พิมพ์หน้านี้ - lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.19--อวสาน--(Up.09-04-2018)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ไมเลอร์ ที่ 02-03-2018 22:56:35

หัวข้อ: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.19--อวสาน--(Up.09-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 02-03-2018 22:56:35
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้าย:::::lll:::Ch.01-เปิดฉากตัวร้าย--(Up.02-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 02-03-2018 22:59:19
CHAPTER

-1-

เปิดฉากตัวร้าย



บ้านศิริกรโสภณ

          ตระกูลศิริกรโสภณเป็นตระกูลเก่าแก่  ที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆของประเทศ  จากการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์  ‘จรัญ ศิริกรโสภณ’ เจ้าของบ้านอายุหกสิบห้าปี และสมาชิกในบ้านกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้ากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา



       ‘เพลินพิศ  ศิริกรโสภณ’ ภรรยาในสมรสคนปัจจุบันของจรัญ

       ‘น้ำ นที ศิริกรโสภณ’ อายุ 18 ปี  ลูกชายคนเล็กที่เกิดจากเพลินพิศ

       ‘ไฟ อัคนี ศิริกรโสภณ’ อายุ 20 ปี ลูกชายคนโตที่เกิดจาก ‘แก้ววดี’ เมียนอกสมรสที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง

       ‘หิน รัชตะ ศิริกรโสภณ’ อายุ 30 ปี หลานชายของแม่นมที่เคยเลี้ยงดูจรัญมาจนโต  แม่และยายของหินได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุขณะหินอายุได้ 15 ปี จรัญจึงส่งเสียให้เรียนจนจบปริญญาโทจากต่างประเทศแล้วให้มาช่วยบริหารงานที่บริษัท



            “เมื่อคืนไปไหนมาทำไมกลับดึกจังไฟ” จรัญเอ่ยถามพร้อมกับหันไปมองลูกชายคนโต ที่กำลังนั่งทานอาหารโดยไม่ได้สนใจใครเลยแม้แต่น้อย

            “ผมไปเที่ยวกับเพื่อนมา” เขาตอบอย่างไม่ยี่หระ  นี่ล่ะคือนิสัยของไฟ หนุ่มน้อยหน้าหวานที่มีนิสัยเย่อหยิ่งเป็นที่โจษขานไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย ความร้ายกาจของไฟทำให้หนุ่มๆที่เข้ามาจีบต่างก็ต้องหนีกระเจิงไปหลายราย  ถึงกระนั้นก็ยังมีหนุ่มๆใจกล้าเข้ามาขายขนมจีบกันไม่เว้นแต่ละวัน

            “มัวแต่เที่ยวจะเรียนจบกับเค้าไหมล่ะ” จรัญเอ่ยกับลูกชาย

            “พ่อไม่ต้องห่วงผมหรอกผมเอาตัวรอดได้  ที่ถามนี่เพราะคิดว่าผมเรียนไม่เก่ง  เหมือนลูกชายคนเล็กของคุณพ่อใช่ไหมล่ะ”  ไฟพูดพร้อมกับเบะหน้าใส่น้องชายต่างมารดาที่นั่งอยู่ข้างๆ

            น้ำเป็นเด็กที่เรียบร้อยและเรียนเก่งมาก เป็นที่รักของทุกๆคนในบ้าน  ซึ่งแตกต่างจากไฟที่ชอบวีนและชอบโวยวาย  ทำให้คนในบ้านไม่มีใครชอบนิสัยของเขาเลยแม้แต่คนเดียว  นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมไฟถึงได้อิจฉาและเกลียดน้ำมากที่สุด  เขาไม่เคยได้รับความรักจากใครๆเหมือนน้องชายมาก่อน  แม้กระทั่งผู้เป็นพ่อคนที่พาเขาเข้ามาอยู่ที่นี่หลังจากแม่ของเขาตาย

            “ทำไมต้องไปแขวะน้องด้วยล่ะ!” จรัญขึ้นเสียงใส่  จนทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะต่างก็เงียบ

            “แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลยนะครับ ใช่สิผมไม่ใช่ลูกรักเหมือนไอ้น้ำนี่” ไฟวางช้อนส้อมเสียงดังแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไป

            “ไฟ! กลับมาเดี๋ยวนี้นะ ไอ้ลูกเวร!” จรัญเหลืออดกับพฤติกรรมของลูกชายคนโตมากเหลือเกิน

            “คุณคะปล่อยแกไปเถอะ  วัยรุ่นก็อย่างนี้ล่ะคะอารมณ์ร้อน เดี๋ยวแกคิดได้ก็คงดีขึ้นแน่นอน” เพลินพิศเอ่ยกับผู้เป็นสามี

            “ใช่ครับคุณพ่อพี่ไฟเค้าก็เป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว คุณพ่อใจเย็นๆนะครับ”

            “ถ้าไฟมันเป็นเด็กดีได้เท่าน้ำก็คงดี  พ่อจะได้ไม่ต้องปวดหัวอย่างทุกวันนี้” จรัญเอ่ยอย่างอารมณ์เสียก่อนจะวางช้อนส้อมลง  ตอนนี้เขาทานอะไรไม่ลงแล้ว

            “ฉันอิ่มแล้ว เดี๋ยวเจอกันที่บริษัทนะหิน” เขาเอ่ยกับหินก่อนจะเดินออกไปขึ้นรถที่หน้าบ้าน

            “ครับคุณท่าน” หินตอบก่อนจะวางช้อนส้อมลง

            “ผมอิ่มแล้วครับคุณน้า” เธอบอกกับเพลินพิศ

            “ผมก็อิ่มแล้วครับแม่”

            “ถ้างั้นก็เตรียมตัวไปมหา’ลัยเถอะลูก ให้พี่หินเค้าไปส่ง” เพลินพิศบอกกับลูกชาย

            “แต่ว่าพี่หินเค้าต้องรีบไปทำงานนะครับแม่” น้ำเอ่ยอย่างเกรงใจ

            “เราจะไปได้ยังไงล่ะเมื่อเช้านายพลมาบอกแม่ว่ารถเราเสียน่ะสิ”

            “น้องน้ำเดี๋ยวพี่ไปส่งก็ได้ครับ วันนี้พี่ไม่รีบ” หินเอ่ยกับหนุ้มน้อยที่อยู่ข้างๆ

            “ถ้างั้นก็รีบไปกันเถอะจ๊ะเดี๋ยวสายกันพอดี” เธอบอกกับทั้สองคน

            “ถ้างั้นน้ำไปก่อนนะครับแม่” น้ำยกมือไหว้ผู้เป็นแม่

            “ผมไปก่อนนะครับคุณน้า” หินยกมือไหว้

            “จ้าขับรถดีๆล่ะ” เธอยิ้มให้กับชายหนุ่มทั้งสองคน

            เพลินพิศมองตามหลังลูกชายและหินไป  เธอไม่สามารถหุบยิ้มได้เลย  นั่นเพราะเธอตั้งใจว่าจะจับคู่น้ำกับหิน  สักวันหนึ่งเธอจะต้องให้สองคนนี้แต่งงานกันให้ได้  เพราะหินเป็นคนเก่งในเรื่องการบริหารและได้รับความไว้วางใจจากจรัญ  ให้รับผิดชอบโครงการใหญ่ๆหลายโครงการ  ในอนาคตคงจะได้ขึ้นแท่นเป็นผู้บริหารแทนจรัญอย่างแน่นอน  ถ้าเด็กสองคนนี้ได้แต่งงานกัน  ทรัพย์สมบัติทุกอย่างของสิริกรโสภณจะไปไหนเสีย  มันจะต้องเป็นของลูกชายเธอแต่เพียงผู้เดียว

“แกไม่มีทางได้สมบัติของสิริรกรโสภณแม้แต่สตางค์แดงเดียวไอ้ไฟ”

            เพลินพิศยกยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ  หล่อนเกลียดไอ้เด็กคนนี้มากเหลือเกิน  ลูกชายของคนที่เป็นรักแรกของจรัญ  แม้กระทั่งแก้ววดีตายไปนานหลายปีแล้วแต่จรัญก็ยังคงรักไม่เปลี่ยนแปลง  นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมเธอถึงได้เกลียดสองแม่ลูกมากขนาดนี้



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*



            “ขอบคุณนะครับพี่หิน” น้ำยกมือไหว้ชายหนุ่มเมื่อรถเคลื่อนตัวมาจอดที่หน้าคณะแพทยศาสตร์

            “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวเย็นนี้พี่มารับนะ”

            “ถ้าพี่หินไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวน้ำนั่งแท็กซี่กลับก็ได้”

            “พี่ว่างครับเดี๋ยวถ้ายังไงก็อย่าลืมโทรหาพี่ล่ะว่าจะให้มารับที่ไหนกี่โมง”

            “ได้ครับพี่หิน ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”

            “เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ”

            “สวัสดีครับ”

            ทั้งสองโบกมือให้กันก่อนที่หินจะขับรถออกไป  ส่วนก็น้ำเดินเข้าไปในคณะแพทยศาสตร์ก่อนจะเจอเพื่อนสนิทที่เพิ่งจะมาถึงพอดี

            “ว้าย! มีผู้ชายมาส่งด้วยวันนี้” อาร์มเพื่อนสนิทเพียงหนึ่งเดียวของน้ำเอ่ยแซวเพื่อน

            “วันนี้รถเราเสียอ่ะพี่หินเลยมาส่ง”

            “สมใจอยากแล้วล่ะสิ”

            “อาร์มพูดอะไรเนี่ยเรางงไปหมดแล้ว” ร้อยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหวานเมื่อถูกเพื่อนแซว

            “อย่ามาแอ๊บเรารู้ว่าน้ำชอบพี่หิน เห็นพูดเรื่องพี่หินให้เราฟังบ่อยขนาดนั้น ถ้าไม่รักไม่ชอบมันก็แปลกๆแล้วล่ะเธอ”

            “อย่าพูดดังไปเดี๋ยวคนก็ได้ยินหรอก” น้ำเอ็ดเพื่อนก่อนจะมองไปรอบๆว่ามีคนรู้จักอยู่แถวนี้หรือเปล่า

            “โอ๊ย! จะกลัวอะไรยะไม่มีใครรู้เรื่องหรอก”

            “เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ เข้าเรียนกันเถอะเดี๋ยวจะสายเอา”

            “จ้าแม่เรียบร้อยปานผ้าพับไว้ จะมีใครที่เรียบร้อยเท่ากับเธออีกไหมเนี่ย” อาร์มว่าให้เพื่อนก่อนจะเดินตามหลังไป



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*



            “วี๊ดวิ้ว น้องไฟคนสวยมาแล้วโว้ย!” เสียงหนุ่มๆคณะวิศวกรรมศาสตร์ส่งเสียงแซว  เมื่อไฟและเพื่อนอีกสองคนกำลังเดินผ่านไปที่หอสมุดของมหาวิทยาลัย

            “ถ้ายังอยากมีปากไว้กินข้าวก็หุบปากซะ” ใบหน้าสวยใช้หางตามองชายหนุ่มทั้งห้าคนก่อนจะตะโกนด่าอย่างไม่ไว้หน้า

            “ถึงน้องไฟจะปากหมาแต่พี่ก็ยังชอบนะครับ” โดมหนุ่มหล่อดีกรีเดือนคณะวิศวกรรมศาสตร์ตอบกลับ  โดยไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับคำก่นด่าของหนุ่มน้อยหน้าหวานเลยแม้แต่น้อย

            “เห่าไปเถอะคนอย่างฉันไม่มีทางลดตัวลงไปคบคนต่ำๆอย่างนายหรอก” ระเบิดลูกใหญ่ถูกทิ้งไว้ก่อนที่ไฟจะเดินเชิดหน้าไปพร้อมกับเพื่อน

            คนที่ได้ฟังถึงกับยิ้มแห้งๆทันที  โดมตามจีบหนุ่มหน้าหวานคนนี้มาเป็นปี  แม้จะรู้กิตติศัพท์ความเย่อหยิ่งและปากร้ายแต่คนอย่างเขาไม่มีทางยอมแพ้อย่างแน่นอน

            หลังจากเดินผ่านกลุ่มหนุ่มวิศวะมาแล้ว

            “ไฟ...มึงไม่พูดแรงเกินไปหน่อยเหรอวะ” วีเอ่ยถาม

            “แรงตรงไหนวะกูก็พูดอย่างนี้ประจำเวลาเจอพวกปากหมามาแซว”

            “แต่พี่โดมเค้าตามจีบมึงมานานแล้วนะโว้ย โดนมึงด่าบ่อยๆอย่างนี้อาจจะเก็บกดแล้วตามมาข่มขืนมึงเข้าซักวันจะทำยังไง” วียังไม่ยอมหยุดกวนใจเพื่อน

            “กูไม่กลัวโว้ย มันกล้าทำก็ลองดูสิ” ไฟเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ  คนที่คู่ควรกับเขาต้องอยู่ในระดับเดียวกันเท่านั้น  คนอย่างนายนั่นเป็นแค่นักศึกษาวิศวะจนๆ ไม่มีทางที่จะชายตาแลอย่างแน่นอน

            “ก็มึงเลือกมากอย่างนี้น่ะสิถึงยังไม่มีแฟนซักที” ‘ปลา’เพื่อนอีกคนของไฟเอ่ยขึ้น

            “สรุปพวกมึงเป็นเพื่อนกูรึเปล่าเนี่ย” ไฟมองหน้าเพื่อนทั้งสองอย่างขัดใจ

            “ก็เพราะพวกกูเป็นเพื่อนมึงนี่ไงถึงได้บอกสิ่งที่มึงควรจะปรับปรุงตัว ไม่งั้นจะไม่มีใครกล้าเข้าใกล้มึงอีกนะไอ้ไฟ” ปลาเอ่ย

            “ใครไม่อยากคบกับกูก็ช่างหัวมัน  กูมีพวกมึงก็พอแล้ว” เหมือนคำแนะนำที่ทั้งสองคนบอก  มันไม่ได้เข้าหูไฟเลยแม้แต่น้อย

            “เออๆกูไม่บอกไม่สอนมึงอีกแล้วเหมือนสีซอให้ควายฟังซะอย่างนั้น” วีเกาหัวแกร็กๆเขายอมแพ้แล้วกับความดื้อด้านของเพื่อนคนนี้

            “เห็นมะในที่สุดกูก็ชนะตามเคย ฮ่าๆ” เหมือนมันเป็นเรื่องเคยชินไปแล้วสำหรับคนอย่างไฟ  เพราะเขาเจอเรื่องแบบนี้มานักต่อนัก  ไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือคนรอบตัวมักจะเอ่ยเตือนอย่างนี้เสมอ แต่คนอย่างเขาไม่เคยแคร์อะไรอยู่แล้ว



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*



            หลังจากเลิกเรียนแล้วไฟก็ขับรถกลับบ้านตามปกติ  แต่วันนี้มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่ระหว่างขับรถเข้ามาในซอยก็เจอรถของหินขับอยู่ข้างหน้า  คนอย่างไฟมีหรือที่จะปล่อยให้โอกาสนี้มันผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์  เขาเร่งความเร็วจนแซงขึ้นไปตัดหน้ารถของหิน  ก่อนจะเปิดกระจกแล้วโบกไม้โบกมือให้อย่างอารมณ์ดี  แล้วขับเข้าไปในรั้วบ้านก่อน

            เมื่อจอดรถที่โรงรถแล้วไฟก็ยืนรออีกฝ่าย  เขาอยากจะเห็นสีหน้าของคนที่ถูกขับรถปาดหน้าว่าจะเป็นยังไง  เมื่อเห็นหินเดินมาพร้อมกับน้ำไฟก็ยิ้มออกมาทันที  ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยเหรอเนี่ย  ไอ้ลูกคนใช้ที่มักใหญ่ใฝ่สูงจนได้เป็นถึงรองประธาน  กับไอ้น้องต่างแม่ที่แอ๊บเรียบร้อยอ่อนแอน่าสงสาร  เขาเกลียดสองคนนี้ที่ใครๆต่างก็รักและเอาใจใส่ไม่เหมือนกับสิ่งที่เขาได้รับ

            “ทำไมถึงทำอย่างนี้ ถ้ามันเกิดอุบัติเหตุนายจะรับผิดชอบไหวไหม” หินเดินตรงมาหาทันที  สีหน้าของชายหนุ่มดูแล้วมีอารมณ์อยู่ไม่ใช่น้อย

            “แล้วมันเกิดป่ะละ” คนที่โดนกล่าวหาทำหน้ายียวนกวนประสาท ไม่ได้สนใจคำพูดนั่นเลยแม้แต่น้อย

            “คนอย่างนายคงไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี  คิดอยากจะทำอะไรก็ทำไม่เห็นหัวใคร สมแล้วที่ในบ้านหลังนี้ไม่มีใครรักเลยซักคน” หินเอ่ยประโยคแทงใจดำออกมาทำให้คนที่ฟังอยู่ถึงกับหน้าเปลี่ยนสีทันที

            “ใช่สิก็ฉันไม่ใช่คนที่เรียนเก่งจนติดหมออย่างแกจนทุกคนต่างก็เยินยอสรรเสริญ  ไม่ใช่คนที่มักใหญ่ใฝ่สูงชอบประจบประแจงจนมีหน้าที่ใหญ่โตนี่” น้ำมองหน้าพี่ชายอย่างรู้สึกผิดหวังเมื่อได้ยินประโยคนั้น

            “ไปกันเถอะน้ำอย่าไปใส่ใจกับคนประเภทนี้เลย” หินว่าแล้วก็จูงมือน้ำเดินผ่านหน้าไป

            “หยุดเดี๋ยวนี้กลับมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน” คนอย่างไฟไม่มีวันยอมแพ้  เขาจะต้องเอาชนะทุกคนในบ้านหลังนี้ให้ได้

            “น้ำเข้าไปในบ้านก่อน”

            “แต่....”

            “ไม่มีแต่เข้าไปก่อน” เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของพี่ชายน้ำก็ยอมเดินไปแต่โดยดี “ตอนนี้ก็เหลือเราสองคนแล้วจะว่าอะไรก็ว่ามา  คนอย่างน้ำไม่ควรมาได้ยินถ้อยคำสถุลอย่างนี้” หินมองหน้าอย่างเอาเรื่อง

            “นี่สินะธาตุแท้ของนายคุณพ่อจะรู้ไหมนะว่าลูกคนใช้ที่เอามาเชิดหน้าชูตา  แท้ที่จริงมันก็ไม่เคยลืมกำพืดของมันต่ำยิ่งกว่าอะไร” สีหน้าท่าท่างบ่งบอกว่าไฟนั้นขยะแขยงคนที่อยู่ตรงหน้ามากขนาดไหน

            “หยุดดูถูกแม่พี่เดี๋ยวนี้นะไฟ!...ไม่งั้น...” คนตัวสูงกระชากแขนร่างบางเข้ามาประชิดจนใบหน้าห่างกันแค่เพียงคืบ  ก่อนที่ไฟจะเบะปากใส่อีกคนอย่างไม่รู้สึกสำนึก

            “ไม่งั้นนายจะทำอะไรฉัน กล้าเหรอ?” คนที่ถูกรั้งตัวไว้ท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว

            “อย่าท้านะไฟ” ใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความโมโหจ้องมองอย่างเหลืออด

            “ไม่ได้ท้า ทำสิถ้าฉันเจ็บแม้แต่นิดเดียวรับรองเรื่องถึงคุณพ่อแน่”

            “นายไม่เจ็บแน่รับรอง” คนถูกท้ายทายกลับแสยะยิ้มให้อย่างมีเลศนัย  จนคนที่ต้องเป็นฝ่ายกลัวนั้นกลับเป็นไฟเองซะอย่างนั้น

            “นะ...นายจะทำอะไร อื้อ” พูดยังไม่ทันจบหินก็ประกบจูบที่ริมฝีปากบางทันที  คนโดนจูบเบิกตากว้างด้วยความตกใจ  หินไม่ปล่อยให้คนที่อยู่ในอ้อมกอดมีโอกาสหายใจแม้แต่วินาทีเดียว เขาตักตวงความหอมหวานในโพรงปากนั้นอย่างชำนิชำนาญ  มือเรียวเล็กพยายามดันที่อกแกร่งเอาไว้ แต่มือหนาทั้งสองข้างของหินกลับกอดรัดที่เอวบางเอาไว้แน่นไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อยง่ายๆ

            “เจ็บไหมล่ะ? ไม่นึกเลยว่าคนปากหมาอย่างนายปากจะหวานขนาดนี้” หินเลียที่ริมฝีปากของตัวเองแล้วยิ้มเยาะเย้ยคนที่อยู่ในอ้อมกอด

            “ไอ้เลวฉันจะฟ้องพ่อว่าแก....” สิ่งจะพูดออกมาเป็นอันต้องสะดุดเพราะมันช่างกระดากปากเขาเสียเหลือเกิน

            “ฟ้องสิจะฟ้องว่าอะไรล่ะ”

            “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้” เมื่อสมใจแล้วหินก็ยอมปล่อยแต่โดยดี

            เพี๊ยะ!

            “จำเอาไว้อย่าได้บังอาจมาแตะเนื้อต้องตัวฉันอีก  ไม่งั้นฉันเอานายตายแน่” ไฟชี้หน้าคนตัวสูงอย่างไม่ยอมแพ้

            “ถ้าเป็นไปได้พี่จะไม่แตะตัวนายแม้แต่ปลายเล็บ รู้ไหมเพราะอะไร เพราะตัวนายมันน่าขยะแขยงไง ใจนายก็สกปรกโสมมยิ่งกว่าน้ำครำซะอีก  จำไว้เหมือนกันว่าอย่ามาอวดดีกับพี่  ไม่งั้นพี่ก็ไม่รับรองเหมือนกันว่าจะบังคับตัวเอง  ไม่ให้ทำอะไรนายได้รึเปล่า”  พูดจบหินก็เดินออกมาจากตรงนั้นทันที  ปล่อยให้อีกคนยืนตัวสั่นด้วยความโมโหอยู่คนเดียว

            “พวกแกไม่มีทางได้อยู่อย่างสงบสุขแน่นอนถ้าฉันยังอยู่ที่นี่” ดวงตาแข็งกร้าวมองตามหลังไปอย่างไม่ยอมแพ้ เพราะคนอย่างไฟสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น....



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*



---------------------------------------------------------
มาเปิดเรื่องใหม่ฝากติดตามกันด้วยนะคร้าบบบบบบ 
เรื่องนี้นายเอกจะร้ายกาจมากที่สุด.....
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้าย:::::lll:::Ch.01-เปิดฉากตัวร้าย--(Up.03-02-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 02-03-2018 23:03:54
ตามต่อนะ  ชอบนายเอกร้ายๆ  เปิดบรรยายฉากเหมือนละคร ณ .บ้าน..... รอชมต่อนะ รู้สึกมันเริ่งเข้มข้นเหมือนคมพยาบาท
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้าย:::::lll:::Ch.01-เปิดฉากตัวร้าย--(Up.03-02-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-03-2018 01:53:28
รออ่านตอนต่อไปว่าจะร้ายกว่าหญิงเล็ก + แม่กาละเกดหรือป่ะ  o18
หัวข้อ: lll:::::ไฟร้าย:::::lll:::Ch.02--บทลงโทษ--(Up.07-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 07-03-2018 12:31:18
 
CHAPTER
-2-
บทลงโทษ
[/b]



            ขณะนั่งทาครีมบำรุงผิวอยู่ที่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องนอนก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            “คุณไฟคะ”

            “เข้ามาสิ” เขาเอ่ยแค่นั้นก่อนสาวใช้จะเปิดประตูเข้ามา

            “คุณท่านให้ไปพบที่ห้องทำงานตอนนี้เลยค่ะ”

            “โอเคเดี๋ยวฉันไป”

            เกิดความสงสัยขึ้นมาทันที  นานแล้วที่ผู้เป็นพ่อไม่เคยเรียกตัวเข้าไปพบอย่างนี้  เขาสังหรณ์ใจว่ามันจะต้องมีเรื่องที่ทำให้ทำให้ลำบากใจอย่างแน่นอน

            ไม่นานหลังจากนั้นไฟก็เดินตรงไปยังห้องทำงานของผู้เป็นพ่อ  ซึ่งอยู่ชั้นสามของตัวบ้านก่อนจะเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป  ก็เห็นผู้เป็นพ่อใส่แว่นหนาเตอะตามฉบับคนสูงวัยกำลังนั่งตรวจงานอยู่บนโต๊ะ

            “คุณพ่อมีอะไรครับ” เขาเอ่ยแต่ไม่ยอมนั่งลงที่เก้าอี้

            “ทำไมไม่นั่งลงก่อนล่ะ” จรัญมองหน้าลูกชายคนโตอย่างขัดใจ

            “ไม่ล่ะครับ คุณพ่อมีอะไรก็รีบๆพูดมาเถอะผมจะรีบกลับไปนอน”

            “เวลานอนของแกมันคงจะมีค่ามากกว่าได้มาคุยกับฉันสินะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าแกจะเป็นลูกของแก้ว  ทำไมแกไม่เอานิสัยดีๆจากแม่มาใช้บ้างห๊ะ!” ไม่มีสักครั้งที่จรัญจะไม่อารมณ์เสียเมื่อได้พูดคุยกับลูกชายคนนี้

            “ผมก็ไม่เคยเป็นลูกรักในสายตาคุณพ่ออยู่แล้วนี่ ไม่ต้องมาสนใจหรอกว่าผมจะเป็นตายร้ายดียังไง” เมื่อได้ยินพ่อพูดอย่างนั้นไฟเองก็มีอารมณ์ไม่น้อย  เขาไม่อยากให้ผู้เป็นพ่อเอ่ยถึงแม่ของตัวเองเลยแม้แต่น้อย  หากพ่อไม่ทิ้งให้เขากับแม่ต้องอยู่อย่างลำบาก  แม่คงไม่ต้องตายจากเขาไปอย่างแน่นอน

            “ฉันก็อยากทำอย่างนั้นถ้าแกไม่ใช่ลูกของฉัน”

            “คุณพ่อไม่ต้องคิดว่าผมเป็นลูกก็ได้ ฮึก” ไฟไม่อาจทนฟังสิ่งที่พอของตัวเองพูดได้  เขาพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้แล้วจะเดินออกจากห้อง

            “เดี๋ยว! ฉันยังพูดไม่จบ” เมื่อได้ยินไฟก็ยอมหันกลับมาแต่โดยดี

            จรัญพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองเมื่อเห็นว่าลูกชายดูเหมือนจะร้องไห้ออกมา  เขายอมรับว่าตัวเองก็พูดแรงเกินไปจริงๆ  ที่พูดและบ่นทุกอย่างเพราะเขาเป็นห่วงลูกคนนี้มาก  แต่ด้วยนิสัยเอาแต่ใจและไม่เคยฟังคนอื่นทำให้ความรักที่ส่งไปมันไม่เข้าถึงตัวไฟได้เลยแม้แต่น้อย  เขาเองก็มีส่วนผิดที่ไม่พยายามที่จะเข้าหาลูกชายให้มากกว่านี้

            “แกต้องไปฝึกงานที่บริษัท ส่วนที่แกเลือกไว้แล้วพรุ่งนี้ก็ไปยกเลิกซะ” นั่นเพราะไฟเรียนด้านบริหาร  จึงอยากจะให้ไปเรียนรู้งานเผื่อในอนาคตจะช่วยแบ่งเบางานที่นั่นได้บ้าง  และอีกอย่างเขาอยากจะทำให้ลูกชายคนนี้ได้เรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากันคนอื่นได้บ้าง  จรัญตั้งใจจะให้หินเป็นคนสอนงานให้เพราะหินเป็นคนใจเย็น เด็ดขาดและมีความเป็นผู้ใหญ่คงจะรับมือกับคนอย่างไฟได้

            “ไม่! ผมไม่ไปพ่ออย่ามาบังคับผมซะให้ยากเลย”

            “แกต้องไปไม่งั้นฉันจะตัดค่าใช้จ่ายของแกหมดทุกอย่าง แกจะไม่มีเงินใช้แม้แต่สตางค์แดงเดียว”

            “ผมไม่สนพ่อบังคับผมไม่ได้หรอก”

            “แกไม่เชื่อฟังฉันไม่เป็นไร แต่ควรจะนึกถึงหน้าแม่แกที่ตายไปแล้วด้วย  แก้วคงจะเสียใจที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทำกับคนเป็นพ่ออย่างนี้” เขารู้ว่าถ้าเอาชื่อภรรยามาอ้างจะทำให้ลูกชายยอมใจอ่อนลง

            “ไม่ต้องเอาแม่มาอ้างเลย”

            “ฉันจะให้แกกลับไปคิดดูหนึ่งคืนแล้วพรุ่งนี้มาบอกฉัน  หวังว่าคำตอบที่ได้จะทำให้ฉันพอใจนะ”

            คนอย่างพ่อของเขาทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว เขาจะยอมทำตามคำสั่งก็ได้แต่ไม่ใช่เพื่อพ่อ  แต่เพื่อแม่ของเขาต่างหากล่ะ อยากให้เข้าไปฝึกงานที่นั่นดีนักเขาจะป่วนซะเข็ดเลยคอยดู

            “ผมตกลงครับ” เมื่อได้ยินลูกชายตอบรับจรัญก็เงยหน้าขึ้นมามองทันที “ไม่ต้องทำหน้าแปลกใจอย่างนั้นหรอกครับ ที่ผมยอมตกลงก็เพราะแม่ไม่ได้ทำเพราะยอมเชื่อฟังคนอื่น ขอตัวนะครับ” พูดจบไฟก็เดินออกจากห้องไป

            “ฉันจะทำยังไงกับแกดีนะ” จรัญส่ายหัวให้กับความร้ายกาจของลูกชายก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อ



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*



เช้าวันต่อมาที่มหาวิทยาลัย

            “พวกมึงกูมีเรื่องจะบอก” ไฟเอ่ยขึ้นขณะนั่งอยู่กับเพื่อนที่ศาลาข้างคณะ

            “ว่าไงยะ” ปลามองหน้าเพื่อนอย่างสงสัย

            “คือเรื่องที่เราสามคนจะไปฝึกงานที่เดียวกันน่ะ” ไฟมองหน้าเพื่อนอย่างสำนึกผิด

            “อย่าบอกนะว่ามึงจะไม่ไปกับพวกกูแล้ว” วีเอ่ยถาม

            “อื้ม...มันจำเป็นน่ะเมื่อคืนพ่อกูบอกว่าจะให้ไปฝึกงานที่บริษัท”

            “ไม่เป็นไรถ้าเป็นที่บ้านมึงพวกกูไม่โกรธหรอก แต่ถ้าเป็นที่อื่นมึงได้ตายคามือกูแน่” วียกมือขึ้นโชว์หราให้เพื่อนดู

            “ทำไมโหดจังวะเพื่อนกู ฮ่าๆ” ปลาขำกับท่าทางของวี

            “เก่งเรื่องใช้กำลังไง ถ้าเป็นเรื่องปากสู้กูไม่ได้หรอก” ไฟเอ่ยขึ้น

            “เหรออออ..มึงไปจูบกับใครมาถึงได้รู้ว่าตัวเองเก่งห๊ะไอ้ไฟ” วีแซว

            เมื่อได้ยินเพื่อนแซวไฟก็หน้าแดงขึ้นมาทันที  เพราะมันทำให้นึกถึงเรื่องเมื่อวันก่อนที่โดนหินจูบที่โรงรถ

            “มึงพูดบ้าอะไรไอ้วีที่ว่าปากดีหมายถึงเรื่องด่าคนโว้ย!”

            “แล้วทำไมมึงต้องหน้าแดงด้วยล่ะวะ หรือว่ามึงไปจูบกับใครมาจริงๆบอกมาเดี๋ยวนี้!” วีจับพิรุธได้จากสีหน้าและท่าทางของไฟ  เขารู้นิสัยเพื่อนดีว่าเป็นคนตรงๆคิดอะไรก็พูดอย่างนั้น รู้สึกยังไงก็แสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน

            “จริงด้วยมึงบอกมาว่าไปจูบกับใคร พูด!” ปลาเองก็ไม่ยอมน้อยหน้าพยายามคาดคั้นเอาความจริงจากเพื่อนให้ได้

            “พวกมึงเป็นเชี่ยอะไรกันเนี่ย! จะบ้ากันไปใหญ่แล้วคนอย่างกูเนี่ยนะจะไปจูบกับใคร” ไฟปฏิเสธเสียงแข็งแต่สีหน้าและท่าทางส่อพิรุธอย่างชัดเจน  ทำให้เพื่อนทั้งสองยังไงก็ไม่มีทางเชื่อแน่นอน

            “มึงมีพิรุธ” วีจ้องหน้าอย่างไม่ละสายตา

            “พอๆกูกลับบ้านและเบื่อพวกมึงว่ะ” พูดแล้วก็ลุกขึ้นยืนเตรียมจะกลับบ้าน

            “ยิ่งรีบหนีแบบนี้ยิ่งมีพิรุธ” ปลาเอ่ย

            “มันไม่มีอะไรจริงๆพวกมึงนี่นะกูกลับล่ะ” ไม่รอให้เพื่อนตอบกลับแต่ไฟรีบเดินออกมาโดยเร็ว  เพราะนายนั่นคนเดียวเลยทำให้เพื่อนจับพิรุธเขาได้ “เพราะนายคนเดียวเลย” ไฟเอ่ยกับตัวเองเบาๆด้วยความหงุดหงิด

            เมื่อกลับมาถึงบ้านไฟก็ต้องอารมณ์เสียอีกครั้งเมื่อเห็นแม่เลี้ยงกำลังยืนอยู่หน้าบ้าน  เขากับเพลินพิศไม่เคยจะพูดจาดีๆต่อกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว เจอหน้ากันทีไรก็ต้องมีปากมีเสียงกันตลอด  แต่ความร้ายกาจของเพลินพิศมันจะแสดงออกมาเมื่อเจอกับไฟซึ่งๆหน้าเท่านั้น  หากมีผู้เป็นสามีอยู่ด้วยหล่อนก็คือแม่เลี้ยงแสนดีคนหนึ่งนั่นเอง

            “ปิ๋วเธอได้กลิ่นอะไรเน่าๆไหม” เมื่อได้ยินผู้เป็นนายหญิงเอ่ย  ปิ๋วสาวใช้คนสนิทของเพลินพิศ  ก็ทำจมูกฟุดฟิดๆ เพื่อหาต้นตอของกลิ่นที่มโนขึ้นมาเอง

            ไฟหยุดอยู่ตรงนั้นเพื่อรอดูว่าสองคนนี้จะเล่นอะไรกับเขาอีก  คนอย่างไฟไม่มีทางเดินหนีศัตรูถ้าเขาทำแบบนั้นก็หมายความว่าเขาแพ้

            “กลิ่นเหมือนอะไรเน่าๆเลยค่ะคุณนาย” เธอตั้งใจเน้นคำเมื่อเข้ามาใกล้ตัวไฟ

            “สงสัยเป็นหมาหัวเน่าล่ะมั้งนังปิ๋ว ใครๆก็ไม่รัก ใครๆก็ไม่อยากพูดด้วย ทำตัวเหลวแหลกไปวันๆ ฮ่าๆ” เพลินพิศพูดแล้วก็หัวเราะชอบใจพร้อมกับสาวใช้คนสนิท

            “ไม่คิดเหรอว่าจะเป็นกลิ่นปากเน่าๆของพวกเธอ ปากก็หมาความคิดก็เลวอะไรมันน่าจะเหม็นเน่ามากกว่ากันนะ” พูดจบไฟก็เบ้ปากใส่คนทั้งสองอย่างไม่ยอมแพ้

            “อร้ายย!! แกกล้าว่าฉันเหรอไอ้ไฟ ไอ้ลูกเมียน้อย ไอ้สารเลว” เพลินพิศกรีดร้องเสียงดังพร้อมกับชี้หน้าด้วยความโมโห  ส่วนเจ้าตัวที่โดนชี้หน้ากลับยืนเกาะอกอย่างไม่สะทกสะท้าน  เห็นอย่างนั้นเพลินพิศยิ่งดิ้นพล่านเข้าไปใหญ่

            “ฉันไม่ได้เอ่ยชื่อใคร ถ้าคิดว่าเป็นตัวเองก็รับไป  ฉันจะบอกให้เอาบุญคนที่เป็นเมียน้อยน่ะเธอไม่ใช่แม่ฉัน พ่อคบกับแม่ฉันมาก่อนที่เธอจะเข้ามาแย่งไป คนที่เป็นเมียน้อยน่ะคือเธอเพลินพิศ แล้วอย่าหวังว่าเธอจะเอาชนะฉันได้ ต่อไปที่นี่ก็จะเป็นของฉัน เธอคงไม่รู้สินะคุณพ่อให้ฉันไปฝึกงานที่บริษัท คิดเอาเองนะว่าต่อไปใครจะเป็นใหญ่ที่นี่” เขารู้ว่าเพลินพิศหวงสมบัติมากกว่าสิ่งอื่นใดจึงใช้วิธีพูดเพื่อเอาชนะ

            “ไม่จริง! คนอย่างแกจะทำอะไรได้เรียนก็จะจบไม่จบแหล่ แถมวันๆเอาแต่เที่ยวเตร่ไม่มีสาระอะไรเลย  คนที่จะได้บริหารงานต่อจากคุณจรัญก็มีแต่หินเท่านั้น  และอีกไม่นานฉันก็จะให้หินแต่งงานกับน้ำ สมบัติทุกอย่างก็จะตกเป็นของลูกชายฉันกับหิน แกจะไม่ได้อะไรแม้แต่สตางค์แดงเดียว”

            “คอยดูก็แล้วกันว่าใครจะได้สมบัติของคุณพ่อไป” ว่าพร้อมกับเบ้ปากใส่อย่างไม่ยี่หระก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านอย่างอารมณ์ดี  ปล่อยให้แม่เลี้ยงทำหน้าบูดบึ้งอยู่กับสาวใช้อย่างนั้น

            “ไอ้ไฟ ไอ้บ้า แกไม่มีทางเอาชนะลูกชายฉันได้หรอก! บลาๆๆ...”

            อีกสารพัดคำก่นด่าที่ออกมาจากปากผู้เป็นนายหญิงของบ้าน  จนคนรับใช้ต่างก็เอือมระอาและเอาไปนินทากันอย่างสนุกปาก  แต่เหตุการณ์อย่างนี้มันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคุณผู้ชายของบ้านไม่อยู่เท่านั้น



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*



            เช้าวันต่อมาบนโต๊ะอาหาร

            “หินพ่อจะให้ไฟไปฝึกงานกับเรานะ” จรัญเอ่ยขึ้นในระหว่างรับประทานอาหารเช้า ทุกคนต่างก็มองมาที่หัวโต๊ะเป็นตาเดียวกัน  แต่เพลินพิศกลับจ้องมองลูกเลี้ยงอย่างอาฆาตแค้น

            “ครับคุณพ่อแล้วจะเริ่มฝึกวันไหนครับ” ถึงแม้ว่าจะรู้สึกอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย  แต่หินก็พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด

            “เอ้อลืมถามไปเลย แล้วแกจะมาเริ่มฝึกงานได้วันไหนล่ะไฟ” จรัญหันไปถามลูกชาย

            “วันจันทร์หน้าครับขอผมทำเรื่องกับทางมหา’ลัยก่อน” ไฟตอบอย่างไม่เต็มใจนักโดยเฉพาะการได้ไปอยู่ในปกครองของคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม มันเป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก

            “ออ ก็เตรียมตัวให้พร้อมละกันฉันจะให้พี่หินเค้าเป็นคนสอนงานให้”

            “ครับ”

            เพลินพิศรู้สึกไม่ไว้ใจลูกเลี้ยงคนนี้จึงพยายามที่จะพูดหว่านล้อมให้ผู้เป็นสามีคิดให้ดีอีกครั้ง

            “คุณคะทำไมไม่ลองให้ลูกไฟไปฝึกงานที่อื่นดูก่อนล่ะ เผื่อว่าอาจจะได้ประสบการณ์ดีๆมาพัฒนาที่บริษัทเราในอนาคตก็เป็นได้นะคะ”

            “ผมว่ามาฝึกที่บริษัทเราดีที่สุดแล้ว  อนาคตเผื่อได้มาช่วยงานแล้วจะได้ไม่ต้องมาสอนกันอีก” จรัญเอ่ย

            “แต่ดิฉันว่าลูกไฟน่าจะอยากไปฝึกงานกับเพื่อนๆมากกว่านะคะ” เธอยังไม่ยอมหยุด

            “ไม่ครับผมเต็มใจอีกอย่างได้พี่หินมาสอนงานยิ่งทำให้ผมอยากไปมากๆ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับพี่หิน” ไฟยิ้มให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้า  เพลินพิศไม่มีทางเอาชนะเขาได้หรอก ไม่มีทาง

            “ครับน้องไฟ” หินตอบรับอย่างเสียมิได้พร้อมกับยิ่มเจื่อนๆให้  เขาเริ่มจะกลัวเด็กคนนี้ขึ้นมาซะแล้วสิ  คนอะไรมีความลึกลับซับซ้อน  อยู่ต่อหน้าคนอื่นก็อีกอย่างลับหลังก็อีกอย่างน่ากลัวชะมัด

            “เห็นไหมครับคุณน้าเพลินพิศทุกคนต่างก็เต็มใจ  ไม่เห็นมีความจำเป็นที่ผมจะต้องไปฝึกงานที่อื่นเลย  ผมเองก็อยากช่วยงานคุณพ่อเหมือนกัน” เขายิ้มให้เพลินพิศ  ส่วนเจ้าหล่อนเองก็ยิ้มกลับอย่างปลอมๆ

            “ถ้างั้นก็ขอให้โชคดีกับการฝึกงานนะคะลูกไฟ” เธอยิ้มให้

            “ขอบคุณครับ”

            ทั้งสองมองหน้ากันเหมือนอย่างไม่มีใครยอมใครก่อนที่ไฟจะละสายตาแล้วขอตัวลุกออกจากโต๊ะ

            “ขอตัวไปมหา’ลัยก่อนนะครับ”

            ไม่รอให้ผู้เป็นพ่ออนุญาตไฟก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกมาทันที  ก่อนจะเดินออกจากประตูบ้านก็มีมือของใครบางคนมารั้งแขนเอาไว้  ทำให้ไฟต้องหันไปมองแรงใส่ทันที

            “นายคิดจะทำอะไร” เป็นหินนั่นเอง

            “ไม่ได้ทำอะไร ปล่อย!ฉันรีบ”

            “รีบมากใช่ไหม? เดี๋ยวพี่ไปส่งเองมานี่” พูดแล้วก็ลากตัวมาที่รถ

            “ปล่อยนะไอ้บ้า!” ไฟโวยวายเสียงดัง

            “จะขึ้นดีๆหรือจะต้องให้ทำเหมือนวันนั้นก่อน” เสียงเข้มขู่

            “เอาสิถ้ากล้า” ไฟกล้าท้าทายนั่นเพราะมีคนสวนกำลังยืนทำงานอยู่ไม่ไกลนัก

            “อย่าคิดว่าพี่ไม่กล้านะหรือจะลองดู” ไม่ว่าเปล่าหินค่อยๆโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ

            “ยะ..หยุด! ไปก็ได้” ก่อนที่จะอะไรมันจะเลยเถิดไฟก็รีบเข้าไปนั่งในรถ  เมื่อเห็นอย่างนั้นหินก็ยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจแล้วเดินไปฝั่งคนขับทันที

            อีกมุมหนึ่ง

            น้ำเดินออกมาเห็นทั้งสองคนพอดีก่อนจะยืนทำหน้าเศร้าๆอยู่หน้าบ้าน  เพลินพิศเห็นลูกชายมองตามรถที่กำลังเคลื่อนตัวออกจากรั้วบ้านไปก็เดินเข้ามาปลอบใจ

            “น้ำ”

            “ครับคุณแม่” เมื่อได้ยินเสียงก็หันไปมองทันที

            “อย่าคิดมากนะลูกพี่หินไม่มีทางไปสนใจคนอย่างมันหรอก” เธอบอกกับลูกชายพร้อมกับโอบไหล่เอาไว้

            “คุณแม่อย่าเรียกพี่ไฟอย่างนั้นอีกนะครับ ถึงแม้พี่ไฟจะไม่ใช่ลูกแท้ๆของคุณแม่  แต่พี่ไฟก็คือพี่ชายของน้ำนะครับ”

            “อย่าห้ามแม่เลยลูก น้ำก็รู้ว่าไฟมันกำลังจะจับพี่หินหรือลูกไม่ได้รักพี่หินแล้ว” เธอพยายามเกลี้ยกล่อมให้ลูกชายเกลียดไฟไปด้วยอีกคน

            “น้ำรักพี่หินครับคุณแม่”

            “ถ้ารักพี่หินก็ต้องฟังแม่ ตอนนี้ไอ้ไฟมันกำลังจะจับพี่หินและกำลังคิดจะฮุบสมบัติของคุณพ่อเอาไว้คนเดียว  ถ้าน้ำอยากแต่งงานกับพี่หินต้องเชื่อฟังแม่อย่าไปญาติดีกับไอ้ไฟเด็ดขาด”

            “ครับแม่น้ำจะเชื่อฟังแม่ทุกอย่าง”

            “ดีมากลูก”

            เธอกอดลูกชายเอาไว้พร้อมกับแสยะยิ้มออกมาอย่างพอใจ คนอย่างแกไม่สมควรที่จะมีใครรักและหวังดีด้วยไอ้ไฟ เพลินพิศคิดในใจ



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*



            ขณะอยู่บนรถ

            “นายคิดจะทำอะไรบอกพี่มา”

            “ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ทำอะไร” ไฟตอบกลับด้วยสีหน้าบึ้งตึง

            “ทำไมถึงอยากไปฝึกงานที่บริษัทร้อยวันพันปีพี่ไม่เคยเห็นว่านายจะอยากไปที่นั่นเลย” ตอนนี้หินกลัวว่าไฟจะเข้าไปป่วนที่บริษัท  จนทำให้ทุกอย่างเสียหายนิสัยของไฟใครๆก็รู้ดีว่าร้ายกาจขนาดไหน

            “ฉันไม่ได้อยากไปที่นั่นสักหน่อยคุณพ่อต่างหากที่บังคับ”

            “อย่ามาโกหกซะให้ยาก ตอนอยู่บนโต๊ะอาหารชัดเจนซะขนาดนั้นว่านายเต็มใจ”

            “ก็แล้วแต่นายจะเชื่อหรือไม่เชื่อฉันเบื่อจะคุยแล้ว รีบๆขับไปฉันอึดอัดที่จะอยู่กับคนต่ำๆอย่างนายแล้ว” ไฟเอ่ยอย่างไม่ยี่หระก่อนจะเบนหน้าออกไปที่ข้างทาง

            เอี๊ยด!

            “โอ๊ย! จะจอดหาสวรรค์วิมานอะไรเนี่ย” ไฟตะโกนเสียงดังใส่หน้า เพราะหน้าผากเกือบกระแทกกับหน้ารถ

            “คำก็ต่ำสองคำก็ต่ำ ไม่คิดเหรอว่าสักวันนายอาจจะได้เป็นเมียคนต่ำๆอย่างพี่” หินยิ้มเหี้ยมใส่จนคนที่นั่งอยู่ถึงกับขนลุกขึ้นมาทันที

            “นะ..นายจะทำอะไร” ไม่รอช้าไฟรีบปลดเข็มขัดนิรภัยออก  แต่ไม่ทันการณ์เพราะโดนมือหนาจับเอาไว้ก่อนจะประกบจูบอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

            “อะ...อื้อ” มือเรียวพยายามทุบที่อกแกร่งอย่างไม่ยั้งมือ  แต่หินกลับรวบเอาไว้แน่นจนหมดหนทางขัดขืน  หินบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างรุนแรง ลิ้นเย็นๆถูกส่งเข้าไปในโพรงปากตักตวงความหอมหวานอย่างไม่มีท่าทีว่าจะจบสิ้น  เสียงลมหายใจถี่ดังขึ้นอย่างไม่ขาดสายบ่งบอกถึงความต้องการที่มากล้นของคนตัวสูง  เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ใต้อาณัติไม่มีท่าทีจะขัดขืนบวกกับความอิ่มเอมใจของตัวเอง  หินก็ผละริมฝีปากออกมาแล้วจ้องหน้าคนตัวเล็กอย่างพอใจ

            “นี่คือบทลงโทษของคนดื้อ จำเอาไว้ว่าถ้านายยังร้ายกาจแบบนี้มันจะไม่ใช่แค่จูบ พอเข้าใจนะ” เขายิ้มกริ่มให้อย่างผู้ชนะ แต่ไฟกลับจ้องหน้าอย่างอาฆาตแค้น

            “คนอย่างนายมันก็ทำได้แค่นี้ล่ะ ฉันจะถือว่าทำบุญทำทานให้หมูให้หมา” ใบหน้าบูดบึ้งทำให้หินยิ้มกริ่มในหัวใจ  เขาอยากรู้ว่าคนตัวเล็กจะร้ายได้ขนาดไหนกันเชียว  คนอย่างเขาก็เป็นพวกชอบปราบพยศอยู่แล้วล่ะสิมันทำให้เขารู้สึกกระปี้กระเปร่ามากเหลือเกิน



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*



-----------------------------------------------------------
ฝากติดตามกันด้วยนะครับ
ฝาเพจด้วยนะ
https://web.facebook.com/MilerStory/?ref=bookmarks :z10:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้าย:::::lll:::Ch.02--บทลงโทษ--(Up.07-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-03-2018 01:54:39
ไฟ หนูอย่าร้ายให้มากนักนะ จะเป็นอันตราย เป็นห่วง  :hao3:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้าย:::::lll:::Ch.02--บทลงโทษ--(Up.07-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 08-03-2018 09:53:58
อูยยยยย ร้อนแรง
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้าย:::::lll:::Ch.02--บทลงโทษ--(Up.07-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 08-03-2018 17:58:00
 o13
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้าย:::::lll:::Ch.02--บทลงโทษ--(Up.07-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 09-03-2018 01:03:39
สนุกนายเอกร้ายแซ่บ ติดตาม
หัวข้อ: lll:::::ไฟร้าย:::::lll:::Ch.03--วันแรกของเด็กฝึกงาน--(Up.10-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 10-03-2018 15:32:34
CHAPTER

-03-

วันแรกของเด็กฝึกงาน
[/b]



             ไฟรู้สึกหิวในช่วงดึกจึงเดินออกมาจากห้องเพื่อลงไปหาอะไรรองท้องที่ห้องครัว  แต่บังเอิญได้ยินเสียงน้องชายต่างมารดาดังแว่วเข้าหู  ก่อนจะหลบตัวที่มุมห้องเพื่อแอบฟังอย่างตั้งใจ

            “พี่หินครับ!”

             “มีอะไรรึเปล่าน้ำ?” หินกำลังจะเดินเข้าไปในห้องนอนจำต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียก  แล้วหันไปยิ้มให้น้องชายที่สุดแสนจะเรียบร้อยและน่ารักอย่างอ่อนโยน

            “คือ...น้ำขอถามอะไรหน่อยครับ ตอบตามความจริงนะครับพี่หิน” ท่าทางลังเลของน้ำทำให้คนที่กำลังฟังถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากัน

            “ว่ามาสิ”

            “พี่หินคิดยังไงกับพี่ไฟครับ ผมเห็นพี่หินกับพี่ไฟ...เอ่อ...จูบกันเมื่อวันก่อน” น้ำก้มหน้าเอ่ยคำถาม  เขาคิดมากจนจะเป็นบ้าถ้าไม่ได้ถามวันนี้คงจะอกแตกตายอย่างแน่นอน  ความรักที่มีให้หินนั้นมันมากมายเหลือเกิน  ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีผู้ชายคนไหนที่สามารถเข้ามาอยู่ในหัวใจของน้ำได้เลย  มีเพียงผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้คนเดียวเท่านั้น  แค่เห็นหินจูบกับไฟเมื่อวันก่อนหัวใจก็แทบแหลกสลายเป็นผุยผง

            หินทำหน้าไม่ถูกเมื่อเจอคำถามแทงใจอย่างนี้  ไม่ใช่หินไม่รู้ว่าน้ำชอบตัวเองแต่เขาคิดกับน้ำแค่น้องชายเท่านั้น  บางทีมันก็ยากที่จะปฏิเสธเพราะกลัวว่าอีกคนจะเสียใจแต่ถ้าไม่บอกตอนนี้  เขาก็กลัวว่าน้ำจะคิดไปเองฝ่ายเดียวจนไม่เปิดใจให้ใคร  ซึ่งมันไม่ดีแน่ถ้าเป็นอย่างนั้น

            “พี่ไม่ได้คิดอะไรกับไฟทั้งนั้น ที่น้ำเห็นมันเป็นแค่การลงโทษเล็กๆน้อยๆคนอย่างไฟถ้าพี่ไม่ทำอย่างนั้นก็คงจะไม่ยอมหยุด  พี่คงรักคนอย่างนั้นไม่ลงหรอกครับ” หินตอบ

            เมื่อได้ยินน้ำก็ยิ้มออกมาทันที  เขาจ้องหน้าชายหนุ่มด้วยความดีใจอย่างน้อยมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด

            “น้ำดีใจที่พี่หินตอบอย่างนี้”

            “น้ำ....” หินถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเอ่ยกับคนที่อยู่ตรงหน้า “ถึงแม้พี่จะไม่ได้รักไฟแต่พี่ก็คงรักน้ำเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากความเป็นพี่น้อง  พี่รักน้ำเหมือนกับน้องชายคนนึงเท่านั้น  พี่อยากให้น้ำเปิดใจให้กับคนอื่นดูบ้าง  ถ้าน้ำยังคงยึดติดกับพี่มันจะเป็นการปิดโอกาสตัวเองนะครับ”

            “ทำไมพี่รักน้ำไม่ได้? ทำไม? ฮึก” คนที่ยืนฟังอยู่ถึงกับน้ำตาซึมออกมาทันที  น้ำรู้สึกเหมือนมีคนเอามีดมากรีดที่หัวใจมันเจ็บปวดมากเหลือเกิน

            “พี่ขอโทษ...น้ำอย่าร้องสิครับ” หินเอื้อมมือจะเช็ดน้ำตาให้กับน้องชาย  แต่เจ้าตัวกลับขยับตัวหนี

            “น้ำเกลียดพี่หิน! น้ำเกลียดพี่หิน!” หลังจากตะโกนใส่หน้าแล้วก็รีบวิ่งเข้าไปที่ห้อง

            “น้ำเดี๋ยวก่อน!” หินทำได้แค่เพียงตะโกนตามหลังไปอย่างรู้สึกผิด  แต่มันก็ดีแล้วที่เป็นอย่างนี้ทุกอย่างมันจะได้กระจ่างเสียที

            ไฟที่แอบฟังอยู่ก็เดินเข้ามาหาคนตัวโตทันที

            “รู้สึกผิดมากเลยเหรอ? ตามไปสิ” ไฟเอ่ยถามพร้อมกับเบ้ปากใส่อย่างไม่ยี่หระ  เขารู้สึกสะใจมากจริงๆที่เรื่องมันเป็นอย่างนี้  เพลินพิศจะรู้ไหมนะว่าคนที่เธอหมายจะให้แต่งงานกับลูกชาย  ไม่ได้พิศวาสลูกของเธอเลยแม้แต่น้อย

            “นายนี่ไม่มีมารยาทเอาซะเลย!” หินว่าให้เมื่อรู้ว่าไฟแอบฟังที่เขาและน้ำพูดกันเมื่อสักครู่

            “แล้วไงใครแคร์ ถ้าไม่แอบฟังก็ไม่รู้สิว่าน้องชายหน้าโง่มันรักนายขนาดนี้  ทำไมไม่สงเคราะห์มันไปสักครั้งสองครั้งล่ะ รู้สึกสมเพชจริงๆ” เขาแสยะยิ้ม

            “นายนี่เลวจนไม่รู้จะเอาอะไรมาเปรียบเทียบเลยจริงๆ ที่พูดถึงอยู่นั่นน้องชายของนายนะ”

            “ฉันไม่นับว่ามันเป็นน้องมันก็ไม่ต่างจากแม่ของมัน  ที่นี่ไม่มีใครรักและหวังดีกับฉันซักคน แล้วทำไมฉันจะต้องแคร์พวกมันด้วยล่ะ” ไฟตอบด้วยสีหน้าจริงจัง  เขาอยู่ที่นี่เหมือนอยู่ตัวคนเดียวทั้งๆที่มีผู้คนรายล้อม  แม้กระทั่งผู้เป็นพ่อก็ไม่ได้ใส่ใจเขามากมายนัก  นับประสาอะไรกับคนอื่นๆที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน

            “ว่าแต่คนอื่นต่ำ ไม่เคยดูตัวเองเลยว่าต่ำขนาดไหน  นายนี่ไม่น่าเกิดมาเป็นลูกคุณพ่อเลยจริงๆ” ไฟส่ายหัวให้กับความร้ายกาจของน้องชายต่างสายเลือด

            “ใช่สิก็ฉันไม่ใช่คนโปรดอย่างนายนี่  ขนาดเป็นลูกคนใช้คุณพ่อยังโปรดปรานขนาดนี้  ถ้าเป็นลูกจริงๆคงจะประเคนทุกอย่างให้หมดเลยสินะ” ไฟเอ่ยประชดประชัน

            “นายอิจฉารึไง?” หินเอ่ยพร้อมกับค่อยๆเดินเข้าไปหาแล้วจับที่ต้นแขนดึงตัวเข้ามาหาตัวเอง

            “ไม่เลยสักนิด ฉันไม่มีทางอิจฉาลูกคนชั้นต่ำอย่างนายหรอก” ไฟจ้องหน้าอย่างไม่ลดละ

            “สงสัยจะติดใจรสจูบของพี่สินะถึงได้ปากดีอย่างนี้” หินมองที่ริมฝีปากบางอย่างสนใจ  เขาจงใจจะแกล้งให้อีกคนรู้สึกกลัว  แต่ไม่มีทางที่คนอย่างไฟจะกลัวอย่างที่เขาคาดหมายเอาไว้

            “คนอย่างนายมันก็ทำได้แค่รังแกคนอื่น” พูดจบไม่ถึงวินาทีไฟก็ตีเข่าไปที่กลางเป้าของหินทันที

            “โอ๊ย! เชี่ยยย” หินร้องขึ้นเสียงดังพร้อมกับเอามือกุมที่น้องชายเอาไว้  มันจุกจนเขาต้องนั่งคุกเข่าลงที่พื้นก่อนที่ไฟจะง้างมือเรียวฟาดไปที่ใบหน้าอีกครั้ง

            เพี๊ยะ!

            “นี่สำหรับที่นายเคยทำอะไรฉันไว้ คนอย่างฉันฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ จำไว้!” ร่างบางชี้หน้าชายหนุ่มที่กำลังนั่งกุมเป้าพร้อมกับทำหน้าเหยเกอยู่บนพื้น  หลังจากนั้นก็เดินลงข้างล่างไป

            “นายเจอดีแน่ไฟ” หินมองตามหลังไปด้วยความเจ็บใจ  เขาไม่น่าเสียท่าให้กับผู้ชายตัวเล็กๆคนนี้เลย  มันน่าอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีเสียจริงๆ



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*



            @ บริษัทศิริกรโสภณ

            วันนี้เป็นวันแรกที่ไฟต้องเข้ามาฝึกงานที่บริษัท  หินนั่งรออยู่ในห้องทำงานอย่างหงุดหงิดเพราะตอนนี้ก็ล่วงเลยเวลาเข้างานมานานแล้วแต่เด็กฝึกงานกลับยังไม่มีวี่แววจะเข้ามาสักที  ทั้งๆที่เมื่อเช้าเขาเห็นไฟขับรถออกมาจากบ้านก่อนใคร

            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            เสียงเคาะประตูห้องทำให้หินหลุดจากภวังค์แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองที่ต้นเสียง

            “คุณหินคะเด็กฝึกงานคนใหม่มาถึงแล้วค่ะ” เลขาสาวสวยหน้าห้องเข้ามาแจ้ง

            “ให้เข้ามาได้”

            “ค่ะ”

            หลังจากนั้นไม่นานไฟก็เปิดประตูเข้ามายืนมองหน้าอย่างไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย

            “นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ทำไมถึงมาเอาป่านนี้” หินเอ่ยกับเด็กฝึกงานคนใหม่ด้วยสีหน้าจริงจัง

            “แล้วไงพ่อฉันเป็นเจ้าของที่นี่จะเข้าตอนไหนก็ได้ป่ะ” ไฟยืนกอดอกตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจ

            “ทุกคนที่นี่ต้องอยู่ในกฎระเบียบของบริษัท ไม่เว้นแม้กระทั่งพี่หรือคุณพ่อ  ถึงแม้นายจะเป็นแค่เด็กฝึกงานก็ต้องทำตามกฏระเบียบ  แค่นี้คิดเองไม่เป็นรึไงห๊ะ!”

            “ก็ฉันอยากจะทำแล้วจะทำไม” ร่างบางเบ้ปากใส่อย่างได้ไม่สนใจคำพูดของหินเมื่อสักครู่เลยแม้แต่น้อย

            “วันนี้วันแรกพี่จะอนุโลมให้แต่ถ้ามีครั้งหน้าอีกนายโดนดีแน่” หินชี้หน้าเจ้าตัวคาดโทษเอาไว้  เขาต้องข่มอารมณ์โมโหเอาไว้เพราะดูท่าแล้วคงจะเจอแบบนี้อีกบ่อยๆมันจะได้ชิน

            ไฟไม่ได้โต้ตอบอะไรเขาเพียงแค่กรอกลูกตาไปมาพร้อมกับเบ้ปากยืนอยู่อย่างนั้น

            “นั่งลงก่อนสิพี่จะสั่งงาน” เขาสั่งเมื่อเห็นไฟไม่มีทีท่าว่าจะยอมนั่งลงง่ายๆ

            ไฟยอมนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของหินอย่างเสียมิได้  ก่อนที่เจ้าของห้องจะเดินถือแฟ้มอ้อมมาหลังเก้าอี้ที่ไฟนั่งอยู่แล้ววางลงแฟ้มบนโต๊ะเสียงดัง

             “อ่านซะ” เขาเอ่ยแล้วก้มโค้งลงมากักตัวหนุ่มน้อยเอาไว้ด้วยวงแขนแกร่งที่ข้างหนึ่งค้ำอยู่บนโต๊ะ  และอีกข้างที่ค้ำอยู่บนพนักเก้าอี้

            “จะอ้อมมาเพื่อ? ออกไปดิ๊” ไฟเอี้ยวตัวมาผลักอกแกร่งให้ออกห่างจากตัวเอง  แต่มีหรือที่หินจะยอมให้มันเป็นอย่างนั้น  เมื่อคืนเขายังไม่ได้ชำระความกับเด็กน้อยคนนี้เลย

            “สอนงานไงนั่งอยู่เฉยๆไม่งั้นพี่จะจูบจรงๆด้วย เมื่อคืนยังไม่ได้ชำระความเลยนะ” หินส่งสายตาพิฆาตมาจนคนที่อยู่ในวงแขนแกร่งต้องยอมนิ่งแต่โดยดี

            “นี่นายกำลังคุกคามฉันอยู่นะ”

            “ใครบอกมันเป็นวิธีการสอนงานของพี่เอง” หินยกยิ้มที่มุมปาก

            “คงจะทำกับเด็กฝึกงานบ่อยๆล่ะสิ  สงสารคุณพ่อจริงๆที่ไว้ใจคนอย่างนี้”

            “คนอื่นไม่ได้ดื้ออย่างนี้นายคือคนแรกที่พี่ต้องใช้วิธีนี้เข้าใจนะ”

            “โกหก” ใบหน้าบูดบึ้งเอ่ยออกมาเบาๆก่อนจะนั่งมองดูแฟ้มที่วางอยู่บนโต๊ะ  หากจะมองไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มก็คงไม่ได้เพราะอยู่ห่างกันเพียงแค่คืบเท่านั้น

            “นี่เป็นเอกสารที่เลขาจะเอามาให้พี่เซนต์ทุกๆวัน  ต่อไปนี้จะเป็นหน้าที่ของนายต้องตรวจก่อนที่จะเอามาให้พี่เซนต์” หินเอ่ย

            “แล้วฉันจะรู้ได้ไงว่ามันผิดตรงไหน ก็เพิ่งมาทำงานวันแรกนี่” ไฟเอ่ยถามแล้วหันหน้าไปมองชายหนุ่ม  เขาลืมไปว่าตอนนี้ใบหน้าทั้งสองห่างกันแค่นิดเดียว  ทำให้จมูกของทั้งสองสัมผัสกัน สายตาที่จ้องกันอย่างไม่ได้ตั้งใจมันเหมือนมีมนตร์วิเศษที่ไม่อาจจะละสายตาไปได้

            หินรู้สึกแปลกที่อยู่ๆหัวใจก็เต้นแรงผิดจังหวะ  ทำไมในดวงตาคู่นี้มันมีแรงดึงดูดมากขนาดนี้  ทำไมกลิ่นตัวของคนที่อยู่ตรงหน้ามันถึงได้หอมหวลชวนน่าสัมผัสมากเหลือเกิน

            “ทำไมไม่ตอบล่ะ?” เสียงของไฟทำให้สติของหินกลับคืนมาก่อนจะผละตัวออกไป

            “เอ่อ...อ่านๆไปถ้าสงสัยตรงไหนก็มาถามพี่ละกัน เอาแฟ้มไปนั่งอ่านตรงนั้นก่อนไป” เขาชี้ไปที่โซฟามุมห้อง

            ไฟมองหน้าอย่างไม่เข้าใจก่อนจะถือแฟ้มเดินไปนั่งที่โซฟา  ส่วนหินก็เดินกลับมานั่งที่โต๊ะเหมือนเดิม  เขาพรูลมออกจากปากหลายต่อหลายครั้งเพื่อทำใจให้เป็นปกติ  ทำไมอยู่ๆถึงได้เป็นอย่างนี้นะทั้งๆที่แต่ก่อนถึงขั้นจูบแต่ก็ยังรู้สึกเฉยๆ แต่นี่แค่จ้องตาในระยะประชิดครั้งเดียวเหมือนกับต้องมนตร์ซะอย่างนั้น  ‘นายทำอะไรใส่ฉันนะไฟ’ หินได้แต่คิดในใจ

            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            เสียงประตูดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่หินจะมองไป  และพบว่าเป็นท่านประธานของบริษัทนั่นเองที่กำลังเดินเข้ามา  หินลุกขึ้นยืนแล้วยกมือขึ้นไหว้

            “คุณพ่อมีอะไรรึเปล่าครับถึงได้มาที่ห้องด้วยตัวเอง” เขาเอ่ยถามแต่สายตาของผู้เป็นพ่อกลับมองไปที่เด็กฝึกงานคนใหม่

            ไฟมองผู้เป็นพ่อแวบนึ่งก่อนจะก้มหน้าทำเป็นอ่านเอกสารในแฟ้มอย่างตั้งใจ  เขาขี้เกียจจะคุยกับพ่อของตัวเองซะเต็มประดา

            “เป็นไงบ้างหินเด็กฝึกงานคนใหม่” จรัญเอ่ยถามลูกชาย

            “วันแรกก็มาสายแล้วครับคุณพ่อ แต่ผมได้ตักเตือนเรียบร้อยแล้วครับ”

            “จัดการได้ตามสบายเลยนะพ่ออนุญาต เด็กฝึกงานก็คือเด็กฝึกงานจะไม่มีอภิสิทธิ์เหนือกว่าใครๆทั้งนั้น พ่อฝากด้วยนะ” เขารู้ดีว่าลูกชายคงไม่อยากจะพูดด้วยสักเท่าไหร่ จึงได้แต่เอ่ยกับหินแต่จุดประสงค์ก็เพื่อให้ลูกชายตัวดีได้ยินไปด้วย

            “ครับคุณพ่อ ผมจะดูแลให้ดีที่สุดเลยครับ” หินเน้นเสียงประโยคสุดท้ายเพื่อให้คนที่นั่งนิ่งอยู่ที่โซฟาได้ยินถนัด

            “เดี๋ยวพ่อออกไปประชุมข้างนอกก่อนนะ คงไม่เข้ามาบริษัทอีก”

            “ครับคุณพ่อ”

            หินยกมือขึ้นไหว้อีกครั้งก่อนที่จรัญจะเดินออกไป

            “ขี้ประจบอย่างนี้สินะคุณพ่อถึงได้หลงนักหลงหนา” เสียงหวานเอ่ยขึ้นลอยๆขณะก้มหน้าอ่านเอกสารในแฟ้ม  โดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้คนตัวสูงได้เดินเข้ามานั่งข้างๆพร้อมกับโอบไหล่บางเอาไว้แล้ว “เหี้ยอะไรเนี่ย ปล่อย!”

            “ไม่ได้ยินเหรอว่าคุณพ่อฝากให้พี่ดูแล ไหนไม่เข้าใจตรงไหนบ้าง” ไฟพยายามแกมือหนาออกแต่ก็ไม่เป็นผล  ก่อนจะถอนหายใจนั่งนิ่งทำหน้าเซ็งๆ

            “เข้าใจทุกบรรทัด ปล่อย!”

            “ไม่ปล่อย!” คนตัวโตมองหน้าแล้วเลิกคิ้วใส่

            “ปล่อยไม่งั้นโดนดีแน่”

            “กลัวตายล่ะ” แทนที่จะยอมปล่อยโดยง่ายแต่หินกลับกอดเด็กฝึกงานแน่นขึ้นไปอีก พร้อมกับมองใบหน้าหวานนั้นอย่างเพลินตา  เขาลืมตัวอีกแล้วใบหน้าคมค่อยๆโน้มเข้าไปหอมแก้มฟอดใหญ่

            “อี๋...ไอ้คนฉวยโอกาส นี่มันห้องทำงานนะ!” คนที่โดนหอมแก้มเอียงหน้าหนีโดยเร็ว  ใบหูแดงผึ่งลามมาจนถึงใบหน้า  ผิวที่ขาวจัดทำให้ทุกอย่างที่แสดงออกมันชัดเจนมาก  จนผู้คุมเกมส์นั้นถึงกับยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ

            “แล้วไงนี่ห้องทำงานส่วนตัวพี่นายระวังตัวไว้เถอะ ถ้ายังไม่ทำตัวดีๆก็จะโดนอย่างนี้เรื่อยๆนี่ถือว่าเตือนแล้วนะ”

            “เออๆ เข้าใจแล้วปล่อยดิ” ตอนนี้ต้องยอมๆไปก่อนเขาขยะแขยงอ้อมกอดนี้เต็มทนแล้ว

            “อย่าลืมที่พูดล่ะไม่งั้นมันอาจจะไม่ใช่แค่นี้”

            หินยอมคลายอ้อมกอดนั้นอย่างเสียดาย แล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานเหมือนเดิม  หลายต่อหลายครั้งที่สายตาเหลือบมองคนที่นั่งอยู่โซฟา เขาไม่ได้ชอบเด็กที่ก้าวร้าวคนนี้ ไม่มีทาง เขาต้องไม่ชอบ  ถ้าหากต้องชอบใครสักคนเขาขอให้คนนั้นเป็นน้ำยังจะดีกว่าซะอีก หินได้แต่ทำสงครามกับความคิดของตัวเองอยู่อย่างนั้น

ช่วงพักเที่ยง

            “ป่ะลงไปทานข้าวกัน”

            เมื่อได้ยินเสียงเรียกไฟก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วยืดเส้นยืดสายทันที  เขารู้สึกเบื่อกับการที่ต้องมานั่งอ่านเอกสารบ้าบออะไรพวกนี้  จริงๆแล้วมันแทบจะไม่รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำแต่ก็ขี้เกียจให้คนอย่างนายนั่นมาอธิบายให้ฟัง  เกลียดขี้หน้าจะตายชัก

            “ไปกินที่ไหนอ่ะ”

            “ตามหาเถอะเดี๋ยวก็รู้เอง”

            ไฟยอมเดินตามผู้สอนงานโดยง่าย  เมื่อขึ้นลิฟท์ลงมาชั้นล่างสุดคนตัวสูงก็พาเดินเข้าไปยังห้องอาหารของบริษัท  ช่วงเที่ยงอย่างนี้พนักงานทุกคนต่างก็ทยอยพากันเข้ามาจับจองที่นั่งจนเกือบเต็ม

            ไฟมองหน้าหินอย่างมีคำถาม  นี่เขาต้องมานั่งทานข้าวกับพนักงานพวกนี้เหรอเนี่ย  คนอย่างนายนั่นปกติคงไม่มานั่งทานที่นี่อย่างแน่นอน  ไฟคิดว่าตัวเองคงจะโดนแกล้งให้มานั่งทานข้าวที่นี่

            “เราต้องทานข้าวที่นี่งั้นเหรอ?”

            “ใช่ ทำไมเหรอ” หินมองหน้าอย่างไม่เข้าใจ

            “ฉันไม่เชื่อว่านายจะมาทานข้าวที่นี่ทุกวัน นายจงใจแกล้งฉันใช่ไหม” เขามองหน้าหินอย่างเอาเรื่อง

            “เปล่าพี่ก็มาทานที่นี่ทุกวัน อาหารที่นี่อร่อยทุกร้านแถมยังสะอาดอีกด้วยนะ”

            “ฉันไม่กินข้าวกับพนักงานระดับล่างพวกนี้แน่” ไฟเอ่ยเสียงดังจนพนักงานที่อยู่ใกล้ๆต่างก็หันมามองเป็นตาเดียวกัน

            “เบาๆสินี่ไม่ใช่ที่บ้านนะ พี่จะบอกอะไรให้คนที่จะเป็นเจ้านายคนได้ต้องเข้าถึงลูกน้อง  ต้องได้ใจลูกน้อง  เราอาจจะโดนแบ่งชนชั้นจากตำแหน่งหน้าที่  แต่เราทุกคนคือครอบครัวเดียวกัน  การมาทานข้าวที่นี่มันก็บ่งบอกว่าเราไม่ถือตัว  หากเค้าศรัทธาในตัวเราการปกครองมันก็จะมีประสิทธิภาพขึ้นไปอีก” เขาเอ่ยกับคนตัวเล็กซะยืดยาว

            “รู้แล้วน่าบ่นซะยาวเชียว แล้วจะนั่งไหนล่ะ” ดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ไฟฟังเหตุผลของหิน  เขายอมอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด

            ขณะที่ทั้งสองกำลังมองหาโต๊ะว่างอยู่นั้นก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น

             “ว้าย! ขอโทษค่ะ” หญิงสาวร้องเสียงหลงจนคนทั้งโรงอาหารหันมามอง  แก้วน้ำแดงในมือของพนักงานสาวหกรดบนเสื้อนักศึกษาสีขาวของไฟจนเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที

            “เธอทำบ้าอะไรเนี่ย ดูสิเสื้อฉันเลอะหมดแล้ว” คนที่โดนน้ำแดงหกรดบนเสื้อตวาดแหวเสียงดัง  จนหญิงสาวต้องหดคอลงด้วยความตกใจกลัวทันที

            “ดิฉันขอโทษคะ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” เธอยกมือขึ้นไหว้ปรกๆ

            “กราบตีนฉันเดี๋ยวนี้ ฉันถึงจะยกโทษให้” ไฟชี้ลงที่พื้น

            หินรีบห้ามเอาไว้เพราะคำพูดของไฟมันแรงมาก  จนทำให้พนักงานต่างก็ซุบซิบนินทากันเสียงดังระงม  เขากลัวว่าทุกอย่างมันจะเลยเถิดไป  จึงสั่งให้พนักงานสาวคนนั้นรีบเดินออกไป

            “เธอไปได้แล้วไม่ต้องกราบอะไรทั้งนั้น ขอโทษแทนเด็กฝึกงานคนนี้ด้วย” หินสั่งก่อนที่หญิงสาวจะเดินไปโดยเร็ว

            “นี่นายทำไมพูดอย่างนี้ ไม่เห็นเหรอว่ามันทำเสื้อฉันเปื้อนไปหมด” ไฟถลึงตาใส่คนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความโมโห

            “คำพูดของนายมันแรงเกินไป  อีกอย่างนายมาอยู่ที่นี่ในฐานะเด็กฝึกงานไม่ใช่ลูกเจ้าของบริษัทจำไว้ด้วย”

            “นายมันก็เข้าข้างลูกน้องนายนี่” ไม่ว่าเปล่าคนตัวเล็กผลักอกคนตัวสูงอย่างเอาเรื่อง

            “ท่าจะพูดจาไม่รู้เรื่องแล้วออกมานี่” พูดจบก็จูงมือออกมาข้างนอกทันที

            “ปล่อยเดี๋ยวนี้นะฉันจะกลับบ้าน”

            “อย่าเอาแต่ใจตัวเองตามมา!”

            หินกึ่งลากกึ่งดึงให้เดินตามอย่างทุลักทุเล



            อีกมุมหนึ่งของพนักงานสาว

            “ฮัลโลคุณเพลินพิศคะ”

            (“เป็นไงบ้างหญิงเธอทำงานเสร็จเรียบร้อยรึยัง”)

            “เรียบร้อยแล้วค่ะตอนนี้ทุกคนกำลังซุบซิบนินทาคุณไฟกันทั้งบริษัทแล้ว”

            (“เยี่ยมมากเดี๋ยวฉันจะตบรางวัลให้เธออย่างงาม จับตามองมันแล้วมารายงานฉันด้วย”)

            “ค่ะคุณเพลินพิศ”

            (“แค่นี้ล่ะ”)

            “สวัสดีค่ะ”

            หญิงคือพนักงานที่เคยสนิทสนมกับเพลินพิศมาก่อน  เธอจึงสั่งให้คอยสังเกตการณ์และสร้างเรื่องแกล้งลูกเลี้ยงของเธอขณะมาฝึกงานที่นี่...



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*


--------------------------------
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้าย:::::lll:::Ch.03--วันแรกของเด็กฝึกงาน--(Up.10-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-03-2018 15:43:01
ถ้ารู้ว่าชะนีตัวนั้นเป็นสาย ไฟคงไม่แค่ด่า คงจะ.....  :z6:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้าย:::::lll:::Ch.03--วันแรกของเด็กฝึกงาน--(Up.10-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: wanirahot ที่ 10-03-2018 16:04:08
เริ่มสนุก ติดตามค่า
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้าย:::::lll:::Ch.03--วันแรกของเด็กฝึกงาน--(Up.10-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Hyung. ที่ 10-03-2018 20:03:09
เกลียดนังเพลินพิศ  :z6:
ไฟก็แรงเกินไปนะ ปากร้ายขนาดนี้สักวันหินทนไม่ได้ขึ้นมาล่ะก็ ...  :-[
หัวข้อ: lll:::::ไฟร้าย:::::lll:::Ch.04--ยั่วโมโห--(Up.13-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 13-03-2018 14:41:35
CHAPTER

-04-

ยั่วโมโห



             ร้านอาหารแห่งหนึ่ง

            “นี่เป็นแผนของนายรึเปล่า?”

            หินจำเป็นต้องพาไฟออกมาทานข้าวนอกบริษัท  หลังจากเจ้าตัวโวยวายไม่มีทีท่าว่าจะยอมอ่อนลงโดยง่าย

            “แผนบ้าแผนบออะไรของนาย”

            “ก็แกล้งเดินชนให้น้ำแดงหกใส่เสื้อเพื่อที่จะได้ออกมาทานข้าวข้างนอกอย่างนี้ไงล่ะ”

            “นายเอาสมองส่วนไหนคิด ใครจะบ้าทำเรื่องอย่างนั้น ยัยนั่นมันตั้งใจมาชนฉันเองต่างหากล่ะ” เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ทีไรยิ่งทำให้โมโหทุกครั้ง เขาจำหน้าพนักงานสาวคนนั้นได้ดีสักวันจะต้องเอาคืนให้สาสม

            “เดี๋ยวกินแล้วจะพาไปซื้อเสื้อใหม่ละกัน รำคาญลูกตา”

            “ฉันอิ่มแล้วไปตอนนี้เลยเหนียวตัวจะแย่ จริงๆนายควรพาฉันไปก่อนที่จะมานั่งอยู่อย่างนี้”

            “สรุปมันเป็นความผิดของพี่เหรอเนี่ย คนอย่างนายเคยโทษตัวเองบ้างไหม?”

            “ไม่! ฉันถูกเสมอ”

            ไฟลุกขึ้นแล้วเดินออกมารอที่รถ ส่วนอีกคนก็รอเช็คบิลแล้วเดินตามมาสมทบทีหลัง  หินพาคุณหนูตัวร้ายไปซื้อเสื้อใหม่ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยต้องมายืนรอคนอื่นลองเสื้ออย่างนี้มาก่อน  บางทีมันก็รู้สึกแปลกๆกับสายตาที่พนักงานสาวแอบมองมา  ราวกับว่าเขากับไฟเป็นแฟนกันซะอย่างนั้น

            ครืดดด

            เสียงเลื่อนประตูห้องลองเสื้อดังขึ้นทำให้ไฟที่กำลังยืนเปลือยท่อนบนอยู่นั้น  รีบเอาเสื้อที่กำลังจะลองมาปกปิดที่หน้าอกเอาไว้

            “นายเข้ามาทำไมเนี่ย ออกไป๊!”

            เมื่อเห็นอย่างนั้นหินก็ทำหน้าเหรอหราแต่ก็ยังไม่ยอมออกไปโดยง่าย  นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเรือนร่างที่บอบบางของคนที่ปากดีอย่างไฟ  ผิวกายที่ขาวนวลเนียนชวนสัมผัส  ยอดอกสีชมพูระเรื่อทั้งสองข้างที่เห็นก่อนจะถูกปกปิดด้วยเสื้อเป็นที่ล่อตาล่อใจมากเหลือเกิน

            “ไม่มีใครอยากดูของนายหรอก แค่เสื้อตัวเดียวทำไมต้องลองซะนานขนาดนี้ด้วย” เขาเอ่ยเหมือนไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับภาพที่เห็น

            “ฉันไม่เชื่อใจคนอย่างนายหรอก ออกไปเลยจะเสร็จแล้ว!” ร่างบางตะโกนไล่

            “เร็วๆด้วยจะถึงเวลาเข้างานแล้ว” หินเดินออกไปแต่ยังคงนึกถึงภาพที่เห็นเมื่อสักครู่  มันยังคงติดตาเขาอยู่ไม่หาย

            หินยืนรออยู่สักพักไฟก็เดินออกมาพร้อมกับเสื้อตัวใหม่  เขาปรายตามองก่อนจะเดินนำหน้าไปที่ลานจอดรถทันที

            @ บริษัทศิริกรโสภณ

            “วันแรกก็ก่อเรื่องวุ่นวายซะแล้ว จะฝึกงานผ่านรึเปล่าเนี่ย” เมื่อกลับมาถึงห้องหินก็เริ่มปะทะฝีปากทันที

            “ใครก่อเรื่องฉันไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อนซะหน่อย”

            “ถึงแม้นายจะไม่ได้เป็นคนเริ่มแต่คำพูดคำจาของนายมันไม่ปกติ การอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมสิ่งที่ต้องระวังคือคำพูด  เคยได้ยินไหมสุภาษิตที่บอกว่า ‘ปลาหมอตายเพราะปาก’ นายคือปลาหมอนั้น” หินเอ่ยสั่งสอนเด็กฝึกงาน

            “พ่อยังสอนฉันไม่ได้เลย แล้วนายเป็นใครถึงได้กล้ามาสอนฉัน” คนที่นั่งอยู่บนโซฟาหันมามองตาขวาง

            “ก็เป็นอย่างนี้ไงถึงไม่มีใครรัก ตอนนี้นายอยู่ในปกครองของพี่แล้ว ห้ามทำอะไรตามอำเภอใจเด็ดขาด ไม่งั้นโดนดีแน่” คนตัวสูงขู่

            “กลัวตายล่ะคนอย่างนายไม่มีค่าพอที่ฉันจะต้องก้มหัวให้หรอก” ไฟมองหน้าอย่างไม่เกรงกลัว ความหยิ่งยโสยังมีอยู่ในตัวเต็มร้อย

            “มั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ”

            ว่าแล้วหินก็เดินไปล็อคประตูเอาไว้ก่อนจะเดินเข้าไปหาร่างบาง

            “นะ...นายจะทำอะไร” เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ค่อยดี ไฟก็ลุกขึ้นจะเดินออกไปจากห้องให้ได้

            พลั่ก!

            “คิดจะออกไปมันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกนะ  คิดจะร้ายทำไมไม่ร้ายให้ถึงที่สุดล่ะจะหนีทำไมห๊ะ!” หินผลักร่างบางลงที่โซฟาก่อนจะกักตัวเอาไว้ด้วยวงแขนแกร่ง

            “ก็นายเล่นสกปรก นายมันก็ร้ายไม่ต่างจากฉันนักหรอก”

            “ถ้าอย่างนั้นเราก็เหมาะสมกันดีนี่ ร้ายกับร้าย” หินโน้มใบหน้าลงไปจนสันจมูกสัมผัสที่ซอกคอขาว กลิ่นตัวของคนที่อยู่ใต้ร่างมันช่างยั่วยวนปลุกอารมณ์ความเป็นชายของเขาขึ้นมาได้ดีนัก

            “อื้อ...อ่อยย” ริมฝีปากบางถูกประกบจนพูดไม่เป็นภาษา

            หินรวบมือทั้งสองข้างตรึงไว้กับพนักโซฟา  ไม่ยอมให้อีกฝ่ายได้ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย  ริมฝีปากยังคงทำหน้าที่ไม่ยอมหยุด  มันบดเบียดที่ริมฝีปากบางของคนอวดเก่งอย่างสนุกสนาน  ลิ้นเย็นถูกสอดเข้าไปสัมผัสความหอมหวานในช่องปากของร่างบาง  ความเป็นชำนาญของหินทำให้คนที่อยู่ใต้ร่างอ่อนระทวย  เสียงลมหายใจดังถี่ขึ้นอย่างไม่เป็นจังหวะบ่งบอกถึงความเร่าร้อนของชายหนุ่ม

            เมื่อเห็นว่าอีกคนเริ่มไม่มีการขัดขืนหินก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาตัวบางที่เพิ่งซื้อมาใหม่ออกอย่างช้าๆ  มือหนาเอื้อมไปสัมผัสที่ยอดอกทั้งสองข้างอย่างเบามือ  ใบหน้าหวานที่กำลังเคลิ้มทำให้ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะส่งลิ้นเย็นไปละเลงที่ยอดอกสีกลีบกุหลาบรัวไม่เป็นจังหวะ

            “อ๊ะ!..อื้อ พะ...พอเถอะ” ไฟเอ่ยออกมาเสียงกระเส่า ถึงแม้ปากจะปฏิเสธแต่ร่างกายกลับตอบสนองอย่างชัดเจน  ใบหน้าที่เหยเกราวกับกำลังจะขาดใจ มือทั้งสองข้างที่กำเอาไว้ข้างๆตัวไร้การขัดขืนทำให้หินได้ใจ  คนร้ายๆอย่างไฟมีหรือที่โดนรสสวาทของเขาแล้วจะไม่ยอมสยบ

            ยอดอกทั้งสองข้างถูกดูดเม้มอยู่นานจนเป็นรอยแดงช้ำ  แต่มันก็ไม่ได้ทำให้อีกคนยอมหยุดโดยง่าย  เขาจับมือของอีกฝ่ายมาคลึงที่กลางกายที่มันกำลังแข็งได้ที่จนดันออกมาเกือบทะลุกางเกง

            “ไม่!” ไฟเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อมือเรียวไปสัมผัสส่วนนั้นของชายหนุ่ม  ใบหน้าที่ขาวใสกลับกลายเป็นสีแดงระเรื่อ  ยิ่งโดนคนที่กำลังคุมเกมส์อยู่จ้องมองมายิ่งทำให้ความอับอายมันเพิ่มทวีคูณขึ้นมาเป็นเท่าตัว  เขาพยายามดึงมือออกมาเมื่อได้สติแต่มีหรือที่หินจะยอมปล่อยไปโดยง่าย

            “ตกใจรึไง! ทำอย่างกับไม่เคย” หินยกยิ้มที่มุมปาก

            “ไอ้บ้าไม่มียางอายบ้างเลยรึไง ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”

            “ทำเป็นปากดีเมื่อครู่ยังทำหน้าเคลิ้มอยู่เลย”

            ไฟทำหน้าเหรอหราเมื่อได้ยินคำพูดกวนๆนั่น  มันก็จริงอย่างที่หินพูดเขาเผลอตัวมีอารมณ์ร่วมกับนายนั่นอย่างน่าละอายเหลือเกิน

            “ใครเคลิ้มก็เห็นๆอยู่ว่านายบังคับขืนใจฉัน”

            “อ๊ะ..ไอ้บ้า” ไฟต้องร้องเสียงหลงออกมาอีกครั้งเมื่อถูกมือหนารวบตัวเข้าไปจนชิด

            “ถ้าด่าพี่อีกโดนกดแน่” ไฟรีบเม้มปากเอาโดยทันที  สถานการณ์นี้เขาเป็นรองยังไงก็ต้องยอมทำตามโดยไม่มีข้อแม้

            “ปล่อยซะทีสิฉันสัญญาว่าจะเงียบ” ไฟทำหน้าไม่ถูกเมื่ออยู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมากระตุกที่หน้าขา  ก่อนจะเห็นรอยยิ้มของคนที่อยู่ตรงหน้าก็ถึงบางอ้อ  คนอะไรจะลามาจกเปรตขนาดนี้ไฟคิดในใจ

            “ขอร้องพี่สิ” วงแขนแกร่งกระชับตัวร่างบางเข้ามาแนบชิดมากขึ้นไปอีก

            “ไม่มีทาง”

            “ไม่มีทางเหรอออ ถ้างั้นต้องโดน” หินโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ จนร่างบางถึงกับต้องหลับตาปี๋

            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            เสียงเคาะประตูดังขึ้นเหมือนเป็นเสียงสวรรค์สำหรับไฟ  เขารีบผลักคนตัวสูงให้ออกจากตัวแล้วรีบใส่กระดุมเสื้อทันที  ส่วนหินก็ทำหน้าเซ็งๆก่อนจะพยายามทำให้เจ้าน้องชายที่กำลังตื่นตัวให้หลับลงเหมือนเดิม  หลังจากนั้นก็เดินไปเปิดประตู

            “น้ำมาได้ไง!”

            เสียงหินดังแว่วทำให้ไฟรู้ทันทีว่าคนที่มาเป็นใคร  ก่อนจะคิดแผนการอะไรบางอย่างออก  ไฟปลดกระดุมเสื้อออกเหมือนเดิม  ก่อนจะแหวกจนเห็นยอดอกที่มีรอยแดงเป็นจ้ำๆจากการโดนคนตัวสูงทำเอาไว้เมื่อสักครู่

            “พอดีน้ำผ่านมาแถวนี้เลยแวะมาหาพี่หินน่ะครับ” คุยกับหินแต่น้ำกลับส่องสายตาหาพี่ชายของตัวเอง  เขาอยากรู้ว่าสองคนทำอะไรกันอยู่ถึงได้ล็อคประตูเอาไว้

            “อ๋อ ถ้างั้นเข้ามาข้างในก่อน”

            หินเดินนำหน้าเข้ามาข้างในก่อนจะเห็นไฟยืนในสภาพเสื้อหลุดลุ่ยจึงรีบวิ่งเข้าไปยืนบังเอาไว้

            “ใส่เสื้อให้เรียบร้อย” หินกระซิบบอกขณะยืนบังเอาไว้

            “ไม่” ไฟตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ

            “นายคิดจะทำอะไร” เขาเริ่มกลัวว่าไฟคิดจะทำอะไรแผลงๆ

            “มีอะไรกันรึเปล่าครับ” น้ำเห็นท่าทางแปลกๆของทั้งสองคนจึงเอ่ยถามขึ้น

            “ไม่มีอะไรน้ำ นั่งก่อนๆ” หินยิ้มแหยๆให้

            “พี่หินมายืนบังไฟทำไมเนี่ย” ไฟเดินออกมาจากข้างหลัง

            น้ำเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นสภาพของไฟในตอนนี้  เสื้อนักศึกษาที่ถูกปลดกระดุมออกจนเห็นแผงอก  ยิ่งเห็นรอยแดงเป็นจ้ำๆหลายจุดที่บริเวณยอดอกยิ่งทำให้น้ำมั่นใจมากขึ้นไปอีก

            “นี่พี่สองคนทำอะไรกัน” น้ำยืนมองหินอย่างเสียความรู้สึก

            “คือ...” หินถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเจอฤทธิ์ของไฟเข้าไป

            “ก็พี่หินน่ะสิน้ำทำรอยไว้บนตัวพี่ นี่ก็ห้ามแล้วนะแต่ก็ยังไม่ยอมหยุด จนเป็นอย่างที่เห็นนี่ล่ะ” ไฟพูดเยาะเย้ยน้องชายด้วยสีหน้ากวนๆ  พร้อมกับเข้าไปควงแขนหินเอาไว้

            “พี่หินทำไมทำแบบนี้ น้ำเสียความรู้สึกกับพี่จริงๆ กลางวันแสกๆก็ยังไม่เว้น น้ำเกลียดพี่หิน!” น้ำร้องไห้ร้องห่มด้วยความเสียใจก่อนจะวิ่งออกไปทันที

            “น้ำ! พี่ขอโทษ” หินพยายามจะวิ่งตามไปแต่โดนคนที่ยืนอยู่ข้างๆดึงแขนเอาไว้

            “ไม่ต้องตามมันไป...สมน้ำหน้า” ไฟแสยะยิ้มด้วยความสะใจ

            “ทำอย่างนี้ทำไม  รู้รึเปล่าว่าน้ำจะเสียใจมากแค่ไหน” ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รักน้ำแต่ก็ยังห่วงความรู้สึกของน้องชายอยู่ไม่น้อย

            “ช่างหัวมันสิ ใครบอกให้มันมาเอง ช่วยไม่ได้”

            “ทำได้แม้กระทั่งน้องตัวเอง นายนี่มันโคตรเหี้ยเลย!” หินเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาเขาบีบไหล่บางทั้งสองข้างเต็มแรงจนไฟถึงกับทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด

            “นายมันก็เหี้ยไม่ต่างจากฉันหรอก นายมันน่าขยะแขยงที่สุด”

            “ขยะแขยงงั้นเหรอดี! วันนี้นายจะได้รู้ว่าคนอย่างฉันมันน่าขยะแขยงได้มากกว่านี้อีก มานี่!”

            หินลากตัวร่างบางออกจากห้องลงไปทางบันไดหนีไฟ  ก่อนจะจับตัวขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้าย:::::lll:::Ch.04--ยั่วโมโห--(Up.13-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-03-2018 20:22:17
จองตั๋วติดขอบเตียง รอตอนหน้า
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้าย:::::lll:::Ch.04--ยั่วโมโห--(Up.13-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 14-03-2018 00:36:54
หินจะทุบเกราะร้ายๆของไฟแล้ว :jul1:ติดตามค่ะสนุกมาก
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้าย:::::lll:::Ch.04--ยั่วโมโห--(Up.13-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 14-03-2018 10:39:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้าย:::::lll:::Ch.04--ยั่วโมโห--(Up.13-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 14-03-2018 19:27:49
เร็วดีอ่ะ
ต่อเลยๆๆๆ
หัวข้อ: lll:::::ไฟร้าย:::::lll:::Ch.05--ปราบพยศ--(Up.19-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 19-03-2018 14:59:02
CHAPTER

-5-

ปราบพยศ



            พลั่ก!

            ร่างบางถูกผลักลงบนเตียงนุ่มในโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง  หลังจากโดนลากตัวมาอย่างไม่ได้เต็มใจ  ชายหนุ่มยืนจ้องด้วยความโมโหไม่มีทีท่าว่าจะยอมสงบลงเลยแม้แต่น้อย  ไฟชอบเอาแต่ใจและทำอะไรไปโดยไม่นึกถึงความรู้สึกของคนอื่น วันนี้ล่ะเขาจะปราบพยศเด็กดื้อคนนี้ให้อยู่ในโอวาสให้ได้

            “นายกล้าดียังไงพาฉันมาที่แบบนี้ไอ้บ้า!” สีหน้าตื่นกลัวขัดกับฝีปากที่ยังก่นด่าไม่ยอมหยุด

            “ทำไมจะไม่กล้า...นายเองยังกล้าทำร้ายความรู้สึกคนอื่นเลย แล้วทำไมพี่จะทำอย่างนั้นกับนายไม่ได้”

            “คุณพ่อเลี้ยงคนผิดจริงๆ กินบนเรือนขี้บนหลังคา ถ้านายทำอะไรฉัน...ฉันฟ้องคุณพ่อแน่” ร่างบางขู่

            “เอาเลย! ฟ้องเลย! พี่จะรับผิดชอบโดยการแต่งงานกับนายเองดีซะอีกจะได้มีเมียกับเค้าซะที” หินไม่ได้สะทกสะท้านกับคำขู่ของอีกคนเลยแม้แต่น้อย   เขารู้ว่าไฟเกลียดเขามากคงไม่มีทางที่จะยอมร่วมหอลงโรงด้วยอย่างแน่นอน

            “เลวจริงๆ ไอ้คนเนรคุณ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!”

             ร่างบางตะเบงเสียงด่าได้เพียงไม่กี่คำหินก็ขึ้นไปบนเตียงแล้วรวบตัวเอาไว้  วงแขนไม่ยอมให้อีกฝ่ายขยับเขยื้อนได้เลยแม้แต่น้อย  ใบหน้าทั้งสองอยู่ในระยะประชิดจนปลายจมูกสัมผัสกัน  สายตาคมของชายหนุ่มจ้องมองด้วยไฟราคะที่กำลังคุกรุ่นอย่างเต็มที่

            “วันนี้พี่จะทำให้นายได้รู้จักกับความพ่ายแพ้ และรู้ว่าปลาหมอตายเพราะปากของจริงมันเป็นยังไง” เสียงกระซิบแผ่วเบาเอ่ยข้างๆใบหู  ไฟรู้สึกขยะแขยงเต็มทนเขาทำได้เพียงส่ายหน้าไปมาหลังจากโดนร่างแกร่งพยายามไซ้ซอกคอขาวอย่างบ้าคลั่ง

            “ปล่อยกูไอ้บ้าหิน!” ข้อมือที่โดนตรึงเอาไว้บนเตียงพยายามขยับไปมาเพื่อให้เป็นอิสระ  แต่เงื้อมมือแกร่งกลับไม่ยอมปล่อยให้เป็นอย่างนั้นไปได้ง่ายๆ

            “รีบๆด่าต่อไปนายจะได้มีหน้าที่ครางอย่างเดียว” หินแสยะยิ้มขณะจ้องตาร่างบางที่ส่งสายตาพิฆาตมาให้ด้วยความโกรธแค้น

            “สถุนที่สุดคนชั้นต่ำอย่างนายคงคิดได้แต่เรื่องพรรณนี้สินะ” คำก่นด่าที่ออกจากปากของคนที่อยู่ใต้ร่าง  ไม่ทำให้หินสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย  เขายังคงยกยิ้มที่มุมปากพร้อมกับโลมเลียบริเวณใบหน้าเพื่อเพิ่มดีกรีความเดือดพล่านให้กับอีกคน

            “วันนี้ล่ะนายจะได้เป็นเมียคนชั้นต่ำอย่างพี่”

            “อื้อ”

            พูดไม่ทันขาดคำหินก็ประกบจูบริมฝีปากบางทันที  เขาบดเบียดริมฝีปากอย่างหนักหน่วงราวกับตั้งใจทำให้อีกคนจะขาดใจเสียให้ได้  เสียงลมหายใจถี่ของทั้งสองดังขึ้นเรื่อยๆเฉกเช่นเดียวกับอุณหภูมิของใบหน้าที่มันสูงปรี๊ดขึ้นอย่างฮวบฮาบ

            ขาเรียวของร่างบางพยายามถีบยันไปมาบนเตียง  แต่กลับถูกท่อนขาแกร่งของชายหนุ่มทับทาบเอาไว้เพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวได้อย่างง่ายดาย  กระดุมเม็ดแล้วเม็ดเล่าถูกปลดออกมาอย่างทุกลักทุเล  แต่ถึงกระนั้นมันก็หลุดออกมาจนถึงเม็ดสุดท้ายก่อนที่เสื้อตัวบางจะถูกโยนไปที่พื้นอย่างไม่ใยดี  รสจูบที่รุนแรงและหนักหน่วงสะกดคนที่อยู่ใต้ร่างให้เริ่มอ่อนลง

            อาภรณ์ที่เคยปกปิดของสงวนถูกปลดเปลื้องออกจนเห็นเรือนร่างอันเปลือยเปล่ายั่วตายั่วใจชายหนุ่ม  หินที่อยู่ในสภาพเปลือยกายล่อนจ้อนเบียดขาแกร่งเข้าไปแทรกตรงหว่างขาของร่างบางเอาไว้ เขารู้สึกได้ถึงการตอบรับที่ดีจากคนที่อยู่ใต้ร่างนั้นเพราะถูกท่อนเอ็นขนาดพอเหมาะดุนอยู่ที่หน้าท้อง

ใบหน้าขาวใสเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อเมื่อถูกจ้องมองด้วยสายตาคมปานจะกลืนกิน  เขาต้องรู้สึกขยะแขยงผู้ชายคนนี้สิแต่ทำไมต้องรู้สึกเขินอายเมื่อถูกสายตาคู่นั้นจับจ้องมา ความคิดเกิดขึ้นในหัวพร้อมๆกับความกำหนัดที่เริ่มจะก่อตัวขึ้นจนไม่สามารถปฏิเสธการรุกรานของชายหนุ่มได้

            “อืม” หินส่งเสียงครวญครางออกมาด้วยความกระสันขณะบดจูบริมฝีปากบาง  ลิ้นเย็นถูกสอดเข้าไปตวัดอย่างอิสระเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง  แต่มันกลับพบแค่ความหอมหวานและการตอบรับที่ดีจากเจ้าของโพรงปากเท่านั้น

            ขาทั้งสองข้างถูกแยกออกจากกันเกือบจะร้อยแปดสิบองศา  เพื่อรองรับการบดเบียดจากสะโพกกลมของคนตัวสูง  แก่นกายที่กำลังแข็งได้ที่ถูกบดเบียดถูไถบริเวณช่องทางจนร่างบางรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วร่าง  ไฟไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนในชีวิตนี่เป็นครั้งแรกของการถูกรุกราน  ไม่นานหลังจากนั้นเขาต้องสะดุ้งผางเมื่อรู้สึกได้ถึงการรุกรานของนิ้วมือจากชายหนุ่ม  เพียงแค่นี้ก็ทำให้ไฟถึงกับกลั้นหายใจชั่วขณะพร้อมกับทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด

            “อื้อ จะ..เจ็บ...พอ”  เสียงสั่นเอ่ยออกมาอย่างประหม่า  มือเรียวดันที่อกแกร่งเอาไว้เพื่อคลายความอึดอัด

            “ครั้งแรกก็เจ็บอย่างนี้ล่ะเดี๋ยวก็ชิน” เสียงเข้มเอ่ยด้วยความกระเส่าข้างใบหูก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงมาที่ยอดอกที่ตั้งชูชันเหมือนกำลังรอใครบางคนมาสัมผัสมัน  เมื่อลิ้นเย็นของหินเริ่มสัมผัสคนที่อยู่ใต้ร่างก็แอ่นอกรับด้วยความเสียวซ่าน  มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เลวเลย  หากจะโดนอีกคนแซวหลังจากนี้เขาก็ยอมเพราะตอนนี้ความต้องการมันดันปรอทเจียนจะแตกออกมาอยู่แล้ว

            “อ๊ะ...โอ๊ย!”

            ไฟต้องเงยหน้าขึ้นด้วยความเจ็บปวดราวกับร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆเสียให้ได้ น้ำตาไหลพรากลงเป็นสายเมื่อแท่งร้อนถูกดันเข้าไปอย่างช้าๆจนคับแน่นไปหมด  เขารู้สึกอึกอัดกับส่วนล่างจนกำมือทุบที่แผ่นหลังของคนตัวสูงรัวๆ

            หินไม่รอช้าดันเข้าไปจนสุดก่อนจะแช่เอาไว้แล้วหันไปสนใจกับริมฝีปากบางแทน  เขาประกบจูบอีกครั้งเพื่อให้คนที่อยู่ใต้ร่างรู้สึกผ่อนคลาย  มือหนาก็สะกิดที่ยอดอกไปพรางๆเพื่อเพิ่มดีกรีความต้องการของอีกคน

            “ผ่อนคลายแล้วนายจะสนุกกับมัน” เขาพรมจูบไปทั่วเมื่อเห็นว่าร่างบางเริ่มผ่อนคลายแล้วก็เริ่มขยับช่วงล่างอย่างเป็นจังหวะ  เสียงครวญครางของทั้งสองคนดังขึ้นประสานเสียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

            “อ๊ะๆๆ”

            ยิ่งได้ยินเสียง ยิ่งเห็นร่างบางที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ใต้ร่าง  ยิ่งทำให้หินมองอย่างกระสัน  เขาจับจ้องใบหน้าสวยแทบไม่กระพริบตา

บทรักบรรเลงไปเนิ่นนานจนถึงจุดๆหนึ่งที่หินต้องขบริมฝีปากเอาไว้พร้อมกับทำหน้าเหยเกเมื่อของเหลวในร่างกายเริ่มไหลมาจ่อตรงส่วนปลายของแท่งร้อน

            “อ่าส์ จะแตกแล้วๆ”

             ปับๆๆๆ

             เสียงกระเส่าเอ่ยออกมาซ้ำๆพร้อมกับบั้นท้ายที่เร่งจังหวะไม่ยอมหยุด

            “อ๊าก!!!”

            เมื่อของเหลวสีขาวขุ่นพุ่งกระฉุดเข้าไปในตัวร่างบาง  หินก็ร้องออกมาเสียงดังราวจะขาดใจ ร่างหนาฟุบลงทับตัวร่างบางเอาไว้ เม็ดเหงื่อผุดเกาะไปทั่วทั้งตัวราวกับเพิ่งผ่านการอาบน้ำมาหมาดๆ  โดยฉพาะบริเวณใบหน้าที่หยดลงบนเตียงจนเปียกชุ่ม

            “ลุกออกตัวฉันเดี๋ยวนี้ ฉันขยะแขยงนายเต็มทนแล้ว” ถึงแม้จะรู้สึกเสียใจมากแค่ไหนแต่ร่างบางก็ไม่ร้องไห้เสียงดังให้อีกคนได้ยิน  มีเพียงน้ำตาที่ไหลลงมาเพื่อระบายความเจ็บช้ำเท่านั้น

            “มานี่พี่ช่วย” มือหนาคว้าหมับเข้าที่ส่วนล่างของไฟทันที  ร่างบางสะบัดมือออกก่อนจะรีบลุกขึ้น

            “โอ๊ย!”

            ไฟต้องทำหน้าเหยเกเมื่อรู้สึกเจ็บที่ช่องทาง  เขารู้สึกได้ถึงความชื้นแฉะจากการโดนคนตัวสูงปล่อยน้ำรักเข้าไปข้างใน  เมื่อเห็นคนตัวสูงกำลังจะลุกขึ้นมาพยุงเอาไว้ไฟก็กัดฟันเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างทุลักทุเล

            “ไอ้หิน ไอ้เลว ฮือๆ” เมื่อเข้าไปในห้องน้ำเรียบร้อยแล้วคนที่ใจแข็งก่อนหน้านี้ก็ปล่อยโฮออกมาอย่างเต็มที่ขณะนั่งอยู่บนชักโครก  ยิ่งเจออย่างนี้เขายิ่งจะมีแต่โกรธแค้นอีกคนมากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว “ฉันไม่ยอมเสียตัวฟรีๆหรอกนายจะต้องเจ็บปวดที่ทำกับฉันอย่างนี้” ร่างบางเช็ดน้ำตาก่อนจะชำระล้างร่างกายจนสะอาดแล้วเดินออกไปข้างนอกไม่พูดไม่จากับอีกคน

            “เป็นไงบ้างเจ็บมากไหมเดี๋ยวพี่จะพาไปหาหมอ” เมื่ออารมณ์เย็นลงหินก็เริ่มรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป

            “ไม่ต้อง! กลับกันเถอะ” ท่าทีเฉยเมยของอีกคนอีกคนทำให้หินรู้สึกเจ็บอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่น่าทำอย่างนี้ลงไปเลย  หากจะรับผิดชอบคนอย่างไฟก็คงไม่ยอมอย่างแน่นอน

            “เดี๋ยวนั่งรอพี่แป๊บนึงขอเข้าห้องน้ำก่อน” หินรู้สึกแปลกใจที่อีกคนไม่ได้โวยวายเหมือนก่อนหน้า  แถมยังเงียบผิดปกติอีกต่างหากทำให้รู้สึกใจคอไม่ดีเลย

            ขณะหินอยู่ในห้องน้ำไฟก็ยกมือถือขึ้นมาถ่ายภาพเสื้อผ้าที่วางเกลื่อนอยู่บนพื้น  ก่อนจะหยิบมาสวมใส่ให้เรียบร้อย  เมื่อหินออกมาจากห้องน้ำแล้วก็ใส่เสื้อผ้าหลังจากนั้นก็รีบพาร่างบางออกไปทันที



*-*-*-*-*-*-*



            บ้านศิริกรโสภณ

            เมื่อเข้าไปในบ้านไฟก็เห็นเพลินพิศกับสาวใช้คนสนิทกำลังยืนจ้องมองมา  แต่เขาก็แค่ปรายตามองแล้วเดินผ่านไปอย่างช้าๆไม่พูดไม่จาซึ่งผิดแปลกจากที่เคยประจันหน้ากัน

            “ไปไหนกันมาน่ะหิน” เพลินพิศเอ่ยถามหินที่เดินตามหลังมาติดๆ

            “เอ่อ...พอดีไฟไม่ค่อยสบายน่ะครับผมเลยพามาส่ง”

            “คนอย่างมันเจ็บป่วยกับเค้าเป็นด้วยเหรอ?” เพลินพิศเบ้ปากเมื่อเอ่ยถึงลูกเลี้ยง

            “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวขึ้นข้างบนก่อนนะครับ” ไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยปากถามอีกครั้งหินก็รีบขึ้นมาข้างบน

            “แกว่าสองคนนี้ดูแปลกๆยังไงพิกลไหมนังปิ๋ว” เพลินพิศมองตามหลังทั้งสองคนด้วยความสงสัย

            “ใช่ค่ะคุณนายดูท่าเดินคุณไฟสิแปลกๆพิกล แถมยังคุณหินยังมาส่งถึงที่บ้านปิ๋วไม่อยากจะคิดเลยค่ะว่าสองคนนั้นจะ.....”

            “หยุดเลยนังปิ๋วหินไม่มีทางไปเกลือกกลั้วของต่ำๆอย่างไอ้ไฟแน่นอน” เพลินพิศเอ็ดสาวใช้ “เพราะคนที่คู่ควรกับไฟคือลูกชายฉันเท่านั้น” เธอแสยะยิ้มออกมาอย่างพอใจ

            เมื่อขึ้นมาข้างบนแล้วหินก็ยืนมองไปที่หน้าห้องของร่างบาง เขายังรู้สึกผิดที่ทำอย่างนั้นลงไป  จากนี้ไปความสัมพันธ์ระหว่างเขาและไฟมันจะเป็นอย่างไรนั่นคือความคิดที่อยู่ในหัวตอนนี้



*-*-*-*-*-*



            เย็นวันนั้น

            “แล้วไฟไปไหนไม่ลงมาทานข้าว” จรัญเอ่ยถามเมื่อไม่เห็นลูกชายคนโตอยู่บนโต๊ะอาหารเช่นทุกวัน

            “เดี๋ยวดิฉันขึ้นไปตามให้นะคะคุณท่าน” ป้าแสงหัวหน้าแม่บ้านเอ่ย

            “ไฟเค้าไม่ค่อยสบายครับคุณพ่อ เมื่อช่วงบ่ายผมพามาส่งที่บ้าน”

เมื่อได้ยินหินเอ่ยอย่างนั้น น้ำที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็เงยหน้าขึ้นมามองทันที  ตั้งแต่กลับมาจากบริษัทเขายังไม่ได้คุยกับหินแม้แต่คำเดียวคงอีกนานกว่าจะทำใจได้กับเรื่องนี้     

            “แล้วน้องเป็นอะไรมากรึเปล่าหิน” จรัญเอ่ยถามอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง

            “ไม่ครับ...เดี๋ยวทานข้าวแล้วผมจะขึ้นไปดูน้องให้”

            “พ่อฝากด้วยละกันไอ้ลูกคนนี้มันดื้อพ่อขี้เกียจคุยกับมันแล้ว”

            “ครับคุณพ่อ”

            น้ำนั่งนิ่งน้ำตาตกในเพราะรู้สึกว่าหินจะเป็นห่วงเป็นใยพี่ชายของตัวเองมากเหลือเกิน  หรือที่ปฏิเสธเขานั่นเพราะหันไปสนใจไฟอย่างนั้นหรือ  ยิ่งคิดยิ่งทำให้น้ำรู้สึกโกรธมากยิ่งขึ้น

            หลังจากทานข้าวเสร็จแล้วเพลินพิศเห็นลูกชายสุดที่รักยืนมองตามหลังหินตาละห้อย  ช่วงที่อยู่บนโต๊ะอาหารลูกชายก็เอาแต่แอบมองหินอยู่บ่อยๆ  จนเธอสงสัยว่าทั้งสองอาจจะมีเรื่องไม่เข้าใจกันอยู่

            “น้ำ” เมื่อได้ยินเสียงเรียกของผู้เป็นแม่น้ำก็หันไปมองทันที

            “มีอะไรครับแม่”

            “น้ำกับพี่หินมีเรื่องผิดใจอะไรกันรึเปล่าลูก”

            “ไม่มีครับ ทำไมคุณแม่ถามอย่างนั้นล่ะครับ” สายตาที่พยายามซ่อนเร้นอะไรบางอย่างมีหรือที่เพลินพิศจะสังเกตไม่ออก

            “อย่าโกหกแม่เลยสายตาลูกมันฟ้อง  มีอะไรก็บอกแม่มาเถอะเราจะได้ช่วยกันหาทางออก” เธอบอกลูกชาย

            “คุณแม่ครับ ฮึก” เมื่อถูกซักถามเข้าเรื่อยๆน้ำก็ร้องไห้ออกมาทันที

            “มันเกิดอะไรขึ้นลูกบอกแม่มา” เพลินพิศรู้สึกตกใจที่เห็นน้ำตาของลูกชาย

            “พี่หินกับพี่ไฟเค้า...”

            น้ำเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เจอที่บริษัทให้กับผู้เป็นแม่ฟัง  เพลินพิศได้ยินอย่างอย่างนั้นเธอถึงกับโมโหขึ้นมาทันที  เธอจะไม่ยอมให้ลูกของผู้หญิงชั้นต่ำอย่างไฟมาแย่งคนที่ลูกชายเธอรักอย่างแน่นอน



*-*-*-*-*-*-*



            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            ขณะกำลังเพลินอยู่กับการเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียง  เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูก็ทำสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมาทันที  ไฟยังคงไม่สนใจแต่ประตูยังถูกเคาะอย่างต่อเนื่องไม่ยอมหยุดจนเริ่มรำคาญ  เขาจึงเดินอิดออดไปเปิดประตูอย่างไม่เต็มใจ

            “ไม่มีมารยาทเคาะอยู่ได้” เขาบ่นออกมาทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร  จนเมื่อรู้ว่าเป็นหินก็ทำหน้าบึ้งตึงใส่ทันที “มีอะไร!” เสียงห้วนเอ่ยถาม

            “คุณพ่อให้มาดูว่าเป็นไงบ้าง” เสียงเข้มเอ่ยออกไปอย่างเป็นห่วง

            “ยังไม่ตายไปบอกท่านด้วย” ว่าแล้วไฟก็จะปิดประตูห้องแต่คนตัวสูงกลับไม่ยอมโดยง่าย  เขาเบียดตัวแทรกเข้ามาในห้องก่อนจะเป็นคนปิดประตูซะเอง “ออกไปเดี๋ยวนี้!”

            “ไม่! จนกว่าจะแน่ใจว่านายไม่เป็นอะไร”  ร่างบางเดินถอยหลังจนถึงเตียงก่อนจะยืนประจันหน้ากับผู้บุกรุก

            “ก็ฉันบอกแล้วไงว่ายังไม่ตาย  ได้ยินแล้วก็ออกไปซะ” ใบหน้าบึ้งตึงแสดงออกอย่างชัดเจน  คนตัวสูงเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ

            “รู้ว่ายังไม่ตายแล้ว...เจ็บตรงนั้นมากป่ะ” หินจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตอย่างหวานเยิ้ม  จนเจ้าของห้องรู้สึกร้อนวาบขึ้นที่ใบหน้า

            “เจ็บไม่เจ็บก็เรื่องของฉัน  ส่วนเรื่องวันนี้ถือซะว่าทำทานให้กับหมูให้หมา ออกไป๊!”  ไฟผลักคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจนเซนิดหน่อย  แต่หินกลับใช้มือหนาคว้าหมับเข้าที่ก้นงอนอย่างเต็มแรง

            “โอ๊ย! เจ็บนะโว้ย” ไฟทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดจนทนยืนไม่ไหว  มือเรียวจึงยกขึ้นไปโอบที่ต้นคอของชายหนุ่มอย่างไม่ตั้งใจขณะกำลังจะเซล้ม

            “สงสัยจะเจ็บมากจริงๆ” หินยิ้มที่มุมปากเมื่อกำลังโดนอีกคนโอบต้นคอเอาไว้  มือหนาได้ทีก็สวมกอดที่เอวคอดเอาไว้แน่น “ถ้าไม่ติดว่านายเจ็บอยู่พี่ก็จะ....” ลิ้นสากเลียวนที่ริมฝีปากของตัวเองเพื่อสื่อถึงความต้องการ

            “นายนี่มันโรคจิตชัดๆ ออกไปได้แล้วฉันจะนอน”

            “กินยาแก้ปวดรึยังล่ะพี่เป็นห่วงเรา”

            “กะ...กินแล้ว ปล่อย!” ไฟรู้สึกแปลกๆที่มีคนห่วงใยอย่างนี้  ตั้งแต่แม่ของเขาเสียชีวิตไปก็ไม่มีใครมาแยแสเลยแม้แต่คนเดียว  แม้กระทั่งผู้เป็นพ่อที่เลี้ยงเขามาด้วยเงินตรา  ความรักความห่วงใยเขาแทบไม่เคยได้สัมผัสมันเลย

            “พรุ่งนี้พี่ให้ลางานวันนึงก็แล้วกัน  พักผ่อนให้เต็มที่เดี๋ยวพี่ไปบอกคุณพ่อเองนอนเถอะ” ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะเดินออกไปข้างนอก

            ขณะนอนอยู่บนเตียงใบหน้าหล่อคมของหินผุดขึ้นในหัวไม่ยอมหยุด ไฟพยายามสลัดความคิดพวกนั้นออกไปก่อนจะส่ายหัวไปมาแล้วข่มตานอน

            ส่วนหินที่เดินออกมาจากห้องแล้วก็รู้สึกแปลกๆ  เป็นอีกครั้งที่อยู่ใกล้เด็กดื้อคนนั้นแล้วหัวใจมันเต้นไม่เป็นจังหวะ  ทุกสัมผัสที่เคยครอบครองก่อนหน้านี้มันยังตราตรึงอยู่ในหัวเขาตลอดเวลา  จนอยากจะครอบครองเรือนร่างนั้นอีกครั้งและเก็บเอาไว้เป็นสมบัติของตัวเองแต่เพียงผู้เดียว....



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*



----------------

ฝากคอมเมนท์กันด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้าย:::::lll:::Ch.05--ปราบพยศ--(Up.19-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 19-03-2018 19:37:58
กว่าจะรักกัน ดุเผ็ดมันส์แน่นนอน
รอไฟแผลงฤทธิ์ อิอิ
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้าย:::::lll:::Ch.05--ปราบพยศ--(Up.19-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 20-03-2018 00:09:09
ไฟ. พยศจริงๆ
น้ำ. ท่าทางเงียบๆน่าร้ายลึก
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้าย:::::lll:::Ch.05--ปราบพยศ--(Up.19-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-03-2018 01:55:41
ไฟเอย หนูอย่าร้ายให้มากนักลูก  ศัตรูลูกมีหลายนะ ระวังตัวไว้ด้วย  :katai1:
หัวข้อ: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.06--ขอหมั้น--(Up.21-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 21-03-2018 15:32:06
CHAPTER

-6-

ขอหมั้น



            รุ่งเช้าไฟยืนรอน้องชายอยู่หน้าห้อง  ที่น้ำเห็นในห้องทำงานตอนนั้นมันแค่เบาะๆแต่วันนี้สิมันคือของจริง  ถ้าจะเล่นงานใครเขาต้องเอาให้ถึงที่สุด ‘ถ้าเห็นภาพนี้แกจะได้รู้ว่าความเจ็บปวดมันเป็นยังไง’ ไฟคิดในใจพร้อมแสยะยิ้มอกมา

             “เดี๋ยวอย่าเพิ่งไป” เมื่อเห็นน้องชายเดินออกมาจากห้องไฟก็ตะโกนเรียกแล้วเดินเข้าไปหา

            “พี่ไฟมีอะไรครับ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นแต่ไม่ยอมมองหน้าพี่ชายเลยแม้แต่น้อย

            “ฉันมีอะไรจะให้ดู” ไฟเปิดภาพถ่ายเมื่อตอนอยู่ในโรงแรมม่านรูดให้กับน้องชายดู “ที่แกเห็นในห้องทำงานนั่นมันแค่น้ำจิ้ม หลังจากแกออกไปแล้วพี่หินทนไม่ไหวพาฉันไปที่โรงแรมม่านรูดแล้วผลก็ออกมาอย่างที่เห็นนี่ล่ะ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวย

             น้ำเห็นอย่างนั้นก็ถึงกับหน้าซีดขึ้นมาทันที  นี่ไฟต้องการจะให้เขาดิ้นตายอยู่ตรงหน้าให้ได้เลยหรือ

            “ผมขอตัวก่อน” น้ำแสดงสีหน้าไม่ค่อยดีนักก่อนจะเดินผ่านหน้าไป

            “ฝากบอกแม่แกด้วยนะว่าแผนจับคู่ไม่มีทางสำเร็จแน่นอน” ไฟแสยะยิ้มอย่างพอใจ

            น้ำเดินลงไปข้างล่างแล้วรีบตรงดิ่งไปยังห้องน้ำ  เขาปล่อยโฮออกมาทันทีหัวใจมันบีบรัดจนเจ็บปวดราวจะขาดใจ  ทำไมพี่ชายที่เขาไม่เคยคิดร้ายเลยแม้แต่ครั้งเดียวถึงทำกันได้ลงคอ  ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าเขาชอบหินมากขนาดไหน  “ฮึก ผมเกลียดพี่ไฟ! ผมเกลียดพี่ไฟ!” เขาพูดซ้ำๆต่อหน้าตัวเองในกระจกก่อนจะซับน้ำตาจนหมดแล้วออกจากห้องน้ำไป

            “อ้าว! น้ำทำไมตาแดงออกมาอย่างนั้นล่ะลูก” เพลินพิศเดินผ่านมาเห็นลูกชายพอดีจึงเอ่ยถามขึ้น

            “ปะ...เปล่าครับแม่” เขาเอ่ยแต่กลับหลบสายตา

            “อย่าโกหกแม่...ใครทำอะไรลูกบอกมา” ดูจากสีหน้าหล่อนก็รู้ว่าลูกชายกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ

            “พี่ไฟเค้ามาเยาะเย้ยผมเรื่องพี่หินอีกแล้วครับ ฮือๆ” น้ำอดไม่ไหวจึงร้องไห้ออกมาอีกครั้ง

            “อย่าร้องไปเลยลูก  แม่จะจัดการเรื่องนี้ให้เอง แม่จะให้คุณพ่อจัดงานหมั้นให้ลูกกันพี่หิน”

            “แต่พี่หินไม่ได้รักน้ำนะครับแม่” น้ำก็รู้สึกไม่สบายใจที่แม่ของตัวเองจะบังคับให้หินยอมรับการหมั้นในครั้งนี้

            “หรือว่าลูกอยากให้ไอ้ไฟมันงาบพี่หินไปเหรอ!” เธอขึ้นเสียงใส่ลูกชายอย่างลืมตัว

            “ไม่ครับ!” น้ำก้มหน้าลง

            “แม่ขอโทษที่ขึ้นเสียงใส่ลูก  แต่แม่ไม่มีทางให้ไอ้ไฟมันแย่งทุกอย่างของลูกไปเด็ดขาด” เธอกอดลูกชายเอาไว้ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก  เมื่อนึกถึงวันที่ลูกเลี้ยงต้องพ่ายแพ้ให้แก่หล่อนอย่างราบคาบ

            ขณะนั้นเองไฟบังเอิญเดินเข้ามาได้ยินพอดี  เขามองสองแม่ลูกด้วยความเคียดแค้น  ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้เพลินพิศไม่เคยชอบขี้หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย  หน้าไหว้หลังหลอกอยู่ต่อหน้าเขาก็อีกอย่างนึง  อยู่ต่อหน้าพ่อของเขาก็อีกอย่างนึง  คนอย่างนี้เขาไม่มีทางญาติดีด้วยเด็ดขาด  และที่สำคัญหากไมใช่เพราะเพลินพิศมาจับพ่อของเขา  แม่ก็คงได้เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะเมียหลวงและไม่ต้องตายอย่างแน่นอน  เขาจะแย่งของทุกอย่างที่เพลินพิศอยากได้  ไม่มีทางให้หล่อนได้สมหวังอย่างแน่นอน

            "แกอย่าหวังว่าจะชนะฉันได้เพลินพิศ”

            เขาจะเอาคืนให้หมดทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพลินพิศหรือแม้แต่หินเองก็ตาม



*-*-*-*-*-*-*



            บริษัทศิริกรโสภณ

            ผ่านมาเกือบหนึ่งเดือนไฟเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้หินตายใจ ไม่ใจร้อนและว่านอนสอนง่ายขึ้น  ทำให้หินสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีและเริ่มมีความรู้สึกดีๆกับไฟขึ้นเรื่อยๆ   

            “เลิกงานแล้วพี่หินจะไปไหนรึเปล่าครับ” ร่างบางส่งยิ้มมาให้

            “พะ...พี่ไม่ได้ไปไหน” หินได้ยินแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองไฟเรียกเขาพี่เป็นครั้งแรก  เขาทำหน้างงจนอีกคนถึงกับยิ้มออกมา

            “พี่หินไม่ต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นหรอกครับ ผมนั่งคิดทบทวนดูแล้วที่ผ่านมาผมทำร้ายคนอื่นมามาก  จากนี้ไปผมจะพยายามเปลี่ยนเป็นคนใหม่ให้ได้ครับ  ที่ผ่านมาผมต้องขอโทษพี่หินด้วยนะครับ” เขายิ้มหวานให้กับชายหนุ่ม  หินรู้สึกดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นโดยไม่เฉลียวใจแม้แต่น้อย

            “ถ้าไฟคิดได้อย่างนั้นพี่ก็ไม่ติดใจอะไร  พี่เองซะอีกที่ต้องขอโทษไฟที่เคย...” หินแสดงสีหน้าสำนึกผิดที่เคยล่วงเกินร่างบางในวันนั้น

            “ผมไม่มีทางยกโทษให้ถ้าวันนี้พี่หินไม่พาผมไปดูหนัง”  ร่างบางยิ้มอย่างจริงใจให้อีกคน

            “ได้สิไม่มีปัญหา...คุณพ่อคงดีใจที่ไฟเปลี่ยนไปแล้ว”

            “ผมจะพยายามปรับตัวให้เข้ากับทุกคนครับ”

            “พี่จะเอาใจช่วยนะ”

            หินรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก  ยิ่งได้เห็นไฟเปลี่ยนไปอย่างนี้ยิ่งทำให้เขามีความหวังมากขึ้น  เขาหวังว่าความรู้สึกดีๆที่มีให้กับไฟมันจะมีโอกาสพัฒนาไปมากกว่านี้ได้

            โรงภาพยนตร์

             เมื่อมาถึงทั้งสองก็เดินเข้าไปดูรอบหนังที่หน้าจอขนาดใหญ่ของโรงภาพยนตร์  ทุกสายตาต่างจับจ้องมามองทั้งสองคนพร้อมกับมีเสียงซุบซิบนินทาอยู่ไม่ขาด  นั่นเพราะไฟกำลังควงแขนนักธุรกิจหนุ่มหล่อที่กำลังมาแรงที่สุดในขณะนี้โดยไม่แคร์สายตาใครเลยแม้แต่น้อย

            “เลือกตามใจไฟเลยนะพี่ยังไงก็ได้”

            “ถ้างั้นดูเรื่องนี้ละกันเนาะผมชอบแนวแฟนตาซี”

            “ได้ครับ”

            หินเองก็ยังทำตัวไม่ค่อยถูกกับการเปลี่ยนไปของร่างบาง  เวลาที่สายตาหวานจ้องมองมาพร้อมกับรอยยิ้มมันรู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูก

            อยู่ๆก็มีเสียงทักดังมาจากด้านหลังทำให้ทั้งไฟและหินต่างหันไปมองพร้อมกัน

            “น้องไฟมาดูหนังเหรอครับ” เป็นโดมหนุ่มรุ่นพี่ร่วมสถานบันนั่นเองที่กำลังดูรอบหนังอยู่ข้างๆพร้อมกับกลุ่มเพื่อน

            ปกติหากเห็นหน้าโดมทีไรไฟก็จะวีนใส่แทบทุกครั้ง  แต่ครั้งนี้มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นไฟกลับยิ้มและทักทายราวกับคนละคน

            “สวัสดีครับพี่โดม มาดูหนังเหมือนกันเหรอครับ” ไฟเดินเข้าไปจับที่ต้นแขนของชายหนุ่มเพื่ออยากดูปฏิกิริยาของหินที่กำลังมองหา  ซึ่งมันก็ได้ผลหินจ้องตาเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเสียให้ได้

             โดมแปลกใจที่เจอกันครั้งนี้ไฟไม่ได้เย่อหยิ่งและดูถูกเขาเหมือนคราวที่แล้ว  แถมยังมาสัมผัสตัวเขาก่อนอีกต่างหาก  หรือว่าร่างบางคนนี้เริ่มจะติดใจเขาขึ้นมาบ้างแล้ว

            “ครับน้องไฟ...แล้วน้องไฟมาดูเรื่องอะไรครับ”

            “เรื่อง XXX ครับ”

            “เรื่องเดียวกันเลยอ่ะ”

            “เดี๋ยวถ้ายังไงผมขอตัวก่อนนะครับ”

            “แล้วเจอกันในโรงหนังครับ” โดมยิ้มให้

            ไฟเดินกลับมาหาหินอีกครั้งสีหน้าของคนตัวสูงกลับไม่ยิ้มแย้มเหมือนก่อนหน้า

            “พี่หินเป็นอะไรรึเปล่าครับ ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”

            “เปล่าพี่ไม่เป็นไร  ว่าแต่ไอ้คนนั้นมันเป็นใครทำไมถึงไปแตะเนื้อต้องตัวมันซะขนาดนั้น” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ

            “อ๋อ พี่โดมเค้าเป็นรุ่นที่ที่มหา’ลัยครับ  คือพี่เค้ากำลังตามจีบผมอยู่” ไฟบอกไปตามตรง

            “วันหลังถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปถึงเนื้อถึงตัวกับเค้าขนาดนั้น  เดี๋ยวจะเข้าใจผิดว่านายมีใจให้”

            “แล้วพี่ไฟรู้ได้ยังไงว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่โดม” หินได้ยินอย่างนั้นถึงกับจ้องมาที่ร่างบางด้วยความหงุดหงิด

            “ไม่ได้นะ!”

            “ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ” ไฟยิ้มอย่างพอใจที่เห็นท่าทีของอีกฝ่าย  ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไปตอนนี้หินคงจะเริ่มมีใจให้เขาซะแล้วสิ

            “ก็...ก็หินเป็นของพี่แล้วไง!” หินหลุดปากเอ่ยออกมาอย่างโมโห

            “ถ้าไม่จำเป็นพี่หินไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีกนะครับผมไม่ชอบ” ไฟแกล้งทำหน้าบึ้งตึงทันทีที่ได้ยินพร้อมกับกอดอกหันหน้าหนี

            “พี่ขอโทษแต่พี่อยากรับผิดชอบนายนะ  พี่ทำใจไม่ได้หากจะมีใครมาทำอย่างนั้นกับไฟอีก” ชายหนุ่มจับที่ต้นแขนทั้งสองข้างของร่างบางเอาไว้

            “ผมไม่อยากทำให้พี่หินลำบากใจ  ที่ผ่านมาผมร้ายมากจนทำให้พี่หินโกรธก็หลายครั้ง  ผมคงไม่มีหน้ามาให้พี่รับผิดชอบหรอก  และอีกอย่างผมเป็นผู้ชายยังไงก็ไม่เสียหายอยู่แล้ว” ไฟทำหน้าเศร้าเพื่อเรียกคะแนนความสงสาร

            “เสียหายสิ! ยังไงพี่ก็จะรับผิดชอบไม่ต้องคิดมากนะ” มือหนาเอื้อมมาจับที่แก้มขาวอย่างเบามือ

            “รับผิดชอบยังไงครับ ให้ผมเป็นคนรักหรือเป็นแค่เมียเก็บพี่อย่างนั้นเหรอ”

            “พี่จะบอกคุณพ่อเรื่องของเรา” หินมองหน้าร่างบางด้วยสายตาที่จริงจัง

            “แล้วยังไงต่อครับ พี่หินคิดว่าคุณพ่อจะยอมรับเราอย่างนั้นเหรอ”

            “ไม่ลองก็ไมรู้” สายตาที่มุ่งมั่นมองมาทำให้ไฟถึงกับเผลอคล้อยตามกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

            “พี่ทำเพื่อผมขนาดนี้ผมจะไม่เปิดใจให้ใครนอกจากพี่คนเดียวเท่านั้นครับผมสัญญา”  ไฟให้คำสัญญากับอีกฝ่าย

            “พี่ดีใจที่ไฟคิดและเปลี่ยนแปลงตัวเองได้”

            “ผมก็ดีใจครับที่พี่หินเชื่อใจในตัวผม” ทั้งสองยิ้มให้กินอย่างหวานซึ้ง

            “เข้าไปข้างในกันเถอะใกล้ถึงเวลาหนังจะฉายแล้ว” ร่างบางยิ้มให้แล้วเดินควงแขนชายหนุ่มเข้าไปข้างใน

            ในโรงภาพยนตร์

            ขณะทั้งสองกำลังนั่งดูตัวอย่างรอภาพยนตร์ฉาย  ก็มีชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามานั่งข้างๆไฟ

            “อ้าว!น้องไฟ บังเอิญจริงๆเลยนะเนี่ย” โดมทักด้วยความดีใจ

            “ใช่ครับบังเอิญมาก” เขายิ้มรับ  ดีล่ะเขาจะทำให้คนที่นั่งอีกฝั่งหึงหวงมันก็สนุกไม่ใช่น้อยไฟยิ้มในใจ

            ไฟหันไปคุยกับโดมโดยไม่ได้สนใจหินเลยแม้แต่น้อย  เมื่อกลายเป็นอากาศอยู่นานหินก็สะกิดที่แขนจนไฟต้องหยุดการสนทนากับโดมแล้วหันมาหาชายหนุ่มทันที

            “มีอะไรเหรอครับพี่หิน” ไฟถามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

            “ลุกขึ้นเปลี่ยนที่นั่งกัน” เสียงเข้มออกคำสั่ง

            “ไม่เอานั่งตรงนี้ก็ดีอยู่แล้ว”

            “ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นครั้งที่สองดังมากจนคนแถวนั้นเริ่มหันมามอง  โดมเองก็มองหน้าหินอย่างไม่พอใจนัก

            ไฟยอมลุกขึ้นเปลี่ยนที่นั่งกับหินทันทีเพราะเกรงใจคนอื่นๆ  เมื่อนั่งลงแล้วหินก็ประสานมือร่างบางแล้ววางไว้บนพนักเก้าอี้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของให้โดมได้เห็น

            “โทษทีนะพอดีไม่อยากให้คนอื่นมาอยู่ใกล้กับแฟน” เสียงเข้มเอ่ยขณะตายังจ้องไปที่หน้าจอ

            โดมนั่งกำหมัดด้วยความโมโห  เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าไฟมีแฟนแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนใจเขาได้อย่างแน่นอน  เพราะเขาใช้ความพยายามมานานกว่าจะมีโอกาสได้พูดคุยและใกล้ชิดกับไฟได้  เขาจะไม่ปล่อยโอกาสดีๆนี้ไปอย่างแน่นอน

            “ก็แค่แฟน” โดมเองก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายพูดจาเหน็บแนมได้เพียงฝ่ายเดียว  เขาโต้กลับอย่างไม่ยอมเหมือนกัน

            ชายหนุ่มทั้งสองจ้องหน้ากับอย่างไม่มีใครยอมใคร  ราวกับศัตรูที่โกรธแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน

            ไฟนั่งยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจที่เห็นชายหนุ่มทั้งสองคนต่างก็แย่งสิทธิ์ในตัวเขา  โดยหารู้ไม่ว่าต่างก็อยู่ในเกมส์ของไฟโดยไม่รู้ตัว



*-*-*-*-*-*-*



            บ้านศิริกรโสภณ

            กว่าหนังจะจบก็ปาเข้าไปเกือบจะสองทุ่ม  หินและไฟเดินจูงมือกันเข้ามาในบ้านก็เห็นทุกคนนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น  หินกระชับมือร่างบางเอาไว้แน่นก่อนจะมองหน้าให้อีกฝ่ายได้มั่นใจ  ตอนนี้ทุกคนก็อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วหินจึงตัดสินใจที่จะบอกความจริงให้รู้

            “สวัสดีครับคุณพ่อคุณน้า” หินยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนก่อนจะมาจับมือร่างบางไว้เหมือนเดิม

            “ไปไหนกันมากลับซะดึกเชียว” จรัญเอ่ยถามลูกชายขณะก้มหน้าอ่านหนังสือเล่มโปรดอยู่

            “ผมกับไฟไปดูหนังกันมาครับ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นจรัญก็เงยหน้าขึ้นมามองทั้งสองคนทันที  ช่วงหลังๆหินและไฟไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ เขาคิดว่าอาจจะเป็นเพราะการฝึกงานทำให้ความสัมพันธ์ของลูกชายทั้งสองดีขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ  แต่มือที่ประสานกันอยู่นั้นทำให้จรัญถึงกับขมวดคิ้วมองลอดแว่นมาด้วยความสงสัย

            ส่วนน้ำไม่อาจจะทนมองภาพบาดตาบาดใจได้เขาพยายามจะลุกขึ้นแต่โดนผู้เป็นแม่จับมือเอาไว้ก่อน

            “เดี๋ยวนี้พวกแกสองคนดูสนิทกันนะ”

            หินถอนหายใจเฮือกใหญ่เพื่อเรียกความกล้าก่อนจะเอ่ยออกมา

            “ผมกับไฟเรา....มีอะไรกันแล้วดังนั้นผมอยากจะขออนุญาตคุณพ่อหมั้นกับน้องได้ไหมครับ?”

            หินเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับกระชับมือร่างบางเอาไว้แน่น

ไฟรับรู้ได้ถึงความมุ่งมั่นและจริงใจของชายหนุ่มทำให้รู้สึกผิดในใจอย่างบอกไม่ถูก  แต่ทุกอย่างมันต้องเป็นไปตามเกมส์ที่เขาได้วางไว้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*



           ---------------------

ฝากติดตามและคอมเมนท์กันด้วยนะครับบบ
ขอเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น ไฟร้ายลวงรักนะครับ เพื่อให้เหมาะกับเนื้อเรื่อง
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.06--ขอหมั้น--(Up.21-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-03-2018 03:40:09
สุดยอดพี่หิน ยอดคนแมนตัวจริง กล้าทำ กล้ารับ  o13
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.06--ขอหมั้น--(Up.21-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 22-03-2018 20:00:40
ไม่อยากให้หมั้นตอนนี้เลย
แอบสนใจในตัวพี่โดมจัง อิอิ
หัวข้อ: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.07--ฮีโร่ในความทรงจำ--(Up.23-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 23-03-2018 16:00:13
CHAPTER

-07-

ฮีโร่ในความทรงจำ



          “มันเกิดขึ้นได้ยังไง! ฉันเลี้ยงพวกแกให้เป็นพี่น้องกันทำไมถึงเกิดเรื่องบัดสีอย่างนี้ขึ้นได้!” จรัญตวาดเสียงดังพร้อมกับลุกขึ้นยืนด้วยความโมโห

            “ผมขอโทษครับคุณพ่อ มันเป็นความผิดของผมเองน้องไม่ได้เต็มใจเลยแม้แต่น้อย เพราะงั้นผมจึงขอโอกาสคุณพ่อรับผิดชอบน้องครับ” หินนั่งคุกเข่าก้มกราบแทบเท้าผู้เป็นพ่อ

            ไฟมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกผิดในใจ  เขาไม่นึกเลยว่าหินจะกล้าทำถึงขนาดนี้

            น้ำนั่งมองน้ำตาคลอไม่น่าเชื่อว่าหินจะรักพี่ชายของตัวเองได้มากขนาดนี้

            “ผมรักพี่หินครับพ่อ พวกเรารักกัน” ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วเขาก็ต้องเล่นให้ถึงที่สุด  เขามองหน้าหินแล้วยิ้มให้  ดูท่าทางชายหนุ่มจะอึ้งไม่น้อยที่ได้ยินคำพูดเมื่อสักครู่

            “พวกแกมั่นใจแล้วเหรอที่ตัดสินใจกันอย่างนี้” เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนรักกัน  จรัญเองก็คงห้ามอะไรไม่ได้  ช่วงหลังๆมานี้ไฟทำตัวดีขึ้นมากอาจเป็นเพราะได้หินคอยช่วยขัดเกลานิสัย  เขาเองก็คิดว่ามันน่าจะดีกับไฟถ้าได้หินมาคอยดูแล

            “ครับ /ครับ” ทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมๆกัน

            “ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปดูฤกษ์ให้ก็แล้วกันว่าจะจัดงานหมั้นวันไหนดี” ในที่สุดจรัญก็ยอมอ่อนลงแล้วก็ยิ้มให้กับลูกชายทั้งสองคน

            เพลินพิศนั่งกอดลูกชายเอาไว้ด้วยความเคียดแค้น  หล่อนจ้องเขม็งไปที่ลูกเลี้ยงด้วยสายตาอาฆาตแค้น  แต่ใบหน้าสวยนั้นกลับแสยะยิ้มให้หล่อนด้วยความสะใจ  ‘แกเล่นกับฉันอย่างนี้ใช่ไหมไอ้ไฟ แกได้เห็นดีกับฉันแน่’ เพลินพิศคิดในใจ  สายตาทั้งสองประสานกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

            “ขอบคุณครับคุณพ่อ” หินยกมือขึ้นไหว้ด้วยความดีใจแล้วหันมายิ้มให้กับว่าที่คู่หมั้นทันที

            น้ำมองทั้งสองคนด้วยความเสียใจ  เมื่อหินเห็นสายตานั้นกลับหลบตาด้วยความรู้สึกผิด  แต่ความจริงก็คือความจริงน้ำต้องรับมันให้ได้  ถ้าไม่ทำอย่างนี้เขาเองก็ไม่มีความสุขเช่นกัน



            เหตุการณ์เมื่อสักครู่ได้ผ่านไปแล้ว  ทั้งหมดได้แยกย้ายกันไปจะเหลือก็เพียงเพลินพิศและไฟเท่านั้น  เธอยืนรอที่จะพูดคุยกับลูกเลี้ยง

            “เดี๋ยว!”

            “ว่าไงครับคุณแม่เลี้ยง” น้ำเสียงเย้ยหยันเอ่ยออกจากปากอย่างผู้มีชัย

            “แกคิดเหรอว่าทำอย่างนี้แล้วจะเอาชนะลูกฉันได้”

            “แล้วเอาชนะได้ไหมล่ะ? ลูกชายเธอร้องไห้ร้องห่มซะขนาดนั้น” ร่างบางยิ้มเยาะด้วยความสะใจ

            “หินแค่หลงมารยาทของแกเท่านั้น สักวันหินจะต้องตาสว่างแล้วรู้ว่าแกมันก็แค่ก้อนกรวดชั้นต่ำดีๆนี่เอง  ต่อจากนี้ไปอย่าหวังว่าชีวิตแกจะสงบสุข”  เพลินพิศถลึงตาใส่ด้วยความโมโหแล้วเดินเบียดตัวออกไป

            “ฉันก็ไม่ยอมให้พวกแกมีความสุขเหมือนกันจำเอาไว้” ร่างบางมองตามหลังแม่เลี้ยงแล้วเอ่ยออกมาเบาๆ



*-*-*-*-*-*-*



          คืนนั้น

          “ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

          “ไฟนอนรึยัง” เสียงเข้มตะโกนมาจากหน้าประตู ร่างบางรีบปิดบทสนทนากับใครบางคนอยู่แล้ววางโทรศัพท์มือถือลงรีบเดินไปเปิดประตู

          “พี่หินมีอะไรรึเปล่าครับ” ไฟยิ้มหวานให้กับชายหนุ่ม

          “พี่มีเรื่องจะคุยด้วยนิดหน่อย”

          “ได้ครับเข้ามาก่อน”

          เมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าของห้องหินก็เข้าไปทันที  เขาเดินตามหลังร่างบางไปแล้วเข้าสวมกอดจากด้านหลัง

          “พี่หินทำอะไรเนี่ย!” ด้วยความตกใจร่างบางอุทานออกมาเสียงดัง

          “ไม่รู้ทำไมพี่ถึงได้คิดถึงไฟมากขนาดนี้ เราทำเส่นห์ใส่พี่รึเปล่าน้า” เสียงเข้มเอ่ยด้วยความขี้เล่น

          “เปล่าสักหน่อยพี่นั่นล่ะที่ทำเสน่ห์ใส่ผม” ไฟเองก็ต้องตามน้ำเมื่ออีกฝ่ายเล่นซะขนาดนี้

          ฟอด!

          เสียงสูดลมหายใจดังขึ้นข้างๆใบหู  เมื่อชายหนุ่มโน้มใบหน้าเข้ามาที่แก้มนุ่ม

          “คนฉวยโอกาสปล่อยเลยนะ”

          “ไม่ปล่อย! ต่อไปพี่ก็จะมีสิทธิ์ในตัวเราอย่างเป็นทางการแล้วนะ” คนตัวสูงโน้มใบหน้าเข้ามามาเกยที่ไหล่บาง

          ไฟรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูกที่โดนอีกฝ่ายถึงเนื้อถึงตัวอย่างนี้  มันช่างอบอุ่นแตกต่างจากแต่ก่อนที่เอาแต่เหม็นขี้หน้า

          “ตกลงพี่หินมีเรื่องอะไรเหรอครับ”

          “พี่อยากจะมาขอโทษเราน่ะ สำหรับเรื่องที่ผ่านมาที่พี่เอาแต่มองไฟในแง่ร้าย” เสียงเข้มเอ่ยข้างใบหูจนคนที่ได้ยินถึงกับขนลุกขึ้นมาทันที  มันดูจริงใจจนรู้สึกได้

          “ผมเองก็ต้องขอโทษพี่หินเหมือนกันครับ  เรามาเริ่มต้นใหม่กันนะ”

          “พี่สัญญาว่าจะไม่มองใครจะมีแต่ไฟคนเดียว”

          “ขอบคุณครับที่เชื่อใจผมขนาดนั้น ผมเองก็จะไม่ทำให้พี่ผิดหวังเหมือนกัน”  ไฟรู้สึกกระดากปากที่เอ่ยประโยคนั้นออกไป

          ไลน์!

          เสียงดังจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น  ทำให้ไฟผละตัวออกมาจากชายหนุ่มแล้วเปิดดูข้อความ

          “พี่หินครับผมขอคุยกับเพื่อนก่อนนะครับ”

          “เอาสิพี่จะนอนอยู่เฉยๆไม่กวนเราหรอก” หินว่าแล้วก็ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงอย่างถือวิสาสะ

          “ไม่เอา! กลับไปนอนที่ห้องเลยน้ำก็ยังไม่อาบสกปรก”

          “ไม่สกปรกหรอกน่า อยากให้พี่ออกไปใช่ป่ะ” ชายหนุ่มจ้องหน้าเหมือนมีเล่ห์กลบางอย่าง

          “อื้อ” ร่างบางตอบสั้นๆ

          “หอมแก้มพี่ก่อนถึงจะยอมออกไป” หินทำแก้มพองๆรอให้อีกคนมาหอมแก้ม

          ฟอด!

          ไฟรีบเข้าไปหอมแก้มชายหนุ่มอย่างว่าง่าย  เพราะตอนนี้เขาต้องการให้หินออกไปจากห้องให้เร็วที่สุด

          “ทำไมง่ายจังอ่ะ”

          “อย่างอื่นก็ทำมาแล้วหอมแก้มแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้อ่ะ รีบออกไปเลย” ไฟดึงแขนคนตัวสูงให้ลุกขึ้นจากเตียง  แต่โดนอีกคนดึงเข้าไปจนล้มทับตัวเอาไว้

          “อุ้ย!”

          ใบหน้าทั้งสองห่างกันแค่เพียงนิดเดียว  สายตาคมจ้องมองมาแทบไม่กระพริบตา  เหมือนมีแรงดึงดูดทำให้ร่างบางต้องโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ๆจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น  ริมฝีปากบางประกบอย่างช้าๆอย่างไม่รู้ตัว  ชายหนุ่มบดจูบริมฝีปากทันทีที่ริมฝีปากทั้งสองสัมผัสกัน  มือหนากอดรัดที่แผ่นหลังของร่างบางเอาไว้แน่น  พร้อมกันนั้นก็ลูบไล้จนไฟสวาทเริ่มลุกโชนขึ้นมา

          “อื้อ!”

          ทั้งสองหายใจถี่เมื่อความต้องการเริ่มสูงขึ้นจนไม่อาจหยุดมันได้

          ไลน์!

          เสียงไลน์ดังขึ้นอีกครั้งทำให้ร่างบางตั้งสติได้แล้วรีบผละตัวออกมาทันที

          “พะ...พี่หินออกไปได้แล้ว!”  เสียงหวานเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก ใบหน้าขาวกลับแดงก่ำด้วยความเขินอายที่เผลอตัวทำอย่างนั้นไป

          “ไฟทำพี่ค้างรู้ไหม?” สายตาคมจ้องมองราวกับจะกลืนกินเขาไปทั้งตัวเสียให้ได้

          “ไปทำเองที่ห้องพี่เลย วันนี้พอแค่นี้ล่ะ” คราวนี้ร่างบางดึงคนตัวสูงออกจากเตียงได้สำเร็จ

          “ใจร้ายจัง” คนตัวสูงยิ้มหวานให้

          “จะใจร้ายกว่านี้แน่ถ้าไม่ออกไป”

          “โอเคๆ พี่ออกไปก็ได้ครับ”

          ฟอด!

          หินขโมยหอมแก้มร่างบางก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากห้องทันที  ไฟเดินไปล็อคประตูห้องเอาไว้อย่างโล่งอก  ก่อนจะเดินไปสนใจกับโทรศัพท์มือถือต่อ



*-*-*-*-*-*-*



          เมื่อออกมาจากห้องของไฟแล้วหินก็เดินยิ้มอย่างมีความสุข  ไม่นึกเลยว่าคนที่เขาเคยไม่ชอบขี้หน้าจะทำให้เขามีรอยยิ้มและมีความสุขได้มากขนาดนี้  แต่ก็ต้องหุบยิ้มทันทีทีเห็นใครบางคนยืนขวางหน้าอยู่

          “น้ำ!”

          “ทำไมต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นด้วยครับ”

          “เปล่าพี่ก็แค่ไม่นึกว่าจะเห็นน้ำยืนอยู่ตรงนี้”

          “ดูท่าทางพี่หินมีความสุขนะครับ” น้ำเสียงประชดประชันบวกกับสายตาที่มองอย่างไม่เป็นมิตร  ทำให้หินเองก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที

          “พี่ขอโทษ” เขาเอ่ยเสียงเบา

          “พี่หินขอโทษผมเรื่องอะไรเหรอครับ”

          “ก็เรื่องที่พี่จะหมั้นกับไฟ”

          “พี่ไม่ต้องมาขอโทษผมหรอกครับ  มันเป็นสิทธิ์ของพี่  พี่จะรักใครชอบใครผมเองก็คงห้ามไม่ได้  ที่ผมมายืนรอพี่หินก็เพราะอยากจะมาแสดงความยินดี  ยินดีด้วยนะครับกับความสุขที่อยู่บนความทุกข์ของผม” น้ำไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้มันไหลลงมาเป็นสาย  เมื่อเห็นอย่างนั้นหินก็ยิ่งรู้สึกผิดในใจ

          “น้ำพี่ไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้เลย”

          “ไม่อยากให้เป็นอย่างนี้งั้นเหรอ พี่ก็รู้ว่าน้ำชอบพี่ถ้าเป็นคนอื่นน้ำจะไม่รู้สึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย  แต่นี่เป็นพี่ไฟพี่ชายของน้ำ  น้ำต้องทนเห็นพวกพี่พลอดรักกันทุกวันต่อหน้าต่อตา  พวกพี่สองคนใจร้าย  น้ำไม่มีวันยกโทษให้เด็ดขาด!”  หินโดนอีกคนผลักอกจนเซ  หลังจากนั้นเจ้าตัวก็รีบวิ่งร้องไห้เข้าไปในห้อง

          หินได้แต่มองตามหลังด้วยความรู้สึกผิด  น้ำเป็นเด็กดีไม่เคยก้าวร้าวใส่เขาอย่างนี้มาก่อน  จะทำยังไงดีให้เรื่องทั้งหมดมันจบลงด้วยดี  เขายังคิดหาทางออกไม่เจอเลยจริงๆ



*-*-*-*-*-*-*



          หลังจากหินออกไปจากห้องแล้วไฟก็นอนตอบไลน์โดมทันที

          kingdome :  ทำไมตอบไลน์ช้าจังครับ ทำอะไรอยู่

          ffiree :  พอดีผมคุยกับคุณพ่ออยู่ครับ

          kingdome : พี่ดีใจจังที่น้องไฟให้โอกาสพี่

          ffiree :  ก็พี่โดมเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายไงครับ ผมเลยใจอ่อน

          kingdome : ในที่สุดความพยายามของพี่ก็ไม่เสียเปล่า (พร้อมกับส่งสติ๊กเกอร์รูปหัวใจมาให้)

          ffiree : ขอบคุณพี่โดมที่รักคนร้ายๆอย่างไฟนะครับ (ส่งสติ๊กเกอร์การ์ตูนกำลังเขินอาย)

          kingdome : ไม่ว่าน้องไฟจะร้ายยังไงก็เป็นคนน่ารักในสายตาพี่ วันพรุ่งนี้ว่างไหมครับพี่ว่าจะชวนไปกินไอติมซะหน่อย

          ffiree :  ได้ครับแล้วไปที่ไหนอ่ะ

          kingdome :  ที่ห้าง XXX ครับช่วงบ่ายน้องไฟว่างรึเปล่า

          ffiree :  ว่างครับไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ ตอนนี้ผมง่วงแล้วต้องขอตัวไปนอนก่อน

          kingdome : ครับผมฝันดีนะครับ

          ffiree : เช่นกันครับ

          ไฟปิดหน้าจอแล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มอย่างพอใจ  คนอะไรจะหลอกง่ายขนาดนี้นะ  ผู้ชายอย่างโดมไม่มีทางที่เขาจะสนใจแน่นอน  เป็นได้แค่เครื่องมือให้เขาใช้แก้แค้นหินก็เท่านั้น



*-*-*-*-*-*-*



          วันต่อมา

          ไฟนั่งรอโดมที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่ได้นัดหมายกันเอาไว้  ไม่นานหลังจากนั้นชายหนุ่มที่ก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับร้อยยิ้ม

          “พี่ขอโทษที่มาช้านะครับพอดีรถมันติด” โดมยืนหอบแฮ่กๆ เมื่อมาถึง  เขาพยายามวิ่งมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  หลังจากนั่งรถเมล์มาหลายต่อหลายต่อ

          “ไม่เป็นไรครับ  ไปกันเลยไหม” ร่างบางเอ่ยถาม

          “ได้ครับ”

          “วันนี้คงอยู่ด้วยได้ไม่นานนะครับเพราะช่วงเย็นผมมีนัด”

          “โอเคครับ” โดมตอบรับอย่างเข้าใจ

          ทั้งสองเดินเคียงคู่กันไปที่ร้านไอศกรีมชื่อดังซึ่งอยู่ที่ชั้นสามของห้าง  ตั้งแต่ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับโดม  ทำให้ไฟรู้สึกถึงความคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก  คล้ายๆกับใครคนนั้นแต่มันคงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน

          “อร่อยไหมครับน้องไฟ” โดมยิ้มกริ่มเมื่อเห็นอีกคนตักไอศกรีมทานอย่างเอร็ดอร่อย

          “ก็อร่อยดีครับ” ร่างบางยิ้มให้

          “อร่อยก็ทานเยอะๆนะครับ”

          “ครับ”

          ไฟสังเกตเห็นรอยแผลเป็นที่แขนของชายหนุ่มที่ยาวเกือบนิ้ว  ทำให้เขาต้องขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย

          “มีอะไรรึเปล่าครับถึงได้มองแขนพี่อย่างนั้น” เขาสังเกตเห็นไฟมองแผลเป็นที่แขนอยู่นาน

          “ปะ...เปล่าครับไม่มีอะไร” มันคงไม่ใช่อย่างที่เขาคิดหรอก  คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญขนาดนั้น

          “สงสัยล่ะสิว่าแผลเป็นนี่เกิดขึ้นได้ยังไง”

          “แล้วพี่โดนอะไรมาอ่ะครับ” นั่นคือสิ่งที่เขาอยากรู้

          “สมัยเด็กพี่โดนมีดฟันเพราะไปช่วยเด็กคนนึงไว้” เขาเริ่มเล่าถึงเรื่องราวสมัยเด็กที่ยังคงจดจำได้เป็นอย่างดี  มองเห็นรอยแผลเป็นนั่นทีไรจำต้องนึกถึงเด็กคนนั้นตลอด

          “เล่าให้ผมฟังได้ไหมครับ ผมอยากฟัง” ยิ่งรู้ว่าแผลเป็นนั่นได้มายังไง  ยิ่งทำให้ไฟอยากรู้มากยิ่งขึ้นไปอีก  จะใช่รึเปล่านะ จะใช่คนที่อยู่ในความทรงจำเขารึเปล่า

          “วันนั้นมีเด็กคนนึงโดนเพื่อนๆล้อ ว่าเป็นลูกไม่มีพ่อจนทนไม่ไหวแล้วมีเรื่องชกต่อยกัน  เด็กชายคนนั้นดูน่าสงสารเพราะกำลังโดนรุมอย่างไม่มีทางสู้  พี่เข้าไปช่วยแต่โชคไม่ดีที่เด็กพวกนั้นมีมีด  กำลังจะเข้าไปฟันเด็กน้อยคนนั้นพี่เลยเอามือไปป้องไว้  จนได้แผลมาซะยาว  หลังจากนั้นก็มีตำรวจมาเจอเข้าพอดีพี่กับเด็กคนนั้นก็เลยรอดมาได้  พี่ถูกส่งตัวไปทำแผลที่โรงพยาบาลและไม่พบเด็กคนนั้นอีกเลย  แต่มองที่แผลเป็นทีไรใบหน้าเด็กคนนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัวทุกทีไม่รู้ทำไม” โดมเล่าให้อีกคนฟัง ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

          “เฮ้ย! เรื่องมันซึ้งขนาดนั้นเลยเหรอครับน้องไฟ”  โดมต้องตกใจเมื่อเห็นอีกคนมีน้ำตาคลอเบ้า

          “ปะ...เปล่าครับพอดีฝุ่นเข้าตา” เขาเอ่ยแก้ตัวไป

          “เข้าไปล้างตาในห้องน้ำก่อนไหมเดี๋ยวตาจะอักเสบเอา”  โดมเอ่ยด้วยความเป็นห่วง

          “ไม่เป็นไรครับ ดีขึ้นแล้ว” ร่างบางยิ้มให้

          “ดีแล้วพี่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”

          “ขอบคุณนะครับพี่โดมสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา”

          “ขอบคุณอะไร พี่ยังไม่ได้ทำอะไรให้เลยนะ” โดมรู้สึกงงกับคำพูดของอีกฝ่าย

          “ก็ผมอยากขอบคุณไม่ได้รึไงอ่ะ”

          “ดะ...ได้ครับ” ชายหนุ่มตอบรับอย่างเสียมิได้

          หลังจากนั้นไฟก็ยิ้มให้ชายหนุ่มอีกครั้ง  ในที่สุดเขาก็หาคนๆนั้นเจอ  คนที่เคยเป็นฮีโร่ช่วยชีวิตเขาไว้  ไม่น่าเชื่อว่าจะเห็นกันมาตั้งนานแต่ไม่เคยรู้เลยสักนิดว่าโดมคือเขาคนนั้น  จากคนที่เขาเคยรังเกียจเดียดฉันมาตลอด  วันนี้โดมจะเป็นคนที่มาเติมเต็มชีวิตของไฟให้สว่างสดใสขึ้นมา


*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*


------------------------------------------------
จริงๆแล้วไฟมีอดีตที่ฝังใจทำให้สร้างภาพที่ร้ายกาจออกมาอย่างนี้
หัวข้อ: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.08--สับสน--(Up.21-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 27-03-2018 00:25:43
CHAPTER

-08-

สับสน



          งานหมั้นถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายภายในบ้านเมื่อวันที่ผ่านมา  มีเพียงสมาชิกในบ้านเท่านั้นที่ร่วมเป็นสักขีพยาน  ทั้งสองแลกแหวนแทนใจซึ่งกันและกันและได้กล่าวคำสัญญาว่าจะรักและดูแลกันตลอดไป  สำหรับพิธีมงคลสมรสต้องรอให้ไฟเรียนจบก่อนถึงจะมีการจัดขึ้นอย่างเป็นทางการอีกครั้ง  ส่วนน้ำไม่สามารถทนอยู่เห็นภาพบาดตาบาดใจได้จึงอ้างติดเรียน  ทางด้านเพลินพิศก็ได้แต่นั่งฝืนยิ้มให้งานจบๆไปเท่านั้น

            บริษัทสิริกรโสภณ

            “พี่หินเดี๋ยวผมไปชงกาแฟให้นะครับ” เมื่อเห็นว่าคู่หมั้นนั่งทำงานไปหาวไปอยู่บ่อยครั้งไฟก็เลยอาสาไปชงกาแฟมาให้

            “ขอบใจนะรู้ใจพี่จริงๆเลย”

            “ขอบใจอย่างเดียวไม่พอ” ร่างบางทำแก้มพองเอียงหน้ารอ

            เห็นอย่างนั้นหินก็ยิ้มแล้วเดินเข้าไปหอมแก้มฟอดใหญ่พร้อมกับสวมกอดจากด้านหลัง

            “เดี๋ยวนี้ยั่วเก่งนะเรา” หินโน้มใบหน้าคมเข้าไปคลอเคลียที่ซอกคอขาวอย่างพอใจ

            “แล้วชอบไหมล่ะ”

            “ชอบสิครับ”

            ไฟรีบผละตัวออกก่อนที่ชายหนุ่มจะทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้  เขาตั้งใจยั่วให้อีกคนอารมณ์ค้าง

            “เดี๋ยวไม่ได้ดื่มกาแฟกันพอดี รอสักครู่นะครับ”  ร่างบางส่งสายตายั่วยวนชายหนุ่มแล้วเดินยิ้มออกไป

            หินมองตามหลังคนรักด้วยความเสียดาย  ทำไมถึงได้ชอบยั่วให้เขาอารมณ์ค้างอยู่เรื่อย  ตั้งแต่คราวนั้นที่ทั้งสองเป็นของกันและกัน เขายังไม่เคยได้ครอบครองเรือนร่างนั้นอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว  อย่างมากก็ได้แค่กอดจูบและหอมแก้มเท่านั้น  หินคิดว่าคงหลังจากแต่งงานโน่นล่ะมั้งเขาจึงจะได้ทำอะไรสมใจอยากอีกครั้ง

            ไฟเดินเข้ามาในห้องเล็กๆที่ถูกออกแบบและตกแต่งขึ้นเพื่อใช้เป็นที่สำหรับชงกาแฟและเครื่องดื่มโดยเฉพาะของพนักงานออฟฟิศ  ระหว่างชงกาแฟอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  ไฟหันไปมองก็เห็น ‘หญิง’ พนักงานสาวที่เคยมีเรื่องกับเขาในโรงอาหารครั้งก่อนกำลังยืนยิ้มให้  เห็นอย่างนั้นไฟก็มองตาขวางไม่ได้ยิ้มหรือพูดอะไรตอบกลับ เขารู้สึกไม่ถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้ซะเหลือเกิน

            “สวัสดีค่ะคุณไฟ มาชงกาแฟให้คุณหินเหรอคะ” เสียงกระแนะกระแหนเอ่ยถาม

            “รู้แล้วจะถามทำไม” ร่างบางเอ่ยแต่ยังงุ่นกับการชงกาแฟอยู่ไม่ได้หันไปสนใจเจ้าหล่อนแม้แต่น้อย

            หญิงได้ยินอย่างนั้นก็เบะหน้าใส่ด้วยความหมั่นไส้

            “คุณไฟเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกเลยนะคะ  ที่ได้หมั้นกับผู้ชายที่ดีมากอย่างคุณหิน ดีมากจนไม่คู่ควรกัน...” เธอแกล้งพูดยั่วโมโหเนื่องจากได้รับคำสั่งจากเพลินพิศทำยังไงก็ได้ให้ทั้งสองคนผิดใจกัน

            “เธอพูดแบบนี้หมายความว่าไง” เมื่อได้ยินประโยคนั้นไฟก็หันขวับมาถลึงตาใส่หญิงทันที

            “อุ๊ย! หนูพูดอะไรผิดเหรอคะ”  หญิงสาวทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

            “เธอคิดว่าเธอเป็นใครถึงได้กล้ามาต่อกรกับฉันอย่างนี้” ไฟค่อยๆเดินเข้าไปหาเจ้าหล่อนอย่างช้าๆ

            “คุณไฟอย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ” เธอโวยวายเสียงดังเพื่อให้คนที่ยืนอยู่แถวนั้นได้ยิน

            “เธอเป็นบ้าอะไร ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลยนะ” ไฟเริ่มงงกับท่าทางของหญิงสาว

            “ช่วยด้วยค่ะคุณไฟอย่านะคะ” เธอโวยวายแล้วแสยะยิ้มให้  หลังจากนั้นก็ยกแก้วน้ำดื่มเทใส่ศีรษะตัวเองจนเปียกไปทั้งตัว

            “เธอทำบ้าอะไร” เขาจับที่แขนของหญิงแล้วบีบเอาไว้

            “โอ๊ย! หนูเจ็บนะคะคุณไฟ” เธอร้องโวยวายเสียงดัง

            “ว้าย! คุณไฟทำอะไรหญิงคะนั่น” พนักงานคนอื่นๆวิ่งกรูเข้ามาดูจนเต็มหน้าห้อง  ทุกสายตาที่มองไฟราวกับว่าเขาเป็นผู้ต้องหาซะอย่างนั้น

            “ฉันเปล่านะ”

            “คุณไฟทำไมทำหนูอย่างนี้คะ ฮือๆ หนูแค่ทักทายเฉยๆไม่ได้ด่าว่าอะไรคุณเลยนะคะ” หญิงร้องไห้ร้องห่มอย่างน่าสงสาร

            “ไฟเกิดอะไรขึ้น!” หินเดินเข้ามาเจอพอดี

            “ผมไม่ได้ทำอะไรเค้าเลยนะครับ อยู่ๆเค้าก็เทน้ำราดหัวตัวเอง” ร่างบางพยายามอธิบายให้หินฟัง  ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวอีกครั้ง “บอกความจริงไปสิว่าเธอทำตัวเองทั้งนั้น”

            “ไม่จริงค่ะ หนูจะทำอย่างนั้นทำไม ฮือๆ”

            หินมองหน้าคู่หมั้นของตัวเองอย่างชั่งใจ  ใจจริงเขาก็อยากจะเชื่อสิ่งที่ไฟพูดออกมา  แต่หญิงคือคนที่เคยมีเรื่องกับไฟมาก่อน  มันอาจเป็นไปได้ว่าไฟคิดจะแก้แค้นแล้วทำเรื่องอย่างว่าก็เป็นได้  ส่วนหญิงเป็นแค่พนักงานธรรมดาคงไม่กล้าทำเรื่องใส่ร้ายลูกชายของประธานบริษัทอย่างแน่นอน

            “ทำไมพี่หินทำหน้าเหมือนไม่เชื่อสิ่งที่ผมพูดอย่างนั้นล่ะครับ”

            “คือไม่ใช่อย่างนั้น”

            “พี่ไม่ต้องพูดแล้ว! แค่เห็นหน้าก็พอจะรู้แล้วว่าพี่คิดยังไง ผมผิดหวังในตัวพี่มาก!” ร่างบางเดินเบียดออกไปโดยเร็ว  พนักงานต่างก็มองตามหลังแล้วเกาะกลุ่มซุบซิบนินทา

            หลังจากนั้นหินก็สั่งให้ทุกคนกลับไปทำงาน  กลุ่มพนักงานจึงแยกย้ายออกไปอย่างกับผึ้งแตกรัง

            “ส่วนเธออยู่ก่อน” หินเอ่ยกับหญิงขณะหล่อนกำลังจะเดินออกไป

            “คุณหินมีอะไรรึเปล่าคะ” เธอก้มหน้าราวกำลังมีความผิด

            “ไฟทำอย่างนั้นกับเธอจริงรึเปล่า”

            “ทำไมคุณหินถามอย่างนั้นล่ะคะ ฮึก” หญิงเริ่มร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้งเมื่อโดนซักถาม

            “ฉันก็แค่ถามเพื่อความมั่นใจ เอาเป็นว่าฉันขอโทษแทนไฟด้วยก็แล้วกัน” เขาจำเป็นต้องเอ่ยปากขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น  เพราะอย่างน้อยก็อาจทำให้พนักงานคนอื่นๆไม่มองว่าเขาเข้าข้างคนรักของตัวเองจนลืมความถูกต้อง

            “ไม่เป็นไรค่ะคุณหิน หนูก็มีส่วนผิดที่เข้ามาช่วงที่คุณไฟอยู่ในห้อง ทั้งที่รู้อยู่ว่าเคยมีเรื่องกับคุณไฟมาก่อน” เธอเอ่ย

            “คราวหลังอยู่ให้ห่างคุณไฟก็แล้วกันจะได้ไม่ต้องมีเรื่องอีก ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ”

            “ค่ะ” เธอเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำแล้วแสยะยิ้มต่อหน้ากระจก  ก่อนจะโทรรายงานผู้เป็นเจ้านายที่คอยสั่งการอยู่ที่บ้าน


*-*-*-*-*-*



            ในห้องทำงาน

            ไฟนั่งหน้ามุ่ยอยู่บนโซฟาไม่พูดไม่จาใดๆ  ไม่แม้แต่จะมองหน้าหินที่กำลังยืนกอดอกอยู่ตรงหน้า

            “โกรธพี่เหรอ?”

            “.......” ร่างบางยังคงเงียบทำเป็นนั่งอ่านเอกสารอยู่ตรงหน้า

            “สงสัยจะโกรธจริงๆ” หินยกยิ้มที่มุมปากแล้วเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ  ก่อนจะจับเอกสารที่อยู่ในมือร่างบางกลับหัวให้ถูกต้อง  “คนอะไรอ่านหนังสือกลับหัวก็ได้”

            “ไม่ต้องมายุ่ง!” มือเรียวกระชากเอกสารนั้นคืนทันทีที่โดนอีกคนเอ่ยแซว

            “ไม่ยุ่งได้ไงก็คู่หมั้นพี่กำลังงอนนี่นา” หินพยายามพูดเอาใจเพื่อให้อีกคนอารมณ์เย็นลง

            “คู่หมั้นที่เชื่อคนอื่นมากกว่าคนรักตัวเอง อย่างนี้ไม่มีจะดีกว่า”

            “ไฟต้องเข้าไจพี่ด้วยนะ  ถ้าหากว่าพี่เชื่อไฟทันทีก็จะทำให้พนักงานคนอื่นๆคิดว่าพี่เข้าข้างแฟนตัวเองจนไม่ลืมหูลืมตา  ไฟคิดว่าคนอื่นจะเชื่อใครล่ะสภาพหญิงก็เป็นซะขนาดนั้น” เขาพยายามอธิบายเหตุผลให้ร่างบางฟัง

            “ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจกว่าที่พี่หินคิด” ในใจก็คิดตามสิ่งที่หินพูดเมื่อสักครู่  ก็จริงที่ใครเห็นก็คงคิดว่าเขาเป็นคนกระทำ  เพราะก่อนหน้านี้เคยมีเรื่องที่โรงอาหารเขาก็แผลงฤทธิ์ซะจนคนติดภาพร้ายกาจไปแล้ว

            “พี่ไม่รู้หรอกว่าใครจะเป็นยังไง  แต่พี่รู้ว่าตอนนี้ไฟเปลี่ยนไปแล้ว  คงไม่ทำเรื่องอย่างนั้นแน่นอน” เขาพยายามพูดเอาใจอีกฝ่ายทั้งๆที่ในใจก็ยังไม่ได้เชื่อเต็มร้อย

            “ขอบคุณที่เข้าใจผมนะถึงแม้จะไม่รู้ว่าจริงใจรึเปล่าก็ตาม  ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นมันชื่อหญิงเหรอ?” หินได้ยินก็ถึงกับชะงัก  ความโกรธทำให้ร่างบางลืมตัวเอ่ยคำว่ามันออกไปก่อนจะถามใหม่อีกครั้ง “เค้าชื่อหญิงเหรอครับ”

            “ใช่...ทำไมเหรอ” หินถามกลับ

            “เปล่าครับผมก็ถามไปงั้นล่ะ  เผื่อเจอกันคราวหน้าจะได้ทักทาย”

            “ถ้าเป็นไปได้พี่ขอให้เราต่างคนต่างอยู่จะดีกว่า  พนักงานคนอื่นจะได้ไม่มองไฟในแง่ลบไปมากกว่านี้” ชายหนุ่มแนะนำ

            มีหรือที่คนอย่างไฟจะยอมฟัง  ผู้หญิงคนนั้นร้ายกาจกว่าที่เขาคิดซะอีก  จะต้องเอาคืนให้สาสมและไม่มีทางให้เล่นงานเขาได้อีกเด็ดขาด

            “คือจริงๆแล้ว...ผมเป็นคนทำหญิงอย่างนั้นเองล่ะครับ”  คนอย่างหญิงรู้จักเขาน้อยไป

            “แล้วทำไมตอนแรกถึงได้ปฏิเสธเสียงแข็งซะอย่างนั้นล่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัย

            “ผมยอมรับว่าตอนแรกตั้งใจจะโกหกทุกคนเลยพูดอย่างนั้นออกไป  แต่ผมมีเหตุผลนะครับพี่หิน”

            “เหตุผลอะไรทำไมถึงได้ทำกันขนาดนั้น”

            “ผมทนไม่ได้ที่หญิงเค้ามาว่าพี่หิน....” ร่างบางทำท่าอึกอักก้มหน้าไม่กล้าพูดต่อ

            “ว่ายังไง?” หินงงว่าหญิงจะว่าอะไรเขาได้ในเมื่อแทบจะไม่ได้เจอกับพนักงานคนนี้เลย

            “หญิงบอกว่าพี่หินตกถังข้าวสารที่ได้หมั้นกับผม  ได้ยินอย่างนั้นผมก็ทนไม่ได้เลยสาดน้ำใส่หน้าด้วยความโมโห” ในเมื่อหญิงใส่ร้ายเขา  มีหรือที่จะโดนกระทำเพียงฝ่ายเดียว

            “นี่หญิงกล้าพูดขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย!” หินขึ้นเสียงสูงด้วยความโมโห  จะบอกว่าเรื่องนี้เป็นปมสำหรับเขาก็ว่าได้  ตัวเขาเริ่มต้นจากศูนย์ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลยแม้แต่น้อย  แถมตอนนี้ก็ได้หมั้นกับไฟซึ่งเป็นลูกชายของบริษัทนี้อีกต่างหาก  ไม่แปลกที่คนจะคิดกันอย่างนี้ 

            “ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าพนักงานธรรมดาอย่างหญิงจะกล้าพูดขนาดนี้  แต่พี่หินไม่ต้องไปใส่ใจหรอกนะครับ  ยังไงซะเราก็รักกันไม่ต้องไปแคร์คนอื่นหรอก” ตอนแรกหินเป็นฝ่ายเอาใจร่างบาง  แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนกันซะอย่างนั้น

            “พี่ขอบใจนะที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนพี่ขนาดนี้  เอาเป็นว่าพี่จะไม่คิดมากก็แล้วกัน  ขอแค่เรารักกันเป็นพอ” คนตัวสูงจับมือเรียวเอาไว้แน่นแล้วยิ้มหวานให้

            “ผมกับพี่ก็เหมือนคนๆเดียวกันแล้ว  ใครว่าพี่ก็เท่ากับว่าผมเหมือนกัน” ร่างบางยิ้มให้

            “พี่คิดไม่ผิดเลยที่รักไฟ” ว่าแล้วก็สวมกอดร่างบางเอาไว้แน่น

            “ผมก็ดีใจที่ได้รักพี่ครับ”

            ไฟแสยะยิ้มอย่างพอใจนับวันหินยิ่งหลงเขาหัวปักหัวปำ  ส่วนเพลินพิศและลูกชายก็กำลังร้อนรุ่มในใจจากการที่เขาหมั้นกับหิน  อีกไม่นานทุกคนจะต้องเจ็บปวดเจียนตายอย่างแน่นอน



*-*-*-*-*-*-*



             บ้านศิริกรโสภณ

             “สวัสดีครับคุณน้า” หินยกมือไหว้เมื่อมาถึงบ้านในตอนเย็น

             “ทำไมวันนี้กลับช้าจังเลยหิน” เธอเอ่ยถามพร้อมกับปรายตามองคนที่ยืนควงแขนอยู่ข้างๆด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร

             “พอดีผมพาไฟไปดินเนอร์มาครับเลยกลับดึกไปหน่อย  นี่คุณน้ารอใครอยู่เหรอครับ”

            “รอน้ำจ๊ะวันนี้บอกว่าจะกลับดึกน้าเลยมารอ”

            “ออครับ” เขายิ้มให้เพลินพิศ

            “หินน้ามีอะไรจะคุยด้วยหน่อยน่ะ”

            “ได้ครับคุณน้า” เขายืนรอให้อีกฝ่ายพูด  แต่หากเพลินพิศกลับมองไปที่คู่หมั้นของตัวเองราวกับว่าเป็นส่วนเกิน

            “ไฟจ๊ะน้าขอคุยกับหินเป็นการส่วนตัวสักครู่ได้ไหม?”

             “เอาสิครับ” ร่างบางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ  แล้วหันไปเอ่ยกับหิน “พี่หินผมขึ้นไปก่อนนะครับรีบตามขึ้นไปนะ”

            ฟอด!

            ร่างบางโน้มใบหน้าเข้าไปหอมแก้มชายหนุ่มต่อหน้าต่อตาเพลินพิศ  เขาตั้งใจจะเย้ยว่าตอนนี้สามารถเอาชนะลูกชายของหล่อนได้อย่างขาดลอย

            เพลินพิศเหล่ตามองด้วยความหมั่นไส้  ขนาดวันนี้เจอเรื่องนั้นมายังไม่สามารถทำให้ทั้งสองแตกคอกันได้เลย  เธอจะต้องคิดแผนใหม่ซะแล้ว

            หลังจากไฟเดินเข้าไปในบ้านแล้ว

            “พรุ่งนี้น้าจะวานให้หินช่วยพาน้ำไปเลือกชุดหน่อยจ๊ะ”

            “ได้ครับว่าแต่จะไปกี่โมง” พรุ่งนี้เป็นวันหยุดเขาเองก็ไม่ได้ไปไหน

            “ตั้งแต่เช้าเลยครับพี่หิน” เสียงน้ำเอ่ยแทรกเข้ามา  ทั้งสองหันไปมองทันที

            “มาได้เวลาพอดีเลยลูก คุยกับพี่เค้าต่อนะแม่จะเข้าไปข้างในแล้ว” เพลินพิศยิ้มให้กับทั้งสองคน  แล้วมองหน้าลูกชายเหมือนกับสั่งว่าให้มันได้เรื่องนะอะไรประมาณนั้นแล้วเดินเข้าไป

            “น้ำจะซื้อชุดไปงานอะไรครับ”

            “พอดีที่คณะมีงานเลี้ยงครับ น้ำต้องไปขออนุญาตพี่ไฟก่อนรึเปล่าครับ”  คนที่พูดหลบตาลงเมื่อเอ่ยชื่อของพี่ชาย  ทำให้หินต้องเชยคางน้องชายขึ้นเพื่อให้ความมั่นใจว่าเขาเต็มใจโดยไม่ต้องไปขออนุญาตใครทั้งนั้น

            “ไม่ต้องหรอกไฟเค้าคงเข้าใจ”

            “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เจอกันนะครับ” น้ำยิ้มด้วยความดีใจถึงแม้จะรู้ดีว่าไฟคงไม่ชอบใจสักเท่าไร  แต่เขาก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด...ช่วยไม่ได้!


*-*-*-*-*-*-*



            ห้องนอนของไฟ

            หลังจากเข้าห้องมาแล้วก็มีสายโทรเข้ามา

            “ว่าไงครับพี่โดม”

            (“คิดถึงจึงโทรมาหา”) โดมหยอดคำหวานใส่

            “คิดถึงใคร” ร่างบางยิ้มเมื่อได้ยินประโยคก่อนหน้า

            (“พูดกับใครก็คิดถึงคนนั้นล่ะ”)

            “จริงดิ”

            (“จริงสิครับ”)

            “เขินเลยนะเนี่ย  ว่าแต่พี่โดมโทรมามีอะไรรึเปล่าครับ”

            (“พรุ่งนี้น้องไฟว่างไหม?”)

            “พรุ่งนี้ว่างครับ จะชวนไปไหนน้า”

            (“พรุ่งนี้พี่ว่าจะชวนไปดูหนังซะหน่อย”)

            “ได้ครับพี่โดมกำลังอยากดูพอดีเลย”

            (“ดีใจจัง...ถ้างั้นเจอกันที่เดิมนะครับ”)

            “ครับพี่”

            (“พี่ไม่กวนแล้วนะ ฝันดีครับ”)

            “ฝันดีเช่นกันครับ”

            วางสายไปแล้วร่างบางก็นอนยิ้มอยู่บนเตียง  ตั้งแต่รู้ว่าโดมคือฮีโร่ในวัยเด็กความสัมพันธ์ของทั้งสองก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ  โดมเข้ามาเติมเต็มชีวิตของไฟให้มีความสุขและรับรู้ได้ถึงความรักที่แท้จริง  ที่คนในบ้านหลังนี้ไม่เคยให้เขาได้เลย  พรุ่งนี้เขาจะบอกความจริงว่าเด็กที่โดมเคยช่วยชีวิตไว้ในวันนั้น...ก็คือเขาเอง

            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            เสียงเคาะประตูทำให้ร่างบางหลุดจากภวังค์ แล้วรีบเดินไปเปิด

            “พี่หินมีอะไรรึเปล่าครับ”

            “พี่มีเรื่องจะมาบอก”

            “เรื่อง...”

            “พรุ่งนี้พี่จะพาน้ำไปซื้อชุดสำหรับไปงานเลี้ยง เลยมาขออนุญาตเราก่อน”

            “เอาสิครับผมไม่ว่าอะไรหรอก น้ำก็น้องชายผม อย่าลืมสิว่าผมเปลี่ยนไปแล้วไม่ต้องกังวลขนาดนั้นหรอก” ร่างบางยิ้มละมุนให้

            ได้ยินอย่างนั้นหินก็รู้สึกโล่งใจที่ไฟไม่มีปัญหาขัดข้องอะไร  ขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้ไฟสามารถเปลี่ยนได้ถึงขนาดนี้ เขายิ้มในใจ

            “พี่ดีใจนะที่ได้ยินอย่างนี้เอาเป็นว่าพี่ไม่กวนแล้ว” ชายหนุ่มโน้มใบหน้าไปจุมพิตที่กลางหน้าผากนุ่มอย่างบรรจง “กู๊ดไนท์ครับ”

            “กู๊ดไนท์เช่นกันครับ” ทั้งสองยิ้มให้กันก่อนหินจะเดินกลับไปที่ห้อง

            ร่างบางปิดประตูเข้ามานอนอยู่บนเตียงเช่นเดิม  ถึงแม้ปากจะบอกว่าไม่มีอะไรแต่ทำไมในใจรู้สึกหวงชายหนุ่มอย่างบอกไม่ถูก นี่เขากลัวจะแพ้น้องชายหรือกลัวว่าจะโดนแย่งคู่หมั้นไปกันแน่  เขาเองก็ยังสับสนกับความรู้สึกนี้...



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.08--สับสน--(Up.27-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-03-2018 00:37:19
นังหญิงตายแน่ ๆ ตอนหน้าหวังว่าพี่ร่วมกับเฮียปอคงทำงานกันนะ  :z6:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.08--สับสน--(Up.27-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-03-2018 01:16:54
เรียกรถฉุกเฉินด่วน ต้องมีใครสักคนเจ็บแน่ๆ
หัวข้อ: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.09--แตกหัก--(Up.27-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 27-03-2018 21:07:29
CHAPTER

-09-

แตกหัก



           ห้างสรรพสินค้า

            หินเดินตามหลังน้ำเข้าไปเลือกเสื้อหลายต่อหลายร้านแต่ก็ยังไม่ถูกใจเจ้าตัวเลยสักที  จนตอนนี้เริ่มออกอาการเบื่อหน่าย  ในระหว่างนั้นหินได้โทรหาคนรักหลายต่อหลายครั้งแต่เจ้าตัวกลับไม่ยอมรับสาย  ทำให้เจ้าตัวรู้สึกหงุดหงิดซะเหลือเกิน

            “พี่หินเป็นอะไรรึเปล่าครับเห็นทำหน้าเครียดๆ” ขณะน้ำกำลังเลือกชุดอยู่นั้นก็สังเกตใบหน้าของชายหนุ่มไปด้วย

            “เปล่าครับพี่ไม่เป็นไร น้ำเลือกต่อเถอะ” หินยังคงฝืนยิ้มให้กับน้องชาย

            “พี่หินมาช่วยน้ำเลือกหน่อยสิครับ”

            “ได้สิ” ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาทันที

            “พี่ว่าชุดนี้เข้ากับน้ำไหมครับ” น้ำเอาชุดที่เลือกมาทาบบนตัวให้ชายหนุ่มดู

            “ก็โอเคนะ เหมาะกับน้ำดี” ใจจริงเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากเพียงแต่พูดเพื่อให้จบๆไปเท่านั้น

            “ถ้าพี่หินบอกว่าโอเคน้ำก็โอเค” น้ำเอ่ยก่อนจะยื่นชุดให้กับพนักงาน “เอาชุดนี้ครับพี่”

            ระหว่างนั้นหินก็มองไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะคลับคล้ายคลับคลาเห็นไฟเดินมาพร้อมกับโดม

            “นั่นไฟนี่” เขาเอ่ยออกมาเบาๆ

            “มีอะไรรึเปล่าครับพี่หิน” น้ำเห็นพี่ชายยืนมองหาอะไรบางอย่างจึงเกิดความสงสัย

            “ไม่มีอะไรครับ น้ำเสร็จรึยัง”

            “จ่ายตังค์เรียบร้อยแล้วครับ  ตอนนี้ก็รอแค่ของ” น้ำตอบ

            “น้ำจะไปไหนต่อรึเปล่าครับ”

            “ไม่ครับแล้วพี่หินล่ะ”

            “พี่ว่าจะไปซื้อของฝั่งโน้นสักหน่อย น้ำไปนั่งรอในร้านกาแฟก่อนได้ไหม” เขาตั้งใจจะตามไปดูว่าคนรักมาทำอะไรกับโดมกันแน่

            “ให้น้ำไปด้วยนะครับ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นหินก็แสดงสีหน้าหนักใจขึ้นมา

            “คือ...”

            “ถ้าพี่หินไม่สะดวกน้ำไปรอที่ร้านกาแฟตรงหัวมุมก่อนก็ได้ครับ” เขารู้ว่าหินกำลังลำบากใจจึงได้บอกไปอย่างนั้น

            “ถ้างั้นพี่ไปก่อนนะ เสร็จธุระแล้วพี่จะไปหาที่ร้านกาแฟ” หินเอ่ยแล้วรีบเดินไปโดยเร็ว  ทำให้น้ำรู้สึกสงสัยแล้วแอบเดินตามไปห่างๆ



*-*-*-*-*-*-*



            หลังจากดูหนังจบแล้วโดมและไฟก็เดินซื้อของในห้างอย่างมีความสุข  โดยตอนนี้กำลังเลือกซื้อเสื้อยืดที่ร้านดังแห่งหนึ่ง

            “พี่โดมว่าตัวนี้สวยไหมครับ” ร่างบางยิ้มหวานแล้วยกเสื้อยืดที่แขวนอยู่ให้ชายหนุ่มดู

            “สวยครับน้องไฟตาถึงนะเนี่ย”

            “ปากหวานตลอดเลยนะ”

            “ก็หวานกับน้องไฟคนเดียวเท่านั้นล่ะ” ทั้งสองจ้องตากันแล้วยิ้ม

             ไฟหยิบเสื้ออีกตัวที่เหมือนกันแต่ไซส์ใหญ่กว่าไปทาบตัวโดม  เจ้าตัวทำหน้าเหรอหราที่ร่างบางเข้ามาประชิดโดยไม่ทันตั้งตัวขนาดนี้

            “เอ่อ...เอาเสื้อมาทาบตัวพี่ทำไม?” เมื่อเห็นคนตัวสูงทำหน้าเหรอหราด้วยความเขินอายไฟก็ถึงกับขำ

            “ก็ไฟจะซื้อเสื้อให้พี่โดมไงครับ  เราจะได้ใส่เสื้อคู่กัน”

            “เสื้อคู่คนใส่จะต้องเป็นแฟนกันนะครับ  ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าไฟยอมเป็นแฟนพี่แล้วใช่ป่ะ” โดมยิ้มกริ่มขึ้นมาทันที  เขาจ้องหน้าไฟอย่างมีความหวังถึงแม้จะรู้ว่าไฟนั้นมีแฟนแล้ว

            “ก็ไม่รู้สินะ” ร่างบางก้มหน้ายิ้ม  แล้วหันไปบอกกับพนักงานขาย “พี่ครับเอาสองตัวนี้” เขายื่นเสื้อให้เพื่อจะนำไปใส่ถุง

            “เดี๋ยวพี่จ่ายให้” โดมรีบควักกระเป๋าสตางค์ออกมา

            “ไม่เป็นไรครับพี่โดมแค่นี้เอง หนังพี่ก็เลี้ยงแล้วตอนนี้ผมขอจ่ายเองมั่ง”  ร่างบางยิ้มให้

             “ถ้างั้นก็ตามใจน้องไฟละกัน”

             “พี่โดมครับซื้อเสื้อแล้วเราไปหาที่นั่งพักกันได้ไหมครับ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”

              “เอาสิไปนั่งที่ลานน้ำพุกัน”

             “ครับ”

             รับถุงเสื้อจากพนักงานขายแล้ว  ทั้งสองก็เดินไปที่ลานน้ำพุซึ่งอยู่ชั้นล่างทันที

            หินมองทั้งสองคนด้วยความโกรธแค้น  ท่าทีกระหนุงกระหนิงนั่นทำให้ใจของหินร้อนรนแทบจะทนไม่ไหว  ทำไมไฟถึงได้ทำท่าสนิทสนมกับไอ้คนนั้นซะเหลือเกิน  คนที่แอบซุ่มดูอยู่ขบฟันด้วยความคับแค้นใจแล้วเดินตามไป

            ส่วนน้ำที่เดินตามหินมาติดๆก็พอจะรู้แล้ว  ว่าเหตุอันใดที่ทำให้หินต้องร้อนรนถึงขนาดนั้น  เป็นเพราะไฟอยู่กับผู้ชายคนอื่นนั่นเอง  ไหนบอกว่ารักกันนักหนาแล้วทำไมถึงได้มากับผู้ชายคนอื่นอย่างนี้  หากเป็นแต่ก่อนเขาคงจะรู้สึกเห็นอกเห็นใจพี่ชายตัวเอง  แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วยิ่งเห็นอย่างนี้เขายิ่งชอบใจ  มันช่วยไม่ได้ที่เขาจะต้องเปลี่ยนตัวเองบ้างเพื่อจะได้ครอบครองคนที่ตัวเองรัก



            ลานน้ำพุ

            เมื่อทั้งสองมาถึงลานน้ำพุแล้วก็เดินมานั่งที่เก้าอี้  มองน้ำพุที่กำลังพุ่งกระจายเป็นละอองดูแล้วเย็นสบายตาอยู่ไม่น้อย

            “น้องไฟมีอะไรจะคุยกับพี่งั้นเหรอครับ” ชายหนุ่มหันหน้ามามองคนที่นั่งข้างๆ

            “พี่โดมยังจำเด็กคนที่พี่โดมเคยช่วยชีวิตไว้ในตอนนั้นได้ไหมครับ?”

            “ได้สิทำไมเหรอ” โดมเริ่มงงว่าทำไมอยู่ๆไฟถึงได้เอ่ยถึงเรื่องนี้

            “ถ้าจะบอกว่าผมคือเด็กคนนั้นพี่โดมจะเชื่อไหม”

โดมแทบไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินนั่นเพราะในชุมชนที่เขาอาศัยอยู่นั้นมันเป็นชุมชนแออัด  คุณหนูอย่างไฟจะไปอยู่ที่อย่างนั้นได้ยังไงกัน

            “พี่ก็อยากจะเชื่อหรอกนะแต่ที่นั่นมันเป็นชุมชนแออัด  คุณหนูอย่างน้องไฟจะอยู่ที่อย่างนั้นได้ยังไงกันครับ”

            “จริงๆแล้วผมเคยอยู่ที่นั่นกับแม่มาก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับคุณพ่อที่บ้านหลังปัจจุบัน” เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เขาเองก็ยิ่งคิดถึงผู้เป็นแม่ขึ้นมาทันที

            “เป็นไปได้ยังไงครับ” โดมแทบไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน

            “จริงๆแล้วที่ผมพูดจาดูถูกคนอื่น  พี่โดมเองก็เคยโดนอยู่หลายครั้ง  มันก็เป็นแค่ภาพผมที่สร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น  จริงๆแล้วพื้นเพผมก็ไม่ได้สูงส่งอะไร  แม่ของผมเป็นแม่ค้าอยู่ที่ชุมชนนั่นจนบังเอิญได้พบกับคุณพ่อแล้วมีผม  ทางบ้านพ่อเค้าไม่ชอบสะใภ้ชั้นต่ำอย่างแม่พวกเราก็เลยต้องใช้ชีวิตที่นั่นจนผมอยู่มอสาม  แม่ก็ป่วยเป็นมะเร็งพอแม่เสียพ่อก็มารับผมไปอยู่ด้วย” นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเล่าประวัติชีวิตส่วนตัวให้คนอื่นฟัง  แม้กระทั่งเพื่อนสนิทก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน

            “ทำไมน้องไฟถึงได้บอกเรื่องนี้กับพี่ล่ะ”  ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองโดมก็คิดว่าเขาเป็นคนที่ไฟไว้ใจมาก

            “ก็ผมไว้ใจพี่โดมนี่ครับ ไว้ใจมากกว่าคนในครอบครัวซะอีก” ร่างบางยิ้มหวานให้

            “พี่ดีใจที่ได้ยินอย่างนี้” มือหนาถือวิสาสะจับมือเรียวเอาไว้พร้อมกับจ้องตาด้วยความปลื้มปิติ

            “ผมรักพี่นะครับ” ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาพูดคำนี้ออกไป  ยิ่งเห็นหน้าชายหนุม่คนนี้ยิ่งรู้สึกอบอุ่นในหัวใจจนอยากฝากทั้งชีวิตเอาไว้

            “พี่ไม่ได้หูฝาดใช่ไหมครับ” ไม่นึกไม่ฝันว่าเขาจะได้ยินคำนี้จากปากคนที่เฝ้าจีบมานานแรมปี

            “มันคือเรื่องจริงครับ....ผมรักพี่โดม” ร่างบางโผเข้ากอดชายหนุ่มทันที

            “แล้วแฟนน้องไฟล่ะ” โดมถามเพราะรู้ว่าไฟมีหินอยู่แล้ว

            “ผมจะไปบอกเลิกเค้าเพื่อพี่”

            ขณะนั้นเองหินที่กำลังซุ่มแอบฟังอยู่ทนไม่ได้จึงรีบเดินเข้ามากระชากตัวร่างบางออกไปทันที  ก่อนจะเหวี่ยงหมัดเข้าที่ใบหน้าของโดมเต็มแรง

            ผัวะ!

            “กลางวันแสกๆยังกล้ากอดกันไม่อายคนอื่นบ้างรึไง!” หินทนไม่ได้ตะโกนเสียงดังจนคนที่อยู่บริเวณนั้นหันมามองเป็นตาเดียวกัน

            “พี่หิน!” เมื่อรู้ว่าเป็นหิน  ไฟก็แทบช็อกไม่นึกเลยว่าเรื่องมันจะบังเอิญถึงขนาดนี้

            “ใช่พี่เอง...ตกใจมากสินะที่พี่มาเห็นความร่านของนายขนาดนี้” ตอนนี้หินควบคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้ว  เขานึกสิ่งใดได้ก็เอ่ยออกมาอย่างไม่ยั้งคิด

            “มึงจะมากไปแล้วนะ!” โดมทนฟังไม่ได้ก็ทยานตัวเข้าไปหาหินแต่ไฟกลับมาขวางเอาไว้ก่อน

            “อย่าครับพี่โดม”

            “มึงเข้ามาเลยกูไม่กลัวมึงหรอก” หินท้าทาย

            “พี่หินพอได้แล้วกลับไปก่อนเถอะ”

            “ได้แต่ไฟต้องกลับพร้อมพี่” เขาดึงมือร่างบางเดินออกไป  แต่เจ้าตัวกลับยืนอยู่กับที่ไม่ยอมขยับเขยื้อน

            “ไม่! พี่กลับไปก่อนเถอะ มากับน้ำไม่ใช่เหรอ  ส่วนผมจะตามไปทีหลัง”

            “อ๋อ คงจะไปต่อกับไอ้นี่สินะ”

            เพี๊ยะ!

            ไฟทนฟังคำดูถูกจากชายหนุ่มไม่ได้จึงฟาดมือเรียวไปที่แก้มเต็มแรง

            “อย่าคิดว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนตัวเอง  กลับไปก่อนแล้วค่อยไปเคลียร์กันที่บ้าน” ร่างบางยังคงรั้น  ยังไงซะเขาก็จะกลับพร้อมโดม

            “ไฟ!” หินตวาดลั่นพร้อมจ้องเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

            ขณะนั้นน้ำตัดสินใจเดินเข้ามาเพื่อพาตัวหินกลับบ้าน  เขาทนดูไม่ได้ที่เห็นพี่ชายของตัวเองทำร้ายจิตใจหินขนาดนั้น

            “พี่หินกลับบ้านกันเถอะครับ  ตอนนี้คนหันมามองกันเยอะแล้ว” น้ำจับแขนชายหนุ่มไว้

            “ดีสิคนอื่นจะได้รู้ว่าคู่หมั้นพี่กำลังจะนอกใจ” หินแสยะยิ้ม

            “น้ำพาพี่หินกลับบ้านก่อนเถอะ” ไฟบอกกับน้องชาย  น้ำเองก็พยักหน้ารับ

            “ครับ”

            น้ำพยายามดึงตัวหินออกจากตรงนั้น  สายตากลับหันมามองคู่หมั้นอย่างไม่วางตา

            ไฟกลุ้มใจไม่น้อยที่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น  มันเร็วเกินไปสำหรับแผนการที่ได้วางเอาไว้  เขาว่าจะรอให้หินหลงเขามากกว่านี้เสียอีก  แต่เรื่องมันถึงขนาดนี้แล้วก็ช่วยไม่ได้  เย็นนี้เขาจะไปบอกเลิกกับหินและขอถอนหมั้น  เพื่อมาคบกับโดมอย่างออกหน้าออกตา

            “ไฟเป็นอะไรไหม” โดมเดินเข้ามาหาแล้วเอามือวางที่ไหล่บาง

            “พี่โดมนั่นล่ะเจ็บไหมครับ ดูสิปากแตกซะขนาดนั้น” เมื่อเห็นเลือดที่มุมปากของโดมก็ตกใจ

            “พี่ไม่เป็นไรหรอก  ว่าแต่ผู้ชายคนนั้นเป็นคู่หมั้นของไฟจริงๆเหรอ พี่นึกว่าแค่เป็นแฟนซะอีก” โดมไม่มองหน้าเมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้  ดูอีกมุมเขาเองก็เหมือนโดนไฟหลอกไม่ต่างจากผู้ชายคนนั้น

            “ใช่ครับพี่หินเป็นคู่หมั้นผมเอง  แต่ผมไม่ได้รักเค้านะครับ วันนี้ผมจะไปทำให้ทุกอย่างมันจบเสียที” ร่างบางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

            “ไฟคิดดีแล้วเหรอที่จะทำแบบนั้น” โดมเตือนสติร่างบางอีกครั้ง

            “ผมคิดดีแล้วครับ”  น้ำเสียงดูมั่นอกมั่นใจ

            “พี่รักไฟมากนะ  พี่เคารพการตัดสินใจของไฟเสมอ  ไม่ว่ายังไงไฟก็มีจะพี่ข้างๆนะ”

            “ขอบคุณมากนะครับ  ผมเลือกพี่โดมแล้วไม่ว่าจะต้องทำให้ใครเจ็บปวดผมก็ไม่แคร์” เขาต้องสะใจสิที่ได้เอ่ยคำนี้  แต่ทำไมในใจกลับรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก กลัวว่าอีกคนจะต้องเจ็บปวด

            “ถ้างั้นเรากลับกันเถอะครับ” โดมเอ่ย

            หลังจากนั้นโดมก็ขับรถมอเตอร์ไซต์คู่ใจพาไฟกลับบ้านทันที



*-*-*-*-*-*-*



            บ้านศิริกรโสภณ

            เป็นอย่างที่ไฟคิดไว้จริงๆว่ากลับมาบ้านจะต้องเจอแม่เลี้ยงใจยักษ์  ยืนรอต้อนรับอยู่หน้าบ้านอย่างแน่นอน  ไฟเห็นเพลินพิศก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพยายามทำใหฮึดสู้กับเจ้าหล่อน  ถึงแม้ว่าบางครั้งเขาจะเหน็ดเหนื่อยกับการสู้รบกับคนพวกนี้แต่ก็ต้องทนสู้ต่อไป  ตอนนี้เขารอวันที่จะได้ออกไปโบยบิน  ใช้ชีวิตที่ต้องการไม่ต้องมาทนอยู่กับการถูกเกลียดชังอย่างนี้

            “นังปิ๋วแกได้กลิ่นอะไรเน่าๆไหมยะ” เมื่อได้ยินนายหญิงเอ่ยปิ๋วก็ทำจมูกฟุดฟิดเหมือนเหม็นอะไรบางอย่าง

            “กลิ่นมันอยู่ใกล้ๆนี่ล่ะคะคุณนาย”

            “ฉันรู้แล้วว่ากลิ่นมันมาจากไหน มันมาจากหมาหัวเน่าตัวนึงแถวๆนี้ไง  อีกไม่นานหรอกมันก็จะถูกเขี่ยทิ้ง” เพลินพิศเบ้ปากใส่ด้วยความสะใจ

            “พูดจบรึยังฉันจะเข้าไปแล้ว” ร่างบางเอ่ยด้วยความอ่อนเพลีย  เขาไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับคนพวกนี้  แค่เจอเรื่องเมื่อตอนบ่ายก็หนักมากพอแล้ว

            “เดี๋ยว! ฉันจะบอกให้เอาบุญนะ ก่อนเข้าไปให้นึกถึงหน้าแม่แกเอาไว้ด้วย  เผื่อจะช่วยอะไรแกได้บ้าง” เพลินพิศแสยะยิ้ม  วันนี้หล่อนดีใจซะเหลือเกินที่เอาชนะไฟได้โดยไม่ต้องลงมืออะไรเลยเพราะทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้นเพราะไฟเป็นคนทำตัวเองแท้ๆ

            เมื่อเดินเข้ามาในบ้านก็เห็นทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน  ไม่ว่าจะเป็นพ่อ หิน และน้ำ  กำลังจ้องมองมาที่เขาเหมือนตั้งใจมารอซะอย่างนั้น

            “ทุกคนมีอะไรเหรอครับ?” เขาเอ่ยถามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

            “ทำไมแกทำตัวต่ำอย่างนี้ ฉันสั่งสอนแกให้เป็นพวกร่านผู้ชายรึยังไงถึงได้ทำตัวอย่างนี้ห๊ะ!” จรัญขึ้นเสียงดังที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา  นี่คือครั้งแรกที่พ่อโกรธเขาขนาดนี้

            “ผมก็เป็นของผมอย่างนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไร  ช่วยไม่ได้คนอื่นอยากมายุ่งกับผมเอง” เขาพยายามจ้องตากับหินอย่างไม่ลดละเหมือนไม่ได้สำนึกผิดเรื่องที่ทำไว้เลยแม้แต่น้อย

            “พี่รักไฟมาก แต่ทำไมไฟถึงทำกับพี่อย่างนี้  ไฟบอกรักคนอื่นต่อหน้าพี่ นี่เหรอคนที่เป็นคู่หมั้นเค้าทำกัน” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้  ร่างบางกลืนน้ำลายลงคอเขาจะไม่ใจอ่อนกับใครทั้งนั้น วันนี้ทุกอย่างจะต้องจบ

            “พี่มันโง่เองจะบอกให้เอาบุญผมไม่เคยรักพี่เลยแม้แต่น้อย  ที่ทำเป็นรักก็เพราะต้องการแก้แค้นคืนก็เท่านั้น  ยิงปืนนัดเดียวได้นกตั้งสองตัวแกล้งทำให้พี่รักแล้วก็หักอก  และยังทำให้ไอ้น้ำมันเสียใจด้วยสมน้ำหน้าจะตาย” ร่างบางยิ้มเยาะ

            “ไฟ” หินเอ่ยออกมาเบาๆ  แล้วมองร่างบางตาละห้อยด้วยความเสียใจ ทุกอย่างมันเป็นแค่ภาพลวงตางั้นเหรอ  รอยยิ้มและสีหน้าที่มีความสุขมันคือการเสแสร้งเท่านั้น

            “ฟังชัดๆ ผมขอถอนหมั้นกับพี่หินนับจากวันนี้เป็นต้นไป!” ร่างบางพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้

            “ไอ้ลูกเหี้ย! แกไปเอานิสัยเลวๆพวกนี้มาจากไหน  ทำตัวอย่างนี้ใครจะไปรักแกได้ลง” จรัญเริ่มเลือดขึ้นหน้าเขานึกว่าลูกชายจะเปลี่ยนไปแล้ว  แต่กลับกลายเป็นว่ามันคือภาพลวงตาที่ไฟสร้างขึ้นก็เท่านั้น  เขาเหลืออดกับลูกคนนี้จริงๆ

            “ผมก็เลวเหมือนพ่อไงล่ะ ถ้าไม่เพราะพ่อเห็นแก่ตัวแม่ก็คงไม่ตาย  ถ้าตอนนั้นพ่ออยู่กับพวกเราแม่ก็ยังพอมีทางรักษาหาย   เพราะความจนไงทำให้แม่ไม่มีเงินไปรักษาตัว ผมเกลียดพ่อ! ผมเกลียดทุกคนในบ้านหลังนี้” ไฟระเบิดคำพูดและความรู้สึกที่อัดอั้นมานานออกไป  จนทุกคนเงียบไม่มีใครปริปากใดๆ  โดยเฉพาะจรัญที่รู้สึกผิดขึ้นมาทันที  ทั้งหมดที่ไฟพูดมามันคือเรื่องจริงทั้งนั้น

            “พ่อขอโทษที่ทำให้ไฟเป็นแบบนี้” จรัญเริ่มอ่อนลง

            “พ่อไม่ต้องมาขอโทษผมหรอก  ไปขอโทษแม่เถอะ  ผมจะออกไปจากที่นี่ผมจะกลับไปใช้ชีวิตในที่ๆผมเกิดมา  ถึงแม้จะไม่ได้เป็นคุณหนูเหมือนแต่ก่อนแต่คนที่นั่นก็ให้ความรักผมได้มากกว่านี้  ขอบคุณที่เลี้ยงดูผมมาตลอดหลายปีที่ผ่านมมา” พูดจบไฟก็เดินขึ้นไปข้างบนเพื่อเก็บข้าวของออกจากบ้านหลังนี้

            “ไฟ! เดี๋ยวก่อนลูก” จรัญตะโกนตามหลังลูกชายด้วยความเสียใจ  นี่เขาทำร้ายลูกมาโดยตลอดงั้นเหรอเนี่ย

            เพลินพิศแสยะยิ้มด้วยความสะใจ  ในที่สุดวันที่หล่อนรอคอยก็มาถึง  วันที่ลูกเลี้ยงออกไปจากบ้านหลังนี้แล้วทุกอย่างก็จะตกเป็นของลูกชายหล่อนแต่เพียงผู้เดียว



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.09--แตกหัก--(Up.27-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-03-2018 21:27:54
ไฟน่าสงสารจะตาย ทำไมทุกคนถึงไม่รักไฟกันเลย
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.09--แตกหัก--(Up.27-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 27-03-2018 22:48:59
เกลียดอีแม่เลี้ยงนี่จริงๆ พ่อทำอะไรได้มากกว่ารู้สึกผิดมั้ย? แล้วไฟจะออกไปอยู่ข้างนอกจะใช้ชีวิตยังไว
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.09--แตกหัก--(Up.27-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 28-03-2018 00:29:30
สงสารพี่หินโดนไฟเล่นกับความรู้สึกแบบนี้
น้ำก็น่าสงสารดีกับไฟแต่ไฟกลับเกลียดไม่แยกแม่ลูกจนทำให้น้ำเริ่มเกลียดไฟเอง
สมน้ำหน้าไฟไม่รู้สงสารเลยเล่นเกมงี่เง่าแบบหลอกใช้ความรู้สึกคน
อ่านๆแล้วอึดอัดร้ายแบบไฟนี่
อย่าร้ายดีกว่าร้ายให้แม่เลี้ยงจับไต๋ได้
แล้วยังลากโดม หิน น้ำ มาเพื่อ?
คิดแก้แค้นแม่เลี้ยงพ่อตัวเองแต่ลากคนอื่นทีไม่เกี่ยวมาทำไม. งง
คิดแกล้งแม่เลี้ยงแต่ไม่รู้จักหลอกใช้ความ
รู้สึกของน้ำที่รักไฟ นี่อะไรงี่เง่าให้น้ำเกลียดเพิ่มศัตรูเอง
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.09--แตกหัก--(Up.27-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-03-2018 01:51:06
แล้วมันจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้นะ  :katai1:
หัวข้อ: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.10--กลับบ้าน--(Up.29-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 29-03-2018 12:49:31
CHAPTER

-10-

กลับบ้าน



            ชุมชนสวัสดิ์ชัย

            เมื่อคืนที่ผ่านมาไฟเก็บกระเป๋าออกมาจากบ้านหลังนั้นทันที  เขานั่งแท็กซี่ตรงมายังชุมชนสวัสดิ์ชัยที่ๆเขาเคยอยู่มาตั้งแต่เกิด  โชคดีที่ห้องเช่าที่เคยอยู่กับผู้เป็นแม่นั้นเพิ่งมีคนย้ายออกพอดี  เขาเลยติดต่อกับเจ้าของที่คุ้นเคยกันเพื่อขอเช่าต่อทันที  ทุกอย่างดูเปลี่ยนไปเยอะโดยเฉพาะบริเวณรอบๆห้องเช่า  ที่มีตึกสร้างขึ้นมาใหม่หลายตึก  แต่สิ่งที่เหมือนเดิมนั่นคือตลาดริมถนนช่วงเช้าผู้คนยังคงพลุกพล่านเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

            ไฟตื่นตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อมาเดินตลาด  แม่ค้าหลายคนที่เคยรู้จักกับผู้เป็นแม่ยังคงจำเขาได้และเอ่ยทักทายกันด้วยมิตรไมตรีเหมือนเดิม  นี่คือชีวิตที่เขาต้องการถึงแม้จะไม่ได้เป็นญาติพี่น้องกันแต่ทุกคนที่นี่ก็เป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกันเสมอ

            “สวัสดีครับป้านิ่ม เอาขนมครกกล่องนึง” เดินมาถึงร้านขายขนมครกเจ้าประจำสมัยเด็กๆ ก็หวนให้คิดถึงตอนที่เขาร้องไห้งอแงเพราะอยากกินขนมครกป้านิ่มจนแม่ต้องซื้อให้

            “ใช่เจ้าไฟรึเปล่าเนี่ย?” เมื่อป้านิ่มเห็นก็รู้สึกคุ้นหน้า

            “ใช่ครับไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่ปีจำกันไม่ได้แล้วเหรอครับป้า” ร่างบางยิ้มให้หญิงสูงวัยเจ้าของร้านขนมครก

            “ไม่ปีกี่ที่ไหนกันล่ะเจ้าไฟ จากหัวดำตอนนี้ป้าหัวหงอกเต็มทั้งหัวแล้วเนี่ย ว่าแต่เอ็งกลับมาเยี่ยมใครเหรอวะ แม่เอ็งก็ตายไปแล้วนี่”

            “ผมไม่ได้มาเยี่ยมใครหรอกครับ  ผมจะกลับมาอยู่ที่นี่” ร่างบางยิ้มให้

            “อ้าว! กลับมาทำไมวะ ไหนบอกว่าพ่อเอ็งเป็นเศรษฐีอยู่ที่นั่นไม่สบายกว่าที่นี่หรอกเหรอวะ” ป้านิ่มทำหน้าสงสัย

            “ผมอยู่ที่นี่มีความสุขกว่าตั้งเยอะครับป้า บ้านโน้นเค้ามีแค่เงินให้ผมแต่ไม่เคยให้ความรักเลย” ร่างบางทำหน้าเศร้าเมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้

            “ถ้าไม่สบายใจก็กลับมาอยู่ที่นี่ล่ะ แล้วพ่อเอ็งไม่ว่ารึไง”

            “เค้าไม่สนใจผมหรอกครับป้า”

            “ไม่เป็นไรกลับมาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ที่นี่ต้อนรับเอ็งเสมอ”

            “ขอบคุณครับป้านิ่ม” เขายิ้มให้

            หลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยแล้วไฟก็เดินซื้อของทักทายคนรู้จักคนอื่นๆไปเรื่อยๆ เมื่อกลับมาถึงห้องก็มีสายเข้ามาทันที

            “ฮัลโลครับพี่โดม”

            (“น้องไฟเป็นยังไงบ้างครับ พี่จะโทรหาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแต่กลัวจะรบกวนเลยเพิ่งโทรมา”)

            “ผมโอเคแล้วครับ ตอนนี้ย้ายออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้วล่ะ”

            (“อ้าว! ตอนนี้น้องไฟอยู่ไหนล่ะครับ”)

            “ผมมาเช่าห้องอยู่ที่ชุมชนสวัสดิ์ชัยครับ”

            (“เดี๋ยวพี่จะไปหาตอนนี้เลย แล้วพักอยู่หอพักไหนล่ะ”)

            “หอพัก XXX ครับ”

            (“รอแปบนะพี่จะออกไปเดี๋ยวนี้เลย”)

            ตู๊ดๆๆ

            โดมวางสายทันทีแล้วรีบขับรถมอเตอร์ไซต์คู่ใจออกจากบ้านไป  บ้านของโดมอยู่ไม่ไกลจากชุมชนสวัสดิ์ชัยเขาจึงรู้จักที่นี่เป็นอย่างดี  หลังจากนั้นไม่ถึงสิบนาทีก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

            ก๊อก!  ก๊อก!  ก๊อก!

            “มาเร็วจัง” เมื่อเปิดประตูร่างบางก็ยิ้มให้ชายหนุ่มที่ยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าห้องในมือก็ถือของพะรุงพะรัง

            “ก็คนมันคิดถึงนี่นา” ชายหนุ่มยิ้มกว้าง

            “ปากหวานตามเคยเข้ามาก่อนครับ” โดมถือของเดิมเข้าไปในห้องแล้วยื่นถุงขนมและผลไม้ที่ซื้อมาฝากให้กับร่างบาง

            “พี่ซื้อของกินมาฝาก”

            “ขอบคุณครับคราวหลังไม่ต้องซื้อมานะเกรงใจ”

            “เกรงใจทำไม  ลืมแล้วเหรอว่าเราเป็นอะไรกัน”

            “ถึงจะเป็นแฟนก็เกรงใจอยู่ดี” ร่างบางยิ้มด้วยความเขินอาย

            “ไม่น่าเชื่อเลยว่าไฟที่พี่เคยรู้จักจะเปลี่ยนเป็นคนละคนได้ขนาดนี้” โดมคิดถึงเมื่อก่อนที่ไฟเอาแต่หวีนเหวี่ยงไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น  เย่อหยิ่งและชอบดูถูกคนอื่นเป็นที่สุด  แต่วันนี้กลับเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว

            “จริงๆแล้วผมก็ไม่อยากเป็นอย่างนั้นหรอกครับ ต้องขอโทษพี่โดมอีกครั้งที่เคยด่าว่าซะเยอะเชียว  ผมทำไปเพราะประชดพ่อเท่านั้น  ผมอยากให้ท่านรู้ว่าเด็กที่ขาดพ่อตั้งแต่เด็กจะก้าวร้าวขนาดไหนเมื่อเปรียบเทียบกับน้องชายที่มีทั้งพ่อและแม่  รายนั้นเค้าเป็นเด็กดีใครๆก็รัก  ผมยอมรับว่าอิจฉาน้องชายต่างแม่มากจนถึงขั้นเกลียด  อะไรที่แม่เค้าอยากให้ลูกชายได้มาผมก็จะแย่งมาให้หมด  รวมถึงพี่หินน้ำรักพี่หินมากผมเลยแย่งเค้ามาทั้งๆที่ไม่ได้...รัก” เมื่อจะเอ่ยวลี ‘ไม่ได้รัก’ ร่างบางกลับพูดได้ไม่เต็มปาก

            “แล้วไฟมีความสุขไหมล่ะกับสิ่งที่ทำลงไป” เมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดโดมกลับรู้สึกเห็นใจร่างบางมากขึ้น  เขาไม่นึกเลยว่าการเป็นคุณหนูที่มีพ่อรวยระดับมหาเศรษฐี  จะทำให้ไฟไม่มีความสุขได้มากขนาดนี้

            “ไม่เลยครับ  ยิ่งทำยิ่งรู้สึกแย่ โดยเฉพาะการไปต่อกรกับแม่เลี้ยงมันเหนื่อยเหลือเกิน  ยิ่งคุณพ่อไม่รู้ไม่เห็นธาตุแท้ของผู้หญิงคนนั้น  ทุกอย่างก็ไม่มีทางจะจบสิ้น  ผมเหนื่อยที่จะต้องฝืนทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวเอง” ฟังจากน้ำเสียงของร่างบาง  เหมือนช่วงระยะเวลาหลายปีที่อยู่ในบ้านหลังนั้น  มันเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายมากซะเหลือเกิน

            “ถ้ามาอยู่ที่นี่แล้วทำให้ไฟมีความสุขได้  พี่คิดว่าไฟตัดสินใจถูกแล้วล่ะ ถ้าพี่ว่างจะแวะมาหาบ่อยๆนะครับ” ชายหนุ่มเอื้อมมือหนาไปขยี้เรือนผมเล่นอย่างเอ็นดู

            “ขอบคุณครับ”

            “ทำไมถึงเลือกมาอยู่ห้องนี้ล่ะ มันดูเก่ามากเลยนะ ไฟจะอยู่ได้เหรอ” ชายหนุ่มมองไปรอบๆห้องที่ดูเก่าและโทรมมาก  เหมือนสร้างมานานหลายสิบปีแล้ว

            “ทำไมจะอยู่ไม่ได้ล่ะครับก็ที่นี่เป็นห้องที่ผมอยู่กับแม่ตั้งแต่เกิด”

            “จริงดิ! ถ้างั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไร ที่พี่ถามเพราะก่อนหน้าไฟอยู่ที่บ้านหลังนั้นเป็นคุณหนูมาตลอด  กลัวว่ามาอยู่ที่นี่จะทนอยู่ไม่ได้น่ะสิ”

            “จริงๆแล้วผมเป็นคนติดดินจะตาย การเป็นคุณหนูนั่นมันไม่ได้เปลี่ยนนิสัยที่แท้จริงของผมได้หรอก  ต่อไปนี้ผมจะเป็นตัวของตัวเองซะทีเบื่อที่จะต้องเล่นละครแล้ว” ร่างบางยิ้มราวว่าปลดแอกชีวิตได้แล้ว

            “ได้เห็นไฟมีความสุขพี่ก็ดีใจ  เดี๋ยวพี่ช่วยจัดห้องละกันเนาะจะได้น่าอยู่มากขึ้น”

            “เอาสิครับผมต้องการคนช่วยพอดี”

            ว่าแล้วทั้งสองคนก็ช่วยกันจัดห้องใหม่  ผนังที่มีคราบดำทั่วทั้งห้องก็ทาสีทับจนดูใหม่ขึ้นมาทันตา  ห้องที่เคยว่างเปล่าก็ซื้อตู้และเตียงมาเสริมจนทำให้น่าอยู่มากขึ้น  เงินที่ใช้ก็มาจากเงินรายเดือนที่ผู้เป็นพ่อเคยให้เขาเจียดมันเก็บเอาไว้บางส่วนจนได้มาก้อนหนึ่งพอประทังชีวิต  หลังจากนี้ไปต้องหางานทำเพื่อเลี้ยงชีพเพราะไม่มีเงินรายเดือนนั่นแล้ว  เขาจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวและรับเงินจากผู้เป็นพ่ออีกแม้แต่บาทเดียว



*-*-*-*-*-*-*



            บ้านศิริกรโสภณ

            หลังจากลูกชายคนโตออกจากบ้านไป  จรัญไม่เคยนอนหลับตลอดหลายวันที่ผ่านมาเพราะเป็นห่วงลูกชายมากเหลือเกิน  กลัวว่าจะตกระกำลำบากครั้นจะไปง้องอนก็คงไม่มีทางกลับมาอย่างแน่นอน  เขารู้ดีว่าลูกคนนี้ใจแข็งเหมือนกับแม่  ไฟเป็นลูกชายที่เกิดจากผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด  เขาไม่มีทางปล่อยให้ลูกชายต้องลำบากอย่างแน่นอน  สักวันลูกจะต้องรู้ว่าเขารักและหวังดีกับลูกมาแค่ไหน  วันนี้จึงเรียกหินเข้ามาเพื่อพูดคุยเรื่องนี้

            “คุณพ่อมีอะไรรึเปล่าครับ” หินเดินเข้ามาในห้องทำงาน  หลังจากสาวใช้ในบ้านไปเรียกก่อนหน้านี้

            “นั่งลงก่อนสิ”

            “ครับ”

            เมื่อหินนั่งลงที่เก้าอี้แล้วจรัญก็เริ่มบทสนทนาทันที

            “พ่อขอถามตรงๆนะ หินยังรักไฟอยู่ไหม?”

            เมื่อได้ยินคำถามหินก็หลบตาผู้เป็นพ่อทันที

            “เอ่อ...” เขาทำท่าอึกอัก

            “พ่อพอจะรู้แล้วล่ะไฟทำกับหินไว้ซะขนาดนั้นพ่อไม่น่าถามเลยเนาะ” จรัญคาดเดาจากท่าทางของลูกชาย

            “ไม่ใช่นะครับคุณพ่อ  จริงๆแล้วผมยังรักไฟมากครับ  เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังทำใจไม่ได้เท่านั้นเอง  น้องมีแฟนใหม่ไปแล้วแถมยังไม่ได้ชอบผมอีกต่างหากมันคงเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ” ถึงแม้จะเจ็บปวดกับสิ่งที่ร่างบางทำไว้  แต่หินก็ยังตัดใจจากร่างบางไม่ได้เสียที  ทำไมตอนหลงรักมันช่างง่ายดายเสียจริงแต่พอจะเลิกรักมันกลับยากยิ่งกว่าอะไร

            “อย่าเพิ่งตัดใจจากน้องได้ไหมลูกลองดูอีกสักตั้ง  พ่อรู้ว่าที่ไฟทำอย่างนั้นเพราะพ่อเอง  น้องต้องการประชดพ่อที่เคยทอดทิ้งตั้งแต่เด็ก  จนทำให้แม่ต้องทำงานหาเลี้ยงอย่างยากลำบาก  แม้กระทั่งตอนที่แก้ววดีป่วยเป็นมะเร็งพ่อก็ไม่รู้เรื่อง  ถ้าหากพ่อมีความกล้าที่จะขัดใจครอบครัวแก้ววดีก็คงจะไม่ตาย  เพราะถ้ารู้เรื่องพ่อจะรักษาให้เธอหายได้อย่างแน่นอน  นั่นทำให้ไฟโกรธและเกลียดพ่อมากถึงแม้จะรับตัวมาอยู่ด้วย  แต่ก็ไม่ทำให้ไฟลดความโกรธและเกลียดได้เลยแม้แต่น้อย  พ่ออยากให้ลูกลองทำความรู้จักกับตัวตนที่แท้จริงของน้องอีกสักครั้ง...ได้ไหมหิน?” เขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้กับลูกชายฟัง

            “ผมจะทำให้คุณพ่อครับ” หินไม่มีเหตุผลใดที่จะปฏิเสธผู้เป็นพ่อ  หรือแม้แต่ปฏิเสธหัวใจตัวเอง

            “พ่อไม่ได้อยากให้หินทำเพื่อพ่อ  แต่พ่ออยากให้หินทำเพื่อตัวเอง พ่อรู้ว่าหินทำได้”

            “ครับพ่อ”

            “และอีกเรื่องที่สำคัญ  พ่อจะยกทุกอย่างให้หินและไฟดูแลด้วยกันหากว่าพ่อตายไปแล้ว  พ่อจะเขียนพินัยกรรมเอาไว้” เขาตัดสินใจบอกเรื่องสำคัญกับลูกชาย

            “แล้วน้ำล่ะครับ” เขากลัวว่าการทำอย่างนี้จะทำให้เพลินพิศและน้ำต้องไม่พอใจแน่นอน

            “น้ำเป็นคนเก่งในอนาคตจะต้องเป็นหมอที่ดี  พ่อไม่ห่วงน้ำเลยแต่ถึงยังไงน้ำและเพลินพิศก็ยังคงมีหุ้นในบริษัท  ยังไงก็มีเงินใช้เหลือเฟือจากเงินปันผลในแต่ละปี  ถ้าหินและไฟช่วยกันบริหารงานได้ดีทุกคนก็จะสบายไปด้วย”

            “ผมว่าเรื่องนี้คุณพ่ออย่าเพิ่งคิดเลยนะครับ  เพราะคุณพ่อจะอยู่กับพวกผมไปอีกนาน คุณพ่อยังแข็งแรงไม่มีทางเป็นอะไรง่ายๆแน่นอนครับ” เขาไม่อยากให้ผู้เป็นพ่อพูดถึงเรื่องนี้  มันเหมือนเป็นการแช่งตัวเองซะอย่างนั้น

            “ชีวิตคนเรามันไม่แน่นอนหรอกนะหิน  พ่อรีบจัดการทุกอย่างไว้เป็นดีที่สุด” จรัญพูดเหมือนปลงกับชีวิต

            “ครับคุณพ่อ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณพ่อผิดหวัง”

            “พ่อมั่นใจว่าหินทำได้  หินคือที่พึ่งของทุกคนในบ้านหลังนี้จำไว้นะลูก”

            “ขอบคุณที่คุณพ่อเชื่อมั่นในตัวผมนะครับ”

            ระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น  พวกเขาไม่รู้เลยว่ากำลังมีใครบางคนแอบฟังอยู่  ทุกคำพูดทุกประโยคที่ดังแว่วเข้ามาในหู  ทำให้คนที่แอบฟังรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจเป็นอย่างมาก



*-*-*-*-*-*



            หลายวันต่อมา

            หินเดินออกมาจากห้องในชุดไปรเวท  วันนี้เป็นวันหยุดเขาตั้งใจจะไปที่ชุมชนสวัสดิ์ชัย  หลังจากให้คนไปสืบที่อยู่ของไฟจนรู้ว่าร่างบางพักอยู่ที่ไหน

            “พี่หินจะไปไหนแต่เช้าครับ” น้ำเดินออกมารอชายหนุ่มที่ประตูหน้าบ้าน  ทำท่าเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอกเช่นกัน

            “พี่จะไปทำธุระแล้วน้ำล่ะ”

            “น้ำจะเข้าไปมหา’ลัยครับ  พี่หินไปส่งน้ำหน่อยได้ไหม”

            “แล้วรถเราล่ะ” ชายหนุ่มทำหน้าสงสัย

            “ก็จอดอยู่ที่โรงรถไงครับ” น้ำตอบหน้าตาเฉย

            “รถเสียอีกแล้วเหรอ” ชายหนุ่มถาม

            “เปล่าครับแต่ผมอยากให้พี่หินไปส่งนี่นา..นะครับ” มือเรียวยื่นไปเกี่ยวแขนชายหนุ่มเอาไว้

            “โทษทีนะน้ำขับรถไปเองได้ไหมพอดีพี่ต้องรีบไปจริงๆ” ชายหนุ่มทำท่าอึกอักก่อนจะปฏิเสธออกมา

            “ทำไมพี่หินใจร้ายอย่างนี้  ธุระของพี่มันสำคัญกว่าการไปส่งน้ำมากขนาดนั้นเลยเหรอครับ” เมื่อไม่สามารถอ้อนพี่ชายได้น้ำก็วีนใส่ทันที

            หินเห็นอย่างนั้นก็อึ้งกับท่าทีของน้องชาย  เขาไม่เคยเห็นน้ำวีนใส่อย่างนี้มาก่อนผิดแปลกกับนิสัยของน้องชายที่เคยเป็นมา

            “ทำไมต้องโกรธขนาดนั้นด้วยล่ะครับ เรื่องเล็กน้อยขนาดนี้”

            “เอ่อ...ขอโทษครับพี่หินพอดีน้ำรีบไปหน่อย  พี่หินไปเถอะครับเดี๋ยวผมขับรถไปเองก็ได้” สีหน้าท่าทางของน้ำเปลี่ยนไปทันที  เขายิ้มแย้มให้กับชายหนุ่มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้เลย

            “ถ้างั้นพี่ไปก่อนนะครับ”

            “ครับพี่หินขับรถดีๆนะครับ” ชายหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะรีบเดินไปที่โรงรถ

            น้ำมองตามหลังชายหนุ่มด้วยความคับแค้นในใจ  พี่ชายของตัวเองทำให้เจ็บปวดขนาดนี้ทำไมหินถึงได้ไม่ยอมเข็ดหลาบ  รู้ทั้งรู้ว่าไฟมีแฟนใหม่ไปแล้วก็ยังดื้อดึงจะตามไปง้องอน  เขาไม่มีทางให้สองคนนั้นกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกแน่นอน  น้ำเดินกลับเข้าไปในบ้านด้วยความหงุดหงิด  แท้ที่จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะไปมหา’ลัยตั้งแต่แรก  เพียงแต่เห็นชายหนุ่มรีบร้อนออกไปเลยอยากจะถ่วงเวลาและมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับหินก็เท่านั้น  เพราะอยู่ที่บ้านแทบจะไม่ได้พูดคุยกันเลย  การนั่งรถไปมหา’ลัยมันใช้เวลานานเกือบชั่วโมงอย่างน้อยเขาก็มีโอกาสได้พูดคุยกับคนที่เขารักบ้าง  จากนี้ไปเขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้หินมาครอบครองไว้แต่เพียงผู้เดียว


*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.10--กลับบ้าน--(Up.29-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-03-2018 14:01:35
โถๆๆน้องน้ำเน่าผู้น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.10--กลับบ้าน--(Up.29-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 29-03-2018 17:42:28
คนที่ร้ายที่สุด อาจเป็นน้ำก็ได้  :hao3:
หัวข้อ: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.11--พ่อค้าหมูปิ้ง--(Up.30-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 30-03-2018 23:05:32
CHAPTER

-11-

พ่อค้าหมูปิ้ง
[/b]



            “หมูปิ้งครับหมูปิ้ง! ไม้ละห้าบาทอร้อยอร่อย” เสียงพ่อค้าหน้าหวานพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนตะโกนเรียกลูกค้าภายในตลาดยามเช้า ผู้คนที่เดินขวักไขว่ผ่านไปมาต่างก็เข้ามาอุดหนุนอยู่เนืองๆ แม่ของเขายึดอาชีพขายหมูปิ้งเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กจนโต  ได้มายืนขายอย่างนี้ทำให้ความสุขในวัยเด็กมันกลับคืนมา และรู้สึกว่าแม่ของเขาไม่เคยจากไปไหนเลยยังคงอยู่ข้างๆเสมอ

            หลังจากย้ายมาอยู่ที่ชุมชนนี้ไฟก็โทรไปบอกเพื่อนทั้งสองคนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น  และได้เปิดใจถึงสิ่งที่เคยปกปิดมาตลอดตั้งแต่คบกันมา  ซึ่งทั้งวีและปลาต่างก็เข้าใจและมาช่วยขายของในวันนี้ด้วย

            “ของคุณพี่หมูสี่ไม้ข้าวเหนียวหนึ่งห่อทั้งหมดยี่สิบห้าบาทครับ” สัญชาตญาณความเป็นลูกแม่ค้ามีอยู่ในตัวเขาเต็มร้อย  และวันนี้ก็ได้ใช้มันให้เกิดประโยชน์เสียที

            “ถ้าจะขายดีอย่างนี้กูไม่รงไม่เรียนมันแล้ว มาขายหมูปิ้งอย่างเดียวดีกว่า” ขายแค่ไม่ถึงชั่วโมงก็หมดเกลี้ยงซะแล้วปลาถึงกับอึ้ง

            “มึงก็ลาออกมาขายแข่งกับไอ้ไฟเลยสิวะ” วีเอ่ยประชดประชันเพื่อน

            “ไม่เอากูกลัวมันขายไม่ออกน่ะสิ มีแม่ค้าสาวสวยขนาดนี้หนุ่มๆคงต่อคิวซื้อยาวเหยียด”

            “ต่อคิวกระทืบหน้ามึงสิอีปลา”

            “กระทืบหน้ามึงสิอีวีอีปากหมา”

            จากที่พูดคุยกันอยู่ดีๆตอนนี้เพื่อนทั้งสองคนของไฟเริ่มซัดกันซะแล้ว

            “พอเลยพวกมึงช่วยกูถือของเข้าห้องอย่าอู้ เดี๋ยวกูไปซื้อน้ำเต้าหู้แป๊บนึง” เขาบอกกับเพื่อนทั้งสองแล้วรีบเดินไปที่ร้านขายน้ำเต้าหู้ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก

            เมื่อเดินมาถึงร้านขายน้ำเต้าหู้

            “ป้าครับเอาน้ำเต้าหู้สามถุงแล้วก็ปาท่องโก๋ยี่สิบบาทครับ” เสียงหวานเอ่ยกับแม่ค้าสาวใหญ่อายุราวสี่สิบกว่าๆ  โดยมีลูกชายตัวน้อยสูงเลยรถเข็นมานิดหน่อยยืนช่วยเรียกลูกค้าอย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อย  เห็นอย่างนั้นก็ทำให้นึกถึงสมัยเด็กที่เขาช่วยแม่ออกมาขายของตั้งแต่เช้าอย่างนี้

            “รอแป๊บนึงนะหนู” เจ้าของร้านยิ้มแย้มขณะใช้แก้วสแตนเลสขนาดพอเหมาะเทน้ำเต้าหู้ใส่ถุงอย่าชำนาญ  ส่วนตอนนี้หน้าร้านก็มีลูกค้าคนอื่นๆยืนรออยู่สองสามราย

            “ไม่เป็นไรครับ” เขายิ้มให้แล้วหันไปมองเจ้าตัวเล็กที่กำลังใช้ตะเกียบพลิกปาท่องโก๋ในกะทะอย่างขะมักเขม้น  ปากก็เอ่ยเรียกลูกค้าไปด้วย

            “น้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋มั้ยคร้าบบ  น้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋อร่อยที่สุดในโลกทางนี้เลยคร้าบบ” เจ้าเด็กน้อยตะโกนเสียงดัง

            ไฟยืนยื้มน้อยยิ้มใหญ่มองพ่อค้าตัวน้อยอย่างเอ็นดู  สักพักของที่เขาสั่งไว้ก็ถึงคิวพอดี

            “ได้แล้วจ้าพ่อหนุ่ม” แม่ค้ายื่นถุงมาให้

            “เท่าไหร่ครับ?”

            “ห้าสิบเอ็ดบาทจ้า แต่เอามาห้าสิบพอลดให้บาทนึง” แม่ค้ายิ้มให้

            ไฟหยิบธนบัตรใบละหนึ่งร้อยบาทออกมาจากกระเป๋าสตางค์  กำลังจะยื่นให้แต่มีชายหนุ่มนิรนามยื่นให้ตัดหน้าเขาเสียก่อน

            “นี่ครับห้าสิบบาท” ร่างบางมองธนบัตรใบละห้าสิบบาทในมือหนาที่กำลังยื่นให้แม่ค้า  ก่อนจะมองหน้าเจ้าของมือในเวลาต่อมา  เป็นหินที่กำลังยืนยิ้มแฉ่งให้อยู่ตรงหน้า  ร่างบางผงะเล็กน้อยก่อนจะปัดมือหนานั้นออกไป

            “ไม่ต้อง!” เขาหันไปเอ่ยกับชายหนุ่ม  “ผมเป็นคนซื้อผมต้องเป็นคนจ่ายนี่ครับป้า” เขายื่นเงินให้เหมือนกัน

            แม่ค้ายืนมองหน้าทั้งสองคนสลับไปมาด้วยความงุนงง

            “พ่อหนุ่มป้าขอรับเงินคนที่เขาซื้อก็แล้วกันนะ” แม่ค้าเลือกที่จะรับเงินจากร่างบางแล้วทอนให้ห้าสิบบาท

            เมื่อได้เงินทอนแล้วก็ไม่รอช้ารีบเดินหนีออกมาทันที  ส่วนคนตัวสูงก็เดินมาหลังมาติดๆ

            “ไฟรอพี่ก่อน”

            “.....” ร่างบางไม่ตอบอะไรได้แต่เดินดุ่มๆตรงไปที่หน้าหอพัก

            “พี่มีเรื่องจะคุยด้วย” ชายหนุ่มรั้งข้อมือเอาไว้

            “ปล่อย! จะตามมารังควานกันทำไมต่างคนต่างอยู่ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ  หรืออยากโดนหลอกอีกงั้นเหรอ”

            “พี่เข้าใจสิ่งที่ไฟทำลงไปทั้งหมดนะ พี่ไม่โกรธไม่เกลียดไฟเลยแม้แต่น้อย ไฟจะคิดยังไงก็แล้วแต่ความรู้สึกพี่ยังเหมือนเดิม พี่ยังรักไฟเหมือนเดิม” ชายหนุ่มระบายความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้อีกคนรับรู้

            “พี่โง่หรือบ้ากันแน่! ก็ผมบอกแล้วไงว่าที่ผ่านมามันเป็นแค่การเล่นละครเท่านั้น  เรื่องของเรามันไม่ได้มีอะไรมาตั้งแต่แรก  ตอนนี้ผมคบกับพี่โดมแล้วอย่าให้เราต้องมาคลางแคลงใจกันเลย  พี่กลับไปเถอะคนที่รักพี่เค้ารออยู่ที่บ้านหลังนั้นแล้ว  ไม่ต้องมาที่นี่อีกเพราะผมตัดขาดกับคนบ้านนั้นแล้วไม่อยากเจอหน้าใครอีก”

            “ไม่! พี่จะมาทุกวันจนกว่าไฟจะยอมกลับไปอยู่ที่บ้าน  คุณพ่อท่านเป็นห่วงนายมากเลยรู้ไหม”

            “เป็นห่วงงั้นเหรอ  อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อลูกเลวๆอย่างผมไม่มีใครสนใจหรอก  ฝากไปบอกท่านด้วยนะต่อไปนี้ไม่ต้องคิดว่าผมเป็นลูกก็ได้ผมไม่ถือ” พูดจบก็สะบัดมือออกแล้วเดินเข้าไปในห้อง  ตอนนี้เพื่อนทั้งสองเกาะที่ขอบประตูฟังอย่างตั้งใจ

            หินจะเดินตามเข้าไปแต่ก็มีคนมาผลักที่อกแล้วซัดหมัดเข้าที่ใบหน้าเสียก่อน

            ผัวะ!

            “กลับไปซะอย่ามายุ่งกับไฟอีก!” โดมยืนป้องร่างบางเอาไว้แล้วเอ่ยกับผู้ที่กำลังคุกคามแฟนของตัวเอง

            “มึงมีสิทธิ์อะไรมาห้ามกู!” เขาชี้หน้าพร้อมจะหาเรื่อง

            “ก็สิทธิ์ของคนเป็นแฟนไง”

            “ก็แค่แฟนแต่กูเป็นคู่หมั้น!”

            “ไม่จริงเรื่องของเรามันจบตั้งแต่คืนนั้นแล้ว เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว กลับไปเถอะพี่หินแล้วไม่ต้องมาที่นี่อีก ต่อไปนี้พี่โดมจะเป็นคนดูแลผมเอง” คนที่แอบอยู่ข้างหลังโดมเอ่ยออกมา

            สายตาทั้งสองประสานกัน  อีกคนมองด้วยความเว้าวอน  แต่อีกคนมองด้วยความไม่มีเยื่อใย ร่างบางเคยเป็นของเขามาก่อนแค่ถูกปฏิเสธครั้งเดียวไม่ทำให้เขาถอดใจได้แน่  ไฟไม่ได้เป็นคนร้ายกาจเหมือนเดิมแล้ว  สังเกตจากการยืนขายหมูปิ้งก่อนหน้านั้น  ใบหน้าที่ดูยิ้มแย้มและมีความสุขนั่นคือสิ่งที่ไฟปกปิดไว้ตลาดหลายปีที่ผ่านมา  ตัวตนที่แท้จริงของร่างบางคือเด็กที่น่ารักคนนึงไม่มีพิษภัยแม้แต่น้อย

            “วันนี้พี่กลับไปก่อนก็ได้  ยังไงพี่ก็ไม่ยอมแพ้ไอ้หน้าอ่อนนี้แน่”

            “ถ้ากูเห็นมึงมาป้วนเปี้ยนแถวนี้อีกกูจัดการมึงแน่” โดมชี้หน้าศัตรูหัวใจอย่างไม่เกรงกลัว

            “มึงคิดว่ากูจะกลัวเหรอวะ จำเอาไว้ว่าไฟเป็นของกูคนเดียว” เสียงเข้มเอ่ยก่อนเดินออกไป

            ไฟมองตามหลังชายหนุ่มอย่างไม่วางใจ  เขาไม่น่าเล่นเกมส์นี้ตั้งแต่ต้นเลย  รู้ทั้งรู้ว่าคนอย่างหินเคยยอมใครซะที่ไหน  แม้แต่ตอนที่เขาร้ายกาจใส่ก็ยังเอาชนะด้วยการกอดจูบอยู่บ่อยครั้ง  ยิ่งตอนนี้มีโดมเข้ามาขวางทางหัวใจอีกน่าจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆอย่างแน่นอน

            “ไฟเจ็บตรงไหนรึเปล่า?”

            เสียงทุ้มของโดมทำให้ร่างบางหลุดจากภวังค์  ก่อนจะปรายตาไปมองชายหนุ่มแล้วยิ้มน้อยๆให้

            “ผมไม่เป็นไรครับพี่โดม ขอบคุณนะครับที่มาช่วยได้ทันเวลา”

            “แล้วอย่างนี้มึงจะไม่โดนพี่หินรังควานเหรอวะ” ปลาถามด้วยความเป็นห่วงเพื่อน

            “ถ้าเราไม่เล่นด้วยซะอย่างเค้าทำอะไรเราไม่ได้หรอก” ไฟบอกกับเพื่อนไป

            “แต่พี่ก็ยังเป็นห่วงไฟนะใจจริงอยากให้ย้ายไปอยู่ที่อื่นซะเลย”

            “ถึงย้ายไปที่อื่นเค้าก็ไม่เลิกตามหรอกครับ  ผมจะอยู่ที่นี่รอดูว่าจะมาได้ซักกี่วันเชียว  เผลอๆสองสามวันก็คงเบื่อไปแล้วล่ะ” เขาเอ่ยให้ทุกคนสบายใจแต่แท้ที่จริงแล้วกลับรู้ดีว่าหินไม่มีทางเลิกราง่ายๆ  อยากมาก็มาสิเขาไม่สนใจซะอย่าง

            “สงสัยพี่ต้องย้ายมาอยู่ด้วยแล้วล่ะมั้งเนี่ย”

            “แหมๆ ได้โอกาสก็รีบรุกเต็มที่เลยนะพี่โดม ไม่เป็นไรช่วงนี้พวกเราจะมาอยู่เป็นเพื่อนไฟเอง เพราะที่ฝึกงานอยู่ใกล้ๆแถวนี้พอดี” วีเอ่ย

            “พูดถึงเรื่องฝึกงานพวกกูลืมถามมึงไปเลย สรุปมึงต้องไปฝึกปีหน้าอีกใช่ป่ะเนี่ย” ปลาเอ่ยถาม

            หลังจากเกิดเรื่องเขาก็ไม่ไปที่บริษัทอีกเลยทำให้การฝึกงานก็ต้องยุติไว้เพียงเท่านั้น

            “ใช่...ช่วงนี้กูก็ขายข้าวเหนียวหมูปิ้งไปก่อน  กว่าจะเปิดเทอมคงได้ตังค์เก็บหลายบาท” เรื่องเรียนเขาไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไร  ถึงแม้จะช้าไปปีนึงแต่ถึงยังไงก็จบอยู่ดี

            “เสียดายเนาะถ้ามึงมาฝึกกับพวกกูตั้งแต่แรกก็คงไม่เป็นอย่างนี้” วีเอ่ยอย่างเสียดาย

            “เอาน่า...ตอนนี้กูมีความสุขแล้ว  ไม่มีอะไรต้องเสียดายทั้งนั้น” ร่างบางยิ้มให้เพื่อน

            “คิดแล้วมันก็ไม่น่าเชื่อเลยเนาะจากคุณหนูไฟผู้สูงส่ง ดูถูกดูแคลนคนอื่นต่างๆนาๆ แต่ตอนนี้กลับมาขายข้าวเหนียวหมูปิ้งกูล่ะขำ”

            “มึงก็ไปว่าเพื่อนอีวี  แต่ที่น่าเหลือเชื่อมากกว่านั้นคืออะไรรู้ไหม” ปลาทำตาโตมองเพื่อน

            “อะไรวะ?” วีถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นซะเต็มประดา

            “ก็พี่โดมไง แต่ก่อนเจอหน้าทีด่ายันเงาแต่วันนี้กลับมาเป็นแฟนกันซะงั้นฮ่าๆ” ปลาขำออกมา

            “พวกเพื่อนเลวมึงอยากได้เพื่อนแบบเก่าหรือแบบใหม่ล่ะ”

            “แบบใหม่!” สองเสียงประสานกันอย่างพร้อมเพียง

            “แบบใหม่ก็อย่าปากมาก นี่ล่ะคือตัวตนที่แท้จริงของกู” เขายิ้มให้เพื่อน

            โดมมองทั้งสามคนสนทนากันด้วยรอยยิ้ม

            “ดูพี่โดมสิยิ้มแก้มจะปริอยู่แล้ว เลือกได้รึยังคะว่าจะเอาคนไหนดี” ปลาแกล้งแหย่ชายหนุ่มเล่น

            “เอาคนนี้” เขาชี้ไปที่ร่างบาง

            วีและปลามองหน้ากันแล้วยิ้มด้วยความฟิน

            “ฟินเว่อร์!!” ทั้งสองเสียงเอ่ยขึ้นพร้อมกันอย่างพร้อมเพียงอีกครั้ง

            “ไปกินข้าวกันเถอะหิวแล้ว” คนที่โดนแซวเปลี่ยนเรื่องคุยทันที

            วันแรกของการเป็นพ่อค้าก็ผ่านไปได้ด้วยดี  หากจะมีเรื่องไม่สบายใจก็คงไม่พ้นเรื่องของหินที่คงจะมาเสนอหน้าให้เขาเห็นอยู่เรื่อยๆ  ยังไงซะเขาไม่มีทางที่จะใจอ่อนยอมกลับไปที่บ้านหลังนั้นอีกอย่างแน่นอน  จากนี้ไปเขาจะเป็นแค่ไอ้ไฟคนธรรมดาที่เติบโตมาจากชุมชนนี้เท่านั้น



*-*-*-*-*-*



            บ้านสิริกรโสภณ

            “พี่หินไปไหนมาครับ” น้ำเสียงแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน

            เมื่อเดินเข้ามาในบ้านหินก็ต้องเจอกับคำถามของน้องชายที่เหมือนตั้งใจยืนรออยู่ซะอย่างนั้น

            “ก็ธุระไง พี่บอกน้ำไปแล้วไม่ใช่เหรอ” เขาตอบ

            “น้ำถามตรงๆนะครับ พี่หินยังรักพี่ไฟอยู่รึเปล่า”

            “ทำไมถึงถามอย่างนั้นล่ะ  น้ำก็รู้ว่าพี่รักไฟและต้องตามง้อไฟให้กลับมาที่นี่ให้ได้” เสียงเข้มเอ่ยอย่างมั่นใจ

            “ทำไมพี่หินถึงได้โง่อย่างนี้ เค้ามีคนใหม่แล้วนะครับจะไปตามเค้ากลับมาทำไม จริงๆแล้วพี่ไฟอาจจะมีความสุขกว่าอยู่กับพี่ก็ได้”

            “เดี๋ยวนี้น้ำเปลี่ยนไปเยอะนะ  แต่ก่อนน้ำไม่เคยกล้าว่าใครอย่างนี้มาก่อน” หินแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าน้ำจะกล้าด่าว่าเขาโง่  ช่วงหลังมานี้น้ำเปลี่ยนไปเยอะมาก จากแต่ก่อนจะเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา ไม่กล้าว่าหรือด่าใครแต่ตอนนี้กลับทำตัวตรงกันข้าม

            “คือ...น้ำขอโทษครับที่ว่าพี่หิน  น้ำไม่ได้ตั้งใจพอดีห่วงพี่หินมากไปหน่อย” ท่าทีเรียบร้อยอ่อนหวานของน้ำกลับมาทันทีเมื่อโดนพี่ชายว่าให้

            “พี่ไม่ได้โกรธน้ำเลยแต่เพียงห่วงน้ำมากกว่า น้ำเป็นเด็กที่เคยน่ารักว่านอนสอนง่ายพี่อยากให้น้ำเป็นน้องชายที่น่ารักอย่างนั้นตลอดไป” คนเป็นพี่เอื้อมมือหนาไปวางที่ไหล่บางเอาไว้พร้อมกับยิ้มน้อยๆให้

            น้องชายอีกแล้วงั้นเหรอเขาเกลียดคำนี้  เขาไม่อยากได้ยินคำนี้จากปากคนที่อยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย  ได้ยินคำนี้ทีไรมันทำให้เขาเจ็บปวดที่สุด

            “น้ำยังเป็นน้องชายที่น่ารักคนเดิมของพี่หินเสมอครับ” มือเรียวจับที่แขนของชายหนุ่มอย่างเบามือ  พร้อมกับจ้องตาอย่างหวานเยิ้มราวกับว่าหินเป็นคนรักของเขาไปแล้ว

            “เอ่อ..พี่ขอตัวขึ้นข้างบนก่อนนะครับ” ก่อนที่จะทำให้น้องชายคนนี้คิดอะไรเกินเลยไปเขาต้องรีบตัดบทเสียก่อน

            “ครับพี่หิน” เสียงหวานตอบรับทันที

            หินรีบเดินขึ้นไปด้านบนในใจก็คิดว่าน้องชายคนนี้เริ่มทำตัวแปลกขึ้นทุกวัน เขาจะทำยังไงให้น้ำเลิกคิดกับเขาเกินเลยมากกว่าพี่ชายได้นะ  หากเป็นไปได้จริงๆมันคงจะดีไม่น้อย  เพราะในอนาคตหากเขาสามารถง้อไฟกลับมาได้ทุกคนจะได้ไม่ต้องมาอึดอัดกับเรื่องนี้อีก



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.11--พ่อค้าหมูปิ้ง--(Up.30-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 31-03-2018 00:24:03
ไฟคนใหม่ ไฉไลกว่าเดิม5555
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.11--พ่อค้าหมูปิ้ง--(Up.30-03-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-03-2018 01:50:56
อ่าน ๆ ไป และแล้วบทก็สลับกันซะงั้น  :hao3:
หัวข้อ: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.12--แผนจับคู่--(Up.01-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 01-04-2018 12:18:09
CHAPTER

-12-

แผนจับคู่
[/b]



            “อ้าววันนี้เพื่อนไปไหนล่ะไฟ”

            “วันนี้ไอ้สองตัวนั้นไปทำงานครับป้า”

             ป้าที่อยู่ร้านข้างๆเอ่ยถามขณะเจ้าตัวกำลังงุ่นกับการตั้งร้านในช่วงเช้าตรู่เพราะไม่เห็นผู้ช่วยทั้งสองคนเหมือนกับวันแรก  ขณะที่เตาย่างไฟฟ้ากำลังร้อนได้ที่หมูที่เสียบไว้เป็นไม้ๆตั้งแต่เมื่อคืนก็เอามาวางเรียงบนตะแกรงจนเต็ม  เหนียวร้อนๆที่ห่อใส่ถุงใบเล็กเรียงไว้เป็นชั้นๆในกระติกเก็บความร้อนถูกยกขึ้นมาบนโต๊ะรอจำหน่ายให้กับลูกค้า  ชุดทำงานวันนี้เขาสวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นพร้อมกับมีผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลใส่ทับไว้ด้านนอกอีกที  ส่วนที่ต้นคอก็มีผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กคล้องเอาไว้เพื่อซับเหงื่อ

            ขณะร่างบางกำลังก้มหน้าย่างหมูอยู่นั้นอดีตคู่หมั้นก็เดินมายืนอยู่หน้าร้านพร้อมกับยิ้มให้

            “สวัสดีครับรับหมูกี่ไม้ดีครับ” เสียงหวานเอ่ยทักทายแล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เพราะนึกว่าเป็นลูกค้า

            “รับพ่อค้าได้ไหมครับ” เขายังคงยิ้มให้

            “พี่หิน!” ร่างบางหุบยิ้มทันทีแล้วเอ่ยปากไล่ “มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย”

            “ไม่! พี่บอกแล้วไงพี่จะมาทุกวันจนกว่าไฟจะยอมใจอ่อน” ชายหนุ่มยังยืนกราน

            “ไม่มีทาง! รีบออกไปจากหน้าร้านผมเดี๋ยวนี้ยืนบังอยู่ได้” เจ้าของร้านเอ่ยปากไล่

            “ก็ได้” หินยอมรับฟังร่างบางแล้วเดินเข้าไปหลังร้านแทน

            “อ้าว! วันนี้มีผู้ช่วยคนใหม่เหรอไฟ หล่อๆอย่างนี้สงสัยลูกค้าสาวๆเยอะแน่นอน” ป้าข้างร้านคนเดิมตะโกนมา

            “ไม่...อุ๊บ” ร่างบางกำลังจะตอบกลับไปว่าไม่ใช่แต่ก็โดนมือหนามาปิดที่ปากเอาไว้ก่อน

            “ใช่ครับป้า ผมชื่อหินเป็นผู้ช่วยคนใหม่ของไฟครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” ชายหนุ่มผู้มาใหม่ยกมือขึ้นไว้ป้าๆข้างร้าน

            ร่างบางมองชายหนุ่มด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะมีลูกค้าเดินมาซื้อหมูปิ้งพอดี  ทำให้เขาหันไปสนใจลูกค้าแทน

            “รับกี่ไม้ดีครับพี่”

            “เอาหมูสองไม้ข้าวเหนียวหนึ่งจ๊ะ”

            “ทำไมไม่รับเพิ่มอีกสักสองไม้ล่ะครับคุณพี่คนสวย” หินใช้ความหล่อและคารมณ์หลอกล่อลูกค้าสาว

            “อุ๊ย! ปากหวานจริงเชียวพ่อค้าคนนี้ ถ้างั้นพี่เอาหมูเพิ่มอีกสองไม้จ๊ะ” เธอพูดกับไฟแต่สายตากลับจับจ้องไปที่หินแทน

            “ได้เลยครับพี่” ถึงแม้จะไม่พอใจที่อีกฝ่ายมากวนใจแต่เขาต้องเอาใจลูกค้าไว้ก่อน

            “ว่าแต่พ่อหนุ่มมาขายอย่างนี้ทุกวันรึเปล่าจ๊ะ” ลูกค้าสาวคนเดิมถาม

            “ครับพี่” ร่างบางตอบ

            “ไม่ใช่หนูจ๊ะพี่หมายถึงพ่อหนุ่มคนนี้มาทุกวันรึเปล่า?” เธอชี้ไปที่หิน

            เพล้ง! คนที่เอ่ยถามหน้าแตกขึ้นมาทันที

             เจ้าตัวเห็นอย่างนั้นก็ยักคิ้วให้ร่างบางอย่างผู้ชนะก่อนจะตอบลูกค้าไป

            “ถ้าคุณพี่มาอุดหนุนทุกวันผมก็จะมาทุกวันครับ” ชายหนุ่มตอบกลับไปเสียงหวาน

            “ถ้างั้นพี่จะมาซื้อทุกวันเลยจ๊ะถ้าไม่เห็นหน้าน้องพี่ก็จะไม่ซื้อ” เอาแล้วไงร่างบางคิดในใจ สรุปมาเรียกลูกค้าให้หรือมาไล่ลูกค้ากันแน่

            หลังจากลูกค้าสาวคนนั้นไปแล้วร่างบางก็ถลึงตาใส่คนตัวสูงทันที

            “กลับไปทำงานของตัวเองเลยอย่างนี้เค้าไม่ได้เรียกมาช่วยขาย แต่มาไล่ลูกค้าทางอ้อมมากกว่า” คนพูดหน้าบึ้งใส่

            “พี่ขอโทษที่พี่มันหล่อไป ก็บอกแล้วไงว่าจะมาทุกวันไม่ต้องห่วง” หินยังคงยิ้ม

            “ใครอยากให้มาถ้าเห็นอีกจะบอกให้นักเลงในซอยนี้ตามฆ่าเลยคอยดู” ร่างบางขู่

            “พี่ยอมตายเพื่อคนที่พี่รัก” สายตาคมที่จ้องมองมาทำให้ร่างบางชะงักครู่หนึ่ง  เพราะคำพูดและแววตานั้นรู้สึกได้ถึงความจริงใจเป็นที่สุด

            “พอเลยเลี่ยน” เขาพูดแล้วหันไปสนใจเรียกลูกค้าแทน “หมูปิ้งไหมครับ หมูปิ้งอร้อย อร่อยครับ”

            “ซื้อหมูปิ้งแถมคนขายด้วยคร้าบบบ” เมื่อได้ยินประโยคที่หินเอ่ยร่างบางถึงกับหันขวับไปมองตาเขียวทันที

            “จะบ้าเหรอพี่หิน พูดไปอย่างนั้นได้ไง” มือเรียวฟาดเข้าที่ต้นแขนเต็มแรง

            “โอ๊ย!เจ็บนะเนี่ย” ร่างสูงแสร้งทำเป็นเจ็บ

            “อยากจะฆ่าให้ตายจริงๆ”

            ไม่นานนักลูกค้าสาวรายใหม่ก็เดินมา

            “แถมพ่อค้าจริงๆรึเปล่าคะ” ลูกค้าสาวสวยเดินตรงมาแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้หินทันที

            “จริงๆครับ ลูกค้าซื้อหมูแถมพ่อค้าจะเอาไปทำอะไรก็ได้ไม่เกี่ยงงานครับ” เป็นร่างบางที่ตอบกลับ  เขาอยากจะรู้ว่าคนที่เป็นเจ้าของความคิดจะไปต่อยังไงได้

            “ใจจริงพี่ก็อยากได้กลับไปนะยิ่งหล่อๆอย่างนี้ยิ่งน่าหม่ำ แต่กลัวน้องจะเสียใจน่ะสิที่แฟนโดนสาวอื่นเอาไปทำปู้ยี่ปู้ยำ” หล่อนเข้าใจว่าทั้งสองคนเป็นแฟนกันจึงเอ่ยออกไปเช่นนั้น

            “ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับพี่” คนที่โดนกล่าวหาส่ายมือปฏิเสธรัวๆ         

            “ไม่ใช่แค่แฟนครับแต่เราเป็นคู่หมั้นกันแล้ว” หินเอ่ยต่อหลังจากนั้น

            “อุ๊ย! น่ารักจังคู่นี้ ถ้างั้นพี่เอาหมูสิบไม้ข้าวเหนียวห้า พอดีเอาไปฝากคนงานที่ร้านด้วยน่ะจ๊ะ” เธอบอก

            “ได้เลยครับพี่” หินรีบตอบรับโดยเร็วก่อนจะหันไปหาคนที่อยู่ข้างๆ “เร็วๆสิครับที่รักรีบเอาหมูใส่ถุงให้พี่เค้าเร็ว” ถึงแม้จะไม่เต็มใจนักแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี

            “ทั้งหมดเจ็ดสิบห้าบาทครับ” ร่างบางยื่นถุงข้าวเหนียวหมูปิ้งให้ลูกค้า

            “ขอให้รักกันนานๆนะคะ ขยันทำมาหากินช่วยกันอย่างนี้อีกไม่นานคงตั้งตัวได้แน่ พี่เอาใจช่วย” เธอยื่นเงินจำนวนพอดีให้

            “ขอบคุณครับ” ไฟยิ้มแหยๆพร้อมกับเอ่ยขอบคุณอย่างเสียมิได้

            หลังจากลูกค้าไปแล้ว

            “เห็นไหมล่ะว่าพี่เป็นคนเรียกลูกค้าได้ดีแค่ไหน” ร่างสูงกอดอกอย่างถูมิใจ

            “ถ้าพอใจแล้วก็กลับไปสิ” ร่างบางเอ่ยปากไล่อีกครั้ง

            “ยังไม่พอใจจนกว่าจะช่วยนายขายจนหมด”

            “หน้าด้านหน้าทนจริงๆเลย” ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าอีกคนให้สาแก่ใจ

            “ด้านได้อายอดนะคร้าบ” ยิ่งด่าเหมือนยิ่งทำให้อีกคนได้ใจ  ร่างบางจึงใช้ความเงียบสยบปัญหาไม่พูดไม่จาตั้งหน้าขายเพียงอย่างเดียว

            หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงของก็ขายหมดเกลี้ยง  แม่ค้าบางส่วนเริ่มเก็บร้านบ้างแล้วรวมถึงร่างบางที่ตั้งหน้าตั้งตาเก็บของ  ไม่ได้ให้ความสนใจผู้ช่วยหนุ่มหล่อเลยแม้แต่น้อย

            “ทำไมเงียบจัง ฮัลโล” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นหลังจากผ่านความเงียบไปเสียนาน

            “......”

            “ยังเงียบๆ เอาจริงเว้ย” เหมือนตอนนี้หินพูดเองเออเองอยู่คนเดียวซะอย่างนั้น

            เมื่อเก็บของทั้งหมดใส่กล่องพลาสติกใบใหญ่เสร็จแล้วไฟก็เดินเชิดหน้าหอบกลับไปที่ห้องพัก

            “มานี่พี่ช่วยถือ” คนตัวสูงพยายามแย่งมาถือซะเอง

            “ไม่ต้อง!”

            “เอาน่า” ในที่สุดหินก็แย่งกล่องใบใหญ่จากมือร่างบางมาได้

            “ยุ่งจริงๆ เมื่อไหร่จะกลับซะที” เขาได้แต่บ่นพร้อมมองตามหลังคนตัวโตไป  แต่ในใจกลับรู้สึกปลื้มปริ่มอย่างบอกไม่ถูก

            เมื่อมาถึงหน้าห้อง

            “วางไว้ตรงนี้ล่ะ”

            “ไม่เป็นไรเปิดห้องสิเดี๋ยวพี่เอาไปไว้ให้” หินยังคงถือกล่องใบนั้นเอาไว้

            “วางไว้เดี๋ยวนี้!” เจ้าของห้องเริ่มขึ้นเสียงสูง

            “โอเคๆ พี่จะวางไว้ตรงนี้นะ” คนตัวสูงค่อยๆวางกล่องลงที่พื้น

            “วางแล้วก็กลับไปสิ”

            “โห! คนอุตส่าห์มาช่วยขายของขอบคุณสักคำก็ไม่มี” น้ำเสียงน้อยอกน้อยใจของคนตัวสูงเอ่ยออกมาพร้อมกับสีหน้าที่เหมือนกับเด็กน้อยขี้งอนซะอย่างนั้น

            “ไม่ได้ขอให้มาช่วยนี่นา ถ้าพี่มาอีกผมจะย้ายไปอยู่ที่อื่นบอกไว้เลย” สีหน้าจริงจังทำให้หินเริ่มลังเลว่าจะเอายังไงดี

            “โอเคไม่มาก็ได้ถ้าทำให้ไฟสบายใจ” เขาก็รับปากไปอย่างนั้นแต่ถึงยังไงซะเขาก็จะมาแค่ให้ได้เห็นหน้าก็ยังดี

            “ทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกัน” ทำไมถึงได้รับปากง่ายอย่างนี้นะ ไหนบอกยังรักไงล่ะไม่มีความพยายามเอาซะเลย เขาคิดไม่ผิดเลยที่เทผู้ชายคนนี้มาอยู่ที่นี่ ร่างบางคิดในใจ

            “กลัวแต่นายจะคิดถึงพี่น่ะสิ”

            “ไม่มีทาง...ไปซะทีสิ ชิ่วๆ” ร่างบางปัดมือไล่

            “ไปล่ะนะ”

            ขณะเดินไปหินก็โบกมือให้ร่างบางก่อนจะสะดุดพื้นจนหัวคะมำเกือบจะล้ม  คนที่ยืนดูแทบกลั้นขำไม่อยู่ นายบ้าคนนี้ทำให้เขาหัวเราะจนได้สินะ มาให้เห็นแค่สองวันยังทะลายกำแพงในใจเขาได้ขนาดนี้ หากมาทุกวันเขาคงได้ตกหลุมพรางนายคนนี้แน่ๆ แต่โชคดีที่พรุ่งนี้หินสัญญาว่าจะไม่มานั่นเป็นเรื่องดีสำหรับเขา...หรือเปล่านะ?



*-*-*-*-*-*



              ช่วงเย็นวันนั้น

            “วันนี้น้องเป็นยังไงบ้างหิน” จรัญเรียกหินเข้ามาในห้องทำงานเหมือนเช่นเคย  เพื่อถามไถ่ความเป็นอยู่ของลูกชาย

            “ช่วงนี้น้องก็ขายข้าวเหนียวหมูปิ้งที่ตลาดทุกวันครับ”

            “คงลำบากน่าดูจะทำยังไงให้ไอ้ลูกคนนี้มันคิดได้แล้วกลับมาก็ไม่รู้”

            “แต่ดูท่าทางน้องจะมีความสุขกว่าอยู่ที่นี่นะครับคุณพ่อ...ผมรู้สึกได้” ใบหน้าสวยที่เปื้อนยิ้มตลอดเวลาที่เขาเห็นในตลาดนั้น  เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างแท้จริง ไม่เหมือนตอนอยู่ที่บ้านหลังนี้ไฟชอบเอาแต่ใจ เกรี้ยวกราดจนหาความสุขแทบไม่ได้  หากเขาเลือกชีวิตเองได้บ้างก็อยากไปใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่เหมือนกันคงมีความสุขไม่น้อย

            “ใช่สินะ...ที่นั่นเป็นที่ๆเค้าเกิดและเติบโตมา ความทรงจำในวัยเด็กที่มีแม่คอยอยู่ข้างๆคงจะน่าจดจำกว่าการที่มีพ่อเลวๆคนนี้อยู่ด้วย” สีหน้าของจรัญเริ่มเศร้าลงเรื่อยๆเมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ เขามีส่วนทำให้ความสุขในชีวิตของลูกชายหายไป

            “คุณพ่ออย่าคิดมากไปเลยครับยังไงซะความเป็นพ่อเป็นลูกก็ตัดกันไม่ขาดแน่นอนครับ ผมสัญญาว่าจะพาน้องกลับมาให้ได้” เขามองหน้าผู้เป็นพ่อด้วยความมุ่งมั่น

            “พ่อฝากด้วยนะหินหากในอนาคตพ่อเป็นอะไรไปหินอย่าทิ้งน้องเหมือนที่พ่อเคยทิ้งแกไปนะ”

            “ทำไมคุณพ่อพูดอย่างนั้นล่ะครับ” เห็นผู้เป็นพ่อพูดถึงเรื่องนี้บ่อยๆเขาเองก็ใจไม่ดีเอาเสียเลย

            “คนเราเกิดมาก็ต้องตายมันเป็นเรื่องธรรมชาติของชีวิตมนุษย์เรา สักวันมันจะต้องเกิดขึ้นไม่มีใครหนีมันพ้นหรอกลูก” เขายิ้มให้ลูกชาย

            “สักวันไฟจะต้องเข้าใจคุณพ่อครับผมมั่นใจ”

            “พ่อก็รอให้มันถึงวันนั้น”

            เขายิ้มให้ลูกชายอย่างอ่อนโยน  ในใจก็ภาวนาให้แก้ววดีช่วยดลใจให้ลูกชายเข้าใจในตัวเขา เมื่อนึกถึงตอนนั้นไม่มีวันไหนที่เขาไม่คิดถึงลูกเมีย  แต่ช่วงเวลานั้นเพลินพิศไม่ปล่อยให้เขาคลาดสายตาแม้แต่วินาทีเดียว  แถมครอบครัวยังให้ท้ายเธออีกด้วยจะขยับตัวไปไหนก็ลำบาก  ช่วงเวลานั้นมันเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตที่ไม่สามารถดูแลและเห็นหน้าคนที่ตัวเองรักได้เลย

            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ทั้งสองคนชะงักแล้วหันไปมองที่ทางเข้าห้อง เพลินพิศเดินเข้ามาพร้อมกับถ้วยยาสมุนไพรจีนที่เธอตั้งใจนำมาให้สามีดื่มเพื่อบำรุงร่างกาย

            “คุยอะไรกันอยู่เหรอคะหนุ่มๆ” ถึงแม้ตอนนี้อายุเธอจะเข้าหลักห้าแล้วก็ตาม แต่ใบหน้าสวยก็ยังคงเด่นชัดอ่อนกว่าวัย นั่นเพราะพลินพิศเป็นคนที่ดูแลตัวเองดีมาโดยตลอด  โดยเฉพาะเรื่องความสวยความงามเธอจะเข้าคลีนิคเสริมความงามทุกๆเดือนไม่เคยขาด

            “คุยเรื่องงานน่ะ” เขาเอ่ยกับภรรยา

            “เดี๋ยวยังไงผมขอตัวก่อนนะครับคุณพ่อ คุณน้า” หินลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยกับทั้งสองคน

            “ตามสบายลูกแล้วอย่าลืมที่เราพูดกันนะ”

            “ครับคุณพ่อ”

            หินยิ้มน้อยๆให้กับเพลินพิศก่อนเดินออกไปจากห้อง  หลังจากนั้นเธอก็นำถ้วยยาสมุนไพรจีนไปวางไว้ที่โต๊ะให้กับสามี

            “นี่อะไรเหรอคุณ?” เขามองหน้าภรรยาด้วยความสงสัย

            “ยาสมุนไพรจีนค่ะเห็นว่าช่วงนี้คุณเครียดๆฉันเลยไปหายาดีๆมาให้คุณ ดื่มสิคะจะได้สดชื่น” เธอบอกกับสามีด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

            “ขอบคุณที่เป็นห่วงผม” เมื่อเห็นถึงความเป็นห่วงเป็นใยของภรรยา จรัญไม่รอช้ารีบยกถ้วยกระเบื้องลายเถาดอกโบตั๋นขึ้นดื่มทันที รสขมของยาจีนทำให้เจ้าตัวถึงกับหลับตาปี๋

            “ฉันลืมบอกคุณไปว่ามันขม แต่หวานเป็นลมขมเป็นยานะคะคุณ”

            “ไม่เป็นไรคุณอุตส่าห์เอามาให้ทั้งที” เขาบอก

            “คุณจรัญคะ”

            “มีอะไรรึเปล่าคุณ” เขามองหน้าภรรยาอีกครั้ง

            “ฉันอยากให้น้ำได้แต่งงานกับหินค่ะ” เธอตัดสินใจบอกความประสงค์ที่ตั้งใจไว้

            “นี่คุณพูดอะไร คุณก็รู้ว่าหินหมั้นกับไฟแล้ว” เขาไม่เข้าใจสิ่งที่ภรรยาต้องการเลย รู้ทั้งรู้ว่าหินรักไฟแต่เพลินพิศกลับยังมาพูดอย่างนี้อีก

            “แต่ไฟเค้ามีผู้ชายคนใหม่แล้วนะคะ ที่สำคัญน้ำก็รักหินมาตั้งนานแล้วด้วย” เธอไม่ยอมแน่หากไม่ได้สิ่งที่ต้องการ

            “แต่หินรักไฟไม่ได้รักน้ำ คุณไม่สงสารลูกเหรอที่จะต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก คุณเองก็น่าจะรู้ดี” เขาไม่อยากพูดประโยคนี้ออกมา แต่มันคือเรื่องจริงที่เขาโดนบังคับให้แต่งงานกับเพลินพิศทั้งๆที่ไม่ได้รัก

            “ฉันไม่สนใจหรอกขอแค่ให้ลูกฉันสมหวังก็พอ” คำพูดของจรัญก่อนหน้าไม่ได้ทำให้เธอคิดได้แม้แต่น้อย เธอยังเชิดหน้าไม่รับรู้เรื่องใดๆทั้งนั้น

            “ผมไม่ชอบบังคับฝืนใจใคร เอาเป็นว่าเรื่องนี้ขอให้หินเป็นคนตัดสินใจก็แล้วกัน” เขามั่นใจว่ายังไงซะหินก็ไม่มีทางตอบตกลงแน่นอน จึงให้ลูกชายเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้มันจะได้จบอย่างไม่มีข้อกังขา

            “คุณคงคิดสินะว่าตาหินต้องปฏิเสธ แล้วคุณจะได้รู้ว่าน้ำจะต้องสมหวัง”

            เธอเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้แล้วเชิดหน้าเดินออกไป จรัญได้แต่ส่ายหัวให้กับความรั้นของภรรยา หวังว่าเพลินพิศคงไม่ใช่เล่ห์กลทำให้หินต้องยอมแต่งกับน้ำหรอกนะ...เขากลัวมันจะเป็นอย่างนั้น


*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*



---------------------
คอมเม้นท์กันบ้างน้าคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.12--แผนจับคู่--(Up.01-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 01-04-2018 14:55:45
ยาพิษ
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.12--แผนจับคู่--(Up.01-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-04-2018 15:11:01
เปลี่ยนจากเพลินพิศ เป็นสารพัดพิษดีมั้ย :hao4:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.12--แผนจับคู่--(Up.01-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-04-2018 19:52:37
หวังว่าสิ่งที่ดื่ม คงไม่ได้ผสมยาพิษลงไปด้วยนะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.12--แผนจับคู่--(Up.01-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Jessiebier ที่ 02-04-2018 02:22:46
นุ้งไฟใจอ่อนได้แล้วน้าาา แต่ก็ชอบโดมอ่า
3p เลยก็ดี

ส่วนนังเพลินพิศ กับน้ำ เอาไปเก็บก่อนค่ะ รอน้องไฟมาจัดการ

สงสารคุณพ่อ รักลูกแต่ก็ยังไม่เข้าใจกัน  :ling1:
หัวข้อ: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.13--ข้อแลกเปลี่ยน--(Up.03-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 03-04-2018 13:57:01
CHAPTER

-13-

ข้อแลกเปลี่ยน
[/b]



            ผ่านมาเกือบสัปดาห์แล้วที่หินได้แต่แอบไปเฝ้ามองคนรักที่ตลาดตอนเช้าก่อนไปทำงานในทุกๆวัน ที่ทำอย่างนั้นก็เพราะอยากรักษาสัญญาที่เคยให้ไว้ และกลัวว่าอีกฝ่ายจะเตลิดหนีไปจนเขาตามหาตัวไม่เจอนั่นเอง วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่เขาได้แอบมาด้อมๆมองๆแถวตลาดเช่นเคย ก่อนจะสะดุดตากับหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม เขารีบแอบตัวอยู่หลังตู้โทรศัพท์เพื่อไม่ไห้อีกฝ่ายสังเกตเห็น

            “เอ๊ะนั่นมันหญิงนี่!” เหมือนเธอกำลังยืนมองอะไรบางอย่างแล้วก็เดินออกไป เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าหญิงพักอยู่ในชุมชนนี้ ขณะคิดเรื่องลูกน้องสาวในบริษัทก็มีเสียงโวยวายดังมาจากในตลาด ทำให้เขาต้องหันขวับไปมองทันที

            “กรี๊ด! ช่วยด้วย” 

            เสียงโหวกเวกโวยวายของป้าร้านข้างๆดังขึ้นเมื่อมีชายฉกรรจ์สองคนทำทีมาซื้อหมูย่างที่ร้านของไฟ ก่อนจะทำลายข้าวของจนทุกอย่างพังราบคาบในพริบตา หินรีบวิ่งเข้าไปหวังจะช่วยจับตัวชายฉกรรจ์สองคนนั้น  แต่ก็ไม่ทันการซะแล้วเพราะมันสองคนใช้โอกาสที่ผู้คนชุลมุนวิ่งหนีออกไป

            “ไฟเป็นอะไรรึเปล่า” เมื่อมาถึงก็เห็นอีกคนกำลังยืนหน้าซีดด้วยความตกใจ โต๊ะที่เคยวางของก็ล้มลง ทำให้ข้าวเหนียวและหมูที่ย่างเอาไว้หล่นลงพื้นจนไม่สามารถนำไปขายต่อได้ 

            “ไม่เป็นไรครับ” ร่างบางยืนมองหมูย่างและห่อข้าวเหนียวที่หล่นลงเกลื่อนบนพื้นอย่างเสียดาย

            “เดี๋ยวพี่ช่วยเก็บ” หินนั่งลงช่วยเก็บของที่เกลื่อนบนพื้นจนเสร็จเรียบร้อย

            “พวกมันเป็นใคร?” เสียงเข้มเอ่ยด้วยความโกรธแค้นแทนร่างบาง

            “ผมไม่รู้พวกมันทำทีมาซื้อหมูย่าง อยู่ๆก็พังทุกอย่างจนผมตั้งตัวไม่ทัน” คนพูดยังไม่หายจากอาการตกใจ

            “กลับไปห้องกันก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”

            ร่างบางไม่ได้มีท่าทีต่อต้านคนตัวสูงเลยแม้แต่น้อย  แต่กลับยอมเดินนำหน้ากลับไปที่ห้องพักโดยมีหินถือของตามไปไม่ห่าง

            เมื่อถึงห้องพัก

            “คราวนี้อย่าไล่พี่เลยนะพี่อยากดูแลไฟจริงๆ” ครั้งที่แล้วพอถึงหน้าห้องพักคนตัวเล็กก็ไล่ให้กลับไป แต่ครั้งนี้เขาไม่ยอมแน่จะอยู่จนกว่าจะแน่ใจว่าไฟจะปลอดภัย

            เจ้าตัวไม่ตอบอะไรก่อนจะเปิดกุญแจห้องเดินนำเข้าไปด้านใน หินยกของไปวางไว้ที่มุมห้องแล้วหันกลับมามองเจ้าของห้องอีกที ก็พบว่าเจ้าตัวกำลังนั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่

            “ไม่เป็นไรนะครับพี่จะไม่ให้ใครมาทำอะไรไฟได้อีกแน่นอน” เขากอดร่างเล็กเอาไว้แน่นพร้อมกับใช้มือหนาลูบที่แผ่นหลังเบาๆเพื่อปลอบใจ

            “ผมกลัวว่ามันจะกลับมาอีก...ฮึก” ร่างบางเอ่ยออกมาพร้อมกับเสียงสะอื้น

            “ไม่ต้องกลัวพี่จะปกป้องไฟเอง ไฟมีเรื่องกับใครก่อนหน้านี้รึปล่า” เขาถามเพราะอยากจะรู้ตัวไอ้คนพวกนั้นว่ามันเป็นใครกันแน่ จะได้ไปจัดการให้เข็ดหลาบ

            “ไม่มีครับ อึก” เขาไม่เคยมีเรื่องกับใครแถวนี้มาก่อน หากจะมีก็คงไม่พ้นคนในบ้านหลังนั้น เมื่อคิดอย่างนี้แล้วก็นึกถึงใบหน้าของเพลินพิศขึ้นมาทันที

            “เหมือนพวกมันเจาะจงมาพังร้านของไฟต้องเป็นคนที่รู้จักกันมาก่อนแน่ๆ” เขาสันนิษฐานจากรูปการณ์

            “ถ้าจะมีก็คนในบ้านหลังนั้น” คนที่อยู่ในอ้อมกอดเปรยออกมา

            หินคลายอ้อมกอดแล้วมองหน้าทันที

            “ไฟหมายความว่าไง”

            “ถ้าไม่ใช่พี่หิน หรือคุณพ่อก็ต้องเป็นแม่เลี้ยงผม” เขามั่นใจว่าต้องเป็นเพลินพิศแน่ๆ เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ไม่เคยมีเรื่องกับใครแม้แต่คนเดียว ทุกคนเป็นมิตรและมีอัธยาศัยดีมากเหลือเกิน

            “น้าเพลินพิศน่ะเหรอ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นพาลให้เขาคิดถึงตอนที่เห็นหญิงก่อนหน้านี้ หรือจะเป็นอย่างที่ไฟพูดจริงๆ

            “ใช่! ผมมั่นใจ” เขาพยายามเลิกนึกถึงเรื่องคนบ้านนั้นมาตลอด แต่เพลินพิศก็ไม่ยอมหยุดหรือจะให้ตายกันไปข้างนึงถึงจะพอใจ เขาคิดในใจ

            “เรื่องนี้เดี๋ยวพี่จัดการเอง ไฟไม่ต้องกังวลพี่จะไม่ให้ใครมาทำอะไรไฟได้อีกแน่นอน” เขาให้คำมั่นสัญญากับอีกฝ่าย

            “พี่ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นถ้ามันยังเล่นไม่เลิกจนผมทนไม่ไหว ผมคงไม่ยอมเป็นฝ่ายโดนกระทำฝ่ายเดียวแน่” หากมันไม่ไหวจริงๆเขาก็จะไม่ยอมยัยแม่เลี้ยงใจร้ายนั่นอย่างแน่นอน

            “ไฟจะทำอะไร” เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาที่แสดงถึงความโกรธแค้นอย่างนั้น ก็ทำให้หินไม่สบายใจกลัวว่าจะเกิดเรื่องใหญ่โตขึ้นมาอีก

            “ผมไม่ทำอะไรทั้งนั้นล่ะครับ ครั้งนี้ผมจะไม่ตอบโต้แต่ถ้ามีครั้งหน้าผมจะไม่ยอมอยู่เฉยๆแน่ ถ้ายังไงฝากพี่หินกลับไปบอกเค้าด้วยนะครับ” น้ำเสียงดูห่างเหินทำให้หินรู้ว่าตอนนี้ร่างบางเริ่มมีสติขึ้นมาบ้างแล้ว

            “พี่จะกลับไปคุยกับคุณน้าเองไฟไม่ต้องห่วง”

            “พี่จะทำอะไรก็แล้วแต่ละกันครับ แต่ขออย่างเดียวอย่าให้คนบ้านโน้นมายุ่งกับผมอีกรวมถึงตัวพี่เอง ผมอยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขซะที” เขาบอก

            “เรื่องนี้พี่ให้สัญญาไม่ได้จนกว่าไฟจะยอมกลับบ้าน” เขายังยืนยันที่จะมาหาร่างบาง

            “แค่นี้ก็ทำให้ผมไม่ได้ไหนบอกว่ารักผมนักหนา พี่กลับไปเถอะผมอยากอยู่คนเดียว” เจ้าตัวแสดงสีหน้าไม่พอใจแล้วหันหลังให้ทันที

            “ไว้พี่จะมาใหม่ดูแลตัวเองดีๆนะ” เขายืนมองอีกคนจากด้านหลังด้วยแววตาที่เห็นอกเห็นใจ มาอยู่ที่นี่ตัวคนเดียวแถมยังโดนรังควานจากแม่เลี้ยงอีก เขาไม่ยอมให้คนที่ตัวเองรักต้องเผชิญชะตากรรมอย่างนี่แน่นอน

            “ขอบคุณนะครับที่ช่วยผมวันนี้”

            ก่อนจะเดินออกจากห้องไปเสียงที่คุ้นเคยก็เอ่ยออกมา แค่นี้ก็ทำให้หัวใจเขาพองโตได้ไม่น้อย เขาหันมายิ้มให้ทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่หันกลับมามอง



*-*-*-*-*-*



            บริษัทสิรกรโสภณ

            หินรีบบึ่งรถมาที่บริษัทโดยเร็ว วันนี้เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับไฟนั้น แท้จริงแล้วมันคือฝีมือของเพลินพิศอย่างที่เข้าใจหรือเปล่า เขาให้เลขาหน้าห้องเรียกตัวหญิงเข้ามาหาที่ห้องโดยด่วน

            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            “สวัสดีค่ะคุณหิน” เธอยกมือไหว้ทันทีที่เข้ามาในห้อง

            “เชิญนั่ง” เขาบอกกับหญิงสาว

หญิงรีบนั่งลงโดยเร็วในใจก็กลัวว่าจะมีเรื่องอะไรร้ายแรงหรือเปล่า เพราะท่านรองประธานไม่เคยเรียกหล่อนเข้ามาพบในห้องอย่างนี้แม้แต่ครั้งเดียว

            “คุณหินมีอะไรให้หนูรับใช้รึเปล่าคะ?”

            “ไม่มีแต่ฉันมีเรื่องจะถาม” เขามองหน้าหญิงสาวเหมือนกำลังใช้ความคิด “วันนี้เธอไปทำอะไรที่ตลาดในชุมชนสวัสดิ์ชัย ฉันเช็คประวัติเธอแล้วเธอไม่ได้พักอยู่ที่นั่น” กลับมาที่บริษัทเขาก็ขอประวัติหญิงสาวจากฝ่ายบุคคลทันที

            “คือ...หนูไปซื้อของที่ตลาดค่ะ” เธอทำท่าทางเลิ่กลั่กเมื่อได้ยินคำถามนั่น ทำไมหินถึงได้รู้ว่าเธอไปที่นั่นนะ

            “ฉันไม่เห็นว่าเธอจะมีอะไรติดมือกลับไปเลย บอกมาซะดีๆว่าไปทำอะไรที่นั่น ถ้าเธอเล่าความจริงทั้งหมดให้ฉันฟังฉันจะไม่เอาเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นครั้งก่อนที่เธอหาว่าฉันเป็นหนูตกถังข้าวสารที่ได้หมั้นกับไฟหรือแม้แต่ครั้งนี้ก็ตาม ฉันสัญญา”

            “หนูไม่ได้ว่าคุณหินอย่างนั้นเลยนะคะหนูสาบานได้ ใครเป็นคนบอกมันโกหกค่ะ” เธอยังยืนยันสิ่งที่พูด

            “ไฟสารภาพกับฉันว่าเป็นคนเทน้ำราดหัวเธอเอง เพราะทนไม่ได้ที่เธอพูดจาไม่ให้เกียรติฉัน” เขาพูดตามที่คนรักเคยบอกไว้

            “ไม่จริงค่ะหนูไม่ได้พูดคุณไฟโกหก” หล่อนยังปฏิเสธเสียงแข็ง

            “เธอคิดว่าฉันจะเชื่อเธอหรือเชื่อคู่หมั้นฉันกันล่ะ” เขาเลิกคิ้วสูงเหมือนไม่ได้เชื่อเจ้าหล่อนเลยแม้แต่น้อย

            “คือ...” ตอนนี้เหมือนกับว่าหล่อนโดนกดดันทุกทาง หากพูดความจริงออกไปก็จะกระทบถึงเพลินพิศ แต่หากไม่พูดความจริงหล่อนก็จะไม่รอดพ้นเนื้อมมือหินอย่างแน่นอน เธอก้มหน้ากรอกลูกตาไปมาด้วยความลังเลว่าจะเอายังไงดี

            “ถ้าเธอพูดความจริงทั้งหมดตั้งแต่ต้นฉันสัญญาว่าจะไม่ให้ใครทำอะไรเธอได้ ฉันรู้ว่ามีคนสั่งให้เธอทำใช่ไหม?” เขาพยายามทำให้หญิงสาวมั่นใจว่าเมื่อพูดความจริงออกมาแล้ว จะยังคงใช้ชีวิตได้อย่างปกติในบริษัทแห่งนี้ต่อไป

            “ถ้าหนูพูดความจริงทั้งหมดแล้วคุณหินจะไม่ไล่หนูออกจริงๆนะคะ”

            “ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้เธอเดือดร้อน เธอก็รู้คนอย่างฉันไม่เคยผิดสัญญากับใคร แต่ถ้าฉันรู้ว่าเธอโกหกแม้แต่คำเดียวอนาคตเธอดับแน่ เธอจะโดนไล่ออกแล้วก็ไม่สามารถไปสมัครงานที่ไหนได้อีกเพราะฉันนี่ล่ะจะล่อนจดหมายแจ้งทุกบริษัทถึงพฤติกรรมของเธอเอง” เขาใช้ไม้เด็ดบีบให้หญิงสารภาพความจริงทั้งหมดออกมา

            “หนูยอมพูดแล้วค่ะ” ได้ยินอย่างนั้นเธอก็ตัดสินใจได้ทันที จริงๆแล้วอำนาจในการบริหารงานของเพลินพิศไม่ได้มีเหมือนแต่ก่อนแล้วถึงเวลาที่เธอจะทำเพื่อตัวเองบ้างแล้ว

            “เล่ามาให้หมดและขอความจริงด้วย” เขาสั่งแล้วตั้งใจรอฟังอีกฝ่าย

            “คือเรื่องมันเริ่มต้นจากที่คุณไฟเข้ามาฝึกงานที่นี่ คุณเพลินพิศสั่งให้หนูทำยังไงก็ได้ให้คนในบริษัทเกลียดคุณไฟ ครั้งแรกในโรงอาหารหนูตั้งใจเดินชนคุณไฟเอง ครั้งที่สองก็ในห้องครัวหนูเป็นคนเทน้ำราดหัวตัวเองแต่ไม่ได้พูดเรื่องที่คุณหินตกถังข้าวสารจริงๆนะคะ ส่วนครั้งสุดท้ายคุณเพลินพิศสั่งให้หนูหาคนไปพังร้านคุณไฟวันนี้ค่ะ” เธอพูดจบแล้วก็ก้มหน้าลงยอมรับความผิดที่ได้ก่อเอาไว้

            “สาบานว่านี่คือเรื่องจริงทั้งหมด” เสียงเข้มถามย้ำเพื่อความมั่นใจ

            “ค่ะหนูสาบานว่าคือเรื่องจริงทั้งหมด”

            “ถ้างั้นออกไปได้แล้ว ฉันจะถือว่าเธอไม่มีความผิดใดๆทั้งนั้น แต่อย่าให้มีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นอีก หากคุณน้าเพลินพิศสั่งให้เธอทำอะไรอีก ให้มาบอกเดี๋ยวฉันจัดการเอง”

            “ขอบคุณค่ะคุณหินหนูจะไม่ทำผิดอีกแล้วค่ะ” เธอยกมือไหว้ปรกๆด้วยความดีใจแล้วรีบเดินออกไปจากห้อง

            หลังจากหญิงออกไปแล้วเขาก็นั่งคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา สรุปแล้วคนที่ร้ายกาจที่สุดเป็นเพลินพิศงั้นเหรอ ต่อหน้าที่เขาเคยเห็นมาตลอดเพลินพิศเป็นผู้หญิงที่ยิ้มแย้มและเอาใจเก่งตลอดเวลา ไม่นึกเลยว่าลับหลังจะทำเรื่องอย่างนี้กับลูกเลี้ยงได้ลงคอ



*-*-*-*-*-*



            บ้านศิริกรโสภณ

            หินไม่เป็นอันทำการทำงานนั่นเพราะอยากให้ถึงเวลาเลิกงานเร็วๆ เพื่อจะได้กลับมาคุยเรื่องนี้กับเพลินพิศให้เข้าใจ เมื่อมาถึงบ้านเขาก็เดินตรงดิ่งไปหาเพลินพิศทันที หล่อนกำลังนั่งทำความสะอาดเครื่องเพชรที่วางเกลื่อนอยู่บนโต๊ะอย่างสบายอุรา

            “ว่าไงจ๊ะหิน มีอะไรจะคุยกับน้าเหรอ” เหมือนเธอรู้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มจะต้องมาคุยเรื่องนี้อย่างแน่นอน วันนี้ล่ะจะเป็นวันที่เธอได้ออกโรงทำเพื่อลูกชายอย่างแท้จริง

            หินนั่งลงที่โซฟาตรงกันข้ามแล้วจ้องหน้าอย่างไม่วางตา

            “คุณน้าให้คนไฟพังร้านไฟทำไมครับ” เขาไม่อ้อมค้อมเริ่มพูดถึงประเด็นหลักทันที

            “ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับหิน” เธอพูดพร้อมกับแสยะยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะวางเครื่องเพชรลงในกล่องกำมะหยี่สีแดงแล้วเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่ม

            “ขึ้นอยู่กับผม?” เขาชี้มาที่ตัวเอง “ไม่จริงมันขึ้นอยู่กับคุณน้า ถ้าคุณน้าหยุดทุกอย่างก็จบ ในเมื่อไฟออกไปจากบ้านหลังนี้แล้ว ทำไมถึงได้ตามไปรังควานเค้าด้วยล่ะครับ” หินไม่สามารถระงับอารมณ์ได้เมื่อนึกเห็นภาพที่ไฟโดนรังแกเมื่อเช้านี้ รวมถึงเรื่องที่โดนกระทำที่บริษัทก่อนหน้านี้

            “แต่งงานกับน้ำซะทุกอย่างก็จะจบ” เธอเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นราวกับไม่ใช่เพลินพิศที่หินเคยรู้จัก

            “ไม่! ผมรักน้ำแหมือนน้องชายแท้ๆ ผมไม่มีทางแต่งงานกับน้ำอย่างแน่นอน” เขาปฏิเสธเสียงแข็ง

คนที่แอบฟังอยู่ถึงกับน้ำตาไหลลงมาทันที ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใดในใจของหินก็ยังลืมไฟไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ครั้งนี้เขาจะไม่ขัดขวางผู้เป็นแม่เพราะถ้าไม่ใช้วิธีนี้ก็ไม่มีทางได้ตัวหินมาครอบครอง เขาไม่ยอมเจ็บปวดคนเดียวแน่ เขาต้องเจ็บปวดเพราะหินไม่ได้รัก ส่วนหินเองก็ต้องทนทุกข์แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเช่นกัน  คิดแล้วเขาก็แค่นยิ้มออกมาพร้อมทั้งน้ำตา

            “น้าไม่สนขอให้น้ำสมหวังก็พอ ถ้าหินไม่ยอมน้าก็จะไม่เลิกรังควานไอ้เด็กคนนั้น คิดดูดีๆนะน้าทำได้มากกว่าที่หินคิดซะอีก”

            “ผมไม่นึกเลยว่าคุณน้าจะทำได้ถึงขนาดนี้” หินมองหญิงสาวที่คิดว่ารู้จักดีมาโดยตลอดด้วยสีหน้าเดือดดาล

            “หินไม่เคยมีลูกหินไม่เข้าใจหรอก” เธอบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย

            “แต่คุณน้ากำลังให้ลูกชายคุณน้าตกนรกทั้งเป็นนะครับ ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก” เขาพยายามเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายมีสติมากขึ้น

            “ผมไม่สนขอแค่ได้แต่งงานกับพี่หินก็พอ” คนที่แอบฟังอยู่นานแสดงตัวออกมาทันที

            “น้ำ!” หินอุทานออกมาไม่นึกว่าน้องชายจะเห็นดีเห็นงามด้วย

            “พี่หินไม่ต้องรักผมก็ได้ แต่ขอให้เราได้แต่งงานกันแค่นั้นผมก็ดีใจแล้ว” เขายิ้มให้พร้อมทั้งน้ำตา

            เพลินพิศกอดลูกชายเอาไว้ ตอนแรกเธอก็กลัวว่าลูกชายจะไม่เห็นด้วยหากรู้ความจริงว่าเธอทำเรื่องอย่างนี้เพื่อบังคับใจหิน แต่ตอนนี้รู้สึกโล่งอกมากเหลือเกินที่ทุกอย่างราบรื่นไม่มีปัญหาใดๆ

            “ถ้าผมตอบตกลงแล้วจะทำให้คนที่ผมรักปลอดภัยและมีความสุขผมก็จะทำ” หินยืดอกรับข้อเสนออย่างไม่ลังเล

            “คงจะรักกันมากสินะ” น้ำเอ่ยด้วยความคับแค้นใจพร้อมกับแสยะยิ้มออกมา

            “ใช่พี่จะรักไฟคนเดียวเท่านั้นถึงแม้จะแต่งงานกับคนอื่นสักสิบครั้งพี่ก็จะไม่เปลี่ยนใจ” เขาจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าน้องชาย “ขอตัวก่อนนะครับแล้วก็อย่าลืมรักษาสัญญาด้วย ได้ฤกษ์วันไหนบอกผมด้วยละกัน” พูดแล้วก็หันหลังเดินออกไป

            “เตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวที่ดีด้วยล่ะ” น้ำตะโกนตามหลังไป

หินชะงักนิดหน่อยแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนโดยไม่หันกลับมามองแม้แต่นิดเดียว

            “ฮือๆๆ ผมควรจะดีใจใช่ไหมครับคุณแม่” น้ำได้แต่ร้องไห้ร้องห่มกอดผู้เป็นแม่อย่างบ้าคลั่ง

            “ไม่ต้องสนอะไรทั้งนั้นลูก เราได้ตัวเค้ามาแล้วอยู่ๆกันไปก็รักกันเองล่ะ” เพลินพิศปลอบใจลูกชาย

            แกจะไม่เหลือคนที่แกรักแม้แต่คนเดียว...ไอ้ไฟ



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.13--ข้อแลกเปลี่ยน--(Up.03-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-04-2018 18:06:12
จ้างคนไปตบสั่งสอนสองแม่ลูกได้ไหมอ่ะ :hao4:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.13--ข้อแลกเปลี่ยน--(Up.03-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 03-04-2018 19:41:36
ถ้าเอาเรื่องไปบอกพ่อ เรื่องมันจะดีกว่านี้ไหมนะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.13--ข้อแลกเปลี่ยน--(Up.03-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 03-04-2018 20:58:31
 :hao7: :hao7: :hao7: เฮ้อออออ
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.13--ข้อแลกเปลี่ยน--(Up.03-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-04-2018 08:15:47
ติดตามๆ
หัวข้อ: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.14--จูบลา--(Up.04-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 04-04-2018 17:28:53
CHAPTER

-14-

จูบลา


            “คุณพ่อครับ...ผมตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงานกับน้ำครับ” เมื่อเดินเข้ามาในห้องทำงานของผู้เป็นพ่อแล้ว หินก็ตัดสินใจบอกเรื่องที่ได้ตอบตกลงเพลินพิศไปแล้ว

            “ว่าไงนะ! ลูกไม่ได้รักน้ำไม่ใช่เหรอ” จรัญแทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกชายบอก มันผิดคาดจากที่เคยคิดเอาไว้ อะไรดลใจให้ลูกชายตัดสินใจอย่างนี้เขาอยากรู้จริงๆ

            “ผมมาคิดดูอีกรอบไฟเองก็มีแฟนใหม่ไปแล้ว ผมอยากให้น้องมีความสุขกับคนที่เขารัก ส่วนน้ำก็รักผมมานานแล้วผมว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุดแล้วครับ” เขาไม่อยากให้ผู้เป็นพ่อรู้สึกกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก และถ้ายิ่งรู้ว่าเพลินพิศร้ายกาจแค่ไหนยิ่งจะทำให้เครียดขึ้นไปอีก

            “หินคิดดีแล้วใช่ไหมลูก” เขาถามย้ำเพื่อให้ลูกชายพิจารณาใหม่อีกครั้ง

            “ผมคิดดีแล้วครับและได้ตอบตกลงคุณน้าเพลินพิศไปแล้ว” เขาตอบกลับ

            “ถ้าหินตัดสินใจไปแล้วพ่อก็ไม่ค้านอะไร แล้วอย่างนี้หินจะมีเวลาว่างไปหาไฟไหมล่ะ” เขายังคงเป็นห่วงลูกชายอีกคน

            “ไม่ต้องห่วงครับคุณพ่อผมจะยังไปดูแลน้องเหมือนเดิม”

            “อย่าลืมทำความเข้าใจกับน้ำด้วยล่ะลูกเดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่ พ่อไม่อยากให้มีเรื่องขัดใจระหว่างพี่น้องด้วยกัน”

            “ครับคุณพ่อ” ระหว่างพูดคุยเขาสังเกตเห็นหน้าผู้เป็นพ่อดูซีดเซียว เลยเอ่ยถามออกไปด้วยความเป็นห่วง “คุณพ่อไม่สบายรึเปล่าครับดูหน้าซีดๆ”

            “พ่อไม่เป็นอะไรช่วงนี้สงสัยจะนอนดึกไปหน่อย” ช่วงนี้เขารู้สึกแปลกๆกับตัวเอง เวียนศีรษะบ่อยแล้วก็รู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกายทั้งๆที่แต่ก่อนไม่เคยเป็น ทำให้คิดว่าเป็นเพราะการอดหลับอดนอน  ซึ่งช่วงนี้เขายอมรับว่านอนไม่ค่อยหลับเพราะคิดถึงแต่เรื่องลูกชายคนโต

            “คุณพ่ออย่าเครียดนะครับแล้วก็อย่านอนดึกด้วยผมเป็นห่วง”

            “ขอบใจมากลูกเดี๋ยวพ่อเข้านอนก่อนละกันไว้ค่อยคุยกันใหม่”

            “ครับคุณพ่อ”

            จรัญลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวโปรดเพื่อจะเดินไปที่ห้องนอนซึ่งอยู่อีกฝั่ง แต่ก็ต้องล้มคะมำลงที่พื้นนั่นเพราะรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมากะทันหันจนไม่สามารถทรงตัวได้

            “คุณพ่อ!” หินรีบวิ่งเข้ามาพยุงตัวผู้เป็นพ่อเอาไว้ “คุณพ่อไหวไหมครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล

            “พ่อไหวแค่ปวดหัวนิดหน่อยเอง นอนพักก็คงหายหินช่วยไปหยิบยาพารามาให้พ่อหน่อย” เขาบอกกับลูกชาย ขณะเจ้าตัวรู้สึกปวดที่ศีรษะมากเหลือเกินแต่พยายามเก็บอาการเอาไว้

หินพยุงผู้เป็นพ่อมาที่เตียงนอน

            “คุณพ่อรอสักครู่นะครับเดี๋ยวผมไปเอายามาให้”

            หินรีบวิ่งไปที่ตู้ยาประจำบ้านแล้วหยิบกระปุกยาพาราเซตามอลออกมา หลังจากนั้นเดินไปที่ครัวเทน้ำดื่มใส่แก้วยกใส่ถาดมาพร้อม

            “คุณพ่อทานยาก่อนนะครับ” เขาหยิบยาพารามาสองเม็ดก่อนจะป้อนให้ผู้เป็นพ่อแล้วยกแก้วน้ำมาให้ดื่ม

            “พ่อไม่เป็นไรแล้วหินไปนอนเถอะ” เขาบอกกับลูกชายพร้อมกับยิ้มเหนื่อยๆให้

            “เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะพาคุณพ่อไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลนะครับ” เขารู้สึกไม่วางใจจนกว่าจะได้พาผู้เป็นพ่อไปตรวจที่โรงพยาบาล

            “ไม่เป็นไรหรอกพรุ่งนี้ก็หายแล้วพ่อเคยเป็นไม่มีอะไรหรอก”

            “แต่...”

            “รีบไปนอนเถอะลูก”

            “ครับคุณพ่อ”

            หินเดินออกมาทั้งที่สีหน้ายังไม่ค่อยสู้ดีนัก ในใจก็คิดว่าคงเป็นเพราะเครียดเรื่องไฟรึเปล่านะ เขาคาดเดาจากสถานการณ์เพราะช่วงก่อนที่ไฟจะออกไปจากบ้าน ผู้เป็นพ่อยังปกติดีไม่มีอาการเจ็บป่วยใดๆ เขาต้องหาทางพาไฟกลับมาเยี่ยมพ่อให้ได้สักครั้งอย่างแน่นอน



*-*-*-*-*-*-*



            หลายวันต่อมา

            ชุมชนสวัสดิ์ชัย

            หลังจากเพื่อนๆรู้ข่าวว่ามีคนมาพังร้านก็ถูกห้ามให้ขายของอยู่ช่วงหนึ่ง เพราะกลัวพวกมันจะกลับมาทำร้ายอีกครั้ง วีและปลาจึงแนะนำให้เพื่อนย้ายไปอยู่ที่อื่นเพื่อไม่ให้ใครมารังควานได้อีก แต่เจ้าตัวก็ยังลังเลนั่นเพราะลึกๆในใจกลัวว่าจะไม่ได้เจอหน้าร่างสูงอีก

            “กูว่ามึงย้ายไปอยู่ที่อื่นเถอะ ขืนอยู่ต่อไปมีหวังโดนรังควานไม่เลิกแน่” ปลาแนะนำเพื่อน

            “กูไม่อยากไปอยู่ที่อื่นว่ะ กูโตมาจากที่นี่ทำไมกูต้องหนีด้วยวะ” เขาตัดสินใจแล้วว่ายังไงก็ไม่ไปไหน อย่างที่เคยบอกหากมีครั้งที่สองเขาเองก็คงไม่ยอมแน่

            “แต่พวกกูเป็นห่วงมึงนะเว้ยไฟ” วีผู้เคยร่าเริงแต่ตอนนี้กลับทำหน้าจริงจังขึ้นมา

            “ไม่เป็นไรหรอกคนที่นี่พลุกพล่านมันคงไม่กล้ามาฆ่ากูหรอก” เขาบอกกับเพื่อน

            “แต่พวกกูก็เป็นห่วงมึงเหมือนเดิมนั่นล่ะ” วีเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

            “ไม่ต้องห่วงหรอกน่ากูยังไม่เครียดเลยแล้วพวกมึงจะเครียดกันทำห่าอะไรวะ อีกอย่างช่วงนี้พี่โดมเค้าก็มาหากูบ่อยๆไม่ต้องห่วงหรอกน่า” เขาเอ่ยเพื่อให้เพื่อนสบายใจ

            “โอเคๆ อีกไม่นานก็จะเปิดเทอมแล้วช่วงนี้ก็ระวังตัวด้วยละกัน” ปลาบอก

            “กูขอบใจนะเว้ยที่พวกมึงไม่เคยทิ้งกูเลย” เขายิ้มอย่างจริงใจให้กับเพื่อนทั้งสอง ก่อนที่ทั้งหมดจะล้อมวงกอดคอกัน

            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

            เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ทั้งสามคนหันขวับไปมองที่ประตูทันที เป็นน้ำนั่นเองที่ยืนยิ้มแฉ่งมาพร้อมกับอาร์มเพื่อนรัก

            “ขอโทษนะครับที่มาขัดจังหวะ น้ำขอเข้าไปข้างในได้ไหมครับ” รอยยิ้มหวานนั่นเคลือบไปด้วยยาพิษ ทำไมไฟจะไม่รู้

            “เข้ามาสิน้ำ” เขาตอบกลับน้องชาย

            แขกผู้มาเยือนทั้งสองคนมองห้องเช่าเก่าๆอย่างรังเกียจเดียดฉันท์ ทำให้วีและปลาต่างก็ปรายตามองอย่างขัดใจ

            “พี่ไฟคงจะลำบากมากเลยสินะครับ ห้องเก่าๆอย่างนี้ไม่รู้ว่าพี่ไฟอยู่ไปได้ยังไง” เอ่ยกับพี่อย่างเป็นห่วงเป็นใย แต่คนอย่างไฟทำไมจะไม่รู้ว่ามันปลอม!

             ไฟรู้สึกแปลกใจกับท่าทีของน้องชายที่ถอดแบบมาไม่ต่างจากผู้เป็นแม่ ทั้งๆที่แต่ก่อนไม่ใช่อย่างนี้ น้ำเป็นเด็กเรียบร้อยไม่กล้าต่อปากต่อคำกับเขาแม้แต่น้อย แต่มักจะเป็นเขาเองที่ชอบพูดจาแดกดันน้องชายอยู่บ่อยครั้ง

            “พี่อยู่ได้ไม่ต้องห่วง อยู่ที่นี่มีความสุขกว่าอยู่ที่บ้านนั้นเยอะเลย น้ำเองคงไม่รู้หรอกว่าความสุขที่แท้จริงมันเป็นยังไง” เขาตอบกลับน้องชายเชิงประชัดประชัน

            “ถ้าพี่ไฟมีความสุขดีน้ำก็หายห่วง” ผู้มาใหม่มองหน้าพี่ชายแล้วยิ้มให้

            เพื่อนทั้งสองคนของไฟมองน้ำอย่างไม่เป็นมิตร เพราะคำพูดคำจาของอีกฝ่ายมันดูไม่จริงใจ รวมถึงอีเพื่อนตัวดีที่มาด้วยนั้นก็มีจริตน่าหมั่นไส้เสียจริง หากไม่มีเพื่อนอยู่ด้วยคงจะจัดหนักจัดเต็มให้ทั้งสองคนไปแล้ว

            “มาที่นี่ต้องการอะไรพูดมาตรงๆแล้วรีบไปซะ” เจ้าตัวเริ่มเอือมระอากับความไม่จริงใจของผู้เป็นน้องชาย ถือซะว่าชดใช้สิ่งที่เขาเคยทำไว้ก็แล้วกัน หลังจากนี้ก็ไม่ต้องมาเจอกันอีก

            “ดีเหมือนกันครับผมก็ไม่อยากอยู่ที่นี่นานๆ เพราะกลัวจะติดเชื้อโรคเอา” ได้ยินอย่างนั้นก็ทำให้วีและปลาหันขวับไปมองน้องชายเพื่อนทันที

            “นี่จะมากไปแล้วนะ พูดให้มันดีๆหน่อย” วีอดไมได้จึงพลั้งปากออกไป

            “เธอนั่นล่ะหุบปากพี่น้องเค้าจะคุยกัน” อาร์มสวนกลับแทนเพื่อน

            “เอ๊ะอีนี่ปากดี!” วีกำลังจะลุกขึ้นไปตบอีกฝ่ายแต่โดนปลาและไฟห้ามเอาไว้ก่อน

            “พอได้แล้ววีให้น้องกูพูดต่อให้จบจะได้รีบๆไป” วียอมนั่งลงนิ่งๆแต่โดยดีแต่สายตากลับมองขวางไปยังทั้งสองคน

            “น้ำจะมาเรียนเชิญพี่ไฟไปงานแต่งครับ” ว่าแล้วก็ยื่นการ์ดสีชมพูให้กับพี่ชาย

            ไฟรับมาแล้วเปิดดูทันทีเมื่อเห็นชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวหัวใจก็ตกฮวบลงมาทันที ‘รัชตะ * นที’  ไหนพร่ำบอกว่ารักเขาตลอดเวลาที่เจอกัน แต่ทำไมถึงได้แต่งงานกับน้องชายเขาล่ะ ไอ้คนโกหกหลอกลวง แล้วจะมาทำดีทำไม สารพัดคำถามที่เกิดขึ้นในใจ

            “ยินดีด้วยนะแต่พี่คงไม่สามารถไปร่วมงานได้ ขออวยพรให้รักกันนานๆละกัน” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยกับน้องชาย ก่อนจะเมินหน้าอีกคนอย่างลืมตัว

            “ขอบคุณนะครับสำหรับคำอวยพร แต่น้ำอยากให้พี่ไฟไปร่วมงานด้วยจัง มีพี่ชายแค่คนเดียวก็อยากให้ไปร่วมเป็นสักขีพยานด้วย แต่ถ้าพี่ไฟไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรครับ เอาเป็นว่าต่อไปนี้พี่หินเป็นของผมอย่างเป็นทางการแล้วนะครับ กรุณาอย่ามายุ่งกับคนของผมอีก!” พูดจบน้ำก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที

            “ทำไมน้องชายมึงมันน่าตบอย่างนี้วะ กูล่ะคันไม้คันมือ” วีพูดพลางมองตามหลังไป

            “ช่างมันเถอะ” เขานั่งเหม่อลอยอย่างหมดแรง ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกอย่างนี้เขารักโดมไม่ใช่เหรอ? เขาไม่ได้รักผู้ชายคนนั้น แต่ทำไมมันถึงได้เจ็บปวดอย่างนี้นะ

            “มึงเป็นอะไรมากป่ะเนี่ย ดูหมดอาลัยตายอยากอย่างกับคนอกหัก” วีถาม

            “กูไม่เป็นไร” เมื่อได้ยินเพื่อนถามมาก็ยิ้มน้อยๆให้

            “ดูสภาพคนไม่เป็นไรสิยังกะศพ สรุปมึงชอบใครกันแน่ระหว่างพี่โดมกับพี่หิน” ปลาถามตรงๆ แต่ในใจก็พอจะรู้คำตอบแล้วล่ะเพราะทุกอย่างมันชัดเจนขนาดนี้แล้ว

            “กู....รักพี่โดมสิวะ” เขาตอบส่งๆออก

            “ขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ใจตัวเองอีก มึงรักพี่หิน มึงไม่ได้รักพี่โดม” วีพูดกรอกหูเพื่อนในระยะประชิด เพื่อให้อีกฝ่ายคิดได้และมีสติขึ้นมาเสียที

            “ไม่จริง กูรักพี่โดม” เจ้าตัวยังยืนยันคำพูดก่อนหน้านี้

            “เออๆ ก็แล้วแต่มึงละกัน ถ้ามึงรักพี่โดมก็หยุดทำหน้าเศร้าได้แล้ว ไม่ได้รักพี่หินไม่ใช่เหรอควรจะดีใจกับน้องชายสิ” วีเอ่ยประชดประชันเพื่อน เขาอยากให้เพื่อนตาสว่างและหันมามองหัวใจตัวเอง ไม่ใช่อยากจะให้ไปล้มงานแต่งของน้องชาย แต่หากทั้งสองยังคงรักกันแล้วทำไมต้องปล่อยให้เรื่องมันเป็นอย่างนี้

            “กูไม่ได้รู้สึกอะไรเลยสักหน่อย” เขาถอนหายใจยาวแล้วเปลี่ยนท่าทีให้มีชีวิตชีวาขึ้น

            “แล้วแต่มึงละกันคิดให้ดีก่อนที่อะไรมันจะสายไป”

            “เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว พวกบ้านนั้นจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับกูอีก” หากหินได้แต่งงานกับน้ำทุกอย่างก็คงสมใจแม่เลี้ยงของเขา คงไม่มีใครมาวุ่นวายให้ปวดหัวอีกแน่นอน เขาคิดอย่างนั้น

            ขณะทั้งสามคนกำลังพูดคุยกันอยู่ในห้อง คนที่แอบฟังอยู่ข้างนอกก็รู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย ทุกประโยคที่ดังแว่วเข้าหูทำให้รู้ว่า คนที่อยู่ในใจไฟมาตลอดเป็นหินไม่ใช่เขาที่มาทีหลัง แต่ถึงยังไงเขาก็ไม่ทีทางยอมแพ้สักวันจะทำให้ไฟรักให้ได้ มาถึงขนาดนี้แล้วจะไม่ยอมให้ทุกอย่างมันพังลงง่ายๆอย่างแน่นอน

            “คุยอะไรกันอยู่ครับ” เมื่อทำใจได้แล้วโดมก็เข้าไปทักทายทั้งสามคนทันที เขาซื้อขนมเบื้องเจ้าประจำติดมือมาด้วย

            “พี่โดมสวัสดีครับ” ทั้วสามคนยกมือไหว้ทันทีที่เห็นรุ่นพี่

            “สวัสดีครับ พี่ซื้อขนมเบื้องมาฝากด้วยร้านนี้อร่อยเหาะเลย” เขายื่นถุงขนมให้ วีรีบยื่นมือไปรับก่อนใคร

            “ขอบคุณครับ”

            โดมมองหน้าเจ้าของห้องทันทีหลังจากเพื่อนทั้งสองกำลังสนใจเจ้าขนมเบื้องอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย ไฟเดาสายตาคมคู่นั้นไม่ออกเลยว่ากำลังรู้สึกหรือคิดอะไรอยู่

            “วันนี้พี่โดมไม่มีเรียนเหรอครับ” เขาถามชายหนุ่ม

            “วันนี้พี่มีเรียนวิชาเดียวก็เลยแวะมาหา แล้วไฟล่ะเป็นไงบ้างมีใครมาทำอะไรอีกรึเปล่า?”

ผู้ชายคนนี้ยังเป็นห่วงเป็นใยเขาอยู่เสมอ

            “ไม่มีครับทุกอย่างโอเค” เขายิ้มให้

            “ดีแล้วพี่จะได้หายห่วง กินขนมสิอร่อยนะ”

            “ครับ”

            หลังจากคุยกับรุ่นพี่แล้วไฟก็หันไปแย่งขนมจากเพื่อนๆมาทานอย่างเอร็ดอร่อย เพื่อเอาใจชายหนุ่มที่อุตส่าห์ซื้อมาฝาก... 



*-*-*-*-*-*-*



            วันรุ่งขึ้น

            หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ร่างบางกำลังจะออกจากห้องเพื่อไปซื้ออาหารเช้า ก้าวขาพ้นประตูห้องได้เพียงก้าวเดียวก็เห็นใบหน้าคมที่คุ้นเคยอยู่ตรงหน้า เห็นอย่างนั้นเจ้าตัวก็รีบปิดประตูห้องโดยเร็ว แต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะมือหนาได้จับประตูเอาไว้เสียก่อน

            “มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย!” เจ้าของห้องตวาดใส่เสียงดัง ดูก็รู้ว่ามีกำลังมีเรื่องไม่พอใจอยู่

            “ไม่! จนกว่าพี่จะได้คุยกับไฟ” หินรู้สึกงงงวยว่าเขาไปทำอะไรให้อีกคนโกรธนักหนาถึงได้ขับไสไล่ส่งขนาดนี้

            “ไม่มีเรื่องจะต้องคุยกันแล้วกลับไปซะ” ร่างบางพยายามดันตัวชายหนุ่มออกไปแต่สู้แรงอีกคนไม่ไหว หินเบียดตัวเข้ามาแล้วรวบตัวกอดร่างบางจากด้านหลัง

            “พี่ทำอะไรให้ไฟโกรธงั้นเหรอบอกพี่มาสิ” เสียงเข้มเอ่ยข้างๆใบหูอย่างอ่อนโยน

            “พี่หินไม่ควรทำอย่างนี้ผมไม่อยากให้ใครมาตราหน้าว่าแย่งว่าที่สามีน้องชายตัวเอง”

            “ใครเป็นคนบอกไฟ” ร่างสูงทำหน้าเหวอเมื่อรู้ว่าคนในอ้อมกอดรู้เรื่องที่เขาจะแต่งงานกับน้ำแล้ว

            “ก็จะใครล่ะว่าที่เมียพี่ไงล่ะ ยินดีด้วยนะครับในที่สุดพี่ก็ได้แต่งงานสมใจอยากซะที”

            “นี่น้ำมาที่นี่งั้นเหรอ” คลายอ้อมกอดแล้วหมุนตัวร่างบางให้มาเผชิญหน้า

            “ใช่! ตกใจอะไรครับ น้องชายแต่งงานทั้งทีจะมาแจกการ์ดให้พี่ชายไม่เห็นแปลก” ร่างบางยิ้มเยาะแล้วโบ้ยหน้าไปที่การ์ดแต่งงานที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ

            หินมองไปที่การ์ดใบนั้นด้วยความงงงวย เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าน้ำสั่งพิมพ์การ์ดเชิญพวกนี้แล้ว

            “พี่ขอโทษที่บอกช้าไป วันนี้พี่ตั้งใจจะมาบอกเรื่องงานแต่งกับไฟด้วยตัวเอง” เสียงเข้มฝืนเอ่ยออกไปทั้งที่ใจมันสั่นไหวมากเหลือเกิน แทนที่เจ้าสาวจะเป็นคนที่อยู่ตรงหน้าแต่กลับกลายเป็นคนที่เขาไม่ได้รักซะงั้น

            “ตอนนี้ผมรู้แล้วก็กลับไปซะผมไม่อยากเห็นหน้าพี่อีกแล้ว” น้ำตาเริ่มคลอเบ้าหลังจากเอ่ยปากไล่อีกคน  ทำไมเขาจะต้องร้องไห้ล่ะมันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ที่หินจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายในชีวิตอีก

            “ที่พี่ทำทั้งหมดก็เพื่อไฟ” ถึงแม้ไม่อาจครองคู่กันได้แต่เขาก็อยากให้อีกคนเข้าใจในสิ่งที่ทำลงไป อย่างน้อยมันก็ดีกว่าให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดไปตลอดฃีวิต

            “มันจะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไง ในเมื่อพี่แต่งงานกับน้ำมันไม่เห็นจะเกี่ยวกับผมเลยแม้แต่น้อย” ยิ่งพูดออกไปยิ่งทำให้น้ำตามันไหลออกมาไม่ยอมหยุด ร่างบางพยายามเงยหน้าเพื่อกลั้นน้ำตาเอาไว้

            “พี่ตอบตกลงแต่งงานกับน้ำก็เพราะ...ต้องการให้คุณน้าเลิกมายุ่งวุ่นวายกับไฟ ที่บอกไม่ต้องการให้ไฟเห็นใจพี่ แต่ต้องการให้รู้ว่าพี่รักไฟมากแค่ไหน พี่ทำเพื่อคนที่พี่รักได้ทุกอย่าง” ไม่รู้ว่าผลตอบรับจะเป็นอย่างไรแต่เขาก็ตั้งใจที่จะให้อีกฝ่ายรับรู้ความจริง

            “พี่คิดเหรอว่าทำอย่างนี้แล้วยัยแม่เลี้ยงนั่นจะเลิกยุ่งวุ่นวายกับผม”

            “พี่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”

            “ดีแล้วล่ะ...อย่างน้อยน้ำก็รักพี่หินมาก อยู่ด้วยกันไปอีกหน่อยพี่คงจะรักน้ำได้”

            “ไม่มีทาง! พี่ไม่มีทางเปลี่ยนใจไปรักน้ำได้หรอกเพราะคนที่อยู่ในใจพี่มีแค่ไฟคนเดียวเท่านั้น” น้ำเสียงหนักแน่นเอ่ยขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยประโยคถัดไปด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “ถึงแม้ว่าไฟจะไม่เคยรักพี่ก็ตาม” มือหนาที่โอบไหล่ร่างบางไว้ปล่อยลงมาอยู่ข้างลำตัว สายตาคมที่เคยมองใบหน้าสวยนั้นพลันหลบลงมาไม่ให้อีกฝ่ายได้เห็นถึงความเจ็บปวด

            “ถึงผมจะรักพี่มันก็สายไปแล้ว ขอให้พี่หินมีความสุขกับชีวิตคู่ก็แล้วกันครับ ผมจะจำไว้เสมอว่าพี่เคยรักผมมากแค่ไหน” อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ไม่ควรหลอกตัวเองว่ารักคนที่อยู่ตรงหน้านี้มากแค่ไหน ถึงแม้มันจะสายไปแล้วแต่มันเป็นทางออกที่ดีสำหรับทุกคน

            “พี่ขอจูบไฟป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม จากนี้ไปเราจะเป็นแค่พี่น้องกันเหมือนเดิม” สายตาคมจ้องมองอย่างเจ็บปวด หวังว่าอีกฝ่ายคงไม่ใจร้ายปฏิเสธเขาหรอกนะ

            “......”

            เจ้าตัวไม่ตอบแต่กลับจ้องใบหน้าคมอย่างอ่อนโยน ราวกับเป็นการอนุญาตให้อีกฝ่ายทำตามใจ

            ใบหน้าทั้งสองค่อยๆโน้มเข้าหากันอย่างช้าๆจนริมฝีปากสัมผัสกัน ร่างบางหลับตาลงแล้วโอบมือเรียวที่ต้นคอของชายหนุ่ม ส่วนร่างสูงก็ไม่ยอมน้อยหน้าคว้าหมับเข้าที่เอวบางแล้วรวบตัวหมาประชิด หากนี่จะเป็นจูบครั้งสุดท้ายแล้วทั้งสองก็ขอให้เป็นจูบที่เนิ่นนานเท่าที่จะนานได้ก็แล้วกัน  โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีชายหนุ่มอีกคนที่กำลังยืนหันหลังพิงผนังห้องเช่าร้องไห้อยู่หน้าห้องด้วยความเสียใจ...


*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.14--จูบลา--(Up.04-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-04-2018 00:11:27
มันก็จะอีรุงตุงนังหน่อยเนอะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.14--จูบลา--(Up.04-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-04-2018 00:16:00
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.14--จูบลา--(Up.04-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-04-2018 00:20:54
มีความสงสัยว่าชะนีวางยาพ่อไฟเพื่อให้ได้มรดก  และมีความหมั่นไส้ลูกชะนี (วอก) เป็นอย่างมาก  :3125:
หัวข้อ: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.15--ปรับความเข้าใจ--(Up.05-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 05-04-2018 21:47:39
CHAPTER

-15-

ปรับความเข้าใจ


             โดมรอให้หินกลับไปก่อนจะเข้าไปหาไฟที่ห้อง เขาพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดไม่ให้อีกฝ่ายสงสัย  หากไม่มาเห็นอย่างนี้ก็คงไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วไฟรักหินมากแค่ไหน ความคิดที่เคยจะเอาชนะใจอีกฝ่ายนั้นมันเริ่มเลือนลาง ทว่าตอนนี้มีเพียงความคิดที่อยากทำให้อีกฝ่ายมีความสุขเท่านั้นเอง

            ก๊อก!  ก๊อก!  ก๊อก!

            “อ้าวพี่โดมสวัสดีครับ” เจ้าของห้องยกมือไหว้ทันทีที่เห็นชายหนุ่ม

            เจ้าตัวกำลังนั่งทานข้าวเช้าอยู่บนพื้นจึงเขยิบก้นให้ที่นั่งอีกฝ่าย โดมเองก็นั่งลงอย่างรู้กันแล้วจ้องมองคนรักอย่างไม่วางตา

            “พี่โดมทานข้าวมารึยังครับ”

            “เรียบร้อยแล้วทานไปเลยพี่ไม่กวนละ” เขานั่งมองเจ้าของห้องทานข้าวอย่างเอ็นดู จนลืมไปว่าอาจจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัด

            “พี่โดมทำไมต้องจ้องขนาดนั้นด้วยล่ะครับ ไหนบอกว่าทานมาแล้วทำไมดูเหมือนหิว” เมื่อเห็นว่ารุ่นพี่เอาแต่จ้องมองมาทำให้เจ้าตัวกลับไม่กล้าทานข้าวต่อ

            “เปล่าไม่มองก็ได้ครับ” เขายิ้มแล้วมองไปรอบๆห้องแทน ก่อนจะสะดุดตากับการ์ดสีชมพูที่วางอยู่บนโต๊ะ เลยลุกขึ้นไปหยิบมาอ่านดู

ใช่จริงๆด้วยนี่คือการ์ดงานแต่งของผู้ชายคนนั้น...

             หลังจากกวาดสายตาอ่านเรียบร้อยแล้วก็แอบถ่ายรูปเอาไว้ เขาไม่อยากจะถามอะไรอีกเพราะแค่นี้ไฟก็เสียใจมากพอแล้ว

            “วันนี้เราไปดูหนังกันไหมพี่เลี้ยงเอง” วันนี้เขาตั้งใจจะพาร่างบางไปคลายเครียดสักหน่อย

            “ดีเลยครับไม่ได้ไปดูซะนานเชียว”

            “ไฟทานข้าวอิ่มแล้วแล้วเราออกไปกันเลยเนาะ”

            “ครับ”

            หลังจากนั้นเจ้าตัวก็รีบทานข้าวจนอิ่มแล้วเก็บจานชามจนเรียบร้อย ก่อนจะนั่งซ้อนท้ายโดมออกไปที่โรงภาพยนตร์



*-*-*-*-*-*



            บ้านสิริกรโสภณ

            ช่วงที่ผ่านมาอาการป่วยของจรัญเริ่มทรุดหนักขึ้นเรื่อยๆ จนหินต้องพาไปโรงพยาบาลอยู่หลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าอาการจะดีขึ้น หมอเองไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นอาการของโรคอะไรกันแน่ จึง จึงแนะนำให้นอนพักที่โรงพยาบาลเพื่อรอดูอาการแต่เจ้าตัวกลับไม่ยอม ยืนกรานต์ที่จะกลับมาอยู่บ้านหัวชนฝา หินจึงจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแลที่บ้านแทน และวันนี้จรัญได้นัดกับ ‘กิตติ’ ทนายความประจำตระกูลให้มาหาที่บ้าน เพื่อเขียนพินัยกรรมเอาไว้ก่อนที่เขาจะเป็นอะไรไปเสียก่อน

            “สวัสดีครับท่าน” กิตติยกมือไหว้

            “มาแล้วเหรอคุณกิตติเชิญนั่งก่อน” จรัญพยายามจะเอนหลังที่หัวเตียงโดยมีพยาบาลสาวเป็นคนช่วยพยุงตัว “เดี๋ยวเธอออกไปรอข้างนอกก่อนนะ ฉันขอคุยกับคุณกิตติเพียงลำพัง” เขาบอกกับพยาบาลสาว

            “ค่ะ” หลังจากนั้นเจ้าหล่อนก็เดินออกไป

            เมื่อพยาบาลสาวเดินออกไปนอกห้องก็พบกับเพลินพิศที่เหมือนตั้งใจยืนรออยู่หน้าห้องก่อนแล้ว

            “คุณจรัญอยู่ข้างในกับใคร” เธอเอ่ยถามอย่างสงสัย

            “คุณจรัญอยู่กับคนที่ชื่อกิตติค่ะ ท่านให้ดิฉันออกมาเพราะอยากคุยกันตามลำพัง” เธอบอกตามความจริง

            “ถ้างั้นเธอก็ไปพักผ่อนตามสบายเถอะเดี๋ยวยังไงฉันจะเรียกอีกที” เธอบอกกับพยาบาลสาว

            “ค่ะ”

            เพลินพิศพยายามแง้มประตูเพื่อแอบฟังสิ่งที่ทั้งสองพูดคุยกัน

            ภายในห้อง

            “คุณท่านมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”

            “วันนี้ฉันตั้งใจจะเขียนพินัยกรรมเลยให้คุณกิตติมาช่วยเป็นสักขีพยาน”

            “ท่านตรองดีแล้วเหรอครับ”

            “ใช่ฉันคิดดีแล้ว ขอกระดาษและปากกาให้ฉันด้วย” กิตติรีบหยิบออกมาจากกระเป๋าเอกสารยื่นให้จรัญทันที

            จรัญเริ่มเขียนสิ่งที่เขาคิดในหัวเอาไว้ลงในกระดาษอย่างตั้งใจ โดยมีกิตติคอยดูอยู่ไม่ห่าง นั่งเขียนอยู่นานจนถึงบรรทัดสุดท้ายแล้วลงชื่อกำกับเอาไว้เสร็จสรรพ ก่อนจะยื่นให้กิตติอ่านทบทวนให้ฟังอีกรอบ

            “ข้าพเจ้านายจรัญ สิริกรโสภณ อายุ 65 ปี ได้ทำพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นไว้เพื่อแสดงเจตนาว่า เมื่อข้าพเจ้าถึงแก่กรรม ให้ทรัพย์สินของข้าพเจ้าทั้งหมดที่มีอยู่ในปัจจุบันและที่จะมีต่อไปในอนาคตตกได้แก่ นายรัชตะ สิริกรโสภณ และนายอัคนี สิริกรโสภณ โดยให้ทั้งสองคนช่วยกันดูแลทรัพย์สินทั้งหมดที่มีโดยมีสิทธิ์เท่าเทียมกันทุกประการ”

            เพลินพิศที่แอบฟังอยู่นั้นแสดงสีหน้าเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที ทำไมหล่อนและลูกชายถึงไม่มีชื่อในพินัยกรรมเลย สมควรแล้วล่ะที่ผู้เป็นสามีจะต้องตายในเร็ววัน ในเมื่อไม่รักและเมตตาหล่อนกับลูก หล่อนก็จะทำทุกวิถีทางให้ทุกอย่างตกเป็นของลูกชายหล่อนให้จงได้

            ยืนทำหน้ายักษ์อยู่สักพักเพลินพิศก็รีบผละตัวออกไปเพราะกิตติกำลังจะเดินออกมา เธอรีบลงไปรอข้างล่างเพื่อที่จะรอเจรจากับทนายประจำตระกูล

            เมื่อกิตติเดินลงมาข้างล่างก็เห็นนายหญิงของบ้านกำลังยืนกอดอกรออยู่แล้ว

            “อ้าว! คุณกิตติมีธุระอะไรกับคุณจรัญเหรอคะ” เธอพูดเหมือนเพิ่งจะเห็นอีกฝ่าย

            “สวัสดีครับคุณเพลินพิศ พอดีท่านเรียกผมให้มาทำเอกสารทั่วไปไม่มีอะไรครับ” เขาไม่สามารถบอกเรื่องนี้กับคนอื่นได้จนกว่าจะถึงวันเปิดพินัยกรรม

            “ไม่ใช่ว่าเป็นพินัยกรรมหรอกนะคะ”

            กิตติทำหน้าเหรอหราเมื่อเพลินพิศพูดได้ตรงประเด็นซะเหลือเกิน

            “เอ่อ...ไม่ใช่หรอกครับ เดี๋ยวผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” เขารีบยกมือไหว้แล้วรีบเดินออกไป

            “เดี๋ยวก่อนค่ะ ฉันรู้ว่าคุณโกหกคุณจรัญเรียกคุณมาเพื่อเขียนพินัยกรรมแน่ๆ” เธอไม่ยอมหยุด

            “ใช่ก็ได้ครับ แต่ผมคงบอกอะไรคุณไม่ได้” เขาต้องยอมรับเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเซ้าซี้ไปมากกว่านี้

            “คุณต้องการเงินเท่าไหร่ฉันให้ได้ ขอแค่คุณช่วยปรับสำนวนให้เป็นประโยชน์กับฉันและลูก” ในเมื่อไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เธอจึงลองเสี่ยงยื่นข้อเสนอให้อีกฝ่าย

            “ขอโทษนะครับผมคงไม่สามารถแก้ไขอะไรให้คุณได้...ขอตัวนะครับ” กิตติจงรักภักดิ์ดีกับจรัญเป็นที่สุด เขาไม่มีทางที่จะทรยศอย่างแน่นอน

            “ทำป็นปากดีรอให้ไอ้ผัวตัวดีฉันตายก่อนเถอะฉันจะเฉดหัวแกออกไป” สายตาแห่งความอาฆาตแค้นจ้องมองไปที่ทนายความประจำตระกูล

            จังหวะที่หันตัวกลับไปในบ้านเสียงลูกชายสุดที่รักก็เอ่ยดังขึ้นมา

            “คุณแม่ครับ” น้ำกำลังเดินควงแขนหินเข้ามาในบ้าน โดยที่สีหน้าของชายหนุ่มไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย หลังจากถูกว่าที่เจ้าสาวบังคับให้ออกไปเลือกของชำร่วยเป็นเพื่อน

            “อ้าว! กลับมาเร็วจังลูกเลือกเสร็จแล้วเหรอ”

            “เสร็จแล้วครับ”

            หินไม่อยากอยู่ตรงนี้นานๆเพราะรู้สึกอึดอัดจึงขอตัวขึ้นไปหาผู้เป็นพ่อข้างบน

            “ผมขอตัวขึ้นไปหาคุณพ่อก่อนนะครับ” พูดจบก็เดินขึ้นไปทันที ปล่อยให้คนที่กำลังควงแขนอยู่นั้นมองอย่างไม่พอใจ

            “ช่างพี่เค้าเถอะลูกหลังแต่งงานคงจะดีขึ้นกว่านี้” เธอพยายามปลอบใจลูกชาย

            “ครับคุณแม่”

            เธอกอดลูกชายเอาไว้แน่นพลางคิดในใจว่าอีกไม่นาน ทุกอย่างก็จะอยู่ในกำมือของลูกชายคนนี้โดยไม่มีใครสามารถขัดขวางได้ทั้งนั้น



*-*-*-*-*-*-*



            “คุณพ่อเป็นยังไงบ้างครับ” ร่างสูงเดินเข้าไปนั่งลงที่ข้างเตียง

            “วันนี้ก็ดีขึ้นบ้างแล้วลูกไม่เพลียเหมือนเมื่อวาน” คนที่นอนอยู่บนเตียงเอ่ยกับลูกชายแม้จะมีท่าทีอ่อนแรงและใบหน้าซีดเซียวอยู่ก็ตาม

            “คุณพ่อพักผ่อนเยอะๆนะครับ ผมจะไปหาหมอเก่งๆมารักษาคุณพ่อให้ได้” หินยิ้มให้ผู้เป็นพ่อ

            “ไม่ต้องหรอกลูก พ่อรู้ดีว่าพ่อคงไม่มีทางหายจากโรคประหลาดนี้ แต่สิ่งที่พ่ออยากให้หินทำให้พ่อก็คือพาไฟมาหาพ่อสักครั้งได้ไหมลูก” คนป่วยเอื้อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงมีความหวัง

            “ผมสัญญาจะพาน้องมาหาคุณพ่อให้ได้ครับ” นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขารับปากไว้ ครั้งนี้จะไม่ยอมผิดคำเป็นอันขาด

            “พ่อจะรอนะ” จรัญยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง

            “คุณพ่อครับ...ผมว่าจะเลื่อนงานแต่งออกไป รอให้คุณพ่ออาการดีขึ้นกว่านี้ก่อน” งานแต่งจะมีขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว อาการของผู้เป็นพ่อหนักขนาดนี้หากฝืนจัดไปต่อเขาเกรงว่าอาจจะไม่เป็นการดีนัก

            “ไม่เป็นไรหรอกลูกเดี๋ยวน้องจะเสียใจเอาพ่อยังไหว”

            “แต่ผมอยากให้คุณพ่ออาการดีขึ้นกว่านี้ก่อนนะครับ”

            “กว่าจะถึงวันแต่งพ่อคงดีขึ้นแล้วล่ะไม่ต้องห่วง”

            “ถ้างั้นก็ได้ครับคุณพ่อ ถ้างั้นผมออกไปก่อนนะครับคุณพ่อจะได้พักผ่อน”

            “เดี๋ยวก่อนลูก พ่อขอฝากรูปถ่ายนี้ไปให้น้องด้วย” จรัญยื่นรูปถ่ายที่เก็บเอาไว้มานาน มันคือรูปถ่ายสมัยที่ไฟยังแบเบาะพร้อมหน้ากันพ่อแม่ลูก ด้านหลังยังมีลายมือที่เขาเขียนเอาไว้ว่า ‘พ่อรักลูกที่สุด ลูกคือดวงใจของพ่อ’

             “ผมจะเอาไปให้น้องกับมือเลยครับพ่อ”

             หินรับรูปถ่ายมาแล้วก็เดินออกไปจากห้อง ตั้งใจจะออกไปหาไฟทันทีเพราะรอไม่ไหวแล้วหากไฟกลับมาหาผู้เป็นพ่อด้วยกัน อาจจะทำให้อาการดีขึ้นบ้างก็เป็นได้



*-*-*-*-*-*-*



            ชุมชนสวัสดิ์ชัย

            เมื่อมาถึงหน้าห้องเช่าของไฟก็พบว่าประตูถูกล็อกเอาไว้ เขาจึงตัดสินใจนั่งรออยู่หน้าห้อง ถ้าวันนี้ไม่ได้เจอหน้าร่างบางเขาจะไม่ยอมกลับไปเด็ดขาด

            นั่งรอเกือบชั่วโมงเจ้าของห้องก็นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซต์โดมกลับมา  หินรีบลุกขึ้นยืนแล้วมองหน้าทั้งสองคนด้วยแววตาเศร้า เขาสัญญากับไฟแล้วว่าหากเจอกันอีกจะอยู่ในฐานะพี่น้องกันเท่านั้นเขาจะต้องทำให้ได้อย่างที่พูด

            “พี่หินมีอะไรรึเปล่าครับ” เมื่อลงมาจากรถเจ้าตัวก็เดินมาถามทันที

            “พี่จะมาขอร้องไฟให้ไปพบคุณพ่อ” เขาบอกจุดประสงค์ที่มาในวันนี้

            “ไม่! ไฟจะไม่กลับไปบ้านหลังนั้นอีกแล้ว” สีหน้าและแววตาเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินอย่างนั้น

            “คุณพ่อกำลังป่วยหนักนะไฟ ท่านอยากเจอไฟมากขอร้องล่ะกลับไปพบคุณพ่อกับพี่เถอะนะ” หินพยายามอ้อนวอนอีกคน

            ได้ยินอย่างนั้นไฟก็เปลี่ยนท่าทีทันที ถึงแม้ว่าจะโกรธเกลียดพ่อตัวเองขนาดไหน แต่ยังไงซะความเป็นพ่อลูกก็ตัดกันไม่ขาด ขณะกำลังชั่งใจอยู่นั้นคนที่เป็นสารถีขับรถมาส่งก็ขอตัวกลับก่อน

            “เดี๋ยวพี่กลับก่อนนะ” โดมอยากให้ทั้งสองคุยกันตามลำพัง แม้จะไม่ชอบขี้หน้าหินแต่เขาก็ไว้ใจนั่นเพราะรู้ว่าผู้ชายคนนี้กุมหัวใจไฟเอาไว้นั่นเอง

            “ขับรถกลับดีๆนะครับ”

            “ครับไปล่ะ” โดมบอกแค่นั้นก่อนจะขับรถออกไปทันที

            เมื่อโดมกลับไปแล้วหินก็ยื่นรูปถ่ายที่ถือไว้ให้กับร่างบางทันที

            “อะไรครับ” เจ้าตัวถามแต่ก็ยื่นมือมารับ

            “คุณพ่อฝากมาให้ ท่านเก็บเอาไว้มาตลอดแต่ไม่เคยให้ใครเห็นมาก่อน คุณพ่อท่านรักไฟมากนะเพียงแต่ท่านอาจจะไม่ได้แสดงออกให้ไฟรู้ก็เท่านั้น” หินบอก

            เมื่อเห็นภาพถ่ายนั่นก็ทำให้น้ำตาไหลลงมาทันที ยิ่งพลิกดูอีกด้านยิ่งทำให้น้ำตาแตกมากกว่าเดิมคำว่ารักที่เขาอยากได้ยินจากปากพ่อ มันอยู่ในภาพถ่ายนี้แล้ว ภาพถ่ายที่แม้กระทั่งตัวเขาเองยังเคยเห็นเลยแต่พ่อกลับเก็บมันเอาไว้มาตลอด หรือเป็นเพราะเขาเองที่เอาแต่ตั้งแง่ว่าเป็นความผิดของพ่อ ที่ทำให้แม่ต้องตาย ทำไมเขาไม่คิดได้ก่อนหน้านี้ว่าท่านอาจจะมีความจำเป็นก็เป็นได้

            “ฮึก พ่อครับ” เจ้าตัวถึงกับนั่งทรุดลงกับพื้นจนชายหนุ่มรีบโอบกอดเอาไว้ “ผมจะกลับไปเยี่ยมคุณพ่อครับ” เขามองหน้าแล้วเอ่ยออกมา

            หินได้ยินก็ยิ้มออกมาทันที

            “ไปหาคุณพ่อกันเถอะท่านรออยู่” หินพยุงตัวร่างบางให้ยืนขึ้นแล้วพาไปที่รถหรูหลังจากนั้น



*-*-*-*-*-*-*-*



            บ้านสิริกรโสภณ

            เมื่อรถหรูถูกขับมาถึงหน้าบ้านแล้วทั้งสองก็รีบเดินเข้ามาด้านใน ทว่ากลับเจอสองแม่ลูกนั่งอยู่ เพลินพิศเบิกตากว้างด้วยความตกใจไม่นึกว่าลูกเลี้ยงจะกล้าเข้ามาเหยียบที่บ้านหลังนี้อีก แต่ไฟกลับไม่สนใจรีบเดินขึ้นไปข้างบนเพราะอยากเจอพ่อโดยเร็ว

            “เดี๋ยว! จะขึ้นไปไหน” เพลินพิศตะโกนตามหลัง

            ไฟชะงักนิดหน่อยแต่ไม่ยอมตอบและไม่ยอมหันกลับมามองแม้แต่นิดเดียว ทำให้คนที่ต้องอธิบายเป็นหิน เขาจะยังไม่ขึ้นไปเพราะอยากให้ทั้งสองได้คุยกันตามลำพัง

            “หินอธิบายให้น้าฟังสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมไอ้ไฟถึงได้กลับมากะทันหันอย่างนี้” เพลินพิศเอ่ยถามพร้อมกับทำหน้าไม่พอใจ ซึ่งไม่ต่างจากว่าที่เจ้าสาวที่จ้องตาเขม็ง

            “คุณพ่ออยากเจอไฟครับ ผมเลยพาน้องมาเจอท่านเผื่อว่าอาการคุณพ่อจะดีขึ้น”

            “ถึงมันจะมาคุณจรัญก็คงไม่หายหรอก” เสียงแหลมเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ

            “ทำไมคุณน้าพูดอย่างนั้นล่ะครับ เหมือนคุณน้าไม่อยากให้คุณพ่อหายป่วยซะอย่างนั้นล่ะ” หินมองเพลินพิศอย่างขัดใจ ทำไมคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตลอดชีวิตถึงได้พูดเหมือนไม่มีความผูกพันธ์กันเลยแม้แต่น้อย

            “ก็มันจริงอย่างที่น้าพูดไหมล่ะ เปลี่ยนหมอมาก็หลายคนแล้วแต่ก็ยังไม่หายซะที หินเองเผื่อใจไว้บ้างก็ดี”

            “ไม่ครับ! ผมจะไม่เผื่อใจอะไรทั้งนั้นคุณพ่อต้องหาย ผมจะหาทางรักษาคุณพ่อเองครับ” พูดจบก็มองสองแม่ลูกตาขวางแล้วเดินขึ้นไปข้างบน

            ตอนนี้ไฟยืนอยู่หน้าห้องผู้เป็นพ่อเรียบร้อยแล้ว เขากำลังคิดในใจว่าจะพูดประโยคไหนกับพ่อเมื่อเห็นหน้า ก่อนจะเอื้อมมือไปเคาะประตูห้องแล้วค่อยๆเปิดเข้าไป  ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือชายสูงวัยกำลังนอนซมอยู่บนเตียงในสภาพที่ผอมอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าที่ซีดเซียวราวกับไม่มีเลือดมาหล่อเลี้ยงบนใบหน้า ทำให้น้ำตาหยดแหมะลงที่พื้นในทันที

            “คุณพ่อครับ” ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

            “ฟะ...ไฟลูกพ่อ” คนที่นอนซมอยู่เมื่อเห็นลูกชายน้ำใสๆก็ไหลลงที่หางตาทันที มือทั้งสองข้างยกขึ้นเพื่อรอให้อีกฝ้ายเข้ามาสวมกอด

            “ผมขอโทษครับ ฮือๆ” เจ้าตัวรีบเข้าไปสวมกอดผู้เป็นพ่อทันที จรัญรู้สึกมีความสุขมากที่สุดที่มีวันนี้

            “พ่อคิดถึงลูกมากรู้ไหม” มือหนาสัมผัสที่ใบหน้าลูกชายราวกับเป็นการพิสูจน์ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน

            “ผมก็คิดถึงคุณพ่อครับ ผมขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมา ผมมันเป็นลูกที่เลว ผมทำให้พ่อต้องเป็นอย่างนี้” เขารู้สึกว่าทุกอย่างที่มันแย่ขนาดนี้เป็นเพราะตัวเอง หากไม่ทำตัวอย่างนั้นเพื่อประชดประชันผู้เป็นพ่อเรื่องทั้งหมดคงไม่เป็นอย่างนี้

            “อย่าโทษตัวเองเลยลูกพ่อเองที่ผิด พ่อมันเลวเองที่ไม่กล้าพอจะพาลูกกับเมียเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วยกันตั้งแต่แรก  ปล่อยให้ไฟกับแม่ต้องลำบาก”

            “พ่อไม่ผิดครับผมเข้าใจพ่อแล้ว ผมรู้ว่าพ่อรักผม ต่อไปผมจะป็นลูกที่ดี” มือทั้งสองข้างยังคงจับมือของพ่อเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

            “กลับมาอยู่ที่นี่นะลูก หากพ่อตายจะได้เห็นลูกจนวินาทีสุดท้าย”

            ตอนแรกก็ยังลังเลแต่เห็นสภาพของพ่อทำให้ไฟยอมรับปากแต่โดยดี เขาจะมาดูแลพ่อเองเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่ผ่านมา

            “ครับ...ผมจะกลับมาดูแลพ่อเอง พ่อจะต้องไม่เป็นอะไรนะครับ” เมื่อลูกชายรับปากก็ทำให้จรัญยิ้มขึ้นมาทันที นี่สินะนิสัยที่แท้จริงของลูกชาย ไฟสร้างภาพร้ายกาจนั้นบดบังตัวจริงที่สุดแสนจะน่ารักเอาไว้

            “พ่อดีใจมาก มาให้พ่อกอดที”

            สองพ่อลูกกอดกันอย่างแนบแน่น ราวกับไม่ได้เจอกันมานานแรมปี หินมองดูทั้งสองคนแล้วก็ยิ้มตาม แม้ในใจจะมีความกังวลนิดหน่อยเพราะอีกไม่นานเขาก็จะต้องแต่งงานกับน้ำเสียแล้ว สถานะพี่น้องเท่านั้นเขาจะพยายามท่องจำให้ขึ้นใจ



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.15--ปรับความเข้าใจ--(Up.05-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-04-2018 22:10:52
คัน  teen จัง อยาก  :z6: คน
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.15--ปรับความเข้าใจ--(Up.05-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-04-2018 22:28:40
อยากกระโดดถีบขาคู่สองแม่ลูกมาก :z6:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll:::Ch.15--ปรับความเข้าใจ--(Up.05-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 05-04-2018 22:53:47
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.16--ลักพาตัว--(Up.06-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 06-04-2018 14:11:26
CHAPTER

-16-

ลักพาตัว


            ในที่สุดไฟก็ได้กลับเข้ามาที่บ้านหลังนี้อีกครั้ง วันนี้หินขับรถไปรับตั้งแต่เช้าตรู่ก่อนจะกลับมาพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ที่ฝ่ายชายเป็นคนถือลงมาจากรถให้ ทั้งสองเดินเข้ามาในบ้านก็พบกับสองแม่ลูกที่ทำหน้ายักษ์มองมาอย่างไม่พอใจ โดยเฉพาะน้ำมองพี่ชายตัวเองราวกับเป็นโจรปล้นทรัพย์ซะอย่างนั้น

            “กลับมาก็อย่าสร้างเรื่องวุ่นวายให้บ้านหลังนี้อีกละกัน” เจ้าหล่อนกอดอกแล้วปรายตามองอย่างดูหมิ่นดูแคลน

            “ทำไมผมต้องทำตามที่คุณสั่งด้วยล่ะคุณไม่ใช่แม่ผมนี่” ทิ้งระเบิดลูกใหญ่เอาไว้แล้วก็เดินขึ้นไปข้างบนทันที เขาขี้เกียจจะเสวนากับคนประเภทนี้ วันๆเอาแต่จ้องอิจฉาริษยาคนอื่นไปทั่ว

            “กรี๊ดดด! ไอ้เด็กบ้าระวังตัวไว้เถอะ” เพลินพิศร้องโวยวายเสียงดังท่วมบ้าน หลังจากจรัญนอนป่วยอยู่บนเตียงลุกไปไหนไม่ได้ เธอก็แสดงตัวตนที่เคยปกปิดมาตลอด ความร้ายกาจของเพลินพิศมากขึ้นทุกวันไม่เว้นแม้กระทั่งกับสามี แต่ก่อนพูดจาเอาอกเอาใจแต่เดี๋ยวนี้ถ้าทำให้ไม่พอใจก็ด่ากราดทันที

            “คุณน้าอย่าลืมว่าสัญญาอะไรกับผมไว้นะครับ” เขาเตือนเจ้าหล่อนเมื่อได้ยินคำขู่นั่น

            “น้าไม่ลืมแต่ถ้ามันยั่วโมโหน้าอีก น้าก็ไม่รับรองความปลอดภัยของมันฝากเตือนมันไว้ด้วย” เพลินพิศมองหน้าว่าที่ลูกเขยอย่างเดือดดาล

            “ถ้าไฟเป็นอะไรแม้แต่นิดเดียวผมจะยกเลิกงานแต่งทันที” สายตาที่จริงจังทำให้น้ำถึงกับร้อนๆหนาวๆขึ้นมาทันที เขากลัวเสียชายหนุ่มคนนี้ไปอีกครั้ง

            “ไม่ได้นะครับน้ำไม่ยอม”

            “มันขึ้นอยู่กับแม่ของน้ำแล้วล่ะ พี่ขอตัว” พูดจบก็หันหลังกลับเดินขึ้นไปข้างบนทันที

            “ไม่ต้องห่วงนะลูกพรุ่งนี้ก็ถึงงานแต่งแล้วยังไงซะลูกก็ได้แต่งงานกับพี่หินแน่นอน” เธอให้ความมั่นใจกับลูกชาย

            “แน่ใจนะครับคุณแม่” ความกังวลของน้ำมีมากมายจนไม่สามารถควบคุมสติได้เลย

            “ไม่มีอะไรที่แม่จะมั่นใจมากกว่านี้แล้วลูก” เธอแสยะยิ้มออกมาด้วยความพอใจ



*-*-*-*-*-*-*-*



            “คุณพ่อครับผมกลับมาแล้ว” หลังจากเอาของไปเก็บในห้องนอนแล้วก็รีบมาหาผู้เป็นพ่อทันที

            “พ่อดีใจที่มีวันนี้” เขายิ้มให้ลูกชาย ตอนนี้ดูเหมือนอาการของจรัญจะหนักขึ้นกว่าวันก่อนหลายเท่าตัว

            “คุณจรัญคะถึงเวลาทานยาแล้วค่ะ” พยาบาลสาวถือถ้วยยาจีนมาวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงนอน

            “ทำไมยาถึงเป็นอย่างนี้ล่ะครับ ผมนึกว่าจะเป็นยาเม็ดซะอีก” เมื่อเห็นถ้วยยาจีนเจ้าตัวก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาทันที อาการของพ่อควรจะรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันมากกว่ายาสมุนไพรเสียอีก

            “ยานี้เป็นยาจีนโบราณที่คุณเพลินพิศสั่งให้ดิฉันนำมาให้คุณจรัญทานทุกเช้าเย็นค่ะ” พยาบาลสาวบอก

            “แล้วมันทำให้คุณพ่อดีขึ้นบ้างไหมครับ” เมื่อรู้ว่าเป็นยาที่แม่เลี้ยงหามาก็ไม่วางใจทันที เขากลัวว่าเพลินพิศจะคิดร้ายกับผู้เป็นพ่อ เพราะขนาดตัวเขาเองยังโดนกับตัวมาแล้ว

            “ดิฉันก็ไม่แน่ใจค่ะแต่มันเป็นคำสั่งของคุณเพลินพิศดิฉันขัดไม่ได้” เธอบอกตามความจริงพร้อมกับก้มหน้าก้มตาเพราะกลัวจะมีความผิด

            “เอาเป็นว่าต่อไปนี้ถ้าคุณเพลินพิศให้ยานี้มาไม่ต้องให้พ่อผมทานนะครับ แต่ถ้าเค้าถามก็บอกว่าให้ทานไปแล้วคุณจะได้ไม่โดนดุ เดี๋ยวคุณออกไปก่อนนะครับผมจะคุยกับพ่อเพียงลำพัง” เขาสั่งพยาบาลสาวคนนั้น

            “ค่ะ”

            หลังจากพยาบาลสาวเดินออกไปแล้ว ไฟก็หันหามองผู้เป็นพ่อที่นอนหลับตาอ่อนแรงอยู่บนเตียง ก่อนจะมองที่ถ้วยยาจีนแล้วหาขวดใบเล็กๆเพื่อเทยานั้นใส่ขวดเอาไว้ เขาไม่เชื่อใจใครทั้งนั้นเขาจะต้องเอายาถ้วยนี้ไปตรวจพิสูจน์ให้มั่นใจเสียก่อนว่าไม่มีอะไรเจือปน

            “คุณพ่อนอนพักผ่อนก่อนนะครับ” เขารู้ว่าผู้เป็นพ่อยังไม่ได้หลับ จรัญค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วยิ้มที่มุมปากให้ลูกชาย ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง

            ไฟเดินออกมาแล้วรีบกลับเข้าไปในห้องนอนหลังจากนั้นก็โทรหาเพื่อนทันที

            “ฮัลโลไอ้ปลา”

            (“ว่าไงยะมึงอยู่บ้านแล้วใช่ป่ะ”)

            “เออ ตอนนี้กูอยู่บ้านแล้ว กูมีเรื่องจะให้ช่วยหน่อยว่ะ”

            (“ว่ามาเร็วๆกูกำลังจะออกไปข้างนอกแล้ว”)

            “ถ้างั้นเจอกันข้างนอกได้ไหมวะตอนนี้เลย”

            (“ได้ๆ มึงไปรอกูที่ร้านกาแฟข้างมหา’ลัยถ้ากูเสร็จธุระเดี๋ยวตามไป”)

            “โอเคแล้วเจอกัน”

            หลังจากวางสายแล้วเขาก็รีบแต่งตัวลงไปข้างล่างทันที

            เมื่อมาถึงข้างล่างก็พบกับน้องชายที่ดูเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอกเช่นเดียวกัน เจ้าตัวเมินหน้าใส่เหมือนกันไม่อยากคุย ไม่อยากเห็นหน้าซะอย่างนั้น ทำให้ต่างคนต่างเดินออกไป

            ไฟรีบเดินไปที่รถคันเดิมที่เคยเป็นของเขา ถึงแม้จะไม่ได้ขับเสียนานแต่ก็รู้สึกรักและผูกพันธ์กับรถคันนี้อยู่ไม่น้อย



*-*-*-*-*-*-*



            มหาวิทยาลัย

            วันนี้น้ำมาที่มหาวิทยาลัยเพื่อร่วมทำกิจกรรมกับเพื่อนๆนักศึกษาแพทย์ เพียงหนึ่งชั่วโมงก็เสร็จเรียบร้อยเขาจึงเดินออกมาพร้อมกับเพื่อนรัก

            “แกจะกลับเลยหรือว่าไปนั่งอ่อยผู้ชายกับฉัน” อาร์มทำตาวับวาวเป็นประกายเมื่อเอ่ยถึงหนุ่มๆ

            “ไม่ล่ะฉันต้องกลับไปเตรียมงานที่บ้าน” พรุ่งนี้ก็จะถึงงานแต่งแล้ว แม้ว่าจะเหนื่อยมากแค่ไหนแต่เขาก็เต็มใจทำ เพราะอีกไม่นานความฝันก็จะเป็นจริงแล้ว

            “จริงสินะเพื่อนฉันจะเป็นเจ้าสาวแล้วนี่ พรุ่งนี้เจอกันนะแกฉันจะแต่งตัวให้เริ่ดที่สุดในชีวิตเพื่อมางานแต่งแกเลย” คนพูดทำหน้าสวยขึ้นมาทันที

            “จ้าแม่คนสวย รีบมาแต่เช้านะจะได้มาช่วยฉันแต่งตัวด้วย”

            “ได้ๆ นี่ถ้าไม่ติดว่าคืนนี้จะต้องจัดงานวันเกิดให้ม๊าฉันจะไปนอนกับแกนะเนี่ย” พูดแล้วอาร์มก็ทำหน้าเสียดาย

            “ไม่เป็นไรคืนนี้อยู่กับแม่แกเถอะ” น้ำเข้าใจเพื่อนเป็นอย่างดี

            “ไปล่ะแกแล้วเจอกัน”

            “บาย”

            น้ำโบกมือให้เพื่อนแล้วเดินไปที่ลานจอดรถ เมื่อเห็นรถคันโปรดก็กดรีโมทปลดล็อคทันที ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่ง อยู่ๆก็มีชายหนุ่มแปลกหน้าเปิดเข้ามานั่งข้างๆ ด้วยความตกใจน้ำจึงจะตะโกนร้อง

            ชะ...ช่วย อื้อ” แต่ไม่ทันการณ์เพราะเขาได้เอาผ้าเช็ดหน้าโปะที่บริเวณจมูกเอาไว้ก่อน ด้วยฤทธิ์ของยาสลบทำให้เจ้าตัวหมดสติทันที หลังจากนั้นชายหนุ่มก็อุ้มเจ้าของรถมานั่งที่เบาะข้างคนขับแล้วคาดเข็มขัดนิรภัยให้ ส่วนเจ้าตัวก็กลับมาฝั่งคนขับแล้วก็บึ่งรถออกไปทันที



*-*-*-*-*-*-*



            ร้านกาแฟข้างมหาวิทยาลัย

            ไฟนั่งรออยู่ไม่นานก็เห็นปลาเดินมาแต่ไกล เขาโบกไม้โบกมือให้เพื่อบอกพิกัดตำแหน่งที่ตัวเองกำลังนั่งอยู่ เมื่อมาถึงปลาก็นั่งลงฝั่งตรงข้ามทันที

            “มีอะไรวะกลับบ้านวันเดียวก็มีเรื่องเลยเหรอ” ปลาเอ่ยถาม

            “ก็ใช่น่ะสิเกี่ยวกับความเป็นความตายด้วยนะ”

            “ขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ปลาเริ่มทำตาโตเพราะไม่คิดว่าเรื่องมันจะหนักถึงขนาดนี้

            “อื้ม กูต้องพึ่งมึงแล้วล่ะ พี่มึงทำงานในกรมวิทยาศาสตร์บริการใช่ป่ะ กูจะฝากไอ้นี่ให้ไปตรวจซะหน่อย” เขายกขวดใบเล็กๆที่มียาจีนอยู่ข้างในให้เพื่อนดู

            “มันคืออะไรวะ” ปลารับมาแล้วมองดูด้วยความสงสัย

            “กูสงสัยว่าที่พ่อกูป่วยหนักอาจเป็นเพราะไอ้ยาจีนบ้านี่ เลยอยากให้ตรวจว่ามีสารพิษอะไรเจือปนอยู่รึเปล่า ถ้ามันมีจริงๆจะได้เป็นหลักฐานจัดการกับแม่เลี้ยงกูได้”

            “ได้ๆ ถ้าเป็นจริงอย่างที่มึงสงสัยกูไม่นึกเลยว่านางจะเหี้ยมโหดได้ขนาดนี้ เดี๋ยวถ้าได้ผลตรวจแล้วกูจะรีบเอามาให้มึงละกัน”

            “ขอบใจมึงมาก”

            “ไม่เป็นไรโว้ยเพื่อนกัน” ทั้งสองยิ้มให้กัน

            ไฟนั่งชิลล์กับเพื่อนอยู่นานก่อนจะกลับบ้านในช่วงเวลาเย็นๆ



*-*-*-*-*-*-*



            บ้านสิริกรโสภณ

            หลังจากจอดรถไว้เรียบร้อยแล้วไฟก็เดินเข้ามาในบ้าน เขาเห็นแม่เลี้ยงยืนชะเง้อคอเหมือนรอใครบางคนด้วยท่าทีกังวล แต่ก็ไม่อยากจะสนใจสักเท่าไรจึงได้เดินผ่านไปเงียบๆ

            “นี่เธอก่อนเข้ามาเห็นลูกชายฉันบ้างรึเปล่า”

            “.........” เขามองหน้าเจ้าหล่อนไม่นึกว่าจะโดนอีกฝ่ายถาม

            “ตอบมาสิ!” เพลินพิศเริ่มขึ้นเสียง เพราะก่อนหน้าก็อารมณ์เสียมากพอแล้ว

            “ไม่เห็น” ตอบห้วนๆแค่นั้นก็เดินผ่านไป

            หินกำลังเดินสวนทางมาก็มองหน้าร่างบางแล้วยิ้มให้ พรุ่งนี้ก็จะถึงงานแต่งแล้วเขารู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก

            “ไปไหนมาเหรอไฟ”

            “ไปหาเพื่อนมาครับ”

            ทั้งสองสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง เสียงแหลมของเพลินพิศก็ดังขัดขึ้นมา

            “หิน! น้ำยังไม่กลับมาเลยติดต่อก็ไม่ได้ ทำยังไงดีน้ากลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับน้อง” เพลินพิศเอ่ยด้วยท่าทีเป็นกังวล

            “คุณน้าอย่าเพิ่งกังวลไปเลยครับ น้องอาจจะติดธุระกับเพื่อนก็เป็นได้” เขาพยายามพูดปลอบใจอีกฝ่าย

            “น้าจะรอน้องอยู่ตรงนี้ ถ้าอีกหนึ่งชั่วโมงน้ำยังไม่กลับมาน้าจะไปแจ้งความ”

            “คนหายยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงตำรวจเค้าไม่รับแจ้งความหรอกนะครับ” หินบอก

            “แล้วจะให้น้าทำยังไง จะให้รออยู่อย่างนี้ทนไม่ไหวแน่” ยิ่งพูดยิ่งทำให้เพลินพิศอารมณ์ร้อนขึ้น

            “เมื่อเช้าน้ำออกไปที่ไหนครับคุณน้า” เขาถามเพราะจะเป็นคนออกไปตามตัวน้องชายด้วยตัวเอง

            “น้องบอกว่าจะไปมหา’ลัย”

            “เดี๋ยวผมจะออกไปตามน้องเองครับ คุณน้ารออยู่ที่นี่เผื่อน้ำจะติดต่อกลับมา”

            “ฝากด้วยนะหิน”

            “ครับ”

            หลังจากนั้นหินก็รีบบึ่งรถออกไปทันที เขาจะเริ่มต้นจากคณะแพทย์ก่อนเป็นอันดับแรก แต่หลังจากนั้นก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรเพราะไม่รู้ว่าน้องชายจะไปที่ไหนบ้าง

            หลังจากนั้น 3 ชั่วโมง

            จนแล้วจนเล่าน้ำก็ยังไม่กลับบ้านแถมยังไม่ติดต่อกลับมาอีกต่างหาก หินเองก็หมดปัญญาเพราะไม่รู้จะไปตามหาที่ไหนดี ส่วนเพลินพิศเอาแต่นั่งร้องไห้เสียใจเพราะเป็นห่วงลูกชาย อยู่ๆเธอก็คิดว่าไฟอาจจะเป็นคนลักพาตัวลูกชายของเธอไป ก่อนจะรีบวิ่งไปข้างบนแล้วเคาะประตูห้องลูกเลี้ยงเสียงดัง

            ปัง! ปัง! ปัง!

            “แกออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ไฟรีบเดินมาเปิดประตูโดยเร็วนั่นเพราะรู้สึกหนวกหูกับเสียงนั่นซะเหลือเกิน

            “มีอะไรไม่ทราบ” ไฟกอดอกจ้องหน้าแม่เลี้ยงอย่างไม่ยี่หระ

            “แกเอาตัวน้ำไปไว้ไหน” เพลินพิศชี้หน้าด้วยความโมโห

            “จะบ้าเหรอฉันจะทำไปทำไม” เมื่อโดนกล่าวหาเอาซะดื้อๆ ไฟเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน

            “ถ้าไม่ใช่แกจะเป็นใคร น้ำไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน แถมคนที่ได้ประโยชน์ก็มีแต่แกเท่านั้น”

            “อย่ามากล่าวหากันนะ อย่าคิดว่าคนอื่นจะชอบเล่นสกปรกเหมือนตัวเอง ฉัน-ไม่-ได้-ทำ” เขาพูดเน้นเสียงท้ายประโยค

            “คอยดูนะฉันจะแจ้งตำรวจมาลากตัวแกเข้าตาราง” เพลินพิศชี้หน้าขู่

            “แจ้งเลยฉันไม่กลัวเพราะฉันไม่ได้เป็นคนทำ” ถึงเขาจะเป็นศัตรูหัวใจของน้องชาย แต่ก็ไม่เคยคิดจะทำอย่างนั้น

            หินเดินเข้ามาหาทันทีที่ได้ยินเสียงดัง

            “คุณน้ากลับไปพักก่อนเถอะครับ”

            “หินช่วยน้ำด้วย ฮือๆน้าไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ไอ้ไฟมันลักพาตัวน้ำไป” เธอยังคงคิดว่าเป็นฝีมือของลูกเลี้ยง

            “ก็บอกว่าไม่ได้ทำไงล่ะ ไม่มีใครทำเรื่องต่ำๆเหมือนที่พวกเธอทำกับฉันหรอกนะ!” พูดจบก็ปิดประตูห้องทันที

            “ถ้าลูกชายฉันเป็นอะไรไปฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่” เพลินพิศร้องโวยวายเสียงดังก่อนจะเดินลงไปรอลูกชายข้างล่างเหมือนเดิม

            หินยืนถอนหายใจเสียงดัง ทำไมเรื่องมันถึงวุ่นวายขนาดนี้นะ หรือจะยกเลิกงานแต่งให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย เขาคิดก่อนจะเดินตามเพลินพิศลงไปข้างล่าง

            “คุณน้าครับ...ผมว่าถ้ายังตามตัวน้องไม่เจอ งานแต่งเลื่อนออกไปก่อนดีไหมครับ”

            “ไม่ได้น้าจะรอน้องจนวินาทีสุดท้าย จะไม่มีการยกเลิกใดๆทั้งนั้น” เธอยังคงหวังว่าลูกชายจะกลับมา

            “ถ้างั้นก็แล้วแต่คุณน้านะครับ” พูดจบหินก็เดินออกไป ทิ้งให้เพลินพิศนั่งกลุ้มใจอยู่คนเดียว

            “น้ำลูกอยู่ไหนกันแน่ รีบกลับมานะลูก” เธอพูดกับตัวเองอย่างกับคนเสียสติ

            หากลูกฉันเป็นอะไรไป ฉันไม่ปล่อยแกเอาไว้แน่...ไอ้ไฟ



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.16--ลักพาตัว--(Up.06-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-04-2018 15:56:22
ใครทำฟะ แสดงตัวหน่อย จะได้ขอจุ๊บทีนึง   :จุ๊บๆ:

เอาไปแล้ว เอาไปเลยนะ ไม่ต้องเอามาคืน  :m4:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.16--ลักพาตัว--(Up.06-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: คุณจัตวา ที่ 06-04-2018 16:06:45
 :m20:   อยากให้รางวัลคนกล้า2018เลย    ดีจริงๆที่มีคนเอาอีน้ำเน่าออกไป
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.16--ลักพาตัว--(Up.06-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-04-2018 16:08:13
อ้าวววว. ใครเอาน้ำไป
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.16--ลักพาตัว--(Up.06-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 06-04-2018 19:24:58
ตามลุ้นต่อ
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.16--ลักพาตัว--(Up.06-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-04-2018 21:05:14
ใครลักพาตัวน้ำไปคะ  อินบ็อก มานะคะ
 มีของสมนาคุณให้ค่ะ 5555 :man1:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.16--ลักพาตัว--(Up.06-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 06-04-2018 22:06:02
ฝีมือโดมปะ  :z1:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.16--ลักพาตัว--(Up.06-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-04-2018 00:21:17
น่าจะจับแม่มันไปด้วย
หัวข้อ: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.17--งานแต่งอลเวง--(Up.07-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 07-04-2018 19:54:03
CHAPTER

-17-

งานแต่งอลเวง
[/b]



           ห้องเช่าริมทะเลแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี

            โดมนั่งจ้องหน้าหนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักที่ได้ลักพาตัวมาตั้งแต่เมื่อวานนี้อย่างครุ่นคิด เจ้าตัวกำลังนอนนิ่งอยู่บนเตียงอย่างหมดสภาพ ฤทธิ์ยาสลบทำให้น้ำยังคงหลับไหลไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งเช้าวันใหม่ แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างตกกระทบบนใบหน้าสวย เจ้าตัวค่อยๆขยับเปลือกตา ก่อนจะลืมตาขึ้นมาแล้วกระพริบสามถึงสี่ครั้งแล้วเอามือป้องแสงแดดที่กำลังแยงตา หลังจากนั้นก็ค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นมา

            “ตื่นแล้วเหรอ” คนที่นั่งนิ่งจ้องอยู่เอ่ยถามทันที

            “ที่นี่ที่ไหนแล้วนายเป็นใคร” เมื่อได้ยินเสียงชายปริศนา น้ำก็รีบกระเถิบตัวไปนั่งที่หัวเตียงด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะมองไปรอบๆห้องด้วยความไม่คุ้นตา

            “นายจำฉันไม่ได้รึไง หรือในสมองมีแต่ว่าที่เจ้าบ่าวของนาย” น้ำเสียงเย็นยะเยือกเอ่ย สายตาคมยังคงจ้องมองอย่างไม่วางตา

            “นะ...นายคือแฟนของพี่ไฟใช่ไหม แล้วจับฉันมาที่นี่ทำไม หรือว่าพี่ไฟบอกให้นายทำอย่างนี้ใช่ไหม” น้ำพยายามนึกว่าเคยเจอหน้าผู้ชายคนนี้ที่ไหนมาก่อน ไม่นานภาพในวันนั้นที่ลานน้ำพุก็ทำให้เขาแจ้งใจ ไอ้ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคือแฟนใหม่ของพี่ชายนั่นเอง

            “ไม่มีใครสั่งให้ฉันทำทั้งนั้น”

            “แล้วนายทำไปทำไม! ขอร้องล่ะพาฉันกลับบ้านเถอะนะวันนี้ฉันจะต้องเข้าพิธีแต่งงานแล้ว” เจ้าตัวยกมือไหว้รัวๆ เพื่อให้อีกฝ่ายเห็นใจ

            “นั่นล่ะจุดประสงค์ที่ฉันจับตัวนายมา ฉันอยากให้งานแต่งของนายล่มไม่เป็นท่า นายก็รู้ดีว่าไอ้หินกับไฟรักกันมากแค่ไหน แต่นายก็หน้าด้านแต่งงานกับนายนั่นอีก นายนี่เป็นน้องประสาอะไรห๊ะ!” เจ้าตัวตะคอกใส่เสียงดัง

            “ก็ฉันรักพี่หินไงล่ะ ส่วนนายก็รักพี่ไฟไม่ใช่เหรอ ถ้าหากนายพาฉันกลับฉันสัญญาว่าจะไม่ให้พี่หินไปยุ่งกับพี่ไปอีก พาฉันกลับเถอะนะ”

            “เพราะฉันรักไฟมากถึงได้อยากให้ไฟมีความสุขกับคนที่เค้ารัก ส่วนนายก็ควรคิดแบบเดียวกันกับฉัน”

            “ไม่มีทาง! พี่หินต้องเป็นของฉันคนเดียว ถ้านายยังไม่อยากติดคุกพาฉันไปส่งที่บ้านเดี๋ยวนี้ ตอนนี้คุณแม่คงแจ้งตำรวจเรียบร้อยแล้ว ถ้านายไปส่งฉันกลับบ้านฉันสัญญาว่าจะไม่เอาเรื่องนาย..นะๆ” เจ้าตัวมองหน้าชายหนุ่มเหมือนมีความหวังว่าจะยอมโอนอ่อนผ่อนตาม

            “ไม่! จนกว่าฉันจะแน่ใจว่างานแต่งถูกยกเลิกไปแล้ว” โดมเมินอีกฝ่าย

            “ไอ้บ้าแกทำอย่างนี้ทำไม” ร่างเล็กปาหมอนที่อยู่ข้างๆใส่ชายหนุ่มก่อนจะกระโจนตัวเข้าไปทุบตีอย่างบ้าคลั่งเมื่อไม่ได้ดั่งใจ

            “อย่ามาบ้าใส่ฉันนะ ยังไงซะฉันก็ไม่มีทางให้นายกลับแน่” โดมรวมมืออีกฝ่ายเอาไว้แล้วผลักไปที่เตียงก่อนจะคร่อมตัวทับเอาไว้

            “ฮือๆๆ ไอ้เลวฉันจะฆ่าแกทำไมถึงทำกับฉันอย่างนี้ ถ้าฉันหนีไปได้ฉันจะจับแกเข้าคุกให้ได้” น้ำร้องไห้เสียงดังมือก็ทุบที่อกแกร่งไม่ยั้ง ราวกับว่าตอนนี้เจ้าตัวควบคุมสติไม่อยู่แล้ว

            “นายคิดเหรอว่าฉันจะให้นายกลับไปทำร้ายจิตใจคนอื่นอีก” ใบหน้าเปื้อนยิ้มมองคนที่อยู่ใต้ร่างอย่างมีเลศนัย

            “นะ...นายคิดจะทำอะไร ปล่อยฉันนะไอ้สารเลว” เมื่อมองใบหน้าเหี้ยมนั้นทำให้น้ำรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที มันคงไม่ใช่อย่างที่เขาคิดหรอกนะ

            “วันนี้นายจะได้มีผัวสมใจอยากไงล่ะ แต่เป็นฉันนะไม่ใช่ไอ้นั่น” โดมตัดสินใจดีแล้วที่จะใช้วิธีนี้ กันตัวน้ำออกจากหินและไฟ เขาจะจัดการกับไอ้ตัวดีคนนี้ด้วยวิธีของเขาเอง

            “ไม่นะ ออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้ ไอ้เลววว อื้ออออ!



*-*-*-*-*-*-*



            ตอนนี้แขกเหรื่อเริ่มทยอยมาเกือบครบแล้ว เพลินพิศปล่อยให้เจ้าบ่าวเดินไปรับแขกเพียงคนเดียว ส่วนเจ้าตัวนั่งเครียดอยู่ในห้อง หล่อนนั่งจ้องโทรศัพท์ตลอดเวลาเผื่อว่าลูกชายจะติดต่อกลับมาทันพิธีซึ่งจะเริ่มในอีกไม่ช้านี้

            “ลูกอยู่ไหนนะน้ำ” เจ้าหล่อนนั่งพูดกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า

            ก๊อก!  ก๊อก!  ก๊อก!

            “คุณผู้หญิงคะแขกมากันเยอะแล้วนะคะ”

            “เดี๋ยวฉันตามลงไป”

            “ค่ะ”

            เพลินพิศยังคงนั่งนิ่งก่อนจะหยิบกระดาษทิชชู่มาซับน้ำตาจนหมดแล้วลุกขึ้นยืน เป็นไงเป็นกันหากไม่มีวี่แววว่าลูกชายจะกลับมา เธอจะเป็นคนบอกยกเลิกงานแต่งนี้เสียเอง

            ด้านจรัญที่นอนซมมานานหลายวันแต่แปลกที่วันนี้เขากลับมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ในการไปร่วมงานแต่งเขาต้องนั่งรถเข็นนั่นเพราะยังไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะเดินเหินได้สะดวก เมื่อใกล้ถึงเวลาแล้วไฟก็พาผู้เป็นพ่อลงมาแล้วเข็นรถไปรอที่บริเวณจัดพิธี ตอนนี้จรัญเองยังไม่รู้เลยว่าลูกชายคนเล็กได้หายตัวไปตั้งแต่เมื่อวาน

            “คุณพ่อไหวรึเปล่าครับ” หินหลีกตัวจากการรับแขกเพื่อเข้ามาหาผู้เป็นพ่อ วันนี้เขาแต่งตัวหล่อเป็นพิเศษจนไฟเองก็ไม่อาจละสายตาไปได้

              “พ่อไหวลูกวันนี้รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย” ใบหน้าที่เคยซีดเซียวตอนนี้เริ่มมีเลือดฝาดขึ้นมาบ้างแล้ว

              “พี่ฝากดูแลพ่อด้วยนะไฟ” หินมองหน้าน้องชายด้วยแววตาเศร้า ซึ่งไม่ต่างจากร่างบางที่ฝืนยิ้มให้กับเจ้าบ่าวในวันนี้

              “ครับพี่หิน”

              “แล้วนี่น้ำไปไหนล่ะหิน พ่อยังไม่เห็นเลยตั้งแต่เช้า” จรัญมองหาลูกชายคนเล็ก

              หินและไฟมองหน้ากันทันทีก่อนที่ร่างบางจะพยักหน้าให้พี่ชายเหมือนเป็นสัญญาณว่าควรบอกความจริงได้แล้วก่อนที่พิธีจะเริ่มขึ้น

               “ถ้าบอกแล้วคุณพ่อต้องตั้งสติเอาไว้นะครับ คือ...น้ำหายตัวไปตั้งแต่เมื่อวานยังติดต่อไม่ได้เลยครับ” หินตัดสินใจบอกความจริง

             “หายตัวไปงั้นเหรอ! แล้วตามหาตัวน้องกันรึยัง” จรัญมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

             “ตามแล้วครับแต่ยังไม่เจอตัว คุณน้าบอกให้รอจนวินาทีสุดท้ายครับ”

            “ทำไมเพลินพิศยังดื้อด้านจะจัดงานขึ้นทั้งๆที่ลูกชายหายตัวไปทั้งคน” จรัญรู้สึกเป็นห่วงลูกชายมากเหลือเกิน แต่ตอนนี้ก็ใกล้จะถึงฤกษ์แล้วเขาจึงคิดอะไรดีๆออก ในเมื่อหินไม่ได้รักน้ำแต่กลับรักไฟ เป็นเช่นนี้แล้วเขาควรจะทำอะไรให้มันถูกต้องเสียที

            “หินรักไฟไหมลูก” อยู่ๆจรัญก็เอ่ยถามลูกชาย หินได้ยินอย่างนั้นก็มองหน้าไฟทันที

            “รักครับคุณพ่อ” ปากก็เอ่ยกับผู้เป็นพ่อแต่สายตากลับจ้องไปที่อีกคน

            รักแล้วมันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่ออีกฝ่ายกำลังจะแต่งงานอยู่แล้ว คิดแล้วไฟก็น้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาทันที

            “นี่ก็ใกล้เวลาแล้วไฟไปเปลี่ยนชุดเจ้าสาวเดี๋ยวนี้เลยลูก”

            “ว่าไงนะครับคุณพ่อ!” เจ้าตัวเบิกตากว้างด้วยความตกใจไม่คิดว่าพ่อจะเอ่ยอย่างนั้นออกมา

            “ทำตามที่พ่อบอกเร็ว พ่อไม่เคยทำอะไรให้ลูกเลยวันนี้พ่อขอทำเพื่อลูกบ้าง” จรัญมองหน้าลูกชาย

            “แต่น้ำล่ะครับ” ถึงจะไม่ชอบขี้หน้าแต่เขาก็ยังเป็นห่วงความรู้สึกของน้องชาย

            “เรื่องนั้นพ่อจัดการเองไฟรีบขึ้นไปเร็ว หรืออยากให้พ่อตายอยู่ตรงหน้าก่อนถึงจะไป”

            “ครับคุณพ่อ” เขาต้องทำตามอย่างเสียมิได้ก่อนจะฝากพ่อไว้กับพยาบาล

            ถึงแม้จะฉุกละหุกแต่หินก็ยิ้มออกเมื่อว่าที่เจ้าสาวคือคนที่ตัวเองรัก บางทีมันก็เหมือนฝันจนเกินไป

            “ขอบคุณคุณพ่อมากนะครับ” หินนั่งลงกราบที่ตักของผู้เป็นพ่อ

            “ไม่เป็นไรลูก พ่อทำสิ่งที่ควรทำ เสร็จงานแต่งแล้วลูกต้องตามหาน้องให้เจอนะพ่อจะเป็นคนอธิบายให้น้ำฟังเอง” เขายิ้มให้ลูกชาย

            “ครับคุณพ่อ”

            “ฉันจะยกเลิกงานแต่งวันนี้” เพลินพิศเดินเข้ามาเมื่อรู้ว่าจรัญคิดจะให้ไอ้เด็กคนนั้นเป็นเจ้าสาวแทนลูกชายของตัวเอง

            “งานแต่งจะยังคงดำเนินต่อไป” จรัญเอ่ยขึ้นทันควัน

            “ไม่มีทางถ้าลูกชายฉันไม่ได้เป็นเจ้าสาว วันนี้จะไม่มีงานแต่งเกิดขึ้นอย่างแน่นอน” เธอพูดอย่างไม่มีทางยอมแพ้

            “หินกับไฟรักกันผมจะทำทุกอย่างให้มันถูกต้องซะที อีกอย่างทั้งสองคนก็หมั้นกันแล้วด้วย คุณห้ามผมไม่ได้หรอก” จรัญพยายามข่มความโมโหเอาไว้

            “คุณมันบ้าไปแล้ว คุณรักลูกไม่เท่ากันถ้าทำอย่างนี้น้ำจะเสียใจมากแค่ไหนคุณรู้รึเปล่า” เธอตวาดแหวใส่สามี

            “มันคือความจริงสักวันน้ำจะเข้าใจ” เขาบอกแล้วหันไปบอกกับลูกชายที่ยืนอยู่ข้างๆ “หินพาพ่อออกไปข้างนอก ใกล้ถึงฤกษ์แล้วจะได้ไปเตรียมตัวกัน”

            “ครับคุณพ่อ” หินยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นเพลินพิศเดือดพล่าน

            “กรี๊ดดด!!!! ไอ้ผัวบ้า ไอ้คนไม่มีหัวใจ” ในที่สุดเธอก็พ่ายแพ้ให้ไอ้เด็กคนนั้น แต่เธอเอะใจที่วันนี้สามีอาการดีขึ้นมากทั้งๆที่ควรจะนอนซมอยู่ที่ห้องมากกว่า เพราะเมื่อคืนเธอได้เพิ่มปริมาณยาเข้าไปมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว “ทำไมแกยังมาต่อปากต่อคำกับฉันได้ แกควรจะนอนซมอยู่ที่ห้องไม่ใช่เหรอไอ้แก่” เพลินพิศสบถออกมาพร้อมกับแสดงสีหน้าอาฆาตแค้นสามี



            งานแต่งถูกจัดขึ้นอย่างราบรื่นยกเว้นแขกที่มาร่วมงานต่างก็งงกับตัวเจ้าสาว เพราะในการ์ดเชิญนั้นเป็นลูกชายคนเล็กของบ้าน  แต่จรัญก็ได้อธิบายให้ฟังว่ามีความผิดพลาดเกิดขึ้นทุกอย่างจึงผ่านไปได้ด้วยดี ส่วนเพลินพิศเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องทำลายข้าวของอย่างบ้าคลั่ง ครั้งนี้เธอพ่ายแพ้อย่างราบคาบเกินกว่าจะยอมรับมันได้

            ในที่สุดก็ถึงช่วงเวลาที่หินรอคอย นั่นคือการส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอ จรัญพาลูกชายเข้ามาในห้องนอนของหินที่ถูกจัดให้เป็นห้องหอ กลีบกุหลาบนับพันถูกจัดเป็นรูปหัวใจกลางเตียง  โดยเจ้าบ่าวเข้ามานั่งยิ้มแป้นรออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว

            “พ่อพาตัวเจ้าสาวมาส่ง” จรัญเอ่ยกับลูกชายแล้วจับมือทั้งสองคนมาประสานกันไว้แน่น

            “ขอบคุณคุณพ่อมากนะครับที่ทำให้ผมกับไฟมีวันนี้ได้” หินก้มลงกราบแทบเท้าผู้เป็นพ่อพร้อมกับเจ้าสาว

            “ขอให้ลูกทั้งสองของพ่อรักกันตลอดไป หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กันนะลูก”

            “ครับคุณพ่อ” ไฟตอบรับพร้อมทั้งน้ำตา

            “พ่อรักลูกทั้งสองคนนะ หากต่อไปไม่มีพ่อแล้วหินช่วยดูแลน้องแทนพ่อด้วยนะ”

            “ครับคุณพ่อผมจะรักและดูแลไฟเท่าชีวิตผมเลยครับ...ผมสัญญา” เจ้าตัวหันไปมองหน้าเจ้าสาวแล้วยิ้มให้ ไฟเองก็เขินอายจนหน้าแดงก่ำ

            “ได้ยินแล้วใช่ไหมไฟต่อไปนี้ลูกต้องเชื่อฟังพี่เค้านะ เป็นเมียที่ดีคอยสนับสนุนและให้กำลังใจ” จรัญลูบศีรษะลูกชายด้วยความอ่อนโยนราวกับจะไม่ได้ทำอย่างนี้อีกแล้ว

            “ครับคุณพ่อผมจะทำตามที่คุณพ่อสอนทุกอย่าง”

            “เห็นอย่างนี้แล้วพ่อจะได้นอนตายตาหลับ”

            “คุณพ่ออย่าพูดอย่างนี้สิครับ”

            “อย่ากังวลไปเลยลูกคนเราเกิดมาก็ต้องตายไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหน วันนี้คือวันที่ลูกมีความสุขที่สุดพ่อเองก็มีความสุขเหมือนกัน”

            ทั้งสองก้มลงกราบแทบเท้าพร้อมกัน ก่อนไฟจะเข้าไปสวมกอดผู้เป็นพ่อแล้วก็ร้องไห้ ไม่นึกเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่เขาและพ่อเข้าใจกันได้และรับรู้ถึงความรักที่มีให้กันมากมายขนาดนี้ เขาดีใจที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้งและได้รับสิ่งดีๆที่พ่อมอบให้

            “ผมรักพ่อนะครับ”

            “พ่อก็รักลูก”

            จรัญรู้สึกหายห่วงแล้วที่วันนี้เขาและลูกเข้าใจกันเสียที หากจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองต่อจากนี้ไปเขาก็ไม่กลัว เพราะทุกอย่างมันลงตัวที่สุดแล้ว

            “พ่อกลับไปพักผ่อนก่อนนะลูก” เขารู้สึกอ่อนล้าตามร่างกายหลังจากไปร่วมงานทั้งวัน พยาบาลส่วนตัวเข็นรถพาออกไปจากห้องหลังจากนั้น

            หลังจากผู้เป็นพ่อออกไปแล้วหินก็อุ้มเจ้าสาวขึ้นไปบนเตียงทันที

            “พี่รอคอยวันนี้มาตลอด” สายตาคมจ้องมองคนที่นอนอยู่ใต้ร่างปานจะกลืนกินเสียให้ได้

            “ขอบคุณนะครับที่รักคนอย่างผม” เจ้าตัวยิ้มหวานให้

            “พี่จะรักไฟคนเดียวและรักมากที่สุดในโลก แล้วไฟล่ะรักพี่ขนาดไหน” ใบหน้าคมโน้มลงมาเอ่ยใกล้ๆกับใบหู จนอีกคนรู้สึกสะท้านไปทั้งตัว

            “ผมรักพี่มากจน...ยอมพี่ได้ทุกอย่าง” หน้าขึ้นสีทันทีที่เอ่ยประโยคนี้ออกมา

            “จริงๆนะ”

            “อื้อ”

            “ถ้างั้นก็...เป็นของพี่นะครับ”

            หลังจากนั้นทั้งสองร่างก็เติมเต็มความรักให้กันอย่างดูดดื่มให้สมกับการเป็นคืนเข้าหอคืนแรก



*-*-*-*-*-*-*



            เสียงเดินของมัจจุราชสาวใกล้เข้าไปเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดที่หน้าห้องแล้วก็เปิดประตู้เข้าไป เพลินพิศเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับถ้วยยาจีนที่เธอตั้งใจนำมาให้สามีเป็นครั้งสุดท้าย ตอนนี้ชีวิตเธอพ่ายแพ้จนไม่เหลืออะไรแล้ว ลูกชายยังมาหายตัวไปอีก เธอจะหยิบยื่นความสูญเสียให้กับคนพวกนั้น ที่มันกำลังเสวยสุขในอยู่ในห้องหอ แทนที่วันนี้จะเป็นความสุขของเธอและลูกชายแต่มันกลับตรงกันข้าม

            พยาบาลสาวเห็นเพลินพิศถือถาดนั้นมาก็จะยื่นมือไปรับแต่โดนเจ้าตัวปฏิเสธ

            “วันนี้ฉันจะป้อนยาสามีฉันเองเธอออกไปได้”

            “ค่ะ”

            เพลินพิศวางถ้วยยาจีนลงบนโต๊ะก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่ข้างเตียง เธอจ้องมองสามีที่กำลังนอนนิ่งอยู่ด้วยความโกรธแค้น หลายปีดีดักที่อยู่ด้วยกันมาเธอรู้ดีว่าจรัญไม่เคยลืมแก้ววดีได้เลย แม้จะไม่โดนเมินเหมือนอยู่ด้วยกันในช่วงแรกแต่เธอก็รู้สึกได้ว่าจรัญไม่เคยรักเธอเลย ยิ่งตอนที่รู้ว่าจรัญได้เขียนพินัยกรรมโดยไม่มีชื่อเธอและลูกชายเลย ยิ่งทำให้ความแค้นมันเพิ่มทวีคูณขึ้นเป็นหลายเท่าตัว

            “คุณเป็นคนบังคับให้ฉันทำอย่างนี้เองนะคุณจรัญ” เธอเอ่ยพร้อมกับน้ำใสๆที่ไหลลงมาเป็นสาย ผิดกับใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอย่างกับมัจจุราชที่กำลังจะกระชากวิญญาณของอีกฝ่ายออกมา

            เพลินพิศเปิดฝาถ้วยยาจีนแล้วยกขึ้นมา ก่อนจะกรอกเข้าไปในปากผู้เป็นสามี จรัญรู้สึกตัวก็ลืมตาขึ้นมาทันทีแล้วพยายามจับที่มือของเจ้าหล่อนเอาไว้ แต่คนป่วยมีหรือที่จะสู้แรงของคนปกติได้แม้จะเป็นหญิงก็ตาม

            “หลับให้สบายนะคะคุณจรัญมันถึงเวลาของคุณแล้ว” รอยยิ้มมัจจุราชปรากฏบนใบหน้าสวยนั้นอีกครั้ง จนมั่นใจว่าสามีแน่นิ่งเธอจึงวางถ้วยไว้บนโต๊ะเช่นเดิม แม้จะสิ้นใจไปแล้วแต่เปลือกตาของจรัญยังคงไม่ยอมปิดลง เธอจึงเอื้อมมือเรียวไปปิดมันลงให้เหมือนกับว่าสามียังคงนอนหลับปกติ...

            คุณควรจะตายไปตั้งนานแล้วคุณจรัญ...



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

           ปล .อีก 3 ตอนก็จะจบแล้วนะคร้าบ ฝากติดตามและคอมเม้นท์กันด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.17--งานแต่งอลเวง--(Up.07-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-04-2018 22:14:33
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.17--งานแต่งอลเวง--(Up.07-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-04-2018 00:16:16
นังชะนีฆาตกร ขอให้ไม่ตายดี ขอ 3-4 ทีที่หัว ตามตัวไม่นับ  :pigangry2: :fcuk: :beat: :z6:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.17--งานแต่งอลเวง--(Up.07-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-04-2018 06:22:23
นังฆาตกร :beat:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.17--งานแต่งอลเวง--(Up.07-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 08-04-2018 10:50:44
จะตายจริงๆๆหรอ ลุ้นต่อ
หัวข้อ: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.18--จุดจบ--(Up.08-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 08-04-2018 15:24:35
CHAPTER

-18-

จุดจบ



          “ฮึก ฮือๆๆ” ร่างเล็กเอาแต่นอนร่ำไห้อยู่บนเตียง หลังจากถูกชายหนุ่มรังแกจนไม่เหลือศักดิ์ศรีแม้แต่น้อย เขาเกลียดและขยะแขยงนายนั่นเป็นที่สุด ทำไมเขาจะต้องมาเจอเรื่องบ้าๆอย่างนี้ด้วยนะ

            “จะกลับไหมบ้าน” โดมนั่งทนฟังเสียงร้องไห้ระงมของอีกฝ่ายไม่ไหว งานแต่งน่าจะผ่านไปเรียบร้อยแล้ว วันนี้เขาตั้งใจจะพาร่างเล็กกลับบ้านเสียที

            “แกจะให้ฉันกลับไปในสภาพนี้น่ะเหรอ ไอ้สารเลว” คนที่นอนอยู่รีบลุกขึ้นแล้วเอาผ้าห่มปกปิดที่ส่วนล่างเอาไว้

            “ถ้าไม่กลับฉันก็จะทิ้งนายไว้ที่นี่ล่ะ” เสียงเข้มเอ่ยอย่างเด็ดขาด แล้วจะเดินออกจากห้องไป

            “เดี๋ยว! ให้ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนสิ หันหน้าออกไปเดี๋ยวนี้” ตอนนี้ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมให้อีกฝ่ายพากลับบ้าน น้ำพยายามลุกขึ้นจากเตียงอย่างทุลักทุเลในสภาพเปลือยเปล่า น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลลงมาทุกครั้งเมื่อขยับส่วนล่าง  เขาหยิบเสื้อผ้าที่วางเกลื่อนอยู่บนพื้นขึ้นมาใส่อย่างช้าๆจนเสร็จเรียบร้อย

            “เสร็จรึยัง”

            “เสร็จแล้ว”

            “มานี่เดี๋ยวฉันช่วยพยุง” เมื่อเห็นว่าร่างเล็กเดินมาอย่างช้าๆ เขาก็รู้ทันทีว่าเป็นเพราะฝีมือของตัวเอง นั่นทำให้ความรู้สึกผิดเกิดขึ้นในใจ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อตัดสินใจไปแล้ว หากจะให้เขาต้องรับผิดชอบก็พร้อมจะยอมรับทุกเมื่อ

            “ไม่ต้อง! อย่ามาทำเป็นสำนึกผิด ไอ้คนไม่มีหัวใจ” มือหนาเอื้อมมาจะช่วยพยุงเอาไว้ แต่เจ้าตัวสะบัดมันออกอย่างไม่ใยดี เขาไม่มีทางให้ไอ้คนสารเลวมาแตะเนื้อต้องตัวเขาอีกเด็ดขาด

            “อย่าดื้อได้มะ ฉันไม่ชอบพวกเอาแต่ใจ”

            “ปล่อยฉันลงนะ ไอ้บ้า”

            เมื่อไม่ได้รับความร่วมมือจากอีกฝ่าย โดมก็ต้องใช้ไม้แข็งเพื่อให้เจ้าตัวเล็กยอมศิโรราบ เขาอุ้มร่างเล็กขึ้นในท่าเจ้าสาวแล้วเดินออกไปที่รถ

            “ฉันจะรับผิดชอบนายเอง” เมื่อทั้งสองนั่งอยู่บนรถแล้วโดมก็เอ่ยขึ้นมาทันที น้ำหันขวับไปมองด้วยความตกใจ เขาไม่มีทางให้นายนั่นมารับผิดชอบใดๆทั้งนั้น

            “ไม่! ฉันไม่มีทางให้นายมาเกี่ยวข้องกับชีวิตฉันอีก ไปรับผิดชอบพี่ชายฉันเถอะ” เจ้าตัวพล่ามออกมาเสียงดัง

            “ฉันก็ไม่มีทางให้เมียฉันไปร่านตามจับใครเหมือนกัน จะบอกให้เอาบุญว่าฉันกับพี่ชายนายไม่เคยมีอะไรกันเลย” เขาไม่ยอมแน่หาก

            “ใครเป็นเมียนายกัน” เขาอยากจะฆ่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆให้ตายเสียตอนนี้

            “แล้วใครล่ะที่นอนครางอยู่ใต้ร่างฉัน” คนตัวสูงยักคิ้วให้อย่างผู้ชนะ

            “ไอ้เลว”

            “เราก็เลวพอๆกันนั่นล่ะ”

            เมื่อเถียงสู้ไม่ได้น้ำก็เปลี่ยนท่าทีทันที

            “ไปส่งฉันที่บ้านแล้วก็กลับไปซะ จากนี้เราก็ไม่ต้องมาเจอกันอีก ฉันจะไม่เอาเรื่องนาย” เขาไม่มีทางให้ใครรู้ว่าได้เสียพรหมจรรย์ให้ผู้ชายคนนี้แล้วเด็ดขาด

            “ไม่มีทางถ้าทำอย่างนั้นนายก็จะไปสร้างความวุ่นวายให้ไฟกับนายหินนั่นอีก ถ้านายไม่ยอมรับฉันเป็นแฟน ฉันก็จะบอกกับทุกคนว่านายเป็นของฉันแล้ว ทีนี้นายจะเอาหน้าไปไว้ไหนคิดให้ดี” คนที่นั่งขับรถอยู่มองมาอย่างผู้ชนะ

            “ไอ้บ้า ไอ้สารเลว แกมันบ้า” กำปั้นน้อยๆทุบไปที่ต้นแขนไม่ยั้ง จนคนที่ขับรถอยู่นั้นต้องตีไฟเลี้ยวจอดรถข้างทาง

            “ทำบ้าอะไรเนี่ยเดี๋ยวก็ได้ตายกันทั้งคู่หรอก” โดมตะโกนใส่ด้วยความโมโห

            “ตายก็ดีจะได้ไม่ต้องมาทนอับอายเป็นแฟนคนอย่างนาย”

            “ถึงฉันจะไม่มีอะไรดีเท่าไอ้หินแต่ฉันก็พร้อมที่จะเปิดใจรักนายนะ ปล่อยให้สองคนนั้นให้เค้าได้รักกันเถอะ ถ้านายรักหินจริงก็ปล่อยให้เค้าไปมีความสุขกับคนที่เค้ารัก เหมือนที่ฉันทำเพื่อไฟนี่ไง นายคงไม่อยากอยู่กับความสุขจอมปลอมไปตลอดชีวิตหรอกนะ” เขาจ้องหน้าอีกคนด้วยความจริงใจ

            “ฉัน...ฉัน....” น้ำไม่สามารถตัดสินใจปุปปับกับเรื่องนี้ได้ ที่โดมพูดมามันก็ถูกเขาหลอกตัวเองมาตลอด อยู่กับความสุขจอมปลอมที่คิดเองฝ่ายเดียว แต่จะให้ตัดสินใจตอนนี้เขาคงทำไม่ได้

            “ฉันจะไม่เร่งให้นายตอบ คิดให้ดีก่อน ฉันชื่อโดมนะ ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการ และต้องขอโทษกับเรื่องที่ทำกับนายไว้ ฉันรู้ว่ามันยากที่จะให้อภัยแต่ฉันพร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่าง” เขายิ้มอย่างจริงใจให้

            “ห๊ะ!” เขาตามอารมณ์นายนั่นไม่ทันจริงๆ

            “แล้วนายชื่ออะไร” โดมพูดกับร่างเล็กราวกับว่า เพิ่งได้รู้จักกันครั้งแรกซะอย่างนั้น

            “นะ...น้ำ” เขาเผลอตอบออกไปอย่างลืมตัว

หลังจากนั้นโดมก็โน้มใบหน้าคมไปประกบจูบอย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่อพอใจแล้วก็ผละใบหน้าออกมา

            “เรามาเริ่มต้นทำความรู้จักกันใหม่นะ”

            เสียงเข้มเอ่ยขณะที่สายตาคมจ้องมองใบหน้าสวยนั้นอย่างไม่วางตา น้ำนั่งอึ้งกับการกระทำของชายหนุ่ม มันรู้สึกแปลกใหม่และน่าประทับใจ หินไม่เคยทำอย่างนี้กับเขามาก่อน รายนั้นมีแต่ความหมางเมินและพยายามตีตัวออกห่าง เขาจะเอายังไงกับเรื่องนี้ดีนะมันรู้สึกลังเลใจเสียจริงๆ



*-*-*-*-*-*-*



            บ้านสิริกรโสภณ

            “กรี๊ดดด!!!! คุณจรัญ!”  เสียงพยาบาลสาวร้องลั่นบ้านในตอนเช้า

หินและไฟที่เพิ่งจะแต่งตัวเสร็จก็มองหน้ากัน แล้วรีบวิ่งเข้าไปที่ห้องนอนของผู้เป็นพ่อ ในใจก็ภาวนาอย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นเลย

            “คุณพ่อเป็นอะไรครับ” ไฟตะโกนถามพยาบาลสาวทันทีที่เข้ามาถึง ก่อนจะปรายตามองผู้เป็นพ่อที่นอนแข็งทื่ออยู่บนเตียงใบหน้าซีเซียวราวกับไก่ต้ม

            “คุณจรัญเสียแล้วค่ะ” พยาบาลสาวยังตัวสั่นไม่หาย

            “ไม่นะ! คุณพ่อครับ ฮือๆๆ” ไฟรีบวิ่งเข้าไปกอดผู้เป็นพ่อเอาไว้  โดยมีหินตามเข้าไปนั่งอีกฝั่งจับมือพ่อเอาไว้น้ำตาของลูกผู้ชายก็ไหลลงมาเป็นทาง

            “มันเกิดอะไรขึ้นครับคุณพยาบาล” พยาบาลน่าจะให้คำตอบในเรื่องนี้ได้ดีที่สุด เพราะอยู่กับผู้เป็นพ่อเกือบทั้งคืน

            “คุณจรัญนอนหลับตั้งแต่เมื่อคืนนี้จนถึงตอนเช้าก็ยังไม่ตื่น ดิฉันเลยเข้าไปปลุกก็พบว่าท่านเสียไปแล้วค่ะ” เธอเองก็เสียใจไม่น้อยและก็กลัวว่าจะมีความผิดที่ดูแลจรัญได้ไม่ดีพอ

            “คุณพ่อทำไมจากผมไปเร็วอย่างนี้ ฮือๆ เราเพิ่งจะเข้าใจกันไม่ใช่เหรอครับ” ตอนนี้ไฟเหมือนกับคนไร้สติ กอดร่างไร้วิญญาณของพ่อเอาไว้แล้วร้องไห้เสียงดัง

            “คุณพ่อไปดีแล้วไฟ อย่างน้อยก่อนท่านเสียท่านก็มีความสุขที่ได้เห็นเราได้แต่งงานกัน” หินพยายามปลอบใจ

            “แล้วยานั่นล่ะ คุณได้เอาให้พ่อผมทานไหม” อยู่ๆไฟก็นึกถึงเรื่องยาจีนขึ้นมาทันที

            “เมื่อวานคุณเพลินพิศเป็นคนเข้ามาป้อนท่านเองค่ะ ดิฉันไม่ได้อยู่ด้วยเพราะโดนสั่งให้ออกไปข้างนอก” เธอบอกความจริงกับทั้งสองคน

            “ยัยนั่นมันฆ่าพ่อฉัน ฉันจะไปจัดการมัน” ตอนนี้เลือดขึ้นหน้าแล้วไฟไม่สามารถควบคุมสติตัวเองได้ ก่อนจะผละจากผู้เป็นพ่อแล้วรีบวิ่งออกไปข้างนอก เพื่อไปลากตัวแม่เลี้ยงมาสำเร็จโทษให้ได้

            “เดี๋ยวไฟ!” หินตะโกนตามหลังแต่ไม่ทันเสียแล้ว เขาจึงฝากทางนี้ไว้กับพยาบาล “รบกวนคุณพยาบาลช่วยโทรแจ้งโรงพยาบาลด้วยนะครับเดี๋ยวผมมา”

            “ค่ะ”

            หินตามออกมาข้างนอกก็เห็นเพลินพิศยืนประจันหน้ากับไฟอยู่ก่อนแล้ว จึงเดินเข้าไปอยู่ข้างหลังคนรักทันที

            “ทำไมเธอถึงได้โหดเหี้ยมผิดมนุษย์มนาอย่างนี้” ไฟมองหน้าแม่เลี้ยงด้วยความโกรธแค้น ขณะที่น้ำตาก็ไหลลงเป็นทาง

            “ฉันทำอะไร” เธอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

            “คุณพ่อตายทั้งคนทำไมเธอไม่รู้สึกเสียใจอะไรบ้างเลย” ร่างบางตะโกนเสียงดัง

            “โธ่ไม่น่าเลย! คุณจรัญตายแล้วเหรอเนี่ย” เธอแกล้งทำท่าเสียใจออกมา แต่มันดูไม่สมจริงเอาซะเลย ไฟจ้องไปที่ใบหน้าเสแสร้งนั้นด้วยความเดือดดาล

            “อย่ามาตอแหลแกมันเป็นสัตว์เดียรัจฉานที่อาศัยร่างคนมาเกิด ฉันรู้ว่าแกวางยาพ่อฉัน”

            “อย่ามากล่าวหากันนะ ไหนล่ะหลักฐาน” เธอเบ้ปากอย่างไม่สนใจ

            “นี่มันคือเรื่องจริงเหรอ?” หินมองหน้าเพลินพิศอย่างเหลือเชื่อ

            “ไม่จริงนะหินน้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น” เธอปฏิเสธเสียงแข็ง

            “เก็บคำแก้ตัวของเธอไว้พูดกับตำรวจเถอะ” ไม่มีทางที่จะให้ผู้หญิงคนนี้ลอยหน้าลอยตาไปได้

            “เกิดอะไรขึ้นครับคุณแม่” เมื่อโดมขับรถมาส่งที่หน้าบ้านแล้ว เจ้าตัวก็โบกแท็กซี่กลับไป น้ำเดินเข้ามาในบ้านก็ได้ยินเสียงดังโวยวายจึงรีบวิ่งขึ้นมาดู

            “น้ำ! น้ำหายไปไหนมาลูก” เพลินพิศรีบวิ่งเข้าไปกอดลูกชายเอาไว้

            “คือ...ผม” เจ้าตัวหลบตาผู้เป็นแม่ ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี

            “รู้รึเปล่าว่าไอ้ไฟมันแย่งพี่หินไปแล้ว มันแต่งงานกับพี่หินแทนลูกไปแล้ว” เธอพยายามสุมไฟให้ลูกชาย

            น้ำหันขวับไปมองมั้งสองคนทันที

            “ผมคิดแล้วว่ามันต้องเป็นอย่างนี้ เอาเป็นว่าขอแสดงความยินดีด้วยละกันครับ ผมคงไม่เหมาะกับพี่หินจริงๆ” ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วจะไปแก้ไขอะไรได้ล่ะ นอกจากแสดงความยินดีกับทั้งสอง

            “ไม่นะน้ำลูกต้องไม่ยอมพวกมัน อย่าบอกนะว่าที่หายตัวไปเพราะตั้งใจจะล้มงานแต่ง” เธอมองลูกชายด้วยความผิดหวัง

            “ไม่ใช่นะครับแม่ ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นอย่างนั้น” เจ้าตัวทำท่าอึกอักไม่กล้าพูดความจริง

            “แล้วมันคืออะไรบอกแม่มาสิ ลูกทำให้พวกมันหัวเราะยาะแม่ที่เอาชนะพวกเราได้” เธอโวยวายใส่ลูกชาย

            “ผมเหนื่อยกับเรื่องนี้แล้วครับแม่ ผมเหนื่อยแล้ว มันมีแต่ความทุกข์และความเจ็บปวด ผมไม่อยากเป็นอย่างนั้นอีกแล้ว ฮึก...ฮือๆ” เจ้าตัวร้องไห้ออกมาทันทีเพื่อระบายความรู้สึก

            “ไม่นะลูกทุกอย่างที่นี่จะต้องเป็นของเรา ตอนนี้ไอ้แก่นั่นมันตายไปแล้ว แม่จะเอาทุกอย่างมาให้ลูกเอง” เพลินพิศพูดกับลูกชายอย่างกับคนไร้สติ

            “อะไรนะครับพ่อตายแล้วเหรอ” เจ้าตัวหันไปมองหน้าหินและไฟทันที

            “คุณพ่อเสียแล้วน้ำ” หินเป็นคนเอ่ยออกมา

            “ไม่จริงใช่ไหม ฮือๆๆ คุณพ่อ” เจ้าตัวนั่งทรุดลงกับพื้นทันที เขารู้สึกเสียใจมากที่ไม่ทันได้มีโอกาสคุยกับพ่อก่อนท่านจะเสีย

            “แกจะเสียใจไปทำไม ไอ้นั่นมันไม่ได้รักแกแม้แต่น้อย ทรัพย์สมบัติทุกอย่างมันก็ยกให้ไอ้สองคนนั่น แกกับแม่ไม่เคยอยู่ในสายตามันเลย”

            ระหว่างนั้นไฟก็ได้รับข้อความจากปลา เขาเปิดข้อความในไลน์แล้วเปิดภาพที่ถูกถ่ายส่งมา มันคือผลการตรวจสารพิษในยาจีนนั่นเอง

            “ไม่จริงคุณพ่อรักผม คุณพ่อรักผมมาตลอด” น้ำตอบกลับผู้เป็นแม่

            “ถึงแม้ว่าในพินัยกรรมจะเป็นยังไงก็ตามแต่ท่านก็รักพวกเราทุกคน คุณพ่อท่านรู้ว่าน้ำเป็นคนที่เก่งและเป็นเด็กดีมาตลอด ท่านจึงมั่นใจว่าน้ำจะเอาตัวรอดได้ ท่านบอกกับพี่อย่างนั้น” หินบอก

            “คุณพ่อ ฮือๆ” น้ำร้องไห้ออกมาเสียงดัง

            “พอได้แล้วอย่ามากล่อมลูกฉันซะให้ยาก พวกแกมันก็พวกเดียวกันคงจะฮุบสมบัติไปทั้งหมดน่ะสิ”

            “เธอนั่นละพอได้แล้ว คงไม่รู้สินะว่าฉันส่งยาจีนที่เธอเอามาให้พ่อทานทุกวันไปส่งตรวจ ผลการตรวจออกมาแล้ว มันมีสารโพแทสเซียมไซยาไนด์ผสมอยู่ด้วย เธอวางยาพ่อฉัน เธอฆ่าพ่อฉัน ฉันไม่มีทางให้เธอรอดคุกไปได้แน่นอน” ไฟตะโกนใส่หน้าเจ้าหล่อนด้วยความโกรธแค้น เขาอยากจะเอาขวานจามหัวให้ตายลงต่อหน้าถ้าหากทำได้

            “ไม่จริงใช่ไหมครับคุณแม่!” น้ำส่ายหน้าให้กับแม่ทันที เขาไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยินเลยแม้แต่น้อย

            “ไม่จริงนะลูกอย่าไปฟังมัน แม่ไม่ได้ทำมันใส่ร้ายแม่”

            “เรื่องนี้ให้ตำรวจเป็นคนจัดการก็แล้วกัน” ไฟพูดแล้วก็สะบัดหน้าเดินกลับไปหาผู้เป็นพ่อทันที

            “แกคิดว่าจะเอาชนะฉันได้เหรอไอ้ไฟ” เพลินพิศมองตามหลังแล้วรีบเดินตามไปหวังจะผลักลูกเลี้ยงให้ตกบันได

            “ไฟระวัง” หินรีบตะโกนตามหลังไปเมื่อเห็นว่าเพลินพิศกำลังจะทำอะไร

            ก่อนที่เพลินพิศจะถึงตัว ไฟก็หันกลับมาแล้วหลบตัวได้ทันพอดี จังหวะนั้นเพลินพิศกำลังใช้มือทั้งสองข้างผลักไป ทำให้เจ้าตัวเสียหลักล้มกลิ้งลงบันไดไปเสียเอง

            “คุณแม่!!”



*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.18--จุดจบ--(Up.08-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 08-04-2018 19:22:42
กรรมตามสนอง โถๆๆๆ
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.18--จุดจบ--(Up.08-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-04-2018 19:43:34
นังชะนีตกบันไดหรอ อะไรที้หักได้ ก็ให้มันหักๆไปซะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.18--จุดจบ--(Up.08-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: kun ที่ 08-04-2018 20:09:28
กรรมติดจรวด
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.18--จุดจบ--(Up.08-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-04-2018 21:19:04
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.18--จุดจบ--(Up.08-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 09-04-2018 08:07:55
กำลังเข้มข้น
หัวข้อ: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.19--อวสาน--(Up.09-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: ไมเลอร์ ที่ 09-04-2018 18:46:32
CHAPTER

-19-

อวสาน



          3 เดือนต่อมา

          วันนี้เป็นวันทำบุญครบหนึ่งร้อยวันที่จรัญได้จากโลกนี้ไป หินได้นิมนตร์พระมาที่บ้านตั้งแต่เช้าตรู่  ก่อนที่ทุกคนจะนั่งฟังพระสวดอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน ใช่แล้วทุกคนยังอยู่ที่บ้านหลังนี้แม้กระทั่งเพลินพิศเอง เธอก็ได้รับผลกรรมที่ทำไว้อย่างสาสม  จากการตกบันไดในวันนั้นทำให้เธอเป็นอัมพาตไปทั้งตัว ไม่สามารถเดินเหินได้เหมือนแต่ก่อน แถมยังไม่สามารถที่จะพูดคุยกับใครได้อีก ทำได้เพียงส่งเสียงอ้อแอ้ในลำคอและกลอกลูกตาไปมาเพื่อตอบรับเท่านั้นเอง

            “เสร็จพิธีแล้วไปลอยอังคารคุณพ่อกับพวกพี่นะน้ำ” หินเอ่ยกับน้องชายที่นั่งอยู่ข้างๆ

            “พวกพี่สองคนไปกันเลยครับ ผมขออยู่ดูแลคุณแม่ที่บ้านดีกว่า” เจ้าตัวเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ยิ่งเห็นอย่างนี้เขายิ่งไม่อยากห่างจากแม่แม้แต่วินาทีเดียว

            “ให้คนใช้ที่บ้านดูแลแทนก็ได้นี่น้ำ” ไฟเอ่ยกับน้องชาย

            “วันนี้คุณแม่อาการไม่ค่อยดีผมอยากเฝ้าท่านด้วยตัวเองมากกว่าครับ ฝากพี่ไฟเป็นตัวแทนส่งคุณพ่อเป็นครั้งสุดท้ายด้วยละกันนะครับ ถึงยังไงผมก็ระลึกถึงท่านเสมอ”

            “ถ้างั้นก็ได้พี่จะทำหน้าที่แทนน้ำเอง” เจ้าตัวยิ้มให้น้องชายด้วยความเข้าใจ ตอนแรกเจ้าตัวก็อยากจะเอาเรื่องเพลินพิศให้ถึงที่สุด แต่เห็นสภาพแล้วก็รู้สึกสงสารขึ้นมา โดยเฉพาะน้องชายที่ต้องสูญเสียทั้งพ่อและต้องมาทนเห็นแม่ในสภาพอัมพาตอย่างนี้ยิ่งน่าสงสารเข้าไปใหญ่

            ตอนนี้น้ำเองก็สามารถทำใจกับเรื่องราวทั้งหมดได้แล้ว หลังจากวันนั้นเขาก็คิดได้ว่าความอิจฉาริษยานั้นมันไม่มีประโยชน์ใดๆเลย มีแต่จะทำให้ชีวิตย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ เหมือนกับสิ่งที่เขาและแม่ได้รับมันเป็นอะไรที่เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

            “ถึงเวลาแล้วไปกันเถอะไฟ” เมื่อได้ยินหินทักมาแล้ว ไฟก็บอกกับน้องชายทันที

            “ไปบอกลาคุณพ่อเป็นครั้งสุดท้ายนะน้ำ”

            “ครับพี่ไฟ”

            น้ำเดินไปที่ห่ออัฐิของผู้เป็นพ่อก่อนจะก้มลงกราบ

            “คุณพ่อครับ...ผมขออโหสิกรรมกับสิ่งที่คุณแม่ทำกับคุณพ่อด้วยนะครับ ผมสัญญาว่าจะคิดดี ทำดี ไม่ทำให้คุณพ่อผิดหวังกับลูกชายคนนี้แน่นอน ผมรักคุณพ่อนะครับ” เจ้าตัวมองอัฐินั้นด้วยแววตาเศร้า

            “พี่เชื่อว่าคุณพ่อคงอโหสิกรรมให้คุณน้าแน่นอน คุณพ่อท่านเป็นคนที่ไม่เคยจองเวรใคร น้ำไม่ต้องห่วง” ไฟเดินเข้ามานั่งข้างๆน้องชายแล้วยกมือเรียวลูบที่แผ่นหลังเบาๆ

            “ขอบคุณพี่ไฟมากนะครับที่ให้อภัยคุณแม่”

            “เรื่องมันเกิดขึ้นแล้วคุณน้าก็ได้รับผลกรรมที่เกิดขึ้นแล้ว พี่ก็ไม่รู้จะจองเวรกันอีกทำไม” เขายิ้มให้กับน้องชาย

            “น้ำขอตัวขึ้นไปดูคุณแม่ก่อนนะ เดินทางปลอดภัยนะครับ” เจ้าตัวยิ้มให้แล้วเดินขึ้นไปชั้นบน ส่วนไฟและหินก็เดินทางไปที่สัตหีบเพื่อไปลอยอังคารอัฐิของผู้เป็นพ่อ


*-*-*-*-*-*-*



            น้ำเดินเข้าไปในห้องนอนของผู้เป็นแม่แล้วนั่งลงที่ข้างเตียง แล้วจ้องมองบุพการีที่นอนนิ่งอยู่ไม่สามารถขยับเขยื้อนส่วนใดในร่างกายได้เลย แม้แต่ริมฝีปากก็บิดเบี้ยวจนผิดรูป ทว่าทำได้เพียงส่งเสียงร้องที่ไม่เป็นภาษาเพื่อเรียกคนที่ดูแลเท่านั้นเอง น้ำจับมือแม่เอาไว้ก่อนจะเล่าถึงพิธีทำบุญครบร้อยวันของผู้เป็นพ่อให้ฟัง

            “ตอนนี้งานทำบุญครบร้อยวันของคุณพ่อเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับคุณแม่ พี่หินกับพี่ไฟนำอัฐิคุณพ่อไปลอยอังคารที่สัตหีบแล้ว คุณแม่ไม่ต้องกังวลนะครับผมขออโหสิกรรมจากคุณพ่อให้คุณแม่เรียบร้อยแล้ว ต่อไปนี้คุณแม่จะได้สบายใจซะทีนะครับ” เขายิ้มให้กับผู้เป็นแม่

            “อื้อ อื้อ”

            เพลินพิศได้แต่สั่งเสียงร้องในลำคอ  มันช่างทรมานมากเหลือเกินที่ไม่สามารถพูดอย่างที่คิดได้ ตอนนี้ความทุกข์ทรมานทำให้เธอเองก็สำนึกผิด นี่คงเป็นผลกรรมที่เธอทำไว้กับทุกคน แต่มันคงจะสายเกินไปสำหรับคำว่าขอโทษที่เธอจะมอบให้ เพราะตอนนี้เธอไม่สามารถพูดมันออกมาได้เลย ทำได้เพียงระบายน้ำตาออกมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความรู้สึกเสียใจ

            “วันนี้ผมจะอยู่กับคุณแม่ทั้งวันนะครับ ผมจะอ่านนิยายให้คุณแม่ฟัง วันนี้คุณแม่จะฟังเรื่องอะไรดี” เขาเลือกที่จะอ่านนิยายและข่าวสารบ้านเมืองให้ผู้เป็นแม่ฟังทุกวันเพื่อไม่ให้รู้สึกเหงา นิยายหลายเล่มที่ซื้อมาได้ถูกยกขึ้นโชว์ให้ดู หากเล่มไหนเจ้าตัวถูกใจก็จะส่งเสียงร้องออกมาให้ได้ยิน

            “คุณแม่ชอบเรื่องนี้ใช่ไหมครับ” เจ้าตัวถามย้ำอีกครั้งพร้อมกับยกเล่มนิยายให้ดู

            “อื้อ อื้อ”

            “คุณแม่ตั้งใจฟังนะครับ ผมจะเริ่มอ่านแล้วนะ....”

            หลังจากนั้นเจ้าตัวก็เริ่มอ่านนิยายไปเรื่อยๆ ด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่สนุกสนานเพื่อให้ผู้เป็นแม่ไม่รู้สึกเครียด หากวันไหนที่เขามีเรียนก็จะให้คนรับใช้ที่บ้านเป็นคนอ่านให้ฟังแทน น้ำเอาเวลาทั้งหมดในชีวิตทุ่มให้กับการเรียนและดูแลแม่จนไม่มีเวลาคิดเรื่องความรัก จนลืมไปเลยว่ายังมีอีกคนที่รอฟังคำตอบที่เคยให้สัญญากันไว้ในคราวนั้น



*-*-*-*-*-*-*



            สัตหีบ ชลบุรี

            เมื่อเรือเช่าแล่นมาจอดกลางทะเล พิธีการลอยอังคารก็เริ่มต้นไปเรื่อยๆตามลำดับ จนตอนนี้ถึงขั้นตอนการยืนไว้อาลัยเป็นเวลาหนึ่งนาที ไฟยืนหลับตาในท่าทีสุภาพข้างๆคนรัก หลังจากนั้นก็โยนเงินเหรียญลงไปในทะเลเพื่อซื้อที่ให้กับผู้เป็นพ่อตามความเชื่อ  ก่อนจะลงบันไดเรือทางกาบซ้ายแล้วลอยกระทงดอกไม้เจ็ดสี หลังจากนั้นไฟก็อุ้มประครองลุ้งอังคารค่อยๆวางลงบนผิวน้ำ หินเองก็โรยกลีบกุหลาบที่ถูกผสมกับกลีบดาวเรืองลงตามไป

            “เกิดชาติหน้าขอให้ผมเกิดมาเป็นลูกชายคุณพ่ออีกนะครับ” เมื่อเสร็จพิธีไฟก็มองไปที่ผืนน้ำทะเลที่เต็มไปด้วยกลีบดอกไม้ลอยเกลื่อนกระจายตัวออกไปเรื่อยๆ

            “ผมสัญญาว่าจะดูแลทุกคนในบ้านให้ดีที่สุดครับ” หินเอ่ยหลังจากนั้นก่อนจะหันไปยิ้มให้กับคนรักที่อยู่ในอ้อมแขน

            “สัญญาแล้วนะ”

            “โดยเฉพาะคนนี้ผมจะรักและดูแลให้ดีที่สุดเลยครับคุณพ่อ”

            “ผมก็จะซื่อสัตย์กับพี่หินคนเดียวครับคุณพ่อ”

            “สัญญาแล้วนะ” หินถามกลับ

            “คร้าบบ กลับกันเถอะ”

            หลังจากนั้นทั้งสองก็ขึ้นไปบนเรือแล้วเดินทางกลับ


*-*-*-*-*-*-*



            หลายวันต่อมา

            หลังจากเจอมรสุมชีวิตมาซะนานตอนนี้คงถึงเวลาแห่งความสุขเสียที ไฟได้จัดปาร์ตี้เล็กๆที่บ้านโดยไม่ลืมที่จะชวนเพื่อนๆรวมถึงโดมมาร่วมงานด้วย งานปาร์ตี้ถูกจัดขึ้นในสวนหน้าบ้าน ไฟแจงให้แม่บ้านเตรียมอาหารมื้อพิเศษไว้ให้กับทุกคน แต่เมนูที่ขาดไม่ได้คือหมูปิ้งสูตรพิเศษที่เขาตั้งใจทำด้วยตัวเองเพื่อทุกคน ตอนนี้แขกทุกคนมาถึงอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันเรียบร้อยแล้ว จะเหลือก็เพียงเจ้าของบ้านที่ยังคงแต่งหล่ออยู่บนห้อง

            “เสร็จรึยังครับพี่หิน” ตอนนี้ไฟแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว วันนี้เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบางคู่กับกางเกงขาสั้นพับขึ้นจนเลยหัวเข่าเพียงนิดหน่อย ไม่ต่างจากร่างสูงที่แต่งตัวเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน

            “อีกแป๊บนึงนะครับ ผมพี่ยังกระเซอะกระเซิงอยู่เลย ก็เมียไม่ใส่ใจนี่นาปล่อยให้ผัวต้องทำเองทุกอย่าง” เจ้าตัวพูดเหมือนงอนอีกฝ่าย

            “มานี่เดี๋ยวเซ็ทผมให้” ไฟยอมเอาใจคนรักด้วยการเดินเข้าไปโอบคอแล้วทำการเซ็ทผมให้ทันที หินมองร่างบางจากในกระจกแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

            “ยิ้มอะไร”

            “ก็เห็นเมียรักผัวขนาดนี้จะไม่ให้ยิ้มได้ไง”

            “รู้ได้ไงว่ารักมากขนาดไหนอ่ะ” เจ้าตัวถามยิ้มๆ

            “จำไม่ได้เหรอเมื่อคืนที่พี่จับกด ตัวเองร้องครวญครางแล้วบอกรักพี่เป็นสิบๆครั้งเลยนะ” หินยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อีกฝ่าย จนทำให้ไฟถึงกับหน้าแดงขึ้นมาทันที

            “น่าเกลียด อย่าเอาเรื่องบนเตียงมาพูดแบบนี้อีกนะ”

            “พี่ไม่พูดให้ใครฟังหรอกน่า เพราะถ้าใครรู้เข้าว่าเวลาไฟอยู่บนเตียงแล้วขี้อ้อนขนาดไหน อาจจะโดนแย่งไปก็ได้”

            “พอๆเสร็จแล้วลงไปกันเถอะเพื่อนๆรอกันนานแล้ว”

            “คร้าบบเมียสุดที่รัก”

            หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เดินจูงมือกันออกจากห้อง ก่อนจะเห็นน้ำเดินออกมาจากห้องนอนของเพลินพิศโดยบังเอิญ

            “อ้าว! น้ำทำไมยังไม่เปลี่ยนชุดอีกล่ะ” ไฟเอ่ยถามเมื่อเห็นน้องชายยังคงสวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นตัวเดิมอยู่

            “คือน้ำขอตัวไม่ไปนะครับ ขอเฝ้าคุณแม่อยู่ข้างบนดีกว่า พี่ๆตามสบายเลยนะครับ” จริงๆแล้วเขาไม่อยากเจอหน้าโดมนั่นเอง หลังจากแยกกันวันนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกแม้แต่ครั้งเดียว เขาพยายามหลบหน้าชายหนุ่ม ทั้งๆที่โดมเองก็พยายามหาทางเข้าหาอยู่บ่อยครั้ง

            ส่วนเรื่องที่โดมเคยล่วงเกินน้ำในวันนั้น เขาได้สารภาพความผิดทั้งหมดกับไฟเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพร้อมที่จะรับผิดชอบและเริ่มต้นใหม่หากน้ำยอมรับในตัวเขา โดมรู้สึกผิดกับเรื่องนี้มาตลอด จนหลังๆมาเริ่มกลายเป็นความคิดถึง ไม่รู้ทำไมแค่คืนเดียวน้ำก็ทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไป ทุกสัมผัสในวันนั้นมันไม่เคยเลือนหายไปจากความคิดได้เลย

            “พี่อยากให้น้ำลงไปร่วมงานด้วยนะ มีแต่คนกันเองทั้งนั้น ให้ปิ๋วไปดูแลคุณน้าก็ได้แค่ไม่นาน...นะน้ำ” ไฟตั้งใจให้น้องชายและโดมได้เจอกันเพื่อปรับความเข้าใจ เขาไม่หวังว่าจะให้ทั้งสองคนคบกัน แต่อยากให้โดมได้มีโอกาสได้พูดสิ่งที่อยากจะพูด หากน้ำได้โดมมาดูแลหัวใจจะทำให้เป็นคนที่โชคดีที่สุดคนนึง นั่นเพราะโดมเป็นคนดีและมีความจริงใจ เขาอยากให้ทั้งสองลงเอยกันเป็นที่สุด

            “พี่กับไฟจะรอหินในงานนะ” หินบอกกับน้องชายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

            “ครับถ้ายังไงเดี๋ยวน้ำจะตามไป” เจ้าตัวตอบ ก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องนอน

            เมื่อเจ้าของบ้านเดินควงคู่เข้ามาในงานก็ได้รับเสียงโห่แซวเสียงดังทันที เพราะวันนี้ทั้งสองได้ใส่ชุดคู่ออกงานเป็นครั้งแรก แถมยังสวีทหวานกว่าทุกครั้งที่เคยเห็นมา

            “มาซะทีนะสองผัวเมียเนี่ย” ปลาเอ่ยแซวในมือก็ถือแก้วไวน์ชั้นเลิศอยู่ตลอดเวลา

            “โทษทีนะแต่งตัวนานไปหน่อย” ไฟยิ้มเขินๆให้กับทุกคน

            “แต่งตัวหรือทำอะไรกันจ๊ะ” วีมองทั้งสองคนสลับไปมาด้วยรอยยิ้มกวนๆ

            “ก็ไฟนั่นล่ะที่อ้อนพี่ไม่เลิกเลยจัดให้ซะหนึ่งดอก” เจ้าตัวได้ยินก็ถึงกับกำหมัดชกไปที่ต้นแขนทันที

            “ไอ้คนขี้โกหกใครเค้าทำอย่างนั้น”

            “มึงอย่ามาทำเป็นอายเลยไฟคนกันเองทั้งนั้น” วีเอ่ยแซวอีกครั้ง

            “มึงก็อีกคนจะเข้าข้างกูหรือคนอื่น”

            “กูอยู่ข้างมึงนั่นล่ะ แต่หูเบาเชื่อพี่หินไปหน่อยเท่านั้นเอง ฮ่าๆๆ” วีหัวเราะออกมา

            ระหว่างนั้นโดมเอาแต่ส่องเข้าไปในตัวบ้าน เหมือนกำลังมองหาใครบางคนอยู่ ไฟเห็นอย่างนั้นก็รู้ทันทีว่าเจ้าตัวกำลังอยากเจอน้องชายของตัวเอง

            “พี่โดมมองหาใครอยู่เหรอครับ”

            “เอ่อ...เปล่าไม่มีอะไร” เจ้าตัวทำหน้าเหรอหราเมื่อโดนจับผิดได้

            “อีกสักครู่น้ำก็จะลงมาแล้วครับ” ไฟรู้ทันว่านี่คือคำตอบที่โดมอยากได้ยิน

            “ออ...เหรอ” โดมไม่ได้ว่าอะไรมากเพียงแค่เออออตามเท่านั้น

            ทั้งหมดนั่งร่วมโต๊ะทานมื้อเย็นที่สุดแสนจะพิเศษกันอย่างสนุกสนาน ไม่นานหลังจากนั้นน้ำก็เดินลงมาร่วมงาน คนที่มองไปเป็นคนแรกนั่นไม่ใช่ใครนอกจากโดม นี่เป็นการเจอกันครั้งแรกในรอบสามดือนของทั้งสองคน

            “น้ำ มานั่งตรงนี้เร็ว” ไฟเรียกน้องชายเข้ามานั่งข้างๆซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโดม

            “ครับ” น้ำนั่งลงแล้วเอาแต่ก้มหน้า ไม่กล้าสบตากับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้าม

            “น้องน้ำเต็มที่เลยนะจ๊ะ”

            “ครับ” เจ้าตัวตอบรับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

            ตอนนี้ทั้งวีและปลาเองก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ไม่ได้โกรธหรือเกลียดน้องชายเพื่อนเหมือนแต่ก่อนแล้ว

            โดมพยายามจะสบตาคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าแต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมให้มีโอกาสนั้นเลย เขานั่งถอนหายใจอยู่หลายครั้งก่อนจะทนไม่ไหว

            “น้ำ! ขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ”

            ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียวกัน รวมถึงเจ้าตัวที่เงยหน้าขึ้นไปสบตาเป็นครั้งแรก

            “น้ำไปคุยกับพี่โดมหน่อยนะ ก่อนหน้านี้พี่เค้าก็เอาแต่มองหาน้ำ สงสัยมีเรื่องสำคัญจะพูดด้วย” ไฟบอกกับน้องชาย

            “ก็ได้ครับ” เจ้าตัวตอบรับแต่โดยดี

            หลังจากนั้นเจ้าตัวก็เดินตามหลังโดมไปไม่ไกลจากบริเวณงานปาร์ตี้มากนัก ก่อนจะหยุดตรงที่ลับตาคน พอที่จะให้พูดคุยเป็นการส่วนตัวได้

            “มีอะไรก็ว่ามา” น้ำเป็นคนเอ่ยขึ้นก่อน หลังจากต่างคนต่างเงียบมาสักพัก

            “ตกลงเรื่องของเราจะเอายังไง” โดมจ้องคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่จริงจัง

            “ไม่เอายังไงทั้งนั้น ต่างคนต่างอยู่ก็ดีแล้ว ฉันไม่มีเวลามาคิดเรื่องนี้อีกแล้ว เพราะต้องเอาเวลาไปดูแลแม่ นายไม่ต้องไปสนใจเรื่องที่มันผ่านมาหรอก ฉันลืมมันไปหมดแล้ว” น้ำตัดสินใจบอกชายหนุ่มด้วยสีหน้าเรียบเฉย

            “แต่ฉันไม่มีทางลืมมันได้!” โดมตวาดลั่นจะให้เขาลืมไปได้ยังไง ในเมื่อผ่านมาสามเดือนแล้วแต่ใบหน้าของน้ำก็ยังคงวนเวียนในหัวเขาไม่หาย แทนที่มันจะเป็นภาพไฟในนั้นแต่ไม่ใช่เลย

            “พอได้แล้ว! เรื่องของเรามันไม่ได้มีอะไรตั้งแต่ต้น นายจะทำอย่างนี้เพื่ออะไร” น้ำพูดแค่นั้นก็เดินหันหลังกลับไป แต่โดนร่างสูงรั้งที่เอวคอดแล้วกระชับกอดจากด้านหลังเอาไว้

            “เพราะตอนนี้นายมีอิทธิพลกับหัวใจฉันไงล่ะ มันอาจจะยังไม่ใช่ความรักแต่ ฉันมั่นใจว่าอีกไม่นานมันจะใช่หากนายให้โอกาสฉันอีกสักครั้ง” โดมพร่ำบอกคนที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยน้ำเสียงสั่นเคลือ

            “ถ้านายทนนิสัยฉันได้ก็...ลองดูละกัน”

            “จริงๆนะ” โดมยิ้มด้วยความดีใจ

            “อื้ม” คนที่อยู่ในอ้อมกอดอมยิ้ม แม้ตอนนี้เขาจะยังไม่ได้รักโดมแต่หากมีคนที่คอยดูแลเอาใจใส่อยู่ข้างกายในเวลาเช่นนี้ อย่างน้อยมันก็ช่วยให้เขาไม่รู้สึกเหงาเหมือนที่ผ่านมา และหากในอนาคตมันจะพัฒนาไปมากกว่านี้หรือไม่ก็สุดแท้แต่วาสนาก็แล้วกัน



            หลังจากเคลียร์ปัญหากันได้เรียบร้อยแล้ว น้ำและโดมก็กลับมาที่งานปาร์ตี้อีกครั้ง

            “อ้าวกลับมากันแล้วเหรอ ทำไมพี่โดมดูหน้าตาสดใสขึ้นจังคะ มีอะไรดีๆรึเปล่าน้า” ปลาเอ่ยแซว

            “ไม่มี้” เจ้าตัวยิ้มแป้นก่อนจะขยับเก้าอี้ให้กับน้ำ แล้วกลับมานั่งที่ตัวเอง

            “ทำไมต้องขึ้นเสียงสูงด้วยล่ะพี่ แถมยังขยับเก้าอี้ให้กันอีกด้วย แนะๆๆมีอะไรดีๆไม่บอกน้องเลยนะ” ยิ่งเห็นอย่างนั้นวียิ่งไม่สามารถห้ามปากตัวเองได้เลย

            “พอได้แล้วพวกมึงสงสารน้องกูมั่ง อายจนหน้าแดงไปหมดแล้วเนี่ย” ไฟมองหน้าน้องชายตัวเองแล้วก็พอจะเดาอะไรออก ทั้งสองคงลงลอยกันได้แล้วสินะ เขายิ้มด้วยความดีใจอย่างน้อยในอนาคต คงมีคนที่ไว้ใจได้ดูแลน้องชายของตัวเองแล้ว

            “ไหนๆก็มากันครบแล้ว เอ้าชนแก้วกันหน่อย!” หินยกแก้วไวน์ขึ้นก่อนใคร

            แกร๊ง!

            “ขอบคุณสำหรับมิตรภาพดีๆที่มีให้กูเสมอมานะพวกมึง” ไฟเอ่ยกับเพื่อนรักทั้งสอง

            “อย่ามาทำเป็นซึ้ง เพื่อนกันยังไงก็ต้องอยู่ข้างกันเสมอนี่หว่า” วีบอกกับเพื่อน

            “แต่มีเรื่องนึงที่กูไม่พอใจมึง” ปลาทำแก้มป่องราวกับมีเรื่องงอนเพื่อนรัก

             “อะไรอีกวะอีปลา” ไฟถามเพื่อนเสียงห้วน

             “กูไม่พอใจที่มึงได้ผัวก่อนพวกกู มันไม่ยุติธรรมเลยว่ะ” เจ้าตัวเปลี่ยนท่าทีเป็นยิ้มกวนๆ

            “กูไม่ได้อยากมีซะหน่อย แต่คนบางคนอยากได้กูเองนี่หว่า” ไฟโบ้ยให้คนที่นั่งข้างๆเป็นคนตอบ

            “จริงรึเปล่าพี่หิน” ปลาหันไปถามหินแทน

            “ไม่จริ้ง คนบางคนอ่อยพี่เองต่างหาก ตอนแรกก็วางแผนทำเป็นร้ายกาจใส่ เพราะอยากให้พี่ตอบโต้ด้วยการจูบ หลังจากนั้นก็มาขโมยหัวใจพี่ไป ไหนใครที่บอกว่าไม่ได้อยากมีผัว..ฮึ” หินทำหน้ากวนใส่คนรักที่นั่งอยู่ข้างๆ คนอื่นๆต่างก็อมยิ้มให้กับความน่ารักของทั้งคู่

            “คนอะไรชอบพูดเข้าข้างตัวเอง ชิส์” ไฟสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง

            “อ้าวงอนๆแล้วพี่หินทำไงทีนี้” ปลาเหมือนชงให้อีกฝ่ายง้อ

            “พี่มีวิธีคอยดู” หินทำหน้าเจ้าเล่ห์ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ แล้วเอามือจี้ที่เอวของอีกฝ่าย มีหรือที่ไฟจะทนได้ เจ้าตัวรู้สึกจั๊กจี้แล้วหันหน้ามาจะด่าอีกฝ่ายแต่กลับโดนริมฝีปากประกบจูบทันที

            ฮิ้ววววว!!!

            ไฟพยายามผลักอกแกร่งให้ออกห่างแต่หินไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่นอน มือหนาจับที่ต้นคอร่างบางเอาไว้แน่นไม่ให้หนีไปไหนได้  คราวนี้ล่ะ...ทุกคนจะได้รู้ว่าเขารักเจ้าไฟร้ายคนนี้มากแค่ไหน



-จบบริบูรณ์-



               ขอจบในตอนนี้นะครับ หากมีตอนต่อไปคงจะเป็นตอนพิเศษ ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้กันมาตลอดนะครับ ฝากติดตามเรื่องต่อๆไปด้วยนะครับ หากมีอะไรผิดพลาดคนเขียนต้องขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วยน้าาาา

                รักคนอ่านทุกท่านจ้า
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.19--อวสาน--(Up.09-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-04-2018 19:17:46
สุขๆ ทุกคู่นะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.19--อวสาน--(Up.09-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 09-04-2018 23:42:57

กรรมสนองแม่เลี้ยงทันตา

ต้องว่าอย่างนี้

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.19--อวสาน--(Up.09-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 10-04-2018 02:02:49
จบด้วยดี :hao5:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.19--อวสาน--(Up.09-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: lemonphug ที่ 10-04-2018 21:03:39
ขอตอนพิเศษน้ำโดมนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.19--อวสาน--(Up.09-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-04-2018 21:08:36
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.19--อวสาน--(Up.09-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 11-04-2018 16:07:14
จบแล้ว ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.19--อวสาน--(Up.09-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-04-2018 14:17:53
ไฟต้องร้ายเพราะจำเป็นหรอกเนาะ แต่จริงๆ เป็นคนชิลๆ
แต่ก็ไม่ต้องทำแบบนี้กับทุกคนก็ได้ ต้องขอบคุณโดมนะที่เข้ามา
หินชอบน้องมาแต่แรกแล้วใช่ไหม เลยทำเนียนลงโทษแบบนั้น
จนกลายมารักจริง ทิ้งไม่ได้ และยอมทำทุกอย่างเพื่อไฟ

น้ำเอ้ย เสียดายเวลามากเลย จิตใจดำดิ่งจรเสียความดี
แต่ยังดีที่กลับใจทันและยอมเปิดใจให้โดม
สงสารพ่อมากค่ะ ไม่ได้พลาดนะ แต่ก็จริงจังไม่พอ จนเกิดเรื่องหลายอย่าง

สุดท้ายก็ผ่านไปด้วยดี เพื่อนไฟเป็นคนดีนะ และทุกคนรักไฟ
ขอบคุณมากนะคะ สำหรับนิยาย
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.19--อวสาน--(Up.09-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Pawana ที่ 22-04-2018 14:33:15
พระเอกเป็นผู้บริหารได้ยังงัย.  โง่ ให้แม่เลี้ยงข่มขู่ได้ง่ายเกิน.  ไม่มีการแก้ปัญหาเลย.  หรือต่อสู้เลย.มันผิดวิสัยของคนที่เป็นได้ถึงระดับนี้อะ.  บริษัทจะเจ๊งปะอะ. 556     ขอบคุณงามๆๆๆคร่าาาา
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.19--อวสาน--(Up.09-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: brookzaa ที่ 22-04-2018 23:52:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.19--อวสาน--(Up.09-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattarat ที่ 23-04-2018 10:07:42
ชอบไฟมากๆเลยค่ะ ขอตอนพิเศษ หิน ไฟ ด้วยนะค่ะ
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.19--อวสาน--(Up.09-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 11-08-2018 15:02:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.19--อวสาน--(Up.09-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: NewYearzz ที่ 01-08-2019 20:38:37
เรื่องนี้รวบรัดไปหน่อย

การให้เหตผลของแต่ละปมน้อยไปหน่อย

แต่พล๊อตน่ารัก ดราม่ากรุบกริบดีครับ

 :L2:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.19--อวสาน--(Up.09-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 12:22:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: lll:::::ไฟร้ายลวงรัก:::::lll--Ch.19--อวสาน--(Up.09-04-2018)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattarat ที่ 23-09-2023 05:08:25
กลับมาอ่านอีกรอบ หินไฟ