( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58  (อ่าน 502489 ครั้ง)

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
 :-[ เขินมาก

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
แต่แอบอยากให้เมดรู้อ่ะ ว่าใครเป็นคนให้นมจริงๆ

ออฟไลน์ imvodka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ฟินอ่ะ

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
ผู้ชายห่ามๆ บทจะหวานก็น่ารักนะ

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
โอ้ยยย มด มันขึ้นแล้วไม่ต้องเอามาปล่อยหรอกจ้าาา

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ตอนที่ 21

   เปิดประตูเดินเข้ามาในห้องเรียนหลังจากที่ย้ำกับคนมาส่งประมานสามรอบว่า ไม่ว่าจะไปไหนแต่ขับรถถึงที่หมายเมื่อไหร่ให้ไลน์มาบอกด้วย แล้วก็ห้ามอ่านข้อความที่ไม่ว่าใครก็ตามส่งมาในตอนที่กำลังขับรถ ให้ติดไฟแดงค่อยอ่าน มันที่พยักหน้ารับแต่ในความรู้สึกของผม ก็คงจะไม่ฟังกันเท่าไหร่หรอก อาฟก็คืออาฟเป็นคนที่แปลความห่วงใยของผมไม่ค่อยออก

หย่อนตัวเองลงนั่งที่เก้าอี้เล็คเชอร์ ผมนั่งติดขอบริมทางเดินตรงแถวที่ว่าง หยิบมือถือในกระเป๋าขึ้นมาปิดเสียง ก่อนจะเปิดดูแอปต่างๆที่ตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งเตือนอะไร แม้แต่น้องชายตัวเองที่เวลานี้ควรตื่นมาอาบน้ำไปเรียนได้แล้วแต่ก็ยังคงเงียบสนิท

“ โดดเรียนอีกแน่ๆ ไอ้วิว “ พูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าโหลดโปรแกรมใหม่ๆมาใส่ไว้ในหน้าจอของมือถือ

“ นี่ๆ เมื่อกี้เห็นมั้ย ผู้ชายคนนั้นอะ หล่อมากเลย ไม่รู้คณะไหน “ เสียงของผู้หญิงที่เดินเข้ามาแล้วนั่งอยู่ที่แถวหลังผมพูดขึ้น ก่อนที่เสียงตอบรับอีกเสียงจะทำให้ผมรู้ว่า ตอนนี้มีผู้หญิงสองคนแล้วที่นั่งอยู่ข้างหลัง

“ คงไม่ใช่คณะเรา จะเด็กมหาลัยเรารึเปล่าก็ไม่รู้เลย ”

“ คงไม่ใช่ เพราะถ้าเด็กมหาลัยเราคงดังแล้วละ หน้าตาอย่างงั้นอะ “

“ ต้องมาคอยแฟนแน่เลยวะ “

“ มีความเป็นไปได้สูง “ ประโยคสนทนาที่ผมสนใจจบลง คำถามแรกที่ผุดขึ้นในสมองผมคือ ‘ ใครวะ ’ และคำตอบของคำถามที่ผมถามตัวเองก็มีหน้าของคนที่มาส่งลอยเข้ามา ผมเผลอยิ้ม คงไม่ใช่ไอ้อาฟหรอก ผมส่ายหน้าไปมา ก็รายนั้นตอนนี้คงขับรถไปหากาแฟกินสักแก้ว ไม่ก็คงขับรถกลับคอนโดไปนอนแล้ว

กดเข้าโปรแกรมแชทที่อยู่ตรงหน้าจอ แชทแรกที่ผมปักไว้บนสุดอักษรตัวพิมพ์ใหญ่ห้าตัว AFTER เขียนไว้ว่าอย่างงั้น

[ ถึงไหนแล้ว ] ข้อความที่ถูกส่งไปขึ้นมาอ่านทันทีก่อนที่อีกฝ่ายจะตอบกลับมา

[ หน้าคณะมึง ] นิ่งไปสักพักตอนได้อ่าน สรุปว่าคนที่สองสาวด้านหลังผมชมไม่ขาดปากก็คือไอ้อาฟเหรอวะ ผมเผลอยิ้มมีความภูมิใจขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ยังเถียงกับตัวเองในใจแบบไม่ยอมแพ้ หน้าตาแบบนั้นหล่อตรงไหนวะ กูยังหล่อกว่า

[ แล้วทำไมกลับมานั่งหน้าคณะกูได้ ตอนแรกคิดว่าจะกลับห้อง ]

[ รถติด เสียเวลา ค่อยกลับพร้อมมึง ]

[ แล้วนั่นก็นั่งอยู่เฉยๆ ]

[ มึงจะให้กูทำอะไร ]

[ ก็เปล่า ] ตอบไปแบบนั้น ผมมองหน้าจอที่ขึ้นว่าอ่านแต่อีกคนไม่ได้ตอบกลับอะไรมาอีก  อยากจะบอกให้มันกลับไปนั่งในรถนู้นไม่ต้องมานั่งโชว์สาวหน้าคณะผมหรอก หมั่นไส้ ป่านนี้คงนั่งแจกยิ้มแบบเท่ห์ๆให้สาวที่เดินผ่านไปมามาไปทั่วแล้วมั้ง แต่แค่ก็คิดก็หงุดหงิดละ ไม่ชอบเลยอะไรแบบนี้

[ เป็นอะไร ] ข้อความถูกส่งมาหลังจากผ่านไปสักพัก คิดว่ามันคงมองอยู่ตลอดก่อนจะตัดสินใจส่งข้อความนี้มาถาม

[ เปล่า ] ผมโกหกอีกคนไป บอกไม่ได้หรอกว่ากำลังรู้สึกหงุดหงิดเพราะแค่ไม่ชอบให้สาวคนไหนมามองมัน เดี๋ยวแม่งจะหาว่างี่เง่า [ แล้วไม่ง่วงเหรอวะ กลับไปนอนที่รถสิ ]

[ ยังไม่อยากตาย ]

[ ก็ไม่ต้องเปิดเครื่อง เปิดหน้าต่างแทน ]

[ ร้อน ]

[ เรื่องมาก ] ผมเถียงกลับ

[ แล้วมึงเป็นเหี้ยอะไร ดูวุ่นวายกับชีวิตกูจัง ] ส่งสติกเกอร์ไม่สบอารมณ์ไปให้มันแทนความรู้สึกสำหรับคำถามนั่น อาฟก็ถามกลับมา [ ทำไม มีอะไร ไม่อยากให้คนมามองกู ? ]

[ คนมองมึงเยอะเหรอ ]

[ หึง พิมพ์แบบนี้ ]

[ กูไม่ได้หึง! อย่าหลงตัวเอง ไอ้สัด ] แอบยิ้มอยู่กับหน้าจอในตอนที่พิมพ์ตอบอีกคนไป เดาได้ว่าอาฟก็คงจะเป็นอย่างงั้น คงกำลังยิ้มอยู่เหมือนกันแน่ๆ แต่อาฟก็ยังคงเป็นอาฟ เป็นคนที่โคตรกวนตีนแล้วชอบแกล้งกันอยู่ตลอด แล้วยิ่งรู้ว่าผมไม่สบอารมณ์กับคนอื่นที่มามองมันแล้ว ก็ยิ่งเข้าทาง

[ เหรอ แต่คนก็มองเยอะอยู่ สาวๆคณะมึงก็หน้าตาดีเหมือนกันนะ ]

[ สวัสดีอารยะ นี่มิณทร์เอง แฟนมึง ] ก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนขี้หวงนิดหน่อย มองให้มันเป็นเรื่องน่ารักก็คงน่ารัก แต่คงไม่ใช่กับไอ้สัดอาฟ รายนั้นเหมือนมีความสามารถพิเศษที่ทำให้ผมหัวเสียได้ตลอดทุกสิบวินาที แม้จะไม่เห็นหน้ากันก็ตาม

[ ไม่รู้จักครับ ]

[ สัด เกลียดมึง ไอ้เลวววว ] ผ่อนลมหายใจออกมาผมกดส่งสติกเกอร์ร้องไห้ไปให้มันอีกคนก็แซว

[ คิดว่าน่ารักมากมั้ย สำหรับสติกเกอร์มึง ]

[ น่ารักสิ ได้มาตอนลดราคาสิบเหรียญ ] บอกมันอวดๆแต่คนปากหมาก็คือคนปากหมา

[ ดูมึงจนๆ ]

[ เรียกว่าใช้เงินเป็น มันคือนิสัยของคนจะรวยในอนาคต ] ผมเถียง

[ เพ้อเจ้อ ไปตั้งใจเรียน ]

[ บอกก่อน คนมองเยอะมั้ย ] ก็ยังวอแวกับเรื่องที่อยากรู้ไม่มีที่สิ้นสุด จนรู้สึกลึกๆแล้วว่าตัวเองก็เริ่มน่ารำคาญหน่อยๆ แต่จะไม่ถามก็ไม่ได้ จะให้นั่งไม่รู้สึกอะไรก็ไม่ได้ เพราะมันกำลังรู้สึก รู้สึกว่าไม่อยากจะให้ใครมองมัน กลัวมีคนสวยๆเข้ามาคุยกับมัน คนในแบบที่มันชอบ อย่างที่เคยเป็นมาตลอด

[ เยอะ ]

[ ขอความจริง ]

[ เยอะ ]

[ กูไม่โอเคว่ะ ] บอกอีกคนไปตามความจริงแบบไม่อ้อมค้อม อยากจะเสนอหนทางให้มันขับรถออกไปนอกมหาลัยผมเสียเดี๋ยวนี้แต่อีกคนเหมือนจะไม่เข้าใจ แต่ไม่หรอก คิดว่าอาฟมันคงเข้าใจแหละพูดออกมาตรงๆขนาดนั้น แต่คงคิดแค่ว่าไร้สาระเกินไป

[ เรื่อง ]

[ คนมองมึง ]

[ ไร้สาระ ] นั่นไง..เดาผิดที่ไหน

[ หวง ] ไม่รู้อะไรดลใจให้พิมพ์ออกไปตรงขนาดนั้น ผมอยากจะลบแต่เหมือนจะไม่ทัน มันขึ้นมาอ่านแล้ว

[ ปัญญาอ่อน มึงมีแฟนหล่อต้องทำใจ ]

[ ทำใจมาแค่เรื่องมีแฟนเหี้ย ] หลุดหัวเราะกับประโยคที่พิมพ์ ให้เดาว่าคนอ่านคงกำลังหน้าเหวอแน่นอนตอนที่อ่าน

[ มึงเรียนอยู่ห้องไหน ]

[ ถามทำไม ]

[ กูจะขึ้นไปต่อยสักที ]  ยิ้มกว้างกับความโกรธของมันผมแซว

[ อย่าทำตัวไร้การศึกษาสิอารยะ ไม่น่ารักเลยนะ ]

[ ไว้ให้แฟนกูทำ เรื่องน่ารักเก่งมันไม่ใช่หน้าที่กู ] 

[ คือจะบอกว่าแฟนน่ารักงั้นสิ ]

[ หน้าตาแบบ พาเข้าวัดแล้วหมาไม่เห่า มากสุดคือหมาวิ่งเข้าหาเพราะคิดว่าเป็นซาลาเปา หมาอยากกิน ]

[ สัด กวนตีนนักนะมึง ] หมดกันความเขินใดๆที่กำลังรู้สึก ผมผ่อนลมหายใจออกมาทำได้อยากจะบีบคอให้ผ่านข้อความไป คนเหี้ยอะไรชอบพูดให้กูเขินแต่สุดท้ายแม่งก็กวนตีนกลับ

[ ไปตั้งใจเรียน ] อาฟส่งข้อความเหมือนจะปิดท้ายการสนทนามา ผมก็ส่งสติกเกอร์งอแงไปให้มัน

‘ ขี้เกียจเรียนเว้ยอยากจะกลับบ้านไปนอน ’  ยิ้มผ่านหน้าจอตัวเองไปเริ่มปลงๆและไม่ได้คิดมากกับเรื่องอะไรพวกนั้นแล้วแต่แค่อยากงอแงกับมันเฉยๆ ตามประสาคนขี้เกียจจะเรียน  แต่เหมือนอีกคนจะเข้าใจเป็นอย่างอื่น

[ ใครจะมองก็มองไป กูมองแค่คนนี้ @minmade พอใจยัง ]

หลุดยิ้มกว้างออกมา ผมฟุบลงกับโต๊ะที่นั่งมองดูข้อความนั้นก่อนจะส่งหัวใจสีแดงดวงนึงไปให้มันเป็นการตอบกลับข้อความที่ก็ไม่ต้องพูดอะไรมากแต่อีกฝ่ายก็คงจะรู้ดี อาฟส่งหัวใจกลับมาให้ผมเหมือนกัน หัวใจสีฟ้าพร้อมด้วยข้อความแบบที่มันชอบทำ

[ หัวใจสีฟ้าสวยดีเลยกดผิด ] ก็ไม่เคยจะทำอะไรที่มันตรงใจหรอก ไม่รู้จะเก็กไปถึงไหน

[ เบื่อมุกมึงไอ้สัดอาฟ ] ผมบอกก่อนจะส่งอีโมจิแลบลิ้นไปให้อีกตัว  ก็ชอบนั่นแหละ ถึงจะบวกกับความหมั่นไส้ในตัวมันนิดๆหน่อยๆก็ตาม 

“ พวกมึง คือกูเจอพี่อาฟเจ้าของผับ throw up นั่งอยู่ที่หน้าคณะเรา “ เสียงตะโกนบอกเพื่อนของสาวคนนึงที่เดินตรงเข้ามาหาเพื่อนกลุ่มด้วยสายตาตกใจผสมดีใจอยู่ไม่น้อย “ คือหล่อมากอีเหี้ยย แล้วประเด็นคือใส่แค่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงสีดำอะ แต่หล่อแล้ว คือไรวะ “ ผมยกยิ้มกับคำพูดนั้น หน้าแก่ขนาดไหนก็ลองถามใจตัวเองดูนะอาฟ .. ใครๆเห็นหน้าก็เรียกมึงพี่ทั้งนั้น

“ เหรอวะ อยากเห็นอะ กูลงไปจะทันมั้ย “ เพื่อนคนที่นั่งฟังทำทีจะลุกขึ้นแต่เพื่อนคนที่เข้ามาใหม่ก็ยกมือห้ามไว้

“ มึงไม่ต้อง ฟังกูพูดก่อน คือตอนที่กูกำลังยืนมองพี่เค้าด้วยการทำทีเป็นซื้อน้ำอยู่นั่น มันมีชะนีนางนึงเดินไปหานางจ้า “

“ มั่นมาก “

“ ใช่มั้ย แต่ไม่หมดเท่านั้น จุดพีคคือ นางจีบพี่อาฟค่า นางถามพี่เค้าว่าพี่อาฟมาทำอะไรที่นี่ นางนั่งด้วยได้มั้ย อ่อยมากจ้า กูกลัว “ มือที่ยกขึ้นทาบอกพร้อมด้วยสีหน้าที่เล่าอย่างออกรส ผมเผลอถอนหายใจออกมาเซ็งๆ ตอนที่มองแชทที่อยู่ตรงหน้าอยากจะพิมพ์เข้าไปเดี๋ยวนี้เลยว่า ‘ เออ หึง เพราะงั้นก็ช่วยกลับไปนั่งในรถที่เถอะ มานั่งให้สาวจีบอยู่ได้ไอ้สัด ’

“ แรงมาก แล้วพี่อาฟเค้าว่าไง “ คำถามที่ทำให้คนตอบนิ่งไป เธอหันมองซ้ายขวาแต่ผมไม่คิดว่าเธอจะมองดูจนทั่ว

“ พี่อาฟบอกว่ามีแฟนแล้ว ชื่อเมด เรียนบัญชี ปีสี่ “ หลังประโยคนั้นจบ คนฟังก็หันมามองผมทันทีรวมถึงคนที่นั่งอยู่แถวๆนั้นด้วย สีหน้านิ่งๆของผมตอนที่สบตากับคนที่เอ่ยถึงตัวผมอยู่ เธอเบิกตาตกใจเล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวนั่งลงข้างเพื่อนแล้วหันไปตีเพื่อนตัวเองหลายๆที “ แล้วมึงก็ไม่บอกกูว่าไอ้เมดมันนั่งอยู่ตรงนั้น “

“ แล้วกูจะรู้มั้ยละ ว่ามึงจะหมายถึงไอ้เมดมัน “

“ ไอ้เชี้ยยย แล้วกูจะมองหน้ามันติดยังไงวะ “ เผลอยิ้มออกมาแห้งๆตอนที่ได้ยินอีกคนพูดแบบนั้น

“ แต่จะว่าไปผู้นางก็แซ่บทุกคนเลยนะ ไอ้บินวิทย์กีฬาเงี้ย พี่อาฟเจ้าของผับอีก ชาติที่แล้วไปช่วยกู้ชาติรึไงพ่อคุณ ถึงได้อะไรดีๆแบบนั้น “

“ เอ่อ..พี่อาฟนี่กูยังพอมองว่าของดีนะ รวย หน้าตาดี แต่ไอ้บินนี่กูคิดว่าไม่ “ คำพูดที่มามองพร้อมกับการแบะปากและส่ายหน้า เธอดึงตัวเองให้เข้าไปใกล้เพื่อนเพื่อลดเสียงการพูดคุยลงหน่อย แต่นั่นแหละ ห้องเรียนก็แค่นี้ ผมก็ไม่ได้นั่งไกลกันเป็นกิโลทำไมจะไม่ได้ยิน “ ได้ข่าวว่าไอ้บินนอกใจไอ้เมดไปเอาไอ้ยีนส์ “

“ เชี้ย เรื่องจริง นั่นเพื่อนสนิทไอ้เมดมันเลยนะ “

“ เค้าว่ากันอย่างงั้น “ ยักคิ้วให้เพื่อนอีกที “ แต่จริงๆไอ้บินก็ขี้ม่ออยู่แล้ว ก็ไม่แปลกเปล่าวะ “

“ ขี้ม่อยังไงมันก็ควรคิดเปล่าวะ ว่านั่นมันเพื่อนสนิทของแฟน  “

“ แล้วที่พีคสุดคือ นางขึ้นไปเอากันบนคอนโดไอ้เมดเลย แล้วไอ้เมดจับได้จ้า อีด๊อกกกก เป็นกูฆ่าหั่นศพเอาเกลือทาแล้ว “

“ สงสารมันว่ะ “ เพื่อนคนที่ฟังหันมามองหน้าผม แม้แต่คนอื่นๆที่ได้ยินก็หันมามองด้วย

เอาจริงๆผมไม่ได้ต้องการรับความสงสารจากใคร เรื่องมันแย่ก็จริงอยู่ อาจจะฟังดูแล้วทั้งหดหู่และน่าเศร้า ตอนนั้นมันเจ็บจนเจียนตายนั่นก็ใช่ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นแล้ว มันก็คงเป็นแค่แผลที่เกิดขึ้นหลังจากหกล้ม หลงเหลือแค่รอยแผลเป็นไว้เตือนสติว่า อย่าได้พาตัวเองไปเสียใจให้กับเรื่องแบบนั้นอีก

“ นั่งด้วยคนสิ “ เงยหน้าขึ้นมองคนที่ขอผมนั่งด้วย เสียงเดิมคุ้นๆที่ทำให้ผมหันไปมองด้วยสายตาที่ตั้งคำถามทุกครั้ง ‘ ทำไมถึงยังหน้าด้านจังวะ ’

“ โห โคตรด้านจังเลยวะ “ เสียงของผู้หญิงสองคนที่นั่งอยู่ข้างหลังพูดขึ้นเสียงไม่เบานัก ตอนที่เห็นทั้งจิงทั้งยีนส์เดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้เล็คเซอร์แถวเดียวกับผม

ถอนหายใจแล้วลุกขึ้นเหมือนกับวันนั้น ผมหาที่นั่งว่างสักตัวที่จะพาตัวเองไปนั่งแต่ยังไม่ทันจะเดินออกไปไหน อาจารย์ประจำคาบวิชาก็เดินเข้ามาเสียก่อน เธอที่หันมาสบตากับผมราวกับจะถามว่า ‘ ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว จะไปไหนอีก นั่งลง ’ จำใจนั่งลงแบบนั้น ท่ามกลางทุกสายตาที่หันมามองด้วยสายตาติเตียน แต่ผมคิดว่าเค้าคงไม่ได้มองผมหรอก คงมองคนข้างๆผมที่เจาะจงมานั่งใกล้กันทั้งๆที่ทำเรื่องแบบนั้นไว้

“ ก่อนจะเข้าเรียน อาจารย์มีอะไรจะประกาศนะ “ เสียงผ่านไมค์ที่ดังอยู่หน้าห้องผมมองเธอที่ก็ก้มลงจัดสื่อการสอน “ จับกลุ่มสามคน ทำรายงานมาส่ง กำหนดส่งจะเป็นสองอาทิตย์ก่อนสอบ ส่วนหัวข้อส่งรายชื่อมาก่อนแล้วเดี๋ยวอาจารย์จะจัดให้นะ  “ เธอว่าก่อนจะก้มลงดูเอกสารที่อยู่ข้างกาย ผมคิดว่าคงเป็นรายชื่อของนักศึกษาทั้งหมด “ จากเท่าที่ดูห้องเราแบ่งออกเป็นกลุ่มละสามคนได้ลงตัวพอดีเลย ถ้ายังไม่มีใครกดดร๊อปล่ะนะ “ เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นมาของเพื่อนร่วมชั้นแต่ผมกลับไม่รู้สึกตลกด้วยเลยสักนิด

“ โทษนะ มีกลุ่มกันรึยัง “ ผมหันไปถามสาวด้านหลังที่ทำหน้าเสียนิดหน่อยเหมือนจะเสียดายที่จะต้องพูดแบบนั้น

“ โทษทีนะเมดแต่กลุ่มเราสามคนพอดีน่ะ “
 
“ อ่า ไม่เป็นไร “ ผมบอก เธอก็ยิ้มแห้งๆก่อนจะหันไปถามข้างหลังให้

“ กลุ่มใครยังไม่ครบสามคนบ้าง ให้ไอ้เมดมันอยู่ด้วยสิ “

“ กลุ่มกูไง ยังไม่ครบ “ จิงที่นั่งอยู่ข้างผมหันไปพูดกับสาวข้างหลังที่กำลังช่วยผมถามเพื่อนคนอื่นๆเรื่องกลุ่ม เธอหันมาชักสายตาให้มัน รวมถึงเพื่อนที่นั่งอยู่แถวเดียวกัน ทุกคนตรงนั้นยิ้มจางๆ

“ มึงนี่ ก็หน้าด้านดีนะจิง ว่างๆก็ลองชวนยีนส์ไปขูดเศษหน้าทำถนนบ้างสิ ช่วงยางมะตอยขาดแคลนอะ ท่าทางจะอย่างหนาเลย “ สายตาของคนถูกว่าหันไปมองด้วยความไม่พอใจ จิงใช้แค่สายตาตอบโต้อีกฝ่ายแต่กลับไม่พูดอะไร ไม่เหมือนแต่ก่อนที่มันจะพูดออกไปทันทีถ้าใครเผลอมาทำให้ไม่พอใจ มันดูนิ่งก็จริง แต่เวลาโกรธก็น่ากลัว อีกฝ่ายที่โดนจ้องก็ไม่ยอมแพ้ เธอแค่ยกยิ้มก่อนจะยักคิ้วให้อีกคนแบบไม่กลัว เธอเรียกผม “ เมด “

“ ว่าไง “ หันไปหาอีกคนที่ก็ยิ้มใจดีให้ แตกต่างจากการยิ้มให้คนข้างๆอย่างสิ้นเชิง

“ ยังไงพอหมดคาบลองไปถามอาจารย์ดูสิ ขออาจารย์ทำคนเดียว ถ้าพูดเหตุผลออกไป อาจารย์น่าจะเข้าใจนะ ก็บอกไปว่าไม่สะดวกทำงานกลุ่ม “

“ อื้ม ขอบคุณมากนะ “

“ ไม่เป็นไร “

หันกลับมาสนใจสื่อการสอนที่สอนอยู่ตรงหน้า ผมไม่มีเอกสารด้วยซ้ำเพราะวิชานี้ไม่ได้เข้ามาสองอาทิตย์แล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าเข้าใจในเนื้อหาที่กำลังสอนอยู่หรือไม่ คำตอบคือไม่มีอะไรเลยที่ผมเข้าใจและคิดว่าก่อนอื่นก็ต้องเปิดไฟล์ที่เพื่อนเคยส่งมาให้ก่อน ทบทวนเนื้อหาที่เรียนไปด้วยตัวเองให้เข้าใจ จะได้เรียนทันเพื่อน

“ เมด “ เสียงคนๆคนข้างๆที่เอ่ยเรียกแต่ผมก็ทำเป็นไม่ได้ยินอะไร ทำเหมือนพวกมันไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้น “ ยังโกรธพวกกูอยู่อีกเหรอวะ “

   โกรธเหรอวะ ? .. ทำไมรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไรอย่างงั้นเลย ความรู้สึกมันไม่ได้โกรธ .. แต่มันเกลียดต่างหาก เกลียดแบบขยะแขยงด้วยซ้ำ

“ มึงเป็นแฟนกับคนชื่ออาฟที่เป็นเจ้าของผับเหรอวะเมด กูเห็นคนในห้องเค้าลือกัน “ จิงเอ่ยชวนผมคุยอีกครั้ง “ คนที่นั่งอยู่ข้างล่างรึเปล่า หล่อดีนะ “

“ ถามทำไม “ ผมหันไปถามอดีตเพื่อนรักของตัวเอง “ มึงจะแย่งเหรอ หรือว่าไอ้ยีนส์สนใจอีก “

“ เมด กูถามดีๆ “

“ กูไม่ได้อยากจะพูดดีๆกับพวกมึง แล้วก็ช่วยเงียบปากสักที กูรำคาญ “ ผมบอกก่อนจะหันไปมองกระดานตรงหน้า “  แล้วอีกอย่างกูมาเรียน ไม่ได้มาเพื่อคุยกับเพื่อนเหี้ยๆแบบพวกมึง “

ทุกอย่างเงียบไปผมที่จ้องกระดานอยู่ด้วยใบหน้าที่กำลังหงุดหงิด ก้มหน้าลงดูมือถือตัวเองที่ไร้การเคลื่อนไหวใด นาฬิกาที่ฉายคงอีกนานกว่าจะเวลาเลิก ทั้งๆที่ในใจผมอยากจะออกไปจากตรงนี้ ไม่อยากอยู่แล้ว ผมเบื่อ เบื่อที่ตัวเองต้องมารู้สึกแย่เพราะคนพวกนั้นที่ไม่มีค่าสำคัญอะไรในชีวิตอีกแล้ว

[ อยากกลับคอนโดแล้ว ] ส่งข้อความพร้อมสติกเกอร์ไลน์น่ารักๆไปอ้อนคนที่นั่งคอยกันอยู่ข้างล่าง [ ทำอะไรอยู่วะ หลับรึเปล่า อย่าเผลอหลับนะเดี๋ยวโดนลักหลับไม่รู้ด้วย ]

[ เล่นเกมส์ ] อีกคนตอบกลับมา [ แล้วกูก็แพ้เพราะมึงทักมา ]

[ อาฟ ]

[ เป็นเหี้ยอะไร ]

[ ทำไมต้องเป็นเหี้ยอะไรวะ ตอบว่าเป็นอะไรครับ ได้มั้ย ]

[ เรื่องมาก ]

[ อาฟ ] ผมส่งข้อความไปหามันอีกครั้งเพื่อลองดูว่าอีกคนจะทำตามที่บอกมั้ย

[ เป็นอะไรครับ ] ข้อความที่ชวนให้ผมยิ้มก่อนจะยิ้มกว้างขึ้นไปอีกตอนที่มันใส่ข้ออ้างที่ต้องพิมพ์คำนั้นมาด้วย [ กูก๊อปมาจากที่มึงพิมพ์ ไม่ได้พิมพ์เอง ]

[ เหรอออ กูไม่เชื่อได้มั้ย ]

[ เป็นเหี้ยอะไร ]

[ มีเรื่องจะฟ้อง ]

[ ขี้ฟ้อง จะฟ้องว่าอะไรอีก ] เห็นถึงความเอ้นดูในประโยคตอบนั่นผมยิ้ม

[ ไอ้จิงไอ้ยีนส์มานั่งข้างๆอีกแล้ว ] ส่งสติกเกอร์หน้าหงอยๆไปให้มันอาฟก็ถาม

[ แล้วทำไมไม่ย้ายไปนั่งที่อื่น ]

[ จะย้ายแล้วแต่อาจารย์เข้ามาพอดีย้ายที่นั่งไม่ทัน ]

[ สมน้ำหน้า ]

[ ไอ้หน้าเหี้ย กูกำลังเศร้ามั้ย ปลอบกูสิวะ ] ไอ้แฟนเฮงซวย ผมได้แต่บ่นอยู่ในใจก่อนจะถอนหายใจใส่ข้อความที่มันส่งเข้ามาพร้อมกับส่งสติกเกอร์แพนด้าบี้แก้มไปให้มัน

[ เราทำสติกเกอร์จากหน้าตัวเองได้ด้วยเหรอวะ ]

[ สัดอารยะ คือกูกำลังเศร้า ปลอบกูก่อนมั้ย ยังไงดี ]

[ รำคาญมึง ปลอบยังไงทำไม่เป็น ] อีกคนถามกลับ ผมก็คิดตาม ถ้าถามว่าอยากได้ข้อความตอบกลับแบบไหน ก็คงประมานว่า ‘ ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวก็หมดคาบแล้ว อดทนนะครับ ‘ แต่ผมไม่คิดว่าคำพูดพวกนี้จะหลุดออกมาจากปากคนอย่างไอ้อาฟได้  [ เที่ยงนี้กินอะไร มึงเลือก ] เพราะอย่างอาฟคงต้องเป็นอะไรแบบนี้ ผมเผลอยิ้มออกมากับข้อความของมันได้แต่อ่านแต่ไม่ได้ตอบกลับไป จนอีกฝ่ายคล้ายจะกังวล [ บะหมี่หมูตุ๋นอยากกินมั้ย หรือจะกินอะไรอย่างอื่น ]

[ ถามหน่อย มึงคิดว่าเวลากูได้คิดถึงของกิน แล้วก็ได้กิน มันจะทำให้กูอารมณ์ดีเหรอวะ ]

[ คงงั้น ] อีกคนบอกตรงๆ ผมก็หลุดยิ้มออกมาอีกครั้ง [ แล้วมันได้ผลมั้ย อารมณ์ดีขึ้นรึเปล่า ]

[ ถ้าตอนนี้ ก็ค่อนข้างดีเลย ] บอกมันแบบนั้นก่อนจะคิดถึงเมนูอาหารที่สนใจก็นับว่าเป็นการดึงดูดความสนใจที่ดี แต่ทว่าตอนนี้ก็ไม่อะไรที่อยากจะกินเป็นพิเศษเลยจริงๆ ความรู้สึกมันแบบแค่อยากจะกินอะไรง่ายๆ แล้วกลับบ้านไปอาบน้ำนอน ตื่นขึ้นจะได้ไปทำงานที่ผับต่อ [ เราออกไปหาอะไรกินกันที่อื่นดีกว่านะ อย่ากินแถวนี้เลย กูเลิกเกือบเที่ยงอะ รถมันติด ไปกินแถวคอนโดกันดีกว่า มึงอยากกินอะไร ]

[ มึงเลือก ]

[ อยากกินแค่หนมปังสักชิ้นไม่ให้ท้องร้องแล้วนอน เก็บท้องไปกินเครป หมี่หมูตุ๋นแล้วก็โตเกียวคืนนี้ ]

[ หวังว่าเช้าวันถัดมาคนที่นอนข้างกู จะยังเป็นมึงนะ ไม่ใช่หมูที่ไหน ]

[ ไอ้สัด ] สถบด่ามันแต่ก็รู้สึกว่าพักหลังๆจะกินเยอะไปจริงๆนั่นแหละ เมื่อเช้าส่องกระจกแก้มก็เหมือนเริ่มออกมาแล้วนิดนึง [ คืนนี้เลิกงานไปส่งกูที่คอนโดกูนะ กูจะกลับไปหาวิว ]

[ ไม่ให้ไป ]

[ อารยะ อย่างอแง ]

[ งอแงเหี้ยไร ไม่ให้ไปเป็นคำสั่ง ไม่ได้งอแง ]

[ แล้วจะให้กูนอนกับมึงไปแบบนี้ตลอดเลยรึไง บ้านกูก็มีมั้ยละ กูก็ต้องกลับไปนอนบ้านสิครับ ] บอกไปแบบนั้นอีกคนก็แค่อ่านก่อนจะตอบคำเดิมมาอีกครั้ง

[ ไม่ให้ไป ] ถอนหายใจออกมากับความเอาแต่ใจของมัน

[ เบื่อเถียงกับมึงอารยะ ]

[ ไม่ให้ไป ]

[ โวยยยยยยยยยย ] ส่งข้อความบอกความรำคาญใจพร้อมด้วยสติกเกอร์น่ารักแบบมีเสียงไปให้ด้วย แต่เหมือนทางแห่งความน่ารักจะไม่ใช่สิ่งที่อีกคนเข้าใจสักเท่าไหร่

[ รำคาญชิบ เสือกมีเสียงอีกสติกเกอร์มึง ]

[ น่ารักออกมึง ] ผมเถียง

[ รำคาญ คนเราส่งสติกเกอร์กันไปทำไมวะ ]

[ เพื่อบอกความรู้สึกตอนนั้นไง ]

[ แค่ที่พิมพ์ไม่พอ ? ] มันถามกลับแบบคนไม่ยอมเข้าใจอะไรทั้งนั้น

[ ก็พอ แต่มันเพื่ออรรถรสไง  แล้วมันก็ดูมุ้งมิ้งเวลาคุยกันนะ น่ารักจะตาย แต่จะว่าไปมึงก็ไม่เคยส่งเลยนะ ]  ข้อความที่ขึ้นมาอ่านแล้ว ไม่มีการตอบมาสักพักเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังคิดเถียงอยู่ในใจแต่อาฟไม่ใช่คนที่พูดอะไรยืดยาวเลยมาแค่ประโยคสั้นๆ
[ กูไม่มี ]

[ พวกนี้ก็ไม่มีเหรอ ] ส่งสติกเกอร์รูปหมีบราวที่แถมในทุกเครื่องตอนเราโหลดโปรแกรมไปให้มัน [ ที่มันแถมมาให้อะ ]

[ ปัญญาอ่อน ]

[ น่ารักจะตาย กูซื้อให้มั้ย เอาที่เหมาะกับมึง ] ผมเสนอตัวเพราะมีเหรียญติดอยู่ในโปรแกรมอยู่เยอะพอตัว แต่ถึงอย่างงั้นคุณอารยะก็แค่ปฎิเสธความไม่เป็นตัวตนของเค้า

[ ไม่เอา ]

[ แปปนะ ขอเลือกก่อน ]

[ กูบอกไม่เอา อ่านไม่ออกรึไง ] อยากจะซื้อให้เว้ย ยังไงก็จะซื้อ ผมอยากจะพิมพ์เถียงมันแต่ขี้เกียจจะพิมพ์ กดออกจากหน้าจอแชท เข้าไปเลือกสติกเกอร์ไลน์น่ารักๆที่มีให้ซื้อ เลือกอันที่เป็นสติกเกอร์ที่มีคนซื้อเยอะๆ ก่อนจะเจอเข้ากับสติกเกอร์แมวน้ำสุดแสนน่ารักที่ไม่เข้ากับมันเลยสักนิด ผมกดซื้อและส่งของขวัญไปให้มัน

[ กดรับ ]

[ กูบอกไม่เอา ]

[ กดรับอารยะ เหมาะกับมึง ] ข้อความขึ้นว่าอ่านแล้ว อาฟหายไปสักพักก่อนจะกลับมาพร้อมข้อความสั้นๆ และสติกเกอร์เจ้าแมวแมวน้ำกลมดิ๊กที่ผมซื้อให้หนึ่งตัว

[ พ่อมึง ตัวเชี้ยอะไร ]

[ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ น่าร๊ากกกกกกกกกก ] ผมกลั้นขำอยู่ในห้องคนเดียว ยกมือปิดปากไม่ให้ส่งเสียงอะไรออกไป คือมันไม่มีอะไรเข้ากันทั้งตัวนิสัยของคนส่งและตัวสติกเกอร์ที่โคตรจะน่ารัก แต่เพราะมันไม่เข้ากันเลยนี่แหละที่ทำให้คนส่งดูโคตรจะน่ารัก

[ ส้นตีน ใครจะใช้ ]

[ มึงไง เอาไว้ใช้คุยกับกู  น่ารักจะตายมึงไม่คิดงั้นเหรอ ] ผมบอกมัน [ เวลาโกรธก็ส่งตัวโกรธ รักก็ส่งตัวรัก ไหนลองส่งมา ] ข้อความขึ้นมาว่าอ่านและอีกฝั่งก็ยังคงเงียบ [ อารยะส่งมาสิ ตอนนี้รู้สึกยังไง ] แมวน้ำตัวกลมหน้าโกรธถูกส่งเข้ามา ผมหลุดยิ้มกว้างกลั้นขำจนเริ่มจะปวดท้อง [ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ น่ารัก ทุกอย่างดูซอฟไปหมดเลยเมื่อสติกเกอร์เราน่ารัก ขนาดอารยะยังดูซอฟเลยอะคิดดู ] ผมแซวแต่เหมือนอีกคนจะยังโกรธอยู่ก็เลยส่งมาแต่สติกเกอร์ตัวโกรธนั้น [ ซื้อให้อีกดีกว่า มีอีกตัวที่เหมาะกับมึง ]

[ รวยมากก็เอาเงินมาจ่ายหนี้กู ] ไม่ได้สนข้อความข้อความของมัน ผมกดเข้าไปซื้อสติกเกอร์อีกครั้งยังคงคิดว่าถ้าเป็นตัวแมวน้ำแล้วมันดูน่าเอ็นดู น่าเอ็นดูตรงที่ไม่ค่อยเข้ากับมันสักเท่าไหร่ สุดท้ายก็ตัดสินใจซื้อแมวน้ำเกรียนๆตัวนึงก่อนจะส่งเป็นของขวัญไปให้ [ ฟังกูหน่อยเมด ]

[ กดรับๆ ]

[ รำคาญ ]

[ อารยะกดรับ ] ข้อความที่ขึ้นว่าอ่านสักพักมันก็ส่งสติกเกอร์ที่ผมซื้อให้ล่าสุดมา แล้วนั่นก็ทำให้ผมหลุดขำออกมา

[ ตัวเชี้ยอะไรอีก ]

[ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แมวน้ำไง น่ารักออกมีแบบน่ารักแล้วก็ต้องมีแบบกวนๆด้วยไง ]

[ รำคาญมึง ] อีกคนบอกผมก็ได้ยิ้ม [ ไปเรียนไป กูขับรถพามึงมาเรียนช่วยตั้งใจให้คุ้มค่าน้ำมันหน่อย ]

[ ไปก็ได้ ] ส่งสติกเกอร์มีเสียงที่พูดว่า ‘ รักน๊าตะเอง ‘ เผลอยิ้มออกมาตอนที่ขึ้นว่าอ่านแล้วแต่ยังไม่มีอะไรตอบกลับมาจากอีกคน 
[ ส่งผิด ] ทำเหมือนที่อีกคนเคยทำ แต่ทว่าอาฟกลับแค่ส่งสติกเกอร์แมวน้ำที่ผมซื้อถือหัวใจที่เขียนว่าเลิฟมาให้ ผมเผลอยิ้มก่อนที่มันจะส่งข้อความตามสไตส์เข้ามา

[ ส่งผิดเหมือนกัน ]

[ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ อารยะแม่ง น่ารัก แบบนี้ต้องให้รางวัล ] ผมบอกก่อนจะส่งสติกเกอร์ ‘ รักน๊าตะเอง ’ ไปให้มันอีกครั้งพร้อมกับหัวใจดวงเล็กๆด้วยนึง [ คราวนี้ตั้งใจละ ]  อาฟส่งหัวใจสีแดงมาให้ผมดวงนึงผมนั่งมองมันอยู่สักพักก็ไม่เห็นมีข้อความปฎิเสธว่าส่งผิดอะไรพวกนั้นแบบที่มันชอบทำส่งกลับมา [ ไม่ตั้งใจเปล่า ] ถามมันออกไป แต่อีกคนก็ตอบแบบให้ยิ้มแบบสั้นๆ


[ ตั้งใจ ]

     

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
กดปิดหน้าจอมือถือของตัวเอง จะว่าไปการนอนคอนโดของไอ้อาฟก็ไม่ได้แย่อะไรออกจะสะดวกด้วยซ้ำไป มาเรียนก็ง่าย ไปทำงานก็ง่ายเป็นคอนโดในเมืองที่ไม่ต้องตื่นเช้ามากนัก แต่ผมก็อยากจะกลับบ้านบ้าง ก่อนที่น้องชายตัวดีจะตั้งข้อครหาผมว่า ‘ เห่อแฟนจนลืมน้อง ’

[ พี่เมด มึงพูดจริงเหรอ ] ข้อความของคนที่ถูกคิดถึงแจ้งเตือนขึ้นบนหน้าจอของผม กดเข้าไปอ่านน้องชายของผมก็ส่งสติกเกอร์ตกใจเข้าใจพอดี [ พี่เมดเป็นแฟนกับพี่อาฟแล้วจริงๆเหรอ ]

[ อื้ม ] ส่งสติกเกอร์เขินๆไปให้มันตัวนึงก่อนที่อีกคนจะส่งข้อความที่ชวนให้คิดกลับมา

[ แล้วพี่เมดลืมไอ้เหี้ยบินได้แล้วเหรอ ] ขึ้นว่าอ่านไปแล้ว แต่ผมกลับหาคำตอบอะไรไปตอบไม่ได้ ถ้าพูดว่าลืมไปแล้วก็คงโกหก มันไม่ได้ลืมแค่ไม่ได้เอามาเป็นสิ่งสำคัญอะไรอีกแล้ว เหมือนก็ยังรู้สึกอยู่ว่ามีแผล ถ้าเอานิ้วไปกดก็คงเจ็บอยู่ เหมือนแค่แผลตกสะเก็ดที่กำลังหาย แต่ก็ต้องเข้าใจทุกอย่างมันใช้เวลาในการรักษา และ ลืม ทั้งนั้น [ พี่เมดขอโทษนะ กูพูดไม่คิด รู้สึกไม่ดีรึเปล่าวะ เงียบไปเลย ]

[ เปล่าๆ กูแค่ไม่รู้จะเรียบเรียงคำพูดบอกมึงยังไง ] ผมบอกน้องชายตัวเองไปแบบนั้น อีกคนก็ส่งสติกเกอร์กอดกันมาให้ [ถ้ากูบอกว่าลืมไปแล้วมึงจะเชื่อมั้ย ]

[ จะเชื่อว่าพี่มึงตอแหล ]

[ ฮ่าๆ ก็ยังไม่ลืม แต่ก็ไม่ได้จำ ไม่ได้เอามาสำคัญอะไร มันเป็นอดีตแล้ว ตอนนี้กูก็อยู่กับปัจจุบัน ]

[ คิดได้แบบนั้นจริงๆมันก็ดี ] ผมอ่านข้อความนั้นยิ้มๆ [ แต่วิวว่าก็ดีนะพี่เมด ที่พี่เมดคบพี่อาฟน่ะ ]

[ มึงคิดงั้นเหรอ ]

[ อื้ม ก็บางทีอะไรๆที่มันแย่อยู่มันอาจจะดีขึ้น วิวหมายถึงความรู้สึกแย่ๆที่เกิดจากไอ้เชี้ยนั่น ]

[ วิว กูดูเหมือนคนที่คบกับอาฟแค่จะหาคนดามใจเปล่าวะ ]

[ ถ้าดูจากภายนอกใครๆก็คงคิด พี่เมดเพิ่งเลิกกับไอ้เหี้ยนั่นไม่นานก็มามีคนใหม่แล้ว มันก็ธรรมดาเปล่าวะ ]

[ ก็จริง ]

[ แต่วิวว่าไม่เห็นต้องคิดมากเลย มันอยู่ที่การกระทำของเราปะ พี่เมดรู้ใจตัวเองดีที่สุดไม่ใช่เหรอวะว่าพี่เมดคบเค้าทำไม เหมือนที่วิวเคยบอกไง ถึงเวลามันจะมี มันก็มี อย่าไปสนใจคนอื่นให้มากเลย คนถ้ามันจะคิดมันก็คิด เราห้ามความคิดแล้วก็ไปอธิบายให้ใครๆฟังทั้งหมดไม่ได้หรอก ]

[ คนจะรักมันก็แค่รัก ] ผมบอกน้องชายตัวเอง [ มึงเคยพูดไว้ ]

[ อื้ม บางทีวิวก็คิดนะว่าทุกอย่างเหมือนมันถูกกำหนดไว้แล้วละ ว่าต้องเป็นแบบนี้ ต่อให้เราพยายามจะหนียังไง ถ้ามันจะเกิดมันก็แค่เกิด ]

[ อื้ม ] ผมก็คิดว่าจริงอย่างงั้น ขนาดพยายามหนียังไง เตรียมคำพูดปฎิเสธไว้ยังไง แต่ถ้ามันจะต้องรัก ถึงจุดนั้นก็ต้องห้ามใจให้รักไม่ได้อยู่ดี [ จริงของมึง ]

[ งั้นตอนนี้พี่เมดก็เป็นอาซ้อเจ้าของผับดังแล้วอะดิ ส่วนกูก็น้องอาซ้อแฟนเจ้าของผับดัง เดี๋ยวกูต้องเอาไปอวดเพื่อน เหล้าฟรีมั้ยยังไงดี ]

[ แค่แฟนเว้ย เมีย เมอ อะไรไอ้เด็กนี่ ]

[ เดี๋ยวสถานะมันก็ต้องถูกเลื่อนขั้นขึ้นไปเรื่อยๆเชื่อสิ ] สติกเกอร์ล้อเลียนถูกส่งมาพร้อมกับเสียงหัวเราะตบท้าย [ แล้วเป็นไงวะ เค้าขอพี่เมดยังไง พี่เมดถึงใจอ่อนเร็วแบบนี้ ]

[ มันก็หลายๆอย่างวะ เอาจริงๆกูก็หวั่นไหวมาสักพักละ ตั้งแต่กูโกรธมันที่พูดปากหมาใส่แล้วมันก็ง้อกูด้วยเครป คือ ก่อนหน้านั้นมีลูกค้าในผับมาขอเบอร์กู แล้วกูเขียนไปว่า กูมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ]

[ ที่เขียนว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้วนี่ เขียนเพราะตอนนั้นก็มีจริงๆใช่มั้ย ]

[ เออ ก็ไอ้อาฟนั่นแหละ ] สารภาพออกไปน้องชายก็ส่งมาแค่สติกเกอร์มาล้อ ก็หวั่นไหวกับมันมีสักพักแล้ว ตอนนั้นคิดแค่ว่าไม่อยากจะคบใครทั้งนั้น ผู้ชายที่เข้ามาขอเบอร์ดูเป็นสเป็คก็จริงอยู่ หล่อ สูง แล้วก็หน้าตาดี แต่ว่าตอนนั้นในใจลึกๆมันก็พูดแค่ว่า ตอนนี้ถ้าจะคบใครสักคน คงมีแค่ไอ้อาฟคนเดียวเพราะคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด

[ ยังไงต่อ ]

[ ตอนที่มันได้อ่านมันถามกูว่า มันพอเป็นคนที่กูจะชอบได้มั้ย ]

[ เดี๋ยววววว อีพี่เมดดดดดดดดดด แล้วมึงตอบว่ายังไง แต่เดี๋ยวนะทำไมกูต้องใจเต้นวะ แต่นี่ก็ไม่ใช่พี่เมดไง แต่ทำไมเขิน ]

[ ตอนนั้นกูกัดฟันเขินจนปวดกรามอะ หน้านี่แดงสัดๆ แดงจนกูยังรู้สึกเลยว่ามันร้อน ร้อนแบบ ร้อนไปหมดทั้งตัวกูเลย แต่กูก็ตอบไปนะว่าแบบ อื้ม ก็พอได้อยู่ ]

[ อ่อยเว่อร์เบอร์แรงไปอีกจ้า ]

[ ดูอ่อยเหรอวะ ] ผมถามความเห็นน้องชายตัวเอง

[ มันก็นิดๆอะ แต่ว่ามันก็ต้องแบบนั้นแหละ เพราะถ้าพูดว่าไม่ใช่ ก็ไม่ได้ เพราะมันก็ใช่ มึงหมายถึงเค้า แต่ถ้าให้พูดออกไปตรงๆว่า ใช่ ก็ไม่ได้ มันก็มันอ่อยแรงเกินไป ก็ต้องพูดแบบนี่แหละ อ่อยเบาๆ ]

[ อื้ม นั่นแหละสิ่งที่กูคิด ไม่อยากให้มันดูว่ากูแบบมีใจให้มันออกนอกหน้านอกตามากเกินไป แบบอยากได้ๆ คือกูก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น อยากให้มันรู้แค่ว่า เออ ก็ไม่ได้ปฎิเสธมันหรอก แต่ก็ไม่ได้เปิดประตูใจออกให้กว้างขนาดนั้น แล้วถ้ามึงอยากเข้ามาก็ต้องออกแรงผลักประตูนั่นเข้ามาด้วย ]

[ ชั้นเชิงและคำพูดคำจาของพี่กูนั้น อ่อยยังไงให้ดูแพง by มินเมด ]

[ กูแค่ต้องให้ค่าหัวใจตัวเองอะ ถึงมันจะยับเยินแค่ไหนกูก็ต้องเห็นค่าของมัน ไม่ใช่ว่าช่างมันจะทำอะไรก็ได้ ยังไงก็พังไปหมดแล้วจะโดนหลอกอีกก็ไม่สนละ ]

ผมแค่รู้สึกว่าเมื่อก่อนก็เคยคิดอะไรง่ายๆ สำหรับความรักถ้ายอมได้ จะยอมให้ทุกอย่าง จนยอมลดคุณค่าของตัวเองทนอยู่กับสิ่งที่ตัวเองเรียกว่ารัก แต่สุดท้ายมันก็ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แล้วผมก็ได้บทเรียนมาข้อนึงว่า คนเราต้องเห็นคุณค่าของตัวเองก่อน ถึงจะให้คนอื่นมาเห็นคุณค่าของเราได้ เพราะถ้าเราทำตัวเองไม่มีค่า คนอื่นก็จะเห็นเราไม่มีค่าเช่นกัน เหมือนที่บินไม่เคยเห็นผมมีค่าเลย เพราะผมยอมลดคุณค่ากลายเป็นคนที่อะไรก็ได้กับมันก่อน

[ ดีว่ะ พี่เมดดูรักตัวเองมากขึ้นมากๆ น้องประทับใจ ]

[ อื้ม  ]

[ แล้วยังไงต่อ สารภาพรักเลยมั้ย ]

[ ยังเว้ย ตอนสารภาพมันเรียกกูไปที่ระเบียงถามประวัติกู แล้วให้กูถามประวัติมัน ถามไปถามมาสุดท้ายบอก รู้จักกันดีรึยังจะได้ขอเป็นแฟน ]

[โรแมนติกไปอีก เขินแล้วจ้า ] เออ ก็ยอมรับว่าเป็นแบบนั้นอยู่ เป็นความโรแมนติกแบบเท่ๆคลูๆ ที่โคตรทำให้ใจสั่น เหมือนอ่านการ์ตูนสักเล่มที่เราเป็นตัวละครสองตัวที่กำลังผลัดรับผลัดสู้กันอยู่ แล้วสุดท้ายตัวผมก็โดนใช้ท่าไม้ตายทำให้จนมุมแบบไปไหนไม่รอด จนมุมมันไปในท้ายที่สุด

[ ตอนแรกกูบอกมันไปว่าเร็วไปรึเปล่า กูเพิ่งเลิกกับแฟน ]

[ โอยยยยยย อีพี่ ยังจะเล่นตัว  ]

[ กูไม่ได้เล่นตัว แต่กูคิดแบบนั้นจริงๆ กูแค่อยากจะรักมันจริงๆ ไม่ใช่รักแบบครึ่งๆกลางๆ เหมือนไม่รู้ว่า รักจริงๆ หรือแค่อยากได้คนมาดามใจ ]

[ แล้วเค้าว่าไง ]

[ อาฟบอกสำหรับมันช้าไป กูเลยบอกว่า มันยังรู้จักกูไม่ดีพอเลย เท่านั้นแหละ แม่งร่ายยาวเลยที่ก่อนหน้านี้มันถามกูไว้ กูชื่ออะไร เรียนที่ไหน บลาๆ ไอ้สัด โคตรแค้น เหมือนวางแผนเอาไว้มาหมดแล้ว ตามแทบไม่ทัน ]

[ พี่เค้าร้ายวะ มีชั้นเชิงโคตรๆ ]

[ เออมันร้าย ร้ายสัดๆ แล้วพอกูบอกว่า มันเตี้ยกว่ากูนะ โอเคเหรอ เดินด้วยกันไม่กลัวกูดูเป็นผัวมันนะ ]

[ ฮ่าๆ อีเชี้ยพี่เมด มึงพูดงี้จริงดิ อีพี่บ้า ]

[ เปล่ากูไม่ได้พูด แค่พูดว่ามันดูไม่ค่อยเหมาะกัน ]

[ แรงว่ะ หักหามน้ำใจสุด คำแรกดูซอฟไปเลย ]

[ เหรอวะ แต่ตอนนั้นกูก็แอบเห็นมันหน้าเสียเหมือนกัน ] ส่งสติกเกอร์หน้าเศร้าไปให้น้องชายตัวเอง จะว่าไปตอนนั้นก็แอบนึกถึงหน้ามันขึ้นมา อาฟเหมือนไม่คิดมาก่อนเลยว่าผมจะพูดอะไรแบบนั้น อยากจะตบปากตัวเองแท้ๆที่พูดแบบนั้น โคตรทำลาย
บรรยากาศ [ นึกแล้วสงสารอาฟเลยวะ กูก็ไม่น่าพูด ]

[ พี่อาฟเตี้ยกว่าพี่เมดมากเหรอ ]

[ คงสักสองสามเซ็น กูใส่รองเท้าแตะ มันใส่ผ้าใบ มันก็สูงกว่ากูแล้ว ]

[ โอยยยยยยย ทำเป็นซีเรียส แบบนั้นมองผ่านๆ ยังไม่รู้เลยใครสูงกว่าใครเตี้ยกว่า พี่มึงแม่งคิดมากกับเรื่องแค่นี้ด้วยเหรอวะ ]

[ ก็ไอ้อาฟมันดูเหมือนเป็นคนคิดเรื่องแบบนั้นนี่หว่า ]

[ มึงก็น่าจะใช้สมองหน่อย คือถ้าเค้าคิดว่าเรื่องรูปร่างมันสำคัญ ความสูงมันสำคัญ เค้าก็ไม่จีบพี่เมดแล้วมั้ย ]

[ มึงด่ากูแรงจังวิว ]

[ จะได้สำนึก ]

[ แล้วอาฟถามกูด้วยนะว่าความรักของกูคืออะไร คือรูปร่างหน้าตาเหรอ แล้วมันก็บอกว่าสำหรับมันคือไม่ใช่ สำหรับมันคือถ้ากูแคร์เรื่องส่วนสูงมันจะใส่รองเท้าที่ส้นสูงหว่า ถ้าชอบคนตัวใหญ่ๆจะใส่เสื้อตัวใหญ่ๆให้ ความรักของมันเป็นอะไรแบบนั้น ]

[ เฉียบ เหมือนจะพูดว่า เค้าจะยอมเปลี่ยนแปลงเพื่อพี่เมดถ้ามีอะไรในตัวเค้าที่พี่เมดไม่ชอบ เพื่อที่จะให้ตัวเองได้รักกับพี่เมด ]

[ อื้ม ]

[ แล้วเป็นไง พอได้ฟังแล้ว ]

[ ตอนนั้นมันพูดต่อว่า เหลือแค่กูแล้ว ว่ากูจะยอมใส่รองเท้าส้นเตี้ยแล้วเดินไปพร้อมกับมันมั้ย เหมือนว่า แล้วกูละยอมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อมันมั้ย ]

[ โอ้ยยยย อีเหี้ย ผัวขา พูดออกไปสิ ปฎิเสธอะไรอีกละมาถึงขนาดนี้แล้ว ]

[ ฮ่าๆ ]

[ เอาจริงๆกูบอกปฎิเสธไม่ได้อะ ถ้าโดนพูดใส่แบบนี้ พี่อาฟชวนหลงมากเด้อ ยอมใจ ]

[ อื้ม จริงของมึง ตอนนั้นในใจกูมันแบบเหมือนพูดแค่ว่า ใช่เลยวะ ปฎิเสธไม่ได้เลยต่อให้พรุ่งนี้กูจะเสียใจอีกเท่าไหร่ กูก็ไม่สนแล้ว ยังไงก็ต้องคนนี้  เหมือนความกลัว ความไม่พร้อม หรือเหี้ยอะไรทั้งหมดที่กังวลมันหายไปหมด ]

[ แล้วไอ้คนที่วางท่าบอกว่าอยากจะเข้ามามาหาก็ต้องเปิดประตูเข้ามาเองอะ ] น้องชายผมแซว

[ ตอนนั้นไอ้นั้นก็อยากจะเปิดประตูให้แล้วกระชากเข้ามาในห้องเลย ]

[ ฮ่าๆๆๆ อีพี่เมดดดดด แรดเลยพี่กู ]

[ เหมือนอยู่ๆกูกล้าขึ้นมาเหมือนคนเอาแต่ใจตัวเอง ยังไงก็จะคบ ยังไงก็ต้องคนนี้ กูเลยตอบตกลงมัน ]

[ กูเข้าใจ ก็คำพูดแม่งโดนใจขนาดนั้นอะ มันลืมไปหมดแหละ จะพร้อมไม่พร้อมหรือใครบอกมันเหี้ยก็ตาม แต่เราก็จะแบบ กูจะลองเอง กูจะลองรักเค้าเอง คือพอถึงเวลาจะรักช้างทั้งโคลงมาฉุดก็ไม่อยู่หรอก ยังไงมันก็รักอยู่ดี ]

[ อื้ม ]

[ แต่กูชอบคำพูดของพี่อาฟนะ มันฟังแล้วแบบ ไม่ใช่แค่ชอบ แต่มันคือ กูชอบและพร้อมจะเปลี่ยนแปลงเพื่อมึง ประทับใจ แต่ไว้เจอตัวจริงแล้วบอกอีกที พี่เมดจะพามาเจอวิววันไหน ]

[ วันนี้มั้ง พี่ว่าจะกลับไปนอนที่ห้อง ]

[ แต่น้องไม่คิดว่าพี่เมดจะได้นอนนี่ ]

[ ทำไมวะ ] พิมพ์ถามมันไปยิ้มๆ เพราะก็คิดไม่ต่างอะไรกับคนเป็นน้องสักเท่าไหร่

[ คนเป็นแฟนกันมันก็ต้องอยากจะอยู่ด้วยกัน ยิ่งมีคอนโดไม่ต้องนอนบ้านพ่อแม่แบบนี้ก็ยิ่งอยากจะพาไปนอนด้วย คือข้าวใหม่ปลามันอะพี่มึง ใครมันจะอยากห่างกับแฟน ]

[ ก็จริงของมึง ] ผมพยักหน้ารับกับข้อความที่ได้อ่าน

[ แล้วดูนิสัยพี่อาฟจากที่เค้าชอบพาพี่เมดไปไหนมาไหนด้วยตลอด เค้าก็น่าจะเป็นคนติดแฟนนะ คือพวกชอบอยู่กับแฟน ]

[ ให้กูได้พักหายใจบ้างเถอะ เมื่อคืนก็นอนไม่หลับแม่งเล่นกอดกูทั้งคืน ]

[ เหม็นความรัก ]

[ คืนนี้กลับไปนอนกอดน้องชายตัวเองบ้าง ]

[ เดี๋ยวพอเค้าอ้อนๆก็ใจอ่อน สุดท้ายก็ต้องมาขนเสื้อผ้าไปนอนนู้นตลอด เชื่อสิ เชื่ออออออออ ]

[ เบื่อมึง ]

[ ที่รู้ทัน ] น้องชายผมต่อประโยค [ วิวว่าถ้าเราสบายใจกับการอยู่กับเค้า มันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ดีซะอีกจะได้รู้จักกันมากขึ้น คนอยู่ด้วยกันรู้จักกันเร็วกว่าคนอยู่ห่างกันนะ พี่มึงไม่คิดงั้นเหรอ ]

[ คิด ] เพราะแฟนเก่าผมก็เป็นแบบนี้ ตอนคบกันแรกๆ เราแค่ไลน์หากัน นัดออกไปเที่ยวเวลาว่างๆเพราะต่างคนก็ต่างอยู่บ้าน ตอนนั้นมันทั้งเทคแคร์ แล้วก็เอาใจ จนสุดท้ายพอสอบได้มหาลัยเดียวกันก็เลยตัดสินใจมาอยู่ด้วยกัน แรกๆก็ยังโอเค แต่เพียงแค่ห้าเดือนแรกผ่านไป หายนะก็ค่อยๆคืบคลาน สำหรับนิสัยจริงๆของมันที่ซ่อนอยู่

[ เห็นมั้ย ได้ลองอยู่ด้วยกันมันก็ดีออก แรกๆมันก็เขินหลังๆเดี๋ยวมันก็ชิน ตอนนี้ไม่อยากจะให้กอดตื่นเต้น หลังๆพี่เมดนั่นแหละที่จะกลิ้งเข้าไปซุกเค้าเวลานอน ]

[ เชียร์กูให้นอนคอนโดไอ้อาฟจังนะวิว ไม่ใช่เพราะว่าพี่นอนคอนโดพี่อาฟแล้วตัวเองจะได้โดดเรียนง่ายๆ กลับบ้านเย็นแค่ไหนก็ได้เหรอ ]

[ บ้า พี่เมดอะคิดมาก ] สติกเกอร์ของน้องที่ส่งมาหลังข้อความบอกกับผมว่ามันก็เป็นแบบที่ผมคิดนั่นแหละ

[ ไว้เจอกัน ]

[ เดี๋ยวน้องจะจับพี่เมดหอมแก้มซ้ายขวาข้างละสิบทีเพราะน้องคิดถึง ]

[ ขี้อ้อน เดี๋ยวเจอกัน ]

[ เจอกันครับ ] กดปิดหน้าจอของตัวเองผมเงยหน้าขึ้นมองกระดานที่ไม่เข้าใจอะไรเลยที่อาจารย์สอนอีกครั้ง ผมกำลังเตรียมคำพูดที่จะเอาไปพูดกับอาจารย์ ไม่รู้จะเริ่มพูดคำไหนดีให้เค้าเข้าใจว่าไม่อยากจะทำงานร่วมกลุ่มกับคนสองคนที่เหลือจริงๆ แต่หนทางที่เค้าจะเข้าใจและช่วยเหลือ สำหรับผมรู้สึกว่ามันริบหรี่เหลือเกิน

AFTER  กดเข้าไปในไลน์นี้อีกครั้ง ผมส่งข้อความสั้นๆไปหาอีกคนหลังจากที่กริ้งหมดเวลาเรียนดังขึ้น [ เลิกเรียนแล้วนะ แต่ขอคุยกับอาจารย์ก่อน รออีกแปปนึงนะ ]

[ ครับผม ] ข้อความสั้นๆที่ตอบมาชวนให้ยิ้ม  ลุกขึ้นจากที่นั่งเดินตรงเข้าไปหาอาจารย์ที่กำลังเก็บของอยู่ที่หน้าห้อง

“ อาจารย์ครับ ผมอยากจะถามเรื่องงานกลุ่มหน่อยครับ “ อาจารย์มองผมลอดแว่นสายตาที่ใส่ตอนที่ผมนั่งย่อตัวลงตรงหน้าแล้วบอก “ คือว่าตอนนี้ผมยังไม่มีกลุ่ม “

“ ก็ลองไปหาถามเพื่อนในห้องสิ มันต้องเหลืออยู่สองคนนะอาจารย์ประกาศเรียกให้มั้ย “ เธอทำทีเป็นจับไมค์ของตัวเองอีกครั้ง แต่ผมก็เอ่ยห้ามไว้

“ คือผมรู้แล้วครับว่าใครยังไม่มีกลุ่ม แต่คือว่า อาจารย์ครับ ผมไม่สะดวกที่จะร่วมกลุ่มกับทั้งสองคน ขอผมทำรายงานคนเดียวได้มั้ย “

“ ทำไมละ “ สีหน้างุนงงฉายขึ้นพร้อมกับคำพูดของเธอที่เอ่ยขึ้นมา “ เธอมีปัญหาอะไรกับเพื่อน “

“ ทะเลาะกันรุนแรงน่ะครับ “

“ เรื่องอะไรละ ถ้าไม่บอกกัน อาจารย์ไม่รู้ว่าหรอกนะว่ามันจะรุนแรงพอให้เข้าใจได้มั้ย “ ผมก้มหน้าถอนหายใจออกมา สื่อความลำบากใจในการพูดในเธอรู้ “ มันเป็นเรื่องใหญ่มากเลยเหรอ “

“ ครับ มันแย่มากๆ เป็นเรื่องหักหลังกัน แล้วผมก็ไม่อยากจะร่วมงานกับเค้า ไม่อยากถูกหักหลังอีก “

“ อาจารย์ก็พอเข้าใจนะในสิ่งที่จะสื่อนะ แต่ว่าก็อยากจะให้มองอีกมุมนึงก็คือถ้าเธอออกไปทำงาน เธอก็ต้องเจอเพื่อนร่วมงานที่ไม่ถูกใจ แต่ก็ยังต้องทำงานร่วมกันกับเค้าแบบนั้นก็จะหนีความรับผิดชอบไม่ทำเพราะเรื่องส่วนตัวเหรอ มันก็ไม่ได้ใช่มั้ยละ ไม่ว่ายังไงก็ต้องทำงานให้สำเร็จ “ ผมเงียบไปเธอก็ยิ้มให้ “ อาจารย์อยากให้เธอลองใช้ความอดทนแล้วทำรายงานกลุ่มนี้ให้สำเร็จ คิดซะว่าถ้ามันคือการทำงานเธอไม่สามารถไปบอกกับหัวหน้างานได้ว่า อยากจะเปลี่ยนกลุ่ม เพราะในชีวิตจริงของการทำงานมันเป็นแบบนี้เราเลือกเพื่อนร่วมงานที่ชอบทั้งหมดไว้ในที่ทำงานไม่ได้หรอก เข้าใจใช่มั้ย “

“ เข้าใจครับ “ ผมตอบเธอเสียงเรียบๆ ก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูง ความต้องการล้มเหลว ผมยิ้มก่อนจะยกมือไหว้เธอ “ ขอบคุณครับอาจารย์ “

เดินออกมาจากห้องด้วยความรู้สึกเซ็งๆแต่ก็เป็นอย่างที่คิด ผมรู้แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ ในมุมมองของผู้ใหญ่เรื่องนี้มันดูค่อนข้างไร้สาระไป  ผมถอนหายใจออกมาอยากจะบอกอาจารย์เหมือนกันว่าชีวิตจริงที่ทำงานอยู่ตอนนี้ สังคมมันน่าทำมากกว่ารายงานกลุ่มนี่ซะอีก แต่ก็นะ ถ้ามองสังคมของการทำงานโดยรวมสิ่งที่อาจารย์พูดมันก็จริง

“ เมด สรุปมึงอยู่กลุ่มกับพวกกูนะ “ จิงที่เดินเข้ามาหา ผมหันไปมองมันตัดสินใจไม่ได้พูดอะไร ได้แค่ตั้งคำถามกับตัวเองในตอนนั้น ผมทำอะไรได้บ้างสำหรับพวกมัน ถ้าเป็นแฟนบอกเลิกไปแล้วก็คือจบ โชคดีที่บินไม่ได้มาเรียนคณะเดียวกันแต่เป็นวิทย์กีฬา ก็เลยไม่ได้เจอกัน แต่เพื่อนที่เรียนคณะเดียวกันมาตลอด และกำลังจะจบไปในปีเดียวกัน ผมทำอะไรกับพวกมันได้บ้าง

“ พวกมึงสองคนเลิกยุ่งกับกูได้มั้ย “ ผมถามออกไปสั้นๆ อีกฝ่ายก็นิ่ง ผมมองไปข้างหลังของอีกคนไอ้ยีนส์ยืนอยู่ไม่ไกล “ พวกมึงเลิกเข้ามานั่งข้างกู เข้ามาคุยกับกูได้มั้ย กูไม่อยากคุยกับพวกมึง กูไม่อยากเห็นหน้า พวกมึงคิดอะไรอยู่ กำลังคิดว่ากูจะให้อภัยกับการกระทำของพวกมึงได้อย่างงั้นเหรอ “

“ เมด..”

“ ถ้าเป็นมึง มึงจะให้อภัยเพื่อนที่แอบนอนกับแฟนมึงจริงๆเหรอวะ มึงจะให้อภัยเพื่อนที่โกหกมึงมาตลอดจริงๆเหรอวะ “

“ กูไม่ได้ตั้งใจ กูไม่ได้อยากจะโกหกมึงนะ “

“ มึงเข้าใจความหมายของคำว่า ไม่ตั้งใจรึเปล่า “ ผมถามจิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า มันที่มีท่าทางว่าจะร้องไห้แล้วกำลังจะอธิบายความรู้สึกของตัวเองออกมาเป็นคำพูดแต่ผมก็พูดขึ้นมาก่อน “ ไม่ตั้งใจคือการที่มึงทำมันแค่ครั้งเดียว แต่นี่มันไม่ใช่ มึงตั้งใจ ตั้งใจจะปิดแล้วก็ตั้งใจที่จะมีอะไรกับไอ้เหี้ยนั้น “ มองผ่านไปข้างหลังยีนส์ถอนหายใจออกมา “ กูขอพูดเรื่องนี้กับพวกมึงทั้งสองคนเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ต้องขอโทษ พอแล้ว ยังไงก็ไม่ให้อภัย เรากลับมาเป็นเพื่อนกันไม่ได้หรอกว่ะ คบกันไปก็มีแต่ความหวาดระแวง ไม่รู้พวกมึงจะตอแหลกูตอนไหน ไม่รู้จะหักหลังกูตอนไหน “

“ เมด อย่างน้อยก็ให้พวกกูยังคุยกับมึงได้มั้ย แค่คุย แค่ทัก ได้มั้ยวะ “

“ อย่าเลย “ ผมส่ายหน้าปฎิเสธ “ พวกมึงไม่ต้องมาเสียดายความสัมพันธ์ระหว่างเราที่มีมาตั้งแต่เด็กๆหรอก ก็พวกมึงสองคนเลือกที่จะทำลายมันเอง จะมาเสียใจทำไม จริงมั้ย “

“ แล้วเรื่องรายงาน “ ยีนส์ที่อยู่ไกลออกไปเอ่ยถาม “ มึงจะเอายังไงละ จะทำมั้ย หรือให้พวกกูทำแล้วใส่ชื่อมึง “

“ ให้กูเชื่อคนที่หักหลังกูน่ะเหรอ “ ผมถามก่อนจะยิ้ม “ กูทำเองคนเดียวก็ได้ เดี๋ยวจะใส่ชื่อพวกมึงด้วย “

“ แต่เมด “

“ ไม่ต้องกลัว กูไม่มีนิสัยหักหลังใคร  ส่วนใหญ่จะโดนเพื่อนหักหลังมากกว่า “

“ แต่พวกกูจะทำมันเป็นคะแนนของพวกกู “ ยีนส์มันพูดก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ไอ้จิงที่ยืนอยู่ “ เราก็นัดกันมาทำที่ไหนสักที่แล้วกัน มันเป็นรายงานกลุ่มก็เหมือนที่อาจารย์พูดนั่นแหละ ในชีวิตจริงถ้าเราต้องอดทนทำงานกับคนที่เราไม่ชอบ เราก็ต้องทำ เพราะเราหนีไม่ได้ “

“ เหมือนอย่างมึงแล้วก็กูเป็นอยู่ตอนนี้ “ ผมมองหน้ามัน อีกคนก็มองหน้าผม สายตาที่ไม่มีใครยอมใครของเรา

“ ใช่ “

“ ไอ้ยีนส์ “ จิงเอ่ยเรียกเพื่อนมันที่อยู่ข้างกัน

“ ถ้าเค้าไม่อยากจะเป็นเพื่อนเราเหมือนเดิมก็อย่าพยายามเลยมึง “ ยีนส์มองผมสลับกับเพื่อนตัวเอง

“ บางทีเมดมันคงสะดวกที่จะเกลียดเรามากกว่า “

สบสายตาของอีกคนที่มองผมอยู่แบบนั้นแบบไม่ชอบใจ ยีนส์ไม่ใช่คนแบบนั้น มันไม่ใช่คนชอบหาเรื่องใคร เป็นแค่คนคนนึงที่เงียบออกไปทางไม่ค่อยแสดงความรู้สึก แต่หลังจากวันนั้น วันที่เห็นมันนอนกับแฟนผม ตัวเองกลับคิดขึ้นมาได้ว่า บางทีผมอาจจะไม่เคยรู้จักตัวจริงของเพื่อนคนนี้เลยก็ได้

“ รู้ตัวเองก็ดี “

“ ก็ไม่ได้มีแค่มึงหรอก ที่รู้สึกแบบนั้น “ 

“ แสดงออกแบบนี้ก็ดี ค่อยสมกับการที่แย่งผัวเพื่อนหน่อย “ ผมยิ้มให้ “ เพราะประโยคขอโทษไม่เหมาะกับคนสันดานแบบมึงหรอก “ 

   เดินผ่านมันสองคนออกไปโดยไม่พูดอะไรออกมาอีก เคยมีบางคนบอกกับผมว่า ความสัมพันธ์ของคนเรากับคนบางคน อาจจะมีแค่สองอย่าง นั่นคือถ้าไม่รักก็เกลียดกันเลย แล้วระหว่างเราสามคนตอนนี้.. มันก็เป็นแบบนั้น คงได้แต่เกลียดกันไปจนตาย

......................................................................

   เดินลงมาด้านล่างของตึกด้วยความไม่พอใจ ผมไม่รู้ตัวเองทำสีหน้าหงุดหงิดอยู่ในระดับไหนแต่คิดว่ามันคงมากพอที่จะทำให้คนที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะพร้อมกับน้ำที่หมดไปแล้วหนึ่งแก้ว เลิกคิ้วขึ้นมาก่อนจะยกยิ้มให้

“ หน้าเป็นตูดมาเลย “ อาฟพูดคำแรกก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก้าวขาออกจากเก้าอี้ที่นั่ง ผมหันไปมองรอบๆวันนี้รู้สึกมีสาวๆทั้งในคณะและต่างคณะมานั่งกันแถวนี้เยอะกว่าปกติ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอกระดับเจ้าของผับดังมานั่งอยู่ตรงนี้ ถ้าไม่มานั่งกันสิจะแปลกใจมากกว่า

ถอนหายใจออกมากับสภาพแวดล้อมที่ยิ่งชวนให้หงุดหงิดมากกว่าเก่า สีหน้าที่คงแสดงออกชัดเจนแบบปิดไม่มิดและในตอนนั้นคนที่ทำให้สบายใจเสมอก็แค่ยื่นมือมาจับมือผมไว้ก่อนจะออกแรงดึงให้เราเดินออกไปด้วยกัน ท่ามกลางคนมากมายที่นั่งอยู่ตรงนั้น ไม่ได้มีคำพูดอะไร เป็นแค่การกระทำที่อธิบายว่าเราเป็นอะไรกันได้ดียิ่งกว่า ‘ โอเค  ผมคิดว่า ผมรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อยแล้ว ’

เปิดประตูรถเข้าไปนั่งด้านใน ผ่อนลมหายใจออกมาอีกคนก็สตาร์ทรถเปิดแอร์ก่อนจะหันมาถามอีกครั้ง “ เป็นอะไร “
“ กูต้องทำรายงานกลุ่มกับไอ้จิงไอ้ยีนส์ “ หันไปทำหน้าเซ็งๆใส่อาฟที่มองผมอยู่แบบนั้น “ มึงปลอบหน่อย “

“ ทำยังไง “ พิงตัวเองกับเบาะรถที่นั่ง ก่อนจะเอียงตัวไปหามัน

“ มากูสอนให้ “ บอกแบบนั้นก่อนจะดึงตัวเองขึ้นนั่งให้ดีด้วยการจ้องหน้ามันที่ก็แค่เหลือบตามามองกัน “ เวลาที่เราเห็นแฟนเราเซ็งๆ มึงก็ต้องดึงแฟนมึงเข้ามากอดแบบนี้ “ ผมดึงอาฟเข้ามากอดก่อนจะลูบหลัง “ แล้วก็ลูบหลังเบาๆ เข้าใจมั้ย พูดหวานๆด้วยก็ดี “ ผละตัวเองออกจากมันที่หูแดงจัดแต่ก็สถบคำตรงข้ามออกมาเหมือนอย่างทุกที

“ ปัญญาอ่อน “ ผมหันไปดึงเข็มขัดนิรภัยตอนที่อีกคนพูด แต่ยังไม่ทันจะดึงมารัดให้เสร็จคนที่ไม่คิดว่าจะทำอย่างที่บอก ก็ดึงตัวเองมากอดผมไว้จากด้านหลัง มือข้างนึงของมันกอดเอวส่วนมืออีกข้างก็ลูบหัวผมเบาๆ “ แบบนี้ได้มั้ย “

“ ก็ได้อยู่ แต่ไม่เหมือนที่สอน “

“ อย่าเรื่องมาก “ มันบอกผมก็หลุดยิ้มกว้าง

“ พูดด้วยสิ “

“ พูดอะไร “

“ ทำนองว่า ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปอาฟอยู่ข้างๆเมดนะอะไรแบบนั้น “

“ รำคาญ “ อีกคนบ่นก่อนจะเงียบไปสักพัก ในตอนที่ผมกำลังดึงตัวเองออกมาเพราะคิดว่ามันนานไปแล้ว อีกอย่างเราควรออกรถเพื่อเดินทางกลับ แต่ทว่ามือที่กอดผมไว้กลับกอดกันไว้แน่นไม่ยอมปล่อย “ ไม่เป็นไร..นะ..ครับ เดี๋ยว จะอยู่ข้างๆเอง “

“ ขอบคุณนะครับ “

“ กูแค่พูดตามที่มึงบอก “ หลุดหัวเราะออกมาผมที่ดึงตัวเองหันไปมองหน้ามันแต่ทว่าอีกฝ่ายกลับกอดกันไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ อาฟ ปล่อยก่อน.. กอดแน่นไปแล้วมึง ”

“ อย่าเพิ่ง “ มันห้ามผมไว้ “ หูกูยังแดงอยู่ หน้าก็ด้วย “

“ ก็เหมือนกันนั่นแหละ “ ผมหลุดยิ้มกว้างออกมาก่อนจะทำได้แค่นั่งนิ่งๆอยู่แบบนั้น ภายในรถเงียบเชียบผมได้ยินแค่เสียงแอร์กับเสียงหัวใจของตัวเองที่เต้นออกมาแทบจะทะลุอก

“ หัวใจเต้นแรงมากเลยว่ะ “ อาฟบอกผมก็ทำทีเป็นจะดึงตัวเองออกมาจากตัวมันที่กอดกันไว้ ปากเตรียมตัวจะเถียงว่าหัวใจผมไม่ได้เต้นแรงเพราะมันสักหน่อย แต่ทว่าอาฟกลับกอดผมไว้แน่นกว่าเก่า “ หมายถึงหัวใจกูเต้นแรงมากเลย “

“ เพราะกูเหรอ “

“ ไม่มั้ง “

“ ไอ้สัด..มึงนี่มัน “ ถอนหายใจออกมาอีกฝ่ายก็ตอบกลับ

“ อื้ม เพราะมึง.. รู้ตัวแล้วยังจะถามอีก“ หัวใจที่เต้นแรงอยู่ในอกผมปล่อยให้มันเต้นอยู่แบบนั้น แล้ววินาทีต่อมาอาฟก็แนบแก้มของตัวเองเข้ามาแนบกับแก้มของผม เรานิ่งอยู่แบบนั้นสักพัก ไม่ได้พูดอะไรอีก

น่าแปลก .. ความขุ่นเคืองใจของผมมันหายไปอย่างฉับพลันเหลือไว้แต่ความสุข และแก้มแดงๆที่กำลังเขินการกระทำที่แสนใกล้ชิดของอีกคนเสียมากมาย ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆมือที่ว่างของผมจับลงที่แขนของอาฟที่กอดเอวกันไว้  สมแล้วที่ยกให้เป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด .. แม้จะปากหมาปากแข็งไปหน่อยก็เถอะ

แต่นั่น..ก็สมกับที่เป็นคุณอารยะเค้าละ
...................................................................................

เธอเชื่อไหม รักแท้ยังมี อยู่ตรงนี้ แค่ยื่นมือมา
อยากมีพี่อาฟเป็นของตัวเอง ในนามของความเป็นผู้หญิงคนนึง และถ้าเป็นผู้ชายก็อยากได้น้องเมดเป็นแฟน
วันนี้นั่งเพลง รักเหอะ ของ bigass เรารู้สึกสึกมันเป็นเพลงที่เหมาะกับพี่อาฟน้องเมดมากเลย
คือชีวิตตอนนี้มันไมได้ร้อยเปอร์เซ็นอะ แต่แบบ เออ ไม่ต้องกลัวอะไรหรอก เรามีกันไง เป็นความสบายใจของกันและกัน และจะทำอะไรๆเพื่อกันและกัน
อินมาก เกินเบอร์ไปเลย
ยังไงฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ด้วยนะคะ
และนี่คือทางไปนิยายแชทจอยลดา :: http://www.joylada.com/story/5a8bfb6e007ee30001162ca6

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
 o13 o13 o13


เยี่ยมจริงๆ เมดด่าได้เจ็บมาก  เพื่อนที่คิดว่าเป็นเพื่อนแท้ หักหลังกันหน้าด้านๆแล้วยังจะมาทำเฉยได้ขนาดนี้ คือแบบ...เกินทน

ในส่วนของการทำหน้าที่แฟนของอาฟนั้น คือแบบดีงาม ตามใจแฟนทุกสิ่งอย่างมาก!!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
ดีที่เมทเด็ดขาดกับเพื่อนแบบนั้น

แต่ยังงใจที่ยีนส์ออกแนวโกรธเมท เรื่องรัย มีสิทธิ์รัยมาโกรธ

อาฟน่ารัก  :o8:

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ตัวก็ร่าน ใจก็โง่   มอบให้แด่ยีนส์เลยค่ะ อู้ยย ประโยคนั้นแซ่บมาก  "ค่อยสมกับที่ เป็นคนแย่งผัวเพื่อนหน่อย ! "  กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด  เป็นเราเราจะพูดยาวกว่านี้ จะตบๆๆๆๆ

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1087
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ขอซื้อ  "รำคาญ" จากอาฟได้ไหมบ่นจังคำนี้ :z1:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3066
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คือไม่เข้าใจ จิง กับยีนส์ ทำแบบนี้กับเพื่อนแล้วกล้ามาคุยกับเพื่อนเหรอ

ออฟไลน์ PsychePie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ความสัมพันธ์ระหว่าง จิง ยีนส์ เมด - เรื่องลักกินขโมยกินแบบนี้ แล้วเราเลือกที่จะช่วยอีกคนปกปิด มันก็เท่ากับว่าเราเลือกข้างแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าจิงไมไ่ด้เลือกเมด จะมาอ้างว่าตัวเองเป็นคนกลาง นู่นก็เพื่อนนี่ก็เพื่อนมันไม่ได้ คำว่า "คนกลาง" มันไม่มีอยู่จริงหรอก ท้ายที่สุดคนเราก็ต้องเลือกข้างอยู่ดี ซึ่งจิงก็ได้เลือกยีนส์ไปแล้วด้วยการช่วยปกปิดเรื่องราวทั้งหมดมานานถึง 4 ปี การจะมาคาดหวังให้เมดยังคงมิตรภาพกับตัวเองเอาไว้เหมือนเดิม เป็นอะไรที่เห็นแก่ตัวมาก

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
พวกจิงนี่ต้องการอะไร

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
โอ้ยย อยากเป็นแฟนพี่อาฟบ้างงง 555 อยากเป็นคนที่พี่อาฟรำคาญบ้างง

ออฟไลน์ Pin_12442

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เหม็นความรักโว้ยยยย

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
อิสัสส สันดานหมา โอ๊ยยย บวกเลยไหม บวกเลยไหมอิเหี้ยนนนน ไม่ไหวแล้ว มือนี่กำแน่นเลยเว้ย อยากทะลุจอเข้าไปต่อย อุ่ย! มีความหัวรุนแรง นี่เรียกว่าเพื่อนเหรอวะ หื้มมมม คือแบบชีวิตจริงไม่ต่างเลยนะ แต่นี่ไม่โดนเรื่องแย่งแฟน แต่โดนเรื่องรายงาน ดอกทองมาก ขอให้มันกับเพื่อนมันได้รับกรรมอย่างสาสม แต่ในรถนี่คนละอารมณ์เลย ขิวความฮักหลายจ้า

ออฟไลน์ NuNam

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
เรื่องโดนเพื่อนหักหลัง สงสารเมดมาก แต่ยังไม่รู้สึกเกลียดยีนส์มากเท่าไหร่ เพราะแอบคิดว่าอาจไม่ได้ตั้งใจ
(แนวใสๆ) คิดว่า เชี้ยบินมันเลวมากกก ลืมนึกไปว่า เพื่อนกัน แอบเอาผัวเพื่อนมา 4 ปี ลับหลังขนาดนี้ คงไม่ใส
จนมาตอนนี้ นักเขียนทำให้เราเกลียด เหี้ยยีนส์มาก
ใจสั่นกับตอนนี้จริงๆ สันดานแย่งผัวเพื่อน เมดด่าได้โดนใจมาก หวังไว้เลยว่า อยากเห็นเชี้ยบิน แม่งทิ้ง อิยีนส์ ไปเอากับคนอื่น ให้อิยีนส์อกแตกตายไปเลย จะสมน้ำหน้ามัน แถมกระทืบซ้ำด้วย อิสารเลว คงแอบรักผัวเพื่อนมานาน
ความแตกแล้ว คงคิดว่าจะมีความสุขสมหวัง อิเหี้ยย ขอให้โดนเขี่ยทิ้งเร็วๆ นี้ ส่วนอิเพื่อนที่ช่วยปกปิด ไม่สนใจดีแล้วเมด เพื่อนกันมันไม่ทำแบบนี้หรอก มันก็แนวเดียวกันกะคนที่มันเข้าข้างนั้นแร่ะ สันดานหมาๆ บอกคนกลางๆ อิเหี้ยย อยากให้โดนแบบที่เมิงทำกับเมดบ้าง จะได้รู้สึก (ไม่เคยเม้นด่าตัวละครในนิยายเรื่องไหน รุนแรงแบบนี้ค่ะ มันอินมาก หยาบคายต้องขออภัยนะคะ)

ส่วนตัวนี้พี่อาฟ พระเอ๊ก พระเอก กวนตีน แต่ น่าย๊ากกก
รักเมดมากๆ นะคะ ให้สมกับที่รอมานาน

อยากให้เมดรู้เรื่อง นม จังเลยค่ะ ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เรียกกันน่ารักอะ อารยะ กับ มิณทร์ นี่ชอบตอนเมดซื้อสติกเกอร์ให้มากเลยค่ะ น่ารักอ่าคุณอารยะๆๆๆ

ออฟไลน์ chaotic69

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
งงใจกับจิง โกหกก็คือโกหก ต่อให้เป็นwhite lieก็คือโกหกอยู่ดี แถมมากกว่า1ครั้งไม่มีคำว่าให้อภัยแล้วนะสำหรับเรา
ทำไมถึงคิดว่าเมดควรต้องหายโกรธ? /โมโหๆ

ส่วนคุณอารยะนั้น... มีแฟนมุ้งมิ้งก็จะฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งเพิ่มขึ้นอีก40%  ヽ(○´∀`)ノ♪

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
โอ้โห หัวร้อนกับจิงและยีนส์แทนเมดมากเด้อ  :m31:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ขำอีพี่อาฟ ห้าวมาตลอด อยู่ ๆ จะให้มาหวานแหวว ขอเวลาอีพี่อาฟทำใจหน่อยนะเมด  :laugh:

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[

โอ้ยย น่ารักจิงงง
น้องเมดของพี่อาฟฟฟฟ

นั้นซิ ถ้าเมดรู้ เรื่องนม จะเปนไงนะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ klaew

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-2
 :z10:เอาใจช่วย เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง
มีแฟนเป็นอาฟ ก็ไม่เหลือเวลานอยส์
ที่เหลือนี่หึงล้วนๆ สาวเยอะเกิ๊น

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
พี่อาฟน่ารักที่สุดดดด  :mew1:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
ไม่อ่อยหรอกเมด หกสิบวิยังไงก็ทัน

วั้ยยย เป็นแฟนกันวันแรก ได้จูบสองแล้ว ฟินไปถึงปีหน้า
เมดน่ารักดี เขินจนทำอะไรไม่ถูก ถึงขั้นไม่อยากอาบน้ำนอนเลย
อาฟคะ ทำเข้มทำแซวคือเขินเหมือนกัน แต่ทำเนียนใช่ไหม

น่ารักดี เค้าหยอดกัน หยอกกัน มัดรวมเลยค่ะทีนี้
ความสูงไม่มีผลกับแนวราบเนาะอาฟเนาะ

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด