เดาไว้แล้วว่าจะต้องรับมือกับสภาพแวดล้อมแบบนี้ พี่ดิมนิ่งและแทบไม่คุยกันเลย นอกจากซ้อมบทและเข้าฉากด้วยกัน บ่ายแก่ ๆ แสงกำลังสวย ซึ่งฉากต่อไปจะเป็นซีนที่ผมต้องแต่งตัวให้พี่ดิมด้วยสิ ถึงเนื้อถึงตัวกันนิดหน่อย และจบด้วยพี่ดิมต้องกอดผมไว้แล้วนั่งตัก ก่อนจะคลอเคลียกัน พี่นายให้ผมลองซ้อมกันเองในห้องที่จะใช้เข้าฉากก่อนที่ทีมงานจะเข้ามาเซ็ตไฟ ซึ่งเขาก็มีสปิริตพอที่จะตั้งใจซ้อมอย่างดี แต่ดันไม่พูดอะไรนอกเหนือจากบทเลยนี่แหละ โกรธจริงๆ สินะ
“เอ็งเบื่อไหมที่ต้องมาแต่งตัวให้ข้าทุกวัน” พี่ดิมเริ่มซ้อมตามไดอะล็อก และผมกำลังผูกโจงกระเบนให้เขาอยู่ ไม่กล้ามองหน้าจริงๆ เหมือนในบทนั่นแหละ
“ไม่ขอรับเจ้าพันแสง” ตอบไปด้วยเสียงกล้าๆ กลัวๆ และเสหลบสายตาที่เขามองมาด้วย
“ข้าชอบที่เอ็งเอาพวงมะลิมาไว้บนหัวนอนทุกคืน”
“เอ็งทำตลอดไปได้หรือไม่”
“ขอรับ บ่าวยินดีทำให้เจ้าพันแสงทุกอย่าง”
“แล้วถ้าขอให้ทำอย่างอื่น..” พี่ดิมรวบผมที่ก้ม ๆ เงย ๆ จัดเสื้อผ้า ก่อนจะนั่งบนตั่งตัวยาวและผมนั่งบนตักพี่เขาอีกที
“คุณพันแสงทำ อะ...อะไรขอรับ”
“กอดเอ็งไง” พี่ดิมกอดผมแน่นขึ้น และสายตาที่เขามองมันไม่ใช่คุณพันแสงสักนิดแต่นี่เป็นคุณอาคิราชัด ๆ
“คิดว่าพี่จะโอเคที่มันถึงเนื้อถึงตัวศิหรอ”
“หื้อออ พี่ดิมมันไม่มีอะไรเลย เดี๋ยวกลับไปที่ห้องเล่าให้ฟัง นะๆ”
ร่างสูงหันหน้าหนีแม้จะกอดผมแน่นแค่ไหนก็ตาม เหมือนงอนแต่ก็ยังอยากให้เขาอยู่ใกล้ๆ เนี่ยพี่ดิมตอนนี้เลย คนแก่อะไรขี้น้อยใจชะมัด
“หึ พี่บอกแล้วว่าไม่ไว้ใจมัน”
“ถ้าศิเล่าเรื่องที่คุยกันแล้ว พี่ดิมจะไม่โกรธศิ น่า ๆ รอหน่อยนะครับ” เอามือเย็นๆ ของตัวเองลูบแก้มให้เขาหันกลับมามองหน้ากัน หนวดไรเล็ก ๆ ทิ่มที่มือให้พอคันยุกยิก แต่มันเข้ากับคุณพันแสงสุดๆ ไหนจะผมที่เซ็ตด้วยเจลเรียบแปล้หวีไปด้านหลังเปิดเหม่งรับแสง คนหน้าคมอยู่แล้วดูคมคายมากกว่าเดิมเท่าตัว สีผิวแทนที่เหมาะกับบทชายไทยยุคโบราณ ชุดราชปะแตนกระโจมน้ำเงินของชายสูงศักดิ์มันขับให้เขาดูดีโขเลย
“พี่ไม่ได้โกรธ แต่หึง เข้าใจป่ะ”
“ครับๆ รู้แล้ว แต่อย่ามึนตึงใส่กันซี่ ศิไม่มีสมาธิทำงาน”
“งั้นจูบพี่หน่อย”
“จะบ้าหรอ”
“เฮ้ยไอ้ลูกหมาสองตัว มึงยังไม่ปิดไวเลสโว้ย!!”ฉิบหายยยยยยยยยย
พอได้ยินเสียงป๋าตะโกนผ่านโทรโข่งผมกับพี่ดิมก็ช็อกกันไปพัก ก่อนจะปิดไวเลสแล้วคุยกันว่าควรจะออกไปข้างนอกด้วยความรู้สึกแบบไหน อย่างที่รู้ว่าเราตกลงว่าจะยังไม่บอกใครนอกจากเพื่อนสนิทเท่านั้น และการที่เราสองคนโป๊ะแตกกันกลางกองถ่ายแบบนี้มันเหนือการควบคุม จริง ๆ ไม่ใช่หรอกเราประมาทกันเองที่ไม่เช็กให้เรียบร้อย
“ไอ้ตัวเล็กหนึ่งมามานี่ซิ” ออกจากห้องก็เจอป๋ารออยู่แล้ว โดนมองด้วยใบหน้าแต้มยิ้มแบบไม่ตกใจอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ไอ้ลูกหมามึงด้วย”
“ป๋าถามก่อนดิ ใครได้ยินบ้างครับ” พี่ดิมเดินขนาบข้างมาพร้อมกัน ก่อนที่ป๋าเจี๊ยบจะตบท้ายทอยพี่ดิมเบาๆ
“เอาซะหน่อย ทำทะลึ่งในกองกู”
“โหป๋า คิดว่าปิดไวเลสแล้ว” พี่ดิมหลับตาปี๋เพราะป๋าง้างมืออีกรอบ ดู ๆ ไปเหมือนพ่อลูกเลยแฮะ เวลาโดนจับได้ว่าแอบเอารถออกไปขับทั้งที่ยังไม่ได้ใบขับขี่
“มีกู ไอ้นาย แล้วก็ผู้ช่วยช่างภาพอีก 2 คน ดีนะไม่ได้ต่อลำโพง ไม่งั้นกระฉ่อนไปทั่วกอง”
“สารภาพมาว่ามันเคยมีมากกว่าที่กูได้ยินเมื่อกี๊ใช่มั้ย”
เราสองคนมองหน้ากัน ตอนนี้เดินมาถึงชานระเบียงที่ไม่มีทีมงานคนไหนอยู่ เป็นมุมที่ป๋าจองไว้สูบบุหรี่ทำสมาธิเวลาอ่านบท
“ก็...ครับ” พี่ดิมตอบแล้วเอื้อมมือมาบีบเบา ๆ
“แล้วเตรียมรับมือหรือยังถ้าใครรู้เยอะกว่านี้”
“ก็ยังไม่ได้คิดจริงจัง แค่คิดว่าคนก็คงอยากให้เราสนิทกันมากอยู่แล้ว ก็เลยจะปล่อยให้คิดไป”
“เอ้อดี! ซีรี่ส์กูจะได้ดัง ๆ คู่จิ้นเป็นคู่จริง”
“แล้วในบริษัทมีใครรู้หรือยัง?”
“ยังครับ แค่บอกปัดไปก่อน เพราะอยากให้อะไรมันลงตัวก่อน” พี่ดิมกำมือแน่นขึ้น นี่มันไม่ต่างอะไรกับเวลาพาแฟนไปเจอพ่อแม่แล้วโดนซักเลยไม่ใช่หรอ
ป๋าควักซองบุหรี่ออกมาก่อนจะเคาะมวนบุรี่ยี่ห้อดังมากัดไว้ที่ปาก แต่ไม่ได้จุดไฟ ก่อนจะดึงมาคีบไว้ที่นิ้วข้างซ้าย แกดูเครียดกว่าเราสองคนอีกแฮะ
“รู้ใช่มั้ยว่ามันไม่ง่าย ยิ่งยืนอยู่ในที่สว่างแบบนี้ ผมรู้ว่าหมอแก้ปัญหาได้ แต่เป็นห่วงว่ะโดยเฉพาะไอ้ตัวเล็ก เพิ่งเข้ามาในวงการห่าเหวนี่”
“ป๋าาาาา” วิ่งไปกอดเอวป๋าเจี๊ยบแน่น รู้สึกดีมากผู้ใหญ่ที่เคารพคนหนึ่งแม้จะรู้จักกันไม่นานจะส่งความห่วงใยมาให้ขนาดนี้ ป๋าคงเป็นห่วงจริงๆ กับเส้นทางที่เราสองคนเดินอยู่ มันไม่ง่ายที่ผู้ชายสองคนจะมีความสัมพันธ์ฉันท์แฟนในประเทศนี้ และมันยิ่งยากไปกว่าเดิมถ้าผู้ายสองคนนี้เป็นดารา
“ผมจะดูแลน้องให้ดีที่สุด จะปกป้องทุกอย่างเลยครับ”
พอได้ยินพี่ดิมพูดก็อดยิ้มไม่ได้ สายตาเขาไม่ใช่แค่พูดแต่เขาดูจริงจังและทำมันให้ได้ เพราะนี่เป็นเหมือนคำมั่นที่ให้กับผู้ใหญ่ที่เราสองคนเคารพทั้งคู่
“เออรู้ว่าหมอทำได้ เฮ้อ เออๆ มีอะไรก็บอกนะ อยู่มานานว่ะเห็นอะไรมาเยอะ สังคมบ้านเราแม่งไม่พ้นการเหยียดไม่พ้นบูลลี่หรอก อยากให้เตรียมใจไว้” ผมคลายอ้อมกอดจากพุงนุ่มนิ่มของป๋าเจี๊ยบและป๋าเอามือมาลูบผมเบาๆ ก่อนจะกอดไหล่ผมไว้
“ขอบคุณป๋านะครับ” ผมยกมือไหว้ พี่ดิมก็ด้วย
“แล้ว เอ่อ ป๋าโอเคใช่ป่ะที่เราสองคน..” เราสองคนสบตากันเหมือนรู้กัน ว่ากลัวคำตอบนี้เสมอเวลาถามคนสำคัญในชีวิตเรา
“กูทำซีรี่ส์เกย์มาสองเรื่อง แล้วการผู้ชายสองคนรักกันมันแปลกตรงไหน”
“รักกันแล้วอย่าเอาความคาดหวังของคนอื่นมาทำให้เขว”
“ป่าวป๋า คนอื่นเนี่ยไม่แคร์เลย แคร์คนที่เราแคร์ครับ”
“เลี่ยนว่ะหมอ ไปๆ เตรียมเข้าฉาก ถ้าเล่นหลายเทคแล้วแสงหมดก่อน มึงโดนกูด่าก่อนชาวเน็ตแน่ๆ”
ป๋าเจี๊ยบไล่เราสองคนไปก่อนจะจุดบุหรี่ที่ถือไว้ พี่ดิมยิ้มให้ผมก่อนที่ผมจะยิ้มให้เขา มันเหมือนเอาหินอีกลูกออกไปจากหัวใจของเราสองคน ยอมรับว่าตั้งแต่ทำงานกับป๋ามามีแต่ความสบายใจและรู้สึกเคารพนับถือ เสมือนเป็นผู้ใหญ่อีกคนในบ้าน แม้ป๋าจะดุบ้างด่าบ้าง แต่เรารู้ว่ามันคือการทำงานและอยากให้งานออกมาดี คอยบอกว่าเสมอว่าควรปรับตรงไหน เพิ่มอะไร เพื่อที่พอออกไปสู่สายตาคนดูแล้วจะได้รับความพึงพอใจ
“ไปปปปป เลิกกองงงงงงง” พี่นายโปรดิวเซอร์ตะโกนบอกทุกคนผ่านโทรโข่ง ขณะนี้ก็ปาไปห้าทุ่มแล้ว เราถ่ายไปหลายซีน โดยเฉพาะซีนของผมที่ต้องเก็บอินเสิร์จทั้งกรองมาลัย พับดอกบัว เย็บผ้า รวมถึงซีนที่เตรียมอาหารให้ครอบครัวเจ้าพันแสง และฉากที่ต้องเอามาลัยไปไว้ในห้องเจ้าพันแสง รวมถึงฉากเลิฟซีนเล็กๆ น้อยๆ นับว่าวันนี้ทำงานกันรวดเร็วได้ตามกำหนด แต่ทีมงานและนักแสดงทุกคนเพลียกันมาก ยิงยาวสิบกว่าชั่วโมง แต่นั่นแหละทุกคนชินแล้ว มีแต่ผมนี่แหละที่ร่างกายยมสุดๆ ปวกเปียกเป็นเจลลี่โดนลนไฟเลย
“ไหวมั้ย อย่าเพิ่งหลับ ป่ะเก็บของ” พี่ดิมถอดเสื้อผ้าที่ใช้เข้าฉากต่อหน้าต่อหน้าผม ดีที่เราอยู่ในห้องแต่งตัวกันสองคน คนอื่นเขาเก็บของกลับกันไปหมดแล้ว แต่เราสองคนต้องไปรับบรีฟสำหรับฉากพรุ่งนี้ก่อนจะได้กลับ
“หาวใส่อีก เร็วเปลี่ยนชุดครับ”
“ง่วงอะ”
“หรือจะให้พี่เปลี่ยนให้”
“หื้อ ไม่เอาเปลี่ยนเอง พี่ดิมก็หันไปสิ”
“อายอะไรอีกมากกว่านี้ก็เห็นมาแล้ว เร็วเลยครับ ไม่งั้นจะได้นอนแป๊บเดียวนะ”
จัดการถอดเสื้อผ้าแล้วเปลี่ยนเป็นชุดที่ใส่มาเมื่อเช้า จังหวะนี้ไม่อายอะไรแล้ว ส่วนคนที่บอกให้ถอดน่ะ ลอกแลกดูซ้ายดูขวาคอยดูว่าจะมีคนผลักประตูเขามาหรือเปล่า เนี่ยก็เป็นซะแบบนี้คนเรา น่ารักไง
เราสองคนนอนที่โรงแรมในเมืองของอยุธยา ไม่ได้ขับรถกลับกรุงเทพฯ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องมาใหม่ เลยจองห้องไว้ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาวิวดีสุดๆ แต่ตอนนี้มองไม่เห็นอะไรเพราะมืดสนิท เช็กอินแล้วตรงขึ้นมาที่ห้องกัน เป็นห้องไม่ได้กว้างหรือแคบเกินไปเหมาะสำหรับอยู่สองคน เตียงใหญ่กลางห้องคือจุดหมายของผม ณ จังหวะนี้ เลยพุ่งตัวลงไปแบบไม่ลังเล
“พี่ดิมอย่าเพิ่งดุนะ ไม่ได้เอาเท้าวาง”
พูดก่อนที่คนตัวโตจะว่า รายนั้นไม่ชอบให้ขึ้นที่นอนเวลายังไม่ล้างเท้า หรือยังไม่อาบน้ำ แต่ตอนนี้ง่วงมากจริงๆ ดักทางไว้ก่อน ไม่มีเสียงตอบรับแต่ได้รับกอดอุ่นๆ จากด้านหลังแทน คุณหมอเขาคงเหนื่อยไม่แพ้กัน ตื่นเช้ากว่าผม ขับรถอีก แม้ว่าร่างกายจะแข็งแรงแค่ก็อ่อนล้าเป็นธรรมดา
ตอนนี้เราสองคนนอนกอดกันในท่าประหลาดสุดๆ ขายังอยู่พื้นแต่ตัวนาบบนเตียงไปครึ่ง ลมหายใจร้อนๆ ของร่างสูงที่ดันตัวผมเอาไปชิดตัวเขามาขึ้น รินรดที่ต้นคอผะแผ่วและสม่ำเสมอ กลายเป็นว่าเขาเหมือนจะชัตดาวน์ตัวเองก่อนผมอีกนะเนี่ย
“พี่ดิมๆ อาบน้ำก่อน”
“อื้มม”
“หน้ายังไม่ล้างเลย เดี๋ยวสิวขึ้นนะ”
“อาบด้วยกันนะ เค้าบอกมีอ่าง อยากแช่น้ำ”
“อื้อๆ ลุกเถอะ”
พอตอบตกลงเขาลุกพรวดพลาดเหมือนไม่ได้ง่วงมากก่อน จริงๆ เลยคนนี้ เรื่องแบบนี้ล่ะเร็วเชียว ลุงคนหื่น
ก้าวเข้าห้องน้ำกลิ่นหอมอ่อนๆ จากสบู่เหลวที่คนตัวโตเข้ามาเตรียมไว้ก็ปะทะเข้าจมูกอย่างจัง เขาหันหน้าเข้ากระจกกำลังใช้คลีนซิ่งล้างเครื่องสำอางบนใบหน้า พี่ดิมเป็นคนผิวสุขภาพดีและแข็งแรงมาก แทบจะไม่เห็นรูขุมขนเลย ทั้งที่เป็นผู้ชายแท้ๆ คงเพราะออกกำลังกายและใช้ผลิตภัณฑ์ดีบำรุงผิวเสมอ แต่บางทีก็เกเรใช้สบู่อาบน้ำล้างหน้าแล้วนอนเลยในวันที่เขาเหนื่อย แต่น่าอิจฉาที่ตื่นมาก็ไม่มีสิว มีแค่ใต้ตาดำๆ
พี่ดิมถอดเสื้อผ้าแล้วตอนนี้มีแค่ผ้าขนหนูสีครีมของโรงแรมพันสะโพกไว้ ส่วนผมก็ใส่ชุดคลุมอาบน้ำเพราะไม่อยากเปลี่ยนในห้องน้ำ แอบตื่นเต้นเหมือนกันเพราะนี่เป็นการอาบน้ำด้วยกันครั้งแรกของเรา และมันไม่ใช่สถานที่ที่คุ้นเคย แถมวันนี้เจอพี่ดิมคาดโทษไว้อีก ไม่อยากจินตนาการอะไรไปก่อนเพราะเขาก็เหนื่อยผมก็เหนื่อย แต่บรรยากาศมันดันให้ดื้อๆ
ร่างสูงหันหน้ามามองผมที่ยืนเหมือนเป็นตัวเกะกะในเซเว่นเวลารอข้าวเวฟ เขายกยิ้มก่อนจะจับมือให้ไปยืนที่กระจก และใช้สำลีซับคลีนซิ่งค่อยๆ เช็ดใบหน้าอย่างแผ่วเบา ไม่กล้าพูดอะไร กำลังหลบสายตาที่เขามองมา มันเหมือนในจินตนาการไม่มีผิด แสดงความต้องการอย่างปิดไม่มิดเสมอผู้ชายคนนี้
“พี่ดิมเลิกมองศิแบบนี้เถอะนะ”
“ทำไมครับ”
“ศิจะ..ละลาย..”“ยังไม่เลิกเขินอีกหรอ ก็มองแบบนี้ทุกวัน”
“พี่ดิมเลิกเขินเวลาที่ศิบอกรักหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่เขินเวลาปกติ แต่เขินเวลาที่ศิบอกรักเวลาที่พี่อยู่ในตัวศิ” เขาโน้มตัวลงมาพูดใกล้หู แล้วโยนสำลีอันสุดท้ายทิ้งลงขยะไปด้วย
“หื้ออออออ ลามกว่ะ
เจ้าของหุ่นที่โคตรเซ็กซี่เกี่ยวเอวพาผมเดินไปที่อ่างอาบน้ำ ควันบาง ๆ ลอยวนเหนืออ่าง อุณหภูมิน้ำที่เขาเตรียมมาแล้วว่าถ้าได้นอนแช่จะต้องสบายและช่วยให้ผ่อนคลาย มือสากสอดเข้ามาที่ผ้าคลุมอาบน้ำตรงช่วงที่ทับกัน ก่อนจะแหวกออกจากอก แล้วค่อย ๆ แหวกมันลงจากหัวไหล่ ร่างสูงจูบที่หัวไหล่มนเบา ๆ ก่อนจะประคองให้ผมลงไปนั่งในอ่างน้ำทั้งๆ ที่ยังมีชุดคลุมอาบน้ำท่อนอยู่บนตัว
พี่ดิมปลดผ้าขนหนู ร่างกายเปลือยเปล่าของเขาลงมาสมทบก่อนจะจัดแจงท่าให้ผมไปนั่งให้ระหว่างขา เขาจูบที่ต้นคอ หอมแก้ม และดมไปทุกส่วนบนลาดไหล่
“หอมจัง”
“อย่ามาโม้เลย เหงื่อออกทั้งวัน”
“ไม่โม้ หอมแบบกลิ่นนี้พี่ได้กลิ่นคนเดียว”
“กลิ่นอะไร”
“กลิ่นคนรัก”เออเขินเว้ย มากๆ ด้วย ไม่คิดว่าเขาจะมามุกนี้ คุณหมอหน้านิ่งก็มีมุกไว้หยอดเหมือนกันนะ ไม่ใช่จะคุยเรื่องทะลึ่งเป็นอย่างเดียว
“ไหนจะเล่าเรื่องที่คุยกับไอ้ภัทรให้ฟังได้ยัง” พี่ดิมพูดทั้งที่ใช้มือลูบวนหน้าขาและแขน ซึ่งผมก็ยอมให้ทำเพราะมันสบายยังไงไม่รู้ น้ำหนักมือเขาที่ลงเบา ๆ เวลาสัมผัส แต่มันเหมือนถูกแมวนวดเลย
“กะ ก็ ไม่มีอะไร เขามาสารภาพว่าชอบ”
“อ๊ะ! พี่ดิม” พูดยังไม่ทันจบประโยคดี มือข้างซ้ายก็สะกินตุ่มไตกันเสียดื้อๆ
“ยังไงต่อ”
“พี่ภัทรรู้เรื่องของเรา เขาเลยบอกว่าเขามาช้า ฮื้อ พี่ดิม เอาออกไปก่อน” มือข้างขวาเขาบีบเค้นที่ก้นของผม และเหมือนจะสอดก้านนิ้วเรียวเข้ามา
“ต่อ”
“อื้อ ฮะ ขะ เขาบอกว่าถ้ามาก่อนก็สู้พี่ไม่ได้”
“รู้ตัวนิ หึ”
ตอนนี้มือพี่ดิมสะละวนกับร่างกายผม เขารู้ดีว่าจับตรงไหน บีบตรงไหนจะทำให้รู้สึกดี และรู้สึก ‘อยาก’ ขึ้นมาได้ ถ้ามีหนังสืออะนาโตนี่ร่างกายผม คงถูกเขียนโดย นายแพทย์ อาคิรา ชานยกาญจ์ธำรงค์ แน่นอน
“เขาก็เลยขอเป็นพี่ชาย..ฮะ”
“ไม่อนุญาต!” ร่างสูงจับผมผลักหันกลับไปแทนที่เขา ก่อนที่จะพรมจูบไปทั่วแผ่นอก
“อย่าทำรอย งื้อ” เหมือนจะไม่ทันเพราเขาทั้งดูดดุน ทั้งกัดตามหน้าท้อง พยายามถึงขั้นยกเอวขึ้นมาเพื่อที่จะลงลิ้นตรงสะดือ น้ำสบู่สีขาวขุ่นเปรอะเปื้อตามปากของร่างสูง ไม่แน่ใจว่าเขาไม่ห่วงว่าตัวเองจะกินสบู่ไปหรือยังไง พอหันไปเห็นขวดสบู่เหลว มันเป็นแบบออแกนิกนี่เอง ตรวจสอบมาแล้วสินะ หึ
“พี่ไม่ไว้ใจมัน ไม่รู้แหละ ศิห้ามอยู่ใกล้มันเลย โคตรไม่ชอบ” เขาหยุดกระทำทุกอย่างแล้วใช้เสียงจริงจังคุยด้วย ผมหอบหายใจโกยอากาศเข้าปอด แล้วตั้งสติคุยกับเขาดี ๆ และประณีประณอมที่สุด
“พี่ดิมมม”
“ยังจำได้อยู่เลยที่วันนั้นมันกอดศิ กล้าดียังไง”
“ไม่เอาน่า ศิก็อยู่ตรงนี้แล้วไง ศิเป็นของพี่ดิมนะ” ประคองใบหน้าคมแล้วกดจูบแผ่วเบาลงที่ปากหนา ก่อนจะเริ่มบดเบียดอย่างเอาใจ เพราะรู้ว่าเขาไม่สบายใจ บอกตามตรงไม่ได้คิดว่าเขาจะขี้หึงขนาดนี้
“พี่ขี้หึงมากนะ”
“แล้วนี่จะเป็นบทลงโทษของคนที่ทำให้พี่หึง”
“อื้ออ ดะ เดี๋ยว”
พี่ดิมจูบอย่างหนักหน่วง แล้วดึงจุกยางกักน้ำออก จนตอนนี้ร่างกายเกือบเปลือยของผมที่มีน้ำสบู่สีขาวขุ่นเปียกปอนตามตัว มันเป็นภาพเรทอาร์น่าดูถ้าไปดูในที่สาธารณะ มือสากลูบไล้ไปทั่วและมันง่ายเพราะลื่นจากสบู่เหลว เขาประคองใบหน้าผมและเพิ่มแรงจูบมากขึ้นอย่างที่กล่าวโทษ
มือหนาให้ผมจับแกนกลางของเขา และรู้กันว่าจะต้องทำอะไรต่อ ผมพยายามรูดชักท่อนลำที่กำลังขยายตัวตามความต้องการ ในขณะที่ปากก็ถูกดูดดุนไปด้วย มือของเขาก็พยายามปลุกเจ้าตัวน้อยของผมขึ้นมาเช่นกัน ก่อนที่อีกมือจะใช้นิ้วเรียวยาวล่วงล้ำเข้ามาในร่างกาย นิ้วเรียวกำลังหาจุดเร้า ส่งเสียงได้แค่ผ่านลำคอเพราะร่างสูงยังไม่ยอมถอนจูบเลยสักวิ
“อ๊ะ ฮื้อ ยะ อย่า พี่ดิม”
“อย่าจริงงหรอ”
เขาหาจุดเร้านั้นเจอทุกครั้งที่เรามีอะไรกัน ก็บอกแล้วว่าร่างกายผมเขาน่ะรู้ดีที่สุด ยิ่งตอนนี้เขาแกล้งเพราะเขี่ยมันไปมา จนร่างกายผมใกล้จะเสร็จ แต่แล้วก็ดึงนิ้วตัวเองออกมา
“ฮ้าา ฮะ พะ ดิม ทำไมทำแบบนี้”
“ลงโทษเด็กขี้ยั่ว ยั่วให้หึง”
“ขอโทษ...แต่ว่า..”
“แต่ว่าอะไรครับ”
“ทำต่อนะ นะครับ...แด๊ดดี้”เหมือนเขาฟิวส์ขาด จับแท่นร้อนค่อย ๆ สอดเข้าทั้งที่ในใจอยากจะทำให้ไวกว่านี้ แต่คงกลัวผมเจ็บ ไม่รอช้าเข้ามาจนสุดแล้วก็ค่อย ๆ ขยับ แต่เพิ่มแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว มือหนาประคองไหล่ของผมไว้เพราะกลัวกระแทกกับขอบอ่าง แรงปรารถนาของเขาครั้งนี้เหมือนจะรุนแรงกว่าทุกครั้ง แต่ที่น่าแปลกเพราะผมไม่เจ็บเลย มีแต่ความรู้สึกเสียวซ่านในช่องท้อง
“พะ ดิม แรงกว่านี้ ฮื้อ”
“จะยั่วพี่ให้ตายไปเลยหรือไงหนู” คล้องแขนบนไหล่กว้างใช้สายตาว่าต้องการเขามากกว่าใคร และแนบริมฝีปากปะกบปากหนาที่หอบหายใจไม่ต่างกัน
แรงกระแทกกระทั้งรุนแรงตามที่ผมร้องขอติดต่อกันนานหลายนาที จนตัวผมพ่นน้ำขาวๆ เลอะเปรอะไปโดนซิกแพ็คเขา แต่นั่นแหละเขาไม่หยุด ทั้งยังประคองเอวแน่นเพราะยึดให้ร่างกายเราสอดประสานแนบชิดกว่าเดิม
“พี่ดิม ศิอยากทำ ฮะ อื้อ ฟังก่อน ศิทำให้นะ” เขาผ่อนแรงก่อนจะยกตัวเองไปนอนแทนแล้วให้ผมนั่งบนหน้าตัก แม้ตัวเองจะถึงฝั่งอยู่แล้วแต่ก็ยังตามใจ เสื้อคลุมอาบน้ำเปียกชื้นพาดตามลำตัวร่างสูง
“อ่า น่ารักจัง หนูขยับหน่อย” ผมคิดว่ารู้แล้วนะว่าทำไมพี่ดิมไม่ถอดชุดออกทั้งหมด จินตนาการฉากนี้ไว้แน่ๆ คนลามกเอ้ยยย
“อ๊ะ อย่า พะ เพิ่งกระแทกมา”
พยายามขยับตามที่ร่างสูงบอก มือหนาประคองเองแล้วช่วยอีกแรง อารมณ์ที่เพิ่มขึ้นทำให้จังหวะของผมและเขาสอดประสานกัน ผมขยับและเขากระแทกตัวเบา ๆ ขึ้นมารับกันอย่างกับเครื่องดนตรีในที่เขียนโน้ตเพลงเดียวกัน พี่ดิมกัดปากตัวเองอย่างกลั้นเสียง แต่ในขณะที่ผมส่งเสียงอย่างปิดไม่มิด
“ฮะ ฮ่าาา แรงนิดนะ”
“อื้อออ” พี่ดิมกระแทกตัวเร็วและรุนแรง เป็นสัญญาณว่าเขาจะถึงฝั่ง เขาโน้มตัวผมให้ไปรับจูบก่อนที่จะกระตุกสามสี่ครั้ง พอกับผมที่ถึงฝั่งอีกครั้งและน้ำมันก็เลอะทั้งตัวผมและเลอะทั้งตัวเขาอีกแล้ว
จุ๊บ
“ไถ่โทษนะครับ”
คิดว่านี่จะเป็นการไถ่โทษในแบบที่เขาชอบแล้วกัน แต่จากนี้อย่าหวังเลยว่าจะยอมง่าย ๆ แบบบนี้อีก ระบมไปทั้งตัว ไหนจะการที่ใส่ชุดคลุมอาบน้ำเพื่อการณ์นี้อีก วัน ๆ นอกจากงานแล้วคงเอาแต่นั่งคิดเรื่องพวกนี้แน่ ๆ หมกมุ่นเกินไปแล้วคุณหมอ
“ครับ ดีมากเลยชอบ หายแล้ว”
“เหอะ นี่คิดเอาไว้แล้วสินะ”
“เรื่องของหนูพี่คิดตลอดเวลาแหละ”
เขาจัดการอาบน้ำล้างตัวให้ในอ่างอีกรอบ เพราะผมยืนไม่ไหว แถมยังง่วงจนสามารถหลับกลางอากาศได้ ไม่อยากคิดเลยว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นไปออกกองแต่เช้าจะมีสภาพเป็นอย่างไร ยังดีที่พรุ่งนี้นัดกองเจ็ดโมงครึ่ง ไม่ใช่หกโมงเหมือนเมื่อวาน คุณหมอจัดแจงให้กินยาแก้ปวดและยาแก้อับเสบ ทั้งยังแต่งตัวให้ เช็ดผม บริการดีระดับโรงแรมห้าดาวเลยแหละ ซึ่งแน่นอนผมนั่งนิ่งๆ ไม่ทำอะไรเลย ไถ่โทษให้แล้วก็สถาปนาตัวเองเป็นนายและเจ้าพันแสงก็เป็นไพร่ไปนะ
“ฝันดีนะหนู”
“ฝันดีเจ้าแด๊ดดี๊”---------------------To be continued------------------------
รำคานเนอะอะไรก็ฉุดรั้งเค้าไว้ไม่ได้จริง ๆ ว่ะคู่นี้
ความรักไม่ใช่แค่ที่เตียง อ่างอาบน้ำบ้างก็ได้
ตอนหน้าต้องไปที่ระเบียงมะตามสูตร -..-
แจกันตอนหน้า
บีคนเดิมครับทั่น
#กาลครั้งที่รักคุณ
#youaremyday1