ตอนที่ 46
“ ครับ สองวันเหรอ ก็มี แต่คงพอหยุดได้อยู่ อื้ม ครับ ครับ ” เสียงจริงจังของคนข้างกันที่กำลังพูดผ่านสายโทรศัพท์ชวนให้ผมที่กำลังเล่นไอแพตในระหว่างรถติดนี้เงยหน้าขึ้นไปมอง อาฟกดวางสายลงในตอนนั้น มันวางมือถือลงกับช่องเปิดประตูข้างตัว ก่อนจะหันมาบอกผม “ กูจะไปสิงคโปร์กับพ่อสองวันนะ ”
“ เหรอ ” พยักหน้ารับคำพูดนั้นก่อนจะนิ่งไป ความรู้สึกแปลกประหลาดเกิดขึ้นในใจผมอย่างฉับพลัน ราวกับว่าอยู่ๆหัวใจมันก็ตกลงจากที่สูงอย่างรวดเร็ว เป็นอาการชาที่ชวนให้เผลอยิ้มออกมาเพราะรู้สึกว่า ‘ อะไรมันจะขนาดนั้นวะ ติดแฟนอ๋อมึง ไอ้เมด ’
“ เดี๋ยวกูจะให้ไอ้เดย์มารับมาส่งมึง เพราะมันไม่ต้องไป ”
“ เฮ้ย ไม่ต้องๆ ” หันไปโบกมือให้อีกคน “ กูจัดการชีวิตตัวเองได้ เดี๋ยวกูจะกลับไปนอนคอนโดตัวเองแล้วกัน ”
“ แล้วทำไมไม่อยู่คอนโดกู กลับไปทำไม ” อาฟหันมาถามด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจในสิ่งผมพูดหรือคิดสักเท่าไหร่
“ ก็คือกูเป็นคนนอกไง ” คิ้วเข้มนั้นขมวดกับคำตอบของผมที่ได้ยิน “ คือกูหมายถึงว่าเจ้าของคอนโดอย่างมึงไม่อยู่ แต่กูเป็นคนนอกดันมาอยู่แทน กูว่ามันแปลกๆ ”
“ กูจะให้โอกาสมึงพูดอีกที ” อาฟหันมาจ้องหน้าผม มันถามย้ำ “ มึงเป็นคนนอกเหรอ ”
“ ก็..”
“ แฟนกูไม่ใช่คนนอก หรือมึงไม่ใช่แฟนกู ”
“ ก็ใช่.. ” หมดปัญญาจะเถียงอะไรต่อ ได้แต่ยิ้มออกมากับอีกคนที่ก็มองออกไปตรงทางข้างหน้าเหมือนเดิม ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวเลยด้วยซ้ำว่าทำให้ผมหูแดงไปหมด อาฟขยับเกียร์ให้รถเคลื่อนไป “ กูนอนคอนโดมึงก็ได้ แต่มึงไม่ต้องให้น้องเดย์มารับมาส่งกูหรอก ”
“ ทำไม ? ”
“ เกรงใจน้องไง น้องเดย์มันก็มีอะไรหลายอย่างที่ต้องทำ จะให้มันมารับมาส่งกูทำไมวะ รถกูก็มี กูขับไปผับเองก็ได้ แล้วคอนโดมึงก็ติดรถไฟฟ้าขนาดนั้น กูขึ้นรถไฟฟ้าไปเรียนเองสะดวกกว่า ไม่ต้องให้น้องเดย์มารับหรอก ”
“ ขับแบบมึง คืออยากจะไปฝากรอยไว้กับรถคันไหนอีกใช่มั้ย ถึงได้กล้าที่จะขับไปเอง ” อาฟหันมาเหล่มองกันด้วยสายตาเชิงดูถูก รอยยิ้มที่ยกยิ้มพลางส่ายหน้านั้น ผมนึกอยากจะสบถคำหยาบสักคำใส่มัน แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่นิ่งแล้วเปลี่ยนท่าทางให้ดูจริงจัง
“ มึงคิดว่ากูเป็นคนแบบนั้นเหรอ มึงคิดใช่มั้ยวะ ว่ากูจขับรถไปฝากรอยไว้บนรถคนอื่น แล้วสุดท้ายกูจะใจง่ายชอบเค้าแบบที่กูชอบมึง ” ถามด้วยเสียงคล้ายโกรธ ในตอนนั้นอาฟก็หันมามองก่อนจะถอนหายใจ มันหันกลับไปมองนอกหน้าต่างรถเหมือนเดิม คล้ายกับว่าสิ่งที่ผมพูดนั้น ช่างปัญญาอ่อนเกินว่าที่มันจะใส่ใจมองดู แต่ถึงอย่างงั้นผมก็ยังพูดต่อไป ด้วยท่าทางที่คิดว่า นี่คืออาการของคนน้อยใจแบบสุดๆ “ ทำไมมึงแม่งไม่เชื่อใจกูเลยวะ หรือมึงคิดว่าเจ้าของรถเค้าจะมาชอบกูแบบที่มึงชอบกู งั้นมึงก็คิดเหรอวะ ว่ากูจะชอบเค้ากลับแบบที่กูชอบมึงด้วยน่ะ ”
คนฟังไม่ได้ตอบอะไรกลับมา อาฟแค่ขับรถไปนิ่งๆแล้วจอดรถลงอีกครั้ง เพราะติดไฟแดงในแยกใหม่ เกียร์ถูกเปลี่ยนให้จอดนิ่ง ก่อนมือหนาจะดึงเบรคมือขึ้นมาแล้วดึงตัวเองเข้ามากระซิบข้างหูผม
“ ไม่ต้องแสดง มึงตอแหลไม่เนียนเมด ”
“ ไอ้สัด ” หลุดสบถออกไปก่อนจะถามยิ้มๆ “ เชื่อหน่อยสิวะ นี่กำลังเล่นบทน้อยใจที่มึงพูดหมาๆ แล้วไม่เชื่อใจในตัวกูอยู่ไง ”
“ ปัญญาอ่อน ” ว่าแบบนั้นก่อนจะโดนผลักหัวจนเกือบต้องเอนไปอีกทาง
“ แต่กูพูดจริงๆนะ ไม่ต้องไปรบกวนน้องเดย์หรอกมึง กูใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้ แค่สองวันเอง ” ยิ้มกว้างให้อีกคนเพื่อเสริมความมั่นใจ แต่ทว่าก็ไม่มีคำตอบอะไรตอบกลับมา ราวกับเป็นคำบอกใบ้ที่ว่า ‘ สิ่งที่มึงร้องขอจะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอนไอ้เมด ’
จะว่าไปผมก็ไม่ค่อยชอบเลย เวลาที่โดนอีกฝ่ายดูแลในแบบที่เรียกว่า ‘ ดีเกินไป ’ อย่างงี้ ตั้งแต่เราคบกันมามันเป็นปกติที่เราจะไปไหนมาไหนด้วยกัน ไม่ว่าจะไปเรียน กินข้าว หรือไปทำงาน อาฟทำหน้าที่ที่มันคิดว่า นี่คือส่วนของมันที่ต้องดูแลผมอย่างดี เป็นคนที่มีความรับผิดชอบมากในเรื่องของการขับรถ พาไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่ก็มากไปหน่อยตรงที่ว่า ถ้าตัวมันไม่ว่างทำ มันก็จะส่งคนอื่นที่มันไว้ใจมาดูแลผมแทน
ทั้งๆที่ตัวผมก็บอกอยู่ตลอดว่า ‘ ไม่ต้อง กูทำเองได้ ’ แต่เหมือนคำพูดนั้นก็เป็นแค่คำพูดที่ผ่านเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวาเท่านั้น ไม่ได้ทำให้อาฟหยุดสิ่งที่คิดจะทำเลยสักนิดไม่ว่าจะเป็นครั้งไหน แล้วการไปสิงคโปร์สองวันนี้ก็เช่นกัน
“ อาฟพรุ่งนี้มึงบินไฟล์ทกี่โมง ” เอ่ยถามคนที่ยังคงดูทีวีอยู่บนเตียงอย่างไม่ใส่ใจที่จะจัดกระเป๋าแต่อย่างใด ทั้งๆที่เรากลับบ้านมาตั้งแต่สองทุ่ม แต่นี่สามทุ่มเข้าไปแล้วก็ยังไม่วี่แววว่าอีกคนจะทำอะไร ทั้งๆที่ผมเองตั้งแต่กลับมาก็อาบน้ำเสร็จไปแล้ว “ อาฟ มึงยังไม่จัดเสื้อผ้าเลยนะ มาจัดเสื้อผ้าก่อนสิวะ ”
“ จัดให้หน่อย ”
“ ไม่ มาจัดเอง กูไม่รู้ว่ามึงต้องเอาอะไรไปบ้าง ” บอกแบบนั้นอีกคนก็หันมามอง “ อะไร ”
“ มีชุดที่ใส่ไปชุดหนึ่ง ชุดไปงานวันเกิดเพื่อนพ่อเป็นสูทชุดหนึ่งใส่ตอนกลางคืน แล้วก็ชุดใส่กลับชุดหนึ่ง จบ ”
“ แล้วไม่เอาชุดนอนไปเหรอวะ ” เลิกคิ้วถามอีกคนก็นิ่ง “ แล้วกางเกงในละ หรือมึงจะไม่ใส่กางเกงในเหรอ น้ำหอมจะเอาติดไปหน่อยมั้ย แล้วเอากลิ่นไหนไป ของใช้ส่วนตัวอะ แล้วเข็มขัดด้วยมั้ย พาสสปอร์ตอีกอะ ”
“ อื้ม มึงก็รู้ งั้นมึงจัด ”
“ K ” ด่าอีกคนออกไป ก่อนจะถอนหายใจแล้วบอกย้ำ “ ของของมึง ก็มาจัดเอง เผื่อขาดเผื่อเหลืออะไรจะได้ไม่ต้องโทษกัน ”
“ จัดให้หน่อย ” ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกว่าโทนเสียงนี้ดูเหมือนจะอ้อนกันอยู่หน่อยๆ
“ นี่อ้อนกูเหรอวะ ”
“ ประสาท ” บอกกันแบบนั้นก่อนเจ้าของสายตาคมจะหันมามองแล้วยิ้มให้กัน “ อ้อนเหี้ยอะไร กูแค่อยากจะใส่ชุดที่มึงจัดให้เหมือนทุกวันก็เท่านั้น ”
“ สัด ” สบถออกมาอย่างคนแพ้ก่อนจะพาตัวเองที่หน้าแดงจัดมายืนอยู่ตรงตู้เสื้อผ้าในห้องแต่งตัว ถอนหายใจออกมาช้าๆพยายามควบคุมจิตใจ แล้วในตอนนั้นอาฟก็ตะโกนมาจากในห้องนอน
“ จัดให้ด้วยนะ ”
“ เออ ก็ยืนทำอยู่ให้นี่ไง เดี๋ยวกูก็ทำเป็นลืมกางเกงในแม่งเลย ” ไม่มีเสียงตอบกลับจากคนชอบกวนตีนหลังจากที่บอกกลับไป ผมเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วในตอนที่ยืนคิดอยู่ว่าจะจัดยังไง อาฟก็เดินเข้ามาพอดี มันที่หยิบผ้าขนหนูเตรียมตัวจะไปอาบน้ำ ผมก็หันไปถาม “ กูจัดไม่ถูกอะ มึงจะไปไหนบ้างวะ ”
“ เอาแบบที่มันเป็นทางการหน่อย กูต้องใส่ไปทำธุระ มีเจอพวกผู้ใหญ่หลายคน ”
“ งั้นเสื้อเชิ้ตแล้วกัน สีสุภาพหน่อย แล้วก็ใส่เสื้อคลุมทับสีเข้มไปอีกตัว ”
“ อื้ม ” พยักหน้ารับกันแค่นั้น อาฟก็เดินไปอาบน้ำส่วนผมก็จัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางใบเล็กให้มันจนสุดท้ายมาเหลืออยู่แค่สูทสองตัวที่เลือกไม่ได้สักทีว่าจะเลือกตัวไหน “ นี่มึงยังไม่เสร็จอีกเหรอวะ ”
“ มึงไม่ได้อาบน้ำนานสัดอาฟ ” ผมบอกก่อนจะหันไปหามัน “ มึงจะใส่สูทสีดำ หรือ น้ำเงิน
“ สีดำ ”
“ โอเค งั้นเอาน้ำเงินไป ”
“ กวนตีนนะมึงไอ้เมด ” ผมหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังตอนที่อีกคนบอกแบบนั้น “ แล้วจะถามทำเหี้ยอะไร ”
“ ก็ถามดูไง มึงตอบสีอะไรออกมาก็แสดงว่ามึงใส่สีนั้นบ่อยสุด เพราะมึงมันพวกชอบเลือกใส่อะไรที่เคยชิน ” หันไปยักคิ้วให้ก่อนผมจะจัดการพับสูทตัวนั้นใส่กระเป๋า มันเป็นสูทสีน้ำเงินแบบมีเสื้อกั๊กอยู่ด้านใน
แอบจินตนาการไปว่าถึงตอนที่อีกคนใส่แล้วรู้สึกว่าน่าจะดูเป็นคุณชายหน่อย แม้หนังหน้าจะออกไปแนวของผู้ร้ายมากก็ตาม ผมจัดการเช็คทุกอย่างเป็นรอบสุดท้าย คิดว่าตัวเองไม่น่าจะลืมอะไรที่จำเป็นสำหรับอีกคน แล้วในตอนที่กำลังปิดซิปผมก็ถาม
“ นี่มึงจะเปิดเบอร์โทรต่างประเทศหรือเปล่า ”
“ ถามทำไม ”
“ ก็ถ้าเปิด ตอนถึงที่นู้นแล้วก็อย่าลืมส่งข้อความมาบอกกูด้วยนะ แล้วตอนที่ไปงานก็อย่าลืมถ่ายรูปใส่สูทส่งมาให้กูดูด้วย กูอยากเห็นว่าเป็นไง แล้วก็อย่าลืมกิน..” คำพูดของผมหยุดชะงักไปในตอนที่โดนกอดจากด้านหลัง โดยคนที่คิดว่ากำลังแต่งตัวอยู่ แต่มันกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น หยดน้ำเล็กๆยังคงเกาะอยู่บนตัวของอาฟ ความเย็นจากผิวที่ได้สัมผัสชวนให้ผมหันไปมองดู แต่อีกคนก็พูดห้ามไว้
“ ไม่ต้องหันมา ”
“ อะไรของมึง ” พูดขึ้นมายิ้มๆแต่ตอนนั้นก็ได้แต่เงียบไปเพราะรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงของอีกฝ่ายที่แนบอยู่ตรงแผ่นหลัง “ อาฟ..”
“ กูว่าแม่งแปลกวะ ”
“ ยังไง อะไรแปลก ”
“ ทำไมอยู่ๆกูถึงไม่อยากไปก็ไม่รู้ ปกติทุกปีก็ไปตลอด บางทีปีหนึ่งก็ไปตั้งหลายครั้ง แต่หนนี้แปลก ” หยุดพูดไปครู่ใหญ่ผมได้ยินแต่เสียงของลมหายใจที่ผ่อนออกมา ก่อนจมูกคมจะก้มลงมาหอมกันที่ข้างแก้ม เอวที่กอดรัดนั่นแน่นขึ้นไปอีกระดับ อาฟบอกผม “ ทำไมตอนนี้กูรู้สึกไม่อยากไปเลยวะ มันอยากอยู่กับมึงมากกว่า ”
“ ติดกูแล้วไง ” ปากดีเอ่ยแซวทั้งๆที่ใจเต้นแรงไม่มีหยุด ผมได้ยินเสียงอาฟยิ้มก่อนจะตอบเสียงเบา
“ ท่าจะจริง ” ว่าแบบนั้นก่อนจะดึงตัวผมให้หันมาเผชิญหน้ากัน จะว่าไปแล้วคนเราก็แปลกดี ตอนที่เค้ากวนตีนก็ไม่ชอบ แต่พอเค้าตอบตรงๆกลับทำตัวไม่ถูก ไปไม่เป็นเสียอย่างงั้น
เป็นวินาทีที่ทุกอย่างเหมือนถูกปิดไว้ ปากที่เคยขยับก็ได้แต่นิ่ง มีแต่สิ่งเดียวที่ยังเคลื่อนไหวได้ นั่นคือหัวใจที่เต้นแรงไม่มีหยุด ในตอนที่อาฟจ้องมองผม คำพูดที่บอกว่า ‘ ต้องการ ’ กันนั้น มันสื่อออกมาทางสายตาโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น แล้ววินาทีที่ผมค่อยๆหลับตาลงเพื่อตอบรับคำขอนั้น ภาพสุดท้ายที่เห็นคือใบหน้าคมค่อยๆเลื่อนเข้ามาใกล้ ก่อนจะบรรจงมอบจูบอย่างอ่อนโยนลงบนริมฝีปากผมที่เน้นย้ำมันอยู่แบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะผละออกมาจูบลงที่ข้างแก้ม แล้วไล่ต่ำลงไปที่ต้นคอ อาฟจูบมันจนเป็นรอยเล็กๆ ก่อนจะเลื่อนไปที่ลาดไหล่ เพื่อทำร่องรอยที่ใหญ่ขึ้นเพราะเป็นใต้ร่มผ้า
มือสอดเข้าไปในเสื้อนอนตัวที่ผมสวม ลูบไล้จากขอบกางเกงตัวที่ใส่ขึ้นไปด้านบนก่อนจะสะกิดยอดอกอย่างหยอกล้อจนทำให้ผมได้แต่หดเกร็งหน้าท้องของตัวเองกับความปั่นป่วนที่ชวนให้ต้องกัดริมฝีปากของตัวเองไว้ เพราะความต้องการที่เริ่มเพิ่มขึ้น อาฟไล่มือลงไปต่ำอีกครั้งผ่านแผ่นหลังจนถึงขอบกางเกงก่อนจะสอดมือเข้าไปด้านในนั้นแล้วจับก้มกลมด้วยมือทั้งสองข้าง ออกแรงบีบเบาๆ ผมก็ได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมา พลางเอ่ยเรียกชื่อของคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบา
“ อาฟ ” ใบหน้าคมที่กำลังจูบอยู่ตรงต้นคอของผมดึงตัวเองขึ้นมาจูบที่ริมฝีปากอีกครั้งตอนที่ถูกเรียก จูบดูดดื่มถูกบรรเลงขึ้น ในตอนนั้นมือที่สัมผัสไปทั่วเรือนร่างถูกย้ายมาจับตรงเอวก่อนจะดึงให้ออกเดินจากที่ที่ยืนอยู่
ผมใช้จังหวะนั้นกอดรอบคอของอาฟไว้ ก่อนจะถูกดันให้นอนราบลงบนเตียงกว้าง มือหนาทำหน้าที่ของมันอย่างดีโดยการปลดเปลื้องเสื้อผ้าทุกชิ้นที่อยู่บนเรือนร่างของผม เพื่อเปิดทางให้ริมฝีปากนั้นได้ไล่จูบไปทั่ว ไม่เว้นแม้แต่ขอบขาด้านในก่อนที่มันโดนดึงให้งอเข่าตั้งชันขึ้นเพื่อเปิดรับส่วนอ่อนไหวที่แค่ปลดผ้าขนหนูผืนสีขาวที่คาดเอวนั้นออก มันก็พร้อมที่จะสอดใส่เข้ามา เพื่อเน้นย้ำทุกความรู้สึกของเราแบบซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ความรู้สึกที่เป็นทั้งความต้องการ ความทรมาน และก็ความสุข ในค่ำคืนนี้
“ เมด กูจะไปแล้วนะ ” เสียงทุ้มที่ดังบอกอยู่ข้างหู แต่ผมกลับลืมตาตื่นมาในตอนที่โดนหอมแก้มเข้าอย่างแรงจนต้องยกมือขึ้นจับมันแล้วตัวเองพลิกตัวเองหนีไปอีกทาง
สันนิฐานว่าคงโดนหอมแก้มมามากกว่าหนึ่งครั้งในเช้านี้ แล้วแต่ผมไม่รู้ตัว เพราะการกระทำเมื่อคืนที่ชวนให้เพลียเอามากๆ สาบานเลยว่าถ้าทำได้ก็ไม่อยากจะลืมตาตื่นขึ้นมาเลย แต่อาฟจะเดินทางแล้ว และพอคิดแบบนั้นเลยจำใจต้องดึงตัวเองขึ้นมานั่งทั้งๆที่ยังเจ็บช่วงล่างจนต้องค่อยผ่อนลมหายใจตัวเองออกมาเพื่อบรรเทาความเจ็บนี้
ผมโกยผ้าห่มขึ้นมาห่มตัวเพราะความหนาวเย็นของแอร์ในห้องที่เปิดอนุหภูมิเกินพอดีจนดูเหมือนก้อนอะไรสักอย่าง เป็นท่าทางที่ชวนให้คนมองดูยิ้มอยู่แบบนั้นก่อนจะขยี้หัวกันแล้วเดินพาตัวเองเข้าไปในห้องแต่งตัวที่เปิดประตูเอาไว้เพื่อให้มองเห็นกัน อาฟอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว และตอนนี้มันก็กำลังเซ็ตผมอยู่ เป็นการเซ็ตที่โคตรบรรจงกว่าทุกครั้งที่ผมเห็น จนเกิดคำถามที่อยู่ๆก็สงสัยขึ้นมา
“ ทำไมวันนี้มึงเซ็ตผมนานจังวะ ” เอ่ยถามมันอีกคนก็หันมามองยิ้มๆ
“ เผื่อได้แฟนใหม่เป็นแอร์ ”
“ อ๋อครับไอ้สัด ” ผมตอบรับมันอีกคนก็ได้แต่หัวเราะ “ มึงไม่กวนตีนกูสักวัน มึงไม่ตายนะบอกไว้ก่อน เผื่อมึงไม่รู้ ”
“ กวนตีนเหี้ยอะไรพูดจริง ” หันมายักคิ้วให้กันก่อนจะเดินมานั่งลงบนเตียงข้างกัน อาฟจูบลงที่ริมฝีปากของผม อาการตอแหลไม่เนียนเกิดขึ้นอีกแล้ว ผมที่ได้แต่ถอนหายใจยิ้มๆก่อนจะล้มตัวนอนลงบนเตียงอีกคนก็แค่ยกยิ้มก่อนจะยื่นมือมาลูบหัวกัน
อาฟที่มองกันอยู่แบบนั้น เราไม่พูดอะไรกันอีก แล้วอยู่ๆผมก็เกิดความรู้สึกที่ชวนให้คิดว่า ก็แปลกดีเหมือนกันที่ผมไม่เคยหึงอาฟเลย ตั้งแต่คบกันมา มันไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงหรือผู้ชายที่ทำให้ผมรู้สึกโกรธเลยสักครั้ง และถึงมันจะพูดถึงคนอื่นยังไง คำพูดพวกนั้นก็จะเป็นแค่อาการกวนตีนของมันที่จะไม่เกิดขึ้นจริงแน่นอน มันน่าเหลือเชื่อที่ผมจะไว้ใจมันมากขนาดนั้น ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็เคยมีแฟนเจ้าชู้มาก่อน แต่ส่วนนึงก็คงเพราะการกระทำของมันด้วยละมั้ง การกระทำของอาฟมันทำให้ผมเชื่อใจ
“ ได้แล้วทิ้งเหรอสัด ” ผมถามตามเกมส์มันอีกคนก็แค่ยิ้มก่อนจะก้มลงมาจูบที่ปากกันอีกครั้ง เอาเข้าจริงก็โคตรเกลียดช่วงเวลาแบบนี้เลย แบบที่อีกคนจะไม่พูดอะไรเท่าไหร่ อาฟทำแค่มองตา ยิ้มให้กัน แล้วก็ก้มลงมาจูบ มันเป็นอะไรที่ชวนให้หัวใจผมเต้นแรงจนควบคุมไม่ได้ มันไม่โอเคยเลยสักนิด “ แล้วนี่ใครมารับมึง ”
“ ไอ้เดย์ ”
“ แล้วพ่อมึงละ ”
“ ไอ้เดย์ ” อีกคนตอบย้ำ “ เมื่อคืนเดย์มันกลับไปนอนที่บ้าน เพราะต้องมาส่งพ่อที่สนามบินแล้วเดี๋ยวมันก็แวะรับกู ”
“ นี่น้องหรือคนขับรถ ”
“ เก็บมาเลี้ยงให้เป็นคนขับรถ ”
“ ฟ้องน้องเดย์แน่ ” ผมขู่แต่อีกคนก็แค่ลุกจากนั่งไม่ได้เถียงอะไรออกมาทั้งนั้น อาฟเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวอีกครั้งมันหยิบนาฬิกาขึ้นมาใส่ก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางที่ผมจัดไว้ให้ออกมา “ ของไม่ครบก็ไม่ซื้อเอานะ เช่น กางเกงในที่กูไม่ได้ใส่ไปให้ ”
“ เอาตีนนาบปากสักทีมั้ยเมด มึงดูกวนตีนกูเก่ง ” ได้แต่เม้มริมฝีปากส่งไปให้ อาฟนั่งบนเตียงอีกครั้งก่อนจะหันมามองผม
“ มองอะไร ”
“ อยากพามึงไปด้วย ” คนตรงหน้าบอกก่อนจะเอื้อมมือขึ้นมาจับแก้มกัน มันบีบเบาๆด้วยสีหน้าที่ผมรู้สึกว่า อาฟพูดจริงแล้วตอนนี้มันก็กำลังงอแงสุดๆเพราะไม่อยากจะจากกันไปไหน “ แต่คิดว่าไม่น่าพอ ”
“ อะไรไม่น่าพอ ”
“ ไม่น่าจะยัดใส่กระเป๋าได้พอ โหลดใต้เครื่องใช้ใบ 30 นิ้ว ก็คงไม่ได้ น่าจะติดแก้ม ”
“ สัด ” ด่ามันแบบนั้นทั้งๆที่ก็ยังโดนดึงแก้มอยู่ ผมบ่นออกมาเบาๆ “ ไอ้เราก็คิดว่าแม่งไม่อยากไปเพราะไม่อยากห่างกัน ทีไหนได้ แค่มุขกวนตีนกู ”
“ แค่สองวันเองมั้ย ” อาฟบอกก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาจากในกระเป๋าหลังของกางเกง หน้าจอที่ฉายแสงวาบขึ้นมานั้น ผมเห็นมันกดอะไรสักอย่างก่อนจะยัดมือถือลงในกระเป๋าตามเดิม “ แต่กูคิดว่ามันคงเหมือนสองอาทิตย์สำหรับกูแน่ๆ ” ได้แต่เงียบตอนที่อีกคนพูดคำนั้น ผมยิ้มกว้างให้อาฟ
“ กูก็เหมือนกัน ” ทำไมถึงรู้สึกเหมือนกำลังโดนบอกว่า คิดถึง ทั้งๆที่มันไม่มีคำว่าคิดถึงก็ไม่รู้ เหมือนอาฟจะบอกว่า มันต้องคิดถึงผมมากจนสองวันที่ต้องไปยาวนานเหมือนสองอาทิตย์เลย “ แล้วอย่าเผลอตื่นขึ้นมาหอมแก้มพ่อเพราะคิดว่าเป็นกูนะอารยะ ”
“ พ่อกูไม่ได้แก้มอ้วนเหมือนมึงเมด ”
“ แก้มอ้วนเลยเหรอวะไอ้สัด ”
“ อื้ม ”
“ ว่ากูอีกแล้วนะ ” บอกด้วยเสียงโกรธๆแต่อีกคนก็แค่ยักคิ้วให้ก่อนจะยกนาฬิกาตรงข้อมือขึ้นมาดู
“ ไปละ แล้วเดี๋ยวไอ้เดย์ส่งกูเสร็จมันจะมารับมึงไปกินเข้าวแล้วก็ไปเรียนนะ ” ผมพยักหน้ารับ “ แล้วอย่าให้รู้ว่ามึงบอกมันว่าไม่ต้องมาเหมือนครั้งก่อน ”
“ บ้าน่า คิดมาก ” บอกปัดแบบนั้นอาฟก็แค่ยกยิ้ม แล้วพูดเสียงเบา
“ ไหนหลับตาหน่อย ”
“ ไม่ ” ผมปฎิเสธ “ อยากจะจูบกูก็จูบเลยไม่ต้องเขินหรอก เมื่อคืนมึงเล่นขนาดนั้นแล้ว ตอนนี้จะมาเขินอะไรอีก ”
“ หน้าด้าน คือช่วยเขินกูหน่อยได้มั้ย ” หลุดยิ้มออกมากับท่าทางจริงจังของอีกคน ผมหันหน้าไปทางอื่นแล้วตอนที่หันมาอาฟก็จูบลงที่ริมฝีปากแล้วก็ข้างแก้ม “ อีกสองวันเจอกัน ”
“ ถึงแล้วส่งข้อความาบอกด้วยนะ แล้วขากลับอย่าลืมซื้อ irvins มาฝากกูด้วยนะ ”
“ เชี้ยอะไรอีก ”
“ หนังปลากรอบซอสไข่เค็มมันขายที่สนามบินเลย อย่าลืมซื้อนะ ไม่มีหนังปลาเอามันฝรั่งก็ได้ โอเคมั้ย ”
“ ตังค์ ” ยื่นมือออกมา ผมก็ยื่นมือไปให้มันจับก่อนจะดึงอีกคนเข้ามาจูบที่ริมฝีปาก ในตอนนั้นอาฟที่นิ่งอึ้งไปผมก็บอกมัน
“ จ่ายละ ”
“ ร้ายนักนะมึง ” บอกกันแบบนั้น อาฟถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกเดินไปลากกระเป๋าออกจากห้องนอน ส่วนผมก็ลุกจากเตียงเดินไปส่งมันที่หน้าห้อง
“ เดินทางปลอดภัยนะ ถึงแล้วก็ส่งข้อความมาบอกด้วย แล้วห้ามเลื่อนไฟลท์กลับ ต้องกลับมาหากูเร็วๆนะมึง ”
“ อื้ม ” ผมโดนขยี้หัวจนยุ่งในตอนที่อาฟตอบแบบนั้นก่อนจะเดินออกไป
ปิดประตูลงก่อนจะพาตัวเองมานอนบนเตียงที่เดิมด้วยความรู้สึกที่แปลกไป อาจเพราะความเงียบที่คืบคลานเข้ามาสบทบกับความเหงาเลยทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ ข้างตัวที่ไม่มีกัน ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นเรายังหัวเราะและพูดคุย พลิกตัวไปมองห้องแต่งตัวที่ไม่ใคร คอนโดที่เงียบยิ่งกว่าวันไหนๆ ในวินาทีต่อมานั้นผมดึงหมอนที่เจ้าของมันไม่อยู่เข้ามากอดไว้ ก็เคยคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนติดแฟน แต่ตอนนี้เริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าจริงๆมันเป็นแบบนั้นมั้ย
ครืน ครืน ครืน
เสียงโทรศัพท์ที่กำลังดังปลุกให้ผมที่เผลอหลับไปตื่นขึ้นมา เบอร์โทรเข้าฉายชื่อที่บันทึกไว้อยู่บนหน้าจอ ‘ throwup : DAY ’ ผมกดรับ
“ ครับ น้องเดย์ ”
“ สวัสดีครับนี่คือเสียงของผู้ชายที่หล่อที่สุดในโลก ”
“ ขอวางสาย ” ผมบอกอีกคนที่หัวเราะออกมาเสียงดังก่อนห้ามปรามกันไว้
“ เดี๋ยวววว พี่เมดแม่งอย่าเป็นคนน่ารักที่มักจะใจร้ายสิ ” เผลอถอนหายใจแล้วยิ้มออกมากับความปัญญาอ่อนของปลายสาย พี่น้องกันแท้ๆแต่ทำไมมันต่างกันนักวะ โคตรจะสงสัย “ น้องเดย์จะโทรมาถามพี่เมดว่า พี่เมดตื่นยังครับ ออกไปกินข้าวกันเถอะ ”
“ แล้วนั่นน้องเดย์อยู่ไหน ”
“ ห้องน้องแพมครับผม ” อีกคนบอก ผมก็ได้แต่ขมวดคิ้ว และเหมือนอีกฝ่ายจะรู้เลยอธิบายออกมา “ ห้องสาวน่ะ ”
“ อ๋อออ ”
“ ประมานไม่เกิน 45 นาที น้องเดย์คงถึง แล้วนั่นพี่เมดอาบน้ำยัง ”
“ ไม่ต้องมารับก็ได้น้องเดย์อยู่กับน้องแพมเถอะ เดี๋ยวพี่เมดไปกินที่มหาลัยทีเดียว แล้วก็จะเข้าเรียนเลย ”
“ ไม่ได้ๆ สัดพี่สั่งไว้ ไม่ทำตามเดี๋ยวมันฆ่าน้องเดย์อีก มาเถอะ ไปกัน อยากกินอะไร กินได้หมด พี่เมดเลี้ยงเอาบัตรสัดพี่รูดไปเลย ” ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาตอนที่ได้ฟังอีกคนพูด เงยหน้าหันไปมองเวลาที่ตอนนี้ก็บอกเวลาสิบโมงพอดี
“ พี่เมดเกรงใจอะ ไม่ต้องมาหรอก พี่เมดไม่บอกพี่อาฟแน่นอน น้องเดย์อยากจะทำอะไรก็ทำเถอะ ”
“ ก็คืออยากจะไปกินข้าวกับพี่เมดไง ” อีกฝ่ายอ้อน “ อย่าดื้อน่า ยังไม่อาบน้ำใช่มั้ย อาบน้ำๆ เดี๋ยวไปรับ แค่นี้แหละครับพี่สะใภ้ ”
“ งั้นคิดของที่จะกินไว้เลยนะ ”
“ ครับผม ” กดวางสาย ในท้ายที่สุดก็ไม่สำเร็จผมควรคิดได้ว่าไม่เคยมีใครขัดคำสั่งไอ้อาฟได้สักคน เถอนหายใจออกมาเซ็งๆกับความขี้เกียจที่ลุกขึ้นจากเตียงไปอาบน้ำ แต่ก่อนหน้านั้นผมก็ไม่ลืมเปิดโปรแกรมไลน์ของตัวเองเพื่อดูแจ้งเตือนของแชทอันบนสุดที่ปักหมุดไว้ มันเป็นแชทของคนที่ตอนนี้เดินทางถึงสิงคโปร์แล้วเป็นที่เรียบร้อย
[ ถึงแล้ว กำลังจะไปโรงแรม ]
[ ถึงโรงแรมแล้ว กำลังจะออกไปคุยกับเพื่อนพ่อ ที่ภัตตาคารในโรงแรม ]
[ ถึงร้านอาหารแล้ว ]
“ กวนตีนกูอยู่เปล่าวะถามจริง ” ผมพูดกับตัวเองตอนที่เห็นสามข้อความนั้นของอีกคน แล้วถึงกับต้องส่ายหน้าที่มันก้รายงานกันถึงขั้นนั้น [ มึงไม่บอกด้วยอะ ว่าแดกอะไรบ้าง ]
[ กำลังพิมพ์ ]
[ K ] ส่งข้อความตอบกลับไปไม่ลืมส่งสติกเกอร์หน้าโกรธไปให้มันด้วย ส่วนอีกคนก็ส่งสติกเกอร์แมวน้ำที่มีคำว่า รัก ตอบกลับมาแต่ก่อนที่ผมจะพิมพ์แซวอะไรไป อาฟก็คืออาฟ
[ ส่งผิด ]
[ อ๋อจ้า เชื่อได้มากเลย ] ผมแซวมัน
[ เพิ่งตื่นใช่มั้ย ]
[ ใช่ กำลังจะไปอาบน้ำ เดี๋ยวน้องเดย์มารับไปกินข้าว ]
[ อื้ม ]
[ ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมา ] พิมพ์ตอบกลับไปแบบนั้น ก่อนที่วิดีโอคอลจะถูกโทรเข้ามาโดยอีกคน ผมกดตัดสายเพราะคิดว่าอาฟคงกดผิด [ โทรวิดีโอเข้ามาทำไม มึงกดผิดเหรอ ]
[ ก็มึงบอกจะอาบน้ำ ]
[ ไปตายนะไอ้สัด ] ส่งข้อความไปพร้อมสติกเกอร์หน้าโกรธ แต่เหมือนอีกคนจะไม่ฟังกัน อาฟยังโทรวิดีโอคอลเข้ามาเรื่อยๆ เป็นคนที่แม้ตัวไม่อยู่แต่ก็ยังหาวิธีมากวนตีนกันได้อย่างไม่มีที่สุดจริงๆ