งวดสามสิบ ปุบปับ รับโชค
“ผู้กองมากินข้าวแน่นะเอ็ง ไม่ใช่หลอกให้ข้าทำกับข้าวเก้ออย่างคราวก่อนอีกล่ะ” แม่น้อยถาม ขณะที่กำลังง่วนอยู่กับผัดกะหล่ำปลีในกระทะอย่างเมามัน
“โธ่ แม่ก็.. คราวก่อนมันเหตุสุดวิสัยนี่จ๊ะ ไหนจะเรื่องป้าสอน ไหนจะเรื่องผู้กองที่บาดเจ็บในหน้าที่” น้ำประจบเอาใจ พลางเสนอหน้ายื่นจานให้มารดา
“อันนั้นข้าก็เข้าใจ แล้วกับข้าวที่ข้าทำไปฝากผู้กองนี่ถึงมือเขาแน่ใช่ไหม เอ็งเอาให้เขาใช่ไหมวะ” แม่น้อยถามย้ำ
“แม่มาถามฉันอะไรตอนนี้ ต่อให้ฉันไม่เอาไปให้ ก็ไม่ทันแล้วมั้ง” น้ำบอก กับข้าวมื้อเย็นไม่ได้เพิ่งผ่านมาวันสองวัน แต่เป็นสัปดาห์แล้ว
“ข้าก็ถามเพื่อความแน่ใจ”
“ถึงมือแน่นอน ผู้กองคนโปรดของแม่ กินหมดเกลี้ยงเหลือแต่ปิ่นโตเถาเปล่าๆ กลับมาไงจ๊ะ”
“เออ เอ็งไม่ได้เอาไปทิ้งก็แล้วไป แล้วนี่ผู้กองจวนใกล้เลิกงานหรือยัง” แม่น้อยถาม ไอ้น้ำหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงมาดู
“เลิกแล้ว อีกสักพักคงมาถึง แม่ทำกับข้าวเสร็จยังล่ะ”
“เหลือแกงหม้อนี้ ผู้กองมาคงได้ที่พอดีล่ะ เอ้า..นั่นเสียงรถใช่หรือเปล่า” แม่น้อยเงี่ยหูฟังให้ได้ยินชัดๆ
“น่าจะใช่จ้ะ เดี๋ยวฉันไปดูเอง” น้ำทิ้งทุกอย่าง แล้วรีบเดินออกจากครัวไปหน้าบ้านทันที
“ดูพี่เอ็งเถอะนะ ยายฝน” น้ำฝนที่เพิ่งเดินเข้ามาในครัว ถึงกับงง แม่บอกให้ดูอะไร น้ำฝน ไม่เข้าใจ
“เป็นอะไรของแม่” หญิงสาวพูด พลางหยิบจานชามช้อนส้อมต่างๆ เพื่อเตรียมออกไปวางที่โต๊ะ
น้ำเดินออกไป พอเห็นว่าใช่คนที่กำลังรอ เขาก็รีบลงบันไดไปหาอีกฝ่ายทันที
“มาแล้วเหรอ ผู้กอง”
“อืม ขอโทษทีมาช้าไปหน่อย”
“ไม่เป็นไร แม่ยังทำกับข้าวไม่เสร็จเลย แต่ใกล้แล้ว ผู้กองหิวหรือยัง” น้ำรายงานชายหนุ่ม
“ยังไม่ค่อยหิว”
“ปะ งั้นขึ้นบ้านก่อน” น้ำเอ่ยชวนตามมารยาทของเจ้าของบ้าน
หายหน้าหายตาไปร่วมเดือน วันนี้ผู้กองปรานต์จึงมีโอกาสมากินข้าวเย็นที่บ้านนายนทีอีกครา
“สวัสดีครับ แม่น้อย สวัสดีน้ำฝน” ผู้กองยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่าก่อนจะทักทายน้องสาวคนเล็กของบ้าน
“สวัสดีค่ะพี่ปรานต์” น้ำฝนยกมือไหว้
“ไหว้พระเถิดพ่อ นั่งพักให้หายเหนื่อยก่อน เดี๋ยวค่อยกินข้าวนะ กับข้าวจะเสร็จแล้ว” แม่น้อยเดินออกมาทันรับไหว้ผู้มาเยือน
“รบกวนด้วยนะครับ”
“รบกง รบกวนอะไร คนกันเอง ไม่ต้องเกรงใจไปหรอก” แม่น้อยโบกมือแล้วเดินกลับเข้าไปในครัว
“ขอบคุณครับ”
“แขนหายดีแล้วใช่ไหมคะพี่ปรานต์” เป็นน้ำฝนที่เอ่ยถามออกมา
“ยังเจ็บอยู่นิดหน่อย แต่โดยรวมก็เกือบปกติแล้วครับ ขอบคุณน้ำฝนที่เป็นห่วงพี่”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ปรานต์หายไวๆ ก็ดีแล้ว คนแถวนี้จะได้ไม่ร้องไห้ขี้มูกโป่ง”
“ยายฝน!” ไอ้น้ำดุ รีบสกัดน้องสาวเพราะกลัวอีกฝ่ายจะหลุดปากเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับผู้กอง
“ใครร้องไห้อะไรวะ น้ำฝน” แม่น้อยเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารพอ
“ไม่มีอะไรจ้ะ” ไอ้น้ำรีบแย่งน้องสาวตอบเสียเอง
“เอ้าๆ งั้นก็กินข้าวกันเถอะ” เจ้าภาพเปิดพิธี
“ครับ/จ้ะ แม่”
“เออ...จริงสิ...คดีของนางสอนเรียบร้อยแล้วเหรอผู้กอง” แม่น้อยถามขึ้นในช่วงที่เริ่มต้นทานมื้อเย็นกันไปสักครู่
“ครับ”
“ยุ่งเลยใช่ไหม หายหน้าไปเลย”
“ครับ ต้องจัดการเรื่องคดีของป้าสอน ลำบากใจเหมือนกัน ป้าสอนเป็นคนดี” ผู้กองตอบ
“ฉันได้ยินคนในตลาดพากันพูดต่างๆ นานา ก็ฟังมาอยู่บ้าง แต่อยากจะรู้จากผู้กองมากกว่า ครั้นจะถามไอ้น้ำ มันก็ปิดปากเงียบสนิทไม่ยอมบอก มันให้ฉันรอถามผู้กองเอง ดูมันเถอะ กับแม่มันก็ไม่เห็นใจ” แม่น้อยถาม ไม่ลืมที่จะค่อนขอดบุตรชายของตนเองไปด้วย
“กว่าจะยอมสารภาพก็ทำเอาเหนื่อยพอควร จริงๆ แล้วป้าสอนแกไม่ได้ตั้งใจจะลงมือฆ่าคุณพัดหรอกครับ แต่พลั้งมือทำลงไป วันเกิดเหตุ เพราะสินไปทำงานข้างนอก คุณพัดเลยตั้งใจจะหนีสามีกลับไปอยู่ที่บ้านของเธอเอง แต่เธอคิดผิดตรงที่ให้แฟนเก่า อย่างนายไม้ มารับ”
“เหรอ แล้วไงต่อล่ะพ่อ” แม่น้อยถามด้วยความสนใจ ส่วนไอ้น้ำกับน้ำฝนก็ตักอาหารเข้าปากไปด้วยก็นั่งฟังอย่างตั้งใจ ถึงแม้ไอ้น้ำจะรู้เรื่องทั้งหมดมาแล้ว เขาก็นั่งฟังเงียบๆ ไม่ขัดผู้กองที่กำลังเล่าเรื่องราวให้แม่น้อยฟัง
“โชคไม่ดีที่ป้าสอน แกดันมาเห็นคุณพัดที่เก็บกระเป๋ากำลังจะออกจากห้อง เลยมีปากเสียงกัน แกพยายามรั้งไม่ให้คุณพัดทิ้งลูกชายแกไปน่ะครับ และเพราะอารมณ์ชั่ววูบที่อยากจะรั้งคนรักของลูกเอาไว้ เลยออกแรงมากไปหน่อย เรื่องก็เลยเป็นอย่างที่เกิดขึ้นครับ”
“แล้วมันเกี่ยวกับนายไม้ยังไงล่ะผู้กอง ไม่เห็นรายนั้นจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง มันจะโชคไม่ดียังไง”
“เพราะถ้าคุณพัดหลบหนีออกมาเอง คงจะออกจากบ้านเร็วหรือช้ากว่าเดิม ไม่ใช่ช่วงเวลานั้นหรอกครับ แล้วที่นายไม้เพิ่งมาเวลานั้นก็เพราะเป็นเวลาหลังเลิกงานของตนเอง”
“คนมันถึงคราวเคราะห์นะ” แม่น้อยถอนหายใจแล้วพูดออกมา
“ทุกคนก็มีส่วนผิดกันทั้งนั้น ทั้งทางจิตใจหรือจะร่างกายก็ตาม”
“อืม”
“นายสินก็ผิดที่หึงหวงจนทำร้ายร่างกายภรรยาตลอดเวลา ความรักมันไม่ใช่การทำร้าย ส่วนป้าสอนก็รักลูกชาย จึงลงมือทำร้ายใครอีกคนไป แม้กระทั่งนายไม้ ที่รักคุณพัด แต่ก็พยายามยื่นมือเข้ามาเป็นมือที่สาม ก็เป็นสาเหตุหนึ่งให้คุณพัดถูกทำร้ายร่างกายอยู่เป็นประจำ”
“โธ่” นางน้อยยิ่งปวดใจ บุญกรรมของแต่ละคนจริงๆ
“ตรงกับที่คนในตลาดเล่ามาบ้างไหมครับ” ผู้กองเอ่ยถาม ทีเล่นทีจริงกับแม่น้อย
“ก็มีเหมือนบ้างไม่เหมือนบ้างล่ะพ่อ แต่...เอ..ก็ไม่ถึงกับต้องหายหน้าหายตาไปเลยนี่นา ดูสิ ผอมลงหรือเปล่า” แม่น้อยถามด้วยความเป็นห่วง
“นอกจากเรื่องคดีแล้ว ผมก็กำลังทำเรื่องย้ายกลับไปกรุงเทพฯ อยู่ด้วยครับ” ประโยคนี้ของ ผู้กอง ทำให้ไอ้น้ำที่กำลังซดน้ำอยู่สำลักออกมา
ทำเรื่องย้าย? กลับกรุงเทพฯ?
ทำไมผู้กองไม่เคยปริปากพูดอะไรกับเขาเลย มันไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้มาก่อน ไอ้น้ำเงยหน้าสบตากับผู้กองที่มองมาพอดี ดวงตาอีกฝ่ายฉายแววกังวลอยู่พอประมาณ และคำตอบในดวงตานั้นก็บอกไอ้น้ำว่า เรื่องนี้จะคุยกันทีหลัง
“อ้าว ย้ายกลับ อะไรหรือพ่อ มาอยู่ยังไม่ครบปีเลย”
“ผมไม่รู้ว่าแม่น้อยพอจะทราบไหมว่าผมถูกย้ายมาที่นี่เพราะไปขัดแข้งขัดขาหัวหน้าเก่าของตัวเองที่กรุงเทพฯ เขาเลยส่งผมมาที่นี่หรือเรียกกันตามประสาชาวบ้านว่าถูกเด้งมาที่นี่น่ะครับ” ผู้กองพูดยาวเหยียด
“ก็พอได้ยินมา แล้วมันยังไงกัน”
“เรื่องของผมถูกนำมาตรวจสอบใหม่อีกครั้ง จึงพบว่าผมไม่มีส่วนผิดหรือเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องที่หัวหน้าได้ทำไว้ ก็เลยจะย้ายผมกลับ”
“จะย้ายเมื่อไหร่” คำถามของแม่น้อย ถูกใจไอ้น้ำเป็นอย่างยิ่ง มันคันปากยุบยิบอยากถาม ชำระความกับคนตรงหน้าให้หมดสิ้น
“ยังไม่ทราบวันเวลาที่แน่ชัดครับ ต้องรอคำสั่งอีกที”
“เฮ้อ อะไรกัน ปุบปับเหลือเกิน” แม่น้อยบ่นด้วยความเสียดาย
“ผมมาหาแม่น้อยได้บ่อยๆ อยู่แล้วครับ กรุงเทพฯ กับที่นี่ห่างกันนิดเดียว สองสามชั่วโมงก็ขับรถมาถึง” ผู้กองบอก แต่ความนัยที่อยากจะมอบให้คือคนรักที่นั่งอยู่ข้างๆ คนนี้
“คงจะคิดถึงผู้กองเหมือนกัน คนเคยเจอกันทุกวัน เอาล่ะๆ ถ้าได้วันย้ายเมื่อไหร่ ก็เห็นแก่คนแก่คนนี้มาบอกฉันบ้างนะ”
“แน่นอนครับ ผมต้องบอกแน่ๆ”
“กินเยอะๆ นะพ่อ ผอมลงจริงๆ ด้วย นี่ผัดกะหล่ำเห็นไอ้น้ำบอกผู้กองชอบ คราวก่อนทำไว้ก็ไม่ได้กิน รอบนี้กินเยอะๆ นะ ไม่ต้องเกรงใจ” แม่น้อยตักกะหล่ำปลีผัดน้ำปลาใส่จานผู้กองอย่างเต็มที่
“ขอบคุณครับ” ผู้กองหนุ่มยิ้มให้อีกฝ่ายในความอาทรนั้น
แต่มื้อนี้ของไอ้น้ำ มันรู้สึกว่าไม่อร่อยเหมือนทุกที ไม่อร่อยเหมือนเวลาที่กินข้าวกับผู้กอง ไม่อร่อยที่ได้กินข้าวฝีมือแม่ ไม่อร่อยเลย ไข่เจียวหมูสับที่เขาชอบ มันก็ไม่อร่อย ข้าวสวยที่หุงใหม่ๆ มันก็ไม่หอม ไม่อร่อยเหมือนเคย ลิ้นมันขมปร่า ลิ้นมันฝาด กินอะไรก็ไม่อร่อยเลย
ทำไมแค่จะย้ายกลับบ้านถึงไม่ยอมบอกเขา
ทำไมเขาต้องรู้เรื่องนี้เหมือนมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร
เหมือนเขาไม่ใช่คน ‘สำคัญ’
“น้ำ เดี๋ยวลงไปผู้กองเขาด้วยนะ ไอ้ด่างอีปุยมันชอบแฮ่ๆ ใส่” แม่น้อยบอก ไอ้น้ำเกาหัว ร้อยวันพันปี แม่ไม่เคยพูดถึงเรื่องหมา อีกทั้งผู้กองก็มาที่นี่บ่อยจนหมาสองตัวนี้มันคุ้นหน้าอีกฝ่ายไปตั้งนานแล้ว
แต่ถึงแม้ แม่จะไม่บอก เขาก็ตั้งใจจะลงไปส่งอีกฝ่ายอยู่แล้ว
“จ้ะ”
“ผมลานะครับ อาหารฝีมือแม่น้อยอร่อยเหมือนเดิม พี่ไปก่อนนะน้ำฝน” ผู้กองยกมือไหว้บอกลา
“มาบ่อยๆ นะ” แม่น้อยบอกรับไหว้อีกฝ่ายแล้วก็กลับไปสนใจโทรทัศน์ต่อ
“สวัสดีค่ะพี่ปรานต์” น้ำฝนยิ้มให้ แล้วก็ลงนั่งดูละครเป็นเพื่อนนางน้อย
“ผู้กอง” ไอ้น้ำเรียกอีกฝ่ายตอนที่ทั้งคู่เดินมาถึงรถของผู้กอง
“ครับ?”
“ครับ?แค่นี้? ผู้กองจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ” น้ำถาม มันไม่เข้าใจอะไรเลย
“ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน แต่มันยังไม่แน่นอน พี่เลยยังไม่อยากบอก”
“ทำไมล่ะ แล้วถ้าถึงตอนนั้น ถึงเวลาที่แน่นอนของผู้กอง มันจะไม่ช้าไปเหรอ” น้ำว่าอีกฝ่าย
“พี่...ยังไม่แน่ใจ เรื่องราชการพวกนี้มันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”
“เหมือนที่ผู้กองจะย้ายกลับไปปุบปับน่ะเหรอ”
“อย่าพูดแบบนี้ พี่เองก็ไม่ได้สบายใจ พี่เลยยังไม่อยากบอกให้น้ำไม่สบายใจไปด้วย”
“ผมไม่อยากรู้เรื่องอะไรพวกนี้ทีหลัง หรือผมไม่สำคัญสำหรับพี่เลย?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น น้ำสำคัญสิ สำคัญกับพี่มาก พี่ถึงไม่สบายใจ พี่ไม่ได้อยากย้ายกลับไปตอนนี้ แต่ถ้ามีคำสั่งมาพี่ก็ขัดไม่ได้” ผู้กองหนุ่มกำลังอธิบาย เขาหวังว่าน้ำจะเข้าใจ
“โอเค ผมไม่ได้อยากโวยวายอะไร ผมแค่ตกใจ” น้ำสารภาพ อารามที่เขาวิตกว้าวุ่นในใจทำให้เขาคิดอะไรในแง่ลบไปหมด
“ถ้าพี่ต้องย้ายกลับไป พี่จะมาหาน้ำบ่อยๆ แล้วน้ำฝนจะย้ายไปเรียนที่กรุงเทพฯ อีก น้ำก็ต้องตามไปด้วยไม่ใช่เหรอ”
“อืม”
“ลองคิดดู ถึงตอนนั้น ถ้าพี่ยังประจำอยู่ที่นี่ การทำเรื่องย้ายกลับไป มันยากเหมือนกัน แบบนี้ไม่ดีเหรอ ที่พี่ได้ย้ายกลับไปก่อน ยังไงน้ำก็ตามพี่ไปทีหลังได้อยู่แล้ว จริงมั้ยครับ”
“อืม”
“อย่าเอาแต่รับคำสิ คิดยังไง บอกพี่ได้หรือเปล่า”
“ไม่รู้สิ ตอนนี้คือไม่รู้จริงๆ ทุกอย่างมันดูเกิดขึ้นเร็วไปหมด”
“พี่เข้าใจ พี่ถามน้ำสักคำ น้ำไม่อยากกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ เหรอ” ผู้กองหนุ่มถามเสียงนุ่ม
“ไม่ ผมไม่อยากกลับไปที่นั่น แต่..”
“แต่อะไรครับ”
“แต่ถ้าผู้กอง..พี่ปรานต์ย้ายกลับไปที่นั่น ผมก็คงต้องกลับไปด้วย” น้ำบอกออกมาจากใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้ความคิดของตัวเอง
“เก่งจริง แฟนพี่ เรื่องแม่น้อยไม่ต้องกังวล เราจะมาเยี่ยมท่านบ่อยๆ หรือน้ำอยากจะพักที่นี่นานๆ พี่ก็ไม่ว่าหรอก พี่ตามใจ ยังไงพี่ก็มาหาน้ำได้อยู่แล้ว”
“อือ ก็ได้”
“ไม่โกรธแล้วใช่ไหม”
“อือ”
“มาให้จูบหน่อย คิดถึงนะเนี่ย ไม่ได้เจอหลายวันเลย วันนี้ก็ไม่ค่อยได้คุยอีก”
“อะไรเล่า ก็ผู้กองงานยุ่งเองอะ”
“อย่าเล่นตัว พี่จะต้องกลับแล้ว เดี๋ยวแม่น้อยจะว่าทำไมน้ำลงมาส่งพี่นานเกินไป”
“ก็ได้”
ปรานต์ก้มหน้าลงจูบคนที่คิดถึงเพื่อให้คลายความคิดถึงลงบ้าง ช่วงหลายวันที่ผ่านมาเขาค่อนข้างยุ่งอย่างที่ ไอ้น้ำบ่น มันมีคดีเก่าๆ ที่เขาอยากสะสางก่อนจะย้ายกลับไป หรือปัญหาเก่าๆ ที่ยังค้างคาอยู่ในหมู่บ้านนี้ เมื่อถึงเวลาที่มีคนใหม่มาประจำที่นี่ต่อจากเขา คนใหม่นั้นจะได้ทำงานต่อได้อย่างราบรื่น
“ไอ้น้ำ! เอ็งกำลังทำอะไร!” อารมณ์ที่กำลังเคลิ้มของไอ้น้ำสะดุดลงเมื่อได้ยินเสียงมารดา ดังเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางหลังของเขา
“แม่!” มันหันไปตามเสียงเรียก ไอ้น้ำเห็นแม่น้อยยืนมองมาจากหน้าต่างบนบ้าน
“ฉิบหายแล้ว” มันพึมพำบอกตัวเองเสียงเบา งานนี้มันตายแน่ แม่เสียงแข็งขนาดนั้น
“ไม่เป็นไร น้ำ” ผู้กองบอก พลางลูบศีรษะปลอบใจ
“ขึ้นมาบนบ้านเดี๋ยวนี้!! ผู้กองด้วย” เหมือนคำสั่งประกาศิต สองหนุ่มจึงต้องเดินกลับขึ้นบ้านไป
“แม่...” ไอ้น้ำเรียกมารดาเสียงขยาด ยามที่มันขึ้นมายืนบนบ้านพร้อมกับผู้กองแล้ว
“ทำอะไรกัน ทั้งสองคน” แม่น้อยถามเสียงเข้ม ตั้งแต่วีรกรรมล่าสุดที่ไอ้น้ำเคยตีกับเพื่อนแล้ว เขาก็ไม่ได้ยินแม่ใช้น้ำเสียงแบบนี้อีกเลย
“แม่...”
“ข้าถามว่าทำอะไรกัน ทั้งสองคน”
“ผมกับน้ำ คบกันครับแม่น้อย เราสองคนเป็นแฟนกัน” ผู้กองหนุ่มรีบตอบอีกฝ่าย เขาไม่รู้ว่าคำตอบของเขาจะทำให้แม่น้อยโกรธน้อยลงหรือเพิ่มมากขึ้นกันแน่
“คบกัน!!??ทั้งผู้กองและไอ้น้ำ ต่างก็เป็นผู้ชายทั้งคู่ แล้วมาบอกข้าว่ากำลังคบกัน สติยังดีกันอยู่ใช่มั้ย” ไม่ต้องถามก็พอเดาได้ แม่น้อยโกรธมากขึ้นกว่าเดิม
“แม่...ใจเย็นๆ ฟังฉันก่อน”
“ฟังอะไร จะให้ข้าฟังเอ็งพูดอะไรหรือ ฮึ ไอ้น้ำ”
“แม่ ใจเย็นๆ ก่อนจ้ะ พี่น้ำอาจจะมีเหตุผลอยู่จ้ะ” น้ำฝนพยายามช่วยพี่ชายพูด
“หุบปากของเอ็งไปเลย ยายฝน ถ้านั่งเงียบเฉยๆ ไม่ได้ล่ะก็ กลับเข้าห้องของเอ็งไปซะ” น้ำฝนสะดุ้ง คราวนี้แม่โกรธจริงๆ
พี่น้ำขอโทษนะ ฉันช่วยอะไรพี่ไม่ได้ โชคดีนะพี่
“แม่อย่าโกรธฉันกับผู้กองเลยนะ”
“เอ็งเป็นผู้ชาย มันต้องรักต้องชอบพอกับผู้หญิง ไม่ใช่รักชอบเพศเดียวกันเอง”
“ยุคสมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้วนะแม่” น้ำพยายามเถียง
“จะสมัยไหนก็ช่างมัน ข้าไม่สนใจ แต่เอ็งจะทำแบบนี้ไม่ได้ ผู้กองเขามีพ่อมีแม่ เอ็งจะไปล่อลวงเขามาแบบนี้ไม่ได้”
“แม่น้อย เรื่องนี้ผมผิดเองครับ ผมเป็นฝ่ายชอบน้องเขาก่อน” ผู้กองออกรับแทน ยังไงแล้วเขาไม่อยากให้น้ำต้องมีปัญหากับแม่
“ถามหน่อยเถอะ พ่อแม่ผู้กองไม่ว่าอะไรหรือ ที่ผู้กองชอบผู้ชาย แล้วยิ่งมันเป็นเด็กบ้านนอกแบบนี้” แม่น้อยชี้ไปที่หน้าไอ้น้ำ นางสบตากับผู้กอง ดวงตาของนางนิ่งเสียจน ผู้กองยังรู้สึกหวาด ให้ไปจับผู้ร้าย ยังไม่น่ากลัวเท่ากับเผชิญหน้ากับแม่น้อยในเวลานี้เลย
“ไม่ว่าครับ พ่อแม่ผมรู้ว่าผมเป็นแบบนี้ อีกอย่างแม่เคยเจอน้องแล้ว แม่ชอบน้ำครับ”
“อ้อ อย่างนั้นหรือ ฉันไม่รู้นะว่าทำไมพ่อแม่ผู้กองถึงรับได้ แต่สำหรับฉัน ฉันรับไม่ได้ ฉันรับไม่ได้หรอกที่ไอ้น้ำมาชอบผู้ชายด้วยกันเอง และฉันอยากอุ้มหลานที่มาจากมัน”
“แม่...” น้ำเรียกแม่เสียงอ่อน เขากำลังมองเห็นอนาคตของตัวเองลางๆ
“...” ผู้กองในเวลานี้ก็ดูท่าจะสิ้นคำพูดเช่นกัน ดูเหมือนแม่น้อยจะไม่ยอมรับเรื่องของพวกเขาง่ายๆ
“ฉันล่ะเอะใจมาสักพักแล้วว่าทำไมทั้งสองคนจึงดูสนิทกันเหลือเกิน ที่แท้ก็แอบคบกันลับหลังฉัน”
“ไม่ได้ตั้งใจจะคบกันลับหลังแม่หรอก ฉันบอกผู้กองเองแหละว่าอย่าเพิ่งบอกแม่ เพราะกลัวว่าแม่จะเสียใจ ฉันเลยพยายามหาวิธีให้แม่เข้าใจฉัน” น้ำอธิบาย
“ถ้ากลัวข้าเสียใจแล้วทำไมถึงทำกับข้าแบบนี้ หา ไอ้น้ำ” แม่น้อยตวาดถามบุตรชายดังลั่น น้ำเงยหน้ามองมารดา ตอนนี้แม่น้อยไม่ได้ร้องไห้ออกมา จึงมีเพียงไอ้น้ำกับน้ำฝนที่กำลังร้องไห้อยู่ตรงหน้าของนาง
“แม่...ฉันขอโทษ อย่าโกรธฉันเลยนะจ๊ะ” น้ำทรุดตัวเข้าไปกอดขามารดา
“จะเอายังไง จะคบกับผู้กองต่อไหม”
“ได้มั้ยจ๊ะ แม่ได้มั้ย” มันเงยหน้าถามแม่ทั้งน้ำตา มองแม่น้อยอยากให้แม่เห็นใจความรักของมัน
“ได้สิ”
“จริงเหรอจ๊ะ” มันถามด้วยความดีใจที่แม่กำลังจะเปิดใจให้
“ถ้าเอ็งจะคบกับผู้กองต่อ แต่เอ็งต้องไม่มีข้า แค่เอ็งคนเดียว ข้าจะพยายามตัดใจ” แม่น้อยบอกอย่างเด็ดเดี่ยว คำตอบของนางยิ่งทำให้ไอ้น้ำใจสลาย น้ำฝนก็ได้แต่ปล่อยโฮออกมาเพราะสงสารพี่ชายจับใจ
ผู้กองมองน้ำด้วยความเศร้าใจ ตาของเขาแดงก่ำเพราะกำลังกลั้นน้ำตาเอาไว้เหมือนกัน แต่เขาไม่อยากร้องไห้ให้น้ำต้องเห็นและเสียขวัญมากไปกว่านี้
“แม่..ฉันรักผู้กอง ฉันรักแม่ ทำไมฉันถึงรักทั้งแม่และผู้กองไปด้วยไม่ได้” น้ำถามหาความยุติธรรมจากมารดา
“ข้าอายขี้ปากคนที่นี่ ถ้าเอ็งจะรักชอบกันก็ไปเถอะ ข้าจะไม่ห้าม แต่เอ็งไม่ต้องกลับมาให้ข้าเห็นหน้าอีกก็พอ”
“แม่...” น้ำเลือกไม่ได้ มันยากเกินไปสำหรับเขา
“เลือกมา ว่าจะเอายังไง” แม่น้อยยื่นคำขาด
คนหนึ่งก็แม่ อีกคนหนึ่งก็คนรัก ทำไมแม่ต้องให้เขาเลือกอะไรแบบนี้ด้วย
“น้ำ” ผู้กองทรุดตัวลงนั่งข้างอีกฝ่าย
“หือ”
“เราหยุดกันแค่นี้เถอะ” ผู้กองก้มลงไปพูดกับอีกฝ่ายเสียงเรียบ แต่ใครจะรู้ว่าเขาปวดใจแค่ไหน เขาไม่เคยบอกเลิกใครมาก่อน น้ำคงเป็นคนสำคัญของเขาจริงๆ เขาถึงได้มีโอกาสบอกเลิกอีกฝ่ายเป็นคนแรก
“ไม่... ไม่เอา” น้ำส่ายน้ำพลางปฏิเสธ มือก็ยังจับชายผ้าถุงของแม่ไว้
“เชื่อพี่ ในเวลานี้มันเป็นทางออกที่ดีที่สุด” เขาบอกน้ำก่อนจะยืดตัวเต็มความสูงอีกครั้ง
“ผมไม่สบายใจถ้าหากน้ำต้องผิดใจกับแม่น้อย ผมยินดีที่จะเดินออกไปเอง ผมขอโทษที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้กับครอบครัวแม่น้อย ผมขอโทษ” ผู้กองหนุ่มบอกยืดยาวด้วยความรู้สึกผิด เขาควรมีความยับยั้งชั่งใจตั้งแต่แรกไม่น่าปล่อยให้ความรู้สึกมีเหนือเหตุผล จนเป็นเรื่องราวแบบนี้
“ถ้าผู้กองว่าอย่างนั้น ฉันก็ยินดี แต่ถ้าลูกชายฉันมันยังอยากจะคบกับผู้กองต่อ ฉันก็จะปล่อยมันไปเหมือนกัน ไม่รั้งเอาไว้” แม่น้อยบอกอย่างใจป้ำ
“แม่...ผู้กอง” น้ำรู้สึกเหมือนตนเองพูดไม่ออก เขาไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี นอกจากเรียกผู้กองและมารดา
“ขอโทษอีกครั้งครับ” ผู้กองหนุ่มบอกพลางยกมือไหว้ เขาทรุดตัวลงใกล้น้ำที่นั่งอยู่ ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะอีกฝ่าย
“พี่ปรานต์” น้ำเรียกชื่ออีกฝ่าย
“หืม?” ผู้กองยิ้มให้
“ผมขอโทษ” ในที่สุดน้ำก็ตัดสินใจ เขารักผู้กองแต่มารดาก็สำคัญที่สุดในชีวิต
“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ” ผู้กองบอกแค่นั้นแล้วเดินจากมา
เพราะถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเขาบ้าง ปรานต์เองก็คงต้องเลือกครอบครัวของตนเองเช่นเดียวกันกับน้ำ ความรักมันเจ็บปวด แต่เราก็จะผ่านมันไปได้ แม้จะใช้เวลาก็ตาม
==========================================
ชื่อตอนนี้ปุบปับ รับโชคจริงๆ ค่ะ เหมือนขึ้นรถไฟเหาะที่ทิ้งตัวดิ่งลงมา
ดูเหมือนทุกอย่างจะไปได้ดีแท้ๆ
แต่จู่ๆ ก็เหมือนสายฟ้าฟาดลงมาอย่างไรก็อย่างนั้น
อ่านแล้วอาจจะงง ว่าทำไมผู้กองตัดใจง่าย มีหลายเหตุผลอยู่ค่ะ
อย่าเพิ่งต่อว่าผู้กองนะคะ กว่าจะรักกันมันไม่ง่าย แล้วจะจากไปง่ายๆ จริงๆ เหรอ (จริงสิ?)
อ่านแล้วก็อาจจะงงอีก ทำไมตอนก่อนๆ ดูเหมือนแม่น้อยจะยอมรับ ความสัมพันธ์ไม่ใช่เหรอ
มันคล้ายกับ ไม่เห็น เท่ากับ ไม่รู้ ประมาณนั้นค่ะ เพราะต่อหน้าต่อหน้า ก็ลำบากใจหน่อย
อีกนิดดดดดดค่า ที่บอกว่าใกล้จบคือ 80-85% ของเรื่องแล้วค่ะ
แต่ยังมีอีกหลายตอนนักแล
ไม่ต้องกังวลไปค่า ยังได้อ่านอยู่หลาย ต่อ หลายตอนค่า
สำหรับคนที่ถามหา NC ขอคิดดูก่อนค่ะ แต่ตอนพิเศษมันต้องมี!
อยากอ่าน ต้องได้อ่าน ค่ะ
ขอบคุณคุณ PsychePie มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ที่เตือนมาเรื่อง สน. และ สภ. เขมแก้ในต้นฉบับเรียบร้อยค่ะ
ขออภัยในความผิดพลาดด้วยค่ะ
ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018