LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019  (อ่าน 67088 ครั้ง)

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
น้ำน้อน้ำ
คุณอรคะ
อะไรจะละเอียดปานนั้น

ออฟไลน์ Kuayyai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
น้ำจะจีบผู้กองจริงหรอ
รอๆๆ เอาใจช่วย

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter


งวดยี่สิบ รู้ใจตัวเอง

            “น้ำ...คุณอรโอนเงินมาให้แล้วนะ” เช้าวันเสาร์ บาสโทรหาหนุ่มรุ่นน้องหลังจากที่ไอ้น้ำเฝ้าอดหลับอดนอนแก้งานจนถึงวันศุกร์ เมื่อได้ไฟล์มา บาสก็รีบเช็ค ตรวจสอบอย่างดีแล้วส่งต่อให้คุณอรอย่างรวดเร็ว หญิงสาวก็ทำตามอย่างที่พูดไม่บิดพลิ้ว พอตกลงโอเค ไม่แก้ไขอะไรแล้วก็โอนเงินมาให้คืนวันศุกร์นั้นเลย


            บทจะรวดเร็วก็เร็วใจหาย พอจะเรื่องมากก็เรื่องเยอะจนอยากถอนตัว


            “ไวแฮะ พี่บาสโอนเงินเข้าบัญชีผมเหมือนเดิมก็ได้ครับ ขอบคุณพี่มาก”

            “ไม่โอนว่ะ”

            “เอ้า ไหงงั้นอะพี่ จะยักยอกเงินผมเหรอ อย่าเลยนะ ผมคนบ้านนอกพี่อย่าแกล้งผมเลย” น้ำโอดครวญ เงินนั้นโปรดมอบให้เขาเถิด เขาอยู่ไม่ได้ถ้าขาดเงิน

            “อะไรของแก คิดเองเป็นเรื่องเป็นราวไปได้ ไปกินข้าวกันหน่อยดิวะ ใจคอจะไม่กินข้าวด้วยกันกับพี่หน่อยเหรอ”

            “ลืมเลย เอาสิพี่ กินอะไรดีอะ”

            “ไม่รู้ ไปถึงห้างค่อยเลือกแล้วกัน ไปห้างแถวที่ทำงานนะ ไปถูกมั้ย”

            “พี่บาส ดูถูกกันชะมัด”

            “ฮ่าๆ จะไปรู้เรอะ กลับบ้านไปตั้งหลายเดือน อาจจะลืมทางไปออฟฟิศแล้วก็ได้”

            “เจอกันที่นั่นนะพี่ ผมไปอาบน้ำก่อน”

            “สิบเอ็ดโมงนะ เจอกันหน้าห้าง” พี่บาสนัดแนะเวลา สถานที่ก่อนจะวางสายลง

            “ครับ”

            “กลับบ้านเป็นไง แฮปปี้ดีมั้ย” บาสชวนคุยพลางเปิดเมนูอาหารจากร้านอาหารที่ไอ้น้ำเป็นฝ่ายเลือกว่าอยากกิน

            “ดีพี่ มีความสุขมาก เงินแทบไม่ได้ใช้ งานก็มีทำ หวยก็ถูก โคตรดีของคำว่าดีอะ ไม่รู้จะบอกว่าดียังไง” น้ำเล่าด้วยความสุขอย่างที่เจ้าตัวพูด นัยน์ตาสดใส เปร่งประกาย

            “พอๆ ไม่ต้องพรรณนาแล้ว ดีเกินไป พี่ไม่อยากฟัง อิจฉาว่ะ”

            “อิจฉาผมได้เยอะๆ เลย ผมเต็มใจ”

            “ไอ้นี่”

            “พี่กินอะไรอะ”

            “สั่งเลย เลือกร้านนี้เพราะอยากกินไม่ใช่เหรอไง” บาสตามใจหนุ่มรุ่นน้อง ไม่ใช่เพราะเขาอยากได้ตามใจแต่เพราะอยู่ในที่ทำงานเขาเป็นพี่ใหญ่ จึงมักจะตามใจน้องๆ จนเคยชิน

            “ใช่ ที่จังหวัดผมยังไม่มีร้านนี้ไปเปิดอะ เสียดาย”

            “ไก่ทอดเนี่ยนะ?”

            “อือ”

            “บ้านนอกจริงๆ” พี่บาสแซว ไม่ได้หมายความอย่างที่พูดจริงๆ

            “ไก่ทอดเกาหลี มันมาจากเกาหลี มันไม่ได้มาง่ายๆ นะพี่ โห่ ไม่เข้าใจคนชอบกินเลย” น้ำบอกอีกฝ่าย ส่ายหน้าเบาๆ ทำหน้าเหมือนว่าบาสนี่ช่างไม่รู้อะไรเสียเลย

            “ถ้าชอบก็สั่งไปเยอะๆ จะสั่งกลับบ้านด้วยมั้ยล่ะ” พี่บาสถาม

            “ประชดปะ”

            “ก็นิดหน่อย”

            “ก็ว่างั้น กำลังจะพูดพอดีว่าเดี๋ยวสั่งกลับบ้านด้วยนะ”

            “ไม่ผิดจากที่คิด กูว่าแล้ว” พี่บาสบอก ไอ้น้ำมันเคยสนใจคำประชดประชันซะที่ไหน เกินเบอร์ทุกอย่างล่ะ

            “เรื่องเงิน..พี่โอนให้แล้วนะ” พี่บาสบอกหลังจากพนักงานมารับออเดอร์รายการอาหารไป ไอ้น้ำผู้สั่งทุกอย่างมากกว่าขนาดตัวเสมอ แต่เขาก็เชื่อว่ามันกินหมด

            “อ้าว ตอนไหน”

            “ก่อนแกจะมาถึงห้างสักพัก”

            “แล้วไม่บอก”

            “ถ้าบอกก่อน กลัวแกจะมาไม่ถึงแล้วนั่งรถกลับห้องแทน”


            “ผมไม่ทำอย่างนั้นหรอก นี่เห็นน้องคนนี้เป็นยังไง”

            “ก็เพราะรู้เช่นเห็นชาติแกแล้ว พี่ก็เลยเข้าใจว่า ประมาทคนอย่างแกไม่ได้นะ ไอ้น้ำ”

            “ผมออกจะใสๆ เรียบร้อย”

            “ไสหัวไปไกลๆ น่ะสิ”

            “พี่ก็จริงจังไป นี่น้องน้ำไงครับ น้องน้ำ”

            “มาให้พี่ถีบมั้ยครับ น้องน้ำ” พี่บาสโก่งคอเหมือนจะอ้วก ที่ต้องเรียกไอ้น้ำจอมกวนของแผนกว่าน้องน้ำ

            “กินข้าวกันดีกว่าครับพี่ ไก่ทอดมาละ” น้ำเห็นท่าไม่ดี ประกอบกับพนักงานมาเสิร์ฟไก่ทอดที่ไอ้น้ำนับวันรอก็มาทันเวลา เขาจึงเปลี่ยนเรื่องได้ทันอย่างหวุดหวิด

            “กลับบ้านวันไหน”

            “พรุ่งนี้อะพี่”

            “มาแค่สามสี่วันเองเหรอวะ อยู่หลายๆ วันหน่อยดิ อยากเข้าไปที่ออฟฟิศมั้ยล่ะ พวกพี่ๆ เขาบ่นคิดถึงแกอยู่”

            “ไม่ได้อะพี่บาส คราวหน้านะ รอบนี้ไม่ได้รับปากกับแม่ไว้ว่าต้องกลับไปก่อนหวยออก ขอโทษจริงๆ” น้ำกลืนไก่ลงคอแล้วปฏิเสธพี่บาสด้วยความเกรงใจเพราะเขาก็สนิทสนมเฮฮากับคนในบริษัทนั้นไม่น้อยเลยทีเดียว

            “ก่อนหวยออก? ทำไมต้องก่อนหวยออกวะ”

            “เรื่องของคนเล่นหวย พี่ไม่เข้าใจหรอกน่า” น้ำบอกปัดเพราะคร้านที่จะอธิบาย

            “แม่พี่ก็เล่นหวย ยังไม่เห็นมีปัญหาอะไร นอกจากบ่นเวลาถูกหวยกิน”

            “ศาสตร์นี้มันลึกซึ้ง เอาเป็นว่าผมต้องกลับบ้านพรุ่งนี้ คราวหน้านะพี่ สัญญาเลย”

            “เออๆ พี่จะไม่บอกที่ออฟฟิศก็แล้วกันว่าแกมากรุงเทพฯ ไม่งั้นพากันน้อยใจแน่”

            “ขอบคุณครับพี่บาส พี่นี่ใจดีจริงๆ”

            “ไม่ต้องมาปะเหลาะเอาใจ แกไม่ใช่ผู้หญิง พี่ไม่ดีใจหรอก”

            “พี่บาสใจดีจังเลยค่ะ น้ำขอบคุณพี่มากๆ เลยนะคะ” น้ำกลายร่างเปลี่ยนเสียงเป็นผู้หญิงตามใจอีกฝ่าย

            “หยุดๆ อย่าดัดจริตทำเสียงแบบนั้น เดี๋ยวได้ล้มโต๊ะ ไก่เก่ยไม่ต้องกิน”

            “สนุกๆ ขำๆ น่าพี่”

            “มากไป ขำไม่ออก คิดแล้วพานให้กินไก่ไม่ลง”

            “พี่บาสตลกว่ะ” น้ำเห็นหน้าพี่บาสที่ดูเหวอจริงจังก็เลิกแกล้งอีกฝ่าย แค่นี้เขาก็ก็กลั้นเสียงหัวเราะจนจะทนแทบไม่ไหวแล้ว

            “ชอบแกล้งพี่ นิสัยไม่ดี ถ้ามีแฟน เชื่อเถอะโดนแฟนแกล้งแน่” พี่บาสขู่

            “ไม่กลัว” น้ำคิดว่าตัวเองก็แน่พอตัว เขาจะไม่ยอมโดนแกล้งอยู่ฝ่ายเดียวหรอก

            “พูดถึงเรื่องแฟน ตกลงเรื่องนั้นเอาจริงดิ”

            “เรื่องนั้น? เรื่องไหนอะ”

“เรื่องที่จะจีบผู้ชายไง โอย ไม่อยากพูด มันกระดากปาก”

“อ่อ.. พี่ว่าไงอะ เห็นด้วยมั้ย” น้ำขอความคิดเห็น

            “จะไปรู้ได้ไงวะ เขาเป็นคนยังไง นิสัยหน้าตา เป็นยังไง พี่ยังไม่รู้เลย จะแนะนำได้ไงเล่า”

            “ไม่ใช่หมายถึงที่ผมจะจีบผู้ชาย”

            “ชีวิตใคร ชีวิตมัน แกตัดสินใจยังไง พี่ก็ไม่มีปัญหาทั้งนั้นแหละ ห่วงแต่บ้านแกนั่นแหละไอ้น้ำ แม่จะโอเคมั้ย คุยกันดีๆ ล่ะ”

            “เออจริงด้วย” น้ำฟังคำของพี่บาสแล้วก็คิดได้ว่าแม่ของเขาล่ะจะรู้สึกยังไง

            “เขาหน้าตาเป็นไง นิสัยยังไง คนที่แกอยากไปจีบน่ะ” พี่บาสถามรายละเอียดเป้าหมายของไอ้น้ำ

            “หน้าตาเหรอ..ดีมั้ง ดีแหละ แต่น้อยกว่าผมหน่อย นิสัยก็ดีนะ ใจดี ชอบช่วยเหลือคน บางทีก็ช่วยซะเวอร์” น้ำคิดถึงเหตุการณ์ที่ผู้กองเซ็นเช็คให้วรันต์แล้วยังขนลุกไม่หาย ห้าแสน ไม่ธรรมดา

            “เหรอ แล้วเขาทำงานอะไรหรือยังเรียนอยู่”

            “ทำงานแล้วๆ เป็นตำรวจอะ”

            “ชอบคนในเครื่องแบบเหรอวะ” พี่บาสถาม เพราะปกติเท่าที่คลุกคลีกับผู้หญิงมานาน เขาสังเกตได้ว่าผู้หญิงมักจะสนใจอาชีพที่อยู่ในเครื่องแบบเป็นพิเศษ

            “เปล่าสักหน่อย”

            “แล้วชอบตำรวจคนนั้นตรงไหนล่ะ” พี่บาสถามเพราะอยากรู้ว่ามันต้องมีอะไรที่ทำให้คนคนหนึ่งเปลี่ยนจากชอบผู้หญิงมาชอบผู้ชาย

            “ไม่รู้สิ เวลาอยู่กับเขามันสบายใจ มันเหมือนเขาจะแก้ไขปัญหาให้เราได้ น้ำเสียงเวลาที่เขาคุยกับผม โอ๊ย ไม่รู้อะพี่ บอกไม่ถูก” น้ำรีบตัดบท ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากพูดถึงแต่เพราะเขากำลังเขินต่างหาก


            ให้มานั่งบรรยายว่าชอบคนคนหนึ่งเพราะอะไร มันก็ยากเหมือนกันนะเฮ้ย


            “เออๆ แล้วจากนี้จะไปไหนต่อ” พี่บาสเปลี่ยนเรื่องให้เพราะเขาก็พอเข้าใจหนุ่มรุ่นน้องอยู่บ้างเหมือนกัน  ชายหนุ่มเรียกพนักงานมาคิดเงิน

            “ไม่รู้ คงเดินเล่น เดินดูของอะไรงี้มั้งพี่ ไม่ก็ไปหาไอติมกิน พี่ไปด้วยกันมั้ยล่ะ”

            “ได้ วันนี้พี่ไม่ได้มีนัดอะไรที่ไหน”

            “แปลกสุดๆ พี่บาสคิวทองจะว่างจากสาว” น้ำพูดอย่างไม่เชื่อหู เจ้าชู้ตัวพ่ออย่างพี่บาสจะโดดเดี่ยว ไม่มีสาวไหนมาเดินเป็นเพื่อน

            “คนเรามันก็ต้องมีช่วงที่ว่างบ้างสิวะ”

            “ว่างหรือพักเพราะสับรางไม่ทัน”
            “รู้ดี เอ้าปะ ลุก ไปกินติมไรที่แกพูด”

            “ไอติมร้านนั้นนะพี่ ที่บ้านผมก็ยังไม่มียี่ห้อนี้” น้ำชี้ไปร้านไอศกรีมที่หมายตาไว้ พี่บาส   พยักหน้าว่าตกลงแล้วเป็นฝ่ายเดินนำไปที่เมนูที่ถูกวางโชว์อยู่หน้าร้าน

            “ไอ้น้ำ ไอติมสมัยนี้แพงเหมือนกันนะ” พี่บาสบ่นพลางขอความเห็นจากคนข้างๆ ปกติแล้วเขาไม่ได้พาสาวมาทานไอศกรีมยี่ห้อแพงสักเท่าไหร่ มักจะทานยี่ห้อทั่วไปที่ไม่แพงนัก อย่างน้อยก็ช่วยให้เขาประหยัดเงินในกระเป๋าได้บ้าง

            “...” บาสไม่ได้ยินคำตอบจากอีกฝ่าย เขาเลยมองหนุ่มรุ่นน้องก็พบว่าหนุ่มรุ่นน้องข้างๆ นั้น กำลังมองคนสองคนที่คาดว่าน่าจะเป็นแม่ลูกกันที่กำลังยืนคุยกันอยู่หน้าร้าน

            “แม่อยากลองกินยี่ห้อนี้เหรอครับ”

            “จ้ะ ปรานต์ แม่อะอยากกินหลายครั้งแล้วแต่พ่อเขาไม่ชอบของหวาน แม่ก็เลยไม่ได้ลองสักที”

            “เราเข้าไปเลยกันดีมั้ยครับ”

            “จ้ะ”

            “น้ำ?มาได้ไง มากรุงเทพฯ ตั้งแต่เมื่อไหร่” จังหวะที่ผู้กองกำลังประคองหลังคุณหญิงเพื่อพาเข้าไปในร้าน เขาก็ได้พบกับสายตาของคนหนึ่งที่รู้จักกัน

            “เอ่อ.. ผู้กอง ..เอ่อ สวัสดีครับ คุณน้า” เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอโดยบังเอิญ ไอ้น้ำจึงปฏิบัติตัวไม่ถูก รู้สึกมือไม้เกะกะยังไงไม่รู้ เขาเลยยกมือไหว้อีกฝ่ายแล้วเลยไปทางผู้หญิงข้างๆ ของชายหนุ่มอีกด้วย


ทางด้านคุณหญิงก็รับไหว้เด็กหนุ่มพร้อมกับยิ้มให้ พี่บาสที่ยืนเก้กังเหมือนเป็นส่วนเกินอยู่ก็รีบไหว้ผู้ใหญ่ตามไอ้น้ำอย่างอัตโนมัติ สถานการณ์แบบนี้มันดูกระอักกระอ่วนไปหน่อยสำหรับคนอย่างเขา

            “เรียกคุณป้าก็ได้จ้ะ ป้าน่าจะอายุมากกว่าแม่ของหนูแน่ๆ แล้วนี่ปรานต์รู้จักกับน้องเหรอจ๊ะ” คุณหญิงหันไปถามบุตรชาย

            “ครับ ที่ผมเคยเล่าให้แม่ฟังที่ไปพักบ้านเขา”

            “อ๋อ อย่างนั้นเหรอจ๊ะ โลกกลมจริงๆ แล้วนี่หนูก็มาทานไอติมเหมือนกันเหรอ” พอได้รู้เรื่องว่าน้ำคือคนที่ให้ที่พักพิงกับปรานต์เวลาที่ลำบากนั้น คุณหญิงก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณในความบังเอิญ

            “ครับ”

            “ดีจ้ะ ถ้าอย่างนั้นมาทานด้วยกันเลยดีมั้ยจ้ะ ป้าจะได้เลี้ยงขอบคุณที่ช่วยเหลือปรานต์ตอนอยู่ที่นู่น”

            “ไม่เป็นไรครับ ผู้กองก็ช่วยเหลือบ้านผมเหมือนกันครับ” น้ำปฏิเสธด้วยความเกรงใจ พี่บาสที่เป็นคนนอก เขากำลังปะติดปะต่อเรื่องราวของคนทั้งสามคนและเขาคิดว่าเขากำลังจะเข้าใจแล้ว


            คนนี้นี่เอง !!!!!!!


            พี่บาสมองคนสองคนสลับไปมา พอเห็นผู้กองที่ไอ้น้ำเรียกชัดๆ แล้ว พี่บาสก็อยากจะตะโกนใส่หน้าไอ้น้ำว่า หนอย!แล้วบอกจะให้เขามาซบอกตัวเอง เขาตัวสูงใหญ่แบบนี้ ประเมินตัวเองสูงไปแล้วไอ้น้ำ โอย พี่บาสจะเป็นลมแทน


            ถ้าผู้กองเขาไม่ได้ชอบมันเหมือนกัน พี่บาสคิดว่างานนี้น่ะงานหินชัดๆ เผลอๆ จะโดนจับเข้าไปนอนในคุกโดยไม่รู้ตัว สู้ๆ นะเว้ย ไอ้น้ำ

            “อย่าเกรงใจเลย ถือซะว่ามานั่งทานไอติมเป็นเพื่อนคนแก่ ปรานต์จะได้ไม่เหงา มีหนูเป็นเพื่อนคุยด้วย คุยกับคนแก่มากๆ ก็กลัวเขาจะเบื่อเสียก่อน”

            “ผมจะเบื่อแม่ได้ไง อีกอย่างน้ำเขาอาจจะอยากคุยกับเพื่อนเขาสองคนก็ได้นะครับ” ปรานต์ส่ายหน้าเพราะเขารู้ว่าแม่ของเขากำลังคิดจะทำอะไรอยู่แน่ๆ


พี่บาสยิ่งยืนอยู่ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินสุดๆ เขาไม่ควรมายืนอยู่ตรงนี้ คำพูดของผู้กองดูเหมือนจะไม่ได้มีอะไรในกอไผ่ แต่เขาสัมผัสได้ เขารับรู้ได้ ไม่ต้องมีญาณทิพย์อะไร พี่บาสก็รู้สึกได้ เพราะมันเหมือนเวลาที่เขาไปจีบสาวแล้วผัวของผู้หญิงพุ่งมาหาเขาน่ะแหละ


เหมือนกันเล้ย ไอ้น้ำ งานนี้แกน่าจะสมหวังแล้วว่ะ วอนอย่าเล่นตัวกันนักก็แล้วกัน


            “เอ่อ.. พี่ว่าก็ดีนะน้ำ กินไอติมกับผู้กองแล้วก็คุณป้าเถอะ”

            “แล้วพี่อะ ไหนว่าจะกินไอติมด้วยกันก่อนไง” ไอ้น้ำพูดทวงสัญญา ส่วนพี่บาสก็มองเด็กที่มันบื้อไม่รู้ตัวว่าคอกำลังจะขาด

            “พี่เพิ่งนึกได้ว่ามีธุระด่วน ต้องขอตัวก่อน ผมขอตัวก่อนนะครับ” บาสไม่รอให้ไอ้น้ำมีสติรั้งเขาได้ทัน ชายหนุ่มรีบยกมือไหว้ทุกคนแล้วออกมาจากบริเวณนั้นทันที

            “เอ้า พี่บาส... อะไรของเขาวะ” น้ำเรียกชื่ออีกฝ่าย แล้วก็บ่นกับตัวเองด้วยความไม่เข้าใจในการกระทำของคนที่เพิ่งกลับไปเมื่อสักครู่นี้

            “ถ้างั้นเราเข้าไปกันเลยดีมั้ยจ๊ะ” แล้วไอ้น้ำก็ต้องเดินตามเข้าไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

            “หนู ชื่อ น้ำใช่มั้ย” คุณหญิงถามหลังจากที่ทุกคนได้ไอศกรีมกันคนละถ้วยแล้ว

           “ครับ”

           “เวลาปรานต์อยู่ที่นั่น มีสาวๆ เข้ามาเกาะแกะเขามั้ยจ๊ะ” น้ำได้ยินแล้วก็เสียวหลังวาบ สาวๆ น่ะไม่มีหรอก ตอนนี้มีแต่เขาที่คิดนอกลู่นอกทางจะจีบลูกชายคุณป้าเนี่ยแหละ คุณหญิงถามอย่างกับไม่รู้เหรอว่าลูกชายคุณหญิงชอบผู้ชาย น้ำสงสัย

           “เท่าที่รู้...ไม่มีเลยครับ”

           “อย่างนั้นเหรอจ๊ะ ไม่ได้เลยเหรอ ได้ยังไงกัน หนูว่าลูกชายป้ามีเสน่ห์มั้ย”

           “แม่ครับ...” ปรานต์เรียกมารดาเพื่อปรามไม่อยากทำให้น้ำลำบากใจ

          “ก็แม่อยากรู้นี่นา” นอกจากคุณหญิงจะไม่ฟังบุตรชายแล้วยังเถียงกลับไปอีกด้วย

         “เอ่อ...” คุณป้าเล่นถามออกมาแบบนี้ ไอ้น้ำก็ยากที่จะตอบจริงๆ ตอบอย่างไหนถึงจะตรงใจอีกฝ่ายกันล่ะ

         “ป้าล้อเล่นจ้ะ ไม่ต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้น”
         
         “อะ..ครับ”

            “เห็นปรานต์เคยเล่าให้ฟังว่าตอนนั้นให้ปรานต์พักอยู่ด้วยที่บ้าน เขาสร้างความวุ่นวายให้หรือเปล่า บอกป้าได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”

            “ไม่มีเลยครับ ผู้กองไม่ได้สร้างความวุ่นวายอะไรเลย แม่ของผมยังชอบใจเสียอีกที่ผู้กองมาพักที่บ้านของเรา”

            “เหรอจ๊ะ ใจดีกันจริงๆ เลย”

            “ไม่ใช่หรอกครับ ที่หมู่บ้านของเราไม่ใช่หมู่บ้านใหญ่โตอะไร คนที่นั่นมีอะไรก็ช่วยเหลือกัน ถ้าไม่มีบ้านผมก็ยังมีอีกหลายบ้านที่เต็มใจให้ผู้กองไปพักครับ” น้ำตอบตามความสัตย์จริง

            “ดีจ้ะ ปรานต์ไปอยู่ที่นั่นป้าก็จะได้เบาใจ นี่ก็เป็นห่วงเขาทุกวี่ทุกวัน”

           “ที่หมู่บ้านสงบเงียบ ปลอดภัยครับ คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ” น้ำตอบเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ

           “ไว้วันหลังป้าต้องขอไปเที่ยวที่นั่นหน่อยแล้ว”

          “ถ้าแม่จะไปก็บอกผมก่อนนะครับ ผมจะได้ลางานล่วงหน้า พาแม่เที่ยวได้เต็มที่”

           “ไม่ต้องลางานก็ได้มั้งจ๊ะ เดี๋ยวแม่ให้หนูน้ำพาแม่เที่ยว ได้มั้ยจ้ะ หนูน้ำ” คุณป้าหันมาขอร้องเสียงหวาน เรียกชื่อไอ้น้ำซะไพเราะ

          “ได้ครับ ได้แน่นอน” แล้วมีหรือที่ไอ้น้ำจะกล้าปฏิเสธทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายได้ลงคอ ผู้กองได้ยินคำตอบของน้ำแล้วก็ลอบถอนหายใจ ติดกับแม่เขาไปอีกคน

         “แล้วแม่จะบอกปรานต์ไว้นะจ๊ะ หนูน้ำจะได้เตรียมตัวทัน”



          บทสนทนามักจะเป็นคุณหญิงที่ผูกขาดการพูดคุยเอาไว้เกือบทั้งหมด คุณหญิงน่ารักพูดคุยอย่างเป็นกันเอง จนไอ้น้ำที่คุยกับคุณหญิงอย่างเกร็งๆ ในทีแรก คุยไปคุยมาอาการเหล่านั้นหายไปตอนนั้นก็ไม่รู้ คุณหญิงหัวเราะกับมุกตลกๆ ของเขา เขาเองก็ฟังเรื่องที่คุณหญิงเล่าอย่างสนุกสนานเช่นกัน


          “พอเวลาที่เราเจอคนคุยถูกคอ เวลาก็จะผ่านไปเร็วเหลือเกิน อยากจะคุยกับหนูต่ออีกนิด แต่ติดว่าแม่กับปรานต์ต้องไปงานที่บ้านเพื่อนต่อ พรุ่งนี้มาทานข้าวกลางวันกันสักมื้อมั้ยจ้ะ แม่ยังอยากคุยต่ออยู่เลย” สนิทถึงขั้นไหนก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้คุณหญิงเลื่อนขั้นเรียกตัวเองว่าแม่ แทนคำว่าป้าในครั้งแรก

          “พรุ่งนี้ผมต้องกลับบ้านแล้ว ขอโทษด้วยครับ”

          “เหรอจ๊ะ กลับไวจังเหมือนปรานต์ เลย ก็ต้องกลับไปทำงานต่อ แม่คิดออกแล้ว อย่างนั้น ปรานต์ไปรับน้องที่บ้านด้วยนะ จะได้กลับพร้อมกัน ดีมั้ยลูก” คุณหญิงเสนอไอเดียพร้อมจัดการให้เสร็จสรรพ

         “เอ่อ..ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้ครับ คุณป้า” คุณหญิงมองคนเรียกคุณป้าตาเขียว จนไอ้น้ำต้องรีบแก้คำเสียใหม่

        “คุณแม่”

         “ดีมากจ้ะ เรียกไว้จะได้ชิน เอาล่ะ เรื่องกลับบ้านด้วยกัน ไม่ต้องเกรงใจ สมัยนี้ทางเดียวกันไปด้วยกัน ประหยัดน้ำมัน ตกลงตามนี้นะ ส่วนกี่โมง หนูกับปรานต์ก็นัดกันเองนะจ๊ะ”

         “ครับแม่ ผมยังไงก็ได้ แต่ไม่รู้ว่าน้องน้ำของแม่ว่ายังไง” ปรานต์รู้ชัดเจนว่าปฏิเสธแม่ของเขาไม่ได้ เขาเลยต้องรับปากไป ไม่ใช่ว่าเขาอยากอิดออดหรือไม่เต็มใจจะกลับพร้อมกับน้ำ แต่เจ้าตัวทางนั้นต่างหากล่ะ อยากจะกลับไปกับเขาหรือเปล่า หรืออยากไปกับคนที่ชื่อบาสมากกว่า

        “ว่าไงจ๊ะ หนูน้ำ กลับกับพี่เขานะ” คุณหญิงถามซ้ำ

       “เอ่อ..ครับ ได้ครับ”

       “ตกลงตามนี้นะจ๊ะ แม่ไปก่อน”

       “สวัสดีครับ” น้ำยกมือไหว้ทั้งสองคนก่อนจะแยกย้ายกัน

       “แม่ชอบหนูน้ำนะ” เมื่อมาถึงลานจอดรถ คุณหญิงก็บอกบุตรชายตามความรู้สึก

       “แม่ก็ชอบทุกคนนะครับ ผมไม่เคยเห็นแม่ไม่ชอบใคร”

       “อย่าบอกแม่ว่าปรานต์ไม่ได้คิดอะไรกับน้อง ถ้าปรานต์ไม่ได้ชอบน้อง เป็นไปไม่ได้เลยที่ปรานต์จะไปยอมรับคำเชิญจากบ้านของเขาแล้วไปนอนที่นั่น แม่รู้จักลูกของแม่ดีจ้ะ”

       “แต่...น้ำเขาไม่ได้ชอบผม”

       “แต่...เขาไม่ได้รังเกียจลูกของแม่” คุณหญิงพูดอย่างมั่นใจ

      “คืองี้ครับ...น้ำเขาชอบผู้หญิงมาก่อน เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงมาก่อน”

       “เรื่องนั้นให้เป็นเรื่องอนาคต ถ้าลูกเดินหน้าแล้วน้องยังไม่ชอบลูก ก็ถือว่าลูกล้มเหลว ยอมแพ้แล้วก็เดินหล่อๆ ออกมาก็พอ” คุณหญิงแนะนำบุตรชาย

       “แม่ไฟเขียว?”

       “สำหรับปรานต์ แม่เคยไม่โอเคเหรอ แต่คนนี้แม่ชอบ ถ้าพ่อมาวันนี้พ่อก็ต้องคิดเหมือนแม่ จีบเขาให้ติดล่ะ”

       “ขอบคุณครับ” ปรานต์สวมกอดมารดา จะมีกี่ครอบครัวที่พ่อแม่จะพยายามเข้าใจลูกมากขนาดนี้


       และเขาก็หวังว่าถ้าน้ำชอบเขาบ้าง ก็อยากให้แม่น้อยเข้าใจน้ำเหมือนอย่างที่แม่เขาบ้างก็คงจะดีไม่น้อย







==========================================


ขุ่นแม่ก็มาค่าา เจ้าน้ำมาป๊ะกับคุณแม่สามี เอ๊ย คุณแม่ผู้กองแล้ว แถมไฟเขียวอีกต่างหาก
ผู้กองเดินเครื่องหน่อยนะคะ คนอ่านอยากรู้จะแย่แล้ว ใช่มั้ยเอ่ย

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018



ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ทางโล่งแล้วลุยโล้ด

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4: เริ่มเข้าทาง

ออฟไลน์ Kuayyai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
หุหุ คุณแม่ไฟเขียว ผู้กองก็เดินหน้าเต็มกำลังเลย

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
มีคุณแม่เป็นแบ็คใหญ่ สมหวังแน่นอนนน

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ทางโล่งงงงงงงงง
ขำพี่บาส ที่น้ำบอกคนมาซบอก แต่ดูแล้วอีกฝ่ายตัวใหญ่ยักษ์กว่าน้ำ
ไม่ต้องห่วงน้ำหรอกพี่บาส น้องน้ำเขามีวิธีซบของเขาก็แล้วกัน
 :hao6: :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
ทางเริ่มเข้ามาบรรจบกันแล้ว :katai2-1:

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
เอาล่ะ
ลุยโลด

ออฟไลน์ blanchard

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 376
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-3
คุณหญิงแม่ชนะเลิศ    :m4:

ออฟไลน์ appattap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เลิฟๆ คุณหญิงแม่เลยค่าาา

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter


งวดยี่สิบเอ็ด อีกด้านหนึ่ง


            “รง...ยายล่ะ” วรันต์รีบถามหาหญิงชราทันทีเมื่อเห็นหน้าน้องชายเดินออกมาจากบ้าน

            “นั่งรออยู่ในบ้านครับ”

            “อืม  รงเก็บของเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย”

            “เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วพี่รัน”

            “ถ้างั้นรงเข้าไปเอากระเป๋ามาไว้ที่รถก่อน พี่จะเข้าไปกล่อมยาย” วรันต์พูดเหมือนกับเคยชินกับเหตุการณ์นี้มาหลายต่อหลายครั้ง

            “ครับ” วรงค์เดินกลับเข้าไปในตัวบ้านทันที

            “ยาย ดูสิว่าใครมา” วรงค์ถามยายที่กำลังสัปหงกอยู่เพื่อให้เจ้าตัวรับรู้การมาเยือนของหลานชายอีกคนก่อนจะปลีกตัวไปหยิบกระเป๋าตามคำสั่งของพี่ชาย

            “ยายจ๋า รันเองไง ยายจำรันได้หรือเปล่า” ยายของวรันต์และวรงค์มีอายุไม่มากประมาณหกสิบปีเท่านั้น แต่สภาพหน้าตาและริ้วรอยต่างๆ ราวกับคนอายุ เจ็ดแปดสิบ เพราะเจ้าตัวทำงานหนักมาตั้งแต่รุ่นสาว กว่าจะได้หยุดพักก็เมื่อร่างกายประท้วงว่าไม่ไหวแล้วนั่นแหละ

            “รัน หายไปไหนมา ทำไมไม่มาหายายบ้างเลย” ยายพูดด้วยน้ำเสียงดีใจ

            “รันไปทำงาน จะได้มีเงินพายายไปหาหมอไง”

            “ไม่ต้องไปหรอก โรงบง โรงบาลอะไรนั่น มันสิ้นเปลือง ยายรู้ว่าอยู่ได้อีกไม่นาน เก็บเงินไว้ใช้เถอะนะ”

            “ไม่ได้ๆ จ้ะ ยายต้องอยู่กับรันและรงไปนานๆ ห้ามทิ้งกันก่อน รันโกรธยายจริงๆ ด้วย”      วรันต์แกล้งพูดขู่ยายแต่ก็แฝงด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว

            “ยายรู้ว่ามันหลายตังค์ รันก็เหนื่อยเพื่อยายเพื่อรงมามากพอแล้ว เอาเงินไปทำอะไรอย่างที่ตัวเองอยากทำบ้าง”

            “ยายรู้ได้ไงว่ารันไม่ได้ใช้เงินเพื่อตัวเอง ไม่เอานะ ไม่ดื้อน้า ไปโรงพยาบาลกับรัน ทำให้รันสบายใจหน่อยได้มั้ย” เขาว่ากันว่าเมื่อคนเราแก่ตัวขึ้นจิตใจก็เข้าใกล้ความเป็นเด็กมากขึ้น แต่ระดับความดื้อนั้นมากกว่าเวลาเป็นเด็กนั้นค่อนข้างเยอะ วรันต์จึงกำลังพูดหลอกล่อเด็กคนหนึ่งให้ไปโรงพยาบาล

            “ไม่ต้องไปหรอก ยังไงยายก็ไม่หาย”

            “ถ้ายายไม่ไป รันจะไม่มาหายายอีก แล้วก็จะโกรธยายจริงๆ ด้วย” หลานชายจำเป็นต้องขู่ยายอีกครั้ง

            “ไปเถอะนะ ยายไม่อยากให้พี่รันมาหาบ่อยๆ เหรอครับ” วรงค์ที่เอากระเป๋าไปไว้ในรถเรียบร้อยแล้ว กลับเข้ามากล่อมยายอีกแรง

            “เอ้อ..ก็ได้ ไปก็ได้” ในที่สุดยายก็ใจอ่อนเหมือนทุกครั้ง สองพี่น้องต่างยิ้มให้กันในความสำเร็จที่เกลี้ยกล่อมยายสำเร็จ

            “ถ้างั้นเดี๋ยวผมอุ้มยายเข้าไปในรถเอง”

            “ตกลง พี่จะไปเปิดประตูรถรอ” วรันต์ตอบแล้วรีบลุกออกไปทำอย่างที่พูดไว้


            ผลการตรวจไม่ได้ผิดจากที่วรันต์คิด ยายเขาต้องรับการผ่าตัดหัวใจเพื่อแก้ไขภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบก่อน หลังจากที่อาการดีขึ้นแล้วค่อยรักษาเรื่องอื่นเป็นลำดับต่อไป



            ทุกการรักษา มันต้องใช้เงิน



            เงินห้าแสนที่ได้รับมาจากปรานต์ มันเป็นจำนวนเงินที่มากระดับหนึ่ง แต่ไม่มากพอ และเขาก็ไม่กล้าที่จะเสนอหน้าเข้าไปหาอีกฝ่ายทั้งที่ถูกจับได้



            เขาไม่กล้าหรอก



            เรื่องปรานต์นั้น เขาเองก็ผิดหวังที่กลับมาคบกันเหมือนเดิมไม่ได้ แต่ตอนนี้ถ้าคบกันอยู่แล้วถูกจับได้ล่ะก็เขาก็คงเลือกที่จะเดินออกมาอีกอยู่ดี เขาไม่อยากได้สายตาสงสารคู่นั้น เขารู้ว่าปรานต์หวังดีและห่วงเขาแต่เขาทนสายตาแบบนั้นไม่ได้หรอก เขาไม่อยากสมเพชตัวเอง


            ส่วนไอ้เด็กหน้าใหม่ที่มันเข้ามาเกาะแกะพี่ปรานต์ของเขา ดูไปดูมา มันก็หน้าตาน่ารักดีอยู่ และเขาก็พอจะเดาออกได้ว่าปรานต์ดูชื่นชอบในตัวเด็กบ้านนอกนั่นไม่น้อย ออกจะผิดหวังในสายตาของปรานต์เล็กน้อย แต่ก็ช่างเถอะ เด็กคนนั้นก็ไม่ได้แย่เกินไปนัก เอ.. เด็กกว่าหรือรุ่นเดียวกันนะ?


            วรันต์มีรูปร่างไม่สูงใหญ่ตั้งแต่เด็กผิดกับวรงค์ และนั่นทำให้เขามักถูกเพื่อนในห้องแกล้งและล้อเลียนว่าเขาเป็นลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่อยู่เป็นประจำ เขาเติบโตมากับคำว่าลูกชู้ เขาเคยเถียงมันแทบขาดใจว่าไม่จริงแต่ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่านั่นแหละคือความจริง



            แม่ของเขาเป็นชู้กับชายที่แต่งงานแล้ว


            เขาเป็นผลผลิตของ ชายโฉด หญิงชั่ว ที่ขาดศีลธรรม แม่พยายามทำแท้งหลายครั้ง แต่เพราะเขาหัวแข็งเลยรอดมาได้ ตัวก็เลยเล็กแบบนี้ วรงค์นั้นโชคดีกว่าเขาหน่อยตรงที่พ่อของน้องชายเขามันดันเป็นคนละคนกับเขา และครั้งนี้แม่ของเขาไม่ได้เป็นชู้กับใคร ถึงแม่จะไม่ได้เต็มใจอยากมีวรงค์ ทว่าครั้งนี้เธอก็ไม่ได้พยายามที่จะทำแท้ง เหมือนคราวที่เกิดขึ้นกับเขาเพราะคำขอร้องจากพ่อของวรงค์

            วรันต์เฝ้าโทษโชคชะตาที่ทำให้ชีวิตเขาไม่เหมือนคนอื่น ทำไมเขาไม่มีครอบครัวอบอุ่นเหมือนคนอื่น ทำไมไม่มีบ้านหลังใหญ่เหมือนคนอื่น ทำไมไม่มีพ่อแม่ที่เหมือนคนอื่น และทำไมเขาถึงเป็นเป็นลูกชู้ ไม่ได้เป็นแค่แค่ลูกของพ่อกับแม่เหมือนคนอื่น


คำถามมากมายวนเวียนในหัว ทำไม ทำไม ทำไม


โลกใบนี้มันบิดเบี้ยวเหลือเกินในความรู้สึกของวรันต์


            ชายหนุ่มเริ่มใช้ชีวิตไม่มีจุดหมาย ใช้อารมณ์ ใช้ความเกรี้ยวกราด เป็นเกราะกำบังความอ่อนแอของตัวเอง เป็นเกราะป้องกันความโชคร้ายของตัวเอง และเมื่อวันที่เขาเหลือเพียงแค่น้องชายและยายแล้ว เขาก็ตระหนักเพิ่มอีกอย่างหนึ่งว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ยั่งยืน



            นอกจากเงินตรา เท่านั้น


            เขาเรียนไม่เก่ง ทำอะไรก็ไม่เก่ง เล่นกีฬาก็ไม่เก่ง ไม่เหมือนวรงค์ รายนั้นหัวดี จนได้ทุนเรียนฟรี กีฬาเด่น เป็นตัวแทนของโรงเรียนบ่อยๆ เขาภูมิใจในตัววรงค์มาก น้องชายของเขาเหมือนแสงสว่างให้กับตัวของวรันต์ เป็นตัวแทนในสิ่งที่เขาทำไม่ได้ เขารักน้องและอยากให้น้องคนนี้มีอนาคตดีที่ดี ไม่เหมือนตัวเขา


            สิ่งที่เขาคิดว่าเขาทำได้ดีคงมีเพียงอย่างเดียวล่ะมั้ง


            เขาเอา...ใจเก่ง


            “อืม..อา..” เสียงครวญครางภายในห้องห้องหนึ่งของโรงแรมที่มีราคาต่อห้องค่อนข้างสูงมากกว่าที่คนทั่วไปจะมาพักเพียงเพื่อทำกิจกรรมร่วมกันบางอย่างเท่านั้น

            “ยกตัวขึ้นอีก” เสียงคำสั่งจากคนที่อยู่ด้านบนเอ่ยเสียงเบาแต่หอบหนักในจังหวะอารมณ์

            “อา..ครับ” คนด้านล่างใช้ข้อศอกทั้งสองข้างดันตัวเองขึ้นมาให้สูงอีกนิดเพื่อรองรับอีกฝ่ายได้ถนัดถนี่

            “เก่งมาก เด็กดี” ของรางวัลคือคำพูดชมเชยจากอีกฝ่ายพร้อมกับรอยจูบที่คอด้านหลัง

            “อ๊ะ” เมื่อคนด้านบนหยัดตัวเข้ามาจนสุด มันทำให้ร่างภายใต้ถึงกับหลุดเสียงออกมาอีกครั้งอย่างไม่ตั้งใจ ท่วงท่าที่ลึกแน่นเกินไป แทบจะทำให้เจ้าของร่างกายเกือบจะควบคุมอารมณ์นั้นไม่ได้

            “หันหน้ามาหน่อย” เสียงทุ้มหนักดังขึ้นบอกให้อีกฝ่ายทำตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาคว้าคอคนใต้ร่างให้หันมากดจูบบดเบียดให้แนบสนิทจนไร้ซึ่งช่องว่าง สอดลิ้นเข้าไปประสานกับอีกคนไร้ความรุนแรงแต่ก็ไม่ได้นุ่มนวล มันเหมือนพายุลูกเล็กๆ ที่กำลังก่อตัวขึ้น


            เตียงหลังใหญ่คุณภาพดีสั่นไหวไปตามแรงจังหวะของคนทั้งคู่ที่ดำเนินต่อไปอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย คนที่เคยอยู่ด้านล่างบัดนี้ถูกปรับเปลี่ยนให้มานั่งอยู่เหนือร่างอีกฝ่ายที่นั่งพิงหัวเตียงนั้นไว้พร้อมกับมือใหญ่ที่จับสะโพกเพรียวนั้นแน่นเพื่อควบคุม


            เหงื่อซึมผุดพรายไปทั่วใบหน้าคนทั้งคู่ทั้งที่อากาศภายในห้องนั้นเย็นเยียบไปด้วยอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศที่ลดมาต่ำกว่ายี่สิบองศา แต่มันไม่สามารถดับความร้อนรุ่มภายในกายนั้นได้เลย คนด้านบนยึดไหล่ของคนอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ยิ่งแน่นเท่าไหร่ อารมณ์มันก็เตลิดไปแล้วเท่านั้น


เขากำลังเหนื่อยแทบขาดใจ คนด้านบนจึงเชิดคอขึ้นหมายจะโกยอากาศเข้าปอดให้มากที่สุด ท่าทางนั้นมันช่างเหมือนการท้าทายหรือยั่วยวนคนที่เห็น คนด้านล่างจึงโน้มใบหน้าเข้าไปที่ต้นคอขาวนั้น หวังจะทำอะไรบางอย่างตามแรงดึงดูด

            “อย่าทำรอยนะครับ ผมขอ” คนด้านบนที่ยังมีสติเหลืออยู่บ้าง ร้องห้ามเสียงสั่นเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไรกับคอของตัวเอง

            “ไม่ทำหรอก แค่อยากกัดคอเธอเท่านั้น”

            “ถ้าไม่ทำรอย จะทำอะไรกับผมก็ได้ครับ คุณเต” เตชัสยิ้มออกมานิดหนึ่งด้วยความพึงพอใจก่อนที่จะขบกัดคอขาวนวลเอาไว้ เขาไม่ได้กัดแรงนักเพราะไม่อยากให้เป็นรอยแผลเสียดายผิวขาวๆ นี้หมด

            เสียงหอบเหนื่อยดังสอดประสานดั่งเช่นร่างกาย มันจวนที่จะสิ้นสุดแล้วหรือยัง?

            “ใกล้หรือยัง” เตชัสถามคนที่นั่งคร่อมร่างสูงใหญ่ของตัวเอง

            “ใกล้แล้วครับ” ถ้าไม่ใช่คนรักกันจะมีสักกี่คนที่จะสนใจความรู้สึกของคู่นอน

            “อืม กอดคอฉันไว้สิ” เด็กหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้อีกฝ่ายที่ยังจับสะโพกเขาไว้แน่น ซบใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอ่อนแรงลงบนบ่าอันกว้างใหญ่ก่อนที่เขาจะถูกจับพลิกเปลี่ยนท่วงท่าอีกครั้งให้เป็นนอนหงาย



            โค้งสุดท้ายของแรงปรารถนาใกล้จะจบลงเต็มที เมื่อคนที่ชอบนำเกมส์นั้นกำลังพาใครอีกคนไปให้ถึงอีกฝั่งฝันพร้อมกัน มือหนาขยับรูดรั้งแก่นกายคนใต้ร่างไปพร้อมกับร่างกายที่ยังขยับต่อเนื่องไม่หยุด ลมหายใจที่แทบจะหมดออกไปจากปอดแล้วกำลังเร่งรัดให้พวกเขาจบเกมส์นี้เสียที

            “ไม่น่าเชื่อที่เธอจะว่างรับนัดฉัน” จบสิ้นห้วงตัณหา คนสองคนก็กลับคืนสู่สติอีกครั้ง คนถามสูบบุหรี่นั่งพิงหัวเตียงในท่วงท่าที่สบายๆ

            “ผมเคยปฏิเสธคุณด้วยหรือครับ ใส่ร้ายกันจัง” คนเล็กกว่ายังคงใช้นิ้วมือขีดๆ เขียนๆ ที่ช่วงท้องของอีกฝ่ายเล่น เหมือนหาอะไรสักอย่างทำ

            “ไม่เคยปฏิเสธฉันแต่ไม่รับแขกคนไหนเลย หรือว่าฉันกำลังเข้าใจผิด หืม วรันต์”

            “ก็ตอนนั้นผมมีแฟน แล้วเขาก็จ่ายหนัก” วรันต์ตอบตามความเป็นจริง เงยหน้ายิ้มให้อย่างเอาใจ

            “เธอคงไม่ได้บอกเขาว่าเธอทำงานแบบนี้?” อีกฝ่ายรู้ทันเขาทุกที และไม่เคยปิดบังว่าตัวเองรู้ทุกอย่าง

            “คุณเต คุณคิดว่าเราควรจะบอกแฟนเหรอว่า ‘นี่คุณ อาชีพของผมคือนอนกับแขกนะ’”

            “ฉันก็คิดอย่างนั้น แสดงว่าตอนนี้เธอกับเขา?”


            “ใช่ ผมกับเขา เราเลิกกันแล้ว ผมก็เลยกลับมาทำอาชีพเก่าไงล่ะครับ คุณไม่ดีใจเหรอ”

            “คิดว่าฉันควรดีใจหรือเปล่าล่ะ”

            “ผมว่าคุณควรดีใจนะ ที่ได้นอนกับผมอีก ไม่งั้นวันนี้คุณจะร้อนแรงขนาดนี้เหรอครับ” วรันต์ตอบพลางยืดตัวไปจูบคางของอีกฝ่าย

            “เดาได้เก่ง เอาเป็นว่าจริงๆ มันก็น่าดีใจที่เธอกลับมาทำงานและมันก็ไม่น่าดีใจเท่าไหร่ เธอควรมีอนาคตที่ดีกว่านอนกับแขกไปเรื่อยๆ” เตชัสเป็นอย่างนี้เสมอ มักพูดอะไรออกมาให้คนฟังได้คิด

            “เอาน่า..คุณไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องผมหรอก คุณแค่ดีใจที่ผมกลับมาทำงานนี้ก็พอ”

            “กลับมาคราวนี้จะรับแขกสัปดาห์ละกี่คนล่ะ” และเตชัสก็เป็นอย่างนี้เสมอ มักจะถามอะไรให้คนฟังหน้าม้านหลายต่อหลายครั้ง

            “ถามตรงประเด็นเสียไม่กล้าตอบเลยล่ะครับ”

            “ไม่ตอบก็ได้นะ”

            “ตอบได้ครับ ขอตอบว่ายังไม่รู้เพราะผมเพิ่งกลับมารับงานนี้แล้วนอนกับคุณเป็นคนแรก”

            “น่ายินดีเหลือเกิน”

            “คุณถามไปทำไมครับ”

            “สนใจทำงานอื่นมั้ยล่ะ”

            “งานอะไรครับ” วรันต์ถามเอื่อยเฉื่อย เขาถามไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้ใส่ใจจริงจังเพราะคงไม่มีงานไหนที่จะได้เงินง่าย เยอะ และรวดเร็วแบบนี้

            “ก็งานแบบนี้แหละ แค่เปลี่ยนจากนอนกับแขกไปเรื่อย เหลือแค่มานอนกับฉันคนเดียว” คนจ้างงานพูดลักษณะงานออกมาเรียบง่ายเหมือนงานที่จะจ้างนั้นเป็นงานที่ใครๆ ก็ทำเป็นปกติ

            “หือ? คุณล้อเล่นผมหรือเปล่า” วรันต์หยัดตัวลุกขึ้นนั่ง ผ้าห่มที่ปกคลุมร่างกายร่วงหล่นมาที่เอวไว้อย่างหมิ่นเหม่เต็มที

            “ฉันไม่ใช่คนที่ชอบพูดเล่น”

            “ไม่ใช่อย่างนั้น ผมหมายถึงคุณเอาจริงดิ คิดอะไรของคุณอยู่ แล้วภรรยาคุณล่ะ? คนที่บ้านคุณ? หรือใครๆ ก็ตามแต่ที่คุณมีอยู่”

            “ฉันไม่มีใครๆ อย่างที่เธอพูด”

            “คุณตอบไม่ครบ ผมรู้คุณมีภรรยานะคุณเต”

            “ก็ไม่ปฏิเสธ”

            “เดี๋ยวนะ คือผมก็ไม่ใช่คนมีศีลธรรมอันดีอะไรหรอกนะครับ แต่ถ้าคุณจะจ้างผมให้นอนกับคุณคนเดียวนี่มันอยู่ในสัมพันธ์แบบไหนครับ ลูกจ้าง? แขกกับลูกค้า เหมือนอย่างนี้ หรือยังไง”

            “ก็แล้วแต่เธอจะตัดสินใจว่ามันคือสัมพันธ์แบบไหน จะเป็นแบบลูกจ้างนายจ้าง หรือแขกกับลูกค้าก็ตามใจเธอ”

            “ผมไม่เข้าใจคุณเต เอาใหม่นะคือคุณจะซื้อผม ให้ผมนอนกับคุณคนเดียวเท่านั้น ผมเข้าใจถูกมั้ย” เพราะวรันต์รู้ว่าตัวเองหัวช้า เขาเลยต้องทวนคำถามนั้นให้มากที่สุด

            “ถูกต้อง”

            “ถ้างั้นก็ไม่เห็นต้องพูดอะไรอย่างนี้นี่ครับ กระเป๋าหนักอย่างคุณซื้อชั่วโมงผม ทั้งสัปดาห์ ทั้งเดือนก็ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกจริงมั้ย คุณต้องการเมื่อไหร่ก็แค่โทรหาผม โอเคมั้ยครับ” วรันต์ตกลงกับลูกค้าที่เขาค่อนข้างจะสนิทมาด้วยเป็นพิเศษนี้อย่างง่ายๆ



            วรันต์นอนกับลูกค้ามากมาย แต่เตชัสเป็นแขกคนแรกที่เขาอยากแสตนด์บายรออยู่เสมอเพราะความไม่เรื่องมากและความใส่ใจในคู่นอน ทั้งยังเม็ดเงินที่ควักมาให้เขาในแต่ละครั้งมันไม่น้อยเลย ไม่นับที่จ่ายผ่านนายหน้าที่ครอบคลุมราคาค่าตัวของเขาไปแล้ว แต่เตชัสยังให้เขาพิเศษทุกครั้งเสมอที่เจอกัน เขาได้ทิปหนักเสมอ แล้วมีหรือที่เขาจะไม่ชอบ

            “นั่นแค่ส่วนหนึ่ง”

            “อ้าว...คุณพูดจุดประสงค์ของคุณมาดีกว่าครับ”

            “ฉันรอเธอพูดคำนี้อยู่พอดี เอาล่ะ ง่ายๆ เลยก็คือ ฉันจะจ่ายเงินให้เธอเป็นรายเดือน รับรองว่าเธอไม่ขาดทุนหรอก แค่แลกกับอิสระบางอย่าง”

            “อิสระอะไรครับ”

            “ย้ายไปอยู่ที่บ้านฉัน ในช่วงที่ฉันจ่ายเงินให้เธอ และดูแลลูกฉันด้วยอีกคน งานง่ายๆ แค่ไปรับส่งเขาที่โรงเรียนเท่านั้น นอกนั้น กลางวันเธออยากทำอะไรก็ทำไป อยากหยุดวันไหนก็บอก เดือนละแปดวัน เหมือนพนักงานบริษัท”

            “แล้วภรรยาคุณ?”

            “เมียฉันก็อยู่ที่บ้าน บ้านเดียวกับฉันและจะเป็นบ้านเดียวกับเธอ ถ้าเธอตกลงรับงานนี้”

            “ผมว่าไม่ดีมั้งครับ” วรันต์ทักท้วงเพราะเขาคิดว่ามันกำลังจะเป็นปัญหาแน่ๆ ถ้าเขาเข้าไปในบ้านหลังนั้น เขาต้องกลายเป็นหมากตัวหนึ่งให้สองผัวเมียคู่นี้แน่ๆ

            “ล้านหนึ่ง”

            “อะไรนะครับ!?” วรันต์ตกใจนี่มันเป็นตัวเลขที่สูงเกินกว่าจะคาดคิด

            “หนึ่งล้านบาทต่อเดือน”

            “....” วรันต์กำลังคิด เพราะรู้ว่าเงินนี่มันจำนวนเยอะมาก ตัวเลขมันล่อตาล่อใจเหลือเกิน และเขากำลังลังเลกับมันอยู่

            “เพื่อให้เธอตัดสินใจง่ายขึ้น เรื่องยายของเธอ ฉันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดให้เอง
ส่วนน้องชายเธอคงเอาเงินล้านหนึ่งเนี่ยไปจ่ายให้ได้ล่ะมั้ง” นักธุรกิจจะยอมเสี่ยงลงทุนโดยไม่มีข้อมูล คงไม่มีสินะ เตชัสสืบเรื่องของเขาจนรู้ทุกอย่างหมดแล้ว แต่แกล้งถามเขาไปอย่างนั้นเอง


            เหอะ ร้ายเหลือเกิน คุณเต


            “คุณพูดถึงขนาดนี้ ถ้าผมไม่รับงานนี้ก็คงแย่เต็มที่ ผมต้องทำอะไรบ้างเรื่องภรรยากับลูกของคุณ”

            “ข้อแรก ระหว่างนี้เธอห้ามนอนกับใครอีกนอกจากฉัน ข้อสองเรื่องเมียฉัน เธอสามารถทำอะไรก็ได้ แต่ห้ามลงมือทำร้ายร่างกายเขาก็พอ ส่วนข้อสามไปรับไปส่งลูกชายฉันและถ้าไม่ลำบากเกินไปนักก็เล่นกับเขาหรือสอนการบ้านเขาบ้างก็ได้ ตอนนี้เขาอายุสิบสามแล้ว ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยฉันจะให้ทนายร่างสัญญามาให้เธออ่านอีกที”


            “เรื่องอื่นไม่มีปัญหา แต่ที่บอกว่าทำอะไรกับภรรยาคุณและเล่นอะไรกับลูกคุณนี่ยังไง” วรันต์เหล่มองอีกฝ่ายตอนที่พูดขึ้น

            “เธอรู้ดีพอๆ กับฉันว่ามันคืออะไร เธอนอนกับผู้หญิงไม่ได้หรอกและเธอไม่มีรสนิยมชอบเด็ก”

            “รู้ดียิ่งกว่าตัวผมอีก”

            “ระวังปากหน่อย อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็เป็นลูกค้าของเธออยู่” และเมื่อถูกเตชัสเตือนซึ่งหน้านั่นแหละ วรันต์เลยรู้ว่าเขากำลังลำเส้นอีกฝ่าย

            “ขอโทษครับ”

            “ไม่เป็นไร อย่าทำอีกก็พอ”

            “ครับ” วรันต์ยกมือไหว้อีกฝ่าย เตชัสพูดถูกยังไงคนนี้ก็ยังเป็นลูกค้าของเขา เขาไม่ควรปีนเกลียวว่าอีกฝ่ายไปขนาดนั้น และด้วยวัยของเตชัสแล้ว เขายิ่งไม่ควรพูดออกไปแบบนั้น



            ผู้ชายที่มีลูกชายอายุสิบกว่าขวบถ้าไม่มีลูกเร็วก็ต้องอายุไม่น้อยแล้ว เตชัสเป็นอย่างหลัง เขาเป็นผู้ชายอายุสี่สิบกว่า ที่เชี่ยวชาญในกิจกรรมบนเตียง ซ้ำยังมีเขี้ยวเล็บแหลมคมในแวดวงธุรกิจ ยึดคติไม่มีคำว่าขาดทุนในพจนานุกรมของเขา และเป็นผู้ชายที่ดูดีมากคนหนึ่งอีกด้วย



            วรันต์ไม่รู้ว่า การตอบรับงานในครั้งนี้ของเขาจะเป็นผลดีหรือผลร้ายมากกว่ากัน


            เพราะเขากำลังกลายเป็นเบี้ยตัวหนึ่งในเกมส์ของเตชัส


=========================================

พักชมสิ่งที่น่าสนใจสักครู่นะคะ
อีกมุมหนึ่งของวรันต์กับ คุณเตของเขา

ปล หนึ่ง ตอนของวรันต์ จะมีงวดหน้าอีกหนึ่งงวดนะคะ
ปล สอง เอ็นดูเด็กคนนี้ด้วยน้า อีกมุมหนึ่งของนาง
ปล สาม ยังไม่ได้ตรวจทานอะไรเลยค่ะ รีบมาลงให้ก่อนค่ะ วันนี้มีเหตุไปนู่นมานี่ทั้งวันค่า

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2018 12:57:32 โดย เขมกันต์ »

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
ดูเหมือนว่ารันต์ก็ไปตามทางของตัวเองได้ดีนี่นา

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ในมุมที่ร้ายๆ ของอีกคน ก็มีมุมที่หดหู่ซ่อนอยู่ ชีวิตต้องสู้นะ
 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

งวดยี่สิบสอง งานใหม่



วรันต์เลี้ยวรถเข้ามาในตัวบ้านของเตชัส หลังจากที่ได้โลเคชั่นมาจากอีกฝ่ายในวันที่เซนต์สัญญาว่าจ้างงานเมื่อสามวันก่อน
 
“อ่านดูก่อนสิ เผื่อเธออยากปรับอะไรตรงไหนก็จะได้แก้ไขเลย จะได้ไม่เสียเวลา แล้วนี่ทนายเจษณ์ เขาจะเป็นคนจัดการเรื่องให้ทุกอย่าง รวมไปถึงเรื่องเงินต่างๆ ของเธอด้วย มีอะไรก็แจ้งเขาได้เลย”

“ครับ” วรันต์พยายามอ่านมันอย่างระวัง แต่เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจมันเท่าไหร่ แค่หนังสือทั่วไปเขายังไม่ค่อยเข้าใจ นับประสาอะไรกับศัพท์เฉพาะทางกฎหมายนี่เล่า เขาทำหน้าเหยเกเหลือบมองทนายเจษณ์เพราะเขาไม่เข้าใจอะไรเลย

“ผมขออนุญาตอ่านรายละเอียดและอธิบายสัญญาฉบับนี้ให้คุณวรันต์ฟังนะครับ” ทนายเจษณ์หันไปขอเชิงขออนุญาตจากเตชัส

“อืม ถ้าเสร็จแล้ว บอกด้วยก็แล้วกัน ผมขอตัวไปประชุมก่อน”

“ครับ” เตชัสบอกทนายเจษณ์แล้วเดินออกไปโดยไม่สนใจวรันต์เลยแม้แต่น้อย

“สบายใจขึ้นบ้างมั้ยครับ คุณเต ก็เป็นอย่างนั้นเอง” เป็นอย่างนั้นเองของทนายเจษณ์นั้นหมายถึงบุคลิกของเจ้าตัวที่นิ่งขรึม ทุกอย่างเหมือนเดินอยู่บนเส้นด้าย ดูเคร่งเครียดตลอดเวลา

“ดีขึ้นแล้วครับ ผมไม่เคยเจอคุณเตเวลาที่เขาทำงานมาก่อนเลย พอมาเจอโหมดนี้ก็ไปไม่ค่อยถูก” วรันต์คร้านจะอธิบายว่าเขากับเตชัสปกติแล้วเจอกันในโหมดไหน มันคงไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าฟังนัก ถึงแม้ว่าทนายจะรู้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคน



จะไม่รู้ได้ยังไง แค่ข้อแรกที่เขาได้อ่าน สัญญานี้มันก็ระบุถึงการนอน การมีสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณเตชัสแล้ว รายละเอียดลงลึกแค่ไหน เขายังอ่านไม่ถึง ก็มึนเสียก่อน

“อย่างนี้นะครับคุณรัน ผมจะพยายามอธิบายให้เข้าใจง่ายมากที่สุด”

“ครับ”

“ข้อแรก คือระหว่างที่คุณกับคุณเตมีสัญญาต่อกัน ห้ามคุณมีเพศสัมพันธ์กับใคร ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ตามครับ รวมไปถึง...เอ่อ...” ทนายเจษณ์เริ่มตีความในข้อที่หนึ่ง

“พูดต่อเลยครับ”

“รวมไปถึงการช่วยเหลือตนเองกับผู้อื่นครับ หมายความว่า ถึงแม้จะไม่มีการสอดใส่คุณก็ไม่สามารถที่จะไปช่วยคนอื่นได้ อธิบายแบบนี้พอเข้าใจมั้ยครับ”

“ฮ่าๆ เข้าใจครับ ไม่มีปัญหา แล้วคุณเตล่ะครับ” วรันต์หัวเราะในท่าทีลำบากใจของทนายเจษณ์ ตอนเขียนคงกระอักกระอ่วนเต็มที ยังต้องมาอ่านอะไรให้เขาฟังแบบนี้อีก

“คุณเตสามารถมีเพศสัมพันธ์ หรือพูดกันง่ายๆ ก็คือ คุณเตจะทำอะไรกับใครก็ได้ครับ แล้วคุณก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธคุณเตชัสทุกกรณีนะครับ”

“ไม่แฟร์เลย แต่ก็สมเป็นคุณเต ข้อนี้ผ่านครับ ข้อสองเลยครับ” วรันต์บอก เพราะเตชัสเป็นคนว่าจ้าง ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนเขา

“ข้อสอง เรื่องภรรยาของคุณเตชัส ห้ามคุณทำร้ายร่างกายเธอเด็ดขาด แต่สามารถทำร้ายทางวาจาได้ครับ” วรันต์ฟังแล้วก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยในความคิดของเตชัส คิดจะทำอะไรกันแน่ ห้ามตบตีแต่ด่าได้เนี่ยนะ?

“เธออายุเท่าไหร่ แล้วนิสัยเป็นยังไงเหรอครับ”

“คุณชินภัทรา ปัจจุบันเธออายุ สามสิบห้า เธอเป็นผู้หญิงที่เวลาอารมณ์ดีก็ดีใจหาย เวลาร้ายก็ร้ายได้น่ากลัวเหมือนกันครับ” ทนายเจษณ์เหลือบมองใบหน้าของวรันต์ เขายังก็ยังแปลกใจตอนที่เตชัสให้เขาร่างหนังสือสัญญาฉบับนี้ เขาพิมพ์สัญญาโดยไม่เข้าใจแม้กระทั่งจุดประสงค์ของ    เตชัสเลยแม้แต่น้อย

“ขอบคุณครับ ตกลง ข้อต่อไปเลยครับ” วรันต์บอกผ่านอย่างง่ายดาย เขาเดินหน้ามาถึงจุดนี้ถ้าจะถอยหลังคงจะไม่ทันเสียแล้ว ผู้หญิงที่ร้ายที่สุดในชีวิตของเขาก็คือแม่ คงไม่มีใครจะร้ายไปมากกว่านี้อีกแล้วมั้ง

“ข้อสาม เรื่องลูกชายของคุณเตชัส คือคุณเตชินท์ ระหว่างที่มีสัญญากันอยู่ คุณต้องไปรับ-ส่ง คุณเตชินท์ทุกเช้าและเย็นที่โรงเรียนครับ ไม่จำเป็นต้องเล่นกับเขา อยู่เป็นเพื่อนหรือสอนการบ้านอีกฝ่าย เว้นเสียแต่ว่าคุณอยากทำ”

“ถ้าผมจำไม่ผิด ลูกชายคุณเตอายุสิบสามแล้วใช่มั้ยครับ”

“ใช่ครับ”

“อืม งั้นก็คงอยู่ราวๆ ม.หนึ่ง ล่ะมั้ง”

“ถูกต้องครับ คุณชินตอนนี้อยู่ชั้นม.หนึ่ง ตามที่คุณเข้าใจครับ”

“ก็โตพอระดับหนึ่ง แปลกคนอย่างคุณเต น่าจะให้คนรถไปส่งลูกชายเขานี่ครับ ทำไมต้องเป็นผม”

“ข้อนี้ผมไม่ทราบครับ คุณเตไม่ได้แจ้งอะไรไว้เลย คุณรันคงจะต้องถามเจ้าตัวเอง”

“จริงๆ ผมก็ไม่ได้ติดปัญหาอะไรหรอกครับ แค่สงสัยนิดหน่อย แต่ช่างเถอะ เอาเป็นว่าไม่มีปัญหาครับ” วรันต์ยักไหล่ ก่อนจะบอกผ่าน

“ข้อที่สี่ คุณมีวันหยุดเหมือนพนักงานที่บริษัทนี้เลยครับ คือแปดวันต่อเดือน หรือบางเดือนมีห้าสัปดาห์ก็ได้หยุดสิบวันครับ ปกติแล้วพนักงานที่นี่จะหยุดวันเสาร์และอาทิตย์ ไม่รวมวันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือวันหยุดต่างๆ ตามที่รัฐบาลกำหนด แต่สำหรับคุณ คุณสามารถเลือกที่จะหยุดได้เลยครับ แค่อย่าเกินแปดวันหรือสิบวันในหนึ่งเดือนก็พอ”

“แล้วถ้าผมลาป่วย ลากิจล่ะครับ”

“เรื่องนี้ คุณเตให้ผมเขียนเป็นข้อสี่จุดหนึ่งไว้แล้วครับ คุณสามารถลาได้เท่าที่กฎหมายกำหนดไว้คือสามสิบวัน ในกรณีที่คุณป่วยจริงหรือมีกิจธุระจำเป็นจริงๆ” วรันต์ยิ้ม ในใจคิดว่าคุณเตชัสจอมเขี้ยว หลบเลี่ยงป่วยการเมืองไม่ได้เลยสินะ รอบคอบจริงพ่อคุณ

“ผ่านครับ ยังมีอีกมั้ยครับ”

“ครับ ข้อที่ห้า เงินเดือนจะโอนเข้าบัญชีของคุณทุกวันที่สามสิบของแต่ละเดือน เดือนละหนึ่งล้านบาทครับ”

“ถ้าผมจำเป็นต้องใช้เงินด่วน สามารถขอเบิกเงินล่วงหน้าได้มั้ยครับ”

“ได้ครับ ข้อที่ห้าจุดหนึ่ง กรณีที่คุณมีเหตุต้องการใช้เงินด่วนให้ติดต่อคุณเตโดยตรง ซึ่งการอนุมัติจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคุณเตชัสครับ”

“ครับ

“ข้อสุดท้าย ข้อที่หกครับ หากคุณทำผิดข้อตกลงไม่ว่าจะข้อใดข้อหนึ่ง สัญญาฉบับนี้ถือเป็นโมฆะทันทีครับ”

“ครับ ตามนั้น” ไม่รอบคอบถี่ถ้วนคงไม่ใช่คุณเตชัส

“คุณรันอยากเพิ่มอะไรตรงไหนบ้างมั้ยครับ”

“ไม่มีครับ ผมหัวช้า คิดไม่ทัน คิดตอนนี้ไม่ออกหรอกครับ” วรันต์รับออกมาอย่างตรงๆ เขาไม่ได้อายที่จะยอมรับกับใครต่อใครว่าเขาโง่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะพูดเรื่อยเปื่อย คงไม่สนุกนักกับการป่าวประกาศบอกใครต่อใครว่าโง่ไปเรื่อย


เขารับสัญญาฉบับนั้นมาก่อนจะจรดปากกาเซนต์มันลงไปอย่างง่ายๆ เชื่อใจในเตชัสว่าอีกฝ่ายคงไม่คิดจะหมกเม็ดหรือปิดบังอะไรเขาภายใต้สัญญานั้นหรอก...มั้ง



และตอนนี้เขาก็หิ้วกระเป๋ามายืนอยู่หน้าบ้านของผู้ว่าจ้างเขา ให้ความรู้สึกเหมือนวันที่พจมานเดินเข้าบ้านทรายทองยังไงยังงั้น ต่างกันตรงที่พจมานมาทวงมรดก แต่เขาอะมาขอเงิน

“มาแล้วหรือ” ถือว่าเขาได้รับเกียรติอันสูงส่งใช่มั้ย ที่คุณเตชัสยอมสละเวลาทำงานแล้วอยู่บ้านเพื่อรอรับเขาในวันแรกแบบนี้

“ครับ รถติดเลยมาถึงช้าหน่อย”

“ไม่เป็นไร รู้กันไว้สิ ภัทร นี่วรันต์ เขาจะมาอยู่ที่นี่ แล้วนี่ชินภัทรา เมียฉัน”

“สวัสดีครับ” วรันต์ยิ้มให้อีกฝ่ายพร้อมยกมือไหว้ แต่ชินภัทราไม่มีทีท่าแม้แต่จะเหลือบมองเขาเลยแม้แต่น้อย

“ปลุกภัทรมาด้วยเรื่องที่คุณพาเด็กของคุณมาอยู่ที่นี่น่ะเหรอคะ ทีหลังไม่ต้องปลุกภัทรมาหรอกนะคะ เสียเวลา!ภัทรขอตัวไปนอนก่อนนะครับ อ้อ..แล้วเธอ วรันต์ใช่มั้ย อยู่ที่นี่ก็อย่าทำให้ฉันเกะกะลูกตาล่ะ จะหาว่าไม่เตือน” ชินภัทราพูดจบก็สะบัดตัวกลับจนผ้าคลุมที่สวมทับชุดนอนสะบัดไปตามแรงของเจ้าตัว

“ต้อนรับกันอบอุ่นเลยใช่มั้ย” เตชัสมองวรันต์ เขากำลังคาดคะเนอีกฝ่ายภายในใจว่าจะรับมือกับอารมณ์ของภรรยาเขาไหวหรือเปล่า

“อุ่นจนร้อนเลยล่ะ เมียคุณเป็นแบบนี้ประจำหรือครับ”

“ไม่หรอก พอดีว่าภัทรเพิ่งกลับบ้านเมื่อรุ่งสาง แล้วนี่ก็เพิ่งสิบเอ็ดโมงแต่ฉันให้คนไปปลุกก็เลยหงุดหงิดเป็นธรรมดา แต่ปกติก็นิสัยน่ารักพอควร” วรันต์ฟังแล้วรู้สึกตงิดนิดหน่อย พอควรในที่นี้คือแค่ไหนกัน

“เหรอครับ”

“ของวางไว้นี่แหละ เดี๋ยวฉันให้เด็กยกไปไว้ให้ที่ห้องนอน หิวหรือยัง”

“ยังครับ”
   
“ก็ดี ถ้างั้นตามฉันมาสิ ฉันจะพาไปดูห้องนอนของเธอ”

“ครับ วันนี้คุณไม่ไปทำงานหรือ”

“ไม่ไป วันนี้ฉันลางานเพื่อเธอเลย”

“ถือเป็นเกียรติอย่างมากครับ” วรันต์ตอบ เขาควรจะดีใจใช่มั้ยที่เจ้าของบ้านต้อนรับขับสู้เขาดีขนาดนี้

“เพราะช่วงบ่ายฉันจะพาเธอไปรับชิน เตชินท์ลูกชายฉันที่โรงเรียน หลังจากวันนี้ไป เธอต้องไปรับเขาเอง”

“อ่อ...” วรันต์ครางรับในคอ เพราะลูกชายคุณเตชัสนั่นเอง เขาไม่น่าคิดไปเองเลยว่าอีกฝ่ายตั้งใจมาต้อนรับเขาขนาดนั้น

“ถึงแล้ว ห้องนี้ล่ะ” เตชัสเดินนำมาถึงห้องที่อยู่ใกล้บันไดชั้นสองของบ้านมากที่สุด นั่นคือขึ้นบันไดมา ก็ถึงห้องเขาเป็นห้องแรก ชายหนุ่มเปิดประตูให้ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง วรันต์จึงเดินตามอีกฝ่ายเหมือนเคย

“ถูกใจหรือเปล่า”

“ก็ดีครับ” เขาตอบอย่างไม่ยี่หระ เพราะเขาแค่มาอยู่ชั่วคราว แบบไหนก็เหมือนกัน ขอแค่มีที่นอน หมอน ผ้าห่ม ห้องน้ำ ก็เพียงพอแล้ว

“อยากเปลี่ยนหรืออยากเพิ่มอะไรก็บอกแล้วกัน”

“ขอบคุณครับ”

“เวลาขอบคุณต้องทำยังไง จำไม่ได้เหรอ”

“อะ ขอโทษครับ ผมลืมไป” วรันต์ก้าวเข้าไปใกล้อีกฝ่าย ก่อนจะยกมือโอบล้อมลำคอของเตชัสเอาไว้เพื่อโน้มใบหน้าคนที่สูงกว่าเขาค่อนข้างมากให้ต่ำลงมา ปลายเท้าของวรันต์เองก็ต้องเขย่งขึ้นเช่นกัน เพื่อให้ริมฝีปากของเขาได้บรรจบลงบนปากบางของเตชัส


รูปปากบางเฉียบเขาว่าวาจาเฉือนคมได้อย่างนิ่มนวล เจรจาก็เก่ง ซ้ำยังไม่แยแสเรื่องความรัก ดูเหมือนทุกอย่างที่เคยได้ยินมาจะตรงกับเตชัสเกือบหมด ถึงกระนั้นจูบของเตชัสก็ร้อนแรงกว่าใครที่วรันต์เคยสัมผัส


แรงบดเบียดของคนสองกันแนบแฟ้นแน่นสนิทไม่มีใครยอมอ่อนมือให้ใคร มือขวาของเตชัสจับยึดมั่นที่ต้นคอของวรันต์เอาไว้ บังคับให้เงยหน้ารับจูบอย่างหลบเลี่ยงไม่ได้ มือซ้ายก็จับเอวคนตัวเล็กเอาไว้แน่น วรันต์ที่เคยผสานมือกอดคอของอีกฝ่ายไว้ ต้องปรับเปลี่ยนมาจับไหล่หนาเอาไว้แน่น เพราะกลัวขาจะอ่อนจนพับลงไปกองกับพื้นเสียก่อน


หนักหน่วงทางด้านอารมณ์เหลือเกิน


ร่างกายถูกผลักดันให้เดินถอยหลัง จนเมื่อขาติดกับเตียงนอนอันกว้างขวางแล้วนั่นแหละเขาถึงทิ้งตัวลงนอนบนนั้น โดยไม่ลืมที่จะรั้งอีกฝ่ายด้านบนให้ล้มตัวตามไปด้วย นิ้วมือเรียวยาวของเตชัสเคลื่อนมือสอดล้วงเข้าไปในเสื้อของคนที่กำลังหายใจไม่ค่อยสะดวก


เสียงลมหายใจของวรันต์สะดุดลงเมื่อเตชัสใช้ปลายนิ้วสัมผัสบนเม็ดทับทิมสีชมพู หลังขาวนวลแอ่นขึ้นตามความรู้สึก เขาอ้าปากเบือนหน้าหนีจากริมฝีปากของคนสูงวัยกว่าเพื่อสูดอากาศเข้าปอด แต่ความพยายามดูยากเต็มทนเพราะอีกฝ่ายไม่ก็ละไล่ใบหน้าเขามาติดๆ

“อื้อ..” วรันต์ขัดใจเพราะเขากำลังจะทนไม่ไหว

“อยู่เฉยๆ เด็กดี” เสียงทุ้มกระซิบบอกที่ข้างหู ไม่พลาดที่จะขบกัดใบหูบางนั้นให้วรันต์ต้องสะดุ้งขึ้นอีกครา

“พะ..พอก่อนเถอะครับ” เด็กหนุ่มพยายามที่จะหาโอกาสยับยั้งอีกฝ่าย

“ทำไม”

“ผมหิวข้าว”

“เป็นถึงขนาดนี้แล้วเธอยังจะอยากกินข้าวมากกว่า..ฉัน..อีกหรือ” เตชัสเลื่อนมือลงไปที่เป้ากางเกงของวรันต์ เขาขยำมันโดยแรงโดยไม่สนว่าเจ้าของร่างกายนั้นจะรู้สึกอย่างไร

“คุณเต!...ผมเจ็บ” วรันต์โวยวายเสียง

“โทษที มันยั้งมือไม่ไหวน่ะ เอาล่ะ...ไปดูห้องต่อไปดีกว่า” แล้วคนอย่างเตชัสก็เปลี่ยนเรื่องง่ายๆ อย่างนั้นเอง วรันต์ลอบถอนหายใจ เขายังไม่อยากขึ้นเตียงกับเตชัสกลางวันแสกๆ พร้อมทั้งเมียของอีกฝ่ายที่ยังนอนหลับอยู่ในบ้าน และประตูห้องนอนของเขายังเปิดอ้าซ่าอยู่แบบนี้


วรันต์พยักหน้าเพื่อตอบรับอีกฝ่าย เตชัสลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะยื่นมือให้เด็กหนุ่มได้อาศัยมือของเขาลุกขึ้นตามมาได้โดยง่าย “ขอบคุณครับ”

“ด้วยความยินดี” อีกหนึ่งคำพูดที่วรันต์ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินจากปากของเตชัส ชายหนุ่มที่ดูเย็นชา ชวนอึดอัดในเวลาทำงาน เร่าร้อนเวลาอยู่บนเตียง แต่กลับมีอีกโมเมนท์ของความอ่อนโยนเวลาที่เจ้าตัวอยากแสดงน้ำใจ


เตชัสทำให้เขาประหลาดใจทุกครั้งที่เจอ


เจ้าของบ้านพาผู้อาศัยคนใหม่สำรวจพื้นที่บริเวณชั้นสองต่ออีกครั้งเมื่อทุกอย่างกลับมาอยู่ในสถานการณ์ปกติ


“ถัดจากห้องของเธอคือห้องของภัทร” เตชัสกับวรันต์เดินมาถึงห้องของชินภัทรพอดี แต่พวกเขาก็เดินผ่านเลยไปโดยไม่หยุดฝีเท้าลง

“ห้องนี้เป็นห้องของฉันและตรงข้ามนั้นเป็นห้องของชิน”

“ครับ”

“อยากเข้าไปดูห้องฉันมั้ย?” เตชัสหรี่ตาลงเหมือนหมาป่าอยากขย้ำเหยื่อ

“ไม่ล่ะครับ ผมไม่อยากถูกกินตอนนี้”

“โอเค งั้นเราลงไปกินข้าวที่เธออยากกินดีกว่า เสร็จแล้วเธอจะได้มีเวลาพักผ่อนก่อนจะออกไปรับชินที่โรงเรียนกับฉัน”

“ครับ”


อาหารมื้อกลางวันของบ้านนี้ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นเท่าไหร่ ทุกอย่างดูเรียบง่าย นั่นก็ทำให้วรันต์ค่อนข้างโล่งใจเพราะเขาไม่ค่อยชอบพิธีการบนโต๊ะอาหาร โชคดีเตชัสไม่ได้เป็นพวกกินอาหารที่ต้องมีความวิจิตรหรือหรูหราอะไร เจ้าของบ้านค่อนข้างกินเรียบง่ายด้วยซ้ำ ชายหนุ่มบอกเขาว่า ถ้าชอบกินอะไรเป็นพิเศษก็บอกแม่ครัวให้ทำมาให้กินได้เสมอ ไม่ต้องเกรงใจ แต่กระนั้นก็ยังกระซิบบอกเขาว่าแต่ถ้ามื้อนั้นมีชินภัทรอยู่ร่วมโต๊ะล่ะก็ ทุกอย่างจะไม่ใช่อย่างที่เห็น


ตอนนี้เขากำลังจัดเสื้อผ้ามาแขวนใส่ในตู้ ทีแรกเตชัสจะให้เด็กในบ้านมาจัดการให้ แต่เขาเลือกปฏิเสธ เพราะเขาอยากทำอะไรด้วยตัวเองและอยากสำรวจภายในห้องอย่างอิสระโดยไม่ต้องมีสายตาอยากรู้อยากเห็นของใคร


เขาเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้อย่างไม่มีกำหนด ไม่รู้ว่าเตชัสบอกกับคนในบ้านว่าอย่างไร แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาของเขา ชายหนุ่มแค่ทำงานตามสัญญา รับเงินก็พอแล้ว ระหว่างที่เขามาอยู่ที่บ้านของเตชัส วรันต์เลยตัดสินใจขายคอนโดห้องนั้นที่ปรานต์ซื้อให้เขา จริงๆ แล้วเขาตั้งใจจะขายมันมาสักพักเพราะอาการป่วยของยายที่มันทำร้ายจิตใจเขาทุกครั้งเวลาที่เห็นยายไม่สบาย และวรันต์ก็คาดหวังว่าเขาจะขายมันได้ในเร็ววันนี้


เสียงเคาะประตูดังขึ้น วรันต์เหลือบมองนาฬิกาบนผนังของห้อง


ตรงเวลาเหลือเกิน เตชัสบอกเขาว่า บ่ายสองครึ่งจะมาเรียกให้ไปรับลูกชายของอีกฝ่ายด้วยและตอนนี้นาฬิกาเรือนหรูก็กำลังบอกเวลานั้นอย่างเถรตรง

“ครับ” เขารีบจัดเผ้าผมให้เข้าที่เล็กน้อยก่อนจะคว้าโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ออกไป ชายหนุ่มตั้งใจไม่หยิบกุญแจรถยนต์ไปด้วยเพราะเขามั่นใจว่า เขากับเตชัสคงไม่แยกกันไปด้วยรถคนละคันเป็นแน่

“เรียบร้อยครับ” วรันต์ยิ้มให้อีกฝ่ายเมื่อเขาเปิดประตูมาเจอกับอีกฝ่ายที่ยืนรออยู่

“สาย”

“นาทีครึ่งเอง รีบไปดีกว่านะครับ” บทจะอะลุ่มอล่วยก็ง่ายแสนง่าย บทจะเข้มงวดก็เข้มงวดเหลือเกิน วรันต์รีบเปลี่ยนเรื่องรุนหลังอีกฝ่ายให้ลงบันไดนำไป


เป็นอย่างที่เขาคาดเดา เตชัสเลือกที่จะขับรถไปรับลูกชายด้วยตัวเองพร้อมกับเขาที่กลายเป็นตุ๊กตาหน้ารถจำเป็น วรันต์ไม่เคยนั่งรถของอีกฝ่ายมาก่อน ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นท่วงท่าสไตล์การขับรถของคนข้างๆ


เขาว่ากันว่าการขับรถของคนเราก็บ่งบอกนิสัยในส่วนที่แย่ได้เหมือนกัน บางคนนิสัยสุภาพอ่อนโยน แต่พอได้จับพวงมาลัยกับผรุสวาทด่าทอเพื่อนร่วมท้องถนนตลอดการเดินทาง บางคนชอบช่วยเหลือคนอื่นแต่เมื่อมีอำนาจของวงล้อวงกลมนั้นกลับทำให้เห็นแก่ตัวเอาเปรียบเพื่อนร่วมถนนก็มีมาเยอะแล้ว


สำหรับเตชัส...วรันต์สังเกตได้ว่าชายหนุ่มค่อนข้างเงียบ ไม่บ่น ไม่โวยวาย แต่อาศัยจังหวะช่วงชิงเอาคืน ช่างสมกับเป็นนักธุรกิจ มีไหวพริบปฏิภาณดีเยี่ยม บางคราวชายหนุ่มก็ขับรถเหมือนสบายๆ แต่ไม่ละต่อโอกาสที่สามารถจะทำให้เวลาที่ต้องเสียอยู่บนท้องถนนไปนั้นลดน้อยลง ช่างสมเป็นเตชัสยามที่ชายหนุ่มลุกเป็นไฟเมื่ออยู่บนเตียง ไม่ยอมเสียเวลาที่จะเริ่มเกมส์


เตชัสน่าค้นหาอยู่เสมอ


รถยนต์ถูกดับเครื่องยนต์ลงในพื้นที่ที่อนุญาตให้จอดได้ในบริเวณแถวหน้าโรงเรียน ตอนที่เขามาถึงก็มีรถยนต์หลายคันจอดนิ่งเรียงรายอยู่พอสมควร เป้าหมายคงจะเหมือนกันกับเขาและเตชัส นั่นคือมารับบุตรหลานของตนเอง วรันต์ก้าวลงจากรถยนต์เพื่อเดินตามเตชัสเข้าไปในโรงเรียน

“สวัสดีค่ะ คุณเต วันนี้มารับน้องชินด้วยตัวเองเลยเหรอคะ”

“ครับ พอดีพาพี่เลี้ยงคนใหม่ของชินมาด้วย อย่างนั้นก็ดีเลย เขาชื่อวรันต์ครับ คุณริสา ต่อไปผมจะให้เขามารับชินที่โรงเรียนนะครับ” เตชัสอาศัยจังหวะนี้ในการแนะนำวรันต์ให้รู้จักกับอาจารย์ที่อยู่หน้าประตูและยังเป็นอาจารย์ประจำชั้นของเตชินในปีการศึกษาปัจจุบัน

“สวัสดีค่ะ คุณรัน ริสานึกว่ามารับวรงค์เสียอีกค่ะ”

“สวัสดีครับคุณสา วรงค์โตแล้ว กลับบ้านเองได้แล้วล่ะครับ พอดีตอนนี้ผมรับจ๊อบเพิ่มน่ะครับ” วรันต์เห็นท่าทางแปลกใจของริสาเล็กน้อยเขาจึงขยายคำในช่วงประโยคหลังเพื่อให้หญิงสาวได้เข้าใจอะไรขึ้นบ้าง

“ค่ะ เชิญค่ะ” ริสายิ้มรับพลางว่าดูเข้าใจ ทั้งคู่ขอตัวลาคุณครูสาวก่อนจะเดินเข้าไปด้านในโรงเรียน

“น้องชาย เธอเรียนที่นี่?”

“คุณสืบเรื่องผมมาจนหมด ผมไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้คุณจะไม่รู้นะครับ”

“ก็ถูก นึกว่าเธอจะตามไม่ทันทุกอย่าง” เตชัสตอบเสียงเรียบ นี่ใช่มั้ยที่เขาเรียกว่าหลอกด่า วรันต์กลอกตาไปมาที่จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนโดนด่ายังไงไม่รู้ ก็พอรู้ตัวหรอกว่าไม่ค่อยฉลาดแต่บางเรื่องมันก็พอเดาได้บ้างแหละ

“....” วรันต์เงียบ เขาเดินตามเตชัสจากด้านหลังไปเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงเรียกของเด็กผู้ชายที่เสียงยังไม่แตกเนื้อหนุ่มดังขึ้น

“พ่อ!! มาได้ไง มารับชินเหรอครับ โอย โคตรดีใจอะ” เด็กวัยสิบสามวิ่งมาโถมเข้ากอดที่เอวของผู้เป็นบิดาเต็มแรง เตชัสก็ตั้งหลักรับการกริยาของลูกชายดีอยู่แล้ว เขาเลยกอดบุตรชายไว้ได้อย่างถนัด



โมเมนท์ของพ่อลูกก็มา เมื่อไหร่เตชัสจะเลิกเซอร์ไพรส์เขาสักทีนะ



แต่สิ่งที่เซอร์ไพรส์สุดๆ ก็คือ ดวงตาของเด็กชายที่เหมือนกับผู้เป็นพ่อราวกับแกะนั้นจ้องมาที่เขาด้วยความไม่พอใจ


ให้ตายเถอะ ไม่ชอบงานยากแบบนี้เลย ถอนสัญญาตอนนี้ทันมั้ย



==========================================

ถอนสัญญาตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วลูก สู้เขานะวรันต์

ตอนหน้าเราจะกลับไปเจอนายนทีและผู้กองของเขากันน้า

ปล เขมกำลังมีปัญหากับการจัดหน้าในเล้า ฮือ

ติด Tag พูดคุยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018



ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
คิดถึงนทีแล้วววววววววววววววววววว
น่าจะมาก่อนหวยออก
จากตามสักงวด

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
คุณเตนี่อยากจะเลิกกับภรรยาหรือไงถึงจ้างรัน แต่งานยากสุดคือลูกชายคุณเตค่าา ดูท่าทางจะไม่ยอมง่ายๆซะด้วยย

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
กลัวน้องเตชินจะไปลงกับพี่วรงค์อ่ะนะ

ออฟไลน์ Kuayyai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
คุณเตอยากเป็นอิสระหรอ
อยากหย่ากับเมีย แต่เมียไม่ยอม
เลยจ้างวรันต์ มาทำให้เมียทนไม่ไหว ขอหย่าเองงี้ป่ะ
อืม..ถ้าใช่ก็งานหนักเหมือนกันนะนี่

แต่ชอบคุณเตนะ ดูสุขุมนุ่มลึก

ออฟไลน์ Elf_Carat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Fc เจ้าแม่ตะเคียนค่ะ แอบรอเธออยู่นะจ๊ะ

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter


งวดยี่สิบสาม ความแตก



และในวันอาทิตย์ไอ้น้ำก็มานั่งชูคอเป็นตุ๊กตาหน้ารถของผู้กองในระหว่างทางกลับบ้าน ถึงแม้ไอ้น้ำจะบอกผู้กองในบทสนทนาในแอปพลิเคชั่นสีเขียวตั้งแต่แรกแล้วว่า


‘ไม่เป็นไร ผมกลับบ้านเองได้’


แต่ก็ได้คำตอบว่า  ‘กลับด้วยกันแหละดีแล้ว ฉันเป็นห่วง’


ไอ้น้ำจึงไม่ได้ปฏิเสธอีกฝ่ายต่อไป เพราะในใจลึกๆ แล้วก็ตั้งใจว่าจะลองเดินหน้าจีบผู้กองดูสักที เขาก็คงต้องหาโอกาสจีบให้มากที่สุด


เดี๋ยวก่อน ปกติแล้วเขาต้องไปรับอีกฝ่ายสิ ก่อนหน้านี้ที่เขาคบกับเจน เขาก็ไปรับไปส่งเจนอยู่เสมอ คราวนี้ทำไมมันถึงกลับตาลปัตรเป็นแบบนี้ไปได้ ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนๆ กัน แต่ตำแหน่งมันจะสลับแบบนี้ไม่ได้ ปลอบใจตัวเองไปก่อน เดี๋ยววันหน้าถ้าหากไอ้น้ำมีรถโก้ๆ ขับ เขาจะเป็นฝ่ายไปรับผู้กองเอง


ผู้กองไม่ต้องเสียใจไปนะ


วันนี้ตอนที่เขากำลังยืนรอผู้กองมารับอยู่บริเวณจุดที่ไอ้น้ำและผู้กองได้นัดแนะกันไว้นั้น เขาก็แปลกใจที่เวลาผ่านมากว่าห้านาทีแล้ว คนที่รับปากว่าจะมานั้นยังไม่มา กลับมีรถยนต์ของใครไม่รู้มาจอดอยู่ข้างหน้าเขา จะมาจอดทำอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้ แล้วยังไม่รีบไปเสียที ถ้าหากผู้กองปรานต์มาแล้วไม่มีที่จอดหรือไม่เห็นว่าเขายืนรออยู่จะทำยังไง


ไอ้น้ำคนดี หงุดหงิดเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก ถนนตรงนี้จอดได้และเป็นสาธารณะ ใครก็มีสิทธิ์มาจอดได้ทั้งนั้น เขายกข้อมือมาดูเวลาอีกครั้ง จวนจะสิบนาทีแล้ว ผู้กองไม่น่าเป็นคนไม่ตรงเวลาหรือว่าจะมีอุบัติเหตุอะไรหรือเปล่า เขานึกห่วงขึ้นมาทันใด มันหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาหมายจะโทรออกไปยังเบอร์อีกฝ่าย แต่กระจกรถยนต์ฝั่งคนขับก็ถูกเลื่อนลงเสียก่อน

“ขึ้นรถสิ”

“อ้าว ผู้กอง” น้ำประหลาดใจ รถยนต์คันที่เขาได้ด่าในใจไปแล้วนั้น กลายเป็นรถของผู้กองเองเหรอเนี่ย


ไอ้น้ำรีบอ้อมไปอีกฝั่งแล้วก้าวขึ้นรถทันที ส่วนสัมภาระที่เป็นเป้ใบหนึ่งก็ถูกนำไปวางไว้ข้างหลังอย่างเรียบร้อย

“มาแล้วทำไมไม่บอกล่ะครับ” อยากจะบ่นอีกฝ่ายมากกว่านี้แต่เขาควรทำคะแนน


ข้อแรก ไม่ควรจู้จี้ขี้บ่น ไม่มีใครชอบคนขี้บ่น ถึงแม้การจะห้ามปากไม่ให้บ่นนั้นมันยากเต็มที


“ขอโทษที เมื่อสักครู่นี้จ่าสมคิดโทรเข้ามารายงานเรื่องบางอย่าง” ผู้กองหนุ่มอธิบาย ไอ้น้ำได้ยินก็รีบฉีกยิ้มดับอารมณ์ที่คุกรุ่นทุกอย่างลงทันที


ข้อสอง รอยยิ้มหว่านเสน่ห์ โปรยเข้าไปเยอะๆ เขาจะได้ชอบเราได้ง่ายขึ้น ใครๆ ก็ชอบคนยิ้มง่าย


ผู้กองหนุ่มออกตัวอย่างนุ่มนวลเมื่อเห็นว่าคนร่วมทางจัดการตัวเอง คาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จแล้ว


“รอนานหรือเปล่า” ผู้กองถามเสียงนุ่มเป็นการทำลายความเงียบภายในรถ ตอนนี้รถยนต์กำลังมุ่งหน้าทำความเร็วตามความสามารถของมันอยู่บนท้องถนนที่วันนี้ดูจะโล่งเป็นพิเศษ

“ไม่นานครับ” น้ำปฏิเสธ ถึงจะรอเกือบสิบนาทีเพราะเหตุอะไรที่ผู้กองบอกก็เถอะ


ข้อสาม อย่าเอาทุกอย่างมาเป็นอารมณ์ อะไรช่างมันได้ก็ช่างมันเถิด เรื่องเล็กน้อยอย่าเก็บเอามาใส่ใจ

“เกือบเรียกนายไม่ทันตอนที่เห็นว่านายจะเดินไปที่อื่น”

“ผมไม่รู้ว่าเป็นรถของผู้กอง กลัวว่าถ้าผู้กองมาแล้วจะไม่เห็นผม” น้ำบอก

“แม่ฉันขี้กังวล ก็เลยให้คนเอารถคันนั้นไปตรวจเช็คสภาพ” ผู้กองหนุ่มถือโอกาสอธิบาย

“อ่อ...ครับ” น้ำฟังแล้วก็พอจะเข้าใจ นิสัยของคุณหญิง

“พอนั่งได้นะ?” ผู้กองถามขึ้นด้วยความกังวล

“นั่งได้สิครับ รถอะไรผมก็นั่งได้ ขามาผมยังนั่งรถประจำทางต่อด้วยรถตู้เลย” น้ำรีบท้วง ผู้กองถามว่าพอนั่งได้มั้ย นี่มันที่สุดของที่สุดแล้วมั้ง ประเมินด้วยตาก็พอรู้ คันนี้หรูหรากว่าคันเดิมเสียอีก ถ้าจะนั่งไม่ได้ก็เพราะขี้กลากมันลามขึ้นที่ตูดเขานั่นแหละ

“ขึ้นมากรุงเทพฯ ทำไมไม่บอกกันบ้าง” ผู้กองเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“...” น้ำเงียบ เจ้าตัวกำลังหาคำตอบดีๆ ให้กับคำถามนี้อยู่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะบอก เรื่องของเขา ผู้กองจะอยากรู้ไปทำไม แต่พอจะทำคะแนนหัวใจ มันเลยยากไปหมดเลยวุ้ย

“ฉันถามยากไปเหรอ” ผู้กองถามอีกครั้งเพราะเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบ

“ไม่ใช่อย่างนั้น ผู้กอง แต่คือ..ผมไม่รู้จะตอบยังไง เอาจริงๆ ผมไม่รู้ว่าจะต้องบอกผู้กองด้วยว่าผมจะไปที่ไหน ทำอะไร เมื่อไหร่ ยังไง” ไอ้น้ำตอบ สาบานต่อหน้าช่องแอร์รถยนต์เลยก็ได้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจกวนผู้กองเลยแม้แต่น้อย


ทว่า..คำตอบมันดูกวนป่ะ ไม่หรอกเนอะ


“ก็จริงของนาย...ฉันก็แค่คิดว่าเราก็สนิทกันระดับหนึ่ง...มั้ง” ผู้กองตอบอีกฝ่ายอย่างถ่อมตัว ทำให้ไอ้น้ำยิ่งรู้สึกผิดเพิ่มไปอีก

“ไม่ใช่ๆ ผู้กองอย่าคิดมากสิ คือปกติเราสองคนก็ไม่ค่อยได้คุยอะไรกันอยู่แล้ว นอกจากเรื่องคดี ก็เลยไม่รู้ว่าต้องบอกด้วย เอางี้ คราวหน้าผมจะบอกผู้กองดีมั้ยครับ” ไอ้น้ำพยายามหว่านล้อม ให้อีกฝ่ายสบายใจขึ้น

“ไม่เป็นไร”

“ปากบอกไม่เป็นไร แต่หน้านิ่งแบบนี้ มันเป็นชัดๆ” น้ำบ่น วิชาวิเคราะห์บุคคลตามการ์ตูนที่เคยอ่านมากำลังแสดงผล

“ไม่เป็นไรจริงๆ ที่ฉันถามไปแบบนั้น ก็เผื่อว่าครั้งหน้าหากฉันต้องมากรุงเทพฯ เหมือนกันจะได้มาพร้อมกัน ก็เท่านั้นเอง” น้ำจับอารมณ์ของอีกฝ่ายไม่ทัน เขามั่นใจว่าทีแรกดูเหมือนผู้กองหนุ่มดูน้อยอกน้อยใจอยู่บ้าง แต่ประโยคล่าสุดที่เจ้าตัวพูด เขาสัมผัสมันไม่ได้เลย เหมือนที่เจ้าตัวบอกว่าไม่เป็นไร ก็คือไม่เป็นไรจริงๆ ไม่มีอะไรให้คิดซับซ้อนกว่านั้น

“ครับ ไว้ครั้งหน้าผมจะบอกผู้กอง”

 “แล้ว...สนุกมั้ย มารอบนี้” ผู้กองยังชวนคุยเรื่องเดิม ไอ้น้ำที่ยังเดาใจอีกฝ่ายไม่ออก ก็เริ่มจะทำตัวไม่ถูก ที่ถามน่ะ ไม่มีอะไรในกอไผ่จริงๆ ใช่มั้ย

“ผมมาทำงานอะ ไม่ได้มาเที่ยว”

“เหรอ ก็เห็นเมื่อวันเสาร์ไปเดินห้าง ที่ไปเจอฉันกับคุณแม่ เลยนึกว่ามาเที่ยวเสียอีก”

“อ๋อ งานเสร็จแล้วครับ ผมมากรุงเทพฯ ตั้งแต่วันพฤหัสฯ ไปคุยงานโปรเจ็คที่ผมทำอยู่ในห้องอะ ผู้กองจำได้เปล่า” น้ำหมายถึงช่วงที่ชายหนุ่มมาพักที่ห้องนอนของไอ้น้ำ นั้นจะเห็นเจ้าของห้องนั่งทำงานอยู่จนดึกดื่นเสมอ

“จำได้”

“นั่นแหละครับ พอดีลูกค้าเขา เรื่องมากนิดหน่อยอยากคุยกับผมโดยตรง ผมก็เลยต้องมาที่นี่อย่างกะทันหัน”

“อืม”

“วันศุกร์ ผมก็เร่งแก้งานข้ามคืนไม่ได้นอนเลย บ่ายวันศุกร์ก็หลับเป็นตาย มาฟื้นอีกทีเอาเช้าวันเสาร์”

“อืม ถึงว่าวันศุกร์ฉันทักแชทไปหา แต่นายไม่ตอบเลย”

“อ้อ..ผมหลับยาวไม่ได้ดูโทรศัพท์เลย ขอโทษด้วย คุณส่งมาว่ายังไง เดี๋ยวผมดูก่อน” นายนทีเตรียมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหมายจะเปิดดูแต่ก็ถูกห้ามไว้

“ไม่เป็นไร ฉันแค่บอกนายว่าจะกลับกรุงเทพฯ เผื่อว่านายอยากได้อะไรจะได้ซื้อมาให้”

“ขอบคุณนะครับ”

“อืม มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ฉันเห็นนายเงียบไปไม่อ่านเลย ก็กังวลอยู่ว่าจะเป็นอะไรหรือโกรธฉันเรื่องวรันต์หรือเปล่า ก็พอดีดันเจอนายที่ร้านไอติมเสียก่อน”

“วันนั้นผมไม่ได้ตั้งใจไปหรอกครับ แต่พี่บาส เขาจะโอนเงินให้ผมแต่ท่าเยอะอยากกินข้าวด้วย ตามประสาคนเคยทำงานด้วยกัน ผมเองก็อยากกินไอติมเลยชวนพี่บาสไป เรื่องก็มีเท่านี้จริงๆ”

“เสียดายที่วันนั้น พี่บาสของนายติดธุระ เลยไม่ได้อยู่กินไอติมด้วยกัน” ผู้กองตอบ แต่ทำไมไอ้น้ำถึงรู้สึกว่าน้ำเสียงของคนพูดนั้นเย็นเยียบเป็นที่สุด

“พี่บาสของผมอะไรกันล่ะ สาวๆ เขาได้มาแหวกผมกระเจิงสิครับ พี่บาสนี่อาชีพหลักเป็นนายสถานีรถไฟ วันๆ สับรางเป็นว่าเล่น พี่บาสติดธุระ นั่นเป็นเรื่องปกติ ผมจะแปลกใจมากกว่าถ้าหากเขาว่าง อีกอย่างผมจะบอกผู้กองให้รู้ไว้เลย คนอย่างพี่บาส เจ้าชู้ตัวพ่อแบบนี้ ใครได้ไปช้ำใจตาย ผมคนหนึ่งล่ะ ให้ฟรีแถมข้าวสารยังขอโบกมือลา”
           
“เข้าใจแล้ว ขอบใจที่บอกฉัน” แล้วผู้กองก็ยิ้มมาให้ ไอ้น้ำงงเข้าไปอีก ผีเข้าผีออกหรือไง ตะกี้เสียงยังเย็น หน้านิ่งอยู่เลย
         
         
คำพูดประโยคไหนของเขาที่ทำให้อีกฝ่ายยิ้มได้


และข้อที่สี่ มีอะไรก็รายงานออกมาให้หมด อย่ากั๊กไว้ เพื่อรักษาชะตาชีวิตของตัวเองให้อยู่รอดยาวนานที่สุด


เดี๋ยวก่อน รอบสอง ไอ้น้ำฉุกใจขึ้นมาอีกครั้งจะจีบผู้กอง ทำไมถึงทำตัวเหมือนเจนอีกแล้วล่ะ จะจีบคนคนหนึ่งทำไมมันยากแบบนี้วะ ก็แค่เกิดมาไม่เคยจีบใครเท่านั้นเอง


เหมือนเกิดสิ่งมหัศจรรย์ในการเดินทาง ผู้กองยิ้มสดใสตลอดเวลาที่ขับรถ ผิดกับตอนที่มารับเขา ทำหน้านิ่งราวกับท้องผูก ราวกับคนละคน

“ยายฝน พี่ชายเอ็งมันบอกว่าจะกลับวันนี้ไม่ใช่เหรอ” แม่น้อยที่กำลังนั่งดูรายการแข่งขันร้องเพลงลูกทุ่งอยู่หันมาถามลูกสาวที่นั่งทำการบ้านอยู่ข้างๆ

“ใช่จ้ะ แม่”

“แล้วป่านนี้ทำไมมันยังไม่ถึงบ้านสักทีวะ”

“แม่ไม่โทรถามพี่น้ำล่ะ มาถามฉันแล้วฉันจะไปรู้หรือ” น้ำฝนตอบพลาง ทดเลขลงในสมุดต่อ

“บ๊ะ!ยอกย้อนเหมือนพี่เอ็งไม่มีผิด” แม่น้อยดุไม่จริงจัง อย่าคิดว่าน้ำฝน ลูกสาวคนเล็กของนางน้อยจะเรียบร้อย มันก็แก่นแก้วกะโหลกกะลา เถียงเก่งไม่แพ้พี่ชายของมันหรอก เด็กนิสัยเสีย ไม่รู้ว่าทำไมพ่อแม่มันถึงไม่ยอมสั่งสอนลูก

“ก็เป็นพี่น้องกันนี่นา”

“เดี๋ยวให้อดข้าวเย็นทั้งคู่”

“โห แม่ใจร้ายอะ แม่น้อยใจดีของพี่ปรานต์ไปอยู่ที่ไหนแล้วน้า” น้ำฝนแซว เพราะผู้กองหนุ่มมาทีไร แม่ของเธอก็เสียงอ่อนเสียงหวานคุยด้วยทุกที

“พูดถึงผู้กองเขา พักนี้ก็เงียบไปเลยนะ ไปไหนน้า...” แม่น้อยคิดถึงระคนถามหา ลูกชายก็ไม่อยู่ ผู้กองก็หายไป

“กลับบ้านหรือเปล่าแม่ พี่ปรานต์เขาไม่ใช่คนที่นี่ วันหยุดก็อาจจะกลับไปหาพ่อแม่เขา เหมือนเวลาพี่น้ำมาหาแม่ตอนที่ยังอยู่กรุงเทพฯ”

“เออว่ะ ที่เอ็งพูดก็ดูมีเหตุผลเป็นไปได้”

“จ้ะ ดูทีวีต่อเถอะแม่ เดี๋ยวไม่ทันได้ยินเขาประกาศคนร้องเพลงชนะหรอก”

“เออๆ ไม่อยากคุยกับข้าก็บอกมา” แม่น้อยพูดติดอาการงอนเล็กน้อย ผินหน้าไปดูทีวีต่อ

“เปล่าสักหน่อย แต่ฉันอยากทำการบ้านให้เสร็จเสียทีจะได้มานั่งคุยกับแม่สะดวกๆ” น้ำฝนไม่ได้รำคาญแม่แม้แต่น้อย เจ้าตัวรีบทำการบ้านให้เสร็จอย่างที่ตั้งใจแล้วจะได้เข้าไปกวนแม่ได้ถนัดๆ เต็มที่เสียที

“เอ๊า คนนี้ชนะได้ไงวะ อีกคนร้องเก่งกว่าตั้งเยอะ ข้าไม่ยอมนะเนี่ย เชียร์มาตั้งแต่รอบแรก จะมาตกรอบแบบนี้ได้ยังไง” แม่น้อยบ่นเมื่อผลประกาศผู้เข้าแข่งขันว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายชนะ

“ก็แม่ลำเอียง เชียร์ฝั่งนั้น พอเขาไม่เข้ารอบก็โวยวาย”

“ทำการบ้านเสร็จแล้วเรอะ ถึงมาคุยกับข้าได้” แม่น้อยเหล่มาบอกแล้วก็รีบดูทีวีต่อ

“เสร็จแล้วสิจ๊ะ ถึงมาคุยกับแม่ได้...เอ่อนี่แม่”

“อะไรวะ”

“แม่รู้สึกอะไรบ้างมั้ย”

“รู้สึกอะไร พูดมาให้ครบๆ ให้จบทีเดียว อย่ามายึกยักได้มั้ย” แม่น้อยพูด ทีวีก็อยากดู หูก็อยากฟัง ปากก็อยากพูด ลำบากแท้หนอชีวิต

“แม่ว่าที่พี่ปรานต์เขามาบ้านเราบ่อยๆ เขาตั้งใจมาใคร”

“อะไร เขาก็ตั้งใจมาหาข้าสิวะ” แม่น้อยอวดตัวเอง

“แม่..ฉันไม่อยากว่าให้แม่เจ็บช้ำหรอกนะ แต่แม่แก่แล้ว พี่ปรานต์เขาไม่น่าจะมาจีบแม่”

“คิดบาปนะเอ็ง ข้าหมายถึงเขาก็คงคิดถึงแม่เขา ก็อาจจะเห็นข้าเป็นเหมือนแม่เขาล่ะมั้ง” แม่น้อยอธิบาย

“ฉันว่าพี่ปรานต์มาหาพี่น้ำ” น้ำฝนเบาเสียงกระซิบกระซาบบอกมารดา

“ไฮ้ จะมาหาไอ้น้ำมันทำไมวะ” แม่น้อยโบกมือปัดไปมาเชิงว่าน้ำฝนพูดจาไร้สาระ

“ก็นั่นไงแม่ แล้วพี่ปรานต์เขาจะมาพี่น้ำทำไม ถ้าไม่ใช่ว่าชอบ...” น้ำฝนทวนย้ำ

“หยุดเลยไอ้ฝน เอ็งกำลังคิดไม่ดีกับผู้กอง แล้วคนที่เอ็งคิดอีกคนน่ะพี่ชายเอ็งนะโว้ย” แม่น้อยห้ามความคิดของลูกสาว

“ฉันรู้จ้ะ แต่แม่...ฟังฉันก่อนนะ ฉันไม่ได้ใส่ร้ายหรืออยากคิดอกุศล แค่อยากให้แม่ลองสังเกตดูบ้าง ฉันก็แค่สงสัยของฉันเท่านั้นเอง ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ใช่เท่านั้นเอง”

“ข้าไม่เชื่อ พี่ชายเอ็งเคยบอกว่ามีงานที่ผู้กองมอบหมายให้มันทำ ถ้าผู้กองจะมาหาไอ้น้ำมันก็เพราะเรื่องงานล่ะว้า”

“ฉันว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น”

“ทำไมเอ็งไม่คิดว่าที่ผู้กองเขามา จริงๆ แล้วเขาอาจจะสนใจเอ็งบ้างล่ะวะ” แม่น้อยถาม ถ้าผู้กองมารักมาชอบกับบุตรสาวของตัวเองคงจะดีไม่น้อย

“เป็นไปไม่ได้เลยจ้ะ ฉันเจอพี่ปรานต์นับครั้งได้ แล้วทุกครั้งที่เจอเขา พี่น้ำอยู่ด้วยตลอด” น้ำฝนแย้ง

“ก็...อืม” แม่น้อยหมดคำจะโต้แย้ง แต่เธอก็ไม่ปักใจเชื่อหรอก

“บ่ายสี่แล้ว ข้าไปทำกับข้าวก่อนดีกว่า ไอ้น้ำกลับมาจะได้มีของอร่อยๆ กิน” แม่น้อยตั้งใจเปลี่ยนเรื่องหนี น้ำฝนทำได้แต่ยิ้ม แม่ของเธอดูปากร้ายกับลูกๆ แต่แท้จริงแล้วนึกถึงลูกทั้งสองคนก่อนเสมอ

“บ่ายสี่แล้วจริงด้วยอะแม่ ปกติพี่น้ำน่าจะถึงบ้านเที่ยงๆ นะ ทำไมช้าจัง”

“เอ ทำไมถึงช้าแบบนี้ โทรถามมันดีมั้ย” แม่น้อยพูดเป็นกังวล วกกลับมาเรื่อแรกที่คุยกัน

“งั้นเดี๋ยวฉันไปหยิบโทรศัพท์ก่อน” จังหวะที่น้ำฝนลุกขึ้นจะไปหยิบโทรศัพท์ในห้องนอน เธอก็ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาพอดี

“ใครมาล่ะเนี่ย..น้ำฝน เอ็งออกไปดูหน่อย” ร่างที่กำลังก้าวเดินของบุตรสาว ชะงักหยุดลงเปลี่ยนทิศทางไปที่ชานหน้าบ้านเสียก่อน

“จ้ะ”

“ขอบคุณนะผู้กองที่มาส่ง” ไอ้น้ำเอ่ยขอบคุณอีกฝ่าย เตรียมตัวจะลงจากรถ

“ไม่เป็นไร ยังไงก็ต้องมาอยู่แล้ว” ผู้กองตอบพลางเปิดประตูรถทางฝั่งตนเองเหมือนกัน

“ไม่ต้องลงก็ได้ครับ แม่ไม่ว่าอะไรหรอก” น้ำเข้าใจว่าผู้กองตั้งใจจะขึ้นไปทักทายมารดาของตน จึงเอ่ยห้ามอีกฝ่ายเอาไว้เพราะอยากให้ผู้กองได้พักผ่อน

“...” ผู้กองไม่ตอบ เขาก้าวลงมาแล้วเดินอ้อมมายังด้านหลังรถก่อนจะเปิดประตูแล้วหยิบเป้ของน้ำส่งให้

“ขอบคุณครับ จริงๆ แล้วผมหยิบเองก็ได้” น้ำบอกเพราะไม่จำเป็นเลยที่ผู้กองจะต้องมาทำอะไรให้แบบนี้ เขาหยิบเองได้สบายๆ อยู่แล้ว

“ฉันอยากทำให้”

“เอ่อ...ครับ” ได้ยินคำตอบแบบนั้น ไอ้น้ำก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน ใบหน้าซับสีเรื่อจางๆ ด้วยความเขินอายที่ได้รับการดูแลจากอีกฝ่าย

“ขึ้นบ้านดีๆ ล่ะ ฉันกลับก่อน” ผู้กองหนุ่มยกมือลูบศีรษะของคนที่ยังถืออุ้มเป้นั้นเอาไว้แน่น

“ผู้กองก็เหมือนกัน ขับรถดีๆ ล่ะ” น้ำตอบ อีกฝ่ายขับรถมาตลอดทาง พาเขาแวะนั่นแวะนี่หลายที่ คงจะอ่อนเพลียพอสมควร

“แค่นี้ก็..หายเหนื่อยแล้ว” ผู้กองตอบ ยิ้มให้ไอ้น้ำจนตัวเองรู้สึกว่ากำลังตกลงไปในหลุมที่ลึกกว่าเดิมอีก

“ค..ครับ ขอบคุณครับ”

“ฉันไปล่ะ” ผู้กองบอกลาเป็นครั้งที่สอง

“จะไปก็ขึ้นรถสิครับ” ไอ้น้ำบอกเจ้าของรถ เขาคิดว่าถ้ายังยืนพูดตอบกันไปมาอยู่แบบนี้ วันนี้ผู้กองคงไม่ได้กลับบ้านพักแน่ๆ

“ตกลง” ผู้กองบอกก่อนจะกลับไปขึ้นรถ น้ำเห็นแบบนั้นก็หันหลังกลับเพื่อขึ้นบ้าน


ใบหน้าของเขา มันหยุดยิ้มไม่ได้เลย บ้าจริง! หยุดยิ้มไม่ได้จริงๆ  น้ำตลกตัวเองที่เขากำลังทำตัวเหมือนเด็กสาวแรกรุ่นที่ไม่เคยมีความรัก สาวแตกเลยเว้ย โอ๊ย หมดกัน มาดแมนของเขา


ขาที่กำลังเดินขึ้นบันได เตรียมจะก้าวเข้าไปในบ้านต้องหยุดชะงักลง เมื่อเห็นน้องสาวยืนนิ่งอยู่ตรงประตูทางขึ้นบ้าน เขารีบปรับสีหน้า เอ่ยถามน้องสาวเสียงขรึม

“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้ ยายฝน”

“แม่ให้ฉันมาดูว่าใครมา”

“อ่อ.. ผู้กองมาส่ง” น้ำตอบทำใจดีสู้เสือ  ไม่รู้ว่าน้ำฝนเห็นแค่ไหน

“มาด้วยกันได้ไงอะ” น้องสาวที่เคารพเริ่มทำการซักถาม

“บังเอิญเจอกันที่กรุงเทพฯ” น้ำตอบไปตามความจริง

“กรุงเทพฯ นี่มันแคยจังเลยอะ เจอกันง๊ายง่าย”

“บังเอิญจริงๆ ไม่เชื่อเหรอ” น้ำตอบมองน้ำฝนนิ่งๆ

“ไม่ต้องทำเป็นเคร่งขรึมหรอก เชื่อก็ได้”

“อืม ผู้กองก็จะกลับมาทำงานต่อ ก็เลยอาสามาส่งพี่ด้วย” น้ำอธิบายต่อ

“ก็ไม่แปลกใจหรอก คงสนิทกันพอควรแหละ ไม่งั้นคงไม่กล้าเล่นหัวพี่น้ำหรอก จริงมั้ย” น้ำฝนพูดอย่างเป็นต่อ ดูเหมือนว่าสิ่งที่ไอ้น้ำกำลังกลัวนั้น ถูกน้องสาวเห็นเข้าเสียแล้ว

“น้ำฝน..เอ็งตั้งใจจะพูดอะไร” น้ำถามเสียงเข้มไปอีกเพราะตั้งใจให้น้องเกรงกลัวตัวเองบ้าง แต่ไอ้น้ำคงลืมไปว่า น้ำฝนมันก็รู้เช่นเห็นชาติพี่ชายคนนี้ดี

“ฉันไม่บอกแม่หรอก แต่อย่าให้แม่เห็นล่ะ ไม่งั้นพี่น้ำกับพี่ปรานต์คงลำบาก”

“พูดอะไรของเอ็ง ข้ากับผู้กองไม่มีอะไรกัน”

“อย่างนั้นเหรอออออ” น้ำฝนย้อนถามเสียงยานคาง จ้างให้ก็ไม่เชื่อ

“ก็จริง ไม่ได้คบกันสักหน่อย”

“ชอบผู้กองเหรอ” น้ำฝนถาม

“คิดว่าไงล่ะ”

“คิดว่า..พี่ก็คงชอบพี่ปรานต์แหละ ไม่งั้นจะเขิน เดินตัวแทบม้วนแบบนี้เหรอ”

“อะไรน้ำฝน เดินตัวแทบม้วนอะไร ไม่มี” ไอ้น้ำปฏิเสธเสียงแข็ง

“ช่างเถอะ นึกว่าจะได้พี่สะใภ้ สุดท้ายก็ได้พี่เขยมาแทนซะงั้น” น้ำฝนยักไหล่ ราวกับผิดหวังในตัวไอ้น้ำมาก

“พี่สะใภ้สิวะ ยังไงก็พี่สะใภ้” น้ำบอกน้องสาวด้วยความมั่นใจ

“พี่น้ำ ที่พูดออกมาเนี่ยไม่รู้ตัวเองจริงๆ เหรอ” น้ำฝนถามกลับพลางส่ายหน้าในความคิดของพี่ชาย

“...”

“ตกลงว่าใครมาหรือเปล่า น้ำฝน ออกไปดูนานจริง” เสียงแม่น้อยตะโกนถามออกมาจากในครัว

“พี่น้ำจ้ะ พี่น้ำมา” น้ำฝนตะโกนตอบกลับไป

“แม่... ฉันกลับมาแล้ว” ไอ้น้ำจึงตะโกนกลับไปให้แม่น้อยรับรู้เป็นการยืนยันตัวตน

“เออ มาถึงแล้วเรอะ โล่งอกไปที” แม่น้อยพูดจบก็ได้ยินเสียงเคาะตะหลิวกับกระทะดังลั่นครัว

“ฉันเตือนพี่แล้วนะ เรื่องพี่กับพี่ปรานต์ ลองเก็บไปคิดดูดีๆ ล่ะ” น้ำฝนพูดทิ้งท้ายแล้วเดินกลับไปดูทีวี


ทิ้งไอ้น้ำให้เอาคำพูดของน้องสาวมาคิด แค่สองสามวันกลับมีทั้งพี่บาสและน้ำฝนมาเตือนเขา ทั้งคู่ต่างพูดด้วยความหวังดีทั้งนั้น


แล้วแม่ล่ะ จะเข้าใจเขาหรือเปล่า


==========================================

ฉายแววคนกลัวสามีออกมาชัดเจนเลยไอ้น้ำ อะไรนะ!? ไม่ใช่เหรอ ท่ดดดดด ท่ดดดด ต้อง ภรรเมีย สินะ

ทำตามกฎสี่ข้อให้มั่นแล้วชีวิตคุณจะปลอดภัย ไอ้น้ำได้กล่าวไว้ (มั้ง)

----

ขอบคุณทุกการอ่านและคอมเมนท์มากๆ ค่ะ เป็นกำลังใจสุดๆ เลย
คอมเมนท์ได้เต็มที่เล้ย ชอบอ่านอยู่แล้วค่ะ  :hao6:

ติด Tag พูดคุยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018



ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
คนดีดีก็เหมาะกัน
 :L2: :L1: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด