CHAPTER
-03-
วันแรกของเด็กฝึกงาน
[/b]
ไฟรู้สึกหิวในช่วงดึกจึงเดินออกมาจากห้องเพื่อลงไปหาอะไรรองท้องที่ห้องครัว แต่บังเอิญได้ยินเสียงน้องชายต่างมารดาดังแว่วเข้าหู ก่อนจะหลบตัวที่มุมห้องเพื่อแอบฟังอย่างตั้งใจ
“พี่หินครับ!”
“มีอะไรรึเปล่าน้ำ?” หินกำลังจะเดินเข้าไปในห้องนอนจำต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียก แล้วหันไปยิ้มให้น้องชายที่สุดแสนจะเรียบร้อยและน่ารักอย่างอ่อนโยน
“คือ...น้ำขอถามอะไรหน่อยครับ ตอบตามความจริงนะครับพี่หิน” ท่าทางลังเลของน้ำทำให้คนที่กำลังฟังถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากัน
“ว่ามาสิ”
“พี่หินคิดยังไงกับพี่ไฟครับ ผมเห็นพี่หินกับพี่ไฟ...เอ่อ...จูบกันเมื่อวันก่อน” น้ำก้มหน้าเอ่ยคำถาม เขาคิดมากจนจะเป็นบ้าถ้าไม่ได้ถามวันนี้คงจะอกแตกตายอย่างแน่นอน ความรักที่มีให้หินนั้นมันมากมายเหลือเกิน ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีผู้ชายคนไหนที่สามารถเข้ามาอยู่ในหัวใจของน้ำได้เลย มีเพียงผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้คนเดียวเท่านั้น แค่เห็นหินจูบกับไฟเมื่อวันก่อนหัวใจก็แทบแหลกสลายเป็นผุยผง
หินทำหน้าไม่ถูกเมื่อเจอคำถามแทงใจอย่างนี้ ไม่ใช่หินไม่รู้ว่าน้ำชอบตัวเองแต่เขาคิดกับน้ำแค่น้องชายเท่านั้น บางทีมันก็ยากที่จะปฏิเสธเพราะกลัวว่าอีกคนจะเสียใจแต่ถ้าไม่บอกตอนนี้ เขาก็กลัวว่าน้ำจะคิดไปเองฝ่ายเดียวจนไม่เปิดใจให้ใคร ซึ่งมันไม่ดีแน่ถ้าเป็นอย่างนั้น
“พี่ไม่ได้คิดอะไรกับไฟทั้งนั้น ที่น้ำเห็นมันเป็นแค่การลงโทษเล็กๆน้อยๆคนอย่างไฟถ้าพี่ไม่ทำอย่างนั้นก็คงจะไม่ยอมหยุด พี่คงรักคนอย่างนั้นไม่ลงหรอกครับ” หินตอบ
เมื่อได้ยินน้ำก็ยิ้มออกมาทันที เขาจ้องหน้าชายหนุ่มด้วยความดีใจอย่างน้อยมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด
“น้ำดีใจที่พี่หินตอบอย่างนี้”
“น้ำ....” หินถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเอ่ยกับคนที่อยู่ตรงหน้า “ถึงแม้พี่จะไม่ได้รักไฟแต่พี่ก็คงรักน้ำเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากความเป็นพี่น้อง พี่รักน้ำเหมือนกับน้องชายคนนึงเท่านั้น พี่อยากให้น้ำเปิดใจให้กับคนอื่นดูบ้าง ถ้าน้ำยังคงยึดติดกับพี่มันจะเป็นการปิดโอกาสตัวเองนะครับ”
“ทำไมพี่รักน้ำไม่ได้? ทำไม? ฮึก” คนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับน้ำตาซึมออกมาทันที น้ำรู้สึกเหมือนมีคนเอามีดมากรีดที่หัวใจมันเจ็บปวดมากเหลือเกิน
“พี่ขอโทษ...น้ำอย่าร้องสิครับ” หินเอื้อมมือจะเช็ดน้ำตาให้กับน้องชาย แต่เจ้าตัวกลับขยับตัวหนี
“น้ำเกลียดพี่หิน! น้ำเกลียดพี่หิน!” หลังจากตะโกนใส่หน้าแล้วก็รีบวิ่งเข้าไปที่ห้อง
“น้ำเดี๋ยวก่อน!” หินทำได้แค่เพียงตะโกนตามหลังไปอย่างรู้สึกผิด แต่มันก็ดีแล้วที่เป็นอย่างนี้ทุกอย่างมันจะได้กระจ่างเสียที
ไฟที่แอบฟังอยู่ก็เดินเข้ามาหาคนตัวโตทันที
“รู้สึกผิดมากเลยเหรอ? ตามไปสิ” ไฟเอ่ยถามพร้อมกับเบ้ปากใส่อย่างไม่ยี่หระ เขารู้สึกสะใจมากจริงๆที่เรื่องมันเป็นอย่างนี้ เพลินพิศจะรู้ไหมนะว่าคนที่เธอหมายจะให้แต่งงานกับลูกชาย ไม่ได้พิศวาสลูกของเธอเลยแม้แต่น้อย
“นายนี่ไม่มีมารยาทเอาซะเลย!” หินว่าให้เมื่อรู้ว่าไฟแอบฟังที่เขาและน้ำพูดกันเมื่อสักครู่
“แล้วไงใครแคร์ ถ้าไม่แอบฟังก็ไม่รู้สิว่าน้องชายหน้าโง่มันรักนายขนาดนี้ ทำไมไม่สงเคราะห์มันไปสักครั้งสองครั้งล่ะ รู้สึกสมเพชจริงๆ” เขาแสยะยิ้ม
“นายนี่เลวจนไม่รู้จะเอาอะไรมาเปรียบเทียบเลยจริงๆ ที่พูดถึงอยู่นั่นน้องชายของนายนะ”
“ฉันไม่นับว่ามันเป็นน้องมันก็ไม่ต่างจากแม่ของมัน ที่นี่ไม่มีใครรักและหวังดีกับฉันซักคน แล้วทำไมฉันจะต้องแคร์พวกมันด้วยล่ะ” ไฟตอบด้วยสีหน้าจริงจัง เขาอยู่ที่นี่เหมือนอยู่ตัวคนเดียวทั้งๆที่มีผู้คนรายล้อม แม้กระทั่งผู้เป็นพ่อก็ไม่ได้ใส่ใจเขามากมายนัก นับประสาอะไรกับคนอื่นๆที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน
“ว่าแต่คนอื่นต่ำ ไม่เคยดูตัวเองเลยว่าต่ำขนาดไหน นายนี่ไม่น่าเกิดมาเป็นลูกคุณพ่อเลยจริงๆ” ไฟส่ายหัวให้กับความร้ายกาจของน้องชายต่างสายเลือด
“ใช่สิก็ฉันไม่ใช่คนโปรดอย่างนายนี่ ขนาดเป็นลูกคนใช้คุณพ่อยังโปรดปรานขนาดนี้ ถ้าเป็นลูกจริงๆคงจะประเคนทุกอย่างให้หมดเลยสินะ” ไฟเอ่ยประชดประชัน
“นายอิจฉารึไง?” หินเอ่ยพร้อมกับค่อยๆเดินเข้าไปหาแล้วจับที่ต้นแขนดึงตัวเข้ามาหาตัวเอง
“ไม่เลยสักนิด ฉันไม่มีทางอิจฉาลูกคนชั้นต่ำอย่างนายหรอก” ไฟจ้องหน้าอย่างไม่ลดละ
“สงสัยจะติดใจรสจูบของพี่สินะถึงได้ปากดีอย่างนี้” หินมองที่ริมฝีปากบางอย่างสนใจ เขาจงใจจะแกล้งให้อีกคนรู้สึกกลัว แต่ไม่มีทางที่คนอย่างไฟจะกลัวอย่างที่เขาคาดหมายเอาไว้
“คนอย่างนายมันก็ทำได้แค่รังแกคนอื่น” พูดจบไม่ถึงวินาทีไฟก็ตีเข่าไปที่กลางเป้าของหินทันที
“โอ๊ย! เชี่ยยย” หินร้องขึ้นเสียงดังพร้อมกับเอามือกุมที่น้องชายเอาไว้ มันจุกจนเขาต้องนั่งคุกเข่าลงที่พื้นก่อนที่ไฟจะง้างมือเรียวฟาดไปที่ใบหน้าอีกครั้ง
เพี๊ยะ!
“นี่สำหรับที่นายเคยทำอะไรฉันไว้ คนอย่างฉันฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ จำไว้!” ร่างบางชี้หน้าชายหนุ่มที่กำลังนั่งกุมเป้าพร้อมกับทำหน้าเหยเกอยู่บนพื้น หลังจากนั้นก็เดินลงข้างล่างไป
“นายเจอดีแน่ไฟ” หินมองตามหลังไปด้วยความเจ็บใจ เขาไม่น่าเสียท่าให้กับผู้ชายตัวเล็กๆคนนี้เลย มันน่าอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีเสียจริงๆ
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
@ บริษัทศิริกรโสภณ
วันนี้เป็นวันแรกที่ไฟต้องเข้ามาฝึกงานที่บริษัท หินนั่งรออยู่ในห้องทำงานอย่างหงุดหงิดเพราะตอนนี้ก็ล่วงเลยเวลาเข้างานมานานแล้วแต่เด็กฝึกงานกลับยังไม่มีวี่แววจะเข้ามาสักที ทั้งๆที่เมื่อเช้าเขาเห็นไฟขับรถออกมาจากบ้านก่อนใคร
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูห้องทำให้หินหลุดจากภวังค์แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองที่ต้นเสียง
“คุณหินคะเด็กฝึกงานคนใหม่มาถึงแล้วค่ะ” เลขาสาวสวยหน้าห้องเข้ามาแจ้ง
“ให้เข้ามาได้”
“ค่ะ”
หลังจากนั้นไม่นานไฟก็เปิดประตูเข้ามายืนมองหน้าอย่างไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย
“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ทำไมถึงมาเอาป่านนี้” หินเอ่ยกับเด็กฝึกงานคนใหม่ด้วยสีหน้าจริงจัง
“แล้วไงพ่อฉันเป็นเจ้าของที่นี่จะเข้าตอนไหนก็ได้ป่ะ” ไฟยืนกอดอกตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจ
“ทุกคนที่นี่ต้องอยู่ในกฎระเบียบของบริษัท ไม่เว้นแม้กระทั่งพี่หรือคุณพ่อ ถึงแม้นายจะเป็นแค่เด็กฝึกงานก็ต้องทำตามกฏระเบียบ แค่นี้คิดเองไม่เป็นรึไงห๊ะ!”
“ก็ฉันอยากจะทำแล้วจะทำไม” ร่างบางเบ้ปากใส่อย่างได้ไม่สนใจคำพูดของหินเมื่อสักครู่เลยแม้แต่น้อย
“วันนี้วันแรกพี่จะอนุโลมให้แต่ถ้ามีครั้งหน้าอีกนายโดนดีแน่” หินชี้หน้าเจ้าตัวคาดโทษเอาไว้ เขาต้องข่มอารมณ์โมโหเอาไว้เพราะดูท่าแล้วคงจะเจอแบบนี้อีกบ่อยๆมันจะได้ชิน
ไฟไม่ได้โต้ตอบอะไรเขาเพียงแค่กรอกลูกตาไปมาพร้อมกับเบ้ปากยืนอยู่อย่างนั้น
“นั่งลงก่อนสิพี่จะสั่งงาน” เขาสั่งเมื่อเห็นไฟไม่มีทีท่าว่าจะยอมนั่งลงง่ายๆ
ไฟยอมนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของหินอย่างเสียมิได้ ก่อนที่เจ้าของห้องจะเดินถือแฟ้มอ้อมมาหลังเก้าอี้ที่ไฟนั่งอยู่แล้ววางลงแฟ้มบนโต๊ะเสียงดัง
“อ่านซะ” เขาเอ่ยแล้วก้มโค้งลงมากักตัวหนุ่มน้อยเอาไว้ด้วยวงแขนแกร่งที่ข้างหนึ่งค้ำอยู่บนโต๊ะ และอีกข้างที่ค้ำอยู่บนพนักเก้าอี้
“จะอ้อมมาเพื่อ? ออกไปดิ๊” ไฟเอี้ยวตัวมาผลักอกแกร่งให้ออกห่างจากตัวเอง แต่มีหรือที่หินจะยอมให้มันเป็นอย่างนั้น เมื่อคืนเขายังไม่ได้ชำระความกับเด็กน้อยคนนี้เลย
“สอนงานไงนั่งอยู่เฉยๆไม่งั้นพี่จะจูบจรงๆด้วย เมื่อคืนยังไม่ได้ชำระความเลยนะ” หินส่งสายตาพิฆาตมาจนคนที่อยู่ในวงแขนแกร่งต้องยอมนิ่งแต่โดยดี
“นี่นายกำลังคุกคามฉันอยู่นะ”
“ใครบอกมันเป็นวิธีการสอนงานของพี่เอง” หินยกยิ้มที่มุมปาก
“คงจะทำกับเด็กฝึกงานบ่อยๆล่ะสิ สงสารคุณพ่อจริงๆที่ไว้ใจคนอย่างนี้”
“คนอื่นไม่ได้ดื้ออย่างนี้นายคือคนแรกที่พี่ต้องใช้วิธีนี้เข้าใจนะ”
“โกหก” ใบหน้าบูดบึ้งเอ่ยออกมาเบาๆก่อนจะนั่งมองดูแฟ้มที่วางอยู่บนโต๊ะ หากจะมองไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มก็คงไม่ได้เพราะอยู่ห่างกันเพียงแค่คืบเท่านั้น
“นี่เป็นเอกสารที่เลขาจะเอามาให้พี่เซนต์ทุกๆวัน ต่อไปนี้จะเป็นหน้าที่ของนายต้องตรวจก่อนที่จะเอามาให้พี่เซนต์” หินเอ่ย
“แล้วฉันจะรู้ได้ไงว่ามันผิดตรงไหน ก็เพิ่งมาทำงานวันแรกนี่” ไฟเอ่ยถามแล้วหันหน้าไปมองชายหนุ่ม เขาลืมไปว่าตอนนี้ใบหน้าทั้งสองห่างกันแค่นิดเดียว ทำให้จมูกของทั้งสองสัมผัสกัน สายตาที่จ้องกันอย่างไม่ได้ตั้งใจมันเหมือนมีมนตร์วิเศษที่ไม่อาจจะละสายตาไปได้
หินรู้สึกแปลกที่อยู่ๆหัวใจก็เต้นแรงผิดจังหวะ ทำไมในดวงตาคู่นี้มันมีแรงดึงดูดมากขนาดนี้ ทำไมกลิ่นตัวของคนที่อยู่ตรงหน้ามันถึงได้หอมหวลชวนน่าสัมผัสมากเหลือเกิน
“ทำไมไม่ตอบล่ะ?” เสียงของไฟทำให้สติของหินกลับคืนมาก่อนจะผละตัวออกไป
“เอ่อ...อ่านๆไปถ้าสงสัยตรงไหนก็มาถามพี่ละกัน เอาแฟ้มไปนั่งอ่านตรงนั้นก่อนไป” เขาชี้ไปที่โซฟามุมห้อง
ไฟมองหน้าอย่างไม่เข้าใจก่อนจะถือแฟ้มเดินไปนั่งที่โซฟา ส่วนหินก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะเหมือนเดิม เขาพรูลมออกจากปากหลายต่อหลายครั้งเพื่อทำใจให้เป็นปกติ ทำไมอยู่ๆถึงได้เป็นอย่างนี้นะทั้งๆที่แต่ก่อนถึงขั้นจูบแต่ก็ยังรู้สึกเฉยๆ แต่นี่แค่จ้องตาในระยะประชิดครั้งเดียวเหมือนกับต้องมนตร์ซะอย่างนั้น ‘นายทำอะไรใส่ฉันนะไฟ’ หินได้แต่คิดในใจ
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงประตูดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่หินจะมองไป และพบว่าเป็นท่านประธานของบริษัทนั่นเองที่กำลังเดินเข้ามา หินลุกขึ้นยืนแล้วยกมือขึ้นไหว้
“คุณพ่อมีอะไรรึเปล่าครับถึงได้มาที่ห้องด้วยตัวเอง” เขาเอ่ยถามแต่สายตาของผู้เป็นพ่อกลับมองไปที่เด็กฝึกงานคนใหม่
ไฟมองผู้เป็นพ่อแวบนึ่งก่อนจะก้มหน้าทำเป็นอ่านเอกสารในแฟ้มอย่างตั้งใจ เขาขี้เกียจจะคุยกับพ่อของตัวเองซะเต็มประดา
“เป็นไงบ้างหินเด็กฝึกงานคนใหม่” จรัญเอ่ยถามลูกชาย
“วันแรกก็มาสายแล้วครับคุณพ่อ แต่ผมได้ตักเตือนเรียบร้อยแล้วครับ”
“จัดการได้ตามสบายเลยนะพ่ออนุญาต เด็กฝึกงานก็คือเด็กฝึกงานจะไม่มีอภิสิทธิ์เหนือกว่าใครๆทั้งนั้น พ่อฝากด้วยนะ” เขารู้ดีว่าลูกชายคงไม่อยากจะพูดด้วยสักเท่าไหร่ จึงได้แต่เอ่ยกับหินแต่จุดประสงค์ก็เพื่อให้ลูกชายตัวดีได้ยินไปด้วย
“ครับคุณพ่อ ผมจะดูแลให้ดีที่สุดเลยครับ” หินเน้นเสียงประโยคสุดท้ายเพื่อให้คนที่นั่งนิ่งอยู่ที่โซฟาได้ยินถนัด
“เดี๋ยวพ่อออกไปประชุมข้างนอกก่อนนะ คงไม่เข้ามาบริษัทอีก”
“ครับคุณพ่อ”
หินยกมือขึ้นไหว้อีกครั้งก่อนที่จรัญจะเดินออกไป
“ขี้ประจบอย่างนี้สินะคุณพ่อถึงได้หลงนักหลงหนา” เสียงหวานเอ่ยขึ้นลอยๆขณะก้มหน้าอ่านเอกสารในแฟ้ม โดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้คนตัวสูงได้เดินเข้ามานั่งข้างๆพร้อมกับโอบไหล่บางเอาไว้แล้ว “เหี้ยอะไรเนี่ย ปล่อย!”
“ไม่ได้ยินเหรอว่าคุณพ่อฝากให้พี่ดูแล ไหนไม่เข้าใจตรงไหนบ้าง” ไฟพยายามแกมือหนาออกแต่ก็ไม่เป็นผล ก่อนจะถอนหายใจนั่งนิ่งทำหน้าเซ็งๆ
“เข้าใจทุกบรรทัด ปล่อย!”
“ไม่ปล่อย!” คนตัวโตมองหน้าแล้วเลิกคิ้วใส่
“ปล่อยไม่งั้นโดนดีแน่”
“กลัวตายล่ะ” แทนที่จะยอมปล่อยโดยง่ายแต่หินกลับกอดเด็กฝึกงานแน่นขึ้นไปอีก พร้อมกับมองใบหน้าหวานนั้นอย่างเพลินตา เขาลืมตัวอีกแล้วใบหน้าคมค่อยๆโน้มเข้าไปหอมแก้มฟอดใหญ่
“อี๋...ไอ้คนฉวยโอกาส นี่มันห้องทำงานนะ!” คนที่โดนหอมแก้มเอียงหน้าหนีโดยเร็ว ใบหูแดงผึ่งลามมาจนถึงใบหน้า ผิวที่ขาวจัดทำให้ทุกอย่างที่แสดงออกมันชัดเจนมาก จนผู้คุมเกมส์นั้นถึงกับยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ
“แล้วไงนี่ห้องทำงานส่วนตัวพี่นายระวังตัวไว้เถอะ ถ้ายังไม่ทำตัวดีๆก็จะโดนอย่างนี้เรื่อยๆนี่ถือว่าเตือนแล้วนะ”
“เออๆ เข้าใจแล้วปล่อยดิ” ตอนนี้ต้องยอมๆไปก่อนเขาขยะแขยงอ้อมกอดนี้เต็มทนแล้ว
“อย่าลืมที่พูดล่ะไม่งั้นมันอาจจะไม่ใช่แค่นี้”
หินยอมคลายอ้อมกอดนั้นอย่างเสียดาย แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานเหมือนเดิม หลายต่อหลายครั้งที่สายตาเหลือบมองคนที่นั่งอยู่โซฟา เขาไม่ได้ชอบเด็กที่ก้าวร้าวคนนี้ ไม่มีทาง เขาต้องไม่ชอบ ถ้าหากต้องชอบใครสักคนเขาขอให้คนนั้นเป็นน้ำยังจะดีกว่าซะอีก หินได้แต่ทำสงครามกับความคิดของตัวเองอยู่อย่างนั้น
ช่วงพักเที่ยง
“ป่ะลงไปทานข้าวกัน”
เมื่อได้ยินเสียงเรียกไฟก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วยืดเส้นยืดสายทันที เขารู้สึกเบื่อกับการที่ต้องมานั่งอ่านเอกสารบ้าบออะไรพวกนี้ จริงๆแล้วมันแทบจะไม่รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำแต่ก็ขี้เกียจให้คนอย่างนายนั่นมาอธิบายให้ฟัง เกลียดขี้หน้าจะตายชัก
“ไปกินที่ไหนอ่ะ”
“ตามหาเถอะเดี๋ยวก็รู้เอง”
ไฟยอมเดินตามผู้สอนงานโดยง่าย เมื่อขึ้นลิฟท์ลงมาชั้นล่างสุดคนตัวสูงก็พาเดินเข้าไปยังห้องอาหารของบริษัท ช่วงเที่ยงอย่างนี้พนักงานทุกคนต่างก็ทยอยพากันเข้ามาจับจองที่นั่งจนเกือบเต็ม
ไฟมองหน้าหินอย่างมีคำถาม นี่เขาต้องมานั่งทานข้าวกับพนักงานพวกนี้เหรอเนี่ย คนอย่างนายนั่นปกติคงไม่มานั่งทานที่นี่อย่างแน่นอน ไฟคิดว่าตัวเองคงจะโดนแกล้งให้มานั่งทานข้าวที่นี่
“เราต้องทานข้าวที่นี่งั้นเหรอ?”
“ใช่ ทำไมเหรอ” หินมองหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“ฉันไม่เชื่อว่านายจะมาทานข้าวที่นี่ทุกวัน นายจงใจแกล้งฉันใช่ไหม” เขามองหน้าหินอย่างเอาเรื่อง
“เปล่าพี่ก็มาทานที่นี่ทุกวัน อาหารที่นี่อร่อยทุกร้านแถมยังสะอาดอีกด้วยนะ”
“ฉันไม่กินข้าวกับพนักงานระดับล่างพวกนี้แน่” ไฟเอ่ยเสียงดังจนพนักงานที่อยู่ใกล้ๆต่างก็หันมามองเป็นตาเดียวกัน
“เบาๆสินี่ไม่ใช่ที่บ้านนะ พี่จะบอกอะไรให้คนที่จะเป็นเจ้านายคนได้ต้องเข้าถึงลูกน้อง ต้องได้ใจลูกน้อง เราอาจจะโดนแบ่งชนชั้นจากตำแหน่งหน้าที่ แต่เราทุกคนคือครอบครัวเดียวกัน การมาทานข้าวที่นี่มันก็บ่งบอกว่าเราไม่ถือตัว หากเค้าศรัทธาในตัวเราการปกครองมันก็จะมีประสิทธิภาพขึ้นไปอีก” เขาเอ่ยกับคนตัวเล็กซะยืดยาว
“รู้แล้วน่าบ่นซะยาวเชียว แล้วจะนั่งไหนล่ะ” ดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ไฟฟังเหตุผลของหิน เขายอมอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
ขณะที่ทั้งสองกำลังมองหาโต๊ะว่างอยู่นั้นก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น
“ว้าย! ขอโทษค่ะ” หญิงสาวร้องเสียงหลงจนคนทั้งโรงอาหารหันมามอง แก้วน้ำแดงในมือของพนักงานสาวหกรดบนเสื้อนักศึกษาสีขาวของไฟจนเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที
“เธอทำบ้าอะไรเนี่ย ดูสิเสื้อฉันเลอะหมดแล้ว” คนที่โดนน้ำแดงหกรดบนเสื้อตวาดแหวเสียงดัง จนหญิงสาวต้องหดคอลงด้วยความตกใจกลัวทันที
“ดิฉันขอโทษคะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” เธอยกมือขึ้นไหว้ปรกๆ
“กราบตีนฉันเดี๋ยวนี้ ฉันถึงจะยกโทษให้” ไฟชี้ลงที่พื้น
หินรีบห้ามเอาไว้เพราะคำพูดของไฟมันแรงมาก จนทำให้พนักงานต่างก็ซุบซิบนินทากันเสียงดังระงม เขากลัวว่าทุกอย่างมันจะเลยเถิดไป จึงสั่งให้พนักงานสาวคนนั้นรีบเดินออกไป
“เธอไปได้แล้วไม่ต้องกราบอะไรทั้งนั้น ขอโทษแทนเด็กฝึกงานคนนี้ด้วย” หินสั่งก่อนที่หญิงสาวจะเดินไปโดยเร็ว
“นี่นายทำไมพูดอย่างนี้ ไม่เห็นเหรอว่ามันทำเสื้อฉันเปื้อนไปหมด” ไฟถลึงตาใส่คนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความโมโห
“คำพูดของนายมันแรงเกินไป อีกอย่างนายมาอยู่ที่นี่ในฐานะเด็กฝึกงานไม่ใช่ลูกเจ้าของบริษัทจำไว้ด้วย”
“นายมันก็เข้าข้างลูกน้องนายนี่” ไม่ว่าเปล่าคนตัวเล็กผลักอกคนตัวสูงอย่างเอาเรื่อง
“ท่าจะพูดจาไม่รู้เรื่องแล้วออกมานี่” พูดจบก็จูงมือออกมาข้างนอกทันที
“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะฉันจะกลับบ้าน”
“อย่าเอาแต่ใจตัวเองตามมา!”
หินกึ่งลากกึ่งดึงให้เดินตามอย่างทุลักทุเล
อีกมุมหนึ่งของพนักงานสาว
“ฮัลโลคุณเพลินพิศคะ”
(“เป็นไงบ้างหญิงเธอทำงานเสร็จเรียบร้อยรึยัง”)
“เรียบร้อยแล้วค่ะตอนนี้ทุกคนกำลังซุบซิบนินทาคุณไฟกันทั้งบริษัทแล้ว”
(“เยี่ยมมากเดี๋ยวฉันจะตบรางวัลให้เธออย่างงาม จับตามองมันแล้วมารายงานฉันด้วย”)
“ค่ะคุณเพลินพิศ”
(“แค่นี้ล่ะ”)
“สวัสดีค่ะ”
หญิงคือพนักงานที่เคยสนิทสนมกับเพลินพิศมาก่อน เธอจึงสั่งให้คอยสังเกตการณ์และสร้างเรื่องแกล้งลูกเลี้ยงของเธอขณะมาฝึกงานที่นี่...
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
--------------------------------