END【you are my day 1◑│กาลครั้งที่รักคุณ】Special - Day1-3 (4/11/61)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: END【you are my day 1◑│กาลครั้งที่รักคุณ】Special - Day1-3 (4/11/61)  (อ่าน 186191 ครั้ง)

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
You are my day 1◑ : กาลครั้งที่รักคุณ
EP.16 four together [X - POOL / X - APO]
[/size]

I had hoped you'd see my face
And that you be reminded that for me it isn't over




X - POOL

แสงแดดอ่อนแรงเวลาโพล้เพล้ทอดสีทองอร่ามไปทั่วผืนทะเลไกลสุดลูกตา เป็นช่วงเวลาที่มนุษย์จะได้จินตนาการถึงภาพตัดขวางของโลกใบใหญ่ แต่ทว่าเป็นเศษเสี้ยวของจักรวาลอันไรขอบอนันต์

ผมนั่งมองภาพตรงหน้าเหมือนโดนสะกดจิต หรือเพราะเหนื่อยล้าจากการเร่งถ่ายซีรี่ส์ทั้งวันไม่มั่นใจ ลมเย็น ๆ และกลิ่นเค็มจากเกลือทะเลปะทะใบหน้ามาเป็นเวลาสักพัก ยังไม่มีใครเรียกให้เข้าฉากเลยถือโอกาสอู้มานั่งเพ้อกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่คล้ายกับงานศิลปะของจิตรกรชื่อดัง

“พูลล์!”

“...”

“มาหลบนี่เอง พี่ ๆ ตามไปกินข้าว เดี๋ยวจะได้ถ่ายซีนรอบกองไฟ” ผู้ชายใบหน้าหล่อเหลาหุ่นนายแบบและยิ้มกระชากใจพี่ ๆ สาวสองในกองเอ่ยทักขึ้น ผมและอาโปเริ่มสนิทกันเพราะศิ เขาสองคนเป็นเพื่อนกันมาก่อน แล้วเหมือนจะเป็นผมที่เพิ่มเข้าไปทีหลังเวลาเราต้องทำงานด้วยกัน

“เรายังไม่ค่อยหิวเลย กำลังฟินกับบรรยากาศ”

“จริง เราไม่ได้มาทะเลนานมาก ครั้งสุดท้ายก็น่าจะ..3 ปีที่แล้ว”

“เรามาบ่อยมาก แต่จะไปแถวหัวหิน”
ผมนั่งอยู่บนชายหาดที่ทรายสีมอ เพราะไม่ใช่ทะเลฝั่งที่เราจะใช้ถ่ายจริง ซึ่งที่ถ่ายฉากจบมันสวยกว่านี้มาก แต่ตรงนั้นต้องเคลียร์พื้นที่สำหรับเซ็ตติ้งถ่ายพรุ่งนี้เลยไม่ไปยุ่มย่าม

“ดีอะ มีคนไปด้วยบ่อย เราไม่มีคนไปด้วยก็จบที่ไม่ได้ไปทุกที”

“เปล่า ไปคนเดียวอ่า”

“หื้อ ไปทะเลคนเดียว”

“อื้อ ตอนไม่สบายใจ คิดอะไรไม่ออก” เปลี่ยนท่านั่งเป็นชันเข่าแล้วรวบกอดขาของตัวเองไว้ สายตายังทอดไปที่ท้องฟ้าจรดน้ำทะเลสีส้มประกายสวยและแสงน้อยลงเรื่อย ๆ

“นี่เราถามหน่อย พูลล์กับพี่คนนั้นคือยังไงหรอ”

“พี่ภีมน่ะหรอ”

“จะพูดว่าเสือกก็ได้นะ”

“ฮ่าๆๆ ไม่หรอก ถามได้ จริง ๆ เราก็เหมือนรอให้คนถามเหมือนกัน” หันหน้ามามองคนที่ตอนนี้นั่งขัดสมาธิบนพื้นทรายร่วน สีมอเหมือนกัน

“เค้าจีบพูลล์หรอ หรือเป็นแฟนกันแล้ว?”
“คือพูลล์ดูเหมือนลำบากใจเวลาที่เค้ามาหา”

“คงเหมือนอาโปกับเมฆล่ะมั้ง”

“หึ จริง ๆ เราก็รอให้คนถามเราเรื่องนี้เหมือนอยู่เหมือนกัน”

“ฮ่า ๆ คุยกันตอนนี้เหมือนเวลาจะไม่พอด้วยป่ะ”

“เอองั้นเลิกกองเจอกันที่ห้อง นอนคุยยาว ๆ พรุ่งเรานี้มีซีนเดียว พูลล์ล่ะ”

เราสองคนได้บัดดี้จับคู่กันนอน ไม่ต้องพูดถึงพี่หมอกับแฝดผมนะ ทางทีมจัดให้นอนด้วยกันอยู่แล้วเพราะจะได้สนิทกัน แต่หารู้ไม่ว่าถ้าได้นอนแยกกัน พี่หมอคงเปิดห้องของรีสอร์ทเองเพื่อให้ศิไปนอนด้วย จบ

“2 ซีนแว้บๆ”

“ดีล!”

“deal man!”


ลุกจากชายหาดพร้อมกับพระอาทิตย์หายจากเส้นตัดน้ำทะเลไป ความมืดค่อย ๆ กลืนกินทุกสรรพสิ่ง และน้ำทะเลสีส้มทองเมื่อสักครู่ก็กลายเป็นสีดำสนิท เหมือนปิดสวิตท์ไฟทางธรรมชาติ


ซีนสุดท้ายของวันนี้คือฉากรอบกองไฟ ของการเข้าค่ายทำกิจกรรม เป็นธรรมเนียมเด็กนักศึกษาคือการเล่าเรื่องผีหรือเรื่องสยองขวัญที่ตัวเองเจอมา แน่นอนว่าเรื่องทุกคนที่นั่งรอบกองไฟเป็นเรื่องที่แต่งเองทั้งนั้น นอกจากเรื่องของศิหรือภามาสที่เขาจะเล่าเรื่องความฝันซ้อนกับความจริงของตัวเอง และดันกลัวเองจนร้องไห้ออกมา จุดนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการมองตัวตนของภามาสของรังสิมันต์เปลี่ยนไป ซึ่งถ้าไปออนแอร์ฉากนี้จะอยู่ในช่วงแรก ๆ ของเรื่องเลย

ศินั่งท่องบทอันยาวเหยียดของตัวเองบนขอนไม้ขนาดใหญ่ที่ทางพี่ทีมงานเตรียมมาประกอบฉาก ข้าง ๆ มีพี่หมอคอยปัดยุงและแมลงให้ คนความจำดีอย่างพี่หมอคือสามารถจำบทหนึ่งซีนได้ด้วยการอ่านสองรอบและเป๊ะทั้งไดอะล็อก อารมณ์ และท่าทาง เหมือนวิญญาณนักแสดงคนนั้นเข้าสิงแถมกินบทเข้าไปด้วย พูดถึงตรงนี้ก็อิจฉาแหละ ยังดีที่ไม่ค่อยขี้ขิงเหมือนพี่ภัทรกับพี่ปาล์ม พี่หมอก็เลยมีเวลามานั่งดูแลว่าที่แฟนได้อย่างดีขนาดนี้

“แฮ่ม ๆ”
“บริจาคเลือดให้ยุงบ้างก็ได้มั้ง ทำทานน่าพี่หมอ”

“ทำทานแล้วเป็นไข้เลือดออกหรือมาเลเรียน่ะหรอครับน้องพูลล์”

“ง่ะ”

“เราบอกไปแล้วก็โดนแบบนี้” ศิยู่หน้าใส่พี่หมอเล็กน้อย และยิ้มตาหยีให้ผม

“มาแซวเพื่อนทายากันยุงหรือยังเราน่ะ” พี่ดิมมองแบบคุณหมอที่จริงจังแต่ไม่ได้จะดุนะ แค่เป็นคุณหมอประเภทที่ยอมให้ด่าแรง ๆ ดีกว่าพูดความจริงน่ะ อันนั้นเจ็บกว่าโดนหยิกอีก

“ทาแล้วครับผม รู้หรอกน่า”

“พูลล์จะเล่าเรื่องอะไรอะ น่ากลัวป่ะ นี่กลัวเพื่อนเล่าแล้วเรากลัว ลืมบทจะพาลซวยกันหมด” ศิสงสายตาตามประสาคนขี้กังวลมาให้

“ซอล์ฟ ไม่มีอะไรให้กลัวเล้ย” เขยิบไปขอนั่งข้าง ๆ ศิ กองไฟข้างหน้าใช้ฟืนจริงแต่เป็นประเภทไร้ควันเพื่อป้องกันเข้าหูเข้าตานักแสดงเดี๋ยวจะได้นั่งร้องไฟกันก่อนจะถ่ายจบ

ครืด ครืด

[P] วันนี้เลิกกองยังนะ
[P] พี่ภีมคิดถึงน้องพูลล์จัง

การแจ้งเตือนจากข้อความของคน ๆ เดียวตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา มันกลายเป็นความเคยชินและรู้สึกถึงการมีมันอยู่เสมอ และคงรู้สึกโหว่งเป็นหลุมบิ๊กแบงถ้าวันหนึ่งหายไป

กองไฟตรงหน้าลุกโชนให้แสงสว่างแต่ต่างกับหัวใจที่ขุ่นมัวเหมือนวันพระอาทิตย์ไร้แสง แม้ภายนอกจะดูสดใสดี แต่แท้จริงมีแต่เมฆบดบังจนอึมครึมไปหมด

ไม่เคยตอบข้อความพี่ภีมในทันที บางครั้งเขาโทรมาก็ตัดสายหรือไม่รับ แต่จะโทรกลับในอีกหลายนาทีต่อมา มันเป็นเพราะเรื่องราวในครั้งนั้นที่ทำให้ผมเสียสูญกับความสัมพันธ์ของเรา ทั้งที่มันควรจะดีกว่านี้หรือพัฒนาได้มากกว่าที่เป็นอยู่แท้ ๆ แต่กลับต้องเหมือนนับหนึ่งใหม่ หรือบางทีอาจจะไม่มีโอกาสนับหนึ่งเลยด้วยซ้ำ

พี่ภีมเป็นพี่ชายข้างบ้านที่ย้ายมาใหม่ ขณะนั้นผมอยู่มอสี่ และเขากำลังเรียนปี 2 เรากลายเป็นเพื่อนต่างวัยที่เข้ากันดีในทุกเรื่อง พ่อแม่ของเราก็กลายเป็นเพื่อนบ้านที่เอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน รวมถึง ‘เภตรา’ พี่สาวแสนสวยและน่ารักของผมก็ดูจะเข้ากันได้ดีกับพี่ภีม เพราะเขาอายุเท่ากัน

พี่ภีมเรียนจบปี 4 ก็ไปเรียนต่อที่อังกฤษทันที โดยมีพี่สาวของผมไปเรียนที่มหาลัยเดียวกันด้วย ในตอนนั้นยอมรับแล้วว่าตัวเองแล้วว่าชอบพี่ภีมในแบบคนรักไม่ใช่แค่พี่ชายข้างบ้าน ตอนไปส่งที่สนามบินร้องไห้กอดเขาแน่นแถมขโมยจูบพี่เขาก่อนจะวิ่งจากมา พี่ภีมติดต่อมาเสมอช่วงแรก ๆ ที่ไปอยู่ แต่พอนานเข้าก็เริ่มขาดหายเหตุผลเพราะเรียนหนัก แถมยังต้องทำงานในบริษัทเครือข่ายของครอบครัวเขาที่นู้นด้วย แต่ที่ทำให้ผมรู้สึกหน่วงในใจ และคิดว่าการรอของตัวเองกำลังจะสูญเปล่า เพราะขณะที่ผมรอการติดต่อจากเขาทุกวันก็เห็นรูปถ่ายที่ถูกแท็กในเฟซบุ๊กและไอจี ไปปาร์ตี้บ้าง เที่ยวนอกเมืองบ้าง และในเฟรมจะมีพี่สาวผมอยู่ด้วยเสมอ

พี่ภีมไม่เคยบอกว่ารู้สึกแบบไหนกับผม แต่เขาให้ผมรอ และผมก็ซื่อรอจนเขากลับไทย และคุณพ่อคุณแม่ของเราทั้งสองคนก็อยากจะขอให้พี่ภีมและพี่เภตราหมั้นกัน

เหมือนโดนบีบหัวใจด้วยมือหลาย ๆ คู่ และทั้งสองคนก็ไม่ได้ดูตื่นตกใจเหมือนรู้อยู่แล้วว่าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเตรียมเรื่องนี้ นอกจากผมที่นั่งเป็นไอ้โง่ในชุดสูทสุดหรูในห้องทานข้าวที่โรงแรมดัง

วันเดียวกันเพื่อนที่ไทยของพี่ภีมและพี่เภตราอยากฉลองต้อนรับ ผมก็เลยต้องไปด้วยอย่างเสียไม่ได้เพราะดันรู้จักกับเพื่อนทั้งสองฝ่าย ตลกดีที่เหมือนไปนั่งฟังเรื่องราวของทั้งคู่โดยที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอก ทำอะไรไม่ได้นอกจากดื่มจนเมา และตัวต้นเหตุก็พาไปที่คอนโดเขาไม่ได้ไปส่งที่คอนโดผม

เหตุการณ์คืนนั้นก็เลยทำให้ทุกอย่างมันยากไปหมด



X - APO

นักแสดงกว่าสิบชีวิตนั่งล้อมวงรอบกองไฟให้ความรู้สึกเหมือนเข้าค่ายลูกเสือตอนมอต้น ดีกว่าหน่อยที่ไม่มีครูผู้นำสันทนาการมานำร้องเพลงโอ้เมื่อมีไฟไฟลุกขึ้นแจ่มจ้า แล้วก็ชื่นชมหมู่ที่แสดงได้ดีด้วยการพูดประโยคเดิมสามครั้งและทำท่าไปด้วย เอาตรง ๆ ทุกวันนั้นยังสงสัยว่ามีประโยชน์ตรงไหน นอกจากเอาไว้แกล้งเพื่อนในหมู่ที่ตัวเองสนิท

“ไฟเดิน กล้องเดิน แอ็คชั่น!”

“เรย์มึงจำตอนที่เราไปออกค่ายปี1ได้ป่ะวะ”

“เออ ทำไมวะ”

“กับข้าวแม่งอร่อยเนอะ”

ผัวะ!

“ไอ้ภูผาเค้าให้เล่าเรื่องผีนี่ก็วกเข้าเรื่องแดกตลอดเลย” พี่ภัทรที่รับบทเป็นพายุตบหัวพูลล์เบา ๆ

“เออ แม่งเล่าต่อก็ได้แค่เล่นมุก มึงตบกูซะจริงจังเลยพายุ” พูลล์มีบุคลิกที่ไม่เข้ากับกลุ่มพระเอกที่สุดแล้ว คนอื่นตัวใหญ่อย่างกับยักษ์และเขาเหมือนแมวตัวน้อย ๆ ที่คอยได้รับการปกป้องจากเพื่อนตัวใหญ่

“คืองี้…”

พี่หมอดิมในบทรังสิมันต์ คนภายนอกได้ดูก็คงคิดว่าเขาเป็นคนเดียวกัน แต่คนในกองจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ใช่ รังสิตมันต์ปากเร็ว พูดแล้วมาคิดทีหลัง เฮฮา ไม่ค่อยสะอาด และรั่ว แต่พี่หมอจะคิดก่อนพูด สุขุม เนี้ยบ สะอาด น่าเคารพ ที่สำคัญพูดน้อย ยกเว้นพูดกับไอ้ศิอะนะ

อิจฉาสองคนนี้เหมือนกัน ตรงที่อุปสรรคในชีวิตรักยากกว่าที่ผมเจอมาก ๆ แต่ความเข้มแข็งและเชื่อมั่นในความรู้สึกของตัวเองและคนรัก ทำให้ผ่านมันมาได้เหมือนปาฏิหาริย์

แต่ผมนี่สิ ไม่เข้มแข็ง ไม่เชื่อมั่น เปราะบาง และอ่อนแอเกินกว่าจะวางความรู้สึกไว้กับใครอีก เพราะเหตุการณ์ที่เจอมันทำผมเสียสูญจนไม่กล้ามีใครมาตั้ง 3 ปี ทั้ง ๆ อีกคนก็ดูจะไม่ได้สนใจ จนผมมีคนมาเข้าเลยเขาจึงเริ่มร้อนรน ใช่ครับมีคนเข้ามาเพราะเริ่มมีชื่อเสียง มีคนรู้จัก ไอจีที่ตอนแรกยอดฟอลโล่วแสนต้น ๆ ตอนนี้เขยิบมาสองแสนกว่า ยอดไลก์ก็มากขึ้นกว่าแต่ก่อนที่มีแค่ร้านค้ามาฟอล

‘พี่เพทาย’ เป็นผู้ชายน่ารักมากคนหนึ่ง เขาเข้าหาผมง่าย ๆ สบาย ๆ  เริ่มจากการทักไดเร็กไอจีมา แล้วอยากขอเป็นเพื่อน เท่านั้น  ตอนแรกไม่ได้สนใจด้วยซ้ำเพราะคิดว่าคงเหมือนคนอื่น ๆ แอบคิดว่าเป็นแฟนคลับที่แฝงตัวมาด้วยซ้ำ แต่พอกดเข้าไปดูไอจี ค่อนข้างเป็นคนคุมโทนเที่ยวตลอดเวลา จนเห็นในไบโอว่าเป็นกัปตันสายการบินหนึ่ง พ่วงช่างภาพ และนักท่องเที่ยว  เขาส่งเพลงที่อยากให้ฟังมาทุกวัน จนต้องกด aollowed แต่ก็ไม่เคยตอบข้อความเลยสักครั้ง ทว่าเขาก็ไม่คะยั้นคะยอ ยังส่งเพลงมาให้ทุกวัน บางวันเพลงไทยบางวันเพลงสากล ลูกทุ่งยังมี ก็เลยตัดสินใจคุยดูแล้วนัดเจอกันเงียบ ๆ

พี่ทาย เขาให้ผมเรียกแบบนี้ ขยันมาหาเวลาผมเลิกเรียนแอ็คติ้ง และเขาก็มักจะแลนด์ดิ้งเวลานั้นพอดี แต่แอบมารู้ทีหลังว่าย้ายไฟล์ทขอบินในประเทศจะได้มาเจอกันบ่อย ๆ ยอมเงินเดือนน้อยกว่าเดิมเพื่อมานั่งกินข้าวกล่องเซเว่นเวลาเกือบเที่ยงคืนหน้าคอนโดผม ไหนจะหิ้วของฝากจากหลายจังหวัดมาให้อีก จีบกันโต้ง ๆ แบบนี้จะไม่หวั่นไหวได้หรอ ไหนจะเป็นคนที่ภายนอกดูดี ภูมิฐาน และดูเป็นผู้ใหญ่ แม้อายุจะน้อยแต่ได้เป็นผู้ช่วยกัปตันสายการบินดัง เกือบวางหัวใจให้เขาไปแล้วด้วยซ้ำ

เฌอเป็นคนแรกที่สังเกตความผิดปกติของผม เพราะเบี้ยวนัดเพื่อนครบกลุ่ม ไหนจะชอบหายตัวเสาร์อาทิตย์ แรก ๆ เธอคิดว่าอาการติสท์กำเริบ จนมาเจอผมกับพี่ทายนั่งรอดูหนังรอบมิดไนท์ที่พารากอน ที่สำคัญเฌอดันมากับเมฆ ก็เลยต้องบอกความจริงกับเพื่อนและแนะนำพี่เพทายให้ทุกคนรู้จัก

บทสนทนาทางไลน์จากเมฆทั้งที่เขาไม่เคยแชทส่วนตัวมาหานานมากแล้ว ได้รับหลังจากคืนที่เมฆได้เจอกับพี่ทาย

[Cloudy] : แฟน?
[APO] : No
[Cloudy] : คนคุยว่างั้น
[APO] : Umm maybe
[Cloudy] : นานแค่ไหนแล้ว
[APO] : it’s not matter of you
[Cloudy] : ก็ถามดู เห็นไม่คุยกับใครนานแล้ว
[APO] : Thanks kub

นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ เพราะหลังจากที่เมฆรู้ก็ชอบพูดจาแขวะแต่ให้เหตุผลว่าเป็นห่วงกลัวจะโดนหลอก พูดไปถึงขนาดกลัวว่าผมจะไปเป็นเมียน้อยกัปตัน เหอะ ตอนได้ยินโคตรโมโหเลยเพราะมันดูถูกผมเอามาก ๆ จนเฌอกับศิต้องห้ามทัพ และหลังจากวันนี้เขาก็บังคับไปรับไปส่งเวลามีซ้อมการแสดงหรือมีเรียน จะเห็น mercidez benz c-class รุ่นล่าสุดมาจอดหน้าคอนโดทุกวัน แม้บ้านเขาจะอยู่ไกลจากที่นี่หลายกิโล บางวันทำเป็นไม่เห็นขับรถตัวเองออกจากคอนโดไปเลย และวันนั้นก็จะกลายเป็นวันพินาศทันที เพราะเมฆจะตามเฝ้าทุกที่ โทรหาเป็นสิบ ๆ สาย

เมฆผู้ใจเย็นทีทุกคนเห็นน่ะ แค่ภาพล่วงตา เขาคือเมฆผู้ก่อพายุทอร์นาโดต่างหาก

สุดท้ายก็ยอมให้เขาตามไปรับไปส่ง แต่สิ่งที่ไม่เคยถามคือทำแบบนี้ทำไม เพื่ออะไร เขาไปรับไปส่งแม้กระทั่งวันที่ไปเดทกับพี่เพทาย ถามถึงเหตุผลก็ไม่ยอมตอบ ได้แต่ทำหน้านิ่ง ๆ ขับรถเร็วตามนิสัยเวลาโมโห เขาก็เป็นแบบนี้แหละ ภายนอกที่ดูเย็นชา แต่ภายในกลับร้อนรุ่มพร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งที่ขว้างหน้าแค่รู้สึกไม่ถูกใจ

อดีตของเมฆ กับ ปัจจุบันของเมฆ มันไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่





X - POOL / X - APO

เจ้าของร่างสูงร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรบิดขี้เกียจเดินเข้าห้องพักที่ทางทีมงานจัดให้ รีสอร์ตที่นี่บรรยากาศดีมาก จนไม่คิดว่าจะอยู่ในจังหวัดใกล้กรุงเทพฯ อย่างชลบุรี แต่เป็นพื้นที่หวงห้ามส่วนใหญ่จะใช้รับแขกคนสำคัญของกองทัพ หรือไม่ก็ราชอาคันตุกะ และเปิดให้ใช้เป็นสถานที่ถ่ายภาพยนตร์บ้าง ถือว่าโชคดีก็ว่าได้เพราะนี่ถือเป็นซีรี่ส์เรื่องแรกที่ได้เข้ามาถ่ายทำที่นี่

“พูลล์จะอาบน้ำก่อนเปล่า เราขอนั่งอ่านบทพรุ่งนี้อีกแป๊บ” อาโปนั่งขัดสมาธิที่โซฟาเล็ก ๆ ภายในห้อง เงยหน้าขึ้นเมื่อเห็นรูมเมทเดินเข้ามา สภาพยับเยินเหมือนไปถ่ายละครของอาหลอง แต่จริง ๆ แค่เข้าฉากรอบกองไฟ อาโปมองว่าผู้ชายคนนี้เหมือนร่างฝาแฝดของเพื่อนตัวเอง ในเวอร์ชั่นร่าเริงและมอบพลังบวกให้กับทุกคนได้เสมอ แม้ตัวเองจะเหนื่อยล้าแค่ไหนก็ตาม พี่นายเรียกตัวเอ็นเตอร์เทน

“อื้อ เรามอมแมมากเลย ส่องกระจกที่ห้องแต่งตัวเหมือนหมาคลุกฝุ่นเลยอะ”

อาโปพยักหน้ารับและยิ้มให้บาง ๆ แล้วก้มอ่านบทและท่องจำต่อ แต่ไม่นานเสียงมือถือก็ขัดจังหวะอีกครั้ง

[Cloudy]

“อื้อ ว่า”

(เลิกกองยัง)

“แล้ว กำลังอ่านบท”

(กินข้าวยัง แล้วจะนอนตอนไหนหรอ)

“กินแล้ว น่าจะห้าทุ่ม ถามทำไม”

(สี่ทุ่มครึ่งโทรหาได้มั้ย)

“...”

(สี่หุ่มสี่สิบห้าก็ได้)

“...”

(สี่ทุ่มห้าสิบห้าได้มั้ย)

“คุณทำไรอยู่วะตอนนี้ ต้องการอะไรแค่บอกให้เรารู้ตรง ๆ”

(อยากคุยด้วย)

“ในฐานะอะไร”

(...)

(ถ้าเป็นเพื่อน เมื่อสามปีก่อนก็ไม่ต้องคุยกันทุกวันป่ะวะ)

(เราขอโทษ)

“เรื่อง”

(ทุกเรื่องที่ทำให้คุณเสียใจ ทุกเรื่องที่ทำลายความเชื่อใจ และทุกเรื่องที่ทำให้คุณปิดกั้นตัวเอง)

“...”

(เราคิดว่าคุณจะไม่มีใคร จนกว่าเราจะกล้ากว่านี้)

“หึ เราบอกคุณไปแล้วไง ว่าถ้าจะกลับมาอย่าคิดว่าใช้เวลาแค่นี้ เพราะเราใช้เวลานานกว่าจะเป็นเพื่อนคุณได้”

(อืม รู้ งั้นก็ให้โอกาสเราบ้าง)

“ค่อยคุยนะเราจะไปอาบน้ำแล้ว” อาโปวางสายเพราะไม่อยากฟังน้ำเสียงอ้อนวอน โยนมือถือลงที่พื้นที่ว่างข้างโซฟาร์ ขยี้หัวตัวเองอย่างคนคิดไม่ตกกับสิ่งที่ได้ยิน

กลับมาทำไม กลับมาในวันที่จะเริ่มใหม่ทำไม





มีต่อ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-07-2018 23:01:15 โดย mifengbee »

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
หยิบบุหรี่ซองสีขาวเกลี้ยงออกไปริมระเบียง คนรูปร่างสมส่วนไม่ได้ติดบุหรี่เลย เคยสูบอยู่ไม่กี่ครั้ง ก็คนที่เพิ่งวางสายนั้นแหละเป็นคนสอน แต่เวลาที่คิดอะไรไม่ออกและอยู่ในสภาวะปลงไม่ตกอัดนิโคตินเข้าปอดมันก็โล่งไปได้สักพักเหมือนกัน

ก็อก ๆ

พูลล์ที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินมาเคาะกระจกริมระเบียง

“อาโปเราอาบน้ำเสร็จแล้วนะ”

“อื้อ” ดับบุหรี่ที่ดูดได้ครึ่งมวนกับที่เขี่ยบุหรี่ของทางรีสอร์ทจัดให้

“สูบด้วยหรอ”

“บ้างอะ เวลาคิดอะไรไม่ออก” คนตัวสูงกว่ามองคนตรงหน้าที่ใส่ชุดนอนลายหมีสามตัวแขนยาวขายาว ก็เพิ่งเคยเจอผู้ชายที่มาออกกองแล้วพกชุดนอนลายน่ารักแบบนี้มาด้วย อ้อ ยกเว้นเพื่อนอย่างศิรัสไว้หน่อย

“พอดีประตูห้องน้ำมันน่าจะไม่เก็บเสียง เอ่อ เราก็เลยได้ยินน่ะ ทะเลาะกับเมฆหรอ”

“ไม่รู้เหมือนกันแฮะ มันขมุกขมัวเหมือนควันบุหรี่เมื่อกี๊เลย”

“บุหรี่ที่อาโปจุดเองน่ะหรอ”

“นั่นสินะ เราจุดมันเองแท้ ๆ”

“เฮ้ยๆ เราไม่ได้มีนัยยะอะไรเลยนะ ก็อาโปเปรียบเทียบแบบควันบุหรี่อะ”

“พูลล์นี่มองโลกดีว่ะ เราไปอาบน้ำละ”

“นี่เรายังมีสัญญาเล่าเรื่องอยู่ใช่เปล่า”

“อ่าฮะ แล้วก็นี่ มือถือพูลล์สั่นตลอดเลย ตอบไลน์บ้างนะ”

“น่าาา ไปอาบน้ำไป”

คนในชุดนอนลายหมีสามตัวเดินไปหยิบมือถือมาดูแจ้งเตือนจากคน ๆ เดียว ที่มักจะถามไถ่ตลอดเวลา นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาที่เขาจะโทรหาทุกวันแล้ว แต่วันนี้จะไม่คุยเพราะจะนอนคุยกับอาโป



[thepooh] วันนี้เราไม่ว่างคุยกับพี่นะ เรามีนัดทำกิจกรรมที่กอง
[P] แค่ 5 นาทีก็ไม่ได้หรอ
[thepooh] คุยกันทุกวันไม่เบื่อหรือไง ขนาดพี่ไปเรียนตั้งหลายปีก็ไม่ได้คุยกันตลอดป่ะ
[P] พี่จะทำยังไงนะน้องพูลล์ถึงจะหายโกรธพี่เรื่องนี้
[thepooh] ถ้าพี่ภีมเหนื่อยก็ไม่ต้องทำก็ได้ เราเคยบอกแล้ว
[P] ไม่เหนื่อย พี่แค่อยากให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม
[thepooh] จะเป็นเหมือนเดิมได้ไงก็ในเมื่อมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ทั้งพี่ภีม ทั้งเรา
[thepooh] บางทีเราอาจจะมาได้แค่นี้ก็ได้นะ
[P] พี่ขอโทษ
[thepooh] ไว้เรานอนจะไลน์บอกนะ ไปทำกิจกรรมก่อน

คำว่าขอโทษจากปากผู้ขายที่ไม่เคยยอมแพ้และเป็นเลิศทุกด้านในชีวิต มันค่อนข้างกระทบจิตใจที่สั่นไหวของพูลล์ไม่น้อย ถ้าคืนนั้นตัวเขาเข้มแข็งและห้ามใจตัวเองได้มากพอ เรื่องราวมันก็คงง่ายกว่านี้ และพี่ภีมคงตัดสินใจไม่เลือกผมเพราะแค่อยากรับผิดชอบกันเฉย ๆ

พี่ภีมไม่เคยไปเทคแคร์พี่เภตราเลยตั้งแต่หมั้นกัน เขาเอาเวลามาขลุกอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลาที่ว่าง ไม่เข้าใจว่าทำแบบนี้แล้วพี่เภตรายอมได้ยังไง กับพี่สาวก็ไม่คุยกันเรื่องนี้เท่าไหร่ อีกอย่างเธอก็อยู่คอนโดตัวเอง ส่วนตัวเองก็แยกมาอยู่คนเดียวตั้งแต่เรียนปี 1 ครอบครัวเราไม่ได้สนิทกันมากขนาดที่จะพูดคุยกันทุกเรื่อง ยิ่งโตขึ้นความห่างเหินจากครอบครัวก็ยิ่งไกลออกมาเรื่อย ๆ แต่ไม่ได้รู้สึกขาดความอบอุ่น ไม่ได้รู้สึกว่าขาดอะไร เข้าใจคุณพ่อคุณแม่มากกว่าที่ต้องทำงาน เพราะพวกท่านสร้างทุกอย่างมาด้วยสองมือของตัวเอง

อาโปเดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ ใส่เสื้อบาสตัวใหญ่กับกางเกงบอลขาสั้นเป็นชุดนอน หุ่นสุดฮอตที่มองลอดจากแขนเสื้อกว้างทำให้รู้ว่าเขาเป็นคนรักษาสุขภาพดีเยี่ยม แต่ไม่ได้ใหญ่แบบหุ่นก้ามปู อาโปเข้าฟิตเนสเพื่ออยากให้หุ่นเฟิร์ม ไม่อ้วนไม่ผอมจนเกินไป เพื่องานถ่ายแบบที่ตัวเองรัก

“ทำหน้ามุ่ยอีกละ” อาโปเห็นคนตัวเล็กกว่านั่งกอดเข่าบนเตียงของเขา สายตาจับจ้องไปที่ทีวีหรี่เสียงเบา แต่โฟกัสดันไม่ใช่สารคดีที่เปิดเลยสักนิด

“เราเบื่อความไม่ชัดเจน”

“อ่า เริ่มเลยก็ได้นะ”

พูลล์เริ่มเล่าเรื่องของตัวเองและความสัมพันธ์กับพี่ชายข้างบ้านที่ตัวเองหลงรัก และคิดว่าอีกคนใจตรงกันมาตลอด จนกระทั่งพี่ชายข้างบ้านและพี่สาวของตัวเองหมั้นกัน จากความเห็นของพ่อแม่

“พี่เค้าหมั้นกับพี่สาวของพูลล์ แต่ยังตามรับตามส่งพูลล์เนี่ยนะ” พออาโปได้ฟังรู้สึกเรื่องของตัวเองเล็กไปเลย เพราะอย่างน้อยก็ไม่ได้มีเรื่องครอบครัวเข้ามาเกี่ยว

“อื้อ เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เรารู้แค่ว่าที่บ้านเรากับพี่ภีมกำลังจะทำธุรกิจร่วมกันบางอย่าง แต่เราไม่รู้รายละเอียด” พูลล์นอนคว่ำเอาหมอนใบใหญ่มากอด แล้วแนบแก้มย้วยของตัวเองบนหมอน สายตาหม่นแสดงออกมาหนักใจกับเรื่องนี้แค่ไหน

“พูลล์เคยถามพี่ภีมยังอะ”

“เคยแล้วแต่เค้าบอกแค่ว่าวันหนึ่งจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังเอง รอเค้าก่อน”

“หึ คนพวกนี้คิดว่าเรารอเก่งแค่ไหนวะ”

“นั่นสิ เรารอเค้ามาตั้งสี่ปี คิดว่าพอได้เจอกันอะไร ๆ มันจะชัดเจนขึ้น แต่แล้วก็ไม่เลย” คนพูดเสียงสั่นเครือและบังคับไม่ให้น้ำตาไหลไม่ได้

“เราถามหน่อยสิ แล้วพี่ภีมเทคแคร์พี่สาวพูลล์แบบที่ทำกับพูลล์หรือเปล่า”

“ไม่มั่นใจ รู้แค่เค้างานยุ่งมาก ๆ ถ้ามีเวลาก็จะมาหาเรา ถ้าเค้าไปหาพี่เภตราด้วยก็คงต้องสับรางเก่งมาก”

“แล้วทำไมยังยอม”

“กะ ก็ เรารักเค้า รักมาก ๆ เลยอาโป” พูลล์พูดไปเอามือปาดน้ำตาตัวเองไป คนที่นั่งมองทนไม่ได้เลยเดินไปหยิบทิชชู่ให้ ก่อนจะนั่งลงบนเตียงเดียวกัน

“อื้อ เราเข้าใจ เพราะเราก็รักคน ๆ นึง รักมาโดยตลอด”

“แล้วทำไมอาโปดูยังไม่อยากเปิดใจให้เมฆหรอ”

“เรากับเมฆเคยคบกัน สมัยมอปลาย”

“ฮะ!”

“พูลล์รู้คนแรกเลย ศิกับเฌอก็ยังไม่รู้”

“แล้วทำไม..”

“แล้วทำไม เราถึงเป็นเพื่อนกับมันได้ หรือทำไมไม่บอกศิกับเฌอน่ะหรอ” พูลล์เช็ดน้ำตาลวก ๆ ก่อนจะลุกมานั่งข้างคนที่กำลังชันเข่าเล่าเรื่องตัวเอง

“ก็เพราะมันขอให้เราเป็นเพื่อนมัน อีกอย่างคิดว่าถ้าศิกับเฌอไม่รู้ ชีวิตในมหาลัยน่าจะราบรื่นกว่า”

“แล้วทำไมถึงเลิกกัน ทำไมถึงทำได้ เจอหน้ากันเกือบทุกวันเลยนะ โอ้ยเรามีคำถามเยอะมาก”

“ฮ่า ๆ ใจเย็น ๆ กำลังจะเล่าให้ฟังนี่ไง”

“เรากับเมฆเรียนโรงเรียนชายล้วนด้วยกัน ตอนประมาณมอห้าเทอมสอง พูลล์คิดออกใช่มั้ยล่ะว่าโรงเรียนชายล้วนมีแต่เด็กผู้ชายทะโมน ๆ เต็มไปหมด การเล่นอะไรแผลง ๆ มันเกิดขึ้นทุกวัน เรากับเมฆอยู่กลุ่มเดียวกันและก็เล่นกันแบบถึงเนื้อถึงตัวเสมอ จนมันเลยเถิดถึงขั้นเกือบจูบกัน และนั่นแหละที่ทำให้เราใจเต้นกับเพื่อนคนนี้ และเหมือนมันก็รู้นะว่าเราแปลกไป ก็เลยนั่งคุยกันตรง ๆ”

“วันนั้นจำได้เลยเรากับมันนั่งคุยกันที่ดาดฟ้าของโรงเรียน ก็สารภาพไปนั่นแหละว่าใจเต้นด้วยทุกครั้งที่อยู่ใกล้ แล้วเมฆก็บอกว่ามันก็รู้สึกเหมือนกัน ทีนี้เลยลองคุยกันดูเพราะไม่แน่ใจตัวเองทั้งคู่ว่าเป็นเพราะมันเป็นสัมผัสที่แปลกใหม่หรือเปล่า อีกอย่างวัยตอนนั้นก็อยากรู้อยากลองอยู่แล้ว”

“สี่เดือนได้มั้งที่คุยกัน แล้วก็ตกลงคบกันในฐานะแฟน แต่ไม่ได้บอกใครหรอกนะ ทีนี้เพื่อนเริ่มล้อเพราะเราดูสนิทกันมากขึ้น กลับบ้านด้วยกัน นั่งด้วยกัน สายตาเป็นห่วงเป็นใย แต่มันเริ่มมาหนักข้อเข้าตอนที่เพื่อนในกลุ่มบางคนจับได้ว่าเราใช้ของคู่กัน กลายเป็นโดนล้อจากเพื่อนแทบทั้งชั้น บางคนที่ไม่ชอบเมฆก็ถึงกับบูลลี่ด้วยคำพูดแรง ๆ สำหรับเราน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่เมฆเป็นสภานักเรียนก็เลยโดนสอบจากอาจารย์ ผู้ใหญ่บอกว่ามันไม่เหมาะสมที่เราจะมีความสัมพันธ์แบบนี้”

“เมฆดูเครียดและเริ่มเฟดตัวเองออกจากเรา ตอนแรกเราเริ่มจากศูนย์จนตอนนั้นมันเลยร้อยไปแล้วด้วยซ้ำ”

คนเล่าเริ่มกำมือตัวเองแน่น การพูดถึงเรื่องชีวิตที่จำได้แม่นแม้จะผ่านมาหลายปี ความรู้สึกตอนนั้นยังตราตึงอยู่ในความทรงจำ

“นานเท่าไหร่หรอ” อาโปถามขึ้น

“รวมที่คุยด้วยก็เป็นปีนะ”
“ตอนนั้นเราไม่ได้แคร์ใครเลยว่าจะมองเราแบบไหน แต่เมฆแคร์ แคร์สายตากลุ่มเพื่อนที่มองเราสองคนเปลี่ยนไป แคร์สายตาคนทั้งโรงเรียนเวลาเราเดินไปไหนมาไหนกัน แคร์สายตาคนนอกโรงเรียนเวลาที่มองมา”

“เราพยายามคุยกับเมฆปรับความเข้าใจ และเว้นระยะห่างเวลาอยู่ที่โรงเรียน แต่แล้วมันยิ่งแย่เพราะเมฆเอาแต่แคร์คนอื่น โดยที่ไม่สนใจเรา สุดท้ายก่อนจะปิดเทอมแรกตอนมอหก เมฆก็บอกเลิกเรา โดยให้เหตุผลว่า” คนพูดถอนหายใจเหมือนคำที่จะพูดออกมามันยากเหลือเกิน

“เขาไม่คิดว่าจะชอบผู้ชายตลอดไปได้”

“อาโป…” คนตัวสูงเสียงเริ่มสั่นกับประโยคที่ฝังใจมาโดยตลอด และมันเหมือนเป็นแผลที่ไม่เคยหายไปจากหัวใจได้สักวัน

“ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าจะทำยังไง เมฆขอให้เราเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม เรารักเมฆมากขนาดที่เรายอมเป็นอะไรก็ได้ขอแค่ไม่ให้เมฆออกไปจากชีวิต แต่มันก็เหยียบย่ำจิตใจเราอีกครั้งด้วยการเปิดตัวแฟนสาวดาวโรงเรียนหญิงล้วนข้าง ๆ”

“แย่มาก!!” พูลล์อารมณ์ขึ้นเพราะความเอาแน่นอนของเมฆไม่ได้ เหอะ ผู้ชายก็มักมากแบบนี้

“ตอนนั้นเราเลยตัดใจและเฟดตัวเองออกจากลุ่มเพื่อน ตอนแรกเกือบตัดสินใจไปเรียนต่อที่ต่างประเทศและย้ายไปอยู่ที่นู้นกับที่บ้าน แต่ในใจลึก ๆ ก็อยากเห็นเมฆประสบความสำเร็จอีกสักขั้นในชีวิต ก็เลยว่าจะรอเรียนจบปอตรีแล้วค่อยไป”

“แล้วทำไมถึงมาเรียนมหาลัยเดียวกันแล้วยังอยู่กลุ่มเดียวกันอีก ผู้ชายแบบนี้ไม่น่าให้เป็นเพื่อนด้วยเลย!”

“เราไม่รู้ว่ามันเลือกเรียนคณะและมหาลัยเดียวกับเรา เพราะอย่างที่บอกเราเฟดตัวเองออกมา แต่ก็พยายามกลับไปเป็นเพื่อนมันนะ เจอกันก็ทักบ้างแต่ไม่ได้สนิทกันเหมือนเดิมแล้ว พอมาเจอมันวันเฟิร์สเดทที่มหาลัยก็ตกใจเหมือนกัน แต่ก็คุยกันตามประสาเพื่อน อีกอย่างเราก็ทำใจได้ในระดับนึงแล้ว”

“เฮ้อออ แล้วนี่เมฆจะกลับมาหรอ”

“ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะแค่หวงก้างเพราะเรามีคนคุยอยู่ล่ะมั้ง”

“แล้วอาโปจะทำยังไง”

“เรายังไม่รู้เลย เรื่องตอนนั้นสำหรับเรามันแย่มากเลยนะ เราร้องไห้ตั้งหลายวันแหนะกว่าจะทำใจยอมมองหน้ายอมทักทายกันได้ แล้วนี่เราก็ทำใจมาได้ตั้งสามปีแล้ว แม่งยังจะมาทำแบบนี้อีก” 

“ทำไมความสัมพันธ์ของคนมันเข้าใจยากจัง”

“เรื่องพี่ภีมพูลล์จะเอาไงต่อ”

“เราก็ไม่รู้ แค่คิดว่ามันคงง่ายกว่านี้ถ้าเค้าไม่ต้องมารู้สึกรับผิดชอบอะไรเรา เค้าคงเลือกแต่งงานกับพี่สาวเราก็จบ”

“จะโอเคหรอ”

“ก็ต้องโอเคสิ เรากับพี่ภีมไม่ได้เป็นอะไรกันตั้งแต่แรกนี่เนอะ”

ผู้ชายในชุดบาสลูบผมของคนตัวเล็กที่ตอนนี้ดูตัวเล็กลงกว่าเดิม เพราะกำลังรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าเหลือเกินสำหรับผู้ชายที่ตัวเองรักและรอคอยมาเสมอ

ไม่ต่างจากคนที่ถูกลูบหัวได้แค่ยิ้มอย่างจริงใจให้กับรูมเมทตัวโตที่ตอนนี้หัวใจฟีบแบนไม่ต่างกัน สิ่งที่อาโปเจอมันหนักหนาทางความรู้สึกและความเชื่อใจ

“เราจะทำยังไงให้เชื่อใจคน ๆ หนึ่งได้ ทั้งที่เขาเคยทำร้ายจิตใจเราขนาดนี้วะ” อาโปพูดราวกับรำพึง

“นั่นสิ” พูลล์ตอบรับอย่างเหม่อลอย

สองหัวใจที่บุบสลาย เหมือนจะเข้าใจกันดีกับสถานการ์ที่ทั้งคู่กับลังเผชิญ ไม่มั่นใจว่าควรให้โอกาสไหม เพราะอีกใจก็กลัวว่าจะโดนทำร้ายจิตใจจากผู้ชายที่รักอีก แต่ตอนนี้ที่ทั้งคู่ทำก็ไม่ต่างอะไรกับการให้โอกาส เพียงแต่ว่ารอ รอว่าเมื่อไหร่เขาทั้งสองคนจะชัดเจนและทำให้มั่นใจว่าถ้าเดินหน้าต่อสู่ไปกับความรักครั้งนี้อีกครั้ง มันจะดีกว่าที่ผ่านมา

ครืด ครืด
[Cloudy]

ครืด ครืด
[P]

เสียงโทรศัพท์สองเครื่องสั่นพร้อมกันในเวลาเกือบห้าทุ่ม อาโปและพูลล์มองหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจบนเตียงของตัวเอง ก่อนที่อาโปจะเดินออกไปรับโทรศัพท์ที่นอกระเบียง และปล่อยให้พูลล์ใช้เวลากับปลายสายในห้องแทน

คืนนี้ทั้งสองคนคงต้องทวงถามความชัดเจนและบอกสิ่งที่คิดออกไปบ้าง เผื่อว่ามันจะช่วยให้มองเห็นปลายทางที่จะเดินต่อ

ว่าควรพอหรือไปต่อ


End X - POOL / X - APO






-----------------To be continued-------------------

มาแล้วเรื่องความสัมพันธ์ของภีมพูลล์ และเมฆอาโป
บอกเลยว่าปูมาขนาดนี้ก็ควรเขียนเรื่องแยกมะ
555555555555555555555555
แต่ไว้ก่อนนะ เอาเรื่องนี้จบก่อน

ตอนหน้าเจอกับหมอดุและน้องขี้ยั่วเหมือนเดิมจ้า

เม้นท์ให้หนูหน่อยพี่จ๋า

บีคนเดิมครับทั่น

#กาลครั้งที่รักคุณ
#youaremyday1

@mifengbeexx


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ความรักมันก็จะซับซ้อนหน่อยๆอ่ะเน๊าะ
เราเข้าใจ

ออฟไลน์ maplub_oyaya

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ Dezzerr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
 :ling2: เข้าใจแล้วจ้าพี่จ๋า เข้าใจแจ่มแจ้ง เจ็บปวดละเกิลลลลล

ออฟไลน์ Ezi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ให้พูลล์กับอาโปคบกันเอง แล้วทิ้งพี่ภีมกับเมฆไว้นั่น 555555555

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
แยกเรื่องออกมาทีค่าาา อยากอ่านเยอะๆ บีบหัวใจทั้งสองคู่ ของพูลล์ยังพอได้ ของอาโปนี่ต้องเอาให้สาสมกับคำบอกเลิกวันนั้น คูมแม่จะตีด้วยก้านมะยม ใครทำลูกเจ็บ แม่จะตีมันเองค่ะ  :m31:

ออฟไลน์ Pandora20

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สงสารทั้งคู่เลยอ่ะ ทั้งอาโปและน้องพูลล์ ถึงจะคู่กันกับสองคนนั้นจริงๆ แต่เราก็อยากให้มีคนอื่นที่ดีกว่ามาคบหรือคู่กันกว่าอยู่ดีอ่ะ(คุณนักบินดีมากกก อยากดั้ยสสสส์) ทำร้ายกันเกิ้นนน
อิพี่ภีมก็ไม่ชัดเจน ไม่บอกความจริงที่อาจจะหมั้นเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไร (หรือคิด เอ๊ะ? 5555)
ส่วนนางเมฆ ถึงตอนนั้นจะยังเด็ก แคร์สายตาคนอื่น แต่ก็ทำร้ายจิตใจกันเกินไปอี๊กกกก

เพราะฉะนั้น อาจต้องใช้เวลากันถึง 10 ปี มันคงจะเบาบางความรู้สึกเหล่านั้นลงได้มั้ง ฮือออออ

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เป็นเรื่องที่ดีและไม่ดึงดราม่านาน อ่านได้เพลินๆ แต่ก็แอบอินเรื่องของพูลล์กับอาโปมากกว่าคู่หลักอีก รู้สึกปมมันบาดใจดี

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
สองคู่หลังยังดูคลุมเครือนะ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
อดีตอันขมขื่นซะงั้น

ออฟไลน์ nittanid33333

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ทำไมถึงใจร้ายกันจังงง ได้กันเองเลยดีไหมลูก ปล่อยไปเถอะคนเลวๆ  :hao5:

ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2636
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6
ทำไมเราต้องรักคนอื่นมากกว่าตัวเองล่ะ โอ้ยยย อึดอัดแทน พูล กับ อาโป ช่วยรักตัวเองมากกว่านี้หน่อยเถอะ

ออฟไลน์ por_pla4u

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สงสารอาโปกับน้องหมีพูลล์จังตอนนี้ :mew6:

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
นี่อยากฝห้อาโปไปคบกับพี่เพทายอะ อยากให้หลุดพ้นไปจากเมฆหมอกสักที

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เพราะชีวิตไม่ใช่น้ำตาลสายไหม..เลยต้องมีดราม่านิดๆ พอให้กลมกล่อม (นิดเดียวพอนะ 555) รอจ้า  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
You are my day 1◑ : กาลครั้งที่รักคุณ
EP.16 SAY YES
[/size]

I'm thinking 'bout how people fall in love in mysterious ways




และแล้วการถ่ายทำซีรี่ส์สุดหฤโหดตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมากำลังจะจบลง ตอนนี้เวลาประมาณสี่โมงกว่า ๆ เราย้ายโลเคชั่นมาอีกหาดที่ไม่ไกลจากรีสอร์ทที่พัก หาดทรายสีขาวละเอียดทอดยาวไปริมทะเล ถูกคลื่นซัดกระทบอยู่เป็นระลอก แนวต้นสนสีเขียวขจีเรียงรายเลาะตามริมหาด นี่เป็นอีกสถานที่ที่สวยและเหมาะกับการถ่ายพรีเวดดิ้งมาก ๆ ไม่ต่างจากเกาะนามิที่เกาหลีเลย

คุณลุงนาวิกโยธินที่ดูแลพวกเราบอกว่าหาดตรงนี้เคยมีโอกาสต้อนรับอาคันตุกะคนสำคัญของประเทศมากมาย ยังไม่รวมว่าเคยไปปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ชื่อดังทั้งฝั่งฮอลลิวู้ดและบอลลี่วู้ดอีกหลายเรื่อง แต่ที่คนไทยไม่ค่อยทราบ ด้วยเพราะเป็นพื้นที่อนุรักษ์แนวปะการัง และสัตว์ทะเลอย่างพะยูน ที่มักจะวนเวียนมาเล็มหญ้าทะเลในระแวกนี้บ่อยครั้ง หากเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวไม่พ้นทรัพยากรทางธรรมที่มีค่ามหาศาลเหล่านี้คงหายไปในพริบตา

“น้องศิเอาน้ำมั้ยลูก” พี่สวัสดิการกองถ่ายเดินเอาน้ำมาเสิร์ฟ เป็นกระบอกน้ำลายซัลลี่สีฟ้าตัวการ์ตูนจากภาพยนตร์มอนสเตอร์อิงค์ ที่มีฝาเป็นรูปซัลลี่ตัวใหญ่เด่นกว่าคนอื่น กระบอกน้ำผมเองแต่คนที่เตรียมมาให้น่ะ ยืนคุยกับพี่นายเรื่องรถอะไรสักอย่าง คุณหมอบอกว่าเขาได้เป็นของขวัญจากวอร์ดเด็กอีกแล้ว ได้บ่อยไปป่ะวะ แถมเป็นงานลิมิเต็ดจากญี่ปุ่น นี่คนไข้โรงพยาบาลรัฐเขาซื้อของตอบแทนคุณหมอราคาแพงขนาดนี้เลย?

“ขอบคุณครับ” ยกมือไหว้แล้วยิ้มให้ กองนี้สวัสดิการดีไม่ใช่แค่คนนะ หมายถึงอาหารการกิน น้ำท่า ขนม ผลไม้ มีทุกอย่างเวลาหิว ยิ่งกว่าเซเว่น ยิ่งวันไหนแม่ ๆ แฟนคลับของพวกเราเอาฟู้ดเซอร์วิสมาให้พี่ ๆ ในกองยิ้มแก้มฉีก

“ไงมึงตื่นเต้นป่ะ จะถ่ายฉากสุดท้ายละ” อาโปเดินเอาศอกสะกิดจากด้านหลัง ตอนนี้ผมนั่งอยู่หลังรถบ้านของป๋าเจี๊ยบที่มีเต้นท์และพัดลมแอร์เป่าจนเย็น

“ก็นิดหน่อย แต่ใจหายมากกว่า”

“เออจริง คิดถึงวันที่มึงพากูไปแคสต์ได้เลย”

“เวลาผ่านไปไวเนอะ ครึ่งปีแล้วอะ”

นับตั้งแต่วันแรกที่ไปแคสต์เรายังเป็นนิสิตปี3 ธรรมดากันอยู่เลย มามองดูตอนนี้ที่ใช้ชีวิตในกองถ่ายกับทีมงานมากฝีมือ สังกัดสถานีโทรทัศน์ชื่อดัง ไหนจะมีแฟนคลับมีคนที่รู้จักมากขึ้น มันพลิกชีวิตของผมไปแบบคนละขั้วกับก่อนหน้า

ที่สำคัญพาร์ทชีวิตที่เคยมีแค่เรียน เล่นเกม ทำวิจัย ก็ถูกแบ่งมาทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ และเป็นประสบการณ์ในชีวิตที่สำคัญ พ่วงด้วยการมีคนสำคัญอีกหนึ่งคนในชีวิต เป็นคนที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ไปยืนข้าง ๆ จะได้อยู่ใกล้ จะได้ไปอยู่ในชีวิตของเขา คนที่อยู่ในความทรงจำเสมอและกำลังจะสร้างความทรงจำใหม่ไปด้วยกัน

“มึงยิ้มอะไร กูรู้นะ”

“อะไรว้า ยิ้มก็ผิดหรอ”

“เหอะ นี่ถ้ากูไม่มาแคสต์มึงก็ไม่ได้เจอกับพี่หมอ ขอบคุณกูยัง?”

“พูดใหม่ ถ้าเฌอไม่บังคับกูมาหรอก”

“เออนั่นแหละ ผู้มีพระคุณยืนอยู่ตรงนี้แล้ว ไหว้สาเสีย”

“ฮ่า ๆ ติดภาษาโบราณเหมือนพี่ดิมเลย” ผมหัวเราะเพื่อนที่นั่งลงข้าง ๆ พักหลังรู้สึกว่าตัวเองจะยิ้มกับอะไรง่าย ๆ และหัวเราะมากขึ้นกว่าเดิม เหมือนชีวิตมันลงล็อกและรู้สึกว่าการเป็นตัวเองโดยไม่ต้องกลัวว่าใครจะมองยังไงก็ดีเหมือนกัน

“อะไรนิดอะไรหน่อยก็ผัวอะเนาะ ลำไยได้มั้ยวะ”

“อย่าใช้ภาษาป้าตุ๋ยสิ มันดูเหมือนคุณแม่นะ”

อาโปทำจริตเลียนแบบป้าตุ๋ยทั้งจือปาก และทำไม่ทำมือ นิสัยไม่ดีจริง ๆ คนอย่างมัน แต่ขำจนน้ำตาไหล ฮ่าๆๆ

“โปจะบอกว่าเสือกก็ได้นะ เรื่องกับเมฆนี่ยังไงวะ คือกูกับเฌออยากรู้นะ แต่รอพวกมึงบอก” ส่งสายตาลอบ ๆ เคียง ๆ ไปให้เพื่อนดูอากัปกริยาว่ามันจะดูดอึดอัดใจไหมถ้าลองถาม

คนตัวสูงกว่าข้าง ๆ ยกน้ำในกระบอกเก็บคงามเย็นสีเงินขึ้นดูดด้วยท่าทางสบาย ๆ

“งั้นกลับกรุงเทพฯ นัดเฌอไปที่คอนโดกูแล้วกัน บางทีพวกมึงรู้แล้วอาจจะช่วยกูหาทางออกด้วย”

“มันยากขนาดนั้นเลยหรอ”

“ยาก แต่ไม่เท่าเรื่องมึงกับพี่หมอหรอก”

ยังไม่ทันได้ถามอะไรต่อ พี่ประสานงานก็โบกมือเรียกให้เข้าฉากเสียก่อน

“ไปกันเถอะ กูจะได้รอดูมึงกุ๊กกิ๊กในจอ”

“อย่าล้อน่า”

“จะอัดวิดีโอเก็บไว้ ว่านี่ไม่ใช่การแสดงแต่เป็นความรู้สึกจริง แหวะ กูพูดแล้วยังขิงตัวเอง”

“พูดเยอะ”



บรรยากาศปาร์ตี้ริมทะเลของนักศึกษาชายและหญิงที่เซ็ตขึ้นบริเวณข้างรีสอร์ทที่พัก มีเต้นท์ผ้าสีขาว และโต๊ะที่จัดแต่งทั้งอาหารและเครื่องดื่ม เตาย่างบาร์บีคิว ธีมแต่งกายแน่นอนเสื้อฮาวายที่ไม่มีสับปะรด เพราะไม่อย่างนั้นคงลายตาไปหมด

พวกเราซ้อมบล็อกกิ้งกันเล็กน้อย เพื่อนคนอื่นแทบไม่มีบทพูด จะเป็นภาพบรรยากาศแห่งความสุข และการพบปะเพื่อนอีกครั้งก่อนที่ตัวละครแต่ละตัวจะแยกกันหลังจบปี4 เลยจะเป็นการเก็บอินเสิร์ทความวุ่นวายและโกลาหล ก่อนที่รังสิมันต์จะชวนภามาสออกไปริมทะเล เพื่อขอแต่งงาน

ในนิยายอาจจะดูเกินจริงไปสำหรับชีวิตเด็กปี4 แต่คุณอบเชยก็เขียนเหตุผลไว้ดีเหมือนกัน

‘การแต่งงานไม่ใช่จุดจบของความรัก หากแต่มันคือการเริ่มต้นเรียนรู้และทำความรู้จักกับ คู่ชีวิต การยอมรับในความบกพร่อง การชื่นชมในความดี และการอยู่เคียงข้างในวันที่เพลี้ยงพล้ำ และพร้อมโอบอุ้มกันและกันเสมอ เพราะผู้ชายอย่างรังสิมันต์ไม่ใช่คนคิดเยอะ การแสดงออกว่าอยากใช้ชีวิตคู่กับคน ๆ หนึ่งที่เขารักด้วยการแต่งงาน มันเป็นสิ่งที่คนอย่างเขาจะบอกกับคนรักได้ว่า เขาพร้อมจะมอบทั้งชีวิตให้โดยไม่มีข้อแม้’

แต่ในเมื่อคนดูซีรี่ส์อาจจะไม่ใช่คนอ่านนิยาย คนเขียนบทโทรทัศน์เลยเอาความคิดของรังสิมันต์มาใส่ในคำพูด มันดูไม่ประดักประเดิดเพราะเขาเป็นคนพูดตรงไปตรงมาอยู่แล้ว

ตอนอ่านยังหน้าร้อน ถ้าได้ยินจากปากพี่ดิม คงละลายไปบนทรายแน่ ๆ เลย ฮึบ หายใจเข้าลึก ๆ

“ไอ้พวกลิงกูให้มึงซ้อมไม่ใช่ให้แดกจริงโว้ย” ป๋าเจี๊ยบตะโกนผ่านโทรโข่ง เพราะพี่ปาล์มพี่ภัทรเริ่มใช้มือจับน่องไก่กันแล้ว เหมือนหิวทั้งที่เมื่อกี๊ก็เพิ่งลุกจากโซนครัวแท้ ๆ กระเพาะคนหรือบ่อน้ำบาดาล ลึกอะไรขนาดนั้น

“โถ่ป๋า ของเข้าฉากดีกว่าที่เลี้ยงพวกผมอีกอ่า” พี่ปาล์มที่ป๋าเรียกว่าตัวก่อกวน เพราะแกเรียนนิเทศฯ เลยอยากเรียนรู้งานในกองทุกอย่างกระทั่งเดินสายไฟและปรับพัดลม บางทีแกก็เดินตัดหน้ากล้องเพราะอยากไปดูมุมกล้องใกล้ ๆ เคยโดนป๋าเอาสเลทเขวี้ยงใส่ก้นด้วย ขำกันทั้งกอง

“มึงหัดอยู่กันแบบสงบเสงี่ยมแบบไอ้เงินบ้างเหอะ” ป๋าพูดถึงน้องชายเล็กสุดในกอง ที่ในบทเล่นเป็นคนกวนบาทาตลอดเรื่อง แต่ชีวิตจริงพูดน้อย ขี้เขิน ยิ้งแก้มแตกอย่างเดียว

“ไอ้เงินไม่ได้สงบเสงี่ยม มันถ่านหมด ถ้าป๋ายังไม่เคยเจอน้องที่เอกมัย ป๋าพูดไม่ได้หรอก”

“เฮ้ยพี่ปาล์ม!” เป็นครั้งแรกเลยที่เห็นน้องเงินโวยวายขนาดนี้ แสดงว่ามันต้องมีอะไรแน่ ๆ

“โคตรฮ็อตอะบอกตรงนี้ สาวรุมอย่างกะของแจกฟรี”

“พี่ปาล์ม ผมไหว้ล่ะครับ” น้องเงินที่โดนปล่อยโป๊ะต่อหน้าทีมงานและนักแสดงเกือบครบเซ็ต ยิ้มกระสับกระส่ายแบบที่ไม่รู้ว่าจะเอาตัวเองไปไว้ตรงไหน

“นี่มึงลิงหลอกเจ้าหรอไอ้เด็ก” ป๋ายิ้ม ๆ กับความลับของเด็กผู้ชายอายุเพิ่ง 19 ปีแต่ดูจะแก่ณานไม่น้อยกว่าพี่ ๆ ในกองเสียแล้ว

“พี่ศิตื่นเต้นมั้ยคะ” น้องปลาที่นั่งข้างผมถามขึ้นด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ เหมือนน้องเขินอะไรสักอย่าง

“ก็นิดหน่อยครับ ทำไมน้องปลาเหมือนจะเขิน?” ผมถามไปอย่างตรง ๆ ผิวสีขาวอมชมพูของน้องแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“ก็แบบ ฮื้อออ อ่านในนิยายมันน่ารักมากนี่คะ แถมต้องมีจูบแบบ deep kiss ด้วย” เธอใช้มือเล็กนาบแก้มที่แดงแจ๋ของเธอขณะเล่าไดอะล็อกที่ทุกคนในกองรู้ และผมเองก็รู้ แต่ไม่ได้คิดว่ามันจะเขินเหมือนที่น้องปลากำลังเป็นอยู่ตอนนี้

“อ่า ก็นิดหน่อยครับ” หรือเพราะจูบกับพี่ดิมบ่อยแล้ว แต่เอ๊ะ จูบผ่านสายตาคนทั้งกองนี่หว่า! กลางทะเลนี่หว่า!! ดีพคิสนี่หว่า!!!

อะ ตายแน่ เขินจนเป็นบ้าแน่

ตอนแรกที่ชิลล์ลืมคิดว่าวันนี้นักแสดงที่ถูกแคสต์ด้วยกันมาอยู่ตรงนี้ทั้งหมด และเหมือนพวกเขาระแคะระคายความสัมพันธ์ของผมกับพี่ดิมอยู่แล้ว แต่ไม่มีใครกล้าถามอะไร คราวนี้ต้องมาเล่นฉากจูบต่อหน้าคนหลายสิบ มันมากกว่าครั้งที่แล้วเป็นเท่าตัว โอ้วมายบุดด้า

อยากขุดทะเลแล้วมุดทรายหนีไปทวีปอื่นเลย

พอลองมานั่งคิดหน้าก็เริ่มจะร้อนขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ไอ้การเป็นคนผิวขาวและผิวบางมันเลยเห็นชัดเวลาที่เลือดไหลเวียน ที่ตอนนี้หน้าเริ่มเห่อ ไม่ใช่เพราะร้อนแต่เพราะอายจากความคิดตัวเอง

“ร้อนหรอ” คุณหมอคนเดียวในกองถามขึ้น เรานั่งข้างกันตามที่บล็อกกิ้งไว้

“อะ ปะ เปล่าครับ” ก้มหน้างุดกับอกตัวเอง ทำเป็นอ่านบทซ้ำไปซ้ำมาทั้งที่จำได้หมดแล้ว

“หน้าแดงมากเลยนะ แพ้แดดหรือเปล่าไม่ได้ทาครีมกันแดดหรอ” พี่ดิมแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ได้รู้เลยว่าเพราะผมคิดแต่เรื่องพี่เขานั่นแหละเลยหน้าร้อนแบบนี้

คิดถึงดีพคิสที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่กี่นาทีข้างหน้า จำติดในความรู้สึกเสมอว่าจูบแบบดูดดื่มของพี่ดิมกระชากวิญญาณขนาดไหน มันไม่ใช่แค่ปากสัมผัสกัน หากแต่เขาชอบกัดเบา ๆ ที่ริมฝีปาก และใช้ลิ้นละเลียดผิวปาก กดจูบอย่างโหยหา มันทำให้มืออ่อนระทวยและขาอ่อนแรง ซึ่งถ้าเขาทำแบบนั้นตอนถ่ายฉากนี้ กลัวว่าตัวเองจะเผลอจิกเสื้อ นั่นมันแปลว่าผมต้องการ…

ก็เลยทำให้นั่งไม่ติดนี่ไง

“พี่ดิมไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อยสิ”

“ศิ โอเคหรือเปล่า พี่เริ่มเป็นห่วงแล้วนะ”

“นะ ไปกัน”

ใช้เสียงไม่ดังมากในการคุยกันเพราะตอนนี้ในกองเสียงดังพอสมควร ทั้งจัดไฟ ทั้งเสียงนักแสดง เราสองคนเลยหลบสายตาของทุกคนเดินออกมาได้



ลากคนตัวโตเดินเข้ามาในห้องน้ำรีสอร์ทขนาดสองห้องแล้วล็อกกลอนทางเข้าไว้

“ศิเป็นอะไรเนี่ย หื้ม พี่ไม่สบายใจนะ มือศิก็อุ่น ๆ ด้วย ไม่สบายหรือเปล่า”

คุณหมอเอาหลังมืออังหน้าผาก ข้างแก้ม และซอกคอ คือมันร้อนเพราะเขินไม่ใช่เพราะจะเป็นไข้ คุณหมอคนเก่งเขาแยกไม่ออกสินะ ทีอย่างนี้ล่ะก็

“หึ เปล่าเลย ศิแค่…”

“แค่…” ผมเกลียดการทวนคำของร่างสูงตรงหน้าจัง มันยิ่งลดระดับความกล้าที่จะทำอะไรแบบนี้นะรู้มั้ย!

“ซ้อมจูบกันเถอะ!”

“เดี๋ยว ๆ”

“ก็ซ้อมไงเล่า ในบทมันเขียนว่าจูบดูดดื่มเลยนะ ศิแค่ไม่อยากประหม่าแล้วทำให้ทุกคนช้า กลัวแสงหมด”

นี่คือเรื่องใหญ่ของกองถ่ายเลย ฟ้า ฝน อากาศ เนี่ย วันนี้แสงดีฟ้าโปร่งถ้าถ่ายเสร็จทุกคนก็จะได้กลับบ้านกันเลย ซึ่งสมมติผมทำไม่ได้แปลว่าจะต้องรอพรุ่งนี้อีกหนึ่งวัน ซึ่งเสียเวลา เสียเงิน และเสียความน่าเชื่อถือที่สุด โบกมือให้กับการจะเป็นมืออาชีพได้เลย

“ให้พี่ทำยังไงครับ”

“ก็...จูบ แต่ว่า! ไม่จูบแบบปกติ” พี่ดิมทำหน้างงเล็กน้อยแต่ก็โน้มตัวลงมา พร้อมจับปลายคางด้วย ริมฝีปากของเราสองคนค่อย ๆ สัมผัสกันอย่างอ่อนโยน ผมเอียงคอรับจูบที่ป้อนโดยคนรักที่ตอนนี้จะต้องสวมบทบาทเป็นนักแสดงอีกคน และผมก็ต้องเล่นเป็นอีกคนด้วยเช่นกัน พี่ดิมลูบไล้มือใหญ่ของตัวเองไปตามลำคอก่อนจะกดเบา ๆ เพื่อให้ปากของเราแนบชิดกัน ขยับปรับมุมองศาและเริ่มบดริมฝีปากลงมา ผมเริ่มหายใจเสียงดังตามอารมณ์ และเหมือนพี่ดิมจะรู้เขาค่อย ๆ ถอนใบหน้าออกก่อนจะมองตากันแล้วกดจูบที่จมูกแล้วเลื่อนใบหน้ามาที่หน้าผาก จรดมันอยู่อย่างนั้นแล้วกอดผมเข้าไปจมอก

เป๊ะ! ตามไดอะล็อก

“แบบนี้ได้มั้ย” พี่ดิมผละกอดจากผม เขาใช้สายตานุ่ม ๆ มองริมฝีปากที่ตอนนี้ถูกเคลือบไปด้วยน้ำลายตัวเองเพราะเลียไปเมื่อครู่ ร่างสูงใช้ปลายนิ้วเช็ดมันออกไปอย่างอ้อยอิ่ง

“อื้อ แบบนี้แหละ”

“แล้วศิคิดว่าพี่จะทำแบบไหน”

“กะ ก็..”

“When we make love?”

ผมพยักหน้ากับอกกว้างแทนคำตอบ

“Why”

“I can’t stand even if I wanted you in front of everyone”

“How’s it can I tase?”

ไม่รอให้ตอบรับ ผู้ชายที่ใช้สำเนียงบริชติชได้เซ็กซี่ที่สุด จัดการเชยค้างผมให้เงยหน้ารับจูบที่คราวนี้เลยเถิดจากคำว่าอ่อนโยนไปไกล ควรใช้คำว่าร้อนแรง ริมฝีปากหนาบดเบียดทุกพื้นที่บนผิวปากอย่างชำนาญ ลิ้นร้อนเริ่มถูกใช้ด้วยการแตะที่ริมฝีปากก่อนจะส่งเข้ามาหลอกล้อกับลิ้นของผม และแน่นอนอวัยวะไร้กระดูกชิ้นนี้มันโอนอ่อนตามเขาไปอย่างไม่รักดี ไม่ใช่แค่แตะแต่เขาทั้งดูดดุน และแลกน้ำใสที่ตอนนี้เประเลอะขอบปากไปหมด มือใหญ่ที่ไม่เคยอยู่อย่างสงบบีบที่ก้นหลายครั้งทั้งที่ปากก็ยังทำหน้าที่ ลมหายใจรุนแรงของจูบที่แล้วเทียบไม่ได้กับอาการขาดห้วงของอ๊อกซิเจนที่ต้องอาศัยจังหวะหลบหลีกเพื่อหายใจ มือข้างซ้ายของเขาเริ่มหมุนวนชายเสื้อก่อนละไล้มาที่หน้าอกและสะกิดเบา ๆ

“อ๊ะ ฮะ พี่ดิม อย่า”

เขาไม่ฟังทั้งยังสะกิดเร็วขึ้น มือที่ทำหน้าที่บีบแก้มก้นก็เหมือนเจอของเล่นนุ่มมือ เขาดันให้ผมไปติดผนังห้องน้ำก่อนจะเริ่มบดเบียดหน้าขาของตัวเองเสียดสีกับของผม แขนที่เคยคล้องที่เอวเขาตอนนี้เปลี่ยนเป็นกอดเขาแน่ขึ้นด้วยอารมณ์ที่ถูกปลุก และไม่ช้าก็เริ่มจิกที่หลังพี่ดิมหลายที

“พะ พอเถอ ฮื้อ ศิจะไม่ไหวแล้ว”

“ใครจะไปทำแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น” การขยับปากของพี่ดิมไม่ได้ห่างจากริมฝีปากผมเลย การขยับขึ้นขยับลงเลยทำให้สัมผัสน้ำใสที่จะเลอะขอบปากของกันและกัน

“...”

“เมียยั่วแบบนี้ใครจะอยากให้เห็น”

“พี่ดิม!”

“พี่ช่วยก่อนมั้ย ศิจิกหลังพี่แรงขนาดนี้ ทนไม่ไหวหรอกกว่าจะถ่ายซีนนี้จบ”

“หื้ออ เพราะพี่ดิมนั่นแหละ”

ร่างสูงกดจูบที่หน้าผากก่อนจะดึงมือเข้าไปในห้องน้ำและจัดการอะไรต่อมิอะไรที่เขาปลุมมันขึ้นมาให้กลับไปอยู่ในสภาวะปกติเหมือนเหมือน ก่อนจะออกมาเพื่อเข้าฉากจริง ๆ เสียที หลังลงทุนเอาตัวเองไปซ้อมมาก่อนหนึ่งยก

เดิมก้มหน้างุดออกมาก่อนพี่ดิมไม่นาน เพราะรู้เลยว่าหน้าต้องแดง ตัวต้องแดงมากแน่ ๆ มากกว่าตอนที่เข้าห้องน้ำไปเสียอีก ยังดีที่ป๋าบอกอีกสิบนาทีถึงจะเริ่มถ่าย เพราะเหมือนไฟมีปัญญานิดหน่อย เลยได้มีช่วงพักหายใจหายคอ แก้เก้อด้วยการอ่านบทเงียบ ๆ และคนตัวต้นเรื่องก็นั่งเงียบเหมือนกัน

ความรู้สึกเหมือนแอบเอาหนังสือโป๊ไปอ่านในห้องสมุดแล้วกลัวครูบรรณารักษ์จะจับได้ แต่ในใจก็จะค้านว่ามันเห็นจะผิด เพราะนี่ก็ถือเป็นหนังสือเหมือนกัน แถแบบแถดแถ่ด

“ทุกคนไฟมาแล้ว อีกห้านาทีเตรียมตัว”

พี่นายประกาศผ่านโทรโข่ง ทุกคนเลยถูกป้าตุ๋ย พี่เอ็ม และพี่เหมี่ยว ดูแลความเรียบร้อยหน้าผม ส่วนผมกับพี่ดิมก็ผมก็ยื่นบทคืนให้พี่ทีมงาน เพราะหมดเวลาจะท่องแล้ว อีกอย่างเวลาเล่นถ้ามันติดขัดจะมีพี่ทีมงานสายปาก ค่อยอ่านบทให้อยู่ ถ้าลืมก็ชำเลืองมองได้นิดหน่อย พี่แกจะคอยอยู่ในมุมที่สายตามองเห็นพอดิบพอดี สายตาที่ว่าคือสายตาฝั่งผมเอง เพราะพี่ดิมน่ะอัจฉริยะจำบทได้ทุกตัวอักษร

“ไฟเดิน กล้องเดิน เสียงมา แอ็คชั่น!” เสียงผู้ช่วยผู้กำกับดังขึ้นก่อนที่การแสดงทุกอย่างจะเป็นไปตามบท

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความสนุกสนาน พี่ปาล์มเล่าเรื่องตลกจนทุกคนในโต๊ะขำพรืด ภาพที่ออกไปคงจะเป็นการแสดงออกทางความสุขที่เกิดขึ้นของทุกตัวละครก่อนจบบริบูรณ์ ทุกเหตุการณ์ที่ดำเนินตามบทถูกคลี่คลาย ปมทุกอย่างถูกแก้ไข ความสัมพันธ์ของทุกบทบาทถูกเกี่ยวโยงและแสดงออกในฉากสุดท้ายของเรื่องด้วยเสียงหัวเราะ และภาพความทรงจำที่ฉายซ้อนทับ

“คัต! โอเคผ่าน” พี่นายคนเดิมบอกผ่านเครื่องขยาย

“พวกเอ็งเล่นลองเทคเก่งเนอะ เจ้าปลาก็กินจริงจังเหมือนหิวอะหนู” ป๋าได้โอกาสแซว บอกแล้วแกเป็นคนสบาย ๆ นักแสดงหน้าใหม่ทุกคนฝนกองเลยไม่เกร็งเวลาได้ทำงานด้วย ยกเว้นตอนเล่นบทยาก ๆ แล้วหลายเทคยังไม่ผ่าน ก็แอบกลัวว่าจะถูกด่าเหมือนกัน ซึ่งผมรับรองได้ว่าถูกด่ายังรู้สึกดีกว่าแกเงียบใส่แล้วไม่พูดอะไรด้วยตลอดซีนนั้น นรกที่แท้มาเยือนแล้ว

“ป๋าพวกผมปิดกล้องแล้วใช่ป่ะ” พี่ปาล์มตัวก่อกวนถามขึ้น

“ยังเว้ย รอถ่ายฉากจบก่อนสิวะ จะไม่รอเพื่อนเลยหรอไอ้นี่ เมียตามไปเลี้ยงลูกหรอ ฮึ” ทุกคนในกองหัวเราะลั่นกับคำแซวของป๋า เพราะพี่ปาล์มแกติดแฟน ดันได้แฟนเด็กกว่าหลายปีเลยเทียวไปรับไปส่งมหาลัยตลอดช่วงนี้

ขณะที่พูดคุยหลอกล้อ พี่ ๆ ทีมช่างภาพ และช่างไฟ ก็ขนย้ายอุปกรณ์ไปอีกสถานที่ไม่ไกลกัน แต่เป็นริมหาดทรายสีขาวละเอียด ถูกเก็บกวาดและเรียงหินอะไรไม่รู้เต็มไปหมด

ป๋าและพี่นายเรียกผมกับพี่ดิมให้มาซ้อมบล็อกกิ้งการเดิน ท่าทาง ก่อนจะเริ่มถ่ายจริงกันเมื่อทุกอย่างพร้อม

“ปากเอ็งเจ่อ ๆ กินเผ็ดมาหรอตัวเล็ก”

“ปะ เปล่าครับ”

เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!

“เฮ้ยป๋า ตีผมทำไม” ป๋าเอาม้วนกระดาษที่น่าจะเป็นบทฟาดพี่ดิมที่หัวสองที เจ้าตัวตั้งตัวไม่ทันได้แต่เอามือปัดพัลวัน

“มึงลามกในกองกูอีกแล้ว นี่เห็นว่าถ้าไม่ได้นอนห้องเดียวกะน้องมันจะจองห้องใหม่ เออรู้แล้วว่ารวย รวยใหญ่เลยนะ”

“นิดหน่อยเองครับ” พี่ดิมหันมามองด้วยสายตาเจ้าชู้ เม้มริมฝีปากตัวเองเพราะภาพในห้องน้ำมันย้อนกลับมาอีก คนบ้าเอ้ยยย

“เออ ๆ เล่นให้สมจริงแล้วกัน ถ้าไม่ทันแสงนะ จะด่าทั้งคืน”




มีต่อ




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-07-2018 00:19:15 โดย mifengbee »

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
เสียงสับสเลทดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าการแสดงต้องเริ่มขึ้นตามที่เตรียมตัวไว้

ตามบทรังสิมันต์จะแอบพาภามาสเดินออกจากงานเลี้ยงในเวลาที่พระอาทิตย์กำลังหายพ้นจากผืนน้ำทะเล โดยบอกว่าอยากไปเกินเล่นริมชายหาด ขณะเดินเลียบริมหาดข้าง ๆ กันนั้น ร่างสูงจับมือคนข้าง ๆ ก่อนจะเดินข้างกันไป ก่อนที่พระอาทิตย์จะลับจากขอบฟ้าไป เขาก็เอ่ยเรื่องการเดินทางของพระจันทร์และพระอาทิตย์ขึ้นมาก

“มาสคิดป่ะว่าพระอาทิตย์กับพระจันทร์จะโคจรมาเจอกัน”

“ถ้าเอาตามหลักวิทย…”

“ไม่เอาดิ เอาแบบเพ้อ ๆ เลย”

“เรย์คิดอะไรแบบเพ้อ ๆ เป็นด้วยหรือไง”

“น่า ลองคิดดูหน่อย”  พี่ดิมตอนนี้สวมบทบาทเป็นรังสิมันต์ได้สมบูรณ์แบบ เพราะสายตาเขาที่มองผม กับสายตารังสิมันต์ที่มองภามาสมันต่างกันโดยสิ้นเชิง

“อืมมม ไม่คิดว่าจะมีวันนั้นหรอก ไม่มีเพราะเราไม่เชื่อไปแล้วอะ อีกอย่างพระจันทร์ได้แต่โคจรรอบดวงอาทิตย์ ถ้าสมมติว่าวันหนึ่งโคจรมาเจอกัน พระจันทร์ก็คงละลายก่อนถึงพระอาทิตย์ล่ะมั้ง”

“แล้วถ้าเราจะบอกว่ามีช่วงเวลาที่สองสิ่งนี้จะบรรจบกันได้ล่ะ”

“ยังไง”

“อะหันไป” พี่ดิมจับผมให้หน้าไปทางพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า เขากอดผมไว้หลวม ๆ จากด้านหลัง เพื่อมองดูแผ่นฟ้าสีส้มที่กำลังลดแสงของตัวเองลงเรื่อย ๆ  แล้วมีเงาพระจันทร์เต็มดวงกำลังโผล่ขึ้นที่ขอบน้ำทะเล ซึ่งมุมตรงนี้เสมือนสองสิ่งกำลังเคลื่อนที่สวนทางกัน และก็ใกล้มาเสียด้วย บอกตามตรงผมไม่คิดว่าจะมีปรากฏการณ์แบบนี้เลย น่าอัศจรรย์มาก ถ้ามองตามหลักวิทยาศาสตร์ก็คงเกิดได้ล่ะมั้ง

“เห็นมั้ย เราเชื่อเพราะเคยเห็น เหมือนที่มาสเชื่อเรื่องความฝันเพราะมาสสัมผัสมันได้” ผมหันหน้ามาสบตากับคนที่พูด

“...”

“เหมือนกันตอนแรกที่เราไม่เชื่อเพราะเราสัมผัสมันไม่ได้ แต่ตอนนี้เราเชื่อแล้ว ไม่ใช่เพราะเราสัมผัสมันได้น แต่เราเชื่อเพราะมาสทำให้เราเชื่อ และเราก็อยากให้มาสเชื่อว่าเรารักมาส”

“...”

“อย่าหนีเราไปอีก เพราะเราเป็นแค่พระอาทิตย์ที่ทำได้แค่อยู่กับที่ เราโคจรรอบใครไม่ได้ เราไปไหนไม่ได้ ทำได้แค่เผาไหม้ตัวเองไปเรื่อย ๆ เราเหมือนจะตายเลยตอนมาสไม่อยู่”

“มันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ”

“อืม แย่มาก พระจันทร์ของผมอย่าหนีไปไหนอีกเลยนะครับ อยู่ด้วยกันนะ”

“อื้อ ถึงไม่บอกก็ไปไหนไม่ได้หรอก ยังไงเราก็มีหน้าที่โคจรรอบพระอาทิตย์อยู่แล้ว แต่คราวนี้จะไม่ทำแค่หมุนไปเรื่อย ๆ หรอกนะ เพราะเราเอาแต่ใจ และพระอาทิตย์ต้องเป็นของเราคนเดียว เรา...”

“แต่งงานกันนะ”

“...”

“...” คนตรงหน้ายิ้มให้ด้วยความจริงจังตามบทบาท ตอนนี้แทบแยกไม่ออกว่าเขาคือรังสิมันต์หรืออาคิรากันแน่ สายตาที่สื่อมาถึงทำให้สับสน

“แน่ใจหรอ มันเรื่องใหญ่มากเลยนะ” คนตรงหน้าใช้สายตาที่มองผมคือมองผม ไม่ใช่แบบที่รังสิมันต์มองภามาส พี่ดิมกำลังทำให้ผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หน้าเริ่มเห่อร้อนขึ้นมาดื้อ ๆ

“มาสก็รู้ว่าเราไม่มีอะไร เราไม่รู้จะทำยังไงให้มาสรู้ว่าเราจะไม่มีทางไปไหน เราจะไม่รักใคร เพราะเราทำให้มาสหมดความเชื่อใจไปแล้วครั้งหนึ่ง เรากลัว...กลัวว่ามาสจะไปจากเราอีก”

“...”

“...”

“อื้อ แล้วต้องจัดงานมั้ย”

“มาสตกลงแล้วหรอ”

“อื้ม”

“ดีใจจังวะ วู้ว! แน่นะ!”

ผมพยักหน้ากับท่าทางดีใจของคนตรงหน้าที่ออกจะเกินเบอร์ สายตาของรังสิตมันต์กลับมาอีกครั้ง แปลกเหมือนกันที่เมื่อก่อนไม่เคยมองออกเลยว่าพี่ดิมคิดอะไร แต่ตอนนี้เขากลับปิดแทบไม่มิดว่าคิดอะไร หรือรู้สึกอะไรอยู่ อาจจะเพราะเราอยู่ด้วยกันมากขึ้น แล้วผมก็พยายามสังเกตทุกสิ่งทุกอย่างของเขาให้ได้มากที่สุดด้วย

คนที่เพิ่งของแต่งงานควานหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าเสื้อ แล้วก็ได้แหวนเกลี้ยง ๆ หนึ่งวง สายตาอ่อนโยนปนดีใจถูกส่งมาให้ตามบท พร้อมจับมือเล็กมาไว้ในอุ้งมือ ก่อนจะสวมแหวนวงสวยเข้ากับนิ้วกลางข้างขวาอย่างตั้งใจ

“ไว้เราไปซื้อแหวนแต่งงานด้วยกัน แล้วค่อยใส่นิ้วนางนะ ตอนนี้จองไว้ก่อน”

เราสองคนโผลกอดกันตามบทบาท แต่ในใจของผมอุ่นระอุ ดีใจ และเต็มไปด้วยความอิ่มเอมที่อัดแน่น มันเหมือนถูกพี่ดิมขอผมแต่งงานจริง ๆ ทั้งที่นี่แค่ฉากหนึ่งในละครที่เราร่วมกันสวมบทบาท และแสดงเป็นอีกคนที่เราไม่รู้จัก หากทว่ามันทาบเกี่ยวกับชีวิตเราสองคนเหลือเกิน

เพราะซีรี่ส์เรื่องนี้ทำให้เราเจอกัน
เพราะบทละครเรื่องนี้ทำให้ผมได้รับบทนำ
และเพราะเขาที่ทำให้ผมได้มายืนอยู่ตรงนี้


ได้รักและถูกรัก จากผู้ชายที่ไม่เคนเอื้อมถึง

ร่างสูงผละตัวออกก่อนจะใช้ริมฝีปากหนาแตะเบา ๆ ที่ริมฝีปากผม ก่อนจะบดเบียดอย่างอ่อนโยน มือหนากระชับอ้อมกอด ก่อนจะใช้มืออีกข้างประคองใบหน้าของผมให้รับจุมพิตได้มากขึ้น เราลืมตาแล้วยิ้มให้กัน ก่อนจะประกบจูบลงอีกครั้งและครั้งนี้มันไม่ใช้แค่ริมฝีปากที่ชิดกัน แต่ทั้งเนื้อตัวเราก็ชิดกันมากขึ้น รสจูบของอีกฝ่ายมอมเมาผมอย่างที่ลืมความอายก่อนหน้าไปเลย พี่ดิมไม่ลืมบทเขาถอนจูบอย่างอ้อยอิ่งและกดจุมพิตที่หน้าผากแผ่วเรา เราโผกอดกันแน่น และพระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปพอดิบพอดี

จะบอกว่าฟ้าเป็นใจก็ได้งานนี้

“คัต!!”

ถอนหายใจเฮือกใหญ่ใส่ผู้ชายร่างสูงที่ยกมือเช็ดปากตัวเองพร้อมยกยิ้มให้ อดเขินไม่ได้เพราะคุยกันแล้วว่าจะจูบแบบที่ซ้อม แต่พี่ดิมดันเกือบจะดีพคิสและใช้ลิ้นแทรกเข้ามา

“โอเค ปิดกล้อง!!”

เยยยยยยยยย้ วู้วววววววววว ได้กลับบ้านแล้ววววว

เสียงจากกลุ่มคนที่แอบหลังพุ่มไม้ข้างรีสอร์ทตะโกนดัง ดีที่ตรงนี้เป็นหาดส่วนตัว ไม่งั้นต้องมีคนแจ้งเจ้าหน้าที่บ้าง

เดี๋ยวนี้ ทุกคน..อยู่ตรงนี้ งั้นแสดงว่าฉากเมื่อกี๊

OMG!!

“โหหห พี่หมอ จริงจังมาก” พี่ปาล์มเอ่ยปากแซวคนแรก

“สุดว่ะพี่ เทคเดียวผ่าน” น้องเงินสมทบชมพี่ดิม

“พี่ศิเก่งมากอะ ไม่เขินเลยหรอ” น้องปลาถาม แต่ไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่หลบสายตาของทุกคน เพราะเขินไงเล่า ใครไม่เขินบ้างจูบกับผู้ชายต่อหน้าคนตั้งหลายสิบ

“ไป ๆ พวกเอ็ง ขึ้นไปได้แล้ว เกะกะเขาจะเก็บของ เดี๋ยวให้ช่วยเก็บนะโว้ย”  ป๋าเจี๊ยบเจ้าเดิมที่เป็นคนเอ็ดพวกลิง ๆ ในกองได้

“ขอบคุณนะครับป๋า” พี่ดิมยกมือไหว้ป๋า และเดินไปขอบคุณพี่ ๆ ทีมงานทุกคน คนอื่น ๆ ก็เลยทำตาม ทีนี้เสียงขอบคุณดังไปทั่วบริเวณ

คนเบื้องหน้าทำงานว่าเหนื่อยแล้ว แต่คนเบื้องหลังเหนื่อยกว่ามาก แถมเงินก็น้อยกว่า นัดกองตีหน้า ไม่เคยมีครั้งไหนที่ผมมาแล้วจะไม่เจอใคร ทีมงานสแตนด์บายรอก่อนหน้านั้นไม่รู้กี่ชั่วโมง มันแสดงให้เห็นว่าคนเบี้องหลังคือกำลังขับเคลื่อนงานโปรดักชั่นอย่างแท้จริง




เรามีงานเลี้ยงเล็ก ๆ ที่ได้รับคำอนุญาตจากฝ่ายการเงินของกองเรียบร้อย เรื่องนี้สำคัญเลย เพราะจะใช้จ่ายอะไรทำตามใจไม่ได้ ต้องมีใบเสร็จ ใบกำกับภาษีอะไรก็ไม่รู้ คนที่ดุสุดในกองไม่ใช่ป๋าบอกแล้ว แต่เป็นพี่การเงินต่างหาก

อาหาร ขนม เครื่องดื่ม จัดเต็มให้ทุกคน พี่ ๆ ทีมงานดูเอ็นจอยหลังงานเสร็จสิ้น และเหมือนเป็นวันปลดปล่อย หลายคนเริ่มกรึ่มทั้งที่เพิ่งจะสามทุ่ม บางคนโชว์สเต็ปแดนซ์กันแล้ส มีพี่ช่างภาพโชว์ลูกคอเหนือชั้นที่น่าจะไปเป็นนักร้องมากกว่าเป็นช่างภาพ  ไม่เพียงเท่านั้น วันนี้ยังเพิ่งรู้ว่าป๋ามีภรรยาที่น่ารักและเข้าใจป๋ามาก ๆ เพราะแกทำตัวเหมือนโสด ๆ เลย โสดในทีนี้ไม่ใช่ไปหลีสาว ๆ ในกองนะ แต่หมายถึงไม่เคยเห็นป๋าโทรหาใครในเวลางาน บางทีแกอาจจะโทรตอนเลิกกองก็ได้นี่เนอะ อีกอย่างแกทำงานบางทีไม่ได้กลับบ้านเป็นเดือน ก็ยังไว้วางใจ ทั้งที่ป๋าดูจะเป็นอาชีพที่เจอคนสวยเยอะ และคงมีไม่น้อยที่พยายามเข้าหาป๋าเพราะเป็นผู้กำกับชื่อดัง

“ฮ้าววว”

“ง่วงแล้วหรอ” พี่ดิมที่นั่งข้าง ๆ กัน ขณะที่ภาพตรงหน้าเรายังเต็มไปด้วยความสนุกสนาน แต่ผมกลับหาวออกมาเสียอย่างนั้น สงสัยเพราะตื่นเช้ามากเกินไป แล้ววันนี้ก็ใช้พลังไปเยอะ

“อื้อ นิดนึง”

“งั้นไปนอนกันมั้ย”

“พี่ดิมอยู่สนุกต่อก็ได้นะ เดี๋ยวศิไปนอนก่อน”

“ไม่ดีกว่า พี่ง่วงเหมือนกัน”

พี่ดิมส่งสัญญาณให้ป๋ากับพี่นาย รวมถึงเพื่อน ๆ ในวง ก่อนจะเดินฝ่าวงล้อมงานสังสรรค์ออกมา เพื่อกลับไปที่ห้องของเรา ที่แยกเป็นเหมือนบ้านหลังเล็ก ๆ เรียรายตั้งอยู่ห่างกันไม่มาก




“ขี้เกียจอาบน้ำจัง” พึมพำกับตัวเองขณะที่ก้าวเข้ามาในห้องขนาดไม่กว้างมาก มีเตียงใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลาง และห้องน้ำอยู่ทางขวามือของประตูห้อง และมีระเบียงเล็ก ๆ ทอดข้างนอกให้พอมองเห็นทะเลสีสวย แต่ตอนนี้ถูกความมืดกลืนจนเป็นสีดำไปหมด

“ให้พี่อาบให้มั้ย”

“พอเลย!” วกเข้าเรื่องแบบนี้ได้ตลอดเวลาสิน่า ยังไม่คาดโทษที่จูบไม่ตามที่ซ้อมกันไว้เลยนะ

“ครับ ๆ ไปรีบอาบเถอะ จะได้มานอน ขยี้ตาจนเครื่องสะอางเปื้อนไปหมด” ร่างสูงลูบหัวเบาและเช็ดเปลือกตาให้อย่างเบามือ แล้วหาเสื้อผ้าให้ก่อนจะผลักผมเข้าไปอาบน้ำ

ก็ง่วงนั่นแหละ แต่ก็ยังนอนไม่หลับเสียทีเดียว ทุกคืนเราจะนอนพร้อมกัน รู้สึกว่าตัวเองติดหมอนข้างใบนี้ไปแล้ว ไม่ได้ก่าย ไม่ได้กลิ่นเหมือนจะนอนไม่หลับ นี่แย่แล้วหรือเปล่านะ ถ้ากลับกรุงเทพฯ ไปแล้วต้องแยกคอนโดกันนอนจะทำยังไงล่ะทีนี้

เหมือนแรดที่ติดผู้ชายขนาดนี้นะ แต่ก็ยอมรับว่าติดพี่ดิมจริง ๆ นั่นแหละ

คนที่อยู่ในความคิดออกจากห้องน้ำมาในสภาพที่ไม่สวมเสื้ออีกแล้ว ใส่แค่กางเกงนอนขาสั้น เขาบอกว่าแอร์ที่นี่ร้อนกว่าห้องตัวเอง เลยนอนไม่ค่อยกลับถ้าใส่เสื้อ “อ้าวไหนว่าง่วงทำไมยังไม่นอน”

“ง่วง แต่ว่ามันยังไม่หลับอะ”

“หรือเพราะพี่ไม่ได้กอดกันแน่”

“เปล่าสักหน่อย”

 พี่ดิมถอดคอนแท็กเลนส์แล้วใส่แว่นแทน ทาครีมบำรุงอะไรนิดหน่อย เหมือนเขาจะสังเกตเห็นว่าผมมองเขาอีกแล้ว

“มองไม่ได้หรอครับ”

“มองได้ ยิ่งกว่ามองก็ได้”

“มานอนได้แล้วน่า”

คนตัวโตเดินมาแล้วหย่อนตัวลงบนเตีงก่อนจะสอดตัวใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน แต่เขาห่มแค่สะโพก อย่างที่บอกไปว่าเขาน่ะขี้ร้อนอย่างกับอะไร ตอนไปใช้ทุนเห็นว่าได้อยู่บ้านพักแพทย์แบบไม่มีแอร์ สุดท้ายก็ขอทางผอ.โรงพยาบาลติดแอร์ด้วยงบตัวเอง เพราะนอนไม่ได้

แขนหนาสอดเข้าที่ประจำคือใต้ซอกคอผม และมือข้างเดียวกันก็ลูบแขนเบา ๆ เหมือนกล่อมให้หลับ “นอนเถอะ”

“พี่ดิม..” เรียกเขาด้วยเสียงยาน ๆ เพราะง่วงเต็มที แต่ถ้าไม่คุยกันวันนี้เรื่องที่สงสัยก็คงติดค้างในใจจนเก็บไปฝัน

“หื้ม”

“ตอนที่ถ่ายฉากสุดท้าย…”

“...”

“พี่ดิมเหมือนพี่ดิม ไม่ใช่รังสิมันต์”

“...”

“ศิเกือบหลุด เพราะว่าศิรู้สึกดีใจจริง ๆ ไม่ใช่ภามาสดีใจ”

“เก่งจัง” พี่ดิมก้มลงมาหอมหน้าผาก ผมรู้สึกได้ เลยลืมตาขึ้นมามองหน้าเขาผ่านแว่นกรอบสีดำที่มองยังไงก็น่าหลงใหลเสมอ

“เก่งอะไรอะ”

“เก่งที่มองออก”
“ชอบที่ถูกขอแต่งงานแบบนี้หรอ”

“อื้อออ กะ ก็...ใครจะไม่ดีใจเล่า”

เขากอดผมแน่นขึ้น และใช้มืออีกข้างเกลี่ยแก้ม ขณะที่ผมเอาหน้าซุกอกหาที่นอนสบายให้ตัวเอง

“ศิ”

“อื้อออ ง่วงจัง”

“เป็นแฟนกันมั้ย”

“ห้ะ!” สะดุ้งลืมตาขึ้นอย่างทันที ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้นะ ไม่ได้เตรียมใจอะไรสักอย่าง ขอตอนผมง่วงนอนจัดนี่คิดได้ไง ถ้าสมมติเมื่อกี๊หลับไปก่อนก็คงต้องลาเลยเพราะว่าไม่ได้ยินแน่ ๆ คำนี้

“พี่ขอโทษนะที่เรื่องของเรามันเลยเถิดมาขนาดนี้แล้วถึงจะเพิ่งพูดคำนี้”

“จริง ๆ แค่เรารู้กันก็พอแล้ว ศิไม่..”

“แต่พี่อยากทำอะไรที่มันชัดเจนบ้าง”

“พี่รักศิและพี่อยากให้ศิมั่นใจ ตอนแรกคิดว่าจะกลับไปทำเซอร์ไพร์ส แต่ว่าคิดว่าวันนี้แหละเหมาะที่สุดแล้ว”

“...”

“เพราะครั้งแรกเราเจอกันก็เพราะซีรี่ส์เรื่องนี้”
“และรักกันก็เพราะซีรี่ส์เรื่องนี้”
“เป็นแฟนกันในวันถ่ายซีรี่ส์จบ ดีมั้ย”

“ดีครับดีมากเลย ศิจะจำไม่ลืมเลย” ความดีใจที่ปิดไม่ได้แสดงออกผ่านการกอดตอบเขาอย่างแน่นขึ้น ตอนนี้เหมือนนอนบนตัวะพี่ดิมเลย

“สรุปแล้วเป็นมั้ย”

“ยังจะมาถามอีก เป็นมากกว่านั้นแล้วไม่ใช่หรือไง” แหงนหน้ามองผู้ชายใส่แว่นที่เพิ่งขอกันเป็นแฟน ทำยังไงถึงจะลดอาการรักเขาหลงเขาอย่างนี้ลงได้นะ

“ครับเป็นหนูของแด๊ดดี้”

“อื้อ หนูก็หนู หนูง่วงแล้วค่อยคุยกันต่อพรุ่งนี้ได้มั้ย…ครับ แด๊ดดี้”  เอาหน้าถูไถกับอกพี่ดิม แล้วเอื้อมมือไปดึงแว่นเขาออก บังคับให้เขานอนไปพร้อมกัน

คนโดนนอนทับกดจูบที่หน้าผากย้ำ ๆ หลายที “พูดแบบนี้เดี๋ยวไม่ได้นอน”

“อื้อ นอนๆ”

“ฝันดีครับแฟนพี่”

“ง่า อย่าเพิ่งเริ่มสิ เขิน”

เป็นค่ำคืนที่ผมได้นอนกอดผู้ชายที่ได้สถานะชัดเจนว่า ‘เราเป็นแฟนกัน’ ช่วงเวลาที่มีความหมายแม้มันจะรวดเร็วด้วยข้อจำกัดของผมเองที่งุวงงุน แต่ไม่ใช่ปัญหา เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วดีเสมอ แล้วครั้งนี้มันก็ดีมาก ขณะที่บอกว่าตัวเองง่วงนอนนั้นหัวใจก็สูบฉีดเลือดอย่างรุนแรงถ้ามันเด้งทะลุออกมาจากอกได้คงกระดอนออกมาแล้ว

เป็นการขอเป็นแฟนที่ธรรมดา แต่พิเศษที่สุดสำหรับคนอย่างผม

“ฝันดีนะครับแฟนของศิ”





------------------To be continued-------------------

เห็นชื่อตอนพวกเธอก็คิดว่าพี่ดิมจะดุน้องอีกแร้วชั่ยมั่ยชั่ย
ก็บอกว่าตอนหน้างัยยยยยยยยย
อย่ารุงรังนะ /เสียงเจ๊น้ำขายเสื้อ
ใครรอตอนหน้ากด cf ไว้เรยจ้าาาาาาาาา
แพ็คส่งให้ทิตหน้าเหมือนเดิม ใช้แบบลงทะเบียนก็ช้าหน่อยนะ

บีคนเดิมครับทั่น

#กาลครั้งที่รักคุณ
#youaremyday1

@mifengbeexx




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-07-2018 00:21:20 โดย mifengbee »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Dezzerr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
เห็นชื่อตอนแล้วคิดว่าดุจริงๆ แต่หวานมากตอนนี้ 555555 ขอเป็นแบบ DHL ได้ไหมคะ กระวนกระวายเว่อร์ อยากให้ถึงตอนหน้าเร็วๆ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
งูย..ยยยยย เขินแทนหนู หวานมาก  :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ไม่รุงรังค่าา ให้น้องพักผ่อนๆ เบาๆ  :hao7:

ออฟไลน์ nittanid33333

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
You are my day 1◑ : กาลครั้งที่รักคุณ
EP.18 เด็กร้ายๆ
[/size]

Let me cater to you Cause baby this is your day
Do anything for my man Baby you blow me away



กลับจากถ่ายซีรี่ส์มาราธอนจินตนาการไว้ว่าจะนอนกอดแฟนหมาด ๆ ซักสองคืนแล้วค่อยกลับไปทำงาน แต่ที่ไหนได้พอหัวหน้าพยาบาลเห็นว่าผมถ่ายซีรี่ส์เสร็จจากข่าวบันเทิงของช่อง พี่แกก็เล่นโทรหาผมเช้าวันรุ่งขึ้นขณะที่กำลังขับรถกลับกรุงเทพฯ บอกว่าตอนนี้คนไข้ค่อนข้างมาก และอาจารย์หมอหนึ่งท่านก็ลากะทันหันไปต่างประเทศ แพลนที่วางไว้ก็ล่มสิครับต้องกลับไปใช้เวรใช้กรรมเร็วกว่ากำหนด

น้องก็เข้าใจดี แต่ก็ดูงอแงนิดหน่อยตอนที่บอกจะไปส่งที่คอนโดแล้วจะรีบกลับไปเก็บของแล้วเข้าเวรเลย

“พี่ดิมต้องไปเลยหรอ”

“ครับ คนไข้เยอะเลย” ยกมือไปลูบหัวคนที่สายตาดูหมองลงเล็กน้อย แต่ก็ยังพยายามยิ้มให้อยู่ โถเด็กน้อย จะทำให้หลงไปถึงไหน

“อื้อ แล้วคืนนี้จะกลับมั้ย”

“ไม่แน่ใจ อย่ารอเลย ง่วงก็นอนนะ”

“ครับ ขับรถดี ๆ นะ พอมีเวลาแป๊บนึงมั้ย ศิจะทำอะไรไปให้กิน”

“เอาสิ พอมีอยู่”


ในความงอแงก็มีความน่ารักตามประสาเขาอยู่ แอบคิดไว้ว่าเขาจะเรียกร้องอะไรมากกว่านี้ แต่เปล่าเลย เห็นได้ชัดว่าเขากำลังทำความเข้าใจ และพยายามเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นผม แบบเต็มใจมากกว่าฝืนใจทำให้มันผ่านไป

แต่ไม่รู้ว่าเขาจะเต็มใจทำแบบนี้ได้นานแค่ไหน เพราะที่ผ่านมาแทบไม่มีใครทนได้สักคน

ชีวิตที่ไม่มีเวลาให้แม้กระทั่งตัวเอง มันไม่ง่ายเลยที่จะดูแลใครได้

แต่จะพยายามทำให้ได้ดีที่สุด ดีกว่าที่ผ่านมา และดีพอสำหรับความรักที่ศิมีให้ผม

เราสองคนต่างแยกย้ายทำหน้าที่คุยกันบ้างเวลาว่าง ส่วนมาจะเป็นผมนั่นแหละที่ไม่ค่อยว่าง เพิ่งได้รู้กำหนดการเพิ่มมาว่าจะต้องเข้าร่วมทำวิจัยกับอาจารย์หมอจากอเมริกา และหมอที่เรียนต่อเฉพาะทางเหมือนกัน ทีนี้แหละจะยุ่งมากกว่าเดิม ยังดีที่ซีรี่ส์ถ่ายจบแล้ว เห็นพี่ใบชาแจ้งว่ามีลูกค้าเริ่มติดต่อให้ไปรับงานอีเว้นท์ แต่คงเป็นผมที่ไม่ได้ไปร่วมงานด้วย เพราะเคลียร์คิวตัวเองไม่ได้ ก็คงสร้างความเสียหายอยู่ แต่ลูกค้าหลายรายก็เข้าใจได้ บางเจ้าก็ติดต่อมาให้ผมไปเป็นพรีเซนเตอร์จำพวกผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพ แต่ก็ต้องปฏิเสธไป เพราะไม่ควรเอาหน้าที่การงานของตัวเองไปสร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง ผิดหลักจรรยาบรรณแพทย์ และไม่ถูกจริตผมเท่าไหร่

ศิกำลังจะสอบปลายภาคและต้องหาสถานที่ฝึกงานในช่วงปิดเทอม แต่น้องก็มีเวลาว่างกว่าผม เลยได้เห็นข้อความจากไลน์เป็นกำลังใจตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา น้องเคยจะมากินข้าวกับผมที่โรงพยาบาลเวลาพัก แต่ก็ปฏิเสธน้องไปเพราะเหมือนจะมีกลุ่มแฟนคลับแวะเวียนมาที่โรงพยาบาลบ่อยครั้ง ซึ่งน้องก็เข้าใจดี

ผมแวะไปนอนกับศิบ้างในวันที่มีเวลา แต่ก็ต้องตื่นก่อนที่น้องจะไปเรียน เพราะต้องเข้าเวรแต่เช้าตรู่ วันนี้เหมือนกัน และเหมือนน้องจะรู้เลยทำอาหารกล่องไว้ให้แช่ในตู้เย็น มีโน้ตอิทสีฟ้าสดใสแปะหน้าตู้เย็นไว้ว่า ข้าวกลางวันของแด๊ดดี้ น่ารักซะจนอยากปลุกขึ้นมาฟัด แต่ทำไมได้เพราะดูน้องก็การบ้านเยอะ โต๊ะอ่านหนังสือกระจัดกระจายไปหมด

เย็นวันนี้เป็นจะวันสุดท้ายที่จะต้องควงเวรแล้ว อาทิตย์หน้าก็จะเข้าเวรปกติ ก็จะหายใจหายคอได้คล่องขึ้นหน่อย ตอนนี้รู้สึกว่าร่างกายจะไม่ไหว นอนน้อยไม่พออาหารที่กินยังไม่ดีเลย แถมไม่ได้ออกกำลังกาย การเป็นหมอนี่ดีแต่ทำให้คนไข้สุขภาพดีขึ้น แต่ตัวเองกลับถูกบั่นทอนสุขภาพลงทุกวัน

“เฮ้อ”

“เป็นไรหมอต้น” ตอนนี้ผมกำลังเก็บของเพื่อเตรียมกลับคอนโด น้องเอ็กซ์เทิร์นก็ถอนหายใจแรง ในมือยังมีชาร์ทคนไข้เพียบ

“เหนื่อยว่ะพี่”

“อาจารย์สุธีแกก็แบบนี้เข้มงวดหน่อย”

“ไม่คิดว่าเอ็กซ์เทิร์นจะหนักหนาขนาดนี้เลย พี่ผ่านไปได้ไง ไม่ใช่ดิ พี่คิดยังไงถึงต่อเฉพาะทางอีก”

“พี่ก็ถามตัวเองอยู่ทุกวัน แต่ก็ทำมันทุกวันเหมือนกัน” ยกยิ้มมุมปากให้ตัวเอง ขณะที่สายตามองผ่านห้องพัก ไปเห็นคุณตาที่มาทำบายพาสหัวใจและอยู่โรงพยาบาลกว่าสองสัปดาห์ นั่งบนรถเข็นโดยมีลูกชายและลูกสะใภ้คอยดูแล พร้อมทั้งคุณยายที่เดินจูงมือหลานวัย 5 ขวบ สีหน้าทั้งครอบครัวมีความสุขกับการที่สมาชิกในครอบครัวได้กลับไปอยู่พร้อมหน้ากันเหมือนเดิม นี่แหละมั้งคำตอบ

“ผมจะเป็นหมอที่ดีได้มั้ยไม่รู้ กลัวครับ”

“กลัวว่าตัวเองทำไมได้ หรือกลัวว่าคนอื่นคิดว่าเราจะทำไม่ได้” สายตาของว่าที่หมอรุ่นน้องหม่นสีลงอย่างเห็นได้ชัด เหมือนเห็นภาพตัวเองตอนใช้ทุนแรก ๆ ท้อจนอยากจะลาออก

“ทั้งคู่เลย เดี๋ยวนี้คนในโซเชียลยิ่งดราม่าเก่ง ๆ อยู่”

“ก็ทำตามหน้าที่แหละหมอ เราไปนั่งอธิบายใครไม่ได้หรอกว่างานเราหนักหนาแค่ไหน เราเหนื่อยแค่ไหน และรัฐแทบไม่ช่วยอะไรกับบุคลากรอย่างเราเลย แต่เราอย่าลืมว่าคนไข้เขาเจ็บปวด ทรมาน ถ้ารอให้ทุกคนมานั่งเข้าใจ จิตใจเราเองนั่นแหละที่จะอคติกับสิ่งที่ทำอยู่”

“แพชชั่นพี่หมอเจ๋งว่ะ อุทิศตนสุด ๆ”

“ไม่หรอกครับ มันก็มีช่วงที่เหนื่อยจนอยากลาออกก็มี แต่พอมองย้อนกลับไปว่าเรามาอยู่ตรงนี้ทำไมก็มีแรงขึ้นมา จริง ๆ ไม่ใช่หรอก แค่หิว”

“ฮ่าๆๆ เออว่ะพี่ผมว่าผมยังไม่ได้เติมชานมไข่มุก ไปฉีดเข้าเส้นเลือดซักหน่อยดีกว่า”

หมอรุ่นน้องเดินอารมณ์ดีขึ้นกว่าตอนเดินเข้ามาแอบอู้กับเคสที่ตัวเองต้องดูแล และเหมือนเพิ่งโดนอาจารย์หมอดุมา แต่นั่นแหละอาชีพอย่างเรามันจะมีช่วงวีค ๆ ในหนึ่งวันเสมอ เราถูกสอนมาให้รับมือกับความเครียดและเรียนรู้วิธีกำจัดความเครียดของตัวเองได้ดีกว่าคนอื่นล่ะมั้ง บางทีการได้กินของอร่อย ๆ ก็ช่วยได้เยอะ



วันนี้ศิมานอนที่คอนโดผม เพราะใส่เสื้อผ้าเดิมซ้ำกันมาสองวันแล้ว อีกอย่างห้องน้องไม่มีเสื้อที่ผมใส่ได้เลย แถมน้องยังส่งซักเสื้อเลยไม่มีเครื่องซักผ้าซะงั้น เสื้อที่มีอยู่หลังรถก็ใส่หมดแล้ว กลับมาอาบน้ำใส่ชุดใหม่ที่คอนโดตัวเองก่อนจะเป็นเกลื้อนน่าจะดี

“I found a love for me
Darling just dive right in
And follow my lead”


เสียงเพลงโปรดของผมลอดออกมาจากห้องครัว แน่ล่ะผมให้กุญแจคอนโดน้องไว้ คงกะมาทำอะไรกินเย็นนี้ น่ารัก

“Baby, I'm dancing in the dark with you between my arms
Barefoot on the grass, listening to our favorite song”


เด็กผู้ชายมัดจุด ในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งกับกางเกงยีนส์ขาด ๆ ขาสั้นเหนือเข่า สวมผ้ากันเปื้อนลายริลัคคุมะที่คงค้นเจอในตู้เก็บของ ผมซื้อมาเพราะเห็นว่าน่ารักดีจากช้อปตอนไปเที่ยวญี่ปุ่นเมื่อ2-3ปีที่แล้ว และไม่เคยใช้เพราะทำอาหารไม่เป็น แต่ซื้อผ้ากันเปื้อนงงตัวเองเหมือนกัน แค่ดาเมจควมน่ารักมันเลยต้องหยิบติดมือมา และจินตนาการว่าถ้าที่มีคนรักใส่ผ้ากันเปื้อนลายน่ารักทำอาหารให้ตัวเองกินมันคงดีไม่น้อย ซึ่งตอนนี้มันเหนือจินตนาการไปแล้ว

“ต้องใส่อะไรก่อนนะ มันฝรั่งหรือว่าแครอท” น้องเหมือนจะพึมพำกับตัวเอง แล้วกัดผักที่ว่าลองชิม สุดท้ายก็เทมันทั้งสองอย่างลงให้หม้อเดียว กลิ่นนี้น่าจะเป็นซุปไก่ใส่มันฝรั่ง

ว่างสิ่งของต่าง ๆ ไว้ข้างเก้าอี้หน้าห้องครัว ก่อนจะเดินหย่องทำตัวเป็นขโมยเข้าหาคนรัก

หมับ

“เฮ้ย!”

“ทำไรกินครับหนู หอมไปถึงนิติคอนโดแล้ว” ใช้จมูกไซร้ซอกคอหากลิ่นคุ้นเคยที่ไม่ได้ดอมดมแบบเต็ม ๆ มาหลายวัน

“ตกใจหมดเลย ทำซุปไก่ นี่ครั้งแรกไม่รู้ว่าจะกินได้มั้ย ทำอาหารไทยไม่เก่งเลย”

“พี่กินได้หมดแหละ เอาศิเทลงจานมาพี่ก็โอเค”

คนโดนกอดตีที่แขนผมเบา ๆ “ตลกเหอะ ไปอาบน้ำดีมั้ย จะได้กินข้าว” ศิหันกลับมาสบตากับผม

“ตาพี่ดิมเหมือนแพนด้าบวกแพนด้ายกกำลังแพนด้าอะ เหม็นด้วย” จมูกเล็ก ๆ ฟุดฟิดไปตามซอกคอ และเสื้อตัวเก่าที่ผมสวมใส่

“เหม็นขนาดนั้นเลยหรอครับ” ทำหน้าเศร้า ๆ ถ้าใครจำได้ผมบอกน้องหอมตลอดเวลาแม้จะเหงื่ออออกทั้งวัน ทีแบบนี้จะบอกว่าหอมบ้างก็ไม่ได้

“ครับ ดูท่าเสื้อจะขึ้นขี้เกลือด้วย” น้องดูจะไม่สงสารเลยแฮะ เมียใครวะ

“เฮ้อ ก็ได้ ๆ พี่มันเหม็นนี่ ใครจะหอมเหมือนตัวเอง” ทำท่าน้อยใจไปงั้นแหละครับ เผื่อได้อะไรกระชุ่มกระชวย

“โห นี่น้อยใจหรอ” น้องกอดพุงผมแน่น ก่อนจะแนบแก้มตัวเองลงบนหน้าอก แล้วส่ายหน้าไปมา “ศิอยากให้พี่ดิมสบายตัวไง จะได้หายเหนื่อย” ไปเอาไอ้การช้อนลูกตาเหมือนหมาขี้อ้อนแบบนี้มาจากไหนนะ แอ็ทแท็กกับหัวใจลุงดวงนี้สุด ๆ เลย จะบ้าตาย

“อะ อืมครับ ไปอาบก็ได้”

“ไม่น้อยใจแล้วนะ”

“ใครน้อยใจ ไม่มีเหอะ”

“ทำมาเป็นนะเจ้าแด๊ดดี้”

หมอหัวทุยเล็กแรง ๆ ไปทีก่อนจะผละพาตัวเองเข้าห้องน้ำชำระร่างกายเน่าอย่างที่น้องว่า เสื้อผ้าในตะกร้าห้องนอนจำได้ว่ายังไม่ได้ซักตั้งหลายตัว ตอนนี้หายไปหมดแล้ว แม่บ้านไม่ได้เอาไปซักแน่ ๆ เพราะนี่ไม่ใช่วันอาทิตย์ ว่าที่เจ้าของห้องอีกคนเอาไปซักให้สินะ ทำตัวเมียขึ้นทุกวัน

นอนแช่น้ำอุ่นแบบอมยิ้มไปในที ชีวิตตัวเองตอนนี้ถ้าไปเล่าให้ใครฟังคงมีคนอิจฉาบ้างแหละ ผู้ชายอายุเกือบลุงที่เคยบ้างาน ทำงานหลายอย่างจนไม่มีเวลาให้ใครกระทั่งตัวเอง ตอนนี้มีคนที่คอยเข้าใจ ให้กำลังใจ และเติมเต็มชีวิตในหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะ “ความสุข” และ “ความสบายใจ” ต่อไปนี้ก็คงทำงานลืมวันลืมคืนได้ แต่คงลืมคนที่รออยู่ที่ “บ้าน” ไม่ได้

บ้านในที่นี้คือศิ

ศิคือบ้านที่น่ากลับของผม




แต่งตัวสบาย ๆ ด้วยเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้น ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดเส้นผมที่ยังเปียกชื้นเดินลงมาห้องครัวด้านล่าง กลิ่นหอมฉุยของอาหารสารพัดอย่างก็ถูกจดวางเต็มโต๊ะ อย่างกับจะเลี้ยงคนทั้งคอนโด น้องรู้ว่าผมกินเยอะ แต่ก็ไม่ใช่จะเยอะขนาดนี้มั้ย

“พี่ดิมมาพอดีเลย ศิจัดโต๊ะเสร็จแล้ว น่ากินมั้ย”

เด็กผู้ชายในผ้ากันเปื้อนพูดด้วยท่าทางภาคภูมิใจกับสิ่งที่เขาตั้งใจทำตรงหน้า รอยยิ้มสดใสปรากฏให้เห็นจากใบหน้าเนียนใสบ่อยครั้งกว่าแรก ๆ  ที่เรารู้จักกัน จะเคลมว่าตัวเองก็เป็นความสุขของเขาได้มั้ยนะ

“ไหนดูซิมีอะไรน่ากินกว่าศิมั้ย” จุ๊บแก้มเนียนที่ดูโกลว์ขึ้นจากความร้อนในการทำงานครัว

น้องมองตาขวางแบบเขิน ๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เลยได้ทีจุ๊บปากเล็ก ๆ ที่ยู่แบบเด็กดื้อไปที

“วันนี้ศิลองทำอาหารไทยนะครับ ไม่ถนัดเลยไม่รู้จะอร่อยมั้ย”

กวาดสายตามองโต๊ะอาหารตรงหน้าที่รายล้อมไปด้วยอาหารหน้าตาน่าทาน ทั้งต้มซุปไก่ใส่มันฝรั่ง ไข่เจียวกุ้ง ผัดผักรวม กะเพราไก่ สลัดผักสด ไข่ดาวน้ำ น้ำส้มคั้นตั้งคู่กับน้ำเปล่า และข้าวสวยร้อน ๆ

“พี่กินเยอะขนาดที่ศิต้องทำกับข้าวขนาดนี้เลยหรอ”

“อื้อ ก็กลัวพี่ดิมไม่อิ่ม”

“พี่ว่าพี่ต้องเป็นหมูแน่ ๆ ยิ่งไม่ได้ออกกำลังกายอยู่ด้วย” พูดไปก็เดินไปดึงเก้าอี้ให้เขา แล้วก็พาตัวเองไปประจำที เรานั่งตรงข้ามกัน เพราะโต๊ะอาหารในห้องครัวเป็นโต๊ะเล็ก ๆ สำหรับสองคน

“เป็นหมูก็น่ารักดีนะครับ ตัวสีชมพู วิ่งดุ๊กดิ๊กๆ” ศิตักข้าวพูนจานให้ผมก่อนจะตักหนึ่งทัพพีให้ตัวเอง

“เดี๋ยวพี่อ้วนมาก ๆ จะไม่พูดแบบนี้หรอก”

“พี่ดิมเป็นยังไงศิก็...รักพี่ดิมอยู่ดีแหละ” ประโยคสุดท้ายดูจะแผ่วลงเล็กน้อยตามระดับความเขินของคนพูด ผมไม่ซักอะไรต่อเพราะเดี๋ยวจะไม่ได้กินข้าว จะได้กินเจ้าเด็กน่ารักข้างหน้าแทน


มื้อนี้เจริญอาหารมากกว่าปกติ ทั้งที่ปกติก็เจริญอาหารที่ไม่ใช่ข้าวในโรงพยาบาลอยู่แล้ว ยิ่งเป็นฝีมือของคนรักทำให้กินยิ่งอร่อยเท่าทวี ผมช่วยศิเก็บจานและอาสาเป็นคนล้างให้เอง เพราะไม่อยากเอาเปรียบน้อง ทำกับข้าวให้แล้วยังต้องมาทำความสะอาดให้อีก ตอนแรกศิเกี่ยงจะทำเองเพราะอยากให้ผมเข้าไปพักผ่อน แต่ผมก็บอกเขาไปว่า

“ศิเป็นแฟนพี่ไม่ใช่แม่บ้าน อยากดูแลพี่รู้ แต่แค่กลับมาแล้วเห็นหน้าศิก็หายเหนื่อยแล้ว ศิไม่ต้องลำบากเลย”

น้องก็พยักหน้าทำเป็นเข้าใจ แต่เสียงเครื่องซักผ้าในห้องซักล้างส่งสัญญาณเตือนว่าได้เวลาเอาผ้าออกจากเครื่องไปตาก น้องก็วิ่งดุ๊ก ๆ ไปตากผ้าทันที ฟังที่ไหนล่ะเด็กดื้อแบบนี้

ศิกำลังจะเดินเอาตะกร้าผ้าไปเก็บเข้าที่ ผมที่นั่งบนโซฟาร์หลังจากล้างจานเสร็จ ก็มาสังเกตความเป็นคนเจ้าระเบียบของเด็กคนนี้ ก่อนตากผ้ากลับตะเข็บ เรียงสี แยกกางเกงกับเสื้อ อดใจไม่ได้ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูป แถมตอนที่เขาจะเดินผ่านไปก็ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปอีก แต่ไม่กล้าเรียกน้องยืนถ่ายรูปดี ๆ หรอก นี่ก็เขินเหมือนกันไม่เคยทำอะไรแบบนี้กับใครเลย ลอบยิ้มกับภาพที่ตัวเองแอบถ่ายน้องแล้วตั้งเป็นโฟลเดอร์เฟบเวอร์วิทกับตัวเองคนเดียว เป็นเอามากจริงว่ะดิม



สองทุ่มกว่าศิอาบน้ำตัวหอมเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมย้ายตัวเองมานอนกลิ้งบนเตียงเรียบร้อย แถมตาปรือจะหลับเต็มทีแต่รอเจ้าเด็กที่อาบน้ำเหมือนจะฟอกสีผิวใหม่

“นานจัง” พึมพำโดยที่ยังไม่ลืมตา

“พี่ดิมง่วงแล้วหรอ” น้องถาม และเหมือนได้กลิ่นสบู่อาบน้ำชัดเจนขึ้นใกล้จมูก

“อื้อ เพลียยังไงไม่รู้” ตอบไปพยายามลืมตาที่หนักอึ้ง แต่ก็เลือนลางเพราะไม่ได้ใส่แว่น เลยควานหาแว่นที่หัวเตียง แต่แล้วเหมือนคนที่ยืนข้างเตียงจะรู้ก็เลยถูกสวมแว่นให้

พอภาพทุกอย่างชัดเจนเท่านั้นแหละ อาการง่วงก่อนหน้านี้ค่อย ๆ สะบัดออกจากหัว เพราะชุดศิที่สวมใส่ กับใบหน้าที่หม่นเล็กน้อย เหมือนเจ้าตัวเตรียมอะไรบางอย่าง แต่ผมดันบอกง่วงนอน

เสื้อเชิ้ตสีครีมบางเหมือนกระดาษ ห่อหุ้มร่างกายเปลื่อยเปล่าเพราะแสงไฟในห้องทำให้เห็นว่าร่างบางไม่มีอะไรปกปิดเลยนอกจากอาภรณ์ชิ้นนี้ ที่อาบน้ำนานคงไม่ใช่เพราะแค่เตรียมตัว คงเตรียมใจที่จะทำแบบนี้ แต่แล้วผมดันมาบอกว่าเหนื่อยอยากนอน น้องคงใจเสียไปแล้ว

“งั้นพี่ดิมพักผ่อนเถอะครับ ศิ...ขอไปเปลี่ยนเสื้อก่อน” ใบหน้าหม่นปนเขินอายกำลังจะหันหลังกลับไปที่ห้องแต่งตัว แต่ไม่เร็วเท่ามือของผมที่คว้าแขนน้องไว้

“เดี๋ยวสิ ชุดนี้…”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ศิแค่ลองใส่ดูเฉย ๆ” น้องไม่หันมามองหน้าผมเลยตอนที่พูด ไงล่ะมึงไอ้ดิม ยังจะง่วงอยู่มั้ย

พอศิตอบแบบนี้ก็โคตรรู้สึกผิดขึ้นมา ดึงแขนน้องเบา ๆ จนคนตัวเล็กนั่งลงบนเตียง ก่อนที่ผมจะกอดน้องไว้ด้วยแขนข้างเดียวหยั่งเชิง กลัวว่าน้องจะปัดออกเพราะโดนโกรธเข้าแล้ว แต่แล้วน้องก็ไม่ทำเลยหย่ามใจกอดเต็มแรงทั้งสองข้าง แล้วเอาคางที่มีหนวดแข็ง ๆ หยุบหยับพาดบนไหล่เล็กอย่างออดอ้อน

“พี่ไม่รู้ว่าศิเตรียมอะไรแบบนี้ พี่ขอโทษนะ”

“...”

“นะครับ”

“ศิไม่ได้โกรธ แค่...เห็นพี่ดิมเหนื่อย ๆ ก็เลย…”

“....”

“อยากทำให้”


“โถ่หนู”

ได้ยินคำตอบแบบซื่อ ๆ คิดอะไรง่าย ๆ แบบนี้ก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน ไม่เคยคิดว่าน้องจะทำอะไรแบบนี้ให้ เพียงเพราะเห็นผมทำงานหนัก ไม่ใช่แค่เรื่องที่คัดสรรเสื้อผ้าที่คิดว่าผมน่าจะชอบ แต่มันรวมไปถึงทำอาหารเย็นกินกันง่าย ๆ เมื่อกี๊ ไหนจะทำงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเพื่อให้ผมนอนสบายขึ้น มันเป็นความใส่ใจที่น้องตระเตรียมไว้ให้ เพราะคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงาน และคงอยากให้ผมที่ค่ำคืนที่มีความสุขกับเขาจนยอมอายแต่งตัวอะไรที่ไม่เคยชิน แค่อยากให้ผมหายเหนื่อยเท่านั้นเอง

จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ

จูบที่แก้มเนียน ลาดไหล่ และข้อมือ แทนคำขอโทษและรู้สึกผิดที่ตัวเองโง่ไม่รู้อะไรเลย

“พี่ไม่ง่วงแล้ว ยังมีโอกาสอยู่มั้ย”

น้องไม่พูดอะไร แต่ผลักผมลงไปนอนราบที่เตียงด้วยแรงทั้งหมดที่มี แล้วขึ้นมานั่งคล่อมผมทั้งตัว  เสื้อไม่ได้ยาวมันก็เลิกขึ้นจนเห็นของลับวับ ๆ แวบ ๆ พลอยให้ใจเต้นเหมือนลุงแก่ ๆ กำลังจะได้กินอิหนูเด็กคราวลูก

“คนบ้า รู้มั้ยเนี่ยว่าเตรียมใจนานแค่ไหน อยู่ ๆ มาบอกง่วง เหอะ” น้องฟาดมือเล็ก ๆ ลงที่กลางอก แต่มันไม่เจ็บสักนิดเดียว

“พี่ดิมอยู่เฉย ๆ ห้ามแตะตัวศิเลยนะ เป็นบทลงโทษของคนนิสัยไม่ดี”

ผมยิ้มรับและพยักหน้ารับ “พี่ใช้เสียงได้มั้ย”

“อะ อื้อ อันนั้นอนุญาต”

คนที่คล่อมอยู่ด้านบนจับแขนสองข้างของผมด้วยแรงแบบเด็ก ๆ ของเขาแล้วยกมันไว้เหนือศรีษะ อยากจะขำแต่ไม่กล้าเพราะเดี๋ยวน้องใจเสียไอ้สิ่งที่น้องเตรียมมาจะไม่ได้เห็นแน่นอนในชาตินี้




มีต่อ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-07-2018 22:03:50 โดย mifengbee »

ออฟไลน์ mifengbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
ศิก้มลงมาจูบ เป็นจูบที่ดีขึ้นกว่าครั้งแรกที่เราจูบกันมากทีเดียว เพราะน้องได้รับการเทรนด์ที่ดีจากผมไปนั่นเอง อะอวยตัวเองไปหนึ่ง ริมฝีปากนุ่มนิ่มกำลังบดเบียดกับริมฝีมปากหนาของผม น้องส่งเสียงเล็กน้อยเวลาที่ผิวไปโดนไรหนวดที่กำลังขึ้น ได้แต่ยิ้มกับความน่ารักของเขา ลิ้นเล็กพยายามจะกล่ำกลายเข้ามาในปาก แต่ผมก็ทำเป็นอยู่นิ่ง ๆ จนเขาถลึงตาใส่เลยยอมเปิดปากแต่โดยดี ผมให้น้องคุมเกมอยากเห็นว่าไปเรียนขั้นตอนมาจากสำนักไหน Coat หรือ Men

ลิ้นเล็กทำหน้าที่ดีกว่าที่คิด ทำเอาผมเริ่มเคลิ้มใช้ลิ้นตัวเองเกี่ยวพันน้องไปหลายที เกือบจะเผลอตัวจูบกลับแรง ๆ ไปเสียแล้ว แต่ยังดีที่ยั้งตัวทัน มือศิเริ่มซุกซนลูบที่แผ่นอกและหน้าท้อง ทั้งที่ปากกำลังเคลื่อนตัวลงมาตามซอกคอและไหปลาร้า น้องกำลังสร้างคิสมาส์กผมก็ยอมเพราะไม่ค่อยได้ใส่เสื้อยืดออกไปข้างนอกอยู่แล้ว

ศิใช้มือเลิกเสื้อนอนของผมขึ้นแล้วถอดมันออกจากตัว ใจจริงอยากปลดกระดุกเสื้อเชิ้ตเขาชะมัดแต่กติกาคือผมห้ามโดนตัวน้องไง ไอ้ส่วนหัวนมน้องมันก็แข็งแทงเสื้ออกมายั่วยวนเสียจริง

น้องใช้ลิ้นและมืออีกข้างหยอกเย้ากับตุ่มที่หน้าอกผม เหมือนเขากำลังกินขนมชิ้นโปรด อย่างที่บอกน้องใช้ลิ้นเก่งขึ้นมาก ๆ และตอนนี้เสียงครางอย่างพอใจเปล่งออกไปอย่างห้ามไม่ได้ อยากจะใช้มือสองข้างของตัวเอง ประคองเอวเล็ก ๆ ที่โก่งโค้งนี่เหลือเกิน แต่ทำได้แค่กำผ้าปูที่นอนแน่น ผมเห็นน้องยกยิ้มอย่างชอบใจและไม่รอช้าเขาก็ใช้มือที่ว่างเลื่อนไปลูบส่วนที่กำลังจะแข็งตัวเบา ๆ กระตุ้นให้มันรู้สึกร่วมไปกับเจ้าของ

“ฮ่า” เสียงประหลาดนี่เปล่งออกมาหลังจากที่ศิใช้มือกอบกำส่วนที่อยู่ใต้กางเกงนอน ตอนที่น้องล้วงเข้าไปเขาแอบตกใจเล็กน้อยที่ผมไม่สวมกางเกงใน ใช่ครับ ปกติไม่ค่อยใส่เพราะอึดอัด และตอนนี้ยิ่งอัดอัดเพราะของน้องก็เริ่มแข็งแล้ว และมันก็กำลังถูดไถที่หน้าท้องของผม น้ำใสจากแรงอารมณ์เลอะที่หน้าท้องผมเล็กน้อย มันเป็นภาพที่อยากยกมือถือขึ้นมาถ่ายเก็บไว้จริง ๆ แต่ทำไม่ได้

คนด้านบนถอยหลังไปเล็กน้อย และเหมือนผมจะรู้ว่าน้องกำลังจะทำอะไร

“ศิจะทำหรอ”

น้องไม่ตอบแต่ดึงกางเกงผมออกอย่างช้า ๆ และส่วนที่กำลังขยายเด้งพรืดขึ้นต่อหน้า น่าอายชะมัด คนทำยิ้มให้อย่างเขิน ๆ มือเล็กจับที่ท่อนอุ่นก่อนจะใช้ลิ้นเลียเหมือนชิมของที่อยู่ในมืออย่างกล้า ๆ กลัว ๆ  พอรับรู้รสชาติว่ามันไม่ได้ประหลาดอย่างที่คิดก็อ้าปากกว้างขึ้นก่อนจะรับมันเข้าไปทั้งหมด แต่เข้าได้แค่ส่วนหัว แค่นี้ใจผมก็จะขาดอยู่แล้ว

เท้าข้อศอกเพื่อยกตัวมองน้องทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าเขาจะทำให้ เพราะไม่ได้ร้องขออยากให้น้องทำเลย รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะยอมทำให้กันง่าย ๆ และแน่นอนมันน่ารักมากจนอยากจะจับน้องมาฟัดให้จมเตียงตอนนี้

“อี้อิมอุดเอย”  (พี่ดิมหยุดเลย)  น้องมองมาที่ผมตลอดตอนทำกิจกรรม เห็นผมกำลังจะใช้มือลูบหัวน้องก็เลยพูดทั้ง ๆ ที่ปากยังคาไอ้เจ้านั่น โอ้ย จะตายแล้วโว้ย ตายเพราะความซื่อของน้องนี่แหละ

เลยได้แต่กำหมัดแล้วส่งเสียงครางต่ำ ๆ ให้เขารู้ว่าผมพอใจกับการกระทำของเขาแค่ไหน แม้ว่ามันจะไม่ได้สมบูรณ์แบบมาก เพราะรู้สึกว่ายังโดนฟันขบเบา ๆ แต่ไม่เจ็บอะไร อยากรู้จริง ๆ ว่าไปฝึกตอนไหน ใช้อะไรฝึกกันนะ

พวกคุณคิดสภาพออกใช้มั้ย แฟนผมกำลังทำท่าโก่งโค้งเพื่อออรัลให้ ใบหน้าขาวนวลอมชมพูขึ้นเล็กน้อยเพราะต้องใช้แรง และเสื้อเชิ้ตตัวบางก็ร่นขึ้นจนมันมากองที่เอว ภาพทุกอย่างฉากชัดบนเงาจอทีวีขนาด 44 นิ้วบนผนังตรงข้ามเตียง ที่ไม่ค่อยได้เปิดใช้ แต่มันมีประโยชน์ก็วันนี้แหละ

“ฮ่าา หนูจะทำให้พี่เสร็จนะ”

จุ๊บ

น้องถอนริมฝีปากและจูบที่ส่วนที่เล่นลิ้นกับมันมานานพอสมควร แล้วหอบหายใจเหนื่อยหอบ เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ชื้นขึ้นที่ขมับ จนอยากเช็ดให้ ผิวน้องแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จู่ ๆ เขาก็เดินลงไปจากเตียงจนผมเหว๋อว่าจะทำให้กันแค่นี้หรอ ถูกลอยทะเลเพราะไปทำให้น้องไม่พอใจแน่ ๆ แต่แล้วน้องก็เดินกลับมาพร้อมกับขวดเจลสีใส

ไม่พูดพร่ำทำเพลง น้องก้มลงมาจูบผมอีกครั้งอย่างไม่พูดไม่จา รู้แค่ตอนนี้อารมณ์น้องกระเจิดกระเจิงมาก ๆ มือเล็กปลดประดุมเสื้อเชิ้ตด้วยตัวเองออกสองสามเม็ด จนแผงอกขาวเด่นกระง่านตรงหน้า เขาถอนจูบก่อนจะเปิดขวดเจลแล้วทาไปที่ส่วนที่ควรหล่อลื่นด้วยตัวเอง สองขาเล็กที่คล่อมผมอยู่แหวกออกเล็กน้อยเพื่อจะได้ถนัดขึ้น ใบหน้าใสเริ่มเหยเกเล็กน้อย พอมองไปที่ทีวีใจกระตุกเลย นิ้วเล็กพยายามสอดเข้าไปที่ส่วนนั้นด้วยตัวเอง

“อื้อ” น้องกัดปากตัวเองดูแล้วทรมานไม่น้อย

สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำเอาผมพูดไม่ออกเลย คือไม่คิดว่าชาตินี้จะได้เห็นคนรักช่วยตัวเองต่อหน้า อยากจะรวบตัวน้องแล้วจัดการอะไร ๆ ให้มันเป็นไปตามใจ แต่อีกใจก็อยากรู้ว่าน้องจะทำอะไรต่อ และตัวเองจะทนกับการยั่วยวนนี้ไปได้ถึงเมื่อไหร่

นอนมองน้องเตรียมตัวด้วยใจเต้นแรงเกือบห้านาที โดยที่น้องไม่สนใจเลยว่าผมจะตายอยู่แล้ว แถมยังมองหน้าด้วยสายตาช่ำเยิ้มบ่งบอกว่าตัวเองพร้อมแค่ไหนนั่นอีก ใจมันแทบจะทะลุออกมาจากอกอยู่แล้ว แต่ก็ตกใจอีกรอบที่น้องบีบเจลใส่มือแล้วค่อย ๆ ทาที่ส่วนแข็งขืนของผมที่กระตุกเองหลายทีเพราะอยากเต็มทน

“ถ้าพี่ดิมแตะศิ ศิจะหยุดเลยนะ”

น้องขู่ผมอีกรอบ เดาว่าน้องคงรู้ว่าผมวางแผนอะไรไว้ แถมยังรู้ว่าผมอดกลั้นได้อีกไม่นาน

พอเขาทาเจลให้เสร็จ ก็จับสิ่งที่แข็งเป็นหินตั้งก่อนแล้วค่อย ๆ กดตัวเองลงมาทับสิ่งนั้น น้องกัดปากตัวเองแน่นจนกลัวว่าจะช้ำ กลั้นเสียงร้องไว้ในลำคอ อยากจะดันตัวเองเคลื่อนเข้าไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็กลัวน้องจะเจ็บ แถมถ้าทำแบบนั้นก็กลัวน้องจะหยุดอย่างที่บอกไว้เลยได้แค่มองการกระทำที่สุดวาบหวิวตรงหน้า และเริ่มรู้สึกมากขึ้นเมื่อน้องดันตัวเองจนสุดลำ

“ฮ่า” เขาถอนหายใจเบา ๆ

“หนูกำลังทำให้พี่เป็นบ้า”

“อื้อ ศิจะ จะขยับ”

“รัดพี่แน่นขนาดนี้จะขยับได้หรอ”

“อะ อื้อ พะ..พี่ดิม ยะ หยุดเลย” น้องออกปากห้าม เพราะผมควงเอวเล็กน้อยเพื่อให้น้องลดอาการเกร็ง แต่ก็โดนสั่งห้ามเฉยเลย ทั้งที่ตัวเองเสียวมากขนาดนี้

“ครับ ๆ”

คนตัวเล็กใช้แขนกดที่หน้าท้องของผมก่อนจะค่อย ๆ ขยับขึ้นลงด้วยจังหวะเนิบช้า และเริ่มคล่องขึ้นเพราะช่องทางงเริ่มขยาย ก่อนจะใช้แรงและความเร็วเพิ่มขึ้น เล็บที่ยาวเล็กน้อยจิกลงที่แถวสะดือแต่นั่นแหละไม่เจ็บเลยสักนิดมีแต่ความเสียวซ่านอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน

“ศิ เร็วไปแล้ว..ครับ อะ”

ตอนนี้ไม่ใช่แค่ขยับขึ้นลง แต่น้องเริ่มใช้ตัวเองถูไถบดเบียด ยิ่งทำแบบนี้น้องของผมมันยิ่งเข้าไปในตัวน้องลึกขึ้นมาก ๆ และผมกำลังจะหมดความอดกลั้นเต็มที

“พะ ดิม จับมือหน่อย”

จับมือศิสองข้างแน่น เขาคงอยากหาหลักเพิ่มแรงตัวเองให้ได้มากขึ้น และนี่เป็นจุดที่ทำให้กติกาของเราขาดสะบั้นเพราะน้องขอให้แตะตัวเขาเอง หึ เด็กขี้ยั่ว

“อ๊ะ จะถึง”

น้องขยับโยกอีกไม่กี่ทีตัวก็กระตุกสองสามครั้งก่อนที่น้ำสีขุ่นเปื้อนเต็มหน้าท้องและกระเด็นมาถึงหน้าอกของผม ศิโกยอากาศหายใจเข้าปอดและบีบมือที่จับผมแน่น ก่อนจะก้มลงมาจูบอย่างขอกำลังใจ หึ คราวนี้ล่ะ

รีบพลิกตัวน้องทั้งที่ส่วนนั้นยังเชื่อมต่อกันอยู่ และน้องก็ดูตกใจไม่น้อยที่ผมทำแบบนั้น

“พี่ดิมห้าม..”

“หนูผิดกติกาก่อนเพราะขอให้พี่จับมือไง”

“คิดไว้แล้วสินะ คนเจ้าเล่ห์อย่างพี่อะ”

“พี่จะทำให้หนูบอกให้ได้ว่าไปเรียนไอ้ที่ทำเมื่อกี๊มาจากไหน”

“อ๊ะ พะ พี่ เร็วไปแล้ว”

ไม่ต้องรีรออะไรอีกเพราะที่ทนไปก่อนหน้านี้มันก็นานเกินไปแล้ว มีอย่างที่ไหนไม่เคยเริ่มก่อน ทั้งที่ดูเป็นเด็กทขี้อายกับอะไรแบบนี้ แต่กลับกล้าทำสิ่งที่ยั่วยวนกันแต่กลับไม่ให้แตะต้องตัวเอง จะต้องสั่งสอนให้เข็ดหลาบว่าอย่าทำอะไรที่น่ารักเกินกว่าปกติ เพราะแค่ปกติก็ทำให้หลงจนแทบจะไม่เป็นอันทำอะไรเวลากลับบ้านอยู่แล้ว

เจ็บตัวหน่อยแล้วกันเด็กดื้อ

สวนสะโพกเข้ากับเอวเล็กอย่างไม่ยั่งแรง เพราะมันยั่งตัวเองไม่ได้ น้องน่าจะรู้ว่าผมเป็นคนมีความต้องการมาก ยังกล้ามาทำอะไรแบบนี้ บอกตรง ๆ ว่าตอนนี้เริ่มหน้ามืดและรุนแรงกับน้องพอสมควร

กระชากเสื้อเชิ้ตที่รกตาออกจากร่างกายเนียนขาวตรงหน้า ที่มันยิ่งผ่องขึ้นเมื่อกระทบแสงไฟ ปกติเวลาเราเมคเลิฟน้องมักจะขอให้เปิดแค่ไฟหัวเตียง แต่วันนั้นเปิดไฟสว่างทั้งห้อง แถมผ้าม่านก็ยังไม่ได้ปิด ดีที่ห้องอยู่ชั้นสูงสุดและเป็นมุมที่ไม่ตรงกับอาคารสูงอื่นเลย

“ไปดูวิธีการมาจากไหน ใครสอน”

“อ่า ฮะ พี่ดิม บะ เบาหน่อยเถอะครับ”

“ตอบพี่ก่อนคนดี”

“อื้อออ ในเว็บ”

“แค่นั้นหรอ”

“ฌะ เฌอบอกด้วย อื้อ อ๊ะ ก็ลองทำตอนที่พี่ดิม ปะ ไปเข้าเวร”
“อ๊ะ”

พอได้ยินน้องบอกแบบนั้นยิ่งอยากเป็นบ้า ลองทำด้วยตัวเองตอนผมไม่อยู่เพื่อทำให้ผมมีความสุข ไม่อยากคิดว่าน้องจะเสร็จไปกับวิดีโอโป๊ไปกี่ครั้ง คิดแล้วก็แอบไม่พอใจ ทำไมไม่ให้สอนวะไปพึ่งวิดีโอทำไม

เออหึงกระทั่งวิดีโอโป๊นี่แหละ แม่ง

ก้มลงไปจูบเพื่อให้น้องหยุดการใช้เสียง เพราะกลัวว่าจะเจ็บคอ เสียงที่ใช้ตอนนี้รู้เลยว่าน้องรู้สึกมากไม่ต่างกัน แผนประหลาด ๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัวอีกแล้ว

“เด็กดื้อ แอบช่วยตัวเองตอนพี่ไม่อยู่”

“อื้ออ พี่ดิมศิจะสะ เสร็จ”

“อย่าเพิ่งครับ”

จัดการรวบตัวเด็กในอ้อมแขน แล้วกระเตงออกมาที่กระจกริมระเบียง ก่อนจะพลิกตัวเขาให้หันหน้าเข้าหาวิวเมืองหลวงของกรุงเทพฯ ที่กำลังสวย เพราะเพิ่งจะไม่กี่ทุ่ม

“พะ ดิมจะทำอะไร ตรงนี้ไม่เอา”

“พี่จะเอา”


“ฮ่าา อ๊ะ”

ไม่พูดเปล่าเริ่มขยับอีกครั้ง แต่ลดแรงกระแทกลงมาหน่อย กลัวกระจกแตกไม่งั้นนิติคอนโดคงบุกขึ้นมาเพราะสัญญาณกันขโมยดัง จับเอวบางให้ชิดที่แผงอก ก่อนจะบังคับให้เขาหันมารับจูบแบบดูดดื่ม ขาศิเริ่มไม่ติดพื้นคงเพราะอาการเสียวกับบรรยากาศแปลกใหม่

ถอนจุมพิตออก เพราะน้องเริ่มส่งสัญญาณว่าจะถึงฝั่งอีกครั้ง เลยขยับเป็นจังหวะเพื่อให้เขาปลดปล่อย ไม่นานน้ำสีขาวขุ่นที่เริ่มจางเพราะไปแล้วหนึ่งรอบก็ฉีดเปรอะกระจกใสเป็นจุด ๆ กระจายไปทั่ว ศิพิงกระจกเริ่มหมดแรงเลยตามไปจูบแผ่นหลังเนียนชื้นเหงื่อเล็กน้อย ก่อนจะใช้มือแอบปลดล็อกกระจกแล้วดันเขาออกไปยืนรับผมที่ระเบียงทั้งที่ตัวเองไม่ได้ถอนกายออก

“มะ ไม่นะ พี่ดิม”

แน่นอนผมเริ่มขยับอีกครั้ง น้องจับขอบระเบียงสแตนเลสแน่น ผมจัดให้เขาอ้าขาอีกเล็กน้อยแล้วเพิ่มแรงขึ้นอีก เพราะตัวเองก็แทบจะทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่โดนน้องปล่อยให้ค้างเติ่งตอนแรก จนตอนนี้น้องเสร็จไปสองรอบเลยคิดว่าไม่ควรกลั้นอีกต่อไป ใส่แรงกระแทกกระทั้นมากขึ้นจนน้องตัวโยนชิดกับระเบียง

“อ๊ะ อ๊ะ”

“ฮ่า อีดนิดคนดี”

ขยับเร็วและรัวอีกหลายครั้งก่อนจะปลดปล่อยสิ่งที่ไม่ได้เอาออกมาเป็นอาทิตย์เข้าตัวน้อง และมันน่าจะเยอะมากจนไหลออกมาตามต้นขาน้องเต็มไปหมดทั้งที่ยังไม่ได้ถอนกายออก

“ฮ่าา ดูซิขนาดพี่ยังไม่ช่วยตัวเองเลย”

“ฮะ พี่ดิมไม่มีเวลามากกว่า”

ถอนกายออกแล้วน้ำสีขุ่นมากมายก็ถยอยไหลออกมาอีก จนน้องมีสีหน้าตกใจ ก็เลยอุ้มน้องเข้าห้องและให้เขาปิดกระจกก่อนจะวางเขาบนเตียงอย่างเดิม

ที่ระเบียงก็เร้าใจดีเหมือนกัน ยกให้เป็น favorite place for make love

อย่าคิดว่าจะจบแค่รอบเดียว เพราะบอกแล้วว่าน้องอาจจะต้องเจ็บตัวหน่อยที่ทำแบบนี้กับคนมีความต้องการสูงอย่างผม

ง่วงนอนน่ะหรอ หายไปตั้งแต่เห็นเสื้อเชิ้ตสีครีมที่ตอนนี้กองอยู่ข้างเตียง รวมกับเสื้อและกางเกงของผมแล้วล่ะ

ความเพลีย ก็แพ้เมียขี้อ่อย





เช้าวันนี้กับอาการปวดเนื้อปวดตัวเหมือนเข้าฟิตเนสแล้วโดนเทรนเนอร์จัดครบเซตบริหารก้น ตอนนี้เหมือนก้นโดนค้อนทุบจนร้าวระบมไปหมด ตัวการที่ทำยังคงนอนคว่ำหน้าใช้แขนใหญ่กอดเอวผมไว้อย่างแน่นหนากลัวหาย ตอนแรกที่บอกว่าเพลียง่วงไม่มีอยู่จริง หน้ากระจก ริมระเบียงมาต่อที่เตียง และจบที่ในห้องน้ำอีกรอบ ภาพผมตัดไปตอนที่เขาปลดปล่อยภายนอกใต้ฝักบัว ตอนนั้นในตัวผมมีแต่น้ำเขาเต็มไปหมด คนบ้ากามเอ้ย

มองนาฬิกาเพิ่งจะเก้าโมงกว่า วันนี้คุณหมอหยุดหนึ่งวันแต่เห็นว่าตอนเย็นจะต้องไปหาอาจารย์เรื่องทำวิจัยอะไรสักอย่าง และเขาคงไม่ตื่นมากินข้าวเช้าแน่ ๆ อาทิตย์ที่แล้วนอนรวมกันไม่ถึงสิบห้าชั่วโมง วันนี้คงปล่อยให้นอนไปก่อน จริง ๆ เมื่อคืนกะว่าจะช่วยเขาปลดปล่อยแค่รอบเดียวเท่านั้น แต่พี่ดิมนั่นแหละดันมาทำง่วงใส่กันทั้งที่อุตส่าเตรียมอะไรตามที่เฌอบอกแล้วแท้ ๆ ใจเสียไปสิ

แต่ถ้าเข้าเหนื่อยขนาดที่ไม่อยากทำก็บอกกันได้นี่นา พูดดี ๆ ก็เข้าใจได้ ถ้าถามว่าใจเสียมั้ยก็นิดหน่อย แต่เรื่องแบบนี้ถ้าอีกคนไม่อยากทำก็ไม่ควรฝืน จะกลายเป็นเสียอารมณ์เปล่า ๆ แต่แล้วก็นั่นแหละลุงหื่นกามมักจะมีแรงกับอะไรแบบนี้เสมอ และจุดจบของคนที่เตรียมจะสร้างความสุขให้คนรัก กลายเป็นคนทุกข์ให้ตัวเอง

เจ็บตูดนี่ไง

สงสัยจะแบตจะหมดจริงจัง ขนาดขยับตัวลุกพี่ดิมยังไม่แม้แต่จะรู้สึกตัว ปกติเขาเป็นคนตื่นง่ายได้อย่างกับอะไร ยินอะไรนิดหน่อยก็ตื่นแล้ว ดีแล้วให้คุณหมอเขาพักไปก่อนที่จะตื่นมาวอแวกับผมอีก

นอนแช่น้ำอุ่นอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง รู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย ดีที่อ่างที่คอนโดพี่ดิมมีระบบน้ำวน เลยช่วยคลายเมื่อยไปได้เยอะเลย นี่แหละนะวิถีคนรวย

ตั้งใจจะโทรหาหม่าม้าซะหน่อยแต่ดันเป็นหม่าม๊าโทรเข้ามาก่อนเหมือนรู้ใจ เลยเดินลงมารับโทรศัพท์ข้างล่างจะได้ไม่รบกวนคนหลับด้วย

“ครับ หม่าม๊า”

(ม๊ามาหาที่คอนโดลูกไม่อยู่หรอครับ)

“อ่า ครับ”  ฉิบหายแล้วมึงไอ้ศิ ทำไมม๊ามาเซอร์ไพร์สวันนี้วะ

(ไปนอนกับเมฆหรอหรือกับเฌอ)

“เปล่าครับ คือลูก…”

(หรือกับแฟน)

“....”

(ศิครับ ไหนศิจะบอกม๊าทุกเรื่องไง)

“ครับม๊า ศิอยู่คอนโด...เอ่อ แฟน”

(งั้นม๊าจะไปหา บอกที่อยู่มาครับ)

“หม่าม๊าาาา”

(หรือจะให้โทรให้ป๊าไปด้วยกันเลย) เสียงเย็น ๆ ของม๊าทำผมใจหลุ่นวูบ ยิ่งพูดชื่อป๊าด้วยแล้วเหงื่อซึมเลย ป๊าปกติใจดีแต่อย่าให้โกรธนะ

“ครับ ๆ ก็ได้ คอนโดอยู่ที่สาทร ซอย…”

ความซวยมาเยือนแล้วแหละคุณหมอดิม เอายังไงดีล่ะคราวนี้ จริง ๆ เคยบอกหม่าม๊าไปแล้วว่ามีคนคุย ๆ อยู่ แต่ยังไม่นาน ไว้รอให้อะไร ๆ มันแน่นอนกว่านี้แล้วจะบอกหม่าม๊าว่าแฟนคือใคร แต่ไม่ทันแล้วแหละเพราะหม่าม๊ากำลังจะมาหาที่นี่แล้ว

ทำไงดีวะเนี่ย เริ่มจากไปปลุกคนขี้เซาให้ตื่นก่อนเลย


เสียงลมหายใจดังเป็นจังหวะอีกนิดจะกรนแล้ว

“พี่ดิม”

“....” นิ่งสนิทไร้การตอบรับ

“พี่ดิมครับ ตื่นเถอะ”

“ฮื้อ” บิดตัวหนีกันอีกแหนะ

“พี่ดิมตื่นเถอะ ม๊าศิจะมาหา”

“หื้ม” ร่างสูงไม่สวมเสื้อลืมตาโพล่งขึ้น ทั้งที่ยังปรับแสงไม่ได้
“ว่าไงนะ”

“ม๊าศิจะมาหาที่นี่ครับ”

“ฮะ แม่ศิจะมาที่นี่หรอ”

“อื้อ ม๊ารู้แล้ว แต่ว่าศิยังไม่ได้บอกว่าแฟนศิคือใคร”

พี่ดิมสบถเป็นคำภาษาอังกฤษสั้น ๆ ก่อนจะเด้งตัวไปอาบน้ำด้วยความเร็วแสง ผมเลยจัดแจงหาเสื้อหาไว้ให้ ยังไม่ทันจะเลือกเสร็จเขาก็ออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพผ้าขนหนูผืนเดียวพันรอบสะโพก ปากก็ยังมีแปรงสีฟันถูอยู่เลย

“ม๊าศิดุมั้ย พี่ต้องทำตัวยังไงบ้าง ศิเอาชุดหล่อ ๆ เลยนะ” แล้วก็วิ่งเข้าไปในห้องน้ำอีกรอบ เสียงฝักบัวเปิดสงสัยคงอาบน้ำแล้ว

เพิ่งเคยเห็นพี่ดิมลนลานครั้งแรกนี่แหละ ใครจะคิดว่าคนนิ่ง ๆ จริงจังอย่างเขาจะวิ่งเป็นหนูติดจั่นได้ขนาดนี้แค่เจอหน้าแม่แฟนครั้งแรก มาดอะไรที่เคยมีหลุดหมดทุกอย่าง

แต่จริง ๆ ผมก็ควรลนลานเพราะมีตั้งหลายอย่างที่ปิดบังหม่าม๊าไว้ รอโดนเชือดได้เลยศิรัส




เจ๊หยกซอยหกเก้า เผ๊ซ ๆ ๆ แซ่บ ๆ ๆ มาอีกแร้วจ้าาาาาาา พวกหร่อนที่ไปวิ่งตามผู้ชายอยากให้เค้าได้กันน่ะเขาได้กันแร้วนะรู้ยัง เรื่องจริงไม่รุงรังตาหอยแครงจร้า
เจ๊หยกซอยหกเก้าวันนี้มาคอนเฟิร์มผู้ชายที่น้องติ่งสาววายหลายคนเชียร์ให้เขาได้กัน มีคลิปเสียงหลุดจากกองถ่ายจ้า
ขณะซ้อมบล้อกกิ้งอะไรตั่งต่างฮีทั้งสองก็ลืมปิดไวเลสเสียงพลอดรักดังสนั่นผ่านลำโพงผู้กำกับสิคะงานนี้ ผกกคนดังก็เรียกสองคนไปปรับทัสนคติรัวๆ เรยค้าาา ไม่รู้งานนี้จะยังได้ร่วมงานกันอยู่มั้ย เพราะคนนี้ขึ้นชื่อเรื่องความเป๊ะ คลิปเสียงที่ว่าน่ะเจ๊ไม่ปล่อยหรอกนะ เพราะรู้ว่าเดี๋ยวพวกเธอก็ไปเสาะหาเอาจนได้ อย่าถามเลยว่าใครใช่คู่ที่พวกเธอชิปหรือมั้ย เอาเป็นว่าซีรี่ส์ถ่ายจบไปแล้วกำลังจะออนแอร์จ้า ไงล่ะจิ้นให้เขาได้กันเขาได้กันจริงเลย อิอิ #เจ๊หยกซอยหกเก้า
Comment - JibJib JingJai : ขอให้เป็นขอที่คู่ที่หนูชิป สาทุบุน #หลวงเจ้ช่วยด้วย
Comment - ขายครีมขนดก : เอาเกย์มาเล่นบนเกย์ก็ถูกแล้วป่ะ
Comment - sutida toy : ถ้าตัวย่อคู่ ดศ นี่เสียดายอะ คิดว่า ด เป็นผชมาตลอด ชั้นรักเค้า
Comment - Drama attact : เจ๊ระวังค่ายเขาฟ้องนะยิ่งใหญ่ๆอยู่
Comment - ตลาดกลาง : ใครรักกันเลิกกันนี่กูต้องรู้มั้ย
Comment - สาวขอนแก่น แมนไผ : ใครอะ ใบ้ทีค่าาา
   Reply - ติ่งซรวาย : คิดว่าจากซร ตวคพจ ค่ะ คู่พระนาย
Comment - วัดดูยูมีน : อิเจ๊ อย่ามาได้ป่ะ ไคจะเอาเกย์มาเล่นเปงเกย์วุ้ย ซรวายก็ต้องชายชายดิ ไม่ได้เหยียดนะ
Comment - นพดล สิริวโส : อาตมากลับกุฏิมาเจอข่าวนี้ร้องไห้เลย กุฏิโดนงัด /ร้องไห้ใส่สบง
   Reply  วัดดูยูมีน : อิหลวงเจ้อิควาย55555555555555555555555






**Perfect - Ed Sheeran

-----------------------------to be continued-------------------------------




ทิ้งปมไว้แบบรุงรัง แบบวร้าย วร้าย
สองเรื่องเร้กๆ ไม่ใหญ่ไม่โต
หมอดิมคนดุหรือว่าหนูศิมันขี้อ่อยวะ
อยากรู้เลยไปดูสำนักไหนมา55555555555555555 /ขอลิงก์
ใครคิดถึงชาวเน็ตตอนหน้านางจะมาละนะ
กด cf ไว้เรยจ้าาา

อยากอ่านคอมเม้นท์งับ

บีคนเดิมครับทั่น

#กาลครั้งที่รักคุณ
#youaremyday1


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :hao4:

เรื่องนี้ไม่จบเศร้าใช่ไหมนะ
เราคิดไปเองใช่ไหม ทำไมกลัวววว

 :L2: :L1: :pig4:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ใครเป็นหนอนในกองเอาคลิปมาปล่อยเนี่ยย ชาวเน็ตก็รุงรังงง ตีตาย  :katai1:

ออฟไลน์ nittanid33333

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หมอก็ยังคงดุเหมือนเดิม หรือดุกว่าเดิมนะ 55555555555. รักกันรุนแรงเหลือเกิ๊นนนานา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด