( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ( จบแล้ว ) Throw UP #ผับชั้นสาม :: {ตอนพิเศษ: up! 31-12-62} #หน้า 58  (อ่าน 502484 ครั้ง)

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
โอ้ยพี่อาฟฟฟฟ  :sad4:

ออฟไลน์ chaotic69

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ฮืออ พี่อาฟฟฟฟ
ตอนนี้อาจจะเป็นเวลาที่ใช่มากกว่าก็ได้นะ คนที่ใช่ในเวลาที่เหมาะสม

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คงคิดว่าเมดเป็นของตาย ไม่มีใครมาจีบ สุดท้ายก็มีตาบินคว้าเมดไป รอบนี้เอาให้รวดเร็ว ม้วนเดียวจบเลยนะ  :m12:

ปอลอ  จากเดิมที่ + เป็ด ได้ กลายเป็น + เป็ดแล้วคะแนนไม่ขึ้น  แต่วันนี้  + เป็ด หายยยยยยยย ใครเอา + เป็ด ไป ช่วยเอามาคืนด้วย  :m5:

ออฟไลน์ cocoaharry

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 618
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-2
    • cocoaharry_Demmy Chan_Otaku Y Girl
โอ๊ยยย สงสารอาฟ
อ่านแล้วหมันไส้บินหนีกกว่าเดิม เพราะได้มาโดยไม่พยายาม เลยไม่รักษา ไม่แคร์สินะ แถมเอาความดีของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง
แต่ก็รู้สึกว่าดีแล้ว ถ้าเมดมารู้ทีหลัง ได้รู้สึกดีกับอาฟมากขึ้น ถ้าคบกันมาตั้งแต่ม.ปลาย อาจมีเรื่องให้เลิกลา มาคบกันตอนนี้ โตกันทั้งคู่ ผ่านอะไรมาเยอะ จะได้ช่วยกันประคับประคองความสัมพันธ์กันไป

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
อ่านตอนนี้แล้วโอ้โหเลย ไอ้เชี่ยบินสารเลว

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
รอน้องเอมมี่กลับมาบอกความจริงของน้องอาฟเตอร์ให้เมดรู้

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4982
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
บักบินนนนนนนนน โอ้โห  :z6: ไม่ว่าจะก่อนเป็นแฟนหรือหลังเป็นแฟนแล้วก็น่ากระโดดถีบขาคู่ใส่จริงๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยนะอาฟ

ออฟไลน์ Pin_12442

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
สงสารรรรร

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
โธ่ พี่อาฟ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
บินแม่ง  :m16:

ออฟไลน์ uyong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
สัดพี่ฮาฟรอบนี้ห้ามช้านะ ใครแย้ง :z6:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ตอนนั้นมันยังไม่ถึงเวลาของพี่อาฟน่ะเนอะ อดีตผ่านไปแล้วแต่ตอนนี้พี่อาฟไม่ยอมปล่อยเมดไปแน่เลิกปากหมา เอ้ยปากแข็งซักทีเถอะ ขอคบไปเลย :กอด1:

ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27
 
ตอนที่ 19

“ อ้าว พี่เมด “ เงยหน้ามองน้องชายตัวเองที่มายืนอยู่ตรงหน้า ผมหันหลังไปก่อนจะเจอเข้ากับเจ้าของชื่อที่ถูกเอ่ยเรียก เมดชะงักไปนิดหน่อยตอนที่เห็นผมนั่งอยู่ตรงนี้ แล้ววินาทีถัดมานั้นมันก็ก้มหน้าลงตอนที่เผลอสบตากับผมเข้า เผลอยิ้มออกมาตอนที่เห็นว่าแก้มนั่นถ้าอยู่ในที่สว่างสักหน่อยคงได้เห็นแน่ๆว่ากำลังแดงขนาดไหน

“ ทำไมบรรยากาศมันดูชวนให้เปิดเพลงรักขนาดนี้วะ “ ไอ้เจพูดกระซิบกับผม “ มึงไปทำอะไรไอ้เมดมา บอกกูมาเดี๋ยวนี้ “

“ ทำเชี้ยอะไร ก็แค่ง้อ ตามที่พวกมึงสั่ง “

“ ใช้คำว่าง้อด้วย เป็นไรกับเค้าอะ “ มันแซวผมที่ก็แค่ถอนหายใจออกมาก่อนจะยกขวดเบียร์ขึ้นกิน

“ กูก็แค่ถาม “

“ ถามว่า “ ไอ้เจเอียงตัวมาหาผมด้วยความอยากรู้

“ ที่บอกว่ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว พอจะเป็นกูได้มั้ย “ คนได้ฟังกลั้นยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แววตามีความสุขของมันฉายขึ้นมาอย่างฉับพลันรวมถึงสมองที่สั่งการให้ถามคำถามที่อยากจะรู้นั่นก็ด้วย

“ แล้วมันตอบว่าไง “

“ ก็พอไหวอยู่ “ พยักหน้ารับขึ้นลงตอนที่ได้ฟังคำตอบ

“ มีความเล่นตัวนิดๆ “ อีกคนว่า “ ก็ไม่ได้ปฎิเสธแต่ก็ไม่ได้บอกว่าใช่ “ 

“ น้องเดย์ พี่เมดจะมาถ่ายเหล้าตัวนึงที่ลืมถ่ายไป “ คนข้างหลังผมบอกก่อนจะเดินเข้าไปตรงทางข้างของบาร์ หยิบไอแพตที่ถือมาให้อีกคนดู น้องชายผมก้มลงมองดูก่อนจะพยักหน้ารับแล้วเดินไปหยิบมาให้
 
“ พี่อาฟค่ะ “ เสียงของสาวคนนึงเอ่ยทักผม ตอนที่หันไปก็พบว่าเป็นเธอคนเดิมที่เคยเข้ามาทักกันแล้วก่อนหน้านี้ แต่ตอนนั้นผมบอกปัดเธอไปเพราะรีบจะออกไปซื้อของมาง้ออีกคน แล้วตอนนี้ก็เหมือนว่าเมดจะเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอเครื่องสื่อสารที่กำลังใช้อยู่มองดูเธอเช่นกัน

“ ครับ “ ขานรับอีกฝ่ายก็สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด สายตาที่กำลังตื่นเต้นมองโดยรวมเธอก็น่ารักดี แต่ถ้าให้พูดอธิบายก็คงเป็นผู้หญิงทั่วไปที่ไม่ได้มีสไตส์ชัดเจน ไม่ใช่สาวปรี้ยวที่มั่นใจในตัวเองเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ใช่คนที่ดูเรียบร้อยที่ดูเคอะเขินกับทุกอย่าง

“ ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยคะ “ ผมเหลือบมองเจ มันที่ยักคิ้วพลางยกไหล่ขึ้นเหมือนจะบอกว่าแล้วแต่เลย มันยังไงก็ได้
“ เชิญครับ “ ผมบอกเธอก็ยิ้มก่อนจะเดินเข้ามานั่งตรงเก้าอี้ว่างข้างผม

“ ชื่อแพรวนะคะ ยินดีที่ได้รู้จัก “

“ ครับ “ พยักหน้ารับเธอก่อนจะดึงเบียร์ที่ถืออยู่ขึ้นมากิน

“ แพรวเคยเจอพี่อาฟที่มหาลัยอยู่บ่อยๆเลย แต่เพิ่งเคยมาที่ผับของพี่ครั้งแรก “ เธอว่าพลางมองไปรอบๆ
“ บรรยากาศดีจังเลยนะคะเพลงก็เพราะ เจ้าของก็หล่อ “ หลุดยิ้มออกมาในประโยคสุดท้ายที่เธอพูด แต่ผมไม่ได้ยิ้มเพราะคำพูดของเธอหรอก ยิ้มเพราะคนตรงหน้าที่กำลังยืนถ่ายภาพเหล้าอยู่แต่กลับแบะปากขึ้นน้อยๆตอนที่ได้ยินคำพูดชมนั่น

“ แต่เหมือนมีคนไม่ค่อยเห็นด้วยเลย “ ผมบอกก่อนจะมองคนที่กล่าวถึง เมดถลึงตาใส่ผมเหมือนอยากจะถามว่ามองมันทำไม

“ ใครกันเหรอคะ ไม่มีหรอก พี่อาฟหล่อออกนะ มีแต่สาวๆมองมาทั้งนั้นไม่เชื่อก็ลองมองไปรอบๆสิค่ะ “

“ งั้นเหรอ “ แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เลขาของผมเงยหน้าจากหน้าจอไอแพตในมือขึ้นไปมองรอบตัวอย่างที่เธอคนนั้นบอก มันที่ทำท่าทีไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่เพราะรู้สึกว่ามันก็เป็นอย่างที่เธอพูด เมดหลุดถอนหายใจออกมาเสียงดังก่อนจะหันมาหยุดสายตาสบกับผมพอดี แต่ก็เหมือนทุกที มันที่มองไปทางอื่นในช่วงเวลาแบบนั้นแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรพลางก้มหน้าลงดูหน้าจอที่ถืออยู่ในมือ “ ขอบคุณนะครับ “

เอ่ยตอบสาวที่นั่งข้างกันเธอยิ้มรับ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เมด มันแบะปากนิดหน่อย ท่าทางหงุดหงิดของมันที่เหมือนจะเถียงคำพูดของคนที่ชมผมแทบจะทุกคำที่เอ่ยพูดออกมา ถ้าให้เดาคงจะเป็นคำพูดในเชิงที่ว่า

‘ หล่อตรงไหนไม่เห็นจะหล่อเลย ‘
‘ พูดขอบคุณครับซะเสียงหล่อเลยนะมึง หมั่นไส้ชะมัด ’   

ปากงุบงิบที่บ่นอะไรอยู่คนเดียวของมันเป็นท่าทางที่ทำออกมาแล้วกลับดูน่ารักจนชวนให้ผมแอบยิ้มอยู่แบบนั้นอย่างห้ามใจตัวเองไว้ไม่อยู่

“ พี่อาฟมีแฟนรึยังคะ “ คำถามที่ตั้งใจมาถามถูกเอ่ยออกมา ผมหันไปหาเธอที่มองมาด้วยท่าทางยิ้มๆ ก่อนจะเหลือบมองอีกคนที่กำลังมองมาทางเราเพื่อฟังคำตอบ ผมหันกลับมาสบสายตากับเมด เพราะคำตอบนี้ผมอยากจะบอกให้มันได้รู้

“ มีคนที่ชอบอยู่แล้วครับ “

ราวกับว่าทุกอย่างตอนนั้นเงียบงันลงไปในช่วงขณะหนึ่ง ทั้งๆที่ความเป็นจริงทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม เสียงเพลงยังคงดังเหมือนเดิมแม้แต่เสียงสนทนาของผู้คนก็ยังคงเป็นแบบนั้นแต่ทว่าในความรู้สึกของผมทุกอย่างมันกลับเงียบไป อาจเพราะตอนนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจไปมากกว่าคนตรงหน้านี้อีกแล้ว สายตาของผมเหมือนหยุดอยู่ตรงนั้น ตรงที่สายตาเรียวคู่นั้น ผมจ้องมันอยู่นานจนอีกฝ่ายต้องเป็นคนที่หลบสายตาไปก่อน

เมดก้มหน้าลงมันที่เม้มริมฝีปากตัวเองแน่น แก้มแดงๆที่เมื่อก่อนผมเคยเอาแต่แอบมองแต่วันนี้มันกลับมายืนอยู่ตรงหน้าผม ในมุมมองที่ชัดที่สุดและที่สำคัญ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะผม
 
ท่าทางเขินอายที่ปรับเปลี่ยนเป็นนิ่งเฉย อีกคนคงรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรแสดงความรู้สึกอะไรให้ผมเห็นและไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่ผมรู้ว่ามันรู้ว่าคำพูดเมื่อครู่ที่ผมพูด ผมหมายถึงมัน

 “ จะถ่ายภาพเหล้าขวดนี้อีกสักกี่ร้อยภาพเหรอครับคุณเลขา “ เอ่ยถามมันที่ยังคงทำทีเป็นยกไอแพตขึ้นถ่ายภาพขวดเหล้าใบเดิมอยู่แบบนั้นตั้งแต่เข้ามายืนอยู่ในโซนบาร์ จนผู้หญิงคนที่นั่งข้างๆผมเข้ามานั่ง ถามคำถาม และแม้แต่ตอนนี้มันก็ยังถ่ายอยู่ ถ่ายไปเรื่อยๆแบบนั้นอย่างไม่รู้จะเอาวิธีไหนมาหลบความเขินอายที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

“ ก็.. เมื่อกี้มันถ่ายไม่สวย “ อีกคนว่าแบบนั้นก่อนจะปิดหน้าจอไอแพต เมดเงยหน้าขึ้นมามองผมมันที่เหมือนจะเถียงอะไรต่อแต่ก็หยุดไว้แค่นั้น สายตาที่ถูกเบนออกไปมองอย่างอื่นกะทันหันเพราะอยู่ๆคงเกิดเขินขึ้นมา

 “ แล้วตอนนี้สวยรึยัง “

“ สวยแล้ว “ มันบอกก่อนจะยื่นเหล้าคืนให้น้องชายของผมที่ก็ยืนยิ้มล้อมันอยู่ “ ขอบคุณนะน้องเดย์ “

“ ด้วยความยินดีครับ ว่าที่พี่สะใภ้ “

“ พูดอะไรแบบนั้นเล่า “ ชะงักอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยพูดออกไปเสียงไม่เบานัก มันเหลือบมองผมนิดหน่อยเหมือนจะหันมาดูว่าได้คำพูดไร้สาระที่ชวนให้มันเขินแบบสุดๆนั่นมั้ย ก่อนจะหันไปเถียงแบบไม่เป็นคำ “ ไม่ ไม่ต้องมาแกล้งเลย “

   ร่างเพรียวหันหลังเดินออกไปจากส่วนบาร์ ผมหันมองตามอีกคนไปไหล่ที่ค่อนข้างตกแต่ก็ไม่ได้ดูเสียบุคลิคแต่อย่างใด ถ้ามองในมุมมองของผู้ชายด้วยกัน มันก็จัดเป็นผู้ชายหล่อเหลาที่อาจจะเป็นสเป็คของผู้หญิงหลายๆคน แต่มันก็คงแล้วแต่มุมมอง เพราะในมุมมองของผมมันไม่ได้หล่ออะไร ออกจะไปทางน่ารักซะมากกว่า

“ ขอโทษนะครับ “ เสียงที่เอ่ยเรียกอีกคนทำให้คนที่กำลังเดินขึ้นไปบนชั้นสามหันไปมอง เมดก้มหน้าลงยิ้มให้อีกฝ่ายที่พอดูดีๆมันก็คือผู้ชายคนเดิมที่เคยนั่งอยู่ที่บาร์และขอเบอร์อีกคนออกไปด้วยความสนใจ

“ ครับ “ อีกฝ่ายตอบออกไปตามมารยาท

“ ผมยังไม่ได้คำตอบของคำถามที่ถามคุณเลย “

เหตุการณ์ที่ผมมองดูคล้ายกับหลายปีก่อนไม่มีผิด ผมที่ได้แค่ยืนมองดูโดยไม่ทำอะไรเลยสักอย่างในวันนั้นแล้วสุดท้ายคนตรงหน้าก็หายไปจากการมองเห็นในที่สุด ไม่เหลืออะไรไว้เลยสักอย่างที่เคยเป็นของผม แม้แต่ความทรงจำ

“ อาฟ “ เสียงของเจที่เอ่ยเรียกผมแต่ในความรู้สึกตอนนั้นมันกลับคล้ายกับเสียงของไอ้เอมที่เคยเรียกผมในวันนั้น ขาของผมดึงตัวเองให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยไม่ได้ตอบอะไรคนที่เอ่ยเรียกสักอย่าง ไม่ได้สนใจผู้หญิงที่เข้ามานั่งข้างกัน แม้แต่ผู้คนรอบข้างผมก็ไม่ได้สนใจ ผมแค่เดินตรงไปหาคนคนนั้น คนที่หลายปีก่อนผมไม่กล้าแม้จะเดินเข้าไปหา

“ ผมสนใจคุณ ถ้าคุณยังไม่มีแฟน ขอเบอร์โทรศัพท์ไว้ติดต่อกันได้มั้ยครับ ไม่ก็ ไอดีไลน์ก็ได้ “ เสียงของผู้ชายคนนั้นพูดกับอีกคนตอนที่ผมเดินเข้าไปถึงพอดี ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายคนนั้นทำหน้ายังไง จะรู้สึกหงุดหงิดใจแค่ไหนที่โดนผมขวางทางไว้อีกแล้ว คงเพราะสายตาของผมไม่ได้มองใครเลยนอกจากคนที่ต้องตอบคำถาม เมดหันมามองผมที่เอื้อมมือไปจับมือมันไว้และกุมไว้แน่น

“ อย่าตอบ “

มันเป็นคำเดียวกันกับวันนั้นที่ผมอยากพูด อย่าตอบ อย่าตอบตกลงกับเค้าได้มั้ย ย้อนเวลากลับไปได้มั้ย ห้านาทีก่อนหน้านี้ถ้าทำได้จะวิ่งเข้าไปหา จะซื้อนมที่เคยฝากเพื่อนไปให้ทุกวัน เอาไปให้ด้วยตัวเอง แล้วบอกคำพูดที่อยากจะบอกมาตลอดหลายอาทิตย์ที่ได้แต่เฝ้ามองจากอีกฝากนึงของถนน ‘ ชอบมากเลยว่ะ เป็นแฟนกันมั้ย ‘

“ อาฟ เอ่อ..” อีกคนมองผมสลับกับอีกฝ่าย มันที่ดูท่าทางลังเล เมดไม่ได้คิดอะไรกับอีกฝ่ายตัวผมรู้ดีแต่คงคิดแค่ว่า มันคงจะเสียมารยาทกับคนที่มาใช้บริการที่ผับถ้าไม่ตอบอะไรออกไปสักอย่าง แต่ผมก็อยากจะบอกมันเหมือนกันว่า ผมไม่ได้สนใจ ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ผมสนใจอีกแล้ว

“ ไม่อยากให้ตอบ “ เมดหันมามองผม ในแววตาที่มีคำขอร้องมากมายผมไม่รู้ว่ามันส่งไปถึงอีกคนรึเปล่า แต่วินาทีต่อมามือที่ผมจับอยู่นั้นก็ผ่อนลง ไม่มีคำตอบอะไรหลุดออกมาจากปากของอีกคน

ผมกระชับมือที่กุมอยู่ให้แน่นขึ้น ดึงให้เดินออกจากตรงนั้น ผ่านหน้าผู้ชายคนที่ตั้งคำถามไปอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เหมือนกับหลายสายตาที่มองมาทางเรา ผมไม่ได้หันไปสนใจอะไรแค่เดินตรงไปที่ทางขึ้นของผับชั้นสามก็เท่านั้น

ภายในห้องที่เงียบเชียบจนได้ยินแม้แต่เสียงเครื่องปรับอากาศ เรายืนนิ่งอยู่ในห้องนั้นเมดก้มลงมองมือตัวเองที่ผมกุมอยู่ก่อนจะเหลือบมองผมเหมือนจะบอกใบ้ว่าให้ปล่อยลงได้แล้ว ผมทำทีเป็นไม่สนใจยืนจับมันอยู่แบบนั้นจนคนข้างถอนหายใจออกยิ้มๆ

“ อาฟ “ พูดแค่นั้นผมก็ปล่อยมือของอีกคนลง เราที่ต่างฝ่ายก็ได้แต่หันไปคนละทาง ราวกับต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่าอีกคนอยากจะสื่ออะไรออกมา ผมกลืนน้ำลายลงไปในคอระงับความตื่นเต้นของตัวเองก่อนจะหันมองอีกคนที่ก็หันมามองเหมือนกัน

“ ออกไปคุยกันหน่อยมั้ย “ เชิดหน้าไปที่ระเบียงด้านหลังห้อง เมดที่หันไปมองมันพิจารณาอยู่นานเหมือนพยายามหาสถานที่ที่ผมชวนมันไปคุยแต่เพราะมองไปก็เห็นแค่เตียงขาวเลยทำให้อีกฝ่ายแค่ขมวดคิ้วแล้วเหล่มองแบบไม่ไว้ใจกัน

 ตัดสินใจเดินนำออกไป ผมเดินผ่านส่วนของเตียงออกไปเปิดม่านสีทึบนั่นออก เปิดประตูกระจกที่เห็นวิวของระเบียงที่เห็นบรรยากาศข้างนอก ผมหันไปมองอีกคนที่พอรู้ว่ามันไม่มีแค่เตียงก็ตัดสินใจเดินตามเข้ามา

   ร่างที่หยุดยืนอยู่ข้างๆ สองมือที่เอื้อมเกาะราวระเบียงกว้างที่เรายืน  เมดมองไปยังบรรยากาศรอบๆ ด้วยสีหน้าแปลกใจไม่น้อยคงเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะได้เห็นอะไรแบบนี้ผ่านห้องนี้ที่ปิดทึบมาตลอด

ตึกของผับเป็นตึกที่สูงกว่าตึกที่อยู่ในละแวกเดียวกันเลยทำให้เห็นบรรยากาศโดยรอบได้ชัด แสงไฟของบ้านเรือนและอาคารที่อยู่ไกลออกไป มีเสียงดนตรีจากด้านล่างดังคลออยู่ไม่ขาดช่วง เพลงที่ไม่ใช่เพลงรัก เลยไม่ได้ส่งเสริมให้เป็นบรรยากาศที่โรแมนติกอะไรทั้งนั้น ออกจะเสียงดังไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผม

 “ กูไม่คิดว่ามันจะมีระเบียง ตอนแรกคิดว่ามันจะติดกับบ้านคน “

“ มึงไม่รู้เหรอไง ผับเค้าไม่ให้สร้างใกล้ที่อยู่อาศัย “ ผมบอกอีกคนที่ก็พยักหน้ารับ ก่อนจะตั้งคำถามกับผมแต่กลับไม่มองหน้ากันเลยสักนิด

“ แล้วมึงจะคุยอะไรกับกูวะ “ เมดมองตรงไปข้างหน้าส่วนมือก็กำระเบียงไว้แน่น ท่าทางที่ดูตื่นเต้นของมัน คงกำลังคิดจินตนาการถึงคำพูดหวานๆ ไม่ก็คำสารภาพรักอะไรสักอย่างที่คงแล้วดูน่าประทับใจ

“ ไม่มีหรอก “

“ อ้าว “ หันมามองกันด้วยท่าทางไม่เข้าใจที่ติดจะเซ็งอยู่หน่อยๆ คิ้วที่ขมวดเข้าหากันของมัน มือนั่นก็คลายออกราวกับว่าหมดกันสิ่งที่กำลังลุ้นอยู่ ผมหลุดยกยิ้มออกมากับท่าทางนั้นก่อนจะหันหลังพิงตัวเองเข้ากับระเบียงสูงแล้วมองหน้าอีกคน

“ มึงคิดว่ากูจะพูดอะไรละ “

“ กูจะไปรู้มึงเหรอไง “ ทำเป็นไม่ใส่ใจ เหมือนไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น อย่างที่ชอบทำเวลาผมจับได้

“ มึงชื่อจริงชื่ออะไรวะ “

“ กู ? “ มันเอามือชี้เข้าหาตัวเอง “ ถามทำไม อย่าบอกนะว่าเรียกกูมาถามแค่นี้ “


ออฟไลน์ patwo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 989
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +932/-27


“ ถามก็ตอบเปล่า “

“ ชื่อ มิณทร์ “ หันไปมองหน้ามันพลางขมวดคิ้ว เมดก็ยิ้ม “ มอม้าสระอิ นอเณร ทอทะหาร รอเรือ การันต์ อ่านว่า มิณทร์ “

“ แล้วทำไมไม่ชื่อเล่นชื่อ มินไปเลย จะมาชื่อเมดทำไมวะ “

“ ฮ่าๆ คิดไว้แล้วว่าต้องถาม “ อีกคนหัวเราะ “ ใครๆก็ถามกูแบบนี้ ถามตั้งแต่กูเด็กจนกูโตเลย “

“ แล้วคำตอบคือ “

“ พ่อกูอยากจะให้กูชื่อมิณทร์ ทั้งชื่อจริงแล้วชื่อเล่นเลย จะได้เท่ๆ แต่แม่อยากจะให้ชื่อเมด ที่เขียนว่า made เหมือนพวกของที่เขียนว่า made in  อะไรแบบนั้น อารมณ์กูที่ทำมาจากความรักของพ่อแม่ แบบนั้น “

“ อย่างงั้น “ ยิ้มพลางพยักหน้ารับคำอธิบายของอีกคน

“ สุดท้ายพอเถียงกันไปเถียงกันมา ก็เลยสรุปว่า ก็ใช้ชื่อ มิณทร์ของพ่อเป็นชื่อจริง ชื่อ เมดของแม่เป็นชื่อเล่น ไอดีไลน์กูก็เลยเป็นคำว่า minmade ไง ทั้งพ่อทั้งแม่จะได้ไม่น้อยใจ กูก็ใช้มันทั้งคู่เลย “ อีกคนว่ายิ้มๆเหมือนอวดความหมายของชื่อตัวเอง แค่ดูก็รู้ว่ามันคงรู้สึกว่าชื่อตัวเองก็ดูเท่ห์ไม่เบา “ แล้วมึงอะ “

“ อารยะ “ ผมบอก “ ที่แปลว่า คนที่น่านับถือ “

“ แล้วทำไมถึงชื่อ อาฟอะ กูเห็นมึงเขียนชื่อไลน์ว่า อาฟเตอร์ คือจริงๆชื่ออาฟเตอร์ถูกมั้ย “

“ อื้ม “ พยักหน้ารับมันอีกคนก็ถามด้วยความสนใจ

“ แล้วทำไมถึงชื่ออาฟเตอร์อะ “

“ พ่อกูชอบคำว่า afterday เค้าให้ความหมายคำนี้ด้วยตัวเองว่า หลังจากนี้เราจะไม่มีพรุ่งนี้ถ้าเรายังไม่มีวันนี้ เหมือนคำ afterday ที่ถ้า day ไม่มีคำว่า after มันก็จะกลายเป็นแค่วันนี้ที่ไม่มีพรุ่งนี้  และ after ก็เหมือนกัน มันเป็นคำที่ต้องเติม day เข้าไป เพื่อให้ตัวเองได้เป็นความหมายของวันพรุ่งนี้ “ ผมเว้นเสียงไป สีหน้าเบื่อหน่ายที่ต้องถอนหายใจออกมาตอนอธิบายความหมายสุดเลี่ยนนั่น “ เหมือนพี่น้องที่ต้องรักกันตลอดไป ขาดใครไปก็ไม่ได้ เพราะเป็นความหมายของกันและกัน “

“ โคตรรรรรรร ลึกซึ้ง “ อีกคนว่าอึ้งๆ “ ไม่คิดเลยว่าชื่อมึงกับน้องเดย์จะมีความหมายขนาดนี้ แบบนี้แสดงว่าพ่อแม่ก็ตั้งใจจะมีลูกสองคนอยู่แล้วอะดิ “

“ อื้ม “ พยักหน้ารับคำตอบของอีกคน “ เห็นบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นลูกชายหรือลูกสาว ยังไงน้องกูก็ต้องชื่อเดย์ “

“ เพราะจะได้เป็น afterday สินะ “ เมดว่ายิ้มๆ “ พ่อมึงท่าทางจะเป็นคนโรแมนติกนะ “

“ ทำไมคิดงั้น “ หลุดยิ้มนึกถึงพ่อตัวเองในตอนที่เมดถาม ผมไม่คิดว่าเค้าจะเป็นแบบนั้นเลย หรืออาจจะเป็นอยู่ลึกๆ แต่ผมไม่รู้

“ ก็คนที่ตั้งชื่อได้ออกมามีความหมายขนาดนั้น มันต้องใช้ความลึกซึ้งมากๆเลยไง คือชื่อมึงสองคนพี่น้องมันไม่ได้มีความหมายแค่ว่า หลังจากวันนี้เท่านั้นไง มันมีความหมายที่เค้าคิดให้มันลึกซึ้งกว่าสิ่งที่มันเป็น “

“ ไม่รู้สิ คงงั้นมั้ง “ ยกไหล่ไม่สนใจ ผมหันไปถามมันบ้าง “ แล้วน้องมึงละ น้องมึงชื่ออะไร “

“ ชื่อวิว “ อีกคนบอกก่อนจะยิ้มจางๆ เมดยกมือขึ้นลูบให้ผม จัดทรงผมตอนที่ลมพัดเข้ามา “ แต่วิวไม่ใช่น้องแท้ๆของกูหรอกนะ กูเป็นลูกคนเดียว พ่อกูแต่งงานใหม่น่ะ กับแม่หม้ายลูกติด วิวก็เลยต้องมาเป็นน้องกู “

“ ไม่มีดราม่าครอบครัวใช่มั้ย “ ก้มลงถามมันยิ้มๆ ตอนที่เห็นอีกคนเงียบไป มันยกมือโบกไหวๆแล้วยิ้มกว้างขึ้น
“ ไม่มีเลย ครอบครัวกูอบอุ่นมากๆ มากกว่าบางครอบครัวที่เค้ามีกันครบๆอีก “

“ ก็ดีแล้ว “ ผมดีใจที่ได้ยินอย่างงั้น แต่ก็ยังมีเรื่องที่อยากจะรู้อยู่ เมดมองตาผมมันยิ้มเหมือนรู้อยู่แล้วว่าผมอยากจะรู้อะไร

“ แม่แท้ๆกูเสียแล้วน่ะ เสียตั้งแต่กูสามขวบได้มั้ง แล้วพอกูสักหกขวบพ่อกูก็แต่งงานใหม่กับแม่ของวิว ตอนนั้นวิวมันก็แค่สามสี่ขวบเอง เลยกลายเป็นว่าเราสนิทกันมากเพราะต่างคนต่างก็ไม่มีเพื่อนเล่น สนิทกันเหมือนพี่น้องแท้ๆเลยนะ “

“ อื้ม “ ผมพยักหน้ารับรอยยิ้มของอีกคนที่เล่าเรื่องครอบครัวตัวเองให้ผมฟัง

“ สมัยเด็กๆตอนตรุษจีนเด็กบางคนจะต้องให้ซองอั่งเปาใช่มั้ย แต่เพราะบ้านกูไม่ใช่ลูกคนจีน “

“ เอาจริงดิ “ ผมขัดมัน คือถ้าดูจากหน้าก็คิดว่าน่าจะลูกคนจีนไง เหมือนพื้นเพอยู่เยาวราชอะไรทำนองนั้น
“ มึงจะบอกว่ากูไม่มีตาใช่มั้ยไอ้สัด “ ถามแบบหาเรื่องผมก็หลุดขำ

“ ขี้ยั๊วะซะจริง  แล้วยังไงต่อ “

“ ก็บ้านกูไม่มีตรุษจีน ก็เลยไม่มีอั่งเปาให้เด็กๆ วิวมันก็อยากได้มากเลยนะอยากเหมือนเพื่อน กูเลยมีหน้าที่ใส่อั่งเอาให้มันทุกปีเลย “

“ ใส่ให้เท่าไหร่ “

“ 20 บาท “ ชู้สองนิ้วประกอบคำตอบของตัวเองด้วยท่าทางภูมิใจ  ผมที่กลั้นยิ้มไว้ เหมือนจะไม่ค่อยไหวเลย.. มึงน่ารักเกินแล้วรึเปล่าวะเมด

“ ตั้ง 20 บาท “ ผมแซว

“ เยอะแล้วนะสัด สมัยก่อนกูมีตังค์ที่ไหนละ “

“ สมัยนี้ก็ยังติดหนี้กูอยู่ “

“ เออนั่นแหละ “ มันว่าติดงอนๆ แต่ก็ยังเล่าต่อ “ แล้วก็นะตอนเด็กๆ กูกับวิวจะมีของทุกอย่างเหมือนกันหมดเลย จานแบบเดียวกัน ช้อนแบบเดียวกันขนาดเวลาไปซื้อของปั่นของข้างนอก ยังบอกให้พี่คนขายใส่หลอดสีเดียวกันเลย “ พยักหน้ารับยิ้มๆ “ แล้วมึงอะ มีความทรงจำอะไรกับน้องเดย์บ้าง “

“ ไม่มี “ ผมตอบสั้นๆ “ กูไม่มีความทรงจำอะไรดีๆ กับไอ้เหี้ยนั่นทั้งนั้น “

“ ตอแหละ น้องเดย์ออกจะน่ารัก “

“ คงกับแค่มึง กับสาวๆที่มันจะเอาด้วย “

“ ก็ว่าน้อง “ เมดขมวดคิ้วเหมือนดุผมผ่านสีหน้าของมัน

“ กูกับเดย์เหรอวะ “ ผมทำท่าคิด “ เดย์มันเป็นลูกรักของแม่กู มันเป็นเด็กขี้อ้อน ช่างพูด ไม่เหมือนกูที่ออกจะเงียบไปหน่อย แม่รักไอ้เดย์มาก เมื่อก่อนไอ้เชี้ยนั่นทำเหี้ยอะไรก็ไม่เคยผิด กูผิดตลอด จำได้ว่าเคยจับมันนั่งจักรยานตอนนั้นมันเพิ่งสามขวบมั้ง กูก็ห้าขวบ ตอนปั่นๆอยู่ไอ้สัดเสือกยกมือขึ้นดีใจแฮปปี้ได้นั่งท้ายจักรยานกู ทั้งๆที่กูบอกให้จับเสื้อกูดีๆ สุดท้ายแม่งล้มกลิ้ง แม่ตีกูตั้งหลายทีเพราะมันเสือกหัวแตก “

“ ฮ่าๆ “  อีกคนหลุดหัวเราะ “ โคตรสมเป็นพวกมึงเลยว่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ “

“ ยังมีอีกนะ เมื่อก่อนแม่งมองกูเป็นฮีโร่ ซ่อมเหี้ยอะไรก็ได้ เล่นเกมส์โคตรเก่ง แถมยังใจดียกของเล่นให้มันประจำทั้งๆที่มันไม่รู้หรอกว่าแม่บังคับกูทั้งนั้น ไม่ได้อยากให้เลยสัด แม่ชอบบอกอาฟให้น้องเล่นด้วยสิ สุดท้ายของเล่นกูพังที่มือมันทุกทีไอ้สัด “ ผมยกยิ้มตอนที่คิดถึงช่วงเวลานั้น “ ไอ้เดย์ตอนนั้น ชอบพูดว่า พี่อาฟสุดยอด พี่อาฟของน้องเดย์เจ๋งที่สุด “

“ ตอนนี้อะ “

“ กูก็เป็นไอ้สัดพี่ของมันไง “

“ ฮ่าๆ “ เมดหัวเราะออกมาเสียงดัง “ กูว่ามึงสองคนเป็นพี่น้องที่รักกันจะตาย แค่เพราะมึงทั้งคู่ไม่ใช่คนหวานไง เลยไมได้แสดงออกอะไรกันเหมือนตอนเด็กๆ “

“ คงงั้น “ ผมคิดอย่างที่อีกคนบอกอยู่เหมือนกัน ทุกวันนี้ไม่มีผมใช้อะไรก็มีแค่ไอ้เดย์คนเดียวที่สั่งแล้วไว้ใจได้ที่สุด เป็นคำสั่งที่ไม่ว่าจะสั่งอะไรไปจะได้ออกมาตามสเป็กที่คิดทุกอย่าง เหมือนมันรู้อยู่แล้วว่าผมชอบอะไรแล้วทำออกมาให้เป็นแบบไหนจะถูกใจสัดพี่ของมันอย่างผมที่สุด   “ แล้วพ่อมึงทำอาชีพอะไร “

“ รับราชการเป็นคุณครู ตอนนี้เป็นผ.อ แต่ก็ใกล้เกษียณแล้วละ แม่เล็กก็ด้วย “ มันบอกก่อนจะอธิบายเพิ่ม “ กูเรียกแม่ของวิวว่าแม่เล็ก เพราะกูเรียกแม่แท้ๆกูว่า แม่ใหญ่ ฮ่าๆ “ เมดหัวเราะ “ แล้วมึงละ พ่อแม่มึงทำอะไร “

“ พ่อเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหา ส่วนแม่ก็ทำบัญชีให้พ่ออีกที “ หลุดยิ้มออกมาตอนที่พูดถึงคุณนายของบ้านตัวเองที่วันๆนอกจากจะส่งอรุณสวัสดิ์ตอนเช้ามาให้ผมด้วยรูปดอกไม้สีสวยๆ ที่เหลือก็ไม่พ้นนั่งทำบัญชี ดูทีวีแล้วก็ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง เหงามากหน่อยก็โทรตามให้ผมกับไอ้เดย์กลับไปบ้าน

“ แล้วพ่อมึงทำธุรกิจอสังหาแบบไหนวะ “

“ มีคอนโด  บ้าน ที่ดิน แล้วก็ตึกทั้งแบบให้เช่าแล้วก็ขาย อะไรทำนองนั้น “ พยักหน้ารับเข้าใจ ผมก็ถามต่อ “ แล้วมึงเรียนคณะอะไร “

“ บัญชีไง “ เมดตอบยิ้มๆ “ มึงถามเหมือนไม่รู้ ก็ไปส่งกูอยู่ทุกวันไอ้บ้า “

“ แล้วเกิดวันที่เท่าไหร่ “

“ วันที่เก้า เดือนสิงหา มึงอะ “ อีกคนว่าพลางหยิบมือถือขึ้นมา

“ เดือนสิงหา วันที่ยี่สิบห้า “

“ เอาจริงดิ เราเกิดเดือนเดียวกันเลย “ รอยยิ้มกว้างที่ยิ้มให้ผมมันดูตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยที่ได้ยินแบบนั้น เมดก้มหน้าลงกับหน้าจอมือถือมันกดยุกยิกอยู่นาน

“ ทำอะไร “

“ บันทึกไว้ไงว่ามึงเกิดวันที่เท่าไหร่ จะได้อวยพรวันเกิดแล้วก็ซื้อของขวัญให้ถูกวัน “

“ พูดไว้แล้วนะว่าจะซื้อให้ “ ผมย้ำ มันก็มองหน้าเหมือนจะล้อ

“ มึงเป็นคนประเภทอยากได้ของขวัญเหรอวะ “

“ เปล่า “ ผมตอบไปตามความจริง “ กูอยากได้จากบางคนที่คิดว่าเค้าสำคัญเท่านั้น “

“ งั้นเหรอ “ ยกยิ้มให้คนแก้มแดงที่ทำทีเป็นหันไปมองทางอื่น ผมย้ำ

“ มึงซื้อให้ด้วยนะ “

“ รู้แล้วน่า ให้มันถึงก่อนเถอะ มึงเองก็อย่าลืมวันเกิดกูก็แล้วกัน “

“ เป็นคนอยากได้ของขวัญเหมือนกันเหรอไง “

“ เปล่า “ เมดส่ายหน้าไปมา ตอนนั้นมันสบตาผม “ เหตุผลเดียวกับมึงอะ “

“ ร้าย “ ผมบอกอีกคนตอนที่ตัวเองยิ้มกว้างออกมา ส่วนอีกฝ่ายที่กลั้นยิ้มอยู่นั้นเมดยักคิ้วให้ผมที่ก็คิดอยู่ในใจ ‘ ฝากไว้ก่อนเถอะมึง‘

คำถามที่ขาดช่วงลงทุกอย่างมันเงียบไปสักพัก แต่กลับไม่ใช่ความเงียบที่น่าอึดอัดอะไร ในสมองของผมที่กำลังคิดถึงคำถามในตัวอีกคน มันมีหลายอย่างที่ผมยังอยากรู้ แต่ไม่รู้ว่าจะเรียงลำดับคำถามไหนขึ้นมาก่อนจนอีกฝ่ายที่ยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยถามขึ้นมา

“ แล้วมึงมีเพื่อนสนิทกี่คน “

“ สอง “ ผมตอบ “ ไอ้เจคนนึง รู้จักกันมาตั้งแต่อนุบาล “

“ นานขนาดนั้นเลย “ อีกคนว่าอึ้งๆก่อนจะคิดตาม “ แต่ก็ไม่แปลก เจก็ดูรู้ใจมึงทุกอย่างจริงๆนั่นแหละ แล้วอีกคนอะ “

“ อีกคน.. “ อยากจะตอบออกไปว่าไอ้เอมแต่ถ้าบอก อีกคนก็ต้องรู้แน่นอนสำหรับเรื่องราวในอดีตของผมที่ไม่อยากจะให้มันรู้ “ ไว้เจอหน้าแล้วจะแนะนำให้รู้จักทีเดียว “

“ อื้ม “ ยกคิ้วขึ้นเหมือนสงสัยว่าทำไมไม่บอกกันเลยแต่อีกคนก็หยุดความสงสัยนั่นไว้ เมดพยักหน้ารับ

“ แล้วมึง ? “

“ ก็จิงกับยีนส์นั่นแหละ “ อีกคนว่ายิ้มๆ “ แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่แล้วละ ตอนนี้กูมีวิวเป็นเพื่อน ก็เป็นทั้งน้องทั้งเพื่อนเลย มีมึงด้วยนะ “

“ ถามกูยังว่าอยากจะเป็นเพื่อนกับมึงรึเปล่า “ ผมถามอีกคนก็แบะปากใส่ มันหันไปอีกทางก่อนถามเรื่องที่ตัวเองเหมือนคิดขึ้นมาได้ว่าอยากรู้อยู่มาก

 “ แล้วรักครั้งแรกของมึงเป็นยังไงเหรอ “

“ รักครั้งแรก “ หันไปขมวดคิ้วกับคำถามของมัน ผมก็นึก

“ อะไรคือความหมายของรักครั้งแรกวะ “

“ ก็..” อีกคนนิ่งไปเพื่อคิดคำอธิบาย “ มันคงประมานว่า เป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกดีกับใครอีกคนแบบพิเศษละมั้ง “

“ มึงมองว่ารักครั้งแรกเป็นแบบนั้นเหรอ “

“ แล้วมึงมองว่าเป็นยังไง “ อีกคนถามผมก็หันไปมองหน้ามัน มันมีคำตอบที่ผมอยากจะตอบออกไปอยู่ ตอนที่ได้แต่จ้องมองสายตาเรียวคู่นั้น ‘ กูมองว่ารักครั้งแรกของกูคือมึง คนที่ทำให้กูรู้สึกมีความสุขยิ่งกว่าใครตอนที่ได้เจอเป็นครั้งแรก และเช่นกันมึงคือคนที่ทำให้กูเจ็บปวดยิ่งกว่าใครเป็นครั้งแรก ’

“ มองว่ามันคือ ใครสักคนที่ทำให้เรารู้จักความรัก ที่เป็นทั้งความสุขแล้วก็ความเจ็บปวด นั่นแหละรักครั้งแรก “

“ มึงพูดเหมือนรักครั้งแรกของมึง มึงโดนหักอกอย่างงั้นอะ “

“ คงทำนองนั้น แต่ก็ไม่ถึงขนาดนั้นทีเดียว “ ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่าจะเรียกได้แบบนั้น อาการอกหักเกิดจากการคบกันแล้วและทิ้งกันไปในความรู้สึกผม แต่คนที่ยังไม่คบ แค่ชอบแล้วส่งนมให้เพื่อจีบแถมยังไม่บอกว่าเป็นใครและสุดท้ายก็โดนตัดหน้าไป ไม่น่าเรียกได้ว่า อกหักหรอก อาจจะแค่เรียกว่า โดนหมามันคาบไปแดก

“ หมายความว่าไงวะ “ อีกคนเอียงหน้าถามด้วยใบหน้ายิ้มๆที่เหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจ

“ เป็นแค่การแอบรักที่ไม่สมหวัง “

“ เชี้ย โคตรน่าเหลือเชื่อเลย คนอย่างมึงนี่อะนะ เคยแอบรักใครด้วยเหรอวะ “ เมดพูดออกมาด้วยความรู้สึกที่ดูน่าเหลือเชื่อจริงๆ แววตาของมันดูตกใจแล้วตอนที่ผมหันไปเหล่มองอีกคนก็แค่ยิ้มแห้งๆออกมา “ ก็มันจริงนี่หว่า ปกติเห็นแต่ผู้หญิงวิ่งเข้ามาหามึง ขอมานั่งใกล้มึง ขอมานอนกับมึง ใครจะไปรู้ว่าคนฮอตๆที่ใครๆหมายปองจะเคยมีโมเม้นท์แอบรักกับเค้าด้วย “

“ ขนาดนั้นเลย “ คนโดนถามพยักหน้ารับแบบจริงจัง

“ แล้วหน้าตาเค้าเป็นยังไงคนที่มึงเคยแอบชอบ “ สายตาจริงจังที่หันมาถามผมก็หันไปมอง พิจารณารูปหน้าของอีกคนเพื่อตอบคำถามนั้นแต่ก็ต้องหลุดยิ้มออกมาก่อนตอนที่สมองได้คำจำกัดความสั้นๆ

“ น่ารัก “

“ มึงหมายถึงคนที่มึงเคยแอบชอบสินะ “ ผมพยักหน้ารับกับอีกคนที่อยู่ๆใบหน้านั่นก็ซับสีแดงขึ้นมากะทันหัน แต่ทว่าสายตาของผมกลับไม่ได้ผละออกไปไหนจากใบหน้านั่นเลย ก็ยังคงจ้องมองอยู่แบบนั้น เหมือนอย่างที่บอกผมกำลังมองใบหน้าของคนที่เป็นรักครั้งแรกของตัวเองอยู่ และมองเพื่อตอบคำถามนี้กับเค้าคนนั้น “ แล้วยังไง น่ารักแล้วยังไงต่อ “

“ ก็..ตาเค้าเรียวๆ แต่เวลาเค้ายิ้มมันจะเป็นขีดจนเหมือนว่าเค้ากำลังหลับตา แล้วก็ตรงนี้ “ ผมชี้ที่โหนกแก้มตัวเองเพื่อบอกตำแหน่งให้คนฟังเข้าใจ “ แก้มตรงนี้มันจะแดงแล้วก็กลมเป็นก้อนเวลาที่เค้ายิ้มกว้าง เป็นคนตัวขาว แล้วก็สูง นิสัยก็เหมือนเด็กๆ “

“ ท่าทางเค้าจะดูหมวยๆนะ “ ผมพิจารณาใบหน้าของคนตรงหน้าอีกครั้งก่อนจะยิ้มแล้วพยักหน้ารับ

“ ก็หมวยอยู่นะ “

“ ส่วนของกูมึงก็คงรู้อยู่แล้วละเนอะ “ ยักคิ้วให้มัน เมดก็เงียบไปอีกครั้ง จริงๆมันก็เราทั้งคู่นั่นแหละที่เงียบไป ผมที่เอาแต่มองอีกคน ส่วนเมดก็หันไปมองอีกฝั่งมันที่ยิ้มจางๆอยู่แบบนั้น

“ เมด มึงว่าเรารู้จักกันดีพอรึยังวะ “ เอ่ยถามอีกคนที่หันมามอง เราที่สบตานั้น “ กูจะได้ขอมึงเป็นแฟนสักที “

“ หมายถึงกูเหรอ “ มันชี้นิ้วเข้าหาตัวเองก่อนจะชะงักแล้วเงียบไป เมดเหลือบไปมองทางอื่นมันคงลืมไปแล้วสำหรับเรื่องพวกนี้ ความตื่นเต้นที่เหมือนคลื่นโหมซัดมันแบบไม่ทันตั้งตัว ตกประหม่าถึงขั้นแลบลิ้นตัวเองออกมาเลียริมฝีปากที่รู้สึกแห้งขึ้นมากะทันหัน มือที่จับอยู่ที่ระเบียงมันกำมือของตัวเองแน่นราวกับระบายความรู้สึกที่จู่ๆก็ปั่นป่วนขึ้นมาของตัวเอง

“ ก็ยืนอยู่กับมึงสองคน “ ถึงจะเป็นคำพูดนิ่งๆแต่ในใจของผมมันกับสั่น ลำคอที่แห้งจนต้องกลืนน้ำลายซ้ำกันหลายๆครั้ง สีหน้าที่ไม่ได้แสดงอาการเคอะเขินอะไรแต่ข้างในมันร้อนไปหมดราวกับเลือดทั่วร่างมันกำลังแล่นไปมาด้วยความเร็วอยู่ภายในแบบไม่มีหยุด

“ ทำไมถึงเป็นกูวะ “ เมดเม้มริมฝีปากแน่นตอนที่ถามออกมา มันที่ยังคงมองไปที่อื่น “ ก็..ก็ไหนตอนแรกบอกกูน่ารำคาญ “

“ ตอนนี้ก็ยังน่ารำคาญนะ “ มันหันมามองหน้าผมตอนที่พูดแบบนั้นอีกฝ่ายขมวดคิ้ว แต่ผมกลับยกยิ้ม “ เป็นเหี้ยอะไรก็ไม่รู้ พอนั่งนิ่งๆก็เอาแต่คิดถึงแฟนเก่าแล้วก็ร้องไห้ ปลอบยังไง หาวิธีให้หายเศร้ายังไง สุดท้ายก็ร้องไห้อยู่ดี น่ารำคาญชิบหาย. “ เว้นเสียงไปตอนที่ยักคิ้วให้อีกคน “ แต่รู้มั้ย ถึงเป็นแบบนั้นกูก็ยังอยากจะให้มึงมานั่งน่ารำคาญอยู่ข้างๆกูในรถนะ กูอยากให้เป็นมึง คนที่จะได้ไปกินข้าวด้วยกันกับกูทุกวัน กูที่แค่อยากหันมาเห็นหน้ามึงคนที่กูบอกว่าน่ารำคาญสัดๆตอนที่รถมันติดไฟแดง อยากเงยหน้าขึ้นมามองมึงที่นั่งกินข้าวอยู่ตรงข้ามกันเวลากูกินข้าว กูอยากเป็นคนที่อยู่ข้างๆมึง แล้วก็อยากจะให้มึงเป็นคนที่อยู่ข้างกู  ก็แค่ไม่อยากให้มึงหายไปไหนอีก กูรู้สึกแบบนี้ มันพอจะเป็นเหตุผลได้เปล่าวะ “ 

“ ก็ได้อยู่ แต่จะไม่เร็วไปหน่อยเหรอวะ “ อีกคนพูดก่อนจะก้มหน้าลง เมดแก้มแดงจัดแต่ถึงอย่างงั้นผมก็เห็นสายตาที่แอบกังวลของมัน

“ แต่สำหรับกูมันช้าไปนะ “ ผมบอกอีกคนที่หันมามองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจ

“ กูเพิ่งเลิกกับแฟนนะอาฟ อีกอย่างเรายังไม่รู้จักกันดีพอเลย “

 “ มึงชื่อ มิณทร์  มิณทร์ที่สะกดด้วย มอม้า สระอิ นอเณร ทอทะหาร รอเรือ การันต์ เกิดวันที่เก้าสิงหาคม พ่อเป็นคุณครูตำแหน่งผ.อ.ที่กำลังเกษียณ แม่แท้ๆตายแล้ว มีแต่แม่เลี้ยงที่มึงเรียกว่าแม่เล็กมีน้องต่างแม่คนนึง ชื่อวิว ตอนเด็กๆให้อั่งเปาน้องยี่สิบบาท ใช้ของเหมือนน้องแม้แต่หลอดดูดในน้ำปั่นก็ต้องสีเดียวกัน

ตอนนี้มึงเรียนอยู่คณะบัญชีปีสี่ ไม่มีเพื่อนสนิท ทำงานอยู่ผับ throw up ตำแหน่งบัญชี  จัดซื้อ แล้วก็เป็นเลขาของกู ก่อนนอนจะชอบทาแป้งเด็ก มึงชอบกลิ่น ของมันเพราะจะทำให้หลับสบาย มึงแพ้ง่าย ใช้ได้แต่ของเด็ก เป็นคนรักษาความสะอาด ขับรถ civic สีขาว ป้ายทะเบียน กข 8723 “

“ มึงแม่ง.. “ อีกคนว่ายิ้มๆเพราะคิดไม่ถึงว่าผมจะพูดอะไรแบบนั้นออกมา “ นี่ที่เรียกกูมาคุยเพราะจะเอามาตอบคำถามนี้ของกูโดยเฉพาะเลยถูกมั้ย “

“ ทำความรู้จักกันไง “ เมดถอนหายใจออกมา มันที่เม้มริมฝีปากตัวเองตอนที่มองใบหน้าของผม ในแววตานั้นผมรู้สึกถึงความไม่มั่นใจของอีกคน

ผมก็เหมือนคนที่นั่งรอมันอยู่ในเรือ เรือที่ไม่ได้สวยงาม ออกจะเป็นเรือเก่าเพราะเราก็ไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบด้วยกันทั้งคู่ ตัวผมที่กำลังยื่นมือไปหาไป เชิญชวนมันลงเรือลำนี้เพื่อท่องออกไปในมหาสมุทรที่ชื่อว่าความรัก เมดที่เคยเปียกปอนเพราะเพิ่งผ่านการลอยคอในน้ำจากเรือลำเก่าที่อับปางลง เสื้อของมันกำลังแห้ง และตอนนี้ก็ลังเลเหลือเกินเพราะไม่อยากจะเปียกอีกครั้ง 

“ มันจะโอเคเหรอวะอาฟ “

“ อะไรที่มึงคิดว่ามันจะไม่โอเค “

“ มึงเตี้ยกว่ากูนะ บางทีก็ดูตัวเล็กกว่ากูด้วย เราที่เดินข้างกัน มันจะดูเหมาะสมกันเหรอวะ “

“ ความรักของมึงคืออะไรวะ “ ผมเอ่ยถามมันตอนที่รู้ถึงความลังเลที่อีกคนคิด

น่าเสียใจอยู่เหมือนกันที่มันไม่ใช่ความลังเลที่มาจากการกระทำที่สามารถบอก หรือแสดงออกให้มั่นใจได้ แต่มันกลับเป็นรูปร่าง ที่ผมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้

“ ความรักของกู..”

“ คือความเหมาะสมของรูปร่างภายนอกเหรอ ? ความรักของมึงคือสายตาของคนอื่นที่ไม่รู้จักมึง ไม่รู้จักกู ตอนที่มองมาที่เรา ตัดสินเราว่าเป็นยังไงทั้งๆที่ไม่ได้รู้จักเรา หรือว่าความรักของมึงคือความเหมาะสมในความคิดของคนอื่นก็แค่นั้น ความรักของมึงเป็นอย่างงั้นเหรอ “

“ ก็ไม่ใช่อย่างงั้น “ มันส่ายหน้าก่อนจะโบกมือด้วยท่าทางตกใจ “ กูแค่รู้สึกว่ามึงน่าจะแคร์เรื่องแบบนั้น หมายถึงรูปร่างหน้าตา มึงอาจจะอยากได้คนที่เหมาะสมกับมึง “ 

“ มึงคิดผิดแล้ว “ ผมบอกด้วยสายตาจริงจัง “ สำหรับกูความรักไม่ใช่เรื่องรูปร่างภายนอก แต่มันคือการที่กูจะยอมใส่เสื้อตัวใหญ่เพื่อให้ตัวเองดูตัวใหญ่เท่าๆกับมึง ถ้ามึงซีเรียสเรื่องรูปร่างเวลาเดินกับกู  และมันก็คือการที่กูจะยอมใส่รองเท้าผ้าใบที่มันมีส้นหนาๆไปตลอดเพื่อให้สูงได้เท่ามึงถ้ามึงอยากได้แฟนที่สูงเท่ามึง “

“ อาฟ..”

“ แล้วตอนนี้มันก็เหลือแค่มึงแล้วเมด มึงจะยอมทิ้งรองเท้าผ้าใบแบบส้นหนาๆมาใส่แค่รองเท้าผ้าใบส้นเตี้ยเพื่อให้เราทั้งคู่สูงเท่ากัน แล้วเดินจับมือไปกับกูรึเปล่า “  ทุกอย่างเงียบไปนาน ในแววตาเรียวของเมดที่กำลังมองผม “ ความรักของกูมันเป็นแบบนั้น ”

   เป็นแบบที่จะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองในสิ่งที่อีกคนไม่ชอบ เปลี่ยนเพื่อให้ตัวเองได้เดินอยู่ใกล้ๆกันไปตลอด ความรักของผมเป็นแบบที่ เราอาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบก็จริงอยู่ แต่เราจะเติมเต็มให้ได้มากที่สุดในแบบของเรา

ลมหายใจที่ผ่อนออกมาช้าๆยอมรับว่าตื่นเต้นกับคำตอบของคนตรงหน้าผมก้มหน้าลงต่ำ เมดเม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่นมันนิ่งไปอยู่นาน ผมไม่รู้ว่ามันกำลังคิดอะไร แต่ทว่าในตอนที่เงยหน้าขึ้นมาแล้วสบสายตากับผมนั้น ทุกอย่างก็ได้บอกคำตอบกับผมทั้งหมดแล้ว

มันก็เหมือนกับหลายปีก่อนตอนที่อีกคนได้รับนมช็อกโกเล็ตที่ผมฝากไป รอยยิ้มกว้างที่ชวนให้แววตาเรียวนั้นกลายเป็นขีด แก้มแดงๆที่กำลังบอกถึงความรู้สึกเขินอายเสียมากมาย ต่างกันก็ตรงที่ว่าวันนี้ผมไม่ได้แอบมองมันอีกแล้ว แต่กลับจ้องมองอีกคนตรงๆ ด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่ไม่ปิดบัง

“ อื้ม ตกลง “ อีกคนว่า “ กูจะยอมใส่รองเท้าผ้าใบส้นเตี้ยเพื่อเดินไปกับมึง “

ยิ้มกว้างของผมห้ามไว้ไม่อยู่ ทั้งๆที่คิดไว้ว่าจะปั้นหน้านิ่งเท่ห์ๆสำหรับความทรงจำครั้งนี้ของเรา แต่ทุกอย่างกลับพังไม่เป็นท่าเพราะความสุขที่ทะลักอกออกมาอย่างห้ามไว้ไม่อยู่ ผมยิ้มแบบที่ไม่เคยยิ้ม

ดึงตัวเองที่กำลังยืนพิงระเบียงอยู่นั้นขึ้นเต็มความสูง ขยับตัวไปยืนใกล้อีกคนที่กำลังจ้องมองผมด้วยสายตาสั่นไหวเพราะความตื่นเต้น แต่ผมก็ไม่ต่างกัน ราวกับกลองใบใหญ่ๆถูกตีอย่างบ้าคลั่งในอก ตีจนรู้สึกเจ็บไปหมด

“ เมด “

ผมก้มหน้าเอียงองศาเข้าไปใกล้อีกคนที่เบิกตาเรียวขึ้นเล็กน้อยตอนที่เห็นผมชัดขึ้นในระยะประชิด เมดชะงักไปด้านหลัง เหมือนจะขัดขืนผมที่กำลังจะจูบมันในช่วงเวลาที่แสนวิเศษแบบนี้

“ ไม่เร็วไปหน่อยเหรอวะ “ มันถามแต่ตอนนั้นผมก็แค่ยกยิ้ม

“ อดใจไม่ไหวแล้ว “

จูบลงบบริมฝีปากนิ่มอย่างเบาแรง เป็นครั้งแรกที่เราจูบกันจากความตั้งใจของกันและกันไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นจากความต้องการของผมเพียงฝ่ายเดียว เผลอยิ้มออกมาตอนที่จูบย้ำลงไปบนริมฝีปากนั้น ดูดดึงเบาๆอยู่กับความนุ่มนวลที่ไร้การเชื้อเชิญใดแต่กลับให้หยุดทำแค่นี้ไม่ได้

ออกแรงเม้มมันแรงขึ้นอีกสักนิด ผมไม่อยากทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี จูบแรกก็เหมือนกับเซ็กส์ครั้งแรก เป็นอะไรที่ต้องทำให้พึงพอใจได้ทั้งสองฝ่าย เผยอปากส่งลิ้นชื้นเข้ามาสอดเกี่ยวกอดกับสิ่งเดียวกันของอีกคน เมดตอบรับมันอย่างดีเป็นจังหวะไม่ได้ดูเร่งเร้าเชี่ยวชาญอะไรแต่ก็ไม่ได้เชื่องช้าจนไร้เดียงสา

เสียงหยาดน้ำลายของจูบที่กำลังดูดดื่มก้องไปทั้งโสตประสาทของเรา ดังยิ่งกว่าเพลงข้างล่างที่ถูกเปิดอยู่ในผับ หรือบางทีอาจเพราะผมกำลังจดจ้องกับคนตรงหน้าที่มีความสุขก็ไม่ทราบได้

สองแขนเอื้อมไปกอดเอวของอีกคนไว้ ไม่ต่างอะไรกับร่างเพรียวที่ปล่อยมือตัวเองจากขอบระเบียงมาจับไว้ที่อกของผมเช่นกัน เราผละออกจากกันเพียงครู่เพราะรู้สึกถึงลมหายใจที่กำลังหมดลง เผลอกัดปากตัวเองตอนที่เห็นริมฝีปากของอีกฝ่ายนั่นเจ่อขึ้นเล็กน้อย ยกยิ้มเล็กๆกับผลงานตัวเองก่อนจะก้มลงไปจูบมันอีกครั้ง และคราวนี้จังหวะของเราก็เริ่มเปลี่ยนไป จูบที่ดูดดื่มมากขึ้นกว่าเมื่อครู่ราวกับแนวเพลงที่เปลี่ยนไปเป็นอีกแบบ

เมื่อก่อนผมเคยคิดว่ารสจูบนั่นหวาน เหมือนกับในหนังสือที่เคยอ่าน แต่พอได้ลองของจริงทุกอย่างมันกลับต่างกันไปหมด จูบไม่ได้มีรสหวาน มันไร้รสชาติและออกจะเปล่งๆด้วยซ้ำไป แต่ถึงอย่างงั้นไม่ว่าใครก็ยังคงบอกว่าจูบนั้นมีรสหวาน และตัวผมก็ไม่เคยเข้าใจเลยจนกระทั่งตอนนี้  ตอนที่กำลังจูบกับคนที่อยู่ในอ้อมกอด

มันก็ยังเป็นจูบที่ไม่ได้มีรสหวานนั่นแหละ แต่ทว่าในความรู้สึกตอนนี้มันกลับหวานล้ำยิ่งกว่ารสหวานใดๆที่เคยชิม กลิ่นแป้งที่ชวนให้สูดลมและหลงใหล ทุกอย่างมันรู้สึกหวานไปหมด หวานอยู่ในหัวใจที่พองโตและเต้นแรงอยู่ในอกของผม

“ อื้อ..” ผละริมฝีปากออกมาตอนที่ได้ยินเสียงเบาๆของอีกฝ่ายร้องประท้วง เพลิดเพลินกับจูบแรกนานไปแล้วถ้าพูดได้เจ้าริมฝีปากแหลมๆที่กำลังเจ่อเล็กน้อยของอีกคนคงพูดกับผมแบบนั้น แต่ตอนนี้ก็ดูเหมือนเมดที่เม้มริมฝีปากพลางมองมาทางผมด้วยสายตาคาดโทษกำลังทำแบบนั้นอยู่

ยิ้มกว้างก่อนจะยักคิ้วตอบรับมันไปแบบไม่รู้สึกผิดอะไรทั้งสิ้น ถ้าย้อนกลับไปได้เมื่อหลายนาทีก่อน แน่นอนว่าจะยังทำเหมือนเดิม แต่ถ้าบอกคงยิ่งทำให้อีกคนหน้าตางอง้ำยิ่งหว่าเก่า

“ มึงแม่ง “ มันว่าแค่นั้นก่อนจะขยับตัวเองออกห่างไปจากตัวผม คลายอ้อมกอดที่กอดเอวมันอยู่ในขณะนี้ลง เราทั้งคู่ต่างมองไปทางอื่นโดยที่ไม่ได้หันมามองกันเลยสักนิด ตอนนี้คงมีเพียงแค่แก้มแดงๆที่บอกถึงความรู้สึกของอีกคน ส่วนผมก็มีแค่หูที่ไม่ว่าจะดึงยังไงก็ไม่ทำให้หยุดแดงเสียที

“ วันนี้มันวันที่เท่าไหร่วะ “  เอ่ยถามมันออกไปสั้นๆ เมดก็ถามกลับ

“ ถามทำไม “

“ ก็วันนี้ในปีหน้า มันจะได้เป็นวันพิเศษไง “ ต่างฝ่ายที่ต่างก็ยิ้มให้กันกับวิวทิวทัศน์ที่ไม่มีอะไรเลยตรงหน้า แต่ทว่ามันกลับสวยกว่าทุกวัน

“ ก็จริงของมึง “

.....................................................................

ยิ้มหวาน...ในที่สุดเนอะคะ ในที่สุดดดดดดดดด
ต้องมีคนแซวแน่เลยว่าพี่อาฟจูบเมดเร็วไปมั้ย
คำตอบจากใจคนเขียนคือ ..ไม่เร็วนะคะ ถ้าอ่านจากตอนที่แล้วเรียงลำดับลงมา ตามนิสัยพี่แกด้วย.. นี่แหละ พี่อาฟเลย #หน้าร้อนที่ไม่ใช่ฤดู
เรื่องราวความรักของทั้งคู่จะเป็นยังไง ชิ้นส่วนชีวิตที่ค่อนข้างเว้าแหว่งจะเติมกันให้เต็มได้อย่างไร ตอนหน้าเป็นต้นไปนะคะ
ฝากแท็ก #ผับชั้นสาม ในทวิตด้วยนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์ 
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
เขาเป็นแฟนกันแล้ว เขาจูบกันแล้ว  :mc4: :impress2:

อ่านซ้ำวนไปมา ชอบอาฟมากกกกกกกกกกกกกก   รอตอนต่อไปอย่างจดจ่อ

เป็นแฟนกันแล้วจะเป็นยังไงต่อ  :3123:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ uyong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
อย่างนี้ต้องฉลองงงงเค้าเป็นแฟนกันแล้วววว :L1: o13

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1087
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ในที่เขาสองคนก็เป็นแฟนกันแล้ว ฟิน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Yes!!! ในที่สุด!!!
พวกเขาเป็นแฟนกันแล้วไม่พอ
พวกเขายังจูบกันอีก ปากเจ่อเลย 555
ขอให้ต่างเติมเต็มซึ่งกันและกันนะ
เอาใจช่วย มาม่าไม่เอาด้วยบอกเลยค่ะ
#AfterMade

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
เป็นแฟนกันแล้ววว อ๊ากกกกกก เขินนนน

ออฟไลน์ route rover

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +221/-7
ไวไฟทั้งคู่ 5555 เป็นแฟนกันแล้วจูบกันไปแล้ว  :mew1:

ออฟไลน์ ANIKI.

  • 兄貴
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
เมื่อไหร่เมดจะได้รู้ว่านมที่เคยได้มาจากอาฟน้อ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เป็นแฟนกันแล้ว แต่แอบงงนิด ๆ ตกลงเมดสูงกว่าอาฟเหรอ สูงกว่าเท่าไหร่ รูปร่างใกล้เคียงกัน หลงคิดว่าอาฟสูงกว่า รูปร่างหนากว่าเสียอีก  :hao4:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3066
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
อิจฉาตาร้อนกับคู่นี้มาก ลงเอยกันแล้ว :katai2-1:

ออฟไลน์ chaotic69

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ีพี่อาฟของน้องงง /จุดพลุฉลอง

ว่าแต่เมื่อไหร่เอมจะกลับมาน้าาา เมดจะได้รู้จักตัวจริงเจ้าของนมช็อคโกแลตสักที :impress2:

ออฟไลน์ ammchun

  • Don't Worry,Be Happy
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1389
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
คิดมาตลอดว่าอาฟสูงใหญ่กว่าเมด  เงิบเบาๆ :katai1:

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
น้ำตาจะไหลล โอ้ยย อิแม่ยกคนนี้ปริ่มมากค่ะ รอวันที่เอมมี่กลับเฉลย แฉมันให้หมด ไอ้บิน ยังไม่สะใจกับมันเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด