LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019  (อ่าน 67081 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kuayyai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
แฟนเก่าผู้กองนิสัยแย่มาก ไม่ชอบเลย
ผู้กองจบ rpca เชียวนะ
ต้องมองออกสิว่าแฟนเก่าเสแสร้งหรืออาจจะความรักบังตาเนอะ
หวังว่าจะไม่มาตามตื้อผู้กองนะ หึ

ตอนนี้เหมือนเริ่มเรียนรู้นิสัยกันเลยน้ำกับผู้กอง น่ารักดี

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เริ่มมองเห็นความดีของผู้กองแล้วสิน้ำ ไม่ต้องยิ้มมากนะเดี๋ยวรันต์ก็จะมาแล้ว ระวังให้ดี หุหุหุ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 165
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
น้ำน่ารักล่ะสิผู้กอง เราเชียร์คนนี้ คนเก่าก็ลืมๆไปนะผู้กอง

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

งวดสิบสี่ ดีมาดีกลับ ร้ายมาร้ายกลับ ไม่โกง

 
            อาการของแม่น้อยดีขึ้นมาก ไม่มีอะไรรุนแรงให้คนเป็นห่วงต้องอกสั่นขวัญแขวนอีก แม่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสามคืน คุณหมอก็ให้แม่น้อยกลับบ้านได้ น้ำขับรถของผู้กองมารับแม่ในวันจันทร์ ทีแรกน้ำฝนจะหยุดโรงเรียนมารับแม่ด้วยพร้อมกัน แต่น้ำปฏิเสธเสียงแข็งไม่อยากให้น้องสาวขาดเรียนเพราะช่วงนี้ใกล้สอบแล้ว น้ำฝนจึงต้องยอมตามพี่ชายเพราะไม่มีเหตุผลอื่นที่จะมาต่อรองได้



            “น้ำ นี่เอ็งไปเอารถใครเขามา แม่คุ้นว่าหมู่บ้านเราไม่มีใครมีรถแบบนี้หรอก” แม่น้อยถามระหว่างทางกลับบ้าน

            “รถผู้กองเขาน่ะแม่”

            “เอ็งไปสนิทกับเขาแค่ไหน ถึงกล้ายืมมาแบบนี้ ใช้ไม่ได้เลย” แม่น้อยเอ็ดบุตรชายด้วยความเกรงใจ

            “แม่อย่าเพิ่งดุฉันสิ ฉันไม่ได้ขอยืมเสียหน่อย ผู้กองให้ยืมเอง”

            “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เขาอาจจะให้ยืมเป็นมารยาทก็ได้ ทำไมไม่รู้จักปฏิเสธ”

            “ฉันช่วยงานผู้กองเขานิดหน่อย ผู้กองเลยให้ยืมรถเป็นค่าตอบแทนจ้ะ” น้ำอธิบาย

            “ช่วยงานอะไรของเอ็งวะ” แม่น้อยมุ่นคิ้ว ผู้กองและบุตรชายของนางไม่น่ามีส่วนเชื่อมโยงใดๆ ต่อกัน

            “เถอะน่า ไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรอกจ้ะ” น้ำบอกปัดเพราะไม่สามารถบอกภารกิจให้ผู้เป็นแม่ทราบได้

            “เออ ไม่ใช่เรื่องไม่ดีก็แล้วไป ตอนเอารถไปคืนเขาอย่าลืมเติมน้ำมันให้เต็มถังแล้วเอาผลไม้ในสวนไปฝากผู้กองด้วยรู้มั้ย”

            “จ้ะ แม่”



            น้ำทำตามคำสั่งของแม่เคร่งครัดไม่ตกหล่น อยากแถมบริการด้วยการล้างรถให้ด้วยซ้ำ แต่เขารู้มาว่า รถเนี่ยไม่ใช่จะสุ่มสี่สุ่มห้าล้างได้เลยเสียเมื่อไหร่ ถ้าอุปกรณ์ทำความสะอาดนั้นไม่สะอาด แทนที่รถจะสะอาดก็อาจจะได้รอยกลับมาอีก และไม่รู้ว่าเจ้าของรถถือเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน พอดีพอร้ายความหวังดีจะกลายเป็นหวังร้ายไปเสีย



            ชายหนุ่มมองนาฬิกาที่แผงคอนโซลหน้ารถแล้วคิดว่าเวลานี้เหมาะกำลังดีที่จะเอารถมาคืนอีกฝ่ายเพราะเป็นเวลาเลิกงาน จะได้ไม่เป็นการรบกวนการทำงานของผู้กอง  ไอ้น้ำจอดรถในช่องจอดหน้าสถานีตำรวจอย่างเรียบร้อยแล้วจึงดับเครื่อง มันผิวปาก ควงกุญแจรถยนต์เดินขึ้นบันไดสถานีตำรวจ

            “อ้าว ว่าไงไอ้น้ำ ลมอะไรหอบเอ็งมาถึงที่นี่ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าวะ” จ่าสมคิดทักด้วยความสนิทเพราะเห็นไอ้น้ำมาตั้งแต่เด็ก จะว่าไปคนในหมู่บ้านนี้ค่อนข้างจะรู้จักมักจี่กันหมด

            “สวัสดีจ่า ฉันมาหาผู้กองอะ อยู่มั้ย”

            “เอ็งมีธุระอะไรกับผู้กองวะ” จ่าสมคิดถามด้วยความสงสัย

            “ฉันเอารถผู้กองมาคืน”

            “อ๋อ ข้าก็ว่าทำไมเห็นผู้กองเดินมาสน. ทุกวัน ที่แท้ให้เอ็งยืมไปนี่เอง แล้วนี่แม่เอ็งหายดีแล้วหรือ”

            “ขอบคุณจ้ะ ฉันไปรับแม่กลับบ้านเสร็จแล้ว ก็เลยเอารถมาคืน”

            “ผู้กองอยู่ในห้องแน่ะ เอ็งเข้าไปเถอะ”


            “ขอบใจจ้ะ” น้ำบอกพลางเดินไปห้องที่มีป้ายเขียนหน้าประตูแสดงชื่อและยศตำแหน่งของอีกฝ่าย เขาเคาะประตูสองสามครั้ง แต่ไม่ได้ยินเสียงอะไรตอบมา จึงถือวิสาสะเปิดเข้าไป




            ไอ้น้ำเห็นผู้กองนั่งพิงเก้าอี้ ดวงตาปิดสนิท ไอ้น้ำสงสัยเลยเดินเข้าไปใกล้ หลับจริงหรือว่าเหนื่อย มันโบกมือผ่านหน้าผู้กองเพื่อทดสอบ แต่ทันใดนั้นมือที่กำลังโบกอยู่ก็ถูกมือของคนที่หลับตาอยู่จับไว้เสียก่อน

            “ขอโทษ ผู้กองตกใจเหรอ ผมแค่อยากพิสูจน์ว่าผู้กองหลับจริงหรือเปล่า” ไอ้น้ำรีบพูดพร้อมกับดึงมือออกมาจากอีกฝ่าย ถูกจับได้อีกแล้ว

            “เมื่อสักครู่นี้หลับจริง แต่ตื่นตอนมีเงาเข้ามาใกล้” ผู้กองปรานต์สลัดศีรษะสองสามครั้งเพื่อไล่ความง่วงงุนออกไป


            “หลับในหน้าที่เปล่าเนี่ย”

            “เดี๋ยวฟ้องหมิ่นประมาทเสียเลย เพิ่งหลับหลังเลิกงาน” ผู้กองหรี่ตามองพร้อมกับขู่ไอ้น้ำ

            “แหม้ กลัวแล้วจ้า” ไอ้น้ำบอกการกระทำขัดกับคำพูดเหลือเกิน

            “มาทำอะไรที่นี่”

            “เอารถมาคืนครับ อะ นี่ กุญแจ รถไม่บุบสลายแต่อย่างใด ไม่มีการชนและเติมน้ำมันให้แล้วเต็มถัง แต่ไม่กล้าล้างรถให้นะกลัวจะเป็นรอย อ้อ มีผลไม้อยู่ในรถด้วย แม่ให้เอามาฝากผู้กอง ห่อมาอย่างดี รับรองรถผู้กองไม่เลอะ” น้ำตอบและอธิบายความตามที่แม่สั่งมาอย่างครบถ้วน

            “เรื่องรถน่ะช่างเถอะ จะเลอะก็ไม่เป็นไร เช็ดออกได้ ยังไงก็ฝากขอบคุณแม่น้อยด้วย”

            “แล้วผมจะบอกให้ ทำไมผู้กองถึงมาหลับที่ สน. ไม่กลับไปนอนที่บ้านพักล่ะ”

            “กลับไม่ได้และไม่ควรกลับ” ผู้กองหนุ่มตอบกำกวมจนไอ้น้ำงง

            “พูดอะไรของผู้กอง ไม่เข้าใจอะ”

            “ช่างเถอะ จะไปไหนต่อ”

            “กลับบ้านครับ ไปดูแม่” น้ำตอบ

            “เดี๋ยวฉันไปส่ง”

            “ไม่เป็นไร เดินกลับเองได้ ใกล้แค่นี้”

            “เดี๋ยวเดินไปส่ง ถือว่ายืดเส้นยืดสายไปด้วย” ผู้กองหนุ่มยืนยัน

            “อือ” น้ำตอบพลางรอผู้กองเก็บของแล้วเดินลงจากสถานีตำรวจไปด้วยกัน

            “แม่น้อยอาการเป็นยังไงบ้าง” ผู้กองถามระหว่างทางที่เดิน

            “ดีขึ้นแล้ว เดี๋ยวก็หาย ช่วงนี้แค่อ่อนเพลียเพราะไม่ค่อยได้กินอะไร สองสามวันก็กลับมาบ่นได้อย่างเดิมแล้วล่ะ” ไอ้น้ำตอบปนตลก

            “ดีแล้ว โล่งใจแล้วใช่มั้ย”

            “อืม ขอบคุณนะผู้กอง เอ้อ....เรื่องคดีอะ ช่วงนี้ผมคงไปหาข้อมูลไม่ได้ รอแม่หายก่อนได้มั้ย”

            “ได้สิ ตอนนี้ก็ได้เบาะแสเพิ่มขึ้นบ้าง วันนี้ก็เพิ่งเชิญเภสัชกรคนที่นายพูดถึงมาสอบปากคำ ก็ได้เรื่องเพิ่มหลายอย่างเลย”

            “เล่าให้ฟังบ้างสิ” น้ำกระตือรือร้นถามด้วยความอยากรู้

            “ความลับทางราชการ บอกไม่ได้”

            “เซ็งว่ะ อะไรๆ ก็บอกไม่ได้” น้ำบ่นกับตัวเอง

            “ถ้าชอบสืบคดีก็ลองไขคดีจากข้อมูลที่ตัวเองมีอยู่สิ แล้วน้ำคิดว่าใครเป็นฆาตกรล่ะ” ผู้กองถาม

            “ใครดีล่ะ... ขอไปคิดก่อน แล้วจะมาบอกก็แล้วกัน”

            “ได้สิ จะได้รู้ว่าคิดเหมือนที่ฉันคิดหรือเปล่า”

            “ผู้กองก็คิดไว้เหมือนกันเหรอ” น้ำว่า ก็ไหนผู้กองเคยบอกว่าใครๆ ก็น่าสงสัยล่ะ

            “ก็ต้องมีสงสัยตั้งสมมติฐานไว้บ้างอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นก็มืดบอดคลำทางไปไม่ถูก”

            “ก็จริง ว่าแต่ผู้กองไม่ค่อยได้นอนเหรอ ทำไมหน้าตาเหมือนคนอดนอน เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาทำงานตลอดเลยเหรอ” น้ำถามเพราะเห็นใต้ตาดำคล้ำของอีกฝ่าย

            “เปล่า ไม่ได้ทำงานหรอก แต่....”

            “ผู้กองแวะขึ้นบ้านก่อนมั้ย” น้ำขัดขึ้นเมื่อถึงบ้านของตนเอง

            “ไม่ล่ะ เดี๋ยวกลับเลย”

            “เมื่อตะกี้ผู้กองจะพูดว่าอะไรนะ”  น้ำคุ้นว่าผู้กองทำท่าเหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่เขาดันแทรกขึ้นก่อน

            “ไม่มีอะไรหรอก”

            “มี บอกมาเถอะ”

            “รันมาที่นี่...” ผู้กองตัดสินใจบอก

            “รัน? เมียเก่า เอ๊ย แฟนเก่าผู้กองอะนะ” ไอ้น้ำตกใจถามเสียงดัง

            “นั่นแหละ”

            “ตอนนี้เขาอยู่ไหนอะ นั่นแน่...ถึงว่าตาคล้ำเชียว ทำอะไรกันไม่หลับไม่นอน” น้ำหลิ่วตาถามคนตรงหน้าอย่างรู้ทัน

            “คิดอะไรของนาย” ผู้กองดีดหน้าผากน้ำไปหนึ่งทีข้อหาคิดอกุศล

            “เจ็บนะ ผู้กอง” ไอ้น้ำลูบหน้าผากป้อยๆ

            “ดีดเพื่อให้เจ็บ ถ้าไม่เจ็บจะดีดทำไม จริงมั้ย” ผู้กองว่าพลางยิ้ม

            “มือหนักชะมัดเลยอะ”

            “ตอนนี้รัน เป็นแฟนเก่า  ฉันเลยให้เขาพักที่บ้านพักนั่นแหละ ตัวฉันเลยต้องไปอยู่ที่อื่นไง”

            “แล้วผู้กองไปนอนที่ไหน”

            “สน.” ผู้กองตอบสั้นๆ

            “ปวดหลังแย่เลยสิ แล้วทำไมไม่ไปหาที่นอนดีๆ”

            “ฉันไม่รู้จักใครที่นี่ จะไปนอนบ้านจ่าก็เกรงใจ แค่ลูกเมียจ่าก็น่าจะเต็มบ้านแล้ว”

            “แล้วทำไมไม่ขับรถไปหาโรงแรมนอน” น้ำพูด ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้กองถึงคิดอะไรไม่ได้ เรื่องแค่นี้ไม่น่าจะหาทางออกไม่ได้

            “....”

            “เอ้อ ขอโทษ ลืมไปว่ารถอยู่ที่ผม” น้ำรู้สึกผิดที่ต่อว่าอีกฝ่าย เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเพราะอะไรผู้กองถึงไม่มีทางเลือกมากนัก

            “ไม่เป็นไร ตอนนี้ได้รถมาแล้ว เดี๋ยวฉันคงเข้าไปหาโรงแรมในเมืองนอน”

            “เสียงใครข้างล่าง ไปโรงแรมอะไรที่ไหน ใครจะไปทำอะไรที่นั่น” เสียงดังมาจากบนบ้าน ถ้าแม่น้อยอาการปกติ คงเสียงดังกว่านี้ แต่เพราะยังไม่หายดี เสียงเลยเบาลงตามอาการป่วย แต่ก็ยังดังพอให้คนข้างล่างได้ยิน

            “ผู้กองคงต้องขึ้นไปบนบ้านแล้วล่ะ” น้ำบอก ดูท่าคงจะหลีกเลี่ยงยาก

            “อืม”


            “สวัสดีครับแม่น้อย ดีขึ้นแล้วใช่มั้ยครับ” ผู้กองขึ้นไปถึงก็เจอแม่น้อยนอนพิงหมอนอยู่ตรงที่นั่งเล่นของบ้าน

            “ไหว้พระเถอะจ้ะ ดีขึ้นแล้ว ขอบคุณผู้กองจริงๆ ที่ให้ไอ้น้ำยืมรถไปรับฉัน”

            “ไม่เป็นไรครับ”

            “แล้วตะกี้คุยอะไรกัน ไอ้น้ำ ข้าได้ยินโรงรงโรงแรม จะพากันไปไหน” แม่น้อยย้อนไปถามเรื่องก่อนหน้านี้

            “ไม่ใช่ฉันหรอกแม่ ผู้กองเขาจะไปนอนโรงแรมในเมืองอะ พอดีที่บ้านพักผู้กอง มีแขกมาพัก” น้ำพยายามตอบเลี่ยงให้มากที่สุด

            “จะไปนอนโรงแรม ทำไมให้เปลืองสตุ้งสตางค์ ถ้าผู้กองไม่รังเกียจก็นอนห้องไอ้น้ำมันก็ได้นะพ่อ ห้องไอ้น้ำใหญ่ที่สุดของบ้านแล้ว เตียงมันก็กว้างขวาง”

            “จะดีเหรอแม่” ไอ้น้ำท้วง ตั้งแต่โตมาเขาไม่เคยนอนร่วมเตียงกับใครเลย

            “ไม่เป็นไรครับ รบกวนเปล่าๆ” ผู้กองตอบปฏิเสธอย่างสุภาพ เพราะดูเจ้าของห้องจะไม่อยากต้อนรับเขาเสียเท่าไหร่

            “รบกวนอะไรกัน ผู้กองช่วยเหลือเราตั้งมาก ใช่มั้ยไอ้น้ำ” แม่น้อยปรายสายตามาทางบุตรชาย เพื่อถามความเห็นแกมบังคับ

            “จริงจ้ะ เอาอย่างนี้ ผู้กองก็นอนห้องผมก็ได้ครับ” น้ำตอบโดยขัดใจมารดาไม่ได้

            “ถ้าอย่างนั้น รบกวนด้วยนะครับ” ผู้กองไม่ปฏิเสธให้เสียเวลาอีก ดีเสียอีกจะได้ไม่ต้องไปหาโรงแรมในเมือง เช้าก็ต้องขับรถกลับมาอีก

            “กินข้าวกินปลามาหรือยังล่ะพ่อ ถ้ายังก็กินพร้อมไอ้น้ำเสีย แล้วจะได้ไปเอาเสื้อผ้ามาค้างที่นี่ จะนอนกี่วันก็แล้วแต่ผู้กองเลยนะ ฉันยินดี” แม่น้อยว่าพลางเรียกน้ำฝนมาช่วยพยุงตนเองเข้าห้องนอนไปเพื่อพักผ่อนให้คลายความอ่อนเพลีย

            “ผู้กอง เดี๋ยวไปเอาของที่บ้านพักปะ” น้ำถามหลังจากเก็บสำรับอาหารเรียบร้อยแล้ว

            “ใช่”

            “ผมไปด้วยนะ”

            “ไปทำไม ไม่ต้อง” ผู้กองบอก

            “ไม่เป็นไร อยากเดินไปเป็นเพื่อน”

            “แน่ใจ?” ผู้กองถามด้วยความรู้ทัน อย่างเด็กแสบเนี่ยไม่น่าจะหวังดีโดยไร้ผลประโยชน์

            “แน่ใจสิ ผู้กอง กลางค่ำกลางคืนมันอันตราย”

            “งั้นก็แล้วแต่ละกัน”

            “โอเค ไปเลยมั้ย” น้ำถามเร็ว ใจมันอยากรู้อยากเห็นแทบแย่แล้ว

            “ไปเลยก็ได้ เดี๋ยวรันนอนก่อน นายจะทันไม่เห็นหน้า” ผู้กองมองคนรีบร้อน

            “รู้ทันจริงโว้ย” ไอ้น้ำบ่น ทำไมผู้กองดูออกเสมอเลยวะ จะมีครั้งไหนมั้ยที่คนคนนี้จะดูไม่ออกว่าเขากำลังวางแผนอะไรอยู่

            “จะตบตาเล่นละครหลอกตำรวจ เร็วไปสิบปีไอ้น้อง” ผู้กองพูดข่ม

            “เหอะ วันหลังจะให้แม่ตะเคียนมาหลอก” น้ำเริ่มพาลเพราะเอาชนะไม่ได้

            “บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่ได้ยินเสียงแม่ตะเคียน มีแต่น้ำนะที่ได้ยิน”

            “.....” จริงว่ะ พลั้งปากพูด งานจะเข้าตัวเองมั้ยเนี่ย

            “ไปกันหรือยังล่ะ หรือจะรอแม่ตะเคียน” ผู้กองพูดพลางลงบันได

            “ไปๆ”

           "ฮ่าๆ อืม ไปเอารถที่สน. ก่อนแล้วกัน"



            ฝากไว้ก่อนเถอะ ผู้กอง ไอ้ตำรวจขี้แกล้ง



            “พี่ปรานต์” วรันต์รีบออกมาจากในบ้านเมื่อได้ยินเสียงรถยนต์ของผู้กอง รถคันนี้วรันต์ไม่เคยเห็นพี่ปรานต์ของเขาขับเลยสักครั้งในช่วงที่คบกัน ดูท่าทางคันนี้น่าจะราคาถูกกว่าคันที่ปรานต์ซื้อให้เขาอีกล่ะมั้ง ทำไมถึงเอาคันที่ราคาถูกมาใช้ วรันต์ไม่เข้าใจ


            “รัน ยังไม่นอนเหรอ” ผู้กองถามเมื่อลงจากรถยนต์คู่ใจ ระหว่างทางที่มา เขาแวะไปขับรถจากหน้าสถานีตำรวจมายังที่พัก ตอนที่ขนสัมภาระตัวเองไปจะได้ไม่ต้องหอบไปพะรุงพะรัง

            “ยังครับ รันรอพี่ปรานต์อยู่” วรันต์รีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มทันทีเมื่อเห็นว่าผู้กองขับรถกลับบ้าน แล้วก็หน้าหน้าหงิกงออย่างเร็วพลันเมื่อเห็นใครบางคนลงมาจากรถยนต์อีกคนด้วย

            “รอพี่ทำไมครับ มีอะไรหรือเปล่า”

            “พี่ปรานต์พาใครมาด้วยอะครับ” วรันต์ไม่ได้อยากรู้ว่าคนนี้ชื่ออะไร แต่อยากรู้ว่าคนนี้เป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับปรานต์มากกว่า

            “เพื่อนพี่เอง ชื่อน้ำ” ผู้กองหนุ่มแนะนำ

            “สวัสดีครับ” น้ำบอกแต่ไม่ได้ยกมือไหว้อีกฝ่าย

            “สวัสดี ผมชื่อวรันต์ เรียกรันก็ได้” วรันต์ตอบไม่ได้อยากพูดกับอีกฝ่ายเท่าไหร่นักหรอก แต่
ก็ต้องแสร้งแสดงว่าตัวเองเป็นมิตรต่อหน้าคนรักเก่า

            “ครับ”

            “พี่ปรานต์จะกลับมานอนที่นี่ใช่มั้ยอะ รันนอนคนเดียวกลัวผีมากเลย” วรันต์ส่งเสียงออดอ้อนอีกฝ่าย โดยไม่สนใจน้ำที่ยืนอยู่เยื้องไป

            “เปล่าครับ พี่มาเก็บของ เดี๋ยวไปนอนที่บ้านของน้ำ”

            “ไปนอนที่นั่นทำไม พี่ปรานต์นอนที่นี่กับรันสิครับ รันกลัวผี นะครับพี่ปรานต์” วรันต์กอดแขนของผู้กองแน่น น้ำฟังเสียงสองคนคุยกัน ก็เบ้ปากเล็กๆ ยิ่งน้ำเสียงที่แสนจะบาดหูนั้น น้ำฟังแล้วก็ขนลุกเหลือเกิน



             รสนิยมผู้กองชอบแบบนี้เหรอเนี่ย ชอบแบ๊วๆ หน้าหวานๆ ช่างฉอเลาะ ปากจิ้มลิ้มคอยเอาอกเอาใจอย่างนี้น่ะเหรอ


             “ไม่ดีหรอก พี่ขอไปเก็บของใช้ในบ้านก่อนนะครับ” ผู้กองบอกปัดอย่างนุ่มนวล พลางปลดมือของอีกฝ่ายออกแล้วเดินเข้าไปในบ้าน ทิ้งให้วรันต์เผชิญหน้ากับไอ้น้ำตามลำพัง

            “นี่นายชื่ออะไรนะ น้ำใช่มั้ย” วรันต์ถามไร้หางเสียง

           “ใช่ ทำไม” ตอนคุยกันครั้งก่อนผ่านทางโทรศัพท์ น้ำยังไม่รู้จักหน้าค่าตาอีกฝ่าย แต่วันนี้รู้จักกันแล้ว ยังพูดกันไม่ดี ก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะพูดดีด้วย


            “เป็นอะไรกับพี่ปรานต์ มากับเขาได้ยังไง”

            “ทำไมต้องบอกด้วยอะ” มีคนเคยบอกมั้ยว่าเรื่องกวนประสาทหรือเรียกง่ายๆ ว่ากวนตีนนั้น ไอ้น้ำถนัดนัก

            “นายใช่มั้ย ที่เป็นคนรับสายฉันแทนพี่ปรานต์” พอได้โต้ตอบกัน วรันต์ก็เริ่มคุ้นเสียงของอีกฝ่าย

            “ใช่ ทำไม”

            “มีสิทธิ์อะไรถึงมารับสายพี่ปรานต์” วรันต์เข่นเขี้ยว

            “ถามเขาเองสิ ว่าผมมีสิทธิ์อะไร” น้ำโยนคำตอบไปให้คนต้นเรื่อง

            “ฉันถามนาย นายก็ต้องตอบฉัน”

            “เป็นใครอะ ทำไมผมต้องตอบ”

            “ฉันเป็นแฟนพี่ปรานต์” วรันต์อยากจะอาละวาดถามเสียงดัง แต่ก็ต้องเค้นถามเสียงเบา เพราะไม่ต้องการให้ผู้กองหนุ่มนั้นได้ยิน

           “แฟน....เก่า ไม่ใช่เหรอจำผิดหรือเปล่าครับ” น้ำพูดเว้นระยะ ก่อนจะทิ้งหนักตรงคำว่าเก่า

            “แก... ไอ้...” วรันต์ชี้หน้าอีกฝ่ายที่กวนอารมณ์ของเขา ตั้งใจไม่ตอบคำถามสักคำถาม

           “ขอความสุภาพทางวาจาเฉกเช่นคนมีการศึกษาด้วยนะครับ” น้ำเตือนด้วยเสียงนุ่ม

           “คนอย่างแก ไม่สมควรได้รับมันหรอก”

           “เอาล่ะๆ ผมไม่แกล้งคุณแล้ว จะบอกให้ว่าผมเป็นอะไรกับพี่ปรานต์ของคุณดีมั้ยครับ” น้ำเห็นคนที่ถูกพูดกำลังเดินออกมาข้างใน เขาจึงฉวยโอกาสนี้บอกวรันต์ที่อยากรู้ความสัมพันธ์ของเขากับผู้กองคนนี้เหลือเกิน


           “อะไร พูดมาเร็วๆ”


           “เขาเก็บของเพื่อไปนอนกับผม คิดว่าเราเป็นอะไรกันล่ะ”



           น้ำหย่อนระเบิดทิ้งไว้ หวังว่า วรันต์ จะไม่อกแตกตายไปก่อนนะ



           สะใจไอ้น้ำจริงโว้ย


=======================

ตัวแสบของเราสร้างเรื่องอีกแล้วมั้ย เรื่องกวนอารมณ์โมโหชาวบ้านล่ะก็ ไว้ใจฝีมือไอ้น้ำเถิดค่ะ
น่าตีจริงๆ ไปแกล้งวรันต์ ได้ยังไง

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018

เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan



ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
หูยยย น้ำทำดีๆ ไล่แฟนเก่าผู้กองไปเลยนะน้ำ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Pin_12442

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ดีมากลูกกกก
นังรันทำตัวดีๆนะ ถ้าไม่อยากเจอแม่ตะเคียน

ออฟไลน์ Kuayyai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
จัดการเลยน้ำ
ทิ้งท้ายแบบนี้หวังว่าคงไม่อกแตกตายก่อนนะจ๊ะแฟน..เก่า
 :hao7:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
จัดการเลยน้ำ ถ้าไม่ไหวเรียกแม่ตะเคียนมาช่วยนะ อันนี้ได้ผลแน่นอนขอบอก
 :hao3:

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter


งวดสิบห้า ไม่พูดใช่ว่าไม่รู้

            “คุยอะไรกับรัน” ผู้กองถามขึ้นขณะที่ยืนแขวนผ้าเช็ดตัวอยู่ในห้องนอนของเจ้าบ้าน หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว

            “เปล่า” น้ำบอกปัด

            “เปล่าได้ยังไง รันทำหน้าเหมือนอยากจะฆ่านายเสียให้ได้”

            “ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ไอ้น้ำยังเนียนทำเป็นไม่เข้าใจ

            “พูดกับรันว่ายังไง”

            “หวงเหรอ ไม่ได้พูดไรสักหน่อย เขาก็ถามว่าผู้กองไปนอนที่ไหน ผมก็บอกไปนอนที่บ้านผมเท่านั้นเอง” น้ำตอบเลี่ยงคัมภีร์ ไม่ได้โกหกสักหน่อย แค่พูดความจริงไม่หมดเท่านั้นเอง

            “แค่นี้?”

            “แค่นี้จริงๆ...เอ้อ...เหมือนมีคนโทรศัพท์มาหาผู้กองอะ ผมไม่ได้รับนะ” น้ำบอกอีกฝ่ายเมื่อนึกขึ้นได้พอดี

            “ขอบใจนะ” ผู้กองเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วก็ออกจากห้องไป


            น้ำเองก็อาศัยจังหวะนี้ หยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเช่นกัน


            “สวัสดีครับ แม่” ปรานต์กดโทรศัพท์ออกไปยังเบอร์ที่คุ้นเคย รอสายสักพักมารดาก็กดรับ

            “แม่โทรไปเมื่อกี้ แต่ปรานต์ไม่รับ งานยุ่งเหรอ แม่กลัวจะรบกวนเลยไม่กล้าโทรไปอีกรอบ”

            “ผมไปอาบน้ำมา แม่โทรหาผมได้ตลอดเวลาเลยครับ”

            “เหรอจ้ะ เป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ยลูก” คุณหญิงถามบุตรชายเหมือนทุกครั้งที่คุยกัน

            “สบายดีครับ เหมือนเดิมทุกอย่างเลย”

            “ปรานต์ ทำไมเสียงไม่ค่อยดีเลยล่ะลูก” แม่ที่เฝ้าเลี้ยงฟูมฟักลูกชายมาตั้งแต่เกิด แค่ความผิดปกติเล็กน้อยก็รับรู้ได้แล้ว

            “ผมนอนไม่พอนิดหน่อย แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” ปรานต์พูดให้แม่ไม่คิดมาก คุณหญิงของบุตรชายคนนี้ขี้กังวลเกินกว่าเหตุเสียด้วย

            “ทำไมนอนไม่พอ หรือว่างานเยอะ ลาออกมั้ย” และเหมือนเช่นเคย เมื่อไหร่ก็ตามที่นางคิดว่าลูกชายจะได้รับความลำบาก เธอก็พร้อมที่จะให้ลูกชายลาออกจากราชการทันที

            “เอาอีกแล้วนะคุณ ลูกโตแล้ว ปล่อยให้ลูกได้คิด ได้ตัดสินใจเอง” เสียงประมุขของบ้านดังเล็ดรอดเข้ามาในสาย ทำให้ปรานต์อดยิ้มออกมาไม่ได้ พ่อมักเตือนแม่แบบนี้เสมอเวลาที่แม่เริ่มจะสปอยล์เขา

            “คุณก็...ฉันเป็นห่วงลูกนี่นา” แม่หันไปบ่นพ่อเบาๆ แล้วก็กลับเข้ามาคุยต่อในสาย “ลาออกมั้ย ปรานต์” คุณหญิงยังไม่ละความพยายาม ถามบุตรชายด้วยเสียงที่เบาลงกว่าเดิม

            “แม่ครับ ผมชอบอาชีพนี้ แม่ก็รู้” ปรานต์ตอบคำถามนี้เหมือนเดิม เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มารดาขอให้เขาลาออก

            “รู้น่ะรู้ แต่อาชีพอื่นลูกอาจจะชอบก็ได้ จริงมั้ยจ๊ะ” คุณหญิงพยายามหว่านล้อมเหมือนเช่นทุกครั้งที่ได้คุยกับบุตรชาย

            “ผมรักอาชีพนี้จริงๆ”

            “แล้วทำไมถึงนอนไม่พอ มีอะไรคิดมากหรือเปล่า ยังไม่ตอบแม่เลย” เมื่อเห็นว่าไม่สำเร็จ คุณหญิงจึงวกกลับไปถามเรื่องที่ยังไม่ได้คำตอบ

            “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ”

            “ปรานต์อย่าปิดบังแม่ ถ้างั้นแม่เดาเอง ใช่เรื่องของหนูรันหรือเปล่าลูก” ถ้าบอกว่าคุณหญิงมีตาทิพย์ หูทิพย์ ปรานต์ก็คงจะไม่เถียง เพราะเรื่องที่แม่ของเขาเดาออกมานั้นมันถูกต้อง

            “ก็...ครับ”

            “ทำไมเหรอ รันเขากลับมาขอคืนดีกับลูกหรือเปล่าจ๊ะ” คุณหญิงถาม ภาวนาขอให้ไม่ใช่อย่างที่คิด ขณะเดียวกัน ประมุขของบ้านก็ลดหนังสือในมือลงด้วยเช่นกัน ราวกับกำลังรอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ

            “ไม่เชิงครับ ผมกับน้อง เรายังไม่ได้คุยกันเลย ผมให้น้องพักที่บ้านพัก ส่วนผมเลี่ยงไปนอนที่ สน.” ปรานต์อธิบายมารดา คุณหญิงทำปากโดยไร้เสียงบอกกับสามีว่ายังไม่คืนดีกัน เท่านั้นเจ้าของบ้านก็เริ่มอ่านหนังสือที่ค้างนั้นต่อ

            “ตายแล้ว ต้องนอนไม่สบายตัวแน่เลย แม่ล่ะเป็นห่วง แล้ววันนี้ยังนอนที่ สน. หรือเปล่าลูก ย้ายไปนอนที่โรงแรมดีมั้ย ไปเลือกห้องแพงๆ เลย ปรานต์นอนแบบนั้นมันไม่ดีต่อสุขภาพนะลูก” ผู้เป็นมารดาบ่นยืดยาวด้วยความเป็นห่วง

  “เอาไงดีคะคุณ ลูกเรา นอนลำบาก ซื้อบ้านที่นั่นเลยดีมั้ยคะ ไปทำเรื่องพรุ่งนี้เลยนะคะ” คุณหญิงหันไปบอกสามีอย่างรวดเร็ว

            “ใจเย็นก่อนคุณ ฟังเจ้าปรานต์มันก่อน” ประมุขของบ้านรีบค้านเพราะรู้จักนิสัยภรรยาของตนดี

            “วันนี้ผมมานอนบ้านของคนที่นี่ครับ เขาใจดีให้ผมพักระหว่างที่น้องยังอยู่ที่บ้านพัก” ปรานต์รีบบอกให้แม่หายห่วงก่อนที่ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างใจที่แม่ของเขาต้องการ

            “อ้าว บ้านใครน่ะลูก จะลำบากเขาหรือเปล่า”

            “ไม่รู้ว่าเขาลำบากหรือเปล่า แต่เขาบอกเต็มใจ ผมนอนที่ห้องของลูกชายเขา แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” ปรานต์ไม่กล้าบอกมารดาตรงๆ ว่า คนเป็นแม่ที่เป็นเจ้าของบ้านนี่น่ะเต็มใจ แต่เจ้าของห้องดูไม่ค่อยจะเต็มใจสักเท่าไหร่

            “ฝากขอบคุณน้องด้วยนะลูก เขาใจดีกันจังเลย” คุณหญิงได้แต่ดีใจที่ลูกชายเธอยังพอมีทางออกอยู่บ้าง

            “ได้ครับ”

            “เรื่องน้องรัน แม่อยากให้ปรานต์ลองคิดลองตรองดูนะลูก ว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ต่อไปดี จะกลับไปคบหรือไม่ ก็แล้วแต่ปรานต์นะ” มารดาบอกบุตรชาย แต่ก็ภาวนาว่าขอให้เลิกกันแล้ว ก็เลิกกันไปเลย อย่ากลับมาคบกันอีกจะเป็นการดีที่สุด

            “ครับ ผมเองตั้งแต่ถูกย้ายมาที่นี่ ก็คิดเรื่องรันหลายครั้ง คงจะไม่กลับไปคบกับน้องอีกหรอกครับ” ปรานต์ตอบสิ่งที่แม่ของตนนั้นเป็นกังวล



            ทำไมเขาจะไม่รู้ว่า ทั้งบิดามารดาของเขา ไม่ได้รักชอบอะไรในตัววรันต์เท่าไหร่นัก แต่เป็นเพราะว่ารักเขา ทั้งสองจึงไม่อยากให้เขาลำบากใจ แม่ของเขารู้ว่าเขาสูญเงินไปไม่น้อยกับวรันต์ แต่ก็ไม่เคยบ่นหรือว่าอะไร เพราะเคารพการตัดสินใจของตัวเขาเอง


            เลิกกันครั้งนี้ เขาก็คิดว่ามันก็ดีเหมือนกัน แม่กับพ่อดูสบายใจเป็นอย่างมากที่รู้ว่าเขากับอีกฝ่ายนั้นจบความสัมพันธ์กันแล้ว รวมถึงตัวเขาเองพอได้ไตร่ตรองและทบทวนเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เขาก็ตระหนักได้ว่า อันที่จริง เขาควรเลิกกับอีกฝ่ายได้ตั้งนานแล้ว แต่เพราะไม่อยากให้วรันต์ลำบากและเสียใจ เขาจึงยังอยู่เป็นกองเงินกองทองให้คนรักเก่า


            คบกันไปสักพัก เขาก็รู้แล้วว่า วรันต์ไม่ได้เป็นลูกคนรวยหรือมีอันจะกินแต่อย่างใด รู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งโกหกยืมเงินเขา โดยไม่คิดจะคืนเงิน และรู้มาตลอดว่าก่อนหน้านี้วรันต์ทำงานอะไร เขารู้มาตลอด แต่เขาไม่เคยพูดให้วรันต์รู้เลย เขาอยากให้วรันต์คิดว่าเขาไม่รู้และมีความทรงจำและภาพดีๆ ของอีกฝ่ายเอาไว้


           เขาจึงแกล้งโง่เพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจว่าหลอกเขาสำเร็จ ก็เท่านั้นเอง


           “ให้ฉันนอนฝั่งไหน” ผู้กองหนุ่มกลับเข้าห้องมาอีกทีก็เห็น เจ้าของห้องอาบน้ำเสร็จแล้ว ผมเปียกหมาดๆ กับเสื้อผ้าที่เปลี่ยนเป็นชุดนอนนั้นเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกได้ดี

           “ฝั่งไหนก็ได้ แต่ผมติดหมอนข้าง ผู้กองเหลือไว้ให้ผมอันหนึ่งนะ” น้ำที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานตรงปลายเตียง หันกลับไปบอกคนร่วมห้อง

           “ฉันนอนก่อนแล้วกัน” ผู้กองปรานต์หยิบหมอนข้างที่อยู่บนที่นอนวางไว้กับพื้นอันหนึ่ง เหลือไว้เพียงหนึ่งอันตามที่เจ้าของห้องร้องขอเอาไว้ พร้อมเอ่ยบอกลา ฝืนถ่างตาแทบไม่ไหวแล้ว

          “ง่วงแล้วเหรอ อ้อ ลืมไป ไม่ค่อยได้นอนสินะ” ไอ้น้ำพูดออกมาเพราะเข้าใจความรู้สึกอีกฝ่าย

          “อืม”

         “แสงไฟแยงตาหรือเปล่า เดี๋ยวผมปิดจอคอมฯ นี้ก็แล้วกัน” ปกติน้ำจะใช้จอคอมพิวเตอร์อันใหญ่ของยี่ห้อหนึ่งทำงาน แต่แสงมันค่อนข้างสว่างมาก และส่องไปทางที่นอนเต็มๆ เขาเองก็กลัวว่าคนที่พักผ่อนน้อยจะนอนหลับไม่สนิท

         “ไม่เป็นไรหรอก ฉันนอนได้ จะเปิดหรือปิดไฟก็ได้ทั้งนั้น ตามสบายเจ้าของห้องเถอะ”

         “ปิดไฟดีกว่า จะได้นอนหลับสนิท” น้ำปิดไฟกลางห้องรวมถึงดับหน้าจอคอมพิวเตอร์จอใหญ่นั้นด้วย คงเหลือไว้เพียง    โน๊ตบุค

         “ทำงานเหรอ” คนที่คิดว่าหลับไปแล้วถามขึ้นท่ามกลางความมืด

         “ครับ”

        “งานอะไร”

        “ขีดๆ เขียนๆ มั่วไปเรื่อย ไหนว่าง่วง นอนได้แล้วผู้กอง” น้ำเปลี่ยนเรื่อง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่อยากบอกว่าตัวเองทำงานอะไร


        น้ำแปลกใจตัวเอง มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะบอก ไม่ใช่หรือไง


        “ฝันดีครับ” ผู้กองไม่โต้แย้ง พูดบอกลาอีกฝ่ายตามความเคยชิน แล้วก็หลับลงไปอย่างรวดเร็ว


         ทิ้งให้คนฟังใจเต้นกับคำพูดนั้น บ้าจริง


          “น้ำ เอ๊ย ไอ้น้ำ ตื่นหรือยัง ปลุกผู้กองเขาลุกมาทานข้าวก่อนไปทำงานได้แล้ว” รุ่งเช้า แม่น้อยมาเคาะประตูเรียกเบาๆ ไม่กล้าเปิดเข้ามาเพราะมีแขกพักอยู่ร่วมกับบุตรชาย


          “จ้ะ ตื่นแล้ว” ไอ้น้ำสะลึมสะลือตอบผู้เป็นมารดาที่รักยิ่ง


          เขาขยี้ตาเป็นอย่างแรก เมื่อคืนกว่าจะนอนก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว ตาแทบจะปิดอยู่รอมร่อตอนที่เขาปิดโน๊ตบุคและลากสังขารมานอนบนเตียงฝั่งที่ว่างไว้และกอดหมอนข้าง นอนหันหลังให้คนร่วมเตียงก่อนจะหลับไป


          แต่เช้านี้มันนอนในสภาพนี้ได้ยังไง ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไปก็สบตาเข้ากับนัยน์ตาคมของคนทำหน้าที่แทนหมอน ผู้กองยิ้มให้คนในอ้อมแขน รอดูปฏิกิริยา ไอ้น้ำเห็นอย่างนั้น ก็ตั้งท่าเตรียมจะแหกปากด้วยอารามตกใจตั้งแต่เช้า แต่ก็ถูกมือของผู้กองเลื่อนมาปิดปากเอาไว้ได้ทันเสียก่อน


          “อย่าเสียงดัง เดี๋ยวแม่น้อยตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น” ผู้กองที่สังเกตอาการของน้ำตั้งแต่ตอนที่ตื่นนอนใหม่ๆ อยู่ก่อนแล้ว คิดไว้ไม่มีผิด ว่าเจ้าตัวจะต้องแสดงออกมาแบบนี้แน่ๆ

          “อื้อ ปล่อย” น้ำพยักหน้าว่าโอเคพร้อมกับส่งเสียงในลำคอให้ปล่อย ผู้กองจึงค่อยละมือออกมาจากปากของคนที่เพิ่งสงบจากการเตรียมโวยวาย


          น้ำพยายามสงบจิตใจ จะไม่ให้เขาตกใจได้ยังไง ในเมื่อสภาพของเขาตอนนี้คือนอนกอดผู้กองเต็มตัว ขาขวาก่ายเกยขึ้นมาแทบจะเกินครึ่งตัวของคนร่วมเตียง ยังศีรษะ ที่หนุนแขนคนข้างๆ ต่างหมอนนั่นอีก มือขวาก็ไม่วายพาดผ่านที่ท้องของอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจ


          หมอนข้างล่ะ หมอนข้างหายไปไหน ทำไมผู้กองถึงกลายเป็นหมอนข้างของเขาไปได้


          “ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ” น้ำยิ้มแหยพร้อมกับค่อยๆ ขยับร่างของตัวเองกลับมาที่นอนฝั่งของตัวเอง หางตาเหลือบไปเห็นหมอนข้างที่ตกลงไปข้างเตียง

          “เชื่อแล้วว่าติดหมอนข้างจริงๆ”

          “นอนหลับสนิทหรือเปล่า ผมนอนดิ้น นอนกรน หรือเปล่า” น้ำถามเพราะเขาไม่เคยนอนร่วมเตียงกับใคร เลยไม่สามารถบอกได้ว่าตนเองเวลานอนนั้นเป็นประเภทไหน

         “ไม่ดิ้น ไม่กรน แต่ตัวอุ่นดี” ผู้กองตอบพลางลุกขึ้น ยิ้มด้วยความอารมณ์ดีเพราะคิดว่าเช้านี้แกล้งอีกฝ่ายพอแล้ว

         “ผู้กอง!!” อายุจนเข้าวัยนี้ ไอ้น้ำก็คิดว่าหน้าแดงจนร้อนมันเป็นอย่างนี้นี่เอง

         “ถือว่า ตอบแทนที่ให้นอนด้วยก็แล้วกัน” ผู้กองพูดสองแง่สองง่ามแล้วก็คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปก่อนที่จะไอ้น้ำจะโวยวายตามหลังได้ทัน


         ผู้กองหัวเราะกับตัวเอง น้ำคงตกใจแทบแย่ ที่ตื่นมาในอ้อมกอดของเขา ทีแรกตอนที่เขาตื่นมาก็ตกใจเหมือนกัน เตรียมจะดึงอีกฝ่ายออกจากตัวของเขา แต่พอเห็นเด็กหนุ่มอ่อนวัยกว่านอนหลับสบายเลยไม่อยากจะขยับตัวให้เจ้าของห้องนั้นต้องตื่นก่อนเวลา


         รู้สึกดีเหมือนกัน


         ในขณะที่คนสองคนในห้องของไอ้น้ำต่างนอนหลับสนิท แต่คนที่อยู่บ้านพักของผู้กองนั้นกลับนอนไม่หลับ ไม่ใช่เพราะกลัวผีตามที่บอกคนรักเก่าไว้ แต่เพราะสมองของเขาเฝ้าคิดสงสัย น้ำ เด็กหนุ่มที่อายุอานามไล่เลี่ยกับเขา ที่มากับ  ผู้กองเมื่อคืนนี้ เขาเดินวนเวียนอยู่ในบ้านคิดไปคิดมาทั้งคืนว่าสองคนนั้นมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกว่าที่เห็นหรือเปล่า


         วรันต์คิดไม่ตก คนนั้นดูไม่น่าไว้ใจ อยู่บ้านนอกแท้ๆ อาจจะพอรู้ว่าผู้กองปรานต์ร่ำรวยจนอยากจะจับอีกฝ่ายไว้เหมือนเขาก็ได้ โอ้ย นี่เขาต้องมาแข่งกับคนแบบนี้เหรอเนี่ย เขาจะแพ้ไม่ได้


         ตั้งแต่มาที่นี่ เขาก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับคนรักเก่าจริงจังเสียที ผู้กองเองก็เหมือนรู้ว่าเขามาหาด้วยจุดประสงค์อะไรจึงพยายามหลีกเลี่ยงอยู่ตลอดเวลา คงจะกลัวใจอ่อนสินะ วรันต์กระหยิ่มยิ้มด้วยความเป็นต่อ ผู้กองปรานต์รักเขามากแค่ไหน ไม่มีทางที่เวลาเพียงเดือน สองเดือน จะทำให้ผู้กองนั้นตัดใจจากเขาได้หรอก


            เอาล่ะ เขาจะมัวใจเย็นต่อไปไม่ได้แล้ว คงจะเดินหน้าเต็มขั้นเสียที


            “สวัสดีครับ มีอะไรให้รับใช้ครับ” จ่าสมหมายทักทายต้อนรับประชาชนที่ไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย

            “อืม ฉันมาหาพี่ปรานต์ เขาอยู่มั้ย” วรันต์ถาม

            “ผู้กองปรานต์อยู่ในห้องครับ”


            “ขอบใจ” วรันต์ยิ้มให้อย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปโดยไม่เคาะบอก

            “พี่ปรานต์ครับ” อดีตคนรักเก่าอย่างวรันต์ส่งเสียงหวานเรียกชื่ออีกฝ่ายทันทีที่เปิดประตู

            “แค่นี้ก่อนนะจ่า” ผู้กองปรานต์ไม่พอใจที่ถูกขัดจังหวะระหว่างที่คุยงานกับจ่าสมคิด แต่จะให้เอ่ยปากไล่ตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว เขาจึงตัดบทกับผู้ใต้บังคับบัญชาไปก่อนเพราะอันที่จริงก็คุยเสร็จเรียบร้อยแล้ว

            “ครับ ผู้กอง” จ่ารับคำแล้วออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ

            “มีอะไรหรือรัน มาหาพี่ถึงที่นี่” ผู้กองถามขึ้นเมื่ออยู่ตามลำพัง

            “รันเหงา ก็เลยมาชวนพี่ปรานต์ไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน”

            “แต่พี่....” ปรานต์อยากจะปฏิเสธ แต่เพราะเขาไม่ใช่คนที่โกหกเป็นปกตินิสัย จึงคิดหาข้ออ้างไม่ทัน

            “นะครับ ตั้งแต่รันมาที่นี่ รันยังไม่ได้กินข้าวกับพี่ปรานต์เลย”

            “ตอนบ่ายพี่มีงาน”

            “รันทราบครับ รันรู้ว่าพี่คงโกรธรัน คงไม่อยากแม้แต่จะมองหน้ารันแล้วใช่มั้ยครับ” วรันต์ทำหน้าเศร้าให้คนรักเก่านั้นใจอ่อน

            “เปล่า พี่ไม่ได้โกรธรัน” อยากปฏิเสธไร้เยื่อใย แต่เห็นใบหน้าคนเคยรักแล้วผู้กองก็ลำบากใจไม่น้อยทีเดียว

            “ถ้าไม่ได้โกรธ ก็ไปกินข้าวกับรันนะครับ แค่มื้อเดียวก็ยังดี” วรันต์พยายามเดินหน้าไล่รุกอีกฝ่าย

            “พี่...”

            “นะครับ ... รันคิดถึงพี่ปรานต์”


            ผู้กองหนุ่มใจอ่อนจนได้


            “พี่ปรานต์อยากทานอะไรครับ วันนี้รันจะบริการพี่เอง” วรันต์ถามอย่างเอาใจ ขณะที่พลิกหน้าเมนูอาหาร

            “พี่ทานอะไรก็ได้ แล้วแต่รันเลย”

            “อืม ถ้าอย่างนั้นรันสั่งของโปรดพี่ปรานต์ละกันนะครับ” ปรานต์เองก็ต้องยอมรับว่า ถึงวรันต์จะเอาแต่ใจ แต่การเอาใจของอีกฝ่ายนั้นก็ไม่น้อยหน้าไปกว่ากันเลย


            อาหารหลายเมนูถูกจัดวางลงตรงหน้าในเวลาไม่นานนัก ปรานต์เริ่มลงมือทาน ส่วนวรันต์ก็คอยตักอาหารแต่ละอย่างเอาใจอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลา

            “รัน ทานด้วยสิ อย่ามัวแต่ห่วงตักให้พี่”

            “ก็วันนี้รันบอกแล้วไงครับจะดูแลพี่ปรานต์เอง”

            “ทานเข้าไปบ้าง เดี๋ยวจะเป็นโรคกระเพาะเอาได้” ผู้กองเตือนด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับตักอาหารไปให้วรันต์ด้วย

            “ขอบคุณครับ นึกว่าพี่ปรานต์จะไม่ห่วงรันเสียแล้ว” วรันต์ตอบเสียงสั่น พอเงยหน้ามาใบหน้าหวานก็เต็มไปด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า

            “พี่ห่วงรันเสมอนะครับ” ผู้กองเห็นแล้วก็ใจไม่ดี เกลี่ยน้ำตาให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ

            “พี่รู้มั้ย รันรักพี่ รักพี่ปรานต์นะครับ รันขอโทษที่วันนั้นรันพูดไม่คิด รันโกรธ รันน้อยใจ ก็เลยพูดจาพล่อยๆ แบบนั้นออกไป” วรันต์คิดว่านี่แหละถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด เขาเลยรีบพูดเรื่องระหว่างเขากับปรานต์ทันที ก่อนที่โอกาสนี้จะหลุดมือไป

            “พี่รู้ว่ารันไม่ตั้งใจ”

            “รันเสียใจ เสียใจจริงๆ พี่ปรานต์ยกโทษให้รันนะครับ” รันขยับตัวเข้ามาใกล้อีกฝ่ายพร้อมกับจับแขนของผู้กองเอาไว้ราวกับยึดเป็นที่พึ่งของตัวเอง

            “พี่ไม่เคยโกรธรัน พี่เคยบอกรันไปแล้วนี่ครับ” ผู้กองวางมือข้างที่ว่าง ลงบนมือของอีกฝ่ายเพื่อเป็นการปลอบใจ

            “ถ้าอย่างนั้น เรากลับมาคบกันดีมั้ยครับ รันสัญญาจะไม่ทำตัวงี่เง่าแบบนี้อีก แล้วจะมาอยู่ที่นี่กับพี่ปรานต์นะครับ” วรันต์ยื่นข้อเสนอที่คิดว่าปรานต์น่าจะสนใจ



            ถ้าปรานต์ตอบตกลงแล้ว ภายหน้าเขาค่อยหาทางเลี่ยงก็ได้ ตอนนี้อะไรที่คิดว่าพูดดีแล้วจะดีกับตัวเอง เขาต้องเค้นมันออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้


            “พี่คิดว่า ที่เป็นอยู่แบบนี้ก็ดีแล้ว” คำตอบของปรานต์ ทำให้วรันต์หน้าผิดสี นี่ผู้กองปฏิเสธเขาอย่างนั้นเหรอ


            “ทำไมพี่ปรานต์ ถึงพูดอย่างนั้นล่ะครับ” วรันต์กลั้นใจถาม

            “พี่รู้ว่ารันเองอยากทำเพื่อพี่ แต่พี่ก็ทิ้งอาชีพนี้ไปไม่ได้ และพี่ไม่อยากปิดโอกาสของรัน ถ้ามีคนดีๆ เข้ามา รันจะได้ไม่ต้องลำบากใจเพราะพี่”

            “รันไม่ต้องการคนอื่น รันต้องการพี่คนเดียว” วรันต์กอดแขนอีกฝ่ายแน่นขึ้น ซบใบหน้าลงบนต้นแขนของอดีตคนรัก น้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย

            “รันเชื่อพี่เถอะนะ ชีวิตรันจะต้องได้เจอคนดีๆ อีกมาก”

            “ครับ” วรันต์รับคำได้ค่อนข้างสงบ จนผู้กองปรานต์แปลกใจ






            ภายใต้คราบน้ำตา ใบหน้าซ่อนความคิด วรันต์ให้สัญญากับตัวเองว่า เขาจะต้องเอาบ่อเงินบ่อทอง กลับมาอยู่ในอุ้งมือเขาให้ได้!!




====================================

ผู้กองรู้มากนะเนี่ยยยยย

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018


เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan



ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1657
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
โอ้ยย ขัดใจผู้กอง เรื่องอื่นก็เห็นเก่งดี ทำไมเรื่องนี้ไม่ทำให้จบล่ะคะ ตัดบัวอย่าให้เหลือใยสิผู้กองง น้ำมาช่วยอิผู้กองขี้ใจอ่อนที

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ผู้กองไม่เด็ดขาดเลยนะ ปล่อยคาราคาซังไปได้
ว่าแต่น้ำ หมอนข้างมีชีวิตกอดอุ่นไหมนะ อิอิอิ
 :hao7:

ออฟไลน์ Kuayyai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
ผู้กองใจดีเกินไป ถ้ารู้แบบนี้แล้วควรจัดการแฟนเก่าให้เด็ดขาดไปเลย ไม่ต้องถนอมน้ำจงน้ำใจกันแล้ว

มาด้วยความไม่จริงใจแค่ต้องการเงิน หึ
ผู้กองควรเด็ดขาดกับคนแบบนี้

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ผู้กองเป็นคนดีนะดีแล้ว แต่จะดีกะรันไม่เอาอะ ดูความคิดสิ โห๊ะ... "เลว" ใช้คำนี้ยังน้อยไปนะเนี้ย
แล้วยังจะมาคิดว่าน้องน้ำจะเป็นเหมือนตัวอีก ผู้กองต้องเด็ดขาดค่ะ ไล่ไปเลย อย่างนี้อ่ะ
สนุกมากค่ะ เข้ามาหลายรอบแล้วไม่ได้อ่านสักที่ วันนี้อ่านรวดเดียวเลย ไม่มีเป็ดให้บวก เดะไปให้กำลังใจอีกทีเน๊าะ  :mew1:
 :L2:  :pig4:  :L2:

ออฟไลน์ Pin_12442

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :z3:


แม่ตานี ช่วยน้ำด้วยยยยย

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter


งวดสิบหก กลับมาทำไม
 


            “วันนี้พาแม่น้อยไปวัดมาเหรอ” ผู้กองหนุ่มถามขึ้นขณะที่กำลังอ่านอะไรบางอย่างในโทรศัพท์มือถือ ตอนนี้ผู้กองปรานต์กึ่งนั่งกึ่งนอนพิงกับผนังเตียงด้วยอิริยาบถที่ค่อนข้างผ่อนคลายทีเดียว


            “ใช่ คนแก่ล่ะนะ คิดว่าที่ป่วยส่วนหนึ่งก็มาจากบาปบุญของตัวเอง เลยพาไปทำบุญเสียหน่อย” น้ำตอบโดยไม่หันหน้ากลับมา ชายหนุ่มตอบจากโต๊ะทำงานที่ผู้กองมักจะเห็นคนที่นั่งหันหลังนั่งทำอะไรอยู่ตรงนั้นเสมอตั้งแต่เขามานอนที่นี่ตั้งแต่คืนแรกจนล่วงเข้าคืนที่สาม

            “แม่ฉันก็ชอบเข้าวัดทำบุญเหมือนกัน แค่นี้?” ผู้กองหนุ่มยังชวนคุยต่อ

            “อืม ก็ไหว้พระ ถวายสังฆทาน ไปเสี่ยงเซียมซีมาด้วย”

            “หืม? เซียมซี เชื่อเรื่องดวงพวกนี้ด้วย?” ผู้กองถามด้วยความสนใจ

            “แม่ให้เสี่ยงดวงลองดูอะ ก็ทำตามแม่ไป”

            “ได้เลขอะไรมาล่ะ”

            “สิบเจ็ด พรุ่งนี้จะเอาไปซื้อหวย” น้ำบอกด้วยความมุ่งมั่น พรุ่งนี้หวยออกแล้ว นึกว่างวดนี้จะไม่ได้เลขอะไรมาเสียแล้ว ยังดีที่ได้เลขจากการเสี่ยงเซียมซี

            “พูดว่าไงนะ?”

            “บอกว่าจะเอาเลขสิบเจ็ดเนี่ยอะ ไปซื้อล็อตเตอรี่ไง” โชคดีที่เจ้าตัวไหวตัวทันจึงเอาตัวรอดไปได้

            “แล้วไป ฉันไม่จับที่นายเดินโพยหวย แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่จับที่ซื้อหวยหรอกนะ” ผู้กองขู่ หวังว่าอีกฝ่ายจะกลัวคุกกลัวตะรางบ้าง

            “ไม่ซื้อหรอก ใต้ดง ใต้ดินอะไร โอ๊ย เล่นไม่เป็น ซื้อล็อตเตอรี่ช่วยรัฐบาล ช่วยชาติดีกว่า จริงมั้ย” เรื่องแถเนี่ย ไอ้น้ำถนัด

            “บ้าหวยจนเข้าเส้นแล้วใช่มั้ย” ผู้กองพูดกึ่งประชด เพราะคนตรงหน้าเขาเนี่ย มันพูดไปอย่างนั้นเอง เขาได้ยินเสียงเจ้าของห้องคลิ๊กเมาสัรัวๆ อยู่ครู่ใหญ่ เจ้าตัวก็พับหน้าจอโน้ตบุคลง

            “ผู้กองจะนอนหรือยัง ผมปิดไฟนะ”

            “อืม ปิดเถอะ จะนอนแล้วเหมือนกัน” น้ำเดินไปปิดไฟแล้วทรุดตัวลงนอนฝั่งประจำของตัวเอง


            หลังจากเช้าวันแรกที่ตื่นมาในอ้อมกอดของอีกฝ่าย ไอ้น้ำก็ท่องพร้อมกับสวดภาวนาบอกตัวเองทุกคืนว่าจะไม่ให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นอีก ชายหนุ่มนอนกอดหมอนข้างแน่น พยายามไม่ขยับเขยื้อนตัวเองให้มากที่สุด วันแรกยังพอทน ถ้ามีวันอื่นด้วย กลัวผู้กองจะหาว่าเขาจงใจไปกอดอีกฝ่ายก็ได้


            แต่เช้าวันที่สอง เขาก็ตื่นขึ้นมาพบว่า ตัวเขาก็นอนกอดเอวของผู้กองอยู่ดี แถมมีการพัฒนาก้าวกระโดดเพิ่มขึ้นด้วย ศีรษะที่เคยหนุนแขนของอีกฝ่ายในวันแรก คราวนี้ขึ้นไปนอนบนอกเลยเว้ย แล้วผู้กองทำหน้ายังไงล่ะ ก็เหมือนเดิม ยิ้มนิดๆ ให้เขา ตางี้หวานเชียว น้ำแทบเด้งตัวออกจากอีกฝ่ายแทบไม่ทัน


            ไอ้น้ำจะบ้าตาย


            “นี่...ผู้กอง หลับยัง” น้ำที่นอนกอดหมอนข้างหันหลังให้ผู้กองถามขึ้นท่ามกลางความมืด

            “ยัง เรียกทำไม”  ผู้กองหนุ่มตอบเสียงเบา ฟังจากเสียงแล้วคงง่วงจวนหลับเต็มที

            “คุณรัน เขายังไม่กลับเหรอ”

            “อืม ถ้ากลับแล้ว ฉันยังจะมานอนที่นี่ต่อได้ยังไง ถามอะไรแปลกๆ” ผู้กองว่า

            “ก็จริง แล้วคุยกันยังอะ”

            “คุยอะไร”

            “เรื่องผู้กองกับคุณรันไง”

            “คุยแล้ว” ผู้กองตอบสั้น เพราะรู้ว่าไอ้คนร่วมเตียงเนี่ยมันถามเพราะมันอยากรู้อยากเห็น มากกว่าที่ถามเพราะเป็นห่วง

            “จริงดิ” ไอ้น้ำรีบพลิกตัวกลับมาหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ต่อมอยากรู้มันทำงานหนักมากจนเขาต้านทานมันไม่ไหวแล้ว


            แต่แล้วไอ้น้ำก็ต้องหยุดชะงักลง เขากลับเจอดวงตาของผู้กองที่จ้องมองเขาอยู่แต่แรกแล้ว ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าดวงตาของทั้งคู่ต่างจ้องมองกันเงียบๆ ในความมืด

            “เอ่อ...เล่าให้ฟังหน่อย” น้ำคิดว่า เดดแอร์มันเกิดขึ้นนานไปแล้ว จึงพูดเรื่องที่ค้างคาไว้เพื่อทำลายความเงียบ

           “เรื่อง?” ผู้กองถามกลับ

           “เอ้า ก็เรื่องผู้กองกับคุณรันไง”

           “ไม่มีอะไร” ไม่ใช่ว่าปรานต์จะเฉไฉแกล้งไม่ตอบ แต่เรื่องของเขามันไม่มีอะไรน่าเล่าจริง และเขาก็เป็นอย่างที่ วรันต์พูดอยู่บ่อยๆ ว่าเขาไม่ใช่คนที่จะคอยมาเล่าเรื่องตัวเองเท่าไหร่

           “มีสิ มันต้องมี ผู้กองเขินใช่มั้ย มาๆ เดี๋ยวผมจะสัมภาษณ์เอง เห็นอย่างนี้ ผมเคยรับจ๊อบงานสัมภาษณ์นายแบบ นางแบบมาแล้วนะ ตอนที่ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ” น้ำลืมตัว เผลอเล่าเรื่องราวสมัยอดีตของตัวเองออกมา

           “เหรอ ทำงานอะไรล่ะ”

           “อย่ามาหลอกถาม ทีผู้กองยังไม่พูดเรื่องตัวเองเลย”

          “เล่ามาสิ แล้วฉันจะเล่าคืน ตกลงมั้ย” ผู้กองต่อรอง



          เขาสังเกตพฤติกรรมของอีกฝ่ายมาสองสามคืน เห็นว่าเจ้าของห้องนี้ ไม่ได้ลอยชายไปมา หรือเป็นคนไม่ทำการทำงาน เจ้าตัวมีงานทำ แต่ไม่เคยป่าวประกาศหรือเปิดเผย เห็นได้ชัดจากที่แม่ของน้ำ บ่นลูกชายว่าให้ไปหางานทำสักที แต่น้ำก็บ่ายเบี่ยง อ้างความสบายหรืออ้างว่าไปขูดหวยเล่นก็เพลินไปอีกแบบ


           ทำไมต้องกลัวว่าคนจะรู้ว่าตัวเองมีงานมีการทำ


          “ฉันอยากเป็นตำรวจตั้งแต่เด็ก ก็มุ่งมั่นเรื่องนี้มาตลอด จนเข้ารับราชการ มาจนถึงทุกวันนี้” ผู้กองคิดว่าถ้ารออีกฝ่ายรับข้อตกลง คงจะยากเขาเลยเริ่มเรื่องของตัวเองก่อนก็แล้วกัน

          “ทำไมถึงอยากเป็นตำรวจ”

          “อย่าข้ามสเต็ปสิ นายล่ะ ทำงานอะไรตอนอยู่ที่นั่น” ปรานต์หมายถึง ช่วงที่น้ำใช้ชีวิตอยู่ในเมืองกรุง

          “กราฟฟิค ดีไซเนอร์” คำตอบของน้ำ ทำให้ผู้กองผิวปากออกมา

          “ไม่เบาเลยนะเนี่ย ตอนเด็กที่อยากเป็นตำรวจเพราะเห็นว่าอาชีพนี้เท่ดี เจ๋งด้วย คิดแบบเด็กๆ ล่ะนะ แต่พอโตขึ้นฉันอยากช่วยคนจริงๆ”

          “สุดยอดว่ะผู้กอง ปณิธานแน่วแน่มาก” น้ำปรบมือในความมืด ระวังเสียงไม่ให้ดังเกินไป เพราะกลัวแม่น้อยกับน้ำฝนจะด่าข้ามห้องมา

            “นายล่ะ ชอบอาชีพนี้แต่แรกเลยเหรอ”
         
           “เปล่าหรอก ผมเป็นเด็กสมัยใหม่ที่เรียนโดยไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร เรียนตามเพื่อน ว่าตามเพื่อน แต่โชคดีว่าเผอิญเรียนได้ไม่โดนรีไทร์ เลยเรียนจบ เท่านั้นแหละ”

            “แล้วอยากทำอะไร”

            “ไม่รู้ เล่นหวยมั้ง อ๊ะๆ แค่พูดเฉยๆ อย่าเพิ่งมาจับกัน” ไอ้น้ำรีบท้วง เขาไม่อยากนอนหลับไปพร้อมกับกุญแจมือของตำรวจหรอกนะ

            “ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ร้อนตัวไปได้ แล้วทำไมไม่ทำงานต่อที่นั่น” ผู้กองถาม จังหวะเดียวกันน้ำก็ถามขึ้นมาเหมือนกัน

            “แล้วทำไมผู้กองไม่กลับไปคบกับคุณรันล่ะ”

            “รู้ได้ไงว่าไม่กลับไปคบ”

            “ถ้าคบกัน ผู้กองจะมานอนหนาวคนเดียวเหรอ ป่านนี้แจ้นไปนอนกับแฟนแล้ว” ไอ้น้ำพูด เรื่องง่ายๆ แค่นี้ ทำไมจะดูไม่ออก

            “ก็ไม่หนาวนะ ทุกเช้าก็อุ่นดี”

            “คนหลับจะไปรู้ตัวได้ไง แล้วบอกไว้ก่อนนะ ไม่ได้อยากกอดสักหน่อย อย่าได้ใจไปเลยเหอะ”

            “ไม่ได้ว่าอะไร ตลกดีนะ เวลาที่นายมีพิรุธมันออกมาหมด ไม่ต้องถึงมือตำรวจ ใครเห็นก็ดูออก”

            “ผะ...ผม..ไม่ได้โกหกนะ” น้ำพยายามปฏิเสธแต่พิรุธมันก็ยิ่งเด่นชัด คำพูดติดขัดเป็นคำตอบที่เห็นได้อย่างชัดเจน

            “รู้ว่าไม่ได้โกหก แต่ปฏิเสธไม่ได้ใช่มั้ยว่า ไม่ได้เขิน”

            “.....” น้ำเงียบ ก็มันถูกต้องอย่างที่อีกฝ่ายว่าจริงๆ เบื่อผู้กอง ไอ้คนรู้ทันโว้ย รู้ทันไปหมดทุกเรื่อง


            ถ้ารู้ทันแบบนี้ก็น่าจะรู้ทันวรันต์ด้วยหรือเปล่า ไอ้น้ำเริ่มสงสัย เขาไม่รู้หรอกว่า ทั้งสองคนมีเรื่องอะไรภายในมากน้อยแค่ไหน ก็แค่เดาเอาจากสถานการณ์ แต่ขอโทษเถอะ ความรักมันทำให้คนตาบอด ผู้กองอาจไม่รู้เรื่องอะไรก็ได้

            “คิดอะไร” ผู้กองถามขึ้นเมื่อเห็นไอ้น้ำ จ้องเขาตาแป๋ว แต่กลับไม่พูดอะไรสักคำ

            “ทำไมไม่กลับไปคบกับคุณรันล่ะ ผู้กองไม่ได้รักเขาแล้วเหรอ”

            “ตอบตรงๆ ก็คงต้องบอกว่า อย่างนั้นล่ะมั้ง”

            “ยังไงอะ”

            “รันไม่ได้รักฉันอย่างที่เป็นฉัน เขาควรไปเจอคนที่เขารักจริงๆ” ผู้กองตอบ


            พระเอกไปอีก ไอ้น้ำคิด คำพูดมันดูสุภาพเกินไปเปล่าวะ มันไม่ใช่อะ

            “พูดตรงๆ เถอะ ปกป้องคุณรันเหลือเกิน” น้ำไม่อยากจะประชด แต่มันก็ชวนให้หมั่นไส้

            “รันไม่ได้รักฉัน เขารักที่ฉันตามใจเขา และให้สิ่งที่เขาต้องการได้ก็เท่านั้น”

            “อ้อ รักที่นามสกุล รักยี่ห้อรถยนต์ รักเพราะว่าไม่จน มีสตางค์ให้จ่าย” ไอ้น้ำร้องเพลง เพลงหนึ่งขึ้นมาลอยๆ กะแล้วไม่มีผิด ว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น


            อืม ถ้าเป็นตัวเขาเอง หลุดพ้นมาได้ก็คงจะดีเหมือนกันล่ะมั้ง


            “เพลงอะไร”

            “ไม่เคยฟังเหรอ เพลงดังนะ ถึงจะดังในสมัยก่อนก็เถอะ แล้วคุณรันเขาจะกลับกรุงเทพฯ เมื่อไหร่อะ”


            “ไม่รู้เหมือนกัน นายคงลำบากใจใช่มั้ย ที่ฉันมานอนร่วมห้องด้วย เอาอย่างนี้ เดี๋ยวยังไงฉันบอกแม่น้อยเองแล้วกันว่าขอไปนอนโรงแรม” คำถามของน้ำ ทำให้ผู้กองฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ถ้าวรันต์ไม่กลับล่ะ เขาจะมานอนค้างอยู่ที่นี่ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้

            “ไม่ใช่ๆ ผมไม่ได้ลำบากอะไร แล้วห้ามไปพูดแบบนี้กับแม่นะ แม่ได้มาด่าผมบ้านแตกว่าทำตัวให้ผู้กองรู้สึกว่าไม่เต็มใจ พอดีพอร้ายไล่ผมกลับกรุงเทพฯ ไปหางานทำอีก ผู้กองนอนได้ นอนไปเถอะ” ไอ้น้ำรีบท้วงก่อนที่งานจะเข้าตัวเอง

            “พูดถึงเรื่องกลับไปกรุงเทพฯ นายไม่คิดกลับไปทำงานที่นั่นเหรอ”

            “ตอนนี้ยังอะ”

            “อยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ มันไม่ค่อยดีหรอก” ผู้กองเตือนด้วยความหวังดี ถึงจะมีงานทำหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ในห้อง แต่มันก็ยังไม่ได้เป็นหลักประกันว่าทุกอย่างจะไปได้ดี ไม่เหมือนกับมีงานทำเป็นหลักแหล่ง

            “ช่างผมเถอะน่า”

            “ทำใครท้องอยู่ที่กรุงเทพฯ หรือไง ถึงไม่กล้ากลับไป”

            “เฮ้ย บ้าเหรอ ไม่เคยเลยเหอะ” ไอ้น้ำเสียงดัง ได้ยินเสียงแม่น้อยตะโกนขึ้นมาว่า


            ‘เสียงดังอะไรกลางค่ำกลางคืน เดี๋ยวข้าลุกไปด่าเลย’


            “ขอโทษจ้ะ แม่” ไอ้น้ำตอบทั้งที่มารดาคงไม่ได้ยินหรอกเพราะพูดเสียงเบาแทบจะเป็นกระซิบ

            “เรื่องผู้หญิง?”

            “....”

            “อกหักสินะ” ผู้กองสรุปจากอาการนิ่งเงียบนั้น อย่างที่เขาเคยบอก น้ำเป็นคนโกหกไม่เก่งเลย

            “....”

            “ระยะทำใจ เรื่องนี้ฉันก็พอเข้าใจ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมนายต้องปิดบังแม่น้อยเรื่องงานด้วย”

            “ก็...” น้ำถอนหายใจ “ พูดแล้วอย่าหัวเราะล่ะ”

            “ไม่หัวเราะ”

            “สัญญา?”


            “อืม สัญญา”

            “เป็นตำรวจห้ามผิดคำพูดด้วย” น้ำขู่ก่อนจะเล่าเรื่องของตัวเอง

            “คนที่นี่แต่งงานกันเร็ว ถึงแม่ผมจะไม่ได้หัวเก่าที่เร่งรัดให้รีบแต่งงาน แต่คนอื่นไม่ได้คิดแบบนี้ด้วย แล้วถ้าเขารู้ว่าผมมีงานทำ มีเงินเลี้ยงครอบครัวได้ ผู้กองว่าผมจะรอดจากลูกสาวบ้านอื่นมั้ย ไม่ได้อยากคุยนะ แต่หน้าตาอย่างผม สาวๆ ก็สนเพียบนะครับ” น้ำไม่อยากคุย แต่ก็คุยออกมาอยู่ดี

            “ไม่อยากแต่งงาน?”

            “เพิ่งจะอกหักมา ใครเขาจะอยากแต่งงานกัน ขอทำใจก่อนได้มั้ย”

            “แล้วมันดีขึ้นหรือยัง”

            “อะไรดีขึ้น” น้ำถามไม่เข้าใจว่าผู้กองจะถามอะไร

            “หัวใจน่ะ มันดีขึ้นหรือยัง”

            “ผู้กองก็เพิ่งโดนหักอกเหมือนกันมาไม่ใช่เหรอ มันก็คงพอๆ กันนั่นแหละ” ของพวกนี้มันอธิบายเป็นความรู้สึกไม่ได้ น้ำเลยย้อนถามผู้กองกลับเพราะคิดว่าความรู้สึกก็คงไม่ต่างกัน

            “ผิด ไม่ใช่เสียหน่อย”

            “ผิดได้ไงล่ะ”

            “ฉันไม่ได้โดนหักอกมา แต่เป็นคนบอกเลิกรันเอง แล้วอีกอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้มันดีที่สุดสำหรับฉันแล้ว”

            “ไม่เสียใจเลยเหรอ”

            “ก็มีบ้างช่วงแรกๆ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว”

            “ลืมเร็วว่ะ” เขารู้สึกอิจฉา เพราะเขาผ่านมาก็หลายเดือนแล้ว อาการมันแค่ดีขึ้น แต่มันยังไม่ลืม

            “ไม่มีใครลืมความรักได้หรอก แต่พอดีมันมีอะไรที่น่าสนใจกว่าเท่านั้นเอง” ผู้กองจงใจตอบกำกวมให้น้ำคิดเอง

            “งานสินะ” น้ำเดา

            “ก็คงงั้น” ผู้กองเลือกตอบสั้นๆ ตั้งใจให้อีกฝ่ายคิดอย่างที่เจ้าตัวบอก



            แล้วต่างฝ่ายต่างเงียบกันไป น้ำได้ยินเสียงหายใจเข้าออกเป็นจังหวะของคนข้างๆ ก็รับรู้ได้ว่าบัดนี้ผู้กองหนุ่มที่ทำงานมาทั้งวันได้เข้าสู่ห้วงนิทราไปพบกับพระอินทร์เสียแล้ว แต่เขานี่สิตอนนี้ตาแข็ง นอนไม่หลับ เพราะมัวแต่คิดถึงผู้หญิงที่หักอกเขา



            ทุกวันนี้เขายังไม่เข้าใจว่า อีกฝ่ายบอกเลิกเขาเพราะอะไร บอกผ่านตัวอักษรในโทรศัพท์มือถือมาว่า ‘ขอโทษนะ เราเข้ากันไม่ได้’ อะไรคือการเข้ากันไม่ได้วะ ไอ้น้ำ งง เวลาไปเที่ยวด้วยกัน เธอก็ยิ้มแย้ม ดูมีความสุขดี ตอนที่เขาเลี้ยงข้าว พาไปดูหนัง หรือซื้อของให้ เธอก็ดูชอบอกอกชอบใจดี แต่แล้วก็มาบอกว่าเข้ากันไม่ได้


            เข้ากันไม่ได้อะไร ยังไม่ได้เข้ากันเลยเว้ย



            ไอ้น้ำพลิกตัวไปมา กระสับกระส่ายอยู่ค่อนคืน เฝ้าคิดแต่เหตุผลว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงบอกเลิกตัวเอง เรื่องนี้เขาหยุดถามตัวเองมาสักพักใหญ่แล้ว แต่เพราะผู้กองมากวนจิตใจให้มันขุ่นขึ้นมาอีก เขาจึงหวนกลับมาถามตัวเองอีกครั้ง
ไม่มีเหตุผลอื่นที่จะบอกเลิกกันที่ดีกว่านี้แล้วเหรอ



            เขารู้ว่าเขาคงมีนิสัยเหมือนเด็กไปบ้าง เขาไม่เคยมีแฟน ไม่เคยจีบใคร ผู้หญิงคนนี้ทำงานที่เดียวกับเขา เธอเข้ามาจีบเขาก่อน จนในที่สุดเราก็เป็นแฟนกัน เขาตกหลุมรักเธอจริงๆ เธอน่ารัก ยิ้มของเธอสดใส โลกของน้ำและอดีตคนรักรายล้อมไปด้วยความสุข เขารู้สึกดีใจทุกครั้งที่จะได้เจอกับเธอ  ภูมิใจทุกครั้งที่ได้ทำอะไรเพื่อเธอ



            แต่แล้วเธอก็บอกเลิกเขา



            เลิกกับเธอใหม่ๆ เขายังทำใจไม่ได้ เขาเหมือนคนบ้า ขาดงานเกินความจำเป็น พี่บาสพยายามมาลากเขาไปทำงานเพราะกลัวถูกไล่ออก แต่เขาไม่สนใจในที่สุดก็ตัดสินใจลาออกจากงานเอง เขาโดนพี่บาสด่าว่าทำตัวเหมือนเด็กไม่มีหัวคิด ทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโต แต่เขาไม่ฟัง ไม่สนใจ พี่บาสจะว่าอะไรเขาก็ว่าไป เพราะเขากำลังอกหัก และสุดท้ายไอ้น้ำก็กลับบ้านมารักษาแผลใจ



            เมื่อคิดย้อนกลับไป น้ำตาก็ไหลรินหยดลงหมอน หยดแล้วหยดเล่า น้ำอยากจะสูดน้ำมูกที่กำลังเริ่มตันรูจมูกนี้ แต่ก็กลัวว่าคนข้างๆ จะตื่นขึ้นมา เลยต้องหายใจทางปากแทน ทรมานเสียจริง อยากจะเสียใจ อยากจะร้องไห้ แต่ดันกลัวตายได้อีก

            “เป็นอะไร ทำไมไม่นอน” คนที่หลับไปแล้วกลับตื่นเพราะเสียงอะไรบางอย่าง ผู้กองตื่นมาสักพักเพื่อฟังว่าเสียงนั้นเป็นเสียงอะไร จนแน่ใจแล้วจึงถามคนร่วมเตียง

            “ไม่ง่วง”

            “หลับตา นับแกะ นับอะไรก็ได้ จะได้หลับ” ผู้กองแนะนำ

            “นับแล้ว แต่ไม่หลับ” น้ำเถียงกลับมา

            “เฮ้อ...” ผู้กองอยากจะทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็นที่อีกฝ่ายกำลังร้องไห้ แต่ดูแล้วอีกคนไม่ให้ความร่วมมือเอาเสียเลย

“ร้องไห้ทำไมกัน เลิกร้องได้แล้ว”

            “เปล่าสักหน่อย” น้ำปฏิเสธเสียงอู้อี้เพราะเริ่มหายใจไม่ออก

            “เป็นอะไร บอกฉันได้หรือเปล่า” ผู้กองคิดว่าเขาคงต้องยอมเสียเวลานอนเพื่อมาถามหาสาเหตุของคนมีปัญหานี้แล้วล่ะ

            “ผู้กองมาถามเรื่องแฟนเก่าทำไมอะ รู้มั้ยผมไม่ได้คิดถึงมันมาสักพัก ตอนนี้นึกถึงมันอีกแล้วเนี่ย” ไอ้น้ำโวยวาย เขาอยากหาใครสักคนมาเป็นแพะรับบาปที่ทำให้เขาต้องร้องไห้

            “ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ต้องขอโทษด้วย” ในเมื่ออีกฝ่ายใส่ร้ายเขาอย่างนั้น ช่างเถอะ ถ้ามันจะทำให้คนพูดสบายใจ

            “มันไม่หาย เห็นมั้ยนอนไม่หลับเลย”

            “เขยิบตัวมาทางฉันสิ”


            “ทำไมอะ”

            “อยากนอนหลับมั้ยล่ะ ถ้าอยากหลับก็เขยิบมาเถอะ” น้ำไม่เข้าใจว่าแค่เขยิบตัวไปหาอีกฝ่าย มันจะทำให้เขาหลับได้ตรงไหน แต่ก็ยอมทำตามที่อีกฝ่ายว่าด้วยความสงสัย

            “แล้วไงต่อ”

            “ทีนี้ก็ทำแบบนี้” ผู้กองปรานต์เขยิบตัวเข้ามาเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มรั้งร่างของน้ำขึ้นเพื่อให้เข้าสู่อ้อมกอดของตัวเองได้โดยง่าย

            “คราวนี้ก็หลับตา ไม่ต้องไปคิดอะไรอีก” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู พลางลูบศีรษะคนขี้แยไปพร้อมกัน

            “เลิกถามตัวเองด้วยคำว่า ‘ทำไม’ได้แล้ว เลิกกันก็คือเลิก จะเป็นเหตุผลอะไรก็ช่างมัน ไม่ต้องไปคิดถึง เพราะบทสรุปมันก็คือเลิกกัน เข้าใจหรือเปล่า” ผู้กองหนุ่มพูดกว้างๆ เขาไม่รู้ว่าน้ำร้องไห้ด้วยเพราะเหตุผลอะไร แต่บางทีคำพูดนี้ก็อาจจะช่วยอีกฝ่ายได้บ้าง

            “อืม จะพยายาม”

            “ฝันดี เด็กน้อย หยุดร้องไห้ได้เถอะ”

            “ผมขอยืมตัวผู้กองมากอดแทนหมอนข้างละกัน คิดว่าเป็นค่าที่พัก” น้ำบอกเสียงอู้อี้อยู่กับอกคนใจดี โดยไม่ลืมที่จะรักษาฟอร์มของตัวเอง ผู้กองหนุ่มยิ้มในความมืดให้กับมาดที่พยายามสร้างไว้ของอีกฝ่าย

            “อืม คิดได้เต็มที่เลย ถ้ามันจะทำให้นายดีขึ้น”


            ผู้กองได้แต่คิด หวังว่าคืนนี้เขาจะได้นอนเต็มตาเสียที ทั้งยังได้กอดคนตัวอุ่นก็ดูเป็นค่าที่พักที่น่าสนใจดีเยี่ยมไม่น้อยเลย





=============================

โอ๋ๆ ไม่ร้องนะ เข้มแข็งหน่อยสิ ใกล้พี่เขาหน่อยเดียว เขื่อนแตกได้ไงลูกเอ๊ย
มาถึงตอนนี้คนที่เคยสงสัยว่าน้องน้ำกลับบ้านมาทำไงคงจะพอเข้าใจเหตุผลของเจ้าตัวแล้วใช่มั้ยคะ
เห็นใจเด็กอกหักหน่อยนะคะ

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018


เฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/akanae14/ และ ทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/khemmakan


ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
รู้เพิ่มขึ้นมาอีกนิดนึง

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ตายแล้ว ปลาย่างน้ำนี่ไม่รู้ตัวเลยหรือว่าไปกอดแมวอย่างผู้กอง เดี๋ยวก็โดนกินหรอก  :hao4:

ออฟไลน์ Kuayyai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
งื้อ เอ็นดูน้ำ ร้องไห้เลย
ผู้กองนี่ก็อบอุ่นเหมือนกันนะ

ออฟไลน์ Pin_12442

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ก็นอนกอดกันทุกคืนอ่ะนะ :hao7:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด