หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18  (อ่าน 18934 ครั้ง)

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
รอวันที่เขาจัรักกันนะ

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ตอนนี้คือfeel goodมากๆ ทิคนี่คือร้ายไม่เปลี่ยนจอมวางแผนนักนะ555 รอให้บาสเข้าบ้านอยากอ่านรู้จะเป็นยังไง  :katai2-1:

ออฟไลน์ Vermilion Bird

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
24..ถ้าเธอไม่รู้สึก

“ถ้าไม่ใช่เพราะสมองเป็นเลิศอันชาญฉลาดของกูนะ เสียหายไปหลายแสน”

คนเล่าพูดด้วยท่าทีประกอบฟอร์มยักษ์อย่างกับหนังกู้โลก แต่ปากที่ดูดเจเล่บิวตี้ช่างขัดกับภาพที่กำลังเล่าเหลือเกิน

ปิง ลูป และบาส มองคลังที่กำลังเล่นใหญ่อยู่ข้างหน้าสุดของกลุ่มแล้วพากันยิ้มเป็นอันรู้กันว่าปล่อยไป ตอนนี้กำลังพากันเดินกลับแอสหลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จ

ที่คลังกำลังเล่าเรื่องใหญ่ไฟกระพริบอยู่ คือเมื่อเช้าเกิดเหตุขัดข้องของสายพานในแอสและคลังเป็นคนจับสังเกตเห็นและทำการแก้ไขทันท่วงทีเลยทำให้คุณเขาภูมิใจอยู่นี้แหละ แต่จริงๆที่คลังภูมิใจในตัวเองก็ถูกนะเพราะคลังทำดีจริงๆเมื่อเช้า

“อะไรของมึงอีก”

ลูปถามเมื่อคนเดินนำหน้าหยุดลงกะทันหันทำให้ทั้งกลุ่มต้องหยุดตาม คลังหันไปมองอะไรบางอย่างนอกอาคารที่เป็นกระจกใสมองเห็นข้างนอกได้

“กูกับไอ้ทิคนี้เหมาะสมแล้วที่คบกัน เพราะมันเก่งกูก็เก่ง เฮ้อออ”

ทุกคนหันมองตามคลังผ่านกระจกอาคาร ทำให้รู้ว่าคลังพูดถึงอะไร

ทิคและเอ็นจิเนียร์แอสห้ากำลังพาเอ็นจิเนียร์ของโรงงานสาขาสมุทรปราการที่มาดูงานเดินดูงาน โดยมีทิคเป็นคนเดินงานเป็นหลัก

“แม่งโคตรเจ๋งอะกูยอมรับเลย”

ปิงพูดมองทิคด้วยสีหน้าชื่นชม

“ติดต่อมันให้น้องกูดีไหมวะ!”

ปิงพูดแล้วหันกลับมาแต่ข้างๆคือบาส บาสเลยยิ้มตอบไป

ป่านน้องสาวปิงจะว่าไปก็เหมาะสมกับทิคเหมือนกันตอนนี้น่าจะเรียนอยู่ทันตะปีสี่แล้วถ้าจำไม่ผิด สวย เรียนเก่ง ฐานะทางบ้านดี เหมาะสมกันดี

“เออ ลองดิ น้องมึงสวยมันยังไม่มีแฟนพอดี”

คลังพูดเสริมแล้วกอดคอปิง

“อ้าว แล้วชมพูที่อยู่แอสห้าไม่ใช่แฟนทิคหรอวะ”

ลูปพูดถึงสาวสวยเลอค่าประจำแอสห้าที่ดูสนิทสนมกับทิคจนคนทั้งโรงงานคิดว่าเป็นแฟนกันทั้งที่ไม่เคยมีใครถามจริงๆจังๆถึงความสัมพันธ์นะแต่ดูจากการกระทำของทั้งคู่เอา

บาสเงียบฟังที่ลูปพูดแล้วคิดตาม ชมพูเขาเจอเธอสองครั้งแล้ว ตอนนัดคืนหมวกที่มาตามทิคและที่แอสห้าเขาช่วยเธอเก็บของที่เธอทำตกคราวนั้น

ทุกคนเดินต่อ บาสหันไปมองทิคอีกครั้งแล้วเดินตามเพื่อนไป


มันมีจริงๆนะไอ้ความรู้สึกด้อยกว่า มันทำให้ความรู้สึกเราดาวน์อย่างบอกไม่ถูก

วันนี้อากาศมันร้อนเกินไปหรือเปล่า ทำไมรู้สึกกระวนกระวาย ทำอะไรก็ไม่มีอารมณ์

เอกสารบนโต๊ะที่วางไม่เป็นที่ถูกเจ้าของโต๊ะเก็บรวมจัดโต๊ะตัวเองให้เรียบร้อย โทรศัพท์ประจำตำแหน่งในกระเป๋าเสื้อที่สั่นทำให้คนทำละมือจากของหยิบมันออกมากดรับ

“บาสครับ”

(ทำไร)

ตัววุ่นวาย...

บาสถอนหายใจเบาๆไม่ให้คนในสายได้ยินแล้วตอบคำถาม

“ไม่ได้ทำอะไร วันนี้ไม่วุ่นเท่าไร”

พูดไปมือก็เก็บโต๊ะไปด้วย

(เออ เดี๋ยวตามไป)

เสียงทิคตะโกนบอกใครสักคน บาสจึงเงียบให้ทิคพูดก่อน

(กำลังจะไปกินข้าว)

บาสยกข้อมือดูนาฬิกา เลยเวลากินข้าวมาเกือบชั่วโมงแล้วเพิ่งได้กินข้าวหรอ

“เขาห้ามใช้โทรศัพท์โรงงานคุยเรื่องส่วนตัว ไม่รู้หรอ”

บาสพูดประชด ตั้งแต่โทรมาทิคพูดแต่เรื่องไม่ใช่งาน

(กูรวย ค่าโทรมันจะเท่าไรกันจะเสียให้ทั้งบริษัทเลย)

หมดคำจะพูดจริงๆ

“แล้วพาเขาดูงานเสร็จแล้วหรอ”

(อีกนิดหน่อย)

(มึง)

“ว่า”

(ตกลงวันนี้ ไปบ้านกูนะ)

บาสละมือจากการเก็บโต๊ะ มาพูดกับทิคจริงจัง

“อยากให้ไปอะไรนักหนา คิดจะแกล้งอะไรอีก”

(คนเลวร้ายมันก็คิดอะไรเลวร้ายตลอดเนอะ)

“มึงนะสิ!”

บาสพูดกลับเสียงฉุน

(เลิกงานแล้วเดี๋ยวโทรหาถ้าไม่โทรไปก็โทรมา เข้าใจ)

“เออ”

บาสลากเสียงยาวประชดให้รู้ไปเลย

“ไปกินข้าวไป จะไปเช็คไลน์แล้ว”

ตู๊ด ตู๊ด...

อ้าว!

มันจะรีบวางไปไหม เขาควรเป็นคนวางก่อนสิ

บาสมองโทรศัพท์ในมือแล้วแยกเขี้ยวให้ใส่มันลงกระเป๋าเหมือนเดิมแล้วหันมาตั้งใจเก็บโต๊ะ เมื่อได้เวลาที่เหมาะสมจึงลุกขึ้นหยิบแฟ้มเดินออกจากห้องเพื่อไปตรวจไลน์การผลิต

ทำเหมือนทุกวันเดินดูการทำงานไปเรื่อย แต่ดีวันนี้ไม่มีเหตุขัดข้องอะไร บาสเดินเข้าไปหยิบน็อตที่พนักงานทำหล่นส่งคืนให้เจ้าของแล้วพูดด้วยสายตาเปื้อนยิ้ม

“ระวังครับ คิวเอมานู้นแล้ว”

พนักงานคนนั้นยื่นมือมารับน็อตจากมือบาส ยิ้มให้แล้วโค้งหัวขอบคุณนิดๆ หันไปมองคิวเอตรวจสอบงานหน้าขรึมประจำแอสที่กำลังเดินมาทางนี้

สิ่งที่ทำมันไม่ถูกก็จริงในเชิงการทำงานที่เห็นความผิดแต่ปกปิดให้ แต่บาสคิดเสมอว่าถ้ามันไม่ได้เกิดความเสียหายอะไรแล้วคนๆนั้นไม่ได้ตั้งใจทำไมต้องทำให้เกิดปัญหาละ ช่วยกันได้ก็ช่วยไป แบบนี้ไงถึงทำให้บาสเป็นที่รักของทุกคนในแอสคนอายุเท่ากันก็ยอมรับและชื่นชมคนอายุเยอะก็เอ็นดู

“โมเดลใหม่มาโอเคอยู่ใช่ไหมครับ”

บาสเดินเข้าไปหาพนักงานอีกจุดหนึ่งถาม เปลี่ยนโมเดลไปเรื่อยพนักงานก็ต้องใช้เวลากว่าจะเคยชิน

“ลงตัวแล้วค่ะ สองสามวันแรกร่างแทบแยกเหมือนกัน”

พนักงานสาวยิ้มให้คนถามมือก็ทำงานไปด้วย

“อดทนหน่อยน้า เดี๋ยวก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว”

บาสพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนยิ้มให้กำลังใจ รู้ดีว่าเวลาเปลี่ยนโมเดลใหม่พนักงานจะเหนื่อยมาก

“เห็นหน้าพี่บาสก็หายเหนื่อยแล้วค่ะ”

พนักงานใกล้ๆยื่นมือมาผลักไหล่คนพูดแล้วซุบซิบกันขำ ส่วนบาสได้แต่ยืนยิ้ม

“อะไรเล่า จะอายทำไม”

คนพูดแซวบาสพูดกับเพื่อนตัวเอง แล้วหันมาหาบาสที่ยืนเขียนรายงานลงแฟ้มอยู่

“พี่บาสมีแฟนหรือยังคะ”

“ไปเรียกเขาแบบนั้นได้ไง เขาเป็นคิวซีเอ็นจิเนียร์เลยนะเว้ย”

เพื่อนเธอพูดขัดขึ้นสะกิดคนที่ถามบาส

“ไม่เป็นไรครับเรียกบาสเฉยๆแหละดีแล้ว เราน่าจะห่างกันไม่กี่ปีนะ”

บาสพูดเสียงอ่อนหน้าอ้อนบอก ไม่อยากให้คนอื่นทำตัวห่างเหินกับเขาทำงานร่วมกันจะได้สบายๆ

คนถามยิ้มแฉ่งหันไปมุ่ยหน้าใส่เพื่อนตัวเอง แล้วหันกลับมาหาบาส

“สรุปพี่บาสมีแฟนหรือยังคะ”

“มีหรือไม่มีมันก็ไม่เกี่ยวกับงานที่กำลังทำอยู่หรอก”

ไม่ใช่บาสที่พูด

ทุกคนหันมองบุคคลที่สี่โดยพร้อมเพรียง


!


เป็นบงกชที่ยืนหน้านิ่งมองมา


ช็อคกว่าได้คำตอบว่าบาสมีแฟนแล้วซะอีก


“เปลี่ยนคิวซีเอ็นจิเนียร์คงจะดี”

“อย่านะคะพี่บง!”

เธอยกมือขึ้นห้ามบงกช แล้วยิ้มแห้งๆพูดออกไป

“จะตั้งใจทำงานแล้วค่ะ”

เธอยิ้มเจือนให้บงกชยกมือขึ้นพนมแล้วหันกลับไปทำงาน

“ถ้าตั้งใจทำงานให้เท่าแทะเล็มคนหล่อนี้แอสคงขึ้นที่หนึ่งไปแล้ว”

บงกชหันไปพูดเสียงดังจงใจให้ทุกคนได้ยิน ทำเอาพนักงานสาวๆคนอื่นที่กำลังแอบมองอยู่หลบตากันเป็นแถว พูดจบก็เดินจากไป

บาสแอบยิ้มขำกับเหตุการณ์เมื่อครู่ เขาอยู่กับบงกชมานานจนรู้ว่าเมื่อครู่บงกชไม่ได้โกรธอะไร ออกแนวแกล้งให้กลัวมากกว่า ส่วนเรื่องที่ถูกแซวนั้นเป็นเรื่องปกติที่เจอประจำจนชิน ถ้าเป็นพวกป้าๆก็จะเข้าไปเล่นด้วย แต่ถ้าเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกันก็จะยิ้มเขินหน่อยๆ

“สรุปมีไหมคะ แฟนนะ”

เห็นบงกชเดินจากไปเธอก็หันมาถามอีก

“ยังไม่เข็ดหรอแวว!”

เพื่อนคนเดิมหันมาตะคอกเบาๆ ตาก็เหลือบมองบงกชไปด้วย ดึงหน้าเพื่อนตัวเองกลับไป บาสได้แต่ยิ้มกับสิ่งที่เห็น



“ตรงเวลาเหลือเกินนะ”

รับโทรศัพท์ปุ๊บก็ยิงคำประชดทันที

(เคลียร์อีกนิดหน่อยก็เสร็จแล้ว ไปรอลานจอดรถเลยนะ)

“เออ ไม่มีอะไรงั้นแค่นี้นะ”

(อืม)

บาสเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าลงมือเก็บทุกอย่างบนโต๊ะให้เรียบร้อย แล้วตรงออกจากห้องไปจุดนัดพบ เดินกดโทรศัพท์ไปเรื่อยเพราะของที่เต็มมือและความไม่ระวังทำให้โทรศัพท์ตก เล่นเอาเจ้าของเครื่องตกใจรีบหยิบขึ้นมาดูทันที

“เชี้ย!”

บาสอุทานเสียงหลงพลิกโทรศัพท์ลูบๆคลำๆไปมา และพบว่าตรงมุมโทรศัพท์แตกไม่รู้ว่าแตกแค่ฟิล์มหรือแตกไปถึงตัวเครื่อง ว่าจะรักษาเท่าชีวิตแล้วเชียวอยากจะตัดนิ้วตัวเอง

“เบ๊อะ เร็ว”

เสียงเรียกทำให้คนที่กำลังนั่งจับโทรศัพท์อยู่ที่เก้าอี้ลานจอดรถเงยหน้าขึ้นมอง

“มึง”

ทิคเดินเข้าไปหาแล้วถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นสีหน้าบาส

“เป็นไร”

“กูทำโทรศัพท์ตก แตกเลยว่ะ”

บาสหน้ามุ่ยพูดแล้วก้มมองโทรศัพท์อีกครั้ง

“เวอร์ไปไหม”

“ของแพงขนาดนี้ทำเสียก็ต้องเสียใจไหมวะ”

บาสเงยหน้าขึ้นพูดเสียงห้วนใส่ทิค

“ซื้อใหม่ก็ได้”

“มึงจะบ้าหรอ เงินเดือนกูสองเดือนยังไม่พอเลย”

ทิคเห็นท่าทีจริงจังของบาสแล้วขำนั่งลงข้างๆ

“ทำงานโรงงานมันรายได้น้อย มาเป็นแฟนกูดิรายได้ดีนะ”

บาสได้ยินแบบนั้นก็ละมือจากโทรศัพท์มองทิค กระตุกยิ้มเบะปากให้

“เก็บไว้เลี้ยงตัวเองตอนแกเถอะ”

พูดจบก็ลุกขึ้นเดินออกไป คนถูกพูดใส่ได้แต่มองตามยิ้มๆ


ไม่ใช่ง่ายๆเลยคนนี้


รถแล่นไปตามทางเรื่อยๆคนในรถก็คุยตลอดทาง แปลกดีที่แต่ก่อนนั่งรถไปด้วยกันจะเงียบ แต่ทุกวันนี้คุยกันแทบไม่มีเวลาว่าง เรื่องไร้สาระยังยกมาคุยกันเลยบางที เช่นเรื่องอาหารในโรงอาหารไม่อร่อยและปากกาที่ชอบเลอะกระเป๋าเสื้อ

จนรถถูกจอดลงที่หน้าบ้านหลังใหญ่มีรั้วใหญ่มหึมากั้นอยู่หลังหนึ่ง

บาสมองออกไปนอกกระจกรถแล้วถามออกไปด้วยความสงสัย

“ไหนบอกจะพาไปบ้านมึงไง”

คนขับที่กำลังถอดเข็มขัดหันมาตอบคำถาม

“ก็ใช่ไง”

“แต่..”

บาสหยุดคำพูดแค่นั้น แล้วนึกในใจแทน มันไม่ใช่หลังที่ทิคเคยพาไปนิ

“ที่เคยพาไปนั้นบ้านกู แต่หลังนี้บ้านของครอบครัว”

เหมือนทิคจะรู้ว่าบาสกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเดินนำเข้าไปในบ้าน

“เข้ามาดิ”

ทิคหันไปพูดเมื่อบาสไม่เดินตามมา บาสได้ยินแบบนั้นจึงเดินตามเข้าไป


บ้านใหญ่มาก เหมือนบ้านคนรวยในหนังเลย จะก้าวแต่ละก้าวก็แทบไม่กล้ามันเกร็งไปหมด


“ทิค”

เสียงดังมาจากฝั่งซ้ายหันไปดูทำให้รู้ว่าเจ้าของเสียงคือผู้หญิงมีอายุที่ยังดูดีมากคนหนึ่ง ใส่ผ้ากันเปื้อนเดินออกมาจากห้องที่น่าจะเป็นห้องครัว เดินเข้ามาหาทิคทั้งคู่จึงสวมกอดกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“แม่ครับ นี้เพื่อนทิค”

ทิคชี้มาหาบาสที่ยืนเงียบอยู่ รายนั้นเมื่อถูกพูดถึงจึงยิ้มให้

“นี้แม่กู”

พอได้ยินแบบนั้นบาสจึงกล่าวคำทักทายตามมารยาทไทยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“สวัสดีครับ”

แม่ทิคยิ้มมาที่บาสอย่างอ่อนโยนแล้วกล่าวคำทักทายกลับ

“สวัสดีจ้ะ”

ผู้เป็นแม่แปลกใจเป็นอย่างมาก เพราะทิคบอกว่าจะกลับบ้านแต่ไม่ได้บอกว่าจะพาเพื่อนมาด้วย และที่แปลกใจว่านั้นคือ รู้ดีว่าลูกชายของเธอเป็นคนโลกส่วนตัวสูงและมีเพื่อนน้อยและยิ่งเพื่อนที่จะพามาบ้านยิ่งน้อย เพื่อนทุกคนของทิคแม่จะรู้จักแต่คนนี้ไม่เคยเห็นเลย

“พาเพื่อนไปนั่งรอที่โต๊ะนะลูก แม่เหลืออีกอย่างเดียวก็เสร็จแล้ว”

ทิคพยักหน้ายิ้มให้แม่ แล้วหันมาหาบาสพาเดินต่อ

ยิ่งเข้ามาในบ้านลึกเท่าไร บาสยิ่งทำตัวไม่ถูกมากเท่านั้น ที่นี้มันแตกต่างจากบ้านเขาสุดขั้ว ทุกอย่างเหมือนถูกวาดขึ้นมาเลย บ้านคนรวยเขาเป็นแบบนี้นี่เอง

“พ่อละครับ”

ทิคเงยหน้าถามเมื่อกำลังยื่นมือไปรับจานอาหารจากแม่มาวางลงบนโต๊ะอาหาร

“มีงานด่วนนะ บอกให้กินไปก่อนเลยคงกลับดึก”

แม่พูดแบบเสียดายถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วนั่งลงบนเก้าอี้

“ส่วนทับ...”

“อยู่เวร”

ทิคแทรกขึ้นเพราะคุยกับพี่สาวมาแล้ว

“เมื่อไรจะพร้อมหน้าพร้อมตาก็ไม่รู้”

“เหงาละสิ”

ทิคพูดหยอกแม่ด้วยสายตาล้อเลียน

“รู้ว่าแม่เหงาก็ไม่มาอยู่กับแม่”

ทิคยิ้มอ่อนให้ผู้เป็นแม่ เขาไม่ค่อยอยากคุยเรื่องกลับมาอยู่บ้านเท่าไร ซึ่งแม่ก็เข้าใจดีและไม่ได้อะไรแค่พูดหยอกไปเท่านั้นเพราะรู้ดีว่าทิคเป็นคนตัดสินใจอะไรแล้วไม่ย้อนกลับ ออกไปอยู่ข้างนอกทิคอาจจะอยู่กับตัวเองได้ดีกว่า

“ทำตำแหน่งเดียวกับทิคหรอจ้ะ”

บาสที่นั่งเงียบฟังบทสนทนาระหว่างทิคกับแม่อยู่นานเงยหน้าขึ้นมองยิ้มและตอบไป

“ครับ”

“ไม่ต้องเกร็งนะ ทำตัวตามสบายเลย”

แม่พูดเสียงอ่อนโยนแล้วตักผัดผักมาวางลงบนจานให้ บาสจึงยิ้มให้ ทั้งคู่มองตากันด้วยสายตาเข้าใจถึงความรู้สึกกันแบบรู้สึกได้ บาสก้มมองของในจานยิ้มแล้วตักมันพร้อมข้าวขึ้นเข้าปาก

“ลองแกงพะแนงของแม่สิ ใครกินก็ต้องติดใจ”

แกงพะแนงถูกตักมาวางในจานให้อีก

“ขอบคุณครับ”

บาสยิ้มให้แม่ แล้วตักขึ้นกิน


ทิคที่มองเหตุการณ์อยู่ยิ้มออกมา ดีใจที่บาสเข้ากับแม่ได้ ดีใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามที่คาดหวังไว้

กินข้าวเสร็จทิคก็พาบาสเดินขึ้นบันไดไปอีกชั้นหนึ่งของบ้านแล้วหยุดลงที่หน้าห้องๆหนึ่ง

“รออยู่ในห้องก่อนนะกูจะไปคุยกับแม่ก่อน”

“อืม”

บาสตอบรับแล้วเข้าไปในห้องตามคำบอกของทิค ประตูถูกปิดลงเดินเข้ามาแล้วรู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก ทุกอย่างในห้องเต็มไปด้วยสีดำและสีเทา เดินเข้าไปอีกก็พบกับเตียงที่มีผ้าห่มพับไว้และหมอนหนึ่งใบเหมือนไม่ได้ใช้งานมานานแล้วในห้องแทบไม่มีอะไรเลย ให้ความรู้สึกโล่งจนรู้สึกเคว้งเมื่อหันกลับไปที่ปลายเตียงก็พบเข้ากับแสงสว่างเดียวของห้อง

รูปขนาดใหญ่ถูกแขวนไว้กับผนังและมีไฟส่องลงมาที่รูปโดยเฉพาะ รูปครอบครัวที่มี พ่อ แม่ พี่สาว และน้องชาย แม่นั่งที่เก้าอี้โดยมีพ่อยืนโค้งตัวมาจับมือแม่และพี่สาวที่ยืนกอดคอน้องชายตัวเล็กที่ยิ้มจนตาหยี เป็นรูปที่เห็นแล้วอบอุ่นเหลือเกิน ทำให้คิดถึงครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ของตัวเอง

“กูอุ่นใจและหลับสบายทุกครั้งที่มองมาปลายเตียง แล้วเห็นรูปครอบครัวของกู”

บาสหันมองคนข้างๆที่กำลังยืนมองภาพที่เขากำลังมองอยู่ก่อนแล้วด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ครอบครัวมึงดูดีทุกคนเลยเนอะ”  บาสเอียงคอมายิ้มให้ทิค

“พี่กูสวยละสิ”

บาสละสายตาจากรูปมาหา

“มึงหล่อเหมือนพี่”

“แล้วระหว่างกูกับพี่ มึงชอบใครมากกว่ากัน”

ทั้งคู่สบตากันนิ่ง

ทั้งที่คำถามนี้ไม่ใช่คำถามที่ตอบยากเป็นผู้ชายก็ต้องผู้หญิงอยู่แล้วยิ่งสวยๆแบบนี้อีก

แต่บาสกลับให้คำตอบไปทันทีไม่ได้ สายตาของทิคที่มองมามันทำให้กลัวถ้าจะพูดคำตอบที่คิดออกไป

หรือจริงๆแล้ว...ในใจเขาไม่ได้อยากตอบคำตอบนั้นต่างหาก

“มึงจะหลับสบายได้ยังไง ในเมื่อห้องมันใหญ่เกินที่คนเดียวจะนอน มีแต่สีดำ มองไปทางไหนก็หดหู่”

บาสไม่ตอบคำถามเลี่ยงไปพูดอีกเรื่อง เดินดูห้องไปพร้อม

“คำถามมันตอบยากหรอ”  แต่ทิคไม่ยอมจบ

“จริงจังไปป่ะ”

บาสหันมาถามด้วยสีหน้าสงสัย

“ตอบมาก็จบ เลือก”

“ก็ต้องเลือกผู้หญิงสวยๆไหมวะ”

บาสพูดออกไปเสียงไม่พอใจหน่อยๆ ทิคหยุดมองนิ่งแล้วเดินเข้าไปหาใกล้เข้าไปทุกทีจนบาสต้องถอยหนี

“อ่อ เข้าใจแล้ว”

คำว่าเข้าใจแล้วกับการกระทำของทิคมันเหมือนจะขัดกัน เข้าใจแล้วก็ควรหยุดสิ ทำไมถึงยังเข้ามาใกล้อีก

“จะเข้ามาใกล้ทำไมนักหนา”

พูดไปด้วยเสียงเบาหวิว บาสพยายามหลบตาทั้งที่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องหลบ

“จูบกันไหม”

“ห๊ะ!”

บาสอุทานเสียงหลงเงยหน้ามองทิคด้วยสีหน้าตกใจสุดขีดทันทีที่ได้ยิน

“จูบกันไหม”

“มึงบ้าหรอ จูบอะไร จูบทำไม แกล้งอะไรพิเรนทร์ๆวะ!”

บาสโพล่งใส่เสียงดังหน้าตาเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก จะเดินหนีออกมาทางหน้าห้องแต่ทิคดึงแขนไว้

“ก็แค่จูบ”

“มึงจูบกับใครไปทั่วหรอ กับใครก็ได้”

บาสถามหน้าเครียด รู้สึกไม่โอเคกับคำที่ทิคพูดเขาไม่มีประสบการณ์เรื่องความรักก็จริงแต่ก็รู้ว่าการที่คนจะจูบกันก็ต้องรักกันหรือรู้สึกดีๆต่อกันสิ

“ไม่”

“แล้วมึงจะมาจูบกับกูทำไม ในเมื่อเราไม่ได้เป็นแฟน คนรัก หรือมีความรู้สึกดีต่อกัน”

“กูรู้ กูถึง...”

ทิคเงียบไป เขาไม่รู้จะพูดออกมายังไง ไม่รู้จะอธิบายให้บาสฟังยังไง เพราะขนาดตัวเขายังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เลย แต่นิสัยยอมอะไรง่ายๆไม่ใช่นิสัยของเขา นิสัยวอนขอก็ไม่ใช่นิสัยของเขา ทางเดียวที่เขาจะต้องทำก็คือ เอานิสัยก้นบึ้งแท้จริงที่เก็บไว้ออกมาใช้อีกครั้ง

“กูทำอะไรให้มึงบ้าง”

คำพูดที่ไม่ต้องมีรูปประโยคสวยหรูและยาวเหยียด แค่พูดมาเท่านี้ก็รู้แล้วว่าเจ้าของคำพูดหมายถึงอะไร

“ต้องการให้กูตอบแทนแบบนี้หรอ”

บาสถามด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ ทิคเดินหน้านิ่งเข้ามาใกล้แล้วพูดด้วยเสียงเรียบเฉย

“ถ้ามึงรู้และคิดได้ว่ากูทำอะไรหะ...”

!

ทุกอย่างหยุดไปกะทันหัน เมื่อปากทิคถูกปิดด้วยปากของบาส มือทั้งสองข้างของบาสยื่นมาจับหน้าทิคเก้ๆกังๆประคองหน้าจูบ ทิคเหลือบต่ำมองคนที่กำลังหลับตาจับหน้าเขาจูบแบบปากชนปากธรรมดาไม่ได้ดูดดื่มอยู่อย่างนั้นด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าบาสจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนแบบนี้ บาสละจูบออกช้าๆก้มหน้ามองต่ำไม่สบตากับทิคที่มองอยู่

ทิคมองภาพตรงหน้าอย่างไม่มีคำพูดใดๆ สิ่งเดียวที่มีอารมณ์ร่วมก็คือ ใจเขาที่เต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ก้าวเข้าไปประกบจูบบาสแบบไม่ให้เจ้าตัวได้ทันตั้งตัว ทิคใช้มือข้างซ้ายจับหน้าบาสให้อยู่ในองศาที่เหมาะสมแต่แค่มือข้างเดียวก็มีแรงบังคับมากพอที่จะทำให้หน้าบาสเป็นไปตามในทิศทางที่เขากำหนดได้ จูบที่บรรจงลงมาเบาๆทั่วบริเวณปากมันนุ่มนวล เป็นจังหวะ จนคนถูกจูบเคลิ้มตาม แต่ลิ้นที่พยายามเหมือนจะเข้ามาในปากทำให้บาสลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ

!

บาสใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักทิคออก เมื่อทิคเริ่มจะเกินเลยไปแล้ว เขาหายใจแรงจนอกกระเพื่อมมองหน้าทิคที่กำลังมองมาเหมือนกัน

เหมือนทิคจะไม่ยอมหยุด ก้าวเข้ามาจะจับหน้าบาสไปจูบอีกแต่บาสดันอกไว้

“พอแล้ว”

บาสพูดก้มมองต่ำไม่สบตาทิค มันเกินเลยมากไปแล้วมันไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ ไม่ใช่สิ มันไม่ใช่สิ่งที่เขาทำกัน ผู้ชายที่ไหนเขาจูบกัน

“กะ.กูลงไปรอข้างล่างนะ”

บาสพูดด้วยเสียงติดขัดแล้วหันหลังเดิน

“ไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ”

มือที่กำลังเปิดประตูชะงักทันที บาสเงียบไม่หันกลับไปโต้ตอบอะไรมือกำลูกบิดประตูแน่น

“แต่กูรู้สึกนะ”

ทั้งคู่สบตากันเมื่อบาสหันกลับไปหา ความเงียบเข้ามาปกคลุมไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมา มีแค่ความเงียบและความรู้สึกที่สื่อถึงกันทางสายตาเท่านั้น

บาสเดินเข้าไปหา แล้วหยิบของบางอย่างออกจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้ทิค

“ปิงฝากมาให้ มันอยากให้มึงลองคุยกับน้องมันดู”

รอยยิ้มบนหน้าทิคหายไปทันทีเมื่อได้ฟังสิ่งที่บาสพูด เขาก้มมองเศษกระดาษในมือบาสที่ยื่นมาค้างอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรับมันมากุมไว้ในมือ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-06-2018 22:01:25 โดย Vermilion Bird »

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ทิคจู่โจมเร็วไปไหม บาสซื่อๆ ยังไม่รู้สึกตัวหรอกนะ ทำอย่างนี้ตื่นหมดรู้ไหม อิอิอิ
 :hao6:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ยังไง ๆ

บาสรู้สึกยังไงหนอ?

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :hao3:

ปล้ำเลย จบๆ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
งานนี้มีงอนกันแน่ๆ

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ทิครุกแรงมากบาสตกใจหมดแล้ววว :mew4:

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
เขาจูบ!!!!!!กันแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ทิคจู่โจมเร็วดี นี่ล่ะ ทิคมีพร้อมทุกอย่างแล้ว เลี้ยงดูบาสได้สบายๆ

ออฟไลน์ Vermilion Bird

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
25..ทิ้งไม่ลง

ความรู้สึกถ้าถูกเปลี่ยนไปแล้ว มันจะไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกมันจริงๆนะ อะไรที่เราหวังมากๆแล้วมันไม่เป็นอย่างที่หวังมันจะกัดกินความรู้สึกเราเสมอ

เกือบสองอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้เจอ ไม่ได้คุย ไม่ได้กลิ่น ไม่ได้ยินเสียง ต่างฝ่ายต่างหายไปจากชีวิตของกันและกัน

ทิคให้ใจบาสไปเต็มสูบจริงๆให้มากกว่าทุกคนที่เคยให้มา แต่บาสกลับผลักไสให้เขาไปคุยกับคนอื่น กล้าดียังไงถึงกล้าคิดแทนว่าเขาควรคุยกับใครไม่ควรคุยกับใคร แต่เรื่องไร้สาระพวกนี้จะปล่อยให้มามีผลกับชีวิตไม่ได้ชีวิตต้องดำเนินต่อไป

“ถ้ามีอะไรบอกพี่ได้ตลอดนะ”

คนพูดเงยหน้าจากแฟ้มเอกสารในมือที่เขียนเสร็จขึ้นมองคู่สนทนา

“ขอโทษนะครับพี่ทิค”

คนพูดๆด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา มองรุ่นพี่ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

“ไม่เป็นไรงานพวกนี้มันพลาดกันได้ พี่ยังเคยพลาดตั้งหลายครั้ง”

ทิคยิ้มให้ต้นนักศึกษาฝึกงานที่มาประจำแอดห้าด้วยสายตาอ่อนโยน เข้าใจความรู้สึกดีว่าเป็นยังไงเพราะเขาก็เคยผ่านจุดนี้มาเหมือนกัน

“จะทำยังไงต่อดีครับ”

ต้นพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า โมเดลเก่าก็ยังไม่ทันรู้หมดโมเดลใหม่มาอีกพยายามแล้วแต่ก็ยังพลาดอยู่ดี

“เดี๋ยวพี่จัดการให้ ไปทำงานต่อเถอะ”

“ขอบคุณนะครับพี่ทิค”

ทิคยิ้มให้ต้นตบไหล่ให้กำลังใจแล้วเดินแยกออกมาต้องรีบจัดการก่อนที่มานพจะออกมา มานพกำลังคุยงานกับผู้จัดการแอสอื่นอยู่ในห้องประชุมของแอสห้าตั้งแต่เช้าแล้ว และความสามารถระดับทิคแก้ไขปัญหาไม่ใช่เรื่องยากใช้เวลาไม่นานก็เรียบร้อย

“สวัสดีครับพี่บง”

“สวัสดีจ้ะ”

บงกชยกโทรศัพท์ออกจากหูมาพูดกับทิคแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูอีกครั้งแล้วเดินออกไปด้วยใบหน้าตรึงเครียดจนทิคต้องมองตามจะรีบไปไหนมองเขามองผ่านกระจกก็ยังเห็นผู้จัดการแอสอื่นยังคุยกับมานพอยู่เลยทิคเลิกสนใจแล้วหันกลับมาดูเอกสารในมือจะเดินต่อตรงไปที่ห้องทำงานแต่ถูกเรียกไว้ซะก่อน

“ทิค”

“ครับ”

“ทุกอย่างโอเคดีนะ”

“มีปัญหานิดหน่อยแต่เรียบร้อยแล้วครับ”

ทิครายงานให้ผู้เป็นหัวหน้าที่เดินเข้ามาถามฟัง มานพพยักหน้ายิ้มให้แล้วเดินแยกออกไปทิคจึงหันกลับไปเดินต่อ

“เอ้อ ทิค”

คนที่เดินไปได้ไม่ถึงก้าวหันกลับไปตามเสียง แล้วเดินเข้าไปหาคนเรียก

“ช่วงนี้โมเดลใหม่ลงงานหนักก็จริงแต่ถ้าไม่ไหวบอกนะอย่าหักโหมบาสก็แย่ไปแล้วคนหนึ่ง”

ได้ยินชื่อในบทสนทนาก็ทำให้ตกใจทิคอุทานชื่อไปด้วยความไม่แน่ใจ

“บาส”

“ใช่ บงกชรีบกลับไปดูเมื่อกี้เองคนที่แอสโทรมาบอก”

ทิคกำแฟ้มในมือแน่นเก็บความรู้สึกแล้วพยายามถามออกไปด้วยเสียงติดขัด

“เขา..เป็นอะไรหรอครับ”

“เห็นว่ายืนคุยงานอยู่ดีๆก็ล้มไปเลย”

ทิคไม่พูดอะไรต่อนิ่งไปทันที

“ยังไงก็รักษาสุขภาพ”

“ครับ”

ทิคตอบรับไป เมื่อมานพเดินออกไปถึงปล่อยความรู้สึกออกทางสีหน้าอย่างกังวล

เป็นอะไรอีก ไปทำอะไรมา หรือใครทำอะไร

เร็วกว่าความคิดคือสมองที่สั่งการให้ขาก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็หยุดลงกลางคัน

จะไปทำไมจะเป็นจะตายก็เรื่องของใครสิ มันไม่มีผลกับชีวิตสักนิด ทิคเลี้ยวกลับและรีบเดินกลับห้องทำงาน

แต่เชื่อไหม ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ทั้งวันในหัวคิดแต่เรื่องบาสคิดเรื่องงานได้ครู่เดียวก็วนเข้าเรื่องบาสโดยอัตโนมัติไม่มีสมาธิกับการทำงานแบบนี้ไม่ใช่นิสัยเขาเลย

“ไปไหนมาว่ะ”

ตี๋ถามออกไปเมื่อทิคเปิดประตูเข้ามาในห้องพอดีกับจังหวะที่ตนกำลังจะออกไปพอดี เขากับนนตามหาโทรหาก็แล้วเพื่อที่จะไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน

“ไปดูคลังของมา”

ทิคตอบเสียงเหนื่อยๆแต่ฝืนยิ้มนิดๆให้เพื่อนสบายใจว่าเขาไม่มีอะไร

“แล้วกินข้าวยัง”

“กินที่แอสสามมาแล้ว”

ทิคโกหก เขายังไม่ได้กินอะไรเลยต่างหากแม้แต่น้ำสักหยด สภาพจิตใจมันเหนื่อยจนไม่อยากทำอะไร

“ป่ะ”

นนเดินเข้ามาสมทบ หลังจากเคลียร์ตัวเองเสร็จ

“ไปไหนกัน”

“ห้องเก็บงานจะแวะไปดูไอ้บาสเพื่อนไอ้คลังด้วย เออมึงรู้ป่ะเนี้ยว่ามันไม่สบาย”

นนถามด้วยสีหน้าสงสัย ทิคชะงักแต่ก็เปลี่ยนเป็นทำเป็นตกใจ

“อ้าวหรอ เป็นอะไรอะ”

“เขาพูดกันว่ามันเป็นลมไปกลางไลน์เลย เห็นว่าควงกะต่อกันหลายวัน ไปดูมันด้วยกันไหมห้องพยาบาล”

“..............”

“ไอ้ทิค”

ทิคสะดุ้งจากภวังค์เมื่อถูกเรียกชื่อเสียงดัง

“ห๊ะ”

“ไปไหม”

“ไปไหน”

“ไปดูไอ้บาสไง มึงฟังกูป่ะเนี้ย”

นนถามด้วยน้ำเสียงข้องใจ มองทิคด้วยสายตาจริงจัง

“กูต้องไปทำงานให้พี่บง พวกมึงไปเถอะเดี๋ยวกูถามจากไอ้คลังเอา”

“เออๆ พวกกูไปนะ”

ตี๋พูดพยักหน้าเข้าใจแล้วเดินออกไปกับนน ทิคมองตามเพื่อนแล้วหันกลับมา

เป็นหนักขนาดนั้นเลยหรอ ยิ่งเหมือนคนขี้โรคตัวซีดๆอยู่เบ๊อะบ๊ะรู้เรื่องอะไรไหมนั้นนะ

ทิคหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองมันอยู่อย่างนั้น ควรถามหรือไม่ถาม แต่ภาพบาสที่ดูแย่ที่เคยเห็นมาทำให้ยิ่งไม่สบายใจ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“แต่ร้านแถวนั้นก็มีนะ กูเคยไปแต่มันนานแล้วว่ะ”

ตี๋กับนนเดินคุยกันเข้ามาหลังจากที่หายไปเกือบสองชั่วโมงทิคจึงหันไปมอง นนเปลี่ยนจากคุยกับตี๋มาหาทิค

“พี่บงไปไหนวะ”

“ขึ้นไปตึกแปดกับล่ามญี่ปุ่น”

นนพยักหน้ารับรู้แล้วเดินไปนั่งที่ ส่วนตี๋เดินออกไปจากห้องอีกรอบ ทิคคิดอยู่ครู่ใหญ่ถึงตัดสินใจถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ

“กูจะโทรถามข่าวจากไอ้คลังก็ไม่มีเวลา...อาการบาสเป็นยังไงบ้าง”

“ไม่ได้คุยหรอกมันหลับๆตื่นๆเลยไม่อยากกวน พวกไอ้คลังดูอยู่”

นนหันมาตอบปากก็ดูดกาแฟไปด้วย ทิคพยักหน้าทำเป็นรับรู้เหลือบมองนนนิดๆแล้วถามต่อ

“แต่โอเคอยู่ใช่ไหม”

“มันก็ดูซูบลงเยอะอะหรือว่าเพราะกูไม่ได้เจอนานก็ไม่รู้ แต่เห็นไอ้คลังบอกว่าถ้าหลังบ่ายไม่ดีขึ้นพี่บงจะพาไปโรงพยาบาล แกคงรักไอ้บาสมาก”

“มันเป็นคนดี ไม่คิดร้ายกับใคร วันๆทำแต่งานเป็นบ้าเป็นฝัน พี่บงเขาจะไม่รักได้ไง”

ทิคพูดตามที่ได้เห็นและสัมผัสจากการอยู่กับบาสมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเจือนๆ

“แกคงเอ็นดูมันมากเนอะ พี่บงภายนอกดูร้ายแต่จริงๆแล้วกูว่าแกก็ใจดีอยู่นะ คงมีแต่ไอ้บาสที่ทนอยู่กับแกได้”

นนพูดทิ้งท้ายแล้วหันไปดูดกาแฟทำงานต่อ ทิคเองก็หันกลับมา ยังดีที่มีคนรักและห่วงใยขนาดนี้คงไม่มีอะไรต้องห่วง

“ทิค ไปกับพี่หน่อย”

“ครับ”

ทิคหันไปตระโกนตอบรับมานพแล้วหันกลับมาพูดสั่งกับรุ่นน้องที่คุยกันค้างอยู่แล้วรีบเดินแยกออกไปหามานพ

“ต้องเอาไปให้ฝ่ายจัดซื้อดูก่อนจะได้ประเมินถูก ผมกำลังไป โอเค”

มานพพูดกับคนในสายแล้วตั้งใจเดินด้วยความเร็วแสง ทิครีบเดินตามไปติดๆ

“พรุ่งนี้ช่วยไปดูน้องฝึกงานสอบทดสอบแทนพี่ด้วยนะพี่ติดธุระจะเข้าช่วงบ่าย”

มานพหันมาพูด ทิคจึงตอบรับไป

“ครับ”

แล้วเดินต่อด้วยความเร่งรีบทั้งคู่ คุยงานกันไปตามระเบียบกว่าจะเรียบร้อยก็กินเวลาไปเกือบสองชั่วโมง ทิคกับมานพแยกกันหลังคุยเสร็จเพราะมานพจะขึ้นไปหาผู้ใหญ่ทิคจึงแยกกลับแอสก่อน เพราะฝ่ายจัดซื้อต้องเดินผ่านห้องพยาบาลมันทำให้ทิคหยุดเท้าลงกลางคันใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อคิดถึงสิ่งที่จะต้องเดินผ่าน เขาหายใจเข้าเรียกสติแล้วก้าวเท้าเดินต่อแต่ๆละก้าวมันเชื่องช้าเหลือเกิน ควรหยุดแล้วเข้าไปดูหน่อยไหมหรือเดินผ่านไปเหมือนไม่มีอะไร

แกล๊ก!

ประตูห้องพยาบาลถูกเปิดออก ทิคหยุดเท้าลงทันทีและคนที่โผล่ออกมาจากประตูทำให้ทิคยิ่งใจเต้นไปกันใหญ่ บาสเปิดประตูออกมาแล้วปิดมันลงทุกอย่างทำไปด้วยความเชืองช้าแต่เมื่อหันมาปะทะสายตากับทิคบาสก็ชะงักจนเห็นได้ชัดไปเหมือนกัน

ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ทั้งคู่จ้องตากันอยู่อย่างนั้นต่างฝ่ายต่างใจเต้นแรงเพราะความรู้สึกหลากหลายมันกำลังตีกันอยู่ในหัว ไม่ได้เจอกันมาเกือบสองอาทิตย์มันทำให้ลืมสิ่งที่คุ้นเคยไปเหมือนกัน บาสดูซูบไปเยอะมาก มากจนน่าตกใจ แค่จะยืนตรงๆยังทำไม่ได้เลยต้องใช้มือยันผนังไว้ประคองตัว ทิคเอียงสายตาหนีแล้วเดินผ่านไปเหมือนบาสเป็นแค่อากาศ

บาสกำมือข้างขวาที่ยันผนังแน่นจนมือสั่นเก็บความรู้สึก จะเป็นแบบนี้ใช่ไหม ทำไมถึงเป็นแบบนี้เราไม่ได้ทะเลาะกันไม่ใช่หรอ ทิคเป็นฝ่ายหายไปไม่ใช่หรือไงเขาไม่รู้อะไรเลย ไม่เคยรู้อะไรเลย มีหน้าที่แค่ตาม ตามให้ทันความคิดของทิค แต่เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันมันชัดเจนและทำให้รู้ว่าที่หายไปเพราะมีอะไรจริงๆไม่ต้องคิดบ้าบอไปคนเดียว บาสใช้แรงที่มียันผนังเดินต่อเมื่อรู้ว่าคิดไปก็ไม่มีประโยชน์

“จะไปไหน”

แต่เสียงที่ดังตามหลังมาทำให้เท้าหยุดลง บาสยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งทำใจให้กล้าถึงหันกลับไปหาต้นตอเสียงที่รู้ดีว่าเป็นใคร ทิคมองมาด้วยสายตาแน่นิ่งเหมือนที่ชอบทำเมื่อก่อน

“กลับแอส”

“เขาให้มึงกลับแล้วหรอ”

คำถามของทิคทำบาสเงียบ เพราะเขาแอบออกมาไม่บอกใครไม่อยากนอนอยู่เฉยๆงานกำลังรออยู่

“กูไม่ได้เป็นอะไร”

บาสตอบแบบไม่เต็มเสียงไม่สบตา แล้วหันหลังกลับไปเดินต่อแต่แขนกลับถูกดึงไว้จนต้องหันกลับไปมอง

“มึงดูสภาพตัวเองบ้างเหอะว่ามันน่าสมเพชขนาดไหน”

คำพูดเย้ยหยันและรุนแรงทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของทิคทำให้บาสจะสะบัดแขนออกจากมือทิคแต่ทำไม่ได้

“ปล่อย กูจะไปทำงาน”

“อยากได้มากหรอห๊ะเงินนะ มึงอยากได้มากใช่ไหม อยากได้เท่าไรบอกกูมาเลยกูจะให้เอง!”

ทิคตะโกนสุดเสียงใส่บาส มือบีบแขนบาสแรงโกรธจนตัวสั่น

“จะตายยังห่วงแต่เงิน ชีวิตมึงมีแต่คำนี้ใช่ไหม!”

“เออ!”

บาสตะโกนกลับอย่างเหลืออด นี้ทิคคิดว่าที่เขารีบกลับไปทำงานเพราะเงินหรอ เห็นเขาเป็นคนเห็นแก่เงินขนาดนั้นเลยใช่ไหม ที่เขารีบกลับไปเพราะอยากกลับไปช่วยงานที่แอสที่กำลังวุ่นเพราะตัวเองไม่ได้เป็นอะไรมากก็เท่านั้น

“มึงอย่าพูดอะไรที่มึงไม่รู้จริงเลยชีวิตมึงมันมีครบไม่ต้องปากกัดตีนถีบไม่ต้องดิ้นรนไม่ต้องรับผิดชอบอะไร มึงไม่รู้หรอก!”

“ลองมาเป็นกูไหม ลองมาเป็นกูมึงจะได้รู้ว่ากูต้องทำอะไรบ้าง ต้องพยายามขนาดไหนถึงจะมาอยู่ตรงนี้ได้”

บาสพูดสิ่งที่เก็บไว้ออกมาจนหมดอย่างเหลืออด รู้สึกขมคอเหมือนกำลังจะร้องแต่ต้องข่มไว้

“ในเมื่อมันต่างกันมากก็อย่ามายุ่งกันเลย”

บาสพูดด้วยเสียงเย็นลงแต่แผ่วเบาแกะมือทิคออกจากแขนตัวเองแล้วเดินออกมา

“กูแค่อยากให้มึงดูแลตัวเองดีๆ”

คำพูดของทิคทำให้บาสหยุดเดินอีกครั้ง

“แต่กู..ไม่รู้ว่าต้องพูดยังไง”

เสียงทิคอ่อนลงจนน่าเห็นใจเมื่อได้ยิน

“ไม่ไหวก็หยุดสิวะทำไมต้องฝืน”

มือข้างซ้ายของบาสกำกางเกงตัวเองแน่นกับสิ่งที่ได้ยินน้ำตาข้างขวาไหลออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว บาสรีบใช้มือเช็ดมันลวกๆ

“กูไม่เป็นไร...ขอบคุณที่เป็นห่วง”

บาสพูดแต่ไม่หันไปแล้วเดินต่อ ทิคมองแล้วได้แต่หันหน้าหนีเก็บอารมณ์แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อเห็นสภาพบาสเอามือยันผนังเดิน

“ไปหาหมอ”

ทิคตะโกนตามหลังอย่างอดไม่ได้ เมื่อเห็นว่าบาสหยุดเดินจึงเดินเข้าไปจับมือจนบาสหันมองด้วยสีหน้าสงสัย

“ไปหาหมอกับกูเถอะ”

พูดอย่างไม่ฟังอะไรแล้วลากบาสให้เดินตาม

“พี่บงจะพากูไปเอง”

“ไปกับกู! ไปหาหมอที่ดีที่สุดแพงที่สุดกี่บาทกูก็จะเสีย”

“ทิค”

บาสยื้อไว้อย่างอ่อนแรง แต่ทิคกลับไม่ฟัง บาสจึงโพล่งออกไปเสียงดังด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่มี

“คิดหน่อยได้ไหม! เราไม่ได้อยู่กันแค่สองคนนะจะทำอะไรคิดถึงผลที่ตามมาหน่อยจุดของเราทำอะไรตามอำเภอใจได้หรอ”

“กูไม่เคยสนใครอยู่แล้ว”

ทิคหันมาพูดเสียงแข็งน่าเครียดใส่บาสอย่างไม่แยแส

“มึงเปลี่ยนไปแล้วทำไมถึงกลับมาเป็นเหมือนเดิมทิค”

ทิคหยุดการลากบาสลงทันทีเมื่อได้ยิน เขาหยุดนิ่งค้างอยู่อย่างนั้นแล้วหันกลับมาหาบาสที่กำลังมองมาที่เขาด้วยสีหน้าเหนื่อยๆ

“ใช่กูเปลี่ยน เพราะมึง”

“กูเปลี่ยนทุกอย่างที่มันไม่ดี อะไรที่ดีกูพยายามจะทำ คนดีเขาทำกันยังไงกูก็พยายามเป็น แต่มึง มึงไม่เคยเห็นค่าสิ่งที่กูทำ กล้าดียังไงถึงคิดให้กูไปคุยกับใครไม่คุยกับใคร!”

ทิคพูดสิ่งที่คิดออกมาจนหมด บาสทำได้แค่ยืนนิ่งมองหน้าทิคด้วยแววตาสั่นไหว

“ทำไมถึงคิดแบบนั้น”

“แล้วจะให้กูคิดยังไง”

ทิคถามด้วยเสียงอ่อนใจ มองหน้าบาสอย่างขอความเห็นใจ

“กูไม่ได้คิดแบบนั้น กูแค่อยากให้มึงได้ลองคุยกับคนที่ดี”

ทิคข่มอารมณ์เมื่อได้ยินสิ่งที่บาสพูดออกมา จ้องหน้าบาสเขมง

“กูจะเป็นคนเลือกเองว่าใครดีสำหรับกู”

ทั้งคู่จ้องหน้ากันอย่างไม่ละสายตา

“ไปหาหมอกับกูเกิดอะไรขึ้นกูรับผิดชอบเอง”

พูดจบก็จับมือบาสลากให้เดินต่อคำพูดทุกอย่างจึงเงียบไปทันที ตลอดทางทั้งคู่ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนในโรงงานที่เดินผ่านไปมาตลอดทางทิคไม่สนใจใครหรืออะไรทั้งนั้นอารมณ์เขาตอนนี้ไม่มีอะไรหยุดได้ทั้งนั้น

บรรยากาศในรถเต็มไปด้วยความเงียบเหมือนที่เป็นมาเมื่อก่อนมีแค่เสียงหายใจแรงๆของบาสที่ดังมาเป็นระยะๆเพราะหายใจไม่ถนัดทิคมองเป็นระยะๆด้วยความเป็นห่วงจนมาถึงโรงพยาบาล

เขาส่งบาสเข้าห้องตรวจเรียบร้อยแล้วก็อุ่นใจ ใจจดจ่ออยู่หน้าห้องตรวจอย่างไม่ลดละเพราะก่อนเข้าห้องพยาบาลตรวจบาสมีไข้สูงมากจนน่าเป็นห่วง นั่งลงที่เก้าอี้รอจึงคิดได้ว่าควรโทรบอกผู้เป็นหัวหน้าของบาสตัวของเขาไม่เป็นไรหรอกเขาหาทางแก้ไขได้แต่ไม่อยากให้บาสเกิดปัญหาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมากดหาเบอร์หัวหน้าบาสที่มีอยู่ในเครื่อง

ตรู๊ด..ตรู๊ด..

รอสายอยู่ครู่หนึ่งปลายสายก็ตอบรับ

“ทิคนะครับพี่บง”

(ว่าไงทิค)

“ผมไปดูบาสที่ห้องพยาบาลแล้วเห็นว่าเขาอาการน่าเป็นห่วงผมเลยรีบพามาหาหมอ เลยโทรมาบอกพี่บงนะครับ”

(บาสอยู่โรงพยาบาลหรอ)

เสียงบงกชบ่งบอกถึงความตกใจ

(พี่มัวแต่ยุ่งอยู่กับงานไม่มีเวลาได้ดูบาสเลย คิดว่าจะพาไปหาหมออยู่เหมือนกัน)

“ตอนนี้อยู่ในห้องตรวจแล้วครับ ไม่เป็นอะไรมากแล้วพี่บงไม่ต้องห่วงนะครับ”

(ดีหน่อยที่ไม่เป็นอะไรมาก)

“ครับ ขอโทษนะครับที่ทำอะไรด้วยพละการไม่ได้พี่บงก่อน”

ทิคพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

(ไม่เป็นไรทิค ต้องขอบคุณด้วยซ้ำที่ทิคเป็นธุระให้แล้วนี่บอกมานพหรือยัง)

“ยังเลยครับ”

ชื่อของผู้เป็นหัวหน้าทำให้ทิคพูดเสียงอ่อย

(เดี๋ยวพี่จัดการให้ ฝากบาสด้วยนะทิค ช่วยดูแลเขาให้พี่หน่อย)

“ครับ”

ทิควางสายแล้วมองไปที่หน้าห้องตรวจรออย่างไม่เบื่อและไม่คิดจะไปไหน

มาตั้งแต่บ่ายสามทำเรื่องตรงนั้นตรงนี้เอาตัวบาสออกจากห้องตรวจไปห้องพักคุยกับหมอเวลาก็ล่วงเลยมาถึงห้าโมงเย็นแล้วที่ทิควิ่งวุ่นจนทุกอย่างเรียบร้อยถึงได้มาหาบาสที่ห้องพัก แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปสายตาก็ปะทะกับสายตาบาสที่มองมา ทิคจึงรีบเดินเข้าไปหาที่เตียงบาสเอาแต่จ้องหน้าจนทิคต้องถามออกไปด้วยเสียงอุ่นๆ

“มองทำไมหนักหนา”

“กินข้าวยัง”

น้ำเสียงเหนื่อยๆของคนที่นอนอยู่บนเตียงทำให้ทิคอึ้งไป แปลกที่คำถามธรรมดาๆแค่นี้ทำให้เขารู้สึกมีแรงขึ้นมาขนาดนี้

“กินแล้ว”

โกหกออกไปเพราะไม่อยากให้เป็นห่วง บาสพยักหน้ารับรู้ช้าๆ ทิคยิ้มให้แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงมองหน้าซีดๆของบาสเลยไปถึงแขนที่มีสายน้ำเกลือติดอยู่แล้วถามออกไป

“เป็นไงบ้าง”

บาสพยักหน้าให้ก่อนแล้วตอบ

“เหนื่อย”

“เหนื่อยก็นอนสิ”

“นอนไม่หลับ หายใจไม่ค่อยออก”

บาสพูดแล้วมองไปรอบห้อง ทิคเห็นแบบนั้นก็ลุกขึ้นยืนดูใกล้ๆ

“เป็นมากไหม ไหวหรือเปล่าไปตรงระเบียงไหมรับลม”

บาสพยักหน้าให้ ทิคจึงค่อยๆพยุงตัวบาสให้ลุกขึ้นนั่งเอาเก้าอี้หลบทางจับเสาน้ำเกลือที่มีสายระโยงระยางให้เข้าที่แล้วช่วยบาสขยับตัวหย่อนขาลงจากเตียงตรงไปที่ระเบียงพื้นที่ก็มีไม่เยอะเป็นระเบียงพื้นที่เล็กๆทั้งคู่จึงนั่งลงกับพื้น

ลมเย็นๆที่ปะทะเข้ากับหน้าไม่ใช่แค่ทำให้คนป่วยรู้สึกดีทิคก็รู้สึกสดชื่นไปด้วย แต่เมื่อหันมองคนข้างๆก็ทำให้รู้ว่าบาสมองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้วทิคจึงมองกลับเป็นเชิงถามว่ามีอะไร

“มึงโกรธกูหรอ”

“รู้ตัวด้วยหรอ”  ทิคถามกลับ

“อยู่ดีๆมึงก็หายไป มาเจอกันก็แสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจ โกรธกูเรื่องอะไร”

บาสถามด้วยเสียงเบาหวิวจากพิษป่วย มองทิครอคำตอบ

“ไม่รู้จริงๆหรอว่ากูโกรธเรื่องอะไร”

บาสพยักหน้าให้กับคำถามของทิค เจ้าของคำถามเห็นแบบนั้นก็อ่อนใจจ้องตาบาสจริงจังแล้วพูดออกไป

“เอาเบอร์น้องเพื่อนมึงมาให้กูทำไม”

บาสนิ่งไปกับคำถามของทิคไม่คิดว่าเป็นประโยคนี้

“ปิงมันฝากมาให้ มันแค่อยากให้มึงลองคุยกับน้องมันดู แต่ถ้ามันทำให้มึงรู้สึกแย่ กูขอโทษนะ”

บาสเสียงแผ่วไปตรงท้ายประโยคด้วยความกลัวและรู้สึกผิดหลายอย่างปนเปย

ทิคนิ่งเงียบไปกับสิ่งที่บาสพูด รู้สึกแย่จนทำอะไรไม่ถูก จูบ การกระทำ คำพูด รอยยิ้ม ทุกอย่างที่ทำให้กัน มันไม่มีอะไรพิเศษเลยหรอ เขาคิดไปเองทั้งนั้นบาสไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลยถึงติดต่อเขาให้คนอื่น

“รีบนอนนะ”

ทิคพูดเปลี่ยนประเด็นบทสนทนาดื้อๆพูดทั้งที่ไม่มองหน้าบาสลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินออกมาอย่างไม่มีคำกล่าวลาอะไรสักคำ

ลมจากการลุกผ่านของทิคตีเข้ากระทบหน้าบาสที่นั่งนิ่งอยู่อย่างจัง มีเพียงตาที่สั่นระริกและปากที่ถูกตัวเองเม้มจนบูดเบี้ยวเท่านั้นที่มีปฏิกิริยา น้ำลายถูกกลืนลงคออย่างยากลำบากมือขยุมเสื้อตัวเองแน่นที่สุดเท่าที่ขยุมได้ ทุกอย่างเขาทำเพื่อเก็บความรู้สึกที่แสนยากลำบากไว้ บาสใช้แรงที่มีอยู่น้อยนิดดันตัวเองลุกขึ้นมือจับเสาน้ำเกลือแน่นเพื่อยึดหายใจเรียกสติเข้าแรงๆและปล่อยออกแล้วหันกลับเข้าห้อง เป็นแบบนี้มันดีแล้วจริงๆ แบบนี้มันถูกแล้ว มึงทำถูกแล้วบาส ถูกแล้ว...

ทุกอย่างค่อยๆเลือนหายไปเมื่อตาค่อยๆปิดลงด้วยความเหนื่อยล้า เหนื่อยจนแค่วางหัวลงก็หลับ

ไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไรหรือนานแค่ไหน รู้แค่ว่าความรู้สึกแปลกๆที่ถูกรบกวนทำให้บาสต้องฝืนตาหนักๆขึ้นดู

“ตื่นทำไม หลับ”

“...............”

“กลับมาหากูหรอ”

บาสถามออกไปมองหน้าทิคในความมืด ทิคมานอนข้างๆเขาบนเตียงตั้งแต่เมื่อไร

“กูไม่ได้ไปไหนเลยตั้งหาก”

ทิคพูดพร้อมกับยืนมือไปจับหน้าผากบาสไล่ผมที่ตกลงมาปกหน้าให้ เขาเฝ้าบาสอยู่หน้าห้องตลอดไม่ได้ไปไหน ต้องพูดว่าทิ้งไปไหนเลยไม่ได้ต่างหาก ทำใจแข็งไปงั้นแต่ก็ทิ้งไม่ลง

“กอดกันนอนไหม”

บาสไม่ตอบคำขอของทิค แต่กลับขยับเข้าไปใกล้ทิคจากที่ใกล้อยู่แล้ว ใกล้จนทิคดึงเข้าไปกอดแน่นบาสเองก็กอดตอบเป็นว่าทั้งคู่นอนตะแคงหันหน้ากอดเข้าหากันอยู่บนเตียงคนป่วย

“เรากอดกันนอนได้หรอ”

นอนเงียบไปสักพักบาสก็พูดขึ้นทำร้ายความเงียบ

“กอดใครๆเขาก็ทำไหม”

ทิคพูดเสียงเรียบมือก็จับผมบาสเล่นไปด้วย

“เพื่อนที่ไหนก็ไม่เห็นเขาทำนะ”

“ก็เราพิเศษกว่าเพื่อนปกติ”

บาสเงยหน้าจากช่วงอกทิคที่ซุกอยู่ขึ้นมองหน้าทิคด้วยสายตาสงสัย

“ยังไง”

ทิคยิ้มกับคำถามบาส

“จูบกันก็จูบแล้ว กอดกันก็กอดแล้ว จับมือกันก็จับแล้ว ซื้อของให้กันก็ทำแล้ว ไปบ้านกันก็ไปแล้ว ทุกอย่างแล้วนะ”

ทิคร่ายยาวตามทุกอย่างที่สมองคิด บาสได้แต่อึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันในความมืด

“มึงรู้ไหมเขาเป็นแฟนกันได้เลยนะที่พูดมา”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-07-2018 20:58:45 โดย Vermilion Bird »

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
“มึงรู้ไหมเขาเป็นแฟนกันได้เลยนะที่พูดมา”

อ๊ากกกกก ทุกบรรทัดที่อ่านมา เจอคำนี้เข้าไปกลบส่วนอื่นไปหมด
ตายแล้ว ๆ ๆ ๆ คนอ่านใจไม่ดี ทิคนี่หมัดตรงเลยนะ ไหนบอกว่าพูดไม่เป็น
 :hao6: :hao6: :hao6:
+1 เพราะประโยคนี้เลย

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ทิคจีบบาสได้ซึนมาก  น่าร้ากกก :katai2-1:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
บาสใจอ่อนลงซักทีเถอะ สงสารทิคถึงแม้ทิคจะแข็งกระด้างแต่กลับบาสทิคยอมได้ทุกอย่างนะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:


งุย ๆ   เข้าใจทั้งบาสและทิคนะ  ต่างฝ่ายต่างมีปม

คนนึงก็มั่นมากแต่ปากร้ายปากหนัก

อีกคนก็ถ่อมตนขี้เกรงใจและเจียมตัว

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
รมันคือความระมุนจริงๆแกเอ้ย

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :กอด1:



กอดๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เขินมากกกไม่ไหวแล้ว ตอนนี้หลากหลายอารมณ์มากแต่เขินที่สุดงื้ออออออออออ :-[ :o8: เค้าต้องคบกันได้แล้วววว

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
รักลงตัวดีเนอะ ทิค ชายผู้มีความมั่นใจสูงเสียดฟ้า มาตกหลุมความเบอะบะของบาส

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 25..ทิ้งไม่ลง 04/07/18
« ตอบ #109 เมื่อ: 13-07-2018 11:37:04 »





ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
รอตอนต่อไปอยู่นะ

ออฟไลน์ Vermilion Bird

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
26..ชาไข่มุก

หนังสือการ์ตูนในมือถูกอ่านไปหลายหน้าจนเกินครึ่งเล่มทิคนำมาให้อ่านฆ่าเวลาระหว่างอยู่ที่โรงพยาบาล บาสนั่งอ่านอยู่บนเตียงอยู่อย่างนั้นอย่างไม่รู้เบื่อ เขาก็เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่บ้าของเล่นเกมส์และการ์ตูน แต่ตั้งแต่พ่อจากไปเรื่องพวกนี้ก็ไม่ได้เข้ามาในชีวิตเขาอีกเลยเพราะแต่ละวันก็แทบไม่มีเวลาว่างทำอะไรมีแต่งานและงาน นี่มันเป็นโอกาสดีที่ได้กลับมาระลึกถึงวัยเด็กอีกครั้ง

แกล๊ก!

เสียงเปิดประตูทำให้บาสละสายตาจากหนังสือในมือขึ้นมอง

“วัดไข้นะคะ”

เป็นพยาบาลหญิงอายุเยอะชื่อคุณมะลิคนเดิมที่ดูแลเขาตั้งแต่เข้ามาที่โรงพยาบาลนั้นเองที่เดินยิ้มมาแต่หน้าประตู

“วันนี้ยังปวดหัวอยู่ไหมเอ่ย”

“ไม่แล้วครับ ผมดีขึ้นแล้ว”

บาสตอบด้วยเสียงสดใสพร้อมกับยิ้มหวานจับใจจนนางพยาบาลต้องอมยิ้มมอง

“ยิ้มสดใสแบบนี้คงจะจริง”

เธอพูดพร้อมกับถอดสายวัดความดันออกจากแขนบาสและเก็บมันพร้อมกับปรอทวัดไข้

“ไม่มีไข้แล้วนะคะ”

“งั้นผมกลับบ้านได้เลยไหมครับ”

บาสรีบยิงคำถามทันที

“ต้องรอคุณหมอมาตรวจก่อนนะคะเพราะคนไข้เป็นไข้หวัดใหญ่เลยนะไม่ใช่ไข้หวัดธรรมดา แต่คงไม่ใช่วันนี้เพราะหมอชาคินออกเวรไปแล้ว”

นางพยาบาลหันมาพูดดักอย่างรู้ทันยิ้มๆแล้วหันไปสนใจอยู่กับกระปุกน้ำเกลือที่อุตส่าห์ดีใจที่มันจะหมดแต่ดันถูกเปลี่ยนเป็นกระปุกใหม่ซะงั้น

“ทำไม...ถึงไม่ให้หมอคนอื่นมาตรวจก็ได้ละครับ”

บาสเบาเสียงบ่นๆประโยคหลังอย่างเสียดาย

“ต้องคุณหมอเจ้าของไข้เท่านั้นค่ะ หลับฝันดีนะคะ”

เธอหันมายิ้มให้บาสแล้วเดินออกจากห้องไป บาสทำได้แค่มองตามเซ็งๆ

เบื่ออาหารโรงพยาบาล ไม่ชอบกลิ่นโรงพยาบาลเลยจริงๆ เบื่อการนั่งๆนอนๆไปวันๆอยากกลับบ้านแล้วโกหกแม่แบบนี้รู้สึกไม่ดีเลยเพราะไม่อยากให้แม่เป็นห่วงเลยต้องโกหกว่ามีงานด่วนต้องไปต่างจังหวัดสองสามวัน แต่ที่ไหนได้มานอนเดี้ยงอยู่โรงพยาบาล

แต่จริงๆ...

มันก็ดีอีกอย่าง เพราะไม่เคยมีเวลานอนเยอะๆแบบนี้มานานเท่าไรแล้วก็ไม่รู้ชนิดที่ว่าวางหัวลงหมอนก็หลับเป็นตาย

ไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่เมื่อไรรู้แค่ว่าเสียงเหมือนคนคุยกันจุกจิกทำให้ต้องลืมตาขึ้นมอง

“ให้นอนดูอาการอีกสักวันก่อนนะผมอยากมั่นใจว่าไม่มีเชื้อแล้ว กลับบ้านเลยก็ได้ครับเดี๋ยวผมจัดการต่อเอง”

“แย่งงานกันอีกแล้วนะคะหมอ”

“ดึกแล้วคุณฝนรีบกลับเถอะครับมันอันตราย”

“เอางั้นหรอคะ”

“ครับ”

“งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะคะหมอ ขอบคุณนะคะ”

บาสเพ่งสายตามองเหตุการณ์ข้างเตียง มีเสียงคนกำลังคุยกันเมื่อลืมตาขึ้นมองดีๆก็ทำให้รู้ว่ามีคนกำลังยืนจับสายน้ำเกลือของเขาดู มือข้างขวาที่มีสายน้ำเกลือติดอยู่ของบาสถูกจับไปโดยคนแปลกหน้าทำให้บาสตื่นตัวด้วยความตกใจ

“จะทำอะไรครับ คุณเป็นใคร”

ถึงจะตกใจขนาดไหนก็ยังไม่ลืมนิสัยมารยาทดีพูดลงครับค้าเหมือนเดิม บาสรีบจะดันตัวเองขึ้นจากเตียงแต่ก็ถูกคนแปลกหน้าเข้ามาประชิดตัวแล้วดันให้เขานอนลงกับเตียงเหมือนเดิมยิ่งเพิ่มความตกใจให้บาสไปอีก

“อย่าดิ้น”

นั่นเป็นประโยคแรกของคนแปลกหน้าที่พูดออกมา แต่มีหรือที่บาสจะฟังใครก็ไม่รู้มาทำอะไรแบบนี้กับตัวเองดึกๆดื่นๆเป็นใครก็ต้องตกใจ

“นั่นคุณจะทำอะไร”

บาสถามเสียงตื่นเมื่อคนแปลกหน้ากำลังจะฉีดอะไรเข้าสายน้ำเกลือของเขา

“ผมเป็นหมอครับ ไม่ต้องตกใจ”

“หมอ!”

สายตาและน้ำเสียงของบาสทำให้คนที่อ้างว่าเป็นหมอไขข้อสงสัยให้โดยที่บาสไม่ต้องขอ เขาล้วงบัตรอะไรสักอย่างออกมาให้ดูบาสเห็นแบบนั้นจึงยื่นหน้าเข้าไปมอง

นายแพทย์ ชาคิน มานะสิงห์

(แต่คงไม่ใช่วันนี้เพราะหมอชาคินออกเวรไปแล้ว)

คำพูดของคุณพยาบาลมะลิแล่นเข้ามาในหัวทันที

นายแพทย์ ชาคิน มานะสิงห์

กับ

คุณหมอชาคินของคุณพยาบาลมะลิ

เขาคือหมอเจ้าของไข้ที่คุณพยาบาลมะลิบอกหรอ บาสเงยหน้ามองคนตรงหน้าอีกครั้งหลังจากประมวลผลในสมองคนเดียวอยู่นาน

“ขอโทษครับ ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นหมอ”

แล้วพูดออกไปด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

“ไม่เป็นไรครับ ไม่แปลกที่คุณจะเข้าใจผิดเพราะผมแต่งตัวไม่เรียบร้อยเป็นผมก็ต้องตกใจเหมือนกันที่อยู่ดีๆใครก็ไม่รู้จะมาฉีดอะไรให้”

หมอหนุ่มพูดพร้อมกับส่งยิ้มมาให้เพราะตนเป็นฝ่ายผิดที่ไม่ใส่เสื้อกาวน์หรืออะไรที่บ่งบอกถึงการเป็นหมอเพราะจริงๆแล้วตนออกเวรไปแล้วแต่ผ่านมาทางโรงพยาบาลเลยแวะเข้ามาดูคนไข้ในความดูแลเลยได้เข้ามาดูบาสด้วย

“เพราะคุณดิ้นเลยทำให้เลือดออก”

หมอพูดถึงสิ่งที่ตามมาที่ห้ามบาสดิ้นไปตอนแรกพร้อมกับจับสายน้ำเกลือที่มือบาสดูตอนนี้เริ่มมีเลือดไหลออกมาจนเห็นผ่านสายแล้ว บาสมองมือตัวเองแล้วเป็นอย่างที่หมอบอกจริงๆ

“หมอจะฉีดอะไรให้ผมครับ”

บาสรีบยิงคำถามอีกเมื่อเห็นหมอกำลังจับเข็มที่ถูกวางไว้จากตอนแรกขึ้นมาอีกครั้ง รู้สึกไม่อุ่นใจกับหมอคนนี้ยังไงไม่รู้เพราะเจอกันครั้งแรกก็เจอสถานการณ์ไม่ค่อยดี

“ยาฆ่าเชื้อไข้หวัดใหญ่ครับ”

บาสมองสายตาจริงจังของคนตรงหน้าและการกระทำตลอดเวลา มองเข็มที่ถูกดันยาลงไปในสายน้ำเกลือตัวเอง

“เปลี่ยนผ้าพันแผลนะครับ”

หมอพูดพร้อมกับหยิบอุปกรณ์ทำแผลมาแล้วนั่งลงกับเก้าอี้ข้างเตียงคนป่วย

นี้คงเป็นหมอที่คุณพยาบาลมะลิบอก หรือจะไม่ใช่เพราะเธอบอกว่าวันนี้หมอออกเวรไปแล้ว

“หมอ..เป็นหมอเจ้าของไข้ผมใช่ไหมครับ”

“ครับ”

หมอตอบแบบไม่มองหน้ากำลังให้ความสนใจแผลที่มืออยู่ บาสมองดูการทำแผลของหมอที่ทำอย่างรวดเร็วและดูชำนาญอย่างเพลินตา

“ไปโดนอะไรมาครับ”

บทจะเงียบก็เงียบ บทจะคุยก็พูดขึ้นมาดื้อๆเล่นเอาแทบตามไม่ทัน แต่ถึงจะอายในความโก๊ะของตัวเองแค่ไหนก็ต้องตอบไป

“จะเป็นลมในห้องน้ำนะครับ ตอนนั้นมันตกใจจะยื่นมือไปจับผนังแต่ดันไปตีเข้ากับกระจก”

เพราะวันนั้นไม่สบายสติสตางค์ไม่ค่อยจะมี จริงๆจะเป็นลมตั้งแต่ไปเข้าห้องน้ำแล้วแต่ก็ไม่ได้บอกใครออกมาทำแผลแล้วฝืนไปทำงานต่อ แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด

“หมอครับ ผมเวียนหัวเหมือนจะอ้วกยังไงไม่รู้..มันแปลกๆ”

บาสเล่าอาการความผิดปกติของตัวเองด้วยอาการงัวเงียรู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังไม่ค่อยมีสติพูดอะไรวนไปวนมา

“มันเป็นผลข้างเคียงของฤทธิ์ยาฆ่าเชื้อที่หมอฉีดให้ไม่ต้องกังวลนะหลับไปเลยครับตื่นมาก็หาย”

หมอไขข้อข้องใจให้ บาสได้ยินแบบนั้นก็โล่งใจตาจะปิดซะให้ได้แต่ปากก็ยังคุยต่อ

“ผมจะกลับบ้านได้เมื่อไรครับ”

“ขอนอนดูอาการถึงพรุ่งนี้อีกวันถ้าไม่มีอะไรก็กลับได้ครับ”

หมอหนุ่มพูดแบบไม่มองหน้าก้มหน้าสนใจอยู่กับการทำแผลที่มือ

“พรุ่งนี้หมอจะมาใช่ไหมครับ”

คราวนี้หมอเงยหน้ามามองแล้วถามกลับ

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ถ้าหมอไม่มาผมก็ไม่ได้กลับ”

หมอเผยยิ้มทันทีเมื่อได้ยินที่บาสพูดแล้วพูดด้วยเสียงติดหัวเราะ

“มาครับ หมอมาทุกวันแต่คนไข้หลับ”

ดูเป็นคนใจดี คำพูดก็นุ่มหู มือเบากว่าพยาบาลประจำห้องพยาบาลที่โรงงานที่เป็นผู้หญิงซะอีก

“ล้างแผลจนกว่ามันจะแห้งสนิทนะครับคลินิกใกล้บ้านก็ได้ถ้าไม่อยากมาถึงโรงพยาบาล”

“ทำเองได้ไหมครับ”

หมอหันมายิ้มให้บาสแบบกลั้นยิ้มแล้วตอบ

“ได้ครับ”

ทั้งคู่เงียบไปหลังบทสนทนาจบลง หมอก็ทำแผลตามหน้าที่ส่วนบาสก็เคลิ้มใกล้หลับและก็หลับไปในที่สุดยาทำให้ง่วงจนลืมตาไม่ขึ้น

คงเป็นคืนในรอบสามปีที่ได้นอนหลับสบายอย่างไม่ต้องคิดว่าพรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้าง...

“หมดน้ำเกลือขวดนี้ก็น่าจะกลับได้แล้วนะ”

“รอหมอชามาตรวจอีกทีก่อน”

“แล้วตามไปนะ”

“อืม”

เสียงคนคุยกันปลุกให้คนป่วยบนเตียงค่อยๆลืมตาขึ้นมอง แต่ขนาดนอนมาทั้งคืนยังง่วงจนอยากนอนต่อเลยยาหมอดีจริงๆคงจะดีถ้าได้ไปใช้เวลามีเรื่องเครียดจนนอนไม่หลับ

บาสหันมองข้างๆก็เห็นพยาบาลคนหนึ่งกำลังเขียนอะไรอยู่ข้างเตียงหันมาเจอบาสมองจึงยิ้มให้

“หลับสบายดีใช่ไหมคะ”

บาสพยักหน้ายิ้มอ่อนให้คนถาม นางพยาบาลจึงหันไปสนใจเขียนอะไรลงแฟ้มต่อ

“ผมกลับบ้านได้แล้วใช่ไหมครับวันนี้”

“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็น่าจะได้กลับค่ะ”

ได้รับคำตอบบาสจึงไม่เซ้าซี้อะไรต่อ หันออกไปมองนอกหน้าต่างด้วยอาการเบื่อหน่าย เคยคิดว่าอยากอยู่เฉยๆไม่อยากทำงานแต่พอได้สัมผัสจริงๆแล้วมันไม่โอเคเอาซะเลย



แกล๊ก!

“มึง กูมีอะไรมะ...”

เสียงต้องขาดหายไปเมื่อไม่เห็นสิ่งที่คิดมาตลอด ทิคเดินเข้าไปใกล้เตียงเดินเข้าไปดูในห้องน้ำ หน้าระเบียง ก็ไม่เห็นบาสจึงได้แต่ยืนคิดด้วยใบหน้าสงสัย

บาสไปไหน

เขาเดินถือของในมือออกจากห้องแล้วมองหาคนที่พอจะให้คำตอบได้

“ขอโทษนะครับ”

“ค้ะ”

“คนไข้ห้องนี้ไปไหนหรอครับ”

“คนไข้ออกมาเดินเล่นอยู่เมื่อกี้นะคะ อาจจะอยู่แถวนี้ เดี๋ยวช่วยตามหาให้นะคะ”

พยาบาลสาวพูด ทิคพยักหน้ายิ้มให้ทั้งคู่จึงแยกย้ายกันตามหา ทิคเดินหาตามทางไปเรื่อยๆแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาบาสจนเริ่มใจไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก แต่ไม่รู้เพราะอะไรดลใจทั้งที่เดินผ่านไปแล้วแต่สมองกลับสั่งให้ถอยหลังกลับไปมองประตูที่ถูกเปิดอ้าไว้เพียงเล็กน้อยเหมือนปิดไม่สนิท ทิคมองมันอยู่ครู่หนึ่งถึงตัดสินใจเดินเข้าไปและเดินตามบันไดไปเรื่อยๆจนไปโผล่ที่ๆหนึ่งทำให้รู้ว่ามันคือดาดฟ้าเมื่อก้าวขาออกจากประตูออกไปมองไปข้างหน้าสายตาก็ไปพบเข้ากับใครคนหนึ่งที่กำลังนั่งหันหลังมาทางนี้ ไม่ต้องเห็นหน้าก็รู้ว่าใครและถึงจะใส่เสื้อปิดไว้อีกก็เถอะคือคนที่เขากำลังตามหาอยู่

ทิคยืนมองหลังบาสอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินเข้าไปหาช้าๆเงียบๆเมื่อถึงตัวแล้วจึงยื่นมือที่มีแก้วชาไข่มุกที่เหลือความเย็นอยู่น้อยนิดไปแนบแก้มคนที่นั่งเหม่อลอยอยู่จนเจ้าตัวสะดุ้งโย้งหันมองทันทีแต่เมื่อทั้งคู่สบตากันรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนหน้าทั้งคู่ถ้าเป็นทิคคนเก่าคงโมโหเป็นฟืนเป็นไฟแล้วแต่ตอนนี้แค่เห็นหน้ายิ้มแป้นของบาสก็ว่าอะไรไม่ลงจริงๆ

“ทำไมหากูเจอ”

“มึงหนีกูไม่พ้นหรอก”

ทิคว่าแล้วนั่งลงข้างๆบาส ยื่นแก้วชาไข่มุกในมือที่แนบแก้มบาสเมื่อกี้ให้เจ้าตัว บาสยิ้มรับไปแล้วดูดลงคอไปอึกใหญ่ปากมุบมิบไปมาเพราะเคี้ยวไข่มุก

เหมือนฉากในหนังยังไงยังงั้นแสงอาทิตย์ตอนเช้ากระทบกับหน้าใสๆของบาสที่มีหมวกฮู้ดของเสื้อแขนยาวสีดำใส่อยู่มองข้างๆแล้วมันทำให้หลงได้แต่มองค้างไม่สามารถละสายตาไปไหนได้เลย

คนถูกมองหันมาเจอได้แต่มองด้วยสายตาสงสัย

“มองทำไม”

ทิคไม่ตอบเอาแต่อมยิ้มมองอยู่อย่างนั้นจนบาสต้องอมยิ้มกลับสงสัย

“ไปเอาเสื้อที่ไหนมาใส่”

(ทำไมใส่แบบนี้แล้วมึงน่ารักละ)

ทิคคิดในใจยิ้มอยู่คนเดียว ว่าแล้วก็จับหมวกฮู้ดบนหัวบาสดู

“คุณมะลิ เขาเป็นพยาบาลอยู่ที่นี่ใจดีมากนะมึง”

“ไปอยู่ไหนก็มีแต่คนรักเนอะ”

บาสหันมาทำหน้าเอ๋อใส่ด้วยความสงสัยจนทิคได้แต่ส่ายหัวปลงๆประโยคแค่นี้มันมีอะไรน่าตามไม่ทันห๊ะถามหน่อย

“แล้วไม่ไปทำงานหรอ”

“เดี๋ยวเข้าไป”

“กว่าจะเข้าไปก็สายแล้วนะเว้ยคิดว่าตำแหน่งสูงแล้วจะมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นหรอ”

“เยอะแล้วมึงบาส”

ทิคว่ายิ้มๆแล้วยื่นมือไปผลักหัวบาส

“ความจริง ระวังเด้อจะโดนลดตำแหน่ง”

“จะลดไปอยู่ไหนกูก็หล่อเหมือนเดิมแหละ”

“ไอ้ขี้โม้ หลงตัวเอง”

บาสบุ้ยปากใส่ทิคแล้วหันมาดูดชาไข่มุกในมือ

“หรือมึงจะปฏิเสธว่ามันไม่จริง”

บาสไม่ตอบสิ่งที่ทิคถามได้แต่เบ้ปากไปมาด้วยความหมั่นไส้อยู่คนเดียว แต่นั้นมันทำให้ทิคหมั่นเขี้ยวเมื่อเห็น

“โอ้ยยยย ทำเชี่ยไรเนี้ย!”

บาสตะโกนเสียงดัง เมื่อทิครูดสายเชือกหมวกฮู้ดที่เขาใส่แน่นจนหน้าบูดเบี้ยว

“ไอ้ทิค ปล่อยมันเจ็บ!”

แต่เหมือนคำขอร้องจะไม่มีผลเมื่อเจ้าตัวเอาแต่ยิ้มด้วยความสนุก บาสทำได้แค่ตีมือแรงๆให้ทิคปล่อย

“ตอบมาก่อนว่ากูหล่อไหม”

“ปล่อยกูก่อนดิ๊!”

“ตอบกูก่อนดิ”

ไม่มีใครยอมใครจริงๆนาทีนี้

“เออๆ หล่อ!”

และเป็นบาสที่เป็นฝ่ายแพ้ทุกครั้งพูดด้วยน้ำเสียงแดกดันและหน้าตาที่ไม่เป็นมิตรเท่าไร ทิคเห็นแล้วได้แต่อมยิ้ม

“ตอบแล้วก็ปล่อยดิ หน้าชาไปหมดแล้วเนี้ย”

บาสทวงสิทธิ์เมื่อทิคไม่ทำตามที่ตกลงแถมยิ่งรูดสายหมวกฮู้ดให้แน่นขึ้นอีก

“ไอ้ทิค!”

“เดี๋ยว”

ทิคว่าเบรกแล้วเปลี่ยนมือขวาที่จับสายไว้มาเป็นมือซ้าย ส่วนมือขวาล้วงไปเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมากดเข้าโหมดกล้องแล้วถ่ายรูปบาสที่หน้าบูดเบี้ยวไว้หลายรูปจนพอใจแล้วถึงปล่อย คนถูกกระทำพอเป็นอิสระก็รีบคลี่หมวกแคบๆออกและถอดมันออกจากหัวไปเลยแต่ยังไม่วายหันไปเอาเรื่องทิค

“เล่นบ้าอะไรวะ”

“เดี๋ยวนี้มึงมันดื้อไง”

“ดื้ออะไรพูดอย่างกับกูเป็นเด็ก อายุจะครึ่งคนแล้วนะ แล้วรูปจะถ่ายไปแกล้งใช่ไหมลบเลยนะ”

“จะเอาไว้ดู ไม่แกล้ง”

“ถ่ายดีๆก็ได้ไหมงั้นอะ เมื่อกี้มันทุเรศ”

บาสขมวดคิ้วพูด

“น่ารักจะตาย”

!

คนที่กำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยงต้องหยุดทุกอย่างเมื่อได้ยิน มองหน้าคนพูดที่ก็มองมาด้วยสีหน้านิ่งเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไรแล้วต้องเป็นฝ่ายหลบตาเอง อยู่ด้วยกันแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กง้องแง้งยังไงไม่รู้

“เขาบอกยังจะได้กลับบ้านเมื่อไร”

ทิคเปลี่ยนประเด็นสนทนาเมื่อรู้ว่ากำลังทำให้บาสเขิน

“วันนี้แหละแต่ต้องรอหมอมาตรวจก่อน เออ!ว่าแล้วก็ลงไปเหอะเดี๋ยวหมอมาแล้วคลาดกัน”

บาสพูดเสียงตื่นเมื่อนึกขึ้นได้ลืมเรื่องที่กำลังไปต่อไม่เป็นเมื่อกี้ไปเลย รีบลุกขึ้นแล้วพาทิคลงจากดาดฟ้าเพื่อกลับไปห้องเพราะกลัวคลาดกับหมอแล้วไม่ได้กลับบ้านอีก

“ทีหลังก็โหมอีกแล้วกันงานนะจะได้มานอนสักอาทิตย์”

“ไม่เอาแล้วเหอะเข็ด...”

พูดยังไม่ทันจบก็ต้องหยุดลงเมื่อสายตาไปปะทะเข้ากับอะไรบางอย่างที่อยู่ห่างออกไป

บงกชกับเอ็นจิเนียร์ของโรงงานรวมทั้งพวกคลังกำลังยืนอยู่หน้าห้องเขา

“พี่บงมานิ”

บาสว่าแล้วหันมาหาทิคที่ยืนอยู่ข้างๆแล้วรีบก้าวเท้าเข้าไป

“มึงไปเถอะ”

บาสหันมองทิคทันทีที่ได้ยินด้วยความไม่เข้าใจจนต้องถามออกไป

“ไม่ไปด้วยกันหรอ”

“ไม่ดีหรอก มันจะเป็นประเด็นเปล่าๆมันจะมีอะไรอีกหลายอย่างตามมา”

ทิคพูดน้ำเสียงนิ่งๆแต่ก็มีรอยยิ้มจางๆให้บาสเป็นเชิงบอกว่าไม่มีอะไรให้ต้องกังวลแต่แค่ไม่อยากให้ใครรู้เท่านั้น

บาสพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้ทิค มันเป็นสัญญาณว่าเขาเข้าใจสิ่งที่ทิคกำลังบอกจนทิคอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปขยี้ผม เขาเองก็ไม่อยากจากบาสตอนนี้เหมือนกันอยากอยู่ด้วยนานๆ

“ไหวนะ”

“เออ ไม่เป็นไรขับรถดีๆ”

“จะกลับแล้วโทรบอกนะจะมาแอบดู”

บาสยิ้มให้อีกครั้งทิคจึงยิ้มตอบและแยกย้ายกันด้วยความค้างคาในใจ ต่างรู้ดีว่าไม่อยากจากกัน

“คิดว่าหนีกลับไปแล้วซะอีก”

“ถ้าหมอไม่มาคงต้องเป็นแบบนั้นแน่”

แต่เสียงที่คุ้นเคยทำให้ทิคหยุดเท้าแล้วหันกลับไปมองด้วยความสงสัยและยืนมองอยู่ห่างๆ

บาสคุยกับใคร



สวัสดีทุกคนนนนน

หายไปนานมากกกกก เพราะไม่มีเวลาเลย เจียดเวลามาแต่ละตอนสุดๆแล้ว เขาพยายามแล้วจริงๆนานๆมาทีก็อย่าเพิ่งเบื่อกันน๊า อย่าทิ้งทิคกับบาสไปไหนเน้ออยู่ด้วยกันก่อน (ถึงคนเขียนจะหายไปแต่ละครั้งนานๆก็เถอะ^^)

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ระวังทิคหึงเด้อ!!

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

สงสัยจะหึงแม้กระทั่งหมอเจ้าของไข้กระมัง

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
รอจ้าไม่ทิ้งเรื่องนี้แน่นอนติดตามอ่านตั้งแต่อ่านตั้่งแต่ตอนลงครั้งแรกจนคุณนักเขียนเอามาลงใหม่รอบสอง

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
รอจร้า บาสน่ารัก ทิคเปลี่ยนตัวเองเพื่อบาส บาสคือคนสำคัญของทิค

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ตอนนี้ทำไมฟรุ้งพริ้งจังเลย ทิคชมบาสน่ารักตลอดเลยนะ
ว่าแต่นั่นหมอนะ ทิคอย่าหึงไปเรื่อยเปื่อยละ
 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:


หมอ ?

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
ยังไงก็รอแน่นอนครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด