งวดยี่สิบเจ็ด ลาก่อนนะทุกคน
“ฝน...” เหลือเพียงเสียงเรียกชื่อน้องสาวแผ่วเบาจากปากของไอ้น้ำ
“อะไรพี่น้ำ” น้ำฝนพูดโดยไม่หยุดตักข้าวเข้าปาก
“แม่...คือ...แม่รู้แล้วเหรอ” น้ำกระซิบถาม
“พี่คิดอะไรไปถึงไหน ฉันแค่ถามว่าแม่รู้หรือยังเท่านั้นเอง”
“น้ำ อย่าเพิ่งวิตก พี่คิดว่าแม่น้อยยังไม่รู้หรอก” ผู้กองปลอบคนที่กำลังกังวล
“ครับ” สองหนุ่มมองหน้ากันเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ จังหวะที่เงียบกริบกันอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงของน้ำฝนหัวเราะขึ้นทะลุกลางวงอาหาร
“เป็นอะไรยายฝน จู่ๆ ก็หัวเราะ” น้ำบ่นน้องสาว
“ฉันขำพี่น่ะแหละ”
“ขำข้า?”
“อือ ทำหน้าตาตลกดี จะบอกให้นะ แม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ สบายใจได้ ฉันแค่แหย่เล่นเฉยๆ”
“ไอ้ฝน! เล่นบ้าไรเนี่ย รู้มั้ยข้าใจหายใจคว่ำหมด”
“ช่วยไม่ได้ ทำตัวมีปัญหาเองอะ” น้ำฝนยักไหล่ตอบ ไม่สนใจท่าทีเดือดร้อนใจของพี่ชาย
“บวกหนึ่ง” น้ำบอกน้องสาว เขาคาดโทษน้ำฝนไว้แล้ว
“เต็มที่เลย พร้อมเมื่อไหร่ก็มาเอาคืนนะ” หญิงสาวคนเดียวของวงสนทนาลอยหน้าลอยตาท้าทายพี่ชาย
“ผู้กองไม่ต้องไปสนใจยายฝนมัน รีบกินข้าวเถอะ เดี๋ยวจะเย็นชืดเสียก่อน”
“อืม” ผู้กองตอบรับคำสั้นๆ เขาไม่อยากพูดอะไรให้มากความในตอนนี้ ดูเหมือนว่าช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมง คนข้างกายเขาจะเจอกับอะไรมามากเหลือเกิน
หลังมื้อเย็นค่อนไปทางดึกสำหรับคนต่างจังหวัด น้ำฝนก็ไล่พี่ชายให้ออกมาต้อนรับดูแลผู้กอง โดยหญิงสาวอาสาจะเก็บสำรับและล้างจานเองเพียงลำพัง น้ำสบโอกาสไม่ขัดศรัทธาของน้ำฝน เขารีบละมือเดินตัวปลิวลงมาส่งผู้กองข้างล่างที่หน้าบ้านทันที
“อาหารฝีมือแม่น้อยอร่อยเหมือนเดิม” ผู้กองเอ่ยชม ตอนที่เขานั่งอยู่ในรถยนต์คู่ใจ ลดกระจกลงมาเพื่อบอกลาอีกฝ่าย
“แล้วผมจะบอกแม่ให้ ขับรถดีๆ ล่ะ” น้ำบอกจบก็ตั้งท่าจะเดินขึ้นเรือนตามความเคยชิน
“เดี๋ยวสิ”
“หืม?”
“ขยับเข้ามาใกล้ๆ หน่อย”
“มีอะไรล่ะ” ถึงจะสงสัยแต่ไอ้น้ำก็ยอมลดหน้าลงเข้าไปใกล้ผู้กอง
“ไม่มีอะไร แค่อยากจูบก่อนกลับ” พูดจบผู้กองก็รีบทำตามคำพูดอย่างรวดเร็ว ไม่เปิดโอกาสให้ไอ้น้ำได้ปฏิเสธหรือตั้งตัวได้ทัน
คนมียศจับแขนของไอ้น้ำเอาไว้ป้องกันการหลบหนี ไอ้น้ำถึงจะตกใจที่ถูกจู่โจมในทีแรกแต่มันก็ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องอาศัยแรงจับรั้งของผู้กองอีกต่อไป เป็นไอ้น้ำ คนไวไฟต่างหากที่มันยึดไหล่กว้างของ ผู้กองไว้แน่นทั้งสองข้าง
ครั้งนี้เขาจะไม่ยอมแพ้ น้ำประกาศกร้าวไว้แบบนั้น
และเหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างไอ้น้ำ ในที่สุดผู้กองก็ยอมเป็นฝ่ายผละออกมาก่อน ปล่อยให้ไอ้น้ำที่กำลังตกอยู่ในภวังค์อารมณ์ล่องลอยละล่องบนปุยเมฆ ตกลงจากบัลลังก์เมฆนั้นโดยไม่รู้ตัว
“อะ..อะไรอะ ยะ..ยอมแพ้แล้วเหรอ” มันโวยวายทั้งที่หายใจหอบแต่เพราะไม่พอใจที่ถูกฉุดกระชากอารมณ์นั้นออกไป
“ไม่ได้ยอมแพ้ พี่แค่กลัวเฉยๆ” ผู้กองตอบ มือมันคนละชั้น ผู้กองพูดด้วยน้ำเสียงปกตินิ่งเรียบ
“กลัวอะไร ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลย” น้ำยังบ่นอยู่ มันยังไม่เข้าใจสถานการณ์
“พี่กลัวจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้”
“เลยเถิดอะไร ไม่เห็นเป็นไรสักหน่อย ผู้กองกลัวจะเป็นเมียไอ้น้ำคนนี้เหรอ” มันทุบอกตัวเองพลางบอกอีกฝ่ายตามความคิด
“อะไรนะ!?”
“โอ๋ๆ ไม่เป็นไร เขินใช่มั้ยล่ะ เป็นเมียไอ้น้ำ ไม่น่าอายหรอกผู้กอง” น้ำยืดตัวแล้วพูดออกมาอีกครั้ง เขาไม่เห็นใบหน้าของผู้กองที่อยู่ในรถยนต์เพราะมันค่อนข้างมืด ผิดกับเขาที่มีแสงไฟจากตัวบ้านส่องเข้าหา
“คิดอย่างนั้นเหรอน้ำ”
“ไม่ต้องกลัวนะ” มือใหม่พยายามปลอบขวัญผู้กอง
“พี่จะไม่กลัว” ผู้กองยิ้มนิดๆ แต่ไอ้น้ำก็ไม่เห็นอยู่ดี มันเลยเข้าใจว่าผู้กองคล้อยตามคำพูดของมันแล้ว
“ขับรถไหวมั้ย หรือจะให้ผมขับไปส่งแทน” เจ้าของบ้านเสนอตัวอย่างใจดี
“ไม่เป็นไร พี่ขับเองคนเดียวน่าจะปลอดภัยกว่า ขืนให้น้ำไปส่ง คืนนี้คงไม่ได้กลับบ้าน”
“อะไรนะ” มันถามซ้ำเพราะได้ยินผู้กองพูดไม่ถนัด
“รีบเข้าบ้านเถอะ”
“อ่อ...อืม ผู้กองขับไปก่อน เสร็จแล้วผมจะขึ้นบ้าน”
“มันอันตราย” ผู้กองพูด เขาเป็นห่วงชายหนุ่มเหมือนกัน ไม่อยากให้ยืนอยู่ตรงนี้นานๆ คนเดียว
“ไม่เป็นไร หน้าบ้านผม ปลอดภัยเหมือนกัน มีไอ้ด่างกับอีปุย นั่งเฝ้ากันหน้าสลอน” มันชี้นิ้วไปทางใต้ถุนบ้าน สองหมาก็เหมือนจะเข้าใจว่าเจ้านายเรียกชื่อมัน จึงพากันเห่ารับ
“ตกลง งั้นพี่ไปล่ะ” ผู้กองบอกก่อนจะออกตัวไป
น้ำยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นสักพัก ไม่ใช่มันอาลัยอาวรณ์ผู้กอง แต่เพราะขามันสั่น ก้าวขาไม่ออกต่างหากเว้ย พูดไปก็เหมือนขายขี้หน้าคนอื่นเขาเปล่า
.
.
“แม่จ๊ะ” ช่วงเย็นวันหนึ่ง น้ำฝนเรียกมารดา
“อะไร” แม่น้อยที่กำลังหยิบวัตถุดิบจากตู้เย็นออกมานั้นหยุดชะงักมือ
“พี่น้ำฝากฉันบอกแม่ว่าไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อนะ วันนี้ไม่กินข้าวที่บ้าน”
“อีกแล้วเรอะ เอ...หมู่นี้ทำไมพี่เอ็งถึงไปกินข้าวนอกบ้านบ่อยๆ มีอะไรหรือเปล่าวะ หรือเบื่ออาหารฝีมือข้า” นางบ่นพลางเก็บเนื้อหมูและผักคะน้าอีกสองสามต้นใส่คืนในตู้เย็นก่อนจะปิดมันลง
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกจ้ะ แม่น้อยใจเหรอ” น้ำฝนเย้ามารดา
“น้อยจง น้อยใจอะไร ไม่มีหรอก ดีเสียอีกประหยัดข้าวไปตั้งมากโข” แม่น้อยตอบแล้วหันไปล้างผักในอ่างน้ำ
“น้อยใจก็บอกมาเถอะน่า ช่วงนี้พี่น้ำคงมีธุระยุ่งๆ มั้งจ๊ะ ฉันเองก็ไม่ได้ถาม ไว้คราวหน้าฉันจะถามมาให้แม่นะ” น้ำฝนบอกแม่ ถึงแม้เธอจะพอรู้มาบ้างว่าพี่ชายของเธอกำลังติดผู้ชายอย่างกับอะไรดี น้ำฝนส่ายหน้าเล็กน้อยกับพฤติกรรมของพี่ชาย
“ไม่เป็นไร ข้าก็แค่บ่นไปอย่างนั้นเอง ไอ้น้ำมันก็โตๆ แล้ว เมื่อก่อนเคยอยู่ในเมือง มาอยู่บ้านนอกนานๆ เข้า คงจะเบื่อล่ะวะ ช่วงนี้ข้าไม่ค่อยเจอหน้ามันเลยก็แค่นั้นล่ะ มันกลับมาทีไรข้าก็นอนแล้ว เช้ามาข้าไปสวนมันก็ยังไม่ตื่น” แม่น้อยตอบตามประสาคนรักลูก
“จ้ะ ให้ฉันช่วยหั่นผักมั้ยแม่” น้ำฝนอาสา
“ก็ดีเหมือนกัน หั่นผัก หั่นไก่ ตรงนี้ให้ข้าหน่อย หั่นชิ้นสวยๆ พอดีคำนะ อย่าทำลวกๆ” แม่น้อยสั่งบุตรสาวเสร็จก็หันไปตั้งหม้อรอน้ำเดือด
“จ้ะ แม่”
“เออ นี่เพราะข้าไม่ค่อยได้เจอไอ้น้ำมัน ถ้าเอ็งเจอพี่เอ็งก็ฝากบอกมันด้วยว่าร้านชุดไทยในตลาดบอกว่ามีชุดใหม่ๆ มาแล้ว ให้พี่เอ็งไปเลือก”
“พี่น้ำจะเลือกชุดไทยไปทำไมอะแม่ เอามาใส่เองหรอ” น้ำฝนถามด้วยความสงสัย
“เอามาใส่เองมะเหงกสิ เอาไปให้เจ้าแม่ตะเคียนต่างหาก”
“เอาไปให้ทำไมอะ” เจ้าหนูจำไมยังไม่วายเลิกสงสัย
“ก็งวดที่แล้ว คนในหมู่บ้าน รวมถึงแม่กับพี่เอ็งก็ถูกหวยกันโครมๆ ก็ต้องเอาของไปถวายเจ้าแม่ตะเคียน ท่านเสียหน่อย” แม่น้อยพูดพลางยกมือไหว้เหนือศีรษะ
“อ่อ...”
“หั่นเสร็จหรือยังล่ะ จะได้เอามาลงหม้อ” แม่น้อยทวง เมื่อเห็นน้ำเดือดได้ที่แล้ว
“เสร็จพอดีเลยจ้ะ”
มื้อค่ำวันนั้นจึงเหลือเพียงสองแม่ลูก สาวน้อยหนึ่งคน สาวใหญ่หนึ่งคน นั่งทานอาหารกันอย่างง่ายๆ อยู่หน้าโทรทัศน์ ไม่ใช้โต๊ะอาหารตามปกติ เพราะแม่น้อยเริ่มติดละครที่เจ้าตัวบ่นเมื่อวันก่อน
“แม่ชอบดูเหรอ” น้ำฝนถาม มองหน้าแม่น้อยด้วยความแปลกใจ
“ดูไปดูมาก็สนุกดี”
“ผู้ชายกับผู้ชายเนี่ยนะแม่” น้ำฝนถามซ้ำให้แน่ใจ
“เออสิวะ”
“มันสนุกยังไง”
“ไม่รู้เหมือนกัน ตอนแรกข้าก็ว่ามันแปลกประหลาดไปหรือเปล่า พอดูๆ ไปมันก็เพลินดี คนแสดงที่เขาเอามาเล่นก็ยังวัยรุ่นหน้าตาน่ารักดี”
“แล้วช่องอื่นแม่เบื่อแล้วเหรอ ถึงไม่ดู”
“ก็ต้องมีเบื่อบ้างสิวะ นักแสดงรุ่นใหญ่บางคนเขาก็เลยบทคล้ายๆ เดิม หน้าเดิมๆ บางเรื่องก็เป็นเรื่องเก่า เอามาทำใหม่ซ้ำ แล้วซ้ำเล่า ข้าดูวนซ้ำมาสามสี่รอบตั้งแต่สาวยันแก่”
“แม่ๆ” น้ำฝนเรียกด้วยเสียงตื่นเต้น
“อะไรวะ” แม่น้อยยอมตอบหลังจากที่ละครพักเข้าสู่ช่วงโฆษณา
“สมมตินะแม่ สมมติเฉยๆ”
“เออ จะสมมติอะไรนักหนา รู้แล้ว จะพูดก็พูดมาสิวะ”
“ก็สมมติว่า ถ้าเกิดว่าพี่น้ำอะ ชอบผู้ชายด้วยกันอย่างในละครที่แม่ดู แม่จะว่าไงอะ”
“ถามอะไรประหลาดแท้ พี่ชายเอ็ง เขาจะเป็นอย่างในทีวีได้อย่างไรกันเล่า มันกลับมาอยู่บ้านยาวแบบนี้ดูก็รู้อกหักมา”
“อกหักมา ก็ไม่ได้บอกว่าคนที่หักอกพี่น้ำจะเป็นผู้หญิงนี่จ๊ะ”
“ไฮ้ เป็นไปไม่ได้” แม่น้อยโบกมืดปัดเป็นพัลวัน “พี่ชายเอ็งน่ะ ชอบผู้หญิง”
“เอาใหม่นะแม่ ฉันหมายถึง สมมตินะ สมมติ ถ้าพี่น้ำชอบผู้ชาย แม่จะว่าอย่างไร”
“ถ้าไอ้น้ำมันชอบผู้ชายเหรอวะ” แม่น้อยนิ่งเงียบไป น้ำฝนก็เฝ้ารอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ “เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางว่ะ”
“อ้าว แม่อะ เรื่องสมมติ ไม่ใช่เรื่องจริง”
“ไม่รู้อะ จะสมมติหรือเรื่องจริง ข้าก็ไม่รับรู้เว้ย” แม่น้อยบอกปัด พอดีละครกลับเข้ามาเล่นต่อพอดี แม่น้อยจึงเบนสายตาไปสนใจละครนั้นต่อ
ในขณะที่น้ำฝนยังคิดไม่ตกว่าแม่จะมีปฏิริยาอย่างไร ทำหน้าแบบไหน ถ้าหากรู้ความจริงว่าลูกชายสุดที่รักของนางน้อยนั้นกำลังกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยกับผู้กองอยู่ที่บ้านพักตำรวจอยู่ในเวลานี้
“ผู้กองกินนี่สิ คนในตลาดบอกอร่อย” น้ำตักต้มจืดฟักไก่ให้ผู้กอง
“ขอบใจ” ผู้กองก็ตักไก่ขึ้นมากินทันที น้ำมองตามอากัปกิริยานั้นไม่วางตา
แหม มันช่างหวานชื่นเหลือเกิน น้ำคิดอย่างนั้น
“อร่อยมั้ย”
“ก็อร่อยดีนะ แต่ฝีมือแม่น้อยอร่อยกว่า น้ำก็กินด้วยสิ” ปรานต์บอกพลางตักคืนให้บ้าง
“แน่นอน แม่ผมทำอาหารอร่อยที่สุดในโลกแล้ว” เมื่อได้ที น้ำรีบอวด
“มากินข้าวที่นี่บ่อยๆ แม่น้อยจะไม่บ่นหรือ” ผู้กองหนุ่มถามด้วยความเป็นห่วง
ปรานต์เองก็ไม่ค่อยสบายใจนัก เรื่องความสัมพันธ์ของเขากับน้ำที่ยังไม่ได้มีการเปิดเผย ตัวเขาน่ะไม่มีปัญหาอะไรหรอก คุณหญิงแม่ของเขา ชอบน้ำ เปิดไฟเขียวให้อย่างเต็มใจ แต่ที่เขาเป็นห่วงก็คือแม่น้อย แม่ของน้ำต่างหาก เขาเกรงว่าแม่น้อยอาจจะไม่เข้าใจในความสัมพันธ์รูปแบบนี้ก็เป็นได้
เมื่อถึงวันนั้น ถ้าหากแม่น้อยรับความรักของพวกเขาทั้งคู่ไม่ได้
พวกเขาจะทำอย่างไรดี
“ไม่รู้สิ ก็คงบ่นบ้างแหละ แต่ยังหาโอกาสบ่นไม่ได้ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอ แม่เข้านอนตอนผมกลับ แม่ออกไปสวนตอนผมตื่น คลาดกันตลอด ผู้กองไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” น้ำจะรู้ไหมว่าคำพูดของตัวเองในประโยคท้ายนั้นช่างเหมือนกับใครอีกคนที่เจ้าตัวพูดถึงอยู่ สมที่เป็นแม่ลูกกันจริงๆ
“ไม่ทวงถามก็เรียกแต่ผู้กอง ผู้กอง พี่ชื่อปรานต์ เรียกให้มันถูกๆ ได้แล้ว” ผู้กองหนุ่มท้วง
“ช่างผมเถอะน่า ไว้อยากเรียกเมื่อไหร่จะเรียกเอง”
“ทำไมต้องมีลูกเล่นเยอะขนาดนั้น” ผู้กองหนุ่มมองคนตรงข้ามโต๊ะด้วยสายตาแน่นิ่ง เขากำลังต้องการคำตอบ
“ก็...กลัวติดปากแล้วเรียกพี่ปรานต์ต่อหน้าแม่ ยังไม่อยากให้แม่สงสัย” น้ำตัดสินใจอธิบายเหตุผลของตัวเองให้อีกฝ่ายได้รู้
“เรื่องนี้เหรอ...อืม...พี่เข้าใจ” ก็จริงอย่างที่น้ำพูด ในเมื่อแม่น้อยยังไม่รู้เรื่องของพวกเขา การที่ทำทุกอย่างให้เหมือนเดิมมันก็คงจะเหมาะที่สุด
“นะ ไม่โกรธนะครับ คนเก่งของพี่น้ำ” น้ำอยากจะปลอบอีกฝ่ายโดยการเอื้อมมือไปลูบหัวอีกฝ่ายเหมือนที่ปรานต์ชอบทำเสมอๆ แต่เขาก็ไม่กล้าหรอก
อ้าว ใครจะกล้าอะ
แค่คำพูดนิดเดียวก็ทำให้ปรานต์หัวเราะออกมา น้ำสบายใจคิดว่าชายหนุ่มหายจากอาการไม่พอใจได้แล้ว แต่ดูเหมือนไอ้น้ำจะเข้าใจอะไรผิดไปอยู่บ้าง ไม่ใช่ว่าผู้กอง เขาหายโกรธ แต่เพราะเขาขำในคำพูดของมันต่างหาก
‘คนเก่งของพี่น้ำ’ ดูเอาสิ นายนทีมันคิดได้อย่างไร
“พรุ่งนี้พี่ไปกินข้าวที่บ้านน้ำดีไหม” ผู้กองถาม
“อืม จะไปเหรอ ก็ได้นะ เดี๋ยวบอกแม่ให้ทำกับข้าวเผื่อ พี่ปรานต์อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า จะได้บอกแม่ไปพร้อมกัน” น้ำพูดชื่ออีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว มันยังไม่ชินปากสักเท่าไหร่
“พี่กินได้หมด กินอย่างที่น้ำกินก็กินได้” ชายหนุ่มบอกอย่างตามใจ เขาไม่ใช่คนเรื่องมากเรื่องอาหารอยู่แล้ว
“ได้”
“น้ำ” ปรานต์ตักข้าวเข้าปากอีกสองสามคำก็เรียกชื่ออีกฝ่าย
“ครับ?”
“พี่รู้นะว่าเรายังส่งหวยให้เจ้ามืออยู่”
“อะไรๆ ผู้กอง อย่าปรักปรำสิ หลักฐานไม่มีนะ” ไอ้น้ำหน้าซีด รักกันอยู่หลัดๆ ทำไมจู่ๆ ผู้กองจะหาเรื่องพาไอ้น้ำ มันไปเข้าคุกแล้วล่ะ
“อย่าคิดว่าพี่ไม่รู้ ตบตาตำรวจน่ะยาก”
“ไม่มีหลักฐาน พูดลอยๆ ไม่โอเคอะ” น้ำกำลังแถไปเรื่อย ตอนนี้สีข้างของมันน่าจะเริ่ม ถลอกแล้วมั้ง
“อย่าให้พี่หาหลักฐานมาจับน้ำเลย เลิกเดินโพยหวยเถอะ พี่ยังไม่อยากจับแฟนพี่เข้าคุก” ผู้กองเตือน
“แฟน เฟินอะไร ไม่ใช่สักหน่อย” น้ำเถียงอีก ก็เขาทั้งคู่ยังไม่เคยตกลงกันเป็นแฟนเลยด้วยซ้ำ
“น้ำ เลิกเถียง เลิกได้มั้ย พี่ไม่ห้ามเรื่องเล่นหวย รู้ว่าน้ำชอบเล่น แต่ต้องเป็นหวยที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น” ปรานต์มองหน้าของน้ำ
‘อะไรกันเนี่ย ทำไมถึงโดนเรื่องนี้ไปได้ ไปเหยียบตาปลา ผู้กองตอนไหนวะ’ ไอ้น้ำได้แต่คิดในใจแต่การแสดงออกมานั้นมันเป็นการยิ้มที่แห้งแล้งให้ผู้กองสิ้นดี
“เอ่อ.. ผม”
“พี่ขอนะ”
“เล่นลอตเตอร์รี่ก็พอ ได้มั้ย”
“ผู้กอง มันยากอะ” น้ำพูดอย่างลำบากใจ
“พี่เป็นคนรักษากฎหมาย แล้วถ้าแฟนพี่ทำผิดกฎซะเอง แล้วต่อไปใครจะเชื่อพี่จริงมั้ยครับ” ปรานต์บอกน้ำเสียงนุ่ม หวังให้ไอ้เด็กที่กำลังดื้อนี้มันยอมเชื่อเขา
“....”
“น้ำครับ” เสียงทุ้มยังเรียกชื่อไอ้น้ำเสียงนุ่มดังเดิม
“เออ..ก็ได้ครับ ผมจะเลิกก็ได้ แต่ของวดหน้าเป็นงวดสุดท้ายนะ”
“น้ำ..” คราวนี้เสียงทุ้มที่นุ่มนวลกลับแข็งกระด้างขึ้นเล็กน้อย
“ครึ่งทางนะพี่ปรานต์ ขอร้องล่ะ ให้ผมไหว้ก็ได้ คือแบบ สั่งลา ทิ้งทวน บอกลาลูกค้าอะไรประมาณนี้ จู่ๆ จะทิ้งไปเลย เขาก็ด่าผมแย่น่ะสิ” น้ำหาข้ออ้างต่างๆ นานามาฉุดรั้งให้อีกฝ่ายเข้าใจ
“ได้ แค่งวดหน้างวดเดียว และเป็นงวดสุดท้าย” น้ำมองใบหน้าของปรานต์ที่กำลังใช้ความคิดอยู่สักครู่ก่อนจะพยักหน้าว่าตกลง
“ได้ๆ ขอบคุณนะครับ”
น้ำบอกอีกฝ่ายอย่างลิงโลด แต่ในใจนั้นน้ำตากำลังตกใน
โบราณกล่าวไว้ว่า มีผัวผิด คิดจนตัวตาย
แต่สำหรับเขาคงเป็น
มี (ว่าที่) เมียผิด อดเล่นหวยตลอดชีวิต ก่อนมีแฟนได้โปรดดูอาชีพของแฟนด้วยครับว่ามันเหมาะกับตัวเองมั้ย น้ำอยากขอเตือนทุกคน
บัดนี้ ไอ้น้ำได้โบกมือเลขหวยใต้ดินในอนาคต สมัครเข้าชมรมคนกลัวเมียเรียบร้อย
ลาก่อนทุกคน
==========================================
โบราณว่าไว้ แหมมม ไอ้น้ำ ทำพูดดีไป
ทุกคนคะ โบกลาวงการหวยกับไอ้น้ำด้วยค่า
ใครให้เลือกแฟนเป็นตำรวจล่ะ
ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018