LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019  (อ่าน 67350 ครั้ง)

ออฟไลน์ Elf_Carat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :hao7: :hao7: เขินนนนนนน แล้วตกลงขอคบกันรึยังจ๊ะพ่อ #FCเจ้าแม่ตะเคียน

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ใจตรงกัน
จะยืดยาดกันทำไม
ใจใจ
ชอบบบ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
แหม..น้องน้ำฝนนี่เป็นคนตรงจริงนะ แต่ตรงมากกกกจนพี่ๆ เขาตกใจ
เอานะ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ให้รู้กันไปเลยว่าจะได้พี่เขยสุดหล่อ
 :z2: :z2:

ออฟไลน์ anythinginitt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
วันนี้หวยออก เจ้าแม่ตะเคียนจะมามั้ยคะ 555555

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter


งวดยี่สิบเจ็ด ลาก่อนนะทุกคน


“ฝน...” เหลือเพียงเสียงเรียกชื่อน้องสาวแผ่วเบาจากปากของไอ้น้ำ

“อะไรพี่น้ำ” น้ำฝนพูดโดยไม่หยุดตักข้าวเข้าปาก

“แม่...คือ...แม่รู้แล้วเหรอ” น้ำกระซิบถาม

“พี่คิดอะไรไปถึงไหน ฉันแค่ถามว่าแม่รู้หรือยังเท่านั้นเอง”

“น้ำ อย่าเพิ่งวิตก พี่คิดว่าแม่น้อยยังไม่รู้หรอก” ผู้กองปลอบคนที่กำลังกังวล

“ครับ” สองหนุ่มมองหน้ากันเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ จังหวะที่เงียบกริบกันอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงของน้ำฝนหัวเราะขึ้นทะลุกลางวงอาหาร

“เป็นอะไรยายฝน จู่ๆ ก็หัวเราะ” น้ำบ่นน้องสาว

“ฉันขำพี่น่ะแหละ”

“ขำข้า?”

“อือ ทำหน้าตาตลกดี จะบอกให้นะ แม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ สบายใจได้ ฉันแค่แหย่เล่นเฉยๆ”

“ไอ้ฝน! เล่นบ้าไรเนี่ย รู้มั้ยข้าใจหายใจคว่ำหมด”

“ช่วยไม่ได้ ทำตัวมีปัญหาเองอะ” น้ำฝนยักไหล่ตอบ ไม่สนใจท่าทีเดือดร้อนใจของพี่ชาย

“บวกหนึ่ง” น้ำบอกน้องสาว เขาคาดโทษน้ำฝนไว้แล้ว

“เต็มที่เลย พร้อมเมื่อไหร่ก็มาเอาคืนนะ” หญิงสาวคนเดียวของวงสนทนาลอยหน้าลอยตาท้าทายพี่ชาย

“ผู้กองไม่ต้องไปสนใจยายฝนมัน รีบกินข้าวเถอะ เดี๋ยวจะเย็นชืดเสียก่อน”

“อืม” ผู้กองตอบรับคำสั้นๆ เขาไม่อยากพูดอะไรให้มากความในตอนนี้ ดูเหมือนว่าช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมง คนข้างกายเขาจะเจอกับอะไรมามากเหลือเกิน



หลังมื้อเย็นค่อนไปทางดึกสำหรับคนต่างจังหวัด น้ำฝนก็ไล่พี่ชายให้ออกมาต้อนรับดูแลผู้กอง โดยหญิงสาวอาสาจะเก็บสำรับและล้างจานเองเพียงลำพัง น้ำสบโอกาสไม่ขัดศรัทธาของน้ำฝน เขารีบละมือเดินตัวปลิวลงมาส่งผู้กองข้างล่างที่หน้าบ้านทันที


“อาหารฝีมือแม่น้อยอร่อยเหมือนเดิม” ผู้กองเอ่ยชม ตอนที่เขานั่งอยู่ในรถยนต์คู่ใจ ลดกระจกลงมาเพื่อบอกลาอีกฝ่าย

“แล้วผมจะบอกแม่ให้ ขับรถดีๆ ล่ะ” น้ำบอกจบก็ตั้งท่าจะเดินขึ้นเรือนตามความเคยชิน

“เดี๋ยวสิ”

“หืม?”

“ขยับเข้ามาใกล้ๆ หน่อย”

“มีอะไรล่ะ” ถึงจะสงสัยแต่ไอ้น้ำก็ยอมลดหน้าลงเข้าไปใกล้ผู้กอง

“ไม่มีอะไร แค่อยากจูบก่อนกลับ” พูดจบผู้กองก็รีบทำตามคำพูดอย่างรวดเร็ว ไม่เปิดโอกาสให้ไอ้น้ำได้ปฏิเสธหรือตั้งตัวได้ทัน


คนมียศจับแขนของไอ้น้ำเอาไว้ป้องกันการหลบหนี ไอ้น้ำถึงจะตกใจที่ถูกจู่โจมในทีแรกแต่มันก็ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องอาศัยแรงจับรั้งของผู้กองอีกต่อไป เป็นไอ้น้ำ คนไวไฟต่างหากที่มันยึดไหล่กว้างของ    ผู้กองไว้แน่นทั้งสองข้าง


ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมแพ้ น้ำประกาศกร้าวไว้แบบนั้น


และเหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างไอ้น้ำ ในที่สุดผู้กองก็ยอมเป็นฝ่ายผละออกมาก่อน ปล่อยให้ไอ้น้ำที่กำลังตกอยู่ในภวังค์อารมณ์ล่องลอยละล่องบนปุยเมฆ ตกลงจากบัลลังก์เมฆนั้นโดยไม่รู้ตัว


“อะ..อะไรอะ ยะ..ยอมแพ้แล้วเหรอ” มันโวยวายทั้งที่หายใจหอบแต่เพราะไม่พอใจที่ถูกฉุดกระชากอารมณ์นั้นออกไป

“ไม่ได้ยอมแพ้ พี่แค่กลัวเฉยๆ” ผู้กองตอบ มือมันคนละชั้น ผู้กองพูดด้วยน้ำเสียงปกตินิ่งเรียบ

“กลัวอะไร ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลย” น้ำยังบ่นอยู่ มันยังไม่เข้าใจสถานการณ์

“พี่กลัวจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้”

“เลยเถิดอะไร ไม่เห็นเป็นไรสักหน่อย ผู้กองกลัวจะเป็นเมียไอ้น้ำคนนี้เหรอ” มันทุบอกตัวเองพลางบอกอีกฝ่ายตามความคิด

“อะไรนะ!?”

“โอ๋ๆ ไม่เป็นไร เขินใช่มั้ยล่ะ เป็นเมียไอ้น้ำ ไม่น่าอายหรอกผู้กอง” น้ำยืดตัวแล้วพูดออกมาอีกครั้ง เขาไม่เห็นใบหน้าของผู้กองที่อยู่ในรถยนต์เพราะมันค่อนข้างมืด ผิดกับเขาที่มีแสงไฟจากตัวบ้านส่องเข้าหา

“คิดอย่างนั้นเหรอน้ำ”

“ไม่ต้องกลัวนะ” มือใหม่พยายามปลอบขวัญผู้กอง

“พี่จะไม่กลัว” ผู้กองยิ้มนิดๆ แต่ไอ้น้ำก็ไม่เห็นอยู่ดี มันเลยเข้าใจว่าผู้กองคล้อยตามคำพูดของมันแล้ว

“ขับรถไหวมั้ย หรือจะให้ผมขับไปส่งแทน” เจ้าของบ้านเสนอตัวอย่างใจดี

“ไม่เป็นไร พี่ขับเองคนเดียวน่าจะปลอดภัยกว่า ขืนให้น้ำไปส่ง คืนนี้คงไม่ได้กลับบ้าน”

“อะไรนะ” มันถามซ้ำเพราะได้ยินผู้กองพูดไม่ถนัด

“รีบเข้าบ้านเถอะ”

“อ่อ...อืม ผู้กองขับไปก่อน เสร็จแล้วผมจะขึ้นบ้าน”

“มันอันตราย” ผู้กองพูด เขาเป็นห่วงชายหนุ่มเหมือนกัน ไม่อยากให้ยืนอยู่ตรงนี้นานๆ คนเดียว

“ไม่เป็นไร หน้าบ้านผม ปลอดภัยเหมือนกัน มีไอ้ด่างกับอีปุย นั่งเฝ้ากันหน้าสลอน” มันชี้นิ้วไปทางใต้ถุนบ้าน สองหมาก็เหมือนจะเข้าใจว่าเจ้านายเรียกชื่อมัน จึงพากันเห่ารับ

“ตกลง งั้นพี่ไปล่ะ” ผู้กองบอกก่อนจะออกตัวไป

น้ำยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นสักพัก ไม่ใช่มันอาลัยอาวรณ์ผู้กอง แต่เพราะขามันสั่น ก้าวขาไม่ออกต่างหากเว้ย พูดไปก็เหมือนขายขี้หน้าคนอื่นเขาเปล่า




.

.

“แม่จ๊ะ” ช่วงเย็นวันหนึ่ง น้ำฝนเรียกมารดา

“อะไร” แม่น้อยที่กำลังหยิบวัตถุดิบจากตู้เย็นออกมานั้นหยุดชะงักมือ

“พี่น้ำฝากฉันบอกแม่ว่าไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อนะ วันนี้ไม่กินข้าวที่บ้าน”

“อีกแล้วเรอะ เอ...หมู่นี้ทำไมพี่เอ็งถึงไปกินข้าวนอกบ้านบ่อยๆ มีอะไรหรือเปล่าวะ หรือเบื่ออาหารฝีมือข้า” นางบ่นพลางเก็บเนื้อหมูและผักคะน้าอีกสองสามต้นใส่คืนในตู้เย็นก่อนจะปิดมันลง

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกจ้ะ แม่น้อยใจเหรอ” น้ำฝนเย้ามารดา

“น้อยจง น้อยใจอะไร ไม่มีหรอก ดีเสียอีกประหยัดข้าวไปตั้งมากโข” แม่น้อยตอบแล้วหันไปล้างผักในอ่างน้ำ

“น้อยใจก็บอกมาเถอะน่า ช่วงนี้พี่น้ำคงมีธุระยุ่งๆ มั้งจ๊ะ ฉันเองก็ไม่ได้ถาม ไว้คราวหน้าฉันจะถามมาให้แม่นะ” น้ำฝนบอกแม่ ถึงแม้เธอจะพอรู้มาบ้างว่าพี่ชายของเธอกำลังติดผู้ชายอย่างกับอะไรดี น้ำฝนส่ายหน้าเล็กน้อยกับพฤติกรรมของพี่ชาย

“ไม่เป็นไร ข้าก็แค่บ่นไปอย่างนั้นเอง ไอ้น้ำมันก็โตๆ แล้ว เมื่อก่อนเคยอยู่ในเมือง มาอยู่บ้านนอกนานๆ เข้า คงจะเบื่อล่ะวะ ช่วงนี้ข้าไม่ค่อยเจอหน้ามันเลยก็แค่นั้นล่ะ มันกลับมาทีไรข้าก็นอนแล้ว เช้ามาข้าไปสวนมันก็ยังไม่ตื่น” แม่น้อยตอบตามประสาคนรักลูก

“จ้ะ ให้ฉันช่วยหั่นผักมั้ยแม่” น้ำฝนอาสา

“ก็ดีเหมือนกัน หั่นผัก หั่นไก่ ตรงนี้ให้ข้าหน่อย หั่นชิ้นสวยๆ พอดีคำนะ อย่าทำลวกๆ”  แม่น้อยสั่งบุตรสาวเสร็จก็หันไปตั้งหม้อรอน้ำเดือด

“จ้ะ แม่” 

“เออ นี่เพราะข้าไม่ค่อยได้เจอไอ้น้ำมัน ถ้าเอ็งเจอพี่เอ็งก็ฝากบอกมันด้วยว่าร้านชุดไทยในตลาดบอกว่ามีชุดใหม่ๆ มาแล้ว ให้พี่เอ็งไปเลือก”

“พี่น้ำจะเลือกชุดไทยไปทำไมอะแม่ เอามาใส่เองหรอ” น้ำฝนถามด้วยความสงสัย

“เอามาใส่เองมะเหงกสิ เอาไปให้เจ้าแม่ตะเคียนต่างหาก”

“เอาไปให้ทำไมอะ” เจ้าหนูจำไมยังไม่วายเลิกสงสัย

“ก็งวดที่แล้ว คนในหมู่บ้าน รวมถึงแม่กับพี่เอ็งก็ถูกหวยกันโครมๆ ก็ต้องเอาของไปถวายเจ้าแม่ตะเคียน ท่านเสียหน่อย” แม่น้อยพูดพลางยกมือไหว้เหนือศีรษะ

“อ่อ...”

“หั่นเสร็จหรือยังล่ะ จะได้เอามาลงหม้อ” แม่น้อยทวง เมื่อเห็นน้ำเดือดได้ที่แล้ว

“เสร็จพอดีเลยจ้ะ”



มื้อค่ำวันนั้นจึงเหลือเพียงสองแม่ลูก สาวน้อยหนึ่งคน สาวใหญ่หนึ่งคน นั่งทานอาหารกันอย่างง่ายๆ อยู่หน้าโทรทัศน์ ไม่ใช้โต๊ะอาหารตามปกติ เพราะแม่น้อยเริ่มติดละครที่เจ้าตัวบ่นเมื่อวันก่อน

“แม่ชอบดูเหรอ” น้ำฝนถาม มองหน้าแม่น้อยด้วยความแปลกใจ

“ดูไปดูมาก็สนุกดี”

“ผู้ชายกับผู้ชายเนี่ยนะแม่” น้ำฝนถามซ้ำให้แน่ใจ

“เออสิวะ”

“มันสนุกยังไง”

“ไม่รู้เหมือนกัน ตอนแรกข้าก็ว่ามันแปลกประหลาดไปหรือเปล่า พอดูๆ ไปมันก็เพลินดี คนแสดงที่เขาเอามาเล่นก็ยังวัยรุ่นหน้าตาน่ารักดี”

“แล้วช่องอื่นแม่เบื่อแล้วเหรอ ถึงไม่ดู”

“ก็ต้องมีเบื่อบ้างสิวะ นักแสดงรุ่นใหญ่บางคนเขาก็เลยบทคล้ายๆ เดิม หน้าเดิมๆ บางเรื่องก็เป็นเรื่องเก่า เอามาทำใหม่ซ้ำ แล้วซ้ำเล่า ข้าดูวนซ้ำมาสามสี่รอบตั้งแต่สาวยันแก่”

“แม่ๆ” น้ำฝนเรียกด้วยเสียงตื่นเต้น

“อะไรวะ” แม่น้อยยอมตอบหลังจากที่ละครพักเข้าสู่ช่วงโฆษณา

“สมมตินะแม่ สมมติเฉยๆ”

“เออ จะสมมติอะไรนักหนา รู้แล้ว จะพูดก็พูดมาสิวะ”

“ก็สมมติว่า ถ้าเกิดว่าพี่น้ำอะ ชอบผู้ชายด้วยกันอย่างในละครที่แม่ดู แม่จะว่าไงอะ”

“ถามอะไรประหลาดแท้ พี่ชายเอ็ง เขาจะเป็นอย่างในทีวีได้อย่างไรกันเล่า มันกลับมาอยู่บ้านยาวแบบนี้ดูก็รู้อกหักมา”

“อกหักมา ก็ไม่ได้บอกว่าคนที่หักอกพี่น้ำจะเป็นผู้หญิงนี่จ๊ะ”

“ไฮ้ เป็นไปไม่ได้” แม่น้อยโบกมืดปัดเป็นพัลวัน “พี่ชายเอ็งน่ะ ชอบผู้หญิง”

“เอาใหม่นะแม่ ฉันหมายถึง สมมตินะ สมมติ ถ้าพี่น้ำชอบผู้ชาย แม่จะว่าอย่างไร”

“ถ้าไอ้น้ำมันชอบผู้ชายเหรอวะ” แม่น้อยนิ่งเงียบไป น้ำฝนก็เฝ้ารอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ “เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางว่ะ”

“อ้าว แม่อะ เรื่องสมมติ ไม่ใช่เรื่องจริง”

“ไม่รู้อะ จะสมมติหรือเรื่องจริง ข้าก็ไม่รับรู้เว้ย” แม่น้อยบอกปัด พอดีละครกลับเข้ามาเล่นต่อพอดี แม่น้อยจึงเบนสายตาไปสนใจละครนั้นต่อ


ในขณะที่น้ำฝนยังคิดไม่ตกว่าแม่จะมีปฏิริยาอย่างไร ทำหน้าแบบไหน ถ้าหากรู้ความจริงว่าลูกชายสุดที่รักของนางน้อยนั้นกำลังกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยกับผู้กองอยู่ที่บ้านพักตำรวจอยู่ในเวลานี้

“ผู้กองกินนี่สิ คนในตลาดบอกอร่อย” น้ำตักต้มจืดฟักไก่ให้ผู้กอง

“ขอบใจ” ผู้กองก็ตักไก่ขึ้นมากินทันที น้ำมองตามอากัปกิริยานั้นไม่วางตา


แหม มันช่างหวานชื่นเหลือเกิน น้ำคิดอย่างนั้น

“อร่อยมั้ย”

“ก็อร่อยดีนะ แต่ฝีมือแม่น้อยอร่อยกว่า น้ำก็กินด้วยสิ” ปรานต์บอกพลางตักคืนให้บ้าง

“แน่นอน แม่ผมทำอาหารอร่อยที่สุดในโลกแล้ว” เมื่อได้ที น้ำรีบอวด

“มากินข้าวที่นี่บ่อยๆ แม่น้อยจะไม่บ่นหรือ” ผู้กองหนุ่มถามด้วยความเป็นห่วง


ปรานต์เองก็ไม่ค่อยสบายใจนัก เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับน้ำที่ยังไม่ได้มีการเปิดเผย ตัวเขาน่ะไม่มีปัญหาอะไรหรอก คุณหญิงแม่ของเขา ชอบน้ำ เปิดไฟเขียวให้อย่างเต็มใจ แต่ที่เขาเป็นห่วงก็คือแม่น้อย แม่ของน้ำต่างหาก เขาเกรงว่าแม่น้อยอาจจะไม่เข้าใจในความสัมพันธ์รูปแบบนี้ก็เป็นได้


เมื่อถึงวันนั้น ถ้าหากแม่น้อยรับความรักของพวกเขาทั้งคู่ไม่ได้

พวกเขาจะทำอย่างไรดี



“ไม่รู้สิ ก็คงบ่นบ้างแหละ แต่ยังหาโอกาสบ่นไม่ได้ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอ แม่เข้านอนตอนผมกลับ แม่ออกไปสวนตอนผมตื่น คลาดกันตลอด ผู้กองไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” น้ำจะรู้ไหมว่าคำพูดของตัวเองในประโยคท้ายนั้นช่างเหมือนกับใครอีกคนที่เจ้าตัวพูดถึงอยู่ สมที่เป็นแม่ลูกกันจริงๆ

“ไม่ทวงถามก็เรียกแต่ผู้กอง ผู้กอง พี่ชื่อปรานต์ เรียกให้มันถูกๆ ได้แล้ว” ผู้กองหนุ่มท้วง

“ช่างผมเถอะน่า ไว้อยากเรียกเมื่อไหร่จะเรียกเอง”

“ทำไมต้องมีลูกเล่นเยอะขนาดนั้น” ผู้กองหนุ่มมองคนตรงข้ามโต๊ะด้วยสายตาแน่นิ่ง เขากำลังต้องการคำตอบ

“ก็...กลัวติดปากแล้วเรียกพี่ปรานต์ต่อหน้าแม่ ยังไม่อยากให้แม่สงสัย” น้ำตัดสินใจอธิบายเหตุผลของตัวเองให้อีกฝ่ายได้รู้

“เรื่องนี้เหรอ...อืม...พี่เข้าใจ” ก็จริงอย่างที่น้ำพูด ในเมื่อแม่น้อยยังไม่รู้เรื่องของพวกเขา การที่ทำทุกอย่างให้เหมือนเดิมมันก็คงจะเหมาะที่สุด

“นะ ไม่โกรธนะครับ คนเก่งของพี่น้ำ” น้ำอยากจะปลอบอีกฝ่ายโดยการเอื้อมมือไปลูบหัวอีกฝ่ายเหมือนที่ปรานต์ชอบทำเสมอๆ แต่เขาก็ไม่กล้าหรอก


อ้าว ใครจะกล้าอะ


แค่คำพูดนิดเดียวก็ทำให้ปรานต์หัวเราะออกมา น้ำสบายใจคิดว่าชายหนุ่มหายจากอาการไม่พอใจได้แล้ว แต่ดูเหมือนไอ้น้ำจะเข้าใจอะไรผิดไปอยู่บ้าง ไม่ใช่ว่าผู้กอง เขาหายโกรธ แต่เพราะเขาขำในคำพูดของมันต่างหาก


‘คนเก่งของพี่น้ำ’  ดูเอาสิ นายนทีมันคิดได้อย่างไร


“พรุ่งนี้พี่ไปกินข้าวที่บ้านน้ำดีไหม” ผู้กองถาม

“อืม จะไปเหรอ ก็ได้นะ เดี๋ยวบอกแม่ให้ทำกับข้าวเผื่อ พี่ปรานต์อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า จะได้บอกแม่ไปพร้อมกัน” น้ำพูดชื่ออีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว มันยังไม่ชินปากสักเท่าไหร่

“พี่กินได้หมด กินอย่างที่น้ำกินก็กินได้” ชายหนุ่มบอกอย่างตามใจ เขาไม่ใช่คนเรื่องมากเรื่องอาหารอยู่แล้ว

“ได้”

“น้ำ” ปรานต์ตักข้าวเข้าปากอีกสองสามคำก็เรียกชื่ออีกฝ่าย

“ครับ?”

“พี่รู้นะว่าเรายังส่งหวยให้เจ้ามืออยู่”

“อะไรๆ ผู้กอง อย่าปรักปรำสิ หลักฐานไม่มีนะ” ไอ้น้ำหน้าซีด รักกันอยู่หลัดๆ ทำไมจู่ๆ     ผู้กองจะหาเรื่องพาไอ้น้ำ  มันไปเข้าคุกแล้วล่ะ

“อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้ ตบตาตำรวจน่ะยาก”

“ไม่มีหลักฐาน พูดลอยๆ ไม่โอเคอะ” น้ำกำลังแถไปเรื่อย ตอนนี้สีข้างของมันน่าจะเริ่ม    ถลอกแล้วมั้ง

“อย่าให้พี่หาหลักฐานมาจับน้ำเลย เลิกเดินโพยหวยเถอะ พี่ยังไม่อยากจับแฟนพี่เข้าคุก”    ผู้กองเตือน

“แฟน เฟินอะไร ไม่ใช่สักหน่อย” น้ำเถียงอีก ก็เขาทั้งคู่ยังไม่เคยตกลงกันเป็นแฟนเลยด้วยซ้ำ

“น้ำ เลิกเถียง เลิกได้มั้ย พี่ไม่ห้ามเรื่องเล่นหวย รู้ว่าน้ำชอบเล่น แต่ต้องเป็นหวยที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น” ปรานต์มองหน้าของน้ำ


‘อะไรกันเนี่ย ทำไมถึงโดนเรื่องนี้ไปได้ ไปเหยียบตาปลา ผู้กองตอนไหนวะ’ ไอ้น้ำได้แต่คิดในใจแต่การแสดงออกมานั้นมันเป็นการยิ้มที่แห้งแล้งให้ผู้กองสิ้นดี


“เอ่อ.. ผม”

“พี่ขอนะ”

“เล่นลอตเตอร์รี่ก็พอ ได้มั้ย”

“ผู้กอง มันยากอะ” น้ำพูดอย่างลำบากใจ

“พี่เป็นคนรักษากฎหมาย แล้วถ้าแฟนพี่ทำผิดกฎซะเอง แล้วต่อไปใครจะเชื่อพี่จริงมั้ยครับ” ปรานต์บอกน้ำเสียงนุ่ม หวังให้ไอ้เด็กที่กำลังดื้อนี้มันยอมเชื่อเขา

“....”

“น้ำครับ” เสียงทุ้มยังเรียกชื่อไอ้น้ำเสียงนุ่มดังเดิม

“เออ..ก็ได้ครับ ผมจะเลิกก็ได้ แต่ของวดหน้าเป็นงวดสุดท้ายนะ”

“น้ำ..” คราวนี้เสียงทุ้มที่นุ่มนวลกลับแข็งกระด้างขึ้นเล็กน้อย

“ครึ่งทางนะพี่ปรานต์ ขอร้องล่ะ ให้ผมไหว้ก็ได้ คือแบบ สั่งลา ทิ้งทวน บอกลาลูกค้าอะไรประมาณนี้ จู่ๆ จะทิ้งไปเลย เขาก็ด่าผมแย่น่ะสิ” น้ำหาข้ออ้างต่างๆ นานามาฉุดรั้งให้อีกฝ่ายเข้าใจ

“ได้ แค่งวดหน้างวดเดียว และเป็นงวดสุดท้าย” น้ำมองใบหน้าของปรานต์ที่กำลังใช้ความคิดอยู่สักครู่ก่อนจะพยักหน้าว่าตกลง

“ได้ๆ ขอบคุณนะครับ”


น้ำบอกอีกฝ่ายอย่างลิงโลด แต่ในใจนั้นน้ำตากำลังตกใน


โบราณกล่าวไว้ว่า มีผัวผิด คิดจนตัวตาย


แต่สำหรับเขาคงเป็น


มี (ว่าที่) เมียผิด อดเล่นหวยตลอดชีวิต ก่อนมีแฟนได้โปรดดูอาชีพของแฟนด้วยครับว่ามันเหมาะกับตัวเองมั้ย น้ำอยากขอเตือนทุกคน


บัดนี้ ไอ้น้ำได้โบกมือเลขหวยใต้ดินในอนาคต สมัครเข้าชมรมคนกลัวเมียเรียบร้อย



ลาก่อนทุกคน
           




==========================================

โบราณว่าไว้ แหมมม ไอ้น้ำ ทำพูดดีไป
ทุกคนคะ โบกลาวงการหวยกับไอ้น้ำด้วยค่า
ใครให้เลือกแฟนเป็นตำรวจล่ะ


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
น้ำเอ้ย  :m20: มโนไปไกลมากกก  :katai3: ปล่อยให้น้องน้ำมโนไปก่อนเดะอิพี่ค่อยจัดการนะ :z1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
น้ำก็คิดไปได้นะ ว่าจะได้กลัวเมีย 55
 :L2: :L1:

ออฟไลน์ Elf_Carat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :hao6: :hao6: อะไรทำให้น้ำมโนไปว่าจะได้เป็นสามีจ๊ะพ่อ ทิ้งทวนแล้วต้องถูกเยอะๆนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
น้ำลูกหนูกำลังเข้าใจสถานะผิดนะลูกนะ เอาใหม่ๆ คิดใหม่ลูกกก

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
 :m20: :m20: น้ำก็คิดได้เน๊อะ

ออฟไลน์ Kuayyai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
ขำน้ำมาก ใจเย็นๆ นะน่ำ
เดี่ยวใครเป็นเมียใครเดี๋ยวรู้แน่

ลาก่อนโพยหวย ดีแล้ว เป็นแฟนตำรวจต้องอดทน

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter


งวดยี่สิบแปด กำเริบเสิบสาน


            วรันต์กำลังยืนรอใครบางคน ตอนนนี้เขาปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาการว่าจ้าง ชายหนุ่มมารับลูกชายของเตชัสหลังเลิกเรียน ตอนนี้เขายืนรอขาแข็งมากว่าสิบห้านาทีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะเดินออกมา หรือว่าเขาควรจะเดินเข้าไปตามเด็กชาย


            “คุณเป็นคนมารับผมสินะ” ในขณะที่คิดๆ อยู่นั้น วรันต์ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาจากด้านล่าง เตชินทร์ ในวัยสิบสามขวบ เด็กหนุ่มยังตัวเล็กกว่าวรันต์อยู่ประมาณหนึ่ง

            “ใช่ ฉันเอง” วรันต์ตอบอีกฝ่าย

            “พ่อให้คุณมารับ?”

            “ใช่”

            “อ่อ ลูกจ้างคุณพ่อ” เตชินทร์บอกวรันต์ด้วยน้ำเสียงติดจะเยาะ

            “ใช่ จะไปยังอะ” วรันต์ไม่ได้สนใจ ในเมื่ออีกฝ่ายแสดงท่าที่ไม่ได้ต้อนรับเขาสักเท่าไหร่ ทำไมเขาถึงจะต้องทำดีด้วยล่ะ คนให้เงินเขาคือพ่อของเด็กนี่

            “เดี๋ยวก่อน” เตชินทร์ท้วงอีกฝ่ายเอาไว้

            “มีอะไร”

            “รออยู่ตรงนี้ก่อน”

            “ฉันยืนรอจนเมื่อยแล้ว ไปนั่งรอในรถนะ เสร็จแล้วก็เดินไปที่รถเองด้วย ที่จอดประจำของคุณพ่อเธอนั่นแหละ” วรันต์พูดจบก็เดินตรงไปที่รถโดยไม่มีการรอเด็กชายเลยแม้แต่น้อย


            ขึ้นมาในรถได้ วรันต์ก็ติดเครื่อง เปิดแอร์ เร่งกำลังความเย็นเต็มสปีด เขานั่งรอในรถจนตัวเย็นอยู่ครู่ใหญ่ๆ ลูกชายของเตชัสจึงเคาะประตูทางด้านหน้าฝั่งข้างคนขับ เขาปลดล็อคประตูให้ แต่เจ้าตัวกลับเลือกไปเปิดประตูแล้วนั่งลงที่ข้างหลังแทน

            “มานั่งข้างหน้า ฉันไม่ใช่คนขับรถ” วรันต์ออกคำสั่ง

            “ไม่ใช่ก็เหมือนใช่ คุณเป็นลูกจ้างคุณพ่อไม่ใช่หรือไง” เตชินทร์เถียงกลับ วรันต์ได้ยินก็คร้านจะเถียงกับเด็ก เขาเลยออกรถไปทั้งอย่างนั้น


            เมื่อรถจอดสนิทอีกครั้ง เตชินทร์ก็เปิดประตูลงจากรถโดยไม่ได้สนใจวรันต์เช่นเคย ชายหนุ่มเดินเล่นแถวหน้าบ้านอยู่พักหนึ่งแล้วจึงตัดสินใจเดินเข้ามา วรันต์เห็นบุตรชายของเตชัสเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอยู่บ้านเรียบง่าย กำลังนั่งขีดๆ เขียนๆ อะไรกับสมุดตรงโต๊ะเล็กหน้าโทรทัศน์

            “ทำอะไรอยู่อะ” วรันต์ถามเมื่อหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟา เขาชะโงกหน้าเข้าไปใกล้เด็กชาย ก็พอดูออกว่าน่าเป็นการบ้าน แต่ก็ยังเลือกถามอีกฝ่ายเพื่อทำลายความเงียบ

            “ไม่เห็นหรือไงว่าทำการบ้านอยู่” เป็นอย่างที่คิดเตชินทร์ไม่ได้คิดญาติดีกับคนถามเลยแม้แต่สักนิดเดียว

            “ก็เห็น แต่อยากถาม ไม่ได้หรือไง”

            “...” เด็กชายไม่ตอบ เขาหันไปใส่ใจกับการบ้านตรงหน้าอีกครั้ง วรันต์เห็นเตชินทร์เขียนๆ แล้วก็ลบมันอยู่หลายครั้งเลยทีเดียว

            “ยากเหรอ”

            “อืม ยาก”

            “หัวไม่ดีเหรอ” วรันต์ตั้งใจถามอีกฝ่าย เตชินทร์วางดินสอลงก่อนจะหันมามองเขาอย่างไม่พอใจ

            “ว่าใคร”

            “อ้าว พูดกับใครอยู่ล่ะ”

            “ฉันแค่ไม่เข้าใจโจทย์ข้อนี้ ไม่ได้แปลว่าหัวไม่ดี”

            “อย่างนั้นเหรอ”

            “แล้วคุณพูดแบบนี้ เก่งนักหรือไง ถ้าเก่งมากนักก็ลองแก้โจทย์ข้อนี้ให้ดูหน่อยสิ” เตชินทร์ท้าวรันต์ พลางพ่วงด้วยจุดประสงค์ที่จะหลอกใช้อีกฝ่ายไปในตัว ถึงเขาจะไม่ได้เรียนเก่งมาก แต่เรื่องความเจ้าเล่ห์เขาก็ได้จากพ่อมาบ้างล่ะ

            “ข้อไหนล่ะ” วรันต์ถาม เตชินทร์ลอบยิ้มที่เห็นคนกำลังตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว

            “ข้อนี้” เตชินทร์ชี้ไปยังข้อที่มีปัญหานั้น

            “อืม ข้อนี้นะ” วรันต์หยิบสมุดมาอ่านโจทย์คร่าวๆ แล้วก็ส่งคืนให้อีกฝ่าย

            “ทำได้มั้ย” เตชินทร์ถามไปด้วยความหวังลืมไปแล้วว่าทีแรกตั้งใจจะแกล้งคนอายุมากกว่าอยู่เลย

            “สบาย”

            “ทำได้เหรอ” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดีใจ เหมือนได้พบเจอกับแสงสว่าง

            “เปล่าอะ ทำไม่ได้ ต่อให้ทำได้ ก็ไม่ทำให้หรอก อย่ามาหลอกใช้เสียให้ยากเลย” ความหวังหล่นวูบ เพราะอีกฝ่ายรู้ทัน



            วรันต์ได้ยินเสียงฮึดฮัดของคนที่ถูกขัดใจแล้วก็ยิ้มกับตัวเอง เด็กหนอเด็ก คิดว่าจะหลอกผู้ใหญ่ง่ายๆ มันเร็วไปสักร้อยปีนะน้องเอ๊ย ถึงเขาจะไม่ฉลาด แต่เรื่องพวกนี้เขาก็พอดูคนออกอยู่นะ ไม่งั้นจะอยู่มาได้จนถึงป่านนี้เหรอ จะหลอกเขาน่ะยาก

            “ถ้าพูดกันดีๆ ก็สัญญาว่าจะช่วย โอเคปะ” วรันต์เสนอข้อเสนอออกมา เขาเองก็ไม่ได้อยากจะมาสู้รบปรบมือกับคนในบ้านนี้ทุกคนหรอก ขอแค่ต่างคนต่างอยู่เขาก็พอใจมากแล้ว

            “ขอถามอะไรหน่อยดิ” เตชินทร์ออกปากถาม

            “ได้”

            “คุณเข้ามาอยู่ที่นี่เพื่อจะมาจับคุณพ่อใช่มั้ย” วรันต์มองเด็กตรงหน้าด้วยความแปลกใจเล็กน้อย คำถามตรงประเด็น ไม่อ้อมค้อม ถอดแบบคนเป็นพ่อไม่ผิดเพี้ยน

            “ไม่ใช่ อย่างที่เธอรู้ว่าฉันทำงานให้พ่อของเธอแล้วพ่อของเธอจ่ายเงินให้ฉัน”

            “คนอื่นๆ ที่มาอยู่ที่นี่ก็ตอบเหมือนคุณทั้งนั้น”

            “คนอื่น?ก่อนหน้านี้?”

            “ใช่” ความรู้ใหม่สำหรับวรันต์เลยทีเดียว เขาไม่ใช่ตัวเลือกแรกสำหรับเตชัส เคยมีเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นแล้วสินะ ถ้าอย่างนั้น เตชินทร์จะไม่ชอบเขาก็คงไม่แปลก

            “แต่ว่า...”  เด็กชายทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็เลือกที่จะหยุดคำพูดลง

            “แต่อะไร พูดมาเถอะ จะได้เคลียร์ๆ”

            “คนก่อนๆ เป็นผู้หญิง มีคุณคนแรกที่เป็นผู้ชาย”

            “แสดงว่า คนก่อนๆ ที่เข้ามาอยู่ที่นี่ก็เพื่อจะจับคุณพ่อของเธอ” วรันต์คิดว่าเขากำลังเริ่มเข้าใจอะไรได้ลางๆ แล้ว

            “ใช่ล่ะมั้ง ไม่มีใครบอกผมตรงๆ ว่าจุดประสงค์เขาคืออะไร”

            “ก็จริง เธอก็เลยตั้งท่าไม่ชอบฉันตั้งแต่ทีแรก”

            “คุณก็น่าจะเหมือนกับคนอื่นนั่นแหละ”

            “แค่ฉันเป็นผู้ชายก็ไม่เหมือนคนอื่นแล้ว” วรันต์อธิบาย

             “แล้วคุณเข้ามาอยู่บ้านนี้ทำไม”

            “คำถามนี้ฉันตอบเธอไม่ได้ นอกจากคุณพ่อของเธอนะ เตชินทร์”

            “เอาเป็นว่า ฉันไม่ได้คิดจะจับพ่อเธออะไรทั้งนั้น ฉันมาทำงานที่นี่เพื่อแลกเงิน”

            “จะลองเชื่อดู” เตชินทร์ตอบอย่างไม่ค่อยไว้ใจ

            “โจทย์ที่มีปัญหาเอามานี่สิ จะช่วยแก้ให้” วรันต์แบมือขอสมุดเล่มนั้นอีกครั้ง

            “ทำไมถึงจะช่วย”

            “ถือเสียว่าตอบแทนที่เธอกล้าถามฉันตรงๆ ก็แล้วกัน ทำให้ฉันเข้าใจอะไรขึ้นมานิดหนึ่ง ถึงแม้จะนิดเดียวก็เถอะ ส่งมาสิ” วรันต์ทวงอีกครั้ง ก่อนจะยกโทรศัพท์มาถ่ายรูปโจทย์ข้อนั้น

            “คุณทำอะไร” เตชินทร์ถามด้วยความไม่เข้าใจ ไหนว่าจะช่วยแก้โจทย์ ไฉนเลยจึงถ่ายรูป

            “เถอะน่า รอแป๊ปนึง” ไม่เกินสิบนาที ก็มีเสียงเตือนจากข้อความในโทรศัพท์มือถือของวรันต์ เขาเปิดขึ้นดูก่อนจะยื่นมันให้เด็กหนุ่มที่มองหน้าเขาด้วยความงุนงง

            “รับไปสิ” วรันต์บอกเมื่อเห็นเตชินทร์ไม่รับโทรศัพท์ของเขา

            “อะไรล่ะ”

            “คำตอบข้อนั้นไง”

            “เอามาแค่คำตอบไม่ได้นะ ต้องมีวิธีทำด้วย”

            “อ่านๆ เอาเถอะน่า พูดเยอะจริง” วรันต์บ่น เตชินทร์เลยรับโทรศัพท์นั้นไป ก่อนที่ดวงตาที่เหมือนกับพ่อของเขาจะเบิกกว้างขึ้นด้วยความดีใจ


            เด็กหนุ่มรีบเขียนวิธีทำพร้อมคำตอบลงสมุดนั้นอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานเขาก็คืนมันให้กับเจ้าของตัวจริง แล้วก็หันกลับไปทำข้ออื่นต่อ

            “นี่” วรันต์เรียก หลังจากรับโทรศัพท์คืนมา

            “อะไรอีกล่ะ” เด็กชายวัยสิบสามตอบโดยไม่หันมาอีก

            “คำขอบคุณล่ะ”

            “...”

            “เตชินทร์ ไหนคำขอบคุณล่ะ” วรันต์ทวงซ้ำ

            “ขอบ..คุณ” เด็กหนุ่มพูดอย่างเสียไม่ได้

            “ขอบคุณครับ ไม่ใช่ขอบคุณเฉยๆ”

            “...”

            “เร็วสิ” วรันต์เร่ง เขารู้ว่าเตชินทร์ไม่ชินกับคำพูดพวกนี้นักหรอก คนที่อยู่เหนือทุกคน บางครั้งการเลี้ยงดูก็ทำให้มองข้ามหัวทุกคนไปได้โดยไม่สนใจหรือใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

            “...”

            “พูดออกมา มันไม่ได้ยากหรอก คนอื่นทำอะไรให้เราก็ต้องขอบคุณ แล้วต้องขอบคุณเพราะๆ ไม่ใช่ขอบคุณอย่างขอไปที ถ้าคนอื่นเขาได้ยิน เขาจะคิดว่าพ่อแม่เธอไม่สั่งสอน รู้หรือเปล่า”

            “ขอบคุณครับ”

   “เก่งมาก คำขอโทษก็เช่นกันนะ พูดเพราะๆ ใครก็ชอบ” วรันต์สอนเตชินทร์ไปทั้งที่ตัวเองก็ไม่มั่นใจหรอกว่า        เตชินทร์จะเชื่อตนเองหรือไม่ เขาเป็นคนนอก ซ้ำยังไม่ได้สนิทกัน เขาดันบังอาจสอนลูกชายนายจ้างไปเสียแล้ว ถ้าคุณเตชัสมาเขาอาจจะโดนไล่ออกก็เป็นได้


            แต่ก็เอาเถอะ ถ้าหากถูกไล่ออกจริง ถือว่าเขามาทำงานระยะสั้นก็แล้วกัน ถึงเขาจะไม่ใช่แบบอย่างเรื่องอื่นที่ดีนักในเรื่องพวกนี้ นิสัยก็แย่ เหวี่ยงวีนอะไร เขาก็ทำมาหมดแล้ว พฤติกรรมก็ไม่ดี น่ารังเกียจ เพราะเขารู้ดีไง เขาจึงไม่อยากให้คนอื่นเป็นเหมือนตัวเอง

            “ทำอะไรกันอยู่” เสียงเรียกดังจากข้างหลังคนทั้งคู่ วรันต์สะดุ้งอย่างไม่ตั้งใจ ได้ยินที่เขาสอนลูกอีกฝ่ายหรือเปล่าเนี่ย


            ทำไมเรื่องแย่ๆ มาถึงไวจัง วรันต์ถามตัวเอง


            “คุณพ่อ” เด็กชายโยนดินสอทิ้งแล้วลุกไปหาบิดาทันที วรันต์ทำได้แค่ลุกขึ้นแล้วหันไปดูพ่อลูกเขากอดกัน

            “ว่าไง ทำอะไรกันอยู่”

            “ผมกำลังทำการบ้าน” เตชินทร์ตอบผู้เป็นพ่ออย่างกระตือรือร้น เตชัสพยักหน้าว่ารับรู้แล้วหันมามองที่วรันต์

            “ผมก็ไม่ได้ทำอะไร นั่งเฉยๆ” วรันต์ตอบตรงๆ ยกเว้นที่สอนลูกชายอีกฝ่ายไปนะ

            “ชิน” คุณพ่อลูกหนึ่งเรียกชื่อบุตรชายเสียงนิ่งเรียบก่อนจะพูดต่อ “เรื่องที่พี่รัน เขาสอน พ่อชอบนะ ลูกจะต้องใช้คำว่าขอบคุณให้มากกว่าขอโทษ และต้องใช้มันจากความรู้สึกของลูก ไม่ใช่สักๆ แต่พูด รู้มั้ยครับ”

            “ครับ” เด็กหนุ่มรับคำ และวรันต์ก็อยากจะหายตัวไปจากตรงนี้เสียจริงๆ สิ่งที่กังวลนั้นถูกคลายข้อสงสัยไปหมดแล้ว เตชัสได้ยินพวกเขาสองคนคุยกัน ได้ยินครบถ้วนไม่ตกหล่นเลยแม้แต่นิดเดียว

            “คุณแม่ล่ะ” เตชัสถามบุตรชายต่อ

            “คุณแม่ไม่อยู่ครับ คงไปข้างนอกเหมือนเคย” เหมือนคำตอบจะเป็นคำพูดติดปากของเด็กน้อยวัยนี้ มีไม่กี่ครั้งหรอกที่กลับบ้านมาแล้วจะเจอมารดารอรับอยู่ที่บ้าน ยิ่งเรื่องไปรับที่โรงเรียนนั้น ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย

            “ไม่เป็นไร ชินรีบทำการบ้านเข้าล่ะ เสร็จแล้วจะได้ทานข้าวกัน”

            “ครับ แล้วทำไมวันนี้คุณพ่อกลับเร็วจัง”

            “วันนี้งานเสร็จเร็ว พ่อเลยรีบกลับ ไม่ดีใจเหรอ”

            “ดีใจสิครับ ชินอยากให้พ่อกลับมาเร็วๆ แบบนี้ทุกวันเลย”

            “พ่อจะพยายาม เอาล่ะ ไปทำการบ้านต่อได้แล้ว”

            “ครับ”

            “รัน ตามฉันมา ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อย” เตชัสสั่ง วรันต์จึงเดินตามอีกฝ่ายไปหน้าบ้าน

            “ครับ คุณเต” วรันต์ถามออกไป ตอนนี้เหลือพวกเขาเพียงลำพังสองคนบนศาลาที่ตั้งอยู่บนสนามหน้าบ้าน ใจก็เต้มตุ๊มๆ ต่อมๆ ไม่รู้คุณเตชัสจะบ่นอะไรเขาบ้าง

            “เธอกับเตชินทร์เป็นยังไงบ้าง มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” ผิดคาด เตชัสกลับถามเรื่องความสัมพันธ์ของเขาไปเสียได้

            “ก็..โอเคมั้งครับ”

            “หมายความว่าไง”

            “ผมเพิ่งรับคุณชินมาจากโรงเรียน แค่วันแรกเอง ยังบอกอะไรไม่ได้หรอกครับ”

            “เขาทำท่าทาง หรือมีกิริยาอะไรไม่ดีใส่เธอหรือเปล่า ถ้าเตชินทร์ก้าวร้าวใส่เธอก็ขอให้บอกฉันได้ ฉันไม่ใช่พ่อที่จะเข้าข้างลูกตัวเองเสมอ แต่ก็ไม่ทุกครั้งไป” คำพูดของเตชัสเกือบจะช่วยทำให้วรันต์โล่งใจได้บ้าง เขาได้แต่ภาวนาว่าขอให้เตชัสเป็นอย่างที่ปากพูดจริงๆ ละกัน

            “ปกติครับ ถ้ามีอะไร ไว้ผมจะบอกคุณก็แล้วกัน”

            “อืม”

            “เรื่องการสอนเขา ฉันไม่ว่าถ้าเธอจะไม่สอนสิ่งแย่ๆ ให้เตชินทร์ หวังว่าคงเข้าใจ” วรันต์กลืนน้ำลายดังเอื๊อก คิดว่าอีกฝ่ายจะลืมไปแล้วเสียอีก แต่นี่เหมือนกำลังขู่เขาชัดๆ

            “แน่นอนครับ”

            “เอาล่ะ เธอไปพักเถอะ อีกสักพักก็จะตั้งโต๊ะแล้ว ตรงเวลาด้วยล่ะ”

            “ครับ” วรันต์รับคำแล้วกลับเข้าไปข้างในบ้านอย่างเดิม



            ระหว่างทางที่เขาเดินขึ้นบันไดจนมาถึงห้องพักของตัวเอง วรันต์ก็คิดได้หลายอย่างเลยทีเดียว วันแรกเขาก็ได้รับรู้แล้วว่าเตชัสเคยจ้างคนมาทำหน้าที่นี้แทนเขามาหลายคนแล้ว


            น่าแปลกที่ก่อนหน้านี้จ้างผู้หญิงทำงานมาโดยตลอด แล้วทำไมครั้งนี้ถึงเลือกเขาที่เป็นผู้ชายล่ะ


            เขาคิดไม่ออกว่าอีกฝ่ายจ้างเขามาที่นี่เพื่อทำอะไรกันแน่


            ใครจะรู้ได้ แล้วใครจะกล้าถามล่ะ


            “รงค์?ว่าไง” วรันต์รับโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในมือ ทำให้ความคิดของเขาหยุดชะงักลง

            “พี่แอบไปรับงานติวเตอร์เหรอ” คำถามของวรงค์แทบอยากจะทำให้เขาทิ้งตัวลงบนพรมแล้วหัวเราะกลิ้งไปกลิ้งมา

            “รงค์ คิดว่าพี่ฉลาดเป็นติวเตอร์ได้จริงเหรอ”

            “ผมแปลกใจ”

            “ถึงกับทนไม่ไหว โทรมาถามเลย”

            “จู่ๆ พี่ส่งโจทย์ของเด็กม.ต้น มา ผมก็งงสิ”

            “การบ้านของลูกชายเจ้านายที่เขาจ้างพี่มาทำงานก็เท่านั้นเอง”

            “อ่อ”

            “ขืนให้พี่ไปเป็นติวเตอร์ สอบตกกันทั้งประเทศแน่” วรันต์หัวเราะกับความคิดของน้องชาย         

            “ครับ”

            “แล้วยายเป็นไงบ้าง สองสามวันนี้พี่คงยังเข้าไปหายายไม่ได้ วันหยุดพี่จะแวะเข้าไป”

            “ยายสบายดีครับ ถามหาพี่ทุกวันแล้วก็บ่นว่าเบื่อโรงพยาบาลแล้วอยากกลับบ้าน”

            “ไม่ได้นะ รงค์รั้งยายไว้ด้วย อย่าให้ยายหนีกลับบ้านไปล่ะ”

            “ครับ”

            “หมอนัดวันผ่าเป็นสัปดาห์หน้า รงค์รู้แล้วใช่มั้ย”

            “รู้แล้วพี่รัน”

            “อืม ถ้าช่วงนี้มีกิจกรรมหรืองานอะไรตอนเย็น ขออาจารย์เขางดหรือกลับเร็วหน่อยนะ”

            “ผมบอกอาจารย์ไว้แล้วครับ”

            “เก่งมาก พี่ก็คิดว่ารงค์ต้องเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว”  วรันต์ชมน้องชาย วรงค์เป็นน้องชายที่ไม่เคยทำให้เขาต้องเหนื่อยใจด้วยเลยสักครั้ง

            “ผมไม่อยากให้พี่รันต้องมาเครียดเรื่องผมอีก”

            “ขอบใจมากนะ ที่ห่วงพี่”

            “ผมห่วงพี่เสมอนะ”

            “ขอบใจ พักผ่อนเยอะๆ อย่าอ่านหนังสือดึกล่ะ เรื่องสอบไม่ต้องกังวลจนเครียด ถ้าสอบไม่ติดก็ไม่เป็นไร พี่ส่งเราเรียนเอกชนได้”

            “พี่รัน พี่ลืมได้ไง ผมเป็นนักเรียนทุนนะพี่ ไม่อยากจะคุยหรอกนะ แต่ตอนนี้ผมมีที่เรียนเยอะเลย” เสียงน้องชายหัวเราะลอดผ่านมาจากปลายสายมา วรันต์ได้ยินก็อดอมยิ้มไม่ได้

            “อ้าว โทษที ลืมไปได้ยังไง ว่าน้องชายของพี่เก่งแค่ไหน”

            “เดี๋ยวผมกลับเข้าไปดูยายก่อน พี่ทานข้าวเยอะๆ นะ”

            “อืม รงค์ก็เหมือนกัน” วรันต์บอกก่อนจะวางสายลง

            ชีวิตของเขา ขอแค่น้องชายดูแลตัวเองได้ ยายแข็งแรง เขาก็พอใจแล้ว



==========================================


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018


ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :กอด1: ขอให้มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นในชิวิตนายบ้างนะวรันต์ ตอนแรกก็เกลียดนะ แต่รู้ก็น่าสงสาร เฮ้อ...

 :L2:  :pig4:  :L2:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
คนเราเปลี่ยนไปในทางที่ดีได้ อยู่ที่ใจ และสภาพแวดล้อม
 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
 :hao3:
ค่อยคลายความไม่ชอบหน้าลงได้หน่อย
เมื่อ "วรันต์" รู้จักเอาพฤติกรรมไม่ดีของตัวเอง มาทบทวน
และปรับเป็นบทเรียนสอนเด็ก .. ถือว่าสอบผ่าน

นี่ถ้าน้องชายเก่งอย่างนี้ คุณพ่อน่าจะจ้างมาติวลูกชายนะ
เด็กจะได้อยู่กับคนรู้คิดอย่างนักเรียนทุนบ้าง

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter


งวดยี่สิบเก้า ใจจะขาดแล้วเอย



            “วันนี้ทำอะไรกินดี” แม่น้อยพูดกับตัวเองพลางเดินตลาดอย่างขะมักเขม้น

            “ฉันเอาไข่เจียวหมูสับด้วยนะแม่” แต่เสียงไอ้น้ำลูกชายคนโตโพล่งขึ้นมาโดยไม่สนใจ

            “เฮอะ มาบอกข้าทำไม” แม่น้อยแค่นเสียงใส่ มือก็หยิบผักที่วางขายบนแผงขึ้นมาเลือก

            “อ้าว ถ้าฉันไม่บอกแม่แล้วจะให้บอกใคร แม่ของฉันเนี่ย ทำกับข้าวอร่อยที่สุดในโลกเลยนะ”

            “ไม่ต้องมายอข้า ทำมาเป็นพูดอย่างนั้นอย่างนี้ หมู่นี้กินข้าวที่บ้านหรือไง ฝากยายฝนมา บอกข้าอยู่เรื่อยว่าไม่กลับมากินข้าวที่บ้าน”

            “แหม...แม่ก็ทำน้อยใจไปได้ วันนี้ฉันกินข้าวที่บ้านไง”

            “แล้วจะกินอะไรอีก” ทำเสียงแข็งบ่นไปแบบนั้น แต่คนเป็นแม่ก็ยังเป็นแม่วันยังค่ำ

            “ตามใจแม่เลยจ้ะ อ้อ..วันนี้ผู้กองมากินข้าวที่บ้านเราด้วยนะ” ไอ้น้ำบอก แม่น้อยปรายตา มองบุตรชายชั่วครู่ก่อนจะถอนใจออกมาแผ่วเบาแล้วเลือกผักในมือต่อ

            “เอ็งว่า..” แม่น้อยชั่งใจ มองหน้าไอ้น้อยเล็กน้อยก่อนจะถามออกไป “ผู้กองชอบกินผักอะไร”

            “ไม่รู้เหมือนกันจ้ะ แต่ฉันเห็นผู้กองชอบกินผัดกะหล่ำปลี ยิ่งกะหล่ำปลีผัดน้ำปลา เห็นมีบนโต๊ะทีไร หมดเรียบทุกที แต่ผักอะไร ผู้กองก็กินได้หมดแหละ เขาไม่ใช่คนกินยาก” น้ำบอกยืดยาวด้วยความมั่นใจ

            “อย่างนั้นเหรอ ถ้างั้นก็เอาผักนี้อย่างที่เอ็งว่าละกัน” แม่น้อยหยิบผักตามที่ไอ้น้ำบอก กะหล่ำปลีหัวใหญ่ หนึ่งหัว พร้อมกับผักอื่นๆ ที่ตนเองได้เลือกไว้แล้วส่งให้แม่ค้าคิดเงิน

            “จ้ะ”

            “หมู ไก่ ปลา กุ้ง หมึก ผู้กองเขาชอบกินอะไร” เดินไปจนถึงร้านขายพวกกุ้งหอยปูปลา แม่น้อยก็ถามอีก

            “อืม ชอบอะไรเหรอ” ไอ้น้อยขมวดคิ้วเพราะกำลังนึกถึงอีกคน “อะไรก็ได้มั้งแม่ ผู้กองกินหมดแหละ วันนี้แม่เป็นอะไร ถามเยอะแยะ” น้ำบอกหลังจากนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก

            “ก็จะได้ทำอาหารให้ถูกปากผู้กองไง”

            “อ้อ ทำไปเถอะจ้ะ แม่ทำอร่อยอยู่แล้ว ผู้กองเขาชอบฝีมือแม่” แม่น้อยเลือกไก่และกุ้งขึ้นมาอย่างละครึ่งกิโลกรัม เสร็จแล้วก็ส่งให้แม่ค้าคิดเงินเหมือนเดิม

            “อืม ยังขาดเครื่องปรุง” แม่น้อยพูดพลางเดินต่อไปร้านขายพวกพริก กระเทียม เครื่องปรุงต่างๆ นางเลือกอย่างตั้งใจ ไม่ใช่เพราะวันนี้ผู้กองจะมากินข้าวที่บ้าน แต่ความสดใหม่และความสะอาดต่างหากที่นางต้องการ


            ทำกับข้าวกินเอง ก็ควรใส่ใจ


            สองแม่ลูกกำลังเลือกอาหารที่จะเตรียมไว้มื้อเย็นก็พากันสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงใครสักคนในตลาดดังลั่นไปทั่วบริเวณ


            “ไปเร็ว!!!พวกเรา นางสอนมันบ้าไปแล้ว” เสียงนางแช่มวิ่งเข้ามาในตลาดแล้วตะโกนบอก และเจ้าตัวก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วผิดกับรูปลักษณ์ภายนอกของนางอย่างแท้จริง

            “มีอะไรกันวะ” นางน้อยถามด้วยความงงงวย

            “มีอะไรป้าแช่ม” ไอ้น้ำจำใจตะโกนถาม ขืนช้าไปกว่านี้จะไม่ทันรู้ความ

            “นางสอนกับตำรวจน่ะสิ รีบไปดูเร็ว ช้าไม่ทันนะเฮ้ย” นางแช่มตะโกนตอบกลับมาได้ทันก่อนที่ขาของนางจะพ้นตลาด

            “แม่..” น้ำหันไปเรียกแม่

            “ไปเร็ว ไอ้น้ำ ขืนชักช้าตลาดวาย” แม่น้อยยัดสายถุงผ้าที่บรรจุมื้อเย็นเอาไว้ให้บุตรชายถือแล้วกระชากลากแขนไอ้น้ำให้เดินตามนางแช่มไปอย่างรวดเร็ว

            “แม่..แม่ มอบตัวเถอะ” เมื่อไอ้น้ำเดินไปถึงที่เกิดเหตุ หน้าบ้านนางสอน มันก็ได้ยินเสียงของบุตรชายนางสอนหรือไอ้สินกำลังอ้อนวอนมารดา

            “ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด” นางสอนตอบเสียงเครียด

            “ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด เอ็งก็ไปกับข้าดีๆ เถอะวะ นางสอน” จ่าสมหมายบอกเสียงเรียบ

            “ไม่ได้ทำอะไรผิด แล้วทำไมข้าต้องไปด้วย พวกเอ็งนั่นแหละ ตั้งใจจะจับข้า แต่ข้าไม่ได้ทำ เรื่องอะไรข้าจะต้องไป” นางสอนตอบวนเวียนไปมา ใบหน้าเจิ่งนองไปด้วยน้ำตา


            น้ำไม่ค่อยสบายใจเอาเสียเลย เมื่อเห็นวัตถุในมือของนางสอนที่กวัดแกว่งอยู่นั่นแหละ มีดเล่มเบ้อเร่อ มันอันตรายน้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ ชายหนุ่มมองผู้กองที่ยืนอยู่ข้างหน้ากำลังประจันหน้ากับนางสอน ยิ่งพลอยทำให้มันกระวนกระวายใจ

            “แม่” น้ำเรียกมารดา

            “อะไรวะ”

            “มีดจ้ะ มีด”

            “เออ ข้าเห็นแล้ว ทำไม เอ็งเป็นอะไร ทำไมจับแขนข้าแน่นขนาดนั้น แล้วมือยังเย็นเฉียบแบบนี้” นางน้อยถามบุตรชาย ไอ้น้ำดูผิดปกติ

            “ปะ...เปล่า”

            “เอ็งกลัวหรือ ถ้ากลัวงั้นก็กลับบ้านกันก่อน” นางบอกอย่างเป็นห่วง

            “เปล่าจ้ะ แม่เห็นหรือเปล่า ผู้กองกำลังคุยกับป้าสอนอยู่ มันอันตรายนะแม่”

            “ก็หน้าที่ตำรวจเขา เอ็งจะกังวลทำไม” นางปลอบ

            “ก็มันอันตราย” น้ำพูดซ้ำ

            “ผู้กองเขาเก่ง ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก เอ็งอย่าเป็นห่วงไปเลย” นางถอนหายใจ พลางกระชับมือบนหลังมือบุตรชายแน่น

            “แม่ว่าอย่างนั้นหรือ” มันยังไม่วางใจ

            “เออสิวะ ถ้าเขาไม่มีฝีมือ เขาจะมาเป็นผู้กองได้หรือ” เมื่อเห็นบุตรชายยังไม่ยอมเชื่อ นางเลยจำต้องดุไอ้น้ำ เผื่อว่ามันจะยอมฟังบ้าง

            “อย่าเข้ามา ข้าสู้จริงๆ ด้วย” นางสอนยังแกว่งมีดในมือไม่หยุด

            “แม่ ถ้าแม่ไม่ได้ทำ ทำไมไม่ยอมไปกับตำรวจเขาดีๆ” ไอ้สินถาม อยากให้แม่ใจอ่อน

            “ฮึ เอ็งไม่รู้อะไร ตำรวจพวกนี้มันหัวหมอ มันจะยัดข้อหาให้ข้าน่ะสิ”

            “ข้ารู้จักกับเอ็งมากี่ปี นางสอน คิดเหรอว่าข้าจะใจร้ายใส่ร้ายเอ็งได้ลงคอ” จ่าสมคิดพูดขึ้นบ้าง

            “เวลานี้ข้าไม่เชื่อใจใครทั้งนั้น จู่ๆ มาจับข้าแบบนี้หลักฐานก็ไม่มี จะให้ข้าเชื่อได้ยังไงกัน”

            “ใจเย็นๆ ครับ ป้าสอน วางมีดลงก่อนเถอะ มีอะไรค่อยคุยกัน ถ้าไม่อยากไปสถานีตำรวจ ก็ไม่ต้องไปครับ” ผู้กองปรานต์บอกพลางปลอบ เพราะไม่อยากให้นางสอนเครียดจนสติแตก

            “ไม่เชื่อ ข้าไม่ได้โง่นะ ขืนวางมีดอย่างที่พวกเอ็งบอก ข้าก็โดนจับน่ะสิ”

            “แล้วป้าสอนจะถือมีดไว้แบบนี้ตลอดเหรอครับ ไม่เมื่อยมือบ้างเหรอ” ผู้กองกำลังชวนอีกฝ่ายคุย

            “เรื่องของข้า”

            “หิวน้ำมั้ยครับป้าสอน” ผู้กองถามพลางหันไปหาจ่าสมหมาย “จ่า เดี๋ยวหาน้ำให้ป้าสอน เขาหน่อย”

            “ไม่เอา ไม่ต้องเอามาให้ข้า พวกเอ็งจะใส่ยานอนหลับมาในน้ำแล้วให้ข้ากินมันใช่ไหม ข้ารู้ทันพวกเอ็กหรอกน่า”

            “ป้าสอนไม่ต้องกังวล เป็นน้ำขวดใหม่ แกะพลาสติกต่อหน้าป้าสอนเลยครับ” ผู้กองบอก นางถือมีดมาร่วมครึ่งชั่วโมง เหงื่อคงออกเต็มมือและคงเมื่อยมือเต็มทีแล้ว

            “....” นางสอนไม่ตอบ ผู้กองสังเกตว่าคงจะยอมเชื่อตนเองขึ้นบ้างแล้ว ยิ่งอากาศวันนี้ค่อนข้างอบอ้าว เจ้าตัวคงกระหายน้ำไม่น้อยเลยทีเดียว

            “ผู้กอง นี่ครับ” จ่าสมหมายยื่นน้ำขวดใหม่ให้ผู้กอง เขารับมาก่อนจะบอกคนที่กำมีดแน่น

            “ป้าสอนดูนี่นะครับ เดี๋ยวผมจะเปิดให้ดูต่อหน้าเลย” นางสอนมองตามน้ำขวดนั้น ที่ผู้กองได้บอกนางสอนไว้ไม่มีผิดเพี้ยน

            “รับไปนะครับ” ผู้กองหนุ่มยื่นขวดน้ำที่พร้อมดื่มเรียบร้อยแล้วให้

            “....” นางสอนไม่กล้ารับ เพราะนางกลัวว่าอีกฝ่ายจะอาศัยจังหวะนี้เข้าจับกุมนาง

            “ป้าสอนกลัวผมใช่มั้ย เอาอย่างนี้นะครับ ผมจะวางน้ำไว้ตรงหน้าป้า แล้วผมกับจ่าจะถอยออกไป ดีไหม” ผู้กองค่อยๆ วางขวดน้ำ ตรงหน้านางสอน เสร็จแล้วก็ค่อยๆ ถอยออกมาเช่นกัน



            นางสอนมองตามการกระทำนั้นไม่ห่าง สายตาจับจ้องอยู่ที่ผู้กอง จนลืมสังเกตว่าด้านหลังผู้กองมีเพียงจ่าสมหมายเพียงคนเดียว ไร้เงาของจ่าสมคิด



            เมื่อเห็นผู้กองถอยออกไปแล้ว นางค่อยๆ ก้มตัวหยิบน้ำขึ้นมา ผู้กองสบตารอให้สัญญาณกับจ่าสมคิดที่อยู่ด้านข้างของนางสอน คนละฝั่งกับที่ผู้กองและจ่าสมหมายยืนอยู่



            ผู้กองหนุ่มรอนางสอนดื่มน้ำจนใกลหมดขวดแล้วนั่นแหละจึงให้สัญญาณกับจ่าสมคิดพุ่งเข้าชาร์จนางสอนที่ไม่ทันระวังตัว หากเมื่อจ่าสมคิดเข้าไปใกล้นางแล้ว นางสอนจึงได้สติ โยนขวดน้ำทิ้ง จังหวะเดียวกัน ผู้กองก็พุ่งเข้าไปหานางสอนจากอีกฝั่งเช่นกัน


            “ผู้กอง!” น้ำที่ยืนอยู่เป็นผู้เห็นเหตุการณ์ ตกใจกับเหตุการณ์และการกระทำตรงหน้าของผู้กอง เขาจึงส่งเสียงเรียกออกไปด้วยความกังวล


            ทว่านั่นทำให้ผู้กองชะงักตามเสียง เสียจังหวะที่จะเข้าจับกุมนางสอน


            และประกอบกับมีดที่อยู่ในมือนางสอน ได้แกว่งมาโดนแขนของผู้กองอย่างไม่ตั้งใจ เผยให้เห็นเลือดที่ซึมออกมา ไอ้น้ำก็อยากจะเป็นลมด้วยความเป็นห่วง ผู้คนรอบข้างพากันส่งเสียงฮือด้วยความตกใจไม่แพ้กัน


            “ไม่ต้องเป็นห่วงผม!จับป้าสอนให้ได้” ผู้กองบอกจ่าสมหมายที่เกือบจะหยุดชะงักที่เห็นบาดแผลของผู้บังคับบัญชา



            หนึ่งผู้กองและสองจ่าร่วมมือทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ผู้กองคว้าข้อมือของนางสอนเอาไว้ได้ในจังหวะที่นางสอนกำลังตกใจเพราะพื้นฐานจิตใจของนางไม่ใช่คนที่ชอบใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด ชายหนุ่มออกแรงบีบที่ข้อมือให้มือนั้นคลายมีดออกจนมันตกลงพื้น จ่าสมหมายเตะมีดออกไปให้พ้นรัศมีของนางสอน ส่วนจ่าสมคิดเข้าจับล็อคด้านหลังของนางเอาไว้แน่น จนไม่มีโอกาสให้หนีไปได้


            “ข้าเปล่านะ ข้าไม่ได้ทำ ไม่ได้ฆ่านางพัดนะ” นางสอนเมื่อถูกจับก็เริ่มโวยวาย ร้องไห้อีกรอบ

            “แม่.. เกลียดนางพัดมันเหรอ ทำไมถึงฆ่ามันได้ลงคอ” ไอ้สินก็ร้องไห้ออกมาไม่แพ้มารดา มันรักเมียคนนี้มากแค่ไหน ทำไมแม่สอนจะไม่รู้

            “ข้าไม่เคยเกลียดมันเลย แต่มันไม่ได้รักเอ็ง ได้ยินมั้ยว่ามันไม่รักเอ็งแล้ว” นางสอนพร่ำบอก

            “ถึงมันจะไม่รักฉันแล้ว แม่ก็ไปฆ่ามันไม่ได้”

            “ข้าเปล่า ข้าไม่ได้ฆ่ามัน เอ็งต้องเชื่อข้านะ ไอ้สิน” นางพยายามจะเข้าไปหาบุตรชาย แต่ก็ถูกจ่าสมหมายรั้งตัวเอาไว้ก่อน

            “แม่..ฉันอยากเชื่อแม่จริงๆ แต่ฉันทำไม่ได้” ไอ้สินยกมือปิดหน้าร้องไห้แล้วรีบเดินเข้าบ้านไป เขาร้องไห้ที่ตรงนี้ต่อไม่ไหว

            “ข้าเปล่าทำนะ ข้าเปล่า ไอ้สิน เชื่อข้านะ”

            “พาป้าสอนไปที่ สน. เดี๋ยวผมตามไป” ผู้กองบอกหลังจากใส่กุญแจมือนางสอนเรียบร้อยแล้ว จ่าสมหมายรีบพาตัวผู้ต้องหาไปขึ้นรถทันที

            “รีบห้ามเลือดก่อนดีไหมครับ ผู้กอง ผมโทรตามเจ้าหน้าที่มาแล้ว” จ่าสมคิดถามด้วยความเป็นห่วงเจ้านาย

            “ขอบใจมาก จ่าสองคนไปที่ สน. ก่อนได้เลย” ผู้กองหนุ่มบอกซ้ำ

            “ไม่เป็นไรแน่นะครับผู้กอง” จ่าสมคิดถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ดูจากแผลแล้วก็ลึกไม่น้อยเลยทีเดียว

            “ครับ” จ่าสมคิดจัดแจงหาเก้าอี้มาให้ผู้กองนั่งพักระหว่างรอเจ้าหน้าที่อนามัยมา

            “คนที่ไม่เกี่ยวข้อง ขอให้ออกไปให้พ้นบริเวณนี้ได้แล้ว” จ่าสมหมายเอ่ยปากบอกประชาชนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ครู่เดียว กลุ่มไทยมุงก็แยกย้ายไปกันคนละทิศละทาง บ้านใครบ้านมัน

            “ไปเถอะ ไอ้น้ำ” แม่น้อยบอกบุตรชายที่ยังยืนนิ่งอยู่

            “แม่กลับไปก่อนได้ไหม” น้ำบอกแม่น้อยเสียงเรียบ

            “อืม ได้ เอาถุงผ้ามา เดี๋ยวข้าถือไปเอง” ไม่รู้ว่านางถอนหายใจออกมาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวัน นางดึงถุงผ้าออกจากไอ้น้ำ แล้วเดินออกจากบริเวณนี้ไป

            “ผู้กอง เป็นไงบ้าง เจ็บหรือเปล่า” ไอ้น้ำ พอเห็นแม่น้อยเดินไปแล้ว เขารีบก้าวเท้ายาวเข้าไปหาอีกฝ่ายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มืออีกข้างก็มีผ้าสะอาดที่ใครสักคนหวังดีหามาให้เพื่อกดแผลห้ามเลือด

            “ไม่เป็นไร”

            “ขอโทษ ตอนนั้น ผมไม่น่าเรียกผู้กองเลย” น้ำบอกอย่างรู้สึกผิด ถ้าเขาจะเชื่อมั่นในหน้าที่ของผู้กองมากกว่านี้ คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้



            ชายหนุ่มปัดเส้นผมที่ปรกหน้าผากของอีกฝ่ายให้ออกไป โดยไม่สนใจว่าใครจะเห็นบ้างหรือไม่ วินาทีนี้ไอ้น้ำก็ไม่สนใจแล้ว ไม่เคยคิดเลยว่าการที่เห็นคนที่ตัวเองรักนั้นบาดเจ็บ มันจะเจ็บที่ใจมากขนาดนี้ โรคหัวใจของเขามันกำเริบไม่หยุดหย่อน


            แม่น้อยหันกลับมามองบุตรชายด้วยความเป็นห่วง ภาพตรงหน้าไม่ต้องบอกก็คงพอจะเดาอะไรได้ลางๆ ไม่ผิดจากที่ยายฝนเคยถาม เคยบอก อะไรที่นางเคยสงสัย ในวันนี้มันกระจ่าง ชัดเจนแล้ว


            ลูกชายของนางกับผู้กอง


            “ผมขอโทษ” น้ำยังพร่ำบอกอีกฝ่ายอย่างไม่รู้เหนื่อย เขารู้สึกผิดจริงๆ

            “เลิกขอโทษ และเลิกโทษตัวเองได้แล้ว พี่ปฏิบัติหน้าที่ก็ต้องมีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นอยู่แล้ว”   ผู้กองยิ้มให้ ไม่ได้โกรธคนตรงหน้าแม้แต่น้อย

            “แต่..” น้ำทำท่าจะพูดอะไรต่อ แต่ก็ถูกผู้กองขัดขึ้นมาก่อน

            “อย่าเถียงพี่ ถ้าน้ำคิดว่าตัวเองผิดและอยากให้พี่ยกโทษให้ พี่ขออย่างเดียว”

            “ครับ?”

            “ถ้าวันหน้ามีเหตุการณ์อะไรแบบนี้อีก น้ำอย่ามาได้ไหม”

            “ทำไมล่ะ” น้ำสงสัย เขาก็อยากรู้เหมือนกันนี่นา

            “พี่จะได้มีสมาธิจับคนร้าย ไม่ต้องพะวงเป็นห่วงน้ำ แค่นี้ได้ไหม”

            “เอ่อ...”

            “ได้หรือเปล่า” ผู้กองขอ เพราะตอนที่เขาได้ยินเสียงน้ำเรียกเขาในตอนนั้น นั้นใจของเขาหล่นวูบ ถ้าหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เขาจะทำอย่างไร เขาเลยไม่อยากให้น้ำเอาตัวเองเข้ามาอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยง

            “ได้ครับ”

            “เก่งมาก”



            ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่จากอนามัยมาแล้ว ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก น้ำยืนมองเจ้าหน้าที่ห้ามเลือดและล้างแผลให้อีกฝ่ายเรียบร้อย และตอนนี้เขากำลังพาผู้กองไปที่โรงพยาบาลในตัวเมืองเพื่อให้คุณหมอตรวจดูอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ


            “ไม่ต้องไปโรง’บาลหรอก”

            “ไม่ได้ครับ ไปเถอะ ผมอยากสบายใจ”

            “พี่ยังมีงานต้องกลับไปทำต่อ” ผู้กองต่อรอง

            “ให้จ่าเขาทำแทนไปก่อนก็ได้มั้งครับ ป้าสอนก็ถูกจับแล้วนี่นา” น้ำเถียง

            “เดี๋ยวนี้เริ่มออกคำสั่งกับพี่แล้วเหรอ” ผู้กองแซวไอ้น้ำที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถของผู้กองอย่างตั้งใจ

            “อะไรล่ะ ออกคำสั่งอะไร ไม่มีสักหน่อย ผมก็แค่พูดไปตามสถานการณ์” น้ำเฉไฉ

            “ไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร”

            “ผู้กอง เรื่องป้าสอน เรื่องมันเป็นมายังไง”

            “คนที่นายสงสัย ใช่ป้าสอนหรือเปล่าล่ะ”

            “ผมก็คิดๆ อยู่ แต่ในหัวก็บอกว่า คนอย่างป้าสอนเนี่ยนะจะฆ่าคนได้ เลยไม่ปักใจเชื่อเต็มที่” น้ำบอก

            “ป้าสอน แกไม่ได้ตั้งใจหรอก พลั้งมือเสียมากกว่า”

            “หืม?จริงดิ”

            “ต้องรอแกสารภาพอีกที คนที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ วันนั้น ก็คงมีเพียงแค่ป้าสอนกับคุณพัด สองคนเท่านั้น และตอนนี้เหลือแค่เพียงป้าสอน”

            “น่าสงสาร”

            “สงสารใคร?”

            “ทุกคนล่ะครับ ทั้งคุณพัด พี่สินและป้าสอน ทุกคนไม่ได้อยากให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นเลย”

            “อืม เมื่อคนเราขาดสติก็มักจะนำมาด้วยปัญหาแบบนี้ล่ะ น้ำก็ต้องมีสติให้มากล่ะ ฉันไม่อยากกลายเป็นคนที่จับน้ำเข้าคุก”

            “อ้าว ผู้กอง ทำไมมาแช่งกันแบบนี้ล่ะ” น้ำโวยวายลั่น

            “แค่บอกไว้เฉยๆ”

            “บอกเฉยๆ ก็ไม่ต้องเปรียบกันอย่างนี้ก็ได้มั้ง อะไรกัน อยากจับผมเข้าคุกอย่างเดียว นี่แฟนนะ แฟน ไม่ใช่ผู้ร้าย” น้ำบอกให้อีกฝ่ายระลึกว่าเขาเป็นใคร

            “รู้แล้วว่าเป็นแฟน ไม่งั้นจะให้มาออกคำสั่งแบบนี้เหรอ”

            “อ้าว....เข้าตัวเฉยเลย”



            น้ำไม่ตอบ สถานการณ์เริ่มลำบาก เขาได้ยินเสียงผู้กองหัวเราะแผ่วเบา พอหันกลับไปดูอีกที อีกฝ่ายก็คอพับหลับไปแล้ว คงเพลียจากการเสียเลือด ไอ้น้ำเลยเหยียบคันเร่งเพิ่มอีกนิด

 
            โรงพยาบาลรอก่อน ไอ้น้ำกำลังจะพาผู้กองไปหาแล้ว



==========================================

กระซิบ ใกล้จบแล้วนะ T-T

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
อย่าเพิ่งจบเลย อ่านเพลินๆ ฮื่อออ

 :L2: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ KizzllKizz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 200
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-1
แม่น้อยน่าจะรับได้นะ ก็ผู้กองดีจะตาย~

แม่! ลูกเขยอย่างนี้ต้องรีบคว้าไว้นะ

 :hao7:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
แม่น้อยจะต้อนรับลูกเขย(ลูกสะใภ้ในความคิดน้ำ) ยังไงน่อ  :katai3:
 :3123:  :pig4:  :3123:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
มื้อนี้แม่น้อยทำอาหารสุดฝีมือต้อนรับลูกเขย
 :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
แม่น้อยรู้แล้วว น้ำพาลูกเขยไปแนะนำตัวเร็วว

ออฟไลน์ GMT101

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด