END【you are my day 1◑│กาลครั้งที่รักคุณ】Special - Day1-3 (4/11/61)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: END【you are my day 1◑│กาลครั้งที่รักคุณ】Special - Day1-3 (4/11/61)  (อ่าน 186199 ครั้ง)

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
You are my day 1◑ : กาลครั้งที่รักคุณ
EP.11 A kiss A promise
[/size]

I need you to, Tell me right before it goes down
Promise me you'll Hold my hand if I get scared now



“อยากทำอีกรอบหรอ หื้อ คุณแมว”

“ครับ เจ้าของแมว แต่ถุงยางหมด”

“สดก็ได้”


ช่วยไม่ได้ที่ตื่นก่อนอีกคน เลยได้มานอนคิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน กำลังงงตัวเองว่ากล้าพูดแบบนี้ออกไปได้ยังไง เพราะอารมณ์ที่มันยังต่อเนื่อง หรือเพราะคนที่มาอ้อนแต่ไม่กล้าพูดอะไร หรือเพราะไฟในใจมันก็บอกว่าต้องการเหมือนกัน แม่งโคตรน่าอาย และโคตรน่าไม่อายสุดๆ เลย

ไหนจะตอนที่เดินไปกอดผู้ชายที่ตื่นมาไม่เจอเมื่อคืนด้วยร่างกายเปลือยเปล่า คว้าได้ผ้านวมก็เดินโทงๆ ออกไปเลย นี่มันไม่ต่างอะไรกับเมียอ้อนผัวเลยไม่ใช่หรือไง เพียงแต่เราเป็นทางกายไม่ใช่ทางใจหรือพฤตินัยน่ะสิ แต่นั่นแหละโดยรวมสกิลอ่อยแบบไม่รู้ตัวของผมนี่ก็ไม่ธรรมดาเลยว่ะ มารู้เอาวันนี้แหละว่าตัวเองก็แรดเหมือนกัน เฌอรู้คงโดนกรี๊ดใส่หูแรงๆ

คนข้างๆ ที่ยังกอดผมแน่นทั้งที่นอนคว่ำเอาหน้าซุกต้นคอผมหลับสบายโดยไม่มีท่าทีจะตื่น ไม่แน่ใจว่าต้องไปเข้าเวรกี่โมง แต่คุณหมอไม่เคยลืมหน้าที่ นี่ก็เพิ่งแปดโมงนิดๆ อาจจะเข้าเวรสายล่ะมั้งวันนี้ ขยับตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งจะลุกไปเข้าห้องน้ำล้างเนื้อล้างตัวที่มีคราบเหงื่อไคล และนอนหมกกันแบบนี้มาหลายชั่วโมงแล้ว จริงๆ พี่ดิมบอกว่าจะเข้าไปอาบน้ำก่อนนอนก็ได้เขาจะ ‘จัดการ’ ให้ แต่ทว่าผมง่วงเกินกว่าจะทำอะไรนอกจากจะนอนให้เขากอดเฉยๆ อีกอย่างตรงนั้นก็ขัดๆ เสียดๆ ด้วย นอนเอาแรงก่อนค่อยว่ากัน แต่พอตื่นมาก็รู้เลยว่ามันไม่สบายตัวเท่าไหร่

ทันทีที่จะลุกออกจากเตียงก็มีมือใหญ่กอดหมับเข้ามาที่เอว

“จะไปไหนครับ” มือสีแทนลูบเอวของผมก่อนที่จะพาตัวเองเอาใบหน้าซุกที่หลัง

“เข้าห้องน้ำ”

“หื้อ เพิ่งแปดโมงกว่าเอง” ลมหายใจร้อนๆ จากผู้ชายตัวใหญ่ที่กอดผมจากด้านหลังรินรดที่ปลายหู

“ศิเหนียวตัว”

“งั้นเดี๋ยวพี่อาบน้ำให้”

“เฮ้ย ไม่ต้องๆ”

ยังไม่ทันได้ออกปากห้ามดี เขาก็พรวดพราดพยายามจะมาอุ้มผม ทั้งที่เนื้อตัวเราสองคนไม่มีอะไรปกปิดเลย จำได้ว่าตอนออกไปหาพี่ดิมที่ระเบียงเขาพันผ้าขนหนู แต่ไหงตอนนี้มันไม่มีแล้ว ร่างสูงอุ้มผมด้วยท่าอุ้มเด็ก คือ ยกขึ้นมาดื้อๆ เหมือนไม่หนักอะไรเลย แล้วตรงไปที่ห้องน้ำทันที


จริงๆ เราไม่ควรใช้เวลาในห้องน้ำนานขนาดนี้ ถ้าพี่ดิมไม่พยายามหยุหยับกับผม อ้อนให้สระผมให้บ้าง ถูหลังให้บ้าง ไหนจะชวนไปลงอ่างอาบน้ำอีก ที่สำคัญการกำจัดสิ่งที่อยู่ในตัวผม ซึ่งคิดว่าถ้าผมทำเองคงไม่ใช้เวลานานขนาดนี้ เกือบเลยเถิดไปยอมเขาอีก แต่ผมก็ใจแข็งผ่านมันมาได้โดยการแลกกับคิสมาส์กที่หัวไหล่สองสามรอย ให้ตายสิ

 ไม่คิดเลยว่าเค้าจะมีความต้องการมากขนาดนี้

“พี่ดิมเข้าเวรตอนไหน”

“เที่ยงครับ วันนี้ควงเวรแทนเพื่อนด้วย”

“แล้วปกติต้องเข้าเวรประมาณกี่ชั่วโมงอะ” เราไม่เคยถามถึงความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของกันและกันเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ผมชักจะอยากรู้อะไรๆ จากเขามากขึ้น แค่คิดว่าตัวเองน่าจะมีสิทธิ์อะไรในตัวเขาบ้าง ทั้งที่จริงๆ มันไม่มีหรอก แต่ถ้าเขาไม่อยากให้ก้าวก่ายก็คงบอกเอง
“ปกติก็เวลาราชการ 8 ชั่วโมง แต่มันไม่เคยปกติ บางทีก็ 10 ไม่ก็เลยไป 12 อย่างวันนี้น่าจะเลย 12 ชั่วโมง มีหลายเคสที่พี่ต้องดู” ร่างสูงตอบขณะใส่เสื้อยืดยูนิโคล่ลายโดราเอม่อนที่เพิ่งออกมาไม่นาน น่ารักดีเหมือนกันไม่ค่อยเห็นเขาในลุคนี้เท่าไหร่

“ทำไมจู่ๆ ก็ถาม หื้ม”

“นี่พี่ดิมรู้มั้ย ศิไม่ชอบคนที่ หื้ม กับตัวเองเลย”

“ทำไมครับ”

“ก็มันดูแบบศิเป็นเด็กน้อยไงเล่า” นั่งอยู่ปลายเตียงในชุดคลุมอาบน้ำ เพราะรอให้เขาแต่งตัวเสร็จแล้วค่อยเข้าไป เพนท์เฮ้าส์เขาใหญ่จริง และห้องแต่งตัวบิวท์อินก็ใหญ่จริง แต่ก็ไม่ควรเข้าไปใกล้พี่ดิมในขณะที่ตัวเองมีเครื่องป้องกันตัวชิ้นเดียว

“ก็ศิเด็กกว่าพี่ไง” พี่ดิมตอบพร้อมกับก้าวออกมาจากห้องแต่งตัว แถมมายืมยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ตรงหน้าผมอีก

เคยบอกไปแล้วใช่มั้ยว่าเวลาเขาใส่แว่นแล้วผมยุ่งๆ เนี่ยโคตรอยากจะบ้าตาย มันดูเซ็กซี่ ดูเนิร์ด ดูเป็นมุมที่คนอื่นไม่เคยเห็น แต่ทำผมใจสั่นมากๆ ทุกที

“มองอะไรพี่”

“มะ มอง เสื้อ”

“คิดว่ามองเพราะพี่ใส่แว่น”
“ทำไมครับ ชอบผู้ชายใส่แว่นหรอ”

ผู้ชายใส่แว่นที่ว่าเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวพร้อมกับคร่อมตัวผมเอาไว้จนมิด เอาอีกแล้วนะ ไม่เคยมีระยะปลอดภัยเวลาอยู่ด้วยกันเลย

ใบหน้าคมกลิ่นสะอาด พยายามเข้ามาใกล้ผม จนตอนนี้ระยะห่างเหลือถึงมิลหรือเปล่าไม่รู้ “หื้ออ ออกไปเลย ศิอยากแต่งตัว”

“นี่ไงแต่งแล้ว”

“ชุดคลุมอาบน้ำเนี่ยนะ” สายตาคมจ้องผมอย่างมีเลศนัย คราวนี้อ่านออกเลยว่าเขาคิดเรื่องลามกอยู่แน่ๆ

“ทีหลังจะหาชุดที่สั้นกว่านี้ อยากเห็นขาสวยๆ”

“โว้ยพี่ดิม พอเลย แม่ง!!”

คือไม่พูดเปล่านี้ เอามือลูบต้นขาผมอีก เหมือนตาเฒ่าหื่นๆ ที่พยายามจะล่อลวงเด็กอย่างไงอย่างงั้น ได้ทีเลยวิ่งหนีเข้าไปที่ห้องแต่งตัวพร้อมล็อกกลอนซะเลย เหนื่อยชะมัด โดยเฉพาะเหนื่อยใจเนี่ย!



สิบเอ็ดโมงเราสองคนก็จัดการกับอาหารเช้าที่สั่งขึ้นมา หลังจากที่เถียงกันว่าผมจะเป็นคนทำเอง เพราะมีอาหารสดที่พอจะทำได้บ้าง แต่พี่ดิมก็ห้ามนั่นนี่บอกไม่อยากให้ยืนนานๆ เพราะยังเจ็บอยู่ ซึ่งผมประเมินตัวเองแล้วว่าไหวและทนได้ถ้าต้องยืนไม่กี่นาทีทำอาหารให้ ‘คนที่รัก’ ซึ่งเพิ่งสัมผัสได้อย่างเต็มหัวใจวันแรกกิน แต่นั่นแหละคุณหมอเขาไม่ได้มารับรู้ความรู้สึกพิเศษที่ก่อขึ้นในหัวใจเพราะยังไม่แน่ใจว่าจะพูดออกไปในฐานะอะไร ก็ว่าจะพยายามตัดเรื่องนั้นออกไป แต่เชื่อเถอะครับถ้าเป็นใครก็คงทำใจได้ยาก ในเมื่อศีลธรรมมันขาดสะบั้นเพราะราคะขนาดนั้น

“เป็นอะไร ทำไมเหม่อๆ คิดอะไรอยู่” พี่ดิมถามขึ้นขณะที่ใช้ทิชชู่เช็ดปากไปด้วย ตอนเช้าเขากินเยอะมากๆ เบรคฟาสต์ ที่มีไข่ดาวสองฟอง แต่เขากินไข่ต้มเพิ่มอีกสองฟอง ไหนจะอกไก่ปั่น ผลไม้สดจานใหญ่ที่ผมดื้อปอกให้ ซึ่งตอนนี้ร่างสูงกินเสร็จแล้วคงได้เงยหน้าจากจานอาหารมาเห็นผมที่นั่งคิดเรื่องของเราอยู่

“อะ อ่อ ก็คิดหน่อยครับ”

“คิดเรื่องอะไรบอกพี่ได้มั้ย”

สายตาคมที่เขาส่งมามันอ่อนโยนจนอ่านได้ ความเป็นห่วงฉายชัดบนใบหน้า เหมือนเขาเป็นคนเดียวที่อ่านผมออกเสมอไม่ว่าผมคิดอะไรอยู่

“บอกพี่เถอะ ถ้ามันเป็นเรื่องของเรา ศิไม่ควรคิดคนเดียว”

“อื้อ ศิคิดเรื่องของเรา”

พอคิดว่าเราจะต้องคุยเรื่องนี้อย่างจริงจัง ใจมันก็มันหวิวเสียไม่ได้ เพราะรู้ๆ อยู่ว่าสิ่งที่เราทำมันผิดมหันต์ เหมือนเดินเข้าไปในป่าต้องห้าม แต่ป่านั้นดันสวยงามน่าหลงใหล และไม่อยากออกไปจากตรงนั้น สุดท้ายก็กลายเป็นกับดักเขาวงกต คดเคี้ยว วกวน หลงทาง จนออกไปจากที่นั่นไม่ได้ เหมือนผมตอนนี้

“มานี่มา” คนตรงข้ามเรียกเบาๆ ซึ่งผมก็ไม่ปฏิเสธที่จะเข้าไปหาเขา ก่อนจะทิ้งตัวลงบนตักหนา และอ้อมแขนแข็งก็กอดรัดไว้เบาๆ

“ศิเสียใจมั้ยเรื่องเมื่อคืน”

“ฮะ มะ ไม่ได้เสียใจ” เจอคำถามนี้เลยได้ก้มหน้างุดกับอกตัวเอง จริงๆ มันก็น่าอายที่จะตอบแบบนี้ แต่ผมไม่ได้เสียใจเรื่องที่เราทำเมื่อคืนเลยแม้แต่นิด

“แต่ศิละลายใจ” มือขยำกางเกงกีฬาขายาวของพี่ดิม ที่เขาบอกว่าซื้อมาผิดไซซ์อีกแล้ว แต่ผมดันใส่ได้พอดี

“หึ ทำไมไม่รู้ที่พี่รู้สึกดีใจที่ได้ยินประโยคนี้”

“...” หันไปมองหน้าเขาที่ตอนนี้ไม่ได้แสดงอาการว่าดีใจอย่างที่บอก

“เหมือนกับพี่จะไม่ต้องรู้สึกแบบนั้นคนเดียว”
“เห็นแก่ตัวเนอะ”

“พี่ดิม…”

“พี่รู้ว่าศิคิดเรื่องอะไร เพราะสิ่งที่ศิคิด พี่ก็คิดเหมือนกัน”
“และคิดมาตลอดเวลาที่ได้อยู่กับศิ”

พี่ดิมจับผมให้หันหน้าไปมองหน้าเขาตรงๆ เลยเอามือทั้งสองข้างจับแก้มเขาและลูบเบาๆ

“....”

“พี่ดิมให้โอกาสศิได้มั้ย”

“หื้ม?”

“ให้โอกาสให้ศิได้รักพี่ดิม”
“พะ...” พี่ดิมพยายามจะพูดแต่ผมใช้มือปิดไว้

“พี่ดิมไม่ต้องรักศิก็ได้ แค่ให้ศิได้...รักพี่ดิม”

“รักแบบที่ไม่ต้องการอะไรเลย แค่ขอให้พี่ดิมเอ็นดูศิแบบนี้ก็พอ”

มือใหญ่ดึงมือผมที่ปิดปากเขาก่อน สีหน้าที่เขาได้ยินสิ่งที่ผมพูดเหมือนจะอึ้งๆ และดูตกใจกับคำบอกรักที่ไม่คิดจะได้ยินเวลานี้ ผมไม่แน่ใจว่าเก็บความรู้สึกนี้ไว้แล้วจะมีโอกาสได้พูดเมื่อไหร่ ไหนๆ มันก็เลยเถิดมาถึงขั้นนี้แล้ว การกล้าจะบอกความจริงกับเขามันเป็นสิ่งที่ควรทำที่สุดในจังหวะนี้ และอีกอย่างก็อยากจะย้ำให้เขารู้ว่าเรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้น ทำได้ด้วยความรักอย่างเต็มใจ ไม่ใช่แค่อารมณ์ที่ถูกปลุกปั่น

“ศิ...พี่ก็ระ…”

“อย่าเพิ่งพูดเลยครับ พี่ดิมไม่ควรพูดคำนี้กับใครนอกจากแฟนพี่”

“แม้ตอนนี้พี่จะพูดคำนี้ไม่เต็มปาก แต่ศิมั่นใจได้เลยนะ ว่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นพี่ตั้งใจและมันไม่ใช่แค่เซ็กซ์”
“ศิรู้ใช่มั้ย”

“อื้อ ศิรู้สิ”

“ศิขอโอกาสจากพี่ พี่ก็อยากขอเวลาจากศิ...ได้มั้ยครับ” พี่ดิมจับมือทั้งสองข้างของผมแน่น สายตาแน่วแน่และอ้อนวอนของเขาใครเห็นก็คงยอมสยบ เหมือนหัวใจของผมตอนนี้

“ขอเวลาทบทวนหลายๆ อย่าง” พี่ดิมดึงผมเข้าไปกอดและถอนหายใจยาวๆ ครั้งหนึ่ง รู้ได้เลยว่าเขาหนักใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในใจ

ตลอดเวลาที่ผ่านมายอมรับว่าเคยคิดเข้าข้างตัวเองเหมือนกันว่าเขาคงรู้สึกอะไรกับเราจริงๆ อย่างที่เคยพูด แต่มันมาชัดเจนเมื่อคืนว่าพี่ดิมทั้งหวงแหน และโหยหาผมขนาดไหน ไม่ต่างจากที่ตัวเองยอมให้เขาทำทั้งที่รู้ว่าถ้าห้ามเขาก็หยุด แต่ดันไม่ทำ เพราะหัวใจมันเรียกร้องแต่เขามานานพอกัน

เลยเข้าใจวลีที่ว่า ‘การกระทำมันเสียงดังกว่าคำพูด’ ก็เมื่อคืนที่เราต่างแลกสัมผัสให้กันและกัน ที่สำคัญมันไม่ใช่แค่เซ็กซ์อย่างที่พี่ดิมบอก แต่มันคือการทำรักระหว่างคนสองคนที่มีความรู้สึกตรงกัน

“จะดูน่าอายมากมั้ย ถ้าศิตอบว่าศิรอได้” ผมกระชับอ้อมแขนกอดตอบเขาเช่นกัน
“หึ ทั้งที่คนที่รอมีแฟนที่น่ารักมากๆ และเขาก็รักแฟนมากๆ”

ไม่รู้ทำไมห้ามเสียงตัวเองไม่ให้สั่นเวลาพูดความจริงในเรื่องนี้ออกมา แม้ความรู้สึกเราจะตรงกัน แต่บอกตามตรงผมก็ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะทำให้พี่ดิมรักได้ขนาดนั้น บางทีมันอาจจะเป็นแค่ความวูบไหวและความอ่อนไหวที่เขาห่างจากคนรักก็เป็นได้

พี่ดิมคลายอ้อมกอด ก่อนจะมองหน้ากันตรงๆ สายตาที่เขาส่งมาคราวนี้มันดูชัดเจนว่าจริงจังมากกว่าครั้งไหน ทั้งที่ปกติเขาก็เป็นคนจริงจังมากอยู่แล้ว แต่คราวนี้มันมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาก

“ศิอย่าคิดอะไรบั่นทอนตัวเองนะ พี่ขอร้อง”

“...”

“อย่าร้องไห้เพราะพี่อีกเลย”

“...”

“พี่เชื่อว่าโอกาสของศิและเวลาของพี่มันจะมาบรรจบกัน”

“ฮึก..เหมือนรังสิมันต์กับภามาสน่ะหรอ ฮึก..”

“ครับ พระอาทิตย์ขาดพระจันทร์ไม่ได้หรอก” พี่ดิมเช็ดน้ำตาให้ ทั้งที่ห้ามแล้ว แต่การกระทำที่แสนอ่อนโยนและคำพูดที่จริงจัง มันช่วยไม่ได้ที่จะกระทบใจผมขนาดนี้

“มะ ไม่จริง พระจันทร์ต่างหากขาดพระอาทิตย์ไม่ได้

“ถ้าไม่มีพระจันทร์...พระอาทิตย์คงส่องแสงโง่ๆ อย่างโดดเดี่ยว”

“...”

“การที่ตัวเองได้โอบกอดพระจันทร์ในทุกค่ำคืนผ่านแสงของตัวเอง มันดีมากเลยนะ”
“อยู่เป็นพระจันทร์ของพี่ก่อนนะ อย่าเพิ่งหนีไปไหน”

“อึก เลี่ยนจัง เรากำลังทำตัวเป็นลุงอยู่นะครับ”

“หึ แล้วใครเริ่ม”

“อื้ออ”

ยังไม่ทันได้ต่อคำกับเขา ต่อปากดันมาเสียก่อน พี่ดิมใช้มือใหญ่สองข้างแนบที่แก้มผมที่เปื้อนน้ำตา แล้วจูบที่ริมฝีปากเบาๆ ดูดดึงและนุ่มนวล ก่อนจะเคลื่อนที่ไปซับน้ำตาที่ข้างแก้มที่สอง แล้ววนมาที่ปากอีกครั้ง เขาอ่อนโยนมากๆ คล้ายกับว่าการเปิดใจคราวนี้เราได้ข้ามภูเขาสูงชันที่มีขวากหนามใหญ่คือความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเราเอง แต่แล้วมันก็ถูกปลดแอกด้วยการเริ่มใหม่และรั้งรอในสิ่งที่ถูกต้องกว่าที่เป็นอยู่

‘สิ่งใดที่เกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ’

ใบหน้าของเราค่อยๆ เคลื่อนออกจากกัน จูบนี้เหมือนเป็นคำสัญญาในหัวใจสำหรับเราสองคน

เขาจะให้โอกาสผมพิสูจน์ความรักที่มีให้เขา
ผมจะให้เวลาเขาพิสูจน์ความรักที่มีให้ผม








มีต่อ




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2018 23:36:19 โดย mifengbee »

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
วันเปิดภาคเรียนที่สองวนกลับมาอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้คงจะหนักหนาสาหัสพอสมควร เพราะไม่แค่เรียนผมยังต้องถ่ายซีรีส์ควบคู่ไปด้วย เหลือแค่ฉากที่ต้องไปถ่ายต่างจังหวัดทั้งนั้น อีกอย่างเทอมนี้เรียนแค่ 4 ตัว ก่อนจะไปฝึกงานตอนซัมเมอร์อีก 1 ตัว เลยมีเวลาให้กองอาทิตย์ละ 4 วันเต็มๆ อีกประมาณ 30% ก็จะจบแล้วล่ะ อดทนหน่อยศิรัส

“เมื่อเช้าไม่ได้ขับรถมาหรอศิ” อาโปถามทั้งที่เพิ่งหาวน้ำตาปริ่มที่ขอบตา มันทำงานหนักพอๆ กับผมนี่แหละ เจอกันบ่อยสุดแล้วในกลุ่มเพื่อน

“อ่อ เออไม่ได้เอามา”

“แล้วมึงรู้ได้ไงอาโป ปกติมาสายจะตายวันนี้มีเวลามาสังเกตเพื่อน” เฌอถาม

“กะ ก็เออมาเร็ว ถ้าศิมันเอารถมาก็ต้องเดินมาหลังคณะ นี่มันเดินมาหน้าคณะติดประตูใหญ่ ก็คิดว่าคงไม่ได้เอารถมาไงวะ”

“แล้วมึงทำไมมานั่งหน้าคณะ ทั้งที่โต๊ะประจำอยู่ใต้ตึก หื้ม” อาโปทำหน้าเลิกลั่กเพราะเฌอน่ะตัวจับผิดยิ่งกว่าเครื่องจับเท็จ

“มันมากับกูเมื่อเช้า เลยนั่งกินกาแฟร้านหน้าตึก”

เฌอสบตากับผมอย่างรู้กันว่ามันแปลกๆ ในความสัมพันธ์ของสองคนนี้ ปกติตีกันจะตายแต่วันนี้ดันมาเรียนด้วยกัน

“รถอาโปแบตหมด มันเลยให้กูแวะรับ”

“แต่คอนโดอาโปอยู่ใกล้กูนะ ทำไมไม่โทรบอกกันอะ” แม้เมฆจะไขข้อสงสัยแล้วแต่มันก็ยังมีเรื่องให้ชวนซักต่ออีก

“พวกมึงสองคนมีไรกันป่ะเนี่ย” ผู้หญิงคนเดียวถามคำถามยิงตรงใส่ทั้งคู่

“ไม่มี! กะ ก็กูเห็นเมื่อคืนศิเข้าซีนดึกไง กะ ก็ไม่อยากรบกวน” อาโปก็ยังทำตัวมีพิรุธไม่หาย

“หึ ถ้าพวกมึงพร้อมก็บอกกูแล้วกัน” 

คำพูดของเฌอทำให้เมฆที่นั่งหน้านิ่งอยู่นานสบตากับอาโปที่ดูกระสับกระส่ายกว่าปกติ เหมือนกำลังสื่อสารทางสายตาระหว่างกัน แต่ แล้วบทสนทนาก็ถูกตัดจบหลังจากอาจารย์ประจำวิชาเดินเข้ามา โดยที่ผมรอดไม่โดนซักว่าทำไมไม่ขับรถมา

ก็เพราะเมื่อเช้าพี่ดิมมาส่งน่ะสิ เขาดอดมานอนที่คอนโดผมหลังจากกลับจากเข้าเวร เมื่อวานไม่มีซีนเขาเลยได้ไปชดใช้กรรมต่อจนดึก แล้วก็โทรมาอ้อนขอนอนด้วยเพราะไม่อยากขับรถกลับคอนโด ทั้งที่คอนโดเขาไม่ได้ไกลกว่าที่จะมาหาผมเท่าไหร่ ก็เลยได้ตามใจให้มาและทำสัญญาว่าจะนอนเฉยๆ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น

ตื่นเช้ามาเขาก็เลยคะยั้นคะยอจะมาส่งเพราะต้องเข้าเวรเช้าเหมือนกัน แล้วคิดว่าคนอย่างผมจะขัดใจเขาได้มั้ยล่ะ ไม่มีทางหรอก แพ้ทางเขาตลอดนั่นแหละ ก่อนลงจากรถยังไม่วายหาเศษหาเลยทั้งจูบทั้งหอมแก้ม ทั้งที่อยู่ในเขตมหาวิทยาลัยแท้ๆ คนหน้าไม่อายไม่ได้มาสนอยู่แล้ว

ว่าแต่คุณหมอที่มีผ่าตัดใหญ่วันนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ

คิดถึงเขาอีกแล้วทั้งที่เพิ่งห่างกันไม่กี่นาที

เป็นเอามากว่ะศิ





ออกจากห้องผ่าตัดด้วยชุดที่ร้อนที่สุดแต่ก็ต้องทนใส่ ก่อนจะถอดหน้ากากอนามัยแล้วล้างไม้ล้างมือก่อนถอดชุด วันนี้เป็นมือผ่าตัดที่ 3 รองจากอาจารย์หมอ และรุ่นพี่ที่เรียนเฉพาะทางปีที่สุดท้าย แต่ด้วยเคสที่ยากพอสมควรคือผ่าตัดโรคหัวใจ กับคนไข้ที่อายุมากพอที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างทาง แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี เหลือเพียงระวังไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนคนไข้ก็จะสามารถพักฟื้นที่โรงพยาบาลและกลับบ้านได้ในที่สุด แต่คนที่ดีใจกว่าหมอคงเป็นญาติๆ ที่มาออหน้าห้องผ่าตัด ทั้งลูกๆ หลานๆ คงจะเป็นอากงที่ทุกคนรักมากทีเดียว

นี่แหละครับหนึ่งในความสุขของคนทำอาชีพนี้ คือการรักษาทุกชีวิตให้อยู่ต่อเพื่อเป็นที่รักของคนที่รักเขาอย่างเต็มความสามารถ

แม้จะทำไม่ได้ทุกคนก็ตาม ด้วยกฏธรรมชาติ แต่การทำให้เขามีลมหายใจอยู่ต่อได้นานเท่าที่ร่างกายทำไหว ก็พอแล้วไม่ใช่หรือไง

ไม่ใช่เพื่อแค่ตัวเขา แต่เพื่อคนที่รักเขา


เข้าห้องพักที่มีเพื่อนๆ พี่ๆ นั่งกินข้าวและเล่นโทรศัพท์อยู่ประปราย เงยหน้ามองนาฬิกาก็ปาไปบ่ายกว่าๆ เป็นปกติที่จะใช้เวลาในห้องผ่าตัดเกินครึ่งวัน ลืมไปแล้วล่ะว่าการกินข้าวตรงเวลาทำได้เมื่อไหร่ หยิบกระเป๋าเพื่อเข้าห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนชุด แต่แล้วเสียงมือถือก็ดังขึ้น

“ครับแม่...วันศุกร์นี้หรอครับ...ครับไม่มีถ่าย...จะมีคิวอีกทีอาทิตย์หน้าครับ...ครับ อ่อ เกล ครับ จะลองชวนไม่แน่ใจว่างานเยอะหรือเปล่า...ครับ..รักแม่ครับ”

พอได้ยินชื่อผู้หญิงที่ควรจะคิดถึงตลอดเวลาก็ใจกระตุกเหมือนกัน ก็เพราะว่าเธอหายไปจากห้วงคำนึงมาซักพักแล้ว ตั้งแต่ยอมรับกับตัวเองว่าหัวใจถูกครอบครองโดยเด็กผู้ชายหน้าใสที่เพิ่งไปส่งเมื่อเช้า ทั้งที่รู้ว่ามันไม่แฟร์ แต่เรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะทำให้มันจบลงง่ายๆ เหมือนมีแฟนตอนม.ต้น ที่จะเขียนจดหมายไปบอกเลิกแล้วทุกอย่างก็จบ แย่ที่สุดคือกลับไปเป็นคนรู้จักกันไม่ได้ แต่นี่คือเราโตพอที่ความสัมพันธ์จะไม่ได้ถูกผูกแค่ผมกับเธอ แต่มันผูกมัดไปด้วยคนรอบข้าง และสังคมของเรา

“เฮ้อ”

“หมอดิม เป็นไรป่าวคะ” พี่กล้วยหมอสูติถามขึ้น ไม่รู้ว่ายืนคิดอยู่นานจนเธอสังเกตเห็นเมื่อไหร่

“อ่อ ป่าวครับ แค่เหนื่อยนิดหน่อย”

“ทานข้าวด้วยกันสิคะ วันนี้พี่ทำข้าวผัดปลาแซลม่อนมา ทำมาเยอะเลยนะคะ” ไม่เยอะธรรมดา พอมองไปรอบๆ ห้องแล้วมีแต่คนได้ข้าวกล่องแบบเดียวกันหมด สงสัยทำมาแจกล่ะมั้ง ใจดีจัง

“ครับ ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมขอไปเปลี่ยนชุดก่อน”

“รีบๆ นะคะ เดี๋ยวหมดก่อน”

“ครับผม”

ตลอดสองเดือนที่ผ่านมายอมรับว่าโทรหาเกลน้อยครั้งจริงๆ แถมพอเกลจับได้ว่าพาคนอื่นไปนอนที่ห้องก็เหมือนเรามีบางอย่างขั้นกลางในความรู้สึก อาจจะเป็นเพราะความเชื่อใจมันถูกบั่นทอนลง ความรู้สึกที่เคยมีต่อกันเลยค่อยๆ ลดลงไปด้วย แน่นอนว่ามันเกิดจากผมทั้งนั้น และผมก็ละเลยพอที่จะไม่ได้ใส่ใจเท่าเมื่อก่อน แน่นอนความผิดมันอยู่ที่ผมนี่แหละไม่ใช่เธอ

ส่องกระจกมองดูตัวเองที่แม้จะเป็นอาคิราคนเดิม แต่ความรู้สึกต่อตัวเองมันห่อเหี่ยวยังไงชอบกล เคยมั่นใจในตัวเองมาโดยตลอด เคยเป็นคนเข้มแข็งกับทุกๆ เรื่องได้ดี และเคยอดทนไม่นอนมา 48 ชั่วโมงก็ผ่านมาแล้ว แต่กลับเรื่องที่ต้องเด็ดขาดในความสัมพันธ์บอกเลยว่าขี้ขลาดขึ้นมาดื้อๆ

ถ้าเธอไม่เคยเป็นผู้หญิงที่อยากร่วมสร้างอนาคตไปด้วยกัน

ถ้าเธอไม่ดี หรือเป็นผู้หญิงงี่เง่ากว่านี้สักนิด

ก็คงรู้สึกดีกว่านี้ที่ต้องเลือกทำร้ายเธอแบบนี้

แต่ยิ่งยื้อก็เหมือนจะยิ่งสร้างตราบาปให้ตัวเอง

และทำร้ายเธออย่างสาหัสสากรรจ์

คงต้องถึงเวลาที่ก้มหน้ายอมรับความจริงกับความเลวที่ตัวเองทำ แม้จะต้องถูกตราหน้าว่าอย่างไร คงต้องแล้วแต่ ‘เกล’ กำหนด




ตื๊ด.. ตื๊ดด

[ขะ ค่ะ ดิม]

“ฮัลโหล เกล สะดวกคุยมั้ย”

[เอ่อ ได้ประมาณสองนาทีค่ะ]

“วันศุกร์นี้เกลว่างหรือเปล่า พอดีคุณแม่อยากชวนไปทานข้าวที่บ้านน่ะ”

[เอ่อ วันศุกร์นี้หรอคะ คือ เกล..]

“เกลผลัดดิมมาหลายครั้งแล้วนะครับ เหมือนตอนนี้ดิมเป็นเกลแล้วเกลเป็นดิมเลยเนอะ”

[ประมาณกี่โมงคะ พอดีจะมีเรือเข้าช่วงบ่าย อาจจะได้ดินเนอร์เลย]

“ครับ ขอแค่เกลมาก็ดีใจแล้ว”

[ค่ะ เกลก็มีเรื่องอยากคุยกับดิมเหมือนกัน]

“ครับ เจอกันนะ”

[ค่ะ เท่านี้นะคะ เกลมีประชุม]

“ครับ บาย”


ถ้าย้อนกลับไปครึ่งปีก่อนหน้า บทสนทนาของเราจะดูห่างเหินขนาดนี้มั้ยนะ เหมือนตอนนี้ผมพยายามจะทำให้มันเหมือนเดิม ทั้งที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันพังเพราะตัวเอง เห็นแก่ตัวไม่จบไม่สิ้น จะหวังให้ความสัมพันธ์ที่ตัวเองทำลายลงไม่เปลี่ยนแปลง เหอะ ตลกสิ้นดีไอ้ดิม

สิ่งที่ยากกว่านั้นคือการจะบอกให้คนที่ครองหัวใจรู้ แล้วทำให้เขาสบายใจได้อย่างไรเมื่อต้องกลับไปเจอปัจจุบันที่ยังคงสถานะอย่างถูกต้องกว่า ศิจะคิดมากกับความรู้สึกของผมที่มันไม่ชัดเจนแค่ไหน ทั้งที่เป็นอยู่ตอนนี้มันเหมือนจะดี แต่คล้ายกับคลื่นลมสงบก่อนพายุจะมาอย่างไงอย่างงั้น




กว่าสี่ทุ่มที่มองดูนาฬิกาแขวนบนผนัง วันนี้ก็วันพฤหัสฯ เข้าไปแล้ว แต่ยังไม่ยอมปริปากพูดว่าพรุ่งนี้จะต้องพาเกลไปหาคุณแม่ ซึ่งเดาไม่ยากเลยว่าทำไมจู่ๆ แม่ถึงอยากเจอเราสองคน คงอยากคุยเรื่องแต่งงานหรือไม่ก็หมั้น เพราะเห็นผมคบกับเกลมานานและดูราบรื่นไร้ปัญหาทะเลาะกันเรื่องเวลาของผม และแม่ก็เอ็นดูเกลจากคุณสมบัติ รูปสมบัติ และทรัพย์สมบัติที่เธอมี แม้จะเจอเธอไม่กี่ครั้งแต่ผมก็ดูออก เพราะแม่ไม่ค่อยยินดีเวลาพาแฟนไปแนะนำเท่าไหร่ แต่กับเกลแม่เหมือนถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น

“เฮ้อออออ”

ครืดดด ครืดดด

[My Si]

[พี่ดิมนอนยังอะ]

“ยังครับ กำลังคิดถึงบางคนอยู่”

[อี๋ เลี่ยนจัง]

“แล้วรู้ได้ไงว่าพี่คิดถึงศิ”

[อะ อ่อ คิดถึงพี่เกลหรอครับ..] ปลายสายเสียงอ่อยลง เนี่ยแหละเหตุผลที่ผมไม่กล้าบอก กลัวคนตัวเล็กจะแอบไปร้องไห้คิดมากคนเดียว ทั้งที่ตอนนี้มันก็ไม่ได้ดีเหมือนที่เราพยายามทำอยู่แล้ว

“ปะ เปล่า พี่คิดถึงศิ”
“จริงๆ นะ…เชื่อพี่สิ”

[....]

“อย่าเงียบสิครับ”

[อื้อ พี่ดิมจะคิดถึงพี่เกลศิก็ไม่มีสิทธิ์ไปห้ามหรอกครับ ก็เค้าแฟนพี่นี่นา เนอะ]  การทำเสียงสดใสไม่ได้กลบความเศร้าได้แม้แต่นิด แต่เขาก็พยายามทำเหมือนไม่เป็นไรอยู่ทุกครั้ง เพื่อให้ผมสบายใจ แต่นั่นแหละมันยิ่งทำให้เขาแย่ ไม่รู้ข้างในผุพังไปแค่ไหนแล้ว

เหมือนตอนนี้ผมกำลังทำร้ายคนสองคนที่รักผมไปพร้อมกันอย่างไรไม่รู้

“ศิ…”

[...]

“พี่มีเรื่องจะบอก ศิตั้งใจฟังพี่นะ”

[อะ อื้อ..]

“พรุ่งนี้ที่พี่ต้องผิดนัดกับศิไปดูหนังไดโนเสาร์ เพราะคุณแม่นัดพี่กับเกลไปพบ”

[....]

“พี่จะคุยกับเกลเรื่องของเรา”

[พี่ดิม..แล้ว]

“พี่จะพูดความจริง มันถึงเวลาแล้ว”

[ถ้าพี่เกลเขา…]

“ครับ เค้าจะเสียใจมากๆ และพี่ก็จะปลอบ มันอาจจะไม่จบวันนั้น แต่มันต้องจบ”

[แล้วพี่ดิม…]

“ถ้าพี่เสียใจ ศิจะโกรธพี่มั้ย”

[มะ..ไม่ ไม่เลย ถ้าพี่ดิมไม่เสียใจ ศิจะโกรธมากกว่า]

“ศิ...เรื่องของเรามันอาจจะไม่ถูกต้องมาแต่แรก แต่พี่กำลังพยายามอยู่นะครับ”

[...]

“รอพี่นะ”

[ฮึก พี่ดิม...พี่ดิมจะเสียใจมากมั้ย จะร้อง อึก ไห้มั้ย ทำไมศิเสียใจ ฮืออ]

“ครับพี่คงร้องไห้ แต่ศิจะอยู่ข้างๆ ตอนที่เฮิร์ทเรื่องเกลใช่มั้ย”

[อื้อ ฮือออ ศิ...ศิจะอยู่กับพี่ดิม]

“ครับ รอพี่นะ อย่าร้องไห้เลยคนดี”

[ฮืออ ฮึก]

“พี่ไปกอดตอนนี้ไม่ได้นะ”
“ไหนว่าเฌอกับอาโปมานอนด้วย ร้องไห้แบบนี้เพื่อนเป็นห่วงแย่”

[อึก อื้อ คะ ครับ ไม่ร้องแล้วๆ]

“พรุ่งนี้พี่จะโทรหานะครับ”

[อื้อ อึก พี่ดิมต้องโทรมานะ ศิจะรอ]

“ครับ พี่คิดถึงศินะ ตลอดเวลาเลย”

[ศิก็คิดถึง อยากกอดแล้ว]

“อีกไม่นานนะคนดี”

[อื้อ ศิรักพี่ดิมนะ]

ข้างนอกฝนตกอีกแล้ว เป็นอีกวันที่มองไม่เห็นพระจันทร์ เพราะก้อนเมฆมาบดบังซะมิดไปหมด หรือว่าแท้จริงแล้วเมฆมาบังเพราะพระจันทร์กำลังร้องไห้หรือเปล่านะ…








ซองสีน้ำตาลเข้มที่วางบนโต๊ะทำงานของกัญญกาญจน์ แม้เธอจะได้มันมาร่วมเดือนแล้วแต่ยังทำใจเปิดดูสิ่งของในนั้นไม่ได้ เดาได้ว่าเป็นรูปภาพที่ต้องทำให้เธอบาดตา แม้จะทำใจมาร่วมสองเดือนกับความเปลี่ยนแปลงของคนรัก แต่มันก็ไม่ได้ทำให้มันง่ายขึ้นแม้แต่นิด

ความสัมพันธ์ที่ก่อร่างขึ้นมากว่า 2 ปี มันผูกพันกว่าที่เธอคิด เพราะเขาเป็นเสมือนจิ๊กซอว์ในชีวิตเธอ หากแต่ทว่ามันมีชิ้นส่วนสุดท้ายที่เข้ากันไม่ได้เสียอย่างนั้น เธอยอมรับว่าเสียใจที่รู้ว่าคนรักมีใครอีกคนแทรกเข้ามาในใจ แต่ไม่ได้โยนความผิดให้เขาแต่เพียงคนเดียว การเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมอาจจะไม่ได้ให้ได้ทุกอย่างในสิ่งที่เขาต้องการก็ได้

ที่สำคัญมีใคร ‘บางคน’ เดินกลับเข้ามาในชีวิตเธอหลังจากกลับจากคอนโดเขาไม่นาน

“เกล ยูเหม่ออีกแล้วนะ”

“ซอรี่นะทีเจ”

“คิดเรื่องพรุ่งนี้หรอ”

“ค่ะ แค่คิดว่าพรุ่งนี้มันอาจจะจบแล้วจริงๆ” ร่างสูงลูกครึ่งไทยสิงคโปร์เอื้อมมือมาจับหญิงสาวที่นั่งเก้าอี้ตรงหน้า

ทีเจ หรือ ธามไท เชน เป็นลูกครึ่งไทยสิงคโปร์ ทำธุรกิจผลิตอะไหล่เครื่องจักร และจำหน่ายเครื่องจักรที่ใหญ่ระดับอาเซียน นับว่าเป็นผู้ชายที่ทั้งหล่อ และฐานะดี และพ่วงฐานะเป็นแฟนเก่าของเธอสมัยไปเรียนปริญญาโทที่บอสตัน ก่อนจะเลิกรากัน เพราะกัญญากาญจน์ดึงดันกลับไทย ทั้งที่ทีเจอยากใช้ชีวิตกับเธอที่อเมริกามากกว่ากลับมาบริหารธุรกิจที่สิงคโปร์

แต่เมื่อประมาณเดือนที่แล้วก็ทำให้พวกเขาทั้งสองคนได้โคจรกลับมาเจอกันเพราะการขยายธุรกิจของครอบครัวทีเจ คือการทำโรงแรมที่แถบภาคตะวันออกของไทย เลยได้สั่งซื้ออุปกรณ์การตกแต่งจากยุโรป และแน่นอนบริษัทที่รับดำเนินการคือบริษัทของกัญญากาญจน์นั่นเอง

ความบังเอิญที่ไม่บังเอิญ เพราะทีเจยังคิดถึงผู้หญิงคนเดียวที่เขารักอยู่เสมอ จึงยอมกลับบ้านเกิดเพื่อเริ่มธุรกิจของตนเอง และใช้วิธีนี้กลับเข้าหาเธออย่างแนบเนียน และเหมือนมาถูกจังหวะในขณะที่เธอสับสนกับความสัมพันธ์ของคนรักในปัจจุบัน หากแต่ทว่าเขายืนยันที่จะรอและเคียงข้างเธอตลอดหนึ่งเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา แม้มันจะไม่นาน แต่ยอมรับว่าทีเจก็เข้าข้างตัวเองพอสมควร เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมให้เข้ามาในบ้านเธอแบบนี้

“ยูคงรักเขามากเลยเนอะ”
“ขนาดยูรู้ว่าเขานอกใจ ยูก็ยังไม่โกรธเขา”

“ไอโกรธสิ แต่ไอก็ไม่ได้ซื่อสัตย์”

“...”

“ถ้าไอซื่อสัตย์ ยูคงไม่ได้ยืนอยู่ที่นี่” เกลลุกออกจากโต๊ะดินเนอร์ ก่อนจะไปยืนริมกระจกกว้าง มองเห็นแถบชายฝั่งและแสงไฟจากเรือขนส่งอยู่ไกลๆ

ผู้ชายร่างสูงคว้าร่างของเธอเข้ามากอดแนบอก “เขาดีกว่าไอแค่ไหน เกล..ยูบอกไอ ไอจะทำให้ดีกว่า และไอสัญญาจะไม่ทำยูเสียใจ”

“ทีเจ…”

“ไอไม่ได้ให้ยูลืมเขานะเกล แค่กลับมารักไอได้มั้ย กลับมารักธามเถอะนะครับ ธามไม่ชอบเห็นเกลร้องไห้เลย”

“ยูมันขี้โกง ฮึก รู้ว่าไอแพ้เวลายูแทนตัวเองว่าธาม”

“สูตรโกงนี่มันยังใช้ได้ แสดงว่าเกลก็ยังรักธามอยู่สินะ”

“ฮื้อ เลิกกอดไอซักที เดี๋ยวแม่บ้านมาเห็น”

ทีเจใช้มือปาดน้ำตาของผู้หญิงตรงหน้าเบาๆ และกดจุมพิตที่หน้าผากอย่างอ่อนโยน สายตาของเขาส่งความมุ่งมั่นไปให้เธอว่าไม่ว่าจะเกิดอะไร เขาจะอยู่ตรงนี้ข้างเธอเสมอ และจะเป็นแบบนี้เหมือนที่เคยเป็นมา

แม้จะรู้สึกผิดในใจกับอาคิรา แต่กัญญากาจน์ก็ต้องยอมรับกับตัวเองจริงๆ ว่าธามไทเข้ามาทำให้ชีวิตของเธอไม่จมดิ่งไปเท่าที่ควร และเธอก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องโบกมือลากับความสัมพันธ์อันยุงเหยิงและให้มันเป็นไปตามทางที่มันควรจะเป็นสักที

ซองกระดาษสีน้ำตาลใบเดิม คงถึงเวลาปลดล็อกความจริงที่ว่า...ความสัมพันธ์ระหว่างอาคิราและกัญญากาญจน์มันจบแล้วจริงๆ 

เธอตัดสินใจเผารูปที่นั่งดูทีละใบด้วยใบหน้าเรียบเฉย และทีเจก็นั่งอยู่ข้างๆ เธอไม่ห่างไปไหน

รูปแอบถ่ายของอาคิราและศิรัสในอิริยาบถหลายๆ อย่าง ที่เธอไม่เคยรับรู้ และมันเกิดหลังจากเหตุการณ์ที่คอนโดวันนั้นสองอาทิตย์เห็นจะได้ บอดี้การ์ดของคุณพ่อให้คนไปแอบตามถ่าย อาจจะตามมาตั้งแต่แรกๆ ที่เราคบกัน แต่พอดิมผ่านด่านคุณพ่อก็คงเลิกจ้างไป และแน่ล่ะพ่อก็คือพ่อ คงสังเกตเห็นความปกติของลูกสาวคนเดียวเลยต้องกลับไปทำแบบนี้อีก และสุดท้ายก็ให้เราตัดสินใจเอง

แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้ว่าเขาพยายามจะตัดใจจากเด็กผู้ชายน่ารักคนนั้นแล้ว แต่มันคงยากสำหรับเขา พอๆ กับที่เธอปฏิเสธความทรงจำเดิมที่วนเวียนกลับเข้ามาไม่ได้นั่นแหละ

ถ้าจะบอกว่าดิมนอกใจ
เธอก็คงไม่ต่างกัน

ถ้าพรุ่งนี้ผ่านไป แล้วเรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ มันจะดีแค่ไหนกันนะ…





-----------To be continued------------



ครบแล้ว 100%
เคลียร์เนอะ....

เอาจริงๆ ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ของหมอและน้องมันดูแย่ไปมากกว่านี้
เลยให้มันออกมาในรูปแบบนี้อะเนอะ

สบายใจทั้งคู่

พวกเทอว์จะได้ฟินเวลาเค้ารักกันงัยยยยยยยย

อยากได้เม้นท์ให้กำลังใจ

ได้โม้ยยยยย

ร้ากกกกกกกกก

#youaremyday1

@mifengbeexx




บีเองจ้า


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2018 23:42:54 โดย mifengbee »

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ตอนแรก จะเม้นบอกว่า เอาไว้จบเรื่องจะมาอ่านใหม่นะ  อ่านไปรู้สึกผิดบาปไป 55555 ทนไม่ไหว  แต่โอเค้ จบเรื่องละ อันนี้ก็หน่วงมาแล้วนะคะ อย่าดราม่าอีกเล้ยยยย ทรมานใจคนอ่านม๊ากกก  :monkeysad: :monkeysad:

ออฟไลน์ LomaPakpao

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
 :ling1:  :katai4: รันทดมาก เอร้ยยย..  :ling2: หน่วงใจมาก
 :katai1:  :katai2-1:  :ling2:

ออฟไลน์ andaseen

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 742
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-1
รอมาม่าหมดหม้อ  :z3: ขอขนมหวานต่อน๊า :m26:

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
You are my day 1◑ : กาลครั้งที่รักคุณ
EP.12  i'll call you by mine
[/size]

Too sure if you would mind I was nervous but I had to say
Call you my own, and can I call you my lover





“มึงร้องไห้?” เฌอที่นอนเล่นแม็คบุ๊กบนเตียงผมพูดขึ้น ขณะเดินเข้าห้องนอนไม่กี่ก้าว หลังจากที่คุยโทรศัพท์สายสำคัญจากระเบียงเสร็จ ระยะเวลาคุยอาจจะไม่ได้ยาวนาน แต่ระยะเวลาที่ยืนมองฝนพรำลงมานานพอที่จะทำให้เสื้อยืดสีพีชที่จะใส่นอน มีละลองฝนแปะประปราย แม้จะไม่ใช่ระเบียงโอเพ่นก็ตาม

“ก็...อือ”

“ทำหน้าหมาด้วย เป็นไร ทะเลาะกับพี่ดิม?” อาโปที่นั่งไถไอแพดของผมบนโต๊ะทำงานถามต่อ

ได้แต่พยักหน้าแทนคำตอบ ทั้งที่จริงๆ เราไม่ได้ทะเลาะกันเลยด้วยซ้ำ แต่คิดว่ามันหนักหนาพอๆ กับเราขึ้นเสียงเถียงกัน

พาตัวเองไปหย่อนก้นลงปลายเตียง สายตาเอาแต่มองโทรศัพท์ อยากให้ถึงพรุ่งนี้ไวๆ อยากรับสายของคนที่บอกให้รอ แค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่ทำไมรู้สึกว่าแต่ละวินาทีผ่านไปช้าจัง

จู่ๆ เตียงข้างๆ ก็ยวบลง คงเป็นเฌอที่กระเถิบมานั่งข้างกัน “ศิ มึงลืมหรือยังว่ามีอะไรบอกพวกกูได้เสมอ”

“...”

“...”

“พรุ่งนี้แม่พี่ดิมให้พาแฟนเค้าไปเจอ”

“ทั้งที่เค้าไม่เจอกันมาจะสองเดือนแล้ว?”

“อืม..เค้าไม่ได้พูดว่าจะเลิก แต่เค้าบอกจะจบ ให้กูรอ..แต่ว่าพรุ่งนี้อาจจะไม่ใช่วันสุดท้าย”

“...”

“กูรู้สึกแย่นะที่เค้าต้องเลิกกับแฟน ทั้งที่เค้ารักกันมากๆ” พอพูดมาถึงตรงนี้น้ำตาที่หยุดไหลก็เริ่มต้นไหลอีกครั้ง เป็นความจริงที่รู้สึกผิดบาปในใจอย่างที่สุด แม้การกระทำของพี่ดิมจะบอกว่ารัก แต่ในขณะนั้นเขาก็รักแฟนเช่นกัน

พยายามปลอบใจตัวเองแค่ไหน แต่ความจริงว่าตัวเองเป็นมือที่สามมันก็ยังชัดเจนอยู่ดี

“แล้วมึงโอเคมั้ยถ้าเค้าเลือกแฟนเค้าแทนที่จะเป็นมึง”

หันไปมองหน้าผู้หญิงที่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อน และส่งสายตาที่เห็นใจส่งมาให้ เฌอเป็นแบบนี้เสมอ แม้จะดุจะด่าแค่ไหน แต่เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เธอจะเข้มแข็งและเป็นหลักให้เพื่อนได้ ทั้งที่ตัวเองก็ผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ มา

“ความรักมันไม่ใช่การเสียสละ แต่มันคือการเห็นแก่ตัว”
“รักใครก็ต้องอยากให้เค้ารักตอบ อยากครอบครอง อยากให้ส่วนหนึ่งของชีวิตเค้ามีเราอยู่ด้วยไม่ใช่หรอวะ”

“...”

“แม้ว่าพวกกูจะไม่ได้เห็นด้วยที่พี่ดิมบอกให้มึงรอ ทั้งที่เค้ายังไม่เลิกกับแฟน”

“...”

“แต่การที่มึงมานั่งทำหน้าหมาหงอยรอเจ้าของแบบนี้ กูว่ากูก็มีส่วนผิดที่ยุมึง แต่กูก็ยังจะทำ เพราะเวลามึงพูดถึงเค้ามึงมีความสุข”

“...”

“มึงเชื่อใจเค้ามั้ย”

“อื้อ ที่สุดเลย...แต่ก็กลัว”

“กลัวอะไร”

“กลัวว่าเค้าจะเลือกความรักที่ถูกต้อง มากกว่าเลือกกู”

“...”

“กลัวว่าที่บอกให้รอ เพราะเค้าไม่ได้เจอแฟนเค้านานๆ แต่วันนี้ได้ไปเจอแล้วเค้าจะรู้…ฮึก”

“...”

“รู้ว่าที่ผ่านมาเค้าแค่หวั่นไหว...เค้าแค่เผลอใจ..และเค้าไม่ได้รู้สึกกับกูจริง”

ผู้หญิงตัวเล็กดึงผู้ชายอย่างผมเข้าไปกอด แม้กอดของเธอจะไม่ได้โอบรอบตัวผมทั้งหมด แต่ยอมรับเลยว่ามันอุ่นใจจริงๆ ที่ตอนนี้มีเธออยู่ตรงนี้ ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าจะผ่านคืนนี้ไปด้วยการทำอะไร ถ้าให้นอนก็คงทำได้แค่นอนแต่ไม่มีทางหลับ ทั้งที่ใจยังรอคอยให้ถึงวันรุ่งขึ้นทุกลมหายใจ

มือใหญ่ต่างจากเฌอกำลังลูบหัวของผมเบาๆ ก่อนจะนั่งลงอีกด้านของเฌอ

“แต่ตอนนี้มึงก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการรอไม่ใช่หรอวะ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นท่ามการเสียงสะอื้นของผมเอง

“...”

“ถ้าสุดท้ายแล้ว เค้าจะรู้สึกว่าที่ผ่านมาเค้าแค่เผลอใจ มึงก็ต้องยอมรับความจริง”

“ฮึกกก...”

“เพราะสิ่งที่มึงและพี่เค้าทำ มันก็เกิดจากการเผลอใจไม่ใช่หรือไง”

อาโปในโหมดจริงจังมักจะเป็นคนคอยเตือนสติให้ยอมรับความจริง และให้มองถึงความผิดพลาดของตัวเองก่อนที่จะโทษคนอื่นเสมอ อาโปเลยเป็นคนรู้จุดอ่อนของตัวเอง และพัฒนาตัวเองได้ดีเยี่ยม (ถ้ามันไม่ติดที่ขี้เกียจ) พอคิดตามในสิ่งที่อาโปพูดก็ต้องกลับมามองว่าความสัมพันธ์ของเรามันเริ่มมาแบบไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก ถ้ามันจะต้องเจออุปสรรค หรือจบลง ก็คงเพราะจุดเริ่มต้นมันไม่ถูกที่ ถูกเวลา แม้จะถูกใจก็ตาม

“แต่มึงเชื่อใจเค้าไม่ใช่หรือไง”

“...”

“ก็เข้มแข็งหน่อยสิวะ”

“อื้ออ ฮึก กะ กูจะพยายาม”

“กูว่าเค้าก็คงเจ็บไม่ต่างจากมึงหรอก”

อาโปกอดผมอีกคน กลายเป็นว่าตอนนี้เราสามคนกอดกัน ท่ามกลางเสียงสะอื้นที่ค่อยๆ แผ่วลงของผม

มีคนเคยกล่าวไว้ว่าเพื่อนไม่ได้สำคัญเวลาเราสุขที่สุด แต่เพื่อนสำคัญเวลาเราทุกข์ที่สุด
และเพื่อนแท้จะคอยอยู่กับเราเสมอแม้ว่าจะสุขหรือทุกข์ที่สุด






ดึงเน็กไทด์สีเทาเข้มชิดต้นคอ ติดกระดุมแขนเสื้อเชิ้ตสีดำดำสนิท ก่อนจะมองกระจกดูทรงผมและหน้าตาตัวเองอีกครั้ง นัดสำคัญของผมกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่กี่ชั่วโมง ตะวันกำลังจะตกดินในอีกไม่กี่นาที มีหลายอย่างที่คิดอยู่ในหัวและมันดูจะยุ่งเหยิง เกี่ยวกันพันไปมา สมองที่เคยชาญฉลาดกลับหาปมที่จะแก้ปัญหาไม่ได้

ที่บอกศิว่าจะต้องยอมรับความจริง พอเอาเข้าจริงๆ มันกลับยากไปหมด

การเผชิญหน้ากับ ‘คนรัก’ ที่ตอนนี้เป็น ‘คนเคยรัก’ ตั้งแต่เมื่อไหร่ยังไม่รู้ตัว แถมตัวเองยังเป็นคนคิดก่อน ทั้งที่ตอนคบกันเราตัดสินใจร่วมกัน แต่พอจะจบกลับคิดเองก่อนคนเดียว

โคตรเท่เลยมึงไอ้ดิม

ครืด ครืด

[MY GALE] เห็นชื่อที่แสดงบนหน้าจอมือถือแล้วสะท้อนในใจ ว่าไม่ได้เห็นสายนี้โทรหามานานแค่ไหนแล้ว ตลอดสองเดือนที่มันคลุมเครือเป็นผมเสียมากที่โทรหาเธอ แต่ก็ไม่ได้บ่อยเท่าที่ควร ส่วนเธอจะใช้ข้อความในการสื่อสาร ตรงนี้ล่ะมั้งที่มันทำให้ความสัมพันธ์ของเราค่อยๆ ห่างกันไป เพราะขาดการสื่อสาร และพอชินกับมัน ก็กลายเป็นว่าเราไม่จำเป็นต้องสื่อสารกันก็ได้ในที่สุด

“ครับเกล..เจอกันก่อนหรอ ดิมอยู่ที่คอนโด เกลถึงแล้วหรอ โอเค ครับ”

และมันยิ่งทำให้ผมแปลกใจที่เกลมาก่อนเวลาดินเนอร์ที่เรานัดกันพอสมควร แถมยังมาถึงที่นี่แล้วซะอีก

ตึ้ง ต่อง

เสียงออดหน้าห้องดัง คงเป็นคนที่ผมวางสายเมื่อสักครู่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงใช้คีย์การ์ดแตะเข้ามาเลย แต่ตอนนี้ก็เปลี่ยนไปแล้ว

เปิดประตูไปเห็นผู้หญิงที่ยังคงงดงามทุกกระเบียดนิ้ว ชุดเดรสเปิดไหล่สีน้ำเงินเข้ม กับกระเป๋าครัชสีเงินเลื่อม รวมถึงสร้อยเส้นเพชรเส้นเล็กที่มีจี้แป้นยาวที่จริงของเธอมันช่างดูลงตัว และสง่างามเมื่ออยู่บนไม้แขวนนี้

“ขอโทษนะคะที่เกลมาก่อน”

“เกลเข้ามาก่อนสิ”

หลายครั้งที่เกลมาที่นี่แต่บรรยากาศตอนนี้มันต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง การวางตัวที่ดูห่างเหิน คำทักทายที่ดูเป็นทางการเสียจนเหมือนกับว่าก่อนหน้านี้ ห้องนี้มันไม่ได้มีเรื่องราวของเรา

“เกลว่าเราอาจจะต้องคุยกันก่อนไปเจอคุณแม่”

“ครับ”

เราสองคนนั่งลงที่โซฟาร์ตัวยาวกลางห้องนั่งเล่น อย่างทีระยะห่าง

“เกลรู้เรื่องเด็กคนนั้นแล้วนะคะ”

“คือ..”

“ไม่ต้องอธิบายหรอกค่ะ เกลเข้าใจดี”

“...”

“และเกลจะไม่ถามว่าดิมจะเลือกใคร เพราะใจดิมเลือกเค้าไปแล้ว”

“เกล..ดิมขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ” เขยิบเข้าไปใกล้ผู้หญิงที่รักตรงหน้า และใช้มือใหญ่ของตัวเองกอบกุมมือนุ่มคู่นี้ไว้ มือคู่ที่เค้าตะกองจับกันมาหลายครั้ง มือที่กอบกุมในวันที่เหนื่อยล้า และมือคู่นี้ที่เคยเกี่ยวก้อยสัญญาว่าจะดูแลเธอให้ดีมาตลอด

“ค่ะ เกลก็ขอโทษเหมือนกัน ที่เป็นแฟนที่ไม่ดีเท่าที่ควร” เธอยิ้มเศร้าๆ มาให้

“ไม่! ไม่เลยเกล ดิมสิที่ห่วย แย่ เลว เลวมากๆ ที่ทำให้เกลเสียใจ”

“อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ ดิมจำได้ไหมว่าวันครบรอบแล้วเรานัดไปเที่ยวญี่ปุ่นกัน แล้วเกลลืมเพราะมัวแต่ทำงาน ทำให้ดิมไปเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียวตั้งสองวัน กว่าจะหาไฟล์ทบินไปได้”

“เกล ดิมไม่เคยโกรธ”

“ดิมจำได้มั้ยคะ ตอนที่เราคบกันแรกๆ เกลเคยขอเลิกกับดิมกี่ครั้ง เพราะดิมไม่มีเวลาให้”

“...”

“ที่เกลบอกว่าเข้าใจในอาชีพของดิม จริงๆ เกลไม่เคยเข้าใจเลยค่ะ”

“ดิมบ้านรวย ทำงานเอกชนสบายๆ ได้แต่ดิมไม่ทำ ทนทำงานโรงพยาบาลรัฐสวัสดิการแย่ๆ ไหนจะเรียนต่อเฉพาะทาง ไหนจะถ่ายซีรี่ส์ พาร์ทในชีวิตของดิมมีเกลน้อยมาก เกลเลยหาทางออกทำงานเยอะๆ จะได้ไม่กังวลเรื่องดิม แต่จริงๆ มันไม่ช่วยอะไรเลย เกลยังคงอยากให้ดิมมาหา อยากอยู่ด้วย อยากกอดทุกวัน”

เธอเบนหน้าหนีจากสายตาที่ผมมอง

“เกลเคยอิจฉาพี่พยาบาลที่เข้าเวรกับดิม เคยมองแรงใส่พวกเธอด้วยซ้ำ หึ แต่ดิมไม่รู้หรอก เพราะเกลแสดงแต่ด้านดีๆ ให้เห็นไงคะ”

“ทำไมเกลไม่ทำล่ะ เกลมีสิทธิ์ทำทุกอย่าง”

“เพราะเกลกลัวถูกดิมมองไม่ดี”

“เกล…” คำพูดของเกลกระแทกใจผมอย่างรุนแรง ที่ผ่านมาผมเป็นแฟนที่ไม่ได้เอาใจใส่เธอขนาดนี้เลยหรอ

“เห็นมั้ยคะ ว่าเกลก็ไม่ได้เป็นแฟนที่ดี”

“ดิมต่างหากเกล ดิมผิดเอง ดิมเริ่มทุกอย่าง ถ้าเกลอยากให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม ดิมจะ..”

“จะไปบอกเลิกน้องเค้าหรอคะ ทั้งที่ดิมพยายามมาตั้งหลายครั้งแล้ว”

“เกลรู้”

“ค่ะ เกลดีใจนะคะพี่ดิมพยายามทำมัน แต่เกลเข้าใจค่ะว่ามันยาก”

“ขอโทษที่เป็นแฟนที่แย่นะ แย่เหี้ยๆ ด้วย”

“ถ้ามันจะผิดมันก็ผิดที่เราทั้งคู่พยายามไม่มากพอต่างหาก”

ผมรวบตัวผู้หญิงที่พยายามจะเข้มแข็งเข้าอ้อมกอด เธอหาเรื่องโทษตัวเองเพื่อไม่ให้ผมรู้สึกผิดกับตัวเองไปมากกว่านี้ แต่ให้ตายเหอะ มันยิ่งทำให้ผมโคตรรู้สึกแย่ที่ทำร้ายความรู้สึกเธอเลย ทำไมผู้หญิงดีๆ ต้องมาเจอผู้ชายห่วยๆ อย่างผมด้วยวะ

เกลผลักหน้าออกผมเบาๆ เลยได้คลายอ้อมกอดที่รัดเธอแน่นมาหลายนาที ดวงตาคู่สวยแดงก่ำจะสบตาผมตรงๆ

“ดิมนอกใจ ดิม..” พยายามกลั้นก่อนสะอื้นแล้วพูดคำสารบาปที่เป็นความจริงที่สุด

“เกลก็นอกใจดิมค่ะ”

สิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินจากปากของผู้หญิงตรงหน้า

นี่มันเรื่องอะไร?

“ดิมจำทีเจได้มั้ย”

“ที่เกลเคยเล่าให้ฟังว่าเป็นเพื่อนตอนอยู่บอสตัน”

“ไม่ใช่เพื่อนค่ะ แฟนเก่า”

“...”

“ตอนนี้เค้ากลับมา เรากำลังคิดว่าการมาเจอกันอีกครั้ง มันถูกเวลากว่าตอนแรก”

“...”

“ทั้งที่เกลยังไม่เลิกกับดิม แต่เกลยังรักเค้า” เธอพูดอย่างไม่ได้ละสายตาไปจากผม เป็นประโยคที่ฟังเหมือนจะต้องเจ็บ แต่ผมกับรู้สึกโล่งใจ และเธอเองก็อมยิ้มเมื่อพูดคำนี้

“แล้วดิมล่ะคะ รักน้องคนนั้นมั้ย”

“ครับ รักครับ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“งั้นคงถึงเวลาแล้วสินะคะ”

“...”

“เราเลิกกันนะคะดิม”

เธอเอ่ยประโยคที่แสนเศร้านี้ด้วยรอยยิ้มเปื้อนหน้า แม้หยดน้ำตาจะไหลอาบแก้มที่ถูกแต่งมาอย่างดี แต่แววตาของเธอมันไม่ได้เศร้าอย่างที่คิดไว้ และเหมือนเวลานี้เธอจะดูแมนกว่าผมโคตรๆ ที่กล้าหาญพูดคำๆ นี้ เพราะผมขี้ขลาดจริงๆ ที่จะพูดมัน

“เกล ขอบคุณนะ ขอบคุณมากสำหรับทุกอย่าง”

“...”

“ดิมรักเกลนะครับ จะรักแบบนี้ไม่มีวันเปลี่ยน ความรักของดิมที่ให้เกลไปแล้ว ไม่ขอรับคืน แต่จะให้เกลชั่วชีวิต”

ผู้หญิงตรงหน้ายิ้มรับ ก่อนจะเอนตัวจุมพิตหน้าผากเนียนเบาๆ และประทับมันไว้อย่างเนิ่นนาน ให้เป็นเหมือนคำมั่นสัญญาที่ผมจะรักเธอในฐานะกัลยาณมิตรที่ไม่มีอะไรมาตัดขาดกันได้ และพร้อมจะดูแลเธอชั่วชีวิตถ้าเธอร้องขอ

นี่คงเป็นสิ่งชดเชย ชดใช้ และไถ่บาป สำหรับกรรมที่ผมก่อไว้กับเธอ




ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
ผู้หญิงชุดเดรสสีน้ำเงินเข้ม และผู้ชายชุดสูทสีเทาเข้ม เดินเข้ามาในร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสในโรงแรมหรูกลางเมือง สายตาแขกเหรื่อที่อยู่ในร้านมองทั้งสองอย่างชื่นชมในความสง่างามและเหมาะสมกันอย่างยิ่ง

เช่นเดียวกับคุณผกากรองที่ยิ้มกระหยิ่มในใจ ว่าที่ลูกสะใภ้เธองามงดเป็นที่สุด

“สวัสดีครับคุณแม่”

“สวัสดีค่ะคุณแม่”

“สวัสดีครับลูก สวัสดีจ้ะหนูเกล”
“แม่สั่งซิกเนเจอร์ของที่นี่ไว้นะคะ ลูกๆ อยากสั่งอะไรเพิ่มก็เอาเลยนะ”

บริกรแต่งตัวเนี้ยบ น่าจะเป็นระดับสูงกว่าเด็ดเสิร์ฟทั่วไปทำหน้าที่บริการโต๊ะวีไอพีนี้เป็นพิเศษ

“ขอน้ำพั้นช์เพิ่มก็พอค่ะ”

“ของผมไม่รับ เพราะคุณแม่คงทราบว่าลูกชอบทานอะไร”

บรรยากาศบนโต๊ะเป็นไปได้อย่างสบายๆ คุณแม่ดูจะเอ็นจอยกับอาหารมื้อนี้ เพราะเธอทานไปค่อนข้างเยอะทีเดียว การสนทนาของเราสามคนก็ราบรื่นและสนุกกว่าที่คิด จริงๆ คุณแม่เป็นคนอารมณ์ดีและค่อนข้างพูดเก่ง ภายนอกอาจจะดูดุ แต่เบื้องหลังแล้วเป็นคนทันสมัยพอสมควร ล่าสุดเห็นแชร์คลิปพี่สู่ขวัญลงหน้าเฟซบุ๊ก พร้อมแคปชั่นจะไปตามรอยที่ตลาดนัดจตุจักร เห็นทีต้องให้พี่อ้อมหลานป้าพิมแม่บ้านไปคอยดูแล กลัวจะเป็นลมแดดก่อนจะได้ตามรอยจบ

“ดิม ถ่ายซีรี่ส์เป็นยังไงบ้างคะ ใกล้เสร็จหรือยัง”

“ครับ ก็ใกล้แล้ว เหลือแค่ซีนที่ต้องไปต่างจังหวัด”

“อ่อหรอ งั้นก็ดีสิ แม่จะได้เจอหนูเกลบ่อยๆ พอดิมทำอะไรหลายอย่างแล้วก็ไม่ค่อยกลับบ้าน แถมยังไม่ได้เจอแฟนด้วยใช่มั้ยคะ แม่ก็พลอยเหงาไปด้วย”

“บินไปหาหลานที่อังกฤษสิครับ จะได้ไม่เหงา” ผมเย้า ลูกชายพี่ซันพี่คนโต ตอนนี้หกขวบ ถูกส่งไปเรียนภาษาคอร์สสั้นๆ สำหรับเด็กที่อังกฤษพร้อมกับแม่เขา คุณย่าก็เลยเหงาๆ ช่วงนี้

“คนแก่บินบ่อยๆ ไม่ดีหรอกค่ะ ดิมก็แต่งงานรีบมีหลานให้แม่สิ”

“...”

“...”

เกลและผมหันมองหน้ากัน เหมือนเรารอประโยคนี้ เพราะจะได้พูดความจริงกับคุณแม่สักที

“แม่ครับ”

“คะ มีอะไรกันหรือเปล่า แม่พูดเรื่องแต่งงานแล้วเงียบใส่แม่เลย”

“ดิมกับเกลเลิกกันแล้วครับ”

“คะ!!”

“ค่ะ เราเลิกกันแล้ว”

“ดะ เดี๋ยว ทำไมล่ะคะ แล้วที่ผ่านมาหนึ่งชั่วโมง ทำไมทั้งสองคนดูยังรักกันอยู่ล่ะคะ”

“ครับ เราสองคนยังรักกันเหมือนเดิม แต่แค่ไม่ได้อยู่ในสถานะเดิม”

“ทะเลาะกันหรอคะ ทำไมแม่ดูไม่ออกเลย” ผู้หญิงสูงวัยตรงหน้าดูจะตกใจจริงๆ ถ้าคุณแม่เป็นโรคหัวใจคงมีความดันขึ้นกันบ้าง แต่ผมเป็นหมอตรวจสุขภาพให้แม่ทุกปี ท่านแข็งแรงดี ไม่ได้เป็นโรคที่คนมีอายุเริ่มเป็นกัน อาจจะมีปวดข้อ ปวดเข่า เวลาทำกิจกรรมนานๆ บ้าง แต่ไม่อันตรายอะไร

“ป่าวค่ะ เราจบกันด้วยดี” ผู้หญิงข้างๆ หันมายิ้มให้ผม

“เราจะรักกันแบบเพื่อนตลอดไปค่ะ”

ผมยิ้มตอบเธอและจับมือเล็กที่วางอยู่หน้าตักไว้เบาๆ

“ว้าาา แม่ก็คิดว่าจะได้จัดงานแต่งลูกชายซะแล้ว เซ็งเลยอะ” นี่ไงแม่ผม ใช้คำวัยรุ่นมั้ยล่ะ

“อาจจะไม่แห้วก็ได้นะคะคุณแม่”

“ทำไมหรอคะ สรุปตาดิมนอกใจหนูเกลหรอ” เสียงคุณแม่แข็งขึ้นมาดื้อๆ ทั้งที่ความจริงน่ะใช่เลย

“ฮ่าๆ ไม่ใช่หรอกค่ะ เค้าเริ่มคุยหลังจากเราเลิกกันแล้ว”

ผมบีบมือเกลแน่นขึ้น เธอหันมายิ้มสวยให้

ขอบคุณนะครับที่ยังปกป้องกันเสมอ

“แล้วหนูเกลมีคนคุยหรือยังคะ ถ้ายังรับพิจารณาลูกแม่อีกครั้งได้มั้ย” น้ำเสียงคุณแม่ติดจะอ้อนวอนเล็กๆ แต่เหมือนจะแค่ลองดูเท่านั้น คงหวังจะฟลุ๊ค

“เกลก็มีแล้วครับ เป็นเศรษฐีที่สิงคโปร์ หมอจนๆ สู้ไม่ได้หรอก”

“แหม่ ของดิมก็น่ารัก..อุ๊ปส์ ไม่พูดดีกว่า”

“ใครหรอคะ แม่รู้จักมั้ยคะดิม”

“ไว้ขอใช้เวลานานกว่านี้จะพามาเจอแม่นะครับ”

“ค่ะๆ แล้วแต่เลยค่ะ เด็กสมัยนี้ไวกันเหลือเกิน คนแก่ตามไม่ทันค่ะ”

เรื่องที่เราทั้งสองคนกังวลดูท่าจะราบรื่นกว่าที่คิด เพราะก่อนหน้าที่จะพาเกลไปแนะนำคุณแม่ เล่นจับคู่ลูกสาวเพื่อนให้ผมเยอะแยะไปหมด แต่ก็ทำได้แค่ปฏิเสธไป และพอพาเกลมาเจอแม่ก็ดูจะอ่อนลง เหมือนลดความกังวลว่าลูกชายจะไม่มีเมีย แต่แล้วพอความสัมพันธ์ของผมกับเกลจบลงด้วยดี กลับกลายเป็นว่าคุณแม่เข้าใจเสียอย่างนั้น แถมยังยิ้มเป็นกำลังใจให้ผมก่อนจะแยกกันกลับบ้านอีก

หรือแม่จะปลงว่าลูกจะไม่มีเมียซะแล้ว

มีสิแม่ แค่เมียไม่ใช่ผู้หญิง


“นี่เอามาเย้ยกันทั้งที่เพิ่งเลิกไม่ถึงวันเลยหรอ” Audi R8 สีดำขลับจอดเทียบหน้าร้านเหมือนรู้เวลา เดาไม่ยากว่าใครเป็นสารถี คงเป็นทายาทตระกูลดังจากแดนสิงโตพ่นน้ำ หึ บีเอ็มกูกากไปเลยมั้ยเนี่ย

“จริงๆ มาเย้ยยังแต่ยังไม่เลิกด้วยซ้ำ เพราะเค้าขับมาจากชลบุรีแหนะ”

“เหอะ เกลร้ายอย่างที่บอกจริงๆ ว่ะ”

“ฮ่าๆ กลับก่อนนะคะ ไว้เจอกันใหม่”

“ครับ”

เรายิ้มให้กันด้วยความจริงใจอย่างที่สุด เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นนานมากๆ แล้วจากผู้หญิงที่ผมรักสุดหัวใจ ไม่รู้นานแค่ไหนที่พรากรอยยิ้มสดใสไปจากเธอ ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็แล้วแต่ วันนี้คงต้องได้ส่งเธอคืนกลับไปหาคนที่เรียกรอยยิ้มเธอกลับมา

“ดิมขับรถดีๆ นะคะ”

“ครับ รักเกลนะครับ”

“รักดิมเหมือนกันค่ะ”

สวมกอดผู้หญิงตรงหน้า ด้วยสัมผัสของ “เพื่อนแท้” ครั้งแรก และตลอดไป




ห้าทุ่มครึ่ง บีเอ็มดีดำจอดหน้าคอนโดที่มองยังไงก็ไม่ใช่คอนโดของตัวเองสักนิด แต่นั่นแหละออกจากโรงแรมก็คิดถึงแต่หน้าเด็กคนนั้น ไม่รู้ว่าจะกังวลไปถึงไหนแล้ว ตั้งแต่บอกว่าจะโทรหาวันนี้หลังจากเคลียร์เรื่องทุกอย่างจบ ‘คนรอเก่ง’ ก็ยังไม่ติดต่อมาเลยสักนิด ไม่กระทั่งไลน์มา จนเริ่มเป็นห่วงว่าจะนั่งกอดเข่าร้องไห้ไปหรือเปล่า คิดไปคิดมาก็ตบไฟเลี้ยวเข้ามาในนี้แล้ว

นิติบุคคลจำผมได้ดี เพราะเคยมาที่นี่สองสามครั้ง อีกอย่างเธอก็ดูจะเป็นแฟนคลับผมด้วย เลยเข้านอกออกในที่นี่ได้สบายๆ ขอแค่เธอไม่เอาไปบอกใครว่าผมมาหาคู่จิ้นยามวิกาลก็พอ ซึ่งเธอก็ดูจะฟินเงียบๆ คนเดียว

ติ๊ง ต๋อง

รอไม่นานประตูสีเงินบานใหญ่ก็เปิดออก

“...”

“...”

“พี่ดิม”

“ไงครับ เจ้าของแมว”

“ฮื้ออ”

แรงพุ่งจากคนตัวเล็กเข้ามากอดผมเต็มแรง อ้อมกอดจากคนตัวเล็กรัดแน่นขึ้น

“กอดแน่นไปแล้วน้องศิ”

“อื้ออ จะกอด ศิรอนานมากเลย” หัวทุยไถไปมาที่หน้าอกของผม จนเส้นผมนุ่มยุ่งเหยิงไปหมด ความงอแงมาเต็มสูบสุดๆ ทั้งที่ปกติแทบไม่เห็นพาร์ทนี้ของเขาเอง

“คิดว่าพี่ดิมจะ...ไม่มาแล้ว”

“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ หื้ม” ดึงแขนที่รัดผมแน่นให้คลายอ้อมกอด ปิดประตู แล้วดึงมือตัวงอแงให้เดินเข้ามากลางห้องนั่งเล่น ทีวีที่เปิดไว้เสียงดัง ฉายภาพยนตร์ call me by your name ค้างไว้

“กลัวว่าพี่ดิมจะไม่กลับมาเหมือนโอลิเวอร์ แล้วพี่จะโทรมาบอกศิว่าตัดสินใจจะแต่งานกับพี่เกล” ยังไม่ทันได้หย่อนก้นลงโซฟาร์คนหน้ามุ่ยก็พูดประโยคที่คงติดอยู่ในใจมาทั้งวัน

ใบหน้าขาวนวลตอนนี้หมองลงอย่างเห็นได้ชัด คงเพราะใต้ตาที่คล้ำลงมาก คงคิดมากจนไม่ได้นอน ซึ่งไม่ได้ต่างจากผมเท่าไหร่ ศิไม่ติดต่อผมเพราะเชื่อว่ายังไงผมก็ยังจะติดต่อกลับมา แต่ที่ผมไม่ติดต่อเขาเลยทั้งวัน ก็เพื่อทดสอบหัวใจตัวเองครั้งสุดท้ายว่าหลังตื่นนอน กินข้าว อาบน้ำ ทำงาน คิดถึงใครกันแน่ สุดท้ายคำตอบก็คือเด็กตรงหน้าที่กำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

“พี่ไม่มีทางให้ศิร้องไห้คนเดียวหลังจากวางสายพี่หรอก”

“...”

“เพราะพี่จะมาเช็ดน้ำตาให้ศิด้วยตัวเอง”

“...”

“น้ำตาจากพี่ครั้งสุดท้าย”

ศิช้อนสายตามองผมนิ่ง น้ำตาที่คลออยู่ก่อนแล้ว ค่อยๆ ไหลอาบแก้มใส มือสากของตัวเองเกลี่ยน้ำใสเบาๆ ให้หมดไป แต่ดูท่าจะไม่หมดง่ายๆ คนที่เคยเข้มแข็งก่อนหน้านี้ไม่รู้หายไปไหน เหลือแต่เด็กขี้แยที่กำลังฟูมฟายอยู่ตรงนี้

“พี่เลิกกับเกลแล้วนะ”

“...”


“เราจบกันด้วยดี ศิจะโอเคหรือเปล่าถ้าพี่ยังจะรักเกลอยู่”

ตาคู่สวยหลบสายตากันดื้อๆ ทั้งที่ยังฟังไม่จบประโยคด้วยซ้ำ

“รักแบบเพื่อนที่ดีต่อกัน..ตลอดไป”

“พี่ดิม!”

“พี่ไม่ได้แกล้งนะ ศิไม่ฟังให้จบเองต่างหาก”

คนตัวเล็กใช้กำปั้นที่แรงไม่เล็กหาดลงที่หน้าอกผมดังปั๊ก ดีแค่ไหนแล้วที่ศิไม่ต่อยผมให้รู้แล้วรู้รอด แต่จริงๆ ถ้าศิต่อยผมอาจจะรู้สึกดีขึ้นกว่านี้ก็ได้

จับข้อมือเล็กแนบอกแน่นของตัวเอง เจ้าตัวดูจะงงเล็กน้อยกับการกระทำของผม ตั้งแต่เจอหน้าศิผมพยายามทำให้ทุกอย่างดูสบายๆ ง่ายๆ ไปเสียหมด เพราะไม่อยากให้ศิคิดมากไปกว่าเดิม ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่ทำอยู่เลยแม้แต่นิด แค่เห็นศิร้องไห้หัวใจมันก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาเสียอย่างนั้น

กลัวศิจะรับไม่ได้กับการเป็นผู้ชายโลเล หวั่นไหวง่ายกับใครที่เข้ามา ผู้ชายที่เลิกกับผู้หญิงที่รักมากมาหาเขาทั้งที่รู้จักกันไม่นาน

กลัวศิจะไม่มั่นใจ

ถ้าเขาคิดว่าสักวันหนึ่งผมสามารถทำแบบนี้กับเขาได้เหมือนกัน ก็คงไม่ผิดอะไร

สุดท้ายแล้วถ้าเขาจะไปผมก็คงไม่มีสิทธิ์ไปห้ามอะไร

“ตีพี่อีกก็ได้นะ ตีเท่ากับที่พี่ทำให้ศิรู้สึกแย่มาโดยตลอด”

“...”

“ให้สมกับความโลเล และไม่ชัดเจนอะไรสักอย่าง”

“พี่ดิม…”

“หรืออยากต่อยพี่ก็ได้นะ เอาเลย พี่โอเค”

“...”

“ขอแค่ศิ...มั่นใจในความรักของพี่นะ”

“...”

“พี่จะไม่ทำให้ศิเสียใจอีก”

“อื้อ ศิบอกเพื่อนได้หรือเปล่า”

“ครับ”

“ศิบอกป๊ากับหม่าม๊าได้มั้ย”

“ถ้าพ่อแม่ศิไม่ตกใจนะ”

“ศิบอกพูลล์ได้มั้ย”

“ครับ”

“ศิจับมือกับพี่ดิมได้มั้ยเวลาเราไปข้างนอกกัน” จับมือทั้งสองข้างของคนตรงหน้ามากุมไว้

“ครับ”

“ตาพี่ดิม จมูกพี่ดิม แก้มพี่ดิม ปากพี่ดิม ทุกอย่างที่เป็นพี่ดิม” สายตาของคนที่พูดไล่มองไปทุกส่วนที่เขาเอ่ยถึง ราวกับเด็กๆ ที่กลัวว่าของเล่นของตัวเองจะหายไป

“...”


“ศิเป็นเจ้าของได้หรือเปล่า”

“ศิเป็นเจ้าของพี่ตั้งแต่วันนั้นแล้วจำไม่ได้หรือไง”


“ฮื้ออ พี่ดิม ทำไมชวนเข้าเรื่องทะลึ่งเนี่ย กำลังโรแมนติกเลย” และแล้วน้ำตาของคนตรงหน้าก็หยุดไหลได้สักที

ไม่อยากเห็นน้ำตาเขาอีกแล้ว สัญญากับตัวเองเลย

“ดูชุดที่ตัวเองใส่ก่อนเถอะ”

เสื้อยืดตัวใหญ่ผ้าเนื้อบางสีขาวล้วน ที่เหมือนใส่ซ้ำแล้วหลายครั้งจนมันบ๊างบาง ไหนจะกางเกงนอนแบบรัดที่มันสั้นมากๆ เหมือนจะปิดแค่โคนขาเองมั้ง ถ้าเขาใส่นอนเองคนเดียวมันก็ดูจะไม่มีอะไร แต่นี่ผมดันโผล่มาแบบไม่ตั้งตัว เลยขอเหมาว่าเขากำลัง ‘ยั่ว’ ผมอยู่ชัดๆ

“กะ ก็ศิจะนอนแล้วนี่  ก็พี่บอกว่าจะโทรมา แต่ดันมาเอง”

“ปกติใส่ชุดนอนแบบนี้หรอครับ” รู้ตัวเลยว่าตอนนี้กำลังใช้สายตาประมาณไหนมองคนตรงหน้า เพราะคนถูกมองเอาแต่หลบสายตากัน แถมแก้มแดงๆ กำลังบอกว่าเขินจัด

“มันแปลกหรือไงเล่า”

“เปล่า มันเซ็กซี่ดี”

“โอ้ย ไม่คุยด้วยแล้ว”

ไม่คุยด้วยแต่เดินเข้าห้องนอน นี่แม่งยั่วกันสุดๆ เลยนะน้องศิ



จัดการอาบน้ำเสร็จสรรพ ออกมาจากห้องน้ำก็เจอคนที่นอนกลิ้งบนเตียงเปลี่ยนกางเกงมาใส่ขายาว แต่เสื้อยังเป็นตัวเดิม หึ คนไม่จริง

จริงๆ ศิจะไล่ให้ผมกลับไปนอนที่คอนโด แต่สำออยว่าง่วงนอนขับรถไม่ไหว เลยได้ลงเอยนอนค้างกับน้องที่คอนโด

เตียงลายหมีพูห์ของศิมันให้บรรยากาศเหมือนที่นอนของเด็กอนุบาลสุดๆ แต่ยอมรับเลยว่าโคตรน่ารักและโคตรเข้ากับเจ้าของเตียง

“ศิจะนอนเลยหรือเปล่า”

“อื้อ อีก 5 นาที ขอจบเกมนี้ก่อน พี่ดิมปิดไฟเลยก็ได้ ศิมีไฟหัวเตียง”

“ชอบเล่นมือถือแบบนี้สายตาจะสั้นกว่าเดิมนะ”

“แม่ง มึงโง่อะ เดินไปให้เค้าฆ่า วุ้ว”

“...”

“อุ้ย ขอโทษครับ หัวร้อนไปหน่อย”

นอนเท้าแขนมองเด็กผู้ชายตรงหน้าด้วยหลายความรู้สึก สองวันมานี้ไม่รู้ว่าเขาต้องเจออะไรมาบ้าง คิดอะไรอยู่ในหัวบ้าง รู้สึกอะไรบ้าง แต่การที่เขาสามารถเล่นเกมแล้วด่าคนในทีมได้ขนาดนี้ ก็คงรู้สึกสบายใจในระดับหนึ่งล่ะมั้ง

“เย้ ชนะ! เก่งมากไอ้ศิ” คนนอนคว่ำทำท่าเยสแล้วกดปิดมือถือก่อนจะนอนหงายลงกับหมอน แล้วสายตาเขาก็มองผมกลับพอดี

“ศิ”

“ครับ”

“ต่อไปพี่จะบอกรักศิได้อย่างเต็มปากแล้วนะ”

“...”

“มันไม่ใช่ความผลั้งเผลอ หรือความผิดพลาด ไม่ใช่ตั้งแต่ต้น”

“...”

“แต่มันคือความตั้งใจของพี่นะครับ”

“อื้อ”

“พี่ดิมรักน้องศินะครับ”

“น้องศิก็รักพี่ดิม”


สองกายเคลื่อนเข้าหากันตามแรงดึงดูดของร่างกายและหัวใจ พร้อมคำว่า ‘รัก’ ถูกเอื้อนเอ่ยจากปากของทั้งสองหัวใจที่เกี่ยวพันกัน และมันจะค่อยๆ ถักทออย่างปราณีตจากวันนี้เป็นต้นไป จนกลายเป็นงานฝีมือที่สวยงาม ด้วยลายมือชื่อของคนสองคน

เสียงฉีกกระดาษฟลอยด์ด้วยรีฝีปากหนา ด้วยอาการใจเย็น ทว่าลมหายใจหอบถี่กระชั้น และเป็นจุดเริ่มต้นของสัมผัสแห่งรักที่จะผสานสองร่างกาย ให้หล่อมรวมเป็นหนึ่งเดียว

“อ๊ะ ฮื้อออ”

“พี่เป็นของศินะครับ”

“...”

“เป็นของศิคนเดียว”

มันจะเป็นความรักที่ถูกต้อง ถูกที่ ถูกเวลา และถูกคนเสียที


พระจันทร์ในคืนเดือนข้างขึ้น สุกสว่างลอยเด่นบนนภาทึบไร้แสง ในยามดึกสงัด
ด้วยพลังจากแสงพระอาทิตย์ที่ทอดส่องมาถึง แม้ตัวเองจะอยู่อีกฟากโลกก็ตาม

เพราะอาทิตย์ไม่มีทางปล่อยให้พระจันทร์ไร้แสง
เหมือนที่พระจันทร์อบอุ่นเสมอยามต้องแสงพระอาทิตย์





---------------To be continued--------------


เป็นอีกตอนที่แต่งยากเหมือนกัน ตอนแรกคิดว่าจะชิล
ใครยังไม่ได้ดู call me by your name พวกเธอคือชาวเน็ตเกรดz นะขอบอก
55555555555555

จบดราม่าละนะะะ สำหรับชามนี้!

ตอนหน้าจะกลับเข้าสู่ชีวิตติดซีรี่ส์ละ55555555
น้องพูลล์จะคัมแบ็คค ใครคิดถึงนางบ้างงงง
เจอกันตอนหน้าเด้อพ่อแม่พี่น้อง
ฮักเด้อออ <3

อยากอ่านเม้นท์คือเก่าล่ะ

หัวใจ #youaremyday1 #กาลครั้งที่รักคุณ

@mifenfbeexx

บีเอง

 :hao7:






ออฟไลน์ biibbmnt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 22
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เห็นสปอย์ในทวิตแล้วอยากอ่านนนนนนนนนนนนนนน

ฮึ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
You are my day 1◑ : กาลครั้งที่รักคุณ
EP.13 secret romance

Cause girl you’re perfect. You’re always worth it
And you deserve it, The way you work it




กระดาษฟลอยด์ชิ้นที่สามถูกฉีกด้วยมือของร่างสูงผิวแทนชื้นเหงื่ออาบเต็มร่างกาย ลมหายใจรุนแรงไม่สม่ำเสมอมาพร้อมกับใจที่เต้นระรัวในอกที่ยังกระเพื่อม มือใหญ่สวมถุงยางให้ตัวเอง ก่อนจะจับเอวคนใต้ร่างให้พลิกคว่ำ ใช้แกนกายที่แข็งเต็มที่ตีแก้มก้นขาวเนียนอย่างหยอกล้อ

“ฮื้ออ พี่ดิม ยังจะต่ออีกหรอครับ”

“ศิควรห้ามพี่ตั้งแต่มองพี่ฉีกถุงยางเมื่อกี้นี้”

“อะ อื้อ ฮะ ชะ ช้าหน่อย”

แกนกายที่ยังแข็งขืนแม้จะถูกใช้งานและปลดปล่อยความใคร่มาสองครั้งแล้ว ซึ่งตอนนี้กำลังจะเคลื่อนตัวเข้าไปทำหน้าที่อีกรอบตามความต้องการของเจ้าของ พอเห็นคนใต้ร่างสั่นน้อยๆ ก็เหมือนสัตว์ร้ายในตัวเองครอบงำอีกครั้ง สวนกายจนสุดทางไม่ได้ทำช้าแบบที่คนร่วมรักบอก

“อ๊ะ!”

คุณหมอโน้มตัวไปจูบซับหลังขาวเนียน และทิ้งรอยคิสมาส์กบางๆ ไว้ตามลาดไหล่และช่วงหลัง มือใหญ่พลางเล่นแก่นกายของคนใต้ร่างที่หอบหายใจหนัก และส่งเสียงครางหวานให้เพิ่มเสียงอีกหน่อย ยอมรับว่าหลงใหลในทุกอย่างของเด็กคนนี้ แม้จะประสบการณ์ไม่มาก แต่ก็โอนอ่อนตามความต้องการของเขาทุกอย่าง อีกทั้งยังไม่รู้ว่าตัวเองน่ะเซ็กซี่แค่ไหน

เอวบางเคลื่อนไปตามแรงกระแทกจังหวะคงที่ แต่ลึกจนห้ามไม่ให้ส่งเสียงน่าอายไม่ได้ ไหนจะจังหวะที่คนคุมเกมหยุดแล้วแช่แก่นกายไว้ ก่อนจะอาศัยจังหวะเผลอถอนออกแล้วใส่ใหม่จุดสุดแรง ทำได้แค่กำผ้าปูที่นอนแน่นและส่งเสียงดังให้คนข้างบนพอใจ เพราะเขาก็จะครางรับเช่นกัน

“รู้ตัวมั้ยว่าศิสวย...สวยไปทั้งตัว”

“พะ พี่ดิม มาพูดอะไรตอนนี้”

“แฟนคลับชอบให้พี่เป็นแด๊ดดี้ ฮ่ะ”

“อื้อ อ๊ะ ฮะ พี่ดิมเบาหน่อย”

“ศิไม่อยากเป็นหนูของแด๊ดดี้ ฮ่ะ บ้างหรอ ฮ่า”

“หนูเหนอ อ๊ะ อะ พะ ดิม ศิ จะ ฮื้อออ”

ร่างสูงที่กำลังขยับถี่กระชั้น หยุดชะงักลงเมื่อคนใต้ร่างกำลังจะถึงฝั่งฝัน เขายกยิ้มก่อนจะถอนกายออกแล้วพลิกร่างที่อ่อนปวกเปียก ก่อนจะพาตัวเองไปนอนแทน พร้อมทั้งยกคนตัวเล็กมานั่งหน้าขาตัวเอง

คนตัวเล็กยังค้างกับอารมณ์ที่กำลังจะปลดปล่อยเลยยอมโอนอ่อนให้เขาทำอะไรตามใจ จนรู้ตัวอีกทีก็มานั่งในท่าล่อแหลมบนตัวคุณหมอเข้าแล้ว สายตาที่ร่างหนาใช้มองมันช่างส่อเค้าว่าความคิดพิเรนทร์คงกำแล่นในหัวแน่นอน

“พะ ดิม ทำไมให้ศิ..เอ่อ นั่งตรงนี้”

“หึ หนูอยากเสร็จมั้ย”

“...”

“ขยับเองเลยครับ”

คนด้านบนฟาดมือลงที่กล้ามท้องแน่นไม่แรงมาก กะให้เค้ามีสติว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ เพราะมันน่าอายจนอยากจะมุดแผ่นดินหนี

“ฮือ พี่ดิมศิทำไม่ได้หรอก”

คนได้ยินยกยิ้มและยกเอวตัวเองขึ้นเล็กน้อยให้แกนกายที่นอนใต้ก้นคนด้านบนได้สัมผัสความต้องการ ที่ไม่ต่างจากคนตัวเล็กที่ทรมาณกับอาการอยากปลดปล่อยของตัวเอง

จนแล้วจนรอดมือบางก็จับแกนกายของเขาก่อนจะค่อยวางตัวเองลงไปอย่างช้าๆ

“อ๊ะ ฮื้ออ อ่าาา”

ร่างเล็กกัดปากตัวเอง มันรู้สึกมากจนต้องโน้มตัวลงไปแนบกับหน้าแน่นแกร่ง เขากอดตอบเบาๆ ก่อนจะเด้งตัวดันแกนกายขยับเข้าไปในร่างที่ตอดรัดเขาอย่างรุนแรง

“อย่าเพิ่งรัดสิ”

“ฮะ มันห้ามได้หรือไงเล่า”

คนตัวใหญ่ใต้ร่างกดจูบที่หน้าผากเนียน เรื่อยมาที่ปากบางที่หอบหายใจเข้าปอดถี่กว่าปกติ

“ขยับเถอะ พี่จะตายแล้ว”

คนตัวขาวใช้มือกดที่หน้าท้องหนา ก่อนจะค่อยๆ ยกตัวเองขึ้นและลงช้าๆ แต่ดูจะไม่ทันใจเพราะอารมณ์ที่คงค้างก่อนหน้านี้มันตีรวนขึ้นมาอีกครั้ง ทำใจเร่งจังหวะให้มากขึ้น จนคนใต้ร่างต้องเข้ามาจับมือทั้งสองไว้เพื่อพยุงตัว เสียงกระเส่าอย่างพอใจของคุณหมอ ทำอารมณ์คนที่ขยับโยกพุ่งสูง จนทะลักเต็มหน้าท้องแน่นไปด้วยมันกล้าม เละเทอะและเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำสีขาวเป็นหย่อมๆ

“อ๊ะ พะ ดิม ศิ ขอโทษ”

“ไม่เป็นไร ภาพเมื่อกี้โคตรสวย”

ไม่รอช้าคนที่นอนระงับอารมณ์ของตัวเองก็เร่งเปลี่ยนตำแหน่ง โดยไม่ลืมถอดถุงยางตัวเกะกะออก แล้วสอดใส่ตัวเองเข้าไปในร่างกายคนรักอีกครั้ง พร้อมขยับเขยื้อนอย่างไม่ออมแรง เพราะทนเห็นคนรักยั่วยวนและเซ็กซี่มานานเกินทน

“ฮะ อ๊ะ พี่ดิม ระ เร็วไปแล้ว”

“หนูทำให้พี่คลั่ง ฮ่ะ อีกนิดครับ”

สะโพกหนายังคงกระแทกกระทั้นรุนแรง มัดกล้ามทุกสัดส่วนชื้นเหงื่อและมันขึ้นเห็นเด็ดชัด ตาคู่สวยมองทุกการกระทำของคนที่โคตรเซ็กซี่ในยามนี้ แม้จะรู้สึกว่าต้องปลดปล่อยอีกครั้งก็ตาม

“ฮะ ศิ พร้อมกันนะ”

“ฮื้ออ พะ ดิม อ๊ะ”

ทั้งสองร่างปลดปล่อยความใคร่ทุกหยาดหยดพร้อมกัน ร่างสูงกระตุกหลายครั้งและพ่นลมหายใจพร้อมกับเสียงครางทุ้มยาวนาน พอๆ กับคนใต้ร่างที่โกยอากาศหายใจเข้าปอดรัวๆ เอื้อมมือไปแตะคราบเนอะหนะที่พุงทั้งที่มันเพิ่งเช็ดออกไปเมื่อไม่กี่นาที

จุ๊บ

“พี่รักหนูนะครับ”

“หนูก็รัก”

ร่างสองตะกองกอดกันไม่นาน คนตัวโตก็เดินโทงๆ ไปเอาทิชชู่มาเช็ดตามเนื้อตัวคนที่นอนปวกเปียกแทบไม่อยากขยับตัว และเช็ดตัวเองไปด้วย

“จะอาบน้ำอีกรอบมั้ย”

ศิรัสพยักหน้ารับ เพราะไม่สามารถทนนอนทั้งที่ตัวเองเหนอะหนะขนาดนี้ได้ แม้จะง่วงเต็มทีก็ตาม คุณหมดจัดการอุ้มคนที่ดูจะเริ่มงอแงเข้าห้องน้ำและจัดการอะไรๆ ให้โดยที่สัญญากับตัวเองว่าจะไม่รักแกคนตัวเล็กอีก

จะห้ามใจให้ไหว



ร่างสูงใหญ่ขยับตัวหลังจากอากาศในห้องอุ่นขึ้นเพราะแอร์ปรับอุณหภูมิคงที่ ไหนจะมีตัวซุกที่มุดอกเขาเสียแนบแน่น แขนใหญ่ชาดิกเพราะโดนนอนทับทั้งที่เป็นคนดึงให้เขาเข้ามานอนไม่อ้อมอกด้วยตัวเอง ยอมรับว่ากลิ่นตัวของศิทำเอาเค้าเพ้อ มันหอมแบบเฉพาะตัว ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอม ไม่ใช่กลิ่นแป้ง ไม่ใช่กลิ่นครีมอาบน้ำ แต่มันเป็นกลิ่นของศิ สงสัยเป็นฟีโรโมนที่ปล่อยออกมาล่ะมั้ง นี่ผมอาจจะคลั่งน้องมันเกินไปก็ได้นะ

จมูกโด่งของตัวเองกำลังคลอเคลียกับแก้ม ซอกคอ หน้าอก นี่เสพติดเขาจริงๆ ว่ะ เป็นเอามากโคตรๆ เพราะตอนน้องหลับนี่มันโคตรน่ากอดอีกซับรอบ แก้มขาวอมชมพูกับจมูกโด่ง รับกับปากสีชมพูนี่แม่งห้ามใจลำบากจริงๆ

“อื้ออ หือ พี่ดิม”

“จุ้บ” อดใจไม่ไหวจุ้บหน้าอกทับรอยคิสมาส์กเมื่อคืนไปที

“หือ ตื่นแล้วหรอ”

“ครับ ศิโอเคหรือเปล่า”

“โอเคเรื่อง?” เขาขยี้ตางัวเงียบก่อนจะเอาหัวโหม่งเบาๆกับอกผมทีนึงไล่ความง่วง

“เจ็บตรงนั้นมั้ย ถ้าเจ็บพี่จะดูให้”

“ดะ เดี๋ยวก่อนเลย ให้ศิตอบก่อนจะเลิกกางเกงศิมั้ยอะ”

“ก็หมอเป็นห่วงนี่ครับ”

“หมอหรือปลาหมึกครับ ทำไมมือไวฉิบ” ศิรี่ตา เอามือเล็กของเขาจับมือผมที่วางบนสะโพกเขาออก

“เป็นห่วงเมียนี่ก็ผิดเนอะ”

“พี่ดิม!”

“พี่พูดผิดตรงไหน”

“กะ ก็ มันน่าอาย!”

“อายทำไมก็เห็นกันหมดแล้ว”

“โว๊ะ ไม่คุยด้วยแล้ว แล้วก็ห้ามเรียกศิแบบนั้นด้วย”

“งั้นเรียกหนูแทนได้มั้ย”

“NO WAY!!”

“Why not? you can call me daddy back it’s fair”

“stop your sassy words dirty doctor!!”

คนขี้เขินลุกออกไปเข้าห้องน้ำทั้งที่ยังพยุงตัวเดินได้ไม่ดีนัก แต่ก็ดูไม่น่าจะมีอะไรเสียหาย จริงๆ แอบดูตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแหละ ไม่มีทางให้เขาป่วยหรอก ไม่งั้นคนรู้สึกไม่ดีไปด้วย เพราะเป็นคนทำทั้งนั้น แต่ย้อนเวลาไปจะทำมั้ย ก็ทำป่ะวะ ฮ่าๆ



อาหารเช้าหน้าดีถูกรังสรรค์ด้วยคนตัวเล็ก เหมือนตัวเองเป็นพ่อบ้านใจกล้า แอบมองเมียทำอาหารเช้า ทั้งที่เขาสวมเชิ้ตสีขาวของตัวเองเมื่อวานและท่อนล่างใส่แค่กางเกงในตัวเดียว อวดเรียวขาสวยเดินไปเดินมาในห้องครัว เวลาก้มทีก็เห็นไปถึงสะดือที หรือเวลาก้มหยิบของต่ำๆ แก้มก้นที่ลอดผ่านอันเดอร์แวร์ตัวจิ๋วนี่เป็นฉากที่โคตรประทับใจ ไหนใบหน้ามันเล็กน้อยจากอากาศร้อนและการทอดเบค่อน แต่ยอมรับว่าเซ็กซี่ยิ่งกว่านายเอกเอวีที่เคยดูอีกบอกตรงๆ

เบรกฟาสต์ที่มีแค่เบค่อนและไส้กรอกที่เป็นไขมันร้าย นอกจากนั้นคือไข่ดาวน้ำ ขนมปังโฮลวีต อะโวคาโด้ และบลูเบอรี่ อีกจานคือสลัดผักและผลไม้จานใหญ่ วางข้างกับน้ำฝรั่งคั้นสด นมจืด และกาแฟดำ

อื้อหือ นี่ได้เมียมีสเน่ห์ปลายจวักด้วยหรอวะเนี่ย แค่ข้าวกล่องครั้งที่แล้วก็ประทับใจจะตายแล้ว มาเจอเซตเมนูอาหารเช้าระดับโรงแรมอีก พาแม่ไปขอพรุ่งนี้เลยได้มั้ย

“พี่ดิมมาเร็วครับ ทานอาหารเช้า เดี๋ยวไปเข้าเวรสายนะ”

เจ้าตัวที่พูดเดินไปนั่นนี่หาอะไรมาวางที่โต๊ะเต็มไปหมด แค่นี้ผมก็ยิ้มแก้มจะระเบิดตายอยู่แล้ว

“นี่เพิ่ง 9.30 เอง พี่เข้าเวรเที่ยง”

“นั่นแหละ กินข้าวเถอะ เลยเวลาอาหารเช้ามานานแล้ว” พูดเสร็จเลื่อนเก้าอี้ให้อีก โอ้โหนี่นั่งอยู่โนโวเทลแบ็งก็อกหรือเปล่า

“ปกติพี่กินแค่กาแฟดำก็พอแล้ว”

“อ้าว สรุปคือจะไม่กิน?” ศิเอามือเท้าสะเอว แบบเฟียสๆ

“เห้ย! ไม่ใช่ๆ กินๆ เมียทำให้ทั้งที”

“พูดงี้ยิ่งไม่ต้องกิน” คว้าเอวคนขี้งอนให้มานั่งกินข้าวด้วย เก้าอี้เดียวกันเลยให้มันจบๆ

คงไม่รู้ตัวสินะว่าอ่อยกันอีกแล้ว

“เห้ย ไม่เอา กินดีๆ จะให้ศิเกะกะทำไม”

“จะให้พี่กินข้าวหรือกินศิ เลือกเอา”

“..กะ กินข้าวไปเลย”

“ป้อนหน่อย”

“ฮึ้ยย”

เช้านี้ไม่ต่างอะไรกับหลังจากคืนส่งตัวบ่าวสาวเลย แม่งโคตรจะโรแมนซ์สุดๆ


ติ๊ง ต่อง ติ๊ง ต่อง

“หื้อ ใครมา ศิไปเปิดแป๊บ”

“ดะ เดี๋ยว”

เรียกไม่ทันคนตัวเล็กก็วิ่งดุ๊กๆ ลืมเจ็บไปเปิดประตูให้แขก ทั้งที่ลืมไปหรือเปล่าว่าตัวเองแต่งตัวแบบไหนอยู่ ผมนี่กุมหน้าผากเลย

“ศิ!! เซอไพร์ส!!”

“พูลล์!!”




“shit!”


เราสามคนนั่งอยู่ในห้องรับแขก หลังจากที่ศิเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว และระหว่างนั้นผมก็กินข้าวเช้ารอไปด้วย ส่วนพูลล์ที่นั่งดูทีวีก็มองมาทางผมแบบยิ้มๆ ตลอด เหมือนเพื่อนตอนประถมที่รู้ว่าเรากับคนที่แอบชอบมีซัมธิงมากกว่าแค่แอบชอบ แล้วเพื่อนคนนี้ก็ดันมารู้ความลับของเรา พูลล์เป็นเจ้าเด็กขี้ล้อเลียนคนนั้นแหละ

“ทำไมเราต้องนั่งเงียบด้วยอะ” พูลล์ถามขึ้นทำลายความเงียบ

“อะ อ่อ ก็ แบบว่ามัน”

“พี่ค้างกับศิเมื่อคืน แล้วดูจากสภาพศิพูลล์คิดว่าไง”

“ก็แบบมีซัมธิงกัน”

“มากกว่าซัมธิง”

“พี่ดิม!!” ศิในชุดเสื้อยืดผ้าเนื้อดีสีเทา และกางเกงวอร์มสีเดียวกันเหวขึ้นอย่างกลบอารมณ์เขินหนักของตัวเอง ถ้าเขานั่งข้างๆ คงดึงมากอดแล้ว น่าหยิกจริงๆ แต่นี่เจ้าตัวดันเลือกนั่งข้างเพื่อนรักบนโซฟาร์ตัวยาว ส่วนผมนั่งที่โซฟาร์แยกอีกตัว

“เอาน่าศิ โตๆ กันแล้ว เรื่องปกติจะตาย เนอะพี่หมอเนอะ”

ผมยักคิ้วเอออ่อกับพูลล์หน้าทะเล้น เตรียมจะง้างปากศิเต็มที่ถ้าอยู่กันสองคน

“แต่ศิลืมใช่มั้ยที่เรานัดกันเมื่อวาน เสียใจนะเนี่ย อยู่กับผู้แล้วลืมนัดเพื่อนหรอ”

“เห้ย ไม่ใช่นะ แต่..เราก็ลืมจริงๆ แหละ ขอโทษนะ” ศิทำหน้าเศร้าที่ดูจะลืมนัดเพื่อนจริงๆ

“อิอิ ไม่เป็นไรหรอก เราเข้าจายยย” สายตาพูลล์มองไปยังไหปลาร้าของศิที่โผล่พ้นเสื้อออกมานิดหน่อย ซึ่งมันมีรอยคิสมาส์กจางๆ ของผมอยู่ และทันทีที่คนโดนมองรู้ตัวก็ยกมือปิดทันควัน

“”หึ”

“ไม่ต้องมาหัวเราะเลย ไปเข้าเวรได้แล้วไป”

“อ้าวไล่กันเฉย”

“ก็นี่จะ11โมงแล้ว ศิเห็นนะว่าแจ้งเตือนมือถือพี่ที่ชาร์จอยู่ในห้องบอกว่ามีเคสด่วน”

“แอบอ่านไลน์พี่หรือไง โคตรเมียเลยว่ะ”

“คิคิ พูลล์กลับดีมั้ยเนี่ย”

“ไม่ต้อง! พี่ดิมนั่นแหละไปได้แล้ว!” และคนตัวเล็กก็มาจูงแขนผมเข้าห้องนอน เดินไปหยิงมือถือและกุญแจรถมาให้ อย่างรวดเร็ว รวมถึงสูทและเนคไทด์ใส่ไม้แขวนเสื้ออย่างดีมาให้ด้วย

“เสื้อเชิ้ตยังไม่แห้งเดี๋ยววันหลังศิเอาไปให้”

“ครับ”

ผมยกยิ้มยืนมองหน้าคนที่หน้าแดงระเรื่อตรงหน้า ศิลนลานและทำตัวไม่ถูกกับการต้องเปิดเผยความสัมพันธ์ของเราอย่างกะทันหันแบบนี้ ทั้งที่เมื่อคืนเจ้าตัวยังอยากให้เปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์ของเราอย่างกับอะไร แต่พอมันฉุกหุกแบบนี้คนคิดเยอะก็คงกังวลอะไรไปอีก

“ศิ”

“...”

“พี่ออกเวรแล้วเราไปกินข้าวข้างนอกกันนะครับ”

“จะ..ดีหรอครับ”

“ดีสิ ไปห้างใกล้ๆ นี่แหละ พี่อยากกินลูกไก่ทอง”

“แต่ร้านนั้น..”

“ร้านนั้นทำไมครับ”

“อาจจะเจอคนรู้จัก…” ตลอดเวลาที่ผมพูดเขาแทบจะไม่มองหน้าและเลี่ยงจะมองตากันตรงๆ เดาผิดที่ไหนว่าคนอยากเปิดเผยแต่ใจจริงแล้วกลัวแค่ไหน

“เจอก็เจอไม่เห็นเป็นไร”

“...”

“คู่จิ้น เอ๊ะ คู่จริงไปกินข้าวกันแปลกตรงไหน”

“พี่ดิมอะ”

ยกมือข้างที่ว่างลูบเส้นผมนุ่มสีอ่อนเพราะสีดำที่ย้อมทับเริ่มหลุด อยากให้เขาคลายกังวลกับการคาดการณ์ไกลและคิดไปก่อนของคนตัวเล็กแต่ดันคิดใหญ่

“ไม่ต้องกังวลหรอก พี่อยู่ด้วยทั้งคน”

“อื้อ”

“ถ้าเกิดอะไรขึ้น พี่จะเป็นด่านแรก ด่านสอง สาม และด่านที่ร้อยของศิเอง”

“...”

“จะไม่มีใคร blame ศิได้อีก พี่ไม่สัญญาแต่พี่จะทำให้ดู”

“ขอบคุณนะครับพี่ดิม”

“เปลี่ยนเป็นแด๊ดดี้ได้มั้ย”

“พอเลย! ไปทำงานได้แล้ว”

“เจอกันตอนเย็นนะ เดี๋ยวก่อนออกเวรครึ่งชั่วโมงพี่โทรหา ไม่ดึกแน่นอน”

“อื้อ”

จุ้บ

ขโมยหอมแก้มขาว ก่อนจะเดินเร็วๆ ออกจากห้องนอนเขาเพื่อพุ่งไปประตูหน้าห้อง พอหันมามองคนโดนฉวยโอกาสมองตาเขม็งเลย

เอ๊ะ เมื่อกี้เราลืมพูลล์ไปแว้บนึงใช่มั้ยนะ

โทษทีนะเจ้าพูลล์






มีต่อ



ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
“พูลล์หยุดเลยอย่าเพิ่มถาม”

เดินจากห้องนอนยังไม่ทันหย่อนก้นนั่งที่เดิม เพื่อนตัวดีก็ทำท่าจะเอ่ยปากถามข้อสงสัยต่างๆ ที่เตรียมไว้ แต่ต้องบอกให้พักไว้ก่อน เพราะตอนนี้หัวใจที่เต้นโครมครามยังไม่สงบเลย แถมหน้าก็ร้อนมากๆ ด้วย

“อืมๆ ไม่ต้องพูดไรเราก็เดาได้อะ” ผู้ชายในชุดเสื้อลายกราฟิตี้แปลกๆ กับกางเกงสีเหลืองอ๋อย และถุงเท้าสีแดง นั่งกอดหมอนอิงมองมาอย่างเหนือชั้น

“ก็อย่างที่เห็นแหละ”

“เห็นพี่ดิมหอมแก้มศิก่อนจะวิ่งไปประตูหน้าห้องอะหรอ”

“เห้ย ทำไมเห็น”

“เราแอบดู ฮ่าๆๆๆ” คนนิยามน่ารักหัวเราะอย่างชอบใจกับการขี้เผือกที่สำเร็จของตัวเอง หนอยยยยย อย่าให้ถึงทีเราบ้างนะ

“ขี้เผือกเหมือนกันนะเราอะ”

“มันอยู่ในเซลล์เลยแหละ อิอิ”

ผมกดปิดทีวีแล้วเข้าโหมด Netflix เพราะวันนี้ที่สัญญากับพูลล์ไว้ คือ เราจะมาดูซีรี่ส์ Stranger Things seasons 2 ตอนจบด้วยกัน หลังจากที่โทรไปเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่กังวลตลอดวันให้อีกฝ่ายฟัง เขาเลยเสนอว่าจะมาทำกิจกรรมแบบนี้ ทั้งที่ก็รู้ว่าเขาอยากมาอยู่เป็นเพื่อน ถ้าเกิดเรื่องอะไรไม่ดีเหมือนที่เราสองคนคาดการณ์ แต่ผิดคาดเพราะพี่ดิมดันโผล่มาเมื่อคืนไง เขาน่ะตัวทำลายแผนไปหมด

แต่ยอมรับว่าเมื่อคืนมันดีมากๆ เลยนะ

“นี่ๆ”

“หื้อ”

“ครั้งแรกป่ะ”

“อะ อะไร”

“ก็เมคเลิฟไง”

“ถามอะไรเนี่ยพูลล์” ผมพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ตอบคำถามพูลล์ด้วยการนั่งมองจอทีวีขนาดใหญ่ตรงหน้า ทั้งที่ไม่ได้โฟกัสซีรี่ส์ที่เริ่มเล่นเลยสักนิด เพราะภาพเมื่อคืนมนฉายเข้ามาในหัวอย่างเด่นชัด และมันทำเอาหน้าเริ่มร้อนอีกแล้ว

“น่า อยากรู้ บอกหน่อย”

“กะ ก็ไม่ใช่”

“หมายถึงเคยมีแฟนมาแล้วใช่ป่ะ”

“ไม่ใช่ครั้งแรก  ละ... แล้วก็เมื่อคืนไม่ใช่ครั้งแรก..กับคนนี้”

“Oh my Jesus!” พูลล์เด้งตัวมาจับแขน เขย่าเล็กน้อย สายตาตื่นๆ ของเขามันน่ารักและเหมือนกระต่ายตื่นตูมที่โดนมะพร้าวตกใส่หัว

“Seriously?”

“อือฮึ”

“ศิ!!”

“...”

“โอ้โหหห พูดไม่ออกเลย เหมือนลูกสาวโดนเจาะไข่แดง”

“...”

“ทำไมพี่ดิมทำงี้ แสดงว่าครั้งแรกกับเขา เขายังไม่เลิกกับแฟนงี้?”

“ก็...ใช่”

“แล้วศิยอม?”

ผมพยักหน้าแบบเจี๋ยมเจี้ยม คือตอนนี้ไม่รู้พูลล์โมโหอะไร ทั้งที่ผมก็โตขนาดนี้แล้ว เรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องที่ห้ามได้ที่ไหนสำหรับผู้ชาย

“สดมั้ย”

“กะ ก็ แบบ”

พูลล์ยืนขึ้นเท้าสะเอว แบบเอาเรื่องสุดๆ 

“มีบ้าง…”

“OH MY GOD!!!”
“PLEASE!!!”

“พูลล์เราโอเค คือเราก็ยอมเอง เราไม่มีอะไรเสียหาย”

“แต่พวกผู้ชายมันมักมาก รู้มั้ยว่ามีเซ็กส์กันแบบไม่ป้องกันน่ะอันตรายแค่ไหน ไหนจะเรื่องที่พี่ดิมล่อลวงศิให้มีเซ็กส์ด้วยทั้งที่ยังไม่เลิกกับแฟน เหอะ มักมาก!” คนตัวเท่าผม เดินไปเดินมาและดูหัวร้อนเกินพอดี เขาเป็นอะไรของเขาวะ

“ใจเย็นๆ ก่อนนะ นั่งลงก่อน” ดึงแขนเล็กให้นั่งลงที่เดิมสงบสติอารมณ์ ไม่นานเขาก็หายใจปกติกว่าเมื่อครู่

“ขอโทษที คือเราแค่ไม่โอเคกับการกระทำของพี่ดิม”

“...”

“เราแค่ห่วงว่าศิจะเสียใจ แล้วก็ผิดหวัง”

“พูลล์เป็นไรหรือเปล่า ทำไมดูไม่ชอบใจขนาดนี้” ทั้งที่ตอนเขารู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขายังดูอยากหยอกล้อแท้ๆ แต่พอรู้ว่าเมื่อคืนไม่ใช่ครั้งแรกของผมกับพี่ดิม เขากลับโมโหมากขนาดนี้

“เราก็แค่...หื้อ ช่างมันเถอะ แต่พูลล์ไม่เสียใจใช่มั้ยตอนนั้น แบบว่าให้ครั้งแรกของศิกับพี่ดิมเกิดขึ้น ทั้งที่มันคลุมเครือ”

“ไม่เลยพูลล์ เพราะมันคือการเมคเลิฟ มันไม่ใช่แค่เซ็กส์”

“อื้อ ดีแล้วล่ะ ว่าแต่ว่าพี่ดิมดุป่ะ” ท่าทางล้อเลียนมาอีกละ เขานี่มันเป็นมนุษย์เปลี่ยนโหมดด้วยรีโมตได้หรือไงวะ เข้ามาเรื่องทะลึ่งจนได้

“ดะ ดุ อะไรเล่า”

“น่าาา”

“อือ ดุอะ ดุมากเลย”

“ถึงว่าคิสมาส์กที่หลังคอยังมี”  พลัยสายตาเขาก็เหลือบมองไปที่ต้นคอผมซะงั้น  เอามือปิดสิจะรออะไร ช่างสังเกตนักวะ

“พอเลย เลิกคุยกันเรื่องนี้ จะดูมั้ยซีรี่ส์อะ”

“จ้าๆ ดูๆ อิอิ”


ยังดูไม่จบเรื่องผมก็หลับตอนไหนไม่รู้ แหง่ล่ะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ปาไปตีสอง ตื่นเช้าเพราะถูกกวนอีก ดูหนังไปกินข้าวเช้าไปพออิ่มไม่นานก็ดันเผลอหลับไปซะงั้น สะดุ้งตื่นอีกที end credit ขึ้นแล้ว สงสัยต้องได้ดูใหม่อีกรอบคนเดียว ว่าแต่พูลล์หายไปไหนนะ

“ไม่เอา..ไม่ต้องมา พูลล์กลับเอง บอกคุณแม่ของพี่ภีมไปสิว่าไม่ว่าง..ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนี้...คุณแม่พี่ไม่ได้อยากให้พูลล์ไปขนาดนั้นหรอก..พี่นั่นแหละ..อื้อ..เย็นๆ แล้วกัน คอนโดพี่นั่นแหละ ครับ ค่ะ ทำไม! แค่นี้ บาย”

เสียงคุยโทรศัพท์ดังมาจากห้องครัว พอแอบฟังก็ได้รู้ว่าคุยกับใคร

“แฮ่ม! โทษทีเราหลับ”

“อื้อ เข้าใจเมื่อคืนมันหนักนี่เนอะ”

“สรุปว่าเรื่องพี่ภีมจะเล่าเมื่อไหร่นะ” เจ้าตัวทำหน้าเลิกลักหยิบนั่นนี่บนโต๊ะกินข้าวเข้าปาก ไม่พูดไม่จา เหอะ เรื่องคนอื่นนี่เก่งนัก!

“เราอยู่ห้องศิถึงเย็นได้มั้ย”

“เอาดิ เรามีออกไปข้างนอกตอนเย็นๆ อยู่แล้ว”

“จ้า คนมีนัดดินเนอร์อะเนาะ”

“คนมีนัดไปคอนโดผู้ชายมีสิทธิ์พูดไรด้วยหรอ”

เราสองคนผสานเสียงหัวเราะในห้องครัวแบบคนบ้า เออมันเป็นเรื่องปกติสามัญแต่พอพูดถึงก็อดยิ้มไม่ได้ การมีคนรอเราไปหาอยู่นี่มันดีจริงๆ นะ

แม้ตอนนี้ยังไม่มีสถานะชัดเจน แต่มันมีความสุขที่สุดเลย





ใต้ถุนวงการบันเทิง : “คู่จิ้น” ชายชายควงดินเนอร์หวานนอกจอ โนแคร์สายตาประชาชี กลางห้างดังคนแน่นร้าน ขยันป้อน ขยันโอบ ขยันยิ้มให้กัน สาววายในร้านฟินจนเข่าอ่อนลุกไม่ขึ้นจนต้องเรียกรถฉุกเฉิน (อันนี้เวอร์เพื่อภาพ) แหล่งข่าววงในน่าเชื่อถือ เพราะแอดมินเห็นเองจ้าาาาา จบไม่จบ #ใต้ถุนวงการบันเทิง

Comment - ใต้ถุนวงการบันเทิง : ถามหาตัวย่อกันจริงพวกหล่อน ใบ้ไปก็ไม่เห็นจะถูก คราวนี้ไม่ให้หรอกรู้แค่ซีรี่ส์กำลังจะออน เป็นค่ายใหญ่มากกกกกกกกกกกกกก

Comment  - JibJib JingJai : พูดไปจะหาว่าชงคู่ที่ตัวเองชิปให้มีโมเม้นต์ป่ะ ไม่กล้าพิมพ์ชื่อกลัวโดนฟ้อง แต่ถ้าร้านลูกไก่ทอง พารากอนวันนี้ นี่ก็เห็น อิอิอิอิอิอิอิ
Reply  - สาววาย กายหยาบไม่มี : ใบ้ก็ได้ค่าาาาาาา ถือว่าทำบุญด้วยอาหารคาว เพราะทางนี้กินเผือกจนเฝื่อนคอแล้วค่า
   Reply -  ใต้ถุนวงการบันเทิง : 5555555555555555555
   Reply - JibJib JingJai : เมะชื่อจริงแปลว่าซัน ส่วนเคะชื่อจริงแปลว่าเย่ว
   Reply  - สาววาย กายหยาบไม่มี : ประหนึ่งถอดสแควร์รูดยกกำลังสามสิบหารเก้าอินดิเกทเข้าไปอีก
   Reply - ชื่อขิง ไม่กินขิง : รู้ละ อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ
Comment  - นพดล สิริวโส : โอนเงินให้อาตมาแล้วจะบอกบุนให้ นังเด๋อ



“พวกที่ยังไม่รู้ว่าใครก็ควรออกจากด้อมไปป่ะ ก็บอกละด้อมกูไม่มีโมเม้นท์แต่แอบกินกันจริงโว้ย #เมะชื่อจริงแปลว่าซันส่วนเคะชื่อจริงแปลว่าเย่ว”
“กูขำหลวงเจ้5555555555555555555555555555555 #เมะชื่อจริงแปลว่าซันส่วนเคะชื่อจริงแปลว่าเย่ว”
“ทิ้งไม้พายแล้ว พอดีไม่ได้ใช้อะ ติดมอเตอร์ไฟฟ้า /มองเหยียด #เมะชื่อจริงแปลว่าซันส่วนเคะชื่อจริงแปลว่าเย่ว”
“ชัดขนาดนี้เหลือแค่แถลงข่าวว่าเป็นผัวเมียแล้วป่ะ #เมะชื่อจริงแปลว่าซันส่วนเคะชื่อจริงแปลว่าเย่ว”
“ใครเข้ามาในแท็กแล้วไม่รู้ขอไม่คบนะคะ ชาวเน็ตเกรดแซด บายค่ะ #เมะชื่อจริงแปลว่าซันส่วนเคะชื่อจริงแปลว่าเย่ว”






---------------To be continued--------------

การแต่งฉากชาวเน็ตนี่เป็นตัวเองสุดละ555555555555555555555555
หมอดิมมาทวงอำนาจผัวคืนแร้วนะ ผัวคือผัวไม่มีอำนาจใดลบล้างดั่ยย
ตายมั่ยตายยยยยยยยยยยย

หัวใจ #youaremyday1 #กาลครั้งที่รักคุณ
@mifenfbeexx
บีเอง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ andaseen

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 742
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-1
Fcพี่ดิมคนดุ :m25:

ออฟไลน์ IIIA

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 591
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-1
นี่ไปอยู่ไหนมาทำไมเพิ่งเจอเรื่องนี้ ฮือออออออ ดีอ่ะ ดี~~~~


ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ฮือออ ซาหนูกกกก บาปๆพอร์นๆปนกันไป น้องศิน่ารักมากกก เกลียดตอนพี่ดิมพูดภาษาอังกฤษด้วยความลามก อ่านๆไปก็หวงน้อง ชอบทอดกายให้เขาย่ำยีแบบดุๆ หนูลูกกกกกก  :hao5:

ออฟไลน์ maddy_moody

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มันเหมือนจะพอร์นๆหน่วงๆ​ แต่ตอนนี้แบบ​ รังสีความรักสาดส่องแรงมาก​ บอกเลยว่าเหตุการณ์​ชงคู่ชิปนี้โดนใจสุดๆ​ เพราะใช่ค่ะ​ เราก็ทำ​ #หลบหน่อยเรือพี่มา​ #ไม่ชิปคู่ที่เป็นแฟนกัน​

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
กรีดร้องงงงงเราพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไงดีมากกกกกกกกค่ะอยากเป็นเมียหมอเลย :hao7:

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ช่วงดราม่าอ่านแล้วหน่วงจนน้ำตาไหล พอทุกอย่างเคลียร์เท่านั้นแหละ ทั้งหวานทั้งแซ่บบบบ หมอดิมขาน้องศิช้ำหมดแล้วค่ะหมอ :o8: :-[

ออฟไลน์ pwmd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ้ยยยเลิฟเรื่องนี้ ต้องเม้นๆๆ เราตามคุนหมีคุกมาไม่ผิดหวังจริมๆ
ประทับใจกับชาวเน็ตเวอร์ มีความเรียล มีความตลกอะ เหมือนเห็นตัวเอง  55555555555 

ชอบน้องศิมากเว่ออออ น้องเยว่ งุย เห็นภาพน้องเป็นกาตุ่ยขาวๆนุ่มนิ่ม ล่อลวงมาก
คือเราก็รู้นะว่าน้องศิโตแล้วแต่เหมือนพี่ดิมพรากผู้เยาว์เลยอะ ฮ่าาา คุนตำรวจ!!!!
ขอยาดเก็บน้องศิลงในหมวดนายเอกฟีลเตอร์ น้อง ค่ะ รักมาก /ขยำ/
ประเด็นดราม่าก่อนหน้าคือคิดว่าจะหน่วงมากๆกว่านี้
แต่ว่าพอเจอฟามดุของคุมหมอ.... อื้มมม ไม่พูดเยอะ เจ็บคอแทนน้อง

เป็นกลจ.ให้คนเขียนนะคะ เลาจารอตอนต่อปัยยย

ออฟไลน์ 。Atlas

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ตาย ๆๆๆ เราพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไง จิ้มแบบเดาสุ่มมาก ๆ แล้วพบว่าดีมาก ๆ ฮืออออออออ
อ่านรวดเดียวตั้งแต่เมื่อคืนยันเย็นวันนี้ ได้นอนไป 4 ชม. 55555555

พาร์ทบาปก็บาปจนอึดอัดหัวใจเลยค่ะ แต่ชอบวิธีการหาทางลงให้แต่ละฝ่ายนะ
ดูเจ๊า ๆ ดี ไม่จำเป็นต้องทำให้ผู้หญิงเป็นตัวร้ายเสมอไปอ่ะเนอะ

แล้วก็ชอบบทสนทนาบนเตียงในเรื่อง daddy ด้วย
โอ้ยย คือเราอ่านนิยายมาเยอะมาก เจอไดอะล็อกแดดดี้อย่างนั้นอย่างนี้มาเยอะจนเฝือ
แต่ยอมรับเลยว่าเรื่องนี้ทำให้เรากลับมาเขินได้อีกครั้ง 5555+ มีชั้นเชิงในการใส่บทสนทนาให้ตัวละครมาก ๆ ค่ะ

แล้วก็ชอบอ่านในส่วนของชาวเน็ตหวีดร้องด้วย ขำมากกกกก ขอยาดไม่ชิปคู่ที่เป็นแฟนกัน!!  :hao7:

ว่าแต่ว่าเห็นเจ้าพูลล์หัวร้อนขึ้นมาขนาดนั้น ต้องมีอะไรฝังใจกับพี่ภีมรึเปล่าเนี่ย  o8

ออฟไลน์ SoSweetCB

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 131
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คือดีมากกกกกกกกกกก T/////T ชอบความหยอดน้องว่าผัวเมีย ชอบความแอบเปิดตัวเนียนๆ
อยากเป็นพูลล์เลยอ่ะ อยากมีความอยู่ใต้เตียงดารา 555555555
หวังว่าแม่พี่ดิมจะโอเคกับน้องนะ ถึงน้องมีหลานให้ไม่ได้แต่น้องมีเสน่ห์ปลายจวักจ้าาา

ออฟไลน์ Papangtha

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่ดิมดุโคตรรร

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ชอบน้องพูลล์
โมเม้นท์ชาวเน็ตนี่ นึกถึงตัวเอง 5555

ออฟไลน์ Hananijinji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ช่วงที่พี่ดิมมาพัวพันตอนยังไม่เลิกกับแฟนนี่แบบ ฮือออ อ่านไปปวดใจแทนศิไป แต่ขอสงสัยนิดหน่อยนะคะ อ่านยาวรวดเดียวมาตั้งแต่ตอนแรก บางทีไรท์เขียน ศิ หรือ สิ งง ชื่อไหนแน่ ชื่อตอนที่1 หรือ2 เขียนผิดนะคะ สลับตัวอักษรภาษาอังกฤษ for asking สักอย่างนี่แหละ คำผิดมีบ้างประปราย แต่ก็พอเข้าใจได้ สนุกมากค่า

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
น้องชื่อ 'ศิ' ค่ะ 'ศิรัส' แปลว่าแสงจันทร์ อาจจะมีบางประโยคที่น้อแทนชื่อตัวเองมั้ยคะ ประมาณ 'ศิว่ามันต้องเป็นแบบนี้สิ'
ขอโทษที่ทำให้สับสนนะคะ  :sad4:

ช่วงที่พี่ดิมมาพัวพันตอนยังไม่เลิกกับแฟนนี่แบบ ฮือออ อ่านไปปวดใจแทนศิไป แต่ขอสงสัยนิดหน่อยนะคะ อ่านยาวรวดเดียวมาตั้งแต่ตอนแรก บางทีไรท์เขียน ศิ หรือ สิ งง ชื่อไหนแน่ ชื่อตอนที่1 หรือ2 เขียนผิดนะคะ สลับตัวอักษรภาษาอังกฤษ for asking สักอย่างนี่แหละ คำผิดมีบ้างประปราย แต่ก็พอเข้าใจได้ สนุกมากค่า

ออฟไลน์ Fahsang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รักเรื่องนี้ค่ะ  ❤️  อ่านแล้วนึกถึง น้องที่โดนแอนตี้ จากซีรีย์วาย ว่าเด็กเส้น  เรื่องจริงซ้อนมาเลย อินเองคิดเอง 5555
เลยอ่านจนถึงตอนนี้ ปริ่มมากกกกกก  พี่หมอดุมากกกกกกกมากจริงๆค่ะ  น้องน่ารักจริงๆค่ะ

ออฟไลน์ daisyskies

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กรี๊ดมาก กรี๊ดอัดหมอนแล้วค่า555555555 พี่หมอดุมากดุจริงๆ แอร๊ยยยย
เอ็นดูน้องศิด้วย ตอนมีปมที่น้องศิมีอะไรกับพี่หมอทั้งๆที่ยังไม่เลิกกับคุณเกลนี่เตรียมปิดแล้วค่ะกลัวดราม่า รับไม่ไหวแล้ว แง
สุดท้ายเรื่องปมมือที่สามก็แก้ได้ดีค่ะ ชอบ ไม่อยากเสียน้ำตาค่ะ ฮือ555555555555
 
ปล.คำว่าโซฟาร์อะค่ะ คือมันไม่มีการันต์น้า สะกดว่า โซฟา เฉยๆค่า

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
รักเรื่องนี้ หนูศิน่ารักกกกกกกกกก

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
ขอบคุณที่ชี้ทางสว่างค่าาาาาาาา นี่เข้าใจว่าโซฟาร์มาโดยตลอด คงจำ so far away ฮือออออออออออ ขอบคุณค้าา

กรี๊ดมาก กรี๊ดอัดหมอนแล้วค่า555555555 พี่หมอดุมากดุจริงๆ แอร๊ยยยย
เอ็นดูน้องศิด้วย ตอนมีปมที่น้องศิมีอะไรกับพี่หมอทั้งๆที่ยังไม่เลิกกับคุณเกลนี่เตรียมปิดแล้วค่ะกลัวดราม่า รับไม่ไหวแล้ว แง
สุดท้ายเรื่องปมมือที่สามก็แก้ได้ดีค่ะ ชอบ ไม่อยากเสียน้ำตาค่ะ ฮือ555555555555
 
ปล.คำว่าโซฟาร์อะค่ะ คือมันไม่มีการันต์น้า สะกดว่า โซฟา เฉยๆค่า

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
You are my day 1◑ : กาลครั้งที่รักคุณ
EP.14 โลกคู่ขนาน
[/size]

Flowers always make it better
But this time I’ve gone too far



เช้าวันที่ขมุกขมัวเพราะฝนตกอีกแล้ว อะไรนักหนาก็ไม่รู้ อีกสิบนาทีต้องออกไปเรียนแต่ว่าฝนกระหน่ำแบบนี้จะให้ไปได้ยังไงนะ ส่วนตัวผมน่ะโดดเรียนได้อยู่แล้ว แต่คุณหมอที่นั่งจิบกาแฟตรงหน้านี่สิ เห็นว่ามีตามเคสผ่าตัดเมื่อวันก่อนตั้งแต่หกโมงเช้า

เมื่อคืนกว่าจะได้กลับมานอนที่คอนโดตัวเองก็เกือบทะเลาะกันที่ลานจอดรถ เพราะคนพี่จะให้ผมไปนอนที่เพนเฮ้าส์ของเค้าอย่างเดียว แถมบอกให้ไปเก็บของย้ายไปอยู่เลยจะได้ไม่ต้องขับรถไปๆ มาๆ เอาแต่ใจเหมือนกันนะคนนี้ ก็เลยสู้ขาดใจเพราะเรื่องของเรามันเพิ่งเริ่มและป๊าหม่าผมก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ เกิดวันดีคืนดีพวกท่านมาหาที่คอนโดแล้วไม่มีใครอยู่ทำไงล่ะ โดนหักเงินเดือนและหักมรดกแน่นอน แต่บอกเหตุคนแก่ขี้งอแงว่ายังอยากมีสเปซของตัวเอง เอาไว้ทำการบ้าน และอ่านหนังสือ ไว้วันไหนไม่มีเรียนก็จะสลับไปอยู่คอนโดเขา พื้นฐานที่เป็นคนตามใจอยู่แล้วก็เลยยอม

ที่สำคัญเมื่อคืนได้นอนแบบนอนจริงๆ ไม่มีล่วงเกิน ทั้งที่พี่ดิมน่ะถ้ามีโอกาสก็คงไม่ปล่อยไปหรอก แต่ผมยังระบม อีกอย่างวันนี้ก็เรียนด้วย ทางนั้นก็เลยยอมนอนกอดเฉยๆ และมันรู้สึกดีมากๆ ที่อ้อมกอดนี้เป็นของผมอย่างเต็มภาคภูมิแล้ว ไม่ต้องคอยระแสดระวัง ไม่คลุมเรือ ไม่เบลอๆ เหมือนหมอกตอนเช้าหลังฝนตกอีกแล้ว

อ้อ เรื่องชาวเน็ต พี่ดิมบอกไม่ต้องกังวลแอดมินเพจใต้ถุนวงการบันเทิงเป็นเพื่อนของเพื่อนพี่ดิมเอง ผมนี่ผงะเลย เพราะจากที่เคยเข้าไปตามอ่านคิดว่าแอดมินน่าจะเป็นเพื่อนสาวไม่ก็ผู้หญิงแรงๆ แต่ดันเป็นเพื่อนของเพื่อนพี่ดิมนี่นะ พอซอกแซกมากๆ เขาก็ยอมรับว่าเป็นคนบอกให้แอดมินโพสต์เอง เพราะอยากเปิดตัว??????????

อะไรของเขาวะ แล้วไม่ถามกันเลย??

ตอนแรกก็นึกโมโหนั่นแหละ ตีหน้าอกหนาๆ ที่เปลือยต่อหน้าตอนตื่นเมื่อเช้าไปที แต่เขาให้เหตุผลว่าเรื่องแบบนี้ในบ้านเรามันต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป อีกอย่างก็จะได้สร้างกระแสก่อนซีรี่ส์ออนไปในตัว ซึ่งเป็นกระแสจริงๆ อะนะไม่ได้โดนใครปั่นมันขึ้นมา

“พี่อยากคบกับศิแบบไม่ต้องปิดบังใคร”

“...”

“พี่และศิอยู่ในที่สว่าง มันไม่ง่ายที่เราจะทำอะไรตามใจ โดยไม่สนความคาดหวังของสังคม”

“แต่…”

“อย่างน้อยๆ ก็แฟนคลับที่เค้าติดตามเรามาตลอด”

“ศิว่ามันเร็วไปอะ จริงๆ กลัวเรื่องงานพี่ดิมมากกว่า”

“หึ ไม่ต้องห่วงพี่ น้องนะที่เสียหาย เป็นของพี่แล้วอยากอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ หรอ”

“มะ ไม่ งั้นหลังจากนี้เราจะทำยังไง”

“ปล่อยให้คนคิดว่ามันมีอะไรไปเรื่อยๆ เพราะคนคิดว่าคู่จิ้นมันคาบขนานกับคู่จริงอยู่แล้ว แต่เราเป็นคู่จริงในคราบคู่จิ้นไง”

“อย่างนี้มันไม่เหมือนหลอกคนอื่นหรอ”

“หลอกตรงไหนพี่รักศิจริงๆ ศิก็รักพี่จริง ใช่มั้ย”

“อื้อ ถามไรตอนนี้วะ”

“หึ นั่นแหละ เราก็ใช้ชีวิตปกติส่วนเรื่องจริงจิ้นให้เขาไปคิดเอาเอง”

“ที่ทำงานก็ต้องทำแบบนี้หรอ”

“อ่าฮะ จะได้เนียนๆ”

“พี่ดิมว่าไงศิก็ว่างั้นแหละ แต่เตือนเลยนะห้ามรุ่มร่ามเกินไปเวลาอยู่ข้างนอก”

“หึ ครับ”


เคลียร์เรื่องนี้กันจบต่างคนเลยต่างจัดการตัวเองเพื่อไปทำหน้าที่ ไม่มีมาอ่อยอิ่งเพราะพากันตื่นสายแล้วเสียเวลามาคุยกันเรื่องนี้อีก ไม่คุยไม่ได้พี่อายและพี่แนน AR ที่ดูแลผมกับพี่ดิมโทรเป็นมิสคอลตั้งแต่เมื่อคืน เราสองคนไม่รับซะด้วยเพราะนอนเร็วเพลียทั้งคู่ ก็เลยจำเป็นต้องคุยกันให้จบๆ ก่อนจะแยกย้าย เหมือนพี่ดิมจะแวะไปบริษัทช่วงบ่าย แล้วกลับมาเข้าเวรต่อบวกกับชั่วโมงที่ออกไป คงกลับดึกแหละคุณหมอวันนี้

“ศิออกไปพร้อมพี่เลยมั้ย” ร่างสูงกระดกกาแฟยกสุดท้ายก่อนจะใช้ทิชชู่เช็ดปากลวกๆ แล้วคว้าข้าวของต่างๆ มาถือ

“แต่พี่ดิมจะสายเพราะต้องวนไปส่งศิที่มอนะ”

“ไม่เป็นไรแค่นี้เอง ทำให้มากกว่านี้ก็ทำได้”

“มาหยอดอะไรเวลานี้”

“งั้นก็ไปครับ”

สะพายกระเป๋าผ้าสีเหลืองลายหมีสามตัว หนีบร่มพับไปด้วย เผื่อไปถึงคณะจะต้องวิ่งฝ่าฝนลงไป รถพี่ดิมยังสะอาดเหมือนเดิม สะอาดกว่ารถผมที่มีชีวิตที่ยุ่งน้อยกว่าเขามาก

“พี่ดิมหยิบข้าวกล่องลงมาด้วยมั้ยอะ”

“ครับ ไม่ลืมหรอก ข้าวศิมีค่ายิ่งกว่าทองอีก”

“เพราะศิทำให้?”

“เพราะพี่ไม่อยากกินข้าวเซเว่น”

“ฮ่าๆๆ พี่ดิมตบมุกเป็นด้วย” มือใหญ่ลูบหัวผมเบาๆ แล้วไม่ได้เอามือออกไป หากแต่เลื่อนมากุมมือผมไว้ มือเขาอุ่นในขณะที่ถ้าผมอยู่ในที่เย็นๆ แล้วตัวจะเย็นไปหมด

“พี่ดิมจำวันที่ศิขึ้นรถพี่ดิมวันแรกได้มั้ย”

“ ได้ดิครับ”

“ศิเกร็งมากเลยนะ พี่ดิมหน้านิ่งมาก รถก็ติด ฝนก็ตก เหมือนถ้าศิพูดอะไรไปจะโดนด่าอะ”

“ฮ่าๆ นี่คิดแบบนั้นหรอ” เขายกมือที่กุมไปจูบอย่างนึกเอ็นดูล่ะมั้ง แต่จริงๆ คือแทะโลม แต่มันน่ารักดี

“แล้วพี่ดิมรู้สึกยังไงวันนั้น”

“ก็อึดอัดนิดหน่อย แต่กลัวว่าศิจะอึดอัดมากกว่าเพราะรถมันติดมากแล้วต้องอยู่กับคนแปลกหน้าเป็นชั่วโมง อีกอย่างศิดูกลัวมากๆ พี่น่ากลัวหรอ”

“อื้อ พี่ดิมดูดุ”

“แล้วดุจริงมั้ย”

“พอรู้จักแล้วพี่ดิมใจดีอะ แค่พูดน้อย”

“หรองั้นคืนนี้เอาใหม่ จะได้รู้ว่าเป็นคนดุจริง”

“เฮ้ยย ลามก” พูดจบก็จูบหลังมือผมอยู่นั่น เหมือนคิดได้ก็ยกมาจูบอะ บ้าบอ ผมเนี่ยเขินจนบ้าบอละ




“มาแล้วหรออิตัวดี” เฌอนั่งกอดอกในคลาสเรียนรวมที่ตอนนี้เรานั่งอยู่บนยอดดอยห้องสโลป ทั้งที่ปกติจะนั่งกลางๆ แต่พอเฌอทักแบบนี้ก็รู้เลยว่ามีเรื่องต้องโดนซักจนขาว

“อะ อะไร”

“เหอะ แฮทแท็กในทวิตเตอร์กระฉ่อนขนาดนั้น มือถือกูเกือบไหม้เมื่อคืน เพราะตามเสือกเรื่องเพื่อนตัวเอง แต่มันกลับเงียบกริบ กกกับผู้ชาย”

“เดี๋ยวนะ เรื่องอะไรกันวะเฌอ แฮทแท็กเมะซันเคะเย่วอะไรนั่นหรอ”

“ค่ะ นี่มึงอย่าบอกว่ามึงไม่รู้” อาโปที่นั่งถัดไปจากเฌอ และเมฆนั่งถัดจากอาโปที่ตอนนี้เสียบหูฟัง ทั้งที่มันไม่ได้ฟังเพลงหรอก ผมรู้ กำลังฟังเพื่อนเถียงกันนี่แหละ

“ห้ะ คือศิไปกินข้าวกับใครอะ”

“กูจะบ้าตาย นี่มึงถ่ายซีรี่ส์ด้วยกันจริงป่ะอิโป”

“พี่หมอดิม?”

เฌอหันหน้ามาสบตาอย่างซักไซ้ แน่นอนล่ะเพราะเธอก็อยากฟังอยากปากผมเอง

พนักหน้ายอมรับ “อื้อ กูเองแหละ”

“นั่นไง ทำไมตอนกูเดาข้อสอบทำไมไม่ออกแบบนี้” เฌอตบเข่าดังฉาดทีนึง ดีที่คนในห้องสโลปเยอะเสียงตบเข่าเลยไม่ได้ดังกลบเสียงพูดคุยเท่าไหร่

“แต่ตอนกูเข้าไปดูในแท็กไม่เห็นมีใครแปะรูปเลยอะ”

“ก็เค้ารู้กันไงโว้ยยยยยย อิโป อิควัย”

“นั่งดีๆ โป เดี๋ยวก็หัวทิ่ม” เมฆกดไหล่ของอาโปให้ลงไปนั่งที่เก้าอี้ เพราะตอนนี้อาโปโน้มตัวมาหาเฌอจนหน้าจะทิ่มอยู่แล้ว

“แล้วคือยังไง เค้าเคลียร์กับเมียแล้ว?” เฌอหยักเพยิดหน้ามาซักกันต่อ

“อื้อ เค้าบอกจบด้วยดี เหมือนว่าแฟนเก่าพี่เกลก็กลับมาพอดี”

“ต่อๆ”

“พี่เกลก็กลับไปคุยกับแฟนเก่าเหมือนกันตอนที่ห่างกับพี่ดิม” พูดไปก็พลางหยิบชีทกับอุปกรณ์เรียนวางบนโต๊ะไปด้วย

“โป๊ะเชะจังวะ”

“อืม มันเลยง่ายกว่าที่คิด”

“ไม่งั้นมึงก็คงร้องไห้ที่ห้องไม่มาเรียนหรอกวันนี้”

“แล้วนี่เค้ามาส่ง?”  เมฆถามขึ้นด้วยท่าทีสบายๆ

“อื้อ”

“ค้างด้วยกัน?”  อันนี้เป็นเฌอถาม

“กะ ก็ อื้อ”

“ติดกระดุมอีกเม็ดดีกว่ารอยที่หน้าอกมึงชัดมาก” เมฆพูดทั้งที่พลิกชีทไปมา เหมือนเป็นเรื่องไม่ซีเรียส

“กูกำลังจะทัก ใจคอไม่ดีเลย แม่ง หน้าร้อนไปหมด นี่กูแค่จินตนาการนะ” ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มที่ดูกร้านโลกทั้งที่จริงๆ ไม่เก่งเรื่องพวกนี้หรอก แค่ปากเก่งน่ะ

“มึงก็ตาดีนะเมฆ” เป็นอาโปที่พูดพลางกอดอกเหมือนจะติดไม่พอใจคนนั่งข้างๆ ที่ช่างสังเกตหน้าอกผม

“อืม ไฝเล็กๆ ที่หลังคอมึงกูก็เห็น”

“อู้วววว”  ผมกับเฌอมองหน้ากันยิ้มๆ กับความสัมพันธ์คลุมเครือของเมฆและอาโป มันไม่พูดเราก็ไม่ถามเพราะเพื่อนกันอยู่ด้วยกันตลอด วันหนึ่งก็จะไม่อยากปิดกันเอง รอให้สองคนพร้อมดีกว่า


พี่ดิมไลน์มาอีกทีตอนเกือบบ่ายโมง บอกว่าเพิ่งได้กินข้าว แถมถ่ายกล่องข้าวที่เกลี้ยงเหมือนล้างให้ดูอย่างชื่นใจด้วย เอาจริงๆ ผมทำอาหารไม่ได้ดีมากขนาดนั้นหรอกครับ ทำได้แค่เมนูง่ายๆ พวกอาหารเช้า อาหารฝรั่งอะไรพวกนี้ ถ้าเป็นอาหารไทยยากๆ นี่ต้องพักไปก่อนเลย เท่าที่ศึกษามาจากยูทูปนะ อาหารไทยนี่ปรุงยากสุดแล้วอะ บางเมนูอย่างต้มยำกุ้งต้องมีห้ารส คือ เปรี้ยว เผ็ด เค็ม หวาน และขม  รสถึงจะกลมกล่อม แต่ถ้าเป็นอาหารฝรั่งอย่างสปาเก็ตตี้นี่แค่เค็มๆ มันๆ ก็ใช้ได้แล้ว แต่อาจจะต้องฝึกฝีมือเพราะดูท่าคุณหมอเขาชอบกินอาหารไทยกับอาหารญี่ปุ่น

ไม่ได้เตรียมตัวเป็นแม่ศรีเรือนนะ แต่ว่าอะไรที่เราคิดว่าเป็นสเน่ห์ในตัวเอง ก็ต้องยิ่งรู้จักบริหารไม่ใช่หรอ

รู้หรอกว่าพี่ดิมใช้สายตาแบบไหนมองผมเวลาทำกับข้าว อยากละลายลงกับพื้น แต่ทำเป็นไม่สนใจแล้วให้เขาหลงสเน่ห์ให้ตายไปเลย ครั้งแรกที่รู้น่ะไม่ได้ตั้งใจ แต่ครั้งล่าสุดเนี่ยตั้งใจ…และครั้งต่อๆ ไปจะตั้งใจมากๆ หุหุ

“มึงว่าเพื่อนเราอาการเป็นไง”

“หลงผัว”

“พูดอีกก็ถูกอีกอาโป”

“พูดไม่เพราะ”  เสียงเมฆพูดขึ้นเลยได้เงยหน้าขึ้นมองเพื่อนๆ ที่นั่งล้อมวงใต้โต๊ะคณะซึ่งเป็นโต๊ะประจำคุยเรื่องวิจัยกลุ่ม แต่ก็ไม่วายโดนแขวะที่ยิ้มกับมือถือ

อาโปจี๊จ๊ะในลำคออย่างไม่พอใจนัก แต่ก็กลับไปพยักหน้ากับเฌอแบบรู้กัน แถมยังทำปากคว่ำใส่อีก ทำมาเป็นนะ อย่าให้มีคนที่รักบ้างแล้วกัน

“มาเลยค่ะคุยโปรเจ็กต์ต่อ”

“เออก่อนคุย กูกับศิต้องไปออกกองต่างจังหวัดประมาณอาทิตย์นึงนะ ถ่ายยาวแล้วจบเลย”

“ทำไมเพิ่งบอก” เมฆเสียงเย็นขึ้นทันที ทั้งที่เมื่อกี้ยังอารมณ์ดีดูดจูปาจุ๊บอยู่เลย

“ก็กำลังบอกไง” อาโปตอบเสียงปกติได้ยังไงนะ

“เออๆ แล้วไปเมื่อไหร่”

“อาทิตย์หน้าใช่ป่ะวะศิ”

“ใช่ๆ วันอังคารอะ กลับจันทร์หน้าเลย ถ้าเฌอมีอะไรให้ช่วยก็คงต้องคุยกันผ่านไลน์นะ”

“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหรอก กูว่าคนที่มีปัญหาอะไม่ใช่กูละหนึ่ง”

ผมเห็นด้วย เพราะตอนนี้เมฆใส่หูฟังแล้วเปิดเพลงดังมาก เหมือนเด็กที่โดนขัดใจแล้วก็ไม่ฟังเสียงบ่นของแม่อะ แต่คนที่ทำให้มันเป็นงี้กลับนั่งกัดเลย์ห่อที่สองอย่างไม่สะทกสะท้าน เอาดีๆ เวลาเมฆโกรธไม่สนุกเลย คนที่เงียบอยู่แล้ว เงียบกว่าเดิม เหมือนคุยกับก้อนหินอะ แต่เชื่อว่าอาโปจะมีวิธีรับมือล่ะมั้ง ดูจากการยื่นเลย์แบ่งให้ ไม่ใช่สิ ป้อนเลย เออง้อกันสมกับเป็นสองคนนี้ดี

เวลาล่วงเลยมาจนเกือบสี่โมงเย็น เราย้ายไปนั่งห้องสมุดเพื่อหาข้อมูลรวบรวมให้มากที่สุดเพราะผมและอาโปจะไม่ได้อยู่ช่วยตั้งอาทิตย์ คงทำได้แค่ช่วยพิมพ์เอกสารประกอบการวิจัย ซึ่งส่วนอื่นๆ เฌอและเมฆจะต้องประสานงาน โดยเฉพาะหาโรงพยาบาลที่จะสามารถให้เราเข้าไปเก็บตัวอย่างงานวิจัยได้ อันนี้คือเรื่องสิ่งแวดล้อมภายนอกที่มีผลต่อการรักษาคนไข้แผนกจิตเวช ที่สำคัญต้องเป็นโรงพยาบาลรัฐ จะบ้าตายมันเครียดตรงนี้ อาโปเสนอให้ลองคุยกับพี่ดิมแต่ผมไม่อยากไปเพิ่มงานให้เขา เอาไว้มันตวนตัวจริงๆ ก่อนแล้วกัน

ตกเย็นพี่ดิมโทรมาเล่าเรื่องที่เข้าไปคุยที่บริษัท เขาบอกตามความจริงว่าไปกินข้าวกับผม แต่ไม่มีอะไรมากกว่านั้น เพจนั้นคงคิดไปไกลอีก (ทั้งที่ตัวเองให้โพสต์ เหอะ) ทางบริษัทก็ไม่ได้ว่าอะไร ที่สำคัญพี่ใบชาบอกว่าดีแล้วเสียอีกเพราะมีกระแสตั้งแต่ซีรี่ส์ยังไม่ออน คนเป็นหมอมองขาดกว่ามาร์เก็ตติ้งอีกว่ะ

สรุปเราก็คงต้องเล่นบทคู่จิ้นในคราบคู่จริงไปเรื่อยๆ

ตราบใดที่ยังไม่มีใครจับได้ล่ะมั้ง







วันสุดสัปดาห์ที่ผมรอคอยมาถึงแล้วโว้ยยยยยยย เพราะจะได้กลับไปนอนกอดแมวขี้อ้อนสักที ควงเวรเป็นบ้าเป็นหลังมาห้าวันติด เพราะอาทิตย์หน้าจะต้องไปถ่ายซีรี่ส์ที่ต่างจังหวัดอีกตั้งอาทิตย์ นอนรวมกันอาทิตย์นี้ประมาณ 15 ชั่วโมงถึงหรือเปล่าไม่แน่ใจ เจ้าตัวเล็กน่ะเป็นห่วงจะตายแล้ว เทียวขับรถเอาข้าวมาส่งตอนเย็น บางวันก็มานั่งกินข้าวที่โรงพยาบาลด้วยกัน ติว่าตาคล้ำ ติว่าหนวดขึ้น อย่างงั้นอย่างงี้ แค่พูดคำว่าคิดถึงยังไม่ทำเลย ดูความฟอร์มของเขา แต่มันน่ารักนะชอบหมดแหละ

ครืดดด ครืดดด

เช็ดมือที่เพิ่งล้างเลือดและสิ่งสกปรกต่างๆ หลังยืนผ่าตัดร่วมห้าชั่วโมงกับอาจารย์หมอเสร็จ  ขอให้เป็นคนตัวเล็กเถอะ อยากอ้อนใจจะขาด รีบรับทั้งที่ไม่ดูชื่อด้วยซ้ำ

“ครับผม”

(เสียงหวานจังวะเพื่อนกู)

เสียงห้าวทักทายแบบนี้จนต้องกลับมาดูชื่อคนโทรเข้าให้ชัดๆ

[NAWIN]

“มีไรไอ้วิน ร้อยวันพันปีไม่เห็นติดต่อเพื่อนฝูง”

(ลงมากรุงเทพครับผม อยากเจอเพื่อครับผม)

“วันนี้ไม่ได้นะเว้ย กูควงเวรห้าวันติดแล้ว จะตาย”

(จะตายหรืออยากกลับไปกกเมีย)

“เสือกอีกละ”

(ไม่เสือกจะรู้หรอครับว่าเพื่อนเลิกกับหญิงแล้วมีคนดามใจเรียบร้อย)

“แล้วยังไงครับ อิจฉาหรอ”

(ไม่อิจฉาหรอกครับ เป็นโสดให้คนเสียดายเล่นดีกว่าครับ)

“ควาย ฮ่าๆๆ เจอที่ไหน ต้องบอกน้องมันก่อน”

(พามาด้วยเลยๆๆๆๆ อยากเจออออ) น้ำเสียงมันน่าถีบจริงๆ

“เออๆ เดี๋ยวบอก ไม่เฟิร์มนะเว้ย กูง่วง”

(อย่ามาเพิ่งอ่อนแรงครับ ตอนสอบเฉพาะทางมึงไม่นอนห้าวันยังไม่ตาย)

“ครับเหี้ยวิน  แค่นี้นะครับผม จะโทรบอกเมียครับ”

(ครับๆ เจอกันครับ)

@X bar

บรรยากาศกึ่งผับกึ่งร้านอาหาร ตกแต่งสไตล์โกธิคย่านรามอินทรา เป็นร้านประจำของผมและเพื่อนสมัยเรียนป.ตรี วันนี้นาวาพี่ชายฝาแฝดนาวิน รวมถึงพายุ และไม้เมือง นัดมาที่นี่ เพราะเราทั้ง 5 คนไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ ต่างคนต่างยุ่งกับภาระหน้าที่ของตัวเองที่ต้องรับผิดชอบ อย่างไอ้นาวาที่เมียเพิ่งคลอดลูกก็โดนเมียให้เป็นยามเฝ้าลูกทุกคืน มันก็บ่นผ่านไอจีสตอรี่พร้อมถ่ายรูปหน้าโทรมๆ ของตัวเองลงทุกวัน ส่วนนาวินที่ยังครองความโสดและยังคงนิสัยหว่านสเน่ห์ให้หญิงทั่วเมืองเชียงใหม่ ที่มันไปลงทุนทำโฮสต์เทลและร้านอาหารที่นั่น ส่วนพายุสืบต่อกิจการของพ่อคือการเป็นหมอฟันประจำคลีนิกที่ใหญ่ที่สุดที่อยุธยา และไม้เมืองที่กำลังจะเป็นดร.ด้านรัฐศาสตร์และคงจะผันตัวไปเป็นอาจารย์ในมหาลัยดังๆ ซักที่

อย่าแปลกใจว่าทำไมเพื่อนอีก 5 คนไม่มีใครเป็นหมอเหมือนผม เพราะเราสนิทกันมาตั้งแต่มัธยม เอ็นทรานส์ (โคตรลุง) เข้ามหาลัยเดียวกัน ดันฟลุ๊คติดที่เดียวกันหมดเลยคบกันยืดยาวทุกวันนี้ ทั้งที่ไอ้พายุบอกว่าจะเลิกคบเพราะชอบชวนมันไปกินเหล้าเวลามันสอบ ผมก็สอบนะแต่ตอนนั้นเกเรไม่แคร์ห่าไรเลย เที่ยวยับ ก่อนจะมารับกรรมก็ตอนเอ็กซ์เทิร์นปี 6 และตอนไปใช้ทุนนั่นแหละ ไม่มีวันไหนไม่โดนด่า กว่าจะได้เกียรตินิยมมานี่ไม่ได้ง่าย ดีที่หล่อและฉลาดด้วย ฮ่าๆๆๆ

“ไง พระเอก กูรอมึงจนจะหมดเวลาเที่ยว เมียตามให้ไปดูลูกแล้ว” นาวาแขวะทันทีที่ผมนั่งลงบนเก้าอี้นวมตัวใหญ่ โซนที่เรานั่งค่อนข้างส่วนตัวและเป็นโต๊ะสำหรับแขกวีไอพี อภิสิทธิ์จากไอ้นาวาที่พ่อตาเป็นเจ้าของร้าน

“ได้เมียเพราะกูลากมานั่งร้านนี้ยังจะปากดีใส่”

“แฮะ ขอโทษค้าบบ ผู้มีพระคุณ เดี๋ยวจะเอาพานพุ่มมากราบตีนนะคร้าบบ”

“กวนตีน”

“ไหนน้องอะครับ มาด้วยมั้ยๆ” ไอ้หน้าวินตัวดี คอยืดยาวเหมือนยีราฟเหลียวซ้ายแลขวามองหาคนที่มาด้วย

ครับ สรุปศิมาด้วย บอกอยากมาเจอเพื่อนผม ตอนแรกคิดว่าจะกลัวซะอีกที่ต้องมาเจอสังคมของผม แต่พอให้ดูเฟซไอ้นาวินน้องมันขำกับมุกห้าบาทสิบบาทจนอยากมาเจอตัวจริง ผมนี่ขมวดคิ้วเลย ไม่ใช่เพราะหวงนะ แต่เพราะไม่อยากให้น้องมาเจอคนจัญไรแบบไอ้วิน กลัวจะคิดว่าผมเป็นพวกเดียวกับมันไปด้วย ทั้งที่ก็เป็นแหละแค่มีชั้นเชิงกว่า

“แวะเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวคงออกมา”

“โถ่ ทำไมปล่อยให้น้องไปคนเดียวล่ะครับ เดี๋ยวกูไปรับมั้ย” อยากเอาตีนถีบอกมันจริงๆ

“ไม่ต้องสะเอะ มาละ”

ผู้ชายตัวเล็กวันนี้สวมเสื้อยืดสีขาว สวมทับด้วยเสื้อยีนส์บาลองเซียก้าพอดีตัว กางเกงเดฟขายาวสีดำ และรองเท้าเปิดส้นกุซชี่ ตอนแรกจะให้ใส่หมวกเพราะไม่อยากให้ใครเห็นหรือจำได้เท่าไหร่ แต่ศิน่ะดื้อ บอกมันไม่เข้ากับชุดที่เขาเลือก ก็เลยตามเลย

“สะ สวัสดีครับ พี่ๆ”

“....”

เพื่อนผมทั้งสี่คนจู่ๆ ก็มองหน้ากันแบบเลิกลัก จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม จะทักน้องมันก็ไม่ทัก ไม้เมืองยกแก้วขึ้นดื่มจนหมด ไอ้พายุก็มองไปที่เวทีข้างล่างอย่างหาจุดสนใจ นาวายิ้มแห้งๆ มาให้ คงมีแค่ไอ้นาวินที่ยิ้มแบบแบ่งรับแบ่งสู้ส่งมา

ลืมไปว่าไม่ได้บอกก่อนว่าคนใหม่ที่มาดามใจเป็น ‘ผู้ชาย’

ทำไมคราวนี้มึงเสือกไม่สุดวะเพื่อน

“นี่น้องศิ” มองหน้าน้องแล้วก็ไม่รู้จะบอกว่าเป็นสถานะอะไรกัน จะบอกว่าแฟนก็ยังไม่ได้ขออย่างเป็นทางการ จะบอกว่าเมียก็ดูจะไม่ให้เกียรติน้องเกินไป เอาเป็นว่าบอกแค่ชื่อไว้ก่อนแล้วกัน พวกมันรู้กันอยู่แล้ว

“คะ ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ เอ่อ น้องศิ” เป็นไอ้นาวินที่ทักทายกลับ ส่วนเพื่อนคนอื่นก็ยกยิ้มแห้งๆ มาให้

สีหน้าน้องตอนนี้ไม่สู้ดีเลย ผมผิดเองที่คิดว่าเพื่อนๆ จะสืบจนรู้แล้วว่าคนใหม่ของผมเป็นใครและเป็นเพศอะไร แต่เกมพลิกที่คิดว่าเพื่อนตัวเองขี้เสือกได้กว่านี้

“ศิจะกลับมั้ย” เอื้อมมือไปจับมือที่นั่งกุมไว้ที่หน้าตักตัวเองแน่น ถามอย่างเป็นห่วง แต่น้องส่ายหัวแทนคำตอบ แต่ผมไม่ไหวว่ะ พาน้องกลับคงดีกว่า

ไม่คิดจะโทษเพื่อนที่ทำใจยอมรับกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของตัวเองไม่ได้ แค่คาดหวังมากเกินไปว่าเพื่อนคงจะเข้าใจถ้าวันนี้ผมจะเลือกน้องให้ยืนอยู่ข้างๆ ในฐานะคนรัก แต่นั่นแหละ เพื่อนมันไม่ได้รับกันไปหมดเสียทุกเรื่องหรอก ผมเองที่ทำให้เพื่อนผิดหวัง

“ถ้ามึงไม่โอเค งั้นกูกลับก่อนนะ ไว้ค่อยนัดเจอกันใหม่” ดึงข้อมือเล็กให้ลุกขึ้นและกำลังจะก้าวขาออกจากตรงนี้

“เฮ้ยๆๆๆ ใจเย็นๆ ก่อนพระเอก” ไอ้นาวา

“เอออ ใจร้อนจังว้าาา” ไอ้ไม้เมือง

“แผนไอ้นาวิน” ไอ้พายุ

“ไอ้คนหัวฆวย!” แม่งสุดจะทนกับความพิเรนทร์ที่เล่นเป็นเด็กๆ ของมัน ไอ้เพื่อนชั่ว

“น่าาา ก็อยากจะรู้นี่ครับว่าเพื่อนจะทำไง ไม่เคยเห็นเพื่อน...เอ่อ คบผู้ชาย...น่ารัก” ไอ้ผู้ชายเจ้าชู้ส่งสายตากระลิ้มกระเรี่ยมาให้ศิที่หลบอยู่หลังผม

“คนอย่างมึงนี่นะ” นั่งลงโซฟาแล้วกระดกโค้กจนหมดแก้ว ครับ วันนี้กินโค้กเพราะไม่ไหวทั้งเพลียทั้งเหนื่อย เดี๋ยวจะพาเด็กกลับไม่ไหวด้วย

“น้องศิทำไมมาคบกับคนอย่างมันอะครับ” นาวินถามตามประสาคนขี้เสือกก่อนเลย

“นั่นดิ” ไอ้นาวาพี่มันสมทบ

สองพี่น้องรักษ์ยมมหาประลัยไปที่ไหนบรรลัยที่นั่นพอๆ กับโคนัน

“อ่า กะ ก็เล่นซีรี่ส์ด้วยกัน แล้วก็ยังไม่ได้แบบคบกัน”

“ห้ะ!” เพื่อนสี่คนห้ะพร้อมกัน ไอ้พายุก็เอาด้วย ปกติจะเงียบๆ วันนี้คงโดนนาวินเป่าหูมาเยอะ

“เออยังไม่ได้ขอแบบเป็นทางการเว้ย!” ตะหวาดใส่พวกแม่งไปที อะไรจะอยากรู้อยากเห็นขนาดนั้น ศิจู่ๆ ก็ซื่อขึ้นมาตอบทุกคำถามที่มันถามสิน่า

“คุณกากขนาดนี้เลยหรออาคิรา” นาวา
“ผมเสียใจว่ะที่นับถือ” ไม้เมือง
“คนที่เคยเป็นลูกพี่สิ้นลายไปตอนไหน” พายุ
“งั้นพี่ขอคบน้องศิแซงคิวมันเลยนะครับ” นาวิน

“ไอ้เพื่อนเหี้ยยย!” ผมใช้คำหยาบต่อหน้าน้องครั้งแรกเลยมั้ง แม่งอย่าสุดจะทน เพื่อนที่เคยกวนตีนเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงก็ยังกวนตีนไม่เปลี่ยน ศิลูบมือผมเบาๆ ก่อนจะหัวเราะออกมา จนเพื่อนๆ คนอื่นก็หัวเราะตาม ทีนี้เลยกลายเป็นเรื่องตลกเพราะผมกากที่ไม่ขอน้องเป็นแฟนเสียที

ยังไม่ถึงฤกษ์ ไม่มีใครรู้หรอกว่าผมคิดไว้แล้ว เรื่องแบบนี้ : )




มีต่อ







ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
พูดคุยกันอีกสักพัก ส่วนใหญ่พวกมันชวนน้องคุย พอศิบอกว่าชอบมุกของไอ้วินเท่านั้นแหละเลยเถิดมากๆ ตบมุกกันซะน้องหัวเราะจนกรามจะค้าง นี่หรอวะผู้ชายอายุจะสามสิบ สมองเท่าสิบขวบจริงๆ แต่พอดนตรีสดก็ขึ้นเล่นก็เลยหันไปดูมรสพให้เข้ากับบรรยากาศของค่ำคืนนี้ ดนตรีสดที่นี่จะเป็นวงฟรีแลนซ์ดังๆ ไม่ก็จะเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงมา แต่ส่วนมากจะเป็นแนวโฟล์คซองฟังสบายๆ ไม่ค่อยเป็นแบบครบวงแบบที่อื่น

“You'll always be my day one
Day zero when I was no one”


ผมเห็นน้องดูตื่นเต้นตั้งแต่ดนตรีเพลงนี้ขึ้น พอมาเห็นน้องพึมพำกับตัวเองแล้วก็อดไม่ได้ที่จะถาม เพราะไม่เคยเห็นเขาร้องเพลงเลย

“ศิชอบเพลงนี้หรอ”

“อื้อ ชอบมากเลย ฟังครั้งแรกแล้วชอบเลยอะ”

“เพลงชื่อว่าอะไรครับ”

“I got lucky finding you
I won big the day that I came across you”


“เดย์วันครับ”

“ฮะ อะไรนะ” เสียงฟังที่ดังขึ้นทำให้ผมหูดับเอาซะดื้อๆ

“ลุงจังหูตึงเนี่ย” ศิเอาหน้าเข้ามาใกล้ เพื่อที่จะได้พูดให้ผมฟังชัดๆ

“You'll always be my day one
Day zero when I was no one
I'm nothing by myself, you and no one else”


“เดย์วัน..”

“You'll always be my day one”

“...”

“always be now and always be tomorrow”

ศิได้ยินทุกประโยคที่ผมพูดจากสัมผัสของเขา และผมอยากให้น้องสัมผัสมันได้ว่าคำพูดนี้ออกมาจากห้วงความรู้สึกจริงๆ

แม้เรื่องของเรามันจะเกิดได้ไม่นาน หากแต่ทว่ามันสร้างเรื่องราวมากมาย ‘ทั้งดีและไม่ดี’ ที่เราร่วมกันก่อ และนับจากนี้เราจะเขียนเรื่องของเราด้วยสองมือ อาจจะต้องพบเจอกับอุปสรรค ต้องทะเลาะกัน ต้องผิดใจกัน แต่เรื่องราวที่ผ่านมามันจะเตือนสติเสมอว่าความสัมพันธ์ที่ไม่ได้เกิดอย่างถูกต้องแต่แรก มันกัดกินใจและทรมานพวกเราแค่ไหน แต่สุดท้ายก็จับมือกันผ่านมาได้ ตราปาบที่ประทับในใจจะไม่จางหายและไม่ลืมเลือน แต่จะเก็บเอาไว้ให้เป็นสติและประคองความรักของเราให้ดีจนกว่าจะสุดทาง

“หื้ออ พี่ดิมทำไร คนเยอะ ศิบอกแล้วว่าอย่ารุ่มร่ามไง” คนตัวเล็กพูดเสียงเบาให้เราได้ยินสองคน ทั้งที่พูดเสียงปกติคนก็ไม่ได้ยินอยู่แล้วเพราะเสียงดนตรีในร้านดัง

“อย่างที่พี่บอกเข้าใจใช่มั้ย”

“อื้อ”

“พี่ไม่ได้จะขอเป็นแฟนกับศิตอนนี้ มันกระจอกไป”

“อ้าว” ยิ้มที่คนตรงหน้าหวัง เพราะเพื่อนเวรแท้ๆ

“แต่พี่รักศิและศิจะเป็นทุกอย่างของพี่ตั้งแต่วันนี้และพรุ่งนี้...เวียนไปแบบนี้นะครับ”

“ไม่ตลอดไปหรอเห็นคนชอบพูด”

“ถ้าพี่ตายก่อนคำว่าตลอดไปของพี่ก็โกหกน่ะสิ”

“เนี่ยกำลังจะดีแล้ว พูดเรื่องตายทำไมอะ”

“พี่แก่กว่าศิตั้งหลายปีนะ แล้วพี่ก็ทำงานหนัก จะตายเร็วกว่าศิก็ไม่แปลก แค่พูดเผื่อไว้ พี่ไม่อยากสัญญาอะไรแล้วทำไม่ได้ เพราะคนที่พี่สัญญาด้วยจะเสียใจ แต่พี่จะทำให้ทุกๆ วันเหมือนเดิมนะ”

“รู้แล้วๆ ศิไม่รีบหรอก ศิรอได้ รอมาตลอดแหละ”

น้องยิ้มน่ารักมาให้ อยากกอดให้จมอกตอนนี้เลย แต่ไม่ลืมหรอกว่าตัวเองอยู่ที่ไหน

“นี่พี่ดิม คือเพื่อนพี่อะ เค้าไม่ได้ดูดนตรีเลยนะ”

“พวกขี้เสือก!”



ตีหนึ่งหนึ่ง น้องศิของทุกคนในวงคอพับคออ่อนไปเรียบร้อย หลังจากนั่งหัวเราะเพื่อนตัวดีเผาชีวิตผมสมัยเรียน ยังดีที่รู้กันว่าอย่าเล่าเรื่องไม่ควรเล่า ก็เลยมีแต่เรื่องฮาๆ สร้างบรรยากาศสนุกให้ทั้งวงได้ แกนนำคือเพื่อนเบาปัญญาสุดอย่างได้นาวิน สมกับที่มันเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬาเอกนันทนาการ หาเรื่องคุยเก่งเป็นที่หนึ่ง และระหว่างที่ทุกคนเล่าเรื่องตลกก็พลอยชนแก้วกันเรื่อยๆ สุดท้ายคนที่หัวเราะก็เริ่มหัวเราะกระทั่งแก้วกระทบกัน และเปิดฝาโซดา...สรุปได้เลยว่าน้องเมา ทั้งที่กินไปสองแก้วครึ่ง ระยะเวลาสองชั่วโมง เมาเหล้าที่ละลายน้ำแข็งจางๆ นี่แหละครับคนของผม

ปฏิกิริยาคนเมาคือมุดครับ เอาหัวซุกหาที่นิ่มๆ นอน ตอนแรกผมเอาหัววางบนไหล่ แต่เจ้าตัวก็เอาหัวฟูมาดุนๆ แล้วซุกที่อก จังหวะนั้นคือเพื่อนโห่แล้ว แต่ทำไงได้ในเมื่อยังไม่อยากกลับ พอได้คุยกับเพื่อนบรรยากาศเก่าๆ มันก็กลับา ติดลมบน สุดท้ายเลยย้ายน้องนอนหนุนตักที่โซฟาตัวยาว แล้วให้พายุกับนาวาไปนั่งที่ผมกับน้องแทน ไม่นานน้องก็ขยับไปขยับมาเพราะนอนไม่สบาย เลยตัดสินใจกลับดีกว่า

“กลับกันครับ” ก้มไปกระซิบเบาๆ

“อื้อออ”

“เดินเองไหวมั้ย”

“อื้ออ ศิเดิน ดะ ได้ ไหว”

“งั้นป่ะ”
“อะ นาวา กูเลี้ยงวันนี้” ยื่นบัตรเครดิตสีดำด้านให้นาวาในฐานะที่มันรู้จักมักจี่กับที่นี่ที่สุด

“ป๋าพร้อมเพย์” นาวายกยิ้มล้อเลียน แล้วเดินแยกไปที่เคาเตอร์เพื่อเคลียร์ค่าใช้จ่ายทั้งโต๊ะ
ผมพยุงน้องให้เดินออกไปที่ลานจอดรถ เพื่อนคนอื่นๆ ก็เดินตามกันออกมา

“งี้แหละมีเมียเด็กต้องหมั่นเช็กเงินเดือน” ไม่พ้นที่นาวินจะแซวต่อ
“เงินเดือนหมอจะพอค่าข้าวน้องหรอวะ ฮ่าๆ”

“กูเลยต้องทำงานหลายอย่างนี่ไง”

“โถ่ ทำเป็นคนตกยาก แค่หุ้นบริษัทพ่อมึงก็กินปันผลไม่หมดแล้วมะชาตินี้”

“ไม่รู้ว่ะ แค่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ไปช่วยอะไรพ่อเลย คงขายให้ดิน”

“อ้าวพระเอก มึงจะขายหุ้นพันล้านให้น้องมึงแล้วมึงจะเอาไรแดกตอนแก่”

“มีความรู้ถึงขั้นเป็นหมอได้ จะไม่มีปัญญาหาเลี้ยงตัวเองกับเลี้ยงน้องมันก็ให้รู้ไป”

“คำพูดยังพระเอก” ไม้เมืองพูดขึ้น

“แต่แดกไม่ได้” ไอ้พายุที่คงฟังมานาน ได้จังหวะพูดก็มาแบบพอดิบพอดีลงล็อกตลอด ไอ้ห่า

พยุงน้องเข้าไปนอนในรถ ปรับเบาะให้นอนสบาย พร้อมสตาร์ทเครื่องก่อนจะมาร่ำลาเพื่อนๆ งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกลา แต่มิตรภาพจะไม่เคยร้างลา

นาวาเดินเอาบัตรเครดิตมาคืน พวกเราห้าคนยืนมองหน้ากันยิ้มๆ แอลกอฮอล์ทำให้ใบหน้าพวกมันแดงระเรื่อ ถ้าเป็นตอนมหาลัยผมคงไม่ได้มายืนแบบนี้หรอก เมาเป็นหมา ไอ้พายุคงกำลังลากกลับคอนโด ไหนจะไม้เมืองที่บ่นด่าเพราะต้องวนรถไปส่งผมที่อยู่คอนโดคนละโยชน์กับพวกมัน ส่วนไอ้นาวาก็เช็กทางว่ามีด่านหรือเปล่า นาวินรายนั้นเมาหลับไปก่อนผมอีก

“ขอบคุณพวกมึงทุกคนนะเว้ย”
“ที่เข้าใจ”

“สองพันสิบแปดแล้วป่ะวะ ความรักเกิดขึ้นกับใครก็ได้ เพศไหนก็ได้ มึงอย่าคิดว่าพวกกูใจแคบขนาดนั้น” ไม้เมืองเป็นคนแรกที่พูดทั้งที่กอดอกหลวมๆ มาดอาจารย์ยืนบรรยายให้นักศึกษาฟัง

“มึงรักใครแสดงว่าเค้าควรค่าที่จะรัก ตอนนับถือเป็นลูกพี่สอนกันไว้นี่” หมอฟันล้วงกระเป๋ากระเกงยีนส์ขาดๆ ไม่ต่างอะไรกับผ้าเช็ดตีนพูด เป็นหมอที่หน้ามึนที่สุดแล้วมันอะ

“ดีอีกไม่ต้องเลี้ยงลูก เหนื่อยสัสๆ มาช่วยกูเลี้ยงลูกนี่มา”  เพื่อนคนอื่นฮาครื้นกับพ่อลูกอ่อนที่ดูเหนื่อยกับการเลี้ยงลูกเหลือเกิน

“ไงก็เพื่อนป่ะวะคุณ มันเลิกเป็นได้ด้วยหรอ เลิกเพราะคุณมีแฟนเป็นผู้ชาย ใจหมาไปหน่อยมั้ย” นาวินเดินมาดึงมือติดอกไปที ก่อนที่เพื่อนคนอื่นจะทำตาม

ถ้าเปรียบมิตรภาพเป็นอะไรสักอย่างสำหรับผม จะให้มันเป็นหนังยางเป่ากบตอนเด็กๆ ถ้ามันมีวงเดียวมันก็จะเป็นแค่ยางรัดแกงธรรมดา แต่เมื่อไหร่ที่ถูกเกี่ยวมัดมันจะต่อขยายยาวเหยียด หนาแน่น คงทน ทว่าต้องแลกพื้นที่ให้วงยางของตัวเองสั้นลง เพื่อจะเกี่ยวอีกเส้นไว้ เหมือนความจริงใจที่ต้องให้ และได้รับคืนเช่นกัน เราห้าคนก็เหมือนยางเป่ากบห้าเส้นที่เกี่ยวมัดกันไว้อย่างพอดิบพอดี อาจจะหย่อนยานยามห่างไกล แต่ก็หยืดหยุ่นเมื่อกลับมาเจอกันได้อีก แม้วันหนึ่งมันจะเก่าและขาดออกจากกัน แต่อย่าลืมว่าคุณสมบัติยางถ้าเก็บดีๆ จะอยู่ได้นานเท่านาน

เพื่อนไม่เคยเก่า อย่างที่พี่เวียร์บอกไว้นั่นแหละครับ





------------------------To be continued-------------------------




สรุปพี่เวียร์มาเพื่อฆ่าทุกคน อะไรวะ555555555555555555555555
เปิดตัวเพื่อนคูมหมอเค้าแหละ งานดีย์ทั้งนั้น
เลือกๆเอานะ เพราะหมอดิมเค้าเมียแร้วจ้าาา

ขิงประโยคนี้ของอิน้องแมะ

“ไม่ได้เตรียมตัวเป็นแม่ศรีเรือนนะ แต่ว่าอะไรที่เราคิดว่าเป็นสเน่ห์ในตัวเอง ก็ต้องยิ่งรู้จักบริหารไม่ใช่หรอ” /รุดก้านมะยม



บีอีกแล้วครับทั่น

#กาลครั้งที่รักคุณ
#youaremyday1


@mifengbeexx




ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
อ่านจบเพลงขึ้นเลย จากวันนี้ จะมีเรา เราและนายยยยยยย 5555555555555

ยิ่งอ่านไปไม่ใช่แค่หมอดุแล้วค่ะ น้องก็อ่อย สมน้ำสมเนื้อออ  :hao7:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด