( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58  (อ่าน 502442 ครั้ง)

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
เพิ่งรู้ว่าสัดพี่เตี้ยกว่าเมด 55555555 คิดมาตลอดว่าสูงยาวเข่าดี 5555
แอบชอบโมเม้นพี่น้องอาฟเตอร์เดย์ จังงง แสดงออกไม่เก่งแต่รู้ว่ารัก

ออฟไลน์ catka12

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 578
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-0
 :hao7: อ๊ายยยยยดีใจมากกก.....อาฟไม่กากแล้ววววว  o13

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
อาฟฟฟฟ นายโคตรพระเอก  :mew4:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
งื้อ เป็นแฟนกันแล้ว!

ออฟไลน์ no.fourth

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
เป็นแฟนกันแล้ว  :-[ รอวันเมดรู้ความจริงเรื่องนม

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
เค้าจูบกันแล้วจ้าาาาาาาาา


 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ kampootsm

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มีความเขิน แค่จูบพี่ก็เขินแล้วอร๊ายยยยยยยยย
 :mew1: :mew1: :-[ :-[

ออฟไลน์ momonuke

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 753
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เขินอ่าาา คบกันแล้วววว ฮืออ แต่แอบสงสารพี่อาฟตอนก่อนหน้า
ทุกอย่างมันน่าเศร้า
เศร้าอยู่ในความรู้สึกที่ว่า แม้แต่ในความทรงจำของเค้าก็ยังไม่มีผมอยู่
นมทุกขวดของผมกลายเป็นของคนอื่นในความทรงจำของเค้า
ไม่เหลืออะไรสักอย่างเลยที่เป็นของผม แม้แต่ในความทรงจำก็ยังไม่มีตัวตน
อันนี้คือเจ็บมากเลยอะ ฮือ ถ้าเป็นเราโดนเราร้องไห้แน่ๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
จุดพลุฉลอง เค้าเป็นแฟนกันแล้ว

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
น่ารักอ่ะ อาฟยอมใส่เสื้อตัวใหญ่เพื่อดูตัวใหญ่ ยอมใส่รองเท้ามีส้นเพื่อให้สูงเท่ากัน เมดก็ยอมใส่รองเท้าส้นเตี้ยเพื่อให้ตัวเท่ากัน :-[ เป็นแฟนกันแล้ว จูบกันแล้วด้วย :กอด1:

ออฟไลน์ lemonpreaw

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
ทำไมน่ารักกันขนาดนี้ ทั้งอาฟทั้งเมดแหละ  :mew1:

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 618
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl
รอวันที่เมดจะได้รู้ความจริงทั้งหมดค่า่าา

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
โอ๊ยยยย ในที่สุด ก็สมหวังแล้วนะอาฟ
ไม่น่าเชื่อว่าอาฟจะฝังใจ และรักยาวนานแบบนี้
พรหมลิขิตไม่เข้าใครออกใคร จังหวะมันใช่มาก
รถทำให้คนมาเจอกัน และสานต่อ

เมดน่ารักมากเลยค่ะ โดนหยอดจนพรุนแล้ว
อาฟก็ชัดเจนสักทีนะ ลุ้นจนใจเต้นทะลุแล้วมั้ง

ต่อไป ทีมเชียร์ไม่ต้องเชียร์จีบแล้วนะคะ
รอดูว่าชั้นสามจะเปิดบริการอีกตอนไหน

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
ตอนที่ 20               

[ วิว คืนนี้พี่ไม่กลับคอนโดนะ นอนคอนโดพี่อาฟ ]

[ แล้วก็นะ.. คือ...พี่เป็นแฟนพี่อาฟแล้วนะ ]

                ผมส่งข้อความเข้าไปหาน้องชายตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจเอาความรู้สึกสับสนออกมา โดยที่ไม่รู้เหมือนกันว่า ที่ตัวเองกำลังรู้สึกสับสน ใบหน้าแดงกล่ำคล้ายจะเป็นไข้ หัวใจเต้นเร็ว แต่บางทีก็ว่างเปล่าราวกลับมันกลวงโบ๋อยู่ในขณะนี้ มันเป็นเพราะอะไร 

        ผมนอนฟุบลงกับหน้าโต๊ะเครื่องแป้งว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรภายในคอนโดของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนกันหมาดๆ
[ กูดูใจง่ายเกินไปเปล่าวะ ] จับมือถือส่งข้อความไปน้องชายตัวเองที่ตอนนี้ก็คงนอนหลับสนิทอยู่กับฝันดี เพราะตอนนี้มันก็ยังคงเป็นเพียงแค่เวลาตีสี่ก็เท่านั้น [ แต่ว่าตอนนั้นมันก็พูดได้แค่ประโยคนั้นจริงๆอะมึง เหมือนใจกูมันอยากให้ตอบแบบนั้น ไม่มีคำตอบอื่นให้เลือกเลย ]

“ ความรักสำหรับมึงคืออะไรวะ สำหรับกูความรักไม่ใช่เรื่องรูปร่างภายนอก แต่มันคือการที่กูจะยอมใส่เสื้อตัวใหญ่เพื่อให้ตัวเองดูตัวใหญ่เท่าๆกับมึง ถ้ามึงซีเรียสเรื่องรูปร่างเวลาเดินกับกู  และมันก็คือการที่กูจะยอมใส่รองเท้าผ้าใบที่มันมีส้นหนาๆไปตลอดเพื่อให้สูงได้เท่ามึงถ้ามึงอยากได้แฟนที่สูงเท่ามึง “

                ผมไม่ใช่คนยึดติดกับเรื่องรูปลักษณ์หน้าตาอะไรนั่นหรอก แต่ที่ถามอีกคนไปแบบนั้นเพราะกลัวว่าจะเป็นมันมากกว่าที่แคร์เรื่องอะไรแบบนั้น  ส่วนตัวจริงๆก็แค่รู้สึกว่า ตัวเองอยู่ไกลจากสิ่งที่อีกชอบมันก็เท่านั้น

อาฟเป็นคนดังคนนึง มันเป็นที่รู้จักในเหล่าพวกคนเข้าผับเข้าบาร์ ดูจากสาวๆที่เอ่ยทักมันก็พอจะรู้ได้ว่ามันก็ค่อนข้างดังแค่ไหน อีกอย่างทุกคนที่เข้ามาหาคนแบบอาฟก็สำรวจตัวเองมาแล้วทั้งนั้นก่อนที่จะกล้าเข้ามาหา ถึงมันจะไม่ใช่หนุ่มรูปร่างมาดแมนแบบอกผายไหล่ผึ่งแต่ว่า มันก็จัดเป็นคนที่หล่อเหลาคนนึง เป็นคนหล่อที่เหมาะกับสาวตัวเล็กๆที่เตี้ยกว่ามันสักหน่อย พวกคนน่ารักที่ช่างพูด ช่างเอาใจ ซึ่งแน่นอน ว่ามันต่างจากผมที่ไม่ใช่อะไรแบบนั้นเลย

ตอนที่ถูกอีกคนจูงขึ้นไปที่ชั้นสาม ตอนที่ยืนอยู่ริมระเบียงด้วยกัน ผมรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร ตัวเองไม่ใช่คนไร้เดียงสาขนาดนั้นที่จะเอ่ยออกไปว่าไม่รู้ เพราะตอนนั้นก็เตรียมคำตอบไว้เป็นอย่างดี  ‘ ขอดูกันไปก่อนได้มั้ย อย่าเพิ่งรีบร้อนเป็นแฟนเลย เรามาทำความรู้จักกันมากกว่านี้ก่อน บางทีมึงอาจจะมีอะไรที่ไม่ชอบในตัวกูก็ได้นะ ’

แต่เหมือนจะทำได้แค่คิด เพราะพอเอาเข้าจริงแล้วทุกอย่างมันเหนือการควบคุมของสมองไปหมด ราวกับว่าตอนนั้นหัวใจของผมเป็นคนสั่งการทุกอย่าง ความรู้สึกควรหรือไม่ควรถูกโยนทิ้งไปไหนก็ไม่ทราบได้ ผมก้าวลงเรือที่เคยคิดว่าจะไม่ขอลงไปอีกถ้ายังไม่มั่นใจว่าคนคนนี้ใช่จริงๆ

ผมถามตัวเองนะ ในวินาทีนึง ‘ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมทุกอย่างมันพังจากที่ตั้งใจไว้ขนาดนั้น ’ แต่พอได้ลองคิดถึงคนที่ยืนข้างหน้า ช่วงเวลาที่แววตานั้นจ้องมองมา ผมที่สบสายตาคู่นั้น ความรักมันอาจจะน่ากลัวก็จริงอยู่ ความเจ็บปวดมันทรมานนั่นก็คงใช่ แต่ใจกลับตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงว่า ‘ ไม่ต้องกลัว’ เหมือนว่า ถ้าเป็นคนตรงหน้า ถ้าเป็นอาฟแล้วละก็…อยากจะลองมันอีกสักครั้ง 

‘ ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลย อยากรักก็แค่รัก เอื้อมมือแล้วคว้ามันไว้สิ  ไม่มีอะไรทำให้เราเจ็บได้เท่ารักครั้งแรกหรอก เคยเจ็บมาสุดๆแล้วนี่ จะกลัวอะไรกับอีแค่จะอกหักอีกครั้งละ ไปเลยเมด อยากรักก็แค่คว้ามันไว้ ‘

เดิมทีผมไม่ใช่คนมั่นใจอะไรแบบนี้ ออกจะขี้คลาดด้วยซ้ำไป แต่ในวินาทีนั้นผมเลือกคว้ามันไว้ สำหรับความรักครั้งใหม่ที่ไม่รู้เรื่องว่าปลายทางจะเป็นยังไง

..........................................
 
 
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
 
ผมดึงตัวเองขึ้นจากโต๊ะเครื่องแป้งวางมือถือลงบนโต๊ะก่อนจะหันไปมองประตูที่ปิดสนิท เม้มริมฝีปากตัวเองแน่นตอนที่กำลังจะเอ่ยถามออกมาไป แต่อีกฝั่งนึงของประตู เสียงทุ้มกลับถามมาก่อน

“ ตายรึยัง “

“ ไอ้สัด “ สถบออกมาเบาๆก่อนจะถอนหายใจ กูจะหมดความเขินเพราะความพูดคำจาของมึงนั่นแหละไอ้เหี้ยอาฟ “ ยังเว้ย “

“ นานชิบหายกูจะอาบน้ำต่อ มึงเข้าไปขัดห้องน้ำรึไง “
 
“ งั้นมึงเข้ามาอาบก่อน “ บอกแบบนั้นอีกคนก็เปิดประตูเลื่อนเข้ามา อาฟเลิกคิ้วตัวเองขึ้นมองผมที่ยังคงใส่ชุดเดิมที่กลับมาจากผับไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร ผมหันกลับมามองมือถือของตัวเองทำเป็นไม่ใส่ใจทั้งๆที่แก้มก็ร้อนไปหมด

“ นี่มึงยังไม่อาบน้ำ “

“ ขี้เกียจ “ โกหกอีกคนไป แน่นอนว่าใครจะพูดความจริงออกไปวะ

ความจริงที่เขินจนไม่รู้จะเริ่มต้นทำอะไรไม่กล้าเจอหน้าไม่กล้าสบตา คิดแค่ว่าถ้าอาบน้ำเสร็จเร็วออกไปก็ต้องเจอมึง พอมึงอาบน้ำเสร็จก็ต้องมานอนเตียงเดียวกันอีก พอคิดแค่นั้นกูก็แทบอยากจะหยุดความคิดทุกอย่างไว้ตรงนั้น แค่นั่งรถกลับมาด้วยกันก็เขินจนใบ้แดกแล้ว นี่ต้องนอนเตียงเดียวกันอีก ทั้งคืนนี้ยังคิดเลยว่าจะหลับลงมั้ย และความจริงอะไรแบบนั้นกลืนลงท้องไปได้เลย ยังไงก็ไม่มีทางพูดให้มันรู้แน่นอนว่าผมคิดอะไร

ฟุบลงบนโต๊ะเครื่องแป้งอีกครั้ง ไม่ได้สนใจอีกคนที่เดินเข้ามาใกล้ อาฟที่เอื้อมมือมาจับหน้าผากของผมที่ชะงักนิ่งไป ก่อนจะดึงตัวเองขึ้นมานั่งแล้วหันไปบอกมันตอนที่ตั้งสติได้ “ กูไม่ได้ป่วย กูแค่ขี้เกียจ “

“ ก็แค่จับๆไปงั้น ไม่ได้เป็นห่วง “ ข้ออ้างที่ดูสิ้นคิดของคนที่เอาแต่ทำหน้าตายแต่หูกลับแดงจัด เหลือบมองมันก่อนจะพยักหน้ารับ ก็ถ้าคิดว่าข้ออ้างนั่นจะทำให้กูเชื่อก็ตามใจมึงก็แล้วกัน

“ เอาที่คุณอาฟสบายใจเถอะครับ “

“ กวนตีน .. แล้วพรุ่งนี้มีเรียนรึเปล่า “ คำถามที่ทำให้ผมนิ่งไป ไม่อยากจะบอกด้วยซ้ำว่าตัวผมเหมือนจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตัวเองยังคงดำรงสถานะของการเป็นนักศึกษาอยู่ พลิกมือถือในมือขึ้นมาดู วันเวลาที่บอกอยู่ตรงหน้าจอทำให้ผมต้องเบิกตาขึ้นแล้วค้นดูเพื่อความแน่ใจว่า ไมได้มองผิดแต่อย่างใด และใช่ ไม่ผิดแน่ๆ พรุ่งนี้ผมมีเรียนแล้วต้องเข้าให้ทันแปดโมงเช้า

“ มึง “ เงยหน้าเรียกอีกคนที่ก้มลงมามองผม อาฟถอนหายใจผมคิดว่ามันคงเดาได้จากสีหน้าของผม

“ แปดโมง “

“ อื้อ “

“ ไอ้สัด “ แม้แต่คนไปส่งยังต้องขอสถบออกมา “หลังจากวันนี้มึงเอาตารางสอนมาดูแล้วเช้าวันไหนที่มีเรียนเช้า คืนนั้นก็ทำให้เป็นวันหยุดของมึงซะไม่ต้องไปทำงาน อดนอนไปเรียนแม่งคงรู้เรื่องหรอก “ ท้ายประโยคเบาๆที่อีกคนพูดเชิงบ่น ความเป็นห่วงเล็กๆของมันทำให้ผมยิ้ม ‘ มึงแม่งก็เป็นแบบนี้ตลอด ใส่ใจแม่แต่เรื่องเล็กๆ จะให้ไม่รู้สึกดีด้วยได้ไงวะ ’ 

“ เดี๋ยวกูไปเอง มึงไม่ต้องไปส่งหรอก “ คำพูดของผมที่อีกฝ่ายเหมือนจะไม่ได้สนใจฟัง ผมมองอาฟที่เดินเข้าไปเปิดตู้เสื้อผ้าผ่านกระจก ผ้าขนหนูสีขาวถูกหยิบออกมาจากชั้นวางของมันก่อนจะถูกโยนมาคลุมหัวผมไว้

“ ไปอาบน้ำ แล้วจะได้ไปนอน “

“ แค่สองชั่วโมงนี่น่ะเหรอวะ “

“ เออ “ มันย้ำแบบนั้น แต่ผมกลับรู้สึกว่าไม่อยากจะนอนเท่าไหร่แล้ว เป็นคนที่ถ้านอนได้นิดเดียวแล้วต้องรีบตื่นก็จะคิดเสมอว่างั้นก็ไม่ต้องนอน ไปเรียนให้เสร็จเรียบร้อยกลับมาค่อยนอนยาวทีเดียวน่าจะดีกว่า ผมเกลียดความงัวเงียของการนอนไม่พออย่างที่สุด

“ ไม่ต้องนอนก็ได้มั้งมึง กลับมาค่อยนอนยังไงกูก็เลิกสิบเอ็ดโมงอยู่แล้ว ค่อยนอนตอนนั้น “

“ ดื้อ “ มันพูดสั้นๆ ตอนที่ยืนอยู่ข้างหลังผม เราที่สบตากันผ่านกระจก แล้วในวินาทีที่ผมยังไม่ตัดสินใจจะทำอะไรเป็นลำดับต่อมา อาฟที่ยืนนิ่งอยู่ก็ดึงตัวเองลงต่ำ ใบหน้าคมโน้มลงมาแนบอยู่กับแก้มผม ผิวแก้มของเราแนบชิดกันเป็นอีกครั้งที่หัวใจของผมเต้นแรงและเร็วในคืนนี้ ก่อนจะอีกฝ่ายจะกระซิบ “ จะไปอาบดีๆ หรือจะให้ไปอาบให้ดีครับ “

ไม่พูดเปล่า มือที่เอื้อมมาจับอยู่บนไหล่เคลื่อนตัวลูบลงมาจนถึงข้อมือ สอดนิ้วเข้ากับนิ้วมือของผมที่วางนิ่งอยู่กุมไว้แบบนั้นภายในช่วงวินาทีที่ความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นทุกขณะ น่าแปลกที่ผมกลับนิ่งพอเป็นมัน ร่างกายที่ไม่ออกอาการปัดป้องใดๆ แต่กลับนิ่งให้มันกระทำแบบนั้นแล้วตัวเองก็เอาแต่เขินอาย ผมสบสายตากับอีกคนผ่านกะจกตรงหน้า แก้มแดงๆของผมบอกความรู้สึกในใจของตัวเองอย่าปิดบังไว้ไม่อยู่แล้วตอนนั้นอาฟก็กระซิบ “ กูเหม็น ไปอาบน้ำ “

“ ไอ้เชี้ย “ สถบออกมาอีกฝ่ายก็แค่ยักคิ้วแล้วยิ้ม ก่อนจะดึงตัวเองให้ยืนเต็มความสูงเหมือนเดิม สายตาขุ่นเคืองของผมถูกส่งไปมองมันแต่อย่าได้คิดว่าผู้ชายคนนี้จะรู้สึกแย่หรือรู้สึกผิดอะไรกับการกระทำเย้าแหย่นั่น กลับกันนอกจากไม่รู้สึกอะไรแล้ว ยังทำมันมากขึ้น

“ หงุดหงิด ? “ อาฟพูดสั้นๆก่อนจะยิ้มจางๆ มันที่กอดอกตัวเองทำหน้าตาเหมือนกำลังคิดวิเคาระห์ “หรือว่าอยากจะให้อาบให้จริงๆ “ ไม่พูดเปล่า มือข้างนึงของมันยกขึ้นปลดกระดุมเสื้อของตัวเอง “กูพร้อมนะ แต่บอกไว้ก่อนว่าไม่แค่อาบน้ำนะ นับหนึ่ง.. ถึงสามแล้วยังไม่ไป จากแฟนจะเลื่อนเป็นเมียเลยนะ “

“ ไอ้ห่า ไปเดี๋ยวแหละ หยุดนับเลย เชี้ย! “ สถบทิ้งท้ายแค่นั้นด้วยความหัวเสียที่โดนเย้าแหย่แต่ถึงอย่างงั้นหน้าของผมก็ยังแดงจัดกับคำพูดของอีกคนอยู่ดี

ปิดประตูห้องน้ำเสียงดัง ผ่อนลมหายใจออกมาพลางมองตัวเองอยู่ที่หน้ากระจก เผลอคิดถึงมือที่เอื้อมขึ้นปลดกระดุมเมื่อครู่ ร่างทั้งร่างก็ดูเหมือนจะร้อนไปหมด แก้มที่กำลังแดงจัดตอนนี้ ก็ยอมรับว่าคิดถึงเรื่องอะไรแบบนั้นที่อีกคนสื่อถึง

“ แกล้งกูไอ้สัดอาฟ คอยดู กูแม่งจะไม่ยอมจนกว่าจะคบกันครบสามปี “ ยิ้มเยาะตัวกับกระจกในตอนที่คิดอะไรแบบนั้น คือเอาจริงๆใช้ชีวิตมาจนถึงตอนนี้ก็พอรู้ว่ามันเป็นอะไรแบบนั้นไม่ได้ ก็ถ้าไม่โดนไอ้คนข้างนอกจับปล้ำก่อน ก็คงเป็นผมนี่แหละที่จะควบคุมไม่ไหวแล้วเผลอไผลไปกับมัน

จัดการอาบน้ำแล้วทาแป้งหอมๆ ออกมารับลมแอร์เย็นๆที่นอกห้อง เสียงทีวีที่กำลังเปิดอยู่ชวนให้ผมหันไปมองแล้วพบว่ามันเป็นยูทูปที่เปิดวิดีโอรวมเพลงฟังสบายๆชวนให้หลับที่ตอนนี้คนที่เปิดมันไว้ก็กำลังหลับสนิทสมกับชื่ออัลบั้มเพลงที่เปิดอยู่

“ อาฟ “ เอื้อมมือไปเขย่าตัวมันอีกคนก็ลืมตาขึ้นแบบรวดเร็วคล้ายกับสะดุ้ง ราวกับว่ามันไม่ได้ตั้งใจจะหลับแต่เผลอหลับไปก็เท่านั้น

“ อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ “ พยักหน้ารับอีกคนก็ลุกขึ้นมาจากเตียง มันสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดก่อนจะยิ้มกว้าง “ กูชอบกลิ่นนี้หว่ะ “ 

ผมไม่รู้ว่ามันหลายความว่ายังไง อะไรที่ทำให้มันดูอารมณ์ดีอย่างงั้น อาฟเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างไม่พูดหรืออธิบายอะไรต่อ ส่วนผมก็ได้แต่ขมวดคิ้วกับท่าทางของมัน 

สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดอย่างที่อีกคนทำ ผมไม่ได้กลิ่นอะไรทั้งนั้น ยกเว้นกลิ่นแป้งที่ติดอยู่บนตัวผม จะบอกว่าชอบกลิ่นแป้งนี้น่ะเหรอ

“ สงสัยจะเป็นงั้นมั้ง ” หยุดความคิดของตัวเองว่าทำไมไว้แค่นั้น ผมเดินขึ้นเตียงไปนอนฝั่งเดียวกับเมื่อวาน ดึงผ้าห่มสีขาวขึ้นมาคลุมตัวเอง ก่อนจะตั้งนาฬิกาปลุกจากมือถือตั้งไว้ที่หัวเตียง แล้วทำทีเป็นหลับไปทันทีในวินาทีสั้นๆนั้น ผมคิดว่าถ้าผมหลับอาฟก็คงไม่มายุ่งอะไรด้วย.. แต่ผมคงลืมไป ว่านั่นมันก็แค่เป็นสิ่งที่คนปกติเค้าทำกันแต่ไม่ใช่คุณอาฟเตอร์

                เสียงประตูห้องแต่งตัวที่ปิดลงหลังจากที่ผมหลับตาไปไม่นาน แรงยุบตัวของเตียงตอนที่ร่างของคนข้างๆนอนลงข้างกัน หัวใจของผมเต้นแรงแต่ก็ยังข่มตาทำทีเป็นหลับสนิท แต่เหมือนอีกคนจะรู้ดีว่าผมไม่ได้หลับ แล้วตามนิสัยของมันอาฟก็เอื้อมมือมากอดเอวผมไว้และไม่หยุดแค่นั้นมันที่ขยับตัวเข้ามาใกล้หนุนหมอนใบเดียวกันกับผมก่อนจะหัวเราะเบาๆถูกใจอยู่ในคอ

“ หลับแล้วจริงๆเหรอวะ “ มันถาม แต่ผมก็ยังนิ่งทำทีเป็นหลับสนิททั้งๆที่ก็น่าจะรู้ว่าถ้าหลับตาปี๋แบบนั้น เป็นใครก็ต้องรู้ว่าแกล้งหลับ  “ เชื่อได้มั้ยวะ หรือว่าต้องลองหอมแก้มดู “

“ อื้อ “ ทำทีเป็นขยับตัวออกห่างคล้ายอาการคนสะลึมสะลือแบบไม่เนียน ผมดึงมือมันออก “ ไปนอนดีๆเลยมึง จะมานอนเบียดกูทำไมวะ “

“ ทำไมมึงเป็นเหาเหรอไง กูนอนใกล้ไม่ได้ “

“ สัด เหาเหี้ยอะไรอายุปูนนี้ ออกไปเว้ยกูอึดอัด “ขยับตัวหนีมันแต่เหมือนอ้อมกอดนั้นจะยิ่งรัดแน่นไม่ไปไหน อาฟดึงตัวผมให้จมลงไปในอ้อมกอดของมัน มือที่พยายามแกะมือของอีกคนออก

“ อยู่นิ่งๆน่า “

“ ก็มันอึดอัด มึงจะมานอนกอดกูทำไมวะ ที่นอนก็ตั้งกว้างขยับออกไป “

“ ก็กูชอบ “ อีกคนพูดสั้นๆพร้อมกับกระชับมือที่กอดเอวผมให้แน่นขึ้น ทุกอย่างชะงักนิ่งไปรวมถึงตัวผมเองในตอนนั้น ลมหายใจที่สูดเข้าไปเต็มปอดของอีกคน “ ชอบกลิ่นแป้งของมึง “

“ ไอ้สัด “ ผมสถบได้เพียงเท่านั้น ถอนหายใจออกมาเซ็งๆ คงจะคาดหวังสูงไป สำหรับคำพูดที่ว่า ‘ ก็กูชอบมึง ‘

“ หึ … คิดว่ากูจะพูดว่าอะไร “

“ ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นเว้ย ขยับออกไปสิวะอาฟมึงกอดกูไว้แบบนี้กูจะหลับได้ไงวะ “

“ ขี้เกียจขยับตัวแล้ว “

“ มันไม่ไกลสามกิโลแค่พลิกตัวมั้ยละ “ ผมสวนกลับกับความช่างอ้างของมัน

“ นอนไกลไม่ได้กลิ่นแป้งมึง “

“ งั้นก็ยิ่งต้องปล่อยเพราะกูจะได้ลุกไปเอาแป้งมาทาให้ทั้งกระปุกเลย “

“ ไม่เอา “ ผมถอนหายใจออกมากับความเรื่องมากของอีกคน อาฟขยับตัวกอดผมไว้แน่นอีกครั้ง “ชอบเวลาที่ได้กลิ่นแป้งจากตัวมึงมากกว่า รู้สึกหอมกว่าทาเอง “

“ มึงแม่ง “ เผลอยิ้มออกมากับคำพูดของอีกคน และแม้จะพยายามฝืนให้หุบยิ้มมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งยิ้มมากขึ้นเท่านั้น ผมเอื้อมมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง ตอนนี้แม้ขณะฝ่ามือยังรู้สึกได้ถึงความร้อนของใบหน้า 

           ใจของผมเต้นแรงแต่คงสวนทางกับคนที่ทำให้มันเป็นเช่นนั้น ลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกสม่ำเสมอที่อยู่ตรงหลังคอบ่งบอกกับผมว่าคนที่กอดกันอยู่ตอนนี้ได้หลับสนิทไปแล้ว เหลือไว้แค่ผมที่ยังคงนอนหน้าแดงอยู่แบบนี้
 
 “ แล้วแบบนี้ มึงจะให้กูหลับภายในสองชั่วโมงได้ยังไง มันยากนะไอ้สัดอาฟ “

...........................................................................

กริ้ง กริ้ง กริ้ง

สุดท้ายก็นอนไม่หลับ ผมผ่อนลมหายใจออกมาตอนที่เอื้อมมือไปหยิบมือถือมากดปิดนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ ตอนนี้หกโมงกว่าแล้ว ผมพลิกตัวเองหันมามองอีกคนที่ก็ยังหลับสนิท อาฟยังคงนอนกอดผมอยู่แบบนั้น แต่มือที่กอดรัดไว้แน่นเมื่อคืนคลายออกไปแล้ว เหลือแค่มือของผู้ชายคนที่ไร้สติแถมยังยกออกจากเอวได้ง่ายๆ

“ อื้ม “ ส่งเสียงงัวเงียออกมานิดหน่อยตอนที่พลิกตัวไปอีกทาง จะว่าไปมันก็เป็นคนขี้เซาเหมือนกันนะ บางทีพอเป็นแฟนกันแล้วได้มาเห็นมุมมองอีกมุมนึงที่ใครคนอื่นจะไม่เห็นมันก็มีความสุขอยู่เหมือนกัน ใครจะรู้ว่าหนุ่มฮอตเจ้าของผับดังอย่าง Throw Up จะเป็นแค่ผู้ชายคนนึงที่นอนขี้เซาแถมยังมีท่าทางนอนแบบเด็กๆ

ลุกขึ้นจากเตียงบิดขี้เกียจก่อนจะเดินไปอาบน้ำทั้งๆที่ความจริงจะไม่อาบก็ได้เพราะเพิ่งอาบไปแค่สองชั่วโมงก่อนหน้านี้เอง แต่คิดว่าควรจะอาบสักหน่อย ผมควรไปเรียนแบบสดชื่น

“ วันนี้ท่าทางจะต้องกลับบ้านแล้ววะ “ ผมพูดกับตัวเองตอนที่ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าของอีกคน คว้าเอากางเกงสีดำขาเดฟมาตัวนึงก่อนจะหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ดูทรงว่าท่าทางจะเป็นชุดนักศึกษาของอีกคนมาใส่ จัดการแต่งตัวเรียบร้อยตอนที่เปิดประตูเลื่อนออกไปก็เจอเข้ากับคนเพิ่งตื่นนั่งหัวฟูด้วยใบหน้าง่วงงุนอยู่บนเตียง ผมเผลอยิ้ม  “ ไม่นอนต่ออีกหน่อยละ “

“ เดี๋ยวมึงสาย “ อาฟพูดแค่นั้นมันก็หยิบรีโมตทีวีขึ้นมาเปิดช่องเมื่อคืนที่มันเปิดไว้ สิ่งที่ทำให้รู้ในตัวอีกคนเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างคือ อาฟเป็นคนชอบฟังเพลง และแนวเพลงที่ชอบคือพวกดนตรีฟังสบายไม่ใช่พวกสายร็อคแบบที่คิดเลยสักนิด

“ เอาจริงๆ มึงไม่ต้องไปส่งกูก็ได้นะ กูไปเองได้ บีทีเอสก็เชื่อมกับหน้าคอนโดอยู่แล้ว มหาลัยกูเองก็ใกล้บีทีเอสเพราะงั้นกูไปเองได้ “

“ ใครบอกกูจะไปส่ง “ มันถาม “ กูก็มีเรียนของกูเหมือนกัน ก็แค่แวะไปส่งมึงก่อน “
 
“ เหรอวะ “ เหล่อมันแบบไม่เชื่ออีกคนก็ไม่ตอบอะไรก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ เหมือนไม่อยากจะตอบคำถามอะไรของผมแล้ว

   ความจริงก็ไม่เชื่ออย่างที่คิดนั่นแหละ มันดูเป็นไปไม่ได้ที่อีกคนจะมีเรียนตอนเช้า เพราะเมื่อคืนอาฟมันก็เพิ่งบอกกับผมเองว่า วันไหนมีเรียนเช้าก็ให้เลื่อนคืนก่อนหน้านั้นมาเป็นวันหยุดไม่งั้นเดี๋ยวจะเรียนไม่รู้เรื่อง และถ้ามันคิดแบบนี้ได้ แสดงว่ามันต้องไม่มีเรียนตอนเช้าแน่นอน แล้วเหมือนทุกคนในผับที่ยังเรียนก็คงต้องเป็นแบบนั้น ไม่มีใครทำงานตีสี่แล้วไปเรียนเช้าไหวหรอก นานๆครั้งก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าทุกวันก็คงไม่ไหวอยู่แล้ว

                เดินออกมานอกห้องนอน ตรงเข้าไปในห้องครัวเพื่อเปิดตู้เย็นหาอะไรลงท้องเสียหน่อย แต่ก็ต้องยิ้มแห้งกับความว่างเปล่าที่ได้พบ คือนอกจากน้ำเปล่า ถุงเยลลี่ และเบียร์ ก็ไม่มีอะไรอีกเลยที่สามารถนำมาทำเป็นอาหารได้ในตอนเช้า
“ สมกับที่เป็นมึงสองคนพี่น้องอยู่ด้วยกัน “ พูดกับตัวเองแบบนั้นผมจำใจหยิบน้ำเปล่าขึ้นมากิน ก่อนจะหันไปอีกฝั่งที่เป็นอีกห้อง ป้ายหน้าห้องที่เขียนว่า ‘กรุณาเคาะประตู ’ บอกกับผมเป็นนัยว่าคนเป็นพี่ต้องมีนิสัยไม่ชอบเคาะประตูคนน้องอย่างแน่นอน

“ เมื่อคืนไอ้เดย์ไม่ได้กลับ คงไปนอนกับสาวสักคนของมัน  “ เสียงทุ้มของอีกคนพูดขึ้นตอนที่ผมมองอะไรเพลินๆ หันไปมองต้นเสียงที่ยืนอยู่ที่หน้าประตู

อาฟที่กำลังใส่เข็มขัด มันไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษาแต่อย่างใดทั้งๆที่บอกว่ามีเรียน มันแค่ใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงสีดำขายาวก็แค่นั้น แต่นั่นแหละในความธรรมดาของมันก็ขอบอกตรงๆเลยว่าโคตรเท่ห์ บางทีอาจเพราะใบหน้าและรูปร่างที่ดีอยู่แล้วก็เป็นได้

“ บอกทำไม “

“ ก็เห็นมึงมองไปที่ห้องมัน “

“ อ่านป้ายหน้าห้องอยู่ แล้วยืนคิดว่าที่มันถูกติดไว้แบบนั้นเพราะคนที่อยู่ร่วมด้วยคงไม่เคยเคาะประตูจนต้องเอาป้ายมาติดแน่ๆ “ วางแก้วลงในอ่าง ผมเปิดน้ำล้างก่อนจะวางไว้ตรงที่ของมัน

“ หึ “ อาฟยกยิ้มตอนที่หันไปมองป้ายหน้าห้องของน้องชายตัวเอง “ จริงๆไอ้ป้ายเชี้ยนั่นมันเคยอยู่ที่หน้าห้องกูเพราะไอ้น้องเวรมันไม่เคยเคาะประตูห้องกูเลย แต่พอกูด่ามันมากๆว่ามันอ่านหนังสือไม่ออก มันเลยเอาไปติดที่ห้องมัน จะได้ไม่โดนกูด่า “

“ ฮ่าๆ แสบสมเป็นน้องเดย์ “

“ น้องเหี้ย “

“ ก็ว่าน้อง “ ผมบอกมันอีกคนก็ก้มลงคว้าเอากระเป๋าสตางค์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะมาใส่ไว้ในกระเป๋าหลัง หยิบกุญแจรถของผมที่ตั้งอยู่ข้างกันขึ้นมาถือ  “ อาฟ เดี๋ยวลงไปหาอะไรกินที่เซเว่นก่อนไปเรียนกัน คงยังทันอยู่ “

“ อื้ม แต่กูไม่กินนะ “

“ ไม่ได้ ต้องกิน อาหารเช้าสำคัญนะ “

“ ปกติกว่าจะตื่นจากนอนแม่งก็ไม่ได้แดกมื้อเช้าอยู่แล้ว แดกเที่ยงไม่ก็เย็นตลอด “

“ ตอนนั้นมันก็ได้ แต่ตอนนี้มันไม่ได้แล้วไง อีกอย่างมึงตื่นแล้วก็กินอะไรเข้าไปสักหน่อย  “ ผมบอกอีกคนตอนที่เดินเข้าไปในลิฟต์กดลงไปที่ชั้นล่าสุด อาฟก็หันมาถาม

“ ทำไมไม่ได้ “

“ ตอนนั้นมึงยังไม่มีคนดูแลจะไม่กินก็ได้ แต่ตอนนี้มึงมีกูคอยดูแลอยู่ เพราะงั้นมึงต้องกิน อาหารเช้ามันสำคัญนะ “ คนที่ยืนข้างๆนิ่งไปตอนที่ผมพูดจบ เผลอคิดขึ้นได้ว่านั่นเป็นคำพูดที่แสดงความห่วงใยออกไปตรงๆเท่าที่เคยพูดกับคนตรงหน้ามาเลยก็ว่าได้.. ก็นะ เราเพิ่งเป็นแฟนกันวันแรกนี่หว่า

ใบหน้าคมที่ค่อยๆยิ้มกับคำตอบของผม อาฟหันกลับไปมองด้านหน้า แต่ผมเองก็ด้วยที่ทำแบบนั้น ไม่รู้มันจะเป็นเหมือนกันรึเปล่า หัวใจที่เต้นแรงจะแทบจะทะลุอกออกมา ทั้งๆที่คนที่ยืนข้างกันก็คนเดิมกับเมื่อวาน แต่วันนี้ทำไมทุกอย่างมันกลับเปลี่ยนไปหมด คำพูดที่เคยฟังแล้วธรรมดา แต่วันนี้ดูเหมือนจะมีความหมายมากขึ้น คงจริงอย่างที่ใครบอก พอสถานะเปลี่ยนทุกอย่างก็จะเปลี่ยน อย่างน้อยตอนนี้อาฟไม่ใช่แค่เจ้านาย เจ้าหนี้ แต่มันขยับเข้ามาเป็นแฟน เป็นแฟนของผม

“ ที่มึงพูด แปลความหมายสั้นๆว่า เป็นห่วง ถูกมั้ย “

“ ไม่รู้ มึงคิดเอาเอง “ ผมบอกปัดอีกคนก็ยิ่งยิ้มกว้าง อาฟเอื้อมมือมาจับมือผม แล้วกุมไว้อยู่แบบนั้น

“ กูไม่เคยตื่นมาทันกินข้าวเช้าเลย ตั้งแต่เรียนมหาลัยมา “

“ งั้นเหรอ “

“ ก็เพิ่งจะวันนี้แหละ “ อาฟเงียบไปก่อนจะยิ้มขึ้นมาเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ “ ไม่สิ เคยกินข้าวต้มตอนเช้าหนนึงเมื่อหลายวันก่อน “

“ ตอนที่ไปกินกับกูใช่มั้ย “

“ ใช่ กูได้กินข้าวเช้าเหมือนคนทั่วไปกับเค้าก็เพราะอยู่กับมึงนั่นแหละ “

“ จะว่าไปนี่ก็มื้อแรกเลยนะ ที่เรากินข้าวเป็นแฟนกัน “ คำพูดที่ทำให้คนข้างๆหันมามองผมอีกครั้ง ผมเองก็หันไปมองมัน หูของอาฟแดงจัดคล้ายๆกับแก้มของผมที่มันก็เป็นแบบนั้น “ หมายถึงก่อนหน้านี้เคยกินแต่เป็นเพื่อนไง “

“ ร้ายว่ะ “ มันพูดสั้นๆคล้ายกับคำสบถ ก่อนจะกระชับมือที่กุมกันไว้ให้แน่นขึ้นไปอีก ผมในตอนนั้นก็เช่นกัน ผมเองก็กระชับมือของอีกคนไว้   “อาหารเช้าในเซเว่นจะมีอะไรอร่อยบ้างวะ “

ทุกอย่างในตอนนั้นเงียบไป แต่อยู่ๆในใจของผมมันก็ตั้งคำถาม การมีแฟนคืออะไรวะ ผมไม่รู้คำตอบที่แน่ชัดหรอก  บางทีความหมายอาจจะเปลี่ยนไปตามความรู้สึกก็ได้ แต่ถ้าถามตอนนี้ว่ามันคืออะไร คงตอบได้ว่า การมีแฟนคือการที่เรามีใครสักคนอยู่ข้างๆเรา คอยดูแลเราแล้วเราก็คอยดูแลเค้าละมั้ง .. ก็รู้สึกว่าตัวผมกับอาฟเป็นอะไรแบบนั้นให้กันและกันอยู่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-05-2018 21:15:35 โดย patwo »

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27

“ กินขนมจีบอะไรดี “ เอ่ยถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆและเหมือนจะไม่มีความเห็นอะไรทั้งนั้น อาฟเดินไปที่ตู้แช่แข็งมันที่ไล่สายตามองไปรอบๆ

“ จะกินแซนวิชเหรอ “ ผมเดินเข้าไปยืนใกล้ๆก่อนจะเอ่ยถามมัน แต่อาฟกลับไม่ได้ตอบอะไร มันแค่เอื้อมมือข้างนึงมากอดคอผมก่อนจะใช้มืออีกข้างหยิบถุงซาลาเปาหมูแดงเป็นถุงขึ้นมาเทียบหน้าผม

“ หน้าเหมือนมึงเลย “

“ ไอ้สัด “ ดึงซาลาเปาลูกนั้นออกจากมือมันแต่อีกคนกลับหลบทัน อาฟที่ยิ้มกว้างออกมาก่อนจะหัวเราะกับใบหน้างอง้ำของผม “ ตลกมากรึไง “

“ ก็ขำอยู่นะ ดูดิ “ มันชูซาลาเปาถุงนั้นขึ้นมา “ขาวๆกลมๆ ปากแดงๆเหมือนไส้หมูแดงตรงนี้เลย “

“ มึงว่ากูหน้ากลมเหรอ กูมีคางนะ “ จับคางตัวเองให้อีกคนดู อาฟก็หันมามองผมด้วยสายตาที่แปลความรู้สึกไม่ค่อยออก จะว่ายังไงดีเข้าข้างตัวเองไปมั้ยถ้าจะบอกว่า มันกำลังเอ็นดูท่าทางของผมที่กำลังเถียงมัน

“ แก้มเยอะ “ มันพูดสั้นๆผมก็รีบดูดแก้มเข้าไปก่อนจะพูดทั้งที่ทำหน้าแบบนั้น

“ ม่ายมีเว้ย “ แล้วนั่นก็ทำให้อีกคนหลุดยิ้มกว้างออกมา มันทำทีเป็นหันไปทางอื่นเหมือนพยายามจะกลั้นยิ้มของตัวเองไว้ ไม่อยากจะยิ้มให้ผมเห็นมากเท่าไหร่ แล้วตอนที่มันหันกลับมาอาฟก็พูดแค่สั้นๆด้วยรอยยิ้มมุมปากของมัน

“ มึงแม่ง น่ารักว่ะไอ้สัด “ แก้มที่ถูกดูดไว้คลายออกทันทีตอนได้ฟัง เป็นครั้งแรกที่ถูกชมเหมือนโดนด่าแต่กลับเขินซะอย่างงั้น 

        ผมหันกลับเข้าไปมองที่ตู้ คนที่เดินเข้ามาในเซเว่นต้องหาบ้าแน่ๆที่ผมกำลังยิ้มให้แซนวิชที่ยังไม่ได้อบกับซาลาเปาแบบถุงพวกนั้น

“ แล้วตกลงมึงจะกินอะไร “ ทำทีเป็นเปลี่ยนเรื่อง อาฟก็เอาซาลาเปาหมูแดงที่ถือวางไว้ที่เดิม

“ มึงว่าอะไรอร่อยก็เอาอันนั้น กูกินได้ทั้งนั้น “  ผมเผลอถอนหายใจออกมาเบาๆตอนที่ได้ยินอีกคนพูดแบบนั้น
 
              ในชีวิตนี้สิ่งที่ผมเบื่ออย่างนึงเลยคือ การซื้ออาหารให้คนอื่นแล้วพอถามว่ากินอะไร อีกฝ่ายจะตอบแค่ว่า อะไรก็ได้ ...และหนึ่งในคนที่ทำให้ผมรู้สึกเกลียดคำนี้มากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นแฟนเก่า 

          ในสารบัญของผู้ชายคนนั้น คำว่ากินอะไรก็ได้ก็คืออาหารที่เค้าอยากจะกินให้วันนั้นแล้วผมก็ต้องเดาให้ถูก ครั้งนึงจำได้ว่าผมก็ถามแบบนี้ ว่าอยากกินอะไร อีกคนที่ตอบว่าอะไรก็ได้ ผมเลยซื้อแซนวิชไปให้สุดท้ายทะเลาะกันเพราะอีกคนบอกว่าไม่อยากกิน แล้วจะบอกว่า กินอะไรก็ได้ เพื่อ..

“ เลือกมาสักอย่าง แซนวิช ซาลาเปา ขนมจีบ จะเอาอะไร “

“ มึงกินอะไร “

“ จะกินขนมจีบสองไม้แล้วก็ซาลาเปาหมูแดงสักลูก “

“ งั้นเอาเหมือนกัน “ อาฟบอกแค่นั้นก่อนจะเดินไปที่ชั้นขายนมที่มีอยู่หลายรส แต่เหมือนสายตาคมจะสนใจนมรสช็อกโกเล็ตขวดนึงเป็นพิเศษ

“ เช้าๆกินนมดีกว่ากาแฟนะ “ เอื้อมมือไปหยิบขวดนมช็อกโกเล็ตที่อยู่ข้างๆอีกคนก็หันมามอง “ มีอะไร จะกินแบบเดียวกับกูเหรอ “

“ ปกติชอบกินยี่ห้อนี้ไม่เหรอ “ มันชี้ไปที่ขวดที่มันมองอยู่ก่อนหน้านี้ จะบอกยังไงดีว่ะ ว่าตั้งแต่เลิกกับไอ้บินมา ผมไม่คิดจะแตะต้องมันอีกเลย คล้ายกับนมนี่มันก็เป็นส่วนนึงของความทรงจำแย่ๆไปแล้ว จำได้ว่าครั้งล่าสุดที่ได้กินอาฟก็เป็นคนซื้อให้วันที่บอกเลิกกับบินจริงจัง แต่ตอนนั้นกินเพราะอีกคนซื้อให้ แต่เดี๋ยวนะ..

“ มึงรู้ได้ยังไงว่ากูชอบกินนมยี่ห้อนี้ “ อาฟชะงักไปตอนที่ผมถาม มันหันไปมองทางอื่นทำทีเป็นก้มอ่านนมรสอื่น แบบไม่สนใจคำถามของผม “ อาฟ กูถามว่ารู้ได้ยังไง “

“ เดา “

“ ตอแหล “ ผมสวนกลับอย่างที่ตัวเองรู้สึก ตั้งแต่ครั้งก่อนแล้ว ตอนนั้นคิดว่าแค่บังเอิญที่อีกคนซื้อมาให้ แต่วันนี้มันที่ถามออกมาแบบนั้นแสดงว่าต้องรู้  “มึงรู้เหรอ รู้ใช่มั้ย “

“ รู้ “  อีกคนบอกก่อนจะทำท่าคิด  “ ก็ครั้งที่แล้วกูซื้อให้แล้วมึงเคยบอกว่า เมื่อก่อนกินทุกวัน คนเรากินทุกวันก็ต้องชอบ ถูกมั้ย “  พยักหน้ารับคำอธิบายของอีกคนที่คว้าเอากาแฟแบบพร้อมดื่มขึ้นมา อาฟเดินนำไปที่เค้าเตอร์คิดเงินก่อนจะหันมาบอกผม “ จ่ายเงินได้แล้ว อยากไปเรียนสายรึไง “

“ แต่ว่า..”  หยุดคำถามที่จะถามอีกคนไว้แค่นั้นเพราะเห็นมันกำลังคุยกับพนักงานที่กำลังคิดเงิน ทำไมถึงรู้สึกว่าไม่ใช่แค่นั้นแม้เหตุผลมันจะดูน่าเชื่อ แต่ก็รู้สึกว่าไม่ได้มีอะไรแค่นั้น

“ ซาลาเปาเวฟมั้ยคะ “

“ เวฟครับ “ ผมบอกพนักงานก็พยักหน้ารับ

“ รับซาลาเปาไส้ครีมเพิ่มมั้ยคะ เพิ่งออกใหม่ลดราคาด้วยค่ะ ปกติราคา 18 บาท ตอนนี้ลดเหลือ15 บาท “

“ ไม่ครับ มีแล้ว “ อาฟปฎิเสธก่อนจะชี้นิ้วมาทางผม ที่ก็หันไปกัดนิ้วมันแต่อีกคนหลบทัน

“ ส้นตีน แกล้งกูอยู่ได้ ไอ้สัดอาฟ “

เดินหิ้วถุงเซเว่นกลับมาที่ลานจอดรถใต้คอนโด ประตูรถที่ถูกปลดล็อคผมเดินเข้าไปนั่งด้านใน ลืมความสงสัยทุกอย่างก่อนหน้านี้ไปเมื่อได้กลิ่นหอมๆของซาลาเปาที่อุ่นเสร็จใหม่ๆ ขนมจีบลูกโตๆผมดึงไม้เสียบออกมา ผมเป็นคนไม่กินขนมจีบกับซอสเปรี้ยวหรือที่เค้าเรียกกันว่าจิ๊กโฉ่วอะไรนั้น ผมชอบกินขนมจีบแบบไม่จิ้มอะไรรู้สึกว่ามันได้รสชาติมากกว่า

“  นี่จะกินในรถ “ คนขับสตาร์ทรถแล้วเคลื่อนตัวออกไปจากช่องจอดเอ่ยถาม ผมที่จิ้มขนมจีบเข้าปากก็พยักหน้ารับพลางเคี้ยว

“ แล้วมึงจะให้กูไปกินที่ไหนอะ รอให้ถึงมหาลัยมันก็เย็นแล้วก็ไม่อร่อยอะดิ “

“ รู้อะไรมั้ยเค้าไม่ได้กินอาหารบนรถนะ “

“ ทำไมอะ “ ถามออกไปแต่มือก็จิ้มขนมจีบแล้วเอายัดใส่ปากอีกคน ที่ถึงแม้จะบ่นแต่ก็ยังเคี้ยวไม่หยุดปาก

“ เออ อร่อยดีวะ “

“ ใช่มั้ย ขนมจีบกุ้งกับปูของเซเว่นอร่อยสุดเลย กูชอบ “

“ ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง “ อาฟบอก ผมก็ได้แต่ถอนหายใจอยากจะเถียงมันเหมือนกันแต่ก็ได้แค่พูดออกไปเบาๆในตอนนั้น

“ ใครกันแน่วะ ที่เปลี่ยนเรื่อง “

“ ใครเค้ากินอาหารในรถกัน รู้มั้ยถ้ามันเศษอาหารตกลงไปมดมันจะมาทำรังอยู่ในรถมึงนะ ทำรังอยู่ใต้เครื่อง กัดสายไฟ ต้องดึงบนเบาะขึ้นมาล้างเสียค่าล้างหลายตังค์นะกูบอกไว้ก่อน ไหนจะค่าสายไฟอะไรอีกต้องเช็คว่าอะไรเสียหายบ้าง “

“ ขนาดนั้นเลย “ รู้สึกไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่อีกคนก็หันมายกยิ้ม

“ จะลองดูก็ได้ เดี๋ยวกูพามดมาปล่อยให้สักห้าสิบตัวเป็นไง เผื่อมึงจะอยากมีหนี้เพิ่ม “

“ ไม่ต้องเสือกเลย “ ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้มันส่ายหน้าไปมาก่อนจะยื่นขนมจีบชิ้นไปให้กินอีก “ แต่ถ้ากินระวังๆ มันก็ไม่มีใช่มั้ย กูกลัวอะ กูไม่ชอบมด“

“ อย่าให้หก “

“ โอเค อย่าให้หก “ พยักหน้ารับก่อนจะกินขนมจีบไปเรื่อย สลับสับเปลี่ยนกับการป้อนคนข้างๆที่ไม่ว่าจะยื่นอะไรให้กิน ก็กินมันทั้งหมดแบบไม่เรื่องมากให้ต้องรำคาญ แต่จะว่าไปตั้งแต่รู้จักกันมาอาฟเป็นคนที่กินง่ายที่สุดตั้งแต่ในชีวิตนี้เคยรู้จักใครมาเลย เป็นคนที่บอกว่ากินอะไรก็ได้ ก็คืออะไรก็ได้จริงๆ

“ กินซาลาเปาเลยนะ “ แกะซาลาเปาออกจะถุง เป่าเบาให้มันหายร้อนก่อนจะยื่นไปให้อีกคนที่ขับรถอยู่ ผมเอาถุงมารองไว้ด้วยเพราะกลัวหก นั่งกินอาหารเช้าในรถที่ค่อนข้างติด ผมมองออกไปนอกหน้าต่างรถแล้วตอนที่ติดไฟแดงก็เลยยื่นซาลาเปาลูกนั้นให้มันกินเอง “ อะ กินเอง “

“ ขับรถอยู่ “

“ ติดไฟแดงอยู่กินเองได้ เอา “ อาฟยังนิ่งตอนที่ผมยื่นซาลาเปาไปให้ “ อาฟ “ พอโดนเรียกซ้ำอีกคนก็หันมาแต่อย่าคิดว่าจะเอาไปกินง่ายๆ มันแค่ก้มลงมากัดซาลาเปาที่ผมถืออยู่ก่อนจะหันไปมองข้างหน้าแล้วเคี้ยวแบบสบายใจ

“ เจาะกาแฟให้หน่อย “

“ กินเองไม่ได้รึไง “

“ มือจับพวกมาลัยอยู่ไม่ว่าง “ อ้างออกมาแบบนั้น ผมก็ได้แต่ถอนหายใจหน่ายๆกับความปากแข็งของมัน คือก็คงอยากจะให้ป้อน แต่ถ้าพูดออกมาตรงๆ พี่เค้าก็คงกลัวจะเสียฟอร์ม

“ เรื่องเยอะ “ ผมบ่นแต่ก็ทำตามที่อีกคนสั่ง แต่คิดในแง่ดี แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ผมคิดว่าตัวเองคงเอาแต่หน้าแดงถ้ามันพูดออกมาตรงๆด้วยสีหน้าอ้อนๆว่า ‘ ป้อนหน่อย ‘

                เจาะกาแฟส่งให้อีกคนแต่ก็ยังคงคอนเซ็ปเป็นง่อยและไม่ยอมถืออะไรเองทั้งนั้น อาฟผละริมฝีปากออกจากหลอด ผมก็วางแก้วกาแฟของมันลงตรงที่วางแก้ว สลับมาเจาะนมของตัวเองขึ้นกินบ้าง อาฟหันมามองผมกินนมช็อกโกเล็ตของตัวเองตอนที่ผละหลอดออกจากปากแล้วยื่นให้มันไป ผมคิดว่ามันอยากจะกินแต่เปล่า อีกคนแค่ส่ายหน้าไปมาเท่านั้น

“ เห็นมอง คิดว่าอยากกิน “

“ ทำไมไม่กินนมยี่ห้อเดิมที่ชอบ “ เอียงหน้ามองดูนมยี่ห้อใหม่ที่ถืออยู่ในมือ

“ นมยี่ห้อนั้นไอ้บินเคยซื้อให้กูตอนจีบกัน มันซื้อฝากเพื่อนในชมรมมาให้กูทุกวัน ตอนแรกกูคิดว่ามันเป็นนมที่อร่อยที่สุดเลย ยึดติดว่าไม่กินยี่ห้ออื่นเด็ดขาดจะกินแค่ยี่ห้อนี้ต่อให้ยี่ห้ออื่นอร่อยกว่า กูก็จะกินแค่อันนี้เพราะว่ามันมีความทรงจำที่ดีอยู่ “ ก้มลงมองดูขวดนมที่ไม่ใช่ยี่ห้อที่กินประจำในมือ “แต่ว่ากูว่ากูยึดติดเกินไปชีวิตกูเลยต้องเป็นแบบนี้ บางทีถ้าไม่อร่อยก็ไม่จำเป็นต้องทนแดกหรอก ยี่ห้อใหม่อันนี้อร่อยกว่าตั้งเยอะ “ ชูขวดนมที่ถืออยู่ให้คนข้างๆดู ผมที่สบตาอีกคนไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า แต่เหมือนความเจ็บปวดฉายออกมาจากแววตานั้น “ อาฟ..”

“ ถามอะไรอย่าง “

“ ว่า “

“ ที่ตอนนั้นอดทนรักไอ้บินมาตลอด เพราะคิดว่ายังไงมันก็เคยรักมึงถึงขนาดขั้นส่งนมให้มึงทุกวันรึเปล่า “

“ ก็แค่เป็นหนึ่งในเหตุผล ที่มีอีกหลายๆเหตุผล “

“ เช่น “

“ ทำไมเราต้องมาคุยกันเรื่องนี้ด้วยวะ “ ผมหันไปอีกทาง รู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ที่ต้องเรื่องแฟนเก่าให้แฟนใหม่อย่างมันได้รู้ ผมไม่ได้ปิดบังแค่กลัวว่ามันจะรู้สึกไม่ดี

“ ถามก็แค่ตอบ “ คำเดิมๆที่มันชอบพูดตอนที่ถามอะไรแล้วผมไม่อยากตอบ

“ กูไม่อยากตอบ ยังไงตอนนี้เหตุผลพวกนั้นก็ไม่สำคัญอะไรแล้วไม่ใช่เหรอ ถึงตอนนั้นมันจะมีเหตุผลอะไรมากกว่านมยี่ห้อนั้น แต่ไม่ว่าอะไรตอนนี้มันก็ไม่มีอะไรสำคัญแล้ว กูเลิกกับมันแล้ว และกูก็มีแฟนใหม่แล้ว “ หันไปมองมันอีกคนก็หันมามองตาม ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะเอื้อมมือไปจัดทรงผมให้อีกคนที่เหมือนว่าทรงที่เซ็ตไว้จะมีผมบางเส้นหลุดออกมานอกแถวอยู่หน่อยๆ “ เรื่องในอดีตที่รู้แล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ แถมยังทำให้รู้สึกไม่ดี มึงจะอยากฟังไปทำไม สิ่งสำคัญมันอยู่ที่วันนี้ไม่ใช่เหรอวะ “ มองหน้าอีกคนที่ค่อยๆระบายยิ้มจางๆออกมา แววตาที่ดูสดใสขึ้นนั้น อาฟคงเข้าใจในสิ่งที่ผมอยากจะบอกมัน “ ตอนนี้กูเป็นแฟนมึง เรารักกัน แล้วนี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด “ 

“ อยากจูบมึงเลยว่ะ “ อีกคนพูดสั้นๆ ตอนนั้นผมก็ได้แต่นิ่งแล้วเอาแต่กัดริมฝีปากด้านในของตัวเองอยู่เบาๆ มีคำถามนึงที่ผมคิด ขึ้นมาได้ในตอนนี้ คือถ้าพูดออกไปว่า ‘ แล้วใครห้าม ‘  มันจะดูว่าผมอ่อยอีกฝ่ายเกินไปมั้ย

หันไปมองสัญญาณจราจรที่อยู่นอกรถตอนนี้มันกำลังนับถอยหลังเข้าสู่ช่วงเจ็ดสิบวินาทีสุดท้าย หันกลับมามองอาฟอีกครั้งสลับกับไฟจราจรอีกหน

“ เหลืออีกหกสิบวิแล้วจะทันเหรอ “

“ ถมเถไป “ อีกฝ่ายตอบก่อนจะดึงตัวเข้ามาใกล้

จูบครั้งที่สองของเราเกิดขึ้นที่ในรถ ริมฝีปากที่แนบสนิทลงมา ผมชอบเวลาที่อีกคนจูบลงไปหนึ่งครั้งแล้วผละออกก่อนจะเริ่มจูบจริงๆในครั้งที่สอง ราวกับว่าถูกขออนุญาต อาฟเป็นคนนุ่มนวลในช่วงเวลาแบบนี้จนผมรู้สึกว่าถ้าตัวเองเป็นน้ำแข็งก็คงไม่พ้นละลายกลายเป็นน้ำได้ภายในไม่กี่วินาที

ความรู้สึกอบอุ่นของลิ้นและริมฝีปากที่กำลังกอดเกี่ยวสิ่งเดียวกันชวนให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ถ้าให้เปรียบเทียบจูบของอาฟเป็นของหวานที่ผมชอบ คงหนีไม่พ้นบราวนี่ร้อนๆที่ออกมาจากเตา รสชาติเข้มข้นแบบผู้ใหญ่แต่ถึงอย่างงั้นเวลาตักเข้าไปตรงกลางก็ยังมีความลาวาของซอสช็อกโกเล็ตหวานๆเอาไว้เหมือนเป็นความเอาแต่ใจแบบไม่มีที่สิ้นสุดแบบเด็กๆชอบ แล้วตอนที่ผละออกจากกัน อาฟจะจูบผมอีกครั้ง ราวกับแสดงความขอบคุณที่ให้จูบนี้กับมัน


ก็หวังว่าคำตอบตกลงของผมที่เชิญให้มันจูบ จะดูไม่แรงเกินไป

...................................................................................


เนื้อหาที่ดูไม่ค่อยได้สาระอะไรนั้น..มีแต่ความหวานเบาๆ 
ของคนเป็นแฟนกันหมาดๆ เมดก็ไม่แบ๋ว มีความแอบเปรี้ยวนิดๆหน่อยๆ 
แอบชอบความคิดของเมดที่บอกว่า ไม่ว่าตอนนั้นเป็นยังไงก็ไม่สำคัญแล้ว  น้องเป็นแฟนพี่อาฟ และนี่ก็สำคัญที่สุด มันเป็นคำพูดของคนที่พูดออกมาจากใจ โดยไม่รู้ว่า คำพูดนั้นมีพลังมหาศาลกับใจที่บอบซ้ำของพี่อาฟ ช่วยให้มีความสุขขึ้นมาฉับพลับ แต่ว่าถ้าเกิดรู้ความจริง คนที่บอกว่า ปัจจุบันสำคัญสุดจะเป็นยังไงหนอ... 
เจอกันตอนหน้า ตอนหน้าที่มีสาระกว่านี้ 
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่า 

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ uyong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
อาฟกวนตีนแต่น่ารัก  :mew1:

เขิลลลตอนเค้าหยอกกัน  :-[


ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
น่ารักมาก
สวีทหวานมดขึ้นรถ
ชอบขั้นตอนการจูบมาก
สุดสุด

ถ้ารู้เรื่องนม ไม่น่าเข้าใจยาก
เชียร์ต่อไป รักกันๆ
 :-[
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-05-2018 00:11:09 โดย arjinn »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ chaotic69

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ถึงตอนนั้นเมดจะเสียใจหรือโทษตัวเองหรือโกรธตัวเองมั้ยนะ
ที่เสียเวลาเข้าใจผิดรักคนผิดจนต้องช้ำใจมาตั้งนาน

ความป้อนขนมจีบมุ้งมิ้ง จูบหวานๆปิดท้ายมื้อเช้านี่มันอัลไล~
/มดขึ้นที่ไม่ได้มาจากเศษอาหารหล่นบนรถแต่อย่างใด  :hao7:

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
ชอบอาฟ กับความใส่ใจของทั้งคู่  หวานๆแต่ไม่เลี่ยนชอบ  :mew1:


ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3066
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พอเป็นแฟนกันก็อ้อยเรี่ยราดเลย อิอิ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
สงสารนมช็อคฯ ยี่ห้อนั้นจังเลย อยู่ดี ๆ ก็ถูกยกเลิกการกินซะงั้น นี่ถ้ารู้ความจริงจะกลับมากินใหม่ไหมนะ  :hao4:

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :-[ เขินแทนนนนนน

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
มดมันขึ้นไม่ใช่เพราะขนมแต่เป็นเพราะคนเขาหวานกันจ้างานนี้

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
อ่อยได้ไม่เป็นไรแฟนเราเอง หวานๆๆ :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด