CHAPTER
-19-
อวสาน
3 เดือนต่อมา
วันนี้เป็นวันทำบุญครบหนึ่งร้อยวันที่จรัญได้จากโลกนี้ไป หินได้นิมนตร์พระมาที่บ้านตั้งแต่เช้าตรู่ ก่อนที่ทุกคนจะนั่งฟังพระสวดอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน ใช่แล้วทุกคนยังอยู่ที่บ้านหลังนี้แม้กระทั่งเพลินพิศเอง เธอก็ได้รับผลกรรมที่ทำไว้อย่างสาสม จากการตกบันไดในวันนั้นทำให้เธอเป็นอัมพาตไปทั้งตัว ไม่สามารถเดินเหินได้เหมือนแต่ก่อน แถมยังไม่สามารถที่จะพูดคุยกับใครได้อีก ทำได้เพียงส่งเสียงอ้อแอ้ในลำคอและกลอกลูกตาไปมาเพื่อตอบรับเท่านั้นเอง
“เสร็จพิธีแล้วไปลอยอังคารคุณพ่อกับพวกพี่นะน้ำ” หินเอ่ยกับน้องชายที่นั่งอยู่ข้างๆ
“พวกพี่สองคนไปกันเลยครับ ผมขออยู่ดูแลคุณแม่ที่บ้านดีกว่า” เจ้าตัวเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ยิ่งเห็นอย่างนี้เขายิ่งไม่อยากห่างจากแม่แม้แต่วินาทีเดียว
“ให้คนใช้ที่บ้านดูแลแทนก็ได้นี่น้ำ” ไฟเอ่ยกับน้องชาย
“วันนี้คุณแม่อาการไม่ค่อยดีผมอยากเฝ้าท่านด้วยตัวเองมากกว่าครับ ฝากพี่ไฟเป็นตัวแทนส่งคุณพ่อเป็นครั้งสุดท้ายด้วยละกันนะครับ ถึงยังไงผมก็ระลึกถึงท่านเสมอ”
“ถ้างั้นก็ได้พี่จะทำหน้าที่แทนน้ำเอง” เจ้าตัวยิ้มให้น้องชายด้วยความเข้าใจ ตอนแรกเจ้าตัวก็อยากจะเอาเรื่องเพลินพิศให้ถึงที่สุด แต่เห็นสภาพแล้วก็รู้สึกสงสารขึ้นมา โดยเฉพาะน้องชายที่ต้องสูญเสียทั้งพ่อและต้องมาทนเห็นแม่ในสภาพอัมพาตอย่างนี้ยิ่งน่าสงสารเข้าไปใหญ่
ตอนนี้น้ำเองก็สามารถทำใจกับเรื่องราวทั้งหมดได้แล้ว หลังจากวันนั้นเขาก็คิดได้ว่าความอิจฉาริษยานั้นมันไม่มีประโยชน์ใดๆเลย มีแต่จะทำให้ชีวิตย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ เหมือนกับสิ่งที่เขาและแม่ได้รับมันเป็นอะไรที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
“ถึงเวลาแล้วไปกันเถอะไฟ” เมื่อได้ยินหินทักมาแล้ว ไฟก็บอกกับน้องชายทันที
“ไปบอกลาคุณพ่อเป็นครั้งสุดท้ายนะน้ำ”
“ครับพี่ไฟ”
น้ำเดินไปที่ห่ออัฐิของผู้เป็นพ่อก่อนจะก้มลงกราบ
“คุณพ่อครับ...ผมขออโหสิกรรมกับสิ่งที่คุณแม่ทำกับคุณพ่อด้วยนะครับ ผมสัญญาว่าจะคิดดี ทำดี ไม่ทำให้คุณพ่อผิดหวังกับลูกชายคนนี้แน่นอน ผมรักคุณพ่อนะครับ” เจ้าตัวมองอัฐินั้นด้วยแววตาเศร้า
“พี่เชื่อว่าคุณพ่อคงอโหสิกรรมให้คุณน้าแน่นอน คุณพ่อท่านเป็นคนที่ไม่เคยจองเวรใคร น้ำไม่ต้องห่วง” ไฟเดินเข้ามานั่งข้างๆน้องชายแล้วยกมือเรียวลูบที่แผ่นหลังเบาๆ
“ขอบคุณพี่ไฟมากนะครับที่ให้อภัยคุณแม่”
“เรื่องมันเกิดขึ้นแล้วคุณน้าก็ได้รับผลกรรมที่เกิดขึ้นแล้ว พี่ก็ไม่รู้จะจองเวรกันอีกทำไม” เขายิ้มให้กับน้องชาย
“น้ำขอตัวขึ้นไปดูคุณแม่ก่อนนะ เดินทางปลอดภัยนะครับ” เจ้าตัวยิ้มให้แล้วเดินขึ้นไปชั้นบน ส่วนไฟและหินก็เดินทางไปที่สัตหีบเพื่อไปลอยอังคารอัฐิของผู้เป็นพ่อ
*-*-*-*-*-*-*
น้ำเดินเข้าไปในห้องนอนของผู้เป็นแม่แล้วนั่งลงที่ข้างเตียง แล้วจ้องมองบุพการีที่นอนนิ่งอยู่ไม่สามารถขยับเขยื้อนส่วนใดในร่างกายได้เลย แม้แต่ริมฝีปากก็บิดเบี้ยวจนผิดรูป ทว่าทำได้เพียงส่งเสียงร้องที่ไม่เป็นภาษาเพื่อเรียกคนที่ดูแลเท่านั้นเอง น้ำจับมือแม่เอาไว้ก่อนจะเล่าถึงพิธีทำบุญครบร้อยวันของผู้เป็นพ่อให้ฟัง
“ตอนนี้งานทำบุญครบร้อยวันของคุณพ่อเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับคุณแม่ พี่หินกับพี่ไฟนำอัฐิคุณพ่อไปลอยอังคารที่สัตหีบแล้ว คุณแม่ไม่ต้องกังวลนะครับผมขออโหสิกรรมจากคุณพ่อให้คุณแม่เรียบร้อยแล้ว ต่อไปนี้คุณแม่จะได้สบายใจซะทีนะครับ” เขายิ้มให้กับผู้เป็นแม่
“อื้อ อื้อ”
เพลินพิศได้แต่สั่งเสียงร้องในลำคอ มันช่างทรมานมากเหลือเกินที่ไม่สามารถพูดอย่างที่คิดได้ ตอนนี้ความทุกข์ทรมานทำให้เธอเองก็สำนึกผิด นี่คงเป็นผลกรรมที่เธอทำไว้กับทุกคน แต่มันคงจะสายเกินไปสำหรับคำว่าขอโทษที่เธอจะมอบให้ เพราะตอนนี้เธอไม่สามารถพูดมันออกมาได้เลย ทำได้เพียงระบายน้ำตาออกมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความรู้สึกเสียใจ
“วันนี้ผมจะอยู่กับคุณแม่ทั้งวันนะครับ ผมจะอ่านนิยายให้คุณแม่ฟัง วันนี้คุณแม่จะฟังเรื่องอะไรดี” เขาเลือกที่จะอ่านนิยายและข่าวสารบ้านเมืองให้ผู้เป็นแม่ฟังทุกวันเพื่อไม่ให้รู้สึกเหงา นิยายหลายเล่มที่ซื้อมาได้ถูกยกขึ้นโชว์ให้ดู หากเล่มไหนเจ้าตัวถูกใจก็จะส่งเสียงร้องออกมาให้ได้ยิน
“คุณแม่ชอบเรื่องนี้ใช่ไหมครับ” เจ้าตัวถามย้ำอีกครั้งพร้อมกับยกเล่มนิยายให้ดู
“อื้อ อื้อ”
“คุณแม่ตั้งใจฟังนะครับ ผมจะเริ่มอ่านแล้วนะ....”
หลังจากนั้นเจ้าตัวก็เริ่มอ่านนิยายไปเรื่อยๆ ด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่สนุกสนานเพื่อให้ผู้เป็นแม่ไม่รู้สึกเครียด หากวันไหนที่เขามีเรียนก็จะให้คนรับใช้ที่บ้านเป็นคนอ่านให้ฟังแทน น้ำเอาเวลาทั้งหมดในชีวิตทุ่มให้กับการเรียนและดูแลแม่จนไม่มีเวลาคิดเรื่องความรัก จนลืมไปเลยว่ายังมีอีกคนที่รอฟังคำตอบที่เคยให้สัญญากันไว้ในคราวนั้น
*-*-*-*-*-*-*
สัตหีบ ชลบุรี
เมื่อเรือเช่าแล่นมาจอดกลางทะเล พิธีการลอยอังคารก็เริ่มต้นไปเรื่อยๆตามลำดับ จนตอนนี้ถึงขั้นตอนการยืนไว้อาลัยเป็นเวลาหนึ่งนาที ไฟยืนหลับตาในท่าทีสุภาพข้างๆคนรัก หลังจากนั้นก็โยนเงินเหรียญลงไปในทะเลเพื่อซื้อที่ให้กับผู้เป็นพ่อตามความเชื่อ ก่อนจะลงบันไดเรือทางกาบซ้ายแล้วลอยกระทงดอกไม้เจ็ดสี หลังจากนั้นไฟก็อุ้มประครองลุ้งอังคารค่อยๆวางลงบนผิวน้ำ หินเองก็โรยกลีบกุหลาบที่ถูกผสมกับกลีบดาวเรืองลงตามไป
“เกิดชาติหน้าขอให้ผมเกิดมาเป็นลูกชายคุณพ่ออีกนะครับ” เมื่อเสร็จพิธีไฟก็มองไปที่ผืนน้ำทะเลที่เต็มไปด้วยกลีบดอกไม้ลอยเกลื่อนกระจายตัวออกไปเรื่อยๆ
“ผมสัญญาว่าจะดูแลทุกคนในบ้านให้ดีที่สุดครับ” หินเอ่ยหลังจากนั้นก่อนจะหันไปยิ้มให้กับคนรักที่อยู่ในอ้อมแขน
“สัญญาแล้วนะ”
“โดยเฉพาะคนนี้ผมจะรักและดูแลให้ดีที่สุดเลยครับคุณพ่อ”
“ผมก็จะซื่อสัตย์กับพี่หินคนเดียวครับคุณพ่อ”
“สัญญาแล้วนะ” หินถามกลับ
“คร้าบบ กลับกันเถอะ”
หลังจากนั้นทั้งสองก็ขึ้นไปบนเรือแล้วเดินทางกลับ
*-*-*-*-*-*-*
หลายวันต่อมา
หลังจากเจอมรสุมชีวิตมาซะนานตอนนี้คงถึงเวลาแห่งความสุขเสียที ไฟได้จัดปาร์ตี้เล็กๆที่บ้านโดยไม่ลืมที่จะชวนเพื่อนๆรวมถึงโดมมาร่วมงานด้วย งานปาร์ตี้ถูกจัดขึ้นในสวนหน้าบ้าน ไฟแจงให้แม่บ้านเตรียมอาหารมื้อพิเศษไว้ให้กับทุกคน แต่เมนูที่ขาดไม่ได้คือหมูปิ้งสูตรพิเศษที่เขาตั้งใจทำด้วยตัวเองเพื่อทุกคน ตอนนี้แขกทุกคนมาถึงอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันเรียบร้อยแล้ว จะเหลือก็เพียงเจ้าของบ้านที่ยังคงแต่งหล่ออยู่บนห้อง
“เสร็จรึยังครับพี่หิน” ตอนนี้ไฟแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว วันนี้เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบางคู่กับกางเกงขาสั้นพับขึ้นจนเลยหัวเข่าเพียงนิดหน่อย ไม่ต่างจากร่างสูงที่แต่งตัวเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน
“อีกแป๊บนึงนะครับ ผมพี่ยังกระเซอะกระเซิงอยู่เลย ก็เมียไม่ใส่ใจนี่นาปล่อยให้ผัวต้องทำเองทุกอย่าง” เจ้าตัวพูดเหมือนงอนอีกฝ่าย
“มานี่เดี๋ยวเซ็ทผมให้” ไฟยอมเอาใจคนรักด้วยการเดินเข้าไปโอบคอแล้วทำการเซ็ทผมให้ทันที หินมองร่างบางจากในกระจกแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ยิ้มอะไร”
“ก็เห็นเมียรักผัวขนาดนี้จะไม่ให้ยิ้มได้ไง”
“รู้ได้ไงว่ารักมากขนาดไหนอ่ะ” เจ้าตัวถามยิ้มๆ
“จำไม่ได้เหรอเมื่อคืนที่พี่จับกด ตัวเองร้องครวญครางแล้วบอกรักพี่เป็นสิบๆครั้งเลยนะ” หินยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อีกฝ่าย จนทำให้ไฟถึงกับหน้าแดงขึ้นมาทันที
“น่าเกลียด อย่าเอาเรื่องบนเตียงมาพูดแบบนี้อีกนะ”
“พี่ไม่พูดให้ใครฟังหรอกน่า เพราะถ้าใครรู้เข้าว่าเวลาไฟอยู่บนเตียงแล้วขี้อ้อนขนาดไหน อาจจะโดนแย่งไปก็ได้”
“พอๆเสร็จแล้วลงไปกันเถอะเพื่อนๆรอกันนานแล้ว”
“คร้าบบเมียสุดที่รัก”
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เดินจูงมือกันออกจากห้อง ก่อนจะเห็นน้ำเดินออกมาจากห้องนอนของเพลินพิศโดยบังเอิญ
“อ้าว! น้ำทำไมยังไม่เปลี่ยนชุดอีกล่ะ” ไฟเอ่ยถามเมื่อเห็นน้องชายยังคงสวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นตัวเดิมอยู่
“คือน้ำขอตัวไม่ไปนะครับ ขอเฝ้าคุณแม่อยู่ข้างบนดีกว่า พี่ๆตามสบายเลยนะครับ” จริงๆแล้วเขาไม่อยากเจอหน้าโดมนั่นเอง หลังจากแยกกันวันนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกแม้แต่ครั้งเดียว เขาพยายามหลบหน้าชายหนุ่ม ทั้งๆที่โดมเองก็พยายามหาทางเข้าหาอยู่บ่อยครั้ง
ส่วนเรื่องที่โดมเคยล่วงเกินน้ำในวันนั้น เขาได้สารภาพความผิดทั้งหมดกับไฟเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพร้อมที่จะรับผิดชอบและเริ่มต้นใหม่หากน้ำยอมรับในตัวเขา โดมรู้สึกผิดกับเรื่องนี้มาตลอด จนหลังๆมาเริ่มกลายเป็นความคิดถึง ไม่รู้ทำไมแค่คืนเดียวน้ำก็ทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไป ทุกสัมผัสในวันนั้นมันไม่เคยเลือนหายไปจากความคิดได้เลย
“พี่อยากให้น้ำลงไปร่วมงานด้วยนะ มีแต่คนกันเองทั้งนั้น ให้ปิ๋วไปดูแลคุณน้าก็ได้แค่ไม่นาน...นะน้ำ” ไฟตั้งใจให้น้องชายและโดมได้เจอกันเพื่อปรับความเข้าใจ เขาไม่หวังว่าจะให้ทั้งสองคนคบกัน แต่อยากให้โดมได้มีโอกาสได้พูดสิ่งที่อยากจะพูด หากน้ำได้โดมมาดูแลหัวใจจะทำให้เป็นคนที่โชคดีที่สุดคนนึง นั่นเพราะโดมเป็นคนดีและมีความจริงใจ เขาอยากให้ทั้งสองลงเอยกันเป็นที่สุด
“พี่กับไฟจะรอหินในงานนะ” หินบอกกับน้องชายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ครับถ้ายังไงเดี๋ยวน้ำจะตามไป” เจ้าตัวตอบ ก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องนอน
เมื่อเจ้าของบ้านเดินควงคู่เข้ามาในงานก็ได้รับเสียงโห่แซวเสียงดังทันที เพราะวันนี้ทั้งสองได้ใส่ชุดคู่ออกงานเป็นครั้งแรก แถมยังสวีทหวานกว่าทุกครั้งที่เคยเห็นมา
“มาซะทีนะสองผัวเมียเนี่ย” ปลาเอ่ยแซวในมือก็ถือแก้วไวน์ชั้นเลิศอยู่ตลอดเวลา
“โทษทีนะแต่งตัวนานไปหน่อย” ไฟยิ้มเขินๆให้กับทุกคน
“แต่งตัวหรือทำอะไรกันจ๊ะ” วีมองทั้งสองคนสลับไปมาด้วยรอยยิ้มกวนๆ
“ก็ไฟนั่นล่ะที่อ้อนพี่ไม่เลิกเลยจัดให้ซะหนึ่งดอก” เจ้าตัวได้ยินก็ถึงกับกำหมัดชกไปที่ต้นแขนทันที
“ไอ้คนขี้โกหกใครเค้าทำอย่างนั้น”
“มึงอย่ามาทำเป็นอายเลยไฟคนกันเองทั้งนั้น” วีเอ่ยแซวอีกครั้ง
“มึงก็อีกคนจะเข้าข้างกูหรือคนอื่น”
“กูอยู่ข้างมึงนั่นล่ะ แต่หูเบาเชื่อพี่หินไปหน่อยเท่านั้นเอง ฮ่าๆๆ” วีหัวเราะออกมา
ระหว่างนั้นโดมเอาแต่ส่องเข้าไปในตัวบ้าน เหมือนกำลังมองหาใครบางคนอยู่ ไฟเห็นอย่างนั้นก็รู้ทันทีว่าเจ้าตัวกำลังอยากเจอน้องชายของตัวเอง
“พี่โดมมองหาใครอยู่เหรอครับ”
“เอ่อ...เปล่าไม่มีอะไร” เจ้าตัวทำหน้าเหรอหราเมื่อโดนจับผิดได้
“อีกสักครู่น้ำก็จะลงมาแล้วครับ” ไฟรู้ทันว่านี่คือคำตอบที่โดมอยากได้ยิน
“ออ...เหรอ” โดมไม่ได้ว่าอะไรมากเพียงแค่เออออตามเท่านั้น
ทั้งหมดนั่งร่วมโต๊ะทานมื้อเย็นที่สุดแสนจะพิเศษกันอย่างสนุกสนาน ไม่นานหลังจากนั้นน้ำก็เดินลงมาร่วมงาน คนที่มองไปเป็นคนแรกนั่นไม่ใช่ใครนอกจากโดม นี่เป็นการเจอกันครั้งแรกในรอบสามดือนของทั้งสองคน
“น้ำ มานั่งตรงนี้เร็ว” ไฟเรียกน้องชายเข้ามานั่งข้างๆซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโดม
“ครับ” น้ำนั่งลงแล้วเอาแต่ก้มหน้า ไม่กล้าสบตากับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“น้องน้ำเต็มที่เลยนะจ๊ะ”
“ครับ” เจ้าตัวตอบรับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ตอนนี้ทั้งวีและปลาเองก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ไม่ได้โกรธหรือเกลียดน้องชายเพื่อนเหมือนแต่ก่อนแล้ว
โดมพยายามจะสบตาคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าแต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมให้มีโอกาสนั้นเลย เขานั่งถอนหายใจอยู่หลายครั้งก่อนจะทนไม่ไหว
“น้ำ! ขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ”
ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียวกัน รวมถึงเจ้าตัวที่เงยหน้าขึ้นไปสบตาเป็นครั้งแรก
“น้ำไปคุยกับพี่โดมหน่อยนะ ก่อนหน้านี้พี่เค้าก็เอาแต่มองหาน้ำ สงสัยมีเรื่องสำคัญจะพูดด้วย” ไฟบอกกับน้องชาย
“ก็ได้ครับ” เจ้าตัวตอบรับแต่โดยดี
หลังจากนั้นเจ้าตัวก็เดินตามหลังโดมไปไม่ไกลจากบริเวณงานปาร์ตี้มากนัก ก่อนจะหยุดตรงที่ลับตาคน พอที่จะให้พูดคุยเป็นการส่วนตัวได้
“มีอะไรก็ว่ามา” น้ำเป็นคนเอ่ยขึ้นก่อน หลังจากต่างคนต่างเงียบมาสักพัก
“ตกลงเรื่องของเราจะเอายังไง” โดมจ้องคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่จริงจัง
“ไม่เอายังไงทั้งนั้น ต่างคนต่างอยู่ก็ดีแล้ว ฉันไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้อีกแล้ว เพราะต้องเอาเวลาไปดูแลแม่ นายไม่ต้องไปสนใจเรื่องที่มันผ่านมาหรอก ฉันลืมมันไปหมดแล้ว” น้ำตัดสินใจบอกชายหนุ่มด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“แต่ฉันไม่มีทางลืมมันได้!” โดมตวาดลั่นจะให้เขาลืมไปได้ยังไง ในเมื่อผ่านมาสามเดือนแล้วแต่ใบหน้าของน้ำก็ยังคงวนเวียนในหัวเขาไม่หาย แทนที่มันจะเป็นภาพไฟในนั้นแต่ไม่ใช่เลย
“พอได้แล้ว! เรื่องของเรามันไม่ได้มีอะไรตั้งแต่ต้น นายจะทำอย่างนี้เพื่ออะไร” น้ำพูดแค่นั้นก็เดินหันหลังกลับไป แต่โดนร่างสูงรั้งที่เอวคอดแล้วกระชับกอดจากด้านหลังเอาไว้
“เพราะตอนนี้นายมีอิทธิพลกับหัวใจฉันไงล่ะ มันอาจจะยังไม่ใช่ความรักแต่ ฉันมั่นใจว่าอีกไม่นานมันจะใช่หากนายให้โอกาสฉันอีกสักครั้ง” โดมพร่ำบอกคนที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยน้ำเสียงสั่นเคลือ
“ถ้านายทนนิสัยฉันได้ก็...ลองดูละกัน”
“จริงๆนะ” โดมยิ้มด้วยความดีใจ
“อื้ม” คนที่อยู่ในอ้อมกอดอมยิ้ม แม้ตอนนี้เขาจะยังไม่ได้รักโดมแต่หากมีคนที่คอยดูแลเอาใจใส่อยู่ข้างกายในเวลาเช่นนี้ อย่างน้อยมันก็ช่วยให้เขาไม่รู้สึกเหงาเหมือนที่ผ่านมา และหากในอนาคตมันจะพัฒนาไปมากกว่านี้หรือไม่ก็สุดแท้แต่วาสนาก็แล้วกัน
หลังจากเคลียร์ปัญหากันได้เรียบร้อยแล้ว น้ำและโดมก็กลับมาที่งานปาร์ตี้อีกครั้ง
“อ้าวกลับมากันแล้วเหรอ ทำไมพี่โดมดูหน้าตาสดใสขึ้นจังคะ มีอะไรดีๆรึเปล่าน้า” ปลาเอ่ยแซว
“ไม่มี้” เจ้าตัวยิ้มแป้นก่อนจะขยับเก้าอี้ให้กับน้ำ แล้วกลับมานั่งที่ตัวเอง
“ทำไมต้องขึ้นเสียงสูงด้วยล่ะพี่ แถมยังขยับเก้าอี้ให้กันอีกด้วย แนะๆๆมีอะไรดีๆไม่บอกน้องเลยนะ” ยิ่งเห็นอย่างนั้นวียิ่งไม่สามารถห้ามปากตัวเองได้เลย
“พอได้แล้วพวกมึงสงสารน้องกูมั่ง อายจนหน้าแดงไปหมดแล้วเนี่ย” ไฟมองหน้าน้องชายตัวเองแล้วก็พอจะเดาอะไรออก ทั้งสองคงลงลอยกันได้แล้วสินะ เขายิ้มด้วยความดีใจอย่างน้อยในอนาคต คงมีคนที่ไว้ใจได้ดูแลน้องชายของตัวเองแล้ว
“ไหนๆก็มากันครบแล้ว เอ้าชนแก้วกันหน่อย!” หินยกแก้วไวน์ขึ้นก่อนใคร
แกร๊ง!
“ขอบคุณสำหรับมิตรภาพดีๆที่มีให้กูเสมอมานะพวกมึง” ไฟเอ่ยกับเพื่อนรักทั้งสอง
“อย่ามาทำเป็นซึ้ง เพื่อนกันยังไงก็ต้องอยู่ข้างกันเสมอนี่หว่า” วีบอกกับเพื่อน
“แต่มีเรื่องนึงที่กูไม่พอใจมึง” ปลาทำแก้มป่องราวกับมีเรื่องงอนเพื่อนรัก
“อะไรอีกวะอีปลา” ไฟถามเพื่อนเสียงห้วน
“กูไม่พอใจที่มึงได้ผัวก่อนพวกกู มันไม่ยุติธรรมเลยว่ะ” เจ้าตัวเปลี่ยนท่าทีเป็นยิ้มกวนๆ
“กูไม่ได้อยากมีซะหน่อย แต่คนบางคนอยากได้กูเองนี่หว่า” ไฟโบ้ยให้คนที่นั่งข้างๆเป็นคนตอบ
“จริงรึเปล่าพี่หิน” ปลาหันไปถามหินแทน
“ไม่จริ้ง คนบางคนอ่อยพี่เองต่างหาก ตอนแรกก็วางแผนทำเป็นร้ายกาจใส่ เพราะอยากให้พี่ตอบโต้ด้วยการจูบ หลังจากนั้นก็มาขโมยหัวใจพี่ไป ไหนใครที่บอกว่าไม่ได้อยากมีผัว..ฮึ” หินทำหน้ากวนใส่คนรักที่นั่งอยู่ข้างๆ คนอื่นๆต่างก็อมยิ้มให้กับความน่ารักของทั้งคู่
“คนอะไรชอบพูดเข้าข้างตัวเอง ชิส์” ไฟสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง
“อ้าวงอนๆแล้วพี่หินทำไงทีนี้” ปลาเหมือนชงให้อีกฝ่ายง้อ
“พี่มีวิธีคอยดู” หินทำหน้าเจ้าเล่ห์ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ แล้วเอามือจี้ที่เอวของอีกฝ่าย มีหรือที่ไฟจะทนได้ เจ้าตัวรู้สึกจั๊กจี้แล้วหันหน้ามาจะด่าอีกฝ่ายแต่กลับโดนริมฝีปากประกบจูบทันที
ฮิ้ววววว!!!
ไฟพยายามผลักอกแกร่งให้ออกห่างแต่หินไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่นอน มือหนาจับที่ต้นคอร่างบางเอาไว้แน่นไม่ให้หนีไปไหนได้ คราวนี้ล่ะ...
ทุกคนจะได้รู้ว่าเขารักเจ้าไฟร้ายคนนี้มากแค่ไหน
-จบบริบูรณ์-
ขอจบในตอนนี้นะครับ หากมีตอนต่อไปคงจะเป็นตอนพิเศษ ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้กันมาตลอดนะครับ ฝากติดตามเรื่องต่อๆไปด้วยนะครับ หากมีอะไรผิดพลาดคนเขียนต้องขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วยน้าาาา
รักคนอ่านทุกท่านจ้า