>>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< แจ้งข่าวตีพิมพ์ 07-05-22 P.9
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: >>>ฝรั่งใจ ♥ รักนี้สาย ฝอ<<< แจ้งข่าวตีพิมพ์ 07-05-22 P.9  (อ่าน 59230 ครั้ง)

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :hao7: คุณแม่มาถูกจังหวะมาก

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
พี่เบิ้มเนี่ย ไม่ยอมเลยนะ ป้าณตต่อต้านไม่ไหวจริงๆ พูดมาได้ไงว่าไม่เอาของใส่ในตัวคุณ
 :o8: :o8:
ดีแล้วนะ ที่แม่เปิดประตูมาตอนนี้ มาเร็วกว่านีอีกหน่อย ตาเป็นกุ้งยิงแน่ๆ อิอิอิ
 :m20: :m20:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ BABYBB

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
เซอร์ไพรส์กันหมด 5555555 :laugh:

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
แม่คงตกใจ

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0

บทที่18 Go to UK.





   
“แม่!”


“โอ้วว  ผู้ชายกับลูกชายแม่!”


“แม่ของคุณ?” สกิลภาษาไทยอันน้อยนิดของพี่เบิ้มพอจะรู้ว่าคำว่า แม่ แปลว่าอะไร หรืออาจจะเพียงแค่เห็นหน้าก็ดูออกแล้วว่านี่แม่ผม..ที่แม่บอกว่าถ้าผมใส่วิกผมยาวก็คือแม่สมัยสาวๆดีๆนี่เองนั่นน่ะผมไม่เถียงครับ บางเดือนที่ยุ่งๆจนลืมตัดผมพอผมเริ่มยาวเวลาส่องกระจกนี่แทบตกใจนั่นแม่หรือผม!


“ครับนี่แม่ผมเอง..”


“สวัสดีครับคุณแม่ ผมเจเรมี่แฟนของป้านดยินดีที่ได้รู้จักครับ” ผมยังไม่ทันแนะนำอีพี่เบิ้มก็เสนอตัวอันเกือบเปลือยเปล่าไปแนะนำตัวกับแม่ที่ยืนอ้าปากค้างอยู่หน้าประตูห้อง


“ป้านด?  อ๋อ ปณต สวัสดีจ๊ะลูกชายได้เจอกันสักทีเนอะ” แม่ขำเมื่อได้ยินชื่อลูกชายตัวเองสำเนียงuk  จากนั้นสองแม่ลูกนอกไส้ก็สวมกอดด้วยความยินดีปรีย์ดา 


“คุณแม่ยังสาวและสวยมากครับ” ครับ แม่ผมสวยแต่สาวนะไม่..ต้องอวยเบอร์นั้นเลย


“ปากหวานลูกชาย” ลูกชายแม่น่ะยืนหัวโด่อยู่นี่ครับ


“เอ่อ แม่ไม่เห็นบอกณตเลยว่าจะมาหา”


“ถ้าบอกแม่ก็ไม่เซอร์ไพรส์แบบนี้สิ ลูกเขยแม่นี่หล่อจริงๆ แล้วลูกสองคนอะไรยังไงทำไมออกห้องน้ำมาพร้อมกัน หรือว่าอาบน้ำด้วยกัน?”


“เอ่อ..” จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะมันคือความจริงแถมสภาพยังฟ้องชัดเจน


“โอเคๆ ไม่ต้องบอกก็ได้ลูก แต่งเนื้อแต่งตัวซะเดี๋ยวแม่ออกไปรอข้างนอก” แม่ยิ้มล้อๆก่อนจะออกไปรอด้านนอก


“ผมตื่นเต้นจัง คุณว่าแม่จะชอบผมไหม” ยิ่มร่าขนาดนี้คงจะไม่ชอบหรอก


“แล้วทำไมต้องไม่ชอบด้วยล่ะ”


“นั่นสิ ผมว่าผมน่ารักนะ” กล้าพูดเกรงใจกล้ามบนตัวมึงด้วย ผมทำได้เพียงกลอกตากับประโยคนี้


ใช้เวลาแต่งตัวด้วยความความไวแสงก่อนจะรีบออกมาหาแม่ที่นั่งรออยู่ที่โซฟา


“แฟนมาหาทำไมไม่บอกแม่ล่ะลูก”


“พอดีเจเรมี่มาประชุมที่ฮ่องกงแล้วเมื่อคืนเขาก็โผล่มาเซอร์ไพรส์เฉยเลย” แล้วตอนเช้าแม่ก็มาเซอร์ไพรส์ผมอีก ชีวิตผมนี่ช่างน่าตื่นเต้นดีนัก


“แล้วนี่ลูกชายจะกลับวันไหนคะ”


“บ่ายนี้ครับผมต้องไปญี่ปุ่นต่อ”


“แม่นึกว่ามาหลายวันซะอีก จะได้ไปค้างที่รีสอร์ท”


“เดือนหน้าผมจะไปหาคุณแม่แน่นอนครับ  ครั้งนี้ผมแค่แวะมาชาร์จแบต”


“ชาร์จแบต?”


“นี่ไงครับ” แล้วอีพี่เบิ้มก็คว้าเอวผมหมับกอดไว้หลวมๆพร้อมกับรอยยิ้มพิมพ์ใจ


แม่ถึงกับยิ้มเขินแทนผม ส่วนผมน่ะเหรอตัวแตกไปแล้วจ้า ต่อหน้าแม่กูเลยนะ พี่มึงก็..


แผนที่ตั้งใจจะขลุกอยู่กับผมจำเป็นต้องยกเลิกเพราะแม่ชวนไปทานข้าวด้วยกันและดูเหมือนว่าแม่จะได้ลูกรักคนใหม่เพราะคุยกันออกรสออกชาติ อีพี่เบิ้มก็มีมุกทำให้คนแก่ยิ่มร่าได้ไม่หยุด เห็นแบบนี้ก็โล่งใจที่ทั้งคู่เข้ากันได้ ถ้าแม่ชอบพ่อก็คงไม่มีปัญหารายนั้นตามใจเมียอยู่แล้ว..


ทานข้าวเสร็จเหลือเวลาอีกไม่มากพี่เบิ้มต้องออกเดินทางอีกครั้ง แม่ขอตัวไปทำธุระต่อพร้อมกับย้ำแล้วย้ำอีกกับพี่เบิ้มว่ากลับมาเมื่อไหร่อย่าลืมไปหาแม่ที่รีสอร์ท

ส่วนผมก็มาส่งที่เบิ้มขึ้นเครื่องที่สนามบิน ก่อนจะเข้าเกตอีพี่เบิ้มกอดผมน่าจะร้อยแปดรอบได้ กอดแล้วกอดอีกอยู่นั่นแหละ

..เข้าใจว่ารักและคิดถึงแต่หน้ากูก็บางนะโว้ยยย









     สองอาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่พี่เบิ้มมาชาร์จแบตแบบมาเร็วเคลมเร็ว ชีวิตผมก็ยังคงดำเนินไปตามปกติงานเดิมๆเพิ่มเติมคืองานตกแต่งคอนโดของพี่เบิ้ม ช่างเข้ามาทำงานได้เกือบหนึ่งอาทิตย์ตอนนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นบ้างแล้ว   ความต้องการของคุณลูกค้ากิตติมศักดิ์คือความเรียบง่ายแต่ดูอบอุ่น  สไตล์มินิมอลจึงตอบโจทย์ นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีความเห็นใดๆนอกจากคำว่า ‘แล้วแต่คุณ’

ส่วนรักทางไกลของเราก็ยังคงราบรื่นไม่มีปัญหาใดๆนอกจากความคิดถึง มีกวนประสาทกันบ้างตามนิสัยของอีควายเผือกแต่เราก็รักกันดีไม่มีตีกัน ก็มันอยู่ไกลจะตีถึงได้ยังไงเล่า ปัดโธ่!



[ที่รักคิดถึงคุณจัง] เมื่อกดรับวิดิโอคอลปลายสายที่อยู่อีกทวีปหนึ่งก็ยิ้มหน้าบานส่งมาให้พร้อมกับคำคิดถึง 


“ถึงแล้วเหรอครับ” สุดสัปดาห์ถ้างานไม่ล้นมือพี่เบิ้มมักจะกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่อาศัยอยู่ที่เมืองยอร์ก ฉากหลังของวันนี้จึงไม่ใช่ห้องนอนหรือห้องนั่งเล่นที่บ้านของพี่เบิ้มแต่เป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีที่มีม้าเล็มหญ้าอยู่ด้านหลัง..ที่บ้านพี่แกมีคอกม้าด้วยนะ ว่าแต่ม้ามันตัวละเท่าไหร่วะ จะซื้อมาขี้เล่นชิคๆสักตัว


[ถึงแล้วครับ]


“อากาศวันนี้เป็นยังไงบ้างครับ หนาวยัง” ลมที่ผัดมาเอื่อยๆทำให้ผมสีน้ำตาลที่ยาวเท่าปลายคางนั้นพริ้วไปตามลมดูแล้วคงจะเย็นไม่น้อย


[เริ่มหนาวแล้วล่ะครับ แต่วันนี้ดีหน่อยที่มีแดดไม่มีฝน] อยากจะแบ่งแดดที่นี่ไปให้พี่ซะเหลือเกิน แม่งร้อนตับแตกตับแล่บ


“ดูแล สุภาพด้วยนะครับ ผมเป็นห่วง”


[รักคุณจัง คุณห่วงผมแบบนี้รับรองผมไม่มีทางป่วยแน่ๆครับ]


“...” บ้าบอ ผมทำได้เพียงกลอกตา แน่นอนสิ กูไม่ใช่เชื้อโรคนะที่จะทำให้คนป่วยได้นะ


[ที่รักผมมีใครจะแนะนำให้รู้จัก]


“...” อ่า อย่าบอกนะว่าจะให้คุยกับพ่อแม่ของพี่มึงน่ะ  ไม่บอกแต่เนิ่นๆเล่า


[นี่ครับ มาสเมลโล่]

 
“มาสเมลโล่?”  ไม่ใช่แม่แต่เป็นม้าว่ะ


[ครับ เธอคือม้าตัวโปรดของผม] ม้าสีขาวสมชื่อ มันดูสวยและสง่าผมตรงแผงสันคอสีบอร์นประกายทองนิดๆยาวสวย ถ้าได้จับคงจะนุ่มมือไม่น้อย


“เธอสวยนะครับ”


[ครับเธอสวย แต่คุณสวยกว่า]


“...” อ่อ กูหน้าเหมือนม้า?


[ส่วนนี่โคล่า เป็นน้องใหม่ของที่นี่ครับ] พี่เบิ้มเดินไปหาม้าอีกตัวที่มีสีน้ำตาลเข้มที่เกือบจะเป็นสีดำ   ก็สมชื่อโคล่าเขาล่ะ บ้านพี่มึงคงจะตั้งชื่อม้าตามสีที่คล้ายกับของกินเนอะ


“คุณชอบม้าเหรอครับ” อดถามไม่ได้เพราะรอบตัวของพี่เบิ้มตอนนี้ลายล้อมไปด้วยม้าหลายตัว


[พ่อผมชอบครับ ผมก็เลยผูกพันกับพวกมันไปด้วยตั้งแต่จำความได้ม้าก็เป็นสัตว์เลี้ยงอีกหนึ่งชนิดที่บ้านผมเลี้ยง แล้วคุณล่ะตอนเด็กเลี้ยงสัตว์ไหม] 


“อืมมม สัตว์ตัวแรกของผมเหรอ ตัวด้วงครับ”


[ด้วง!?]


“ใช่ครับ เจ๋งป่ะล่ะ” ของมึงก็แค่ม้า ของกูด้วงกว่างนะเว้ยแม่งโคตรคลู 
จำได้ว่าตอนเด็กๆไปเดินตลาดกับแม่แล้วช่วงหน้าฝนจะมีด้วงกว่างขาย เขาจะจับแมลงพวกนี้เกาะไว้กับท่อนของต้นอ้อยผูกขามันไว้ข้างหนึ่งเพื่อไม่ให้มันบินหนี   ปีกของมันสีดำวาววับพร้อมกับเขาสองคู่ที่ประกบกันบนล่างดูแล้วแม่งโคตรเท่เหมือนมอนสเตอร์ตัวจิ๋ว   พอได้มันมาเลี้ยงด้วยความสงสารผมไม่ได้ผูกขามันไว้แต่มันก็ไม่ได้บินหนีไปไหนเพราะน้ำหวานจากต้นอ้อยคืออาหารชั้นดีของมัน   แต่วงจรชีวิตของแมลงพวกนี้ช่างแสนสั้นไม่ถึงสามเดือนเจ้ามอสเตอร์จิ๋วของผมก็ล่วงหล่นจากท่อนอ้อยนอนหงายท้องอยู่บนพื้น ถึงจะไม่ถึงสามเดือนแต่ผมก็เริ่มผูกพันกับมันเพราะหลังจากกลับมาจากโรงเรียนผมต้องมาลูบปีกแข็งมันวาวของมันทุกครั้ง  ความรู้สึกของการสูญเสียแบบนี้ล่ะมั้งที่ผมไม่เคยเลี้ยงสัตว์จริงๆจังๆสักที หรือเอาเข้าจริงๆแล้วมันอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่เคยมีแฟนมาก่อนล่ะมั้ง..แต่สำหรับพี่เบิ้มผมไม่เคยคิดว่าความรักของเราจะยืนยาวแค่ไหน แค่ตอนนี้เรายังรักกันแค่นั้นมันก็เพียงพอแล้ว


[โคตรเจ๋ง ผมอยากเลี้ยงบ้าง]


“...” ประชดกูป่ะเนี่ย 


[เอ่อ ที่รักมีคนมาตามผมแล้ว ผมขอไปทานข้าวก่อนนะครับ ถ้าคุณยังไม่ง่วงเดี๋ยวผมทานข้าวเสร็จแล้วจะรีบโทรหาครับ]  พี่เบิ้มหันไปมองข้างหลังและเหมือนผมจะเห็นผู้หญิงผมสั้นร่างท้วมแว๊บๆ แม่บ้านหรือแม่? จะว่าไปแล้วผมยังไม่เคยแนะนำตัวกับที่บ้านพี่เบิ้มเลย ก็พี่เบิ้มนั่นแหละบอกว่าให้ผมมาที่นี่ก่อนแล้วค่อยแนะนำอย่างเป็นทางการ


“ไม่เป็นไรครับ คุณอยู่กับครอบครัวเถอะ ผมง่วงแล้ว”


“โอเคที่รัก ตอนเช้าผมโทรปลุกนะครับ ฝันดีครับผมรักคุณ”


“ครับ ผมก็รักคุณเช่นกัน”



................................



.....................



..............



.........




...



   เมื่อตอนตีห้าพี่เบิ้มโทรมาปลุกผมตามปกติตอนนี้บ่ายโมงแล้วถึงเวลาที่ผมต้องโทรไปปลุกอีพี่เบิ้มบ้าง..แต่โทรเท่าไหร่พี่เบิ้มก็ไม่รับสาย ไลน์ไปก็ไม่อ่าน มันผิดวิสัยของคนที่โทรไปปุ๊บก็รับปั๊บอย่างพี่เบิ้มสุดๆ

คงจะไม่ใหลตายหรอกนะ..ชักใจคอไม่ดีซะแล้วสิ



ผมกระหน่ำโทรไปตลอดสองชั่วโมงจนในที่สุดมือถือก็ปิดเครื่องไม่รู้ว่าเพราะแบตหมดหรืออะไรกันแน่เพราะตอนนี้โทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติดนั่นยิ่งทำให้ความวิตกจริตมีเพิ่มมากขึ้น

หนึ่งเดียวที่จะช่วยผมได้ในตอนนี้คือ ไอ้ฟาง เมื่อคิดได้ดังนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้งแต่ก่อนที่จะกดโทรออก หน้าไอ้ฟางก็โชว์หราบนจอมือถือผมซะก่อน


“ฟาง กูกำลังจะโทรหาอยู่พอดี”


[ณต ทำใจดีๆนะ] น้ำเสียงของมันดูร้อนรน


“มีอะไรวะ” ได้โปรดเถอะ ขออย่าให้เกิดเรื่องร้ายๆขึ้นเลย


[เจเรมี่ตกม้า ตอนนี้อยู่ไอซียู ยังไม่ได้สติ] คำว่าไอซียูและไม่ได้สติ ทำให้สติผมหายไปเช่นกัน บอกตรงๆว่าโคตรกลัว


“มะ มันเกิดอะไรขึ้นวะ”


[กูก็ไม่รู้อะไรมาก รู้แค่ว่าเขาตกม้าที่ยอร์กบ้านพ่อแม่เขาน่ะ]


“...” ใช่ พี่เบิ้มไปยอร์ก และเมื่อวานก็ยังแนะนำมาสเมลโล่กับโคล่าให้ผมรู้จัก หรือจะตกเจ้าโคล่าถ้าผมจำไม่ผิดเจ้าม้าสีน้ำตาลเข้มตัวนั้นเป็นม้าตัวใหม่ ..ได้โปรดเถอะขออย่าให้พี่เบิ้มเป็นอะไรมากเลย


[ณต มึงโอเคไหมถ้าจะเดินทางมาหาเขาที่นี่ กู..คิดว่ามึงควรมา] น้ำเสียงของไอ้ฟางเต็มไปด้วยความกังวลและจริงจัง


“ได้ กูจะไป” ผมพยามเค้นเสียงที่แห้งผากตอบออกไปอย่างไม่ลังเล




    ห้าทุ่มของวันต่อมาผมเดินทางไปอังกฤษทันทีด้วยการขอวีซ่าแบบเร่งด่วนทำให้ผมสามารถเดินทางได้โดยไม่ต้องรอนาน แต่มันก็ต้องจ่ายด้วยเงินที่มากโขแต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ขอแค่ให้ได้ไปเจอพี่เบิ้มพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้ผมใจเต้นทุกครั้งที่ได้มองต่อให้หมดตัวผมก็ยอม..เพราะตอนนี้พี่เบิ้มยังไม่ฟื้น


   
      เจเรมี่คุณรอผมก่อนนะผมกำลังจะไปหา..





     06.15น. ตามเวลาของอังกฤษผมมาถึงฮีทโทรว์ลอนดอนด้วยหัวใจที่หวาดหวั่น


“ณต ทางนี้”


“ไอ้ฟาง” เมื่อเห็นหน้าเพื่อนสิ่งแรกคือสวมกอด พร้อมกับคำถามที่ผมถามมันมาตลอดสองวันที่ผ่านมา “เจเรมี่ฟื้นยัง” คำตอบคือการส่ายหน้า นั้นยิ่งทำให้หัวใจผมหนักอึ้ง


“เอาน่า อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก กลับไปพักที่บ้านกูก่อนแล้วเดี๋ยวสายๆเราไปหาเขากัน”


“ไปตอนนี้เลยได้ไหม”


“มึงควรพักสักนิด สีหน้ามึงไม่โอเคเลยรู้มั้ย”


“แต่..”


“ณต มึงต้องแข็งแรงด้วยนะถ้ามึงทรุดไปอีกคนจะทำไง”


“โอเค กูเชื่อมึง” ใช่ผมต้องแข็งแรง พี่เบิ้มตื่นขึ้นมาแล้วจะได้เจอผม



   เมื่อมาถึงบ้านพอลก็เปิดประตูต้อนรับ เราทักทายกันเล็กน้อยก่อนที่ไอ้ฟางจะพาผมไปพักที่ห้องนอนที่เตรียมไว้


“ฟาง กูกลัวว่ะ” พอเอาเข้าจริงๆแล้วความรู้สึกผมมันมีแต่คำว่ากลัวเต็มไปหมด


“เอาน่า เจเรมี่เป็นคนดีพระเจ้าต้องคุ้มครองเชื่อกู เอาล่ะมึงอาบน้ำอาบท่าแล้วเดี๋ยวมากินข้าว  นอนพักอีกสักหน่อยแล้วเราค่อยเดินทางไปยอร์กกันมันใช้เวลาขับรถประมาณสี่ชั่วโมง”


“มึงขับเหรอวะ ทำไมไม่นั่งรถไฟไปล่ะ”


“กูไม่ได้ขับเอง เจเรมี่ส่งคนขับรถ..เอ้ย ไม่ใช่กูหมายถึงพอลน่ะให้คนขับรถของเจเรมี่พาเราไปยอร์ก เอาแบบนี้แหละ เขาคิดมาดีแล้ว”


“เขาไหน?”


“เอ่อ..หมายถึงกูไง กูคิดมาดีแล้วคือไม่ต้องเสียเวลาไปที่สถานีขึ้นรถปุ๊บมึงก็จะได้พักยาวๆเลยจะได้มีแรงรอเจเรมี่ตื่นขึ้นมาไง”


“อืม” ดีเหมือนกันผมจะได้ไม่ห่วงไอ้ฟางเพราะผมไม่มีใบขับขี่สากลคงขับรถแทนมันไม่ได้






   ถนนในลอนดอนค่อนข้างวุ่นวาย แต่พอรถขับออกมาถึงชานเมืองความเงียบสงบก็มีให้เห็น อากาศวันนี้ค่อนข้างแย่ไม่มีแสงแดดให้เห็นมีเพียงสายฝนที่โปรยปราย ท้องฟ้าเป็นสีหม่นไม่ต่างจากหัวใจของผมในตอนนี้
นี่คือการมาอังกฤษครั้งแรกแต่มันไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเลยสักนิด เพราะความรู้สึกของผมตอนนี้มีแต่ความกลัวและได้แต่ภาวนาให้พี่เบิ้มปลอดภัยและตื่นขึ้นมาไวๆ



   ..ไปถึงแล้วหวังว่าจะได้เจอรอยยิ้มของคุณนะ





   เกือบสี่ชั่วโมงครึ่งตอนนี้ผมและไอ้ฟางยืนอยู่หน้าห้องพักผู้ป่วยมีป้ายชื่อของคนไข้ติดอยู่ชัดเจน ‘Jeremy Carson’ พี่เบิ้มออกจากไอซียูแล้วนั่นทำให้ผมใจชื้น   แต่ก่อนที่ผมจะผลักประตูเข้าไป ไอ้ฟางก็พูดประโยคหนึ่งซึ่งทำให้ผมต้องชะงักมือเอาไว้ก่อน


“มึงกูขอโทษ”


“ขอโทษทำไม?” ตั้งแต่ผมมาถึงอังกฤษผมว่าไอ้ฟางมันพูดจาแปลกๆหลายรอบแล้วนะ


“เอาเป็นว่า กูไม่ได้ตั้งใจแต่กูหวังดีกับมึงจริงๆนะ”


“พูดไรของมึง?”


“ช่างเหอะๆ เข้าไปข้างในกัน”


เมื่อเปิดประตูเข้าไปสิ่งแรกที่เห็นคือรอยยิ้มที่ผมอยากเห็นของพี่เบิ้ม..เขาฟื้นแล้ว นั่นทำให้ผมโล่งใจเป็นที่สุด


“ที่รักคุณมาแล้ว” พี่เบิ้มรีบถลาลงจากเตียงเข้ามาสวมกอดผมด้วยแขนขวาเพียงข้างเดียว เพราะแขนซ้ายนั้นห่อหุ้มด้วยเฝือกสีขาว  แต่ดูท่าแล้วไม่เหมือนคนที่เพิ่งออกจากไอซียูแฮะ ชักจะได้กลิ่นทะแม่งๆละสิ


“ครับผมมาแล้ว คุณเป็นยังไงบ้างครับ”


“ผมเจ็บมากเลยที่รัก แขนหักด้วย” ว่าแล้วก็ยกแขนข้างที่ใส่เฝือกอ้อนผมเหมือนเด็ก


“คุณเพิ่งออกจากไอซียู?” คือดูทรงพี่มึงแล้วมันไม่เหมือนคนที่เพิ่งฟื้นอ่ะ


“เอ่อ..”


“งั้นผมถามใหม่ คุณตกม้า”


“ครับ”


“แล้วคุณก็ไม่ได้สติ”


“แค่..แป๊ปเดียว” เสียงนั้นเริ่มแผ่วลง


“คุณอยู่ไอซียู”


“แค่..ห้องฉุกเฉิน”


“คุณเพิ่งฟื้น”


“อ่า..ผมเพิ่งตื่นนอนเมื่อตอนหกโมงครับ” เหอะ


“แล้วคุณก็ปิดมือถือ เพื่อจะหลอกผม”


“...”


“โอเค คุณตกม้าแขนหัก นอกเหนือจากนั้นทุกอย่างก็ปกติไม่ได้มีปัญหาอะไร แล้วก็ไม่ได้เพิ่งฟื้นหรือเพิ่งออกจากห้องไอซียูด้วยถูกต้องไหมครับ”


“..ครับ”


ให้ตาย!  เอาล่ะ ตกลงว่ากูโดนต้ม ถึงว่าไอ้ฟางพูดจาแปลกๆ  มึงคือผู้สมรู้ร่วมคิดสินะ


“มีอะไรจะบอกกูไหม” คราวนี้ผมหันไปถามไอ้เพื่อนตัวดีที่นั่งเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ที่โซฟา


“กูขอโทษเมื่อกี้ไง”


“เหอะ” เพื่อนชั่ว


“กูหวังดีจริงๆนะมึง ก็แฟนมึงน่าสงสารเขาอยากเจอมึงอยากให้มึงมาอยู่ใกล้ๆในช่วงเวลาที่เขาบาดเจ็บแบบนี้ กูก็เลยช่วยเขา” มึงมันตัวการ


“มึงก็เลยโกหกกู แล้วไม่สงสารความรู้สึกกูบ้างล่ะ”


“ก็..ถ้าบอกตรงๆมึงก็คงไม่มา กูขอโทษษษ” น้ำเสียงนั้นหงอยพร้อมกับเข้ามากอดผมด้วยความสำนึกผิด


“คุณอย่าโทษฟางเลยนะครับ ผมผิดเอง”


“พอเลย ผิดทั้งคู่นั่นแหละ”


“แต่ผมก็ทรมานนะที่รักที่ไม่ได้คุณกับคุณตั้งสองวัน” กล้าพูด กูมากกว่าไหมที่ทรมาน


“แต่ผมทรมาณมากกว่า คุณรู้ไหมว่าสิบสามชั่วโมงบนเครื่องบินผมได้แต่สวดภาวนาขอให้คุณปลอดภัย สองวันที่ผ่านมาผมกินไม่ได้นอนไม่หลับผมเป็นห่วงคุณแทบบ้า คุณเล่นกับความรู้สึกของผมแบบนี้ได้ยังไง!”  ด้วยความโกรธผมทุบอกคนป่วยไม่ยั้งพร้อมกับร้องไห้ฟูมฟาย แม่ง! กูว่าจะใจเย็นแล้วนะ


“ที่รักผมขอโทษ ขอโทษที่คิดน้อยไป ผมรักคุณผมอยากเจอคุณมากจริงๆตอนที่ผมตกลงมาจากโคล่า สิ่งแรกที่ผมเห็นคือหน้าของคุณ ตอนนั้นผมขยับตัวไม่ได้เลยแล้วผมก็กลัวมาก กลัวว่าจะไม่ได้เจอคุณอีก ยกโทษให้ผมนะที่รัก ผมขอโทษๆๆๆๆๆ” คนสำนึกผิดพูดคำขอโทษไม่หยุดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม  มึงร้องไห้?


“คุณ ร้องไห้ทำไม”


“ผมรู้สึกผิด ผิดที่ทำให้คุณเป็นกังวลและผิดที่ทำให้คุณร้องไห้” บ้าเอ้ย เป็นแบบนี้ใครจะโกรธได้นานกันเล่า


กลับกลายเป็นว่าเราต่างฝ่ายต่างเช็ดน้ำตาให้กัน..หายโกรธก็ได้วะ แค่พี่เบิ้มปลอดภัยไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงก็ดีแล้วล่ะ


“โอเคๆ ผมยกโทษให้แต่คุณอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ”


“ขอบคุณที่รัก ผมรักคุณนะ” พี่เบิ้มกอดผมด้วยแขนขวาเพียงข้างเดียวก่อนจะโน้มหน้าลงมาจูบเบาๆ..มันเป็นรสจูบที่แสนคิดถึง ความกังวลและความเป็นห่วงหายไปในบัดดล


“อะแฮ่ม” ฉิบหาย ลืมไปเลยว่าไอ้ฟางยังอยู่


“มึง ไม่เห็นใช่มะ”


“ไม่เห็นจ้าาา  ไม่เห็นเลยยย” เกลียดสายตาของแม่งที่สุด มึงล้อออกมาตรงๆยังดีกว่าเหอะ


“เอ่อ คุณนอนพักก่อนครับ” ผมรีบจูงมือคนป่วยกลับไปที่เตียงเพื่อหลบสายตากรุ้มกริ่มของเพื่อนชั่ว


“คิดถึงคุณจังที่รัก คุณขึ้นมานอนกับผมได้ไหมผมอยากนอนกอดคุณ”


“บ้าเหรอคุณ” ผมรีบหันไปมองไอ้ฟาง ซึ่งมันก็ทำหน้ากรุ้มกริ่มรออยู่แล้ว


“เอาล่ะค่ะ ฉันพาพยาบาลส่วนตัวมาส่งให้คุณถึงที่แล้วถือว่าภารกิจเสร็จสิ้น ถ้าอย่างนั้นขอตัวก่อนนะคะ”


“ขอบคุณมากครับฟาง”


“เดี๋ยวๆ มึงจะไปไหน”


“กลับบ้านสิ กูก็มีผัวให้ดูแลนะโว้ย ส่วนมึงก็ดูแลผัวมึงไปเข้าใจ๊”


“แฟนโว้ย! ไม่ใช่ผัว”


“เอาน่า อีกหน่อยก็ใช่” ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้หญิงกูถีบมึงแน่ๆ


“แล้วมึงจะกลับยังไง”


“คนขับรถไงจ๊ะ นานๆทีจะได้มีคนขับรถส่วนตัวกับเขาบ้างต้องใช้ให้คุ้ม”


“โอเค เดี๋ยวกูเดินไปส่ง”


“ไม่ต้องจ๊ะ อยู่ดูแลผัวมึงไปเหอะไปละไว้เจอกันที่ลอนดอนเน้อ”


“ขอบคุณอีกครั้งนะครับฟาง”


“ด้วยความยินดีค่ะ หายไวๆนะคะเจเรมี่”


ไอ้ฟางกลับไปแล้วเหลือเพียงผมกับคนป่วย แต่ไม่ถึงห้านาทีผู้มาใหม่ก็มาเยือน


“โอ้วว ป้านด” หืมมม ยังมีใครที่เรียกกูด้วยสำเนียงนี้อีก ไม่ทันตั้งตัวผู้หญิงสูงวัยร่างท้วมแต่ดูใจดีก็ปรี่เข้ามากอดผมทันทีพร้อมกับหอมซ้ายหอมขวาที่แก้ม  ใครหว่า?!


“Mom”


     ..หืม แม่พี่เบิ้ม?!






 TBC.

………………………………….............

บทที่แล้วจบด้วยแม่ของป้านด บทนี้ขอจบด้วยแม่ของพี่เบิ้มละกัน^^

..ขอบคุณที่ยังคิดถึงกันค่ะ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2020 15:30:22 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

น่ารัก น่าตี

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อุ้ยยย อิจฉาป้านด แม่ตัวเองก็ยิ้มกริ่ม แม่ทางผัว เอ้ย แฟนก็มากอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างนี้น่ารักจริง ๆ 
อยู่ทางอังกฤษเจอแบบพี่เบิ้มแนะนำให้เราบ้างนะ อิอิอิ เราพูดอังกฤษไม่ได้ แต่ภาษาใบ้เราเก่งนะ
 :z2: :z2: :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ช่วงพบปะแม่สามี

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :hao4: น่าตีทั้งเพื่อน ทั้งแฟนเลย

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
น่ารัก ช่วงพบครอบครัว ^^

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0



ตอนพิเศษ
Happy New Year ผมจะรักคุณไปทุกๆปี



     ***ตอนพิเศษนี้ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาหลักนะคะ..มาเฉพาะกิจให้หายคิดถึงค่ะ^^


     *****คำเตือนตอนพิเศษนี้มันสั้นมาก สั้นมากจริงๆค่อยๆอ่านกันน๊า^^






     
       ปีใหม่ปีนี้กลุ่มเพื่อนของผมต่างติดภารกิจ อีซูซี่อยู่สิงคโปร์กับโจเซฟ ส่วนไอ้ดอยกับซันนี่ก็ฉลองปีใหม่ข้ามปีก่อนใครที่ออสเตรเลียบ้านพ่อของซันนี่ ส่วนไอ้ฟางไม่ต้องพูดถึงอยู่อังกฤษเหมือนเดิมยังไม่มีแพลนว่าจะกลับเชียงใหม่เมื่อไหร่ ส่วนผมก็ติดแหง็กอยู่ที่เกสท์เฮาส์เพราะลูกค้าช่วงสิ้นปีแน่นขนัดเหลือเกินทำให้ไปเที่ยวที่ไหนกับเขาไม่ได้ จึงเกิดความงอแงขึ้นเล็กน้อยเมื่อผมไปฉลองคริสต์มาสที่อังกฤษกับพี่เบิ้มไม่ได้

ก็นะ..อังกฤษนะเว้ยไม่ใช่ลำพูนที่อยู่ห่างเชียงใหม่แค่ยี่สิบเอ็ดกิโล ฝรั่งขี้งอนจึงต้องบินลัดฟ้ามาเค้าดาวน์กับผมที่เชียงใหม่..คืนพิเศษก็อยากอยู่กับคนพิเศษพี่แกว่างั้น






     


        ช่วงเทศกาลปีใหม่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คน สำหรับผมอยู่บ้านดีที่สุด และหมูกระทะก็คือที่สุดในหน้าหนาวแบบนี้  เราเลือกกินที่เฉลียงหน้าบ้านด้วยไม่อยากให้ควันมันคละคลุ้งในบ้านและข้างนอกบรรยากาศมันก็ดีกว่าด้วย..ไฟสีส้มสลัวๆ เสียงแมลงที่ส่งเสียงร้องในพุ่มไม้ซึ่งไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไรพร้อมกับเสียงฉู่ฉ่าของหมูย่างบนเตาย่างไฟฟ้าที่เพิ่งซื้อมาสดๆร้อนๆกับเบียร์กระป๋องที่แช่จนเย็นเจี๊ยบแค่นี้ก็วิเศษสุดๆแล้ว..แต่มันวิเศษคูณสองเมื่อกินกับคนที่เรารัก   อิอ๊ะ


“คุณมัดผมหน่อยมั้ยครับ” ผมยาวปรกหน้าทำให้ผมรำคาญลูกกะตาเลยอดไม่ได้ที่จะถามออกไป


“อ่า ที่รักคุณช่วยมัดให้ผมหน่อยสิครับ” อีพี่เบิ้มยกมือที่เลอะเนื้อหมูให้ผมดูก่อนจะพลิกหมูบนเตาด้วยความทุลักทุเล..ตะเกียบเป็นงานยากสำหรับพี่เบิ้มมันจริงๆ


“ยางรัดผมล่ะครับ”


“อยู่ในกระเป๋ากางเกงผมที่รัก” พี่แกตอบด้วยหน้าตาใสซื้อ นี่กูต้องล้วง?


ผมลุกจากเก้าอี้ไปยังคนตัวโตที่นั่งฝั่งตรงข้ามก่อนจะล้วงมือลงไปในกระเป๋าข้างของกางเกงยีนส์ซึ่งมันแน่นมาก มากซะจนยัดมือลงไปได้แต่ครึ่งเดียว ก่อนที่อีฝรั่งตัวโตจะหลุดหัวเราะออกมา


“อยู่ข้างนี้ต่างหากล่ะครับ” ควาย แล้วไม่บอกกูแต่แรก


“ยืนขึ้นเลยนะคุณ มันล้วงยาก” อีพี่เบิ้มยอมยืนขึ้นแต่โดยดีให้ผมล้วงกระเป๋ากางเกงอีกข้างเพื่อจกอีหนังยางเส้นสีดำออกมา ก่อนจะนั่งลงอีกครั้งปล่อยให้ผมมัดผมยาวสีน้ำตาลเข้มด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ  ก็แม่งเกิดมาไม่เคยมัดผมให้ใครนี่หว่า


“เจ็บมั้ยคุณ” บอกตรงๆว่าโคตรเกร็ง กลัวหนังหัวพี่แกจะหลุดติดมือมาด้วย


“ไม่ครับ ขอบคุณ” ไม่ได้มีเพียงคำขอบคุณขณะที่ผมโน้มตัวลงไปถามพี่เบิ้มก็เอี้ยวตัวแล้วสบตากับผมนิ่งด้วยสายตาที่อ่อนโยนก่อนจะแนบริมฝีปากหนาลงมาที่เรียวปากของผมแผ่วเบาก่อนผละออก แต่เหมือนมีแรงดึงดูดทำให้เราโน้มหน้าเข้าหากันอีกครั้งกลายเป็นจูบที่เร่าร้อนแข่งกับความร้อนบนเตา กระทั่งกลิ่นไหม้จากเตาทำให้เราผละออกจากกัน ..ให้ตายความโหยหานี่มันน่ากลัวชะมัด 














        อีกไม่กี่นาทีก็ใกล้จะบอกลาปีเก่าแล้วล่วงเลยเข้าสู่ปีใหม่ ปีที่ทุกคนล้วนอยากให้เป็นปีที่ดีและมีภูมิคุ้มกันชีวิตที่แข็งแรง   ผมเชื่อว่าความผิดพลาดในปีเก่าเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีให้เราเรียนรู้และเติบโต
 
สำหรับผมแล้วภูมิคุ้มกันที่ดีของผมก็คือพี่เบิ้ม คนที่มาเติมเต็มช่องว่างเล็กๆในหัวใจให้สมบูรณ์และเราก็พร้อมจะเรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน


“ปีใหม่คุณมีแพลนอะไรที่อยากทำบ้างมั้ยครับ” พี่เบิ้มยกกระป๋องเบียร์ขึ้นจิบก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


“อืมมม ผมไม่มีแผนอะไรนะแค่ทำหน้าที่ในแต่ละวันให้ที่สุด ไม่ได้วางเป้าหมายหรือมีสิ่งที่อยากทำเป็นพิเศษ แล้วคุณล่ะครับ”


“ผมก็คล้ายๆกับคุณนะ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดและทำทุกอย่างไปทีละสเต็ปตามจังหวะของมัน  แต่ปีนี้มีอะไรที่พิเศษต่างออกไปจากทุกปีนี้” นัยน์ตาสีเทาของพี่เบิ้มจ้องมองมาอย่างหวานเชื่อม


“อะไรเหรอครับ”


“ผมจะรักคุณไปทุกๆปี และผมก็อยากจูบคุณข้ามปีแบบนี้ไปทุกๆปีเช่นกัน”


   5 4 3 2 1...เข็มนาฬิกาบรรจบกันที่เลขสิบสองบ่งบอกว่าล่วงเลยเข้าสู่ปีใหม่จากนั้นริมฝีปากของเราก็ประกบกันหวานเชื่อม ดูดดื่ม   อืมมม จูบข้ามปีรสมันเป็นอย่างนี้นี่เอง..มันโคตรดีอ่ะ


..ผมก็อยากบอกกับพี่เบิ้มว่าผมก็อยากจูบข้ามปีกับพี่เบิ้มแบบนี้ไปทุกๆปีเช่นกัน






.................................................................................


•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*♥: 。◕‿◕。
::: (\_(\ …*…*…*…*…*…*…*…*…::::::::::::::
*: (=’ :’) ::  ҢάÞρ ¥  ηέ ω  Ỳξαѓ  :::::::::::::::::::::
•.. (,(”)(”)¤…*…*…*…*…*…*…*…*…:::::::::::
¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸¸.•*´¨`*•.¸❀❁

สวัสดีปีใหม่ค่ะขอให้ใน365วันของปี2563เป็นวันที่ดีสำหรับทุกๆคนนะคะ ♥                             
                                                                                             




ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ว้ายยยยย ตาลุกเป็นไฟไหม้หมูทะหมดละกัน
เห็นใจคนไม่มีคู่บ้างอีตาเบิ้มกับป้านต เชอะ
คิดถึงทุกคนในนี้นะ คราวหน้ายาวกว่านี้หน่อยนะ
โชคดีปีใหม่ ขอให้ไรท์ถูกหวย 2 ตัว
 :really2: :really2: :really2:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0

บทที่ 19 ให้รักมันพาไป




         หลังจากกอดผมจนหนำใจแล้วแม่พี่เบิ้มก็เอ่ยดีใจไม่หยุดที่ผมมาหาพี่เบิ้มถึงที่นี่และดีใจที่ได้เจอผมสักที แม่พี่เบิ้มบอกว่าเดิมทีตั้งใจจะไปหาผมที่เชียงใหม่แต่อีพี่เบิ้มดันตกม้าเสียก่อน..นี่มันอะไร? เป็นครอบครัวนักเซอร์ไพรส์หรือไง
นึกอยากมาหาก็มาไม่บอกไม่กล่าวกันก่อน แล้วก็ไม่รู้อีพี่เบิ้มมันเล่าเรื่องอะไรของผมให้ฟังบ้างเพราะดูเหมือนว่าแม่พี่เบิ้มจะรู้จักผมดีราวกับเคยเจอผมมาก่อน

หญิงสูงวัยร่างท้วมกำลังนั่งปอกผลไม้ด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดีไม่บอกก็รู้ว่าพี่เบิ้มได้รอยยิ้มนี้มาจากไหนก็ถอดแบบมาซะเป๊ะขนาดนี้..อีพี่เบิ้มนี่มันลูกแม่ดีๆนี่เอง

“นี่จ้ะ ผลไม้พวกนี้มาจากสวนหลังบ้านของเราเองลองชิมดูสิจ๊ะ” แอปเปิ้ล พีช แพร์และพลัม ผลไม้หน้าตาน่าทานถูกปลอกเปลือกและเรียงใส่จานสวยงาม

..ผลไม้เยี่ยมคนป่วยกลายเป็นของคนเยี่ยมคนป่วย

“แล้วของผมล่ะครับแม่” พี่เบิ้มประท้วงแต่ไม่จริงจังนักเป็นการแซวแม่ตัวเองซะมากกว่าที่เพิ่งเจอผมก็เอาใจผมซะแล้ว


“ลูกก็ให้ป้านดป้อนสิ” คุณนายโรส คาร์สันพูดพร้อมขยิบตาให้ลูกชาย


“ที่รักผมขอแพร์ครับ” อยากจิ้มตามึงบอดเกลียดนักอีรอยยิ้มทั้งปากทั้งตาแบบนี้..ทั้งแม่ทั้งลูกเลย

แพร์ชิ้นสีขาวฉ่ำน้ำถูกป้อนให้คนแขนเดี้ยงที่นอนยิ้มเหมือนคนบ้า ส่วนไอ้เราก็เขินที่ป้อนผลไม้ต่อหน้าแม่เขาจึงแก้เขินด้วยการยัดลูกพีชเข้าปาก ความหอมและความหวานอมเปรี้ยวนิดๆช่วยให้ความเขินลดลงได้บ้างเมื่อประสาทสัมผัสโฟกัสอยู่ที่รสสัมผัสในปากแทน

“ป้านดเย็นนี้กลับกับแม่นะ แม่จะทำอาหารอร่อยๆให้ทาน”


“อ้าว แล้วผมล่ะครับ”


“ลูกไม่ได้เป็นอะไรมาก พรุ่งนี้ก็ออกโรงพยาบาลได้แล้ว อีกอย่างที่นี่มีพยาบาลนะจ๊ะ”


“โธ่คุณแม่ ป้านดเป็นแฟนผมเขาก็ต้องอยู่ดูแลผมสิครับ  ไม่รู้ล่ะ ผมให้คุณเลือกว่าคุณจะอยู่กับผมที่นี่หรือกลับบ้านพร้อมกับคุณแม่” อ้าว ทำไมหวยมาออกที่กูล่ะ


“เออ..ผมอยู่ที่นี่ก็ได้ครับคุณแม่ พรุ่งนี้ค่อยกลับพร้อมเจเรมี่” มีพยาบาลก็จริงแต่มันก็อดห่วงไม่ได้อ่ะ แฟนทั้งคนนะเว้ย


“เอางั้นเหรอจ๊ะ ป้านดของเราเนี่ยรักลูกชายแม่ไม่เบาเลยน้า” ยิ้มให้ทั้งปากทั้งตาอีกแล้ว นี่คุณแม่แกล้งผมใช่มะ 

เอ๊ะ..หรือว่าลองใจ


หลังจากที่คุณนายโรสกลับไปแล้วก็เหลือเพียงผมและคนแขนเดี้ยงที่เอาแต่นอนจ้องหน้าผมไม่หยุด


“หน้าผมมีอะไรติดหรือเปล่าคุณ” ถ้ากูเป็นปลากัดคงท้องมีลูกเป็นโขยงไปแล้วล่ะ


“คุณสวย”


“ผมเป็นผู้ชาย จะสวยได้ไงเล่า” ให้ตาย


“คุณน่ารัก”


“...” เออ เอาเข้าไป


“แล้วผมก็คิดถึงคุณมากๆๆๆๆๆ”


“...” เชิญพูดตามสบายเลยพี่มึง ผมเป็นฝ่ายนั่งมองริมฝีปากนั้นมันขยับบ้าง


“แล้วก็ดีใจที่คุณมาหาผม..แล้วก็ขอโทษที่โกหกจนทำให้คุณต้องร้องไห้ ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้วครับ” เอ้า ดึงดราม่าซะงั้น


“ช่างมันเถอะครับ คุณไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว” ไม่รู้จะโกรธไปเพื่ออะไร แค่พี่เบิ้มปลอดภัยก็โชคดีมากแล้ว


“ผมรักคุณ..อยากจูบ” อืม..แล้วไง ผมต้องเดินไปหาที่เตียงเพื่อจูบ?


คนขอก็ต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อนสิถึงจะถูก แต่ไม่ต้องรอนานพี่เบิ้มเดินมายังโซฟาที่ผมนั่งอยู่แล้วโน้มตัวลงมาจูบทันที...ใครว่าผมไม่อยากจูบล่ะ ผมเองก็โคตรคิดถึงแล้วก็รักพี่เบิ้มไม่ต่างกัน..




“ที่รัก สีหน้าคุณดูเพลียๆ” พอพี่เบิ้มทัก ผมก็รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าทันที
น่าแปลก..ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะรู้สึกแต่พอหมดความกังวลเรื่องพี่เบิ้มความเพลียจากการเดินทางและไอ้อาการเจ็ตแล็กก็ตีขึ้นมาทันที


“เหนื่อยนิดหน่อยเดี๋ยวได้นอนพักก็หายครับ” แต่ก็ไม่แปลกเพราะตั้งแต่ก่อนเดินทางผมยังไม่ได้นอนหลับเต็มตื่นเลยสักคืน


“โธ่ที่รักคุณคงเหนื่อยแย่ ผมขอโทษนะครับ” พี่เบิ้มพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิดก่อนจะเกลี้ยขอบตาที่ใกล้จะเหมือนตาแพนด้าของผมเบาๆ


“ไม่เป็นไรครับ”   


“ขึ้นมานอนกับผมนะที่รัก”


“ได้ไงล่ะครับ นั่นเตียงคนป่วยนะ”


“โอเค ถ้าอย่างงั้นคุณก็นอนพักนะครับ กู๊ดไนท์” วันนี้ว่าง่ายแฮะ..ปกติต้องตื้องอแงไม่หยุด สงสัยจะสำนึกผิดจริงๆ


“กู๊ดไนท์ครับ แต่ถ้าคุณอยากให้ผมช่วยอะไรเรียกผมได้ตลอดเลยนะครับ”


“...” ไม่มีคำตอบมีเพียงรอยยิ้มอบอุ่นและสัมผัสอุ่นชื้นจากเรียวปากที่แนบลงมาที่หน้าผากของผม จากนั้นพี่เบิ้มก็ปีนขึ้นเตียงตัวเองเราต่างนอนตะแคงมองหน้ากันและกันก่อนที่พี่เบิ้มจะเอ่ยเบาๆว่า ’I Love You’ ผมยิ้มรับก่อนเปลือกตาอันหนักอึ้งจะค่อยๆปิดลงด้วยความเหนื่อยล้า


..กู๊ดไนท์กับคืนแรกในอังกฤษบนเตียงเฝ้าไข้ที่โรงพยาบาลพร้อมกับคนแขนเดี้ยงหนึ่งอัตรา..













“อะแฮ่ม  ได้เวลาวัดไข้แล้วค่ะ กลับมานอนที่เตียงของคุณด้วยค่ะมิสเตอร์คาร์สัน”


“...” หืม..เสียงใคร วัดไข้? พยาบาล?  แต่เอ๊ะ กลับมาที่เตียงคือ?


“มิสเตอร์คาร์สัน” เสียงนั้นยังคงปลุกพี่เบิ้มต่อ แต่ยังคงไร้เสียงตอบรับจากคนแขนเดี้ยง


ผมพยายามฝืนตัวเองให้ตื่นด้วยการลูบหน้าแรงๆ และดันตัวเองให้ลุกขึ้น..แต่แม่งติดครับเพราะมีอีกร่างหนึ่งนอนเบียดผมจนชิดผนัง..ให้ตาย! มึงมานอนเบียดกูตั้งแต่เมื่อไหร่

..ตื่นเต็มตาเลยกู


“คุณ ตื่นครับ”


“อื่อ” มีรำคาญใส่แถมยังซุกหน้าลงมาที่หน้าท้องผมเต็มๆ..เมื่อสบตากับพยาบาลคนสวยก็ได้แต่ยิ้มแหย๋ๆ


“เจเรมี่ตื่น ถ้าไม่ตื่นผมจะกลับไทยเดี๋ยวนี้!” ได้ผลครับ เพราะอีพี่เบิ้มเด้งตัวลุกทันที “กลับไปที่เตียงครับ พยาบาลมาวัดไข้แล้ว” จากนั้นพี่เบิ้มเดินตามพยาบาลไปที่เตียงอย่างว่าง่าย


“ไข้ไม่มีค่ะ เดี๋ยวอีกสักครู่คุณหมอจะเข้าตรวจอีกนะคะ”


“ครับ”   


เมื่อพยาบาลออกไปแล้วก็ได้เวลาจัดการกับฝรั่งจอมเนียน แต่ก่อนที่พยาบาลคนสวยจะออกไปมีหันมายิ้มให้ผมซะด้วย..เออมันเป็นรอยยิ้มแบบกรุ่มกริ่มหมายความว่าไงหว่า


“ทำไมคุณถึงมานอนกับผมได้ล่ะครับ”


“sorryที่รัก สงสัยผมละเมอ” เหอะ ละเมอหรือตั้งใจ ทำเป็นว่าง่ายยอมกลับไปนอนที่ตัวเองโดยไม่งอแงที่ไหนได้มึงมันนักฉวยโอกาส จอมวางแผน รู้ว่ากูง่วงพอหลับลึกก็ลงมานอนเบียดแทบจะสิงกันอยู่แล้ว ที่น่าเจ็บใจคือกูไม่รู้ตัวนี่สิ 

ให้ตาย!..แม่งกูมาเฝ้าคนป่วยเสือกนอนเหมือนไหลตายซะงั้น


“คุณมันเจ้าเล่ห์ที่สุด”

   
“โธ่ที่รัก แต่ก่อนนอนคุณบอกผมเองนะครับว่าอยากให้ช่วยอะไรเรียกได้ตลอด ผมแค่อยากให้คุณนอนใกล้ๆผมเรียกคุณแล้วนะครับแต่คุณไม่ตอบเลยถือว่าคุณตกลง” อย่ามาทำน้ำเสียงหมาหงอยแบบเน้


“...” โอเคกูพลาดเอง..แต่ก็ช่างเหอะ ถือว่าเป็นเซอร์วิชพิเศษสำหรับคนป่วยละกัน   



          หลังจากคุณหมอเข้ามาตรวจสรุปแล้วอาการของพี่เบิ้มไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมีเพียงแขนซ้ายที่ต้องเข้าเฝือกอย่างน้อยสามอาทิตย์เนื่องจากกระดูกร้าว วันนี้จึงกลับบ้านได้

หลังจากนั้นสองชั่วโมงผมและพี่เบิ้มก็นั่งอยู่ในรถเอสยูวีสีดำเงาวับที่ขับโดย มิสเตอร์สกอตต์ คาร์สัน ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนคุณพ่อของพี่เบิ้มนั่นเอง พ่อพี่เบิ้มดูเป็นคนนิ่งๆ แต่เมื่อมองหน้าผมทีไรก็ยิ้มไม่หุบ ไม่รู้เพราะอะไรทั้งพ่อและแม่ของพี่เบิ้มเวลามองหน้าผมแล้วสีหน้าก็จะเปื้อยรอยยิ้มทุกเมื่อ..จะว่าไงดีมันเป็นรอยยิ้มของความสุข ซึ่งมันทำให้ผมเขินตามไปด้วย

"วันนี้แสงแดดสดใสดีจริงๆ สงสัยจะต้อนรับป้านดของเรา" แม่พี่เบิ้มหันมายิ้มใ้หทั้งปากทั้งตาอีกแล้ว..แล้วทั้งรถก็ปกคลุมไปด้วยรอยยิ้ม

พอรถพ้นจากเขตเมืองสองข้างทางก็ปกคลุมไปด้วยทุ่งข้าวสาลีสีทองอร่ามสลับกับทุ่งหญ้าเขียวขจีที่มีแกะตัวสีขาวน้อยใหญ่ที่กำลังแทะเล็มหญ้า..มองแล้วเพลินตาไม่น้อย


     บ้านพี่เบิ้มไม่สิหรือจะเรียกว่าคฤหาสน์ดี บ้านหลังขนาดใหญ่ที่มีไม้เลื้อยสีเขียวปนส้มเกาะอยู่เกือบทั้งหลัง พื้นที่บริเวณบ้านกว้างขวางรายล้อมไปด้วยสวนสวยสไตล์อังกฤษด้านหลังเป็นสวนผักและผลไม้ที่ผมได้ทานเมื่อวาน  ส่วนด้านข้างห่างจากตัวไปหลายเมตรเป็นคอกม้าที่มีรั้วไม้สีขาวกั้นไว้

แม่พี่เบิ้มเล่าให้ฟังว่าบ้านหลังนี้เคยเป็นบ้านของดยุคหรือขุนนางในสมัยร้อยกว่าปีที่แล้ว..ถ้าจะมีอายุขนาดนี้หวังว่าจะไม่มีผีฝรั่งโผล่มาหลอกนะ


แต่พอเข้ามาในตัวบ้านแล้วกลับให้ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป ด้านในเน้นโทนสีขาวตัดกับไม้สนสีอ่อนให้ความรู้สึกอบอุ่นขัดกับตัว
ภายนอกบ้านที่เป็นอิฐสีเทาดูอึมครึมคล้ายกับท้องฟ้าที่กำลังก่อตัวเป็นเมฆฝนในตอนนี้ เมื่อกี้ยังแดดจ้าต้อนรับกูอยู่เลย..แต่ก็นะ ความอังกฤษเขาล่ะ

ยังไงดีล่ะ เริ่มทำตัวไม่ถูกแฮะผมต้องไปนั่งตรงไหนดี

“ป้านดเดี๋ยวแม่จะพาไปดูห้องนะจ๊ะ” อ่า ผู้ช่วยชีวิตผมมาแล้ว


“ไม่ต้องหรอกครับแม่ ป้านดจะนอนห้องผม”


“โอ๊ะ เอางั้นเหรอจ๊ะ”


“ครับ”


“...” เออ ถามผมสักหน่อยก็ดีนะครับ


“ถ้าอย่างงั้นลูกพาป้านดไปพักเถอะจ๊ะ เดี๋ยวแม่จะอบสโคนไว้เสร็จแล้วแม่จะเรียกมาดื่มชาด้วยกันนะจ๊ะ”

เอ่อคุณแม่เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ คนที่ต้องพักคือลูกชายแม่ที่แขนเดี้ยงไม่ใช่พยาบาลจำเป็นอย่างผมนะครับ


“ไปกันครับ ผมจะพาไปห้องนอนของเรา” ห้องนอนของเรา..ฟังแล้วจั๊กจี้ใจดีแท้


..ถึงกับปะทะเมื่อเข้ามาให้ห้องนอนของพี่เบิ้ม นี่มันห้องนอนหรือช็อปขายเสื้อบอล?!
คอเลคชั่นเสื้อนักเตะของสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในยุคต่างๆพร้อมลายเซ็นของนักเตะแขวนอยู่ในกรอบอย่างดีเรียงรายอยู่เต็มผนัง

ว้าว นี่มันน่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย ที่สำคัญมันคือทีมเดียวกันที่ผมเชียร์มาตั้งแต่อายุสิบห้าเว้ย ที่น่าประหลาดใจไปกว่านั้นคือ เสื้อบอลไซส์เด็กข้างหลังเสื้อสกรีนหมายเลข18 ส่วนชื่อที่อยู่ข้างบนหมายเลขคือ J. Carson


“คุณเคยเล่นฟุตบอล?” ผมหันไปถามพี่เบิ้มด้วยสายตาตื่นเต้น


“มันคือความฝันในวัยเด็กของผม” พี่เบิ้มตอบด้วยรอยยิ้มเขินพร้อมกับเอาผมทัดหู..น่ารักเหมือนกันแฮะ


“แล้วทำไมถึงไม่ไปต่อล่ะครับ” นี่มันทีมระดับโลกเลยนะเว้ย ได้เป็นเด็กฝึกของแมนยูนี่มันสุดยอดมากๆอ่ะ


“ผมเป็นลูกคนเดียวและก็ถูกคาดหวังมาตั้งแต่เด็กว่าผมต้องสานต่อสิ่งที่พ่อแม่สร้างไว้ให้” เศร้าจัง..แต่สีหน้าพี่เบิ้มไม่ได้เศร้าตามเลย มันดูภูมิใจด้วยซ้ำ


“แล้วคุณไม่เสียดาย...”


“ไม่เลยที่รัก ผมตัดสินใจถูกแล้ว” พี่เบิ้มจับไหล่ผมพร้อมกับจ้องเข้ามานัยน์ตาก่อนจะอธิบายด้วยสายตาแน่วแน่


“...”


“ถ้าผมเลือกฟุตบอลผมก็จะไม่ได้เจอคุณ ผมเลือกที่จะเรียนต่อพอเข้ามหา’ลัยทำให้ผมรู้จักกับพอลแล้วมิตรภาพของเราก็ทำให้ผมได้เจอกับคุณ..ที่รัก” ก็จริงถ้าพี่เบิ้มได้เป็นนักฟุตบอลระดับโลกเราคงไม่มีวันได้พบกันคงมีแต่ผมฝ่ายเดียวที่รู้จักพี่เบิ้มผ่านหน้าจอโทรทัศน์
“อีกอย่างการเป็นนักฟุตบอลมันไม่ง่ายเลยที่จะประสบความสำเร็จได้เล่นในทีมชุดใหญ่ในลีกสูงสุดอย่างพรีเมียร์ลีกซึ่งมันเป็นความฝันของนักเตะอังกฤษทุกคนอยู่แล้วการแข่งขันมันจึงสูงมาก การได้เป็นนักเตะเยาวชนในสโมสรที่ผมรักผมถือว่ามันคุ้มค่ามากพอแล้ว มันเป็นความทรงจำที่ล้ำค่าที่สุดในวัยเด็กของผม..ส่วนสิ่งล่ำค่าในปัจจุบันของผมก็คือการได้เจอคุณที่รักและผมจะไม่ปล่อยคุณไปด้วย  คุณจะอยู่ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของผม  และเพื่อให้คุณมั่นใจอีกครั้งผมอยากจะบอกว่าผมไม่เคยเสียใจที่ผมเลือกครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวที่มีคุณเพิ่มเข้ามามันวิเศษที่สุด” เป็นคำอธิบายที่ยาวที่สุดแต่ก็ชัดเจนที่สุดเช่นกัน ครอบครัวและความฝันสุดท้ายเราก็ต้องเลือก เมื่อท้ายที่สุดสิ่งที่เราเลือกไม่ทำให้เรามานั่งเสียใจภายหลังนั่นถือว่าเราเลือกถูกต้องที่สุดแล้ว พี่เบิ้มคงไม่ได้โกหกเพราะใบหน้านั้นไม่ได้มีร่องรอยของความเสียใจอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว

..ขอบคุณที่เลือกครอบครัว ขอบคุณที่เราได้เจอกัน



“จริงสิ แล้วคุณล่ะครับชอบดูฟุตบอลไหม”


“ชอบครับ ผมก็มีทีมที่ผมรักเช่นกัน ผมเริ่มเชียร์ตอนผมอายุสิบห้า”


“ตอนผมอายุสิบห้าผมเลิกเล่นฟุตบอลพอดี ส่วนตอนคุณอายุสิบห้าผมกำลังใกล้จบปริญญาโทและเพิ่งเริ่มทำงานในบริษัทอย่างเต็มตัว  แล้วคุณชียร์ทีมไหนที่รัก” ฟังดูแล้วความกดดันช่างต่างกันน่าดู อายุสิบห้าของพี่เบิ้มต้องเลือกเรียนต่อหรือเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังเพื่อเป็นนักฟุตบอลอาชีพ  ส่วนผมตอนนั้นกำลังจะขึ้นมอปลายมีหน้าที่เลือกว่าจะเรียนสายวิทย์หรือสายศิลป์แต่นั่นก็เป็นการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่มากนะเว้ยสำหรับวัยรุ่นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ


“ถ้าผมจะบอกว่าทีมที่ผมเชียร์เป็นทีมคู่อริของคุณล่ะ” ถ้าผมเชียร์ทีมคู่รักคู่แค้นของแมนยูอย่างลิเวอร์พูลพี่เบิ้มจะว่ายังไงน้า..ขอลองใจสักหน่อย


“ซิตี้?”


“No” ไม่ใช่เพื่อนบ้านผู้น่ารำคาญอย่างแมนซิตี้จ๊ะ


“ลิเวอร์พูล?”


“Yes” ใบหน้าพี่เบิ้มนั้นเรียบเฉย ก่อนจะถอนหายใจแรงๆ


“โอเคที่รัก เอาเป็นว่าเราต่างฝ่ายต่างเชียร์ทีมที่เรารักอย่างเงียบละกันครับ..ไม่เข้าใจเลยทำไมถึงชอบได้น้า” ท้ายเสียงเหมือนบ่นลอยๆ


“นั่นน่ะสิ ก็แค่ฤดูกาลนี้ยังไม่แพ้ทีมไหนเลยในลีก” พูดเองก็ช้ำเองครับ ถ้าปีนี้หงษ์แดงได้แชมป์โดยเฉพาะแชมป์แบบไร้พ่ายขึ้นมาเด็กผีอย่างเราโปรดเจียมเนื้อเจียมตัวครับ งดการมีปากเสียงให้น้อยที่สุดพร้อมกับท่องไว้ในใจว่าฤดูกาลหน้าว่ากันใหม่ซึ่งก็ท่องแบบนี้มาหลายปีแล้วล่ะ..ช่างละเหี่ยใจดีแท้

แต่ก็นะแฟนบอลอย่างเราก็ต้องคอยเชียร์และซับพอร์ตต่อไปไม่ว่าสถานการณ์ทีมจะย่ำแย่สักแค่ไหน

‘We’ll never die’ เราจะไม่มีวันตาย...เราจะต้องกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง  เมื่อไหร่ว้า?!



“โอเค ยอมรับครับว่าปีนี้ทีมคุณมาแรงจริงๆ”


“พอๆคุณ ยิ่งพูดยิ่งเหมือนตอกย้ำให้เราซ้ำใจ”


“เรา?” พี่เบิ้มทำหน้าไม่เข้าใจ


“นี่ครับผมเชียร์ทีมนี้ต่างหาก” ว่าแล้วก็กดปลดล็อกหน้าจอมือที่มีวอลเปเปอร์เป็นรูปสนามโอลด์แทรฟฟอร์ดในแบบฉบับภาพวาดให้พี่เบิ้มดู..สักวันผมต้องไปเยือนสนามแห่งนี้ให้ได้


“ที่รัก!” แล้วอีพี่เบิ้มก็กอดผมด้วยแขนขวาที่ไร้เฝือก รัดแน่นจนกระดูกแทบแตก..มึงดีใจยิ่งกว่าแมนยูได้ทริปเปิ้ลแชมป์อีกนะเนี่ย


“คุณ ผมหายใจไม่ออก”


“sorry ทำไมคุณต้องหลอกผมด้วยล่ะครับ”


“ผมแค่ลองใจ อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าผมเชียร์ลิเวอร์พูลคุณจะเลิกกับผมไหม” พวกคลั่งบอลเรื่องเชียร์ทีมตรงข้ามกับคนในครอบครัวหรือคู่รักมันช่างอ่อนไหวนัก


“บ้าน่า ห้ามพูดว่าเลิกกันนะครับ ผมไม่ยอมเด็ดขาด” ว่าแล้วอีพี่เบิ้มก็กดจูบลงมาหนักๆที่เรียวปากของผม


“อื่อออ” โดนจูบจู่โจมไม่ทันตั้งตัวเข่าแทบทรุด


“ลงโทษเด็กดื้อ ห้ามพูดว่าเลิกกันอีกนะครับผมไม่ชอบเลย แล้วก็ไม่ต้องลองใจอะไรด้วยยังไงผมก็ไม่ยอมเสียคุณไปเด็ดขาด ผมรักคุณมากนะที่รัก” ท้ายประโยคช่างอ่อนโยนก่อนจะโน้มลงมาจูบอีกครั้ง


“อื่อออ รู้แล้วครับเลิกจูบลงโทษได้แล้ว”


“จูบเพราะรักต่างหากล่ะครับ”


“...” ให้ตาย เขินเว้ยทั้งน้ำเสียง สายตา สัมผัสของพี่เบิ้มผมไม่ชินสักทีสิน่า


“จูบของผม คุณชอบมันไหมที่รัก”


“...” อย่าถามสิ


“ว่าไงครับ”


“ชอบ ผมชอบมัน” จูบก่อนแม่งเลย!


“อื่อ ให้ตาย ที่รักคุณมันจอมยั่ว คืนนี้คุณไม่รอดแน่”


“ไม่รอด?” ไม่นะ ผมยังไม่พร้อมมมมม


“ไม่บอกครับ เอาเป็นว่าคุณพักสักหน่อยก่อนดีกว่า เมื่อคืนคุณคงนอนไม่สบายเท่าไหร่”


“ก็ใช่สิครับ ก็คุณนอนเบียดผม” นอนโซฟาก็ลำบากอยู่แล้วเล่นมาสิงกูอีก


“แต่คุณชอบ คุณนอนกอดผม”


“ผะ ผมฝันเหอะ”


“ฝันว่าอะไรครับ” เกลียดนักสายตาเจ้าเล่ห์


“ฝันว่านอนกอดตุ๊กตาหมีตัวใหญ่” ผมฝันแบบนั้นจริงๆนะครับ ฝันว่ากอดพี่หมีตัวใหญ่นุ่มนิ่ม


“ถ้างั้นคืนนี้ผมจะเป็นตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ให้คุณกอดเอง” อย่าทำหน้าละมุนแบบนี้สิ ใจมันสั่นนะ


“ไม่เอาอ่ะ ตัวคุณไม่นุ่ม”


“แต่ผมอุ่นนะ” อืม อันนี้ไม่เถียง




  ก๊อกๆๆ  อ่า ขอบคุณเสียงสวรรค์

“เจเรมี่ แม่เข้าไปนะจ๊ะ”


“ครับแม่”


“ป้านดไปจิบชาที่สวนกันจ้ะ”


“ครับ”


“หน้าลูกมีความสุขมากไปหรือเปล่าจ๊ะ”


“ผมมีความสุขมากนี่ครับ”


“แม่ก็มีความสุขจ้ะ ขอบคุณมากนะจ๊ะที่รักลูกชายของเรา”


“เอ่อ ครับ” ผมตอบรับงงๆ แล้วจะยิ้มอะไรนักหนาทั้งแม่ทั้งลูกเลย รอยยิ้มทั้งปากทั้งตาแบบนี้มันเจิดจ้าเกินไปแล้ว..ช่วยผมด้วย ตาผมกำลังจะบอด


........................

อ่านต่อด้านล่างค่ะ  

ออฟไลน์ MA_LEE

  • เป็ดหัดเขียน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 74
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
      ท้องฟ้ามืดครึ้มสถานที่จิบชาจึงย้ายจากซุ้มกุหลาบเลื้อยมาเป็นเรือนกระจกที่มีดอกไม้น้อยใหญ่สีสันแปลกตาที่ไม่เคยเห็นในเมืองร้อนอย่างบ้านเรา  ชุดAfternoon tea แบบฉบับคุณนายโรสที่ของว่างมีเพียงสโคนเพียงอย่างเดียวแต่มีความหลากหลายทั้งแบบดั้งเดิมและแบบผสมผลไม้อบแห้งและถั่วมีทั้งแบบก้อนฟูๆที่เราเคยเห็นกันและแบบสามเหลี่ยมเหมือนพิซซ่า มาคู่กับแยมหลากหลายชนิดและclotted cream ทุกอย่างล้วนโฮมเมดจากฝีมือคุณนายโรสและที่ขาดไม่ได้คือชารสดีที่ทานคู่กับสโคน


“ชาจ้ะ”


“ขอบคุณครับ” ผมรับถ้วยชาที่มีชาสีน้ำตาลแดงกลิ่นหอมละมุน..อืมรสคงจะดีไม่น้อย


“สโคนฝีมือแม่ผมอร่อยที่สุดในโลกรับรอง” อวยขนาดนี้ก็ต้องชิมแล้วล่ะ

สโคนชิ้นหนานุ่มผมบิออกครึ่งหนึ่งก่อนจะกัดเจ้าแป้งเนื้อหนาคำโต สัมผัสแรกคือเนื้อแป้งไม่แน่นแข็งมันเนียนนุ่มและหอมเนยสดมากๆ ไม่ต้องทาแยมหรือครีมทานเปล่าๆแค่นี้ก็อร่อยแล้ว


“เป็นไงจ๊ะ”


“อร่อยมากครับ เป็นสโคนที่อร่อยที่สุดเท่าที่ผมเคยทานมาเลยล่ะครับ”


“ทานคู่กับชายิ่งอร่อยจ้ะ”


“ครับ” ผมค่อยๆจิบชาสีน้ำตาลแดงที่ผสมนมกลายเป็นสีส้มนวลสวย กลิ่นหอมรสไม่เข้มจนเกินไปเข้ากันเป็นอย่างดีกับสโคนเนื้อเนียนนุ่ม


“ชาซีลอนมาจากไร่ชาของเราเอง” ว้าว ครอบครัวนี้มีธุรกิจกี่อย่างกันนะ


“ที่ศรีลังกาน่ะเหรอครับ” ชาซีลอนเป็นชาที่มาจากประเทศศรีลังกาเพราะชื่อเดิมของศรีลังกาก่อนได้รับเอกราชจากอังกฤษก็คือซีลอน และชาวอังกฤษเองที่เป็นคนนำต้นชาจากจีนเข้ามาปลูกกลายเป็นอุตสาหกรรมชาส่งออกเป็นชาซีลอนที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน ตั้งแต่เปิดร้านกาแฟผมก็พอจะรู้เรื่องราวของกาแฟและชาอยู่บ้าง


“ใช่จ้ะ เรามีไร่ชาเล็กๆที่นั่นพร้อมกับบ้านพักตากอากาศ ที่นั่นอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี แม่ก็เพิ่งไปมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เองจ้ะ ถ้าป้านดอยากไปบอกเจเรมี่ได้เลยนะจ๊ะ” พูดจบคุณนายโรสก็หันไปขยิบตาให้กับลูกชายที่นั่งหน้ายิ้มแป้นแล้น


“ไว้เราไปฮันนีมูนที่นั่นกันนะครับ ไม่สิผมให้คุณเลือกดีกว่าว่าอยากไปฮันนีมูนที่ไหน”


“ฮันนีมูน?”  จะฮันนีมูนได้มันต้องแต่งงานก่อนสิ..แต่งงาน!!


“ครับ..โอ๊ะที่รักผมขอตัวสักครู่” พี่เบิ้มพูดพร้อมกับชูมือถือที่มีสายเรียกเข้าจากพอลก่อนจะเดินออกจากเรือนกระจกเพื่อรับสาย


เมื่ออยู่กับพ่อแม่พี่เบิ้มเพียงลำพังก็ชักจะทำตัวไม่ถูก..


“ถ้าป้านดแต่งงานกับเจเรมี่มันคงเป็นอะไรที่วิเศษมากว่าไหมคุณ” คุณนายโรสหันไปถามสามีที่นั่งจิบชาเงียบๆ


“เราต้องไปคุยกับผู้ใหญ่ทางนู้นก่อน” เอ่อ ก่อนจะถามผู้ใหญ่ทางผม ได้โปรดถามผมก่อนครับ


“แขนเจเรมี่หายดีเมื่อไหร่แม่จะไปหาที่เชียงใหม่นะจ๊ะ”


“..ครับ”


“ป้านดรู้อะไรไหม เมื่อก่อนเจเรมี่เป็นเด็กร่าเริงมากแต่พอเขาตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอลเขาก็กลายเป็นเด็กเงียบขรึมและเอาจริงเอาจังกับการเรียน คิดและโตเกินวัยของตัวเอง ช่วงวัยรุ่นที่ควรจะมีเหมือนวัยรุ่นคนอื่นๆก็หายไปเพราะเขาต้องมาเรียนรู้งานที่บริษัท เป็นเพราะเราเองที่โยนความกดดันให้เขาโดยไม่รู้ตัว พวกเรามีเวลาให้ลูกน้อยมากเพราะธุรกิจที่กำลังเติบโตทำให้เราหลงลืมช่วงเวลาที่เราควรมีให้แก่ลูก แต่เจเรมี่เองก็ไม่เคยร้องขอเขาบอกเสมอว่าเขาไม่เป็นไร นั่นยิ่งทำให้เรารุู้สึกผิด" คุณนายโรสพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือก่อนที่มิสเตอร์สกอตต์จะกุมมือภรรยาตัวเองไว้เป็นการปลอบโยน

"เจเรมี่บอกผมว่าเขาตัดสินใจถูกแล้วที่เลือกครอบครัว ผมว่าเขาไม่ได้โกหกหรอกครับเพราะรอยยิ้มของเขามันเป็นรอยยิ้มของความสุข พวกคุณอย่าโทษตัวเองเลยนะครับ" 

"เพราะคุณป้านด ที่ทำให้ลูกชายของเรายิ้มได้แบบนี้อีกครั้งขอบคุณจริงๆ  แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เรายังเสียใจป้านดรู้ไหมว่าเจเรมี่เคยแต่งงาน เราบังคับให้เขาแต่งงานกับน้องสาวที่เขารักเหมือนน้องสาวแท้ๆ พวกเราแย่มากใช่ไหม" ผมพอจะรู้เรื่องนี้แต่รายละเอียดของมันผมไม่รู้หรอกแล้วก็ไม่สนใจด้วย เพราะมันคืออดีตที่เรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ แค่เราทำปัจจุบันให้ดีที่สุดนั่นคือสิ่งที่ผมสนใจมากกว่า


“ผมว่าให้อดีตมันเป็นบทเรียนที่สำคัญของเราดีกว่าครับ อย่าไปพูดถึงมันเลย ในเมื่อตอนนี้เรื่องแย่ๆพวกนั้นก็จบลงไปแล้ว เรามาเริ่มต้นกันใหม่กันเถอะครับ”


“ตอนนี้เรารู้แล้วว่าความสุขที่แท้จริงของลูกคือความสุขที่มาจากสิ่งที่เขาเลือกเอง การมาของคุณทำให้เรารู้ว่าลูกของเรามีความสุขและเขารักคุณมากแค่ไหนป้านด..ขอบคุณที่รักลูกชายของเรา” แม่พี่เบิ้มกุมมือผมพูดด้วยรอยยิ้มปนน้ำตา


“ขอบคุณพวกคุณเช่นกันที่เข้าใจเขาครับ” ผมกุมมือของทั้งสองท่านก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

พ่อและแม่พี่เบิ้มนั่งหันหลังให้กับประตูเรือนกระจกเลยไม่รู้ว่าลูกชายของตัวเองนั้นคุยโทรศัพท์เสร็จนานแล้วและยืนฟังบทสนทนานี้เงียบๆ เมื่อบทสทนาจบลงพี่เบิ้มเอ่ยคำขอบคุณผมแบบไม่มีเสียงพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้


"เหลือสโคนให้ผมบ้างไหมเนี้ย" เสียงพี่เบิ้มนำมาก่อนตัวคุณนายโรสรีบเช็ดน้ำตาก่อนจะหยิบสโคนใส่จานให้พี่เบิ้มหลายชิ้น


"เยอะแยะจ้ะ แม่ทำไว้เยอะแม่รู้ว่าลูกชายของแม่กินจุ"


"ขอบคุณครับ ว่าแต่มื้อเย็นวันนี้เป็นอะไรครับ" อืม เปลี่ยนเรื่องได้ดี


"สตูว์จ้ะ  อ๊ะใช่ งั้นแม่ไปเก็บผักก่อนนะจ๊ะป่ะพ่อไปเก็บผักกัน" คุณนายโรสรีบจับจูงมือสามีไปยังแปลงผักเพื่อจะซ่อนสายตาที่แดงก่ำ


"ขอบคุณนะครับ"


"ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย" วันนี้ผมได้รับคำขอบคุณมากไปแล้ว


"ขอบคุณที่รักกัน"


"ขอบคุณเช่นกันครับ"

เรื่องอดีตก็ปล่อยให้มันผ่านไปส่วนอนาคตไม่รู้หรอกว่าจะเป็นยังไง ตราบใดที่เราและคนที่เรารักยังยิ้มให้กันและกันได้แบบนี้ ผมถือว่ามันคือรักที่ดีของผม..











“ที่รัก อาบน้ำให้ผมได้ไหมครับ ผมอยากสระผมแทบแย่” หลังจากมื้อค่ำแสนอร่อยจบลง พี่เบิ้มก็ลากผมขึ้นห้องทันที


“ได้ครับ” มันหน้าที่ผมอยู่แล้ว “เดี๋ยว! คุณจะทำอะไร”


“ก็ถอดเสื้อผ้าอาบน้ำไงครับ”


“ไม่ต้องถอดหมดสิครับ เหลือบ๊อกเซอร์ไว้ด้วย”


“ทำไมล่ะครับ คุณยังไม่ชินอีกเหรอ” ให้ตาย! ใครจะชินกับงูหลามเผือกของมึงกันฟะ จากนั้นมันก็ดึงบ๊อกเซอร์ลงหน้าตาเฉยเดินผิวปากลงอ่างอาบน้ำสบายใจไม่ได้สนอารมณ์ฮึดฮัดของผมแม้แต่นิดเดียว..มันน่าหักแขนอีกข้างให้หักนัก ฮึม


“เอนตัวลงมาครับ” ผมสั่งพี่เบิ้มเมื่อตัวเองนั่งอยู่ข้างหลังพี่เบิ้มแต่อยู่ข้างนอกอ่างอาบน้ำนะจะได้สระผมให้สะดวกๆ  อีกอย่างจะให้ลงไปแช่อ่างด้วยกันมันรู้สึกจั๊กจี้แปลกๆอ่ะ


“คุณไม่ถอดเสื้อเหรอครับ” พี่เบิ้ทเงยหน้าถามด้วยสายตาเว้าวอน


“ไม่ครับ” หึ วันนี้พี่มึงไม่ได้เห็นหัวนมกูหรอก


ศีรษะพี่เบิ้มค่อยๆเอนลงมาพิงกับขอบอ่างปล่อยผมยาวสีน้ำตาลเข้มทิ้งตัวออกมานอกอ่าง ผมจึงค่อยๆปล่อยน้ำจากฝักบัวชโลมลงไปบนเส้นผมจนชุ่มก่อนจะชโลมแชมพูจนเกิดฟองแล้วนวดศีรษะของคนแขนเดี้ยงด้วยท่าทางเงอะงะ..เกิดมาไม่เคยสระผมให้ใครมาก่อนนี่หว่า


“เจ็บไหมคุณ”


“ไม่ครับผมชอบ มือคุณเบาดีจัง” พี่เบิ้มหลับตาพริ้มท่าทางผ่อนคลายไม่น้อย
 

“ทำไมคุณถึงไว้ผมยาวครับ”


“อืมมม ผมไม่ชอบไว้ผมสั้นครับ”


“...” ขอบคุณสำหรับคำตอบ


“ยังไงดีล่ะ คือผมไม่ชอบตัดผมสั้นเพราะเวลาเสียงกรรไกรมันอยู่ใกล้หู หรือสัมผัสของปัตตาเลี่ยนเวลาที่มันใกล้หนังศีรษะแล้วผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่”


“กลัว?”


“ไม่กลัวแต่แค่ไม่ชอบครับ”


“แล้วเวลาที่ผมมันยาวเกินไปแล้วคุณตัดยังไง”


“ตัดเองครับ บางทีแม่ก็ตัดให้”


“แล้วแบบนี้ไม่กลัวเหรอครับ”


“แบบนี้โอเคเพราะไม่ได้ใกล้หู บอกอีกครั้งว่าแค่ไม่ชอบไม่ได้กลัวครับ”


“โอเคๆ”จุดอ่อนพี่มึงอยู่ที่หูสินะ เสร็จกูล่ะ คิดได้ดังนั้นก็จัดการลูบไล้ที่หูของพี่เบิ้มเบาๆ


“อื่อออที่รัก” เป็นไงเริ่มกลัวแล้วล่ะสิ ผมยังคงลูบไล้ใบหูไม่หยุดเริ่มสัมผัสให้มากขึ้น..คนอะไรหูนุ่มจังวะ


“คุณยั่วผมอีกแล้วนะที่รัก”


“ยั่ว?” ตามหลอกตามหลอนกูดีจังคำนี้


“ดูนี่สิ” ให้ตาย งูหลามเผือกของอีพี่เบิ้มมันชูชันพร้อมใช้งานเต็มที่


“ไหนคุณบอกว่าไม่ชอบสัมผัสที่หูไง”


“ผมไม่ชอบเสียงกรรไกร ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ชอบมือของคุณนี่ครับ ทำต่อสิครับแต่ผมไม่รับรองความปลอดภัยนะ” พับผ่า ทำต่อกูก็เสร็จมึงสิ


“สะ..สระผมเสร็จแล้วครับ” เสียงสั่นเลยกู


“คุณโน้มหน้าลงมาหน่อยสิครับ”


“?” ถึงจะงง แต่ก็โน้มหน้าลงอย่างว่าง่าย หน้าของผมกับพี่เบิ้มในตอนนี้จึงอยู่ในระนาบเดียวกันเพียงแต่มันคนละด้าน
 

จุ๊บ เสียงริมฝีปากสัมผัสหน้าผากผมเบาๆ


“แทนคำขอบคุณที่คุณสระผมให้ครับ” ให้ตาย แค่จุ๊บหน้าผากมึงก็ใจเต้นแรงได้นะไอ้ณต


“อะ อาบน้ำต่อเลยไหมครับ”


“ได้ครับ” อีพี่เบิ้มลุกออกจากอ่างอย่างว่าง่ายก่อนจะมายืนใต้ฝักบัวแขนข้างซ้ายค้ำผนังห้องน้ำเพื่อไม่ให้เฝือกสัมผัสกับน้ำ
น้ำจากฝักบัวไหลกระทบผิวกายผมฟอกสบู่ไปตามกล้ามเนื้อแข็งด้วยใจที่สั่นรัว..ให้ตายไอ้ณตนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มึงสัมผัสตัวอีพี่เบิ้มสักหน่อยมากกว่านี้ก็ยังเคยมาแล้วมึงจะตื่นเต้นทำไม?!
รีบๆอาบให้เสร็จๆไปจะดีต่อใจที่สุด ผมรีบถูสบู่ให้คนแขนเดี้ยงจากหน้าอกไล่มายังเกือบถึงจุดกึ่งกางของลำตัวแต่แล้วก็ต้องชะงัก..ให้ตายอีงูหลามเผือกมันกำลังชี้หน้าผมอยู่


“เออ ตรงนี้คุณล้างเองก็แล้วกันนะครับ”


“ผมไม่ถนัดที่รัก” ฟาย จะให้กูถูหรรมมึงหรือไง ไม่มีทาง!


“คุณก็ทำให้มันสงบลงก่อนสิ!” จะแทงตากูอยู่แล้ว


“จะให้ผมทำยังไงล่ะครับ รู้ไหมว่าตอนนี้ผมต้องใช้ความอดทนมากแค่ไหน” บ้าเอ้ย


“คุณ..จะทำอะไร” พี่เบิ้มพลิกตัวผมให้ชิดผนังเท่ากับว่าตอนนี้เราสลับตำแหน่งกัน


“ที่รักความอดทนผมกำลังจะหมด คุณรู้ไหมว่าคุณยืนเปียกต่อหน้าผมแบบนี้แล้วมันทำให้ผมแทบคลั่ง” รีบตะคุบหน้าอกตัวเองอย่างว่อง เพิ่งรู้ว่าตอนนี้เสื้อยืดสีขาวที่สวมอยู่มันเปียกแนบเนื้อเกือบทั้งตัว


“อย่ามองครับ”


“ไม่ทันแล้วที่รัก บอกแล้วว่าคุณมันจอมยั่ว” กูเกลียดคำนี้ ฮือ


หน้าพี่เบิ้มใกล้เข้ามาจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่ปะทะลงมาที่ผิวแก้มก่อนจะจูบลงมาอย่างอ่อนโยนปลายลิ้นร้อนค่อยๆลุกล้ำเข้ามาเกี่ยวกระกวัดเรียวลิ้นของผมสัมผัสเนิบช้าไม่เร่งรีบเหมือนค่อยๆสำรวจและดูดกลืนทุกอย่างที่เป็นของผม สัมผัสวาบหวิวค่อยๆพุ่งทะยานจนต้องเกาะเกี่ยวลำคอแข็งแรงเพื่อพะยุงร่างที่กำลังอ่อนระทวย..ยอมแล้ว

“อ่ะ!” เมื่อปลายลิ้นย้ายตำแหน่งจากปากที่กำลังบวมเจ่อของผมมายังหน้าอกที่ขว้างกันเพียงเนื้อผ้าบางเบาที่เปียกชื้น ปลายลิ้นไล่เลียวนยอดอกที่กำลังแข็งเป็นไต เกิดความความรู้สึกเสียวซ่านจนเผลอร้องเสียงน่าอายออกมา


“ที่รัก ผมต้องการคุณ” เสียงกระเส่าปนแหบพล่า บงบอกถึงความอดกลั้นที่กำลังจะสิ้นสุด


“อ่า” สัมผัสจากเรียวลิ้นเริ่มรุนแรงขึ้นตามแรงปรารถนาผมแอ่นอกรับมันอย่างเต็มใจ

 
ไม่รู้อะไรดลใจทำให้ผมคุกเข่าลงแล้วจับส่วนแกนกายที่ขยายตัวจนดูน่าอึดอัดก่อนจะเงยหน้ามองพี่เบิ้มที่ตอนนี้ยืนอึ้งกับการกระทำของผม


“ที่รัก~”


“ผมจะทำให้คุณเอง” ผมตอบด้วยน้ำเสียงมาดมั่นแม้ในใจนั่นสั่นระรัว


สองมือค่อยๆจับแกนกายของพี่เบิ้มขยับขึ้นลงด้วยจังหวะเนิบช้าก่อนจะเพิ่มจัวหวะให้เร็วขึ้น เสียงหอบหายใจหนักห่วงของพี่เบิ้มทำให้ผมได้ใจตัดสินใจครอบครองแกนกายนั้นด้วยปากของตัวเอง


“อ่า..ที่รัก”


พี่เบิ้มเคยทำให้ผม ผมรู้ดีว่ามันรู้สึกดีแค่ไหนมันถึงคราวที่ผมจะทำให้พี่เบิ้มรู้สึกดีบ้าง..
ปากของผมคับแน่นไปด้วยแกนกายของพี่เบิ้มที่ขยายตัวถึงขีดสุด ผมทำทุกอย่างไปตามสัญชาตญาณในเมื่อเป็นผู้ชายเหมือนกันย่อมรู้ดีว่าสัมผัสตรงไหนมันถึงกระสัน ผมดูดดึงแกนกายก่อนจะตวัดปลายลิ้นไล่เลียส่วนปลายที่มีน้ำใสไหลเยิ้มพร้อมกลืนกินโดยไม่นึกรังเกียจ ทุกการกระทำของผมล้วนอยู่ในสายตาของพี่เบิ้มที่จ้องมองผมตาไม่กระพริบราวกับได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก


“คุณชอบมันไหม”


“ผมชอบมันที่รัก อ่า” พี่เบิ้มเสยผมที่เปียกลู่พร้อมกับก้มมองผมอีกครั้งก่อนจะจับศีรษะของผมให้ขยับเข้าออกตามแรงปรารถนาของตัวเอง..ลึก มันเกินลึกไป


“อ๊อก แค่กๆ” เสียงสำลักคล้ายกับจะสำรอกออกมาเมื่อแกนกายของพี่เบิ้มเข้าไปลึกจนสุดในโพรงปาก


“ที่รัก..พอแล้วครับเดี๋ยวผมจัดการเอง” แววตานั้นคล้ายขอโทษก่อนจะพยุงผมลุกขึ้น


“ไม่เป็นไรผมจะทำให้คุณเสร็จเอง” มาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องไปให้สุด


“ทำด้วยกันครับ” เสื้อผ้าเปียกชื้นของผมถูกถอดออกอย่างคล่องแคล่วด้วยมือขวาเพียงข้างเดียวของพี่เบิ้ม


“เดี๋ยว แขนคุณ!” ผมตัวลอยเคว้งเมื่อถูกอุ้มโดยคนแขนเดี้ยง


“ตัวคุณน่ะเบาหวิว แค่นี้แขนผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ”


พี่เบิ้มวางผมลงบนเตียงก่อนจะขึ้นมาทาบทับแล้วละเลงจูบไปทั่วไปหน้า มือข้างขวาที่ไร้เฝือกลูบไล้ไปทั่วร่างก่อนจะหยุดลงตรงแกนกายของผมที่กำลังแข็งตัว


“ผะ ผมอยากทำให้คุณด้วย”


“ที่รัก คุณรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้คุณกำลังทำหน้าแบบไหน”


“แบบไหน?”


“เซ็กซี่เกินไปแล้ว!” จากนั้นพี่เบิ้มก็หมุนตัวเองหว่างขาของเราจึงอยู่ตรงหน้าของกันและกันก่อนจะพลิกตัวเองอย่างรวดเร็วสลับตำแหน่งให้ผมอยู่ด้านบน


“...” ผมเริ่มเงอะงะ ต้องทำไงต่อเล่า


“จัดการผมต่อได้ตามสบายเลยครับ”


“อ๊ะ” เมื่อผมยังนิ่ง พี่เบิ้มจึงนำร่องให้ก่อนโดยครอบครองแกนกายของผมด้วยปากก่อนจะดูดดึงไล่เลียจนเสียวซ่านไปทั้งร่าง ผมจึงจัดการแกนกายของพี่เบิ้มให้ไม่ต่างกับที่ผมได้รับการปรนเปรอ


“คุณชอบมันไหมที่รัก” พี่เบิ้มถามด้วยเสียงกระเส่า


“ชะ ชอบผมชอบมัน”


“ผมจะทำให้คุณรู้สึกดีกว่านี้ที่รัก” จากนั้นลิ้นของพี่เบิ้มก็ไล่รามลงมาตรงช่องทางข้างหลังของผมก่อนลิ้นร้อนจะไล่เลียวนตรงสัมผัสนุ่มหยุ่น


“อ๊ะ”


“ผมจะเอานิ้วเข้าไปนะที่นะรัก”


“ไม่! เดี๋ยวก่อนผมยังไม่พร้อม”


“แค่นิ้วที่รัก ไม่มีมากกว่านั้นผมสัญญา”


“...”


“ผมจะทำให้คุณค่อยๆชินกับสัมผัสของผมที่รัก”


“มะ มันจะไม่เจ็บใช่ไหมครับ” ผมถามออกไปด้วยความกลัว


“ไม่ที่รัก คุณจะโอเคกับมันเชื่อใจผม”


“อะ..โอเค” สักวันผมก็ต้องเป็นของพี่เบิ้มอยู่ดี..ไม่รู้ด้วยแล้ว ผมหลับตาปี๋รอรับสัมผัสจากพี่เบิ้ม

นิ้วของพี่เบิ้มนวดคลึงที่ช่องทางด้านหลังก่อนจะค่อยๆสอดนิ้วยาวเข้ามาจนสุดนิ้วแล้วขยับเข้าออกช้าๆ


“อึก”


“เจ็บไหมที่รัก” น้ำเสียงนั้นกังวลไม่น้อยแม้จะบอกให้ผมเชื่อใจก็ตาม


“ไม่ครับ แต่มันแปลกๆ”


“โอเค ผมจะค่อยๆใส่เข้าไปอีกนิ้วนะครับ”


“อื่อ” มันอึดอัดแปลกๆ


“ผ่อนคลายที่รัก..good boy”


พี่เบิ้มเพิ่มนิ้วเข้าไปอีกหนึ่งนิ้วจากนั้นก็เพิ่มจังหวะขยับนิ้วเข้าออกช้าๆก่อนจะเพิ่มจังหวังถี่รัว ปากก็ยังปรนเปรอแกนกายของผมขึ้นลงไม่หยุด ส่วนผมก็ไม่ลืมหน้าที่ตัวเองปรนเปรอให้พี่เบิ้มไม่หยุดเช่นกัน..ความอึดอัดในคราแรกแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านอย่างน่าประหลาด


“อาาา”


“อ๊ะะ”


เสียงครางกระเส่าของผมและเสียงหายใจอันหนักหน่วงของพี่เบิ้มดังปนกันไปทั่วห้อง


“อ๊ะ คุณ  ผมจะถึง” ความเสียวซ่านแปลกใหม่ที่ผมได้รับกำลังจะถึงฝั่งฝัน


“cum with me baby”


“อะ..อ้าาาาา” ร่างผมกระตุกไปทั้งร่างก่อนที่ของเหลวสีขาวจะพวยพุ่งออกมาในหัวสว่างวาบขาวโพลนไปหมด..ยิ่งกว่านั้นผมเสร็จในปากพี่เบิ้ม..
พี่เบิ้มกลืนกินน้ำของผมเข้าไปอย่างไม่รังเกียจก่อนจะพลิกตัวแล้วหมุนตัวมาหาผมที่นอนอ่อนระทวย จูบพรหมไปทั่วใบหน้าพร้อมกับบอกรักผมไม่หยุด จากนั้นพี่เบิ้มก็จัดการกับแกนกายของตัวเองก่อนที่ของเหลวสีขาวจะพวยพุ่งเปรอะเปื้อนที่หน้าอกของผม..อยากจะขอโทษพี่เบิ้มที่ต้องเสร็จด้วยตัวเอง แต่ผมนั้นมันไม่ไหวจริงๆ..ระทวยเหี้ยๆ





     เช้าวันที่สองในอังกฤษกับแสงแดดยามเช้าอันสดใส..สดใสกับผีน่ะสิ!

ให้ตาย..ผมดันไข้ขึ้นซะงั้น หน้าท้องก็ปวดเกร็งไปหมด อยากจะลุกไปฟาดอิงลิชเบรคฟาสต์ที่ตั้งใจไว้ว่าเช้านี้จะจัดให้เต็มท้อง แต่ต้องมานอนเดี้ยงอยู่บนเตียงโดยมีคนแขนเดี้ยงพยาบาลหยอดข้าวหยอดยาอยู่ไม่ห่าง

อยากจะหัวเราะเป็นภาษามนุษย์ต่างดาวพลูโต นี่แค่โดนนิ้วของพี่เบิ้มผมยังไข้ขึ้นง่อยแดกขนาดนี้ ถ้าโดนอีงูหลามเผือกของมันเข้าไปทั้งดุ้นผมจะไม่ตายใช่ไหม?!



..พระเจ้าโปรดคุ้มครองลูกด้วย  อาเมน







 TBC.

…………………………………………………….


 หายไปนานอีกแล้ว..บทนี้แอบยาว(เหมือนเก็บกด)

 ขอบคุณที่ยังไม่ลืมพี่เบิ้มกับอีป้าค่ะ^^



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2020 01:32:59 โดย MA_LEE »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
กลับมาแล้ว ทำให้คนอ่านบิดไปมาด้วยความ....
ชอบครอบครัวนี้จัง น่ารักทั้งพ่อและแม่
ดีใจกับป้านตด้วยน้าาาาา
 :กอด1: :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด