LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019  (อ่าน 71103 ครั้ง)

ออฟไลน์ taltal020441

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เป็นกำลังใจให้น้ำนะ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
โอ้ยยย ผู้กองงง เบื่อจริง

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ผู้กองน่าเบื่อ+บื้อ
น้ำคิดใหม่ดูใหม่เหอะนู๋

#คนไร้น้ำยา#จืดชืดจริง

แม่ตะเคียนทองจ๋า..เห็นทีจะต้องออกโรงเองอีกซักตอนไหมจ๊ะ
อิอิ

+1 พร้อมจะถวายชุดให้ใหม่

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
ถ้าเข้าใจกันแล้ว อย่าลืมกลับไปขอบคุณ แม่ตะเคียนละ

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
แม่ตะเคียนโหดจริงๆ55555

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter


งวดสามสิบหก แบบนี้ก็ได้เหรอ



“......อายุวัณโณ สุขัง พลัง” คำสวดให้พรของหลวงพ่อดังขึ้นอยู่หัว

“สาธุ เจ้าค่ะ/ครับ หลวงพ่อ” เสียงประสานดังขึ้นพร้อมกันอยู่หน้าบ้าน มีสมาชิกประกอบแม่น้อย ไอ้น้ำและยายฝน ที่กำลังนั่งคุกเข่า พนมมือจรดหัวจรดเกล้า รับศีลรับพร ขอสิ่งดีๆ เข้าสู่ชีวิต


วันนี้ แม่น้อยลุกขึ้นมาทำกับข้าวเพื่อมาตักบาตรตั้งแต่เช้าตรู่ และปลุกลูกทั้งสองคนให้ลุกขึ้นมาใส่บาตรโดยพร้อมเพรียงกันทั้งครอบครัว


“ลูกสาวของโยมน้อย ปีนี้อยู่ชั้นอะไรแล้วล่ะ”

“ม.หกแล้วเจ้าค่ะ จะเข้ามหา’ลัย ปีหน้านี้แล้ว” แม่น้อยตอบด้วยความนอบน้อมสำรวมในกิริยา

“ตั้งใจเรียน จบมาแล้วก็หางานทำ อย่าเกียจคร้าน แม่เขาจะได้ไม่เป็นห่วง” หลวงพ่อสอนน้ำฝน

“ค่ะ หลวงพ่อ”

“แล้วนี่ ลูกชายคนโตใช่ไหม ไอ้น้ำหรือ”

“เจ้าค่ะ ไอ้น้ำเจ้าค่ะ” แม่น้อยเป็นฝ่ายตอบอีกเช่นเคย

“โตเป็นหนุ่มแล้ว หน้าตาเค้าโครงไม่ค่อยเหมือนทางพ่อเขา เหมือนทางโยมน้อยเสียมาก”

“เจ้าค่ะ ใครๆ ก็ว่าไอ้น้ำ มันหน้าตาเหมือนอิฉัน”

“เด็กผู้ชายเหมือนแม่ โบราณว่าไม่อาภัพ”

“ขอให้เป็นตามโบราณว่าไว้เถิดเจ้าค่ะ” แม่น้อยยกมือไหว้จรดหัวอีกครั้ง

“ตอนนี้ทำงานทำการอยู่ที่นี่ไหนล่ะ โยม” หลวงพ่อสอบถามไอ้น้ำ แต่มันกลับไม่รู้เรื่องจนแม่น้อยสะกิดที่แขน มันจึงรีบลนลานตอบ

“ไม่ได้ทำครับ ผมเพิ่งลาออกจากงานที่กรุงเทพฯ มา”

“อย่างนั้นหรือ คนหนุ่มสาวก็แบบนี้...ทางโลกบางทีก็ทำให้คนเราทุกข์โศกได้เสมอ..” หลวงพ่อมองไอ้น้ำนิ่งก่อนจะพูดต่อ “เมื่อจิตใจปลอดโปร่งดีขึ้นแล้ว จงกลับไปทำงานดังเช่นเดิม อย่างน้อยก็เพื่อตัวเราเอง อย่าให้แม่เขาต้องคอยเป็นห่วง”

“ครับ”

“เรื่องอะไรที่มันหนักใจ จงอย่ากังวลจนเกินไป ทุกอย่างมีทางออกเสมอ”

“ครับ” น้ำรับคำ

“คนดีผีคุ้มน่ะ รู้จักไหม” หลวงพ่อพูดยิ้มๆ ไอ้น้ำรู้สึกเย็นวาบที่หลังขึ้นมาทันที

“เขาคอยช่วยอยู่เสมอ หมั่นทำบุญให้เขาบ่อยๆ ล่ะ อย่าไปกลัวเขาเลย อีกไม่นานอาตมาก็จะพาเขาไปแล้ว เอาล่ะ...ไปก่อนนะโยม” หลวงพ่อทิ้งท้ายเป็นความนัยไว้เพียงเท่านี้ก็ออกเดินบิณฑบาตต่อ

“เอ่อ...ครับ”

“สาธุเจ้าค่ะ” แม่น้อยกับน้ำฝนพูดพร้อมกัน เหลือเพียงไอ้น้ำที่ยังตกใจคำพูดของหลวงพ่ออยู่

“หลวงพ่อ ท่านพูดแบบนั้น หมายถึงอะไร ไอ้น้ำเอ็งเข้าใจหรือเปล่า” แม่น้อยถามพลางเก็บข้าวของที่ใส่บาตรตอนเช้า เพื่อเอาขึ้นไปล้างบนบ้าน

“ไม่รู้สิแม่” มันไม่แน่ใจจึงเลือกตอบไปแบบนั้น

“อ้าว อะไรอย่างนั้นวะ แล้วบ้านผู้กองเขาจะมากี่โมง จะกินข้าวที่นี่ไหม ข้าจะได้ไปทำอาหารเตรียมไว้”

“ไม่ต้องหรอกจ้ะ เขามากันสายๆ สักสิบโมง สิบเอ็ดโมงนู่นแหละ” น้ำบอก

“งั้นหรือ อืม เอ็งสองคนไปอาบน้ำอาบท่ากันได้แล้ว เดี๋ยวเขามาจะหาว่าลูกบ้านนี้ขี้เกียจ ตื่นสาย น้ำท่าไม่อาบ หมดกัน ขายไม่ออกพอดี” แม่น้อยบ่นเร็วๆ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัว

“จ้ะ” น้ำฝนตอบรับ ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มทั้งอาการที่กลั้นขำสุดขีด สายตาคู่สวยจ้องมองมาที่หน้าพี่ชาย

“อะไร ยิ้มอะไร” ไอ้น้ำถามน้องสาวเสียงเบาเพราะกลัวแม่ได้ยิน

“เห็นคนจะมีผัว ก็เลยดีใจ”

“ผัว เผอ ไรวะ ตบปากเลย เด็กนี่ ปากเสีย” น้ำตั้งท่าจะตบปากน้องจริงๆ แต่ก็ตามเคย น้ำฝนหลบได้อย่างคล่องแคล่ว

“ไม่พูดละ รู้ว่าอาย เอาเป็นว่า เห็นคนจะออกเรือนก็เลยดีใจแทนละกัน” น้ำฝนพูดรัวเร็วออกมา ก่อนจะวิ่งปรูดหายเข้าไปในห้องนอนของตัวเองอย่างรวดเร็ว จนไอ้น้ำด่าไล่หลังไม่ทัน






.
.
“บ้านแม่น้อย นี่น่าอยู่เสียจริง ร่มรื่นมาก ลมพัดเย็นตลอดเวลาเลย ใช่ไหมคะคุณ” คุณหญิงเอ่ยถามความเห็นสามี ก่อนจะหันไปถามแม่น้อยต่อว่า “จะว่าอะไรไหม หากพี่จะขอแวะมาเที่ยวที่นี่บ่อยๆ” คุณหญิงทักทายอีกฝ่ายเป็นประโยคแรกเมื่อขึ้นเรือนมา

“สวัสดีครับ” ทางด้านผู้กองก็ยกมือไหว้เจ้าของบ้าน แม่น้อยพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการรับรู้ท่าทีจากผู้กอง นางอยากมีพิธีรีตองมากกว่านี้ แต่ก็ต้องตอบมารดาของผู้กองก่อน

“ตามสบายเลยจ้ะ ฉันยินดี เชิญนั่งก่อนจ้ะ” แม่น้อยทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี ออกปากเชิญแขกเหรื่อให้ลงนั่งอย่างเรียบร้อย น้ำฝนก็รู้หน้าที่ยกน้ำออกมาต้อนรับโดยไว

“ขอบใจจ้ะ แล้วหนูน้ำล่ะจ๊ะ แม่น้อย” คุณหญิงถามหาอีกคน

“ยังอยู่ในห้อง เห็นว่ามีงานด่วนเข้ามา เดี๋ยวฉันให้ยายฝนไปตาม” แม่น้อยตอบ พลางบอกกับบุตรสาว “ยายฝนไปตามพี่เขาให้ออกมาได้แล้ว ผู้ใหญ่มาถึงกันแล้ว” ซ้ำกระซิบบอกบุตรสาวอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงที่เบาบางต่อว่า

“รีบไปบอกมันเลย ให้ผู้ใหญ่มารอมันไม่ดี งานอะไรให้หยุดมือไว้ก่อน”

“จ้ะ แม่” น้ำฝนรับคำ

“ไม่เป็นไรจ้ะ ไม่เป็นไร พี่รอได้” คุณหญิงตอบแม่น้อย และเบนสายตาเหลือบมองไปยังบุตรชายของตน ที่กำลังจ้องมองประตูบานหนึ่งของบ้านด้วยความรอคอย



ความจริงแล้ว คุณหญิงไม่จำเป็นต้องปฏิเสธความตั้งใจของแม่น้อยเลยด้วยซ้ำ แต่เธออยากจะให้ลูกชายของเธอรออีกสักหน่อย เพราะเธอไม่รู้ว่าภายใต้เบื้องหลังประตูนั้น หนูน้ำของเธอ กำลังทำงานด่วนอย่างที่บอก หรือกำลังคิดไตร่ตรองคิดอะไรบางอย่างอยู่หรือเปล่า ปฏิกิริยาของเด็กคนนั้นตั้งแต่เมื่อคืน ทำให้เธอไม่ค่อยสบายใจ

“ระหว่างรอหนูน้ำ...เรามาคุยเรื่องสำคัญกันเลยดีไหม” คุณหญิงเอ่ยปากถาม

“คุณแม่..” ปรานต์ห้ามมารดาเพราะกลัวจะเป็นการเร่งรัดอีกฝ่ายมากจนเกินไป

“คุณหญิง.... รอให้น้ำเขาออกมาก่อนไม่ดีกว่าหรือ” สามีคุณหญิงก็เห็นด้วยกับบุตรชาย เอ่ยปากห้ามปรามภรรยาคู่ชีวิตด้วยเหมือนกัน

“ไม่เป็นไรจ้ะ จะช้าหรือเร็ว ก็คงเลี่ยงไม่ได้แล้ว เข้าเรื่องเลยก็ได้” แม่น้อยบอก

“แม่น้อยนี่ตรงไปตรงมาดีจัง พี่ชอบ เอาล่ะ เริ่มเลยนะ จะได้ไม่เสียเวลา” คุณหญิงยิ้มชอบอกชอบใจ ท่าทีนิสัยของแม่น้อยแบบนี้ หนูน้ำคงได้มาจากแม่พอสมควรเลย

“หน้าที่ของผู้ใหญ่ ควรจะเกิดขึ้นหลังจากที่ เด็กๆ ตกลงกันได้” คุณปราชญ์ เกริ่นก่อนจะเว้นระยะสักนิดหนึ่ง มองไปที่แม่น้อยกับน้ำฝน ที่รับฟังอย่างสงบด้วยสีหน้าเรียบเฉย จึงพูดต่อ “แต่เพราะมันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด พวกเราจึงตัดสินใจมาที่นี่ ต้องขอโทษ คุณน้อยอีกครั้งที่ทางเรามาโดยพลการ เสียมารยาท ไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า” ถึงคุณหญิงจะเคยพูดขอโทษในทำนองนี้มาแล้ว แต่ครั้งนี้หัวหน้าครอบครัวคิดว่าควรที่จะพูดอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

“ผมเองก็แก่จนหัวดำเป็นหัวขาวจนหมดหัวแล้ว จริงๆ แล้วไม่ได้อยากจะเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องของเด็กๆ เลยแม้แต่น้อย ปรานต์เองก็บอกผมกับคุณหญิงอย่างชัดเจนแล้วก็ตามว่าเขาอยากจะจัดการเรื่องราวทั้งหมดด้วยตัวเอง แต่เราก็อดทนไม่ไหว” คุณปราชญ์อธิบาย เขาเคารพการตัดสินใจของบุตรชาย ให้พูดกันตามตรงคงเป็นคุณหญิง ภรรยาของเขามากกว่าที่ร้อนรนจนทนไม่ไหว กลัวจะเสียว่าที่ลูกสะใภ้ไป

“ผมรู้ว่าเรื่องความรักระหว่างเพศเดียวกันมันไม่ใช่เรื่องที่ใครจะรับได้ง่าย แต่อยากจะให้เห็นใจเด็กทั้งสองคนด้วยครับ ถึงเขาจะรักชอบเพศเดียวกัน แต่เขายังเป็นคนดีของสังคม เป็นลูกคนเดิมของพวกเราเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง”

“จ้ะ” แม่น้อยรับคำเพียงสั้นๆ

“หมายความว่าอย่างไรจ๊ะ”

“หมายความว่าอนุญาตจ้ะ”

“ห๊ะ!?” สามเสียงประสานพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายเพราะคำตอบของแม่น้อยที่เหนือการคาดหมายเป็นอย่างมาก


‘บทจะง่าย ทำไมง่ายงี้วะ’  น้ำฝนคิดพลางลอบมองสีหน้ามารดาที่ยังนิ่งไร้ความรู้สึก


“จริงเหรอครับ แม่น้อย” ผู้กองที่เพิ่งดึงสติกลับมาได้รีบถามซ้ำทันที

“จริงจ้ะ” คราวนี้ว่าที่แม่ยายยิ้มหวานให้กับผู้กองอย่างเต็มที่ จนปรานต์คิดว่าเขากำลังฝันไปหรือเปล่า

“แล้วทำไมตอนนั้น..” เขากำลังอยากจะถามย้อนไปว่าแล้วเหตุการณ์นั้นที่แม่น้อยถึงขั้นจะตัดแม่ตัดลูกนั่นล่ะ


ทำไมตอนนี้เหมือนกับเป็นหนังคนละม้วน คนละแผ่นอย่างนั้นไปได้


“ถ้าอย่างนั้นแสดงว่า แม่น้อยอนุญาตให้ตาปรานต์และหนูน้ำคบกันแล้วใช่ไหมจ๊ะ” คุณหญิงแทรกขึ้นมา นางพูดทวนความต้องการอีกครั้งเพราะกลัวจะเข้าใจผิดพลาดหรือไม่ตรงกัน

“ใช่จ้ะ” แม่น้อยยิ้มยืนยัน

“เย่!!” น้ำฝนดีใจถึงกับตะโกนออกมาอย่างลืมตัว ทุกสายตาจึงมองไปที่เธอเพียงจุดหมายเดียว “เอ่อ..ขอโทษค่ะ หนูดีใจมากไปหน่อย” น้ำฝนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเขินอาย

“ไม่เป็นไร พี่ก็ดีใจ...ดีใจมาก” ผู้กองยิ้มให้น้ำฝนพร้อมบอกความรู้สึกของตนเอง

“ขอบคุณครับแม่น้อย” ผู้กองหนุ่มบอกแม่น้อยด้วยรอยยิ้มทั่วใบหน้า คาดว่าให้อีกฝ่ายหุบยิ้มคงจะยากเต็มที

“ขอบใจจ้ะ/ขอบใจนะ” สามีภรรยากล่าวขอบคุณแม่น้อยพร้อมกัน

“พี่ขอถามหน่อยได้ไหม ทำไมแม่น้อยจึงเปลี่ยนใจล่ะ นี่พี่เตรียมหาคำพูดมาหว่านล้อมแม่น้อยตั้งครึ่งค่อนคืนเลยนะเนี่ย” คุณหญิงถามอย่างอารมณ์ดี

“ก็อย่างที่พี่พูดแหละจ้ะ ฉันไม่อยากให้ลูกเสียใจ ยิ่งเมื่อวาน ถึงแม้ไอ้น้ำจะไม่ได้คิดสั้น แต่ฉันก็กลัวจริงๆ จ้ะ ถ้ามันเป็นอะไรขึ้นมา ฉันคงรู้สึกผิดและเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ๆ” แม่น้อยตอบ

“หนูน้ำเข้มแข็งไม่คิดสั้นง่ายๆ หรอก ใช่ไหมจ๊ะ น้ำฝน” คุณหญิงถามน้องสาวของหนูน้ำ เห็นท่าทางดีใจของน้ำฝนที่แสดงออกนอกหน้าชัดเจนขนาดนั้น ดูท่าว่าพี่น้องคู่นี้น่าจะสนิทกันพอควร

“ใช่จ้ะ พี่น้ำอะ ละครเยอะ”

“ละครอะไรเหรอ” คุณหญิงถามอย่างไม่เข้าใจ

“ไม่มีอะไรค่ะ หนูก็พูดไปเรื่อย พี่น้ำไม่มีวันคิดสั้นหรอกค่ะ” เธอยืนยัน

“แบบนี้ก็เบาใจเหลือแค่รอหนูน้ำออกมาฟังข่าวดีใช่ไหม” คุณหญิงถามโดยไม่ได้ระบุเจาะจงว่าถามใคร จึงไม่มีใครตอบ นอกจากรอยยิ้ม

“อืม..ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเรียบร้อยลงตัว ได้เวลาทำหน้าที่ของผู้ใหญ่จริงๆ เสียที” คุณปราชญ์พูดขึ้นท่ามกลางวงสนทนา

“อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะจ๊ะ แม่น้อย ..เรื่องหนูน้ำน่ะ แม่น้อยจะคิดสินสอดเท่าไหร่ อะไร อย่างไร ว่ามาได้เลยจ้ะ ฉันยินดี ไม่เกี่ยง” คุณหญิงบอกด้วยรอยยิ้มกว้าง

“เอ่อ...เรื่องนั้น” แม่น้อยไปต่อไม่ถูกเพราะว่านางไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน

“ไม่ครับ” ไม่ใช่เสียงคุณปราชญ์ และเสียงผู้กองปรานต์ แต่กลับเป็นไอ้น้ำที่เปิดประตูออกมาจากห้องนอนของมันมาปฏิเสธเองต่างหาก

“น้ำ/หนูน้ำ/ไอ้น้ำ/พี่น้ำ/พ่อน้ำ” ยิ่งกว่าการประสานเสียงครั้งไหนๆ ทุกคนต่างพร้อมใจกันเรียกชื่อของมัน

“ครับ” น้ำเดินออกมาจากห้องแล้วลงนั่งข้างๆ น้องสาว

“งานเสร็จแล้วหรือ” ผู้กองถาม

“ครับ” น้ำตอบสั้น มันไม่อยากบอกหรอกว่างานน่ะมันเสร็จไปตั้งแต่ครอบครัวของผู้กองเดินทางมาถึงบ้านเขาแล้ว แต่ที่มันยังไม่ออกมาเพราะใจหนึ่งมันก็กลัวคำตอบของมารดา ส่วนอีกใจหนึ่งมันก็อยากจะขอคิดอีกสักหน่อย มันไม่แน่ใจ



เรื่องระหว่างผู้กองกับคุณวรันต์ ตราบใดที่มันไม่มั่นใจ มันก็ไม่กล้าที่จะเดินหน้าต่อ


“ออกมาพอดีเลย แม่น้อยอนุญาตเรื่องของหนูน้ำกับตาปรานต์แล้วนะจ๊ะ” คุณหญิงบอกอีกฝ่ายด้วยความดีใจ

“ครับ ผมได้ยินจากในห้องแล้ว” น้ำตอบ มันยิ้มรับเพียงเล็กน้อย “ขอบคุณนะจ๊ะ แม่” แต่จังหวะที่ไอ้น้ำหันไปบอกแม่ มันหันไปกอดแม่น้อยเต็มแรง ยิ้มกว้างกับไหล่ของแม่ เรื่องผู้กองกับวรันต์ก็เรื่องหนึ่ง แต่เรื่องที่แม่อนุญาตในความรักของมันกับผู้กองก็อีกเรื่องหนึ่ง มันจะไม่ดีใจได้อย่างไร

“เจ็บโว้ย ข้าเจ็บ” แม่น้อยบอกพลางตีแขนบุตรชายที่แกล้งกอดนางแน่นขนาดนั้น คนอื่นๆ ที่เห็นต่างพากันหัวเราะกับพฤติกรรมของแม่ลูกคู่นี้ น่าเอ็นดูไม่หยอก

“แล้วที่ว่าไม่ คือไม่อะไรจ๊ะ หนูน้ำ” คุณหญิงถาม

“เรื่องสินสอด รวมไปถึงเรื่องอื่นๆ ด้วยครับ ผมคิดว่าค่อยพูดถึงเรื่องนี้กันทีหลังดีกว่า”

“รออะไรล่ะ” สามีคุณหญิงเป็นฝ่ายถามบ้าง

“รอจนกว่าผมจะแน่ใจ”

“อ้าว อะไรเนี่ย” น้ำฝนพูดออกมา คดีพลิกกลายมาเป็นคนที่ทำตัวเซ็งโลก หน้าไม่รับแขกมาหลายเดือนอย่างพี่ชายของเธอไปได้

“แน่ใจอะไร” ผู้กองถาม เพราะเขาแน่ใจเสียยิ่งกว่าแน่ว่าระหว่างเขากับน้ำนั้นรู้สึกตรงกัน

“แน่ใจในตัวผู้กองครับ” น้ำตอบ

“หึๆ ไอ้ลูกชาย พิสูจน์ตัวเองหน่อยละกัน ก็อย่างว่าล่ะนะ หายหัวไปเป็นเดือนๆ จู่ๆ กลับมาขอเขา เขาคงยอมง่ายๆ ล่ะ เล่นตัวเยอะๆ นะพ่อหนุ่ม”

“พ่อ ทำไมเปลี่ยนข้างกันง่ายๆ แบบนี้ล่ะครับ” ผู้กองมองบิดา รู้สึกเหมือนตัวเองถูกโยนทิ้งเอาไว้กลางทาง

“เอาใจช่วย อย่าให้เสียชื่อลูกพ่อล่ะ” บิดาตบบ่าให้กำลังใจบุตรชายสองสามทีพอเป็นพิธี

“เอาล่ะ ไหนๆ ก็วันนี้ฤกษ์ดี อากาศก็ดี ไปเดินเล่นกัน ดีไหมคะคุณ” คุณหญิงชวนสามี

“ก็ดีเหมือนกัน ออกกำลังบ่อยๆ ด้วยการเดินก็น่าจะดี”

“ถ้าอย่างนั้น แม่น้อยพาพี่ไปดูสวนอีกหน่อยสิจ๊ะ พี่ชอบมากเลย” คุณหญิงยิ้มบอกแม่น้อยแล้วหันไปพูดกับน้ำฝน “น้ำฝนพาป้าไปเที่ยวสวนหน่อยนะจ๊ะ”

“ได้เลยค่ะ เดี๋ยวหนูเป็นไกด์ท้องถิ่นให้เองค่ะ” น้ำฝนยิ้มรับ อย่างน้อยเธอก็ฉลาดพอที่จะเดาได้ว่าคุณหญิงอยากเปิดโอกาสให้ผู้กองและพี่ชายของเธอปรับความเข้าใจกันหรือพิสูจน์อะไรกันก็ว่าไป

“อ้าว..แล้วเรื่องการไปตลาดน้ำล่ะครับ” น้ำถาม เขาจำได้ว่าคุณหญิงบอกให้เขาพาไปเที่ยวในวันนี้

“ไปกับพี่เขานะลูก แม่ร้อนอะ ไม่อยากเดินเบียดเสียดกับคนอื่น” คุณหญิงตอบ


เมื่อสักครู่นี้ คุณหญิงเพิ่งพูดว่าอากาศดี ทำไมกลายเป็นอากาศร้อนไปแล้วล่ะ ไอ้น้ำคิดในใจ


“ขอฉันไปเปลี่ยนชุดสักประเดี๋ยวนะจ๊ะ” แม่น้อยบอกพลางลุกหายเข้าไปในห้อง ทีแรกเธอไม่ได้คิดไปไหน แต่เพราะมีแขกจึงแต่งตัวออกมาต้อนรับ หากเมื่อมีความเปลี่ยนแปลง นางจึงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหมาะสม ส่วนน้ำฝนแต่งตัวพอที่จะไปสวนได้อยู่แล้ว เธอจึงนั่งรออยู่ที่เดิม





.
.
“ปรานต์ดูแลน้องด้วยล่ะ” คุณหญิงบอกแกมขู่บุตรชายไว้ก่อนจะเดินลงจากบ้านไป


ถอดความนัยออกมาได้ว่าอย่าทำให้แม่เสียหน้าล่ะ เจ้าตัวดี


“เหลือแค่เราสองคนแล้ว อยากจะต่อว่าอะไรพี่ก็พูดมาเลยครับ” ผู้กองพูดขึ้นหลังจากที่ ครอบครัวของเขาและของน้ำพากันเดินลงไปจากบ้านสักพัก

“ต่อว่า?” น้ำยืนมองผู้กองอยู่กลางบ้านหลังจากที่ไปส่งพวกพ่อๆ แม่ๆ ทั้งหลายเมื่อสักครู่นี้

“น้ำมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่แน่ๆ หรือจริงๆ แล้วโกรธที่พี่หายเงียบไป หืม?” ผู้กองใช้นิ้วเกลี่ยแก้มขาวอย่างเบามือแต่ไอ้น้ำก็เลือกเบี่ยงทั้งหน้าและตัวเพื่อหลบเลี่ยง


มันกำลังเล่นตัว ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้น ไอ้น้ำคิดว้าวุ่นในใจ ก็แค่ยังไม่สะดวกใจนิดหน่อย ภาพผู้กองกับวรันต์ยังติดตาอยู่เลย

“คิดว่าผมต้องโกรธหรือเปล่า” มันพูดเสียงนิ่ง พยายามเก็บอาการ ผู้กองไม่ลดละคว้ามือของมันขึ้นมาจับไว้ข้างหนึ่ง

“เรื่องที่พี่หายเงียบไป พี่ก็อธิบายไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วไม่ใช่หรือ เรายังโกรธอะไรพี่อีก ไหนบอกพี่หน่อยสิครับ ไม่บอกพี่ก็ไม่รู้นะ” ผู้กองบอกเสียงนุ่ม มองหน้ามันด้วยดวงตาที่อ่อนโยน มือก็ยังจับมือไอ้น้ำเขี่ยเล่นไปมา


เจอสายตาแบบนั้น น้ำเสียงแบบนั้น โอ๊ย ไอ้น้ำอยากตาย มันอยากจะตะโกนใส่หน้าผู้กองว่า เออ ช่างมัน วรันต์ก็ช่าง ใครก็ช่าง มันจะจับผู้กองทำเมียเวลานี้แหละ


ไม่อยากทนแล้วโว้ย


“ผม..ผม” แต่เอาเข้าจริง มันเป็นแค่คนปากดี ทำได้แค่ตะกุกตะกัก ติดอ่างแม้กระทั่งคำพูดของตัวเอง


“พูดมาสิครับ” ผู้กองได้ใจ อาศัยจังหวะไอ้น้ำสติแตกแหกกระเจิงก้มหน้าลงไปใกล้ พูดเสียงกระซิบติดชิดริมฝีปากของอีกฝ่าย

“เรื่องคุณ..” น้ำรวบรวมสติให้กลับมา ตั้งใจเค้นคำพูดออกไป

“เรื่องอะไรครับ” ผู้กองถามซ้ำ ดวงหน้าเคลื่อนเข้าใกล้มากว่าเดิมอีก ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือนแล้ว ไอ้น้ำหลับตาปี๋

“คุณวรั...” มันพยายามพูดชื่อให้จบ

“จูบกันดีกว่า เดี๋ยวค่อยบอกพี่ทีหลังแล้วกันว่าโกรธพี่เรื่องอะไร”

‘อ้าว เฮ้ย’  แบบนี้ก็ได้เหรอ



==============================================

ตอนหน้า พักเนื้อเรื่องหลักสักครู่ เขมจะพาทุกท่านไปพบกับบบบบบบบ

ตอนพิเศษ !!

ใช่แล้วค่ะ ตอนพิเศษ

แต่จะพิเศษยังไง มารอวันอังคารด้วยกันนะคะ


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
เรื่อยๆแต่ ปากว่ามือถึงจริงๆ :katai5:

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
น้ำเอ้ยยย ขนาดผู้กองขยับเข้าหาใกล้ๆ ยังหลับตาปี๋เลย
แล้วเรื่องที่จะจับผู้กองทำเมียนะไหวหรือจ๊ะ พ่อน้ำ
 :hao6: :hao6:
เรียกกองหนุนแม่ตะเคียนด่วนเลยนะน้ำ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
มันยังคง ค้างคาใจ เอาไม่ออก
เหมือนถูกหลอก บอกว่ารัก กันหนักหนา
แต่เจ้ากรรม ดันมารู้ จากสองตา
ประคองหน้า พาลูบหลัง ยังร่าเริง

มีใครบ้าง จะไม่เชื่อ ตาเราเห็น
มีใครบ้าง ยังใจเย็น ไม่ยุ่งเหยิง
มีใครบ้าง ไม่ฟุ้งซ่าน ใจกระเจิง
ไม่เอะอะ กระเซอะเซิง เจิ่งน้ำตา

ผู้กองรู้#ไอ่น้ำไม่รู้#ต้องพึ่งพาแม่ตะเคียน


มาช่วยกันอีกซักตอนนะ คนงามเจ้าแม่ตะเคียน
อิอิ

+1 ร้อยพวงมาลัยมาถวายเจ้าแม่จ้า

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
อีตาผู้กองเจ้าเลห์ ตอนพิเศษนี่หรือว่าแม่ตะเคียนจะไปแล้วว

ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
คงต้องรอเข้าหอนู่น น้ำถึงจะรู้ว่าใครเป็นเมียกันแน่

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter


ตอนพิเศษ หนึ่งวันธรรมดาของเจ้าแม่ตะเคียน



            “เฮ้อ..เบื่อจัง” หญิงสาวในชุดไทยสไบเฉียงสีสันสดใสนั่งอยู่บนกาบเรือบ่นออกมาเบาๆ

            “ไม่มีใครผ่านมาเลยเหรอเนี่ย”

            “พอไม่ใช่วันหวยออกก็จะไม่มีคนมาเลยสินะ”

            “เฮ้อ..เบื่อจัง” หญิงสาวคนเดิมยังบ่นไปเรื่อย นางลุกขึ้นยืนเดินตรงมาที่ต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีเชือกคล้องกิ่งไม้ต้นนั้นไว้ ก่อนที่เธอจะหลุดยิ้มขำออกมา

            “พ่อน้ำจะมาอีกไหมน้า คิดถึง อยากเห็นหน้าจัง เห็นคนหล่อๆ แล้วมันกระชุ่มกระชวย อายุยืน”

            “แต่..พ่อน้ำคงไม่กล้ามาคนเดียวแน่ๆ” นางพูดแล้วก็นึกขึ้นได้ว่า พ่อน้ำหรือไอ้น้ำมันกลัวผีขนาดไหน


            รู้อยู่เต็มอกนั่นแหละ แต่ก็อดที่จะไปคุยด้วยไม่ได้


            ก็คนมันเหงานี่นา


            “ไปบอกผู้กองให้พามาดีไหม”

            “เอ..แล้วจะบอกยังไงดีล่ะ พ่อหนุ่มนั่นก็จิตแข็งเหลือเกิน ไม่เปิดรับสาวสวยอย่างฉันบ้างเลย” นางสะบัดผมไปด้านหลังเล็กน้อย อวดไหล่ขาวนวลของตนเอง


            ไหล่ขาว ใบหน้าสวยที่ไม่มีใครมองเห็นได้สักคน


            “อีกตั้งหลายวัน ถึงจะเป็นวันหวยออก”

            “ระหว่างนี้ไปทำอะไรดีล่ะ” เธอยังบ่นเอื่อยเฉื่อยต่อไป

            “นั่งสมาธิ ฝึกจิตใจดีไหมล่ะ โยมตะเคียน”

            “อุ้ย หลวงพ่อหรือเจ้าคะ กราบนมัสการเจ้าค่ะ” หญิงสาวรีบทรุดนั่งลงพื้นแล้วก้มลงกราบโดยไม่สนใจพื้นดินว่าจะทำให้สไบสวยนั้นต้องสกปรก

            “อาตมาเอง บ่นงึมงำอะไรหรือ” หลวงพ่อถาม

            “เบื่อน่ะเจ้าค่ะ” แม่ตะเคียนบอกตามความรู้สึก

            “เมื่อตอนเป็นมนุษย์ก็เบื่อ พอเป็นผีตะเคียนก็ยังเบื่ออีกหรือ”

            “เจ้าค่ะ”

            “อยากไปเกิดไหม”

            “ก็อยากอยู่เหมือนกันเจ้าค่ะ” ไม่มีใครอยากจะเป็นผีไปตลอดปีตลอดชาตินักหรอก

            “เลิกให้หวยก่อนดีไหม”

            “ก็มีคนมาหาเยอะๆ มันครื้นเครงดีนะเจ้าคะ” แม่ตะเคียนบ่นอิดออด

            “การเล่นการพนันมันไม่ถูกต้องหรอกนะโยมตะเคียน”

            “ดิฉันไม่ได้เล่นเลยนะเจ้าคะ”

            “อาตมารู้ว่าโยมเล่นไม่ได้ แต่เป็นการชี้นำต่างหากล่ะ”

            “แหม นั่นมันก็เป็นความโลภของมนุษย์นะเจ้าคะ” แม่ตะเคียนเถียง

            “โยมตะเคียน” หลวงพ่อบอกเสียงเรียบให้คนที่ตะแบงเถียงนั้นได้ฉุกคิด

            “เจ้าค่ะๆ ดิฉันจะพยายามนะเจ้าคะ”

            “มันดีต่อตัวโยมเอง”

            “เจ้าค่ะ” แม่ตะเคียนรู้ว่าหลวงพ่อหวังดีกับตนเองจึงตอบรับเสียงอ่อย

            “เรื่องที่กำลังห่วงอยู่ หลังจากที่เรียบร้อยแล้วย้ายที่อยู่ดีไหม” หลวงพ่อแนะ

            “ย้ายที่อยู่หรือเจ้าคะ จะไล่ดิฉันไปที่อื่นหรือคะ หลวงพ่อ” แม่ตะเคียนเสียงสั่นเข้าใจว่าตนเองถูกขับไล่

            “ไม่ใช่อย่างนั้นโยม แค่ย้ายเข้ามาอยู่ในวัดดีไหม ตรงนี้เป็นท่าน้ำของวัด คนที่ใช้เรือสัญจรทางน้ำ เขาก็ไม่สามารถมาขึ้นเรือตรงท่านี้ได้ มันไม่สะดวก”

            “ยะ..ย้ายได้หรือเจ้าคะ”

            “ได้สิ อาตมาจะไปเกณฑ์ลูกศิษย์วัดมาช่วยย้ายเรือนี้ไปอยู่ในวัดเป็นที่อยู่ของแม่ตะเคียน”

            “ให้พ่อน้ำมาช่วยด้วยได้ไหมเจ้าคะ” ได้คืบจะเอาศอก แม่ตะเคียนเอ่ยขอ


            “อยู่กันคนละโลกกันแล้ว ยังไม่วายชอบมนุษย์อีกหรือ”

            “เจ้าค่ะ คนมันโสดนี่เจ้าคะ หลวงพ่อไม่เข้าใจหรอกเจ้าค่ะ”

            “อืม อาตมาไม่เข้าใจจริงๆ นั่นแหละ เอาล่ะ เดี๋ยวใกล้ถึงวันนั้นอาตมาจะฝากลูกวัดไปบอกบ้านนั้นก็แล้วกัน”

            “ขอบพระคุณเจ้าค่ะ หลวงพ่อ”

            “พอย้ายมาแล้ว ก็หมั่นนั่งสมาธิ คิดดี ทำความดี จะได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดี”

            “เจ้าค่ะ” นางก้มกราบหลวงพ่ออีกครั้ง เงยหน้ามาอีกทีหลวงพ่อก็เดินหายเข้าไปในพื้นที่ทางวัดแล้ว


            นางลุกขึ้นจากพื้นแล้วพลันคิดถึงเรื่องแก้เบื่อ


            “เฮ้อ..เบื่อจังไปเดินตลาดเล่นดีกว่า” หากใครได้ยินคงได้ยินเสียงหัวเราะดังไปทั่วบริเวณ

            “ไหนดูสิ มีชุดไทยสวยๆ ไหมน้า” นางเข้าไปในร้าน เห็นชุดไทยสวยๆ มากมาย

            “เอ..ทำไมฉันต้องใส่แต่ชุดไทยด้วยล่ะ ดูชาวบ้านพวกนี้ยังใส่ชุดอื่นเลย” แม่ตะเคียนบ่น
พลางคิด

            “เปลี่ยนดีไหมน้า ไปใส่อย่างพ่อน้ำจะดีไหม”

            “เอายังไงดี” ถึงจะลังเล แต่มือก็ยังละผ่านชุดไทยไปทีละชุดๆ

            “ชุดไทยอย่างเดิมก็ดีแล้วมั้ง เดี๋ยวผิดแบบแม่ตะเคียน” นางยิ้มก่อนจะออกมาจากร้านชุดไทย

            “วันนี้ตลาดมีอะไรน่ากินบ้าง จะได้บอกพ่อน้ำให้เอามาให้” แม่ตะเคียนคิดพลางลอยละล่องไปแต่ละล็อคของตลาด

            “นี่..เห็นว่าผู้กองคนเก่าเขามาหาไอ้น้ำมันอีกแล้วนะ มาบ่อยเหลือเกิน” เสียงป้าคนหนึ่งดังขึ้นเหมือนกำลังตะโกนคุยกับใครสักคน


            แม่ตะเคียนจำชื่อไม่ได้ แต่คุ้นหน้าว่ามาขูดหวยกับพ่อน้ำเสมอ


            “เออ ฉันก็เห็นรถยนต์ผ่านหน้าบ้านไป ก็ว่ารถใครคุ้นๆ ตา ที่แท้ของผู้กองปรานต์ เองน่ะหรือ”

            “ใช่สิวะ”

            คนสองคนกำลังคุยกันอย่างต่อเนื่อง แม่ตะเคียนเลยอยากจะไปเห็นหน้าพ่อน้ำเสียหน่อย


            “ไหนดูสิ ทำอะไรอยู่น้า” นางมาถึงบ้านของไอ้น้ำ เห็นไอ้ด่างและอีปุย นอนเงียบอยู่ใต้ถุนบ้าน พร้อมกับรถยนต์คันหนึ่งก็เดาว่าคงเป็นของพ่อหนุ่มคนนั้นตามที่คนในตลาดพูด แม่ตะเคียนก็ยิ้มหวาน มาทีเดียวเห็นหน้าทั้งสองคนเลย วันนี้คงไม่เบื่อแล้วสินะ

            “เหมือนทางจะสะดวกด้วย” แม่ตะเคียนพูดขึ้นก่อนจะรีบยกมือไหว้บอกผีบ้านผีเรือนก่อนจะเข้าไปในในบ้านข้างบน “ขอเข้าไปหาพ่อน้ำแป๊ปเดียวนะจ๊ะ แป๊ปเดียวเองแล้วจะรีบออกมา ไม่มีใครตอบเลย อ่า ถือว่าขอแล้วน้า” พูดจบก็หายวับไปทันที

            “เอ..ไม่อยู่เหรอ” แม่ตะเคียนยืนอยู่ตรงกลางบ้าน แต่กลับไม่เห็นเงาของใครเลย “หรือว่าอยู่ในครัวน้า” พริบตานางก็ย้ายกายละเอียดมายืนในครัว แต่ทว่าก็ไม่เจอเป้าหมายเช่นกัน

            “เล่นอะไรเนี่ย ผู้กอง ฮ่าๆ จักจี้” ได้ยินเสียงหัวเราะของน้ำแว่วมา แม่ตะเคียนก็ยิ้มร่าเพราะรู้แล้วว่าพ่อน้ำของตนนั้นอยู่ที่ไหน

            “อุ๊ย..” นางตะครุบปากแทบไม่ทันเมื่อเข้ามาในห้องนอนของพ่อน้ำที่รักยิ่ง

            “ไม่จับ ไม่เอาๆ” แม่ตะเคียนยืนอยู่ปลายเตียงเห็นน้ำพยายามปัดมือพ่อหนุ่มหรือผู้กองนั้นออกจากในเสื้อตนเอง นางยกสองมือปิดหน้าทันที


            ‘สองคนนี้เล่นอะไรกัน บัดสีบัดเถลิง แม่ตะเคียนรับไม่ได้’


            แม่ตะเคียนพูดในใจ นางกลัวว่าถ้าพูดส่งเสียงออกมาแล้วพ่อน้ำของนางจะได้ยินเสียงจนอดเห็นภาพดีๆ ไปด้วย ดังนั้นนิ้วมือทั้งห้าของนางจึงค่อยๆ กางออกจากกัน


            ‘ก็อยากเห็นเหมือนกันนี่นา’


            ‘ไหนขอดูหน่อย ไม่โกรธกันนะจ๊ะพ่อน้ำคนดี’


            “อย่าเล่นแบบนี้” พ่อน้ำของนางยังพยายามปัดป้องมือของอีกคนออกจากเสื้อ แม่ตะเคียนเริ่มสงสัย พ่อน้ำปฏิเสธจริงจังหรือไม่กันแน่

            “ทำไมล่ะครับ พี่แค่จับตรงนี้นิดเดียวก็ไม่ได้เหรอ” แม่ตะเคียนหน้าแดงเล็กน้อย นางไม่เคยได้ยินเสียงทุ้มอ่อนหวานแบบนี้มาก่อน


            ‘อยากให้มีคนมาพูดด้วยเสียงแบบนี้บ้างจัง’


            “นิดเดียวนะ” คิดเพลินๆ ก็ได้ยินเสียงพ่อน้ำเอ่ยอนุญาต


            “อืม นิดเดียว”


            แม่ตะเคียนรีบหลับตาลง นางไม่ขอบรรยายภาพตรงหน้าว่านิดเดียวนั้นมันแค่ไหนเพราะนางเลือกที่จะหลับตาลง กลัวเห็นแล้วจะเป็นฝ่ายที่ต้องเขินอายเอง


            “พอเลย ไหนว่านิดเดียวเอามือออกไปครับ” แม่ตะเคียนได้ยินเสียงของพ่อน้ำที่น่าจะจริงจัง ดุอีกฝ่าย นางจึงลืมตาขึ้นอีกครั้งหนึ่ง สายตาก็เห็นใบหน้าของพ่อน้ำออกจะแดงเล็กน้อย

            “พอ..ก็..พอ” พ่อหนุ่มนั้นพูดเน้นย้ำทีละคำก่อนจะผละตัวออกจากพ่อน้ำที่นอนอยู่บนเตียง กลายเป็นสองร่างสองคนกำลังนอนอยู่บนเตียงคนละฝั่ง

            “ไม่โกรธสิครับพี่ปรานต์” เสียงพ่อน้ำของแม่ตะเคียนดูอ่อนโยนลงผิดกับเมื่อสักครู่อย่างไม่น่าเชื่อ


            ‘โอ้ พ่อหนุ่มนั่นคงงอนสินะ’


            ‘งอนจริงหรือแสดงกันนะ’  แม่ตะเคียนคิดต่อ


            “น้ำบอกให้พี่พอ พี่ก็พอแล้วครับ” ผู้กองพูดเสียงเรียบ

            “ไม่โกรธสิครับ..คือ..เดี๋ยวสักพักแม่จะกลับมาจากสวนแล้ว” พ่อน้ำอ้อมแอ้มอธิบาย

            “พี่รู้ พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย” ผู้กองยังพูดต่อด้วยน้ำเสียงโทนเดิม

            “ไม่อะ โกรธแน่ๆ เลย” แม่ตะเคียนเห็นพ่อน้ำพลิกตัวไปหาอีกฝ่าย มือขวาวาดลงไปบนเอว ขาขวาก็ก่ายเกยไปบนขาขวาพ่อหนุ่มนั่น


            ดูก็รู้ว่าคนทั้งคู่สนิทสนมกันดีแค่ไหน


            “ไม่โกรธนะครับ” พ่อน้ำของนางพูดอีกครั้งก่อนจะเห็นพ่อน้ำยืดตัวขึ้นไปจูบที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย อารามตกใจแม่ตะเคียนรีบหันหลังให้ทั้งคู่ทันที


            ‘โอย พ่อน้ำ’  จิตใจของนางกระเจิงไปหมด


            นางยังไม่กล้าหันกลับไป เพราะเสียงลมหายใจทางด้านหลังมันเด่นชัดเหลือเกิน ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าภาพนั้นคงจะร้อนแรงหนักหน่วงแค่ไหน


            แม่ตะเคียนหน้าแดงอย่างต่อเนื่อง เสียงสวบสาบของเสื้อผ้าดังกระทบโสตประสาทหู ดังไปทั่วห้องนอนแห่งนี้ หางตาของนางเห็นเสื้อยืดคอกลมสีขาวตกอยู่ข้างตัว ดูจากลักษณะรูปทรงแล้ว คงเป็นของพ่อน้ำ เพราะพ่อหนุ่มนั่นใส่เสื้อสีดำ


            ‘โถ พ่อน้ำ’ แม่ตะเคียนยกมือทาบอก


            เอาไงดี ออกไปดีไหม แต่ใจก็อยากรู้ต่อ


            แม่ตะเคียนคิดยังไม่ตก เข็มขัดและกางเกงปลิวตามลงมาบนเสื้อสีขาวนั้น ไม่รู้ว่าใครเป็นคนโยนมาแต่ขอนับถือทิศทางการโยนเสื้อผ้าว่าลงตำแหน่งเดิมเหมาะเหม็งมาก ในอดีตอาจจะเคยเป็นนักกีฬาตะกร้อลอดห่วงก็เป็นได้ แต่เดี๋ยวนั่นเขาใช้ขาเตะลูกตะกร้อเข้าห่วงหรือเปล่า


            “อ๊ะ นั่น!” มัวแต่คิด จนมาเห็นชั้นในสีขาวโยนมาทีหลังสุด แม่ตะเคียนจึงหลุดปากออกไปด้วยความตกใจอีกครั้ง เป็นผีมาก็นาน นี่คงเป็นการตกใจเยอะที่สุดของนางแล้วล่ะมั้ง

            “พี่ปรานต์ หยุด..ก่อน..ครับ” เสียงพ่อน้ำหอบหายใจเสียงดังกว่าจะพ่นออกมาได้แต่ละคำ

            “หืม?”

            “หยุดก่อนนะครับ คนดี เดี๋ยวพี่น้ำคนนี้มาต่อให้นะจ๊ะ อย่าเพิ่งอารมณ์เสีย” แม่ตะเคียนไม่กล้าหันกลับไปอยู่ดี แต่เหมือนว่าพ่อน้ำจะควบคุมเสียงตัวเองได้แล้ว

            “ว่าไงครับ เป็นอะไร”

            “ตะกี้พี่ได้ยินเสียงอะไรไหมป” น้ำถาม

            “เสียง? เสียงอะไรครับ ไม่เห็นได้ยิน”

            “อย่างนั้นเหรอครับ”

            “ทำไม น้ำได้ยินเสียงอะไร” ผู้กองถามกลับ

            “ผมได้ยินเสียงผู้หญิง พูดเหมือนคนตกใจ”

            “พี่ไม่ได้ยินอะไรเลย นอกจากเสียงน้ำ”

            “เสียงผมอะไรเล่า ผมไม่ได้ส่งเสียงอะไรสักหน่อย” แม่ตะเคียนได้ยินเสียงพ่อน้ำบอกอีกฝ่ายเหมือนสะบัดในน้ำเสียงเล็กน้อย

            “ต่อให้พี่ได้หรือยัง คนเก่ง เดี๋ยวแม่น้อยมานะ”

            “โอเคๆ ต่อให้ก็ได้” แม่ตะเคียนได้ยินเสียงคล้ายๆ เดิมอีกครั้ง

            ‘เข้ามาในห้องคนอื่นแบบนี้ วันหลังจะไม่อนุญาตให้ขึ้นมาแล้ว’ใครสักคนหนึ่งพูดลอยๆ ภายในห้อง แต่มีเพียงแม่ตะเคียนเท่านั้นที่ได้ยิน


            ‘ขอเข้ามาแป๊ปเดียวเองจ้ะ ไม่รู้นี่นาว่าพ่อน้ำอยู่ในห้องนอน’ แม่ตะเคียนตอบ


            ‘หมดเวลาแล้ว ออกไปได้แล้ว’


            ‘จ้ะๆ ไปเดี๋ยวนี้ล่ะ’


             แม่ตะเคียนรีบหายตัวออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว นึกขอบคุณผีบ้านผีเรือนในใจที่ช่วยมาตัดสินใจสิ่งที่นางคิดไม่ได้สักที


             เสียดายจัง แต่...


             ไม่ได้ดู ก็ดีเหมือนกัน



==============================================

คนโสดก็จะปวดใจหน่อยๆ ค่ะ

ตอนนี้เป็นเหตุการณ์หลังจากที่เรื่องนี้ได้จบลงนะคะ
เป็นเหตุการณ์ระหว่างที่น้ำฝนยังเรียนไม่จบ ยังไม่เข้ากรุงเทพฯ เลยค่ะ
ผู้กองเลยต้องไปมาหาสู่คนแถวนี้ทุกสัปดาห์

ตอนหน้ากลับไปพบกับตอนหลักกันต่อค่ะ


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018


ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
แม่ตะเคียนซุกซนไม่เบานะจ๊ะ

ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
แหมเสียดายจัง เราก็อยากดูต่อเหมือนกันนะ

ออฟไลน์ vermillian

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
แม่ตะเคียนนี่ ไม่ดูเพื่อเป็นการศึกษาบ้างเหรอจ๊ะ
 :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
โอ้ยยยยย แม่ตะเคียนนนน เฟี้ยวฟ้าวมากกกจ้า
มีการเที่ยวตลาดดูของด้วยนะจ้ะ สุดยอดไปเลยยย

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0

ออฟไลน์ Elf_Carat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3420
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เจ้าบ้านเจ้าเรือนไม่น่ารีบมาขัดเล๊ยยยยย
เจ้าแม่ตะเคียนกำลังศึกษาวิชารัก y อยู่นะ

อดรู้อดเห็นเลยมั้ย
น้องน้ำทำหน้าที่สามีให้ภรรยาอย่างผู้กอง ชิมิ ฮ่าฮ่า

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
แม่ทำไมไม่ขออยู่ต่ออีกสักหน่อย

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 693
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
555555555
แม่ตะเคียน น่าถ่ายคลิปมาปล่อยให้เราดูมั่งนะ
เสียดายยยยยย :z10: :z10:

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter


งวดสามสิบเจ็ด บอกสิว่ามันไม่จริง


“พอ..พอก่อน” ไอ้น้ำยันหน้าอกของผู้กองให้ถอยห่างออกไป มันผละตัวเองถอยออกมาเช่นกัน ยืนพูดกระหืดกระหอบ หายใจไม่ทัน

“โอเค”

“เรื่องคุณวรันต์กับผู้กอง” น้ำรีบพูดก่อนจะไม่ได้พูดอีก

“ครับ?ทำไมล่ะ” ปรานต์ชะงักเล็กน้อยก่อนถาม พลางดึงมือน้ำให้เข้ามาใกล้ตน

“ผมเห็น..เห็นผู้กองกับคุณวรันต์ยืนอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ”

“เมื่อไหร่? อ่อ..สงสัยตอนนั้น ..เอ๊ะ น้ำมากรุงเทพฯ ด้วยเหรอ” ผู้กองทั้งพูดและถามกับตัวเองก่อนจะย้อนกลับไปถามน้ำด้วยความแปลกใจ

“ใช่”

“แล้วยังไงล่ะ เพราะแบบนี้ก็เลยโกรธพี่?”

“ไม่ใช่ ผมเห็นมากกว่านั้น ทั้งผู้กองกับคุณวรันต์ดูสนิทกันมาก เหมือน..เหมือนกับ..” มันค้างไว้เท่านั้นไม่อยากพูดต่อ

“เหมือนกับอะไรครับ? เหมือนกับยังไม่เลิกกัน? เหมือนกับยังรักกัน?หรือเหมือนกับกลับมาคบกัน?” ผู้กองส่งตัวเลือกให้คนตรงหน้า

“ผมไม่ว่าอะไรหรอกถ้าผู้กองจะกลับไปคบกัน”

“ถ้าไม่ว่าแล้วโกรธทำไมล่ะ” ผู้กองย้อนถามเสียงนุ่ม มือก็ยังจับมือของไอ้น้ำไว้แน่น ไม่ปล่อย

“โอเคๆ ยอมรับก็ได้ ผมไม่โอเคหรอกที่เห็นผู้กองกับคุณวรันต์อยู่ด้วยกันที่นั่น” น้ำพูดความจริงที่ตัวเองคิดออกไป ถ้าไม่พูดออกมาสักที อีกเดี๋ยวก็คงถูกผู้กองไล่ต้อนกันจนมุมแน่นอน

“หน้าโรงเรียนอะนะ?” ผู้กองเย้าแหย่แกล้งถามอีก

“ที่ไหนก็ช่างเถอะครับ ผมไม่ได้อยากเห็นอะไรแบบนั้น ถึงเราจะเลิกกันแล้วก็ตาม” น้ำพูดประโยคสุดท้ายเสียงเบา

“ไม่หรอก เราไม่เคยเลิกกันเลย เราแค่รอเวลา” ผู้กองลูบหลังไอ้น้ำเพื่อปลอบใจอีกฝ่าย


แต่ไอ้น้ำงง ไม่เลิกกันได้ไง ก็บอกเลิกกันกลางบ้าน มันก็ต้องเลิกแล้วสิ คิ้วยาวเข้มขมวดแน่นแทบจะเป็นปมด้วยความฉงน


“แล้วคุณวรันต์” น้ำพูดอยู่แถวไหล่ของผู้กองมันไม่อยากสบตาอีกฝ่าย

“วันนั้นพี่บังเอิญผ่านไปแถวนั้น แล้วเจอรันเข้าพอดี พี่ก็ลงไปทักเขา เพราะ...คืออย่างนี้..พี่ไม่อยากปิดบังเรานะน้ำ พี่จะพูดตรงๆ พี่ยังห่วงเขาอยู่”

“...” น้ำไม่รู้จะตอบว่ายังไง การเป็นห่วงแฟนเก่า มันเป็นเรื่องคาราคาซังไม่จบสิ้น ไม่รู้ว่าเป็นห่วงทำไม ห่วงเพราะห่วงอย่างคนเคยรักกัน หรือห่วงเพราะยังรักกันอยู่

“พี่ไม่ได้ห่วงเพราะยังรักเขาเหมือนที่พี่รักน้ำ แต่พี่ห่วงเขาเหมือนน้องคนหนึ่ง รันมีภาระและมีปัญหาหลายอย่างที่พี่ยังเป็นห่วงอยู่ แต่พอรู้ว่าเขาแก้ปัญหาพวกนี้ได้แล้ว พี่ก็หายห่วง” ปรานต์เหมือนรู้ว่าน้ำกำลังคิดอะไร จึงตอบได้ตรงใจของมันเข้าพอดี


แต่เดี๋ยวนะ? คำพูดของผู้กองเมื่อสักครู่นี้ ใช่บอกรักมันหรือเปล่า น้ำมองพื้นกระดานอย่างใช้ความคิด


ใช่หรือไม่ใช่วะ


ต้องใช่สิ ก็เขาบอกอยู่ว่ารักน้ำ ก็ต้องมันแหละ


“ไม่เชื่อพี่เหรอ ถ้างั้นลองคุยกับรันนะ ถามเขาในสิ่งที่น้ำสงสัยหรืออยากรู้เลย”


เพราะมัวแต่คิดเรื่องรัก ไม่รัก ทำให้ไอ้น้ำคิดช้า กว่าจะจับเรื่องได้ก็เห็นผู้กองต่อสายไปหาใครสักคนแล้ว


“รันเหรอ พี่เอง” ผู้กองเปิดลำโพงโทรศัพท์ ถือมันไว้ตรงกลางระหว่างพวกเขาสองคน น้ำเห็นชื่อในโทรศัพท์ก็เพิ่งจะรู้ว่าอีกฝ่ายโทรหาใคร

“ครับ มีอะไรหรือเปล่า”

“พี่มีเรื่องอยากให้รันช่วยหน่อย พอดีมีคนแถวนี้เขาไม่แน่ใจในตัวพี่นิดหน่อย”


ไอ้น้ำได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมา จากปลายสายก่อนที่ทางนั้นจะพูดขึ้น “โอเค เก็ทละ เดี๋ยวอีกสักสิบห้านาทีผมโทรกลับได้ไหมครับ พอดีผมพายายมาโรงพยาบาลใกล้เสร็จแล้ว”

“ได้ พี่จะรอ”

“ครับ” ปลายสายบอกพร้อมกับวางไปทันที น้ำร้อนใจกลัววรันต์จะไม่โทรกลับมาอีก

“จริงๆ ไม่เห็นจำเป็นต้องโทรหาเลย” น้ำบอกผู้กอง


นี่ล่ะหนา ใจคิดอย่าง ปากก็พูดอย่าง ช่างสวนทางกันจริงๆ


“ถ้ามันจะทำให้น้ำเชื่อมั่นในตัวพี่มากขึ้น พี่ก็ยินดี” น้ำได้ยิน มันก็เดินเข้าไปในห้องนอนด้วยความขัดเขิน ผู้กองก็เดินตามเข้าไปด้วยเช่นกัน


ด้วยความที่มันค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวผู้กอง พอคิดว่าเขาบริสุทธิ์ใจมันก็ยิ่งใจอ่อนเพราะใจมันเอนเอียงมาทางผู้กองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว


ใจง่ายไปไหมวะ?ความรักทำให้คนตาบอดใช่ไหมวะ? น้ำคิดระหว่างที่มันนั่งลงบนเตียงที่มันนอนอยู่ทุกคืน

“ไม่ได้เข้ามาห้องนี้เสียนาน คิดถึงเหมือนกัน”

“คิดถึงห้องหรือครับ” เสียงผู้กองทำให้มันหลุดจากความคิดออกมาตอบอีกฝ่าย

“ใช่ คิดถึงห้องนี้” ผู้กองมองไอ้น้ำนิ่ง จนมันเกือบจะหลบตา กระทั่งผู้กองพูดต่อ “แต่..คิดถึง...เจ้าของห้องมากกว่า”


ไอ้น้ำรู้สึกหน้าร้อนเห่อขึ้นมาทันที อะไรเนี่ย ยิงมาแต่ละนัด พูดมาแต่ละคำ ตั้งใจทำให้มันตายไปเลยใช่ไหม


“เอ่อ..ห้องก็เหมือนเดิม”


ผู้กองมองไปรอบๆ ก่อนจะพูด “อืม ห้องเหมือนเดิม แต่เจ้าของห้องเกือบจะไม่เหมือนเดิมเสียแล้ว”

“ครับ?”

“เกือบจะทิ้งพี่ไปจริงๆ”

“ไม่ใช่ผมสักหน่อย ผู้กองต่างหาก ผมยังรอโทรศัพท์จากคุณวรันต์อยู่นะครับ” น้ำบอกกึ่งโกรธเล็กๆ มาใส่ร้ายเขาได้อย่างไร ที่เขาต้องร้องไห้แทบทุกวันไม่ใช่เพราะผู้กองหรือไง

“ไหนว่าจริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องโทร”

“มารยาทไงครับ มารยาทพูดไปงั้นแหละ” น้ำบอกตามตรง ผู้กองได้แต่ยิ้ม

“พี่ก็ว่างั้น”

“ผมได้ยินผู้กองพูดกับคุณลุง..เอ๊ย คุณพ่อว่าจริงๆ แล้วเรื่องนี้ผู้กองอยากจัดการเองเหรอครับ”

“เรียกแม่พี่ว่าแม่ เรียกพ่อพี่ว่าพ่อแล้ว ก็เรียกลูกชายเขาว่าพี่ได้แล้วนะ” ผู้กองแนะ

“ก็..เถอะน่าเดี๋ยวเรียกเอง ว่าไงครับเรื่องนั้น” น้ำบอกปัด มันกระดากปากเกินกว่าจะเรียกกันง่ายๆ นี่นา

“เรื่องของพี่กับน้ำ ก็ควรเป็นพี่ที่จัดการเองถูกไหม”

“ผมเห็นผู้กองทำท่างอแงเหมือนเด็กๆ เลย”

“น่าอายใช่ไหม จะสามสิบอยู่แล้ว”

“เปล่าครับ แค่จะบอกว่าน่ารักดี” น้ำเอ่ยชมตรงๆ และคงไม่บ่อยนักที่จะเห็นผู้กองมีรอยเรื่อสีแดงขึ้นที่หู

“ร้ายจริง..” ผู้กองบีบจมูกน้ำเบาๆ ทีหนึ่ง

“เล่าสิครับ ผมรอฟังอยู่” น้ำทวง

“เล่าอะไรล่ะ”

“ผมอยากรู้ว่าถ้าเป็นผู้กองจัดการเอง จะทำยังไง”

“ก็รอไปอีกสักสิบปี ยี่สิบปี พอแม่น้อยปลงแล้วก็ค่อยกลับมาหาน้ำ”

“โห ผมไม่รอผู้กองแล้วตอนนั้นอะ”

“นั่นไง ใครกันแน่ที่คิดจะทิ้งพี่ไปจริงๆ” ผู้กองทำเสียงน้อยใจพลางลงนั่งข้างๆ แล้วรั้งกระชับเอวเด็กหนุ่มให้เข้ามาใกล้ตนเอง

“สิบ ยี่สิบปี ไม่รอหรอกครับ ผมไม่อยากนอนคนเดียวไปตลอด”

“พูดแบบนี้ คืนนี้ไม่ควรนอนคนเดียว” ผู้กองพูดใกล้หูของไอ้น้ำ มันหดคอด้วยความจักจี้

“ตอนนี้ยังโอเคครับ นานกว่านั้นไม่เอาอะ”

“พี่...” ผู้กองเริ่มเปิดปากเล่า “ถูกย้ายกลับไปก็เร่งเคลียร์งาน จะได้มาจัดการเรื่องของเราอย่างเต็มที่ แต่งานกลับเดินหน้าไปอย่างช้าๆ เพราะพี่ไม่ค่อยมีสมาธิสักเท่าไหร่”


น้ำไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าทำไมผู้กองถึงไม่มีสมาธิ เพราะถ้าพูดมาถึงขนาดนี้แล้วเขายังไม่รู้ก็คงจะแย่เต็มที


“หลังจากเคลียร์งานเสร็จ แม่น้อยก็คงใจเย็นขึ้นมาก พี่ตั้งใจจะมาพูดกับท่านอีกครั้งหนึ่ง พี่อยากแสดงให้แม่น้อยเห็นว่าพี่จริงใจ รักลูกท่านจริงๆ อยากดูแล ไม่เคยคิดทิ้งขว้างอะไรเลย”

“พูดอย่างกับจะมาขอผู้หญิง”

“จะผู้หญิงหรือผู้ชาย น้ำก็เป็นลูกของแม่น้อย ท่านต้องเป็นห่วงลูกอยู่แล้ว พี่อยากให้แม่น้อยสบายใจ”

“แล้วถ้าแม่ไม่ยอมอะ”

“พี่ก็จะตื๊อจนกว่าแม่ยายจะยอมนั่นแหละ”

“แม่ยายอะไรเนี่ย” น้ำบ่น


ทำไมใครๆ ก็เห็นเขาควรเป็นลูกสะใภ้ ขนาดผู้กองยังเห็นแม่เขาเป็นแม่ยายเลย อะไรเนี่ย


“หึหึ...” ผู้กองจูบขมับไอ้เด็กดื้อไปหนึ่งทีด้วยความมันเขี้ยว “เรื่องนี้มันยากพี่รู้ดี มันมีไม่กี่วิธีที่จะทำให้อีกฝ่ายใจอ่อนและยอมรับในตัวเราหรอก ยกเว้นโชคดีมีเหตุให้เขาให้ได้เห็นความรู้สึกของพี่กับน้ำอย่างชัดเจน”

“อืม จริง คนไม่ชอบก็คือไม่ชอบ รับไม่ได้ก็คือรับไม่ได้” น้ำเห็นด้วย

“พี่ก็ทำได้แค่พิสูจน์ตัวเองให้ท่านได้รับรู้ และรอคอยด้วยความหวังว่าท่านจะเห็นใจและขอแค่น้ำยังรอพี่”

“ไม่บอกผมบ้างเลย ปล่อยให้ผมปล่อยเวลาทิ้งไปแบบนั้น เพราะคิดว่าผู้กองคงเลิกแล้วจริงๆ”

“น้ำก็ช่วยพี่ได้เยอะเลยนะ ช็อตผูกคอนั่นน่ะ” ผู้กองพูดติดตลก

“ใช่ความตั้งใจของผมที่ไหนกันเล่า ของแม่ตะเคียนต่างหาก โอย ขนลุก” แค่คิดไอ้น้ำก็ใจแป้วแล้ว นั่งคุยกับแม่ตะเคียนเป็นนานสองนาน


ผู้กองรีบรับขวัญ ดึงน้ำเข้ามาใกล้ตนเองพลางลูบแขนไปมาอย่างตั้งใจ น้ำคิดว่าพฤติกรรมแบบนี้ดูไม่ปลอดภัยสักเท่าไหร่ มันเงยหน้าขึ้น ก็เจอหน้าหล่อๆ มองมาก่อนแล้ว กว่ามันจะตั้งตัวได้ทัน หลังของมันก็สัมผัสกับที่นอนตนเองอย่างเรียบร้อย


สถานการณ์ล่อแหลม เมย์เดย์ เมย์เดย์ น้ำเรียกเหตุฉุกเฉิน…… แต่... ใครจะช่วยกูวะ!!!


ไอ้น้ำยังไม่ได้เตรียมใจ แต่มันก็หลับตา เอาวะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เสร็จแล้วค่อยว่ากัน


ทว่า..เดชะบุญ การเสียตัวไม่บังเกิด เสียงโทรศัพท์ของผู้กองดังขึ้น มันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกระคนเสียดาย

“รันเหรอ...” ผู้กองรับสายพร้อมเปิดลำโพงเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

“ครับ ผมเอง”

“โทรมาได้จังหวะพอดี”

“จังหวะพอดีหรือขัดจังหวะพอดีครับ” ปลายสายส่งเสียงหัวเราะคิกคัก ราวกับเห็นภาพในห้องนี้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้

“เรียบร้อยแล้วหรือเรื่องโรงพยาบาล” ผู้กองไม่ตอบแต่เลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องแทน

“ครับ ตอนนี้ให้รงค์พายายไปที่รถก่อน ผมเลยรีบโทรกลับมา กลัวผู้กองจะรอนาน ว่าไงครับมีเรื่องอะไรจะให้ช่วยเหรอ”

“จำวันที่เราเจอกันที่หน้าโรงเรียนรงค์ได้ไหม”

“ได้ครับ มีอะไรหรือเปล่า” วรันต์ถามอย่างสงสัย

“วันนั้น น้ำก็อยู่ที่นั่นด้วย เขาเห็นเราสองคน”

“แล้ว?” วรันต์ตั้งท่าจะถามต่อแต่ฉับพลันก็พลันนึกได้ “อ่อ..ก็เลยคิดเตลิดเลยเถิดสินะครับ โอเคผมเข้าใจละ ถ้ายังไงผมขอคุยส่วนตัวกับเขาได้ไหมครับ”


ผู้กองปิดลำโพงแล้วยื่นโทรศัพท์ไปให้คนตรงหน้า น้ำทำท่าลำบากใจแต่ก็ยอมรับไปโดยดี


“ครับ”

“น้ำ? นายใช่ไหม”

“ครับ”

“ถ้ายังอยู่กับผู้กองก็ขอตัวแยกออกมาหน่อย” วรันต์สั่ง

“ทำไมผมต้องทำด้วย” น้ำไม่ค่อยพอใจจึงถามกลับไป

“นายคงไม่อยากให้เขารู้ว่าเรากำลังจะคุยอะไรกันหรอก อย่าถามเซ้าซี้ได้ไหม เดี๋ยวไม่เล่าอะไรเด็ดๆ ให้ฟังหรอก” วรันต์บอกแกมยื่นข้อเสนอ แล้วมีหรือคนที่อยากรู้อยากเห็นอย่างมันจะไม่อยากรู้

“ก็ได้” น้ำบอกปลายสายแล้วหันไปบอกผู้กองว่า “ผมขอตัวไปคุยกับคุณรัน ข้างล่างนะครับผู้กอง”

“หือ?”

“แป๊ปเดียว เดี๋ยวผมมา”

“ห้านาที อย่านาน” ไม่ใช่ว่าปรานต์กลัววรันต์จะเอาเรื่องของเขาไปขายหรือใส่ร้ายอะไร แต่เขากลัววรันต์จะแกล้งน้ำน่ะสิ รายนั้นเรื่องแกล้งคนด้วยคำพูดก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน

“ครับ” ไอ้น้ำรับคำแล้วรีบออกจากห้องลงจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว

“ลงมาแล้ว” น้ำบอกปลายสาย

“โอเค เอาเรื่องหลักก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวผู้กองจะว่าฉันได้ ฉันกับผู้กองเราเลิกกันแล้วตั้งแต่วันนั้นที่นายเห็น ไม่มีอะไรมากกว่านั้น และฉันไม่เคยติดต่อเขาเลย จนกระทั่งเจอกันบังเอิญที่หน้าโรงเรียน ผู้กองมาคุยกับฉันก็แค่นั้น”

“ผมเห็นเขาจับหัวคุณด้วย”

“โอ๊ย แค่นั่นเองก็เหมือนนายจับหัวน้องสาวนั่นแหละ คิดเล็กคิดน้อยแบบนี้เดี๋ยวก็โดนทิ้งเข้าสักวัน” วรันต์พูดอย่างรำคาญ

“แล้วคุณคิดเล็กคิดน้อยไหม เพราะเขาก็ทิ้งคุณมาหาผม” น้ำไม่ใช่คนยอมอยู่แล้ว ถ้าดีกับเขา เขาก็ดีด้วย แต่ถ้ามาว่าเขา เขาก็ไม่ยอม

“ปากเสีย ฉันทิ้งเขาก่อนต่างหาก”

“สรุปก็คือไม่มีอะไรใช่ไหม” น้ำตัดบท ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง

“ใช่ มันไม่มีอะไรเลย แล้วช่วยวางใจเถอะ ผู้กองกับฉันไม่กลับไปคบหรือติดต่อกันลับหลังนายหรอก ยกเว้นเรื่องเงินๆ ทองๆ อะนะ”

“คุณ..จะปอกลอกผู้กองต่อเหรอ” น้ำถามด้วยความไม่สบายใจ ไม่ใช่ว่าเขาเป็นห่วงเงินของปรานต์ แต่เขาไม่ชอบเห็นคนรักถูกใครคนอื่นมาหลอกให้เอาเงินไปให้

“ผู้กองฉลาดจะตาย นายคิดว่าฉันหลอกเขาได้จากความสามารถตัวเองเหรอ คิดผิดแล้ว เขาอยากให้เมื่ออยากให้ก็เท่านั้นแหละ เขารู้ว่าฉันมีปัญหาเรื่องที่บ้านก็เลยยื่นมือเข้าช่วย ฉันเองก็เพิ่งรู้วันที่เลิกกันนั่นแหละว่าเขารู้มาตลอด คิดว่าเขาโง่ ที่ไหนได้ตัวฉันเองเนี่ยแหละโง่มาตลอด”

“ก็สมเป็นเขาและสมเป็นคุณ”

“อะไร หมายความว่าไง”

“ช่างเถอะครับ แล้วไหนเรื่องที่คุณจะเล่าให้ฟังอะ” น้ำทวง นี่เป้าหมายหลักของมันเลยนะ

“ถามอะไรหน่อย”

“ว่ามาครับ”

“นอนกับเขาหรือยัง”

“ถามอะไรเนี่ย เรื่องชาวบ้านคุณก็อยากรู้เหรอ” น้ำต่อว่าเพราะมันเขินที่ถูกถามตรงๆ

“ไม่ได้อยากรู้ว่านอนกันท่าไหนสักหน่อย แค่ถามว่านอนด้วยกันหรือยัง”

“...” น้ำเงียบ

“โอเค สรุปว่ายัง”

“รู้ได้ไง” น้ำตกใจที่อีกฝ่ายเดาออกมาได้อย่างถูกต้อง

“ถ้านอนด้วยกันแล้วนายคงบอกมาแล้วล่ะ เงียบแบบนี้ มือใหม่ ยังอายๆ อยู่”

“มันเรื่องของผม” มันเถียง

“แต่คงเคยจูบกันแล้วล่ะมั้ง ผู้กองไม่ปล่อยนายหรอก” วรันต์ยังพูดต่อ

“อืม”

“เขาจูบเก่งใช่ไหมล่ะ เห็นนิ่งๆ แบบนั้น แต่เรื่องบนเตียงไม่ธรรมดาหรอก ร้อนแรงมาก”

“ผมวางนะ ไม่ได้อยากรู้เรื่องผู้กองกับคุณ” น้ำคิดว่าเขากำลังหึง แค่คิดว่าต้องมาฟังเรื่องผู้กองขึ้นเตียงกับคนอื่น เขายิ่งไม่อยากฟัง

“อย่าเพิ่งวางสิ แค่จะเตือนไว้เฉยๆ”

“เตือนอะไร”

“นายไม่รอดจากมือเขาแน่นอน และบอกไว้เลย หลังจากนั้น นายจะลุกไม่ขึ้นจากเตียง อย่างช้าเจ็ดวัน อย่างเร็วก็สามวัน”

“อะไร” น้ำมึนงง อะไรสามวันเจ็ดวัน

“มาเตือนด้วยความหวังดี ตามประสาคนรักเก่าเพราะว่าตรงนั้นของผู้กองน่ะใหญ่มาก” วรันต์ลากเสียงคำว่ามากยาวออกไปอีกหลายวินาทีก่อนจะพูดต่อ “ที่สำคัญ เขาน่ะอึดมาก คืนหนึ่งสี่ห้ารอบก็ไม่พอ กลางคืนถึงเช้า เช้าถึงเย็น จนนายอาจจะตายคาเตียงเลยก็ได้ เตือนแค่นี้แหละ ขอให้โชคดี”



เสียงตัดสายดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าวรันต์วางสายไปแล้ว มันได้ยินเสียงหัวเราะของวรันต์ก่อนที่สายจะถูกตัด แต่ไอ้น้ำยังถือสายค้างไว้แบบนั้น มันกำลังอึ้งกับสิ่งที่ วรันต์ได้บอกมันเมื่อสักครู่นี้


จริงเหรอวะ! ไม่ใช่แล้วมั้ง ไม่จริงหรอก ไอ้น้ำกำลังคิดเข้าข้างตัวเอง


เมื่อมันกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง มันเห็นผู้กองยึดเตียงนอนของมันไปเรียบร้อยแล้ว หัวสมองไม่อยากจะคิด แต่สายตาก็มองเป้ากางเกงของผู้กองโดยไม่ตั้งใจ คำพูดของวรันต์ยังวนเวียนอยู่ในหัว


“คุยเสร็จแล้วเหรอ เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” ผู้กองลืมตาขึ้นมาเพราะสัมผัสได้จากแรงยวบของที่นอน

“ครับ”

“ไม่โกรธพี่แล้วใช่ไหม” ผู้กองลุกขึ้นนั่งดึงน้ำเข้ามากอดเช่นเคย

“ไม่แล้วครับ”

“แล้วทำไมมือเย็นแบบนี้ล่ะครับ” ผู้กองจับมือน้ำขึ้นมาจูบที่หลังมือ

“ไม่มีอะไรครับ ผมว่าเราออกไปนั่งข้างนอนหรือตามแม่ไปสวนกันดีไหม”

“ได้สิ น้ำจะไปไหนพี่ก็ไปด้วย”


“ถ้างั้นไปสวนกันนะ” ไอ้น้ำบอกออกไปอย่างรวดเร็ว

“ครับ”

ให้ตายสิ มันหยุดมองเป้ากางเกงผู้กองไม่ได้เลย


.
.
แต่เดี๋ยวก่อน เขาจะกังวลไปทำไม ถึงจะใหญ่โตแค่ไหนแต่ถ้าไม่ได้ใช้ มันก็ไม่มีประโยชน์หรือเปล่า


==============================================

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด