ღLike Daddy,Like Babyღ ⇝#แด๊ดดี้ครับ - Ch.24: The top secret[24-4-18]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ღLike Daddy,Like Babyღ ⇝#แด๊ดดี้ครับ - Ch.24: The top secret[24-4-18]  (อ่าน 34887 ครั้ง)

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Chapter 24: The top secret[1]

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่การเลิกเรียนแล้วรีบกลับมาบ้านนั้นมันจะทำให้กานต์มีความสุขมากขนาดนี้ ยิ่งถ้ากลับมาแล้วเจอออสตินอยู่ที่บ้านโดยที่ไม่ต้องรออีกฝ่ายเลิกงาน กานต์ก็ดูเหมือนจะยิ้มบ่อยเป็นพิเศษ

แค่เรื่องเล็กน้อย แต่ถ้ามันเกี่ยวกับออสตินแล้ว ไม่ว่าอะไรก็พิเศษทั้งนั้น

ไม่เว้นแม้แต่ออสตินที่ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะกลายเป็นคนติดบ้านได้ขนาดนี้ ปกติแล้วเวลาเลิกงาน เขามักจะไปนั่งดื่มที่บาร์ หรือไม่ก็ไปขับรถเล่นยามวิกาลเพื่อคลายเครียดจากงานที่รุมเร้า แต่ทว่าทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อมีเด็กหนุ่มคนนี้ก้าวเข้ามาในชีวิต

หมายถึงก้าวเข้ามาทั้งตัวและหัวใจ...

ทุกอย่างทั้งพิเศษ ทั้งวิเศษ มันดีไปหมด ดีจนบางครั้งออสตินก็นึกว่ามันคือความฝัน หลายครั้งที่เขาตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยความหวาดผวาเพราะกลัวว่าความสุขนี้จะหายไป แต่เมื่อเห็นกานต์นอนหลับอยู่ข้างกาย เขาถึงประจักษ์ว่าสิ่งที่ตนเห็นนั้น...คือของจริง

“วันนี้เราจะทำอะไรกินกันดีครับ ผมจะได้เตรียมของไว้”

กานต์ร้องถามเมื่อเห็นออสตินกลับมาถึงบ้าน เขานั่งรอออสตินอยู่พักหนึ่งแล้ว พอเห็นหน้าก็รีบร้องถาม เตรียมตัวจะไปเตรียมวัตถุดิบเพื่อมาทำอาหารเย็นด้วยกัน ทว่าคนถูกถามไม่ตอบ ก้าวเข้ามาใกล้แล้วรวบเอวเด็กหนุ่มไปแนบกับลำตัวตนเอง

“วันนี้เราจะไม่กินมื้อเย็นที่บ้าน”

“เห? จะพาผมไปกินอาหารนอกบ้านเหรอครับ”

เป็นอย่างนั้นแหละ ออสตินยิ้มให้เป็นคำตอบ ก่อนจรดริมฝีปากลงมาบนกลีบปากนุ่มทีหนึ่ง

“ฉันจะพาเธอไปดินเนอร์แบบที่ผู้ใหญ่เขาทำกัน”

“หมายถึงพาไปที่หรูๆ แพงๆ อย่างนั้นน่ะเหรอครับ”

ออสตินหัวเราะพลางพยักหน้า “ใช่ แบบนั้นแหละ ใต้แสงเทียนอะไรอย่างนั้น”

“แด๊ดดี้ก็เคยพาผมไปแล้วนี่นา”

กานต์จำได้ว่าครั้งหนึ่ง ออสตินเคยพาไปกินอาหารอิตาเลียน ความหรูหราที่ได้สัมผัสในครั้งนั้น เขาจำได้ดีเลยว่าทำให้เขาเกร็งไปทั้งตัวแค่ไหน

ทว่าออสตินกลับหัวเราะในลำคอน้อยๆ

“ฉันหมายถึงดินเนอร์กันแบบคู่รัก ไม่ใช่อย่างที่เราเคยเป็น”

ชายหนุ่มเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงสถานะนั้น...ใช่ พ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยง เขาไม่อยากพูดถึงมันอีกเพราะตอนนี้ความรู้สึกของเขามันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

กานต์เองก็เช่นกัน ได้ยินออสตินว่าอย่างนั้นแล้วก็ยิ้มกว้าง แสร้งร้องอ๋อยาวให้คนชวนได้ถามอีกครั้ง

“อยากไปหรือเปล่า”

“ผมเคยปฏิเสธแด๊ดดี้ด้วยเหรอครับ” คำตอบชัดเจนแล้วว่าไป ก่อนจะเอะใจขึ้นมา “แล้วผมต้องใส่สูทไหม”

ที่ถามอย่างนี้เป็นเพราะครั้งก่อนเขาใส่ไป ออสตินพยักหน้ารับ ก่อนจะกระซิบเสียงแผ่ว

“ฉันจะช่วยเธอแต่งตัวนะ”

น้ำเสียงอย่างนี้ การพูดแบบนี้ ถ้าขืนให้ช่วยแต่งตัวล่ะก็ มีหวังไม่ต้องได้ไปดินเนอร์กันพอดี

“ผมแต่งเองก็ได้ครับ เดี๋ยวก็ไปไม่ทันเวลาจองหรอก”

ที่บอกอย่างนี้เป็นเพราะพอจะเดาได้ว่าการที่ออสตินมาถาม เขาจะต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้วอย่างแน่นอน ซึ่งก็จริงเมื่อเขาตอบกลับมา

“ยังเหลือเวลาอยู่อีกสองชั่วโมง น่าจะไม่มีปัญหาอะไร”

แล้วกานต์จะปฏิเสธอะไรได้อีก ได้แต่ยิ้มรับขณะที่เสื้อยืดบนตัวเขากำลังถูกอีกฝ่ายดึงชายเสื้อขึ้นเพื่อถอดออก

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเผื่อเวลาช่วยผมแต่งตัว ‘จริงๆ’ ไว้มากหน่อยนะครับ อย่าเพลินจนลืมเวลาล่ะ”

ออสตินรู้แล้ว เขาจะตั้งนาฬิกาปลุกไว้ รับรองว่าไม่เกินเวลาแน่...แต่ต่อให้ไปสายนิดๆ หน่อยๆ เขาก็ไม่สนใจหรอก

ดินเนอร์ที่ภัตตาคารหรูที่จองไว้ไม่ได้ แล้วมันสำคัญอะไร เขาพากานต์ไปดินเนอร์ที่อื่นที่วิเศษกว่าก็ได้...บนเตียงในห้องนอนนี่ไงล่ะ

 

ภัตตาคารหรูของโรงแรมแห่งหนึ่งถูกเลือกเป็นสถานที่สร้างความทรงจำอันน่าประทับใจ กานต์ไม่เคยรู้มาก่อนว่าการ ‘เดต’ กันของผู้ใหญ่มันเป็นอย่างไร หรือคู่อื่นๆ เป็นแบบนี้หรือเปล่า ที่เขารู้ก็คือออสตินทำให้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าเขาเป็นคนพิเศษที่สุดในชีวิตของออสตินในค่ำคืนนี้

เด็กหนุ่มได้ทดลองดื่มไวน์เป็นครั้งแรก ต่อให้อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์พวกนี้ แต่เพราะอยากลอง และออสตินก็เห็นว่าไม่เป็นไรถ้าจะดื่มเนื่องจากมีเขาคอยดูแลใกล้ชิดอยู่ ดังนั้นกานต์จึงได้ลิ้มรสน้ำองุ่นหมักรสเฝื่อนและฝาด พร้อมกับบ่นพึมพำว่าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมว่าออสตินถึงได้ชอบเครื่องดื่มชนิดนี้นัก ไม่อร่อยเลยสักนิด

ทว่าความคิดนั้นก็เปลี่ยนไปเมื่อได้ทดลองคล้องแขนกับออสตินแล้วดื่มมันเข้าไปอีกครั้ง

ใครว่าไม่อร่อยกัน อร่อยมาก หวานล้ำสุดๆ อีกด้วย แต่...ก็ไม่แน่ใจนักว่าอะไรที่หวาน ระหว่างไวน์องุ่นแก้วนี้หรือว่าออสตินกันแน่

เสียงหัวเราะ เรื่องขำขัน อารมณ์ต่างๆ ที่ได้แบ่งปันก่อเกิดเป็นความรู้สึกดีๆ ที่ทั้งคู่มีให้กัน ทำให้โลกทั้งใบฉาบไปด้วยน้ำตาลเชื่อม กานต์รู้สึกว่าตัวเองคงจะเมาน้อยๆ เมื่อเริ่มเล่นซุกซน จับนั่นจับนี่ กระโดดกอดออสตินบ้างตอนที่คนอื่นเผลอ ยิ่งขากลับที่ต้องลงลิฟต์ไปยังลานจอดรถ เด็กหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะเป็นฝ่ายรุกรานจุมพิต ออสตินไม่ห้ามปราม มีแต่ตามใจ ยอมรับการเรียกร้องจูบนั้น ก่อนที่จะรีบผละออกจากกันเมื่อมีแขกของโรงแรมคนอื่นๆ อาศัยลิฟต์จากชั้นอื่นลงมาด้วย ทั้งคู่เหลือบมองกัน ส่งสายตาที่ราวกับว่ารู้กันสองคน ก่อนจะหัวเราะขบขันเมื่ออยู่กันตามลำพังอีกครั้ง

เป็นความสนุกที่ออสตินเองก็ไม่ได้สัมผัสมานานแล้วเหมือนกัน เขาเพิ่งจะรับรู้ได้ว่าการมีคนรักที่อายุน้อยกว่าอย่างนี้ ทำให้เขารู้สึกเหมือนกลับไปช่วงวัยรุ่นอีกครั้ง

ทั้งสองเดินกลับไปยังรถที่จอดอยู่ยังลานจอดรถกลางแจ้ง ออสตินเปิดประตูให้กานต์ได้ขึ้นไปนั่ง กานต์แหงนหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ว่าหยอกเย้า

“ต้องเรียกผมว่าสุภาพสตรีด้วยไหมครับ เปิดประตูรถให้ผมขึ้นแบบนี้เนี่ย”

“ทำไมล่ะ มันไม่ดีหรือไง”

“ไม่ใช่ว่าไม่ดีครับ แค่ผมเคยเห็นแต่ผู้ชายเปิดให้ผู้หญิงขึ้นรถเท่านั้น ไม่เคยเห็นผู้ชายเปิดให้ผู้ชายด้วยกัน”

“ดูจากหนังมาอีกล่ะสิ”

กานต์พยักหน้า ก่อนหน้านี้เขาก็เพิ่งจะบอกออสตินไปว่าการมาดินเนอร์ใต้แสงเทียนหรือออกเดตหรูหราแบบนี้ เขาเคยเห็นแต่ในภาพยนตร์ที่เคยดูเท่านั้น และนั่นทำให้ออสตินเอ็นดูในความไม่ประสาของเด็กหนุ่มอยู่ไม่น้อย

“ฉันไม่สนหรอกว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ถ้าคนคนนั้นเป็นคนที่ฉันรัก ฉันก็อยากจะดูแลเป็นอย่างดี”

กานต์ยิ้มกว้างออกมา เรื่องนั้นเขารู้แล้ว ไม่อย่างนั้นเขาจะได้รับการปฏิบัติประหนึ่งดั่งเจ้าหญิงอย่างนี้เหรอ

เจ้าหญิง...บางทีอาจจะเหมาะมากกว่าถ้าเขาเป็นผู้หญิงจริงๆ แต่ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย เขาก็ไม่สนใจแล้ว เพราะในเวลานี้ สิ่งที่ทำให้เขามีความสุขที่สุดก็คือการกระทำของออสตินที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่ารักเขามากเพียงใด

“ขอบคุณครับ”

กานต์ยิ้มรับกว้าง สบตากับคนตรงหน้า ดวงตาของออสติน ไม่ว่าจะมองครั้งไหนก็เต็มไปด้วยมนตร์เสน่ห์ทุกครั้ง ยิ่งในเวลาอย่างนี้...ที่ความรู้สึกของพวกเขาตรงกัน มันทำให้เด็กหนุ่มอดใจไม่ไหวที่จะดึงเสื้อสูทของอีกฝ่ายเข้าหา ขยับกายมาประชิดแล้วเขย่งปลายเท้าเล็กน้อยเพื่อลิ้มรสริมฝีปากหยักนั้น

ผละออกไปได้ คนถูกขโมยจูบก็หัวเราะเบาๆ “เด็กขี้ขโมย” บริภาษมาอย่างไม่จริงจังนักตบท้าย

กานต์หยักยิ้มเจ้าเล่ห์ “ถ้าอย่างนั้น แด๊ดดี้ก็เอาคืนสิครับ”

“ฉันเอาคืนแน่นอน” จากนั้นก็เป็นฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ ทำให้กานต์ต้องถอยหลังไปจนชิดกับขอบประตูรถ ก่อนคนไล่ต้อนจะว่าเสียงแผ่ว “แต่ไม่ใช่ที่นี่ ตอนนี้ฉันขอแค่มัดจำไว้ก่อน กลับถึงบ้านเมื่อไร เอาคืนเธอทบต้นทบดอกแน่”

สิ้นเสียงก็บดริมฝีปากจูบลงไป กลืนกินราวกับจะฉุดกระชากให้วิญญาณอีกฝ่ายออกจากร่าง กานต์เผยอรับจูบนั้นด้วยความยินดี ปล่อยให้เวลาผ่านไปเนิ่นนานกระทั่งออสตินพอใจถึงได้ผละออกห่าง

“กลับบ้านกันเถอะ ฉันคิดว่าฉันไม่น่าจะทนไหวแล้ว”

แค่นี้ก็เป็นสัญญาณให้รู้ว่าเชื้อเพลิงของออสตินโชติช่วงเตรียมตัวจะเผาไหม้ให้เด็กหนุ่มวอดวายในเพลิงแห่งรักมากแค่ไหน

“งั้นกลับกันเถอะครับ เหยียบให้มิดเลย”

เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังขึ้นก่อนพากันหายเข้าไปในรถ ไม่นานนัก รถคันเก่งของพ่อมดแห่งตลาดหลักทรัพย์และลูกเลี้ยงก็เคลื่อนที่ออกจากลานจอดรถของโรงแรม เปลี่ยนสถานที่ดินเนอร์ใหม่อีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าอาหารสำหรับการดินเนอร์ในมื้อนี้...คงจะเป็นกันและกันแล้วล่ะ

 


ออฟไลน์ NooDangzz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +212/-8
Chapter 24: The top secret[2]

เพราะตัดสินใจว่าจะแต่งงานกับออสตินอย่างแน่นอน กานต์จึงต้องปรับตัวครั้งยิ่งใหญ่ แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องของสังคมที่ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว แวดวงสังคมของออสตินนั้นเป็นสังคมของพวกคนรวย อันที่จริงออสตินก็ไม่อยากจะให้กานต์เข้าใจอย่างนั้น แต่เขาก็รู้ดีว่าคงจะแสร้งทำเป็นบุคคลธรรมดาที่โลกไม่สนใจได้อีกไม่นาน เพราะถ้าหากเขาประกาศแต่งงานกับกานต์ขึ้นมาเมื่อไร รับรองเลยว่าบรรดานักข่าวที่สนใจเรื่องราวซุบซิบในวงไฮโซได้เอาไปเขียนข่าวกันสนุกสนานแน่ ดังนั้นเขาเตรียมพร้อมให้กานต์รับมือและสร้างความคุ้นชินกับนักข่าวพวกนี้ก่อนจะดีกว่า

เริ่มจาก...การพาเด็กหนุ่มไปงานกลาล่าการกุศลเป็นครั้งแรก

พวกคนรวยในแวดวงนี้มักจะจัดงานเลี้ยงสังสรรค์แบบนี้บ่อยๆ ออสตินไม่ได้ชอบนักหรอกที่จะต้องไปร่วมงาน อย่างมากพอรู้ว่ามีงานพวกนี้ เขาก็ให้เลขาฯ ทำหน้าที่แทนหรือไม่ก็ให้บริจาคเงินไปให้จบๆ ก็เท่านั้น น้อยครั้งนักที่เขาจะมาออกงานด้วยตัวเอง

แต่...ครั้งนี้กลับแปลกไป

การมาร่วมงานของออสตินนั้น ใครต่อใครก็คิดว่ามันเป็นเรื่องแปลกประหลาดแล้ว แต่มันประหลาดหนักเมื่อเห็นว่าข้างกายเขามีเด็กหนุ่มชาวเอเชียคนหนึ่งมาด้วยแทนที่จะเป็นสาวสวยๆ อย่างที่เหล่ามหาเศรษฐีนิยมควงออกงานกัน

ที่สำคัญ...เด็กหนุ่มคนนั้นคือลูกเลี้ยงของเขา

การมีตัวตนของกานต์นั้นเป็นความลับ ต่อให้นักข่าวอยากรู้กันมากแค่ไหนว่าหน้าตาลูกเลี้ยงของออสตินเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะไปคอยติดตามหรือลอบถ่ายรูป เพราะถ้าหากมีรูปหลุดออกไปล่ะก็ ออสตินไม่ปล่อยไว้ตามที่ได้เคยขู่ว่าเขาจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องสิทธิ์ลูกเลี้ยงของเขา และย่อมแน่ว่าการละเมิดสิทธิ์ของเด็กที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดแน่ นอกจากนักข่าวพวกนั้นจะตกงานแล้ว ดีไม่ดีสำนักข่าวจะโดนหางเลขไปด้วย

ทว่าครั้งนี้กลับได้รับอนุญาตให้ถ่ายรูปได้ เท่านั้นแสงแฟลชจากกล้องมากมายก็ถูกสาดมายังเด็กหนุ่มทันที กานต์แสดงท่าทางประหม่าออกมาชนิดไม่ปกปิด ถึงเขาจะรู้มาก่อนหน้านั้นจากปากของออสตินแล้วว่าคืนนี้ทุกคนจะให้ความสนใจมาที่เขา แต่ก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะเยอะขนาดนี้

“ดะ...แด๊ด...”

พอประหม่ามากก็ทำอะไรไม่ถูก หันไปมองคนข้างกายที่ยืนนิ่งให้นักข่าวถ่ายรูป ก่อนที่ฝ่ามือใหญ่จะแตะลงมาบนแผ่นหลังของเขาเบาๆ เป็นการปลอบใจ

“ไม่เป็นไร ทำอย่างที่เตรียมตัวมา เชิดหน้าขึ้นแล้วเดินเข้าไปข้างใน เดินช้าๆ...แต่มั่นคง อย่าวอกแวก”

กานต์พยักหน้า สูดลมหายใจเข้าปอดแล้วก้าวเข้าไปด้านในงาน แล้วก็หายใจโล่งได้อีกครั้งเมื่อย้ายเข้ามาสู่ห้องบอลรูมซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน เพราะนักข่าวไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในนี้ได้

“นี่มันเกินความคาดหมายไปหน่อย ไม่อยากจะเชื่อเลย อย่างกับเดินพรมแดงแน่ะ”

ออสตินหัวเราะให้กับคำเปรียบเทียบนั้น พลางว่าด้วยน้ำเสียงสบายๆ

“อย่าว่าแต่เธอไม่ชินเลย ฉันก็ไม่ชิน”

กานต์ทำหน้าสงสัย “เอ๋? แต่แด๊ดดี้เคยมางานเลี้ยงแบบนี้ไม่ใช่เหรอครับ”

ออสตินพยักหน้า “ใช่ แต่ก็ไม่ได้บ่อย”

“แต่แด๊ดดี้ไม่ได้ดูประหม่าเลยนะครับ”

“กระดูกฉันกับเธอมันคนละเบอร์” ออสตินว่าเพียงเท่านั้น พลันก็หันไปทักทายกับชายวัยกลางคนที่เข้ามาทักทายอย่างกะทันหัน “สวัสดีครับคุณโอโคเนล”

โอโคเนล... นามสกุลนั้นคุ้นหูเหลือเกิน กานต์ได้ยินแล้วก็ย่นคิ้วน้อยๆ เพื่อคิดว่าเคยได้ยินมาจากที่ไหน แต่ไม่ทันที่จะค้นหาคำตอบได้โดยตัวเอง เจ้าของนามสกุลนั้นอีกคนก็ดังขึ้นข้างๆ หูเขาแล้ว

“เฮ้”

เสียงกระซิบที่ลอยมาเรียกให้กานต์หันขวับไปมอง พลันก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงนั้นคือ...

“เจฟ?”

“ฉันเอง” เจฟฟรี่ย์ยิ้มกว้าง ปรายตามองกานต์ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “ไม่คิดเลยว่าจะเจอนายที่นี่ แล้ว...ดูนายสิ ใส่สูท แปลกตาดีนะ”

กานต์ก็อยากจะบอกว่าการที่เจฟฟรี่ย์ใส่สูทผูกไทมันก็ดูแปลกตาเหมือนกัน ปกติแล้วเคยเห็นแต่ใส่ชุดลำลองหรือไม่ก็ชุดวอร์มของชมรมฟุตบอลเท่านั้น แต่คุณโอโคเนล บิดาของเจฟฟรี่ย์ที่เข้ามาทักทายกับออสตินก็เอ่ยปากเสียก่อน

“นี่คงจะเป็นคาร์ล เพื่อนลูกชายที่น่ารักของผมล่ะมั้ง”

คนถูกทักยิ้มรับ รอจังหวะให้ออสตินพยักหน้าให้เป็นเชิงอนุญาตให้ทักทายกลับได้ พอออสตินพยักหน้า กานต์ก็เดินเข้าไปจับมือกับคนอาวุโสกว่าตามมารยาท

“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณโอโคเนล”

“สวัสดี ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าเราจะได้เจอกันเร็วกว่าที่ฉันคาดการณ์ไว้ ใช่ไหมคุณสเวน”

เป็นประโยคที่ไม่ได้ตั้งใจจะถามกานต์ตั้งแต่แรกหรอก แค่เป็นการเกริ่นเพื่อย้อนกลับไปพูดคุยกับออสตินอีกครั้งก็เท่านั้น

“ครับ ผมอยากให้เขาได้ทำความคุ้นชิน เพราะอีกไม่นานคงจะได้เข้าสังคมบ่อยขึ้น” ออสตินตอบด้วยท่าทางสบายๆ ให้คนฟังได้หัวเราะ

“แสดงว่าคุณจะออกงานบ่อยกว่าเดิมอย่างนั้นเหรอ”

“อะไรประมาณนั้น”

คำตอบของออสตินดูจะเข้าหูคุณโอโคเนลเป็นอย่างมาก ก็ออสตินน่ะ ถ้าไม่นัดอย่างเป็นทางการเพื่อพูดคุยเรื่องงาน อย่าหวังเลยว่าจะได้เจอตัว ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก ทั้งที่เขาเป็นหุ้นส่วนรายใหญ่ของบริษัทแท้ๆ แต่ก็ไม่ได้รับสิทธิพิเศษอะไรจากผู้ชายคนนี้เลยสักนิด

“ถ้าอย่างนั้นก่อนที่เราจะได้เจอกันในครั้งหน้า ผมคงต้องรีบเล่าเรื่องที่อยากให้คุณรู้ให้หมดก่อน ไม่งั้นเจอกันครั้งถัดไป คุณคงได้ฟังผมพูดจนเบื่อแน่ๆ”

เป็นสัญญาณว่าหลังจากนี้ ผู้ใหญ่จะเริ่มต้นคุยกันตามประสานักธุรกิจแล้ว แต่ออสตินไม่พูดอะไร เขาไม่สนใจถ้าหากว่ากานต์จะอยู่ตรงนี้เพื่อฟังด้วย แต่ทว่าคุณโอโคเนลดูท่าทางจะไม่อยากสักเท่าไรนัก พลันก็ออกปาก

“พาคาร์ลไปเที่ยวดูให้รอบๆ สิเจฟ เพิ่งออกงานสังคมครั้งแรกคงจะต้องพึ่งลูกคอยแนะนำอะไรต่อมิอะไรอยู่เยอะ”

เจฟฟรี่ย์พยักหน้า ก่อนหันไปเรียกกานต์

“ไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันจะบอกนายเองว่าเหล้าแบบไหนอร่อย เหล้าแบบไหนไม่อร่อย”

“ห้ามดื่มเหล้า” ออสตินสวนขึ้นทันควันเพราะจำได้ดีว่าที่กานต์เมามายกลับมาในครั้งนั้น เขาแพ้แอลกอฮอล์แค่ไหน

“ค็อกเทลก็ได้”

เจฟฟรี่ย์ต่อรอง ออสตินเกือบจะสวนออกไปแล้วว่าค็อกเทลก็ไม่ได้ อนุญาตแค่น้ำผลไม้ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ลูกเลี้ยงของเขาถูกเจ้าหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์คาบคอลากไปอีกทางเป็นที่เรียบร้อย เขาได้แต่ถอนหายใจ ปรับสีหน้าและวางตัวให้เป็นปกติ ก่อนที่จะหันไปคุยกับคุณโอโคเนลตามสถานการณ์แทน ในใจก็ได้แต่หวังว่ากานต์คงจะไม่ถูกเจ้าหมาตัวนั้นชวนเล่นอะไรซุกซนจนเขาปวดหัว

 

เจฟฟรี่ย์ก็ไม่ได้สร้างเรื่องน่าปวดหัวหรอก เขาแค่พากานต์ที่ยังใหม่กับงานสังคมเดินดูไปทั่วงาน แนะนำคนโน้นคนนี้ให้รู้จักบ้าง ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกลูกหลานนักธุรกิจหรือไม่ก็ดารานักแสดงวัยไล่เลี่ยกันที่มาร่วมงานนี้ด้วย กานต์ดูตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยเมื่อเห็นคนดังที่ตัวเองรู้จักมายืนอยู่ตรงหน้า ถึงเขาจะไม่ใช่พวกแฟนคลับหรือติดตามข่าวบันเทิงสักเท่าไร แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้จักอย่างสิ้นเชิงเสียหน่อย

เดินกันจนเหนื่อย กานต์ก็กระซิบบอกกับเจฟฟรี่ย์ว่าอยากนั่งพัก บางครั้งการอยู่ในที่ที่มีคนเยอะนานๆ มันก็ทำให้เขามึนหัวอยู่เหมือนกัน

เจฟฟรี่ย์พากานต์ออกมานั่งเล่นรับลมที่ระเบียงชั้นสองของห้องบอลรูม ยื่นแก้วน้ำผลไม้ให้ดื่มเพราะจำได้ดีว่าถูกออสตินสั่งห้ามเอาไว้ เขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อฟังออสตินนักหรอก แต่ขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้กานต์โดนดุเลยยอมทำตามแต่โดยดี

“ขอบใจนะ วันนี้สนุกมาก”

หลังจากดื่มน้ำเป็นที่เรียบร้อย กานต์ก็เอ่ยขึ้น เจฟฟรี่ย์ที่นั่งมองอยู่ยกยิ้มน้อยๆ

“ไม่เป็นไร ฉันยินดี”

จากนั้นก็ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำเล็กน้อย จนกานต์เป็นฝ่ายต้องเปิดปาก

“แปลกดีเหมือนกันนะที่เรามาเจอกันอย่างนี้นอกจากในโรงเรียน”

“แปลกยังไง”

“ก็...เวลาอยู่ที่โรงเรียน ฉันรู้สึกเหมือนกับนายเป็นเพื่อนฉัน ฉันหมายถึงเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ แต่พอมาเจอกันที่นี่ มันรู้สึก...เหมือนนายพิเศษกว่าคนอื่น”

ได้ยินแล้ว เจฟฟรี่ย์ก็เบิกตาโต หูผึ่งทันควัน “พิเศษ?”

“ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น อย่าเข้าใจผิด” กานต์รู้ทันว่าเจฟฟรี่ย์เข้าใจว่าอะไร พลันขยายความ “ฉันหมายถึงว่านายพิเศษกว่าคนอื่นเพราะเป็นลูกหลานมหาเศรษฐีไง ไม่น่าเชื่อนะว่าคนรวยอย่างนายจะมาเรียนโรงเรียนเอกชนเล็กๆ แบบนั้น”

เจฟฟรี่ย์ถอนหายใจ เขารู้อยู่แล้วล่ะว่ากานต์หมายถึงอย่างนี้ เขาไม่ได้เข้าใจผิดหรอก แค่วูบหนึ่งหลงคิดไปว่ากานต์จะมองเขาเป็น ‘คนพิเศษ’ ขึ้นมาบ้าง

“พ่อของฉันบอกว่าอยากให้ฉันเป็นคนติดดินน่ะ ก็เลยไปเรียนโรงเรียนเอกชนแบบนั้น”

“พูดจริง?”

“พูดเล่น จริงๆ แล้วมันแค่ใกล้บ้าน พ่อแม่ฉันรู้ว่าฉันขี้เกียจ ขยันก่อเรื่องด้วย โรงเรียนอยู่ใกล้ๆ บ้านน่ะดี เพราะเวลาถูกเชิญผู้ปกครอง มันไปมาสะดวก”

สุดท้ายแล้ว เจฟฟรี่ย์ก็ล้อเล่นอยู่ดี รู้ได้จากสีหน้าและน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะไม่ยี่หระกับอะไร ยิ่งพอเห็นกานต์มีสีหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับคำพูดเขา เจฟฟรี่ย์ก็หัวเราะร่วน คราวนี้เลยได้รู้ชัดเจนเลยว่าเขาล้อเล่นจริงๆ

“นายนี่ก็ขยันแกล้งฉันจัง” กานต์ตัดพ้อให้เจฟฟรี่ย์ได้กลั้วหัวเราะ

“ใครจะไปรู้ล่ะว่านายจะเชื่อคนง่าย”

“ฉันไม่ได้เชื่อคนง่าย นายมันร้ายมากเกินไปต่างหาก”

พอถูกเถียงพร้อมกับใบหน้ามุ่ยๆ เจฟฟรี่ย์ก็นึกอยากจะแกล้งขึ้นมา พลันโน้มหน้าเข้าไปใกล้ ว่าด้วยน้ำเสียงเชิงหยอกเย้า

“ถ้าอย่างนั้น...ลองแกล้งฉันดูบ้างไหมล่ะ”

“แกล้งยังไง”

“ลองโกหกอะไรออกมาสักเรื่อง แล้วทำให้ฉันเชื่อ ถ้านายทำให้ฉันเชื่อได้ นายก็ได้เอาคืนไง”

มันก็น่าสนใจดีอยู่หรอก ยิ่งเห็นเจฟฟรี่ย์ยักคิ้วหลิ่วตา กานต์ก็ยิ่งอยากเอาคืน แต่เขาเก่งเรื่องนี้เสียที่ไหนกันล่ะ

“ฉันโกหกไม่เก่งหรอกนะ”

เรื่องนี้แหละที่ไม่เก่ง ไม่อย่างนั้นออสตินจะจับได้ทุกครั้งที่เขาโกหกอย่างนั้นเหรอ

“นายจะบอกว่าฉันโกหกเก่งอย่างนั้นสิ?”

กานต์หัวเราะ “ไม่ใช่อย่างนั้น”

เจฟฟรี่ย์แสร้งทำปากยู่ “ถ้าไม่ใช่ก็โกหกมาสิ ทำให้ฉันเชื่อ จะได้เอาคืน”

“ถ้ามันทำได้ง่ายขนาดนั้น ฉันคงทำไปแล้ว” กานต์ยิ้มออกมาอย่างยอมแพ้

เจฟฟรี่ย์คิดอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง

“ให้ฉันช่วยคิดไหมล่ะ”

“หืม?””

“คิดเรื่องโกหกไง ให้ฉันช่วยไหม”

“แล้วนายจะเชื่อเรื่องโกหกที่นายคิดขึ้นมาเองหรือไง”

“ไม่ลองก็ไม่รู้” เจฟฟรี่ย์ยักไหล่ ก่อนจะจ้องหน้าให้กานต์ได้ถามออกมา

“แล้วนายจะโกหกเรื่องอะไร”

“เอาเป็น” คนถูกถามทำท่าคิดไปนิด “ลองโกหกว่านายกับพ่อเลี้ยงนายมีอะไรกันดีไหมล่ะ”

ได้ยินแล้ว กานต์ก็เสียวสันหลังวาบ รอยยิ้มและความสนุกก่อนหน้านั้นมลายหายไปทันที พลันมองหน้าเจฟฟรี่ย์ที่ยังคงดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนอย่างอึ้งงัน

“นาย...ให้ตายเถอะเจฟ ไม่ตลกเลย”

ใช่ ไม่ตลกเลย เจฟฟรี่ย์เองก็ไม่ตลก แต่ก็ยังเสแสร้งทำเป็นว่าราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไร

“ไม่เอาน่า จะจริงจังไปทำไม ฉันก็แค่ไม่อยากแพ้”

จริงๆ แล้วไม่ใช่ เจฟฟรี่ย์อยากจะรู้ว่ากานต์มีอะไรกับออสตินจริงหรือเปล่า เพราะสิ่งที่เขาได้รับรู้มาเมื่อไม่นานมานี้...มันทำให้เขาอดคิดอย่างนั้นไม่ได้ ตั้งแต่วันที่เห็นร่องรอยคิสมาร์กบนแนวไหปลาร้าของกานต์ เขาก็ตะขิดตะขวงใจอยู่ตลอด จนกระทั่งตัดสินใจไปจ้างนักสืบเอกชนให้ไปสืบให้ ก่อนที่...จะได้อะไรบางอย่างเด็ดๆ มาเป็นหลักฐานว่าความสัมพันธ์ระหว่างกานต์และออสตินไม่ใช่แค่พ่อเลี้ยงและลูกเลี้ยงอย่างที่คนอื่นๆ คิด

แต่จะเป็นอะไร กานต์ก็ไม่สนใจแล้ว เขารู้แค่ว่าไม่พอใจมากๆ ที่เจฟฟรี่ย์พูดอย่างนี้ออกมา อารมณ์ไม่ดีขึ้นมาฉับพลัน หุนหันลุกขึ้นหมายจะเดินออกไปจากตรงนี้

“เฮ้คาร์ล ฉันก็แค่ล้อเล่น”

เจฟฟรี่ย์รีบผุดลุก คว้าข้อมือของกานต์เอาไว้ พออีกฝ่ายหันไปมองด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง เจฟฟรี่ย์ก็ว่าเสียงแผ่ว

“ฉันขอโทษ ปากพล่อยไปหน่อย พูดไปไม่ทันคิด อย่าโกรธเลย”

ไม่ทันแล้ว กานต์หัวเสียเป็นอย่างมาก ถึงมันจะเป็นเรื่องจริง แต่เขาก็ไม่ได้อยากให้ใครมาพูดถึงออสตินไม่ดี และต่อให้เขาไม่ได้โกรธเจฟฟรี่ย์ ทว่าก็ไม่ได้อยากจะเห็นหน้าเด็กหนุ่มผมบลอนด์ในเวลานี้เช่นกัน

“ไว้ค่อยคุยกันเจฟ ฉันยังไม่พร้อมจะคุยกับนาย”

ว่าพลางบิดข้อมือให้พ้นจากการเกาะกุม เจฟฟรี่ย์เผลอปล่อยมือหลุด แต่แล้วก็ถลาเข้ามาคว้าต้นแขนไว้อีกเมื่อเห็นว่ากานต์เดินหนีไปอีกครั้ง

“ก็บอกแล้วไงว่าล้อเล่น ฉันขอโทษ อย่าโกรธจริงจังนักเลย”

ไม่ให้เขาโกรธจริงจังอย่างนั้นเหรอ! พูดถึงคนที่เขารักในทางไม่ดีอย่างนี้ มันจะไม่ให้โกรธได้อย่างไรกันล่ะ!

มีคำพูดมากมายที่กานต์อยากจะสวน แต่ก็ทำได้เพียงปิดปากสนิทด้วยมีเสียงของใครบางคนดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“ปล่อยเขาถ้าเธอไม่อยากทำให้พ่อเธอต้องเสียหน้า”

เสียงของออสติน...

เด็กหนุ่มทั้งคู่หันไปมองก็เห็นว่าออสตินเดินออกมาจากห้องบอลรูม แขนทั้งสองข้างยกขึ้นกอดอก สีหน้านิ่งเรียบแต่ทว่าดวงตากลับแฝงไปด้วยความไม่พอใจและบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าถ้าหากเจฟฟรี่ย์ยังไม่ยอมปล่อยลูกเลี้ยงของเขาล่ะก็ เขาเอาจริงแน่

เจฟฟรี่ย์ไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่จึงยอมปล่อยมือออก กานต์รีบก้าวเร็วๆ ไปหาออสติน ขณะที่ชายหนุ่มกระซิบบอก

“ออกไปรอข้างนอกก่อน ฉันขอคุยกับเจฟฟรี่ย์แป๊บเดียว เดี๋ยวตามไป”

กานต์พยักหน้า เดินหายออกไปจากบริเวณนั้นอย่างเชื่อฟัง ปล่อยให้เจฟฟรี่ย์มองตามพร้อมกับความไม่พอใจที่ฉาบพรายไปทั่วหัวใจ แต่ออสตินไม่สนอะไรทั้งสิ้น เขามองเด็กหนุ่มผมบลอนด์ที่มีท่าทางฮึดฮัดอยู่ครู่ ก่อนจะว่าเสียงเรียบ

“อย่ายุ่งกับกานต์”

ไม่เคยได้ยินใครเรียกชื่อของคนที่เขาชอบด้วยภาษาบ้านเกิดมาก่อน เจฟฟรี่ย์รู้สึกแปลกหูอยู่ไม่น้อย ทว่านั่นก็ไม่ใช่สาระสำคัญเท่ากับการถูกสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งกับคนที่เป็นเจ้าของหัวใจ

“คุณคิดว่าห้ามผมได้เหรอ”

เจฟฟรี่ย์ว่าท้าทาย นั่นเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับออสตินเลยทีเดียว เขาไม่ชอบคนท้าทาย แต่ตอนนี้กลับถูกเจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมลูบคม

เขาสูดหายใจเข้าปอด ก้าวเข้ามาหาช้าๆ ก่อนหยุดยืนนิ่งๆ ไปอีกครู่ แล้วว่าออกมาอีกครั้ง

“ฉันขอเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้าย”

“...”

“อยู่ให้ห่างกานต์เอาไว้ เจฟฟรี่ย์”

น้ำเสียงของออสตินไม่ได้กรรโชก ไม่ได้ดุ แต่ก็ไม่ได้ล้อเล่น น้ำเสียงนิ่งเรียบนี่ล่ะฟังดูจริงจังเป็นที่สุด อีกทั้งสายตาที่จับจ้องไปยังใบหน้าของเจฟฟรี่ย์นิ่งๆ นั้นก็เป็นเครื่องยืนยันชั้นดีว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น หากยังดื้อดึงไม่เชื่อฟังเขา รับรองว่าเขาไม่อยู่เฉยแน่ ยิ่งมาแตะเนื้อต้องตัวของกานต์ด้วยแล้ว คงไม่ต้องถามเลยว่าจุดจบของเจ้าคนปีนเกลียวจะเป็นอย่างไร

แต่แทนที่จะเชื่อฟัง สิ้นเสียง เจฟฟรี่ย์ก็เชิดหน้าขึ้น ยกยิ้มมุมปาก

“คำพูดนี้ควรจะเป็นผมมากกว่าที่ต้องพูดน่ะ”

“เธออยากจะพูดอะไร”

“ถ้าคุณอนุญาตให้ผมพูด ผมก็อยากจะถามคุณเรื่องนึง”

ออสตินนิ่ง เขาเดาไม่ออกหรอกว่าคนตรงหน้าจะมาไม้ไหน แต่สัมผัสได้โดยสัญชาตญาณว่าต้องไม่ใช่เรื่องที่ดี ทว่าก็ไม่พูดอะไร ได้แต่ยืนรอฟังคำถามจากปากของอีกฝ่าย

“คุณไปทำอะไรที่โรงแรมนั่นเหรอ คุณสเวน”

ออสตินก็ขมวดคิ้วมุ่น ถึงแม้ว่าเจฟฟรี่ย์จะไม่เอ่ยชื่อโรงแรม แต่เขาก็เดาได้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงที่ไหน

โรงแรมที่เขาเพิ่งไปมาเร็วๆ นี้...กับกานต์ ตอนไปดินเนอร์...

“ว่ายังไงครับ ไปทำอะไรที่โรงแรมเหรอ” เจฟฟรี่ย์ถามอีกเมื่อไม่เห็นอีกฝ่ายตอบ

“ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องรู้”

ออสตินสวน นั่นทำให้เด็กหนุ่มตรงหน้าได้ใจเป็นการใหญ่ ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ ส่งเสียงต่ำราวกระซิบ

“ถึงคุณจะไม่บอก แต่ผมคิดว่าผมรู้”

พูดจบก็คว้าโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะโชว์รูปภาพหนึ่งให้ออสตินดู ออสตินมองแล้วก็เกิดอาการตึงเครียดขึ้นมาฉับพลัน เพราะรูปที่อยู่บนหน้าจอนั้น...คือรูปของเขากับกานต์

ถ้าเป็นรูปธรรมดา เขาก็คงจะไม่เดือดร้อนอะไรหรอก แต่ดันเป็นรูปในขณะที่เขากำลังจูบกับกานต์ในลานจอดรถ

“เธอ...”

ออสตินกดเสียงต่ำ ทั้งตกใจ ทั้งเป็นกังวล หากรูปนี้หลุดออกไปล่ะก็ มีหวังเป็นเรื่องใหญ่แน่ ไอ้เรื่องเขาจะถูกสังคมประณามอย่างไรนั้น เขาไม่สนหรอก ที่กังวลเป็นเพราะกลัวว่ากานต์จะเดือดร้อนต่างหาก และจังหวะนั้นเองที่เจฟฟรี่ย์ดึงโทรศัพท์กลับไปเก็บในกระเป๋าเสื้อสูท ว่าออกมาด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ

“เป็นลูกคนรวยมันก็ดีแบบนี้นี่เอง สู้ราคานักสืบเอกชนได้ รูปดีๆ เลยได้มาตามต้องการ”

ออสตินขบกรามแน่น รู้แล้วว่าเจฟฟรี่ย์ได้รูปนี้มาได้อย่างไร แต่เหตุผลจูงใจที่ทำให้เจฟฟรี่ย์ไปจ้างนักสืบนั้น เขายังไม่รู้หรอกและไม่คิดที่จะไปขุดคุ้ยด้วย มันต้องมีอะไรที่ทำให้เจฟฟรี่ย์รู้สึกถึงความไม่ปกตินั่นแหละ ถึงได้ไปจ้างนักสืบเอกชนอย่างนั้น แต่ให้ตายเถอะ! เขาประเมินเด็กหนุ่มตรงหน้าต่ำไปจริงๆ ตอนแรกที่คิดว่าเป็นแค่เจ้าหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ธรรมดา ตอนนี้เปลี่ยนความคิดแล้ว

เจ้านี่มันหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ชัดๆ!

“เธอต้องการอะไร”

ออสตินไม่เสียเวลาให้อีกฝ่ายได้เล่นลิ้นอีกต่อไปแล้ว ถามไปตามตรงขณะที่เจฟฟรี่ย์เลิกคิ้วขึ้นสูง

“ไม่ลองเสนอข้อแลกเปลี่ยนอะไรผมก่อนเหรอครับ ไม่สมกับที่เป็นพ่อมดแห่งโลกตลาดหลักทรัพย์เลยนะ ไหนใครๆ ก็ว่าคุณลูกล่อลูกชนทางธุรกิจเยอะ”

“ฉันถามว่าเธอต้องการอะไร” ออสตินถามเสียงดังขึ้นเล็กน้อย เขาไม่มีอารมณ์จะมาเล่นกับเด็กหนุ่มคนนี้หรอก

เจฟฟรี่ย์ยกมือขึ้นเป็นเชิงปราม ก่อนจะว่าเร็วๆ “ก็ได้ๆ ในเมื่อถามตรงๆ ผมก็จะบอกตรงๆ ก็ได้”

ออสตินมองคนตรงหน้า ยืนนิ่งราวกับปูนปั้นขณะที่เจฟฟรี่ย์เอ่ยออกมา

“ผมต้องการคาร์ล”

“...”

“แล้วก็ขอให้คุณเลิกยุ่งกับเขาด้วย ผมหมายถึง...อะไรก็แล้วแต่ที่ไม่ใช่ในฐานะพ่อเลี้ยง ไม่อย่างนั้นล่ะก็ รูปที่ผมได้มาคงร่อนไปทั่วแน่”

แต่...ออสตินก็ยังมีทีท่านิ่งเฉย มิหนำซ้ำยังดูไม่เกรงกลัว

“เธอไม่กล้าทำหรอก”

“ทำไมคุณถึงคิดว่าผมไม่กล้า”

“ถ้าเธอชอบกานต์จริง เธอคงไม่ทำร้ายคนที่เธอรักหรอกจริงไหม”

ที่ออสตินพูดมาก็ถูก เจฟฟรี่ย์ไม่กล้าทำหรอก เขาก็ใช่ว่าอยากจะเห็นกานต์มีชีวิตที่เต็มไปด้วยตราบาปซึ่งมาจากน้ำมือของเขา รูปนี่เขาก็แค่ใช้เพื่อเป็นเครื่องมือต่อรองให้กานต์มาเป็นของเขาแค่นั้นเอง

“ผมทำแน่ถ้ามันจำเป็น”

จำเป็นในที่นี้ ออสตินเข้าใจแล้วว่าหมายถึงกรณีที่เขาไม่ยอมทำตามคำสั่ง แต่คิดเหรอว่าจะมาสั่งเขาได้ง่ายๆ ทำอย่างกับเขาจะกลัวเจ้าเด็กอายุสิบเจ็ดที่พยายามจะแบล็กเมล์เขากับกานต์มากมายอย่างนั้นแหละ

เจฟฟรี่ย์เองก็คิดอย่างนั้น ถึงได้พูดย้ำ

“ผมไม่ได้พูดเล่นแน่คุณสเวน ผมจะทำถ้าคุณไม่ยอมหยุด”

แต่ออสตินก็ยังแข็งข้อ

“แล้วเธอคิดว่าเงินของฉันมันไม่มีอำนาจในการซื้อข่าวงั้นเหรอ”

หมายถึงว่าถ้าเจฟฟรี่ย์คิดจะปล่อยรูปพวกนี้ให้กับนักข่าวล่ะก็ ออสตินก็พร้อมที่จะทุ่มเงินจำนวนไม่อั้นเพื่อระงับข่าวนั้น แต่ทว่า...

“เงินของคุณคงจะซื้อเรื่องซุบซิบในโรงเรียนไม่ได้”

...แผนของเจฟฟรี่ย์เหนือชั้นกว่า

ออสตินก็ลืมคิดเรื่องนี้ไป ต่อให้เขาระงับข่าวบ้าๆ พวกนี้ได้ แต่ในสังคมโรงเรียนคงต้องมีการลือกันอยู่ และไอ้พวกข่าวลือนี้นั่นแหละที่จะทำให้กานต์ใช้ชีวิตอยู่ยาก ถึงจะย้ายโรงเรียนไปเจอสังคมใหม่ แล้วสภาพจิตใจของกานต์ที่ถูกเพื่อนๆ ในโรงเรียนกลั่นแกล้งหรือรังเกียจ มองเขาแปลกแยกอะไรอย่างนี้ล่ะ

ไม่...มันไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยง

“เล่นกับเด็กก็คิดให้มันเล็กๆ หน่อยครับคุณสเวน”

เห็นออสตินเงียบไป เจฟฟรี่ย์ก็เข้าใจได้แล้วว่าตัวเองเป็นฝ่ายชนะในยกนี้ ออสตินถูกลูบคมเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ พานให้เกลียดขี้หน้าเจ้าเด็กที่เห็นมาตั้งแต่ยังเดินเตาะแตะอยู่ขึ้นมาไม่ได้ แต่ในเมื่อมันลงเอยอย่างนี้ เขาก็ต้องยอมไปก่อน การแข็งข้อหรือขัดขืนอะไรไม่ใช่วิธีการที่ฉลาดสำหรับเดินหมากบนกระดานที่ตัวเองเป็นรอง

“ถ้าเธอรักกานต์...ก็เก็บทุกอย่างให้เป็นความลับ”

คำพูดประโยคเดียวก็ทำให้เจฟฟรี่ย์ยิ้มร่าออกมาอย่างผู้มีชัย

“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะเก็บทุกอย่างให้เป็นความลับ...สุดยอด”

สิ้นเสียง เจฟฟรี่ย์ก็มองออสตินที่หันหลังเดินกลับเข้าไปในงานพร้อมกับยิ้มเยาะไล่หลัง

พ่อมดแห่งตลาดหลักทรัพย์ที่ใครต่อใครพูดว่าลูกเล่นแพรวพราวอย่างนั้นเหรอ...

ก็ไม่เห็นจะแน่สักเท่าไรเลยนี่!

--------------------------------

มาแล้วจ้า แต่งจบเมื่อกี้เลย ง่วงและเบลอมาก ถ้าอ่านเจอประโยคไหนเพี้ยนๆ ก็มองข้ามๆ ไปก่อนนะคะ ไว้หนูแดงตามเช็กทีหลัง

ฝากฟีดแบ็กให้ด้วยน้า XD


ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
เจฟฟรี่ ไอ้เด็กน้อยเอ๋ย

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
โหย.....เด็กนรก ระวังจะโดนตลบหลังเหอะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
เจฟฟรี่ ตัวหายนะ  :z6:

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ฮืออออ อุปสรรคความรักเยอะจังงง ผ่านเรื่องจัสตินมาแล้ว นึกว่าหมดแล้ววว เค้าจะได้รักกันแล้ว แงงง ออสตินขา อย่ายอมแพ้นะ  :m31:

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ไม่ชอบเจฟฟี่ตั้งแต่ตอนแรกๆแล้วก็เพิ่มเลเวลขึ้นเรื่อยๆอยากให้โดนตลบหลังแรงๆให้สำนึก

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
เจฟฟรี่ย์นี่เด็กน้อยจริงๆ  :katai1:
ชอบตอนออสตินกะกานต์นัวเนียกันมากค่ะ พนมมือรับซินและพอร์น 55555
อ่านตอนแรกๆแล้วแบบ อะโห น้องกานต์ แซ่บสะเด่ามาก  :hao6:
รอตอนหน้านะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
จะรออ่านจนจบนะจ้ะ..น่ารัก  :mew1:

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ยังรออยุ่นะคะ ^^

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
รอลุ้นกันไปอีก แด๊ดจะทำไง เจฟนี่ก็ร้ายนะเนี่ยะ

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ oiruop

  • เ รื่ อ ง โ ง่ โ ง่ นี่ ฉ ล า ด นั ก ⊙﹏⊙∥
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
    • https://www.facebook.com/book.yaoi?fref=ts

ออฟไลน์ lovejinjunno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
แบบนี้เขาไม่เรียกว่าแพ้หรอกนะเจฟเอ้ย
เขาเรียกว่า คนฉลาดรู้ว่าเวลาไหนควรเดินต่อและเวลาไหนควรถอย

แด๊ดดี้สู้ๆ ฮู้เร่ๆๆ

ออฟไลน์ Chakaimook

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เป็นกำลังใจให้คนทั้งคู่  o13

ออฟไลน์ พลอย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ยังรออยู่น้า แวะเข้ามาดูทุกวันเลย

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
 :sad4:  แงรออยู่นะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด