LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019  (อ่าน 67321 ครั้ง)

ออฟไลน์ M_Y MILD

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไม่อยากให้จบเลยยย มันสนุกมากกก ชอบๆๆๆๆๆ ขอฉากNCบ้างก็ดีค่ะ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรรร ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้นะคะ เดี้ยวว่างจะไปตามอ่านเรื่องเก่าๆที่พี่แต่งไว้น้าา :กอด1:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สถานีตำรวจใน ตจว จะเรียกว่า สถานีตำรวจภูธร หรือ สภ ส่วน สถานีตำรวจนครบาล หรือ สน จะใช้ในเขตกรุงเทพเท่านั้น (แค่ออกไปเขตนนฯ ก็เรียกว่า สภ ละครับ) ฝากไว้ด้วยครับ คนอ่านจะได้อ่านสมูทขึ้น

ออฟไลน์ Kuayyai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
รอมื้ออาหารจากแม่น้อย
เฮ้อ หวังว่าคงผ่านเรื่องวุ่นๆจากคดีไปแล้วเนอะ

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ taltal020441

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ทำไมพึ่งมาอ่านเรื่องนี้เนี่ย
สนุกมาก ชอบค่ะ
แม่น้อยจะว่าไงน้าา
รอนะคะ

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter


งวดสามสิบ ปุบปับ รับโชค



“ผู้กองมากินข้าวแน่นะเอ็ง ไม่ใช่หลอกให้ข้าทำกับข้าวเก้ออย่างคราวก่อนอีกล่ะ” แม่น้อยถาม ขณะที่กำลังง่วนอยู่กับผัดกะหล่ำปลีในกระทะอย่างเมามัน

“โธ่ แม่ก็.. คราวก่อนมันเหตุสุดวิสัยนี่จ๊ะ ไหนจะเรื่องป้าสอน ไหนจะเรื่องผู้กองที่บาดเจ็บในหน้าที่” น้ำประจบเอาใจ พลางเสนอหน้ายื่นจานให้มารดา

“อันนั้นข้าก็เข้าใจ แล้วกับข้าวที่ข้าทำไปฝากผู้กองนี่ถึงมือเขาแน่ใช่ไหม เอ็งเอาให้เขาใช่ไหมวะ” แม่น้อยถามย้ำ

“แม่มาถามฉันอะไรตอนนี้ ต่อให้ฉันไม่เอาไปให้ ก็ไม่ทันแล้วมั้ง” น้ำบอก กับข้าวมื้อเย็นไม่ได้เพิ่งผ่านมาวันสองวัน แต่เป็นสัปดาห์แล้ว

“ข้าก็ถามเพื่อความแน่ใจ”

“ถึงมือแน่นอน ผู้กองคนโปรดของแม่ กินหมดเกลี้ยงเหลือแต่ปิ่นโตเถาเปล่าๆ กลับมาไงจ๊ะ”

“เออ เอ็งไม่ได้เอาไปทิ้งก็แล้วไป แล้วนี่ผู้กองจวนใกล้เลิกงานหรือยัง” แม่น้อยถาม ไอ้น้ำหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงมาดู

“เลิกแล้ว อีกสักพักคงมาถึง แม่ทำกับข้าวเสร็จยังล่ะ”

“เหลือแกงหม้อนี้ ผู้กองมาคงได้ที่พอดีล่ะ เอ้า..นั่นเสียงรถใช่หรือเปล่า” แม่น้อยเงี่ยหูฟังให้ได้ยินชัดๆ

“น่าจะใช่จ้ะ เดี๋ยวฉันไปดูเอง” น้ำทิ้งทุกอย่าง แล้วรีบเดินออกจากครัวไปหน้าบ้านทันที

“ดูพี่เอ็งเถอะนะ ยายฝน” น้ำฝนที่เพิ่งเดินเข้ามาในครัว ถึงกับงง แม่บอกให้ดูอะไร น้ำฝน ไม่เข้าใจ

“เป็นอะไรของแม่” หญิงสาวพูด พลางหยิบจานชามช้อนส้อมต่างๆ เพื่อเตรียมออกไปวางที่โต๊ะ


น้ำเดินออกไป พอเห็นว่าใช่คนที่กำลังรอ เขาก็รีบลงบันไดไปหาอีกฝ่ายทันที


“มาแล้วเหรอ ผู้กอง”

“อืม ขอโทษทีมาช้าไปหน่อย”

“ไม่เป็นไร แม่ยังทำกับข้าวไม่เสร็จเลย แต่ใกล้แล้ว ผู้กองหิวหรือยัง” น้ำรายงานชายหนุ่ม

“ยังไม่ค่อยหิว”

“ปะ งั้นขึ้นบ้านก่อน” น้ำเอ่ยชวนตามมารยาทของเจ้าของบ้าน


หายหน้าหายตาไปร่วมเดือน วันนี้ผู้กองปรานต์จึงมีโอกาสมากินข้าวเย็นที่บ้านนายนทีอีกครา


“สวัสดีครับ แม่น้อย สวัสดีน้ำฝน” ผู้กองยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่าก่อนจะทักทายน้องสาวคนเล็กของบ้าน

“สวัสดีค่ะพี่ปรานต์” น้ำฝนยกมือไหว้

“ไหว้พระเถิดพ่อ นั่งพักให้หายเหนื่อยก่อน เดี๋ยวค่อยกินข้าวนะ กับข้าวจะเสร็จแล้ว” แม่น้อยเดินออกมาทันรับไหว้ผู้มาเยือน

“รบกวนด้วยนะครับ”

“รบกง รบกวนอะไร คนกันเอง ไม่ต้องเกรงใจไปหรอก” แม่น้อยโบกมือแล้วเดินกลับเข้าไปในครัว

“ขอบคุณครับ”

“แขนหายดีแล้วใช่ไหมคะพี่ปรานต์” เป็นน้ำฝนที่เอ่ยถามออกมา

“ยังเจ็บอยู่นิดหน่อย แต่โดยรวมก็เกือบปกติแล้วครับ ขอบคุณน้ำฝนที่เป็นห่วงพี่”

“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ปรานต์หายไวๆ ก็ดีแล้ว คนแถวนี้จะได้ไม่ร้องไห้ขี้มูกโป่ง”

“ยายฝน!” ไอ้น้ำดุ รีบสกัดน้องสาวเพราะกลัวอีกฝ่ายจะหลุดปากเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับผู้กอง

“ใครร้องไห้อะไรวะ น้ำฝน” แม่น้อยเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารพอ

“ไม่มีอะไรจ้ะ” ไอ้น้ำรีบแย่งน้องสาวตอบเสียเอง

“เอ้าๆ งั้นก็กินข้าวกันเถอะ” เจ้าภาพเปิดพิธี

“ครับ/จ้ะ แม่”

“เออ...จริงสิ...คดีของนางสอนเรียบร้อยแล้วเหรอผู้กอง” แม่น้อยถามขึ้นในช่วงที่เริ่มต้นทานมื้อเย็นกันไปสักครู่

“ครับ”

“ยุ่งเลยใช่ไหม หายหน้าไปเลย”

“ครับ ต้องจัดการเรื่องคดีของป้าสอน ลำบากใจเหมือนกัน ป้าสอนเป็นคนดี” ผู้กองตอบ

“ฉันได้ยินคนในตลาดพากันพูดต่างๆ นานา ก็ฟังมาอยู่บ้าง แต่อยากจะรู้จากผู้กองมากกว่า ครั้นจะถามไอ้น้ำ มันก็ปิดปากเงียบสนิทไม่ยอมบอก มันให้ฉันรอถามผู้กองเอง ดูมันเถอะ กับแม่มันก็ไม่เห็นใจ” แม่น้อยถาม ไม่ลืมที่จะค่อนขอดบุตรชายของตนเองไปด้วย

“กว่าจะยอมสารภาพก็ทำเอาเหนื่อยพอควร จริงๆ แล้วป้าสอนแกไม่ได้ตั้งใจจะลงมือฆ่าคุณพัดหรอกครับ แต่พลั้งมือทำลงไป วันเกิดเหตุ เพราะสินไปทำงานข้างนอก คุณพัดเลยตั้งใจจะหนีสามีกลับไปอยู่ที่บ้านของเธอเอง แต่เธอคิดผิดตรงที่ให้แฟนเก่า อย่างนายไม้ มารับ”

“เหรอ แล้วไงต่อล่ะพ่อ” แม่น้อยถามด้วยความสนใจ ส่วนไอ้น้ำกับน้ำฝนก็ตักอาหารเข้าปากไปด้วยก็นั่งฟังอย่างตั้งใจ ถึงแม้ไอ้น้ำจะรู้เรื่องทั้งหมดมาแล้ว เขาก็นั่งฟังเงียบๆ ไม่ขัดผู้กองที่กำลังเล่าเรื่องราวให้แม่น้อยฟัง

“โชคไม่ดีที่ป้าสอน แกดันมาเห็นคุณพัดที่เก็บกระเป๋ากำลังจะออกจากห้อง เลยมีปากเสียงกัน แกพยายามรั้งไม่ให้คุณพัดทิ้งลูกชายแกไปน่ะครับ และเพราะอารมณ์ชั่ววูบที่อยากจะรั้งคนรักของลูกเอาไว้ เลยออกแรงมากไปหน่อย เรื่องก็เลยเป็นอย่างที่เกิดขึ้นครับ”

“แล้วมันเกี่ยวกับนายไม้ยังไงล่ะผู้กอง ไม่เห็นรายนั้นจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง มันจะโชคไม่ดียังไง”

“เพราะถ้าคุณพัดหลบหนีออกมาเอง คงจะออกจากบ้านเร็วหรือช้ากว่าเดิม ไม่ใช่ช่วงเวลานั้นหรอกครับ แล้วที่นายไม้เพิ่งมาเวลานั้นก็เพราะเป็นเวลาหลังเลิกงานของตนเอง”

“คนมันถึงคราวเคราะห์นะ” แม่น้อยถอนหายใจแล้วพูดออกมา

“ทุกคนก็มีส่วนผิดกันทั้งนั้น ทั้งทางจิตใจหรือจะร่างกายก็ตาม”

“อืม”

“นายสินก็ผิดที่หึงหวงจนทำร้ายร่างกายภรรยาตลอดเวลา ความรักมันไม่ใช่การทำร้าย ส่วนป้าสอนก็รักลูกชาย จึงลงมือทำร้ายใครอีกคนไป แม้กระทั่งนายไม้ ที่รักคุณพัด แต่ก็พยายามยื่นมือเข้ามาเป็นมือที่สาม ก็เป็นสาเหตุหนึ่งให้คุณพัดถูกทำร้ายร่างกายอยู่เป็นประจำ”

“โธ่” นางน้อยยิ่งปวดใจ บุญกรรมของแต่ละคนจริงๆ

“ตรงกับที่คนในตลาดเล่ามาบ้างไหมครับ” ผู้กองเอ่ยถาม ทีเล่นทีจริงกับแม่น้อย

“ก็มีเหมือนบ้างไม่เหมือนบ้างล่ะพ่อ แต่...เอ..ก็ไม่ถึงกับต้องหายหน้าหายตาไปเลยนี่นา ดูสิ ผอมลงหรือเปล่า” แม่น้อยถามด้วยความเป็นห่วง

“นอกจากเรื่องคดีแล้ว ผมก็กำลังทำเรื่องย้ายกลับไปกรุงเทพฯ อยู่ด้วยครับ” ประโยคนี้ของ  ผู้กอง ทำให้ไอ้น้ำที่กำลังซดน้ำอยู่สำลักออกมา


ทำเรื่องย้าย? กลับกรุงเทพฯ?


ทำไมผู้กองไม่เคยปริปากพูดอะไรกับเขาเลย มันไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้มาก่อน ไอ้น้ำเงยหน้าสบตากับผู้กองที่มองมาพอดี ดวงตาอีกฝ่ายฉายแววกังวลอยู่พอประมาณ และคำตอบในดวงตานั้นก็บอกไอ้น้ำว่า เรื่องนี้จะคุยกันทีหลัง


“อ้าว ย้ายกลับ อะไรหรือพ่อ มาอยู่ยังไม่ครบปีเลย”

“ผมไม่รู้ว่าแม่น้อยพอจะทราบไหมว่าผมถูกย้ายมาที่นี่เพราะไปขัดแข้งขัดขาหัวหน้าเก่าของตัวเองที่กรุงเทพฯ เขาเลยส่งผมมาที่นี่หรือเรียกกันตามประสาชาวบ้านว่าถูกเด้งมาที่นี่น่ะครับ”     ผู้กองพูดยาวเหยียด

“ก็พอได้ยินมา แล้วมันยังไงกัน”

“เรื่องของผมถูกนำมาตรวจสอบใหม่อีกครั้ง จึงพบว่าผมไม่มีส่วนผิดหรือเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องที่หัวหน้าได้ทำไว้ ก็เลยจะย้ายผมกลับ”

“จะย้ายเมื่อไหร่” คำถามของแม่น้อย ถูกใจไอ้น้ำเป็นอย่างยิ่ง มันคันปากยุบยิบอยากถาม ชำระความกับคนตรงหน้าให้หมดสิ้น

“ยังไม่ทราบวันเวลาที่แน่ชัดครับ ต้องรอคำสั่งอีกที”

“เฮ้อ อะไรกัน ปุบปับเหลือเกิน” แม่น้อยบ่นด้วยความเสียดาย

“ผมมาหาแม่น้อยได้บ่อยๆ อยู่แล้วครับ กรุงเทพฯ กับที่นี่ห่างกันนิดเดียว สองสามชั่วโมงก็ขับรถมาถึง” ผู้กองบอก แต่ความนัยที่อยากจะมอบให้คือคนรักที่นั่งอยู่ข้างๆ คนนี้

“คงจะคิดถึงผู้กองเหมือนกัน คนเคยเจอกันทุกวัน เอาล่ะๆ ถ้าได้วันย้ายเมื่อไหร่ ก็เห็นแก่คนแก่คนนี้มาบอกฉันบ้างนะ”

“แน่นอนครับ ผมต้องบอกแน่ๆ”

“กินเยอะๆ นะพ่อ ผอมลงจริงๆ ด้วย นี่ผัดกะหล่ำเห็นไอ้น้ำบอกผู้กองชอบ คราวก่อนทำไว้ก็ไม่ได้กิน รอบนี้กินเยอะๆ นะ ไม่ต้องเกรงใจ” แม่น้อยตักกะหล่ำปลีผัดน้ำปลาใส่จานผู้กองอย่างเต็มที่

“ขอบคุณครับ” ผู้กองหนุ่มยิ้มให้อีกฝ่ายในความอาทรนั้น


แต่มื้อนี้ของไอ้น้ำ มันรู้สึกว่าไม่อร่อยเหมือนทุกที ไม่อร่อยเหมือนเวลาที่กินข้าวกับผู้กอง ไม่อร่อยที่ได้กินข้าวฝีมือแม่ ไม่อร่อยเลย ไข่เจียวหมูสับที่เขาชอบ มันก็ไม่อร่อย ข้าวสวยที่หุงใหม่ๆ มันก็ไม่หอม ไม่อร่อยเหมือนเคย ลิ้นมันขมปร่า ลิ้นมันฝาด กินอะไรก็ไม่อร่อยเลย


ทำไมแค่จะย้ายกลับบ้านถึงไม่ยอมบอกเขา


ทำไมเขาต้องรู้เรื่องนี้เหมือนมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร


เหมือนเขาไม่ใช่คน  ‘สำคัญ’



“น้ำ เดี๋ยวลงไปผู้กองเขาด้วยนะ ไอ้ด่างอีปุยมันชอบแฮ่ๆ ใส่” แม่น้อยบอก ไอ้น้ำเกาหัว ร้อยวันพันปี แม่ไม่เคยพูดถึงเรื่องหมา อีกทั้งผู้กองก็มาที่นี่บ่อยจนหมาสองตัวนี้มันคุ้นหน้าอีกฝ่ายไปตั้งนานแล้ว


แต่ถึงแม้ แม่จะไม่บอก เขาก็ตั้งใจจะลงไปส่งอีกฝ่ายอยู่แล้ว


“จ้ะ”


“ผมลานะครับ อาหารฝีมือแม่น้อยอร่อยเหมือนเดิม พี่ไปก่อนนะน้ำฝน” ผู้กองยกมือไหว้บอกลา

“มาบ่อยๆ นะ” แม่น้อยบอกรับไหว้อีกฝ่ายแล้วก็กลับไปสนใจโทรทัศน์ต่อ

“สวัสดีค่ะพี่ปรานต์” น้ำฝนยิ้มให้ แล้วก็ลงนั่งดูละครเป็นเพื่อนนางน้อย

“ผู้กอง” ไอ้น้ำเรียกอีกฝ่ายตอนที่ทั้งคู่เดินมาถึงรถของผู้กอง

“ครับ?”

“ครับ?แค่นี้? ผู้กองจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ” น้ำถาม มันไม่เข้าใจอะไรเลย

“ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน แต่มันยังไม่แน่นอน พี่เลยยังไม่อยากบอก”

“ทำไมล่ะ แล้วถ้าถึงตอนนั้น ถึงเวลาที่แน่นอนของผู้กอง มันจะไม่ช้าไปเหรอ” น้ำว่าอีกฝ่าย

“พี่...ยังไม่แน่ใจ เรื่องราชการพวกนี้มันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”

“เหมือนที่ผู้กองจะย้ายกลับไปปุบปับน่ะเหรอ”

“อย่าพูดแบบนี้ พี่เองก็ไม่ได้สบายใจ พี่เลยยังไม่อยากบอกให้น้ำไม่สบายใจไปด้วย”

“ผมไม่อยากรู้เรื่องอะไรพวกนี้ทีหลัง หรือผมไม่สำคัญสำหรับพี่เลย?”

“ไม่ใช่อย่างนั้น น้ำสำคัญสิ สำคัญกับพี่มาก พี่ถึงไม่สบายใจ พี่ไม่ได้อยากย้ายกลับไปตอนนี้ แต่ถ้ามีคำสั่งมาพี่ก็ขัดไม่ได้” ผู้กองหนุ่มกำลังอธิบาย เขาหวังว่าน้ำจะเข้าใจ

“โอเค ผมไม่ได้อยากโวยวายอะไร ผมแค่ตกใจ” น้ำสารภาพ อารามที่เขาวิตกว้าวุ่นในใจทำให้เขาคิดอะไรในแง่ลบไปหมด

“ถ้าพี่ต้องย้ายกลับไป พี่จะมาหาน้ำบ่อยๆ แล้วน้ำฝนจะย้ายไปเรียนที่กรุงเทพฯ อีก น้ำก็ต้องตามไปด้วยไม่ใช่เหรอ”

“อืม”

“ลองคิดดู ถึงตอนนั้น ถ้าพี่ยังประจำอยู่ที่นี่ การทำเรื่องย้ายกลับไป มันยากเหมือนกัน แบบนี้ไม่ดีเหรอ ที่พี่ได้ย้ายกลับไปก่อน ยังไงน้ำก็ตามพี่ไปทีหลังได้อยู่แล้ว จริงมั้ยครับ”

“อืม”

“อย่าเอาแต่รับคำสิ คิดยังไง บอกพี่ได้หรือเปล่า”

“ไม่รู้สิ ตอนนี้คือไม่รู้จริงๆ ทุกอย่างมันดูเกิดขึ้นเร็วไปหมด”

“พี่เข้าใจ พี่ถามน้ำสักคำ น้ำไม่อยากกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ เหรอ” ผู้กองหนุ่มถามเสียงนุ่ม

“ไม่ ผมไม่อยากกลับไปที่นั่น แต่..”

“แต่อะไรครับ”

“แต่ถ้าผู้กอง..พี่ปรานต์ย้ายกลับไปที่นั่น ผมก็คงต้องกลับไปด้วย” น้ำบอกออกมาจากใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้ความคิดของตัวเอง

“เก่งจริง แฟนพี่ เรื่องแม่น้อยไม่ต้องกังวล เราจะมาเยี่ยมท่านบ่อยๆ หรือน้ำอยากจะพักที่นี่นานๆ พี่ก็ไม่ว่าหรอก พี่ตามใจ ยังไงพี่ก็มาหาน้ำได้อยู่แล้ว”

“อือ ก็ได้”

“ไม่โกรธแล้วใช่ไหม”

“อือ”

“มาให้จูบหน่อย คิดถึงนะเนี่ย ไม่ได้เจอหลายวันเลย วันนี้ก็ไม่ค่อยได้คุยอีก”

“อะไรเล่า ก็ผู้กองงานยุ่งเองอะ”

“อย่าเล่นตัว พี่จะต้องกลับแล้ว เดี๋ยวแม่น้อยจะว่าทำไมน้ำลงมาส่งพี่นานเกินไป”

“ก็ได้”



ปรานต์ก้มหน้าลงจูบคนที่คิดถึงเพื่อให้คลายความคิดถึงลงบ้าง ช่วงหลายวันที่ผ่านมาเขาค่อนข้างยุ่งอย่างที่   ไอ้น้ำบ่น มันมีคดีเก่าๆ ที่เขาอยากสะสางก่อนจะย้ายกลับไป หรือปัญหาเก่าๆ ที่ยังค้างคาอยู่ในหมู่บ้านนี้ เมื่อถึงเวลาที่มีคนใหม่มาประจำที่นี่ต่อจากเขา คนใหม่นั้นจะได้ทำงานต่อได้อย่างราบรื่น


“ไอ้น้ำ! เอ็งกำลังทำอะไร!” อารมณ์ที่กำลังเคลิ้มของไอ้น้ำสะดุดลงเมื่อได้ยินเสียงมารดา ดังเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางหลังของเขา


“แม่!” มันหันไปตามเสียงเรียก ไอ้น้ำเห็นแม่น้อยยืนมองมาจากหน้าต่างบนบ้าน

“ฉิบหายแล้ว” มันพึมพำบอกตัวเองเสียงเบา งานนี้มันตายแน่ แม่เสียงแข็งขนาดนั้น

“ไม่เป็นไร น้ำ” ผู้กองบอก พลางลูบศีรษะปลอบใจ

“ขึ้นมาบนบ้านเดี๋ยวนี้!! ผู้กองด้วย” เหมือนคำสั่งประกาศิต สองหนุ่มจึงต้องเดินกลับขึ้นบ้านไป

“แม่...” ไอ้น้ำเรียกมารดาเสียงขยาด ยามที่มันขึ้นมายืนบนบ้านพร้อมกับผู้กองแล้ว

“ทำอะไรกัน ทั้งสองคน” แม่น้อยถามเสียงเข้ม ตั้งแต่วีรกรรมล่าสุดที่ไอ้น้ำเคยตีกับเพื่อนแล้ว เขาก็ไม่ได้ยินแม่ใช้น้ำเสียงแบบนี้อีกเลย

“แม่...”

“ข้าถามว่าทำอะไรกัน ทั้งสองคน”

“ผมกับน้ำ คบกันครับแม่น้อย เราสองคนเป็นแฟนกัน” ผู้กองหนุ่มรีบตอบอีกฝ่าย เขาไม่รู้ว่าคำตอบของเขาจะทำให้แม่น้อยโกรธน้อยลงหรือเพิ่มมากขึ้นกันแน่

“คบกัน!!??ทั้งผู้กองและไอ้น้ำ ต่างก็เป็นผู้ชายทั้งคู่ แล้วมาบอกข้าว่ากำลังคบกัน สติยังดีกันอยู่ใช่มั้ย” ไม่ต้องถามก็พอเดาได้ แม่น้อยโกรธมากขึ้นกว่าเดิม

“แม่...ใจเย็นๆ ฟังฉันก่อน”

“ฟังอะไร จะให้ข้าฟังเอ็งพูดอะไรหรือ ฮึ ไอ้น้ำ”

“แม่ ใจเย็นๆ ก่อนจ้ะ พี่น้ำอาจจะมีเหตุผลอยู่จ้ะ” น้ำฝนพยายามช่วยพี่ชายพูด

“หุบปากของเอ็งไปเลย ยายฝน ถ้านั่งเงียบเฉยๆ ไม่ได้ล่ะก็ กลับเข้าห้องของเอ็งไปซะ” น้ำฝนสะดุ้ง คราวนี้แม่โกรธจริงๆ


พี่น้ำขอโทษนะ ฉันช่วยอะไรพี่ไม่ได้ โชคดีนะพี่


“แม่อย่าโกรธฉันกับผู้กองเลยนะ”

“เอ็งเป็นผู้ชาย มันต้องรักต้องชอบพอกับผู้หญิง ไม่ใช่รักชอบเพศเดียวกันเอง”

“ยุคสมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้วนะแม่” น้ำพยายามเถียง

“จะสมัยไหนก็ช่างมัน ข้าไม่สนใจ แต่เอ็งจะทำแบบนี้ไม่ได้ ผู้กองเขามีพ่อมีแม่ เอ็งจะไปล่อลวงเขามาแบบนี้ไม่ได้”

“แม่น้อย เรื่องนี้ผมผิดเองครับ ผมเป็นฝ่ายชอบน้องเขาก่อน” ผู้กองออกรับแทน ยังไงแล้วเขาไม่อยากให้น้ำต้องมีปัญหากับแม่

“ถามหน่อยเถอะ พ่อแม่ผู้กองไม่ว่าอะไรหรือ ที่ผู้กองชอบผู้ชาย แล้วยิ่งมันเป็นเด็กบ้านนอกแบบนี้” แม่น้อยชี้ไปที่หน้าไอ้น้ำ นางสบตากับผู้กอง ดวงตาของนางนิ่งเสียจน ผู้กองยังรู้สึกหวาด ให้ไปจับผู้ร้าย ยังไม่น่ากลัวเท่ากับเผชิญหน้ากับแม่น้อยในเวลานี้เลย

“ไม่ว่าครับ พ่อแม่ผมรู้ว่าผมเป็นแบบนี้ อีกอย่างแม่เคยเจอน้องแล้ว แม่ชอบน้ำครับ”

“อ้อ อย่างนั้นหรือ ฉันไม่รู้นะว่าทำไมพ่อแม่ผู้กองถึงรับได้ แต่สำหรับฉัน ฉันรับไม่ได้ ฉันรับไม่ได้หรอกที่ไอ้น้ำมาชอบผู้ชายด้วยกันเอง และฉันอยากอุ้มหลานที่มาจากมัน”

“แม่...” น้ำเรียกแม่เสียงอ่อน เขากำลังมองเห็นอนาคตของตัวเองลางๆ

“...” ผู้กองในเวลานี้ก็ดูท่าจะสิ้นคำพูดเช่นกัน ดูเหมือนแม่น้อยจะไม่ยอมรับเรื่องของพวกเขาง่ายๆ

“ฉันล่ะเอะใจมาสักพักแล้วว่าทำไมทั้งสองคนจึงดูสนิทกันเหลือเกิน ที่แท้ก็แอบคบกันลับหลังฉัน”

“ไม่ได้ตั้งใจจะคบกันลับหลังแม่หรอก ฉันบอกผู้กองเองแหละว่าอย่าเพิ่งบอกแม่ เพราะกลัวว่าแม่จะเสียใจ ฉันเลยพยายามหาวิธีให้แม่เข้าใจฉัน” น้ำอธิบาย

“ถ้ากลัวข้าเสียใจแล้วทำไมถึงทำกับข้าแบบนี้ หา ไอ้น้ำ” แม่น้อยตวาดถามบุตรชายดังลั่น น้ำเงยหน้ามองมารดา ตอนนี้แม่น้อยไม่ได้ร้องไห้ออกมา จึงมีเพียงไอ้น้ำกับน้ำฝนที่กำลังร้องไห้อยู่ตรงหน้าของนาง

“แม่...ฉันขอโทษ อย่าโกรธฉันเลยนะจ๊ะ” น้ำทรุดตัวเข้าไปกอดขามารดา

“จะเอายังไง จะคบกับผู้กองต่อไหม”

“ได้มั้ยจ๊ะ แม่ได้มั้ย” มันเงยหน้าถามแม่ทั้งน้ำตา มองแม่น้อยอยากให้แม่เห็นใจความรักของมัน
“ได้สิ”

“จริงเหรอจ๊ะ” มันถามด้วยความดีใจที่แม่กำลังจะเปิดใจให้

 “ถ้าเอ็งจะคบกับผู้กองต่อ แต่เอ็งต้องไม่มีข้า แค่เอ็งคนเดียว ข้าจะพยายามตัดใจ” แม่น้อยบอกอย่างเด็ดเดี่ยว คำตอบของนางยิ่งทำให้ไอ้น้ำใจสลาย น้ำฝนก็ได้แต่ปล่อยโฮออกมาเพราะสงสารพี่ชายจับใจ


ผู้กองมองน้ำด้วยความเศร้าใจ ตาของเขาแดงก่ำเพราะกำลังกลั้นน้ำตาเอาไว้เหมือนกัน แต่เขาไม่อยากร้องไห้ให้น้ำต้องเห็นและเสียขวัญมากไปกว่านี้


“แม่..ฉันรักผู้กอง ฉันรักแม่ ทำไมฉันถึงรักทั้งแม่และผู้กองไปด้วยไม่ได้” น้ำถามหาความยุติธรรมจากมารดา

“ข้าอายขี้ปากคนที่นี่ ถ้าเอ็งจะรักชอบกันก็ไปเถอะ ข้าจะไม่ห้าม แต่เอ็งไม่ต้องกลับมาให้ข้าเห็นหน้าอีกก็พอ”

“แม่...” น้ำเลือกไม่ได้ มันยากเกินไปสำหรับเขา

“เลือกมา ว่าจะเอายังไง” แม่น้อยยื่นคำขาด


คนหนึ่งก็แม่ อีกคนหนึ่งก็คนรัก ทำไมแม่ต้องให้เขาเลือกอะไรแบบนี้ด้วย


“น้ำ” ผู้กองทรุดตัวลงนั่งข้างอีกฝ่าย

“หือ”

“เราหยุดกันแค่นี้เถอะ” ผู้กองก้มลงไปพูดกับอีกฝ่ายเสียงเรียบ แต่ใครจะรู้ว่าเขาปวดใจแค่ไหน เขาไม่เคยบอกเลิกใครมาก่อน น้ำคงเป็นคนสำคัญของเขาจริงๆ เขาถึงได้มีโอกาสบอกเลิกอีกฝ่ายเป็นคนแรก

“ไม่... ไม่เอา” น้ำส่ายน้ำพลางปฏิเสธ มือก็ยังจับชายผ้าถุงของแม่ไว้

“เชื่อพี่ ในเวลานี้มันเป็นทางออกที่ดีที่สุด” เขาบอกน้ำก่อนจะยืดตัวเต็มความสูงอีกครั้ง

“ผมไม่สบายใจถ้าหากน้ำต้องผิดใจกับแม่น้อย ผมยินดีที่จะเดินออกไปเอง ผมขอโทษที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้กับครอบครัวแม่น้อย ผมขอโทษ” ผู้กองหนุ่มบอกยืดยาวด้วยความรู้สึกผิด เขาควรมีความยับยั้งชั่งใจตั้งแต่แรกไม่น่าปล่อยให้ความรู้สึกมีเหนือเหตุผล จนเป็นเรื่องราวแบบนี้

“ถ้าผู้กองว่าอย่างนั้น ฉันก็ยินดี แต่ถ้าลูกชายฉันมันยังอยากจะคบกับผู้กองต่อ ฉันก็จะปล่อยมันไปเหมือนกัน ไม่รั้งเอาไว้” แม่น้อยบอกอย่างใจป้ำ

“แม่...ผู้กอง” น้ำรู้สึกเหมือนตนเองพูดไม่ออก เขาไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี นอกจากเรียกผู้กองและมารดา

“ขอโทษอีกครั้งครับ” ผู้กองหนุ่มบอกพลางยกมือไหว้ เขาทรุดตัวลงใกล้น้ำที่นั่งอยู่ ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะอีกฝ่าย

“พี่ปรานต์” น้ำเรียกชื่ออีกฝ่าย

“หืม?” ผู้กองยิ้มให้

“ผมขอโทษ” ในที่สุดน้ำก็ตัดสินใจ เขารักผู้กองแต่มารดาก็สำคัญที่สุดในชีวิต

“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ” ผู้กองบอกแค่นั้นแล้วเดินจากมา


เพราะถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเขาบ้าง ปรานต์เองก็คงต้องเลือกครอบครัวของตนเองเช่นเดียวกันกับน้ำ ความรักมันเจ็บปวด แต่เราก็จะผ่านมันไปได้ แม้จะใช้เวลาก็ตาม



==========================================

ชื่อตอนนี้ปุบปับ รับโชคจริงๆ ค่ะ เหมือนขึ้นรถไฟเหาะที่ทิ้งตัวดิ่งลงมา
ดูเหมือนทุกอย่างจะไปได้ดีแท้ๆ
แต่จู่ๆ ก็เหมือนสายฟ้าฟาดลงมาอย่างไรก็อย่างนั้น

อ่านแล้วอาจจะงง ว่าทำไมผู้กองตัดใจง่าย มีหลายเหตุผลอยู่ค่ะ
อย่าเพิ่งต่อว่าผู้กองนะคะ กว่าจะรักกันมันไม่ง่าย แล้วจะจากไปง่ายๆ จริงๆ เหรอ (จริงสิ?)

อ่านแล้วก็อาจจะงงอีก ทำไมตอนก่อนๆ ดูเหมือนแม่น้อยจะยอมรับ ความสัมพันธ์ไม่ใช่เหรอ
มันคล้ายกับ ไม่เห็น เท่ากับ ไม่รู้ ประมาณนั้นค่ะ เพราะต่อหน้าต่อหน้า ก็ลำบากใจหน่อย

อีกนิดดดดดดค่า ที่บอกว่าใกล้จบคือ 80-85% ของเรื่องแล้วค่ะ
แต่ยังมีอีกหลายตอนนักแล
ไม่ต้องกังวลไปค่า ยังได้อ่านอยู่หลาย ต่อ หลายตอนค่า

สำหรับคนที่ถามหา NC ขอคิดดูก่อนค่ะ แต่ตอนพิเศษมันต้องมี!
อยากอ่าน ต้องได้อ่าน ค่ะ

ขอบคุณคุณ PsychePie มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ที่เตือนมาเรื่อง สน. และ สภ. เขมแก้ในต้นฉบับเรียบร้อยค่ะ
ขออภัยในความผิดพลาดด้วยค่ะ

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
ไม่นะ
ทำไมเป็นแบบนี้

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
อ้าวว นึกว่าแม่น้อยจะรับได้ หรือแม่น้อยกำลังลองใจ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
สงสารน้ำ แต่คิดว่าโดนแม่น้อยลองใจมากกว่านะ เพื่อจะได้รู้ว่าคนทั้งคู่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ไหม
 :mew6: :mew6:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ taltal020441

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เอ้าาาา แม่น้อยยยยยยยยยยยยยยยยย
สงสารผู้กองกับน้องน้ำอ่าา

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ พิศตะวัน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 496
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-3

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
โชคร้ายยยยยยย


แม่ไม่ยอมรับ

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter


งวดสามสิบเอ็ด ความจริงที่เราต้องเจอ


            สองสัปดาห์ต่อมา ไอ้น้ำเอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง นอกจากเวลากินข้าวมันแทบไม่ออกจากห้อง ไม่ใช่ว่ามันอยากกินข้าวหรอก แต่มันกลัวตาย มันกลัวไม่ได้เจอกับผู้กองอีก อย่างน้อยขอแค่มันได้เห็นผู้กองระยะไกลๆ ก็ยังดี ทว่าในความเป็นจริง โหดร้ายนัก หลังจากเกิดเรื่องมันไม่เคยเห็นแม้แต่เงาของอีกฝ่าย กระทั่งเรื่องของผู้ชายคนนั้นมันยังไม่ได้ยินเลย


            เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเหลือเกิน


            คำพูดที่ไอ้น้ำขอโทษอีกฝ่ายไป ทั้งผู้กองปรานต์และนายนทีต่างเข้าใจความหมายได้เป็นอย่างดี ทำให้ทั้งสองคนไม่มีแม้แต่จะส่งข้อความหากันเหมือนเคย น้ำใกล้จะบ้าเต็มที มันมองแอปพลิเคชั่นสีเขียว ชื่อผู้กองอยู่ทั้งวี่ทั้งวันโดยไม่รู้เบื่อ


            มันทำได้แค่มอง และ มองชื่อของผู้กองเท่านั้น


            ไอ้น้ำเอ๊ย อกหักอีกแล้ว...อีกแล้วจริงๆ เหรอ


            หากสถานการณ์ยังคงทรุดและย่ำแย่อยู่แบบนี้ ในเมื่อทางโลกนั้นมันร้อนใจนัก คงต้องไปพึ่งทางธรรมเสียแล้วกระมัง ไอ้น้ำคิดออกมาก่อนจะสลัดหัวแรงๆ


            ‘บ้าจริง อย่าเอาปัญหาไปให้ศาสนาสิวะ’


            น้ำฝนมองประตูห้องที่ปิดสนิทของพี่ชายก่อนจะถามมารดาขึ้น “แม่จ๊ะ”


            “อะไรวะ” แม่น้อยตอบ ในขณะที่มือกำลังรูดชะอมออกจากก้าน วันนี้จะได้ทำน้ำพริกกะปิ กับไข่เจียวชะอม


            “เรื่องพี่น้ำกับพี่ปรา...” น้ำฝนเริ่มเอ่ยยังไม่ทันจบดี แม่น้อยก็สั่งห้ามเสียก่อน

            “หยุดเลย ยายฝน ข้าไม่อยากฟังเรื่องนี้ของพี่ชายเอ็ง”

            “แต่แม่จ๊ะ แม่จะใจร้ายกับพี่น้ำแบบนี้จริงๆ เหรอ” เธอเลือกใช้ไม้อ่อนเข้าพูดก่อน

            “ข้านี่นะ ใจร้าย แล้วพี่เอ็งล่ะ จะรักชอบพอใครข้าไม่เคยว่า ไม่เคยห้าม แล้วทำไมถึงเลือกผู้ชาย” แม่น้อยโยนก้านชะอมทิ้งลงกะละมังด้วยความโมโห


            คราวนี้น้ำฝนไม่ยอมลดละ เธอขอยืนหยัดสู้เพื่อพี่ชายอีกสักครา “พี่น้ำซึมลงไปทุกวันๆ ข้าวปลาก็กินน้อยลงไปมาก ชวนคุยอะไรก็ถามคำตอบคำ แม่พูดเหมือนแม่ไม่เห็นอาการของพี่น้ำ แบบนี้แล้วแม่ยังไม่สงสารพี่น้ำบ้างหรือไง”

            “ครั้งก่อนที่พี่เอ็งอกหักกลับมา มันก็ซึมแบบนี้ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น” แม่น้อยบอกปัด

            “ฉันว่าครั้งก่อนกับครั้งนี้ มันต่างกันนะจ๊ะ ผู้กองทำให้พี่น้ำยิ้มได้ หัวเราะร่าเริงจนลืมรักครั้งก่อนได้ แล้วครั้งนี้ล่ะ แม่จะใช้อะไรมาเยียวยาพี่น้ำ”

            “เวลาไง ตอนที่พ่อเอ็งตาย ข้าก็ใช้มันเยียวยาตัวข้าเหมือนกัน”

            “ฉันเชื่อว่าเวลาจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่แน่ใจหรือจ๊ะแม่ ว่ามันจะช่วยได้ทั้งหมด แม่กล้ายอมรับกับฉันตรงๆ ไหมว่าที่แม่เข้มแข็งทุกวันนี้เพราะว่าพี่น้ำกับฉัน” น้ำฝนเถียงเสียงแข็ง

            “นังฝน!! เอ็งกล้ามาสอนข้ารึ!?ข้าเลี้ยงเอ็งมาให้เติบใหญ่เพื่อให้เอ็งลุกขึ้นมาด่าข้าปาวๆ แบบนี้น่ะเหรอ” แม่น้อยไม่พอใจ ก่นด่าลูกสาวเสียงดัง

            “ฉันขอโทษ” น้ำฝนหน้าเสีย ยกมือไหว้มารดา “ฉันก็แค่พูดไปตามที่ฉันคิดเพราะฉันรักแม่และพี่น้ำจริงๆ ฉันมีแค่แม่กับพี่น้ำนะ”

            “พอได้แล้ว ข้าไม่อยากฟังเรื่องพวกนี้อีก เอ็งก็อย่าได้พูดเรื่องนี้ให้ข้าฟังอีก”

            “จ้ะ” น้ำฝนรับปาก เพราะเธอรู้ว่านี่คือคำสั่งของมารดา

            “แล้วเอ็งจะไปกรุงเทพฯ เมื่อไหร่” แม่น้อยเปลี่ยนเรื่องเพราะอยากให้บรรยากาศมันดีขึ้น

            “อังคารหน้าจ้ะ ไปก่อนเข้าค่ายสักสองสามวัน”

            “เข้าค่ายกี่วันล่ะ”

            “สี่วันจ้ะแม่ ศุกร์ ถึง จันทร์ กลับอีกทีคงวันอังคารหน้าเลยจ้ะ” น้ำฝนบอก

            “อืม สัปดาห์หนึ่งสินะ ก็ดี พี่ชายเอ็งจะได้ไปเปิดหูเปิดตาบ้าง”

            “แม่ให้พี่น้ำไปกับฉันเหรอ” น้ำฝนถาม

            “เออสิวะ จะให้เอ็งไปคนเดียวได้อย่างไร พี่เอ็งต้องไปด้วย”

            “จ้ะ งั้นฉันจะได้ไปกำชับกับพี่น้ำอีก เผื่อพี่น้ำลืม”

            “ไปบอกพี่เอ็งด้วยว่า ข้าจะไปตลาดไปซื้อของเพิ่ม ให้มันไปหิ้วตะกร้าช่วยข้าถือของหน่อย”

            “จ้ะ แม่”


            น้ำฝนลุกขึ้นตรงไปยังห้องพี่ชาย ไอ้น้ำที่ยืนพิงประตูห้องรีบผละจากบริเวณนั้นทันที มันรีบเข้าไปนอนบนเตียง พยายามทำท่าทางไม่ให้มีพิรุธ

            “พี่น้ำ” น้ำฝนเคาะประตูสองสามครั้ง “ฉันเข้าไปนะ”

            “อืม”

            “พี่น้ำ” น้ำฝนเรียกอีกครั้งเมื่อเธอก้าวเข้ามานั่งตรงเก้าอี้ทำงานของพี่ชาย

            “ว่าไง”

            “วันอังคารหน้าไปส่งฉันไปเข้าค่ายเภสัชฯ หน่อย พี่จำได้หรือเปล่า”

            “จำได้ๆ วันอังคารเหรอ อืม วันนี้วันเสาร์?”

            “ใช่”

            “อืม ได้”

            “นี่พี่น้ำ พี่โอเคนะ” น้ำฝนถามด้วยความเป็นห่วง

            ไอ้น้ำยิ้มให้น้องสาว “ข้าสบายดี เอ็งไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”

            “แม่ให้ฉันมาบอกพี่ว่าเดี๋ยวไปตลาดถือตะกร้าให้แม่หน่อย”

            “ได้”

            “พี่โอเคแน่นะ?” น้ำฝนยังไม่ค่อยอยากวางใจสักเท่าไหร่ พี่ชายของเธอดูว่าง่ายผิดปกติ ไม่เถียง ไม่กวนอารมณ์กลับ แต่ก็พอเข้าใจล่ะนะ ว่าความรู้สึกของพี่ชายตอนนี้ไม่ค่อยปกติ

            “เออ โอเคน่า ออกไปได้แล้ว บอกแม่ด้วยเดี๋ยวพี่ออกไป” น้ำไล่น้องสาว น้ำฝนจึงได้แต่เดินออกจากห้องนั้นไปอย่างเงียบๆ


             มารดาและบุตรชายเดินไปตลาดด้วยกันสองคนอย่างเงียบเชียบ ไร้บทสนทนาพูดคุยกันอย่างทุกที น้ำอึดอัดแต่เขายังไม่อยากพูด จนทั้งคู่เดินมาถึงตลาดสดแล้ว จึงได้ยินเสียงแห่งความคึกคักในตลาดดังลั่นอยู่ทั่วบริเวณ

            “อ้าว นึกว่าใคร ไอ้น้ำ วันนี้นึกอย่างไรมากับแม่เอ็งได้วะ เห็นนางน้อยบอกว่าเอ็งไม่ค่อยสบายเหรอ หายดีหรือยังล่ะ” นางแช่มถามเมื่อเห็นหน้าสองแม่ลูก ไอ้น้ำมองหน้าแม่น้อยด้วยความประหลาดใจ แต่ก็ยอมเออออตามคนถามไปโดยดี

            “หายดีแล้วจ้ะ วันนี้ฉันเลยมาตลาดช่วยแม่ถือของ”

            “เออ ดีแล้วล่ะ แม่เอ็งก็อายุมากขึ้นไปทุกวัน หิ้วของหนักๆ มันไม่ดีต่อหลัง ต่อเข่าหรอก”

            “จ้ะ” น้ำรับคำแล้วไม่พูดต่อ

            “นี่เอ็งสองแม่ลูก รู้เรื่องกันหรือยัง เขาพูดกันทั่วตลาดแล้วนะ”

            “เรื่องอะไรวะ” นางน้อยรีบถามทันที

            “เรื่องผู้กองน่ะสิ”

            “อย่างนั้นหรือ” สีหน้าอยากรู้อยากเห็นของแม่น้อยลดลงจนไอ้น้ำเห็นได้ชัดเจน

            “อะไรกัน เอ็งไม่อยากรู้หรือ แต่ข้าก็คันปาก อย่างไรก็ต้องพูด นี่คนอื่นเขารู้กันหมด พวกเอ็งจะตกข่าวไม่ได้นะ”

            “เรื่องอะไรล่ะ” นางน้อยเลยจำต้องถามเสียงเรียบ

            “เมื่อเช้านี้ ผู้กองเขาย้ายกลับไปบ้านเกิดเขาแล้วล่ะ” ไอ้น้ำรู้สึกหูอื้อ เมื่อได้ยินคำตอบของนางแช่ม

            “ยะ..ย้ายกลับไปแล้วเหรอจ๊ะ” น้ำถามซ้ำ

            “ใช่ เมื่อเช้านี้เอง จะเลี้ยงส่งอะไรก็ไม่เอา แล้วก็กลับไปซะเงียบๆ อย่างนั้นเองล่ะ แปลกจริงๆ”

            “ย้ายกลับไปก็ดี ที่นี่ไม่เหมาะกับผู้กองเขาหรอก” เป็นแม่น้อยของไอ้น้ำที่พูดขึ้นมา

            “ข้าว่าผู้กองก็ดีกับหมู่บ้านเรานะ ช่วยเหลือตั้งหลายอย่าง ติดเรื่องหวยเรื่องเดียวนั่นแหละ ไม่อยากให้กลับไปเลย แต่กลับไปก็ดี” นางแช่มกล่าว ฉับพลันดวงตาของนางก็สุกใสขึ้นมา นางหันมาทางไอ้น้ำทันที “นี่..ไอ้น้ำ กลับมาเดินโพยหวยอย่างเดิมดีไหมวะ ข้าล่ะคันมือจริงๆ” นางแช่มถามด้วยความหวัง

            “เออ จริงด้วย กลับมาเถอะไอ้น้ำ” นางเล็กเพื่อนซี้นางแช่มรีบสมทบ

            “ใช่ๆ” คนในตลาดที่เคยเป็นลูกค้าของไอ้น้ำพากันเห็นด้วยรีบช่วยพูดเป็นการใหญ่

            “ขอโทษป้าๆ ด้วยเถอะจ้ะ ฉันเลิกแล้ว เลิกจริงๆ” น้ำพูดพลางยกมือขอโทษ

            “อะไรของเอ็งว้า ผู้กองไม่อยู่แล้วแท้ๆ” นางแช่มพูดด้วยความเสียดาย

            “รีบไปซื้อของเถอะ” นางน้อยบอกบุตรชายก่อนจะบอกลานางแช่มแล้วเดินเลือกซื้อของต่อ


            ชายหนุ่มเดินตามมารดาไปเหมือนหุ่นยนต์ที่ถูกสั่งการบันทึกไว้ในสมอง เขาเดินตามแม่น้อยต้อยๆ เมื่อแม่น้อยหยุดเดิน มันก็หยุดเดิน เมื่อแม่น้อยออกก้าวเดิน มันค่อยเดินตาม ทำแบบนี้จนกระทั่งถึงบ้าน มันรีบวางตะกร้าใบใหญ่ลงบนโต๊ะที่ตั้งอยู่ในครัว เสร็จแล้วจึงรีบเข้าห้องปิดประตูลงกลอนเหมือนเช่นเคย



            ‘ไม่คิดแม้แต่จะบอกลากันเลยเหรอ’


            น้ำตาที่กลั้นไว้ตลอดทาง ตอนนี้มันไหลรินลงเป็นสายด้วยความเสียใจและน้อยใจ



            .
            .
            น้ำฝนกำลังนั่งมองพี่ชายอยู่ไม่วางตา ตอนนี้เธอกับพี่ชายนั่งอยู่บนรถตู้ น้ำฝนในเวลานี้มีสีหน้าไร้แววความตื่นเต้น มันมีแต่ความไม่สบายใจ พี่ชายของเธอหน้าเศร้าเหลือเกิน ตาก็ดูช้ำๆ เหมือนคนร้องไห้มาอย่างหนัก



            ‘พี่น้ำ พี่ไหวไหม แต่ฝนกำลังจะไม่ไหวแล้วนะพี่’


            อาการครั้งนี้ของน้ำ มันหนักหนากว่าครั้งก่อนมากโข ตอนนั้นพี่ชายของเธอทำเป็นเข็มแข็งไม่ให้ใครสงสัยและคอยเป็นห่วง ตอนนี้อาการพวกนั้นไม่มีแล้ว พี่ชายของเธอสร้างรอยยิ้มให้ตัวเองไม่ได้เลย น้ำฝนเสียใจ เธอไม่มีเบอร์ติดต่อของผู้กอง เธอร้อนรนอยากติดต่ออีกฝ่ายให้พี่ชายของตัวเองเหลือเกิน แต่เพราะทำไม่ได้จึงได้นั่งกระสับกระส่าย ร้อนรนอยู่ในใจอย่างนี้ จะช่วยพี่น้ำอย่างไรดี

            “ยายฝน อยากไปเที่ยวที่ไหนก่อนไปเข้าค่ายไหม” น้ำถามน้องสาว จริงๆ มันไม่ได้อยากไปไหนเลย แต่จะให้น้องสาวมาอุดอู้ตามมันก็คงจะไม่เข้าที

            “ได้หรือพี่น้ำ” เธอก็อยากไปเหมือนกัน แต่พอรู้ว่าพี่ชายคงไม่อยากไปไหนหรอก แต่การออกไปข้างนอกอาจจะทำให้พี่ชายหายคิดถึงเรื่องเศร้าๆ ก็ได้

            “อืม ได้สิ”

            “ถ้างั้นไปแถวมหา’ลัยที่ฉันอยากเข้าได้ปะ”

            “ไปสำรวจสถานที่เหรอ”

            “แน่นอน จะได้รู้ว่าน่าเรียนอย่างที่เห็นในรูปหรือเปล่า”

            “แบบไหนก็ดีทั้งนั้นแหละน่า” พี่ชายยีผมของน้ำฝนเจือไปด้วยรอยยิ้มจางๆ

            รอยยิ้มนี้ครั้งสุดท้ายมันเมื่อไหร่กันนะ นานไปหรือเปล่าที่น้ำฝนไม่เห็นรอยยิ้มของพี่ชาย


            ‘แม่จ๋า เมื่อไหร่แม่จะยอมใจอ่อนเสียที’  น้ำฝนได้แต่สวดภาวนาในใจ หวังว่าคำขอของเธอจะส่งผลถึงมารดาบ้าง อย่างน้อยเพียงแค่นิดเดียว นิดเดียวก็ยังดี


            พี่บาสขับรถมารับอดีตน้องชายร่วมสายงานถึงที่พัก ตอนที่ไอ้น้ำโทรหา เขาก็ดีใจมากแล้ว แต่พอมันบอกว่าจะมากรุงเทพฯ ด้วย เขายิ่งดีใจเพิ่มเข้าไปอีก แล้วพอมันบอกว่าจะพาน้องสาวมันด้วย เขาเหมือนทริปเปิ้ลความดีใจ ความสุขคูณสาม ตัวพี่มันหน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร น้องสาวคงจะหน้าตาดีไม่น้อย

            “อย่าคิดแม้แต่จะจีบ ผมจับพี่หักคอจริงๆ ด้วย” พี่บาสหน้าสลดลงเมื่อนึกถึงคำพูดของไอ้น้องชายตัวดีที่มันขู่เขาไว้ก่อนจะให้เขามารับ

            ‘ดุจริงเว้ย’พี่บาสได้แต่คิด ไม่กล้าพูดต่อหน้าหรอก

            “ไง สบายดีนะเว้ย” พี่บาสทักไอ้น้ำเป็นคำแรกที่เจอหน้า

            “สบายดีพี่” น้ำตอบพลางยกมือไหว้ เสร็จแล้วจึงแนะนำน้องสาวของตนให้อีกฝ่ายรู้จัก พี่บาสยิ้มร่ารับไหว้น้องสาวของไอ้น้ำ ถึงจะทำท่าทางดีอกดีใจแบบนั้นแต่พี่บาสก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของน้องชาย

            “แล้วนี่แกจะไปไหน บอกมาเลย วันนี้พี่เป็นสารถีขับรถให้เอง น้องน้ำฝนก็บอกมาได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจพี่” พี่บาสกล่าวอย่างคนอัธยาศัยดี

            “ขอบคุณค่ะ ฝนอยากไปแค่มหา’ลัยตามที่พี่น้ำบอกเท่านั้นก็พอแล้วค่ะ” น้ำฝนพยายามตอบด้วยสำเนียงภาคกลางที่เธอไม่ค่อยได้ใช้บ่อย ถึงแม้อีกฝ่ายจะบอกว่าไม่ต้องเกรงใจ แต่การที่จะสนิทใจกับคนที่เพิ่งเจอกันไม่กี่นาทีนั้น มันก็ออกจะง่ายไปหน่อย

            “แกล่ะ ไอ้น้ำ อยากไปที่ไหนไหม”

            “ไม่ล่ะพี่ ไปตามที่ยายฝนบอกก็พอแล้ว” น้ำตอบเรียบง่าย

            “ไอ้น้ำ..” พี่บาสคันปากอยากถามยิบๆ แต่ก็ต้องกลั้นใจไว้เพราะไม่อยากถามต่อหน้าน้องสาวของไอ้น้ำมัน ท่าทีหมดอาลัยตายอยากแบบนั้น มันเป็นอะไรกันแน่วะ

            “ถึงแล้วจ้า น้องน้ำฝน” พี่บาสหันมาพูดกับคนนั่งทางด้านหลังอย่างอารมณ์ดี

            หญิงสาวมองออกไปจากภายในรถด้วยความตื่นเต้น “ที่นี่เหรอคะ ใหญ่จัง”


            “ใช่แล้ว สอบเข้าให้ได้ล่ะ แม่กับพี่ชาย จะได้ภูมิใจ”

            “ฝนจะพยายามค่ะ”

            “อยากลงไปดูไหม”

            “เข้าไปได้เหรอคะ” เธอถามอย่างไม่แน่ใจ

            “ได้สิ ต้องได้แน่นอน”

            “ฝนอยากเข้าไปค่ะ” เธอบอกอย่างกระตือรือร้น

            “พี่ให้เวลาน้องฝนเข้าไปเดินชมได้อย่างเต็มที่เลย พี่กับพี่น้ำจะจอดรถรออยู่ตรงนี้โอเคไหมครับ เผื่อว่ามีตำรวจมาไล่ที่พวกเราจะได้ย้ายทันไม่เสียค่าปรับ” พี่บาสบอก แต่คำว่า‘ตำรวจ’ก็ทำให้สองพี่น้องสะดุ้งอยู่ในใจ น้ำฝนยังดูเก็บอาการได้มากกว่าพี่ชายด้วยซ้ำ เพราะไอ้น้ำน่าเศร้าลงไปอีก

            “ได้ค่ะ” เธอบอกพร้อมกับเตรียมเปิดประตูรถลงไป

            “อย่าไปนานนะ ยายฝน เกรงใจพี่บาสเขา” ชายหนุ่มเตือนน้องสาว

            “อืม” หญิงสาวรับคำแล้วลงจากรถทันที

            “เป็นอะไรวะ ไอ้น้ำ ทำไมแกดูซึมๆ เศร้าๆ มีอะไรหรือเปล่า” เมื่อเหลือกันเพียงแค่สองคน พี่บาสรีบรัวคำถามกับอีกฝ่ายทันที

            “ไม่มีอะไรนี่ ก็ปกตินะ” น้ำบอกปัด

            “อย่ามาโกหกพี่เลยว่ะ เห็นหน้าก็รู้ว่าอกหัก” พี่บาสพูดออกไปโดยไม่รู้ตัวเลยว่ามันจี้ใจของน้องชายคนนี้เข้าอย่างจัง

            “พี่คิดมากไปหรือเปล่า” น้ำยังคงเลือกเลี่ยงที่จะยอมรับ

            “อย่าโกหก ทำไมวะ ผู้กองไม่รับรักหรือไง”

            “พี่บาส...” เขากำลังเหนื่อย

            “ข้าพูดถูกใช่ไหม”

            “ไม่ใช่ ผู้กองเขา โอเคกับผม แต่มันมีเรื่องยากกว่านั้น ผมไม่รู้จะอธิบายพี่อย่างไรดี” เขาไม่รู้จะต้องเริ่มต้นจากจุดไหน

            “แล้วถ้าแกรักเขา เขารักแก แล้วมีอะไรให้น่าเศร้าวะ หรือผู้กองเขามีคนอื่น”

            “ไม่ใช่”

            “ผู้กองมีลูกมีเมียแล้ว”

            “ไม่ใช่พี่”

            “แล้วอะไรวะ ข้าจนปัญญาจะถามแล้วเนี่ย” พี่บาสบ่น

            “.....”

            “อะไรวะ ไอ้น้ำ ทำไมไม่ตอบ” ชายหนุ่มเรียกนายนที

            “.....”

            “ไอ้น้ำ” พี่บาสยังคงเรียกซ้ำ

   “.....”
           
            “เฮ้ย นี่กูเรียกมึงอยู่นะ ไม่ได้ยินหรือไง ไอ้น้ำโว้ย” พี่บาสตะโกนเรียกน้ำเสียงดังลั่นอยู่ภายในรถ จากที่อยากรู้ตอนนี้เขากำลังจะหงุดหงิดอีกฝ่ายแทนแล้ว


            มีอะไรทำไมไม่พูด เอาแต่เงียบอยู่นั่น แล้วใครมันจะรู้ได้วะ


            “ไอ้น้ำ กูจะถามมึงเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าไม่ตอบจะไม่ถามแล้วนะ” พี่บาสยื่นคำขาด

            “พี่บาส..” เสียงไอ้น้ำดังลอดออกมาแผ่วเบา



            ไอ้พี่บาสมองคนที่ดูเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ไม่พูดออกมาสักที แต่ที่น่าประหลาดใจคือมันไม่ได้สนใจจะคุยกับเขาต่างหาก มันแค่เรียกชื่อเขา แล้วมันกลับเลือกมองออกไปทางหน้ารถ พี่บาสเลยมองตามสายตาของไอ้น้ำไป



            ‘ฉิบหายแล้ว’พี่บาสอุทานอยู่ในใจ


            นั่นใครวะ คนที่ยืนอยู่หน้าโรงเรียนแห่งนั้น มันใช่ผู้กอง สุดที่รักของไอ้น้ำ หรือเปล่า พี่บาสกำลังเพ่งมองคนตรงหน้าให้แน่ชัด ก่อนจะบิงโกออกมา ถ้าไม่ใช่ ไอ้น้ำคงไม่นั่งนิ่งตัวแข็งขนาดนี้หรอก


            แล้วนั่นใครอีกคนวะ ตัวเล็กๆ หน้าใสๆ น่ารักชะมัด ดูเหมือนจะเป็นผู้ชายว่ะ ใช่ไหมวะ พี่บาสสับสน


            เดี๋ยวๆ ผู้กองคนนั้น จับหัวอีกฝ่ายด้วยว่ะ ส่งยิ้มให้กัน ราวกับโลกนี้มีเราแค่สองคน ทุกอย่างรอบตัวอบอวลไปด้วยสีชมพู ดอกรักโรยล้อมกาย


            พี่บาสหันกลับมามองไอ้น้ำ ที่นั่งนิ่งเป็นหุ่นไปแล้ว



            “ไอ้น้ำ ไหนว่าผู้กองไม่มีคนอื่นไงวะ” ไวเท่าความคิด พี่บาสหลุดปากถามหนุ่มรุ่นน้องออกไปแล้ว




==================================


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018



ออฟไลน์ anythinginitt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อ้าวๆๆ อันนี้เรียกปุ๊บปั๊บรับโชค จิงๆ นะเนีย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ตอกย้ำน้องน้ำเข้าไป จะตายอยู่แล้ว สงสารมากมาย
 :mew4:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ให้มันผ่าน เลยไป ใจเข้มแข็ง
ถึงแม้มัน จะอ่อนแรง แฝงหิวโหย
ไม่มีทาง จะให้เห็น ว่าแผ่วโรย
ไม่คร่ำครวญ ไม่โอดโอย ให้เห็นใจ

คิดซะว่า ที่ผ่านมา ทำให้สุข
คิดซะว่า เคยเปลื้องทุกข์ สนุกใส
ถึงเวลา ก็ต้องจาก พรากกันไป
ในเมื่อใคร คนหนึ่ง พึงจากลา

ก้าวเดินต่อ ไม่ยอมท้อ ขอแข็งแกร่ง
ไม่ยอมหมด ออมอดแรง แห่งหนหน้า
ทำได้เพียง เลี้ยงใจตน อดทนมา
และหวังว่า หน้ายิ้มใส ในพรุ่งนี้

กอดน้ำ..แน่นๆ ให้กำลังใจนะหนุ่มน้อย
อุปสรรคในวันนี้จะทำให้เราแข็งแกรงในวันหน้า

ปล่อยให้คนไม่จริงใจ โลเลในความรัก
กลับไปคบชู้สู่ชายกับคนเดิมนั่นละ..เหมาะสมกันแล้ว

ควายยังไงก็ยังเป็นควาย
เขาย่อมงอกอยู่บนหัว ยังไงก็ยังงั้น

ไอ่ผู้กอง.....บัฟ
ถ้าเป็นตรู..ผีก็ไม่เผาอ่ะ

ปากอย่างใจอย่าง
เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เรื่องแม่ยังไม่จบเลย มีเรื่องใหม่มาซ้ำอีก หวังว่าตอนหน้าเรื่องต่างๆจะดีขึ้น ไม่อยากให้น้ำเสียใจนาน

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
เอาล่ะ ช้ำใจซ้ำไปอีก สงสารน้ำจัง

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ Abella

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แม่น้ำนี่ยังไงทำเป็นเหมือนรับได้แต่ก็มาขัดเฉย ย้อนแย้งไหม ความสุขของลูกไม่สำคัญความรู้สึกตัวเองสำคัญที่สุดงั้นดิ ความแม่แค่ความเสียสละให้ลูกมีความสุขไม่ได้เหรอสงสารนะถ้าต้องเจอแบบนี้นี่

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter


งวดสามสิบสอง มันไม่ใช่อย่างที่คิด



            วรันต์กำลังยืนรอเด็กนักเรียนมัธยมต้น ลูกชายนายจ้าง ระหว่างนั้นเขาก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งในเครื่องแบบสีกากีเดินตรงเข้ามาหาเขา “พี่ปรานต์?” วรันต์หลุดปากเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ

            “พี่เอง เป็นไงบ้าง หายไปเลย ยายเป็นไงบ้าง” ผู้กองหนุ่มถามรัว เขาไม่ได้ข่าวคราวอดีตคนรักอย่างวรันต์มานาน

            “สบายดีครับ แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ อีกนิดจะวิ่งแข่งกับผมได้แล้ว” คนอ่อนวัยกว่าตอบพลางยิ้มให้ เขาหันกลับเข้าไปมองในโรงเรียน แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของคนที่กำลังรอจะออกมา

            “ผม?”

            “คนเคยสนิทก็ต้องลดขั้นตัวเองลงสิครับ แทนตัวเองว่าผมดีกว่า เผื่อคนสำคัญของผู้กองมาได้ยินคงจะไม่พอใจ” วรันต์อธิบาย

            “ห่างเหินไปเลย แต่ไม่เป็นไร ถ้ารันโอเค พี่ก็โอเค”

            “แล้วผู้กองมาแถวนี้ได้ไง แล้วมาอย่างไร”

            “พี่จอดรถอยู่ข้างหน้า พอดีขับผ่านแล้วเห็นคนหน้าคุ้นๆ เหมือนจะเป็นคนรู้จักเลยหยุดลงมาทักทาย” ผู้กองหนุ่มบอกด้วยท่าทีเป็นกันเอง

            “ขอบคุณครับ”

            “แล้วรันมาทำอะไรแถวนี้ รับวรงค์?” ผู้กองหนุ่มเดา

            “ไม่ใช่ครับ มารับลูกเจ้านายน่ะ”

            “ลูกเจ้านาย?”

            “ใช่ครับ มีคนจ้างผมทำงาน เขาชื่อคุณเตชัส”

            “คุณเตชัส” ผู้กองทวนชื่อพลางทำท่าคิด จนวรันต์สงสัย

            “ผู้กองรู้จักคุณเตชัสเหรอครับ”

            “ไม่แน่ใจ คนเราก็มีชื่อซ้ำกันได้ พี่ขอถามหน่อย คุณเตชัสนี่ ใช่ที่ทำธุรกิจนำเข้ารถยนต์หรือเปล่า”

            “ผู้กองรู้ได้ไง”

            “ใช่สินะ พี่เตเป็นเพื่อนกับพี่ปรัชญ์”

            “เหรอครับ ผมไม่เคยรู้มาก่อน” วรันต์บอก แต่เขาก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะเขาเจอหน้า  พี่ชายของผู้กองปรานต์นับครั้งได้ แล้วนับประสาอะไรจะรู้จักเพื่อนของคุณปรัชญ์

            “เขาโอเคใช่ไหม ไม่ได้บังคับอะไรรันนะ” ปรานต์ถามด้วยความเป็นห่วง

            “ผู้กองถามอย่างกับคุณเตเป็นคนไม่ดี” วรันต์พูดขำๆ กับคนตรงหน้า เขาไม่อยากให้ผู้กองต้องเป็นกังวล

            “ไม่ใช่หรอก พี่เตเป็นคนดี แต่นักธุรกิจไม่ได้มีแต่ด้านดีเสมอไป” ปรานต์พยายามบอกอย่างเป็นกลาง

            “ผมโอเค ผู้กองไม่ต้องเป็นห่วง”

            “ถ้ามีอะไรก็บอกพี่มาได้ตลอด ไม่ต้องเกรงใจ”


            “ขอบคุณครับ”

            “พี่ไปนะ ดูแลตัวเองด้วย” ปรานต์บอกลาพลางลูบศีรษะวรันต์ก่อนเดินกลับไปขึ้นรถ

            “ครับ ผู้กองก็เหมือนกัน” วรันต์โบกมือลา



            เขายืนรออยู่หน้าโรงเรียนต่ออีกห้านาทีก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เลยเวลาเลิกเรียนไปร่วมครึ่งชั่วโมงแล้ว ทว่ายังไม่เห็นร่างของเตชินทร์เดินออกมาจากโรงเรียนเสียที



            คงต้องเข้าไปตามเสียหน่อย



            วรันต์เดินเข้าไปในโรงเรียน ทักทายอาจารย์ที่คุ้นหน้ากันอยู่แล้วเป็นพิธี พลางถามว่าพอจะเห็นเตชินทร์บ้างหรือเปล่า อีกฝ่ายบอกกลับมาว่าเด็กชายอยู่ที่ไหนซึ่งเป็นที่ประจำของเจ้าตัว     วรันต์กล่าวขอบคุณแล้วมุ่งหน้าไปจุดหมายตามที่ได้ยินมาอย่างรวดเร็ว


            “เตชินทร์ ทำไมยังไม่ออกเสียที ฉันยืนรอเธอนานแล้วนะ” วรันต์บ่นอีกฝ่ายมาแต่ไกล ตั้งท่าจะบ่นซ้ำสอง สายตาก็เห็นเด็กชายที่เขามารับกำลังยืนคุยกับเด็กนักเรียนอีกคนหนึ่ง ใบหน้าของเตชินทร์ระบายไปด้วยรอยยิ้ม


            วรันต์คิดว่าเขากำลังจะเข้าใจอะไรลางๆ


            “ว่าไง รง” วรันต์ก้าวเข้าไปแทรกคนสองคนตรงกลาง

            “พี่รัน สวัสดีครับ พี่มาได้ไงอะ มาหาผมเหรอ” วรงค์ถามพี่ชาย เขาแปลกใจ ปกติแล้ว      วรันต์ไม่เคยมาหาเข้าที่โรงเรียนเลย นอกจากวันสำคัญที่โรงเรียนเรียกก็เท่านั้น ส่วนเตชินทร์ก็เงยหน้ามองคนสองคนด้วยความสงสัย

            “เปล่า พี่มารับเด็กคนนี้”

            “เด็กคนนี้?”


            “ใช่ ลูกชายเจ้านายพี่”

            “เหรอครับ”

            “แต่ดูเหมือนจะรู้จักกัน ดี อยู่แล้วนี่ ไม่ต้องแนะนำเนอะ” วรันต์บอก เขาเน้นย้ำคำว่าดีเป็นพิเศษ เพื่อสะกิดให้เตชินทร์เข้าใจความหมาย

            “ครับ ผมมาสอนการบ้านให้น้องชินบ่อยๆ อะพี่รัน”

            “อย่างนั้นเหรอ ถึงว่าพี่ยืนรอเขาตั้งนาน ไม่เห็นออกมาสักที” วรันต์แสร้งบ่นไม่จริงจัง

            “ผมไม่รู้ว่าพี่รันมารับ ไม่งั้นจะบอกให้น้องกลับไปเร็วกว่านี้”

            “ไม่เป็นไรหรอก เพราะน้องของรง คงอยากให้รงสอนการบ้านให้ล่ะมั้ง” วรันต์เหล่มองคนข้างกาย เตชินทร์ยังทำเงียบ ไม่พูดอะไร

            “เสร็จแล้ว” เจ้าตัวที่ถูกพาดพิงถึงเอ่ยปากบอกเป็นประโยคแรก

            “กลับเลยไหม”

            “อืม”

            “ถ้างั้น ฉันไปรอที่รถ จอดอยู่ที่เดิม พี่ไปก่อนนะรง” วรันต์บอกเสร็จ ก็เดินจากตรงนั้นมา ปล่อยให้สองคนนั้นได้พูดคุยกันอีกสักเล็กน้อย


            รอเพียงไม่นาน เตชินทร์ก็ขึ้นรถมา คราวนี้อีกฝ่ายไม่นั่งด้านหลังอย่างที่เคย ครั้งนี้ขึ้นมานั่งข้างคนขับ วรันต์เหลือบมองคนข้างๆ มุมปากยกยิ้ม แต่เขาก็ไม่พูดอะไร



            เด็กหนอเด็ก


            “นี่” รถเคลื่อนตัวไปสักพัก วรันต์ก็ได้ยินเสียงเด็กชายที่เส้นเสียงยังไม่แตกเอ่ยขึ้น

            “...” เขาตั้งใจไม่ตอบ

            “นี่ เรียกไม่ได้เหรอไง”

            “ได้ยินว่าเรียก แต่ไม่รู้ว่าเรียกใคร”

            “ก็อยู่กันแค่สองคน ไม่เรียกคุณแล้วจะเรียกใคร บ้าหรือเปล่า”

            “ฉันตั้งใจไม่ตอบ เพราะฉันมีชื่อ อีกอย่างฉันทำงานให้พ่อของเธอ ไม่ใช่ลูกจ้างเธอ” วรันต์แย้งกลับ

            “นี่...” เตชินทร์เรียกอีกฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง แต่เมื่อวรันต์ก็ยังไม่ตอบ เด็กชายจึงจำใจเรียกชื่อออกมา “คุณรัน”

            “จะเรียกฉันว่าพี่รันเหมือนอย่างที่รงเรียกก็ได้นะ ฉันไม่ว่าอะไรหรอก” วรันต์บอกเด็กน้อย ไม่ใช่ว่าเขาใจดีแต่เพราะเขากำลังแกล้งอีกฝ่ายเล่นต่างหาก

            “คุณเป็นอะไรกับพี่รง”

            “ชอบน้องชายฉันเหรอ” คำถามสองคำถามถูกถามขึ้นมาพร้อมกัน เด็กชายหน้าเปลี่ยนสีเข้มขึ้นเล็กน้อย วรันต์ละสายตาจากถนนมองคนนั่งข้าง


            เขิน?ดูง่ายจริงๆ


            “ว่าไง ชอบน้องชายฉันเหรอ” ชายหนุ่มถามย้ำ

            “คุณยังไม่ตอบว่าคุณเป็นอะไรกับพี่รง”

            “ก็ได้ ฉันบอกให้ก่อนก็ได้ แต่เธอต้องตอบคำถามฉันด้วยล่ะ”

            “ตกลง”

            “ฉันเป็นพี่ชายของวรงค์”

            “จริงอะ” เตชินทร์ไม่เชื่ออย่างแท้จริง ทั้งสองคนไม่มีอะไรเหมือนกันเลย

            “จริง”

            “หน้าไม่เห็นเหมือน พี่รงตัวออกจะใหญ่ คุณตัวแค่นี้ เตี้ยกว่าพี่รงตั้งเยอะ”

            “จะเหมือนไม่เหมือน ก็พี่น้องกันนั่นแหละ ตอบมา ว่าเธอชอบน้องชายฉันใช่หรือเปล่า”     วรันต์รีบตัดบท มาจี้ใจดำเรื่องความสูงกับเขาได้อย่างไรกัน เพราะส่วนสูงที่ไม่สูงมากเนี่ยแหละ ทำให้เขาถูกเหมาว่าเป็นผู้หญิงอยู่บ่อยครั้ง มันน่าภูมิใจตรงไหน

            “...”

            “สัญญาต้องเป็นสัญญาสิ จะเบี้ยวเหรอไง” วรันต์ทวงเมื่อเห็นเตชินทร์นิ่งเงียบ

            “...”

            “โอเค จะถือว่าเธอผิดสัญญา แต่ถึงจะไม่ตอบ ฉันก็พอรู้ว่าเธอชอบน้องชายฉัน แล้วถ้าไม่อยากให้ฉันขัดขวางหรือออกคำสั่งกับวรงค์ให้เลิกคุยกับเธอล่ะก็ เชื่อฟังฉันให้ดีๆ ล่ะ” วรันต์บอกแกมขู่

            “ฉันจะบอกคุณพ่อให้ไล่คุณออก”

            “ตามใจ”

            “แต่เธอก็จะไม่ได้คุยกับวรงค์อีก ก็เท่านั้นเอง”

            “คุณมันนิสัยไม่ดี!” เด็กชายชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างเกรี้ยวกราด

            “ฉันไม่เคยพูดว่านิสัยดีสักหน่อย ทำตัวให้น่ารักๆ เข้าไว้ แล้วฉันจะให้รงมาคุยกับเธอบ่อยๆ”

            “คุณขู่ฉัน”

            “เปล่า ก็แค่พูดลอยๆ จะเชื่อไม่เชื่อก็ตามใจ” วรันต์บอกแล้วก็ขับรถต่อโดยไม่สนใจคนข้างๆ ที่กำลังโมโหเขาอยู่ไม่น้อย



            กลับจากค่ายเภสัชฯ คราวนั้น น้ำฝนก็เห็นพี่ชายซึมลงมากกว่าเดิมอีก วันที่เธอไปสำรวจมหาวิทยาลัยที่อยากเข้า เมื่อกลับมาขึ้นรถ เธอสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ ภายในรถ มันดูเศร้าสร้อย หงอยเหงา และอึดอัด จนเธอไม่กล้าพูดอะไรมาก นอกจากบอกคนที่นั่งข้างหน้าทั้งสองคนว่าเธอกลับมาแล้ว



            แม้กระทั่งพี่บาสที่ชวนเธอคุยอย่างเฮฮา ก็กลับเงียบไปเหมือนกัน



            ช่วงเวลาที่เธอไม่อยู่ มันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่


            “พี่น้ำ” หญิงสาวเคาะประตูห้องนอนของพี่ชาย

            “หืม”

            “ฉันเข้าไปได้หรือเปล่า”

            “เข้ามาสิ ประตูไม่ได้ลงกลอน”



            น้ำฝนเปิดประตูเข้ามาก็เห็นพี่ชายของเธอนอนคว่ำอยู่ ท่าทางหมดอาลัยตายอยาก ท่านอนนี้ดูเป็นท่าประจำของพี่ชายเธอในช่วงนี้เสียแล้ว



            แล้วที่เธอหมั่นเข้ามาที่ห้องพี่ชายบ่อยๆ ไม่ใช่อะไร เธอกลัวไอ้พี่น้ำจะคิดสั้นแล้วจากโลกนี้ไปโดยไม่บอกใคร


            “มีอะไรหรือเปล่า”

            “ไม่มีอะ แค่อยากเข้ามาหาเฉยๆ ได้ปะ”

            “ว่างหรือไง ไม่อ่านหนังสืออะ” น้ำถามน้องสาว

            “อ่านจนเบื่อแล้ว เลยมาคุยกับพี่น้ำไง”

            “แล้วแม่ล่ะ” น้ำถามอีก

            “ไปสวน”

            “อืม” ไอ้น้ำครางรับคำก่อนจะฟุบหน้าลงกับหมอนเหมือนเดิม

            “พี่อะ ไม่ออกไปไหนเหรอ”

            “ไม่ไป ไม่รู้จะไปไหน”

            “แม่บอกฉันมาสักพักแล้ว แต่ฉันก็ลืม ร้านชุดไทยในตลาดฝากบอกมาว่ามีชุดไทยใหม่ๆ มาเพียบ รอให้พี่ไปเลือก”

            “ขอบใจ พี่ลืมไปแล้วนะเนี่ย เดี๋ยววันไหนไปตลาดจะซื้อมาหลายๆ ชุด แล้วเอาไปให้แม่ตะเคียนทีเดียวละกัน”

            “ทำไมต้องทีเดียว” น้ำฝนสงสัย

            “อีกหน่อยคงไม่ได้ไปแล้ว”

            “ทำไม พี่พูดให้เคลียร์ๆ ในคราวเดียวได้ไหมเนี่ย ฉันเริ่มงง” หญิงสาวเริ่มโวยวายที่พี่ชาย
ของเธอดันกลายเป็นคนที่ถามคำตอบคำ


            มันไม่ทันใจ น้ำฝนเซ็ง



            “ก็เลิกส่งหวยแล้ว”

            “แค่เลิกส่งหวย แต่ไม่ได้เลิกเล่นหวยนี่”

            “รู้ แต่ไม่อยากเล่นแล้ว มันเบื่อ”

            “เบื่อหวย หรือเบื่ออะไร เอาให้แน่”

            “เบื่อโลก ไม่อยากอยู่แล้ว”

            “พี่ว่าอะไรนะ”

            “เบื่อโลก มันเบื่อ” ไอ้น้ำตอบอย่างเซ็งๆ มันเบื่อจริงๆ

            “อ่า..เหรอ” น้ำฝนทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะออกจากห้องไป



            แล้วเย็นนั้น ระหว่างที่กินข้าวกันอยู่กับแม่น้อยตามลำพังสองคนเหมือนเช่นเคย น้ำฝนก็เปรยขึ้นมา


            “แม่จ๊ะ”

            “หืม อะไร”

            “วันนี้ฉันเข้าไปคุยกับพี่น้ำมา” แม่น้อยชะงักมือเล็กน้อยก่อนจะตักข้าวเข้าปาก

            “มันว่าอย่างไรบ้าง”  นางถามเรียบๆ เหมือนคุยเรื่องทั่วไป ทำเหมือนไม่มีปัญหาระหว่าง
กัน

            “ก็บอกว่าเบื่อจ้ะ”

            “ถ้ามันเบื่อก็ให้มันไปช่วยงานในสวน ไม่ก็หางานทำซะ” แม่น้อยบอก

            “ไม่ใช่อย่างนั้นจ้ะ พี่น้ำบอกว่าเบื่อโลก ไม่อยากอยู่แล้ว”

            “หา!? มันว่าอะไรนะ ไม่อยากอยู่แล้วรึ” แม่น้อยยกมือทาบอกด้วยความตกใจ

            “ใช่จ้ะ แม่” น้ำฝนหย่อนระเบิดลงไป แล้วลงมือกินข้าวต่ออย่างไม่ทุกข์ร้อน เธอไม่อยากมองหน้ามารดา เพราะเธอคงจะเดาสีหน้าของแม่น้อยไม่ออกอยู่ดี



==========================

ตอนที่แล้ว
เข้าใจผิดผู้กองเต็มเลย ใจเย็นๆ นะคะ
ผู้กองของเราเลือกแล้วก็เลือกเลยค่า

และ แด่น้ำฝน เก่งมากจ้ะ

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018 


 ===============================
RIP ขอไว้อาลัยให้กับ จ.อ. สมาน กุนันท์ หน่วยซีลนอกราชการ จากการท่าอากาศยานไทย (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ - เชียงใหม่ -เชียงราย) ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือที่ตั้งใจมอบให้นะคะ



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด