หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 31...ไม่มีวันลบออก 12/12/18  (อ่าน 19062 ครั้ง)

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
Re: หนี้ชีวิต (Secrets’debt) 29..ภาพจำ 15/08/18
«ตอบ #150 เมื่อ20-08-2018 22:55:29 »

แล้วบาสรู้เรื่องบัวแก้วด้วยเหรอ

ออฟไลน์ Vermilion Bird

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
30..คุณจะปิด ผมจะเปิด

เป็นเวลากว่ายี่สิบนาทีแล้วที่ทิคยืนอยู่หน้าแอสเซมบลีสาม เขาไม่รู้ว่าควรเริ่มตรงไหน ควรทำอะไร และจะเจอคนที่อยากเจอได้ยังไงจึงได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนี้

ที่มาเพราะอยากมาดูให้แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นเมื่อคืนเป็นอย่างที่เห็นจริงๆหรือแค่คิดฟุ้งซ่านไปเองถ้าไม่เห็นให้ชัดกับตาว่าใช่หรือไม่ใช่เขาคงไม่มีกะใจทำอะไรต่อไป

“ขอโทษนะครับ”

“คะ”

พนักงานฝ่ายการผลิตที่กำลังจะเดินเข้าแอสหยุดเดินแล้วหันมาหาเมื่อถูกทิคเรียกไว้เธอมองมาที่เขาด้วยสีหน้าสงสัยเมื่อทิคเรียกแล้วเงียบไม่พูดอะไรต่ออยู่ครู่หนึ่ง

“คือ...ผมมีเรื่องอยากจะรบกวนถามหน่อยได้ไหมครับรีบหรือเปล่า”

“ไม่ค่ะ มีอะไรหรือคะ”

“ที่นี่มีเอ็นจิเนียร์ที่เพิ่งมาใหม่ชื่อ...บัวแก้วไหมครับ”

“บัวแก้ว”

เธอทวนชื่อที่ได้ยินด้วยใบหน้านึกคิด

“ไม่มีนะคะ”

เมื่อไม่ได้สิ่งที่หวังทิคจึงยิงคำถามใหม่อีกอย่างใจร้อนรน

“แล้วพราวละครับ”

“พราวมีค่ะ เพิ่งมาใหม่”

คำตอบของเธอทำให้ทิคหายใจลำบากคิ้วขมวดปมด้วยความกังวลทันทีแต่ก็ไม่ลืมโค้งหัวขอบคุณคนตรงหน้าเธอจึงเดินจากไป


กิ๊ฟดอกแก้วที่เขาสั่งทำพิเศษให้บัวแก้วไม่มีทางที่จะมีใครมี ชุดสีครามน้ำทะเลเหมือนคืนนั้นอีก มันไม่มีทางที่ทุกอย่างจะเหมาะเจาะขนาดนั้น

เขาต้องเห็นกับตาให้ได้ว่าไม่ใช่จริงๆ

คิดแค่นั้นทิคก็เดินเข้าไปในแอสเซมบลีสามทันทีหลังจากที่ยืนอยู่ด้านหน้าอยู่นานโชคดีที่เข้าไปก็เจอกับเอ็นจิเนียร์แอสสามที่พอจะรู้จักกันพอดี

“อ้าวทิค มาทำไร”

คนๆนั้นร้องทักแล้วเดินเข้ามาหาทิคจึงถามออกไปทันทีอย่างไม่รั้งรอ

“พราวที่ได้รางวัลเมื่อคืนอยู่หรือเปล่า”

“แหม่...ไปสปาร์คอะไรกันตอนไหนเนี้ยมาตามหาน้องเขาถึงแอสเชียว”

“ตอบมาเถอะ!”

ทิคเผลอขึ้นเสียงไปจนคนตรงหน้าที่กำลังทำท่าทางล้อเลียนแบบสงสัยต้องหยุดไปทันที

“นะ..น้องเขาไปตรวจสต๊อกพาสอยู่...”

ยังพูดไม่ทันจบทิคก็เดินหนีออกไปจนคนๆนั้นได้แต่หันมองตามงงๆ

ไม่ต้องบอกว่าไปทางไหน ที่ไหน เพราะที่เก็บพาสชิ้นส่วนงานอยู่ส่วนเดียวกันเหมือนกันทุกแอสทิครีบเดินไปที่นั้นอย่างไม่สนใจว่าระหว่างทางใครจะทักทายอะไรมาจนมาถึงห้องดังกล่าวในที่สุดเขาหยุดยืนนิ่งหายใจแรงจนอกกระเพื่อมมือจับลูกบิดประตูค้างอยู่อย่างนั้น

ถ้าเปิดเข้าไปแล้วไม่ใช่คนที่เขาหวังละจะรับไหวใช่ไหม

หรือถ้าเปิดเข้าไปแล้วคือคนที่เขาคิดจริงๆละ...จะทำยังไงต่อ

ทิคตัดสิ้นใจเปิดเข้าไปในที่สุดและทันทีที่ประตูเปิดออกก็เป็นจังหวะที่คนในห้องหันมาดูพอดีทำให้ทั้งคู่สบสายตากันทันที


ไม่ใช่


ไม่ใช่...บัวแก้ว


ทิคปล่อยมือจากลูกบิดประตูแล้วทิ้งแขนลงข้างตัวอย่างอ่อนแรง เขาเดินเข้าไปหาคนๆนั้นด้วยแข้งขาที่แทบจะไม่มีแรงจนเธอหันมาเต็มตัวเพื่อมองเขาดีๆด้วยใบหน้าสงสัย

“คุณ...คือใคร”

คำถามของทิคทำเอาเธอมองด้วยสีหน้าสงสัยกว่าเก่าเพราะเมื่อคืนก็เจอกันบนเวทีแล้วทิคจำไม่ได้หรอ

“ผมถามว่าคุณคือใคร!”

ทิคตะโกนเสียงดังจนก้องไปทั่วห้องก้าวเข้าไปหาแล้วจับไหล่ทั้งสองข้างเธอบีบแรงกระชากไปมาจนเธอกรีดร้องด้วยความตกใจทิ้งแฟ้มในมือตกลงสู่พื้น

“พราว ฉันชื่อพราว”

เธอพูดตอบทั้งที่ยังหลับตาด้วยความกลัวจนตัวสั่นทิคเห็นแบบนั้นก็เริ่มได้สติค่อยๆคลายมือจากไหล่จนเธอมีโอกาสถอยห่างออกไป

“ผมขอโทษ คุณเจ็บหรือเปล่า”

ทิคพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้ารู้สึกผิดจับใจเธอมองมาเมื่อเห็นว่าสายตาทิคตอนนี้เปลี่ยนไปจากตอนแรกเหมือนคนละคจึงค่อยๆส่ายหัวตอบ

เกิดความเงียบขึ้นระหว่างทั้งคู่ ทิคใช้สมองคิดเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยสายตาสั่นไหวแล้วเงยหน้าขึ้นถามเธออีกครั้ง

“กิ๊ฟดอกแก้วอยู่ไหน คุณมีมันได้ยังไง ไปเอามาจากที่ไหน”

เธอมองทิคด้วยสีหน้าไม่เข้าใจแต่ก็ตอบคำถามแต่โดยดี

“ฉันคืนเจ้าของไปแล้วเพราะมันราคาแพงเกินไปฉันรับไว้ไม่ได้”

“เจ้าของ”

ทิคทวนคำอย่างไม่เชื่อหูมองคนตรงหน้าด้วยคิ้วขมวดปม

“ใคร เจ้าของคือใคร ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”

“ฉันไม่รู้”

เธอตอบทันทีอย่างไม่ต้องคิดแล้วพูดต่อ

“ก่อนวันงานสองวันมีคนส่งกล่องของขวัญมาให้ฉันที่แอสเขาบอกว่าเขาปลื้มฉันตั้งแต่เข้ามาทำงานวันแรกเลยส่งของขวัญมาให้พอเปิดดูก็เป็นชุดกับกิ๊ฟนั้นแล้วเขาก็เขียนการ์ดมาว่าให้ฉันใส่มันไปในวันงานกินเลี้ยงเมื่อคืนถ้าอยากรู้ว่าเขาคือใครฉันรู้แค่นี้ รู้แค่นี้จริงๆ”

เธอร่ายยาวหมดเปลือกตามความจริงทิคละสายตาจากเธอด้วยสายตาสั่นไหวแล้วหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทิ้งให้เธอมองตามด้วยความไม่เข้าใจตามไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น



“ครับพี่มานพ ครับ จะจัดการให้ครับ ไม่เป็นไรครับ สวัสดีครับ”


ตุบ!


ไหล่ถูกดึงจนต้องหันไปตามแรงจนโทรศัพท์ในมือหล่นไปกับพื้นเมื่อเงยหน้าขึ้นดูหมายจะต่อว่าก็ไม่ทันเสียแล้วเมื่อหน้าของเขาถูกต่อยจนหน้าหันเซเสียหลัก

“มึงทำแบบนี้ทำไม มึงทำทำไมไอ้มาร์ค!”

ทิคตะโกนเสียงดังใส่หน้ามาร์คจับคอเสื้อมาร์คขยำแน่นขึ้นแล้วต่อยไปอีกครั้งแรงจนมาร์คล้มไปกับพื้น มาร์คดันตัวเองลุกขึ้นแล้วพุ่งเข้าไปต่อยทิคกลับเต็มแรงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าโกรธแค้นไม่ต่างกัน

“มึงจะได้ไม่ลืมไง มึงจะได้ไม่ลืมว่ามึงเป็นคนฆ่าเขา!”

“กูไม่ได้ฆ่าบัว กูบอกแล้วไงว่ากูไม่ได้ทำ กูไม่ได้ทำ!”

ทิคสวนหลับเสียงดังจ้องตามาร์คกลับอย่างไม่ลดละแต่นัยน์ตาตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตาที่สั่นกลิ้งไปมา

“มึงจะไม่มีวันหนีความจริงพ้นไม่ว่าครอบครัวมึงจะใช้ความรวยปกปิดความเลวของลูกตัวเองยังไง แต่กูจะไม่มีวันปล่อยให้มึงลืมสิ่งที่มึงทำกับบัว กูจะไม่มีวันปล่อยให้มึงลืมว่ามึงฆ่าเขา บัวจะไม่มีวันหายไปจากชีวิตมึง!”

ของบางอย่างถูกปาใส่หน้า ทิคได้แต่ยืนนิ่งเขาปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อดห้ามมัน

“มึงต้องตายทั้งเป็น มึงต้องรับรู้ความรู้สึกของบัว”

คำพูดของมาร์คทำให้ทิคต้องหลับตาหนีจนไม่อยากลืมตาเสียงรถสตาร์ทแล้วขับออกไปไม่ต้องลืมตาดูก็รู้ว่าเขาถูกทิ้งไว้ตรงนี้คนเดียวแล้ว

แต่พอลืมตาขึ้นแสงจากของที่ตกอยู่ที่พื้นกำลังส่องแสงระยิบระยับจนเขาต้องเดินเข้าไปหาช้าๆด้วยขาที่ไร้เรี่ยวแรงทิคนั่งลงแล้วยื่นมือไปหยิบกิ๊ฟดอกแก้วที่หักไปจนไม่เหลือความสวยงามเหมือนเดิมขึ้นมากำไว้ในมือแน่นไปแนบกับอก

“ขอโทษ..เราขอโทษ”

เขาพูดด้วยเสียงติดขัดขมเพราะจะร้องกำของในมือแน่นน้ำตาเม็ดโตล่วงจากตาและไหลไม่หยุดจนกลายเป็นร้องไห้จนตัวสั่นเจ็บปวดจนแทบขาดใจเมื่อนึกถึงเจ้าของกิ๊ฟในมือ




ซู่...

เสียงน้ำไหลจากก๊อกลงสู่จานชามที่กำลังล้างทุกอย่างทำไปอย่างรวดเร็วด้วยความชำนาญจนเสร็จเรียบร้อยแล้วบาสจึงสลัดน้ำออกจากมือแล้วหันไปเช็ดกับผ้าที่แขวนไว้เช็ดมือเขาเพิ่งทานข้าวกับแม่เสร็จไปจึงอาสาเก็บกวาดเองไล่ให้แม่ขึ้นไปทานยาให้ตรงเวลา

“พรุ่งนี้อย่าลืมเอาบัวลอยในตู้เย็นไปให้คลังนะบาส”

เสียงแม่ตะโกนลงมาจากชั้นบน

“คร้าบ”

บาสตะโกนตอบรับไปแล้วเดินออกมาจากครัวเพื่อที่จะปิดไฟแล้วขึ้นชั้นบนแต่พอไฟในบ้านดับก็เห็นแสงสว่างจากด้านนอกชัดขึ้นทำให้เห็นว่ามีอะไรสักอย่างอยู่ตรงรั้วบ้านบาสจึงเดินไปมองตรงหน้าต่างรถคันหรูที่คุ้นเคยที่จอดอยู่ทำให้เขาต้องรีบตรงไปที่ประตูบ้านแล้วเดินออกไปดู

เป็นอย่างที่คิดทิคกำลังจะเปิดประตูรถเหมือนกำลังจะกลับทำให้บาสรีบพูดออกไป

“มาตั้งแต่เมื่อไร ทำไมไม่เข้าไปในบ้าน”

เสียงทำให้ทิคหยุดการกระทำแล้วหันไปหา

ทั้งคู่สบตากันค้างอยู่ครู่หนึ่งทิคจึงปิดประตูรถที่เปิดค้างไว้ลงแล้วหันไปหาบาสเต็มตัว

“มันดึกแล้วไม่อยากกวน”

“ไม่เห็นกวนตรงไหนทำไมคิดแบบนั้น”

คิ้วที่ขมวดเป็นปมของบาสทำให้ทิคเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับยิ้มบางๆบนหน้า

“ไม่คิดก็ไม่คิด แต่ตอนนี้เข้าบ้านเถอะยุงเยอะกูจะกลับแล้วเหมือนกัน”

ทั้งคู่สบตากันหลังจากทิคพูดจบ บาสพยักหน้าให้ตอบตกลงทิคจึงค่อยๆถอยหลังแล้วหันกลับไปเดินเพื่อที่จะไปขึ้นรถ

!

แต่มือที่กำลังจะเปิดประตูรถต้องชะงักเมื่อหลังของทิคถูกกอดจากทางด้านหลัง ทุกอย่างหยุดนิ่งไปทันทีรอบกายตอนนี้ได้ยินแค่เสียงลมพัดจากความเงียบในตอนกลางคืนเท่านั้นมือต้องกำที่เปิดประตูรถที่จับค้างอยู่แน่นเมื่อเอวถูกกระชับกอดแน่นขึ้นอีกและความรู้สึกของหลังที่ถูกใบหน้าแนบชิด

“เป็นอะไร”

ทิคถามเสียงติดหัวเราะพร้อมกับยกมือขึ้นมาจับมือบาสที่คล้องกันอยู่ที่ท้องของตนแล้วเอียงคอเหลือบมองคนที่เอาแต่กอดตนอยู่นิดๆ

บาสไม่ตอบคำถามแต่การกระชับกอดให้แน่นขึ้นก็เป็นคำตอบได้อย่างดีมือบาสที่ถูกทิคจับไว้ถูกบาสหงายมันแล้วสอดประสานมือตนกับมือทิคเข้าด้วยกันแล้วบีบแน่น

“มีอะไรบอกกูได้ มึงรู้ใช่ไหม”

บาสพูดเสียงอู้อี้อยู่กับหลัง ทิคหมุนตัวกลับไปหาแล้วพูดออกไปด้วยเสียงเบาหวิว


“มึง...รู้อะไรใช่ไหม”

บาสมองสายตาสั่นไหวที่บ่งบอกถึงความกังวลของทิคตอนนี้แล้วพูดออกไป

“หรือว่าที่กูคิดจะเป็นเรื่องจริง”

ทันทีที่บาสพูดจบทิคเงยหน้าขึ้นสบตาบาสทันทีแต่ใบหน้าบาสที่เคร่งเครียดในตอนแรกกลับเปลี่ยนเป็นระบายยิ้มกว้างออกมาแทน

“มึงไปทำผู้หญิงท้องใช่ไหม”

บาสพูดพร้อมกับยกมือขึ้นชี้หน้าทิคคาดโทษแล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อทิคค่อยๆเปลี่ยนจากหน้าเครียดในตอนแรกมาเป็นค่อยๆเผยยิ้มบางออกมาพร้อมกับส่ายหัวปฏิเสธไปมาเบาๆ

ทั้งคู่ยืนหัวเราะใส่กันขำอยู่ครู่หนึ่งและเป็นบาสที่เป็นฝ่ายพูดออกไป

“ไป รีบกลับบ้านไปได้เล่าดึกแล้ว”

ทิคยกข้อมือตัวเองที่มีนาฬิกาขึ้นมองแล้วเงยหน้าพยักหน้าให้บาส

“ไปนะ”

“อืม”

“รีบเข้าบ้านไปสิ”

ทิคพูดพร้อมกับเชิดหน้าไปทางบ้าน

“จะรอส่ง”

แต่พอได้ยินคำพูดของบาสก็ยิ้มกว้างแทบแก้มปลิ

“กลับไปได้แล้ว”

บาสพูดแล้วโบกมือไล่กลายๆทิคพยักหน้ายิ้มให้แล้วเดินแยกออกมาเดินตรงไปที่รถ

“ทิค”

แต่เสียงเรียกทำให้คนที่กำลังเดินต้องหันกลับไปมองด้วยความสงสัย แต่คนเรียกเอาแต่ยืนเงียบไม่พูดอะไรต่อจนเจ้าของชื่อต้องเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไรด้วยสีหน้าสงสัย

“กลับไป...ต้องนอนนะ”

เสียงหัวเราะดังออกจากลำคอทิคเมื่อได้รู้จุดประสงค์ว่าบาสเรียกทำไมแล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงติดหัวเราะ

“ก็ต้องนอนสิ ไม่นอนแล้วจะให้ทำอะไรเบอะ”

เมื่อยิ้มให้กันเสร็จแล้วทิคจึงหันกลับไปเดินต่อคราวนี้กลับจริงๆบาสยืนมองไฟรถที่ค่อยๆห่างออกไปจนสุดลูกตาอยู่ตรงนั้น

“กูจะเข้าถึงมึงได้ยังไงทิค”

บาสพูดกับตัวเองด้วยใบหน้านิ่งแต่เต็มไปด้วยความกังวลไม่รู้จริงๆว่าควรทำยังไงตอนนี้

รู้แค่ว่าคืนนี้หวังว่าทิคจะนอนหลับได้สนิทจริงๆ



“กาแฟไม่ควรจะกิน ควรจะอาบเอาเลยแม่ง!”

เสียงคลังที่เดินนำหน้าไปกำลังทะเลาะกับกาแฟแก้วเดียวในมืออีกแขนก็คล้องถุงบัวลอยที่แม่ให้เอามาให้ด้วยดังมาให้คนที่เดินตามหลังได้ยิน

“ตีป้อมเมื่อคืนทำพิษกูมากวันนี้ต้องเสนองานกับพี่บงอีก ตายแน่เลย ตายกู”

บาสหยุดเท้าลงมองหลังคลังอยู่ครู่หนึ่งแล้วเรียกชื่อออกไป

“คลัง”

คนถูกเรียกละจากการบ่นเพ้อพกอยู่คนเดียวหันกลับไปหาคนเรียกด้วยสีหน้าสงสัย

“มึงเป็นเพื่อนกับทิคมานานแล้วใช่ไหม”

“เออ”

คลังตอบด้วยสีหน้าเฉยๆกับคำถามพร้อมกับยกกาแฟในมือขึ้นจิบต่อ

“รู้จักคนชื่อบัวไหม...เขาเป็นใคร”





ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
บาส ต้องช่วยทิคได้

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

มาร์ค  มึงนี่แม่ง

รู้ไหมว่าแต่ละคนก็มีทุกข์ของตัวเองกันทั้งนั้นแหละ  ใช่ว่ามึงทุกข์คนเดียวซะเมื่อไร

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
คลังต้องช่วยทิคกับบาสนะ ถ้าทำได้เราจะสมัครเป็นแฟนคลังเอง
 :-[ :-[

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
มาร์คเลวมาก มาร์คชอบบัวเหรอถึงต้องทำขนาดนี้

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
บาสจะเยียวยาทิคให้หายเอง  :mew2:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
หายไปนานจังเลย

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Pin_12442

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
อยากรู้วววววววว :katai4:

ออฟไลน์ benicezii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ตามอ่านรวดเดียวเยย สงสารทิคจังงงง

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้กำลังใจคนเขียนครับ o13

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
รอเรื่องนี่อยู่นะคะ :call: :call:

ออฟไลน์ kman2527

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :call: :call: :call:

กลับมาเถอะนะคนดี  คนดีหายไปนานแล้วนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Vermilion Bird

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 33
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
31..ไม่มีวันลบออก

“บัว”

“มึง ไม่รู้จักหรอ”

“ไม่อะ”

“แต่เขา น่าจะเป็นเพื่อนทิคนะ”

“หรอ กูไม่ยักเคยผ่านหูหรือได้ยินมันพูดถึง”

“มึงลองนึกดูดีๆสิ”

“เพื่อนที่เรียนเก่ามันหรือเปล่า”

“มึงกับทิคเรียนที่เดียวกันมาไม่ใช่หรอ”

“กูกับมันจบที่เดียวกันก็จริง เออกูลืมเล่าไปอย่างทิคมันเพิ่งย้ายมาตอนเกือบจบปีหนึ่งเองจริงๆมันเป็นเด็กนอกนะโว้ยแต่ไม่รู้ทำไมถึงกลับมาเรียนที่ไทยทั้งที่ไปได้ไม่ถึงเทอม”

“ย้ายกลับมากลางคันหรอ”

“ใช่”

“ทำไมละ”

“กูก็ไม่เคยถามเซ้าซี้มันหรอกเพราะเคยถามไปครั้งหนึ่งแต่มันเหมือนไม่อยากตอบก็เลยปล่อยเลยตามเลย มึงก็น่าจะพอรู้ว่ามันเป็นคนยังไงไม่เล่าก็คือไม่อยากให้รู้”

บาสคิดตามสิ่งที่ได้ฟังมาอย่างใช้ความคิดตลอดทางที่เดินมาหลังจากแยกกับคลัง

ทำไมทิคถึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากเมื่อก่อน ดูซึมเศร้าเหมือนมีเรื่องอะไร

ทิคเคยไปเรียนเมืองนอกแต่ย้ายกลับมาไทยกะทันหันและเหมือนไม่อยากให้ใครรู้เหตุผล

ทั้งๆที่พิธีกรก็ประกาศว่าผู้หญิงคนนั้นชื่อพราวแต่ทิคกลับเรียกเธอว่าบัว หรือเพราะคืนนั้นดื่มมากเกินไปเลยทำให้ตาฝาด แต่ไม่น่าจะแค่ตาฝาดเพราะทิคดูเชื่อฝั่งใจมากๆว่าเธอชื่อบัว

แล้วคนชื่อบัว ทิคไม่ได้ตั้งใจทำอะไรกับเธอและทำไมต้องอยากขอโทษ ขอโทษเรื่องอะไร

ต้นเหตุที่ทำให้ทิคแปลกๆไปเพราะเธอคนนี้หรอหรือเรื่องอะไร


ความคิดที่กำลังล่องลอยหายไปทันทีเมื่อมาถึงแอสแล้วเห็นบงกชกับมานพวิ่งผ่านไปเหมือนจะรีบไปไหนผู้จัดการแอสอื่นแตกกลุ่มยืนคุยกันด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีเห็นแบบนั้นบาสจึงรีบสาวเท้าเข้าไปหาปิงที่อยู่แถวๆนั้น

“เขาประชุมกันเสร็จแล้วหรอ แล้วมีอะไรกันวะ”

“ทิคโดนเครื่องประกอบพาสตีแขนไม่รู้เป็นอะไรมากหรือเปล่าพี่มานพแกเลยรีบไปดูพี่บงก็ไปด้วย”

ได้ยินแค่นั้นก็หายใจลำบากขึ้นมาทันทีบาสตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งอย่างทำอะไรไม่ถูกเขาหันกลับไปทางที่เพิ่งมาแล้วออกตัววิ่งด้วยความเร็ว

“ไปไหนอะ”

ปิงตะโกนตามหลังเมื่ออยู่ดีๆบาสก็วิ่งออกไปไม่บอกไม่กล่าวแต่ก็ไม่มีการตอบรับเขาจึงได้แต่มองตามด้วยความไม่เข้าใจ

เสียงลงเท้าวิ่งหนักๆดังไปทั่วบริเวณเขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้นรู้แค่ว่าต้องถึงแอสห้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่เมื่อมาถึงก็มีแต่ความว่างเปล่าจึงต้องเดินหาที่เกิดเหตุให้ทั่วจนไปเจอบริเวณเกือบท้ายไลน์ที่มีคนกำลังยืนคุยกันอยู่กลุ่มใหญ่จึงรู้ว่าต้องเป็นจุดนั้นแน่ๆ

เท้าต้องหยุดลงเมื่อเข้าไปใกล้แล้วเห็นรอยเลือดที่เลอะอยู่เต็มบริเวณ เลือดเยอะขนาดนี้แล้วคนเจ็บจะเป็นขนาดไหน

“ทิคละครับ”

บาสหันไปถามคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยเสียงร้อนรนและหน้าตาซีดเซียว

“ถูกส่งโรงพยาบาลแล้วครับห้องพยาบาลเอาแผลไม่อยู่”

เหมือนโลกทั้งโลกหยุดหมุนบาสหายใจเข้าออกช้าๆแต่แรงจนอกกระเพื่อมด้วยความยากลำบากเสียงพูดของคนตรงนั้นไม่เข้าหูเลยได้แต่ก้มมองรอยหยดเลือดที่พื้นอยู่อย่างนั้น

ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมถึงเกิดกับเขา เขาจะเป็นอะไรมากไหม ตอนนี้อยู่ที่ไหน อยู่กับใคร




น้ำเกลือที่อยู่ในกระปุกยังทำหน้าที่ของมันหยดลงที่ละหยดที่ละหยดอย่างไม่รู้จักเหนื่อยคงมีแต่คนบนเตียงที่กำลังนอนหลับใหลหายใจเชื่องช้าสม่ำเสมออย่างดูเหน็ดเหนื่อย เป็นเวลาเกือบสองชั่วโมงที่อยู่ในห้องฉุกเฉินกว่าจะได้ออกมาและถูกนำตัวมาพักฟื้น บาดแผลเป็นที่ช่วงแขนแต่กลับต้องถูกสั่งให้นอนอยู่ที่โรงพยาบาลเนื่องจากแพทย์พบว่าร่างกายของเขาอ่อนแอมากเกินที่จะปล่อยไป

“เดี๋ยวผมออกไปคุยกับทางบ้านทิคครู่หนึ่งนะ”

บงกชพยักหน้าให้มานพแล้วหันไปหาทิคที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าเป็นห่วงแล้วเดินออกจากห้องไปไม่ใช่มีแค่สองคนที่อยู่ที่นี่เพื่อนร่วมงานเอ็นจิเนียร์ก็มาเช่นกันแต่ต่างพากันรออยู่ด้านนอกเพราะกลัวจะรบกวนคนป่วย

ทิคหลับไปนานอย่างไม่มีท่าทีว่าจะตื่นง่ายๆเมื่อเห็นว่าทิคได้ย้ายมาอยู่ห้องพักฟื้นแล้วก็โล่งใจจึงค่อยๆพากันทยอยกลับครอบครัวทิคคงไม่ได้มาถึงง่ายเพราะพ่อทิคเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศแม่ติดตามไปด้วยแต่เมื่อมานพโทรไปแจ้งก็ได้ทราบว่าท่านทั้งคู่จะเดินทางกลับไทยในวันพรุ่งนี้


คนที่แอบมองห้องผู้ป่วยพิเศษอยู่นานหลายนับชั่วโมงแอบเลียบมองดูเมื่อเห็นว่าคนเริ่มทยอยออกห่างห้องก็ใจชืนที่จริงแล้วเขาสามารถเข้าไปหาทุกคนและเยี่ยมคนป่วยเหมือนคนอื่นๆก็ได้ไม่แปลกด้วยซ้ำ แต่เขากลับไม่กล้า ไม่รู้ว่ากลัวอะไร รู้แค่ว่าอยากเข้าไปดูตอนที่อยู่คนเดียวมากกว่าและช่วงเวลาที่รอคอยมานานก็มาถึงบาสหันมองหน้ามองหลังจนมั่นใจว่าไม่มีใครแล้วเขาถึงรีบออกจากที่กำบังแล้วก้าวยาวๆตรงไปที่ห้องผู้ป่วยพิเศษหมายเลข1403แต่แทนที่จะเข้าไปเลยบาสกลับจับลูกบิดประตูค้างอยู่อย่างนั้น

“ทำไมไม่เข้าไปละคะ”

เสียงปริศนาจากด้านหลังทำให้บาสหันมองด้วยความตื่นตัวเป็นผู้หญิงหน้าตาดีจัดว่าสวยมากกำลังมองมาที่เขาด้วยสีหน้าสงสัย

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

เธอถามอีกครั้งทำเอาคนที่เอาแต่ยืนเงียบสะดุ้งออกจากภวังค์นิดๆ

“เปล่าครับ”

บาสตอบแล้วเผยยิ้มให้เธอจางๆตบท้ายเธอเห็นแบบนั้นจึงพยักหน้าเข้าใจ

“เป็นเพื่อนทิคหรอคะ”

“ครับ”

“งั้นเข้าไปข้างในด้วยกันสิคะ”

เธอพูดพร้อมกับส่งยิ้มสวยมาให้ บาสหันตามเธอช้าๆแต่ไม่ได้เดินตามจนเธอที่เปิดประตูเข้าไปแล้วครึ่งตัวหันกลับมาดู

“คือผมมีธุระด่วนกะทันหัน ไว้จะแวะมาเยี่ยมใหม่ ขอโทษนะครับ”

บาสพูดแค่นั้นก็โค้งหัวให้เธอแล้วหันหลังเดินออกมาโดยไม่รอให้เธอได้ตอบอะไรเขาเดินก้าวเท้ายาวๆเพื่อให้ออกมาจากบริเวณนั้นให้เร็วที่สุด บาสรู้อยู่แก่ใจว่าทำไมถึงกลัวเพราะเขาไม่บริสุทธิ์ใจเหมือนเพื่อนร่วมงานปกติไงใจเขารู้ดีว่าเขารู้สึกยังไงและยิ่งเห็นผู้หญิงที่สวยและดูเพรียบพร้อมแบบนี้มาอยู่ใกล้ทิคด้วยแล้วยิ่งรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก



หมอสาวมองตามคนที่เดินหายไปจนลับสายตาด้วยความเร็วอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากปล่อยมือจากประตูที่จับค้างไว้ปิดลงแล้วหายเข้าไปในห้อง ทันทีที่เห็นหน้าน้องชายหัวแก้วหัวแหวนเธอรีบวางกระเป๋าใบหรูลงกับโต๊ะอย่างไม่ใยดีก้มหน้าไปใกล้น้องชายที่กำลังหลับใหลแล้วยื่นมือไปเสยผมที่ตกลงมาปะหน้าน้องชายขึ้นอย่างทะนุถนอมอย่างกลัวน้องเจ็บแต่เบามือไปก็เท่านั้นเมื่อคนนอนรับรู้ได้ถึงสิ่งรบกวนทำให้เขาตื่นจากการหลับลืมตาขึ้นมอง คนเป็นพี่รู้สึกผิดนิดๆที่ทำให้น้องตื่นถามออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“เจ็บมากไหมทิค”

 คนป่วยพยักหน้าขึ้นลงช้าๆสิ่งนั้นเรียกน้ำตาของคนเป็นพี่ได้เป็นอย่างดี

“เจ็บตรงไหนบอกมาเลย พี่จะดูให้ พี่แกเป็นหมอนะไอ้แสบ”

คนเป็นพี่พูดทั้งน้ำตามือข้างหนึ่งจับมือน้องชายไว้อีกข้างก็เสยผมแล้วเลื่อนลงมาจับหน้าสภาพน้องชายตอนนี้เป็นภาพที่น่าสงสารสำหรับคนเป็นพี่ยิ่งกว่าอะไรเธอเลื่อนสายตามาหยุดอยู่ที่แขนน้องชายที่มีผ้าผันแผลสีขาวขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ไปเกินครึ่งแขนและสายที่เจาะเข้าเนื้อของน้องชายแล้วได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

“ทับอย่าร้อง”

เสียงแหบและเบาหวิวของทิคถูกเปร่งออกมาเขาพยายามที่จะยกมือมาเช็ดน้ำตาให้พี่สาวแต่มันแทบจะไม่มีแรงจนคนเป็นพี่ต้องยื่นมือไปรับมือน้องมากุมไว้เธอพยายามกลั้นน้ำตาและหยุดร้องตามที่น้องขอ

“ถ้าไม่อยากให้พี่ร้องไห้ทิคก็ต้องดูแลตัวเองดีๆอย่าป่วยหรือเป็นอะไรแบบนี้อีก ไม่ใช่แค่พี่ที่จะร้อง พ่อกับแม่ก็เหมือนกันพวกเราใจจะขาดถ้าทิคเจ็บรู้ไหม”

หมอสาวพูดความในใจออกมาจนหมด คนเป็นแม่โทรมาจากต่างประเทศร้องไห้เหมือนใจจะขาดเมื่อรู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเจ็บบอกให้เธอมาอยู่กับน้องอย่าทิ้งน้องไว้คนเดียวถ้าเป็นไปได้ท่านทั้งคู่อยากจะหายตัวมาอยู่กับลูกตอนนี้เลยด้วยซ้ำ

“เราขอโทษ”

ทิคพูดด้วยเสียงรู้สึกผิดหน้าตานิ่งๆดูไร้พิษภัยของทิคตอนนี้น่าเอ็นดูสำหรับคนเป็นพี่จนอดใจไม่ไหวที่จะยื่นมือไปลูบหัวเบาๆ

“แค่ทิคปลอดภัยก็พอแล้ว”

”พ่อกับแม่จะกลับพรุ่งนี้ ตอนนี้ทิคนอนเถอะพักผ่อนเยอะๆร่างกายจะได้ฟื้นตัวไว้ๆพี่จะไปคุยกับหมอสักหน่อย”


หมอสาวพูดยิ้มทิ้งท้ายให้น้องชายแล้วหันไปหยิบกระเป๋าพร้อมออกจากห้อง

“ทับ”

แต่เสียงเรียกจากน้องทำให้เธอหันกลับไปด้วยความสงสัย

“เป็นอะไร เจ็บแผลหรอ”

คนเป็นพี่ถามด้วยเสียงตื่นรีบวางกระเป๋าลงที่เดิมเดินเข้าไปหา ทิคเงียบไปครู่หนึ่งถึงตอบ

“หิวข้าว”

คำตอบของคนเป็นน้องทำเอาพี่สาวหัวเราะออกมาเบาๆอย่างกลั้นไม่อยู่

“พี่ลืมไปเลย”

เธอพูดแล้วเดินออกไปหน้าห้องเพื่อจะดูว่าหมอสั่งงดอาหารหรือไม่

“ของใคร”

เสียงของพี่สาวที่ดังอยู่หน้าห้องทำให้ทิคหันมองด้วยความสงสัยจนพี่สาวกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับชูถุงกระดาษขึ้นทิคจึงมองตาม

“ใครเอาของมาวางไว้หน้าห้องก็ไม่รู้”

ทิคมองถุงในมือพี่สาวด้วยสีหน้าสงสัยไม่แพ้กันแต่ก็ต้องละสายตาเมื่อพี่สาวจับถุงไปวางไว้บนโต๊ะข้างเตียง

“แต่ทิคน่าจะไม่อิ่ม หมอไม่ได้สั่งงดอาการรอแปปนะพี่จะลงไปซื้อของกินมาให้”

ทิคพยักหน้าให้คนเป็นพี่แล้วมองตามเธอเดินออกจากห้องอีกรอบ

เมื่ออยู่คนเดียวความเงียบก็เข้ามาปกคลุมทิคหันมองมือตัวเองที่มีผ้าพันแผลสีขาวลามไปเกือบครึ่งแขนของตัวเอง ความเจ็บยังคงมีอยู่มันทำให้แทบจะไม่อยากขยับแขนเลยด้วยซ้ำทำได้แค่ถอนหายใจแล้วละสายตาจากมันมานอนมองเพดานสีขาวด้วยอาการเบื่อหน่ายได้แต่คิดหัวเราะตัวเองในใจ

คนอย่างทิค ธีปากร วิศวะเกียรตินิยมอันกับหนึ่งมาถึงจุดนี้ได้ยังไงมานอนเป็นไอ้ง่อยแขนพิการใช้งานไม่ได้แบบนี้มันใช่หรอ

“ทำไมให้เรากินอะไรเป็นคนป่วยแบบนี้ละเราอยากกินอะไรเผ็ดๆ”

คนป่วยบ่นปากยุบยิบคนข้าวต้มในถ้วยไปมา

“นอนอยู่โรงพยาบาลแบบนี้เขาไม่ได้เรียกคนปรกตินะคะคุณน้องชายเขาเรียกคนป่วย”

คนเป็นพี่พูดหรี่ตามองน้องชายที่กำลังนั่งหน้ามุ่ยกับถ้วยข้าวต้มที่ตนซื้อมาให้

“กินอะไรอ่อนๆไปก่อนทิคเพิ่งฟื้นตัวเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะซื้อของที่ทิคอยากกินทุกอย่างมาให้เลยจะกินอะไรบอกมาเลย”

“หลอกฝัน”

ทิคแซวพี่สาวแล้วตักข้าวต้มเข้าปากอย่างจำใจคนเป็นพี่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มขำ

ต่อให้จะทำตัวร้ายต่อหน้าใครเท่าไรแต่สำหรับเธอทิคคือน้องที่น่ารักที่สุด ยิ่งโตใช่ว่าเธอจะรักน้อยลงแต่กลับกัน ยิ่งโตเธอยิ่งรักน้องขึ้นทุกวันเพราะเธอรู้ดีว่าน้องไม่เหมือนคนอื่นยิ่งน้องป่วยแบบนี้ด้วยแล้วเธอยิ่งรักและทะนุถนอมน้อง

“ปวดแผลไหม ไหนพี่ดูหน่อย”

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้หมอสาวชะงักมือที่กำลังดูแผลน้องชาย เธอหันไปหยิบโทรศัพท์ที่ดังไม่หยุดขึ้นมากดรับ

“ฮัลโหล”

“ได้คะ ได้ๆ จะรีบไป ฝากดูก่อนนะคะ”

หมอสาวพูดเสียงตื่นจนคนเป็นน้องละความสนใจจากข้าวต้มขึ้นถามด้วยความสงสัย

“มีอะไรหรอทับ”

“มีเคสด่วนนะ”

คนเป็นพี่พูดด้วยเสียงแตกตื่นกดโทรศัพท์ไปหาเพื่อนหมอด้วยกันให้ช่วยไปดูให้ก่อน

“ทับไปเถอะ”

สีหน้ากังวลของพี่สาวทำให้ทิคพูดออกไป

“ไม่ต้องห่วงเราหรอกที่นี่หมอพยาบาลอยู่เต็มไปหมด”

คนเป็นพี่มองหน้าน้องชายด้วยสีหน้ากังวล

“ย้ายไปอยู่โรงพยาบาลพี่ดีไหม พี่อยากเป็นคนดูทิคเอง”

คำพูดของพี่สาวทำเอาน้องชายขำออกมา

“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ ทับรีบไปเถอะคนป่วยรอแล้ว”

คนเป็นพี่ถอนหายใจยาวเหยียดอย่างรู้สึกเสียดายที่ต้องทิ้งน้องชายไว้คนเดียว

“ถ้าทุกอย่างโอเคพี่จะกลับมานอนเฝ้านะ”

“คร้าบคุณหมอ แต่ถ้าเหนื่อยแล้วไม่ต้องมานะ ถ้ามาโกรธ”

ทิคล้อเลียนยิ้มๆตอนแรกแล้วตบท้ายด้วยสีหน้าเคร่งโบกมือให้พี่สาวที่เตรียมถือกระเป๋า

“อย่าขับรถเร็วนะ ค่อยๆไป”

“รีบนอนนะ”

เสียงตะโกนดังแว่วมาคนป่วยได้แต่มองตามด้วยรอยยิ้มเมื่อพี่สาวออกไปพ้นประตูจึงหันกลับมาสนใจข้าวต้มที่แสนจะกล้ำกลืนกินตักเข้าปากอีกคำ

แต่เพราะตาเหลือบไปเห็นถุงกระดาษที่พี่สาวบอกว่ามีคนเอามาวางไว้หน้าห้องวางอยู่ ด้วยความอยากรู้ว่าคืออะไรทิคจึงวางช้อนลงแล้วพยายามด้วยความยากลำบากเอื้อมตัวไปหยิบถุงใบดังกล่าวมาดู และสิ่งที่อยู่ในถุงทำให้เขาแปลกใจนิ่งค้างอยู่ครู่หนึ่งแล้วล้วงมือไปหยิบของในนั้นออกมา



นมแลคตาซอย



“เฮ้ย ไปเอามาจากไหนวะ!”

“เมื่อวานกูไปซุปเปอร์แถวบ้านเขาเอาของไทยมาขาย มึงเคยบอกว่าชอบกิน”

“เออ ชอบมาก! ไม่คิดว่าเมืองนอกจะมี”

คนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ทิ้งมันอย่างไม่ใยดีหันมาสนใจนมกล่องสีฟ้าในมือด้วยสีหน้าตื่นเต้นสุดขีดไม่รอช้าแกะหลอดออกจากข้างกล่องแล้วใช้ปากฉีกพลาสติกจิ้มมันลงไปที่กล่องแล้วดูดอึกใหญ่จนแก้มตอบคนมองดูเห็นแล้วกลัวลมหายใจเจ้าตัวจะหมดสะจริงๆ

“กูเชื่อละว่ามึงชอบจริง”

“เอามะ”

คนที่มีหลอดคาปากอยู่เอ่ยถามมือยื่นไปหยิบอีกกล่องในถุงมายื่นให้คนข้างๆ

“ไม่อะ กูไม่ใช่เด็ก”

“อ้าวไอ้นี่!”

คนถูกว่าหันมองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์

“ไปละ”

แต่คนว่ากลับไปสนใจลุกขึ้นยืนแล้วเดินหนีไปจนคนที่นั่งอยู่ต้องรีบเก็บของแล้ววิ่งตามไปทั้งที่ปากยังดูดนมคาอยู่

“รอด้วยดิ!”


น้ำตาที่หยดลงมาอย่างไม่รู้ตัวทำให้ทิคหลุดจากความคิด เขายกมือขึ้นปาดน้ำตาบนแก้มข้างขวาตัวเองลวกๆก้มมองนมกล่องสีฟ้าในมืออีกครั้งแล้วยกมันขึ้นดูดทั้งน้ำตาอย่างกล้ำกลืน




ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เย้ ๆๆๆ  กลับมาแล้ว  ลืมไปแล้วว่าตอนก่อนหน้าทิ้งท้ายไว้อย่างไร  สงสัยต้องย้อนกลับไปอ่านใหม่

เอ...ความทรงจำเรื่องนมแลคตาซอยนี่....

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
หายไปนานนะ คิดถึง สงสารทิคจัง
เข้าใจบาสนะ เมื่อก่อนดูเข้มแข็ง แต่พอมาเจอทิคกลับกลายเป็นคนที่อ่อนแอไปเลย
สู้ๆ นะทั้ง 2 คน
 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สงสารทั้งสองคนอ่าาา :hao5:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
เศร้า ทิคบาดเจ็บ บาสเข้าใจผิดเรื่องหมอทับ นมแล็คตาซอยอร่อย

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาร์คเอานมมาให้หรอ สงสารทิคอยากให้บาสดูแลเยอะๆ :mew2:

ออฟไลน์ Keane

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 247
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด