เขากอดผมไว้เช่นกัน พอเรือโคลงเคลงน้อยลงริมฝีปากเขาก็ทำงานต่อ ค่อยๆ สำรวจจากแก้มผมไปที่ขมับ ใบหู ลงมาที่ต้นคอ และเคลื่อนไล้ไปที่ต้นคออีกฝั่ง

เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายผมสั่นไหว

สติหลุดลอยไป

มารู้ตัวชัดๆ อีกทีเมื่อเสื้อผ้าถูกถอดออกจนหมด เมื่อคุณต้องเปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้าใครสักคน ความกลัวจะแล่นเข้าเกาะกุมคุณแน่นอน อย่างน้อยก็วูบหนึ่ง เขาจะรู้จักตัวตนของคุณทุกซอกทุกมุม เขาจะก้าวเข้ามาในโลกส่วนตัวมุมที่ลึกที่สุดของคุณ และคุณจะไม่เหลือที่ว่างให้หลบซ่อนอีก

ผมกลัว…

แต่ริมฝีปากและมือของเขาเคลื่อนไหวอย่างเชี่ยวชาญเกินไป เกินกว่าจะต่อต้านหรือขัดขืน เรามาไกลเกินไปแล้ว ร่างกายผมอ่อนปวกเปียกไม่ต่างจากตุ๊กตาที่เขาจะทำอะไรก็ได้

“พี่…”

“หืม”

“อย่า…”

“ไม่ทันแล้ว”

“อย่าทิ้งผม”

เรือใบหยุดชะงัก

เขาคงไม่คาดคิดว่าผมจะพูดคำนั้น ตัวผมเองก็ไม่คิดเหมือนกัน เป็นคำที่ผลักดันให้ผมพลิกตัวตะแคงและเบือนหน้าไปด้านข้าง เรือใบเบี่ยงตัวมานอนอยู่ด้านหลังผม แขนเขาโอบรอบเอวดึงตัวเข้ามาชิด ท่อนแขนอีกข้างค้ำอยู่ข้างศีรษะผม

ใบหน้าของเขาจ่ออยู่ใกล้ๆ ข้างแก้มผม

ผมไม่ได้มองตาเขา แต่รู้สึกได้ว่า ต่อให้จ้องตรงๆ ก็คงเป็นแววตาที่อ่านยาก แล้วมือข้างที่โอบเอวผมอยู่ก็เลื่อนขึ้นมา...ใช้นิ้วลูบเบาๆ ตรงแผลที่ข้างขมับของผม

รอยแผลจากกระสุนปืนที่ถากขมับไปอย่างฉิวเฉียด

แค่แผลเล็กๆ และหายดีแล้ว แต่พอสัมผัสก็ยังเจ็บแปลบอยู่ลึกๆ

“มึงจำวันนั้นได้มั้ย”

“อือ…”

“กูโง่เองที่เข้าไปแย่งปืนมัน จนมันทำปืนลั่นข้ามไหล่กูไป”

“...”

“ข้างหลังกูเงียบมาก” เขาเว้นจังหวะคล้ายกับพยายามควบคุมน้ำเสียง “จนกูนึกว่ามึงทิ้งกูไปแล้ว”

“...”

“มึงยังอยากตายอยู่มั้ย”

“ไม่แล้ว”

เขานิ่งไป ก่อนจะโน้มลงมาจูบที่รอยแผลนั้น ราวกับอยากจะให้มันเลือนหายไป “ถึงอยากกูก็ไม่ยอมหรอก” จากนั้นริมฝีปากก็เลื่อนจากรอยแผลมาประกบปากผมอีกครั้ง

อย่าทิ้งผม ผมขอแค่นี้

เขาไม่พูดตอบ แต่สัมผัสนี้ก็เป็นคำตอบในตัวมันเองแล้ว

บางอย่างในโลกส่วนตัวของผมแตกสลายคล้ายกับฝุ่น อาจเป็นเศษซากความรู้สึกหม่นเศร้าที่ซุกซ่อนอยู่สักที่ หรืออาจเป็นเปลือกบางๆ เก่าเขลอะที่ผมสร้างขึ้นไว้ปกป้องตัวเอง แต่ตอนนี้ผมรู้สึกเปลือยเปล่า ไม่เหลือที่ให้หลบซ่อนอีก และเรือใบก็กำลังก้าวเข้ามาในโลกใบนี้แล้ว

ข้างนอกฝนตกแรงขึ้น ลมพัดอื้ออึง คลื่นซัดมาเป็นระลอกถี่จนตัวเรือโคลงไปมา

แต่ผมไม่กลัว

เขากอดรวบด้านหลัง ริมฝีปากที่ช่ำชองกลับมาขยับไล้เลื่อนอยู่บริเวณซอกคอผม คราวนี้ผมพลิกตัวไปตอบรับริมฝีปากของเขา

เราไม่ได้สื่อสารกันด้วยถ้อยคำอีก แค่ปล่อยให้ร่างกายมันพูดคุยกัน

ในที่สุดเรือใบก็เปลือยเปล่าไม่ต่างกัน แม้ไม่ได้มอง แต่ผมรู้ว่าถุงยางกับเจลที่เขาเตรียมมาถูกนำมาใช้แล้วด้วยมือที่นุ่มนวลของเขา ผมพยายามผ่อนคลายขณะที่สัมผัสจากเขาชวนให้บิดเกร็ง ในภาวะนั้นเหมือนกับว่าร่างกายของเราสองคนกำลังดิ้นรนเพื่อจะหลอมรวมเข้าด้วยกัน ทั้งความร้อนและความปรารถนาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงจุดที่เราต่างรู้ว่าพร้อมแล้ว แต่เขายังรั้งรออยู่ โดยที่จูบเร่งเร้าขึ้นทุกขณะเหมือนจงใจยั่วเย้าผม แต่ก็คล้ายวอนขออยู่ในที

“พี่…” ในที่สุดผมก็พูดขึ้น

“อือฮึ”

“มะ...ไม่ไหวแล้ว”

“กูก็ไม่ไหว”

เรือใบขยับตัวเล็กน้อย แล้วเขาก็ก้าวเข้ามาถึงจุดที่ลึกที่สุดในโลกส่วนตัวของผม…

ลมหายใจของเราทั้งคู่หยุดนิ่ง

โลกภายในของผมสงบนิ่ง สงัดเสียจนไม่ได้ยินเสียงคลื่นลมข้างนอก ได้ยินแค่เพียงเสียงลมหายใจห้วงสั้นๆ ของเรือใบตอนที่เขาซบหน้าลงมาตรงซอกคอผม ก่อนเขาจะเงียบนิ่งไปเช่นกัน

เป็นความเงียบงันก่อนพายุใหญ่จะโหมมา

ถึงอย่างไรเราก็ฝังตัวอยู่ในโลกเงียบนั้นไม่ได้นาน ร่างกายต้องการอากาศ และเราสองคนก็สูดลมเข้าเบาๆ แทบจะในจังหวะเดียวกันอย่างประหลาด

“กูทำมึงเจ็บหรือเปล่า” เขากระซิบถาม

“ไม่เคย” ผมไม่ได้หมายถึงตอนนี้ แต่รวมความถึงทุกสิ่งทุกอย่าง และเขาก็รู้

ไม่หรอก กูทำมึงเจ็บ
 เขาคงอยากจะพูดทำนองนั้น แต่แม้ไม่พูด อ้อมกอดที่กระชับเข้ามา รวมถึงลมหายใจที่เป่ารดต้นคอผมก็สื่อความได้เป็นอย่างดี มันเป็นลมหายใจของความรู้สึกผิดมากกว่าความเสน่หา

ความเงียบโอบล้อมเข้ามาอีก

เราต่างผ่อนคลายลงเล็กน้อย

ผมค่อยๆ เลื่อนมือจากแผ่นหลังของเขาขึ้นมาที่ต้นคอ ไล้มาประคองใบหน้าเขาดึงเข้ามาจูบ คราวนี้จูบของเขาอ่อนโยนอย่างเหลือเชื่อ ทั้งอ้อยอิ่ง เนิ่นนาน ทว่ากลับทำให้ความต้องการของผมโหมกระพือขึ้น

“พี่…”

“กูรู้”

ไม่มองหน้าตรงๆ ก็รู้ว่าเขากำลังยิ้มมุมปาก แต่เขาก็ยังไม่ตอบสนองสิ่งที่บอกว่ารู้ ริมฝีปากเขายังขบเล็มต้นคอผมอยู่ ราวกับจงใจทรมานผมไปเรื่อยๆ จนกว่าผมจะเอ่ยปากขอ

“พี่เรือ ผม…”

“อือ”

คลื่นลูกใหญ่ซัดเข้าหาตัวเรืออีกครั้ง แล้วเขาก็ยกตัวขึ้นและเริ่มเคลื่อนไหว อาจไม่ใช่ว่าเขาจงใจทรมานผม แต่เขากำลังรอคลื่นลูกนี้อยู่มากกว่า เพราะหลังจากนั้นเรือใบลำนี้ก็เคลื่อนไหวสอดคล้องไปกับจังหวะของเรือใบคนที่กอดผมอยู่ จนผมแทบแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร รับรู้เพียงว่าโลกทั้งใบแกว่งไหวไปมา

นี่ไม่ใช่จังหวะที่จะรับมือได้ง่ายๆ

ราวกับว่าคลื่นลมส่งพลังมาให้เรือใบ ผ่านทางใบเรือ เตียง และสิ่งของทุกชิ้นในนี้ แล้วเรือใบก็ส่งทอดพลังนั้นผ่านร่างกายของเขามาให้ผม พลังมหาศาลจนผมต้องเม้มปากสกัดกั้นเสียงไว้

จังหวะเริ่มไม่สอดคล้องกับธรรมชาติแล้ว แต่ดูจะสอดคล้องกับเสียงลมหายใจขาดห้วงของผมมากกว่า ผมสัมผัสได้ถึงเรือใบคนที่ผมรู้จัก คือ แข็งแกร่ง ดิบๆ และไม่ยอมคน แต่บางขณะก็สัมผัสได้ถึงเรือใบในแบบที่อ่อนโยนอย่างน่าประหลาด

แต่ส่วนมากออกไปทางหัวรั้นไม่ยอมคนมากกว่า เหมือนว่าเขากำลังเคลื่อนไหวร่างกายเยาะเย้ยคลื่นทะเล

สัมผัสของเขา

จังหวะที่เร่งเร้าของเขา…

มันทำให้โลกของผมเริ่มปริร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ ราวจะแตกเป็นเสี่ยง

ตอนนี้โลกภายนอก คลื่นอ่อนแรงลงแล้ว ทำให้เรือใบลำที่เราโดยสารมาแค่โคลงเคลงเบาๆ แต่โลกภายใน เรือใบของผมกลับเป็นตรงกันข้าม…ทั้งมั่นคง มุ่งมั่น และไม่ผ่อนปรน

ไม่ไหวแล้ว

“พี่เรือใบ...”

“สายธาร...”

ผมเรียกชื่อเขา

เขาเรียกชื่อผม

เหมือนว่าเรากำลังร้องเรียกกันท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำ และเราต่างไม่พูดอะไรอีก คงเพราะไม่มีคำไหนจะแทนความหมายได้ ไม่มีคำไหนงดงามพอที่จะเอ่ยออกมาในช่วงเวลานี้

ผมกอดรวบตัวเขาไว้ โอบประคองแผ่นหลังกว้างๆ ที่คอยปกป้องผมมาตลอดตั้งวินาทีแรกที่พบหน้ากัน จากนั้นก็หลับตากลั้นลมหายใจ รอจนกระทั่งพายุอันเนิ่นนานผ่านพ้นไป…

ในที่สุดเรือใบของผมก็ซบหน้าลงมากอดผมไว้นิ่ง

ขณะที่เรือใบของเรายังโคลงไหวเคว้งคว้างอยู่ท่ามกลางความกว้างใหญ่ของทะเล



_____________________________

แอ๊ก ;-; สวัสดีค่ะทุกคน แง
ไม่เคยเขียนฉากแนวนี้มาก่อนเลยค่ะ ;-; เป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ค่ะ ไม่รู้ว่าจะชอบกันมั้ย แง
คือด้นๆ ไปมั่วๆ เลยค่ะ ไม่กล้าลงดีเทลอะไรเยอะมาก แหงะ ฮือ ศัพท์เศิพมั่วไปหมด XD ฮื่อ อ๊อก~
แรกเริ่มเดิมทีตั้งใจให้พี่เรือมาแบบดุๆ แต่ไปๆ มาๆ เหมือนตัวละครเขาเป็นไปเอง
เลยออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ *ลูบหน้า* ทำไมเป็นพี่เรือที่แบบ ฮื่อ ฟหกด่าสง อ่อนโยนแบบดุนิดๆ แทน แง

ขอบคุณนะคะ เดี๋ยวเอาอีกตอนมาลงให้อ่านอีกนะคะ สนองตัวเอง สนองทุกคนไปด้วยกัน ❤
อ่านแล้วเป็นยังไงแชร์ให้ฟังได้นะคะ ขอบคุณมากเลยค่ะ

คิดถึงทุกคนนะคะ รักมากๆ เลย
ขอบคุณที่ให้โอกาสกันนะคะ ;__;
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพตอนพิเศษ 1] ร.รุก ร.รับ ร.เรือ 14.12.18| P.9
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-12-2018 22:19:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพตอนพิเศษ 1] ร.รุก ร.รับ ร.เรือ 14.12.18| P.9
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 15-12-2018 08:57:44
โอ้ยพี่เรือ โคลงเคลงอยู่กลางทะเล :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพตอนพิเศษ 1] ร.รุก ร.รับ ร.เรือ 14.12.18| P.9
เริ่มหัวข้อโดย: aisen ที่ 15-12-2018 10:25:00
ตอนที่รอคอยต่อจากเล่ม หวานๆในแบบของเขาหละพี่เรือน้องธาร
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพตอนพิเศษ 1] ร.รุก ร.รับ ร.เรือ 14.12.18| P.9
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-12-2018 01:31:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพตอนพิเศษ 1] ร.รุก ร.รับ ร.เรือ 14.12.18| P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 24-12-2018 16:02:05
โอ้ยยยย พี่เรือใบเจ้าสำราญ เล่นเอาเรือโคลงเคลงโต้คลื่นจนใจสั่นไหว~  :jul1:

ขอบคุณนะคะ สมกับที่คิดถึงและรอคอย ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพตอนพิเศษ 1] ร.รุก ร.รับ ร.เรือ 14.12.18| P.9
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 26-12-2018 20:07:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพตอนพิเศษ 1] ร.รุก ร.รับ ร.เรือ 14.12.18| P.9
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 27-12-2018 02:00:47
กรี๊ดดดดดดดดฉากโล้เรือนี้มันสุดมากกกกนึกว่าจะไม่มีตอนพิเศษซะแล้ววขอบคุณมากจ้าาาา
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพตอนพิเศษ 1] ร.รุก ร.รับ ร.เรือ 14.12.18| P.9
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 27-12-2018 13:08:29
ดี เนื้อเรื่องสนุก ภาษาดี

น้องธารก็ดี อิพี่เรือก็ดี  o13
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพตอนพิเศษ 1] ร.รุก ร.รับ ร.เรือ 14.12.18| P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Tin Tin ที่ 10-01-2019 13:23:44
ป๋าเรือออออออ
 :-[
หัวข้อ: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพตอนพิเศษ 2] ร.รุก ร.รับ ร.รูม 06.05.19| P.9
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 06-05-2019 21:52:44
สวัสดีค่ะทุกคน
เผลอหายไปนานเลย
ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ ช่วงที่ผ่านมามีหลายอย่างเกิดขึ้น
เพิ่งจัดระเบียบชีวิตอันแสนหรรษาจนลงตัวค่ะ :D
คิดถึงมากๆ เลยนะคะ
คิดว่าวันนี้น่าจะเป็นวันดีๆ สำหรับลงตอนพิเศษตอนสุดท้ายนี้

ขอบคุณที่ล่องเรือด้วยกันมาจนถึงวันนี้นะคะ
มันมีความหมายมากมายจริงๆ ค่ะ
ขอให้ตอนพิเศษสุดท้ายนี้ทำให้มีความสุขมากๆ นะคะ :)


หมายเหตุ: แนะนำว่าเพื่อความฟินที่ต่อเนื่อง
ควรอ่านตอนพิเศษ 2 ตอนจากในเล่มก่อนนะคะ > <
เพราะว่าจะมีเนื้อหาบางส่วนที่คาบเกี่ยวมายังตอน NC นี้ค่า
เพื่อที่จะได้เข้าใจทุกอย่างอย่างคอมพลีตที่สุดเลยค่ะ :D

ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ


กระสุนนัดพิเศษ
ร.รุก ร.รับ ร.รูม

[เรือใบ]

“อ้าว ทำไมพูดแมวๆ งี้ล่ะ...เออ งั้นก็ไว้ค่อยคุย” ผมกดตัดสาย แล้วห้ามตัวเองไม่ให้ปามือถือลงพื้น “แม่ง!”

“พี่ ใจเย็น” สายธารที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ พูด

“เหี้ย”

“มีวันไหนมั้ยที่พี่ไม่ด่า”

“กวนประสาท”

“หมายถึงผมหรือคนในสาย”

ผมทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ ความนุ่มของเก้าอี้ผู้บริหารพยายามปลอบโยนตูดผม แต่เหมือนจะไม่ได้ผล นี่คือโรงแรมสุดอลังการของป๊า ซึ่งผมไม่รู้ว่าจะแกว่งตีนหาเสี้ยนยอมพาตัวเองมาช่วยป๊าบริหารทำไม ถ้าไม่มีสายธารอยู่ตรงนี้ด้วยผมคงชิ่งไปแล้ว

“ทุกคนกวนประสาทกูหมด ยกเว้นมึงนี่แหละ”

“จริงดิ”

“ไอ้คนพวกนี้เป็นเทวดามาเกิดเหรอวะ เรื่องมากชิบหาย”

“มานี่มา” สายธารลุกขึ้นเดินอ้อมมาอยู่ข้างหลังผม พร้อมกับวางมือบนบ่าเบาๆ “นั่งนิ่งๆ เดี๋ยวผมนวดให้ ออฟฟิศซินโดรมแล้วมั้งพี่”

“เออ ออฟฟิศซินเดอเรลล่าไรนี่แม่งแดกกูทั้งตัวแล้วมั้ง ออกไปยืดเส้นยืดสายกันดีกว่า”

“ไปไหน ยังไม่เลิกงานเลย”

“งานห่านี่ไม่มีเวลาเลิกจริงๆ หรอก ไปเหอะ”

ผมลากสายธารออกจากออฟฟิศที่โรงแรม พาขับรถเลาะริมหาดไปช้าๆ การจราจรบนถนนของภูเก็ตเป็นมิตรกว่าในกรุงเทพฯ เยอะ เลยไม่ต้องรีบร้อน ระหว่างทางสายธารไม่พูดหรือถามอะไร เกือบจะดูเหมือนว่าเขาจมลงไปอยู่ในโลกส่วนตัวเหมือนช่วงที่เพิ่งรู้จักกัน แต่ดูจากรอยยิ้ม ผมเดาว่าเป็นโลกที่น่าอยู่กว่าเมื่อก่อน

โลกที่ตอนนี้ผมเข้าถึงแล้ว

เราไม่มีความลับต่อกัน แต่บางจังหวะก็มีระยะห่างที่พอเหมาะพอดี อย่างเช่นตอนนี้ เวลาเขานั่งเงียบๆ ผมชอบแอบเหลือบมองและเงี่ยหูฟัง ซึ่งในหัวผมก็มักจะได้ยินเสียงเขาพูดอะไรสักอย่างเสมอ

สิ่งหนึ่งในตัวสายธารที่ผมชอบก็คือ เขาทำให้ผมยิ้มได้ โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย

“พี่ยิ้มไร” สายธารถามขึ้น เมื่อก่อนเขาชอบเงียบไปนานๆ และเป็นผมที่มักจะถาม แต่เดี๋ยวนี้เวลาอยู่กันเงียบๆ เขามักจะเป็นฝ่ายถามก่อนมากกว่า

“อยากยิ้มก็ยิ้ม ทำไม กูมีปาก ยิ้มไม่ได้เหรอ”

“คิดไรอยู่ล่ะ”

“ให้เดา”

“คิดลามกอะดิ”

“รู้ใจ”

“หยุดเลย”

“ฮ่าๆ แล้วมึงล่ะ เงียบๆ คิดอะไร”

“ไม่ได้คิดอะไรทุเรศๆ เหมือนพี่ละกัน”

“ก็อะไรล่ะ”

“ก็...” สายธารเบือนหน้าไปมองนอกรถ “คิดถึงวันแรกที่เราเจอกัน”

ผมเหลือบมองเขา “คิดว่าไงมั่ง”

“เปล่า แค่คิดถึงเฉยๆ” ไม่รู้เจอกันได้ไง ผมได้ยินเสียงเขาพูดในหัว ก่อนเขาจะพูดต่อว่า “ไม่รู้ว่าพี่ไปเจอผมได้ไง แปลกดี”

“อืม”

“ขอบคุณนะ”

“อะไร”

เขาหันมามองผม “ที่ช่วยผม”

ผมหันไปมองทาง ไม่รู้จะพูดอะไรตอบ และเป็นจังหวะที่ต้องเลี้ยวรถเข้าคอนโดอันเป็นจุดหมายปลายทางพอดี สายธารคงกำลังจะถามผม แต่มีสายจากเจ๊ผู้จัดการฝ่ายการตลาดที่โรงแรมโทรเข้าเครื่องผมซะก่อน ผมส่งโทรศัพท์ให้สายธารเป็นคนคุยแทนในฐานะผู้ช่วย เขาเป็นคนหัวไว เรียนรู้งานเร็ว แถมยังรับมือกับปัญหาจุกจิกได้ดีกว่าผมเยอะ ถ้าว่ากันตามสายงาน ทุกคนก็ควรคุยกับสายธารก่อนอยู่แล้ว แต่บางคนยังชอบข้ามหัวเขาต่อสายตรงถึงผมตลอด โดยเฉพาะเจ๊การตลาดนี่แหละ

ผมขับรถขึ้นตัวตึกไปจอดที่ลานจอด เดินนำเขาไปที่ลิฟต์ พอเข้าไปในลิฟต์ได้ก็กดชั้นยี่สิบ ระหว่างนี้สายธารยังคุยโทรศัพท์อยู่ตลอด จากที่ฟังผ่านๆ ก็ปัญหาขี้หมูขี้หมาแบบเดิมนั่นแหละ

จนกระทั่งเราเดินออกจากลิฟต์

“ครับ...ได้ครับพี่ ขอบคุณที่แจ้งนะครับ...ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะแจ้งคุณเรือใบให้...สวัสดีครับ”

“อย่าเพิ่งแจ้งอะไรกูตอนนี้นะ ขี้เกียจฟังเรื่องงาน” ผมพูดดักทันทีที่เขากดวางสาย สายธารส่งมือถือคืนให้ผมและเดินตามหลังติดๆ

“เรามาหาใครเหรอ เพื่อนพี่หรือว่าลูกค้า”

“มาหาเรา”

“ฮะ?”

ผมนำมาเขามาหยุดที่หน้าห้องหนึ่ง “ไม่รู้จะอธิบายยังไง ดูเองละกัน” ว่าแล้วก็แตะคีย์การ์ดเปิดประตู

“...” สายธารนิ่งอึ้งหลังจากก้าวเข้ามาในห้อง ผมปิดประตูตามหลัง ก้าวมายืนข้างเขา “เหมือนคอนโดพี่ที่กรุงเทพฯ เลย”

“เกือบเหมือน”

ขนาดของห้องนี้เล็กกว่าที่กรุงเทพฯ หน่อย แต่แบบแปลนและการตกแต่งเหมือนกันจนเกือบเป๊ะ ทั้งโต๊ะ ตู้ เตียง ห้องนอน ห้องน้ำ หรือแม้แต่ระเบียง

“พี่ยกโซฟาตัวนี้มาจากกรุงเทพฯ เลยเหรอ”

“คนละตัว แต่รุ่นและสีเดียวกัน”

“เหมือนมาก” สายธารพูดพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาสีเทาเข้ม

“จะเหมือนกว่านี้อีก ถ้ามึงอ้วกใส่”

“บ้าดิ”

“หึ” ผมถอดเสื้อตัวนอกออกพาดบนพนักพิงโซฟา และจะนั่งลงข้างเขา

“พี่อย่าวางเสื้องั้นดิ ยับหมด มาผมเอาไปแขวน”

สายธารคว้าเสื้อผมเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ผมมองตามหลังเขา แล้วไปหยิบเบียร์ในตู้เย็นสองกระป๋องกลับมานั่งที่โซฟา ห้องเพิ่งตกแต่งเสร็จไม่นาน เฟอร์นิเจอร์ยังมีกลิ่นของใหม่อยู่ด้วยซ้ำ แต่ผมกลับรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายเก่าๆ ระหว่างเรา มันอบอวลอยู่ทั่วไปหมด

“เหมือนจริงๆ นะเนี่ย” สายธารกลับมานั่งลงข้างผม “อะไร มีเบียร์ด้วย”

“อือ เอาดิ”

“ยังท้องว่างอยู่นะ แต่ก็เอาเถอะ”

ผมกระดกเบียร์นำเขาไปก่อนแล้วเล็กน้อย พอสายธารเปิดยกขึ้นจิบบ้าง เราก็เงียบกันไปอีก ต่างคนต่างดื่มด่ำบรรยากาศเก่าๆ ที่เคล้าอยู่ในรสขมของเบียร์

“ทำไมพี่แต่งห้องเหมือนเดิมเป๊ะขนาดนี้อะ”

“ก็มึงไม่ยอมไปอยู่กรุงเทพฯ กูเลยต้องเอาสิ่งที่อยู่กรุงเทพฯ มาหามึง”

“...”

“ทำให้เหมือนทุกอย่าง ต่างแค่ว่า ต่อจากนี้มึงจะไม่ได้นอนที่โซฟา”

“ฮะ?”

ผมชอบมองเขานอนอยู่บนโซฟานะ แต่ตอนนี้ชอบให้เขานอนที่เตียงด้วยกันมากกว่า

“กูทำห้องนี้ให้มึง”

“บ้าเหรอพี่ นี่คอนโดทั้งห้อง จะมายกให้ผมได้ไง”

“งั้นก็เป็นห้องกู แต่ให้มึงมาอยู่ด้วย”

“ทำไมผมต้องมา”

“สวัสดิการพนักงาน อยู่ใกล้ที่ทำงาน ไม่ต้องเดินทางไกล”

“แบบนี้ก็ได้เหรอ ไม่เอาอะ นี่มัน...มากเกินไปแล้ว”

“มึงเป็นผู้ช่วยกู ก็ต้องมาอยู่ช่วยกู”

“ฮะ!?”

“ช่วยเอาเสื้อไปแขวน ล้างจาน ทำอาหาร เช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้กู”

เขายิ้ม “พี่ไม่มีมือเหรอ”

ผมยิ้มบ้าง “งั้นกูจะมีผู้ช่วยไว้ทำไมล่ะ”

“ผม...ต้องคุยกับแม่ก่อน”

“กูคุยเอง”

“พี่ อย่ามัดมือชกงี้ดิ”

“งั้นมัดมือทำอย่างอื่น”

“พี่!”

ผมหัวเราะพลางตบไหล่เขา “ท้องว่างใช่มั้ย งั้นมึงนั่งเฉยๆ”

“พี่จะทำไร”

“นั่งเฉยๆ ไม่ต้องลุกมาบอกอะไรกู”

ผมไปที่ตู้เย็นอีกครั้ง เอาขนมปัง แยม ไข่ และของที่จำเป็นต้องใช้มาที่ครัว พับแขนเสื้อขึ้นมาถึงศอกแบบลวกๆ แล้วลงมือทำท่อนแยมทอด โดยมีสายธารชะเง้อมองอยู่ตลอดเวลา สักพักก็เสร็จเรียบร้อย ผมตักใส่จานแล้วยกมาวางที่โต๊ะเตี้ยหน้าโซฟา ที่ผ่านมาเคยทำได้ดูน่ากินกว่านี้นะ แต่จานนี้ก็ถือว่าพอทน

“เฮ้ย พี่ทำเป็นเหรอ”

“กูหัดทำตอนมึงไม่อยู่”

“...”

“ลองกินดิ”

สายธารนั่งเฉย เขาก้มหน้าลงนิดๆ มองกระป๋องเบียร์ในมือตัวเอง “ผมขอโทษ”

“เรื่องไร”

“ที่หนีพี่มา”

ผมก้มหน้าลงมองกระป๋องเบียร์ของตัวเองบ้าง “เรื่องขี้หมา ยังไงกูก็ตามหามึงเจออยู่แล้ว แต่ก็ดีที่มึงหลบหน้ากูมาอยู่นี่ ทำให้กูรู้ว่ากูต้องการอะไร”

เราหันมองหน้ากัน

สายธารยิ้ม ก่อนจะหยิบท่อนแยมใส่ปากเคี้ยวด้วยสีหน้านิ่งๆ ผมแอบลุ้นอยู่เงียบๆ จนกระทั่งเขาพูด “สงสัยผมต้องมาช่วยพี่ทำกับข้าวจริงๆ”

“แดกๆ ไปเถอะ”

“ฮ่าๆ ล้อเล่นน่า”

“พรุ่งนี้มึงย้ายของเข้ามาอยู่เลยละกัน”

“เร็วไป”

“กูรอนานแล้ว”

“เอาแต่ใจ”

“ไม่อยากให้เอาแต่ใจ มึงก็เอาใจกูเยอะๆ”

“ไม่คุยด้วยละ ผมไปดูห้องดีกว่า” ว่าแล้วเขาก็ลุกขึ้นไปเดินสำรวจ ส่วนผมหันมาหยิบท่อนแยมกินแกล้มเบียร์ ตาไม่ได้มอง แต่หูยังฟังเสียงเขาพูดถึงข้าวของชิ้นโน้นชิ้นนี้อย่างตื่นเต้น ทั้งที่ตอนอยู่กรุงเทพฯ เขาไม่ตื่นเต้นกับอะไรเลย แทบจะใช้ชีวิตอยู่แค่โซฟาเท่านั้น

เสียงเขาเงียบไปแล้ว

ผมกระดกเบียร์อึกหนึ่งแล้ววางมันไว้ที่โต๊ะ จากนั้นก็ลุกไปหาเขาที่ห้องนอน “สายธาร…” แวบแรกผมคิดว่าเขาอยู่ในห้องน้ำ แต่แวบต่อมาสัญชาตญาณบอกว่าเขานอนราบกับพื้นแอบอยู่ตรงข้างเตียงนั่นแหละ ผมแกล้งตามน้ำทำเป็นไม่รู้ และหันหลังทำท่าจะเดินออกจากห้อง

ฟึ่บ!

เขาโผล่จากที่ซ่อนมารวบกอดผมจากด้านหลัง

“แก้ท่านี้ยังไง”

“ไม่แก้”

“เอ้า ไหนว่าจะสอนไง”

“ไม่แก้ ให้มึงกอดกูไปเรื่อยๆ แบบนี้แหละ”

“งั้นไม่กอดละ”

“เออๆ สอนก็ได้ กอดแน่นๆ” สายธารกอดตัวผมอีกครั้ง โดยรวบแขนทั้งสองข้างผมให้แนบตัวไว้ด้วย “แบบนี้ถ้าดิ้นหรือโยกตัวยังไงก็ไม่หลุด วิธีแก้ก็ง่ายๆ...ย่อตัวลงพร้อมกับกางศอกทั้งสองข้างออกนิดๆ แบบนี้ เห็นมั้ย แขนคนที่กอดคลายนิดนึงแล้ว ทีนี้ก็แค่ขยับขาขวามาอยู่หลังขาซ้ายของคนกอด ใช้มือจับต้นขาสองข้าง แล้วก็หมุนตัวไปทางขวาเทแม่ง แบบนี้”

ผมไม่ได้เทสายธารให้ล้มคว่ำไปจริงๆ แค่ออกแรงท่าจับหมุนตัวนิดๆ พอให้เห็นภาพ แต่ตัวเขาเองก็ถึงกับเสียหลัก จนต้องกอดรั้งคอผมไว้เพื่อไม่ให้ล้ม

“ดูง่ายอะ ขอลองบ้างดิ”

“ได้”

ผมเปลี่ยนไปกอดด้านหลังเขาแทนบ้าง พออยู่ในท่านี้ผมก็ห้ามตัวเองไม่อยู่ ต้องหอมซอกคอสักฟอด

“เฮ้ย ไรของพี่เนี่ย” รางวัลที่ผมได้ตอบแทนก็คือ ศอก กระตุกใส่หน้าท้องหนึ่งที

“หึ”

“พี่เอาดีๆ ต้องทำไงนะ ขอทวนสั้นๆ อีกที”

“ย่อตัวพร้อมกับกางศอก สอดขามาข้างหลัง หมุนตัวเทไปทางขวา”

“โอเค”

สายธารย่อตัวและกางศอก จุดนี้ทำได้ดีมาก แต่พอเขาจะสอดขามาข้างหลัง ผมก็ชักขาซ้ายตัวเองหลบไปด้านหลังเหมือนกัน พร้อมกับปล่อยอ้อมแขน แล้วเปลี่ยนมารวบตัวเขากอดจากด้านหน้าแทน แน่นอนว่าต้องหอมซอกคออีกฟอด

“ขี้โกง”

“ฮ่าๆ มึงช้าไง”

“ไม่เล่นละ ไปดูอย่างอื่นดีกว่า”

คราวนี้เขาดิ้นหลุดจากอ้อมแขนไปได้ง่ายๆ เพราะผมไม่ได้ฝืน ตอนอยู่คอนโดที่กรุงเทพฯ ด้วยกัน เขาเคยบอกว่าผมกักขังเขาไว้ในห้องไม่ให้ออกไปไหน ตอนนี้ผมเลยปฏิญาณกับตัวเองว่าจะไม่ทำอะไรให้เขารู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว แม้แต่อ้อมกอดหลวมๆ ที่เขาไม่เต็มใจก็จะไม่ทำ เขาอยากทำอะไร อยากใช้ชีวิตแบบไหน ได้ทั้งนั้น

ขอแค่ยังอยู่ด้วยกันก็พอ

ผมตามสายธารออกไปที่ห้องโถง เขานั่งชันเขาอยู่กับพื้นที่ระเบียงโดยมีกระป๋องเบียร์วางอยู่ข้างๆ ผมหยิบเบียร์ของตัวเองออกไปนั่งด้วย

ใกล้มืดแล้ว ดวงอาทิตย์กำลังติสต์แตกระบายสีส้มที่ขอบฟ้า

สายธารอาจกำลังครุ่นคิดบางอย่าง หรืออาจไม่ได้คิดอะไรเลย แต่แสงสุดท้ายของวันกำลังดึงดูดเขา ผมเลยไม่พูดอะไร แค่จิบเบียร์และมองภาพนั้นไปพร้อมกับเขา

“สวยดีนะ” สายธารพูด

“ไม่เห็นดวงอาทิตย์” ว่ากันตามตรง มุมนี้วิวไม่ดีเท่าไหร่ แถมยังมองไม่เห็นดวงอาทิตย์ที่อยู่หลังตึกหลังนั้นด้วย

“ไม่เห็น แต่ก็รู้ว่าอยู่ตรงนั้น”

“อืม”

คำพูดคำจา สงสัยต้องเอาหนังสือแนวกึ่งๆ ปรัชญาที่เขาอ่านค้างอยู่ไปซ่อนซะบ้าง

“แต่เดี๋ยวมันก็จะไม่อยู่แล้ว” กูเอาบ้างดิ คมว่ะ

“มันก็ยังอยู่ข้างนอกนั่นไม่ใช่เหรอ ในจักรวาลน่ะ”

สายธาร มึงจะเอาใช่ปะ

“เออ แต่แม่งก็ไม่อยู่ตลอดไป เดี๋ยวก็แตก”

“อือ” เขาเงียบไปสักอึดใจ ก่อนจะเอนศีรษะมาซบที่ไหล่ผม “เหมือนพี่ที่อยู่กับผมตลอดไปไม่ได้”

ชิบหาย อย่าดึงเข้าดราม่าดิวะ

ผมโอบไหล่เขา “กูอยู่นี่ จะอยู่นานจนมึงเบื่อเลย นานจนมึงแก่ลุกขี้เยี่ยวเองไม่ไหว”

“งั้นพี่คงลุกไม่ไหวก่อนผม”

“หึ ไว้รอดู”

ผมหันไปซุกจมูกสูดกลิ่นเบาๆ ที่เรือนผมของเขา ทำงานมาทั้งวันแต่ยังมีกลิ่นแชมพูติดค้างอยู่ แล้วพอหันไปมองวิวอีกครั้งความรู้สึกผมก็เปลี่ยนไป “อืม สวยดี”

อันที่จริงภาพดวงอาทิตย์ลับของฟ้ามักจะดูน่าหดหู่สำหรับผม ตอนอยู่คอนโดที่กรุงเทพฯ ผมเคยชอบออกไปว่ายน้ำตอนเย็น ช่วงเวลาที่กลางวันและกลางคืนทำสงครามห้ำหั่นกันจนเกิดเป็นรอยแผลสีส้มช้ำๆ ปริยาวที่ขอบฟ้า มีครั้งหนึ่งผมดำน้ำลงไปนานจนเกือบจะขาดใจ พอโผล่เหนือผิวน้ำอีกครั้งด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้ายเสี้ยวแสงสีส้มก็ลับหายจากขอบฟ้าไปพอดี

นั่นอาจเป็นสัญญาณบางอย่าง…

เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นเล็กๆ ที่ผมยังเดารูปร่างของมันไม่ออก รู้แค่ว่ามันพิเศษ ผมเลยถือเอาดื้อๆ ว่าจะกลายเป็นคนใหม่ เป็นเรือใบที่สมบูรณ์แบบ แต่มันไม่จริง ลึกๆ แล้วผมยังรู้สึกเว้าแหว่ง เป็นเรือใบที่ลอยเคว้งคว้างไร้จุดหมาย

จนกระทั่งตอนนี้ที่ได้นั่งดูแสงสุดท้ายของวันพร้อมกับสายธาร ผมถึงได้รู้สึก...สมบูรณ์แบบ ความเว้าแหว่งหายไปเหมือนมีจิ๊กซอว์อีกชิ้นเข้ามาเติมให้ภาพนี้มันเต็ม

“ดวงอาทิตย์เข้านอนแล้ว” ผมพูดหลังจากแสงสุดท้ายหายลับไป

“พี่พูดไรงี้ก็เป็นด้วย”

“พูดงี้ คือยังไง”

“ฟังดูปรัชญานะ”

“ติดเชื้อมึงอะดิ เข้าไปข้างในดีกว่า มืดแล้ว” เรากลับเข้ามานั่งที่โซฟาในห้อง ต่างคนต่างเปิดเบียร์กระป๋องใหม่ให้ตัวเอง “ดูหนังมะ”

“ไม่ได้เอาคอมมานะ”

“ทีวีข้างหน้ามึงนี่ไง คงมีช่องหนังสักช่องแหละ”

มีช่องหนังอยู่จริง และหนังที่เอามาออกอากาศอยู่ตอนนี้ก็ดูเก่ามาก เป็นแนวสายลับสักเรื่องที่ผมไม่เคยดู แต่ไม่เป็นไร ผมแค่อยากให้บรรยากาศเก่าๆ โอบล้อมเราไว้ มีแสงวูบวาบจากหน้าจอ นั่งตัวติดกัน พาดแขนไว้บนบ่าเขาแบบนี้ แล้วก็จิบเบียร์ไปเรื่อยๆ

หนังน่าเบื่อจนผมจะเคลิ้มหลับ มารู้สึกตัวชัดๆ อีกทีก็ตอนที่มีอะไรวุ่นวายกับปากผม

จูบของสายธาร

“ลักหลับกูเหรอ”

“อือฮึ”

“มานี่เลย”

“อยู่เฉยๆ” เขากดหน้าอกผมพร้อมกับขึ้นมานั่งคร่อมบนตัก ตอนนี้มืดแล้ว ไฟในห้องไม่ได้เปิด มีแค่แสงวูบวาบจากหนังแอ๊คชั่นในทีวี

“ทำไมกูต้องเฉย”

“เดี๋ยวผู้ช่วยจัดการเอง”

“กูเป็นเจ้านาย” ผมปัดแขนเขาออกและใช้มืออีกข้างโน้มคอเขาเข้ามาจูบ สายธารตอบสนองอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะถอนริมฝีปาก ปัดแขนผมออกบ้างและกดไว้แน่นกว่าเดิม จากนั้นก็ซุกจมูกมาคลอเคลียอยู่ใกล้ใบหูผม

“เจ้านายอยู่เฉยๆ ครับ”

ถ้าเสียงมึงจะแหบพร่าขนาดนี้

อืม…

“ก็ได้ กูจะเฉย ดูว่าผู้ช่วยอย่างมึงจะเป็นงานรึเปล่า”

ผมเอนหลังพิงพนักโซฟา ปล่อยแขนทั้งสองข้างลงข้างตัว ปล่อยให้เด็กเมื่อนวานซืนทำอะไรก็ตามอย่างที่ใจอยาก ริมฝีปากที่กระซิบพูดกับผมเมื่อกี้เริ่มขบเม้มเบาๆ เริ่มจากใต้ใบหู ซอกคอ ไล้เลื้อยมาที่ริมฝีปากผม พอผมจะจูบตอบ เขากลับขยับหนีไปวุ่นวายกับซอกคออีกฝั่งแทน

ไอ้เด็กนี่มันร้าย

นี่คือสายธารเวอร์ชั่นไหนวะ ถ้าไม่เมาก็คงเกือบๆ แน่ ลมหายใจเขากรุ่นกลิ่นเบียร์ ตัวก็ร้อนผ่าวจนผมรู้สึกได้แม้ไม่ได้สัมผัส ริมฝีปากเขาเริ่มขยับลงไปสำรวจแถวๆ แผงอกผมแล้ว พร้อมกับมือที่ปลดกระดุมผมไปด้วย ผมเลยใช้มือข้างหนึ่งสอดมาปลดกระดุมเสื้อให้เขาด้วย

สายธารจิ๊ปากไม่พอใจ

“เห็นมึงร้อน”

เขาหัวเราะ “ผมกำลังทำงานอยู่ อย่ากวน”

“งั้นก็ตั้งใจทำงานให้มันดีกว่านี้ดิ๊ กูไม่รู้สึกอะไรเลย”

“ปากดีไปเหอะพี่เรือสำราญ”

“หึ”

กระดุมเสื้อเชิ้ตผมหลุดทุกเม็ดแล้ว ขณะที่ผมยังพยายามแอบปลดกระดุมเม็ดรองสุดท้ายให้เขา สายธารขยับจูบต่ำลงไปอีก มือผมเลยเอื้อมไม่ค่อยถึงกระดุมเม็ดนั้น ผมเลยช่างมัน เปลี่ยนมาสอดมือลูบแผ่นหลังเขาแทน แต่ตัวเขาก็ยังขยับต่ำลงไปอีกเพื่อถอดกางเกงตัวนอกให้ผม ผมไม่ว่าอะไร และนั่นเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ริมฝีปากเขาผละจากร่างกายผม

พอกางเกงตัวนอกถูกสลัดทิ้งไป เขาก็กลับมากดจูบที่หน้าท้องอีก มีทั้งหนัก ทั้งเบา ทั้งนุ่มนวล…พอเขาขบเม้มไล่ไปตามแนววีเชฟและดึงขอบกางเกงบ็อกเซอร์ลงต่ำเล็กน้อย ผมก็มั่นใจแล้วว่าเขาคิดจะทำอะไร

หนังแอ๊คชั่นน่าจะดำเนินมาถึงกลางเรื่องแล้ว ฟังจากเสียงปืนเสียงระเบิดที่ดังเป็นชุด แสงสีวูบวาบไปถึงเพดาน ผมมองแสงจางๆ ที่เปลี่ยนเฉดไปมาพลางเตรียมใจรับสิ่งที่กำลังจะเกิด

แต่มันกลับไม่เกิดขึ้น

สายธารแค่พ่นลมหายใจร้อนๆ ผ่านกางเกงใกล้จุดอ่อนไหวของผม ก่อนจะจูบลงไปที่ต้นขา ไล่ย้อนกลับขึ้นมาเฉียดๆ จุดนั้น แล้วเถลไถลขึ้นมาถึงหน้าท้อง

“สายธาร”

“หือ?”

“มึงเล่นงี้ใช่มะ ได้”



---- ต่อด้านล่าง ----
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพตอนพิเศษ 2] ร.รุก ร.รับ ร.รูม 06.05.19| P.9
เริ่มหัวข้อโดย: นางร้าย ที่ 06-05-2019 21:56:23
“เดี๋ยวๆ”

ฟึ่บ!

ผมรวบตัวเขาจับพลิกและดันให้ตัวติดพนักพิงแทนผม จากนั้นก็กดจูบหนักๆ ที่ซอกคอเขา

“อะ...อื้อ ไหนบอกจะอยู่เฉยๆ”

“มึงทำงานไม่ได้เรื่องไง ต้องให้เจ้านายสอน”

“เดี๋ยว”

ไม่เดี๋ยวแล้ว

ผมประกบริมฝีปากเขาเพื่อไม่ให้พูดอะไรอีก พร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าไว้ จะเรียกว่ากึ่งล็อกศีรษะไว้กับที่ก็ไม่ผิด เพราะตอนนี้เขาดิ้นหนีหรือเบี่ยงหน้าหลบไปไหนไม่ได้แล้ว

ทีแรกสายธารยังส่งเสียงอู้อี้พยายามประท้วง แต่ไม่ทันไรร่างกายก็ต่อต้านไม่ไหว ลิ้นของเราราวกับจะทำสงครามกัน ผลัดกันรุกผลักกันรับ ท่ามกลางรสขมของเบียร์และรสหวานจากแยมสตรอว์เบอร์รี่ที่ผสานกันอยู่ในปาก

เอาเข้าจริง จูบของสายธารยังค่อนข้างใสซื่อและมีลูกเล่นไม่กี่แบบ ทุกครั้งที่เขาหือขึ้นมา ผมจะโต้กลับไปทันที ทั้งหนัก ทั้งเบา รวมถึงขบเม้มทอดจังหวะ

ให้มันรู้ซะบ้างว่าผู้ใหญ่เขาจูบกันยังไง

อย่างที่บอก สายธารเป็นคนหัวไว เขาพยายามก็อปปี้การจูบของผมและใช้มันโต้กลับมา แต่ผมแกล้งถอนริมฝีปากออก ก่อนจะเปลี่ยนไปซุกไซร้ที่ซอกคอเขาแทน ทำไมตัวหอมจังวะ ทนไม่ไหวจนต้องเม้มริมฝีปากดูดแรงๆ ตรงจุดที่คิดว่าปกเสื้อเชิ้ตจะปิดร่องรอยได้มิดหลังจากผูกเนกไท

“พะ...พี่”

“อือฮึ”

“เบาๆ เดี๋ยวเป็นรอย”

“เบามานานแล้ว”

หรือปกเสื้ออาจจะไม่มิดก็ได้ ช่างแม่ง

ผมเลื่อนศีรษะต่ำลงมากดจูบอีกรอบ แล้วค่อยๆ เลื้อยลงมาเรื่อยๆ เสื้อเชิ้ตของสายธารยังอยู่เพราะเหลือกระดุมอีกสองเม็ดที่ยังไม่ได้ปลด รำคาญ กระชากแม่งให้กระดุมหลุดเลยละกัน

“เสื้อผม...”

“เออ”

“เสื้อขาดใช่มั้ย ตรงไหน”

“ตัวนี้ไม่สวย ไว้ค่อยซื้อใหม่”

“แต่…”

พูดมาก ต้องปิดปากด้วยจูบอีก ผมเริ่มจับทางมาได้สักพักแล้วว่าสายธารเป็นคนชอบจูบมาก ไม่ทันไรเขาก็จะเคลิ้ม บางครั้งถึงกับตัวไร้เรี่ยวแรงคล้ายหลุดเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง ผมเลยอาศัยจังหวะนี้ถอดเสื้อของเขา ตามด้วยปลดเข็มขัดและถอดกางเกง

สายธารเปลือยเปล่าทั้งตัวแล้ว ขณะที่ผมยังสวมกางเกงบ็อกเซอร์อยู่

เขาคว้าเอาหมอนมากอดบังร่างกายตัวเองไว้ ส่วนผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอยู่ตรงหน้าเขาโดยมีแสงจากทีวีสาดวูบวาบอยู่ข้างหลัง พระเอกน่าจะบุกไปที่รังโจรแล้ว ระเบิดลูกหนึ่งดังตูมสนั่น แสงสีส้มสาดอาบร่างเราทั้งคู่ แล้วอ่อนจางลงเป็นแสงเฉดสีฟ้าอ่อน

สายธารมองผม

ผมยิ้มให้เขา หยิบกระป๋องเบียร์บนโต๊ะเตี้ยๆ ด้านข้างขึ้นกระดก “มึงเริ่มเองนะ” ว่าแล้วก็ก้าวยาวๆ ไปที่ห้องนอน เปิดลิ้นชักหัวเตียงคว้าเอาถุงยางกับเจลโดยไม่มอง ตั้งแต่มีสายธารในชีวิต ผมตระหนักแล้วว่าของพวกนี้ก็ไม่ต่างจากปืน ควรเก็บไว้ใกล้ตัวตลอดเวลา เดี๋ยววันหลังต้องซ่อนไว้หลังโซฟาด้วยดีกว่า

ผมรีบกลับออกไป วางของไว้ที่โต๊ะแบบส่งๆ ก่อนจะนั่งข้างเขาและรวบตัวเข้ามากอด

แน่นอนว่าต้องสานต่อด้วยจูบ

จูบแบบผู้ใหญ่

จูบแบบสายลับที่แฝงตัวไปตามสถานบันเทิงและผ่านความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน

จูบแบบที่ผมรู้ว่าเขาไม่มีทางปฏิเสธ

ไม่ถึงนาทีร่างเขาก็อ่อนระทวยไปอีก คราวนี้ผมผ่อนแรงจูบลง เป็นนุ่มนวล ทอดจังหวะเนิ่นนาน สลับกับผละริมฝีปากมาไล้ซุกซนอยู่แถวๆ ต้นคอเขา ทำให้เขาส่งเสียงต่ำๆ ผมชอบให้เขาครางเคลิ้มและล่องลอยแบบนี้ ผมทำแบบนี้ได้ทั้งวัน…

แต่แล้วจู่ๆ เขาก็หายใจเข้าเฮือกหนึ่ง จับตัวผมพลิกให้พิงพนักโซฟาเหมือนตอนแรก จะขัดขืนก็ไม่ยาก แต่ผมเลือกที่จะโอนอ่อนตาม

“พี่ต้องโดนซะบ้าง”

เสียงมึงนี่ไม่เป็นผู้เป็นคนแล้วนะ ยังจะปากดี

แต่ผมก็อยู่เฉยๆ

สายธารเวอร์ชั่นห้าวจูบผมช่วงสั้นๆ แล้วเลื้อยต่ำลงไป เขาถอดบ็อกเซอร์ผมออก ทำท่าจะใช้ปากกับจุดนั้นแต่เลี่ยงไปคลอเคลียกับวีเชฟ และใช้มือนวดเฟ้นแทน ผมรู้ว่านี่เป็นลูกไม้ตื้นของเขา ซึ่งก็ยอมรับว่ามันชวนให้ใจสั่นยิ่งกว่าใช้ปากกับตรงนั้นจริงๆ ซะอีก

แต่แค่นี้ไม่เป็นปัญหา มันก็เหมือนเวลาตกอยู่ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน เช่น ต้องดวลปืนกับคนร้าย สิ่งที่ต้องทำคือปรับลมหายใจให้ยาวขึ้น ตั้งสติ เคลียร์หัวให้โล่ง หรือถ้ามันไม่ยอมโล่งก็หันไปโฟกัสอะไรสักอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องกัน

ผมหันไปมองท่อนแยมในจาน...ไม่ โฟกัสอย่างอื่นดีกว่า

โน้มตัวไปหยิบเบียร์มากระดกชิลล์ๆ ละกัน ตอนนี้เริ่มรู้สึกกรึ่มๆ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์ ซึ่งมันก็ช่วยได้เยอะ อารมณ์ที่ปะทุขึ้นมาผมควบคุมได้แล้ว

“พี่...ไม่ไหว”

อะไรไม่ไหววะ ไม่ใช่กูเหรอที่เป็นคนโดนกระทำอยู่

สายธารหยิบถุงยางกับเจลบนโต๊ะมาจัดการให้ผมเสร็จสรรพ จากนั้นก็คืบตัวขึ้นมาอยู่ในท่าคร่อมตัวผมไว้ แย่งกระป๋องเบียร์จากมือผมไปยกดื่มส่วนที่เหลือนิดหน่อยจนหมดกระป๋อง ทิ้งกระป๋องลงที่พื้น แล้วสานต่ออารมณ์ด้วยจูบอีกครั้ง

จูบแบบเด็กที่กำลังจะโตเป็นผู้ใหญ่

“ผมไม่ไหว” เขาพูดเสียงกระเส่าหลังจากถอนริมฝีปากออก

“หึ” ผมพาดแขนข้างหนึ่งไว้บนพนักโซฟาสบายๆ ใช้แขนอีกข้างโอบตัวเขาไว้หลวมๆ ขณะที่สายธารกอดรั้งคอผมไว้ด้วยแขนทั้งสองข้าง แสงโทนขาวสว่างวาบจากจอทีวีอาบใบหน้าซีกหนึ่งของสายธาร ภาพนี้กระตุ้นความจำผมให้นึกถึงวันแรกที่เจอกัน ตอนที่ผมลอบมองสำรวจใบหน้าเขาผ่านกระจกภายใต้แสงไฟสลัวๆ ที่ปั๊มน้ำมัน

ตอนนี้ใบหน้ากระจ่างใสที่ว่าอยู่ใกล้ผมมาก แต่ไม่ใช่สีหน้าของคนอมทุกข์แล้ว หน้าเขาดูเคลิ้มฝัน สันจมูกโด่งดูรับกับรูปปากที่เผยอน้อยๆ ทรงผมของเขาที่ผมมักจะจัดให้บ่อยๆ ตอนนี้ดูยุ่งกว่าเวลาปกติซะอีก แต่เป็นครั้งแรกที่ผมไม่อยากจัดปอยไหนให้ผิดไปจากที่เป็นอยู่ ทุกอย่างดูลงตัวดีแล้ว ราวกับผลงานศิลปะที่ไม่ควรมีใครแตะต้อง

แต่ให้ตายเถอะ ผมอยากแตะต้องเขา และต้องเป็นผมคนเดียวเท่านั้นที่จะได้สัมผัสเขาในแบบนี้

เราจูบกันอีก โดยที่มือฉ่ำเจลของผมจัดการช่วงล่างเขาอยู่ ส่วนมืออีกข้างก็ยกขึ้นมาทาบข้างแก้มเขาเบาๆ ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยผิวบริเวณนั้น ก่อนจะเลื่อนมือไปที่ต้นคอ สอดนิ้วเข้าไปในเรือนผมของเขา

สายธารครางอือ จับข้อมือผมผลักออกให้พ้นตัว ร่างกายเราคล้ายกับจะจัดระเบียบตัวมันเองจนอยู่ในท่าทางที่พร้อม หลังจากนั้น...เขาก็ค่อยๆ ทิ้งน้ำหนักตัวลงมา

ผมหลับตาลง

ใจแวบนึกไปถึงคลื่นลมในทะเล

ความอบอุ่นจากภายในร่างกายสายธารผสานเข้ากับความเย็นจากเจล เปรียบเหมือนกระแสน้ำอุ่นและเย็นไหลเวียนมาปะทะกัน

ร่างกายเราหยุดนิ่ง ผมลืมตาขึ้น มองสบตาเขาท่ามกลางความมืดสลัวและแสงวับวาบ ยังมีเสียงพระเอกกับตัวร้ายโต้คารมกัน แต่ผมฟังไม่รู้เรื่อง คล้ายกับว่ามีมวลอากาศห่อหุ้มเราสองคนไว้จนเสียงต่างๆ ซึมแทรกเข้ามาได้ไม่เต็มที่ หลังจากนิ่งอยู่สักพักเราก็ค้นพบวิธีหายใจอีกครั้ง ก่อนที่จะปลอบประโลมกันด้วยจูบที่แผ่วเบาที่สุด

จูบของคนสองคนที่ผ่านความเป็นความตายกันมา

จูบที่ทำให้ผมรู้สึกว่า เราจูงมือกันย่องเงียบกริบเข้าไปในโลกส่วนตัวด้วยกัน พอเราต่างผละริมฝีปากออก สายธารก็เริ่มขยับตัวช้าๆ พลางฝังหน้าเข้ากับซอกคอของผม ซึ่งเปรียบเสมือนเราได้ออกเดินทางลึกเข้าไปในโลกใบนี้ด้วยกัน และสำหรับผมมันดูลึกลับน่าค้นหามากขึ้นเรื่อยๆ

ไอ้โอมพูดถูก มันไม่มีเส้นบ้าบออะไรขวางกั้นให้เราก้าวข้ามไปเพื่อจะรู้สึกกับใครสักคนหรอก เหมือนตอนเรามองทะเล เราจะเห็นเส้นขอบฟ้าเป็นแนวชัดเจน ต่อให้ล่องเรือไปสุดขอบโลกเราก็ไม่มีทางจะได้ก้าวข้ามหรือแม้แต่แตะต้องเส้นนั้น เพราะเส้นขอบฟ้ามันไม่มีอยู่จริง

“สายธาร”

“อะ...อื้อ”

“กูรักมึง”

เขาชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็สอดมือทั้งสองข้างกอดรอบตัวผม ซบหน้าลงกับไหล่พูดด้วยเสียงสั่นๆ “ผมก็รักพี่”

ผมใช้แขนทั้งสองข้างกอดเขาไว้ในลักษณะเดียวกัน แล้วร่างกายเราก็หยุดนิ่งไปอีก ไม่มีคำพูดใดต่อ ไม่มีส่วนใดเคลื่อนไหว มีแค่มือที่ต่างลูบแผ่นหลังกันแผ่วเบา

“อย่าร้อง” ในที่สุดผมก็พูดหลังจากสัมผัสได้ว่ามีน้ำอุ่นหยดลงที่ไหล่

“ฮื่อ”

“มานี่”

ผมยกตัวเขาขึ้น ค่อยๆ โอบประคองเบี่ยงไปด้านข้างให้นอนตามแนวยาวของโซฟา ข้อดีของโซฟาตัวนี้คือกว้างและยาวพอให้สองคนนอนทาบกันได้โดยไม่อึดอัด ผมขยับช่วงล่างเพื่อให้เราเชื่อมต่อกันไว้ เพื่อให้ความรู้สึกอบอุ่นและอะไรก็ตามที่ผุดขึ้นจากเมื่อครู่ยังคงโอบอุ้มเรา จากนั้นก็ใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาออกจากแก้มให้เขา ตามด้วยจูบเบาๆ ตรงหางตา แต่เหมือนว่าจะเป็นการเรียกน้ำตาให้ไหลออกมาอีก

ผมเลยปล่อยให้มันไหล เปลี่ยนเป็นพรมจูบทั่วใบหน้า แล้วจัดทรงผมให้เขาแทน

แรงสะอื้นของสายธารสะเทือนเข้ามาถึงในอกผม มันกระตุ้นให้ความรู้สึกหลากหลายระเบิดออก ตอนนี้ผมเองก็ประคองตัวได้ยาก จนต้องซบหน้าลงไปที่ข้างศีรษะเขาและกอดเขาไว้นิ่งๆ

วันแรกที่รวบตัวเขาลงข้างถังขยะผมก็ทาบตัวเขาไว้คล้ายๆ แบบนี้

วันที่รวบตัวเขาหลบกระสุนที่บ้านร้าง ก็คล้ายๆ แบบนี้

แต่ไม่มีวันไหนเหมือนวันนี้ ขณะนี้ ราวกับว่าเรานอนซบราบลงกับพื้นด้วยกันเพื่อหลบลูกระเบิดที่ปลิวมาอย่างกับพายุ ซึ่งจะว่าไปก็ใช่ มันคือพายุทางอารมณ์ที่ฮือโหมอยู่ภายในตัวเรา จนเราทำอะไรไม่ได้นอกจากกอดกันไว้…

จนกระทั่งพายุนั้นเริ่มซาลง

ผมยกศีรษะขึ้น ใช้มือปาดน้ำตาให้เขาและจูบหางตาอีกครั้ง คราวนี้น้ำตาไม่ไหลออกมาอีก แต่มีรอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นมาที่มุมปากแทน ผมจูบที่รอยยิ้มนั้น แล้วขยับเลื่อนมาประกบปากกับเขา

พายุอารมณ์ลูกเล็กๆ ในอีกแบบหนึ่งก่อตัวขึ้น ขณะที่จูบผมก็เริ่มขยับตัวช่วงล่างไปด้วย แล้วเราก็เริ่มเดินทางต่อในโลกลึกลับของเราอีกครั้ง

เริ่มจากช้าๆ

เปลี่ยนเป็นสม่ำเสมอ

ผมยกตัวขึ้นมาอยู่ในท่านั่งคุกเข่าซึ่งเป็นองศาที่ถนัดมากขึ้น จากจังหวะสม่ำเสมอ เลยเปลี่ยนเป็นได้ทั้งช้าและเร็วสลับกัน

“อะ...อื้อ...พี่”

“อือ”

คล้ายว่าเขาพูดยาวกว่านั้น ผมเองก็รู้สึกอยากพูดตอบเขา แต่พูดได้ไม่เป็นคำ แล้วเราต่างก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ช่วงเวลาของคำพูด

ปล่อยให้ร่างกายพูดคุยกันดีกว่า

มือผมประคองเอวเขาไว้ ส่วนมือของสายธารจับแขนใกล้ๆ ข้อศอกผม บางจังหวะมีจิกเล็บด้วย แต่มันเป็นความเจ็บปวดที่ดี รู้สึกดีที่ให้เขาฝากรอยแผลเล็กๆ ไว้บนร่างกาย แม้ว่าหลังจากนี้มันจะเลือนหายไปก็ตาม

ในโลกลึกลับของเรา เราน่าจะวิ่งกันมาได้ครึ่งทางแล้ว ผมชะลอฝีเท้าลง ก่อนจะโน้มตัวลงไปจูบเขาเพื่อบอกให้รู้ว่าเราควรหยุดพักกันสักครู่ พักกันด้วยจูบที่อ้อยอิ่ง เนิ่นนาน...

เมื่อพักพอแล้วก็ยังไม่มีคำพูดสักคำ มีแต่ภาษากายล้วนๆ โดยผมผละตัวออกช้าๆ โอบประคองให้เขาลุกนั่ง สายธารเปลี่ยนมาอยู่ในท่าคุกเข่าตามแนวยาวของโซฟาก่อนจะซบหน้าลงกับเบาะอ่อนนุ่ม ผมขยับเบี่ยงตัวเล็กน้อยมาอยู่ข้างหลังเขา คุกเข่าข้างหนึ่งไว้บนเบาะ ปล่อยขาอีกข้างยืนบนพื้นห้อง

แล้วเราก็ออกเดินทางกันต่อ

ผมพาเขากึ่งวิ่งกึ่งเดินสลับกัน โดยที่รู้สึกว่าเมฆฝนกำลังตั้งเค้าไล่หลังมาอย่างรวดเร็ว ลมหายใจของเราขาดห้วง มวลอากาศที่คล้ายกับห่อหุ้มเราไว้ก่อนหน้านี้แตกสลายไปแล้ว หูผมได้ยินเสียงจากทีวีชัดขึ้น แสงวูบวาบที่สาดมาดูราวกับสายฟ้าจากพายุ

ผมพักหายใจอีกรอบ โน้มตัวลงไปกอดเขาพร้อมกับซุกหน้าลงที่ซอกคอ สายธารครางเสียงต่ำและพยักหน้าน้อยๆ เราเข้าใจกันโดยไม่พูด

ผมขบเม้มซอกคอใต้ใบหูของเขา ค่อยๆ ไล้เรื่อยมาที่ท้ายทอย จนถึงแผ่นหลัง

จากนั้นก็จูงมือเขาออกวิ่ง

วิ่ง

วิ่ง

วิ่งไปสุดแรง…

ในที่สุดเมฆทะมึนนั้นก็ไล่ทันเราและเทเม็ดฝนมาอย่างหนัก ผมกับสายธารหอบหายใจ แล้วทรุดลงด้วยกันตรงไหนสักแห่งในโลกที่ลึกลับของเรา มันเป็นบริเวณที่โล่งกว้าง เวิ้งว้าง ไม่มีสิ่งใดบดบังหยาดน้ำจากท้องฟ้า เราสองคนที่วิ่งมาจนหมดแรงแล้วเลยทำได้แค่นอนกอดกันอยู่ที่ตรงนั้นและเปียกปอนไปด้วยกัน

เราทั้งคู่ยังคงไม่มีคำพูด มีเพียงอ้อมกอดอุ่นๆ และลูบหลังปลอบประโลมกันไปมา ในระหว่างที่รอให้เม็ดฝนแห่งอารมณ์ซึ่งกำลังพร่างพรมลงมานั้นค่อยๆ สร่างซา

และจางไป…



____________________

ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนจบนี้นะคะ
นิยายเรื่องนี้จะสมบูรณ์ไม่ได้เลยถ้าขาดทุกคนค่ะ :D
ขอบคุณจากก้นบึ้งของหัวใจจริงๆ นะคะ

ทางนี้ได้นำรายได้ส่วนหนึ่งจากหนังสือ ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์
ไปบริจาคให้กับโครงการสมทบทุนซื้อเครื่องมือแพทย์ เพื่อสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 4,500 บาทค่ะ :D
(สามารถกดดูข้อมูลการบริจาคได้ที่ลิงก์นี้เลยค่า >> https://www.img.in.th/images/8f797c5e4eef408c4a08cfc070659c95.jpg )

นักอ่านทุกคนมีส่วนร่วมทำบุญช่วยเหลือโรงพยาบาลด้วยกันทุกคนเลย <3
ขอให้มีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้นในชีวิตนะคะ

สำหรับใครที่สนใจตัวเล่ม สามารถหาซื้อนิยายได้ทางร้านหนังสือทั่วไป และทางออนไลน์ค่า

ต่อไปนี้ไปเจอกันที่นิยายเรื่องใหม่ สายเฮฮา สาระไม่มีนะคะ อิๆ
ชื่อว่า ณ Touch ค่า :) >> https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=68642.msg3899224#msg3899224

สุดท้ายนี้...
บอกความรู้สึกหรือแชร์ความคิดเห็นสำหรับพี่เรือใบได้ตลอดเลยนะคะ
เวลาได้อ่านคอมเมนต์แล้วหัวใจพองโต ยิ้มแก้มจะแตก มีความสุขมากตลอดเลยค่ะ
ดีใจจริงๆ ที่เรือใบพาให้เราได้มารู้จักกัน
ตั้งแต่วันแรกที่เขียนนิยายเรื่องนี้จนถึงวันนี้
มีแต่เรื่องราวที่น่าจดจำเต็มไปหมดเลย

ขอบคุณจริงๆ นะคะ : ) <3
รักมากที่สุดเลย *กอดเอาไว้*

นางร้าย 06.05.19

หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพตอนพิเศษ 2] ร.รุก ร.รับ ร.รูม 06.05.19| P.9
เริ่มหัวข้อโดย: 15magnitude ที่ 09-05-2019 21:46:55
ซึ้งมาก จะร้องไห้ตามน้อง
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพตอนพิเศษ 2] ร.รุก ร.รับ ร.รูม 06.05.19| P.9
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 09-05-2019 21:55:43
 :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพตอนพิเศษ 2] ร.รุก ร.รับ ร.รูม 06.05.19| P.9
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 13-05-2019 15:18:45
อุดหนุนเล่มแล้วนะครับ ช้าไปนิดไม่ว่ากันนะครับคุณนางร้ายยย 555  :katai3:
ปล.ตอนพิเศษ 2 ตอนล่าสุดนี่ อ่าน NC แต่ทำไมเหมือนกำลังเสพงานศิลปะก็ไม่รู้  :hao6: (เป็น NC ที่บรรยายได้งดงามที่สุดตั้งแต่เคยอ่าน NC เรื่องไหนๆมาเลย  o13 o13 o13)

รอเรื่องต่อๆไปของคุณนางร้ายอย่างใจจดจ่อ :n1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพตอนพิเศษ 2] ร.รุก ร.รับ ร.รูม 06.05.19| P.9
เริ่มหัวข้อโดย: hoihak ที่ 19-05-2019 18:15:32
เขิ๊น :jul1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพตอนพิเศษ 2] ร.รุก ร.รับ ร.รูม 06.05.19| P.9
เริ่มหัวข้อโดย: NongJesZa ที่ 12-06-2019 23:24:02
fcป๋าเรือสำราญครับ 5555555 สายธารน้องของพี่ 55555 น่ารักมาก ชอบมากด้วย รักเลยแหละ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆสนุกๆแบบนี้นะครับผม รัก :กอด1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพตอนพิเศษ 2] ร.รุก ร.รับ ร.รูม 06.05.19| P.9
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 11:26:23
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพตอนพิเศษ 2] ร.รุก ร.รับ ร.รูม 06.05.19| P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Noonnaja ที่ 25-01-2023 12:27:37
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพตอนพิเศษ 2] ร.รุก ร.รับ ร.รูม 06.05.19| P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 29-01-2023 08:08:42
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ⛵____ร.เรือ ร.รัก ร.ฤกษ์____⛵ [อัพตอนพิเศษ 2] ร.รุก ร.รับ ร.รูม 06.05.19| P.9
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 01-02-2023 15:30:30
 :pig4: